[ศูนย์กลางราชวัง] ตำหนักเว่ยหยาง

[คัดลอกลิงก์]







ตำหนักเว่ยหยาง

{ ที่พำนักโอรสสวรรค์ }










【 พระตำหนักเว่ยหยาง 】

แสงยานุภาพแห่งสุริยาที่ไร้ซึ่งวันเลือน

พระตำหนักในราชฐานชั้นในเพียงหนึ่งเดียวที่โอ่อ่าและได้รับการดูแลรักษามากที่สุดมาตลอดหลายชั่วอายุคน พระตำหนักเว่ยหยาง อันเป็นสถานที่พำนักโดยชอบธรรมของผู้มีศักดิ์เป็นจักรพรรดิที่น้อยนักจะเปิดรับให้ใครได้เข้ามาเยือน ตำหนักนี้ตั้งอยู่ใจกลางบึงน้ำใหญ่ห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นอายหยินที่ปรับสมดุลความแข็งกร้าวของหยางที่คละคลุ้ง






【 จักรพรรดิผู้ครองตำหนัก 】

ฮั่นอู่ตี้ (26)











แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7797 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-14 19:34

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
654
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-14 23:26:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ค่ำคืนปรนนิบัติ

ตลอดทุกก้าวที่มุ่งไปด้านหน้าหนักอึ้งราวกับแบกศิลาไว้บนไหล่ ผ่านสายลมราตรี ผ่านดวงดาวพร่างพราว ผ่านเรือนน้อยเรือนใหญ่ และหยุดลงตรงหน้าพื้นที่ตั้งมั่นของหมู่มังกร ใจกลางอาณาเขตกว้างใหญ่ ทุกเส้นสายการทำงานล้วนมาบรรจบอยู่เพียงที่แห่งเดียว สถานที่พำนักของผู้เป็นหนึ่งในแผ่นดิน.. ‘ ตำหนักเว่ยหยาง ’

ไป๋หรั่นเงยหน้ามองป้ายนามตำหนักที่แขวนอยู่บนประตูด้วยสายตาอธิบายยาก ยามที่ก้าวเข้ามาเป็นเหม่ยเหริน ครึ่งตัวถือเป็นของจักรพรรดิ สิ่งนี้นางรู้ดียิ่งกว่าใคร ทว่าถัดจากคืนนี้เป็นต้นไป คำว่าครึ่งตัว ต่อให้รู้อยู่แก่ใจก็ใช่ว่าจะสามารถกล่าวให้เป็นเช่นนั้นได้อีก ‘ เปิ่นกูเหนียงน่าเวทนานัก.. สุดท้ายก็ตกเป็นของชายผู้หนึ่งทั้งที่หาได้จัดงานวิวาห์ ’ กระแสความคิดปรากฏขึ้นและก็เลือนหายไป ใครใช้ให้นางเรียบง่ายเกินไป ไร้ซึ่งสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ อีกทั้งยังไม่ต้องกล่าวถึงความต้องการ สิ่งเหล่านั้น.. นางล้วนไม่เคยสัมผัส

“ ลู่เหม่ยเหริน ” ที่รออยู่ด้านหน้าคือขันทีวัยกลางคนผู้หนึ่ง เสียงของเขาเรียกสติของลู่ไป๋หรั่นให้กลับมาจดจ่อกับปัจจุบัน สายตาของอีกฝ่ายกวาดผ่านร่างที่สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่อย่างพิจารณาก่อนจะเลื่อนสายตาผ่านไหล่นางเพื่อมองไปยังผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลัง “ จากนี้ที่สามารถเข้าไปด้านในได้มีเพียงพระสนมเท่านั้น เชิญขอรับ ”

ผิดจากท่าทีวางตัวใหญ่โตที่มีต่อผู้ติดตามด้านหลัง ยามที่อีกฝ่ายหันกลับมาเชื้อเชิญนางนอกจากระดับเสียงที่ลดลงแล้วยังมีท่าทางนอบน้อมเป็นพิเศษ เนตรหงส์เจือประกายหน่ายเหนื่อยเพียงเสี้ยววิ เห็นได้ชัดว่าข่าวลือสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะการเข้าเฝ้าอย่างเป็นส่วนตัวครั้งนี้ หากปรนนิบัติไม่ดีอย่างเช่นกลับไวเกินไปก็อาจพลิกกระดานความนิยมของนางให้กลับไปต่ำได้อีกครั้ง … ทำแบบนั้นไปเลยดีไหมนะ?

“ พระสนมครุ่นคิดจริงจังเช่นนี้ ประเดี๋ยวฝ่าบาทเข้าใจเป็นว่าท่านมีใจนึกอยากปรนนิบัติมากจะเป็นปัญหาเอาได้ ” เสียงที่พึ่งจะคุ้นเคยได้ไม่นานมานี้ลอยมาตามลมอย่างแผ่วเบา ที่แท้เบื้องหน้านางคือจางกงกง หัวหน้าขันทีคนสนิทของฝ่าบาทที่กล่าวได้ว่าแทบจะอยู่ติดกายอีกฝ่ายทุกเวลา เว้นแต่บางโอกาสที่มีภาระหน้าที่ต้องไปดูแลเป็นการส่วนตัว “ วางใจเถิด จากลักษณะนิสัยของฝ่าบาท พบหน้าครั้งนี้.. ไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อท่าน ”

ชายร่างสูงในเครื่องแบบขันทียืนถือถาดเคลือบทองคำอย่างปลอดโปร่ง “ อีกสักครู่พระสนมตามข้าเข้าไปด้านใน ท่านไม่จำเป็นต้องยิ้มมาก หรือพูดจาอ่อนหวาน ให้เป็นท่านเช่นยามที่เราพบกัน ” ราวกับรู้ว่านางคิดจะทำอะไร จางกงกงไม่คิดเปิดช่องว่างให้คนฉลาดอย่างนางได้หลบหลีกหาทางเอาตัวรอดด้วยการหาชื่อเสียมากลบข่าวที่เขาอุตส่าห์ช่วยปล่อยให้เสียดิบดี เพราะการพลิกป้ายครั้งนี้กล่าวได้ว่าแม้แต่ไท่โฮ่วเองก็ยังจับตามอง “ เรียนฝ่าบาท ”

เสียงทุ้มเจือแหบของเขาดังก้องไปทั่วทางเดิน “ ลู่เหม่ยเหรินมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ” โดยปกติผู้มาเข้าเฝ้านอกเวลามักใช้คำว่า ‘ขอเข้าเฝ้า’ แต่ในฐานะที่นางถูกเรียกมาเพื่อปรนนิบัติเขา.. จึงได้รับเกียรติให้ใช้คำว่า มาถึงแล้ว หลังจากยืนรออยู่ไม่นานนัก ในที่สุดเสียงนิ่งขรึมของโอรสสวรรค์ก็ดังขึ้นเป็นคำว่า

“ เข้ามา ”

ภายในพื้นที่ที่นางได้รับเกียรติให้มาเยือนนั้นไม่ใช่พื้นที่รับรองภายนอกแต่เป็นห้องทรงอักษรที่ถือว่าเป็นส่วนในสำหรับคนสนิท ด้านในนั้นนอกจากเครื่องเรือนอันวิจิตรแล้วยังมีร่างสูงตระหง่านของผู้เป็นหนึ่งในแผ่นดินกำลังยืนพิจารณารูปวาดแผ่นหนึ่งที่ถูกแขวนไว้บนฉากกั้นขนาดใหญ่ ดูแล้วคล้ายคลึงกับคุณชายรูปงามที่เคยเห็นตามหอบันทึกศาสตร์ศิลป์ในเมืองใหญ่ ต่างเพียงแค่กลิ่นอายรอบตัวนั้นสูงส่งและเฉยชายิ่งกว่าใคร

“ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ”

‘ ลู่เหม่ยเหริน — ลู่ไป๋หรั่น ’ ยอบกายลงคารวะผู้เป็นเจ้าแผ่นดินด้วยกิริยาชดช้อยแต่ก็หาได้บอบบางจนน่าขัดใจ ราวกับมีใครย้อนเวลากลับไปยังการพบหน้ากันครั้งแรก รอบข้างหยุดนิ่ง สรรพสิ่งไร้ซึ่งเสียงตอบรับ มีเพียงความรู้สึกทิ่มแทงจากสายตาที่ทอดมองลงมาอย่าง.. ยากจะอธิบาย ในสายตาของฮั่นอู่ตี้นั้น คืนนี้ผู้ใดจะเป็นฝ่ายมาปรนนิบัติก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาไม่พึงใจในความสัมพันธ์อันฉาบฉวยของชายหญิง และก็ไม่ชมชอบมารยาร้อยเล่ห์ของสตรีที่ผัดแป้งประทินโฉมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งบุรุษจึงคิดจะพบหน้าแค่ชั่วยามแล้วไล่กลับโดยไม่ใส่ใจ แม้แต่เมื่อครู่ที่ได้ยินคำประกาศก็ยังสามารถตอบรับส่ง ๆ ไปได้ ทว่ายามที่มีสตรีย่างกายเข้ามาในพื้นที่ของเขา คิ้วเรียวดังกระบี่พาดผ่านเหนือดวงตาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

สองตาดุจรัตติกาลจ้องมองเสี้ยวหน้าที่เห็นได้ไม่ชัดเท่าใดนักอย่างเรียบเฉย “ ไม่ต้องมากพิธี ” จบคำก็หมุนกายสับฝีเท้าเดินขึ้นไปนั่งตรงแท่นนั่งหลังโต๊ะหนังสือโดยทันที “ จางกงกง ”

“ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ” จางกงกงที่เดิมทีออกไปนำหมึกมาเติมค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้กับพระที่นั่งในห้องอักษร สองมือของฝ่ายที่อยู่ฝ่ายในคอยรับใช้ดูแลฝ่าบาทขยับอย่างคล่องแคล่ว เพียงครู่เดียวก็สามารถฝนหมึกคุณภาพดีให้ฝ่าบาทได้ใช้เพื่อทรงอักษรต่อโดยไม่มีติดขัด

ขณะนั้นเอง พระสนมที่ ‘สมควรจะเสนอตัวช่วยเหลือ’ กลับประสานสองมือไว้ที่บริเวณท้อง ระบายยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเยื้องย่างไปนั่งรออย่างสงบบนเบาะนั่งที่วางอยู่ถัดมาจากบริเวณที่สองบุรุษกำลังหารือในเรื่องที่นางไม่คิดสอดมือไปทำความเข้าใจ

เป็นเวลาถึงครึ่งเค่อ กว่าจางกงกงจะกลับมารู้สึกตัวว่ายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เขาต้องทำให้สำเร็จ สายตาคมของขันทีอสรพิษตวัดไปมองยังร่างเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกล ยามนี้ลู่เหม่ยเหรินยังคงนั่งอย่างสงบเสงี่ยมพลางวางสายตามุ่งตรงไปด้านหน้า ไม่ล่อกแล่ก ไม่สอดส่อง กระทั่งเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ถึงยอมผินหน้าหันกลับมามองตัวเขาด้วยเช่นกัน

‘หืม…’ จางกงกงลอบคิดแผนการในใจ สองตาชำเลืองมองฝ่าบาทที่นับว่ายังเหลือราชกิจให้จัดการอีกไม่น้อย ส่วนหมึกที่ฝนไว้ก็เริ่มพร่องลงไปมาก คิดไปคิดมาก็เหมือนจะหาได้หนึ่งวิธีที่ไม่น่ารังเกียจจนเกินไปจึงได้เอ่ยปากขึ้นท่ามกลางเสียงขีดเขียนกระดาษ “ กระหม่อมลืมไปเสียสนิทว่ายังไม่ได้รับรองพระสนม ฝ่าบาท ลู่เหม่ยเหริน เป็นกระหม่อมเสียมารยาทแล้ว ” สีหน้าของขันทีอสรพิษดูสำนึกผิดขึ้นมาทันตาเห็นท่ามกลางหนึ่งสายตาว่างเปล่าจากฮั่นอู่ตี้ และอีกหนึ่งสายตาเหลือจะเชื่อของลู่เหม่ยเหรินที่ลอบชื่นชมในความใจกล้า

“ ราชกิจของฝ่าบาทยังเหลืออีกไม่น้อย หมึกก็พร่องแล้ว กระหม่อม.. ”

“ จางกงกง ”

“ พ่ะย่ะค่ะ ”

จางกงกงถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมโน้มกายลงรับการเรียกเสียงเข้มขององค์จักรพรรดิเป็นอย่างดี หลิวเช่อมือหนึ่งถือพู่กันค้างไว้ อีกมือยกขึ้นคลึงหัวคิ้วอย่างใช้ความคิด อีกฝ่ายตั้งท่าพูดมามากมายสุดท้ายคงไม่พ้นอยากให้หนุ่มสาวได้ใช้เวลาด้วยกัน นี่เองถึงจะเป็นครั้งแรกที่ฮั่นอู่ตี้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพระสนมหนึ่งนางภายในเรือนตน โอรสสวรรค์ปรายตามองลงมาจากแท่นนั่งที่นับได้ว่าอยู่สูงกว่านางมาก

ลู่เหม่ยเหรินที่จางกงกงเรียกคือสตรีร่างกายบอบบางผู้หนึ่งที่ถือครองผิวขาวพิสุทธิ์พร้อมด้วยใบหน้าเรียวเล็กที่ไร้ซึ่งการแต่งแต้มเกินพอดี ความงามเป็นหนึ่งที่เรียบง่าย .. สองตาเรียวราวกับนางหงส์ จมูกที่ลากไล้ลงมาเป็นมุมเชิดรั้น แต่กลับลงตัวเมื่อปรากฏอยู่บนดวงหน้านั้น สิ่งหนึ่งที่ฮั่นอู่ตี้เห็นมาไม่เคยขาดนั้นคือหญิงงาม ทั่วสารทิศไม่ว่าจะเหนือใต้ ตะวันออกหรือตะวันตกล้วนแต่เคยถูกจับส่งมาประเคนให้เขาถึงหน้าเตียง ในบรรดาสาวงามเหล่านั้นทั้งที่อ่อนหวานก็มี เย้ายวนก็ใช่ แต่ทั้งหมดล้วนแทรกมาด้วยพิษร้ายหมายตักตวงความสำเร็จ

จางกงกงที่รู้ดีแก่ใจว่าตนเบื่อหน่ายวงจรอุบาทเช่นนี้แค่ไหนยังกล้าออกตัวว่าสนับสนุนนาง? แววตาพิจารณาของหลิวเช่อกลับกลายมาเป็นคมกริบยามเมื่อทอดมองไปยังร่างที่นั่งคุกเข่าบนเบาะซึ่งเคยรองรับร่างสหายของตนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน โอรสสวรรค์จดจำการพบหน้าของสหายภายในห้องนี้ได้เป็นอย่างดี ยามที่มองชายเหล่านั้นจากตำแหน่งเดียวกัน ตนก็ไม่เคยรู้สึกได้ถึงระยะห่างที่กว้างไกล แต่อาศัยเพียงแค่เปลี่ยนผู้นั่งครอง นึกไม่ถึงว่ามุมมองยังแตกต่างได้ราวฟ้ากับเหว ‘เอาเถิด.. นอกจากจางกงกงแล้วยังมีเสด็จแม่ที่คาดหวัง เช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ดูเสียหน่อยว่าสตรีที่ส่งมานั้นเป็นอย่างไร’

“ ให้นางมาฝนหมึก ส่วนเจ้าก็ไปจัดการตามที่ควรจะทำ ” รับสั่งเพียงประโยคเดียว สร้างความตื่นตะลึงให้สองชีวิตที่คอยฟังมานาน ประกายความยินดีพาดผ่านแววตาของหัวหน้าขันทีที่เฝ้าติดตามเพียงแต่โอรสสวรรค์จนทราบถึงปัญหาร้ายแรงภายในใจที่ทำให้อีกฝ่ายปิดกั้นตนเองจากสตรี ยามนี้เห็นท่าทีอ่อนลงของฝ่าบาท อย่างน้อย ๆ เขาก็มีเรื่องให้ไปแจ้งไท่โฮ่วด้วยความยินดีแล้ว

“ ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอตัวสักประเดี๋ยว รบกวนพระสนมช่วยดูแลฝ่าบาทเป็นการชั่วคราวด้วย ”

“ จางกงกงวางใจ ” สองบุคคลวาดยิ้มเข้าใส่กัน แต่ผู้ใดจะรู้ว่าใต้รอยยิ้มนั้นราวกับถือมีดไล่ห้ำหัน จางกงกงหนอจางกงกง นางอยู่ของนางดี ๆ อย่างที่เขาแนะนำแล้วอย่างไร สุดท้ายไม่พ้นโดยเขาชักใยให้ได้เข้าใกล้เสียยิ่งกว่าเดิม นงคราญหยกภายใต้อาภรณ์เหม่ยเหรินค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นและก้าวขึ้นไปใกล้กับโต๊ะอักษร เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับเดียวกันกับฝ่าบาท ลู่เหม่ยเหรินกุมสองมือตนไว้ให้มั่น พร้อมกับย่อลงกล่าวเสียงเบา “ ฝ่าบาท ”

“ อืม ”

ห่างเหินมากก็ไม่ได้ ใกล้ชิดไปก็ไม่ควร

โจทย์ยากเช่นนี้ไม่วายถูกส่งมาให้นางเป็นคนแรกเสียอย่างนั้น ไป๋หรั่นทรุดกายลงนั่งข้างโต๊ะอักษร มือข้างหนึ่งของนางรั้งแขนเสื้อยาวรุ่มร่ามนั้นให้พ้นจากจากมือขาว ส่วนอีกมือก็ตักน้ำสะอาดราดลงบนแท่นฝนหมึกเล็กน้อย ก่อนจะหยิบแท่งหมึกขึ้นฝนวนระหว่างบริเวณที่มีน้ำกับไร้ซึ่งน้ำ สองตามองตรงไปยังที่ฝนหมึกราวกับว่ามันคือยอดเครื่องเรือนที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เช่นเดียวกันกับฮั่นอู่ตี้ที่ก็ใช่ว่าจะใส่ใจว่าคนข้างกายนั้นเป็นใคร เขาเพียงแค่จับพู่กันอีกครั้ง และขีดเขียนไปตามเนื้อความที่ต้องการ

ช่วงเวลาสงบสุขนี้ดำเนินไปอย่างเงียบงัน หนึ่งมังกรเคียงด้วยวิหคน้อยที่ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นหงส์ เกิดเป็นภาพจรรโลงสายตาที่หากไท่โฮ่วมาเห็นคงต้องปริ่มใจจนน้ำตาเล็ด น่าเสียดายก็ที่บริเวณนี้ไม่มีใครมารับรู้ และตัวผู้ที่อยู่ร่วมกันต่างฝ่ายก็คล้ายจะไม่ได้สนใจซึมซับกับความหวานละมุนที่ควรจะซาบซ่านอยู่ในใจ

ทุกครั้งที่เขาใช้พู่กันแตะลงที่แท่นฝนหมึก นางจะหยุดมือ และยามที่เขายกพู่กันขึ้น นางจะค่อย ๆ ฝนต่ออย่างเรียบง่าย บ้างก็เว้นจังหวะยามที่เห็นว่าหมึกเยอะพอควร บ้างก็ฝนเพิ่มยามที่มันร่อยหรอโดยไม่จำเป็นต้องให้เขาสั่ง บางครั้งสายตาของนางจะเปลี่ยนจากที่ฝนหมึกเป็นกระดาษขาวที่อัดแน่นไปด้วยตัวอักษร และเมื่อเป็นเช่นนั้น ดวงเนตรของโอรสวรรค์จะทอดมองลงที่.. กลางศีรษะของนางจนสังเกตได้ถึงลวดลายบนปิ่นหยกเนื้อเนียน บางครั้งพู่กันที่เขียนอยู่ก็ตวัดต่อไป บางครั้งก็หยุดมือ เมื่อใดที่ตนหยุดมือ ราวกับผู้กระหายในความรู้ตัวน้อยจะสังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติ ทีละน้อยนางจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจากกองกระดาษ เปลี่ยนมาเป็นการมองพระพักตร์ที่ก้มลงมองนางเช่นกัน

อาศัยจังหวะนี้เอง หลิวเช่อถึงได้ค้นพบความแตกต่างของนางและสตรีอื่น หญิงงามมากมายที่เคยพบเมื่อสบตากับตนจะเกิดอาการเอียงอายและกรีดกรายอย่างช่ำชอง บ้างก็กดหน้าต่ำทั้งที่ตามองไม่ห่าง บ้างก้มหน้าพลางยกมือขึ้นบังริมฝีปากที่ยกยิ้มจนแก้มแทบปริ แต่พอเป็นนางที่นั่งอยู่ข้างกายตน ทั้งหมดกลับเป็นเพียงการชะงักไปเล็กน้อย และก้มหน้าลงเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าลักลอบมองผู้ใหญ่สนทนา หลายครั้งที่ตนพยายามหาเศษเสี้ยวของความเขินอายหรือแสร้งทำ ทว่าสิ่งที่ค้นพบกับเป็นร่องรอยของความเกรงใจชวนให้มองว่านางคล้ายกับ.. ก้อนขาว ๆ หนึ่งก้อนที่สามารถคลึงเล่นในมือได้

ไม่รู้ว่าจางกงกงไปจัดเตรียมการรับรองที่เมืองไหน ลู่ไป๋หรั่นทอดกายอยู่ข้างโต๊ะอักษรของฝ่าบาทจนขาเริ่มชาก็ยังไม่มีวี่แววที่อีกฝ่ายจะกลับมา สองมือน้อยหยุดฝนหมึกไปนานแล้ว เพราะสิ่งที่ฝ่าบาทหมายจะเขียนได้หมดลงแล้ว ตอนนี้เหลือก็เพียงการตรวจทานที่เผลอ ๆ คงจะใช้เวลามากกว่ายามเขียนเสียอีก

“ จางกงกงขออนุญาตเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ ”

ในที่สุด !!

เสียงสวรรค์มาโปรดโดยแท้ ในที่สุดคนที่หายหน้าไปหลายชั่วยามก็โผล่กลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับ..

“ วันนี้คนในห้องเครื่องถูกเกณฑ์ไปช่วยอบรมพระสนมที่ตำหนักไท่โฮ่ว บางคนที่พระนางชื่นชอบในรสมือก็ถูกรั้งตัวไว้ หนึ่งในนั้นมียอดฝีมือด้านชาที่ฝ่าบาททรงโปรดรวมอยู่ด้วย การจะนำชามารับรองจึงลำบากกว่าที่คิดพ่ะย่ะค่ะ ”

กา… กา.. กา..

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นข้ออ้าง ทั้งไป๋หรั่นและฮั่นอู่ตี้ต่างก็เงียบเป็นเป่าสาก โดยเฉพาะพระสนมลู่เหม่ยเหรินที่จ้องถาดในมือจางกงกงจนมือแทบพรุน ขันทีอสรพิษยามนี้พึ่งจะได้สังเกตภาพภายในห้องทรงอักษร สองร่างที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลชวนให้เขาจำต้องยิ้มแป้นยิ่งกว่าเดิม

“ น่าเสียดายนัก กระหม่อมไม่ทันนึกว่าลู่เหม่ยเหรินเองก็ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือด้านการชงชาจนมีชื่อเสียงลือลั่นไปทั่วลั่วหยาง ” จางกงกงก้าวเข้ามาทีละก้าวด้วยความปลอดโปร่งเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้นของในถาดก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเป็นป้านชาหนึ่งป้าน พร้อมกับจอกชาสองจอก “ ทว่าฝ่าบาทและลู่เหม่ยเหรินคงกระหายน้ำไม่น้อย อยู่ในห้องอักษรมาตั้งแต่ต้นยามซวีจนตอนนี้ยามจื่อ กระหม่อมเลยไม่กล้าขอชุดชงชามาให้ลู่เหม่ยเหรินได้อวดฝีมือ ”

นอกจากข้ออ้างจะไม่ดีแล้ว ยังมีการตอกย้ำระยะเวลาให้เสร็จสรรพ

ลู่ไป๋หรั่นพลันหน้าซีดขึ้นมาทันตาเห็น โดยปกติแล้วการพบหน้าเพียงชั่วยามก็นับว่ามากแล้ว นี่นางใช้เวลาครั้งแรกไปถึงสองชั่วยาม? ตอนนี้ยังไม่พ้นต้องจิบชากับฝ่าบาทตามพิธีที่สมควร? จางกงกง เจ้าคนหน้าตายผู้นี้ตั้งใจกลบฝังนางภายใต้คำว่าคนโปรดจนไม่ต้องผุดต้องเกิดเลยหรืออย่างไร?

“ ยามจื่อแล้วหรือ ”

“ พ่ะย่ะค่ะ เข้ายามจื่อมาได้ราว ๆ หนึ่งก้านธูปแล้ว ”

ดึกมากแล้วสำหรับการจะให้หญิงสาวรั้งอยู่ในตำหนัก หลิวเช่อที่สายตามองหน้ากระดาษไม่ได้คิดอะไรเรื่องราวให้มันยุ่งยาก เขาเพียงแค่เปิดปากสองคำ “ รินชา ”

ลู่ไป๋หรั่นหมายจะเบี่ยงหลบให้จางกงกงเข้ามาทำหน้าที่แทน แต่ใครจะไปนึก.. ขันทีอสรพิษผู้นั้นกลับประคองถาดมาอยู่หน้านาง แล้วโน้มกายเล็กน้อยประหนึ่งให้นางเป็นผู้ริน ดวงตาสองคู่สบกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายที่เป็นพระสนมขมวดคิ้วเล็กน้อย ตรงข้ามกับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของชายผู้เป็นขันที ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีใครขยับ จนสัมผัสได้ถึงสายตาเรียบสงบดังท้องสมุทรของชายผู้เป็นหนึ่งในแผ่นดิน เมื่อเปนเช่นนั้นก็เท่ากับว่านางแพ้แล้ว ลู่เหม่ยเหรินเบนสายตาหลบจากสองบุรุษ มือน้อยขยับเข้าหยิบป้านชาและยกขึ้นรินลงจอกทั้งสอง ก่อนจะยกจอกหนึ่งยื่นประเคนให้กับฝ่าบาทอย่างใส่ใจ

ฮั่นอู่ตี้รับชาจอกนั้นไปไว้ในมือ ตามธรรมเนียมของผู้รู้จักศาสตร์ศิลป์ ก่อนจะซึมซับรสชาติยังต้องใช้เวลาพินิจกับกลิ่นและสีของผิวชา เช่นเดียวกับฝั่งพระสนมที่ยกจอกชาฝั่งตัวเองมาไว้ในมือ ดูจากกลิ่นแล้วเหมือนจะเป็นชาหลงจิ่งที่กล่าวได้ว่าเป็นยอดชา ที่ทั้งกลิ่นและสีล้วนกลั่นออกมาได้อย่างมีคุณภาพ ฝั่งจางกงกงที่ไม่มีโอกาสได้ทราบว่าทั้งคู่อยู่กันมาด้วยความเงียบก็ลอบขมวดคิ้ว น่าเสียดายที่คืนนี้เขาออกตัวไปมากแล้ว ถ้าจะให้ออกตัวอีกคงไม่เหมาะ

รอจนต่างฝ่ายต่างก็จิบชาหมดไปหนึ่งจอก หลิวเช่อที่พูดแค่ในยามที่จำเป็นก็หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอีกครั้งพร้อมกล่าว “ ดึกแล้ว ส่งนางกลับเรือนไปเสีย ” แม้จะไม่เป็นที่ประหลาดใจแต่ก็น่าเสียดาย จางกงกงหันมองพระสนมน้อยด้วยสายตาอธิบายยากก่อนจะประสานมือรับคำ

“ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท พระสนม ตามโปรดกระหม่อมมา ”

ลู่ไป๋หรั่นที่นั่งอยู่นานค่อย ๆ ลุกขึ้น ความหนึบชาแล่นไปทั่วขาเรียวจนอยากจะเบ้หน้า แต่ด้วยความที่ไม่อาจปล่อยให้ความพยายามที่ทำมาตลอดหลายชั่วยามพังทลายลงผ่านความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ทีละน้อยจากจึงค่อย ๆ หยัดกายลุกอย่างมั่นคงโดยไม่โงนเงนหรือร้องขอความช่วยเหลือให้ใครหาว่าสำออยโดยใช่ประโยชน์ แต่ที่อยู่ตรงหน้านางคือสองยอดบุรุษ หลิวเช่ออาจจะไม่สนใจ แต่จางกงกงมีหรือจะมองข้าม “ ฝ่าบาท ตำหนักเว่ยหยางห่างจากเรือนเมิ่งเหยาอยู่มาก ยามนี้ค่ำมืดแล้ว อีกทั้งลู่เหม่ยเหรินก็นั่งอยู่นาน หากให้เดินเท้าไกลอาจลำบากเอาได้ มิสู้ให้เกี้ยวไปส่งนาง.. ”

“ ไม่เป็นไรเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันยินดีเดินชมความวิจิตรระหว่างเส้นทางของตำหนักเว่ยหยางและเรือนเมิ่งเหยาผ่านสองเท้าของหม่อมฉันเอง ” นับเป็นประโยคแรกที่นางกล่าวได้อย่างฉะฉาน หลิวเช่อยกสายตาจากราชกิจขึ้นมองสตรีที่กำลังจะจากไปเล็กน้อยสลับกับหันไปมองจางกงกงที่อยู่ข้างกายตน ก่อนจะตอบรับด้วยการพยักหน้าเป็นอันยอมรับในการแสดงความคิดของนาง

“ ถ้าเช่นนั้น.. ทูลลาพระสนม ”

“ ทูลลาเพคะฝ่าบาท ”

นงคราญหยกทิ้งท้ายกลิ่นอายของความอ่อนหวานไว้ด้วยการยอบกายร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย รอจนได้ยินเสียงตอบรับ ก็ค่อย ๆ ยืดกายขึ้นเดินก้าวถอยหลังจนพ้นจากระยะที่สมควร จากนั้นจึงได้หมุนกายเดินจากไปอย่างเงียบเชียบท่ามกลางสายตา ‘เสียดาย’ เป็นอย่างยิ่งของจางกงกงที่มองตามหลังอยู่ไม่ห่าง..



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน






แสดงความคิดเห็น

อีก 2 วันอย่าลืมเตือนแอดมิน จะมีอีเว้นท์ต่อยอดจากการปรนนิบัติหวงตี้นี้  โพสต์ 2024-7-15 00:01
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-14 23:57
+20/35 ความพึงใจจากจักรพรรดิ  โพสต์ 2024-7-14 23:57
โพสต์ 45520 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-7-14 23:26
โพสต์ 45,520 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-14 23:26

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
654
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-17 00:45:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-17 02:04




เฉียวกั่วกับชาเบญจมาศ

การมาเยือนถิ่นมังกรในยามที่ตะวันยังส่องหัวเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่นางชอบใจสักเท่าไหร่

อย่างไรเสียคนที่บอกให้นางมา นางก็มาแล้ว แต่จะอยู่นานหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่อง

“ ลู่เหม่ยเหริน ”

“ กงกง ”

เบื้องหน้าคือพระตำหนักเว่ยหยาง เบื้องหลังคือทางเดินทอดยาวจากฝากฝั่งมาจนถึงสถานที่งามวิจิตรใจกลางบึงน้ำ ส่วนพวกนางที่อยู่ใจกลางระหว่างสองฝั่งนับได้ว่ากล้าหาญไม่น้อย “ มาเยือนตำหนักเว่ยหยางเช่นนี้ มิทราบอยากให้กระหม่อมกราบทูลอย่างไร ” กงกงชราตรงหน้าแม้ปากจะยิ้มแป้นชวนให้วางใจแต่สายตากลับแฝงไว้ด้วยความกังวล อาศัยการกระทำเล็กน้อยนี้ก็เพียงพอจะทำให้คนตาไวเช่นลู่ไป๋หรั่นสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ไม่ใช่ว่าคนอย่างจางกงกงทำอะไรทีก็จัดการเสร็จสรรพไว้แล้วหรอกหรือ หากเป็นเขา เวลานี้สมควรให้คนวิ่งแจ้นไปที่หน้าประตูทันทีที่เห็นนางแล้วตะโกนว่า ‘ลู่เหม่ยเหรินขอเข้าเฝ้า’ อะไรอย่างนั้น

เนตรหงส์เรืองวาบขึ้นเล็กน้อย “ หรือว่า.. การที่ข้ามายามนี้นั้นถือว่าไม่สมควร? ”

“ ไม่ขอรับ ๆๆ จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร พระสนมมาเยือนนับเป็นเรื่องดี ช่วยบรรเทาความตึงเครียดในพระทัยฝ่าบาท ” กงกงเฒ่าเก็บท่าทางทันควัน แต่กระนั้นก็ยังอึกอักอยู่ไม่น้อย “ ทว่า เรื่องนี้.. ”

ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาตอบ เสียงหารือภายในก็ลอยมาเข้าหูนางในทันที

มีแขก สองคำนี้ไม่รู้ว่าทำไมกงกงเฒ่าถึงกล่าวยากกล่าวเย็นนัก .. นึก ๆ ดูแล้วจางกงกงในตอนนี้คงกำลังหัวเสียไม่น้อย อุตส่าห์ลงแรงส่งจดหมายพร้อมคิดคำดักคอไว้ครบถ้วน ปลุกหยกจอมเกียจคร้านอย่างนางขึ้นมาเข้าครัวหมายจะสร้างบรรยากาศยอดภรรยาดีเด่นคอยรักใคร่ถนอมสามีที่ตึงเครียดกลับบ้าน เป็นอย่างไร.. แค่มีแขกสองคำก็ช่วยดับฝันได้โดยทันที

ลู่เหม่ยเหรินที่คนรอบกายกำลังเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง หลังจากที่เงียบมานาน อยู่ ๆ ก็ออกปากหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “ ร้อนรนไปไย ฝ่าบาททรงเป็นถึงเจ้าบ้านเจ้าเมือง ยามนี้มีคนมาหารือกับเขา ข้าที่เป็นคนใต้อาณัติไหนเลยจะย่ำแย่ กลับกันมีเขาคอยแบกภาระดูแลบ้านเมืองเป็นอย่างดี จุดนี้ต่างหากที่น่าเลื่อมใสนัก ” นางกล่าวอย่างปลอดโปร่งแม้แต่สองไหล่ที่ตึงมานานยังคลายลงได้ด้วยความโล่งใจ

“ อย่าได้รบกวนฝ่าบาทเลย กงกง นำข้าไปที่เงียบ ๆ สักที่ที่พอจะนั่งได้ก็พอแล้ว ” ไป๋หรั่นไม่มีความคิดจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทแต่แรก อย่างไรเสียชุดชงชาด้านหลังก็มีเตาเล็กมาด้วยพอดี อาศัยเตานั้นต้มน้ำ ชงชา ครู่เดียวคงไม่เรียกว่าเป็นการรบกวน

“ แต่ว่า.. ”

“ กงกง.. นี่หน้าตำหนักฝ่าบาท ” น้ำเสียงละมุนเรียบลื่นน่าฟัง แต่ในยามที่โฉมงามโน้มลงกล่าวอย่างเยือกเย็นให้ได้ยินเพียงแค่สองเรายังหลงเลือนความน่าสะพรึงไว้ถึงสามส่วน “ เจ้ากล้าฟังคำสั่งหัวหน้า แต่ไม่กล้าฟังคำข้า? ”

“ มิกล้า ๆ ข้าน้อยจะนำทางเอง พระสนม เชิญ ”

พูดดี ๆ ไม่ได้ต้องให้ขู่ ไป๋หรั่นมองตามแผ่นหลังของกงกงผู้นั้นด้วยความหน่ายใจก่อนจะขยับสองเท้าก้าวย่ำตามหลังอีกฝ่ายไปจนเรียกได้ว่าไม่ทิ้งห่างแม้แต่น้อย กงกงผู้นั้นคล้ายจะหมดสิ้นแผนการ สุดท้ายจึงได้แต่พานางมาที่ศาลางามประณีตแห่งหนึ่งภายในสวนลอยน้ำข้างตำหนักเว่ยหยาง ที่ศาลาแห่งนี้ ในที่สุดไป๋หรั่นก็ได้ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินพร้อมกับปล่อยให้นางกำนัลรอบกายเดินว่อนเพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เรียบร้อย

ส่วนสำคัญในการชงชาคือความใส่ใจ ทุกขั้นตอนล้วนมีรายละเอียด เริ่มตั้งแต่การล้างมือ อุ่นป้าน และถ้วยชา ไปจนถึงคัดเลือกใบชาเฉพาะที่ใช้การได้ ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งเหล่านี้ ราวกับนางได้ตัวตนในวัยเยาว์ที่นั่งอยู่ต่อหน้าผู้คนและสนใจเพียงสิ่งที่ตนเองทำ

มือที่เปียกชื้นเช็ดลงกับผ้าสะอาดบนตัก เนตรหงส์ชำเลืองมองกาน้ำร้อนที่วางบนเตาครู่หนึ่ง รอจนเห็นควันน้อยลอยเอื่อยก็ยกน้ำขึ้นรินน้ำร้อนลงบรรจุในป้านชาจนระดับน้ำเพิ่มมาถึงจึงที่ใช้ในการต้มชาตามปกติถึงได้หยุด ก่อนจะใช้อีกมือหยิบฝาป้านชาขึ้นปิดด้านบน โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงการ ‘อุ่นป้านชา’ ผู้คนส่วนคิดว่าทำเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับยอดฝีมือย่อมไม่ใช่

ไป๋หรั่นรินน้ำรดป้านชาที่ปิดสนิทจนทั่ว ก่อนจะวางกาน้ำร้อนที่ว่างเปล่าไว้ข้างกาย พร้อมส่งสัญญาณให้สาวใช้ที่ถือกาต้มน้ำค้างให้วางมันลงบนเตาเพื่อเริ่มต้ม

หลังจากนับหนึ่งถึงสิบในใจช้า ๆ นางยกป้านชาขึ้นเพื่อเทน้ำทั้งหมดในป้านใส่ลงเหยือกทรงสูงที่นับว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนการเตรียมพร้อม หลังจากมั่นใจว่าทุกหยาดหยดของน้ำไหลลงเหยือกจนไม่มีเหลือ สาวงามก็วางป้านชาลง ก่อนจะใช้สองมือประคองหยิบและประคองเทน้ำอุ่นจากเหยือกลงจอกชาที่วางไว้ จำนวนน้ำหนึ่งป้านชาสามารถเทใส่จอกได้สามจอกพอดี ไม่ขาด และไม่เกิน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความสามารถของนักชงชาที่คาดคะเนได้อย่างแม่นยำ

ระหว่างที่ปล่อยให้น้ำร้อนคอยอุ่นจอก ขั้นตอนของการเริ่มชงชาก็ได้มาถึง นงคราญหยกเปิดฝาป้านชาออก จากนั้นจึงหันไปหยิบกล่องเก็บดอกเบญจมาศอบแห้งขึ้นมา พร้อมใช้ที่เขี่ยใบชาคัดเลือกเฉพาะดอกเบญจมาศที่ไม่ช้ำใส่ลงไปในป้าน จำนวนที่ใช้นั้นไม่แน่นอน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับน้ำและป้านที่เลือกใช้ แต่อีกส่วนก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ด้านลู่เหม่ยเหรินครั้งนี้เลือกใช้ป้านชาที่ไม่ใหญ่นัก อาศัยเขี่ยดอกเบญจมาศลงไปไม่กี่หนก็ได้มาซึ่งปริมาณที่เหมาะสม

ระยะเวลาทั้งหมดในทุกการกระทำถูกคาดการณ์ไว้หมดสิ้นแล้ว เสียงน้ำค้างเดือดที่ดังขึ้นเรียกรอยยิ้มของเทพธิดาให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ไป๋หรั่นหันไปใช้ผ้าช่วยจับหูกาน้ำค้างที่กำลังเดือดพล่านได้ที่ และรินน้ำค้างต้มลงในป้านชาที่มีดอกเบญจมาศนอนอ้อยอิ่งที่ก้นป้าน ระดับน้ำเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยมาจนถึงขอบป้านก่อนจะหยุดลง ฝาป้านถูกใส่กลับไปอีกครั้ง หนนี้นางหันหน้าไปมองนางกำนัลด้านหลังเล็กน้อย อีกฝ่ายหูตาไวทั้งยังทราบธรรมเนียมการชงชาเป็นอย่างดีจึงได้รีบก้าวเข้ามาพร้อมเหยือกที่เคยรองรับน้ำร้อน

แทนที่ชาแรกจะรินลงในจอก ลู่เหม่ยเหรินกลับรินชานั้นใส่เหยือกราวกับเป็นชาชั้นเลวทั้งที่มันกำลังส่งกลิ่นหอมจรุงจิตไปทั่วสร้างความแปลกใจให้กับคนที่ไม่เคยเห็นขั้นตอนการชงชาฉบับเต็มเป็นอย่างมาก เห็นแก่ที่ยามนี้นางอารมณ์ดี จะช่วยไขข้อสงสัยให้พวกเขาก็แล้วกัน “ น้ำแรกของชา แม้จะดื่มได้ แต่ไม่นับว่าดี เนื่องจากเดิมทีการทำเช่นนี้มีไว้เพื่อล้างสิ่งสกปรกที่อาจเกาะอยู่บนใบชา เพราะใบชาหากชื้นหรือผ่านการถูกน้ำมาก่อนต้มจะทำให้เสียรสชาติ ดังนั้นการต้มด้วยน้ำร้อนรอบแรกจึงจะต้องเทออกอย่างไวเพื่อประคองไม่ให้ใบชาเสียรส แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถชะล้างสิ่งสกปรกออกไปได้ ”

“ เนื่องจากเป็นพิธีชงชาแบบเต็มขั้นตอนจึงดูยุ่งยาก.. แต่ถ้าเป็นผู้เดินทางหรือนักพเนจรเอง ก็มีวิธีซึ่งลดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ แต่ส่วนมากแล้วพวกลำดับขั้นเล่านี้ก็ยัง.. ถูกคงไว้เช่นเดิม ” ระหว่างที่นางพูด มือข้างหนึ่งก็ขยับยกจอกชาที่อุ่นได้ที่ขึ้นมาเทน้ำทิ้งลงบนถาดรองชงชา ยกจอกเทน้ำทิ้งไปเรื่อย ๆ จนครบสามจอกแล้วจึงได้เปลี่ยนมือมาหยิบเหยือกเทชาน้ำแรกทิ้งตามไป “ อย่าเสียดาย ชาน้ำแรกนั้นมีรสชาติยากตัดสิน บางคนชอบก็ชอบ บางคนเกลียดก็เกลียด แต่ที่คงที่และมีคุณภาพมากสุด ย่อมเป็นชาน้ำที่สอง ”

ขั้นตอนเหล่านี้เดิมทีมีไว้คั่นให้ใบชาในป้านได้คายความร้อน ดังนั้นเมื่อก้มกลับมาดูดอกเบญจมาศในป้านชาอีกที มันก็บานพร้อมรับน้ำค้างร้อน ๆ ในรอบที่สองแล้ว

“ สมบูรณ์แบบ.. ” ผู้เสพความสุนทรีจากการชงชาเช่นนางเห็นเป็นฉะนี้แล้วย่อมอุ่นใจ ไป๋หรั่นยกกาน้ำค้างต้มขึ้นรินน้ำลงป้านชาอีกครั้ง โดยครั้งนี้นางเทน้ำค้างโดยยกกาขึ้นสูงกว่าทุกครั้งเพื่อให้น้ำกระแทกถูกดอกเบญจมาศด้านในอย่างทั่วถึงก่อนจะปิดฝาป้านชาลงเพื่อรอเวลาแช่ชาตามที่ควร

พรึบ

เสียงรวบพัดดังขึ้นเรียกความสนใจของนางให้หลุดออกจากสิ่งที่ทำอยู่

“ ฝ่าบาทได้รับสนมที่งดงามทั้งยังเชี่ยวชาญศาสตร์ชงชาเช่นนี้นับว่าโชคดีนัก ยอดฝีมือพิถีพิถัน ท่วงท่าชดช้อยน่ามอง จากนี้ไปหากทรงหนักพระทัย ย่อมมีชาดีคอยแบ่งเบา ”

เป็น ‘ เขา ’

ยอดบัณฑิตผู้เพียบพร้อมแห่งแผ่นดิน ผู้ดำรงตำแหน่งต้าซือคงแห่งราชสำนัก ทั้งยังเป็นชายงามในใจสตรีน้อยใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ‘ เถียน เฟิง ’ ผู้นั้น ยืนอยู่หน้านางพร้อมกับเงาร่างของชายที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของมังกร ในวันนี้โอรสสวรรค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยภูษาสีดำปักดิ้นทองรูปมังกรแทรกในหมู่เมฆ ช่วยขับเน้นกายให้แผดผ่องทั้งยังคงประกายความน่าเกรงขาม

“ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ”

กายน้อยผุดขึ้นถวายพระพรแด่องค์ราชัน พร้อมใจที่สั่นระรัวด้วยความตกใจ ตรงหน้ามียอดคนอยู่ถึงสอง ทั้งยังรูปโฉมพิลาสล้ำประหนึ่งมีไว้เพื่อล่อลวงสตรีโดยเฉพาะ เรื่องเช่นนี้ต่อให้ในใจนึกอยากนิ่งสงบเพียงใดก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

“ ไม่ต้องมากพิธี ”

อย่างกับมีใครย้อนภาพการปรนนิบัติคืนแรกยังไงอย่างนั้น ในระหว่างที่นางกำลังนิ่งงันไม่รู้จะทำอย่างไรให้รอดตัวไปจากสถานการณ์นี้ก็เป็นท่านต้าซือคงที่ช่วยออกปากเตือนถึงสิ่งที่นางกำลังทำ “ พระสนม ชาดียังต้องรอท่านจัดการ ” เสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงไว้ด้วยประกายบางสิ่งที่เมื่อกระทบถูกกายก็ไม่ทำให้นึกกดดันตัวเองจนเกินไป

“ จริงด้วย เป็นข้าที่ขายหน้าต่อหน้าพวกท่านแล้ว.. ฝ่าบาท นั่งก่อนสิเพคะ อีกเพียงครู่ชาเบญจมาศก็นับว่าชงเสร็จแล้ว ” นับเป็นเรื่องถูกต้องที่นางจะกล่าวกับผู้มียศสูงสุดก่อนผู้อื่น ลู่เหม่ยเหรินจำเลยสังคมคนโปรดในช่วงนี้ลอบหลั่งน้ำตา ‘ ไม่เอาข่าวลือแล้ว ไม่เอาข่าวลือแล้ว ไม่เอาข่าวลือแล้ว ’

“ ใต้เท้าเถียน หากไม่รังเกียจ.. ”

“ หากฝ่าบาทจะทรงเมตตา ”

ฮั่นอู่ตี้แม้จะไม่นิยมคบค้าสมาคมกับสตรีหรือคนหมู่มาก แต่ตลอดวันตนเคี่ยวกรำอยู่กับราชกิจ แน่นอนว่าหากภาระหนักเหล่านี้ตกลงที่ตนเพียงผู้เดียว กับแค่น้ำชาหนึ่งกา ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ไหนชงมาก็คงไม่ยากต่อการปฏิเสธ ทว่าข้างกายยามนี้กลับมีเถียนเฟิงผู้ชื่นชมในความรื่นเริงใจ ต่อให้ไม่ได้ประพฤติตัวเช่นคนเจ้าสำราญ แต่คนที่หายใจเข้าเป็นศาสตร์ หายใจออกเป็นศิลป์มีหรือจะไม่นึกสนใจกับชาที่ต่างก็เห็นวิธีการชงมาจนแทบครบทุกขั้นตอน.. ด้วยเหตุนี้หัวคิ้วของหลิวเช่อจึงเริ่มที่จะขมวดเข้าหากัน

“ ฝ่าบาท ทรงรับชาสักจอกเถิดพ่ะย่ะค่ะ ”

แม้แต่จางกงกงยังช่วยพูด เสียง ‘ฮึ’ คำเดียวจากปากฝ่าบาทก็ทำเอาคนทั่วบริเวณหนาวสั่น หลิวเช่อปรายตามองสตรีผู้ครองยศสนมด้วยสายตาคมกริบก่อนจะนั่งลงโดยไม่พูดอะไร ทว่าสำหรับอีกสองชีวิตที่ติดตามอีกฝ่ายมานานมีหรือจะไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้หมายถึงสิ่งใด

‘ อ่อนลงแล้ว? ’

‘ อ่อนลงแล้ว ’

จะทั้งเถียนเฟิงหรือจางกงกงต่างก็ลอบประหลาดใจกันทั้งนั้น

ด้านลู่ไป๋หรั่นที่กลับไปวุ่นวายกับยอดชาในมือมีหรือจะล่วงรู้ ลู่เหม่ยเหรินยกป้านขึ้นรินชาลงจอกสามจอกโดยครั้งนี้นางรินชาต่ำเป็นพิเศษเพื่อคงกลิ่นหอมของชาเอาไม่ให้กระจายออกไประหว่างที่ริน มีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา สองในหลายสายตานั้นนับว่าเป็นผู้มีอำนาจถึงขนาดที่บรรยากาศยังหนักอึ้ง การควบคุมไม่ให้มือไม้สั่นยามอยู่ต่อหน้า นับว่าเป็นนางที่เก่งกล้าเกินมนุษย์แล้วด้วยซ้ำ พระสนมตัวน้อยกัดฟันกลั้นใจรินจนครบ และเมื่อครบ ไป๋หรั่นวางป้านชาไว้บนโต๊ะก่อนจะประคองชาจอกแรกวางลงตรงหน้าเจ้าแผ่นดิน จอกที่สองเป็นของต้าซือคง ส่วนจอกสุดท้ายย่อมเป็นของนาง

“ ชาเบญจมาศ? ”

“ เป็นชาเบญจมาศ ”

ระหว่างที่หนึ่งขุนนางและหนึ่งสนมสนทนา ด้านหนึ่งมีนางกำนัลค่อย ๆ กระเถิบเท้าเข้ามาวางจานขนมเฉียวกั่วลงบนโต๊ะก่อนจะรีบถอยออกไป อีกด้านเป็นนายบ่าวคู่หนึ่ง ผู้เป็นนายยกจอกชาขึ้นพิจารณา ส่วนคนเป็นบ่าวคอยจับจ้องจนตาแทบไม่กะพริบ

“ ชาบุปผาหอมหวานนัก ดูของว่างคงมีไว้เพื่อมาทานคู่ ”

“ กล่าวให้ถูกคือมีของว่างก่อนจึงได้มีชา ทว่าสิ่งไหนเป็นเอก สิ่งไหนเป็นรองไม่สำคัญ ทั้งสองล้วนนำมาเพื่อจุดประสงค์เดียว ”

‘ที่แท้ก็ช่างพูดไม่น้อยเลย..’ กิตติศัพท์ของลู่เหม่ยเหรินขจรไกลมีหรือที่เขาจะไม่รู้ เถียนเฟิงระบายยิ้มเบาบางพลางยกชาขึ้นจิบทีละน้อย มาครั้งนี้มีแต่เรื่องงานให้ครุ่นคิด แม้ใจรักบ้านเมือง ซื่อสัตย์ต่อนายเหนือหัว แต่เมื่อสองข้างตัวขาดซึ่งการดูแลเสมือนต้นไม้ที่ไร้น้ำ ตัวเขาย่อมห่อเหี่ยวอยู่บ้างเป็นธรรมดา ยามนี้อาศัยได้รับการดูแลจากหญิงงามผู้โด่งดัง.. นับว่าไม่เสียทีที่ลำบากมานาน

“ ฝ่าบาท ขนมเฉียวกั่วนี้.. ”

“ ฝ่าบาท ราชกิจของพระองค์มีมาก ฉะนั้นโปรดรักษาพระวรกายด้วย ” ลู่เหม่ยเหรินกล่าวไปมือก็ขยับเทน้ำร้อนใส่ป้านเพิ่ม นับเป็นชาป้านที่สอง นางไม่คิดปล่อยให้จางกงกงใส่สีตีไข่ว่าขนมเฉียวกั่วนี้ทำมาด้วยความรักความใส่ใจแค่ไหน ไม่นึกสนใจด้วยซ้ำว่ามันจะถูกทานหรือโยนทิ้ง สิ่งที่สนใจมีเพียงการกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไปอย่างเรียบง่าย “ หม่อมฉันบุ่มบ่ามมาเยือนเช่นนี้มีเหตุเพราะเลื่อมใสในความเมตตาของพระองค์ ”

“ ความเมตตาที่พระองค์มีต่อประชาชน สิ่งนี้ประจักให้เห็นในทางหนึ่ง ทว่าความเมตตาที่พระองค์มอบให้หม่อมฉันนั้นย่อมเป็นอีกทาง ” โฉมงามวางมือจากสิ่งที่ทำ หันมาประชันหน้ากับผู้เป็นหนึ่งในแผ่นดินด้วยแววตาซื่อตรง “ หม่อมฉันเข้าวังมาชื่อเสียงนับว่าไม่ได้ดีเด่น สร้างเรื่องสร้างราวไว้ ท่านไม่ถามให้หม่อมฉันต้องลำบากใจ นั่นนับเป็นหนึ่งความเมตตาที่ท่านมอบให้ ”

แท้จริงเขาแค่ไม่สนใจ สามบุรุษล้วนคิดตรงกันขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมาย

“ ต่อมา.. แม้พระองค์ไม่วางใจ แต่ก็หาได้หักหาญน้ำใจหม่อมฉัน ”

ฝ่าบาทไม่ชมชอบสตรีมาแต่ต้นแล้ว คราวนี้เหลือเพียงสองที่คิดเช่นเดียวกัน

“ เดิมทีหม่อมฉันมาครั้งนี้คิดจะมาฝากของว่างและชาเป็นการตอบแทน ไม่นึกว่าจะกลายมาเป็นการรบกวนเวลาของฝ่าบาท ” รอยยิ้มจนใจเผยขึ้นบนใบหน้าของหยกขาวที่พูดยาวเหยียดโดยไม่จิบน้ำเลยแม้แต่อึกเดียว “ แม้ไม่สมควรกล่าวที่นี้ต่อหน้าผู้คนเพื่อให้ท่านลำบากใจ ทว่าหม่อมฉันมิอาจใช้ตัวเองมารบกวนเวลาที่มีไว้เพื่อประชาชนของพระองค์ไปมากกว่านี้ ”

‘ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ท่านทำให้ข้าได้รับชมเรื่องสนุกแล้ว’ เถียนเฟิงคิด

“ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ถือสาที่หม่อมฉันกระทำไปด้วยความโง่เขลา ” เมื่อพูดจบ พระสนมเพียงหนึ่งเดียวในบริเวณนี้ก็ประสานมือพลางโน้มกายลงเล็กน้อยท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอย่างรอคอยว่าผู้มีศักดิ์สูงสุดจะตอบรับอย่างไร

สิ่งที่หลิวเช่อชังคือมารยาทของสตรี ยามฟังนางพูดปากเปียกปากแฉะ สายตาย่อมเห็นเป็นการโยงเส้นสายแม่น้ำรวมกันมากดทับให้ตนยอมรับ ในใจพลันรู้สึกถึงโทสะอยู่บ้าง หว่างคิ้วของโอรสสวรรค์เจือไว้ด้วยความขุ่นเคือง ร้อนไปถึงเถียนเฟิงและจางกงกงที่ต่างก็มองอยู่ไม่ห่าง ต่างคนต่างความคิด สตรีเป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบาง ในสายตาชายอื่นล้วนน่าปกป้องถนอมแต่ในสายตาของผู้ชิงชังซึ่งมารยาเกรงว่า.. จะได้ผลตรงข้าม

“ แค่รับชาป้านนี้และของว่างจานนั้นใช่หรือไม่? ”

เสียงทุ้มเรียบดังขึ้นเหนือศีรษะ ไป๋หรั่นที่ยังไม่พยักหน้าสูดหายใจเข้าพร้อมตอบอย่างมั่นคงว่า ‘เพคะ’

“ เจิ้นจะรับสองสิ่งนี้ไว้ เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปได้แล้ว ”

ถ้าไม่ติดว่าผู้กล่าวเป็นถึงโอรสสวรรค์ป่านนี้คงได้มีเสียงโอดครวญแล้วโอดครวญอีกว่าฝ่ายชายใจไม้ไส้ระกำนักถึงขนาดตอบรับส่ง ๆ แล้วไล่สตรีที่กล้าเฉือนเนื้อตัวเองต่อหน้าสายตาคนนับสิบ แต่ใครจะรู้ .. ว่าเพียงเท่านี้ก็ทำให้นางพึงพอใจได้มากแล้ว

เสี้ยววินาทีที่นางเงยหน้าขึ้น ฮั่นอู่ตี้หลิวเช่อก็ลุกจากที่นั่งไปแล้ว ชายสูงส่งผู้นั้นสะบัดชายแขนภูษาก่อนจะก้าวเท้าจากไปอย่างมั่นคง ทิ้งนางไว้กับรอยยิ้มเบาบางพร้อมสายตาหนึ่งคู่ที่เฝ้ามองอยู่

“ ลู่เหม่ยเหริน .. ข้าน้อยขอล่วงเกินถามท่านสักประโยค.. ” เป็นยอดบัณฑิตผู้เห็นหญิงงามมามาก ทั้งยังเชี่ยวชาญด้านมารยา “ ท่านชอบฝ่าบาทหรือ? ”

“ … ”

“ ทั้งไม่ และก็ใช่ ”

คำตอบนี้ทำผู้ฟังตะลึงงันได้เช่นเดียวกับคำถามที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา ลู่ไป๋หรั่นหาได้สนใจสายตารอบข้าง สิ่งที่นางกล่าวต่อมีเพียงแค่ว่า “ ชอบหรือไม่ สิ่งนั้นล้วนไม่สำคัญ ใต้หล้ากว้างใหญ่มีคนมากมายที่แต่งงานกับผู้ที่ตนหาได้รักใคร่ ข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ลู่เหม่ยเหรินผู้นี้หาได้ชมชอบฝ่าบาทในแง่สตรีพึงใจบุรุษ แต่ในฐานะประชาชนใต้การปกครอง ข้าย่อมชอบเขาอยู่บ้าง ทั้งหมดนี้จึงสมควรเป็นทั้งไม่ และก็ใช่ ”

“ ถ้าเช่นนั้นเหตุใดท่านจึงยิ้มเช่นนั้น ”

“ ใต้เท้าเถียน เกินหนึ่งคำถามแล้ว ”

รอยยิ้มของคนงามแฝงไว้ด้วยความใจเย็น นางสะบัดมือทั้งสองเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อเตรียมจะจากไปเช่นกัน ทว่ายามที่สองขาก้าวผ่านกายต้าซือคงแห่งราชสำนัก ไม่นานก็หยุดนิ่ง

“ รอยยิ้มของข้า.. เป็นเช่นใด ”

“ … เป็นเช่นสตรีที่พึงใจอย่างหาไม่ได้ ”

“ พึงใจอย่างหาไม่ได้ นับว่าฟังแล้ว..ประหลาดนัก



รวมค่าความสัมพันธ์
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ + 15 ความสัมพันธ์อาหาร(ขนม)เกรดม่วง
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ + 10 ความสัมพันธ์ชากรอบน้ำเงิน (ชาเบญจมาศ)

[NPC-08] เถียน เฟิง + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-01] เถียน เฟิง + 10 ความสัมพันธ์ชากรอบน้ำเงิน (ชาเบญจมาศ) - ต้องให้แยกไหม?

[NPC-11] จางกงกง + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2024-7-17 08:44
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2024-7-17 08:44
คุณได้รับ +5 ความชั่ว +20 ความโหด โพสต์ 2024-7-17 01:37
หวงตี้รับสั่งให้จางกงกงส่งคนไปตบรางวัลให้ลู่เหม่ยเหรินในวันพรุ่ง 2 ตำลึงทอง และ ข้าวสาลี 10 หน่วย (แนบท้ายโรล)  โพสต์ 2024-7-17 01:36
+20 ความสัมพันธ์จางกงกง อีกฝ่ายพึงพอใจในผลงานอย่างมาก  โพสต์ 2024-7-17 01:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +50 พลังงาน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 50 + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
โพสต์ 2024-7-18 00:49:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-18 00:52


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน


   ไม่เคยโหยหา เรือนพักของตนเองถึงเพียงนี้มาก่อน ด้วยคำกล่าวขององค์ไท่โฮ่วตรัสแก่นางว่าให้ยกมี่จื่อซาเฉาและฝูหยวนจื่อมาถวายแก่องค์หวงตี้ ดวงตาของนางพลันเหม่อลอยแม้ว่าปากจะเอ่ยออกไปตบรับคำก็ตาม ในเมื่อนางได้รับคำไหว้วานของผู้เป็นดั่งพระอัยยิกาแห่งปวงประชาไหนเลยจะกล้าหักหาญน้ำใจจึงเป็นที่มาของนางได้มายืนอยู่ ณ ตำหนักเว่ยหยาง

  “พระสนมมีธุระกระไรหรือพะยะค่ะ”

   องครักษ์หน้าตำหนักแห่งองค์หวงตี้เอ่ยถาม นางสนมแห่งพระองค์ก็ผินใบหน้าไปด้านหลังเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้พวกเขาเมียงมองสาวใช้ยกถาดอาหารมา

   “ข้าได้รับพระเสาวนีย์จากองค์ไท่โฮ่วให้ยกพระกระยาหารมาถวายหวงตี้”

   เมื่อนางเอ่ยเสร็จสิ้น องครักษ์หน้าตำหนักก็ปล่อยให้นางเข้าตำหนักเว่ยหยางเพื่อถวายเครื่องคาวหวานตามรับสั่ง สองขาเรียวก้าวเดินเข้าไปพบกับเรือนพักใหญ่งดงามยิ่งกว่าผู้ในในพระราชวัง มังกรทองประดับตามเสาตำหนักเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าของอย่างดี บ่าวใช้ในเรือนมารับหน้าทราบธุระแล้วจึงเอ่ยบอกแก่นางผู้เป็นสนมว่าองค์หวงตี้อยู่ในห้องทรงอักษรส่วนพระองค์

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยขอให้สาวใช้นำทางเนื่องด้วยตนเพิ่งจะเคยมาที่แห่งนี้คราแรก ใช้เวลาราวครึ่งก้านธูปก่อนที่นางจะมาถึงหน้าห้องทรงอักษรส่วนพระองค์ นางเอ่ยแจ้งผู้เฝ้าประตูถึงธุระของนาง…อีกครั้ง…อีกครา ให้ผู้เฝ้าประตูไปแจ้งแก่นายเหนือหัวแห่งต้าฮั่นได้รับทราบถึงการมาของนาง ทว่าเอ่ยตอบได้ไม่ทันจะสิ้นคำดีประตูตรงหน้าพลันเปิดออก ปรากฎร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีทมิฬแฝงกลิ่นอายเยือกเย็น ใบหน้างดงามไร้แย้มยิ้ม ดวงตาสีดำจดจ้องนางที่เสมอว่าปรากฎตรงหน้าไม่ต่างด้วยความประหลาดใจอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ใบหน้านิ่งเฉยนั้นจะกระตุกมุมริมฝีปากแย้มยิ้มแสนมากเล่ห์ออกมา ทำเอาสตรีบางในอาภรณ์ไหมสีท้องนภาปักดิ้นทองลายเมฆคลุมทับไหมโปร่งเบา เกล้าเรือนผมงามขึ้นสูงปักปิ่นทองลายกิ่งสนประดับพลอยสีครามส่งเสียงกระทบกันฟังไพเราะอย่างน่าประหลาด ดวงตาสีดำสลับขาวชัดเจนปกติแลกลมโตอยู่แล้ว ทว่าการพบกันอย่างกระทันหันของผู้ที่นางไม่คาดคิดว่าจะได้เจอรวดเร็วถึงเพียงนี้ทำเอาดวงตาของนางเบิกกว้างเป็นไข่หงส์

   ฉางซานเซียนหวาง

   “ถวายพระพรหวางเย่เพคะ”

   “อย่าได้มากพิธี พระสนม เปิ่นหวางเสร็จธุระแล้ว ไม่รบกวนพระสนมผู้มาก ’ปัญญา’ ”


   สิ้นวจีที่เอื้อนเอ่ย ร่างสูงก้าวเดินออกจากพื้นที่หน้าห้องทรงอักษรไปอย่างนึกอารมณ์ดีต่างจากเสี้ยวช่วงเวลาก่อนประตูเปิด ปล่อยให้เป็นนางที่ถูกศรพิษปักกลางอกเข้าอย่างจัง ดวงหน้าผินมองเจ้าของคำหยอกเอินราวกับไม่มีแก่นสารสำหรับผู้อื่นอย่างไม่อยากจะเชื่อใบหู เพราะสำหรับนางมันหมายถึงการยืนยันสิ่งที่ดวงตาเห็น ณ ชั้นบนของหอหลินเยี่ยนเกอเมื่อคืนนี้

   “พระสนม เว่ยเจียเหม่ยเหริน ขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   เสียงของจางกงกงผู้ก้าวเดินออกมารับสารจากผู้เฝ้าประตูได้เรียกสติของนางที่แลเหมือนจะหลุดลอยไปตามชายอาภรณ์สีเข้มให้กลับมาสนใจสถานการณ์ตรงหน้าของตนเอง ร่างบางรับถาดอาหารจากสาวใช้ เอ่ยบอกให้นางกลับไปพักเสียก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปยังห้องทรงอักษร ยอบกายน้อยถวายพระพรและเอ่ยธุระของนางด้วยความหวังที่ว่าจะเร่งเอ่ยถวายแล้วเร่งกลับเรือนพักเสีย

   “เว่ยเจียเหม่ยเหริน — เว่ยเจียเหลียนฮวา ถวายพระพรองค์หวงตี้ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี”

  “อย่าได้มากพิธี”

   น้ำเสียงที่นางได้ยินเพียงแว่วเสียงจากที่ไกลแสนไกล บัดนี้เอื้อนเอ่ยตรงหน้าให้นางได้ยืดกายออกจากท่าทางเมื่อยกิริยานี้ ทันใดที่ดวงหน้าเงยขึ้นเมียงมองภาพตรงหน้าพลันสบเข้ากับดวงตาคมคายบนรูปหน้างดงามและหล่อเหลาในเวลาเดียวกัน หากให้เอ่ยว่าเป็นวาสนานางที่ได้มีสามีรูปงามนับว่าไม่เกินจริงเพียงใดนัก

  ทว่าวาสนานี้เป็นวาสนามีสามีมิได้เคารพฟ้าดิน น่าขันนัก

   ดวงตากลมที่เผลอไผลสบกับเขาเร่งเบนสายตาหนีมาจ้องมองถาดอาหารในมือ เรียกสติให้อยู่กับเนื้อกับตัวและเอ่ยธุระของนางไปเสียให้จบ ๆ

  “หม่อมฉันปรุงพระกระยาหารถวายองค์ไท่โฮ่วแล้วพระองค์ทรงรับสั่งให้นำ มี่จือชาเฉา ฝูหยวนจื่อ และ สุรานารีแดง มาถวายแด่พระองค์เพคะ”

   น้ำเสียงใสเอ่ยขึ้นมาอย่างฉะฉานแจงว่ามีสิ่งใดที่นางถือมาบ้าง ทั้งยังมีสุราที่...เหมือนว่าจะโดนยัดเพิ่มให้มาถวายด้วย  ก่อนจะยื่นให้กงกงได้นำไปถวายต่อให้พระองค์เอง ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น..

   “ฝ่าบาท พระองค์ทรงงานมานานแล้ว โปรดพักทานอาหารจากพระสนมสักครู่เถิด” จางกงกงหันไปเอ่ยกับหวงตี้ก่อนจะผายมือให้นางไปทางโต๊ะที่ว่าง “พระสนมนำไปขึ้นโต๊ะทางนั้นพะยะค่ะ”

          คำว่า หมดธุระแล้ว ขอตัวก่อน ที่นางหวังจะได้เอ่ยพลันต้องกลืนลงท้องจากความเรียบเฉยในดวงตาเริ่มปรากฎคำถามและคลื่นอารมณ์ขึ้นมาอย่างไม่ได้ปิดบังอะไร เนื่องด้วยตนเป็นผู้น้อยไหนเลยจะปฏิเสธได้ เว่ยเจียเหลียนฮวาจำต้องเดินไปจัดวางจานอาหารให้เรียบร้อยและหมายมั่นจะเอ่ยคำว่า ขอตัว ให้ได้

  “เจิ้นยังไม่หิว”

   คำสั้น ๆ จากโอรสสวรรค์ช่างเป็นคำที่เสนาะหูที่สุดในบรรดาคำกล่าวของทุกผู้คนในวันนี้ นางแย้มยิ้มด้วยความยินดีที่จะได้เอ่ยคำที่ตระเตรียมไว้ทว่ากลับต้องกลืนอีกครั้งเมื่อจางกงกงเอ่ยสั่งนางอีกหน

   “เช่นนั้นแล้วประเดี๋ยวกระหม่อมจะไปแจ้งสาวใช้ให้ไปตระเตรียมแก้วร่ำสุราเพิ่มเติมเผื่อฝ่าบาทต้องการเสวยพระกระยาหาร ขอพระสนมช่วยฝ่าบาทฝนหมึกแทนข้าน้อยสักครู่ด้วยเถิด”

   มารดามันเถิด

   “เจ้าค่ะ”

   คำกล่าวในหัวกับคำสองพยางค์ที่เอ่ยรับช่างห่างไกลราวฟ้ากับเหว เหลียนฮวากระทำสิ่งใดมิได้นอกจากต้องเดินตรงไปที่นั่งข้างโต๊ะทรงอักษร หยิบแท่งหมึกมาฝนให้ข้างกายองค์จักรพรรดิเนื่องจากจางกงกงหายตัวไปแล้วเรียบร้อย

   ทุกสิ่งภายในห้องทรงอักษรเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝนหมึกและเสียงพู่กัน หากนี่มิใช่การปรนนิบัติกลาย ๆ สภาพแวดล้อมนี้คงจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ถูกใจสตรีหนอนตำราเช่นนางไม่น้อย นางก้มหน้าฝนหมึกอย่างขะมักเขม้นอยู่สักพักสายตาก็เริ่มซุกซนอ่านปกม้วนตำราบ้าง อ่านตัวอักษรที่พระองค์เขียนบ้าง ชื่นชมฝีพู่กันบ้าง

   ทรงพระปรีชาโดยแท้

   ไร้เสียงเอื้อนมีเพียงความคิดคำนึง นางนึกชื่นชมผู้เป็นโอรสสวรรค์ผ่านเนื้อหาที่เขาเขียน ฝีแปรงที่ลงน้ำหนักจรด ความหนักเบาและความคมชัดที่สะท้อนตัวตนที่หนักแน่นอย่างน่าประหลาด หากผู้ใดเอ่ยถามนางว่าฝีแปรงใครบ้างในชีวิตที่นางชื่นชมมากที่สุดคนมีฝีแปรงของฝ่าบาทด้วยเป็นแน่ นางชื่นชมอยู่เช่นนี้ก่อนจะไปสะดุดกับม้วนกระดาษ่างเปล่าที่เขียนเพียงหัวข้อกำกับไว้ว่าแผนการอุทกภัย

  “หม่อมฉันขอบังอาจถามปี้เซี่ย” ด้วยความใคร่รู้นางเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบงัน “ฝ่าบาท… จะกระทำเช่นไรกับเหตุอุทกภัยที่แถบกลางของเหอหนานหรือเพคะ”

   ด้วยความที่บ้านนางอยู่ไคเฟิง หนึ่งในเมืองของมณฑลเหอหนาน เช่นนั้นแล้วเรื่องของอุทกภัยช่วงเวลานี้ของทุกปีย่อมมีความเป็นห่วงแก่ประชาราษฎ์ไม่มากก็น้อย สิ้นคำถามของสตรีมือที่ตวัดพู่กันไม่หยุดหย่อนชะงักชั่วครู่ก่อนจะกลับไปลากฝีแปรงอีกครา

   “แล้วเหม่ยเรินคิดเห็นเช่นไร ?”

   “หม่อมฉันคิดว่าจากการที่เกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง เราควรขุดคลองน้ำมากขึ้น ทั้งสามารถเก็บน้ำใช้ในยามแล้งและช่วยกระจายน้ำจากแม่น้ำไม่ให้ไหลท่วมหนัก นำดินที่ขุดคลองไปถมขอบแม่น้ำให้เป็นคันกั้นน้ำในช่วงบริเวณที่ประสบภัยทุกปี แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังคงต้องสำรองทรัพยากรสำหรับรับมือในกรณีที่วิธีการเหล่านี้ไม่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้ทุกคนเพคะ”

   ดวงหน้างามเอ่ยก่อนจะเงยใบหน้าขึ้นเพื่อต้องการอ่านความเห็นจากสีหน้าขององค์ฝ่าบาทเนื่องด้วยนางไม่นึกจะได้ยินสิ่งในออกจากปากของโอรสสวรรค์ผู้นี้อยู่แล้ว ทว่าใบหน้าคมคายตรงหน้าของนางมีเพียงความเรียบเฉยและเย็นชา วจีที่เอ่ยออกมามีเพียงสองคำและปล่อยประเด็นนี้ให้ลอยเคว้งไปกับลมหายใจเข้าออก

   “งั้นหรือ”

   “เพคะ”

   แล้วทั้งห้องก็กลับมาสู่ความเงียบงันอีกครา จนป่านนี้จางกงกงก็ยังไม่กลับมาจากการไปหาสาวใช้เรื่องน้ำชา การเวลาค่อย ๆ ดึกขึ้นไปทุกทีจนดวงตาเริ่มหนักอึ้ง มือเล็กที่ฝนหมึกเริ่มหยุดลงบางขณะ ศีรษะเล็กเริ่มคล้อยต่ำด้วยความง่วงงุนจนกลายเป็นการสัพงก

   “เจ้ากลับไปเถิด เจิ้นจะถือว่าเจ้าให้การปรนนิบัติแล้ว”

   “ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวเพคะ”

   ได้ยินคำกล่าวอนุญาตแล้วก็เด้งกายขึ้นยืน ย่อถอนสายบัวขอตัวและเดินกลับเรือนด้วยความไวว่อง

   โดยมีสายตาทั้งงุนงงและเสียดายจากจางกงกงที่นางเดินผ่านระหว่างออกจากตำหนัก






ถวายอาหาร และ ปรนนิบัติยามค่ำคืนหวงตี้

ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย

@Admin 

แสดงความคิดเห็น

หลิวชุ่นหลังเดินผ่านมา เขาจำแม่นางน้อยในหอบัณฑิตวันก่อนได้ไม่ลืม ดูเหมือนแผนที่เขาจะผลักดันนางมาทำงานช่วยฝ่าบาทคงไม่ต้องทำเสียแล้ว  โพสต์ 2024-7-18 01:29
วันพรุ่งนี้ หวงตี้ให้กงกงนำ +2 ตำลึงทองไปพระราชทานให้ เว่ยเจียเหม่ยเหรินที่เรือนเป็นรางวัลโดยไม่แจ้งว่าเพราะอะไร  โพสต์ 2024-7-18 01:09
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2024-7-18 01:03
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2024-7-18 01:03
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2024-7-18 01:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +70 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 70

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-18 23:27:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-19 00:05



ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน


   ในระหว่างทาง ก่อนจะไปปรนนิบัติองค์หวงตี้นางก็คิดขึ้นได้ว่าคงจะดีกว่าถ้ามีกระไรสักอย่างติดไม้ติดมือไปถวายไม่ให้ดูตัวเปล่าเกินไปก็ไม่แย่นางจึงแวะเข้าไปยังห้องเครื่องเช่นเดิม นางมาดมั่นไว้ว่าคงไม่พ้นฝูหยวนจื่อของโปรดนางเป็นของกันตายว่าหากฝ่าบาทไม่เสวยก็จะเป็นนางเองที่จะได้ลาภปากบุญท้องในครานี้ โชคดีนักที่ห้องเครื่องในยามนี้ไม่ได้วุ่นวายจึงไม่ต้องออกแรงลงมือทำเองให้เสียเวลาเช่นกาลก่อน ตอนนี้จึงเป็นภาพตำเช่นเดิมที่นางเดินนำสาวใช้ที่กำลังถือถาดฝูหยวนจื่อเดินตาม

  “ดูเสียสิ ผู้ใดกันที่ออกมาเดินเช่นนี้”

   คลับคล้ายว่าจะจดจำได้ว่าสตรีผู้เดินมาดักหน้านางเป็นพระสนมยศเหม่ยเหรินเช่นกัน ทว่ากลับไม่คล้ายจดจำนามของผู้นี้ได้แม้แต่สกุล แม้เว่ยเจียเหลียนฮวาจะเป็นสตรีผู้ได้รับการขนานนามเรื่องสติปัญญามากเพียงใด ทว่าด้วยเนื้อแท้แล้วนางมิใส่ใจจำสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ เช่นนั้นแล้วการที่นางไม่ได้จดจำผู้ที่คาดว่าไม่น่าจะมีผลต่อตัวนางจึงเป็นทั้งดาบสองคมที่ทำให้นางเปลืองเนื้อที่ความจำแต่ก็ต้องมาตกระกำเอายามนี้

   ตกระกำลำบากยิ่ง สตรีผู้นี้มีนามว่ากระไรหนา ?

   “ไอหยา ท่าทางหยิ่งทะนงมิใช่น้อย ฝ่าบาทพลิกป้ายเจ้าครานี้ก็ปีกกล้าเลยหรือ ?”

  “อย่างน้อยก็มีสิทธิมากกว่าเจ้าที่ไม่แม้จะถูกชายตามอง”

   จดจำนามไม่ได้ก็ช่างปะไร ในเมื่อฝีปากนางอยู่เหนือทุกสิ่ง พระสนมปริศนาตรงหน้าได้ยินสิ่งที่นางเอ่ยก็พลันแข็งค้างก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับว่าสิ่งที่นางเอ่ยช่างน่าขัน ทว่าในสายตาของเหลียนฮวานั้นเหมือนสตรีผู้นี้กำลังกลบเกลื่อนโทสะที่กำลังก่อตัว เช่นนั้นแล้วสิ่งที่น่าขันเกรงว่าจะเป็นสภาพของผู้ระงับโกรธาในอกเสียมากกว่า

   “สามหาวนักนะ เว่ยเจียเหม่ยเหริน แม้ว่าเจ้าจะได้ปรนนิบัติฝ่าบาท ทว่าพระองค์มิได้รักเจ้าเลย จงอย่าลำพองใจ”

   “รัก ? เจ้าอ่านวรรณกรรมประโลมโลกจนแยกแยะความเป็นจริงไม่ได้แล้วหรือ ผู้ใดกันจะหวังความรักอันฉาบฉวยจากสามีมากภรรยา” นางเอ่ยพลางแย้มยิ้มอย่างเห็นใจ “หรือเป็นเจ้าที่หลงรักพระองค์ ตายแล้ว ไร้เดียงสานัก”

   “เจ้ากล้า !”

   เพี๊ยะ!!

   สิ้นวจีก็เป็นเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของบุตรีเจ้ากรมโยธาธิการ สาวใช้ข้างหลังนางส่งเสียงด้วยอารามตกใจกำลังปรี่ตัวจะเข้ามาดูอาการทว่าต้องรั้งเอาไว้เพราะมือเล็กที่ยกขึ้นห้าม ด้วยนางที่เป็นบุตรีคนรอง ใช่ว่าจะไม่เคยชิมรสฝ่ามือคนเรือนใหญ่ ไหนเลยแค่นี้นางจะไม่รู้เรื่องราวกลับกันแล้วเป็นนางที่ตั้งใจรับฝ่ามือนี้เสียมากกว่า

  “เท่านี้ก็ถือว่าเจ้าเริ่มก่อนแล้ว”

   เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!!

   แม้ไม่อาจเสียงกังวาลใสได้เท่าอีกฝ่ายที่ตบนางด้วยพละกำลังอันน้อยนิด ทว่าการเอาคืนที่เหมาะสมคือการทดแค้นแทนคุณเป็นสองเท่าพร้อมกับพลักให้ออกไปจากทางเดินของนาง

   “ประพฤติตนให้งามเสมอเถิดพระสนม ประเดี๋ยวจะถูกเมียงมองดังหวังแน่”

   สิ้นวจีกล่าวบอกสองมือสะบัดชายอาภรณ์สองเท้าก้าวเดิน พยักเพยิดใบหน้าให้สาวใช้ประจำวันนี้ของนางเดินตามมาดี ๆ หลังจากทิ้งห่างสักพักสาวใช้เอ่ยขอบังอาจเสนอให้นางแต่งหน้ากลบสี ทว่านางก็แย้มยิ้มขอบคุณในความห่วงใยและปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้

  เพราะนี่คือหลักฐานชั้นดีในการฟ้องร้องสตรีผู้นั้น

  “พระสนมเว่ยเจียเหม่ยเหรินขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   ใช้เวลาไม่นานนางก็มาถึงตำหนักเว่ยหยางผู้คนในตำหนักที่เคยพบนางก็รับทราบอย่างดีและผายมือไปทางเดิม ครานี้นางสามารถเดินมาเองได้จึงรับถาดมาถือและปล่อยให้สาวใช้ไปพักผ่อนตั้งแต่ก่อนเข้าตำหนัก เมื่อนางเอ่ยขอเข้าเฝ้า ก็เป็นภาพของจางกงกงที่มาประกาศการปรากฎกายของนางเช่นเดิมและภาพของบุรุษเจ้าของตำหนักนั่งอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรเช่นเดิม ทว่าหากมีสิ่งใดแปลกใหม่คงเป็นภาพของบุรุษในอาภรณ์สีเข้มที่ยังอยู่ตรงหน้าโต๊ะราวกับสนทนาธุระกงการเพิ่งจะแล้วเสร็จไม่ได้ออกมาปะทะกันหน้าประตูเช่นเมื่อวานนี้

  “ถวายพระพรองค์หวงตี้ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายพระพรหวางเย่เพคะ”

  “ท่าทางเสด็จพี่คงจะมีของหวานเสวยยามดึก เป็นวาสนาแท้ที่พระองค์ทรงมีสตรีงามคอยปรนนิบัติ”

   “ไปเรื่อยนัก”

   “หม่อมฉันขอบังอาจเรียนฝ่าบาททั้งสอง พอดีหม่อมฉันตระเตรียมฝูหยวนจื่อมาเผื่อเหลือเผื่อขาดสองถ้วยพอดี เช่นนั้นแล้วขอถวายแด่ฝ่าบาททั้งสองให้พวกท่านได้เสวยของหวานสบายท้องเพคะ”

   ความจริงแล้วนางทำเผื่อทานเอง ทว่าหากเอ่ยเช่นนั้นคงดูไม่ดีนักจึงถือวิสาสะบังอาจถวายแด่บุรุษทั้งสองเผื่อพวกเขาจะนั่งทานอะไรสักอย่างไรระหว่างสนทนาธุระปะปังและเป็นนางที่จะขอตัวกลับ

   “เผอิญว่าเปิ่นหวางเสร็จธุระพอดี เช่นนั้นแล้วก็ให้ห่อปิ่นโตเถิด”

   “ฝูหยวนจื่อทั้งสองไร้พิษสามารถเสวยได้เช่นนั้นประเดี๋ยวกระหม่อมจะจัดการให้พะยะค่ะ ขอพระสนมถวายแด่ฝ่าบาทไปก่อน”

   ราวกับเจอช่องทางดันนางเข้ากรงมังกรทอง บุรุษผู้เป็นขันทีข้างกายองค์หวงตี้เร่งยกถ้วยฝูหยวนจื่อไปหนึ่งถ้วยก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับหวางเย่ที่จดจ้องนางแลทิ้งไว้เพียงเสียงขบขันในลำคอดังแว่วตามสายลมและบุรุษสตรีผู้เป็นสามีภรรยาในห้องกว้าง

  “หม่อมฉันจะตั้งโต๊ะถวาย ขอพระองค์ทรงเสวยเพคะ”

  “เจิ้นยังไม่หิว”

   เมื่อคืนนี้เป็นเช่นไร คืนนี้ก็เป็นเช่นนั้น ด้วยการคาดการมาก่อนแล้วเมื่อได้ยลเช่นนี้จึงแย้มยิ้มงามอย่างพอใจในคำตอบของโอรสสวรรค์ทันตา

   “เช่นนั้นแล้วหากพระองค์ไม่ประสงค์จะเสวย หม่อมฉันเสียดายฝูหยวนจื่อที่ต้องทานตอนร้อน ๆ นัก ขออนุญาตรับประทานแทนฝ่าบาทนะเพคะ”

   สิ้นวจีเอ่ยขอก็ทิ้งกายนั่งลงเก้าอี้ที่โต๊ะด้านล่างของห้องทรงอักษร ตักฝูหยวนจื่อนุ่มหวานอย่างพออกพอใจ ทว่าเป็นเช่นนี้ได้เพียงสองสามคำก็มีสุรเสียงทุ้มดังขึ้นดึงนางออกจากของหวานที่นางรัก

   “มาฝนหมึก”

   …

   เว่ยเจียเหลียนฮวาที่กำลังจะตักคำที่สี่เข้าปากพลันต้องชะงักค้างและปล่อยทิ้งไว้บนโต๊ะและก้าวเดินไปประจำที่ฝนหมึกข้างโต๊ะทรงอักษรที่เดิม ในเมื่อบัดนี้นางถูกพรากจากของหวานที่นางรักแล้วไซร้เขาก็ต้องชดใช้ด้วยการแลดูละครจากพหูสูตรน้อยการละคร ร่างเล็กฝน ๆ หมึกไปเรื่อยเช่นเดิมเพิ่มเติมคือมีแตะ ๆ มุมริมฝีปากบ้าง แก้มใสที่เป็นรอยนิ้วมือบ้าง หวังให้โอรสสวรรค์พิศมองและถามไถ่

   ทว่าดูเหมือนว่าการละครของนางช่างอ่อนด้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าโอรสสวรรค์ ไม่เพียงไม่ถามไถ่ ซ้ำร้ายเมียงมองเสมืองผ่านตาแลไม่สนใจ สุดท้ายก็เป็นเช่นเดิมคือนางนั่งฝนหมึกจนดึกดื่นแล้วจึงได้รับคำอนุญาตให้กลับเรือนพักดังเมื่อคืนนี้










ถวายอาหาร และ ปรนนิบัติยามค่ำคืนหวงตี้ อีกรอบ...
ส่งบัวลอยให้ ฮั่นอู่ตี้ และ ฉางซานเซียนหวาง

ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย

@@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-18 23:47
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-18 23:46
โพสต์ 20754 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-18 23:27
โพสต์ 20,754 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-18 23:27
โพสต์ 20,754 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-18 23:27

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +10 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 10 + 1 + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-20 02:27:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน


“พระสนมเว่ยเจียเหม่ยเหรินขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   เป็นอีกคราที่นางมาเยือนตำหนักของมังกรทอง ไม่ว่าจะอีกสักกี่คราข้าวของภายในก็ทำให้นางตื่นตะลึงอยู่เสมอถึงความงดงามอลังการงามสร้างราวกับต้องใช้ทั้งชีวิตก็ไม่อาจสร้างได้เช่นนี้ ข้ารับใช้ภายในตำหนักแลเหมือนจะจดจำได้เป็นที่เรียบร้อยไปเสียแล้ว เพียงเห็นพระสนมเว่ยเจียเหม่ยเหรินพร้อมถือถาดอาหารย่อมปล่อยผ่านราวกับหลังจากนี้จะได้แลเห็นเช่นนี้ประจำ

   หารู้ไม่ว่าก็แค่ช่วงนี้ที่ถูกพลิกป้ายนั่งแล…

   อนิจาโชคชะตาจะเป็นเช่นไรนางก็ไม่อาจทราบได้

   จางกงกงแม้นประหลาดใจว่าเหตุใดสตรีที่องค์หวงตี้เอ่ยปากบอกให้พักผ่อนกลับมาเยือนตำหนักเช่นเดิม ทว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีการที่สตรีวังหลังเอาใจใส่โอรสสวรรค์เช่นนี้คงแลเห็นหนทางของทายาทในอนาคต ใต้เท้าคนสนิทข้างกายหวงตี้เอ่ยแจ้งหวงตี้แล้วก็เชิญนางเจ้าห้องทรงพระอักษรเช่นเดิมและภาพก็ดำเนินการไปเช่นเดิมเหมือนที่เคยเป็นมา

   “ถวายบังคมแด่องค์หวงตี้ ทรงประเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น หมื่นปี” เอ่ยถวายความเคารพเสร็จก็หันไปทางบุรุษที่อยู่ข้างกายตนเองในยามนี้ เจ้าของอาภรณ์ที่ทมิฬผู้อยู่ภายในห้องก่อนหน้านาง “ถวายบังคมฉางซานเซียนหวางเพคะ”

  “เจิ้นจำได้ว่าให้เจ้าพักที่เรือน”

   “เรียนฝ่าบาท หม่อมฉันเพียงยกขนมไปให้ไทโฮ่ว ทว่าพระองค์ทรงประสงค์ให้หม่อมฉันนำขนมเฉียวกั่วนี้มาถวายแด่ฝ่าบาทเพคะ” นางเอ่ยอย่างนอบน้อมก่อนจะหันไปบุรุษข้างกายเช่นกัน “พอดีหม่อมฉันทำมาถวายเสียมากมาย สามารถยกถวายแด่หวางเย่ได้เช่นกันเพคะ หากพระองค์ประสงค์หม่อมฉันจะให้สาวใช้นำไปใส่ปิ่นโตเช่นเมื่อวาน”

   “วาสนาท้องข้าแล้วกระมังที่พระสนมใจดีปันขนมมาให้เปิ่นหวางเช่นกัน” สุรเสียงของฉางซานเซียนหวางดังขึ้นช่างดูเจ้าเล่ห์มีสิ่งใดภายในใจเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่จดจ้องลงมา ดวงตากลมสบเข้าใบหน้าเช่นนี้สักพักก่อนที่จะผลพออกพร้อมกับใบหน้าคมคายของเชื้อพระวงศ์จะกลับไปเมียงมองพระยุรญาติแห่งตน “เช่นนั้นแล้วเสด็จพี่ก็ถนอมนางดี ๆ เล่า นิ่งเงียบเป็นพระอิฐพระปูนระวังสตรีไม่เหลียวไม่แล”

   “สิ้นธุระแล้วก็ไปเสีย”

   สุรเสียงทรงอำนาจแห่งผู้ปกครองต้าฮั่นเอ่ยขึ้นมา ละสายตาจากปลายพู่กัน เงยใบหน้าฟ้าประทานมาทอดพระเนตรจดจ้องผู้เป็นพระอนุชาของพระองค์ราวกับต้องการจะไล่หากไม่มีธุระกงการอะไรจะเอ่ยอีกแล้ว บุรุษข้างกายเมื่อทราบดีว่าพระเชรษฐาของตนเองต้องการสิ่งใดก็ขบขันออกมาอย่างแผ่วเบาและขอตัวออกไปพร้อมกับภาพเดิมอย่างจางกงกงหนีไปจัดการใส่ปิ่นโตขนมหวานทิ้งให้นางอยู่ภายในห้องเพียงลำพังกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

  “ส่วนเจ้า มาฝนหมึก”

   นึกว่าจะกล่าวว่า เจิ้นไม่หิว เสียอีก

   แต่จะประโยคใดก็ไม่ต่างกันนักเมื่อข้ามจากขนมในมือนางมาสั่งงานให้นางกระทำอยู่เงียบ ๆ ด้วยทราบว่าพระชนนีต้องการสิ่งใดจึงส่งนางมาหาถึงตำหนัก ยังดีที่เว่ยเจียเหม่ยเหรินไม่เอ่ยวาจาประจบประแจงน่ารำคาญจึงพอจะเว้นที่ไว้ให้นางได้อยู่เฉย ๆ ในนี้ ปล่อยให้ข้าหลวง บ่าวใช้ประจำตำหนักเซวียนเต๋อไปรายงานเอาเองถึงระยะเวลาที่รพะสนมใช้กับหวงตี้

   ในระหว่างนี้เอง เหลียนฮวาที่ปกติวางขนมไว้ที่โต๊ะอื่น ทว่าครานี้จงใจวางตรงหน้าองค์หวงตี้แสร้งแสดงใบหน้าว่ากระทำไปเพียงต้องการมองขนมหวานให้ก่อนจะเดินไปประจำที่ฝนหมึกต่อไปอย่างรู้งาน นางนั่งเงียบ ๆ เช่นนี้อยู่สักพักใหญ่เชียวกว่าจางกงกงจะกลับมาอีกครั้งและนางก็ได้ฤกษ์งามยามดีกระทำตามแผนการ

   “ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจเรียนถาม” นางเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาในห้องเงียบสงัด “พระองค์ทรงชมชอบสตรีเช่นไรหรือเพคะ ?”

   มีเพียงความเงียบงันที่มอบให้ มองหนาตวัดพู่กันต่อไปไม่หยุดหย่อน ทว่านางที่พอจะทราบว่าบุรุษผู้นี้ไม่ชอบความน่ารำคาญเพียงใดจึงพยายามจดจ้องใบหน้าของเขาราวกับว่าเฝ้ารอคำตอบมากเพียงใด ฮั่นอู่ตี้ผู้รับรู้สายตาของสตรีข้างกายก็วางพู่กันในมือลงหันมาทอดพระเนตรนาง

  “สตรีที่ไม่น่ารำคาญ” ดวงตาเรียวคมจดจ้องอย่างต้องการหุบปากนางไว้เสีย

   ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ใบหน้างามพอน่าพิศของเว่ยเจียเหลียนฮวาแย้มยิ้มด้วยความปิติที่ทุกสิ่งพอเป็นไปตามที่นางคาด ตั้งใจทวนคำตอบจากองค์หวงตี้ราวกัยต้องการส่งไปถึงขันทีน่าตายผู้หนึ่งที่เพิ่วจะเข้าห้องได้ไม่นาน

   “ฝ่าบาทคงจะทรงมีพระประสงค์ให้กระทำเพียงหน้าที่ตามที่ได้มอบหมายเงียบ ๆ หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”

   เอ่ยเสร็จก็ลงมือฝนหมึกต่อไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็ได้ยินเสียงเค้นในลำคอดัง หึ ออกมาเบา ๆ พร้อมกับเสียงพู่กันที่ตามมา ดวงตากลมเหลือบไปมองจางกงกงแล้วแย้มยิ้มงามมากความหมาย ส่งข้อความผ่านบทสนทนาเมื่อครู่เพื่อต้องการบอกว่า

   อย่าได้ตามนางไปร่ำเรียนกระไรน่ารำคาญ หวงตี้ประสงค์เพียงให้นางนั่งฝนหมึกเป็นนางใบ้ก็เท่านั้น






[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ และ [NPC-05] หลิวชุ่น

+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน
+15 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง

รวมทั้งหมด คนละ +40 ความสัมพันธ์

ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย
@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-7-20 10:03
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-7-20 10:03
โพสต์ 15899 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-20 02:27
โพสต์ 15,899 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-20 02:27
โพสต์ 15,899 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-20 02:27

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-22 21:47:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย FuMi เมื่อ 2024-7-22 21:53





สองบุตรีต่างเกียรติวงศ์
-7-



            ตำหนักเว่ยหยางคือสถานที่เช่นไร.. เขตฝ่ายในที่ประทับองค์จักรพรรดิ์สนมนางในนับพันปรารถนาเข้าใกล้ก็ได้แต่เฝ้ารอวาสนามาเยือน ครานี้สนมทั้งสองมาเยือนพร้อมกันรายหนึ่งนอนแน่นิ่งหลังแนบเตียงหลังเล้กใบหน้าใต้กรอบทองคำซีดขาว อีกรายนั่นเล่าถูกผู้ควบคุมจริยายืนคุมให้นั่งคุกเข่าต่อเบื้องพระพักตร์ 


            “ ยังไม่ฟื้นอีกรึ ”


            “ ทูลฝ่าบาท เมื่อครู่เฉินไท่อีฝังเข็มกระตุ้นที่จุดเหรินจงแล้วอีกไม่นานซ่างกวนเหม่ยเหรินก็จะได้สติพะยะฮ่ะ ”


            นายเหนือหัวตรัสถามพระพักตร์เรียบเฉยราวธารน้ำแข็งยากจะคาดเดาพระทัย หัวหน้าขันทีจางกงกงรีบทูลตอบพลางเอ่ยเร่งหมอหลวงเฉินอีกครา เกิดซ่างกวนเหม่ยเหรินไม่ฟื้นขึ้นมาอย่าว่าแต่ธิดาโหวสมควรตายผู้นั้นยังมีพวกเขาพลอยโดนหางเลกไปด้วย 


            ในหนึ่งวันมีข่าวเหม่ยเหรินสนมชั้นสูงสิ้นชีพถึงสองคน วังหลวงได้เกิดมรสุมลูกใหญ่เป็นแน่


            อย่างว่าพระแท่นบรรทมในตำหนักเว่ยหยางไม่เคยมีสนมกำนัลคนใดได้เอนกาย แต่โผล่มารายแรกก็เป็นศพเลยแบบนี้อัปมงคลไปสักหน่อย


            ฝั่งหมอหลวงตรวจสอบดูแล้วจับชีพจรผ่านผ้าแพรบางรายงานตามความจริงร่างกายซ่างกวนเหม่ยเหรินบอบบางยิ่ง ชีพจรคล้ายคนมีเรื่องหวั่นวิตกใจอยู่ตลอดเวลาพักผ่อนไม่พอ พลังชี่อ่อนขนาดนี้คนปกติคงได้เป็นลมฟุบทุกสิบก้าว การที่นางพาตัวเองเข้าวังจนมาหมดสติในเงื้อมมือกงซุนเหม่ยเหรินนับว่าอดทนยิ่ง ปาติหาริย์โดยแท้


            “ ทูลฝ่าบาทซ่างกวนเหม่ยเหรินได้รับความกระทบกระเทือนทางร่างกายและจิตใจ เดิมทีเรี่ยวแรงของนางก็ด้อยกว่าสตรีทั่วไปในวัยเดียวกันอยู่แล้ว จำต้องใช้เวลา.. เอ่อ หลังจากนี้กระหม่อมจะจัดเทียบยาบำรุงให้ ”


            “ ไท่อีจะบอกว่านางร่างกายอ่อนแอ? เช่นนั้นการหาเรื่องกงซุนเหม่ยเหรินหากไม่เขลาปัญญา ก็นับว่ารนหาที่สินะ ”


            รับสั่งกล่าวถึงคนบนเตียงแท้ๆ ทว่านัยน์เนตรมังกรตวัดกลับไปทางกระถางธูปเฉียดศีรษะสตรีปิ่นเหมยแดงไปเพียงนิดเดียว การที่สนมระดับสูงวิวาทแย่งชิงความโปรดปรานเช่นนี้ไม่สบพระราชหฤทัยนักทรงสอบสวนเอาความด้วยตนเองเพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายธิดาขุนนาง ไอเย็นยะเยือกแผ่ทั่วตำหนัก ‘ เหมือนที่ซ่างซูซีเหยียนพูดไว้ไม่ผิด หนึ่งอาละวาด สองร่ำไห้ สามฆ่าตัวตาย จิตใจสตรีเขลาไม่หัดทำเรื่องที่มีประโยชน์เสียบ้าง’


            เหล่าข้าราชบริพารมือเบาเท้าเบามิกล้าหายใจแรงแม้มีใครขยับส่งเดชได้ตกเป็นศูนย์รวมเป้าสายตาให้ได้อกสั่นขวัญแขวน สถานการณ์ตึงเครียดต้องเล่าย้อนไปหนึ่งเค่อก่อนมีเหตุวิวาทของเหล่าเหม่ยเหรินที่ระเบียงซวิ่นเย่ว ไม่ทราบกงซุนเป่าหลินผู้ก่อเหตุขวัญกล้าเทียมฟ้าหรือดวงชะตาถึงฆาตลงมือบีบคอซ่างกวนฝูมี่สนมขั้นสี่แล้วถูกหวงช่างไปพบเห็นเข้าพอดี ยังไม่ทันมีรับสั่งให้คลี่คลายความวุ่นวายซ่างกวนเหม่ยเหรินก็หมดสติไปเสียก่อน ทรงรับสั่งให้นำตัววทั้งสองไปสอบสวนที่ตำหนักเว่ยหยางนี่ก็ผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้วคุ่กรณียังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น 


            กงซุนเป่าหลินเหงื่อชุ่มฝ่ามือเกรงภัยมาถึงตน แม้ใฝ่ฝันถึงฝ่าบาทเพียงใดยามนี้ต้องเอาตัวรอดก่อน


            “ ฝ่าบาทหม่อมฉันถูกใส่ความเพคะ!! นางแพศยานั่นเพื่อใส่ร้ายหม่อมฉันถึงกับแสร้งหมดสติ! ” นางแค่บีบเบาๆ เท่านั้น ใครจะรู้ว่านังหน้ากากผีนั่นจะเปราะบางเพียงนี้


            “ บังอาจ! ฝ่าบาทมิได้ตรัสกับเจ้าอย่าร้องวุ่นวาย! ” จางกงกงสะบัดแส้ขนม้าเรียกผู้คุมจริยาก้าวมาคุมตัว


            พระพักตร์โอรสสวรรค์ยิ่งมายิ่งเย็นชาเขารำคาญเสียงเอะอะสตรีรายนี้คงเป็นะิดากงซุนโหว นอกจากประโคมแต่งกายฉูดฉาดแล้วยังส่งเสียงราวระฆังแตกแผดลั่นไปทั่ว หากมิใช่เข้ามาเป็นสนมตนคงสั่งโบยด้วยกฎกองทัพ ฝั่งกงซุนเหม่ยเหรินเคิดเข้าข้างตนเองว่าด้วยบารมีบิดาพระองค์คงเกรงใจอยู่บ้างสองตากลอกไปใช้ความคิด ระหว่างถอยหนีผู้คุมจริยาก็คลานเข้าไปดึงชายพระภูษาบีบน้ำตาสะอื้นด้วยท่าทีน่าสงสาร


            ต้องงอาศัยจังหวะที่นังคนสมควรตายนั่นยังไม่ฟื้น ชิงสร้างความได้เปรียบ!


            “ ฝ่าบาท.. ซ่างกวนเหม่ยเหรินเข้ามาใหม่นางมิรู้กิริยาควรมิควร จงใจทำตัวเป็นจุดสังเกตน่าสงสัย ดูหน้ากากนั้นสิ! เกิดนางเป็นมือสังหารที่ลอบเข้ามาทำร้ายพระองค์ล่ะ! ” ธิดากงซุนโหวชี้ปราดไปยังร่างแน่นิ่งบนเตียง แสร้งว่าตนนั้นภักดีต่อราชวงศ์อย่างสุดใจช่วยสอดส่องคนร้าย


            “ เป็นนางเข้าไปทำร้ายพี่น้องของหม่อมฉันก่อน บอกว่าหม่อมฉันเป็นธิดาจวนโหวแล้วอย่างไรเมื่อเข้าวังมาก็เป็นได้แค่เหม่ยเหรินขั้นสี่เช่นเดียวกันกับนาง ยังบอกอีกว่าต่อให้เป็นลูกขุนนางยศใหญ่อยู่ในวังมีกฎวัง ต้องคุกเข่าให้นาง! ฝ่าบาทเรื่องนี้ปล่อยไว้มิได้ระเบียบของฝ่ายในจะผิดเพี้ยนเพคะ ”


            “ นางตีหม่อมฉันจนคางแตกนี่คือหลักฐาน! หม่อมฉันมีพยาน! มี.. อู่เหม่ยเหริน เฉาเหม่ยเหริน ทั้งสองก็ถูกทำร้ายทั้งอยู่ในเหตุการณ์นางเป็นคนเริ่มก่อนฝ่าบาทโปรดให้ความยุติธรรมด้วย!! ” ทั้งสองคนนั้นล้วนเป็นหมากเบี้ยของนางสั่งให้ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สายตาอาฆาตเหลือบไปทางสตรีสวมหน้ากาก ซ่างกวนเหม่ยเหรินเจ้าไม่รอดแน่!


            “ อื้ม.. พร้อมทั้งพยาน หลักฐาน ” ทรงเอ่ยเสียงโทนเดียวอย่างไร้อารมณ์สายตาหรุบลงมองมือที่กุมชายพระภูษาวูบหนึ่งเนตรมังกรวูบไหวเกิดจิตสังหารขึ้นมา


            “ บังอาจนัก! ผู้คุมจริยามัวทำอันใดอยู่ยังไม่รีบคุมตัวสนมกงซุน!! ” ยังเป็นจางกงกงที่หูตาไว พระหมื่นปีพื้นเพอารมณ์มิใครดีไปเซ้าซี้แบบนั้นรนหาที่ตายไม่ว่า เจ้าจะพาพวกข้าฉิบหายกันไปด้วยทั้งตำหนัก!


            ขันทีแรงดีสองคนเข้ามาคว้าตัวสนมกงซุนลากออกให้ห้างเบื้องพระบาทนางกรีดร้องอีกคำรบ ชั่ววินาทีนั้นพระโอษฐ์เตรียมเอ่ยรับสั่งลงโทษ จางกงกงถอนหายใจว่าไม่ทันการ จังหวะนรกเดือดนั้นเองจู่ๆ ร่างบนเตียงก็มีการเคลื่อนไหว 


            “ อ้ะ.. โอย ” 


            “ ทูลฝ่าบาท ซ่างกวนเหม่ยเหรินฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ” 


            ความสนใจพระหมื่นปีวกกลับไปที่คนบนเตียง แว่วเสียงถอนหายใจโดยรอบบริเวณตำหนักเว่ยหยางช่างเป็นดาวนำโชค ฟื้นได้จังหวะโดยแท้!


            ดูเหมือนสตรีสวมหน้ากากทองจะยังคงสับสนมึนงงอยุ่มากว่าตนมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร ม่านพรางตาทำให้มองไม่เห็นเจ้าของตำหนักมีเพียงจางกงกงอธิบายเรื่องราวสรุปสถานการณ์ให้นางเข้าใจ หลังเกิดเหตุที่ระเบียงซวิ่นเยว่ตนถูกกงซุนเหม่ยเหรินบีบคอจนสติดับวูบ เป็นช่วงเดียวกับที่ฝ่าบาทผ่านมาเห็นเข้าพอดีตอนนี้คู่กรณีถูกพาตัวมาสอบสวนรอก็แต่นางฟื้นมาให้ปากคำ


            ฝูมี่เข้าใจเรื่องราวแล้วยกมือขวาขึ้นทาบแก้มเอียงคอ เอ.. ตำหนักเว่ยหยางกลายเป็นที่ว่าการแต่เมื่อใด


            “ ขออภัยท่านหมอหลวงทำท่านลำบากรักษาแล้ว ฝูมี่.. ไม่เป็นอันใดเพียงอ่อนล้าเล็กน้อยเท่านั้น ”


            “ซ่างกวนเหม่ยเหริน!!” จางกงกงเรียกสตินางอีกคราวนางไม่เห็นโอรสสวรรค์ด้านหน้าเตียงรึ!


            “ค ค่ะ!! ซ่างกวนเหม่ยเหรินเองเจ้าค่ะ!” คนขวัญอ่อนอย่างฝูมี่เรียกดังสักหน่อยก็สะดุ้งเฮือกเผลอขานรับจนแทบกัดถูกลิ้นตัวเอง


            เสียงนี้.. คล้ายว่าพระองค์เคยได้ยินมาก่อน กระจ่างนุ่มนวลราวธารหยก แววหวานดุจปักษาสวรรค์ครวญ แม้เอ่ยด้วยอารมณ์ตกใจกลับไม่ระคายหูสะอื้นอยู่ก็ยิ่งชวนฟัง แปลก.. มีเอกลักษณ์มาก เพราะคำของกงซุนเหม่ยเหรินโอรสสวรรค์ครุ่นคิดถึงตัวตนของสตรีผู้สวมหน้ากากทองคำพินิจให้ชัดก็คลับคล้ายคลับคลาอยู่บ้างจริงๆ 


            “ จางกงกง ” พระหมื่นปีตรัสคำเดียวขันทีคู่พระทัยก็ก้าวออกไปยืนเงียบๆ ห่างๆ


            เมื่อเสด็จเข้าใกล้ในระยะหัตถ์หนายกม่านพรางตาขึ้นให้คนบนเตียงได้รับรู้การมีอยู่ของตนเต็มสองตา ลวดลายมังกรบนภูษาทรงเด่นชัด วรองส์สูงสง่าทาบเป็นเงาบารมีลงบนร่างเล็ก โครงพักตร์ดั่งพุทธรูปหยกแม้งดงามเลอลักษณ์ทว่ายิ่งสูงส่งเหนือจินตนา ตนเคยเชื่อว่าพี่ชายนั้นเป็นยอดบุรุษรูปงามในดินแดนจำต้องเปลี่ยนความคิดใหม่.. 


            ถึงสมองจะกลับมาทีละน้อย นางก็ทราบดีว่าบุรุษผู้เดียวสามารถยืนอยุ่เหนือคนนับหมื่นครองชุดคลุมมังกรได้มีเพียง..


            “ ฝ..ฝ่าบาท ” ในใจแตกตื่นลนลานมือไม้กลับเคลื่อนไหวอย่างนิ่มนวลรีบก้าวลงจากเตียง นางคงก้าวไวไปลืมนึกถึงกำลังตนเองแข้งขาอ่อนแรงฟุบลงไปแทบพื้นร้องอยู่ในใจว่าแย่แล้ว! รีบประสานมือเสมอสะโพกซ้ายให้กลายเป็นท่าถวายบังคมแบบถอนสายบัวสุดแสนโบราณไปเสียเลย ก้มหน้างุดกล่าวติดละอาย


            “ ซ่างกวนฝูมี่.. ซ่างกวนเหม่ยเหริน ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีเพคะ ”


            ในความคิดฝูมี่คือ ‘ข้าอับอายขายหน้าแล้วหนนี้!’ 

            ในความคิดผู้เฝ้ามองรายอื่น ‘แช่มช้อย งดงาม โวหารใดจะปาน…’

            จางกงกงกำลังครุ่นคิดว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเคยเห็นการถวายคำนับเช่นนี้ราวรัชกาลก่อนได้..
            ฝั่งโอรสสวรรค์ลูบคางเม้มพระโอษฐ์คล้ายสะกดความรู้สึกอธิบายยากบางอย่างอยู่


            มีเพียงผู้เดียวที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ‘นังแพศยาแกกล้าดึงดูดความสนใจฝ่าบาทในเวลาแบบนี้งั้นหรอ!!’


            “ ไม่ต้องมากพิธีเจ้าพึ่งฟื้นสติรีบลุกขึ้น ” ด้วยมีประสงค์พิสูจน์บางสิ่งทรงก้าวเข้าไปจับแขนเล็กๆ นั้นให้ยืนขึ้นมานั่งบนตั่ง อย่างไรก็ตามเจ้าเด็กหัวรั้นผู้นี้ไม่ยินยอมนั่งเสมอพระองค์จนตั้งสั่งให้ขันทียกตั่งเข้ามาอีกตัว 


            รอบลำคอของซ่างกวนฝูมี่ยังมีรอยนิ้วทั้งสิบม่วงคล้ำอย่างน่ากลัว มุมริมฝีปากเล่าก็แดงช้ำทว่าดรุณีน้อยกลับไม่ร้องเร่าจะขอความเป็นธรรมอย่างคู่กรณี นางเพียงนั่งนิ่งๆ ในชุดชาววังที่ถูกเปลี้ยนใหม่อย่างว่าง่าย กลอดกวงตากลมหวานอย่างหวาดๆ มองทางพระองค์ทีก็มองทางกงซุนเหม่ยเหรินที จากนั้นก็นวดแก้มตัวเองป้อยๆ ด้วยรอให้ผู้ยศสูงได้พูดก่อน


            ชาวตำหนักเว่ยหยางลอบประเมินในใจ…

            คู่กรณีครานี้ต่างเป็นธิดาขุนนาง ทว่าลำพังแค่กิริยาการรู้ความรึก็แตกต่างกัน 


            “ กงซุนเหม่ยเหรินร้องเรียนว่าเจ้าทำร้ายนางจนคางแตก ทั้งยังประทุษร้ายเฉาเหม่ยเหริน อู่เหม่ยเหริน ซ่างกวนเหม่ยเหรินเจ้าพูดมาเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร เจิ้นไม่ฟังความข้างเดียว” 


            นาง..? ไป.. ทำร้ายอีกฝ่ายจนคางแตก? ทั้งยังหนึ่งรุมสาม?


            หลังยกนิ้วชี้เข้าหาตนเองกระพริบตาขาวปริบๆ ฝูมี่อยากขอกระจกจากจากกงกงว่าตนยังอยู่ในร่างเดิมรึไม่เผื่อว่าเมื่อครู่หมดสติไปจะเผลอวิญญาณสลับร่างกับกงซุนเหม่ยเหริน เคราะห์ดีว่ากระถางธูปในตำหนักนั้นเงาวับพอจะใช้ส่องใบหน้า ยังคงเป็นความซีดเซียวและแววตามึนงงเช่นเดิมนางรวบรวมสติแล้วตอบโดยพยายามให้กระทบคนอื่นน้อยที่สุด


            “ หากกงซุนเหม่ยเหรินกล่าวเช่นนั้นก็อาจเป็นฝูมี่ที่ทำผิดเพคะ เพราะอยู่ผิดที่ผิดทาง เพราะไม่ทันระวังเมื่ออันตรายมาถึงตัว และ.. เพราะผิดที่ไม่รู้ความไปอยู่ตรงนั้นเข้าพอดี ทำให้กงซุนเหม่ยเหรินขุ่นเคือง ฝูมี่จึงผิด สมควรลงโทษ ”


            “ ใช่! นางยอมรับสารภาพออกมาแล้วเพคะ นางไม่รุ้สถานะตนเองกล้ามาประชันกับข้.. หมายถึง กล้าทำร้ายหม่อมฉันที่เป็นสนมในองค์จักรพรรดิ.. ” กงซุนเป่าหลินแผดเสียงอีกครั้งกระหยิ่มในใจ 


            นังโง่! สมน้ำหน้า ไม่กล้าวัดบารมีกับบิดาข้าล่ะสิ หึ! จบเรื่องคร้้งนี้ข้าอาจเมตตาเจ้าสักหน่อย


            “ ........ ” เหลือจะเชื่อ หากจบแบบนี้คงเป็นการพิจารณาคดีที่รวดเร็วและใช้เวลาน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์!! คู่กรณีไม่คิดแก้ต่างให้ตนแต่แรก เป็นไปได้อย่างไร!


            ชาวตำหนักเว่ยหยางต่างเห็นใจสตรีสวมหน้ากากทอง ผู้ใดบ้างในที่แห่งนี้มิเคนถูกผู้มีอำนาจข่มเห่งรังแก ชัดเจนเลยว่าเหยื่อผู้ถูกกระทำจำใจรับผิดด้วยไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต พวกเขาพร้อมใจส่งสายตาวิงวอนไปทางพระฟมื่นปีโปรดตัดสินอย่างเป็นธรรมด้วย!! 


            ทรงพิจารณาท่าทีของทั้งสองใยไม่ต่างจากผู้ล่ากำลังกดดันกวาดต้อนเหยื่อไร้ทางสู้  กงซุนเหม่ยเหรินสีหน้าลำพองเชิดจมูกอย่างผู้ชนะท่าทีแบบนี้เขาเห็นมามากจากกงซุนโหวบิดาของนางในท้องพระโรง ลูกไม้หล่นไม่ใกลต้นจริงๆ ฝั่งซ่างกวนเหม่ยเหรินหรุบดวงตาลงไม่รู้คิดอะไรอยู่ออกรับแบบนี้เกิดเขาเป็นทรราชขึ้นมานางมีเก้าชีวิตก็ไม่พอใช้


            “ เจ้าพูดว่าอันตราย.. วังหลวงต้าฮั่นใจกลางจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่กลับมีภัยร้ายให้สตรีอย่างเจ้าต้องคอยระวังรึ ”


            “ ฝ่าบาทโปรดลงโทษฝูมี่ที่ก่อความวุ่นวาย.. ขับหม่อมฉันออกจากวัง ” ถวายคำนับอีกคราไม่อยากอยู่แล้ววังหลวง


            “ ข้าถามเจ้าอยู่ ” สุรเสียงเรียบนิ่งเนตรคมกล้าจดจ้องหน้ากากบดบังใบหน้านาง


            “ …สะเทือนขวัญทุกก้าวย่าง ดั่งใบไม้ปลิดปลิวกลางกระแสธารเชี่ยว ในจริงมีเท็จ ในเท็จมีจริง ”


            ด้วยจนใจไม่อาจเอ่ยออกไปตามตรงนางจึงใช้บทโคลงเพื่ออุปมา ใครจะรู้ว่านี่คือหลุมพรางที่พระองค์ขุดไว้ วังหลวงเป็นสถานที่เช่นใด.. โพรงเสือถ้ำมังกรกินคนจนไม่เหลือแม้กระดูก การที่นางรับรู้ได้ถึงอันตราย รู้จักระมัดระวัง นับได้ว่าเป็นสตรีที่รู้คิด.. ผิดกับคู่กรณีที่ยังอ่านสถานการณ์ไม่ออก


            ธิดาสกุลสูงเปรียบดั่งองค์หญิงของจวน ยามอยุ่กับครอบครัวพวกเจ้าจะเอาแต่ใจเท่าใดย่อมไม่มีใครขัด แต่เมื่อเท้าก้าวเข้าวังอยุ่รึตายล้วนเป็นสนิทธิ์ของพระองค์ ไม่เจียมตน เอะอะคะคานหวังเอาชนะ! แก่งแย่งชิงดี แม้ถูกตัดสินว่าบริสุทธิ์ก็ไม่มีอนาคตเพราะไปล่วงเกินคนที่ไม่สมควรล่วงเกินเข้า


            ผู้มีสติปัญญาวัดกันที่สถานการณ์คับขันเช่นนี้เอง…            

            ขอทดสอบนางเพิ่มอีกสักหน่อย


            “ ซ่างกวนเหม่ยเหริน จากนี้จงสาบานว่าทุกคำให้การของเจ้าเป็นความจริง ”


            “ ผ..ผู้น้อยสาบานเพคะ ” จะถามอะไรอีกรีบลงโทษนางได้แล้ว!!


            “ เจ้าได้ทำร้ายกงซุนเหม่ยเหรินรึไม่ ”


            “ ท.. ทำเพคะ ” ถือว่าทำล่ะในเมื่อคนเขาชี้หน้าด่านางขนาดนั้น


            “ ใช้วิธีใดถึงทำให้คางของนางแตก ” เนตรคมกริบจับจ้องไม่วางตาราวจับพิรุธบนใบหน้าโฉมสคราญทั้งสอง


            “....เอ่อ.. ” ฝูมี่สับสนตอนนั้นนางไม่ทันได้มองด้วยสิ รีบหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือ กงซุนเหม่ยเหรินชี้พื้นเป็นสัญญาณก็รีบหันมาตอบ “ พื้น! เอ่อ.. กระเด็น? ไม่ นางล้มลงไปที่พื้นแล้วก็คางแตก.. ”


            “ เจ้าผลักข้าต่างหากอย่ามาเล่นลิ้นนะนังจิ้งจอก!! ” กงซุนเป่าหลีนแผดเสียงอีกรอบเงื้อมือพุ่งเข้าใส่สตรีบนตั่ง นังปัญญานิ่มนี่!!


            “ อ๊ะ!! อย่าตีข้า!! ” ลูกกวางน้อยผวาถอยหนีไปด้านหลังจนร่วงหล่นลงจากตั่ง สองตาปิดแน่นสนิทคิดว่าตนไม่พ้นหัวปูดหัวโนแน่ สักพักรู้สึกได้ว่ามีแรงหนึ่งมารองรับความเจ็บปวดที่รอกลับไม่มาถึงนางฝืนเปิดเปลือกตาออก พระพักตร์เลิศล้ำอยู่ใกล้เพียงเอื้อมการเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมากครู่เดียวก็มายืนอยู่ด้านหลังประคองนางไว้จนทรงตัวอยู่ 


            ร่างแบบบางแอบอิงโรยแรงนางตัวเท่าลุกแมวไม่ได้หนักขึ้นกว่าครั้งก่อนที่พบพระองค์ เมื่อใกล้จนได้กลิ่นหอมโม่ลี่ฮวาถึงค่อยแจ้งแก่ใจว่าเป็นคนเดียวกัน ‘ม่านเหยา’ สตรีหน้ากากทองที่พระองค์พบที่เทือกเขาฉินหลิงในคืนนั้นกับ ‘ซ่างกวนฝูมี่’ เหม่ยเหรินขั้นสี่ในวังหลัง เมื่อหญิงสาวพยายามดันตัวเองออกทันทีพระองค์ก็ไม่ฝืนรั้ง


            คืนนั้นยังกอดแน่นไม่ยอมให้วางแท้ๆ รึยังเสียขวัญไม่เท่าหนก่อน ?



            “ ขอโทษ… ผลัก หมายถึง.. ข้าผลักนาง ” 


            ดรุณีกวางน้อยเบิกสองตากลมโตอย่างขลาดๆ เห็นกงซุนเหม่ยเหรินถูกลากตัวไปแทนที่จะเป็นนางฝูมี่สับสนยิ่ง คนผิดคือข้านะ!! พวกท่านลงโทษผิดคนแล้วเอาข้าออกไป!!


            “ เมื่อครู่เจ้าสาบานว่าจะพูดความจริง... ” พระองค์ไม่ใคร่เข้าใจว่านางจะช่วยคนที่ทำร้ายตัวเองไปทำไม


            “ ฮึก.. ขอ.. โทษ หม่อมฉัน.. ไม่ได้.. ตั้งใจ” แม้จะไม่เคยเป็นนางร้ายมาก่อน แต่นางก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ


            “ พูดว่ากงซุนเหม่ยเหรินทำอะไรเจ้า ”


            “ อ.. นางช่วยอบรมหม่อมฉันให้รู้การควรไม่ควรในกฎวังเพคะ ”


            “ พูด… ” ตอบแบบนี้เหมือนพระองค์กลายเป็นคนร้ายเข้าไปขวางการอบรมแทน


            “ น.. นาง ตบหม่อมฉัน ” อย่าดุได้ไหม.. แข้งขาสั่นไปหมดแล้ว


            “ ฝ่าบาทนางโกหก!! อย่าไปฟังเพคะ นางใส่ร้ายหม่อมฉั-” แว่วเสียงจากกงซุนเป่าหลินจางกงกงสั่งคนหาผ้าอุดปากนางทันที


            “ ยังอีก !! พูดมาอย่าให้เจิ้นต้องเอ่ยซ้ำ ” 


            “ นางบอกว่าท่านแม่พิการ! เป็น.. เป็นหญิงพ.. แพศยา บอกว่าเหม่ยเหรินตระกูลต่ำเป็นคนไม่ดี.. แล้วก็บีบคอหม่อมฉัน ฮือ! ” 


            สายตากดดัน น้ำเสียงคาดคั้น กลัวมาก น่ากลัวมาก.. ทั้งที่ทรงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับแต่กลับส่งบารมียากรับมือออกมา ราวกับถูกราชาอสรพิษจับจ้องฉกคอ แผ่นหลังฝูมี่เยียบเย็นไปหมดยกแขนเสื้อขึ้นบดบังใบหน้าอยากจะร่ำไห้น้ำตาก็ไม่ยอมไหลตัวสั่นเป็นลูกนกพึ่งขึ้นจากธารน้ำแข็ง


            คราวนี้ผลการตัดสินเป็นที่ชัดเจนแล้วพระองค์เรียกตัวมาสอบความใช่ว่าไร้หูตาในราชวัง พยานเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ให้การไปทางเดียวกันสอบปากคำก็เพื่อดูว่าทั้งสองจะเล่นลุกไม้ใด สตรีที่ได้รับคัดเลือกเป็นถึงสนมขั้นสูงจะมีนิสัยใจคอเช่นไร ผลนั้นชัดเจนยิ่งไร้ความปราณีในราชอำนาจ


            หัตถ์แกร่งคว้าบ่าซ่างกวนเหม่ยเหรินกดให้ร่างโงนเงนนั้นกลับไปนั่งบนตั่งดีๆ ก่อนประกาศคำตัดสิน 


            “ กงซุนเหม่ยเหริน ก่อเหตุวิวาท ขาดการอบรมสั่งสอน สั่งสมสมรรคพรรคพวก ริษยาแย่งชิง สร้างความวุ่นวายในวัง  ไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งสนม คัดชื่อออกจากฝ่ายในขับออกจากวัง!”


             สุรเสียงรับสั่งเดียวขันทีหน้าตาถมึงทึงก็เข้ามาลากตัวกงซุนเหม่ยเหรินออกไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องและถ้อยคำสาปแช่ง ความผิดแต่ละกระทงร่ายออกมาไม่ว่าธิดาบ้านใดล้วนอับอายไม่มีที่ให้แบกหน้าไปในแผ่นดิน ทั้งยังเป็นรับสั่งลงโทษโดยตรงจากเหนือหัวเปรียบเสมือนตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิตถึงออกจากวังใครเล่าจะกล้าแต่งกับหญิงมีมลทิน


            เหม่ยเหรินผู้เดียวยังคงอยู่ในตำหนักเว่ยหยางลูบอกตนเองทั้งปลอบหัวใจเต้นระส่ำหวั่นใจนัก รับสั่งเมื่อครู่ไร้ความลาลัยสงสาร มีเพียงความรำคาญใจฉายชัดเนตรมังกร ผู้ครองแผ่นดินช่าง.. เด็ดเดี่ยวเย็นชา นางจะสามารถใช้ชีวิตอยุ่ใต้ปีกของคนผู้นี้ได่จริงๆ หรือ ?


            “ ฝ่าบาท.. ต้องทรง.. ลงโทษหนักหนาถึงเพียงนี้ ” ทำไมไม่ส่งข้าออกไปแทน!!


            “ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา.. รู้รึไม่ว่าหากเจิ้นไปช้ากว่านี้แม้แต่ลมหายใจเจ้าก็ยากจะเก็บเอาไว้ ”


            ฝูมี่ก้มหน้าลงอีกหน ทราบว่าพระองค์ตรัสถูกทุกอย่างสงสารก็แต่กงซุนเหม่ยเหริน..


            “ นางอาจ.. มีเจตนาที่ดี แค่ใช้วิธีการผิดไปสักหน่อย ” นางรวบรวมความกล้าลองทูลด้วยเสียงสั่น


            “ เจ้าอยากขอร้องแทนนาง? ผู้ที่ทำร้ายเจ้าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ?”


            เม้มริมฝีปากว่าเอาเถิดเป็นตนนั้นใจอ่อนเองแต่การให้ชีวิตัท้งชีวิตของหญิงสาวดีๆ คนหนึ่งหมดสิ้นไปทั้งแบบนี้ค่อนข้างน่าเวทนา ฝูมี่ทรุดตัวลงคุกเข่าเบื้องพระบาทประสานคำนับความกลัวที่มีถูกกดข่มไว้ น้ำตายังเช้ดออกไม่ทันแห้งดี เอ่ยคำขอที่แม้แต่บริวารในตำหนักเว่ยหยางยังต้องมองนางใหม่


            “ หม่อมฉันหมายถึง. วัยเยาว์ใครบ้างมิเคยทำผิด วิธีการไม่ถูกต้องเพราะขาดผู้ชี้แนะสั่งสอน หม่อมแันเชื่อว่าหากได้รับการอบรมชักนำไปในทางที่ถูก นางจะไม่ทำผิดซ้ำสองแล้วเพคะ ” 


            พระองค์จดจ้องร่างเล็กที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่เบื้องหน้านิ่งนานเนตรมังกรค่อยเบนออกอย่างไม่ใครเข้าใจ สนมคนอื่นถุกรังแกมีหรือยากให้พระองคืช่วยออกหน้าลงโทษคู่กรณีถึงขั้นมาเล่นละคร แบกหน้ามาให้พระองค์เห็นบาดแผลว่าตนบาดเจ็บได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างไร ซ่างกวนเหม่ยเหรินกลับร้องขอลดโทษกับผู้ที่ทำร้ายตนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด 


            จะว่านางขี้ขลาด กลับกล้าเอ่ยคำเพื่อคนอื่น

            จะบอกว่านางบอบบาง ฟลังฟื้นคืนสติกลับรวบรวมสมาธิมารับมือกับตนได้

            แปลก.. เป็นสตรีที่เข้าใจยากเสียจริง


            “ ....เจ้าหมายให้คนผิดกลับตัวกลับใจ ก็ต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายรับไมตรีรึไม่ ” กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำนนั่นคือวาจาสิทธิ์ ทว่ากับคำตัดสินยังมีเรื่องของเมตตาธรรมห้าส่วน ความเที่ยงธรรมอีกห้าส่วน ครานี้พระองค์จะทรงใช้เมตตา หากทว่า.. ไม่ใช่สำหรับกงซุนเหม่ยเหริน ไม่ใช่เพื่อจวนกงซุนโหว


            ไม่ต้องราชหฤทัย สตรีใจคอคับแคบ ถือดีว่าตนฉลาดตบตาพระองค์ได้

            ถึงรั้งอยู่ในวังหลวงต่อไป ชีวิตนี้ก็ไม่มีวันก้าวหน้าแล้ว


            “ เจ้าลุกขึ้น จางกงกงรายงานคำสั่งไป กงซุนเหม่ยเหรินลงโทษคุกเข่าหน้าสุสานบรรพชน เจ็ดวัน ห้ามให้น้ำรึอาหาร หากรอดก็ให้นางอยู่ในตำแหน่งเหม่ยเหรินต่อไป”


            “ รับด้วยเกล้าพะย่ะฮะ!” ระหวางตามกระแสรับสั่งให้ผู้คุมจริยาเปลี่ยนการลงทัณฑ์ จางกงกงลอบประหลาดใจปกติแล้วโอรสสวรรค์ใจหนักแน่นกว่าหินผา ไม่ทราบว่าครานี้เกิดโดนเส้นอารมณ์ไหนของพระองค์เข้า


            เจ้ากวางขาวยกรอยยิ้มแย้มออกมาเป็นคราแรก ฟันเรียงสวยดั่งไข่มุกเมืองมองแล้วเพลินตาให้ยิ่งรื่นเริงใจ นางประคองไหสุรานารีแดงที่พกติดตัวเผื่อฉุกเฉยส่งมอบรินลงจอกแล้วทูลถวาย กิริยาแช่มช้อยนุ่มนวลจะว่าสินบนก็ไม่เชิง เรียกเซ่นไหวคงใกล้เคียงกว่า


            “ ฝ่าบาททรงเมตตา หม่อมฉันขอมอบสุราชั้นเลิศนี้ขอบพระทัยแทนกงซุนเหม่ยเหรินเพคะ ” 


            ฝูมี่ยังไม่ทันคำนับแล้วลุกขึ้นยืนให้ดี ก็มีรับสั่งปานอัสนีบบาทฟาดขม่อม


            “ ไม่ต้องขอบคุณ นับจากวันนี้เป็นต้นไปแต่งตั้งซ่างกวนเหม่ยเหรินตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์ ดูแลตำหนักเว่ยหยาง คงยศเหม่ยเหริน ให้นางพักที่ตำหนักเว่ยหยางคอยควบคุมวินัยนางกำนัล ”


            “ ฝ่าบาทหม่อมฉันไม่คู่ควร.. ” คนเข้าวังมาหนึ่งวันถ้วน ธรรมเนียมจารีตอะไรจะไปเคร่งกว่ามาม่าได้รึ!!


            “ วังหลวงเต็มไปด้วยอันตรายที่ปลอดภัยสุดคืออยู่ข้างกายเจิ้น ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าแน่ แลกเปลี่ยนกับที่เจ้ามาอบรมนางกำนัลตำหนักเว่ยหยาง พวกนางไร้ระเบียบเช่นนี้นับว่าเป็นข้อตกลงที่สมเหตุสมผล ”


            “ แต่ว่าฝ่าบาท… ”


            “ รึจะให้กงซุนเหม่ยเหรินออกจากวังวันนี้เลย ? ”


            “....ฝูมี่รับพระบัญชาเพคะ” กลืนคำที่จะกล่าวจบก็ทรุดลงกับพื้นรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมยิ่งกว่าเดิม!!


            “ ตกลงตามนี้.. ถ้าเจ้าขาดเหลือสิ่งใดก็บอกจางกงกง… หืม? ”


            “ …………. ” ฝูมี่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจถี่เกินไปสุดท้ายหมดสติไปอีกรอบ


            “ ไปเรียกเฉินไท่อี.. จัดยาบำรุงให้นางกลับมาทำงานได้ตามปกติ ” บุตรีบ้านใดบอบบางเป็นกวางน้อยใจเสาะจริงๆ


            ดูจากท่าทีตื่นกลัวแบบนี้แล้วนางคงจดจำเขาไม่ได้สินะ..




[NPC-01] มอบ สุรานารีแดง ให้ โปเต้ทรงร็อตไวเลอร์ตรงนั้น

+20 ความสัมพันธ์จากค่าชื่อเสียง หัวดี

+?? ความสัมพันธ์จากอิเว้นท์ ? นางสนองพระโอษฐ์

+5 ความสัมพันธ์ พูดคุยประจำวัน
+ ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ (สืบสวนไง) +15 บารมี

+ 1 ปรนนิบัติถวายเมรัย


[NPC-011] จางกงกง +20 ความสัมพันธ์จากค่าชื่อเสียง หัวดี

+5 ความสัมพันธ์ พูดคุยประจำวัน

+?? ความสัมพันธ์จากอิเว้นท์ @Admin 











แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-22 22:11
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2024-7-22 22:11
++ โรลอัปเดทสถานะปัจจุบันได้เลย ++ และ เสนอ NPC ประกอบ กงซุนเหม่ยเหริน ในห้องเสนอ NPC  โพสต์ 2024-7-22 22:09
โพสต์ 124481 ไบต์และได้รับ 60 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 21:47
โพสต์ 124,481 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-22 21:47

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +15 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
พู่กันคัดอักษร
แหวนดาราจรัส(D)
ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)
กระบี่คู่สลักจันทรา
ลาภลอย
หน้ากากอำพรางภูต
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x20
x20
x3
x90
x110
x2
x2
x120
x10
x1
x1
x1
x1
x30
x4
x20
x5
x5
x2
x13
x1
x4
x2
x2
x4
x29
x7
x1
x30
x5
x22
x8
x3
x2
x5
x6
x1
x1
โพสต์ 2024-7-24 00:37:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-24 00:38


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




     มารดามันเถิด

   หนึ่งข้อความที่ดังที่สุดในดวงใจของนางเมื่อได้ยินจากสาวใช้ประจำเรือนในวันนี้ว่าการพลิกป้ายของฝ่ายบาทยังคงเป็นชื่อนางเช่นเดิมแม้ว่าจะเปลี่ยนวนสัปดาห์ใหม่แล้วแต่ทว่าชื่อที่ยังคงขึ้นป้ายนั้นยังเป็นนาม เว่ยเจียเหลียนฮวา บ่งชี้อย่างประจักษ์แจ้งว่าเป็นนางที่ได้รับการพลิกป้ายเป็นสัปดาห์ที่สองติดกัน

   วันก่อนก็ข่าวลืมบ้าบอ วันนี้ยังจะมีข่าวเพิ่มอีกหรือ?

   ข่าวลือไม่พอ นางต้องเตรียมตัวไปปรนนิบัติอีก เว่ยเจียเหลียนฮวาใช้เวลาไม่นานในการแต่งกายเนื่องด้วยไม่ได้ใส่ใจภาพลักษณ์ให้งดงามต่อหน้าเขาเสียเท่าไหร่ จึงมาถึงหน้าตำหนักเว่ยหยางได้ด้วยความรวมเร็ว ทั้งยังหมายมั่นว่าจะเอาแต่ฝนหมึกตลอดไปเช่นเดิม

   “เว่ยเจียเหม่ยเหรินเขาเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   นานวันความเคยชินช่างน่ากลัวนัก บัดนี้นางคุ้นเคยกับน้ำเสียงของจางกงกงเสียแล้วจึงหันไปก้มใบหน้าทักทายก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในห้องเดิม สถานที่เดิม และการถวายความเคารพเช่นเดิม

   “ถวายบังคมองค์หวงตี้ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

   “มาฝนหมึก”

   ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดให้มากความ ครานี้ไร้อาหารมาถวาย เดินตัวเปล่ายิ่งกว่าสิ่งใด ร่างสูงจึงเรียกขึ้นมาประจำที่เช่นเดิม จางกงกงที่รู้หน้าที่ก็เดินออกไปด้วยข้ออ้างอย่างจะไปเรียกสาวใช้ให้เตรียมชามาถวายทั้งสอง ทั้งคู่อยู่ภายใต้ความเงียบที่มีเพียงเสียงฝนหมึกอีกครา

   “หากเจ้าได้ตำหนักของเจ้า จะตั้งชื่อว่ากระไร?”

   “ตำหนักของหม่อมฉันหรือเพคะ ? ”

   แม้ไม่ทราบว่าโอรสสวรรค์นึกเห็นเช่นไรถึงเอ่ยถามเช่นนี้ ทว่าหากต้องตอบนางก็พอมีชื่อในใจอยู่บ้าง อันเป็นนามแห่งตำหนักที่…ต้องการบ่งบอกผู้คนภายนอกกลาย ๆ ว่านางไม่ชทชอบความวุ่นวายมากเพียงใด

  “เถียนเซี่ยกง (ตำหนักคิมหันต์แสนสงบ) เพคะ”

   “...เป็นนามที่ดี”

   ปฏิกิริยาที่ได้รับมาในครั้งนี้ช่างน่าประหลาด วงคิ้วเรียวดั่งใบหลิวเลิกขึ้นอย่างไม่อาจห้ามสีหน้าของตนเองได้ ดวงตาคมที่จดจ้องงานตรงหน้าเงยขึ้นมามองโดยพลันไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกจับได้ว่านางกระทำสีหน้าเช่นไรอยู่ แถมด้วยดีดมะกอกเต็มหน้าผากเบา ๆ ไปหนึ่งครา

   “เจ็บนะเพคะ”

  “สมควร”

   จบประโยคนี้ก็เป็นดั่งกาลก่อนเดิม ๆ ที่นางฝนหมึกเรื่อยไปและเขาทำงานเรื่อยไป ราวกับว่าเป็นความสงบที่ต่างคนต่างสบายใจเช่นนี้จนกระทั่งนางง่วนงุนและกลับเรือน



นามตำหนัก
恬夏宫 เถียนเซี่ยกง ตำหนักคิมหันต์แสนสงบ






[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน

+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือ

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง
@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-7-24 00:46
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-24 00:46
โพสต์ 10685 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-24 00:37
โพสต์ 10,685 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-24 00:37
โพสต์ 10,685 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-24 00:37

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-28 02:10:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-28 02:47


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบเจ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ ปลายยามโหย่ว (19.00 น.)




     เป็นเช่นเดิมที่นางจะต้องนำสำรับอาหารมาถวายแด่องค์ไท่โฮ่วผู้ทรงอำนาจที่สุดแห่งวังหลังผู้ไร้นายหญิงอย่างเป็นทางการ… และต้องได้รับคำให้นำอาหารพวกนี้มาถวายแด่องค์หวงตี้เช่นกัน ดวงหน้างามคล้ายแย้มยิ้มแลไม่แย้มยิ้มในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากเหยียดตรงแลเฉยชา ทว่ามุมปากที่ยกขึ้นตามธรรมชาติทำเอานางละม้ายคล้ายเป็นสตรีแย้มสรวลทุกช่วงเวลาเสียได้ เหลียนฮวาถอนหายใจอยู่สองสามรอบเชียวตลอดการเดินเท้าจากตำหนักเซวียนเต๋อมายังตำหนักเว่ยหยางอันคุ้นเคย และดูเหมือนนอกจาก ซ่างกวนเหม่ยเหรินที่ถูกมอบหมายหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ทั้งยังรั้งพ่วงด้วยหน้าที่ในห้องพระสำอางช่วยทรงพระภูษาตอนเช้า ก็มีเพียงนางนี่แหละกระมังที่เข้าออกตำหนักเว่ยหยางเป็นว่าเล่น…

   หากมีสิ่งใดใหม่คงเป็นฐานะของนางกระมังที่เป็นสิ่งใหม่ นี่คือการมาเยือนตำหนักเว่ยหยางเป็นคราแรกหลังจากได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็นเจียอวี๋ เช่นนั้นแล้วข้าหลวงบ่าวใช้ภายในตำหนักจึงรับรู้ถึงการมาถึงของนางได้รวดเร็วและมากขึ้นกว่าเดิมโขนัก

   “ข้ามาถวายสำหรับอาหารแด่หวงตี้ตามรับสั่งของไท่โฮ่ว”

   เสียงใสเอ่ยบอกแก่องครักษ์ผู้ยืนเฝ้ารักษาการณ์หน้าตำหนักพอเป็นพิธี นางพยักหน้าเบา ๆ รับการทำความเคารพก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปตามเส้นทางเดิม ๆ ทว่าหนนี้มีขันทีน้อยผู้ดูแลตำหนักวิ่งมาทำความเคารพและเรียนแจ้งแก่พระสนมเจี๋ยอวี๋ถึงตำแหน่งของประมุขตำหนักเว่ยหยางในยามนี้

   “เรียนพระสนมเว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ ยามนี้องค์หวงตี้กำลังอยู่ที่ศาลาในสวนหลังตำหนักขอรับ”

   “เช่นนั้นก็นำทางไปเสีย”

   “ขอรับ”

   จากห้องทรงพระอักษรสู่ศาลาในสวนหลังตำหนัก นับว่าเป็นคราแรกอีกกระมังที่นางได้ยลโฉมบุรุษผู้ได้ชื่อว่าสามีไร้พิธีไหว้ฟ้าดินในอากัปกิริยาอื่น ๆ นอกจากการเขียนพระราชกฤษฎีกาในห้องทรงพระอักษรแม้ว่าจะดึกดื่นเพียงใด

   ไม่สิ ครั้งที่สองต่างหาก…

   “พระสนมเว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   ขันทีน้อยผู้นั้นเดินไปเอ่ยเรียนแก่องค์หวงตี้ก่อนจะให้นางได้ก้าวเดินเข้าไป ทันใดที่พ้นแผ่นหลังของโอรสสวรรค์นางก็แลเห็นอีกฟากของกระดานหมากคือฉางซานเซียนหวางที่นางพบเขาอยู่เรื่อยไปจนน่าประหลาดใจยิ่งนัก

   “เว่ยเจียเหลียนฮวาขอถวายบังคมองค์หวงตี้ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับยอบกายคำนับโอรสสวรรค์ก่อนจะหันไปยอบกายน้อย ๆ อีกครั้งเคารพแด่ผู้สูงศักดิ์อีกคน “ถวายพระพรฉางซานเซียนหวางเพคะ”

   “ให้เจิ้นเดา เสด็จแม่บอกให้เจ้าเอามาให้ใช่หรือไม่?”

   “พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถยิ่ง เป็นเช่นนั้นเพคะ องค์ไท่โฮ่วตรัสให้หม่อมฉันนำพระกระยาหารมาถวายแด่ฝ่าบาท ทว่า…” ริมฝีปากบางเอ่ยก่อนที่ดวงตากลมจะเลื่อนไปมองแขกอีกท่านอย่างหวางเย่ที่กำลังเลื่อนหมากในรอบของตนเอง “หากพระองค์มีแขกอยู่ก่อนเช่นนี้แล้ว หม่อมฉันจะนำขึ้นโต๊ะถวายไว้แล้วไม่รบกวนฝ่าบาทเพคะ”

   “ไม่ต้องไป เจิ้นจบธุระตรงนี้แล้ว” สุรเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นก่อนจะวางหมากสุดท้ายและลุกขึ้นเดินมาหาสตรีผู้เป็นภรรยาตามฐานะเพื่อจับจูงนางเดินตามมาห้องอาหาร “ไปห้องอาหาร เจ้าด้วยหวางเย่”

   “ข้าไม่อาจเอาชนะท่านได้จริง ๆ เลยเสด็จพี่” มีเพียงเสียงขบขันอย่างนึกสนุกปนท้อใจน้อย ๆ ออกมาก่อนจะก้าวตามหลังไป “รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ”

   กระไรกัน ?

   เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้อยู่ตรงกลางระหว่างบุรุษทั้งสองได้แต่งุนงงกับท่าทีแปลกตาพลันนึกไปถึงประโยคที่โอรสสวรรค์เคยกระแนะกระแหนพระอนุชาของเขากับนางทั้ง ๆ ที่นางอยู่เฉย ๆ แล้วก็พอจะทราบสาเหตุของการกอบกุมมือเล็กเช่นนี้

   เอวัง… กรรมของนางแท้ ๆ


   ใช้เวลาเพียงราว ๆ ครึ่งเค่อก็เดินมาถึงห้องอาหาร เหลียนฮวาเอ่ยพยักหน้าให้นางกำนัลจัดวางอาหารสองอย่างทั้งให้ตระเตรียมข้าวสวยร้อน ๆ ไว้ให้ทั้งสองพระองค์ นางมิได้หวังจะได้รับการเชื้อเชิญและไม่คิดจะขอนั่งทอดมองผู้ใดรับประทานอาหารนอกจากองค์ไท่โฮ่วที่เป็นดั่งญาติผู้ใหญ่ในตอนนี้ที่นางยังไม่ได้เป็นศัตรูกับผู้ใดมาก

   “พระกระยาหารในครานี้เป็นไก่แช่เหล้าและปลาเก๋านึ่งซีอิ๊วกับข้าวสวยร้อน ๆ ถวายพร้อมชาเบญจมาศหอม ขอทั้งสองพระองค์ทรงมีพระเกษมสำราญในมื้ออาหารมื้อนี้เพคะ”

  “ประเดี๋ยว”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาคาดไว้เพียงต้องการมาถวายพระกระยาหารตามรับสั่งองค์ไท่โฮ่ว ทว่าไม่ทันจะยอบกายขอตัวกระไรทั้งนั้นก็ถูกสุรเสียงทรงอำนาจเอ่ยขัดไว้เสียก่อน ตามมาด้วยการเอ่ยสั่งให้ตักข้าวอีกถ้วยรินชาอีกจอกวางที่ข้างกายพระองค์

   “นั่งลงข้างเจิ้น”

   ดวงตาสีดำสลับขาวที่แลดูกลมโตอยู่แล้วดูจะเบิกกว้างกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เรียกเสียงขบขันจากหวางเย่ไม่ห่างจากที่นางยืนเท่าใดนักเชียว นางกระทำสิ่งใดมิได้นอกจากก้าวเดินไปนั่งตามรับสั่งจนได้

  “เจ้าทำเองงั้นหรือ”

   “เพคะ”

  “ก็พอกินได้”

   …อ๋อ งั้นหรือเพคะ

   หลังจากที่โอรสสวรรค์ได้ลิ้นรสอาหารเขาก็เอ่ยถามขึ้น นางก็ตอบไปตามระเบียบทั้งนอกใจและในใจ แล้วการรับประทานอาหารมื้อนี้ก็เป็นไปอย่างสงบไร้เสียงเอื้อนเอ่ยจนจบมื้อและแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย…

   อันหมายถึง เป็นฉางซานเซียนหวางที่ได้กลับตำหนัก ส่วนนางถูกสั่งให้รั้งอยู่ไว้ฝนหมึกเช่นเดิมจนกว่าจะถูกอนุญาตกลับตำหนักของตนเอง





[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ และ [NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสความสัมพันธ์พิเศษ
+ ให้ชาเบญจมาศไปเพิ่มในมื้ออาหารในเควส
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง หรือ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

+50 บารมี จากไท่โฮ่ว 1 หัวใจ
+ คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง)
+ ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี

ได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมแล้ว  รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง
@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2024-7-28 02:50
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2024-7-28 02:47
+++ กำลังส่งความท้าทายไปทาง PM เร็ว ๆ นี้ +++  โพสต์ 2024-7-28 02:45
โพสต์ 18180 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 02:10
โพสต์ 18,180 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว
(เจียยวี่)
  โพสต์ 2024-7-28 02:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +70 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 70

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-30 21:03:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-31 06:35


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบเก้า ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามเว่ย (20.30 น.)




     เมื่อบัดนี้ ยังไม่มีการพลิกป้า่ยเปลี่ยนเวรปรนนิบัติ เช่นนั้นแล้วเวรที่ว่างเปล่านี้ก็มักจะถูกโยนไปเป็นของนางกลาย ๆ ด้วยเหตุที่ว่าไม่มีใครกล้าหาญมาเบียดเท่าใดนักแม้ว่าจริง ๆ แล้วใจจริงนางจะอยากประทานโอกาสนี้ให้ก็ตาม ทว่านั่นคงเป็นช่วงเวลาปกติ เพราะว่าในตอนนี้นางอยากจะออกจากวังไปเที่ยวเล่นเสียบ้างแต่ว่ายังไม่อยากจะเดินไปเอ่ยขอจางกงกงให้ต้องพกองครักษ์เอิกเกริก

   เช่นนั้นแล้วนางจึงใช้โอกาสนี้ในการมาปรนนิบัติแล้วเอ่ยขอเสียเลย

   “เว่ยเจียเจี๋ยอวี่ขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

  “เว่ยเจียเหลียนฮวาขอถวายบังคมหวงตี้ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

   แลเหมือนว่าภาพวันนี้ที่อยู่ตรงหน้าของนางจะแปลกตาไปเสียสักหน่อย เมื่อบัดนี้โอรสสวรรค์หาได้ประทับประจำที่โต๊ะทรงอักษรส่วนพระองค์ในตำหนักเว่ยหยางนี้ไม่ หากแต่พระองค์กำลังประทับข้างล่างเดินหมากอยู่ผู้เดียว

  “เวรเจ้าหรอกหรือ ?”

   “ก็พระองค์ยังไม่เปลี่ยนป้ายพลิกปรนนิบัตินี่เพคะ”

   “อ่อ งั้นหรือ”

   งั้นหรืออันใด ก็ตามนั้นแหละเพคะ

   “คิดเถียงแม้กระทั่งในใจหรืออย่างไร ?”

   เอ่ยสนทนาไม่ทันไรก็มีเรื่องให้นางต้องมายืนต่อล้อต่อเถียงอยู่ภายในใจเสียแล้ว แลเหมือนว่านางจะเก็บสีหน้าไม่เก่งมากเท่าใดเมื่ออยู่ต่อหน้าพระเนตรคมปลาบของมังกรทองแห่งต้าฮั่น ทำเอาร่างเล็กสะดุ้งเบา ๆ เร่งยกมือขึ้นมาขอขมาเป็นพัลวัน

   “เถียงอย่างไรไม่เถียงอย่างไร หม่อมฉันมิได้เอ่ยปากเลยแล้วพระองค์จะทรงทราบหรือ”

   “ดวงตาเจ้าเอ่ยบอกทุกสิ่ง รู้หรือไม่?”

   สิ้นวจีทรงอำนาจนี้เองได้เรียกให้ดวงตากลมเลื่อนขึ้นเพื่อพิศมองหาเจตนาในคำตรัสเหล่านี้ ทว่าเมื่อเลื่อนขึ้นมากลับต้องสบเข้ากับดวงเนตรงามเฉกเช่นบุรุษเป็นเลิศด้านรูปโฉมไม่เปนรองผู้ใด (หรือที่จริงคือไม่มีผู้ใดจะกล้าเป็นเอกเหนือบุรุษผู้นี้มากกว่า)

   “มาเล่นหมากกับเจิ้น”

   “เพคะ”

   ต้องข้ามผ่านบรรยากาศเหล่านี้ โอรสสวรรค์ได้ตรัสสั่งให้สตรีผู้มาปรนนิบัติยามค่ำคืนได้นั่งตรงข้ามพระองค์เอง พระสนมเว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ได้ยลยินเช่นนี้ก็ก้าวเดินไปนั่งตรงข้ามอย่างว่าง่ายก่อนที่จะตระหนักได้ถึงโอกาส

   ก็นึกเสียนานว่าจะเริ่มเอ่ยขออย่างไร เช่นนั้นแล้วก็เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน

  “เช่นนั้นแล้ว…หากหม่อมฉันจะขอบังอาจขอบางสิ่งเมื่อชนะพระองค์ได้หรือไม่เพคะ ?”

   “ขอสิ่งใด ?”

   “หม่อมฉันอยากออกไปเดินนอกวังสักวันน่ะเพคะ”

  “หึ มิใช่ว่ามีหมาน้อยลอดประตูเข้าออกไปเองอยู่หรอกหรือ เหตุใดมาขออนุญาตเจิ้นกัน”

   ได้ยินคำตรัสของโอรสสวรรค์แล้วนางที่รินน้ำชาให้องค์หวงตี้และรินให้ตนเองก่อนยกดื่มพลันสำลักอย่างห้ามไม่ได้ ร่างบางไอจนตัวสั่นอยู่สองสามคราก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับริมฝีปากของตนเอง ดีนักที่มันไม่หกรดกาย

   “ก็…เพียงคิดว่าหากออกไปดี ๆ คงสบายใจมากกว่าเพคะ” นางยืดกายขึ้นเอ่ยตอบ “หมายถึง ขอออกไปอย่างถูกต้องแบบที่ไม่ต้องพกพาองครักษ์มากมายไปด้วยน่ะเพคะ”

  “เช่นนั้นแล้วก็ขอดูฝีมือเจ้าหน่อย”

   เมื่อได้รับคำตอบรับของโอรสสวรรค์นางก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผลัดการรุกผลัดกันรับอยู่นานสองนาง กระดานหมากที่แลเหมือนจะมีความหวังในช่วงแรกคล้ายจะวูบไหวหายไปดั่งเปลวเทียนในคืนฝนกระหน่ำ

   .

   .

   .

   ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดให้มากความ ใครเล่าจะเอาชนะโอรสสวรรค์ได้

  “ขออีกคราได้หรือไม่เพคะ”

   “ยอมรับเสียเถิด นี่ก็รอบที่สามแล้ว”

   “โธ่—”

   เหลียนฮวาผู้ไม่ได้พ่ายแพ้มาเสียนานก็รู้สึกเจ็บดวงใจไม่น้อย ราวกับว่าเป็ฯการเด็ดปีกปักษานักปราชญ์ที่มักจะทะนงตนด้านปัญญาอยู่เรื่อยไป หากนางได้รับการขนานนามว่าพหูสูตรน้อยแสนเกียจคร้าน บุรุษตรงหน้าคงเป็นจอมปราชญ์โดยสันดาน

   เกิดมาก็คงดื่มกินน้ำต้มตำราแทนนมมารดากระมัง

   “เห็นทีเว่ยเจียเจี๋ยอวี๋คงต้องกลับไปนอนพักใจกระมัง”

   “เพคะ หม่อมฉันทูลลา”

   แล้วค่ำคืนแห่งการปรนนิบัตินี้หาใช่การที่นางสัพงกจนหัวจุ่มหมึกไม่ ทว่าเป็นความแค้นใจที่ไม่อาจเอาชนะโอรสสวรรค์ได้เลยต่างหาก

   และดูเหมือนว่านางคงต้องกลับไปลอดทางหมาลอดอีกครากระมัง





[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

+1 ปรนนิบัติยามค่ำคืน
+15 บารมี ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ (ก็…เถียงกันอ่ะ สันทนาการเต้ได้แหละ ดูขำดีจังแหม่)
+20 บารมี ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน

อยากเจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง จากเว่ยเจียหวางเฟย @Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2024-7-31 09:51
หลังจากผ่านไป 1 คืน กงกงคนหนึ่งมาขอเข้าเฝ้าเจียยวี๋ บอกว่าฝ่าบาททรงอนุญาต  โพสต์ 2024-7-31 09:51
โพสต์ 15,349 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว
(เจียยวี่)
  โพสต์ 2024-7-30 21:03
โพสต์ 15,349 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก กู่เจิง  โพสต์ 2024-7-30 21:03
โพสต์ 15,349 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-30 21:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +35 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 35

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้