12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

[ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-7-21 21:47:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-21 22:53


วันที่ 20 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (พบ องค์เทพเยว่เหล่า)


           ยามเว่ย ณ ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ แสงตะวันเอียงอ่อนคล้ายผ้าไหมสีทองบางเบา ร่วงหล่นลงบนผิวน้ำจนระยับเป็นริ้วแสง เงาสะท้อนของยอดไม้ไหวพลิ้วตามแรงลมเย็นที่ลูบผ่านแก้มหลินหยาราวกับมือของใครบางคนที่ยังอุ่นอยู่ในความทรงจำของเธอ ความทรงจำที่คล้ายจะมีแต่รสสัมผัส…มากกว่าคำพูด “หนึ่ง สอง… สาม สี่ ห้า…หก” หลินหยาที่กำลังเดินอยู่กำลังพูดนับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ใบหน้าร้อนวาบแม้ไม่มีแดดแผดเผา หากร้อนเพราะความทรงจำที่ไม่ยอมจาง นางแทบไม่อยากเชื่อว่าเมื่อวานจะถูกจูบมากกว่าห้าครั้ง แถมแต่ละครั้งยังเต็มไปด้วยความแน่วแน่จนแทบหายใจไม่ทัน


           “บัดซบเอ้ย…ข้าเมามากไปหรือหัวใจมันอ่อนแอไปกันแน่...” หญิงสาวบ่นพึมพำเบา ๆ พลางเอามือแตะต้นคอใต้ผ้าคลุม มันยังเจ็บหน่อย ๆ เมื่อสัมผัสลงไปแต่จะให้ใครมาเห็นรอยพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาดไม่งั้นเสียชื่อหมด เธอก้าวเท้าเรื่อย ๆ บนทางเดินหินที่ล้อมรอบทะเลสาบเยว่ปิงเหอในยามบ่ายมีเพียงสายลมกับเสียงนกน้ำไกล ๆ ท่ามกลางความเงียบงันนั้น เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นอย่างไม่ปรากฏที่มาแผ่วเบา แต่มั่นคง


           "ใจที่สั่นไหว…ใช่ว่าเป็นใจอ่อนแอเสมอไป"


           หลินหยาชะงักเงยหน้ามองโดยสัญชาตญาณ และนั่นเองริมขอบไม้ที่ทอดผ่านเนินต่ำใกล้ผืนน้ำ มีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ในชุดขาวสะอาดตา ขลิบด้วยอาภรณ์ขนสัตว์สีเงินเรื่อ เขายืนหันหน้าออกไปทางทะเลสาบ เส้นผมสีดำยาวปลิวตามลมละมุนราวภาพวาด บุรุษปริศนาที่หลินหยาไม่รู้ว่าเขาคือองค์เทพเยว่เหล่า ผู้เฒ่าจันทรา ท่านมิได้หันกลับมาในทันทีเพียงกล่าวเสียงเรียบ 


           “ในใจเจ้ามีใครบางคนมากขึ้นทุกวันจนเจ้าหวั่นไหว… และในใจของเขา…ก็มีเจ้าไม่น้อยไปกว่านั้นหรือมากกว่าจนเป็นทั้งดวงใจ” เสียงนั้นไม่ใช่การตำหนิ ไม่ใช่คำยินดี แต่มันคือความจริงที่ฟังแล้วเหมือนปลายนิ้วแตะลงกลางอกเบา ๆ


           หลินหยานิ่งไปสักพักก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ สายตาเธอไล่มองแผ่นหลังของเขา ทรงตรงไม่ไหวเอน แม้เงียบขรึมแต่ก็อบอุ่นในความว่างเปล่ารอบตัว “ท่านรู้…ทุกอย่างอีกแล้วใช่ไหมเจ้าคะ? ท่านชาย?”


           เทพเยว่เหล่าพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาช้า ๆ ดวงตาคู่นั้นคล้ายจะมองทะลุผ่านร่างเธอไปถึงหัวใจที่ซ่อนอยู่ข้างใน “โชคชะตาไม่เคยหยุดเดิน แม้เจ้าไม่ก้าวตาม…มันก็จะพาเจ้าวิ่ง” เขายิ้มบาง ๆ พร้อมกับกล่าวต่อ “แต่หากเจ้ายืนมั่น และกล้าถามตนเองว่า ‘ต้องการอะไรจริง ๆ’ เจ้าจะไม่หลงทาง”


           หลินหยาก้มหน้าลง พึมพำเบา ๆ ราวพูดกับตัวเอง “ข้าอยากช่วยทุกคน แต่ข้ากลัว…กลัวว่าจะเลือกผิด แล้วทุกอย่างจะพังเจ้าค่ะ” ผู้เฒ่าจันทราก้าวเข้ามาใกล้ มือของเขายื่นออกมาเพียงครึ่งคืบ ก่อนที่สายลมจะแตะเข้าที่ปลายนิ้วของเขา ราวกับด้ายแดงที่มองไม่เห็นกำลังขยับเต้นไปตามจังหวะลมหายใจของโชคชะตา “ผู้ที่พยายามช่วยผู้อื่น โดยไม่หลงลืมตนเอง…ย่อมไม่มีวันผิด” เขาวางนิ้วลงกลางอกหลินหยาอย่างแผ่วเบา และในเสี้ยววินาทีนั้นหญิงสาวรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนบางอย่างในร่างกาย คล้ายกับมีด้ายเส้นหนึ่งที่แฝงอยู่ในใจมานาน เพิ่งถูก ‘แตะ’ ให้กระเพื่อม


           “เมื่อเจ้าเข้าใจจิตตนเอง ด้ายแดงจะส่องประกายเองโดยไม่ต้องผูก” แววตาขององค์เทพเยว่เหล่าทอดมองฟากฟ้า ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับอีกครั้ง ทิ้งท้ายเพียงคำเดียว “จงถามใจตนเองให้ชัด…ก่อนจะเดินทางไปพบเขาในยามสุริยาคล้อยต่ำลง” เมื่อหลินหยาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ร่างของเทพผู้เฒ่าก็หายไปราวกับสายลม ทว่าในอกเธอมีบางสิ่งชัดเจนขึ้นเล็กน้อย... ไม่ใช่แค่เรื่องจางกงกง...แต่รวมถึงหัวใจของเธอเอง


           สายลมบนผิวน้ำเย็นเยียบแผ่วผ่านกลุ่มผมนุ่มของหลินหยา พัดชายเสื้อคลุมสีซีดจางให้พลิ้วไหวเหมือนจะเต้นรำตามจังหวะบางอย่างที่ไม่อาจมองเห็นได้ เธอยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน ดวงตากลมหวานเหม่อมองเงาสะท้อนของต้นหลิวที่ไหวตามลมบนผิวน้ำเยว่ปิงเหอ สีหน้าของหล่อนคล้ายคนที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คำตอบอะไรอีกแล้ว


           “…เขาไม่ใช่เพียงนักพรตธรรมดาแน่ ๆ” หลินหยาคิดกับตัวเองในใจ ความเงียบสุขุมของชายผู้นั้นไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อกลบความวุ่นวาย หากเป็นความนิ่งของผู้ที่ผ่านการรอคอย…และรู้จัก ‘ใจมนุษย์’ ดีเกินใคร ไม่ว่าจะเป็นในวันแรกที่พบกันใต้ต้นหลิว ริมระเบียงน้ำหรือบนทางเดินหินเรียบที่ทอดยาวล้อมรอบทะเลสาบทุกครั้งที่เขาพูด มักจะเหมือนรู้ว่าในใจเธอกำลังซ่อนอะไรเอาไว้ และนั่นทำให้หลินหยารู้สึกเหมือน ‘เปลือย’ ทั้งที่ไม่ได้เอ่ยคำสารภาพใดออกไปเลย


           เขาเคยยิ้มให้เธอเพียงเล็กน้อย ยิ้มแบบที่ไม่ได้อ่อนหวาน ไม่ได้เว้าวอน หากแต่มีพลังประหลาดที่เหมือนจะบอกว่า ข้ารู้อยู่แล้ว...ว่าระหว่างเจ้ากับเขา มันกำลังคลี่คลายด้วยสิ่งใด


           หลินหยาหลุบตาลงเธอยกมือขึ้นแตะที่อกตัวเองเบา ๆ แล้วพึมพำช้า ๆ ราวกับสารภาพให้ลมฟัง “ข้าเคยถามท่าน…ว่าแท้จริงแล้วท่านคือผู้ใด ท่านกลับยิ้มแล้วบอกว่า ‘ยังไม่ถึงเวลา’…" นางแหงนหน้ามองฟ้า แสงตะวันคล้อยต่ำลงมาจนเหลือเพียงเงาอ่อน ๆ ละเลียดริมขอบน้ำ ดวงตาเธอสะท้อนภาพเงานั้นแต่ในหัวใจ…กลับสะท้อนใบหน้าอีกคนหนึ่งขึ้นมาชัดเจนกว่า “…แต่ข้าเข้าใจอยู่แล้วไม่ว่าเรื่องใด ตอนนี้อาจไม่ใช่เวลาที่แน่ชัดก็จริงแต่ข้ารู้ว่าข้าจะต้องเดินทางไปพบเขาอยู่ดี ต่อให้ใจจะสับสนปั่นป่วน หรือไม่กล้าก็ตาม…” เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะกระซิบคำหนึ่งเบา ๆ


           “เพราะข้าให้ ‘สัญญาใจ’ ไว้กับตัวเองแล้ว…ว่าทุกครั้งที่ตะวันใกล้ลับฟ้า ข้าจะไปยืนอยู่ตรงนั้น…แม้เขาจะมาช้าหรือไม่มาก็ตาม” ดอกไม้ป่าสีเหลืองกลีบบางปลิวตามลมผ่านไหล่เธอไปคล้ายมีใครบางคนรับฟังอยู่ในเงียบ และส่งดอกไม้แผ่วเบานั้นมาเป็นคำตอบ


           หลินหยาหันหลังกลับอย่างสงบนิ่ง ความว้าวุ่นในดวงตาเจือจางลงเล็กน้อย ทุกย่างเท้าของนางในยามนี้ แม้ไม่ได้เร่งรีบ แต่กลับมั่นคงกว่าที่ผ่านมา ราวกับมีเส้นด้ายที่มองไม่เห็น…ค่อย ๆ ดึงนางไปในทิศทางที่ใจของเธอเองเลือกเดินตั้งแต่ต้นแล้ว ขอบฟ้ายามบ่ายคล้อย เงาสะพานไม้ทอดยาวไปยังทางออกจากทะเลสาบเยว่ปิงเหอ เงาหนึ่งเคลื่อนไหวช้า ๆ ราวกับเฝ้ามองเธอจากเงาไม้ ทว่าเมื่อใดที่เธอหันกลับไป…ก็มีเพียงสายลมและเสียงน้ำกระทบฝั่งเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน



@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาปลดหัวใจจ้า

รางวัล: -


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25964 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-21 21:47
โพสต์ 25,964 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-21 21:47
โพสต์ 25,964 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-21 21:47
โพสต์ 25,964 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-21 21:47
โพสต์ 25,964 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +5 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-21 21:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x5
x5
x7
x5
x5
x5
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x16
x47
x16
x150
x5
x4
x3
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x112
x12
x9
x14
x4
x23
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x5
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x3
x1
x6
x6
x11
x5
x123
x40
x20
x7
x15
x42
x3
x1
x1
โพสต์ 2025-7-22 01:12:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 17 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 

ยามเว่ย (เวลา 13.00 - 15.00 น.)



ณ ชายป่าอันเงียบสงบยามบ่ายคล้อย ซูเหยาในชุดสีครามทะมัดทะแมงสะพายตะกร้าหวายคู่ใจก้าวเข้าสู่บริเวณทะเลสาบเยว่ปิงเหอ แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงกระทบผืนน้ำระยิบระยับแต่งแต้มทิวทัศน์ให้งดงามราวภาพวาด นางได้รับมอบหมายจากท่านหมอเจิ้งให้มาเก็บสมุนไพรหายากแถบนี้


สองมือน้อยบรรจงเด็ดสมุนไพรทีละชนิดอย่างคล่องแคล่ว สายตาคมกริบของนางสอดส่องไปทั่ว จนกระทั่งเหลือบไปเห็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ต้องการมากที่สุด มันคือ 'จินหยินฮวาหรือดอกสายน้ำผึ้ง' พืชสมุนไพรที่มักขึ้นริมน้ำหรือในที่ชุ่มชื้น มีดอกสีขาวอมเหลือง กลิ่นหอม และมีสรรพคุณทางยามากมาย ทว่า...จินหยินฮวาล้ำค่านั้นกลับอยู่ใต้ฝ่าเท้าของชายหนุ่มผู้หนึ่ง


เขาอยู่ในอาภรณ์สีขาวสะอาดบริสุทธิ์ เส้นผมสีดำขลับยาวสลวยถูกรวบขึ้นอย่างเรียบง่าย ท่าทางสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเทพเซียน ใบหน้าคมคายราวสลักจากหยกชั้นดีดึงดูดสายตาจนซูเหยาเผลอจ้องมองเนิ่นนาน


นางลังเลใจ หากไม่เก็บจินหยินฮวาไปคงต้องเสียดายแย่ เพราะกว่าจะหาเจออีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นางจะเอ่ยปากขอให้เขาขยับตัวก็เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท ด้วยท่าทีของชายผู้นี้ดูสูงส่งเกินกว่าที่คนธรรมดาจะกล้าเอ่ยทัก ซูเหยายืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปใกล้ชายผู้นั้นอย่างระมัดระวัง นางควรจะทำอย่างไรดี? จะลองกระแอมไอให้เขารู้ตัว หรือจะพูดตรง ๆ ไปเลยว่าต้องการสมุนไพรที่อยู่ใต้เท้าเขา?


นางตัดสินใจสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วเลือกที่จะเอ่ยปากพูดออกไปตรง ๆ ทว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับแผ่วเบากว่าที่คิด 


“คุณชายผู้นั้น…” นางเริ่ม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะได้ยินเสียงของนาง


นางลองขยับเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงของนางจะไปถึงเขาคราวนี้ 


“ขะ…ขออภัยที่รบกวนเจ้าค่ะ” ซูเหยากล่าวอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังขึ้นเล็กน้อย “ขะ…ข้ามาเก็บ จินหยินฮวา ที่ท่านกำลังเหยียบอยู่พอดี”


ชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนไหวช้า ๆ เขาลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวรีสีดำสนิทลึกซึ้งราวห้วงน้ำในยามรัตติกาล กวาดมองมายังซูเหยาอย่างเชื่องช้า แววตานั้นสงบนิ่งจนไม่อาจคาดเดาความคิดได้ เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับเท้าออกจากดอกจินหยินฮวาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา


ซูเหยารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมองเช่นนั้น นางไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจที่นางพูดหรือไม่ หรือไม่ต้องการจะขยับให้กันแน่


“ทะ…ท่านจะกรุณาขยับเท้าออกให้ข้าได้เก็บจินหยินฮวาได้หรือไม่เจ้าคะ?” ซูเหยารวบรวมความกล้า เอ่ยปากขออย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางชี้ไปยังดอกสมุนไพรใต้เท้าของเขา


ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เป็นการแสดงออกทางสีหน้าที่น้อยนิดแต่ก็เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าเขารับรู้ถึงคำพูดของนาง ทว่าแทนที่จะขยับเท้า เขากลับก้มลงมองดอกจินหยินฮวาใต้ฝ่าเท้าของตนเองครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซูเหยาอีกครั้ง


“เจ้าต้องการสิ่งนี้หรือ?” เสียงของเขาเย็นเยียบและราบเรียบ ราวกับสายลมที่พัดผ่านยอดไม้ ไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ


ซูเหยารีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ดวงตาเปี่ยมด้วยความหวัง 


“เจ้าค่ะ! ข้าต้องการดอกนี้มาก เจ้านายของข้าต้องการมันอย่างยิ่ง” นางอธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้ชายหนุ่มเข้าใจถึงความสำคัญของสมุนไพรดอกนี้


ชายหนุ่มยังคงไม่ขยับ เขาจ้องมองซูเหยาด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา


“แล้วเหตุใดข้าต้องหลีกให้เจ้า?” คำถามของเขาเรียบง่าย ทว่าแฝงความรู้สึกบางอย่างที่ซูเหยาจับต้องไม่ได้


ซูเหยาอึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะถามเช่นนี้ นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะตอบอย่างไรดี จะอธิบายสรรพคุณของจินหยินฮวาให้เขาฟัง หรือจะบอกว่าตนเองรีบร้อนเพียงใด แต่ดูจากท่าทีของชายหนุ่มแล้ว การอ้อนวอนคงจะไม่ได้ผล นางตัดสินใจเลือกที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมาและแสดงออกถึงความจำเป็นของตนเอง 


“ท่านหมอเจิ้งกำลังใช้มันเพื่อปรุงยาให้ผู้ป่วยอาการหนักเจ้าค่ะ มันจำเป็นมากจริง ๆ” น้ำเสียงของซูเหยามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อนึกถึงชีวิตของผู้ป่วยที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย


ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาคมกริบจ้องมองซูเหยาไม่วางตา ราวกับกำลังประเมินบางสิ่งบางอย่างในตัวนาง บรรยากาศรอบกายเงียบงันจนได้ยินเพียงเสียงลมพัดและเสียงใบไม้ไหว ซูเหยารู้สึกราวกับเวลาหยุดนิ่ง ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนเท้าออกจากดอก จินหยินฮวา อย่างช้าๆ ราวกับไม่เร่งรีบแม้แต่น้อย เขาไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแต่เหลือบมองดอกไม้ใต้เท้าก่อนจะหันกลับมาจ้องซูเหยา


ซูเหยารู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาขยับเท้าออก แต่ความประหลาดใจก็เข้ามาแทนที่ เมื่อชายหนุ่มไม่กล่าวอะไร เพียงจ้องมองนางด้วยสายตาที่ลึกล้ำ ซูเหยาไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไรจากนางกันแน่ นางตัดสินใจไม่รอช้ารีบย่อตัวลงเก็บจินหยินฮวาดอกนั้นอย่างระมัดระวัง แม้จะถูกเหยียบอยู่ครู่หนึ่ง แต่ดอกไม้ก็ยังคงสมบูรณ์ดี นางตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะนำมันใส่ลงในตะกร้าสมุนไพรอย่างเบามือ


เมื่อเงยหน้าขึ้นซูเหยาก็พบว่าชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาของเขามองตรงมาที่นางไม่ได้ละไปไหน ซูเหยารู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยจึงตัดสินใจกล่าวคำขอบคุณ 


“ขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะที่กรุณาหลีกทางให้”


ชายหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อย ท่าทางสงบนิ่งราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ


“สิ่งที่เจ้ากล่าวว่าจำเป็นนั้น…สำคัญเพียงใด?”


ซูเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำถาม ทว่าเมื่อพิจารณาแววตาอันลุ่มลึกของเขา นางก็รู้สึกได้ว่าชายผู้นี้ไม่ได้ถามเพราะความไม่รู้ แต่น่าจะเป็นการทดสอบบางอย่าง 


“สำคัญถึงชีวิตของผู้ป่วยเจ้าค่ะ” ซูเหยาตอบอย่างจริงใจ “หากปราศจากจินหยินฮวาดอกนี้ ท่านหมอเจิ้งก็ไม่อาจปรุงยาให้สมบูรณ์ได้ ผู้ป่วยอาจจะ…แย่ลง”


ชายหนุ่มรับฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิด 


“เช่นนั้นแล้ว หากสมุนไพรดอกนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้าจะทำเช่นไร?”


คำถามนี้ทำให้ซูเหยาชะงักไปชั่วขณะ หากเป็นเช่นนั้นจริง นางคงต้องออกตามหาต่อไปไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็ตาม 


“ข้าก็จะออกตามหาต่อไปเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะต้องบุกป่าฝ่าดงไปไกลเพียงใด เพื่อให้ได้มาซึ่งสมุนไพรที่จะช่วยชีวิตผู้อื่นได้” น้ำเสียงของนางหนักแน่นและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น


รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่ม เป็นรอยยิ้มที่แทบมองไม่เห็น ทว่ามันทำให้ใบหน้าอันสงบนิ่งของเขามีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย 


“ความมุ่งมั่นของเจ้า…ช่างน่าชื่นชม” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นขึ้นเล็กน้อยกว่าเมื่อครู่ “หากมีสิ่งใดที่เจ้ารู้สึกว่าสำคัญต่อชีวิตผู้อื่น จงอย่าได้ลังเลที่จะไขว่คว้ามันมา”


ซูเหยารู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของเขา ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้ดูถูกดูแคลนนางเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังให้กำลังใจ นางโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ


“ข้าจะจำคำของท่านไว้เจ้าค่ะ”


ซูเหยายืนนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกล่าวลาเพื่อมุ่งหน้ากลับไปหาท่านหมอเจิ้ง 


“เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอคงรอข้าอยู่” นางกล่าวพร้อมโค้งคำนับอีกครั้งหนึ่ง


ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับช้า ๆ ดวงตาของเขายังคงทอประกายลึกล้ำ ซูเหยาหันหลังกลับและก้าวเดินออกไป ไม่ได้หันกลับมามองอีก ชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ที่เดิม เฝ้ามองเงาร่างบอบบางที่ค่อย ๆ เลือนหายไปในหมู่แมกไม้


เมื่อซูเหยาจากไปแล้ว รอยยิ้มบาง ๆ ก็ปรากฏชัดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม หากมีผู้ใดได้เห็นคงจะประหลาดใจเป็นแน่ เพราะใบหน้าอันสงบนิ่งราวรูปปั้นนั้นกลับมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา ดวงตาของเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่ซูเหยาเดินจากไป พลางพึมพำกับตนเองเบา ๆ 


“เด็กสาวที่เปี่ยมด้วยใจเมตตาและมุ่งมั่น…ยากนักที่จะพบพานในแดนมนุษย์นี้”


แท้จริงแล้วชายผู้นี้ คือ เยว่เหล่า เทพผู้เฒ่าจันทรา ผู้ดูแลด้ายแดงแห่งโชคชะตาที่ได้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่ยังมิอาจเปิดเผยได้ในตอนนี้ และบังเอิญได้พบพานกับซูเหยาในวันนี้


เยว่เหล่าก้มลงมองที่ฝ่ามือของตนเอง คล้ายกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง 


“ด้ายแห่งโชคชะตาของนาง…ช่างน่าสนใจนัก” เขาครุ่นคิด สายตาจับจ้องไปที่เส้นด้ายสีแดงบางเบาที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ที่ปลายข้างหนึ่งผูกติดกับนิ้วของซูเหยา และอีกปลายหนึ่งก็ทอดตัวไปในทิศทางที่ไม่สามารถมองเห็นได้สุดลูกหูลูกตา


“ถึงคราที่ต้องผูกพันแล้วกระมัง” เยว่เหล่าเอ่ยกับตนเองอีกครั้ง รอยยิ้มยังคงประดับอยู่ที่มุมปาก เขารู้ดีว่าการพบกันของเขากับซูเหยาในวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และแน่นอนว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย


จินหยินฮวาที่ซูเหยาเก็บไปนั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่จะนำพานางกลับมายังทะเลสาบเยว่ปิงเหอแห่งนี้อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เยว่เหล่ารู้ดีว่าท่านหมอเจิ้งจะต้องการสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่เติบโตได้ดีในบริเวณนี้เท่านั้น และมันก็เป็นสมุนไพรที่หายากยิ่งกว่าจินหยินฮวาเสียอีก… ซึ่งแน่นอนว่าเยว่เหล่าได้เตรียมพร้อมที่จะ ‘บังเอิญ’ พบกับซูเหยาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพื่อสังเกตการณ์โชคชะตาที่กำลังจะถักทอของนางต่อ




[GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-22 01:51
โพสต์ 27843 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-22 01:12
โพสต์ 27,843 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-7-22 01:12
โพสต์ 27,843 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-7-22 01:12
โพสต์ 27,843 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 คุณธรรม +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2025-7-22 01:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x6
x20
x5
x2
x10
x15
x12
x6
x2
x20
x14
x19
x1
x5
x8
x6
x4
x53
โพสต์ 2025-7-22 07:30:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 20 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ


เงาร่มของกิ่งหลิวและแสงอาทิตย์ยามเว่ยพลันกลายเป็นเพียงฉากรองเมื่อเสียงปริศนานั้นดังก้องอีกครั้งภายในห้วงจิตของหลินหยา เธอหยุดเดินทันทีหลินหยากำลังจะเดินออกจากที่นี่เธอเบิกตากว้างขึ้นราวกับใครสาดแสงบางอย่างเข้าใส่ใจกลางวิญญาณของนาง ‘ท่ามกลางเงาของอดีต…ดวงใจหนึ่งกำลังถูกทดสอบ’ เสียงนั้นแผ่วเบาหากแต่ชัดเจนจนรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนบางอย่างในอก ดวงตาของหลินหยาสั่นไหว หัวใจเต้นรัวขึ้นโดยไม่อาจห้าม ราวกับมีมือมองไม่เห็นค่อย ๆ คลี่แผ่นความทรงจำและตอกย้ำมันด้วยเสียงเรียบเย็นแต่หนักแน่นดั่งค้อนกระแทกลงบนกระดานไม้


‘เงาของอดีต’ …คือศาลาใต้เถาวัลย์ม่วงนั้นหรือไม่?

‘ดวงใจที่ถูกทดสอบ’ …คือใจของนางที่เต็มไปด้วยพันธะ ความเจ็บปวด และคำสาบานใช่หรือไม่?


หลินหยากัดริมฝีปากตนเองแน่นเมื่อนึกถึงวันนั้นวันที่นางเมาจนแทบไม่อาจยืนหลับลงไปในอ้อมแขนของใครคนหนึ่ง วันที่เสียงหนึ่งเตือนให้นางแบกพันธะในเงาศาลาไปค้นหาความหมายในดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือประตูเงา สถานที่ซึ่งนางยังไม่อาจเอ่ยถึงโดยไม่รู้สึกหวาดกลัวและบัดนี้ เสียงนั้น…เสียงของผู้ชายที่นางไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้หน้าตา…กลับดังขึ้นอีกครั้ง


‘จะฟังเสียงหัวใจตนเอง…หรือจะหลบซ่อนอยู่ในความกลัวตลอดไป?’


เหมือนทุกหยดน้ำในทะเลสาบเยว่ปิงเหอหยุดนิ่งสายลมรอบตัวพัดเฉียดผิวหนังเพื่อให้ลุกชัน เป็นตัวตนของหลินหยาถูกถลกเปิดทีละชั้น…จนใจแทบเปลือยเปล่า นางหลุบตาลงหายใจไม่เป็นจังหวะ ทั้งไม่อาจพูดตอบหรือวิ่งหนีจากคำถามนั้นได้ ในใจนาง…ไม่มีคำตอบที่มั่นคงพอ


ด้ายแดงแห่งโชคชะตาเริ่มสั่นไหว…


คำว่าด้ายแดงทำให้หัวใจหลินหยากระตุกทันที ภาพของจางกงกงริมฝีปากเขาที่ร้อนรุ่ม สายตาที่เผาไหม้ใจนางจนเกือบแตกสลายแวบขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว หากสิ่งนั้นคือโชคชะตา…มันควรจะหวานหรือน่าหวาดหวั่น? ‘หากแต่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะถูกผูก…หรือปล่อยให้ล่องลอยตามลม…’ ริมฝีปากของหลินหยาสั่นน้อย ๆ นางมองขึ้นฟ้า เมฆสีขาวบางลอยเอื่อยอยู่เบื้องบน คล้ายไร้จุดหมาย ไร้ปลายทาง


"ข้ารู้…" เสียงนางแผ่วเบาแทบจะไม่ออกจากปาก ราวกับพูดกับตัวเองหรืออาจพูดกับลมหรือกับใครบางคนผู้ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดกันแน่ "ข้ารู้ว่าเส้นด้ายเส้นนั้น…มันไม่ได้บางขนาดจะขาดเพียงเพราะข้าหวั่นไหว แต่ข้าก็ยังไม่กล้าจะผูกมันไว้" ดวงตาของหลินหยาฉ่ำน้ำเล็กน้อย หากไม่ได้ร้องไห้แต่เป็นความรู้สึกที่อัดแน่นและไม่มีที่ระบาย นางค่อย ๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสสายลมที่พัดผ่านอย่างเบามือ คล้ายจะสัมผัสเส้นด้ายที่ไม่มีใครมองเห็น "แต่ข้าจะไม่หลบแล้ว…" นางพูดอย่างหนักแน่นขึ้น


"หากมันจะผูก ข้าจะปล่อยให้มันผูก หากมันจะขาด ข้าจะไม่ยื้อ แต่ข้าจะไม่หนีหัวใจของตัวเองอีกต่อไป" ใบหน้าของหลินหยาแหงนขึ้นรับลมอีกครั้งในแววตานั้นยังเต็มไปด้วยความกลัว ความหวั่นไหว และคำถามมากมายที่ไร้คำตอบ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั่นคือดวงตาของคนที่กำลังเลือกจะ ‘ยืนหยัด’ ท่ามกลางโชคชะตา ไม่ใช่ด้วยความกล้าแต่เพราะความรัก…แม้ยังไม่รู้ว่ารักนั้นจะเป็นแสงหรือเป็นเพลิงเผาตัวเองก็ตามที


ก้าวย่างของหลินหยานั้นเงียบงันแต่แน่วแน่ สะท้อนเสียงน้ำที่กระเพื่อมเบา ๆ ตามแรงลมริมฝั่งทะเลสาบเยว่ปิงเหอ สายลมในยามเว่ยพัดเส้นผมของนางให้ปลิวไหวเบาบาง เธอไม่พูดอะไร ไม่ร้องเรียกใครและไม่มองหาสิ่งใด…แต่หัวใจของเธอกำลังค้นหาอย่างเงียบงัน นางไม่รู้ว่าจะพบกับอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเดินไปสู่ปลายทางแบบไหน ร่างบางในชุดเรียบง่ายที่ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนนางในหอว่านหงเหรินหรือนางในวังหลัง ร่างนั้นกลับสง่างามในความเรียบง่ายราวกับแผ่นกระจกใสที่สะท้อนแสงอาทิตย์อ่อน ๆ แห่งบ่ายโมงตรงใจกลางทะเลสาบ


และในขณะที่ฝีเท้าของเธอยังก้าวต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอีกในห้วงลึกของจิตใจ ‘เจ้าต้องการสิ่งใด…จริง ๆ’ มันไม่ใช่คำถามที่ดังมาจากภายนอกแต่เป็นคำถามที่ทิ่มแทงลงมาในใจตรงจุดที่เปราะบางที่สุด


หลินหยาเบิกตานิด ๆ ก่อนที่ดวงหน้างามนั้นจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึม ไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากริมฝีปาก ไม่มีถ้อยคำวิจารณ์หรือคร่ำครวญแต่สองเท้าของหลินหยากลับหยุดลงที่ริมฝั่งด้านตะวันตกของทะเลสาบ ซึ่งดอกไม้ป่าเล็ก ๆ เบ่งบานอยู่ท่ามกลางหญ้าริมทาง นางโน้มตัวลง หยิบกิ่งไม้เล็ก ๆ ขึ้นมาจากพื้น ไม่ใช่กิ่งไม้ที่สวยงามอะไรแต่หลินหยากลับใช้มันเขี่ยลงไปบนพื้นดินที่ชื้นนุ่มจากหยาดน้ำค้างยามเช้าที่ละลายเพราะแดดทั้งวันแต่กลับชื้นเพราะตรงนี้คือทะเลสาบ


เส้นแรก…เส้นที่สอง…จากซ้ายไปขวา จากบนลงล่างตัวอักษรนั้นปรากฏชัด


幸福 – ความสุข (Xìngfú)


ไม่มีคำบรรยายอื่นเป็นประโยคยืดยาว ไม่มีความปรารถนาให้ร่ำรวยไม่ใฝ่ฝันถึงอำนาจ ไม่มีแม้แต่ความปรารถนาให้ความรักสมหวัง มีเพียงแค่ความสุขที่เขียนด้วยมือของคนคนหนึ่ง ผู้แบกความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ ผู้ไม่อาจพูดมันออกมาได้ง่าย ๆ นางยังมีแผลเป็นทั้งจากความกลัวและการสูญเสีย แต่กลับยังหวัง…ว่าสักวันหนึ่ง ไม่เพียงตัวนางแต่ทุกคนจะได้มีความสุข


เสียงในใจเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่สายลมจะพัดผ่านแผ่วเบาเหมือนมือของใครบางคนกำลังลูบหลังนางเบา ๆ ‘งดงามนัก…’ เสียงนั้นพร่ำเพียงเท่านั้น


หลินหยานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นมองดูอักษรเดียวนั้นในดินอยู่นาน ราวกับไม่อยากให้ลมพัดลบมันไป ก่อนที่นางจะยิ้มเบา ๆ ไม่ใช่รอยยิ้มของผู้ที่หลุดพ้นหรือผู้ที่เข้าใจทุกสิ่ง หากแต่เป็นรอยยิ้มของผู้ที่เลือกแล้ว…ว่าจะไม่ลืมใจของตนเองแม้ทางข้างหน้าจะยังมืดมนหรือโชคชะตาจะขึงเส้นด้ายไว้เหนือเหวลึก แม้หัวใจจะยังสั่นไหวกับริมฝีปากของบุรุษสวมหน้ากากครึ่งหน้า… นาง…ก็จะยังคงเดินต่อไปเพื่อคำคำเดียวนี้คือความสุข


หลินหยานั่งสงบอยู่ตรงนั้นริมฝั่งทะเลสาบเยว่ปิงเหอ อักษรคำว่า ‘幸福’ ที่นางเพิ่งเขียนด้วยไม้กิ่งเล็กยังไม่ทันจางหาย ลมเย็นพลิ้วพัดมาอ้อยอิ่งกลีบไม้ร่วงหล่นลงแนบพื้นข้างอักษรอย่างเงียบงัน ราวกับฟ้าดินยังเงี่ยหูฟังเสียงของใจนาง ดวงตาคู่งามทอดมองอักษรนั้นอย่างเงียบงันก่อนจะเบี่ยงมองไปไกลสุดขอบน้ำที่สะท้อนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม เงาสะท้อนนั้นคล้ายมีใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น แม้ไม่มีเงาใดจริง แต่หัวใจนางกลับเห็นได้ชัดเจนในใจของนาง…ชายผู้หนึ่งในหน้ากากครึ่งซีก…ยืนอยู่ตรงนั้น


“ข้ามีสัญญาใจ…ที่ท่านไม่รู้” หลินหยาพึมพำแผ่วเบา ริมฝีปากสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดนั้นของตนเอง “แม้ท่านจะไม่เคยได้ยิน แต่ข้าบอกมันกับตัวเอง…ว่าข้าจะไปพบท่านไม่ใช่ในฐานะคนที่ท่านล่ามไว้ ไม่ใช่ในฐานะผู้แพ้ในแผนการของท่าน…แต่ในฐานะผู้ที่ยังคงเห็นท่านเป็นมนุษย์คนหนึ่ง” น้ำเสียงของนางเริ่มสั่นไหวแม้จะบังคับให้มั่นคงเพียงใด


“ข้าจำอดีตของท่านได้…ราวกับเห็นมันด้วยตาตนเอง ข้ารู้…ท่านก็เหมือนเด็กคนหนึ่งในโลกที่ไม่เคยได้รับความรัก ความเมตตา ไม่เคยรู้จักรอยยิ้มที่อบอุ่น ไม่รู้จักเสียงหัวเราะที่ไม่ต้องแลกมาด้วยเลือดหรือความตาย…” ภาพในใจผุดขึ้นราวกับความทรงจำของตัวเองเด็กน้อยในชุดผ้าหยาบสีหม่น ๆ แม้เป็นคุณชายของจวนที่เกิดจากภรรยาหลวงแต่กลับตัวเล็กนิดเดียว ดวงตาแห้งผากไร้น้ำตาเพราะร้องจนแห้งสองมือเล็กพยายามปกป้องชิ้นขนมเพียงชิ้นเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยกำปั้น เสียงแส้ และความเยียบเย็น…


“…ท่านรู้ไหม…แม้ท่านจะเคยมีสหายอย่างฝ่าบาทมีผู้ที่ท่านเทิดทูนไว้เหนือใจที่เห็นท่านเป็นคน ไม่ใช่หมาก…ท่านก็ยังไม่รู้จักคำว่ารักอยู่ดี…” นางระบายยิ้มแต่รอยยิ้มนั้นขื่นขมราวกับน้ำตาไม่มีแรงไหลออก “…เพราะความรักไม่ใช่แค่การไม่ทอดทิ้ง…แต่มันคือการอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้ การสัมผัสที่ไม่หวังผล การให้อภัยที่ไม่ขอให้ลืม…” หลินหยากำมือแน่นรู้ดีว่าคำพูดของนางเป็นสิ่งที่โง่เขลาในสายตาโลก มอบความรักให้กับผู้ที่วางแผน ทำร้าย บงการแม้กระทั่งเธอเองยังเคยเกลียดเขาจนอยากจะหนีไปให้พ้นหน้า


แต่นางกลับพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ข้าไม่คิดจะเปลี่ยนท่าน…ข้าไม่คิดจะปราบปีศาจในตัวท่าน…ข้าแค่อยากให้…ท่านได้สัมผัส…ความอบอุ่น ความสุขและความรัก…แบบที่ท่านควรได้ในวันที่ท่านลืมตาดูโลก…ท่านจะไม่อยากรับมันก็ได้แต่ข้าก็จะยังให้มันอยู่ดีเพราะท่านก็คือมนุษย์ มนุษย์คนหนึ่งที่มีสิทธิ์จะได้รับความสุข” ดวงตาของหลินหยาร้อนผ่าว แต่กลับไม่มีหยาดน้ำใดไหลออกมา เสียงสุดท้ายของนางสั่นราวกับสายลมที่สะบัดแรงขึ้นเล็กน้อยในยามบ่าย ดอกไม้ที่อยู่ข้างคำว่า ‘ความสุข’ ปลิวไปในอากาศก่อนจะหล่นเงียบลงบนผิวน้ำเย็นและสงบ


หลินหยานั่งอยู่อย่างนั้นนานเท่าที่หัวใจจะทนได้ ราวกับว่าหากนางลุกไปตอนนี้ ด้ายแดงแห่งโชคชะตานั้น…จะหลุดลอยไปตามลมเสียก่อน นางไม่รู้เลยว่าเขาจะได้ยินไหม เขาจะเข้าใจหรือไม่แต่นางรู้เพียงสิ่งเดียว สัญญาใจของนาง…ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตอบแทนและเขาไม่ต้อง ‘เป็นคนดี’ ถึงจะสมควรได้รับความรัก เพราะเด็กชายคนนั้น…แม้จะกลายเป็นจางกงกงผู้โหดเหี้ยมร้ายกาจในสายตาคนทั้งแผ่นดินก็ยังเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง…ที่ไม่เคยได้รับความสุขเลยตลอดชีวิตของเขา


ลมอ่อนในยามบ่ายคลี่คลายเส้นผมของหลินหยาที่ลูบไล้ไหล่ขาวใต้ชุดเรียบง่าย นางยกตัวขึ้นยืนนิ่งริมทะเลสาบเยว่ปิงเหอ ริมฝั่งที่เงาสะท้อนของท้องฟ้าและภูเขาอ้อยอิ่งอยู่บนผิวน้ำราวภาพฝัน เสียงในหัวที่ฟังคล้ายเสียงบุรุษผู้หนึ่งก็ค่อย ๆ จางไป เหลือเพียงเพรียกเพรียกบางอย่างในใจ ที่ไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์หรือเทพใด แต่เป็นเสียงของ ‘ตัวนางเอง’ เสียงของหญิงสาวธรรมดาผู้หนึ่ง ที่กำลังเลือกจะเดินบนทางที่ไม่มีใครกำหนด


หลินหยาไม่เห็นด้ายแดงของโชคชะตา ไม่มีตาทิพย์ ไม่มีสัมผัสของเซียนหรือพรแห่งสวรรค์แต่สิ่งที่นางมีคือหัวใจ หัวใจที่แม้จะบอบช้ำแต่มิยอมดับ ความรู้สึกที่แม้จะสับสนแต่ไม่สั่นคลอน นางเลือกแล้ว…ว่าจะไม่รอชะตากำหนดแต่จะเป็นผู้เลือกด้วยตนเอง


นางจ้องมองเงาของตนเองที่ทอดอยู่บนผืนน้ำเสียงแผ่วเบาหลุดจากริมฝีปาก “ข้าจะไป…” แม้ไม่รู้ว่าที่ปลายทางของสัญญาใจนั้นจะมีน้ำตาหรือรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าเขาจะรออยู่จริงหรือไม่ หรือเขาจะตอบกลับสิ่งใดนอกจากคำล้อเลียนและรอยยิ้มกวนประสาท แต่นางจะไป…ก็จะไปเหมือนเดิม ไปในยามเซินของทุกวัน นางจะไปตีเขาหากเขายังคงเย้ยหยัน จะไปจ้องดวงตาเขา หากเขายังไม่พูดความจริง จะไปนั่งเงียบข้าง ๆ หากเขาเงียบเสียจนเธอได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้น และหากวันนี้เขานึกอยากกินขนมหวาน…บางทีเธออาจจะให้เขาสักชิ้นสองชิ้น


นั่นไม่ใช่เพราะหลินหยาอ่อนแอหรือให้อภัยเขาเสมอไป แต่เพราะนางคือหลินหยามนุษย์ธรรมดาที่เลือกจะรักในแบบของนางเองแม้คนอื่นจะไม่เข้าใจก็ตาม  รักด้วยสัญญาใจที่ไม่มีใครเห็น แต่มั่นคงยิ่งกว่าด้ายแดงจากสวรรค์ในใจของนาง


ยามเซินกำลังเข้ามาใกล้นัก…


และศาลาจื่อเถิงฮวาที่แห่งหนึ่งที่หัวใจนางเดินทางไปถึงก่อนร่างกาย ที่นั่น…นางจะได้พบเขาอีกครั้งไม่ใช่เพราะโชคชะตานำพา แต่เพราะหลินหยาเลือกเองว่าจะไปพบเขาในทุกวัน…ตราบที่หัวใจยังมีแรงจะก้าวเดินไป




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: สำรวจทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (ปลดล็อกบทสนทนาเหตุการณ์สำคัญกับองค์เทพเยว่เหล่า)

คำตอบภายในใจคือ 幸福 – ความสุข (Xìngfú)

และนางกำลังจะไปพบเขาเหมือนกับทุกวัน

รางวัล: -


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 2025-7-22 11:43
โพสต์ 48610 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-22 07:30
โพสต์ 48,610 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-22 07:30
โพสต์ 48,610 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-22 07:30
โพสต์ 48,610 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-22 07:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x5
x5
x7
x5
x5
x5
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x16
x47
x16
x150
x5
x4
x3
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x112
x12
x9
x14
x4
x23
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x5
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x3
x1
x6
x6
x11
x5
x123
x40
x20
x7
x15
x42
x3
x1
x1
โพสต์ 2025-7-23 01:58:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 18 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 

ยามเว่ย (เวลา 13.00 - 15.00 น.)



ณ ชายป่าอันเงียบสงบยามบ่ายคล้อยอีกครั้ง แสงแดดยามบ่ายทอดยาวเป็นเงาไม้ ซูเหยาในชุดสีครามทะมัดทะแมงสะพายตะกร้าหวายคู่ใจก้าวเข้าสู่บริเวณทะเลสาบเยว่ปิงเหออีกครั้ง นางได้รับมอบหมายจากท่านหมอเจิ้งให้มาเก็บสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่หายากยิ่งกว่าจินหยินฮวาเสียอีก นั่นคือเหอโส่วอู ซึ่งเป็นสมุนไพรสำคัญในการทำโอสถบำรุงผมถวายแด่องค์ไท่โฮ่ว เหอโส่วอูเป็นพืชเถาเลื้อย มีหัวใต้ดินคล้ายมันเทศ มีดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน และมักเติบโตในที่ร่มรื่น ชื้นแฉะ ริมลำธาร หรือป่าทึบ


ซูเหยาเดินสำรวจไปตามแนวริมน้ำอย่างละเอียด สายตาคมกริบสอดส่องไปทั่วทุกซอกมุม แม้จะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่พบวี่แววของเหอโส่วอูเลยแม้แต่น้อย นางเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะสมุนไพรชนิดนี้หายากยิ่งนัก หากไม่พบเจอในวันนี้ ท่านหมอเจิ้งคงต้องหนักใจเป็นแน่


ขณะที่นางกำลังก้มลงมองพุ่มไม้เตี้ย ๆ ริมโขดหิน หวังว่าจะพบหัวเหอโส่วอูที่ซ่อนอยู่เบื้องล่างนั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ชายหนุ่มผู้นั้นยืนอยู่ไม่ไกลจากนางนัก ที่เดิมตรงจุดที่นางเคยพบเขาเมื่อวานนี้ ท่าทางของเขาสงบนิ่งราวกับรูปปั้นเทพเซียนเช่นเดิม ดวงตาคมกริบลึกล้ำราวห้วงน้ำในยามรัตติกาลกำลังจ้องมองมาที่นาง


ซูเหยารู้สึกประหลาดใจกับการพบพานครั้งนี้ นางไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เพราะหากชายผู้นี้อยู่ที่นี่ อาจจะหมายความว่าบริเวณนี้มีสมุนไพรที่นางต้องการอยู่ก็เป็นได้


“คุณชาย…” ซูเหยาเอ่ยทักทายอย่างแผ่วเบา พร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อย ชายหนุ่มพยักหน้ารับช้า ๆ เป็นการตอบรับ


“เจ้ามาที่นี่อีกแล้วหรือ?” เสียงของเขาเย็นเยียบและราบเรียบเช่นเดิม แต่ซูเหยาจับความรู้สึกบางอย่างได้ว่ามันไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อวานนัก


“เจ้าค่ะ” ซูเหยาตอบ “ข้ามาตามหาสมุนไพรเจ้าค่ะ ท่านหมอเจิ้งต้องการเหอโส่วอู เพื่อปรุงโอสถถวายองค์ไท่โฮ่ว แต่ข้ายังหาไม่พบเลยเจ้าค่ะ” นางอธิบายด้วยน้ำเสียงแสดงความกังวล


ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณนั้นช้า ๆ ราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันกลับมามองซูเหยา


“เหอโส่วอู…เป็นสมุนไพรที่หายากยิ่งนัก” เขาเอ่ยขึ้น “และมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่คาดไม่ถึง”


คำพูดของเขาทำให้ซูเหยารู้สึกมีความหวังขึ้นมา นางรีบถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“ท่านพอจะทราบหรือไม่เจ้าคะว่าข้าควรจะหาที่ใด?”


รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่ม แทบมองไม่เห็นแต่ก็ทำให้ใบหน้าอันสงบนิ่งของเขามีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่ตอบคำถามของซูเหยาในทันที แต่กลับเดินนำหน้าไปอย่างช้า ๆ ซูเหยาจึงรีบเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ


ชายหนุ่มเดินลึกเข้าไปในบริเวณที่ร่มรื่นกว่าเดิม ซึ่งเป็นแนวป่าทึบริมลำธารที่ไหลเอื่อย ๆ ซูเหยาไม่เคยสำรวจมาถึงบริเวณนี้มาก่อน เพราะดูจากภายนอกแล้วไม่น่าจะมีสมุนไพรชนิดใดเติบโตได้ดีนัก


เขาหยุดยืนอยู่ข้างพุ่มไม้ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์หนาทึบ ก่อนจะก้มลงชี้ไปที่โคนต้นไม้ใหญ่


“ลองดูที่นี่สิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ


ซูเหยารีบทรุดตัวลงมองตามที่เขาชี้ เมื่อเถาวัลย์ถูกแหวกออก นางก็ต้องตาค้างด้วยความดีใจ ที่นั่นมีหัวเหอโส่วอูขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นัก ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินบางส่วน มีใบเขียวเข้มปกคลุมเล็กน้อย และดอกสีชมพูอ่อนชูช่ออย่างเงียบงัน


“เจอแล้วเจ้าค่ะ!” ซูเหยาอุทานด้วยความยินดีอย่างยิ่ง นางรีบหยิบอุปกรณ์ขุดสมุนไพรออกมาอย่างรวดเร็ว


ชายหนุ่มยืนมองดูซูเหยาเก็บเหอโส่วอูอย่างใจเย็น ดวงตาของเขาฉายแววครุ่นคิดบางอย่าง


“เจ้าดูมีความสุขมากเมื่อได้พบมันนะ” เขาเอ่ยขึ้น


ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมรอยยิ้มกว้าง 


“แน่นอนเจ้าค่ะ! สมุนไพรนี้สำคัญต่อองค์ไท่โฮ่วมาก และการหามันเจอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”


“ความสุขของเจ้า…มาจากสิ่งใดกันแน่?” เขาถาม คำถามของเขาเรียบง่ายแต่แฝงความลึกซึ้ง


ซูเหยาชะงักไปเล็กน้อย นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างจริงใจ


“ความสุขของข้า…มาจากการที่ข้าได้ทำในสิ่งที่ช่วยผู้อื่นได้เจ้าค่ะ เมื่อข้าได้เก็บสมุนไพรที่จำเป็นต่อการรักษาชีวิตคน หรือช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ข้ารู้สึกเติมเต็มและมีความสุขมาก”


ชายหนุ่มพยักหน้ารับช้า ๆ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาอีกครั้ง


“นั่นเป็นความสุขที่แท้จริง” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นขึ้นเล็กน้อยกว่าเมื่อวาน “ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจถึงความสุขเช่นนี้”


ซูเหยารู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของเขา ชายผู้นี้ดูเหมือนจะเข้าใจนางอย่างลึกซึ้ง และคำพูดของเขาก็ให้กำลังใจนางอย่างไม่น่าเชื่อ


เมื่อเก็บเหอโส่วอูเสร็จเรียบร้อย ซูเหยาลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้ชายหนุ่มด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง


“ขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะ หากไม่มีท่าน ข้าคงหาเหอโส่วอูไม่พบเป็นแน่”


ชายหนุ่มเพียงพยักหน้ารับ ดวงตาของเขายังคงทอประกายลึกล้ำ


“เส้นทางของเจ้า…ยังอีกยาวไกล” เขาเอ่ย “จงมุ่งมั่นในสิ่งที่เจ้าทำ และอย่าได้หวั่นไหว”


ชายหนุ่มไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม ซูเหยาไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงเส้นทางของการหาสมุนไพร หรือเส้นทางชีวิตของนางกันแน่ แต่คำพูดของเขาก็ยังคงก้องอยู่ในใจ นางโค้งคำนับอีกครั้งแล้วตัดสินใจเดินจากไป หันหลังกลับไปมองเพียงครั้งเดียวเพื่อพบว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม เฝ้ามองเงาร่างของนางจนลับหายไป


เยว่เหล่าเงยหน้ามองผืนฟ้าสีครามที่ค่อย ๆ ถูกแต่งแต้มด้วยสีส้มอ่อนของยามเย็น รอยยิ้มเปี่ยมเมตตายังคงประดับอยู่บนใบหน้าของเขา


“ความเมตตาและความมุ่งมั่นของเด็กสาวผู้นั้น…ช่างบริสุทธิ์ยิ่งนัก” เยว่เหล่าพึมพำเบา ๆ ขณะก้มลงมองฝ่ามือของตนอีกครั้ง


ด้ายสีแดงแห่งโชคชะตาที่ผูกติดกับนิ้วเรียวของซูเหยา บัดนี้ไม่ได้ทอดตัวไปไกลจนสุดลูกหูลูกตาเหมือนเมื่อวาน หากแต่ปลายอีกด้านหนึ่งยังคงเลือนรางและมองไม่เห็นปลาย เยว่เหล่าแย้มยิ้มเล็กน้อย ดวงตาของเขาทอประกายลึกล้ำยิ่งกว่าเดิม


“ดูเหมือนว่าเส้นด้ายแห่งพรหมลิขิตจะยังไม่ถึงเวลาถักทอสินะ” เขากล่าวกับตนเอง น้ำเสียงแฝงความพึงพอใจ “ปลายทางของด้ายแดงนี้…ยังคงเป็นปริศนาที่ต้องใช้เวลาเปิดเผยอีกนานทีเดียว”


เยว่เหล่ารู้ดีว่าการพบกันสองครั้งของเขากับซูเหยาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่จะนำพานางไปสู่บทบาทสำคัญยิ่งในเส้นทางที่สวรรค์ลิขิตไว้


“หนทางข้างหน้าของเจ้ายังอีกยาวไกล ซูเหยาเอ๋ย” เยว่เหล่าเอ่ยแผ่วเบา สายตาจับจ้องไปที่เส้นด้ายสีแดงที่ยังคงนิ่งสงบ “ความลับแห่งโชคชะตาของเจ้า…ยังคงซ่อนเร้นอยู่ในกาลเวลาอีกพักใหญ่”


เยว่เหล่าหมุนตัวช้า ๆ หันหลังให้กับทะเลสาบเยว่ปิงเหอและป่าอันเงียบสงบในยามสนธยา ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีขาวค่อย ๆ เลือนหายไปราวกับสายหมอก ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและความลับของโชคชะตาที่ยังมิอาจเปิดเผยได้ในตอนนี้



[GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-23 16:44
โพสต์ 21882 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-23 01:58
โพสต์ 21,882 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-7-23 01:58
โพสต์ 21,882 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-7-23 01:58
โพสต์ 21,882 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 คุณธรรม +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2025-7-23 01:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x6
x20
x5
x2
x10
x15
x12
x6
x2
x20
x14
x19
x1
x5
x8
x6
x4
x53
โพสต์ 2025-7-23 02:26:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 21 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 14.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (พบ องค์เทพเยว่เหล่า)


ทะเลสาบเยว่ปิงเหอยามบ่ายเว่ยนั้นเงียบสงบ แสงอาทิตย์อ่อนโยนลอดผ่านกลุ่มเมฆบาง ๆ ร่วงหล่นบนผืนน้ำสีทองจางจนเหมือนจะแปรเป็นประกายหยก หญิงสาวในชุดธรรมดาเดินผ่านเส้นทางหินเรียบอย่างเร่งรีบ แม้จะเหนื่อยจากภารกิจทั้งวันแต่ก็ไม่อาจละความตั้งใจที่จะไปให้ถึงศาลาจื่อเถิงฮวาให้ทันเวลา นางก้าวเท้าเร็วขึ้น ทว่าเมื่อย่างเข้าสู่แนวต้นหลิวริมทะเลสาบ เสียงสายลมกลับพัดพาให้หัวใจต้องชะงัก


เขาอยู่ตรงนั้น


บุรุษที่นางเคยพบเมื่อวาน บัดนี้นั่งอยู่เช่นเดิมที่ศาลาหินริมสระ มองออกไปยังผืนน้ำโดยไม่แม้แต่จะปรายตามามองผู้ใด เส้นผมดำขลับของเขาถูกมัดไว้เรียบตึงด้วยริ้วไหมสีเงิน พาดทับชุดขาวคล้ายหิมะที่สะท้อนแสงอยู่เงียบ ๆ เช่นเดียวกับเจ้าตัว เขาไม่เคลื่อนไหว ไม่ขยับแม้แต่ปลายนิ้ว และก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะรับรู้ถึงการมาถึงของนางด้วยซ้ำ หลินหยาหลุบตามองพื้น เสียงฝีเท้าของนางแผ่วเบาลงโดยไม่รู้ตัว ใจที่เต้นเพราะความเร่งรีบกลับกลายเป็นสงบนิ่งราวกับถูกกล่อมด้วยคลื่นน้ำตรงหน้า นางไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่พบเขา ใจก็จะสงบลงเหมือนอย่างนี้เสมอ แม้จะยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร...ไม่รู้แม้แต่ชื่อ


นางหยุดยืนที่ขอบศาลา เงยหน้ามองเขาอีกครั้ง เขายังเหมือนเดิม...ไม่เอ่ยคำ ไม่ขยับ แม้สายตาก็ยังทอดไปไกลเกินกว่าจะไขความคิด  "ข้า...ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนท่านจะเจ้าค่ะ" หลินหยาพูดอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอียงกายหลบแผงแสงที่สาดเข้าตา นางกำลังจะก้าวผ่านไปตามทางเดิม แต่ขณะที่เท้าซ้ายยังไม่พ้นรอยเงาต้นหลิว เสียงทุ้มนุ่มกลับเอ่ยขึ้นช้า ๆ


"เจ้าควรหลบฝนก่อน"


หลินหยาเลิกคิ้วเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ ฟ้าก็ยังแจ่มใส แดดยังส่องอยู่ ทำไมเขาถึงพูดเรื่องฝน? "ฝนอะไรกันหรือเจ้าคะ?...ว่าเห็นว่าไม่มีวี่แววเค้าฝนตกเลยสักนิดนะเจ้าคะ" เธอบ่นงึมงำกับตัวเองตอนที่มองฟ้าก่อนหันกลับไปหมายจะโต้แย้งแต่...ศาลากลับว่างเปล่า ไม่มีเขาแล้ว ทั้งที่เมื่อครู่ยังนั่งอยู่ตรงนั้นแท้ ๆ...นางไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?


"ตกลงว่า?...เขา...เป็นใครกันแน่นะ? ผีเราะ?" นางพึมพำกับสายลม ก่อนที่เสียงฟ้าร้องเบา ๆ จะดังขึ้นไกล ๆ จากเทือกเขาฉินหลิงที่ทอดอยู่ด้านหลัง และก้อนเมฆเทาหม่นก็ลอยเข้ามาทางฝั่งตะวันตกอย่างรวดเร็ว...ราวกับจะตอบว่า ท่านผู้นั้น ไม่เคยพูดเปล่า สายลมที่พัดเอื่อยแผ่วเริ่มเปลี่ยนทิศ เป่ารำไรจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือกลิ่นของอากาศแปรเปลี่ยนเล็กน้อยเย็นและชื้นกว่าเมื่อครู่


หลินหยาเงยหน้ามองฟ้าอีกครั้ง พลางเบะปากอย่างคนไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก ดวงตาคู่งามหรี่ลงขณะจ้องเมฆครึ้มที่เริ่มก่อตัวราวกับยืนยันว่าคำพูดของเขาก่อนจะหายตัวไปเมื่อครู่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น "คราวนี้ไม่พูดอะไรแปลก ๆ เหมือนก่อน ๆ เลยนี่นาแต่ดันมาพยากรณ์ฝนถูกเป๊ะซะงั้น?” หญิงสาวบ่นพึมพำแล้วพ่นลมหายใจหนัก ๆ ออกทางจมูก สองคิ้วขมวดแน่นราวกับไม่ชอบใจเท่าใดนักที่ครั้งนี้ไม่มีอะไรให้นางเดา ไม่มีปริศนา ไม่มีคำเตือนลึกลับ ไม่มีจังหวะยื่นมือให้หรือคำชี้แนะดั่งที่เคย ครั้งนี้เขาเงียบเกินไป เงียบเสียจนเหมือนกับ...ไม่ได้มาหานางเลยจริง ๆ หรือมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น


“??...แล้วจะโผล่มาทำไมกันเล่า…”


เธอสะบัดหน้าเล็กน้อยก่อนยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าจากแนวต้นหลิวริมทะเลสาบเยว่ปิงเหอ เดินผ่านหญ้าชื้นเล็กน้อยที่ไหวตามลมพัดอย่างรวดเร็ว เส้นผมสลวยที่เคยปล่อยตามสบายถูกเก็บขึ้นหลวม ๆ ขณะรีบก้าวยาว ๆ บนทางหิน “ต้องรีบไปศาลาจื่อเถิงฮวาแล้วสิ...ให้ตายเถอะ ถ้าฝนตกขึ้นมาตอนนั้นนะ ข้าก็เปียกอีกแน่” หลินหยาพึมพำในลำคออย่างหัวเสีย ไม่ใช่เพราะเรื่องฝนหรอกแต่มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดในอกต่างหาก ความรู้สึกเหมือนโดนทิ้งกลางทางยังไงยังงั้น ทั้งที่เขามีเวลาจะพูด...แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย ฝีเท้าของหญิงสาวเร่งรุดผ่านทางเดินริมผาหิน ร่างบางของหลินหยาค่อย ๆ ห่างจากริมทะเลสาบลงทุกที กลีบดอกไม้ที่ถูกสายลมพัดร่วงหล่นปะทะบ่าของเธอคล้ายจะทิ้งสัญญาณเงียบ ๆ ไว้ในใจ


ถึงอย่างนั้น...แม้จะขมวดคิ้วอยู่ เธอก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าเขา มองตามอยู่ตลอด หากตอนนี้นางหยุดหันกลับไปมองอาจจะทันเห็นเงาเงียบ ๆ บนยอดไม้ที่ไหวเอนโดยไม่มีลม เงาที่สวมชุดขาวบริสุทธิ์ราวหิมะบนเทือกเขาหัวซานเงาที่ไม่เคยเดินจากไป เพียงแค่ไม่อยู่ต่อให้ใกล้เกินความจำเป็น แต่หลินหยาไม่หันกลับไปเพราะถ้าหันไปตอนนี้...นางอาจจะไม่ไปถึงศาลาจื่อเถิงฮวาในเวลาอันควร และนั่นจะทำให้เรื่องยุ่งยากยิ่งกว่านี้


จึงแค่เร่งเท้า...และทิ้งความรู้สึกนั้นไว้เบื้องหลังอย่างน้อยก็ชั่วคราว




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เมื่อวานเทพโหดร้ายมากเลยนะเจ้าคะ ฮือออ หนูเสียใจ


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-23 03:30
โพสต์ 24995 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-23 02:26
โพสต์ 24,995 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-23 02:26
โพสต์ 24,995 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-23 02:26
โพสต์ 24,995 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-23 02:26
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x5
x5
x7
x5
x5
x5
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x16
x47
x16
x150
x5
x4
x3
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x112
x12
x9
x14
x4
x23
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x5
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x3
x1
x6
x6
x11
x5
x123
x40
x20
x7
x15
x42
x3
x1
x1
โพสต์ 2025-7-24 13:31:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 19 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 

ยามเว่ย (เวลา 13.00 - 15.00 น.)



ยามบ่ายคล้อย แสงสุริยาสาดส่องต้องผิวน้ำในทะเลสาบเยว่ปิงเหอระยิบระยับ ลมรำเพยพัดแผ่วกิ่งหลิวพลิ้วไหว ซูเหยาย่างเท้าเข้ามายังสถานที่อันคุ้นเคยอีกครั้ง ตะกร้าหวายสานในมือบอบบางไม่ได้ว่างเปล่า หากแต่เต็มไปด้วยความหวังที่จะได้สมุนไพรล้ำค่ากลับไป


เมื่อวานนี้เหอโส่วอูที่นางเก็บไปได้สร้างความพึงพอใจให้หมอเจิ้งเป็นอย่างยิ่ง ท่านหมอถึงกับเอ่ยปากชมไม่ขาด ถึงสรรพคุณอันเป็นเลิศและหายากของมัน และด้วยความต้องการอันแรงกล้าจากหมอเจิ้งที่ปรารถนาสมุนไพรชนิดนี้อีก จึงเป็นเหตุให้ซูเหยาต้องกลับมายังทะเลสาบแห่งนี้อีกครั้งในวันนี้


สายตากลมโตกวาดมองไปรอบกาย พลันหยุดชะงักลงที่ร่างสูงโปร่งของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง เขายืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นหลิวใหญ่ ริมฝั่งทะเลสาบเฉกเช่นเมื่อวาน อาภรณ์ขาวบริสุทธิ์พลิ้วไหวตามแรงลม ขับเน้นให้รูปร่างสง่างามยิ่งขึ้น ใบหน้าคมคายดุจเทพเซียนกำลังทอดมองผิวน้ำด้วยแววตาครุ่นคิด


ซูเหยารู้ดีว่าเขาคือชายหนุ่มลึกลับคนเดียวกับที่นางพบสองวันติดกันมาแล้ว และในยามนี้นางมิได้รู้สึกประหลาดใจเฉกเช่นครั้งแรก หากแต่กลับบังเกิดความรู้สึกยินดีระคนความหวังอันเปี่ยมล้นอยู่ในอก


นางจดจำได้ว่าเมื่อวานนี้ ก่อนจะได้เหอโส่วอูที่หมอเจิ้งปรารถนา นางได้พบกับเขาผู้นี้เสียก่อน และทุกครั้งที่นางได้พูดคุย เขาก็ดูราวกับเป็นผู้นำโชคของนางโดยแท้ สมุนไพรที่ตามหาย่อมปรากฏแก่สายตาทุกครั้งไป!


คิดได้ดังนั้นซูเหยาจึงไม่รอช้า นางสาวเท้าเข้าไปหาเขาอย่างกล้าหาญ ดวงตากลมโตเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากอิ่ม 


“คุณชาย…” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยเรียกด้วยความมั่นใจ “คุณชายโปรดรอข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”


บุรุษหนุ่มในอาภรณ์ขาวค่อย ๆ หันกายกลับมา ใบหน้าคมคายสงบนิ่งดุจภาพวาด ดวงตาเรียวรีสีนิลกวาดมองนางเล็กน้อย ก่อนจะผินหน้ากลับไปมองทะเลสาบดังเดิม ราวกับว่านางเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน


ซูเหยามิได้ย่อท้อ นางเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกก้าว 


“คุณชายจำข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?” นางเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง “ที่เจอคุณชายเมื่อวานที่ริมทะเลสาบแห่งนี้”


คราวนี้เขาผินหน้ากลับมามองนางเต็มตัว แววตาคมกริบแต่ทว่าว่างเปล่า คู่ควรกับความลึกลับที่ห่อหุ้มตัวเขา 


“มีอันใดหรือ?” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามเรียบ ๆ 


ซูเหยาพยายามไม่ใส่ใจกับท่าทีของเขา นางยิ้มอย่างจริงใจ 


“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาสมุนไพรอีกเช่นเคย และข้าก็พบคุณชายอีกครั้ง” นางหยุดเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ลดความกังวลลงไปมาก “ข้าไม่ทราบว่าคุณชายจะเชื่อหรือไม่ แต่ทุกครั้งที่ข้าได้พบคุณชาย ข้าก็มักจะพบสิ่งที่ข้าตามหาเสมอ”


บุรุษหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาเรียวรีมองสำรวจนางอย่างพินิจพิเคราะห์ ราวกับกำลังประเมินคำพูดของนางอยู่


ซูเหยารู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็พยายามรักษารอยยิ้มเอาไว้ 


“ข้าทราบว่ามันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่เมื่อวานนี้...ข้ากำลังตามหาเหอโส่วอู และในไม่ช้าหลังจากได้พบคุณชาย ข้าก็พบมันจริง ๆ” นางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ท่านหมอเจิ้งต้องการมันอีกในวันนี้ และข้าก็หวังว่าโชคดีเช่นนั้นจะเกิดขึ้นกับข้าอีก”


ใบหน้าคมคายของบุรุษหนุ่มยังคงไร้อารมณ์ใด ๆ ยากจะคาดเดาความคิดในใจของเขา ซูเหยาเริ่มรู้สึกอับจนหนทาง นางจะทำอย่างไรให้เขาเชื่อในสิ่งที่นางกล่าว? หรือแท้จริงแล้วเขาอาจจะคิดว่านางเป็นเพียงสตรีเพี้ยนที่หลงใหลในเรื่องโชคลาง?


แต่แล้ว สิ่งที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น


เจ้าต้องการสิ่งใดในวันนี้เล่า?” บุรุษหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ทว่าแฝงไว้ด้วยความน่าค้นหาอย่างประหลาด


ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง 


“ขะ...ข้ายังคงตามหาเหอโส่วอูเจ้าค่ะ” นางตอบอย่างกระตือรือร้น “หากเป็นไปได้ ข้าอยากจะได้ที่สมบูรณ์และงดงามเช่นเมื่อวาน”


บุรุษหนุ่มทอดสายตาไปตามแนวป่าเบื้องหน้า พลางก้าวเดินนำไปอย่างช้า ๆ ซูเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นระคนความหวัง เขากำลังนำทางนางไปสู่สิ่งที่นางตามหาอีกครั้งหรือไม่?


พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่าริมทะเลสาบเรื่อย ๆ ท่ามกลางหมู่ไม้ใหญ่ที่ขึ้นหนาทึบ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาเป็นลำ ๆ ผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้องและเสียงใบไม้ไหวตามแรงลม จู่ ๆ บุรุษหนุ่มก็หยุดชะงักลงเบื้องหน้ากอหญ้ารกทึบแห่งหนึ่ง เขาก้มตัวลงชี้ไปยังพืชชนิดหนึ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบไม้สีเขียวเข้ม


“นี่คือสิ่งที่เจ้าตามหาใช่หรือไม่?” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น


ซูเหยารีบเดินเข้าไปดู ทันทีที่เห็นพืชชนิดนั้น นางก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง! มันคือเหอโส่วอูอย่างไม่ต้องสงสัย รากสมุนไพรนั้นอวบอ้วน แข็งแรง และสมบูรณ์ยิ่งกว่าที่นางเคยพบเห็นมา ใบสีเขียวเข้มเป็นมันวาว บ่งบอกถึงความสดใหม่และสรรพคุณอันล้ำเลิศ


“ใช่เจ้าค่ะ! มันคือเหอโส่วอู! งดงามเหลือเกิน…” ซูเหยาอุทานด้วยความยินดีอย่างล้นพ้น นางทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอย่างรวดเร็ว และบรรจงใช้เสียมเล็ก ๆ ที่เตรียมมาขุดดินรอบ ๆ รากสมุนไพรอย่างระมัดระวัง ด้วยกลัวว่าจะทำให้มันเสียหาย


บุรุษหนุ่มยังคงยืนมองนางอย่างเงียบงัน ดวงตาคู่คมจ้องมองการกระทำของนางอย่างพินิจพิเคราะห์ ราวกับกำลังสังเกตการณ์บางอย่าง


เมื่อซูเหยาขุดรากเหอโส่วอูออกมาจากดินได้อย่างสมบูรณ์ นางก็หันกลับมาทางเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใสเปล่งประกาย 


“ขอบคุณคุณชายมากเจ้าค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ท่านคือผู้นำโชคของข้าโดยแท้!”


เขามิได้ตอบคำ หากแต่พยักหน้าเล็กน้อย และกำลังจะหมุนกายจากไป


“เดี๋ยวเดี๋ยวเจ้าค่ะคุณชาย!” ซูเหยารีบเอ่ยรั้งไว้ “ข้าไม่ทราบว่าจะตอบแทนคุณชายได้อย่างไรดี?”


บุรุษหนุ่มหันกลับมาอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นยังคงว่างเปล่าเช่นเดิม 


“มิต้อง” เขาเอ่ยสั้น ๆ ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมจาง ๆ ของไม้หอมลึกลับที่โชยมากับสายลม


ซูเหยามองตามหลังเขาจนลับหายไปจากสายตา หัวใจของนางยังคงเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นระคนความสงสัย บุรุษหนุ่มปริศนาผู้นี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงได้ปรากฏกายขึ้นในยามที่นางต้องการความช่วยเหลือเสมอ? และเหตุใดเขาจึงได้มีท่าทีลึกลับเช่นนั้น?


คำถามเหล่านี้ยังคงค้างคาอยู่ในใจของซูเหยา ทว่าในยามนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเหอโส่วอูอันล้ำค่าที่อยู่ในตะกร้าของนาง ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามบ่ายที่เริ่มคล้อยต่ำลง รอยยิ้มบางเบาประดับอยู่บนริมฝีปาก นางรู้ดีว่าในวันพรุ่งนี้ หากหมอเจิ้งยังคงต้องการสมุนไพรอีก นางคงต้องกลับมาที่ทะเลสาบเยว่ปิงเหอแห่งนี้อีกครั้ง...และหวังว่าจะได้พบกับบุรุษหนุ่มผู้นำโชคของนางอีกเป็นครั้งที่สี่




[GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)


โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-24 14:43
โพสต์ 21324 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-24 13:31
โพสต์ 21,324 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-7-24 13:31
โพสต์ 21,324 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-7-24 13:31
โพสต์ 21,324 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 คุณธรรม +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2025-7-24 13:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x6
x20
x5
x2
x10
x15
x12
x6
x2
x20
x14
x19
x1
x5
x8
x6
x4
x53
โพสต์ 2025-7-24 15:17:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 22 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 14.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (พบ องค์เทพเยว่เหล่า)


สายลมยามเว่ยพัดเอื่อยเอื่อยเฉื่อยชาราวกับยังไม่อยากให้วันต้องเปลี่ยนผ่าน หลินหยาที่เดินออกจากศาลเจ้าเยว่เหล่าก็ยังไม่เร่งรีบไปที่ศาลาจื่อเถิงฮวา นางเลือกเดินตามเส้นทางลัดผ่านเนินเขาเล็ก ๆ ข้ามป่าดงหญ้าริมทางเพียงเพื่อจะมาหยุดยืนที่จุดเดิม...ริมทะเลสาบเยว่ปิงเหอ สายน้ำยังคงงดงามราวภาพฝัน ดอกไม้เล็กโปรยปรายประดับผิวน้ำอย่างบางเบา ต้นหลิวริมน้ำไหวเอนลู่ไปตามแรงลม เช่นเดียวกับวันก่อน...และก่อนหน้า


เขายังอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มผู้งดงามเกินคำบรรยายในชุดขาวสะอาดตา ขลิบขนสัตว์สีเงินนวลทาบไหล่ ผมยาวสลวยถูกรวบไว้บางส่วนลู่ลม เบือนใบหน้าคมละมุนมองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้า สีหน้านิ่งสงบ...สงบนิ่งอย่างประหลาดจนยากจะคาดเดาอารมณ์ หลินหยาหยุดอยู่ไม่ห่างนักเพียงเพื่อจะตัดสินใจว่า จะทักดีหรือไม่ควรเข้าใกล้ แต่นางก็ชะงักเพียงชั่วครู่เพราะเสียงของเขากลับเอ่ยขึ้นมาก่อนเสียงนั้นดังขึ้นเรียบช้าแต่ทิ่มแทงลึก


"ทำไมเจ้าถึงชอบหนทางที่มีขวากหนามนักกัน..." คำถามที่ไม่มีคำปรารภ ไม่มีชื่อเรียก ไม่มีแม้แต่การหันมามอง แต่กลับราวกับแทงเข้าใจกลางอกหลินหยา


หญิงสาวเบิกตานิดหนึ่ง ก่อนจะหันใบหน้าไปมองเขาอย่างชั่งใจ "...ท่านหมายถึงข้าหรือเจ้าคะ?" เขาไม่ตอบ ไม่แม้แต่พยักหน้า แต่เพียงสบตานางด้วยดวงตาสีดำล้ำลึกเหมือนจันทร์คืนมืดมิด หลินหยายกยิ้มนิด ๆ แม้น้ำเสียงนั้นจะติดแววเหนื่อยล้า "ก็ข้าไม่เคยเห็นทางที่เรียบง่ายมีอะไรน่าจดจำเลยนี่...ว่ามั้ยเจ้าคะ? แต่ความจริงข้าชอบความเรียบง่ายนะ เพียงแต่ทางบางทางมันก็…เหงาจนปลายทางอาจจะกำลังต้องการใครสักคนก็ได้นะเจ้าคะ"


"ทางที่เรียบง่าย...บางครั้งก็พาไปสู่หายนะที่สงบเงียบ ส่วนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามอาจให้คำตอบแก่เจ้าในยามที่เจ้าไม่คาดฝันก็ได้สินะ" เขาไม่ตอบโดยตรง หากเพียงปรายตามองทิวทัศน์เบื้องหน้าอีกครั้งก่อนจะกล่าวเสียงเรียบเช่นนั้น


หลินหยาขมวดคิ้วน้อย ๆ สบสายตาของเขาแล้วพลันรู้สึกประหลาดใจบางอย่าง เพราะแววตาคู่นั้น…เธอรู้สึกว่ามัน ‘คุ้นเคย’ เหลือเกิน นางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ข้า...เคยเจอท่านมาก่อนรึเปล่าเจ้าคะ?" เขายิ้มบางมาก...มากเสียจนหากไม่เพ่งก็อาจไม่เห็น "เจ้าพบข้าเสมอ...เพียงแต่เจ้ามองไม่เห็น"


หลินหยาถึงกับนิ่งงันไปครู่หนึ่งกับคำพูดนั้น ทันใดนั้น...สายลมพลันพัดแรงขึ้น ดอกไม้ที่ลอยฟุ้งพลันหยุดค้างกลางอากาศ ดั่งเวลาทั้งหมดของโลกถูกสกัดไว้ ดวงตาของเขาที่หลินหยาไม่เคยลืมเลือนจ้องตรงมาที่เธออย่างสงบนิ่ง "เส้นด้ายที่เจ้าต่อ...ได้ถูกมอบให้แล้ว"


"...!?"


"และมันจะนำพาเจ้า...ไปยังปลายทางของหัวใจเจ้าเอง" เขากล่าวช้า ๆ ราวกับกลั่นมาจากคำทำนายที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนได้ "แต่เจ้าต้องตัดสินใจ...รักษามันไว้ยิ่งชีวิต แม้เส้นด้ายจะมีหลายเส้น แต่ด้ายนี้มิเหมือนผู้ใด แดงก่ำจนดำเหมือนเลือดแห้ง" เมื่อกล่าวจบ ประกายโดยรอบพลันร่วงหล่นลงพร้อมกับเสียงน้ำกระเพื่อมเบา ๆ ขณะที่บุรุษผู้นั้นหมุนกายเดินจากไปอย่างสงบ ละทิ้งเพียงรอยเท้าบนพื้นดินและดวงใจที่ปั่นป่วนของหลินหยาผู้ยืนนิ่งงัน นางหันมองตามหลังเขาอีกครั้ง แต่...ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว


มีเพียงเงาต้นหลิวที่ไหวเอน…และเส้นด้ายแดงเส้นเล็ก ๆ ที่ปลิวมาติดปลายนิ้วเธออย่างอ่อนโยนโดยที่หลินหยาไม่รู้ตัว





@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เทพเปิดแถวสองให้หนูด้วยเถอะ สาธุ สาธุๆๆๆ


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-24 16:11
โพสต์ 22196 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-24 15:17
โพสต์ 22,196 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-7-24 15:17
โพสต์ 22,196 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-24 15:17
โพสต์ 22,196 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-24 15:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x5
x5
x7
x5
x5
x5
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x16
x47
x16
x150
x5
x4
x3
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x112
x12
x9
x14
x4
x23
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x5
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x3
x1
x6
x6
x11
x5
x123
x40
x20
x7
x15
x42
x3
x1
x1
โพสต์ 2025-7-25 22:21:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 23 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (พบ องค์เทพเยว่เหล่า)


ริมทะเลสาบเยว่ปิงเหอในยามเว่ย แสงแดดลอดผ่านม่านเมฆบางเบาเป็นริ้วทองอบอุ่น ฉายเงาต้นหลิวที่พลิ้วไหวอ่อนโยนบนผืนน้ำสีฟ้าเทาเยือกเย็น กลีบดอกไม้ฤดูร่วงยังคงปลิวว่อนไปตามแรงลม เงียบสงบจนสามารถได้ยินเสียงคลื่นกระทบตลิ่งอย่างเนิบช้า หลินหยาค่อย ๆ ก้าวเข้ามา ร่างน้อยในชุดผ้าฝ้ายบางเบากระชับไว้แน่น ริมฝีปากเม้มแน่นน้อย ๆ เพราะนางรู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้ต้องผ่านตรงนี้เพื่อไปยังศาลาจื่อเถิงฮวา…แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเดินผ่านจุดนี้…ที่ที่นางเคยเห็นชายคนหนึ่งอยู่เป็นประจำ


และเขาก็อยู่ตรงนั้นจริง ๆ ใต้ต้นหลิวต้นเดิม…


เขายืนอยู่เงียบ ๆ ดั่งเคย เงาร่างสูงสง่าคล้ายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนฟ้าและผืนน้ำ เส้นผมยาวสีดำสนิทปลิวไปตามแรงลม ขับผิวขาวราวหยกสว่างเจิด และดวงตาสงบนิ่งดุจดวงจันทร์บนฟากฟ้า นางไม่รู้ชื่อเขา ไม่รู้ฐานะเขา แต่กลับรู้สึกว่าการปรากฏตัวของเขาทุกครั้งนั้นคล้ายจะดึงสายใยบางอย่างในใจให้นิ่งลง “ท่านมาอีกแล้ว...” หลินหยาพึมพำเบา ๆ กับตนเองก่อนจะถอนใจ


ตอนแรกนางตั้งใจว่าจะไม่ทัก เพราะขัดเขินกับความรู้สึกประหลาดในใจ แต่มุมปากของชายหนุ่มใต้ต้นหลิวกลับยกขึ้นน้อย ๆ ราวกับรู้ว่านางยืนอยู่ “เจ้า...ชอบเดินทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามนักหรือไร?” น้ำเสียงของเขาสงบ นิ่ง เงียบงันราวกับมาจากก้นทะเลสาบ หลินหยาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปเลิกคิ้วใส่เขาที่พูดเหมือนเมื่อวาน “ท่านนี้ชอบพูดเหมือนรู้จักข้านักทำไมนะเจ้าคะ?” นางหรี่ตาจับผิด “หรือว่า...ท่านคือ…?”


เขายกมือขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเรียบเย็นอย่างมีเมตตา ก่อนเอ่ยเรียบ ๆ อย่างสง่างามว่า “ข้าคือเยว่เหล่า...ผู้เฝ้าดูด้ายแดงแห่งโชคชะตา...โดยเฉพาะของเจ้า” หลินหยาตาโตแล้วพึมพำเบา ๆ “อ้ออ ท่านนี้เอง!” นางย่นจมูกหมั่นไส้เบา ๆ “แหม ไม่ยอมบอกก่อนเลย! ปล่อยให้ข้าโดนไล่เก็บเศษความทรงจำไปทั่วฉางอัน! ข้าเกือบต้องโดนหึงด้วยนะ!” นางพูดพลางถลึงตา แต่กลับเห็นเพียงรอยยิ้มบางเบาของเทพหนุ่มที่ยืนประหนึ่งสายลม “เจ้าทำได้ดี...จิตของเจ้ามีความอ่อนโยนแต่มั่นคง...จึงสามารถเก็บเศษเสี้ยวความทรงจำกลับคืนมาได้ครบ” เขากล่าวอย่างสงบ “แต่วันนี้...ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าช่วยอีกหนึ่ง”


หลินหยาชะงัก “หา?! อีกแล้วหรอเจ้าคะ!”


“ข้าอยากลิ้มลองสุรา...สุราที่เรียกว่า ‘สุราเซียนเมามาย’” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย มีรอยขันปนเมตตา “ข้าได้ยินว่ามนุษย์ตั้งชื่อสุรานี้ว่ามาจากแดนเซียน...ข้าอยากรู้ว่า...รสชาติของสิ่งที่อ้างว่าเป็นของเซียนในโลกมนุษย์นั้น...จะเป็นอย่างไร”


หลินหยาตกใจจนเผลอหัวเราะ “นี่ท่าน...ที่พูด ๆ มาเมื่อครู่นี่คือกำลังอ้อนวอนให้ข้าไปหาสุรามาให้ใช่ไหมเจ้าคะ? เอาจริงเหรอ...ท่านนี่...ไม่ขรึมเลยนะเนี้ย” องค์เทพเยว่เหล่าไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่มองนางอย่างสงบ สายตาคู่นั้นเปี่ยมด้วยความเอ็นดู คล้ายพ่อที่มองลูก หรือสหายที่ชื่นชมใครสักคนอย่างจริงใจ “นับว่าข้าขอ...ก็ว่าได้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่ก็ไม่ใช่แค่เพราะสุรา...บางที...ข้าอยากรู้ด้วยว่า...รสชาติของความฝัน ความหวัง และความปรารถนาในใจเจ้าตอนนี้...จะหลอมรวมกันเป็นรสใดบนปลายลิ้น”


หลินหยามองหน้าเขาแล้วกลอกตาเบา ๆ อย่างระอา “ท่านพูดเหมือนบทกวีอีกแล้วนะ...เอาเถอะ ๆ” พลางค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าเจ็ดสมบัติของตัวเอง องค์เทพเยว่เหล่ากำลังยืนนิ่งใต้ต้นหลิว เงียบขรึมสง่างามดั่งรูปสลักหยกกลางฤดูหนาว แต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถ้อยคำอันเปี่ยมปัญญาใด ๆ ต่อ หลินหยาก็เอื้อมมือล้วงเข้าไปในห่อผ้าอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะหยิบขวดสุราทรงเรียวยาวขึ้นมา โอ่โถงประหนึ่งของวิเศษจากสำนักเซียนยิ่งนักแม้ป้ายชื่อมันจะเขียนเบี้ยว ๆ ว่า "สุราเซียนเมามาย" ด้วยลายมือชาวบ้านก็ตามที


"แหม...ท่านนี่ดวงดีจริงนะคะ!" นางหัวเราะเสียงใส "บังเอิญว่าข้ามีพอดีเลย ขวดสุดท้ายด้วยนะเจ้าค่ะ” หลินหยาหัวเราะแฮ่ ๆ แล้วถือสุราเดินมาใกล้เขา แต่ก่อนที่จะยื่นให้ง่าย ๆ ตามแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป แต่แล้วนางกลับเบิกตากว้างทำหน้าจริงจัง ยืดตัวหลังตรง ก้มศีรษะเบา ๆ ก่อนจะ…ทรุดกายลงกับพื้น! 


"ข้าน้อยหลินหยาขอถวายสุราศักดิ์สิทธิ์แด่องค์เทพเยว่เหล่าแห่งชะตารักอันวิจิตร!" นางร้องขึ้นเสียงเอิกเกริก แล้วชูขวดเหล้าเหนือหัว "ด้วยจิตคารวะเหนือแสงจันทร์ ด้วยศรัทธาล้นฟ้า ด้วยแรงใจแห่งหญิงม่าย(?)ไร้สามี(?)ข้า...มอบนี้แด่ท่าน!" มือข้างหนึ่งประคองขวดไว้เหนือหัว อีกข้างนึงยกพัดขึ้นมาเคาะพื้นสามครั้งเหมือนเคาะระฆังวัด แล้วหลับตาพึมพำอะไรสักอย่างที่ฟังดูเหมือนบทสวดที่เธอแต่งขึ้นเองกับมือ


เยว่เหล่ายืนมอง...นิ่งเงียบราวกับลมรอบกายพลันหยุดหมุน น้ำในทะเลสาบก็พลันเงียบเชียบลง "..." เขากระพริบตาเล็กน้อยแบบปริบ ๆ 


"...เจ้าไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้" เสียงขององค์เทพยังคงราบเรียบ เยือกเย็นและเปี่ยมเมตตาเช่นเคย แต่หางเสียงเหมือนจะหนักลงนิด ๆ อย่างระงับความรู้สึกไม่รู้จะหัวเราะหรือถอนใจดี


หลินหยาเงยหน้าขึ้นทำตาใสแป๋ว “ท่านแน่ใจนะคะ? ข้าเคยอ่านนะ ว่าต้องมีพิธีบูชาเทพ ต้องจุดธูปไหว้ดาวไหว้เดือน ก้มกราบให้ถึงหินเทวาลัย...อันนี้แค่ฉบับมินินะเจ้าคะ!”


“...” เยว่เหล่าไม่พูดอะไรอีก เพียงยื่นมือมารับขวดสุราอย่างเงียบ ๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย แต่หางคิ้วกระตุกน้อย ๆ อย่างอดไม่ได้ “ข้า...ขอรับไว้แล้ว” เขากล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “จะถือว่าเจ้าทำตามจิตศรัทธาอันบริสุทธิ์ของตนแล้ว...แม้จะแนวแปลกไปนิดก็ตามที”


หลินหยายิ้มหวาน ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นกระโปรงเบา ๆ “ท่านจะลองเลยไหมเจ้าคะ? ข้าอยากเห็นหน้าท่านตอนเมา!”


“เทพไม่เมา”


“ใครจะรู้ล่ะ! สุรานี้เซียนยังต้องก้มกราบ!”


“...ข้าคิดว่าคนที่เมาคือคนตั้งชื่อนี้ต่างหาก” ปลายประโยคขององค์เทพเยว่เหล่ามีน้ำเสียงจาง ๆ ของความเหนื่อยใจแบบเงียบ ๆ ที่คนฟังต้องตั้งใจฟังถึงจะจับได้...หลินหยาจึงหัวเราะออกมาเสียงดังระรื่นราวกับเด็กน้อยได้ขนม แล้วหันหลังหมุนตัวเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีที่สุด บางที...การได้กวนตีนเทพผู้สง่างามก็อาจเป็นเครื่องเตือนว่านางยังเป็นมนุษย์อยู่ดีก็ได้ ที่กวนตีนอะนะ




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาแล้วจ้า ขอกวนตีนเทพหน่อยเถอะ 


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

หินเซียน 10 ก้อน


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-26 10:24
โพสต์ 32663 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-25 22:21
โพสต์ 32,663 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-7-25 22:21
โพสต์ 32,663 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-25 22:21
โพสต์ 32,663 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-25 22:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x5
x5
x7
x5
x5
x5
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x16
x47
x16
x150
x5
x4
x3
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x112
x12
x9
x14
x4
x23
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x5
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x3
x1
x6
x6
x11
x5
x123
x40
x20
x7
x15
x42
x3
x1
x1
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 27 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (พบ องค์เทพเยว่เหล่า)


แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องลอดกิ่งหลิวลงมาสะท้อนกับผิวน้ำของทะเลสาบเยว่ปิงเหอจนเกิดประกายระยิบระยับราวเกล็ดแก้ว ลมเย็นพัดพลิ้วกลีบดอกหลิวปลิวร่วงโรย หลินหยาก้าวเท้าบนทางหินเล็ก ๆ ที่ทอดเข้าสู่ริมฝั่ง ดวงตาคมหวานของนางจับจ้องไปยังเงาร่างสูงที่ยืนพิงต้นหลิวอย่างสงบ เป็นบุรุษในชุดขาวแสนสง่า ผิวของเขาราวกับถูกหล่อหลอมจากแสงจันทร์ ดวงตาลุ่มลึกดุจสายน้ำที่ไม่มีวันหยั่งถึง องค์เทพเยว่เหล่า หญิงสาวยกยิ้มบางก่อนจะทักด้วยน้ำเสียงสดใส "ท่านเทพเยว่เหล่า! เจอกันอีกแล้วนะเจ้าคะ" นางก้าวเข้าไปใกล้พลางชำเลืองสายตาล้อเลียนเล็กน้อย "เหล้าซีเฟิ่งที่ข้าให้เมื่อวานนี้...อร่อยไหมเจ้าคะ? ข้าไปถวายพี่ฉู่เมื่อวานนี้เอง"


เทพเยว่เหล่าเอียงใบหน้าเพียงเล็กน้อย แววตาเรียบนิ่งแต่มุมปากกลับยกขึ้นราวกับแฝงรอยยิ้มที่มนุษย์แทบมองไม่เห็นได้ เขากล่าวเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นลึกซึ้ง "กลิ่นหอม...และรสชาติกลมกล่อมสมกับชื่อเสียงของมัน แม่นางน้อยหลิน ช่างเป็นของที่เลือกสรรอย่างตั้งใจ"


หลินหยาหัวเราะคิก "แน่นอน ข้าตั้งใจถวายให้ท่านเลยนะเจ้าคะ"


เยว่เหล่ามองหญิงสาวตรงหน้าแววตาสุขุมลึกซึ้งราวกับกำลังมองทะลุถึงเส้นด้ายโชคชะตาที่พันผูกหัวใจนางไว้ เขากล่าวช้า ๆ ราวกับเสียงลมกระซิบ "เจ้ายังคงเลือกเดินบนเส้นทางที่มีขวากหนาม...แต่ในแววตาของเจ้า ข้ายังเห็นประกายแห่งความหวัง ข้าเชื่อว่า...เจ้าจะไม่ปล่อยให้เส้นด้ายนั้นขาด" คำพูดขององค์เทพทำให้หลินหยานิ่งฟัง หัวใจของนางสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มกว้างแล้วโค้งเล็กน้อย "ข้า...จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอกเจ้าค่ะ"


สายลมยามบ่ายพัดผ่าน เศษกลีบดอกไม้ลอยวนรอบทั้งสองราวกับพรจากสวรรค์ องค์เทพเยว่เหล่าเพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนสายตาเรียบสงบของท่านจะทอดมองไปยังทะเลสาบที่กว้างไกล บรรยากาศเงียบสงบ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความหมายที่สื่อถึงชะตากรรมซึ่งรออยู่เบื้องหน้า


หลินหยาหันกลับไปยิ้มสดใส แม้ดวงตาจะซ่อนความกังวลไว้ลึก ๆ นางยกมือขึ้นพนมเล็กน้อยอย่างล้อเล่นตามนิสัยก่อนจะกล่าว "ว่าง ๆ ถ้าข้าเจอเหล้าดี ๆ อีก ข้าจะเอามาถวายท่านนะเจ้าคะ แต่ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว หากไปช้า...มีคนบางคนโวยวายแน่" เสียงของนางแฝงความขบขันเล็กน้อยเมื่อคิดถึงใบหน้าของบุรุษที่นางกำลังจะไปพบ


เยว่เหล่ามองนางอย่างนิ่งสงบ ดวงตาของเทพสะท้อนเงานางที่กำลังหมุนตัวจะจากไป เสียงของท่านดังขึ้นเบา ๆ แต่แฝงด้วยพลังที่สะกดทุกสิ่งให้หยุดฟัง "เจ้ามักหัวเราะกลบเกลื่อน...แต่หัวใจเจ้ากลับสั่นไหวทุกครั้งที่เอ่ยชื่อเขา" หลินหยาชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วก้าวต่อ เยว่เหล่าแค่มองตามพลางเอ่ยคำสุดท้ายด้วยน้ำเสียงสุขุม "ไปเถิด...เด็กน้อย ผู้กล้าที่เดินเข้าสู่หุบเหวทั้งรู้ว่าอาจไม่มีแสงสว่างรออยู่เบื้องหน้า ข้าจะเฝ้าดูเจ้า...และเส้นด้ายที่เจ้าถักด้วยเลือดและหัวใจของตนเอง"


เขาหยุดไปชั่วขณะก่อนจะกล่าวต่อช้า ๆ ราวกับร้อยถ้อยคำลงบนสายด้ายโชคชะตา "จงจำไว้...บุรุษผู้นั้น เปรียบเหมือนคมดาบที่ถูกหลอมด้วยเพลิงและเลือด ดาบนี้แม้จะปกป้องเจ้าได้...ก็สามารถตัดหัวใจเจ้าได้เช่นกัน" หลินหยาหันกลับมามององค์เทพ ยิ้มบางแต่แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้ารู้เจ้าค่ะ...ข้าเลือกแล้ว"


เยว่เหล่ามองแผ่นหลังเล็กที่ค่อย ๆ ก้าวออกไป สายลมพัดกลีบหลิวลอยตามนางราวจะคอยปกป้อง เงาเทพยืนสงบนิ่ง พลันเอ่ยคำสุดท้ายแผ่วเบา "...เส้นด้ายที่เจ้าถืออยู่ ข้าจะเฝ้ามองมัน...ตราบจนกว่าจะแดงฉาน หรือขาดสะบั้น"


สายลมที่พัดผ่านเหมือนพาเอากลีบดอกไม้ปลิววนรอบร่างนาง หลินหยาสูดลมหายใจลึกแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ "เจ้าค่ะ ท่านเทพ ข้าจะไปแล้ว" นางก้าวห่างออกไปทีละก้าว ภาพขององค์เทพค่อยเลือนหายไปท่ามกลางหมู่ใบหลิวไหวระริก เหลือเพียงเสียงสายลมที่ยังคงกระซิบคำเตือนของเทพไว้ในใจนาง




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาปลดหัวใจเทพความรักที่ชอบกินเหล้า(?)

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 21129 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,129 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,129 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,129 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,129 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x5
x5
x7
x5
x5
x5
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x16
x47
x16
x150
x5
x4
x3
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x112
x12
x9
x14
x4
x23
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x5
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x3
x1
x6
x6
x11
x5
x123
x40
x20
x7
x15
x42
x3
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 00:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 31 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเซิน (เวลา 15.00 - 17.00 น.)


ซูเหยาใช้เวลาตลอดทั้งคืนในโรงหมอเจิ้งเทียน แสงเทียนส่องสว่างกระทบใบหน้าของนางที่ก้มลงอย่างตั้งใจ นางค่อย ๆ บรรจงเย็บ ผ้าไหมแก้วแสงจันทร์เนื้อดีให้กลายเป็นจีวร ด้วยความบางเบาและนุ่มลื่นคงจะสวมใส่ได้สบายไม่น้อย เรื่องความทนทานคงต้องดูกันไปอีกทีแต่ด้วยราคาของมันก็คงไม่ขาดง่ายนักหากดูแลดี ๆ แม้ซูเหยาจะเคยพบท่านไต้ซืออยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยทราบถึงขนาดตัว จึงไม่แน่ใจเรื่องขนาดของท่านนัก แต่ด้วยรูปกายของบุรุษคงไม่ต่างกันมากนัก นางจึงวัดจากร่างของหมอเจิ้งเป็นต้นแบบในการตัดเย็บ หวังเพียงว่าท่านไต้ซือจะสวมใส่ได้พอดี


เมื่อถึงยามเซินของวันใหม่ หลังจากที่ซูเหยาได้ทำการตรวจรักษาผู้ป่วยเสร็จสิ้น นางเดินออกจากโรงหมอเจิ้งเทียนพร้อมตะกร้าสะพายหลังสำหรับหาสมุนไพร และตะกร้าถือภายในตะกร้าบรรจุอาหารสำหรับเป็นเสบียงและจีวรที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จใหม่ ๆ การเดินทางครั้งนี้มีเป้าหมายคือการตามหาใบหลิว ซึ่งตามตำรา มีสรรพคุณในการขับพิษร้อนในร่างกาย ขับปัสสาวะ และสามารถบรรเทาอาการปวดบวมได้ หลังจากเก็บสมุนไพรเสร็จ นางก็จะจีวรไปถวายให้ท่านไต้ซือต่อ


ซูเหยาเดินทางไปยังทะเลสาบเยว่ปิงเหอซึ่งเป็นสถานที่ที่ต้นหลิวนิยมขึ้น นางก้าวเดินไปตามทางที่คดเคี้ยวไปตามริมน้ำ สายลมพัดพานำความเย็นสดชื่นจากผืนน้ำมาปะทะใบหน้าของนาง ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สวยงามมาก เหล่าต้นหลิวทอดกิ่งก้านลงมาจากริมฝั่ง บรรยากาศเงียบสงบจนได้ยินเพียงเสียงน้ำที่กระทบกันอย่างแผ่วเบา ซูเหยาเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพบกับต้นหลิวที่มีใบสีเขียวอ่อนสวยงาม นางจึงค่อย ๆ หยิบใบหลิวมาใส่ในตะกร้าอย่างเบามือพลางคิดในใจว่าจะนำใบหลิวที่ได้นี้กลับไปทำชาสมุนไพร เพื่อให้หมอเจิ้งได้ดื่มแก้ร้อนใน อีกส่วนนำไปใช้ทำยาให้ชาวบ้าน แต่ทันใดนั้นสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเงาของบุรุษผู้หนึ่งที่สะท้อนอยู่ในผืนน้ำข้างต้นหลิวที่นางกำลังเก็บ…


ซูเหยาตกใจจนสะดุ้งสุดตัว ร่างกายเสียหลักเซถลาจนเกือบจะร่วงลงไปในน้ำเย็นเฉียบ ทว่าก่อนที่นางจะตกลงไปทั้งตัว มือหนาข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาคว้าแขนของนางไว้ได้ทันท่วงที แรงฉุดรั้งทำให้ร่างของนางกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง


“ระวังหน่อยเถิดหมอหญิง”


น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ซูเหยารีบหันกลับไปมองเจ้าของมือที่ช่วยนางไว้ แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงตรงหน้าคือ เถียนเฟิง ต้าซือคงแห่งราชสำนักฮั่น ที่บัดนี้ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงหน้าคมคายภายใต้ร่มเงาไม้ดูสงบอย่างไม่น่าเชื่อ ซูเหยารีบโค้งคำนับอย่างนอบน้อม


“ใต้เท้าเถียน ขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะ”


เถียนเฟิงพยักหน้ารับ


“ไม่เป็นไร เจ้าทำสิ่งใดที่นี่หรือ?”


“ข้ามาเก็บใบหลิวเจ้าค่ะ ใต้เท้าเถียน” ซูเหยาตอบพร้อมกับชูตะกร้าในมือให้เขาดู “ที่โรงหมอเจิ้งเทียนต้องใช้ใบหลิวไปปรุงยาหลายอย่าง ทั้งทำชาแก้ร้อนในและยาบรรเทาอาการบวมให้ชาวบ้านเจ้าค่ะ”


เถียนเฟิงพยักหน้าเข้าใจ พลางเหลือบมองตะกร้าที่เต็มไปด้วยใบหลิวอ่อนที่นางเก็บมาอย่างระมัดระวัง


“ดูเจ้าจะตั้งใจทำสิ่งเหล่านี้มากนะ ถึงขนาดไม่รู้ตัวว่ามีข้ายืนอยู่”


“เป็นหน้าที่เจ้าค่ะ แล้วใต้เท้าเถียนเล่าเจ้าคะ มาทำสิ่งใดในที่เช่นนี้?”


ดวงตาของเถียนเฟิงมองทอดออกไปยังผืนน้ำเบื้องหน้า ท่าทางของเขาสงบราวกับก้อนหิน


“ข้าเพียงแค่อยากปลีกวิเวกจากความวุ่นวายในราชสำนักมาพักผ่อนชั่วครู่ ที่นี่เงียบสงบดี ช่วยให้จิตใจโปร่งโล่งขึ้นมาก”


“เก็บต่อไปเถิด ข้าจะไม่รบกวนงานของเจ้า” เถียนเฟิงกล่าวอย่างสุภาพพลางก้าวถอยห่างออกมาเล็กน้อยเพื่อให้ซูเหยาสะดวก ซูเหยาโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วหันกลับไปสนใจการเก็บใบหลิวต่อ มือเรียวบรรจงเด็ดใบสีเขียวอ่อนอย่างพิถีพิถัน พร้อมกับพึมพำกับตัวเอง


“ใบหลิวนี่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จริง ๆ นะเจ้าคะ” ซูเหยาพูดพลางชูใบหลิวขึ้นมาดมเบา ๆ “ในตำรากล่าวว่าสามารถช่วยรักษาอาการร้อนในได้ดีนัก แต่สิ่งที่สำคัญคือการเลือกใบที่ยังอ่อนอยู่เพราะฤทธิ์ยาจะดีกว่าใบแก่ และต้องระวังเรื่องการใช้ในปริมาณที่เหมาะสมด้วยเจ้าค่ะ หากมากไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้”


เถียนเฟิงรับฟังเงียบ ๆ แม้เขาจะไม่สันทัดเรื่องสมุนไพร แต่ก็รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของนาง ซูเหยามีความรู้เรื่องสมุนไพรอย่างลึกซึ้งและดูจะหลงใหลในงานของตัวเองมากจริง ๆ ใบหลิวในตะกร้าค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนเต็มในที่สุด ซูเหยายิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันไปหาเถียนเฟิง


“ข้าเก็บเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ใต้เท้าเถียนทานอะไรมาหรือยังเจ้าคะ?” ซูเหยาเอ่ยถามด้วยความห่วงใย “ข้ามีบะหมี่ฉีซานกับชาหลงจิ่งอยู่ในตะกร้าเผื่อว่าท่านอาจจะยังไม่ได้ทานอะไร”


เถียนเฟิงสบตากับนางครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ซูเหยาจึงวางตะกร้าที่สะพายลงอย่างเบามือ แล้วหยิบผ้าออกมาปูบนโขดหินริมน้ำ จากนั้นจึงนำถ้วยบะหมี่และกระบอกน้ำชาออกมาวางอย่างเรียบร้อย บะหมี่ฉีซานยังคงอุ่นอยู่เล็กน้อยส่งกลิ่นหอมยวนใจชวนรับประทาน ส่วนชาหลงจิ่งก็อยู่ในกระบอกที่เก็บความร้อนได้อย่างดี


ขณะที่ซูเหยากำลังจัดวางอาหารอยู่นั้น เถียนเฟิงก็เหลือบไปเห็นผ้าที่ลักษณะคล้ายจีวรแต่เนื้อผ้าดูดีกว่ามากพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อยภายในตะกร้าใบเดียวกับอาหารของนางโดยบังเอิญ สายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่กับผ้าผืนนั้นชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ออกมา เขาหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง


เมื่อทุกอย่างพร้อม ซูเหยาเชื้อเชิญเถียนเฟิงให้มาร่วมวงอาหารง่าย ๆ เถียนเฟิงนั่งลงตรงข้ามกับนาง พลางรับถ้วยบะหมี่ที่ส่งมาให้ ความร้อนที่ยังคงอยู่ของบะหมี่ฉีซานช่วยบรรเทาความเย็นจากสายลมที่พัดผ่าน เขาคีบบะหมี่ขึ้นมาชิม รสชาติที่กลมกล่อมของน้ำซุปและความนุ่มละมุนของเส้นบะหมี่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ บะหมี่นี้อร่อยกว่าบะหมี่ที่เคยทานในจวนของตนเสียอีกแม้ส่วนผสมจะเรียบง่ายกว่ามากและคุณภาพวัตถุดิบไม่ดีเท่า


“รสชาติใช้ได้นะ” เถียนเฟิงเอ่ยชมอย่างจริงใจ


“ดีใจที่ท่านชอบเจ้าค่ะ เป็นบะหมี่แบบที่ท่านตาเคยทำให้ข้ากินเจ้าค่ะ รสชาติอาจไม่จัดจ้านเท่าปกติเพราะข้าไม่ค่อยถูกกับอาหารรสจัดนัก” ซูเหยาตอบด้วยรอยยิ้ม


ซูเหยาและเถียนเฟิงนั่งทานอาหารกันอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางความเงียบสงบของทะเลสาบเยว่ปิงเหอ เสียงน้ำที่กระทบกับโขดหินและเสียงใบหลิวที่พลิ้วไหวตามสายลมคือเสียงเดียวที่ดังอยู่รอบตัวพวกเขา เป็นช่วงเวลาที่แปลกประหลาดแต่ก็อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก


เมื่อทานอาหารเสร็จ ซูเหยาจึงหยิบกระบอกชาหลงจิ่งขึ้นมาเทแบ่งให้เถียนเฟิง กลิ่นหอมของชาช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย เถียนเฟิงค่อย ๆ จิบชาอย่างช้า ๆ ขณะที่ซูเหยาเก็บอุปกรณ์อาหารใส่ตะกร้าอย่างเงียบ ๆ


“เสร็จจากที่นี่แล้วเจ้าจะกลับโรงหมอเลยหรือไม่?” เถียนเฟิงเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่ตะกร้าของซูเหยา


ซูเหยาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตากับเขา


“ข้าจะนำจีวรไปถวายแด่ท่านไต้ซือเจ้าค่ะ”


เถียนเฟิงมองไปยังจีวรที่พับเก็บอย่างเรียบร้อยในตะกร้า


“เย็บเองหรือ?”


“เจ้าค่ะ ฝีมืออาจยังไม่ดีนัก ต้องพัฒนาอีกมากเจ้าค่ะ”


"ไม่หรอกดูใช้ได้ทีเดียว แล้ว…ผ้าผืนนี้ก็...ดูไม่ธรรมดาเลย"


ซูเหยาหันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม


"เป็นไหมแก้วแสงจันทร์เจ้าค่ะ เป็นผ้าที่มีความบางเบาและนุ่มนวลมาก แต่ข้าไม่แน่ใจเรื่องความทนทานนัก หากท่านไต้ซือสวมใส่ได้พอดีก็จะดีใจมาก"


เถียนเฟิงนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไร เมื่อซูเหยาเก็บสัมภาระทั้งหมดลงในตะกร้าและจัดแจงทุกอย่างจนเรียบร้อยดีแล้ว นางจึงหันไปโค้งคำนับให้เถียนเฟิงอย่างนอบน้อม


“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ใต้เท้าเถียน”


เถียนเฟิงพยักหน้ารับเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านางกำลังจะก้าวเดิน เขาก็เอ่ยขึ้นมา


“ให้ข้าไปส่งเถิด”


ซูเหยาชะงักไปเล็กน้อยแล้วหันกลับมาสบตากับเขา


“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ใต้เท้าเถียน” ซูเหยาปฏิเสธอย่างสุภาพ “ท่านคงอยากใช้เวลาปลีกวิเวกอย่างสงบ”


“การเดินเพียงลำพังสำหรับสตรีนั้นไม่ปลอดภัย” เถียนเฟิงกล่าว


“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ศาลเจ้าที่ท่านไต้ซืออยู่ก็ไม่ไกลจากนี้นัก อีกอย่าง…ข้าก็เดินทางไปมาที่นี่จนชินแล้วเจ้าค่ะ”


เมื่อเห็นว่าซูเหยามีความมุ่งมั่นที่จะเดินทางคนเดียว เถียนเฟิงก็ไม่ได้รบเร้าต่อ เขาได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง


“เช่นนั้นก็เดินทางโดยสวัสดิภาพ”


ซูเหยาโค้งคำนับเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังกลับและออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าของท่านไต้ซืออย่างไม่รีรอ นางก้าวเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ ฉาบแสงสีส้มอ่อน ๆ บนผืนน้ำทะเลสาบและยอดไม้ที่ไหวเอนตามแรงลม เป็นภาพที่งดงามอย่างน่าประหลาดใจ เถียนเฟิงมองนางเดินจากไปก่อนจะพึมพำกับตนเอง


“ไปบ่อยด้วยสินะ…”



หมอป่า (น้ำเงิน)

เก็บสมุนไพรที่ยังไม่มีในระบบจะได้รับ +15 EXP

ชื่อสมุนไพร : ใบหลิว

รายละเอียดสมุนไพร :

ใบหลิว เป็นพืชริมน้ำที่มีกิ่งก้านอ่อนช้อยสวยงาม ใบเรียวยาวคล้ายปลายหอก มีสรรพคุณทางยา คือมีฤทธิ์เย็น ช่วยขับลมร้อน ขับพิษ และลดอาการบวม สามารถนำไปต้มเป็นยาลดไข้ หรือใช้ตำพอกแผลได้ นอกจากนี้ยอดอ่อนยังนำมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมได้อีกด้วย

รูปภาพ :

[NPC-08] มอบ บะหมี่ฉีซาน และ ชาหลงจิ่ง ให้ เถียน เฟิง

+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + ชา/สุราเกรดทอง (+15)

อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5

อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า ชงชา ได้โบนัส +5

โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม




แสดงความคิดเห็น

FC เถียนเฟิงซูเหยา  โพสต์ เมื่อวาน 00:27
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 85 โพสต์ เมื่อวาน 00:25
โพสต์ 30514 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ เมื่อวาน 00:02
โพสต์ 30,514 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ เมื่อวาน 00:02
โพสต์ 30,514 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก หมอป่า  โพสต์ เมื่อวาน 00:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x6
x20
x5
x2
x10
x15
x12
x6
x2
x20
x14
x19
x1
x5
x8
x6
x4
x53
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้