12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Watcher

[ศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอ]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-7-25 18:19:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 23 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอ

อีเว้นท์ ภารกิจ “สหายร่วมค้า เหนือความคาดหมาย”


บรรยากาศในศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอยามสายวันนี้เต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนอาบไล้ผ่านเงาไม้สนสูงที่ทอดตัวอยู่รอบศาล ดอกหญ้าโอนเอนตามแรงลม กลิ่นหอมอ่อนของธูปยาจากแท่นบูชาซึมลึกเข้าไปในลมหายใจของผู้มาเยือน ด้านหน้าองค์รูปเคารพของสัจเทพนั้น ขณะนี้มีเครื่องบูชาวางอยู่เรียงรายอย่างวิจิตรเป็ดปักกิ่งหนังกรอบหอมกรุ่นหนึ่งจาน กับสุรานารีแดงอายุเก็บกว่าสิบปีอีกหนึ่งไห เรียงไว้ในจานทองเหลืองที่เงาวับราวผ่านการขัดมาไม่รู้กี่รอบ โจวจินมองภาพเบื้องหน้านั้นด้วยสีหน้าเกือบจะตะลึง “โอ้โห…เจ้าถวายของขนาดนี้ ไม่กลัวเทพจะเมาหัวทิ่มหรือ” เขาอดกระซิบขำไม่ได้


หลินหยาเชิดคางนิด ๆ แล้วยักไหล่แบบคนเต็มใจเสียเงินเต็มที่ “ข้ารู้ว่าเทพไม่ต้องการสิ่งล่อใจ แต่มารยาทต่อฟ้าดินควรมี อย่าลืมว่าสุรานี้ข้าซื้อมาจากร้านท่านเองนะ” พูดจบก็หันมายิ้มตาหยีใส่เขาราวกับกำลังเอาคืนที่อีกฝ่ายเคยแซวเธอเรื่องหวยหนานหวาง หลังจากจัดวางเครื่องบูชาเรียบร้อย หญิงสาวก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าแท่นบูชา มือเรียววางลงบนตักอย่างสำรวม หลับตา สูดลมหายใจเข้าอย่างสงบก่อนจะเริ่มกล่าวคำอธิษฐานด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคงเกินหญิงชาวบ้านทั่วไป


“เทพผู้เปี่ยมด้วยสัจธรรม ทรงทอดพระเนตรความถูกต้องทั่วแผ่นดิน หากมีสิ่งใดกำลังก่อตัวในเงามืด หากความจริงกำลังถูกกลบด้วยกลอุบาย ขอได้โปรดมอบนิมิต หรือเสี้ยวคำ ที่จะช่วยให้ข้ารอดพ้นจากความวุ่นวายโดยไม่ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อของผู้บริสุทธิ์…” ทันทีที่ถ้อยคำจบลง ท้องฟ้าเหนือศาลเจ้ากลับเหมือนนิ่งงันลงชั่วขณะ ลมซึ่งเมื่อครู่ยังพัดปลายแขนเสื้อ กลับหยุดนิ่งราวห้วงอากาศถูกแช่แข็งไปหนึ่งลมหายใจ


จากนั้น….เสียงกรีดแผ่วคล้ายด้ายบางขาดกลางอากาศ ดังขึ้นแผ่วเบา ก่อนจะมีเศษกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นลงตรงหน้าเธอ เธอก้มมอง มันเป็นกระดาษขาวธรรมดา แต่มีกลิ่นสมุนไพรเร้นจางอยู่เล็กน้อย บนแผ่นนั้นเขียนเพียงนิดน้อย ด้วยลายมือประณีต


เส้นผมบังภูเขา อย่าคิดมาก หวนที่เดิม


“หวนที่เดิม?” หลินหยาอ่านเบา ๆ แล้วขมวดคิ้ว เจ้าโจวจินที่ยืนพิงเสาอยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามาชะโงกดู แล้วร้องในลำคอ “ฮืมมมม~ เส้นผมบังภูเขางั้นหรือ? นี่มันคำเตือนหรือคำด่ากันแน่” หลินหยาก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วส่ายหน้าช้า ๆ “หรือจะหมายถึง…เรามองข้ามบางอย่างไป?” เธอหลุบตามองกระดาษอีกครั้ง “หวนที่เดิม...ที่เดิมคือที่ไหนกันนะ ศาลนี้? จวนหวยหนานหวาง? หรือเขาหัวซาน?”


“หรือร้านของข้า?” โจวจินพูดแทรกขึ้นพร้อมทำหน้าทะเล้น


หญิงสาวเบ้ปากใส่ทันที “ท่านมันคิดเข้าข้างตัวเอง”


“แน่ล่ะสิ ข้าก็อยากให้เจ้า ‘หวนกลับมา’ ไงล่ะ” เขาพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะหันหลังเดินนำออกไปจากศาล “ไปเถอะ...คำใบ้ได้แล้ว ก็เหลือเพียงดูว่า ‘ที่เดิม’ ของเจ้า...อยู่ตรงไหนกันแน่ แม่นางน้อยผู้มีของบูชาแพงที่สุดในฉางอัน” หลินหยาเม้มปากนิด ๆ 


“ที่เดิมของเรามันก็ต้องบึงสุ่ยปี้ไหมล่ะ?” หลินหยาเอ่ยบอกแบบนั้น


โจวจินที่ยังยืนถอนหายใจให้กับปริศนาของเทพอยู่เงียบ ๆ ถึงกับเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคจากหลินหยา เขาขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตาเล็กน้อยอย่างคนเพิ่งนึกออก แล้วหันไปสบตานางพอดี รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากแบบไม่ต้องพยายาม "บึงสุ่ยปี้งั้นหรือ..." เขาเว้นจังหวะอย่างมีนัยก่อนจะเหลือบตามองเจ้าไก่แจ้ประจำตัวที่พอได้ยินชื่อก็ถึงกับยืดอกสะบัดปีก ตีปีกดังฟึ่บเหมือนกับจะบอกว่า "อืออออ...จำได้แล้ว บึงนั้นมีที่นอนเจ้าโปรดของข้า!" ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันอาจจะแค่เคยตกน้ำแถวนั้นมาก่อนเท่านั้นเอง


"ที่เดิมของเจ้า ก็คือที่เดิมของเราเช่นกันหรือเปล่านะ?" โจวจินพูดพลางเท้าเอว สายตามองตรงแต่อารมณ์กลับล้อเลียนเหมือนจะรู้ทันในใจหญิงสาวอยู่รำไร


หลินหยาที่ตอนแรกยังเงยหน้าคุยอยู่กลับหลุบตามองพื้นทันทีเหมือนพึ่งคิดอะไรบางอย่างได้ ริมฝีปากน้อย ๆ เธอขยับนิด ๆ คล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กลืนคำลงคอไปเสียเฉย ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบถุงหอมที่ห้อยอยู่ตรงเอวเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาอย่างคนแสร้งทำเฉไฉ "ข้าต้องไปทำธุระก่อนนะ ยามโหยว่าค่อยพบกันที่นั่นได้ไหม?…" แต่เสียงเธอดันอ่อนลงจนคล้ายกระซิบ เสียงลมของศาลที่พัดผ่านต้นสนกลับทำให้โทนคำของนางนุ่มนวลลงไปอีก ยิ่งทำให้แก้มขาว ๆ ของนางขึ้นสีชมพูระเรื่อในยามแสงอาทิตย์ตกกระทบพอดิบพอดี โจวจินที่เห็นก็ถึงกับยกคิ้วแล้วกอดอก หรี่ตาเหมือนจะแซวเต็มที่แต่ยังเก็บไว้ก่อน


“ธุระงั้นรึ…” เขาลากเสียงยาวอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพยักหน้ารับช้า ๆ “ยามโหยว่าก็แล้วกัน ข้ากับเจ้าเฮยจีจะรออยู่บึงสุ่ยปี้เหมือนเคย เผื่อแม่นางจะกลับมาพร้อมกลิ่นแปลก ๆ ติดตัว...เช่น...กลิ่นกำยานบุรุษ!”


หลินหยาเบิกตากว้างทันที “โจวจิน!” เธอแหวขึ้นเล็กน้อยแบบคนเขินจัด แล้วก็ก้าวถอยกรูดพรวด “ท่านน่ะ…ข้าไม่พูดด้วยแล้ว!” พูดจบก็รีบหมุนตัวจะเดินออกจากศาลแล้ว แต่พอพ้นไปได้สองก้าวก็ยังไม่วายหันมาชี้หน้าระคนขำ “ข้า...ข้าจะไปซื้อเต้าหู้จ่างหากเล่า! จะนัดใครกันเล่า!”


โจวจินส่งเสียงหัวเราะลั่น ขณะที่เฮยจีทำท่าเหมือนจะจิกปีกข้างแก้มตัวเองแล้วเบ้ปากตามเจ้าของไปด้วย “ชัดเลย ๆ~” และสุดท้ายหลินหยาก็รีบเดินหนีออกจากศาลอย่างรวดเร็ว เหมือนจะกลัวไม่ทันธุระ...หรือกลัวหัวใจตัวเองมากกว่ากันแน่นะ? ส่วนโจวจินนั้นยืนยิ้มบาง ๆ อยู่ลำพัง แล้วหันไปมองบึงที่ทอดตัวอยู่ในความทรงจำสายหนึ่ง


“ที่เดิมของเรา…” เขาพึมพำแผ่วในลำคอ ยิ้มของพ่อค้าที่ว่าหน้าเลือดนักหนากลับมีแววอ่อนโยนบางอย่างไหลผ่านแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะสะบัดชายเสื้อ หันไปพูดกับไก่ “ไปสิ เฮยจี...เรามีเวลาเตรียมตัวอีกครึ่งวัน” และบ่ายวันนั้น...ศาลเจ้าก็ถูกทิ้งไว้เพียงเสียงสายลม และคำใบ้ที่ยังไม่จาง




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: ทำไมผมต้องมาถวายเทพองค์นี้ด้วยเนี้ย 555 บังคับกันชัด ๆ 


รางวัล: 

สักการะบูชาและถวายอาหาร แด่ [GOD-01] สัจเทพอี๋เหอ (ซ่างกู่)

สักการะด้วย ดอกเหลียนฮวา

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

ถวายคอมโบ เป็ดปักกิ่ง อาหารเกรดแดง + สุรานารีแดง สุราเกรดแดง โบนัสเพิ่ม +20 แต้ม

อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-01] สัจเทพอี๋เหอ (ซ่างกู่) เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-7-25 19:07
โพสต์ 34759 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-25 18:19
โพสต์ 34,759 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-7-25 18:19
โพสต์ 34,759 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-25 18:19
โพสต์ 34,759 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-25 18:19
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-8-21 02:07:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-8-21 02:14

วันที่ 11 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 

ยามซื่อ (เวลา 09.00 - 11.00 น.)



เสียงกระพรวนที่ห้อยอยู่กับชายคาศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอสั่นไหวตามแรงลม ใบไม้ที่แห้งกรอบปลิดปลิวจากกิ่งร่วงหล่นลงสู่พื้นดินเบื้องล่างอย่างเชื่องช้า ซุ้มประตูทางเข้าที่ทำจากไม้สีเข้มแสดงถึงความเก่าแก่ที่ดำรงอยู่มานานหลายปี แสงแดดยามซื่อที่เริ่มทอแสงสีทองอ่อน ๆ ส่องลอดผ่านหมู่ไม้เข้ามาต้องกับพื้นดินที่ถูกกวาดสะอาดจนไร้ฝุ่นละออง


ซูเหยาสวมชุดสีอ่อนเรียบ ๆ ที่ถูกปักลวดลายเมฆมงคลด้วยไหมสีครามบางเบา นางยืนอยู่หน้าบันไดศิลาที่มีรอยแตกและตะไคร่สีเขียวเกาะหนาแน่น ดวงตาของนางทอดมองไปยังประตูไม้ที่ปิดสนิทเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย ความคิดยังคงวนเวียนอยู่กับคำพูดของใต้เท้าเถียนเฟิงเมื่อคืนนี้ คำสั่งห้ามที่เปรียบดั่งโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นรัดรึงจิตใจของนางให้ไม่เป็นสุข ปิ่นปักผมที่ถูกแกะสลักเป็นรูปดอกท้ออันละเอียดอ่อนของเหมยฮวาเสียบอยู่บนมวยผมของนางสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกาย นางรู้สึกถึงน้ำหนักของมันบนศีรษะ มันเป็นของที่มีความสำคัญกับนางและใต้เท้าเถียนเฟิง หากเป็นปกตินางคงไม่กล้าที่จะปักปิ่นของผู้อื่นเช่นนี้ แต่เมื่อเช้านี้มีบางอย่างที่ไม่อาจนิยามได้ดลใจให้นางหยิบมันขึ้นมาปัก


นางก้าวเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดอย่างเชื่องช้า แสงแดดที่ส่องผ่านกิ่งไม้ยามเช้าทำให้เงาของนางทอดยาวเป็นเส้นสีดำเข้มไปตามพื้นดินที่เต็มไปด้วยกรวดหินเล็ก ๆ รอบตัวมีแต่ความเงียบสงัด มีเพียงเสียงรองเท้าผ้าที่กระทบกับหินและเสียงใบไม้ไหวที่ดังแว่วมาเป็นระยะ ๆ เมื่อเดินมาถึงลานหน้าศาลเจ้า ซูเหยาเห็นรูปปั้นสัจจเทพอี๋เหอองค์ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า รูปปั้นองค์นี้มีใบหน้าที่สงบนิ่งและเปี่ยมด้วยความเมตตา


ซูเหยาเดินเข้าไปใกล้แท่นบูชา ที่มุมหนึ่งมีควันธูปขาวลอยกรุ่นขึ้นสู่ท้องฟ้า นางคุกเข่าลงพนมมือขึ้นเหนืออกพร้อมกับก้มศีรษะลงต่ำ ปลายคางของนางแทบจะจรดกับหน้าอก นางหลับตาลงอย่างสงบ หายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ เพื่อรวมสมาธิ ไม่นานนักจิตใจที่วุ่นวายก็เริ่มสงบลงทีละน้อย เสียงรอบข้างที่เคยได้ยินก็เงียบงันลงเหลือแต่เสียงลมหายใจของตัวเอง ซูเหยาเริ่มภาวนาในใจอย่างเงียบงัน


เสียงสวดภาวนาในใจของซูเหยาจางหายไปพร้อมกับความเงียบสงบที่ครอบคลุมจิตใจของนาง แสงแดดยามเช้ายังคงสาดส่องลงมาต้องกับใบหน้าของนางที่ก้มลงต่ำ แต่แล้วความสงบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงก้องกังวานที่ดังแว่วมาจากทางเข้าศาลเจ้า เสียงกระพรวนที่ห้อยอยู่ใต้ชายคาเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้งไม่ใช่เพราะแรงลม หากแต่เป็นแรงสั่นสะเทือนจากขบวนคนจำนวนหนึ่งที่กำลังเคลื่อนเข้ามา


“องค์ไท่โฮ่วเสด็จ!” เสียงประกาศของขันทีที่แหลมเล็กแต่ทรงพลังดังขึ้นราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางความเงียบสงัด ซูเหยาที่เพิ่งออกจากสมาธิได้ไม่นานพลันรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน นางเงยหน้าขึ้นและมองไปทางต้นเสียงที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าและเสียงผ้าไหมที่เสียดสีกันดังก้องไปทั่วลานศาลเจ้า ไม่นานนักขบวนเสด็จเล็ก ๆ ที่ดูเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรัศมีแห่งอำนาจก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า


เบื้องหน้าขบวนคือเหล่าขันทีและนางกำนัลหลายสิบคน พวกเขากำลังก้าวเดินอย่างสงบเสงี่ยมและรวดเร็ว ชายผู้หนึ่งในชุดขันทีที่ดูมีอายุ ด้านหลังของเขามีรถม้าไม้แกะสลักอย่างวิจิตรงดงามที่ถูกลากด้วยม้าสีขาวที่ประดับประดาด้วยเชือกสีแดงอย่างเรียบง่าย องค์ไท่โฮ่วเซียวจื่อในฉลองพระองค์สีแดงประทับอยู่บนรถม้าที่เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ผ้าคลุมหน้าที่โปร่งบางถูกตรึงไว้ด้วยปิ่นปักผมที่ทำจากหยกขาวเนื้อดีที่ประดับประดาไปด้วยไข่มุกสีชมพู ดูงดงามไร้ที่ติ และเมื่อรถม้าหยุดลงตรงหน้าบันได นางก็ได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าขันทีและนางกำนัลให้ลงมาจากรถม้าอย่างช้า ๆ


ซูเหยาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก้มศีรษะลงต่ำพร้อมกับคุกเข่าลงอย่างสงบและถวายความเคารพอย่างนอบน้อม 


“ถวายพระพรองค์ไท่โฮ่วเพคะ”


องค์ไท่โฮ่วเซียวจื่อทรงแย้มพระสรวลด้วยความเบิกบานเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างอรชรของซูเหยา พระหัตถ์ถูกยื่นออกมาและประคองร่างของซูเหยาให้ลุกขึ้นอย่างแผ่วเบา 


“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด” พระสุรเสียงของนางไพเราะและเปี่ยมไปด้วยความเมตตา “ไม่ได้พบหน้ากันเสียหลายวัน ตั้งแต่เจ้าหายไปข้าก็รู้สึกขาดอะไรบางอย่างไป”


ซูเหยาเงยหน้าขึ้นและสบตากับองค์ไท่โฮ่ว ดวงตาของนางมีความอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ซูเหยารู้สึกถึงความจริงใจในพระดำรัสของนาง 


“หม่อมฉันขอประทานอภัยที่ไม่ได้เข้าเฝ้าเพคะ”


“ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้เจ้ามาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดี” องค์ไท่โฮ่วทรงจูงมือของซูเหยาให้เดินไปตามทางเดินหินที่ปูด้วยกรวด “เมื่อเช้านี้ข้าอยากจะมาที่ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นพิเศษเพื่อมาสวดมนต์ขอพร เจ้ามาที่นี่ได้ถูกเวลาจริง ๆ”


ซูเหยาและองค์ไท่โฮ่วเดินคู่กันไปยังแท่นบูชาที่อยู่กลางศาลเจ้า พวกนางนั่งลงบนพื้นหินอ่อนที่เย็นเฉียบและเตรียมตัวสวดมนต์ เสียงสวดมนต์ของพระองค์ก้องกังวานและไพเราะราวกับเสียงกระซิบจากสรวงสวรรค์ ซูเหยาคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ และร่วมสวดมนต์ไปกับองค์ไท่โฮ่วอย่างสงบเสงี่ยม


ในขณะที่บทสวดมนต์สุดท้ายค่อย ๆ จางหายไปในอากาศที่นิ่งสงบ ซูเหยาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ จิตใจที่เคยสับสนอลหม่านราวกับพายุเมื่อครู่ก็สงบลงอย่างประหลาด นางก้มลงกราบลาองค์ไท่โฮ่วอย่างนอบน้อมก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมองพระพักตร์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของพระองค์ องค์ไท่โฮ่วทรงมีพระพักตร์ที่อิ่มเอิบและรอยยิ้มที่อ่อนโยนเสมอมา ราวกับว่าความทุกข์ระทมใด ๆ ในโลกนี้ไม่อาจเข้าใกล้พระองค์ได้เลยแม้แต่น้อย


"ลุกขึ้นเถิดหมอหญิง" พระสุรเสียงที่ไพเราะและแผ่วเบาดุจสายน้ำในยามเช้าตรู่ดังขึ้น "เจ้าดูไม่แจ่มใสเลย ช่วงนี้ไม่สบายหรือเปล่า?"


พระหัตถ์ที่เย็นเฉียบขององค์ไท่โฮ่วทรงแตะลงบนแก้มของซูเหยาอย่างแผ่วเบา ดวงพระเนตรที่ทอดมองมานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง ซูเหยารู้สึกราวกับน้ำหนักอันมหาศาลที่เคยทับถมจิตใจถูกปลดเปลื้องออกไปชั่วขณะ นางยิ้มอย่างฝืน ๆ ก่อนจะตอบกลับไป


"หม่อมฉันสบายดีเพคะ เพียงแต่ช่วงนี้มีบางเรื่องให้ต้องคิดมากไปหน่อยเท่านั้น" ซูเหยาเอ่ยเสียงแผ่ว พยายามไม่ให้พระองค์เป็นห่วง


"หากมีเรื่องใดที่ไม่สบายใจ บอกข้าได้" องค์ไท่โฮ่วทรงเลื่อนพระหัตถ์ลงมาจับมือของซูเหยาไว้แน่น ความอบอุ่นจากฝ่าพระหัตถ์นั้นซึมซาบเข้ามาในความรู้สึกของซูเหยา "ข้าเห็นเจ้าดุจดั่งลูกหลานของข้าเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ข้าจะช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด"


ซูเหยาหลุบตาลงมองพื้น น้ำเสียงขององค์ไท่โฮ่วเต็มไปด้วยความจริงใจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เรื่องที่นางกำลังแบกรับอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ยากจะบอกกล่าวออกไปได้จริง ๆ


"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเพคะ ขอองค์ไท่โฮ่วอย่าได้ทรงเก็บไปใส่พระทัยเลย" ซูเหยาเอ่ยเสียงนุ่มนวล พยายามปลอบโยนพระองค์ องค์ไท่โฮ่วทรงยิ้มอ่อนโยนก่อนที่จะพยักพระพักตร์อย่างช้า ๆ ราวกับทรงเข้าใจทุกสิ่งที่ซูเหยาไม่ได้เอ่ยออกมา


"ในเมื่อเจ้าไม่ประสงค์จะบอก ข้าก็จะไม่ถามเจ้าอีก" พระองค์ทรงเอ่ยเสียงนุ่มนวล "แต่เจ้าต้องจำไว้ว่า เจ้ามีข้าเสมอ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ หากมีสิ่งใดที่ต้องการความช่วยเหลือ ขอให้เจ้าจงมาหาข้าได้ทุกเมื่อ"


องค์ไท่โฮ่วทรงลุกขึ้นอย่างช้า ๆ พระหัตถ์ของพระองค์ทรงถูกประคองโดยขันทีที่เดินตามมาแต่แรก พระวรกายของพระองค์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยอาภรณ์สีแดงสดดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบในยามเช้าตรู่ของศาลเจ้าแห่งนี้ องค์ไท่โฮ่วทรงค่อย ๆ ก้าวเดินลงจากแท่นบูชาอย่างสงบนิ่ง เหล่านางกำนัลและขันทีที่รออยู่รายรอบต่างก็ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมเป็นการถวายความเคารพ


"ข้าจะกลับวังหลวงแล้ว" องค์ไท่โฮ่วทรงตรัสกับซูเหยา "เจ้าเองก็กลับไปพักผ่อนเสียเถิด ใบหน้าของเจ้าดูอิดโรยเกินไป"


ซูเหยาโค้งคำนับให้องค์ไท่โฮ่วอย่างนอบน้อมอีกครั้ง 


"เพคะ หม่อมฉันขอถวายความเคารพองค์ไท่โฮ่ว เสด็จกลับโดยสวัสดิภาพเพคะ"


องค์ไท่โฮ่วทรงพยักพระพักตร์อย่างอ่อนโยนก่อนจะเสด็จขึ้นรถม้าอย่างช้า ๆ ขบวนเสด็จที่ดูเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรัศมีแห่งอำนาจเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ออกจากศาลเจ้าไปในที่สุด เสียงประกาศของขันทีดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียง



[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


มีโอกาสพบเจออีเว้นท์พิเศษเกี่ยวกับวิญญาณในปิ่นหากแนบท้ายโรลในบางครั้ง


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2025-8-21 12:15
โพสต์ 24557 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-21 02:07
โพสต์ 24,557 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-8-21 02:07
โพสต์ 24,557 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ  โพสต์ 2025-8-21 02:07
โพสต์ 24,557 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-8-21 02:07
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-8-21 09:19:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 21 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าสัจจเทพอี้เหอ (พบ เซียวจื่อไท่โฮ่ว)


แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านม่านหมอกแห่งฉางอันลงมาสู่ศาลเจ้าสัจจเทพอี้เหอที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ถนนสิบลี้ฝั่งตอนใต้ สถาปัตยกรรมไม้แกะสลักสีชาดเข้มและเสาศิลาหินทรายขนาดใหญ่โอบล้อมตัวศาลา ประดับด้วยโคมไฟน้ำมันที่ยังคงลุกสว่างแม้เป็นเวลากลางวัน เมื่อก้าวเข้าสู่ภายใน กลิ่นกำยานหอมหวานลึกคล้ายกลีบกุหลาบผสมกลิ่นสมุนไพรโบราณก็โอบรัดเข้ามา บนแท่นสูงประดิษฐาน รูปเคารพสัจจเทพอี้เหอ เทพีผู้เลื่องลือในฐานะองค์เทพีแห่งสัจจะ ความรัก และความศรัทธาที่บริสุทธิ์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยตรอมตรมกับความรัก ก่อนจะก่อกำเนิดศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อเป็นที่พึ่งพิงแก่หญิงชายผู้ทุกข์ทน


หลินหยาเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา ร่างกายยังรู้สึกหนักอึ้ง พลังปราณในกายปั่นป่วนและอัดแน่นจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง แต่สีหน้าและท่าทีของนางยังคงสงบแม้แววตาจะมีเงาแห่งความเหนื่อยล้า นางถอดรองเท้าไม้แล้วก้าวขึ้นไปยังเบื้องหน้าแท่นบูชา คุกเข่าลงบนเบาะกำมะหยี่สีแดงเลือดหมู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนค่อย ๆ หลับลง มือประสานขึ้นเหนือศีรษะแล้วโน้มลงแตะหน้าผากอย่างนอบน้อม ก่อนเอ่ยถ้อยคำด้วยเสียงแผ่วแต่มั่นคง


“ข้าแต่สัจจเทพอี้เหอ ผู้ทรงอำนาจแห่งแดนเทพ ข้าขออัญเชิญพลังของท่านมาสถิตในกาย เพื่อปลดล็อกขีดจำกัดและก้าวสู่ศักยภาพที่แท้จริง ขอให้พรแห่งท่านนำพาข้าไปสู่ความแข็งแกร่งอันไร้ขีดจำกัด” หลินหยาเอ่ยขึ้นเช่นนั้นแล้วหยุดเล็กน้อยจากความรู้สึกอึดอัดในกาย 


“หากความอึดอัดนี้หายไป ข้าจะเป่าเพลงถวายสักเพลงเจ้าค่ะ” สิ้นคำของนางดวงไฟจากตะเกียงทั้งสองข้างสั่นไหวเล็กน้อยราวกับมีลมพัด ทั้งที่ภายในศาลาปิดเงียบสนิทเท่านั้นเอง แสงแดดยามสายลอดผ่านช่องไม้กระทบองค์รูปสลักทองสัมฤทธิ์ของเทพีอี้เหอจนเปล่งประกายอาบร่างดุจมีชีวิต เงาร่างบางของหลินหยาถูกกลืนเข้ากับแสงนั้นราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเทพี ปราณภายในกายที่ก่อนหน้านี้ไหลวนไม่เป็นระเบียบพลันสะท้อนกลับเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แม้ความอึดอัดยังไม่มลายไปทั้งหมด แต่กลับปรากฏความอบอุ่นคล้ายมือนุ่มของสตรีกำลังโอบประคองหัวใจให้นิ่งสงบ ความเจ็บปวดแผ่วเบาลงทีละน้อย


หลินหยาเปิดดวงตาขึ้นริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ๆ นางยกขลุ่ยซุนขึ้นแนบปาก เป่าบรรเลงทำนองอ่อนหวาน เสียงดนตรีดังสะท้อนในศาลาร่วมกับแสงเทียนและกลิ่นกำยาน กลายเป็นการสักการะที่มิใช่แค่คำพูด แต่คือดนตรีจากหัวใจ 


เสียงขลุ่ยของหลินหยาในยามนั้นใสกระจ่างราวน้ำพุพวยพุ่งกลางหุบผา ท่วงทำนองเบาสะบัดแทรกไปตามลมกำยาน ละลายทุกหยดความอึดอัดในกายจนเหลือเพียงความโล่งโปร่งเหมือนสายน้ำพัดพา ความอบอุ่นจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของ สัจจเทพอี้เหอ ค่อย ๆ แทรกซึมผ่านเสียงดนตรีนั้นออกไป คล้ายทอแสงบาง ๆ ลงบนหัวใจของทุกผู้ที่อยู่ในศาลเจ้า


แต่หลินหยาไม่รู้เลยว่า ณ เบื้องหลังเสาศาลา กลุ่มขบวนเล็กที่งดงามยิ่งกว่าพิธีการใด ๆ ได้เข้ามาถึงแล้ว หญิงสูงศักดิ์ผู้สวมอาภรณ์แดงดั่งเปลวเพลิง สวมมงกุฎทองประดับอัญมณีล้ำค่าหลายชนิด งามดั่งนางหงส์ผู้อำนาจล้นฟ้าเซียวจื่อไท่โฮ่ว อดีตมารดาแห่งบัลลังก์แผ่นดิน กำลังทอดพระเนตรอยู่โดยมิเอื้อนเอ่ยสิ่งใด


นางกำนัลข้างกาย ถง รั่วหลั่น เห็นดังนั้นก็ไม่ได้แตกตื่นแต่กลับก้าวมาข้างหน้ากระซิบเบา ๆ ว่า “พระองค์เพคะ...นางเด็กชาวบ้านผู้นั้นบังอาจล่วงเกินยามที่พระองค์กำลังทรงขอพรอยู่ กระหม่อมสมควรให้คนไปห้ามปรามหรือไม่เพคะ” แต่ไท่โฮ่วเพียงยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย พระเนตรแหลมคมที่เคยอ่านทะลุใจผู้คนนับร้อยในวังหลวงหันจับจ้องไปยังร่างเล็กนั้น สีพระพักตร์นิ่งสงบแต่รอยยิ้มบางเฉียบผุดขึ้นที่มุมพระโอษฐ์


เสียงขลุ่ยของหลินหยาลอยคลี่คลาย แรกเริ่มคือความอ่อนโยนปลอบประโลม คล้ายคำอธิษฐานจากหญิงสาวผู้บอบบางที่แบกความเหนื่อยล้าไว้เต็มอก แต่ยิ่งบรรเลงยิ่งไหลเป็นสายน้ำเชี่ยวกรากดุจสายฟ้าฟาด เสียงหนึ่งแทงทะลุม่านสติ เสียงหนึ่งโอบกอดปลอบโยนวิญญาณ ทุกผู้ในขบวน กองทหารรักษาพระองค์ผู้แข็งแกร่งต่างยืนนิ่ง หัวใจเหมือนถูกสะกดไว้


เซียวจื่อไท่โฮ่วทอดพระเนตรหลินหยาอยู่อย่างนั้น ครู่หนึ่งก็รำพึงในใจ “นี่คือเสียงที่เล่าลือกันทั่วหล้า... เสียงดนตรีที่เทพีสัจธรรมประทานพรด้วยตนเอง…แท้จริงมิใช่เพียงคำเล่าขาน”


เมื่อบทเพลงจบลงกลิ่นกำยานในศาลเจ้าดูหอมลึกขึ้นกว่าเดิม แสงเทียนทุกเล่มลุกโชติช่วงโดยมิได้มีผู้แตะต้อง หลินหยายังไม่รู้เลยว่ามีผู้ใดกำลังทอดสายตาลงมองนางอยู่ นางเพียงเก็บขลุ่ยลง วางมือประนมคารวะเบื้องหน้ารูปสลักสัจจเทพ แล้วระบายยิ้มบางอย่างโล่งใจ


ทันใดนั้นเสียงปรบพระหัตถ์เบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ภายในศาลอันเงียบสงัด เสียงนั้นขับเน้นยิ่งกว่าพิณใด ๆ หลินหยาสะดุ้ง หันขวับไปพบพระพักตร์งามสูงศักดิ์ของสตรีในอาภรณ์แดงดั่งเพลิง พระเนตรคมจับต้องไม่ได้ นั่นคือ เซียวจื่อไท่โฮ่ว ผู้ที่แม้จะปลดวาระมารดาแห่งแผ่นดินแล้ว แต่ยังคงมีอำนาจล้นพ้นฟ้าจนไม่มีผู้ใดกล้าแม้แต่จะหายใจแรง “เสียงขลุ่ยของเจ้า…” ไท่โฮ่วเอื้อนเอ่ยช้า ๆ พระสุรเสียงแฝงความเด็ดขาดแต่กลับอ่อนโยนราวสตรีวัยแม่ “หาใช่เพียงท่วงทำนอง… หากแต่ไพเราะเช่นพลังจากฟากฟ้าอย่างจริงแท้”


ทุกคนในขบวนต่างพากันคุกเข่าลงทันทีด้วยความเคารพเมื่อไท่โฮ่วตรัส หลินหยาในคราบสตรีธรรมดาได้แต่เบิกตาโต ใจเต้นระส่ำจนลมหายใจสะดุด เสียงหัวใจของหลินหยาดังก้องในอกดังเกินกว่าจะซ่อนเร้นได้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ก่อนรีบก้มหน้าก้มตาลงต่ำจนหน้าผากเกือบแตะพื้น ร่างเล็กคุกเข่าตามมารยาทอย่างรีบร้อนแทบจะในวินาทีเดียว ไม่กล้าส่งสายตา ไม่กล้าขยับแม้ปลายนิ้ว เพราะรู้ชัดเจนแล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหน้าคือ เซียวจื่อไท่โฮ่ว พระพันปีหลวงผู้ทรงเกียรติสูงสุดในแผ่นดิน


ตายแล้ว ๆ ๆ ทำไมพระองค์เสด็จมาเองที่นี่! ถ้าข้าเผลอทำผิดมารยาทเพียงนิดเดียว ศีรษะข้าคงหล่นก่อนได้แต่งงานแน่! (ถึงชาตินี้จะไม่น่าได้แต่งงานก็ตาม) ความคิดตะโกนก้องในใจ แต่ริมฝีปากกลับปิดสนิท หลินหยาก้มหน้ามุดอยู่เช่นนั้น ขนตาสั่นระริกมือสองข้างแนบพื้นอย่างมั่นคงไม่ไหวติง 


บรรยากาศในศาลเจ้ากดดันจนเหมือนเวลาหยุด ทุกขบวนกำนัลและทหารต่างคุกเข่าตามด้วย แต่สายตาของทุกคนก็เหลือบจับไปยังร่างเล็กของ “สตรีสามัญ” ที่บังอาจบรรเลงเสียงขลุ่ยต่อหน้าองค์เทพ และตอนนี้ก็บังเอิญมาอยู่ต่อหน้าพระพันปีหลวงอีกด้วย ความเงียบดำเนินไปยาวนานในความรู้สึกของหลินหยา จนแทบลืมหายใจ ไม่กล้ากระดุกกระดิก รอเพียงพระสุรเสียงของพระนางว่าจะตรัสสิ่งใดต่อไป


ในที่สุดเสียงทุ้มนุ่มแต่เด็ดขาดของเซียวจื่อไท่โฮ่วก็ดังขึ้น แทรกผ่านความเงียบสงัดนั้น “เงยหน้าขึ้นเถิดสตรีน้อย เจ้ามิได้ก่อความผิดที่จะต้องหมอบกราบอยู่อย่างนั้น เพลงของเจ้ามีค่าดุจพรจากฟ้า อย่าได้หมองหม่นเพราะพบเรา” น้ำเสียงแม้เฉียบขาด แต่ในถ้อยคำกลับแฝงด้วยเมตตาอ่อนโยนดุจแม่ปลอบลูก หลายคนที่ได้ยินถึงกับแปลกใจ เพราะโดยปกติพระพันปีหลวงคือสตรีที่เข้มงวดและปากร้ายยิ่งนัก


หลินหยาที่ก้มหน้าแน่นิ่งอยู่นาน สองมือเย็นเฉียบและหัวใจเต้นแรงราวกลองศึก พลันเม้มริมฝีปากแล้วกลืนน้ำลายยากลำบาก ข้า...ข้าจะกล้าเงยหน้ามองหรือไม่… แต่หากไม่ทำตามรับสั่งก็จะเป็นการเสียมารยาทยิ่งกว่าเดิม ร่างบางจึงค่อย ๆ ขยับเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาพระองค์ตรง ๆ เพียงช้อนสายตามองขึ้นชั่วครู่แล้วรีบก้มลงใหม่ แก้มซีดเผือดแต่ริมฝีปากยังคงขยับสั่นเอ่ยเบา ๆ


"กระหม่อม...ขอน้อมรับพระเมตตาจากพระองค์เพคะ..." เสียงนั้นสั่นพร่าแต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม


สายลมยามสายพัดลอดเข้ามาในศาลเจ้าสัจจเทพอี้เหอ เสียงกำยานแตกตัวเป็นกลิ่นอบอวลหนักแน่นราวจะทดสอบจิตใจผู้คน ทุกสายตาของเหล่ากำนัลยังคงจับจ้องสตรีน้อยที่หมอบกราบเบื้องหน้า ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะระหว่างพระพันปีหลวงกับสตรีที่เพิ่งบรรเลงบทเพลงอันสะท้านใจเมื่อครู่ เซียวจื่อไท่โฮ่ว โน้มพระวรกายเล็กน้อย พระเนตรเรียวยาวเปล่งแสงแหลมคมฉายมองร่างเล็กตรงหน้า ครู่หนึ่งพระนางตรัสช้า ๆ ทว่าแฝงแรงกดดันจนทุกคนรอบข้างลมหายใจสะดุด “เจ้า...เป็นผู้ใดกันเล่า สตรีน้อย?” เสียงคำถามแม้สั้นแต่แฝงด้วยพระอำนาจ ผู้ใดได้ยินย่อมไม่กล้าโกหกแม้ครึ่งคำ


หลินหยาที่คุกเข่าอยู่กำมือแน่นบนตัก รู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุอก แต่ยังสูดลมหายใจลึก ตั้งสติแล้วเอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำตามที่เป็นจริง น้ำเสียงแม้สั่นเล็กน้อยแต่ชัดเจนไม่คลุมเครือ "กระหม่อม...เป็นเพียงสามัญชนธรรมดานามว่า หนาน หลินหยา เพคะ หากการที่กระหม่อมพลั้งเผลอบรรเลงขลุ่ยในยามที่พระองค์เสด็จมา ได้เป็นการรบกวนความสงบ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้แก่กระหม่อมด้วยเพคะ" สิ้นคำเสียงศาลเจ้ากลับเงียบกริบ ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่งเพื่อตั้งใจฟังคำตอบนั้น


เซียวจื่อไท่โฮ่วเลิกพระขนงเล็กน้อย พระเนตรจับต้องเด็กสาวตรงหน้าอยู่นานราวกับอ่านทะลุถึงหัวใจ รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่พระโอษฐ์ แม้ไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยนจนละลายความหวาดกลัว แต่กลับเป็นรอยยิ้มของผู้ใหญ่ผู้มองเห็น ‘เนื้อแท้’ ของคนตรงหน้าได้ชัด “หนาน หลินหยา...” พระนางทวนชื่อนั้นอย่างเนิบช้า คล้ายจะจดจำเอาไว้ในพระทัย แล้วทรงแย้มรับสั่งต่อ น้ำเสียงผสมทั้งความเข้มงวดและความอาทรที่สตรีผ่านโลกมาอย่างโชกโชนเท่านั้นจะมีได้


“เสียงขลุ่ยของเจ้า...มิใช่ของสามัญชนทั่วไปเลย หากเจ้าว่าเป็นเพียงสตรีธรรมดา เช่นนั้นโลกนี้คงเต็มไปด้วยปาฏิหาริย์นักกระมัง” กำนัลที่ยืนข้างหลังถึงกับสบตากันเล็กน้อย ต่างพากันกดศีรษะต่ำลงอย่างรู้ทันว่าพระนางกำลังเอ็นดูสตรีน้อยผู้นี้


หลินหยาที่ก้มหน้าอยู่กลับยิ่งตัวสั่น ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกพระเนตรนั้นอ่านจนหมดสิ้น นางไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นสบตา ได้แต่พนมมือแนบอกแล้วเอ่ยเบา ๆ "กระหม่อม...หาได้มีสิ่งใดพิเศษเลยเพคะ หากพระองค์ทรงเห็นค่าในสิ่งที่กระหม่อมบรรเลงเพียงเล็กน้อย ก็เป็นพระเมตตายิ่งแล้วเพคะ"


พระเนตรของเซียวจื่อไท่โฮ่วจับจ้องร่างเล็กนั้นเนิ่นนาน สตรีตรงหน้าหาได้มีโฉมงามล่มเมืองดังที่ตำราเชิดชู หากแต่กลับมีความสดใสสะอาดตาราวดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิที่บานกลางแดด ดึงดูดผู้คนพบเห็นน่าเข้าหา เสียงขลุ่ยเมื่อครู่ยังสะท้อนก้องอยู่ในพระทัย ยิ่งเมื่อจับต้องแววตาและกิริยาอันนอบน้อม ก็ทำให้พระองค์รู้สึกถูกชะตาอย่างยากจะอธิบาย ไท่โฮ่วทรงยกพระหัตถ์เล็กน้อยให้เหล่ากำนัลถอยออก แล้วตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เด็ดขาดแต่แฝงความอ่อนโยน


“หนาน หลินหยา...เจ้าจงไปเถิด วันนี้ข้าไม่ถือโทษ แต่หากครั้งหน้าฟ้าเบิกบานให้เราพบกันอีก ข้าหวังว่าเจ้าจะเป่าดนตรีให้เราฟังอีกสักเพลง” ถ้อยคำเปรียบเสมือนพระราชานุญาต หลินหยาที่หมอบอยู่รีบก้มหน้าลงต่ำอีกครั้ง มือแนบพื้นหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ก่อนเอ่ยตอบรับชัดถ้อยชัดคำ


"กระหม่อม...น้อมรับพระดำรัสเพคะ หากมีวาสนาได้พบพระองค์อีกครา กระหม่อมจักขออัญเชิญบทเพลงถวายอย่างสุดความสามารถเพคะ" สิ้นคำนางยังไม่กล้าเงยหน้ามองต่อ รีบค่อย ๆ ถอยกายออกจากศาลอย่างสงบ นอบน้อมทุกย่างก้าวจนพ้นเขตลานกำยานออกไปด้านนอก ลมยามสายพัดต้องใบหน้าทำให้นางเผลอหายใจออกยาวราวกับยกภูเขาออกจากอก


ภายในศาลา เซียวจื่อไท่โฮ่วทอดพระเนตรตามเงาร่างนั้นจนลับหายไปในหมอกแดดยามสาย รอยยิ้มบางเฉียบยังคงปรากฏบนพระโอษฐ์ “สตรีธรรมดาหรือ? ฮึ... คราวหน้าเราคงได้รู้แจ้งกว่านี้” ขบวนกำนัลข้างกายต่างก้มศีรษะเงียบงันไม่กล้ากล่าวสิ่งใด พระนางเพียงผินพระพักตร์กลับไปยังองค์รูปสลักของสัจจเทพอี้เหอ ประนมพระหัตถ์คารวะ ก่อนจะก้าวขึ้นแท่นบูชาอย่างสง่างาม




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: กรี๊ดด ๆๆๆ มาเจอองค์เจ๊


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

ทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5 

เอฟเฟ็ค เป่าขลุ่ยพันธะในเงาศาลาสุ่มโบนัสค่าความสนิทผู้ฟัง [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว +9

(จำนวนเลขไบต์หลักสุดท้าย) 

พบ [NPC ตัวประกอบ ถง รั่วหลัน]


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 69 โพสต์ 2025-8-21 11:18
โพสต์ 53089 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-21 09:19
โพสต์ 53,089 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-21 09:19
โพสต์ 53,089 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-21 09:19
โพสต์ 53,089 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-21 09:19
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
144
ความชั่ว
697
ความโหด
1566
โพสต์ 2025-9-28 05:54:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย JiTiandao เมื่อ 2025-9-28 06:15

วันที่ 27 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
เวลา 09.00 - 16.00 น.


ในห้องพักฟื้นเรือนไม้หลังเล็กของโรงหมอเจิ้งเทียน กลิ่นสมุนไพรลอยคลุ้งปะปนกับกลิ่นธูปอ่อนจาง เสียงแผ่วของบทสวดภาวนาดังก้องอย่างสม่ำเสมอ สอดประสานกับเสียงลมหายใจหอบเบา ๆ ของเด็กน้อยบนเตียงที่ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย



จี เทียนเต้าเปิดประตูไม้บานนั้นด้วยมืออันสั่นระริก ไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เพราะ สิ่งที่เขากำลังจะเห็นอาจแตกต่างจากภาพที่เขาเก็บไว้ในหัวใจ


แสงแดดเช้าสาดผ่านหน้าต่างไม้สี่เหลี่ยม เรียงตัวเป็นเส้นสีทองบนพื้นห้อง เส้นแสงนั้นทอดพาดผ่านจีวรสีหม่นของหลวงจีนจื่อหลิง ซึ่งนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียง ใบหน้าเรียบสงบอย่างหาได้ยาก หากแต่ในดวงตา กลับเต็มไปด้วยเงาเคร่งเครียด


จี เทียนเต้ามองไปยังใบหน้าซีดเซียวของเด็กน้อย ผู้มีรอยช้ำใต้ตา และริมฝีปากที่สั่นไหวแม้ในยามหลับ ดวงตาปิดสนิทแต่ไม่สงบ เส้นเลือดฝอยตามขมับปูดพองเป็นบางจุด แสดงถึงความทรมานจากภายใน


“เด็กน้อยผู้นี้” ซูเหยาพูด ป่วยด้วยโรคที่ตำราโบราณเรียกว่า “ทุรทรรศนิมิต มันไม่ใช่โรคของร่างกาย แต่เป็นคำสาปของใจ”



จี เทียนเต้าหลุบตามองไปที่เด็กน้อยอีกครั้ง จื่อหลิงนั่งนิ่ง สวดภาวนาเป็นท่วงทำนองแผ่วเบา แต่แม้จี เทียนเต้าจะไร้ปราณ ร่างกายอ่อนแอ ประสบการณ์ในชีวิตที่แสนโสมมของเขากลับทำให้เขารู้ เสียงนั้น ไม่มีพลังเลย


“มนต์ของเจ้าฟังดูราวกับเสียงลมบนหลังคาไม้เก่า” จี เทียนเต้าเอ่ยเบา ๆ พร้อมนั่งลงด้านหลังภิกษุหนุ่ม



จื่อหลิงไม่ได้หันกลับมา ไม่ตอบ ไม่สบถ เขาเพียงแค่พูดว่า “เจ้ามาแล้วหรือ”



เป็นเพียงคำพูดสามพยางค์ แต่ทำให้หัวใจของจี เทียนเต้าเหมือนถูกกระชากกลับเข้าร่าง บางที เขาเองก็ไม่รู้ว่ากำลังรอคำนี้อยู่


“เจ้าตั้งใจจะสวดจนกว่ามันจะจากไป” เทียนเต้าถาม


จื่อหลิงตอบ “ใช่”


“แล้วถ้ามันไม่หายเล่า”


“ข้าจะสวดจนตัวข้าหายไปแทน” คำตอบเรียบง่ายแต่เด็ดเดี่ยวของจื่อหลิง ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบลงชั่วขณะ



จี เทียนเต้าขมวดคิ้ว ถอนหายใจลึก เขาไม่ใช่คนดี แต่เขารู้ว่า คนตรงหน้ากำลังสิ้นเปลืองความดีของตนโดยไร้ผล


“ข้าเคยเดินผ่านตรอกทิศใต้นั่น” เทียนเต้าเอ่ยขึ้นราวพูดเปล่า “ที่นั่นมีศาลเจ้าหลังเล็ก ๆ ที่ใครก็ลืม แต่อยู่มาหลายร้อยปี ศาลของเทพีองค์หนึ่ง ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘สัจเทพอี๋เหอ’” เขาเบือนหน้ามาสบตากับจื่อหลิง


“เคยมีคนว่า แสงจากศาลเจ้านั้น ขับไล่เงามืดได้”


“วิธีที่เจ้าทำอยู่อาจใช้ไม่ได้กับปีศาจเช่นนี้ก็ได้หลวงจีน”



จี เทียนเต้ายิ้มเจื่อน “แต่บางที หากเจ้ามีแสงที่จริงแท้สักหน่อย มนต์ของเจ้าจะไม่เหมือนลมพัดไม้ผุอีกต่อไป”



จื่อหลิงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนปรากฏเงาสะท้อนของบางสิ่งที่คล้าย ความลังเล


“ศาลเจ้าที่เจ้าว่ามา” จื่อหลิงถามเบา ๆ “อยู่ไกลแค่ไหน”



จี เทียนเต้าหัวเราะเบา ๆ ขณะลุกขึ้นเต็มความสูง “เดินครึ่งชั่วยามก็ถึง ถ้าเจ้าไม่มัวแต่เทศน์กับต้นไม้ข้างทางนะ”



เขายื่นมือออกไป ไม่ได้ยิ้มกว้าง ไม่ได้บังคับ เพียงยื่นอย่างเงียบ ๆ เหมือนจะพูดว่า  ไปกับข้าเถิด


หลวงจีนหนุ่มมองมือนั้นอยู่นาน ก่อนจะเอื้อมมือขึ้น และจับไว้แน่น เบื้องหลัง พัดลมโบราณหมุนเอื่อย เสียงกระดิ่งกระทบกันเบา ๆ ขณะที่สองเงาร่างหนึ่งผู้อ่อนแอและเต็มไปด้วยปม และหนึ่งผู้มั่นคงแต่เริ่มสั่นไหว ออกเดินทางเพื่อขอพรจากแสงที่เขาไม่รู้ว่า เป็นของจริงหรือเพียงตำนาน แต่ในขณะนี้ ความหวังเพียงนิดเดียวก็ยังดีกว่าไม่มีเลย


แสงอ่อนนวลของดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าผ่านโค้งไม้ใหญ่ที่โอบล้อมศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอ ผืนฟ้ากลายเป็นม่วงคราม ประกอบกับแสงทองจากโคมไฟแขวนประดับตามเสาไม้แกะสลักอย่างประณีต ลมเย็นพัดเบา ๆ พัดปลิวใบไม้และกลิ่นธูปอบอวลในอากาศ


จี เทียนเต้าและจื่อหลิงก้าวขึ้นบันไดหินเก่าแก่สู่ศาลเจ้าด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวัง มือของจี เทียนเต้าถือแนบยันต์คุ้มภัยจากศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอไว้แน่น สัญลักษณ์อักขระสีทองแดงบนยันต์ส่องแสงวูบไหวอย่างมีชีวิตราวกับกำลังตอบสนองต่อพลังแห่งความศรัทธา


ด้านในศาลเจ้า หัวใจของทั้งสองสั่นไหวกับความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบาย เมื่อพวกเขายกมือขึ้นไหว้ศาลเจ้าอย่างเคารพ พร้อมกับจื่อหลิงนำบทสวดมนต์นุ่มนวลและเคร่งขรึมซึ่งเต็มไปด้วยพลังแห่งแสงสว่างและเมตตา

"ข้าขอพรแด่สัจเทพผู้ทรงแสงสว่าง" จื่อหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก "โปรดสถิตในยันต์คุ้มภัยนี้ จงปกป้องเด็กน้อยผู้ถูกพลังมืดครอบงำ ให้แสงสว่างแห่งความรักและความเมตตาเติมเต็มจิตใจเขาอีกครั้ง"



จี เทียนเต้าเอ่ยต่ออย่างมั่นใจ “ข้าขอให้พลังของยันต์นี้ช่วยเยียวยา และคืนชีวิตใหม่แก่เด็กน้อยผู้ไม่สมควรต้องทนทุกข์ทรมาน”



เมื่อสวดมนต์จบลง ทั้งสองกลับไปยังโรงหมอเจิ้งเทียน นำยันต์คุ้มภัยจากศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอให้หมอซูเหยา  เพื่อให้เธอได้นำไปวางไว้ใกล้กับเด็กน้อย ภายในห้องเงียบสงบ กลิ่นธูปยังคงลอยอบอวล และแสงสว่างจากยันต์ที่ถูกวางไว้เริ่มแผ่กระจายความอบอุ่นอย่างช้า ๆ

_____________________________________________________________________________________________________________________

เควสปลดหัวใจ: สายสัมพันธ์แห่งอรุณรุ่ง (2)
เป้าหมาย : ชักชวนจื่อหลิงไปยังศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอ และทำการขอพรให้เด็กน้อยหายจากอาการป่วย

รางวัล :  (ไอเท็มประกอบฉาก) ยันต์คุ้มภัยจากศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15725 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-9-28 05:54
โพสต์ 15,725 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-9-28 05:54
โพสต์ 15,725 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 ความชั่ว +6 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ  โพสต์ 2025-9-28 05:54
โพสต์ 15,725 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +5 ความโหด จาก เอ้อหู  โพสต์ 2025-9-28 05:54
โพสต์ 15,725 ไบต์และได้รับ +3 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +6 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2025-9-28 05:54
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-10-3 11:21:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 1 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอิ๋น เวลา 04.00 - 05.00 น.

╰┈➤ พบเจอจางเชียน


ยามราตรีในนครฉางอันเงียบสงัดกว่าทุกคืนที่ผ่านมา แสงจันทร์ลอยเด่นกลางนภา ทอดเงาอาคารและต้นไม้เป็นเส้นสายพร่าเลือนคล้ายภาพฝัน สายลมเย็นพลิ้วพัดกลิ่นธูปที่ยังหลงเหลือมาจากศาลเจ้า สัจเทพอี๋เหอ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศใต้ของเมือง 


ศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าขลังนัก ผู้คนมากราบไหว้ขอพรเรื่องสัตย์สาบานและความจริงใจ แต่ในยามดึกสงัดกลับมีเพียงแสงโคมที่ริบหรี่และเสียงหรีดหริ่งเรไรเป็นเพื่อน


เสวี่ยซีกับเหลียนเจี้ยเดินเคียงกันเข้ามา ร่างของทั้งสองสะท้อนใต้เงาจันทร์ เสวี่ยซีในชุดเรียบง่ายแม้ไร้เครื่องประดับหรูหรา แต่ด้วยผิวขาวดุจหยกและดวงตาสีอำพันก็ทำให้เขาดูโดดเด่นอย่างยิ่ง เหลียนเจี้ยก้าวมั่นคง สายตาคมดั่งเหยี่ยวสอดส่ายไปทั่วด้วยความระแวดระวัง


“ที่นี่เองหรือ ศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอ” เสวี่ยซีเอ่ยเสียงแผ่ว พลางมองประตูไม้แกะสลักที่สูงใหญ่ ซึ่งมีลวดลายอักษรโบราณที่แทบเลือนหาย “ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนร่ำลือว่าขลังนัก ข้าเพียงยืนตรงนี้ยังรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง”


เหลียนเจี้ยยกคิ้วเล็กน้อย “จับตามอง” เขาก้าวเข้าหาศาล พร้อมเอื้อมมือแตะผิวไม้เย็นเฉียบ “เรามาที่นี่เพราะข้อมูลจากหอจิวหลิ่งอิน และผ้าไหมลายดอกโบตั๋นก็ชี้ตรงมาเช่นกัน สมบัติหรือปริศนาใด ๆ ก็คงเกี่ยวพันกับสถานที่นี้”


ทั้งสองเดินลึกเข้าไปในลานศาลเจ้า ด้านในมีแท่นหินวางเครื่องบูชาเก่าแก่ กรอบรูปเทพอี๋เหอตั้งตระหง่านเหนือแท่นบูชา รอบข้างประดับด้วยบทสวดโบราณที่จารึกไว้บนแผ่นไม้ บางส่วนเลือนหายด้วยกาลเวลา บางส่วนยังอ่านได้ชัดเจน


เสวี่ยซีชะงัก หันไปชี้ข้อความที่แกะบนเสา “เหลียนเจี้ย ดูนี่สิ…บทสวดนี้มิใช่คำสวดธรรมดา ข้าว่ามันเหมือนจะมีความหมายซ่อนเร้น”


เหลียนเจี้ยก้าวเข้ามาใกล้ อ่านช้า ๆ “ผู้สัตย์ซื่อจักเห็นทาง ผู้ทรยศจักพบเงามืด ในความมืดนั้นสมบัติยังคงสถิต…” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ถ้อยคำเหล่านี้ออกจะคลุมเครือ แต่ดูเหมือนเป็นรหัสมากกว่าคำอธิษฐาน”


เสวี่ยซีพยักหน้าเบา ๆ แววตาเปล่งประกาย “ถูกแล้ว เราต้องตีความให้ถูกต้อง ลองคิดสิว่าคำว่า ‘ผู้สัตย์ซื่อ’ อาจสื่อถึงผู้ใด…เทพอี๋เหอคือเทพแห่งคำสัตย์สาบาน ถ้าเช่นนั้น ‘ผู้สัตย์ซื่อ’ ก็คือผู้ที่ยึดมั่นในสัจจะ”


เหลียนเจี้ยยกมุมปากยิ้มจาง ๆ “เจ้าช่างคิดละเอียดนัก หากข้าอยู่คนเดียว คงไม่ทันสังเกตข้อนี้”


“หึ อย่าชมข้าเกินไปนักเลย” เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ แต่สองแก้มกลับแดงเรื่อ


ทั้งสองเริ่มต้นวิเคราะห์ทีละบรรทัดของบทสวด บางประโยคกล่าวถึง “เงามืด” บางประโยคกล่าวถึง “ดอกไม้ที่มิร่วงโรย” ทั้งหมดเชื่อมโยงเข้าหากันอย่างลึกลับ เสวี่ยซีใช้ความรู้จากการเคยอ่านตำราโบราณในหอว่านหงเหริน ส่วนเหลียนเจี้ยใช้เหตุผลเฉียบคมและประสบการณ์ในยุทธจักร ทั้งคู่ถกเถียงและหยอกล้อเป็นระยะ ๆ


“ถ้าตีความว่าดอกไม้คือโบตั๋น ก็คือสัญลักษณ์เดียวกับบนผ้าไหม” เสวี่ยซีเอ่ยตาเป็นประกาย


เหลียนเจี้ยพยักหน้าช้า ๆ “แล้วคำว่า ‘มิร่วงโรย’ ก็คือสิ่งที่ยังคงอยู่ตลอดกาล…บางทีอาจจะเป็นกล่องไม้หรือสิ่งของที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี”


หลังตีความจนได้เบาะแส ทั้งสองจึงเดินไปยังแท่นบูชา เสวี่ยซีลองกดแผ่นหินที่มีรอยสลักรูปดอกโบตั๋น พื้นหินกลับเลื่อนเผยช่องลับเล็ก ๆ ข้างในปรากฏ กล่องไม้สลักลาย งดงาม บนฝากล่องมีลายโบตั๋นประดับด้วยอักษรโบราณ


เสวี่ยซีตาโตขึ้น “จริงด้วย…นี่ต้องเป็นสิ่งที่บทสวดชี้ทางมาแน่!”


เหลียนเจี้ยยื่นมือหยิบกล่องออกมา น้ำหนักไม่มากนัก แต่แน่นหนาและดูเก่าแก่ เขากวาดตามองรอบ ๆ เพื่อแน่ใจว่าไม่มีอันตราย ก่อนเก็บกล่องไว้ในอกเสื้อ “กล่องนี้คงต้องนำไปวิเคราะห์ต่อที่จวน ข้าไม่อยากเปิดที่นี่ เดี๋ยวจะเผลอทำลายร่องรอยสำคัญ”


เสวี่ยซีพยักหน้าช้า ๆ “ถูกแล้ว ศาลเจ้าแห่งนี้ให้ความรู้สึก ไม่ควรลบหลู่”


ทั้งสองเดินออกจากศาลเจ้า แสงจันทร์ยังทอดเงายาว เสียงก้าวเท้าก้องสะท้อนในยามเงียบงัน เสวี่ยซีเหลือบตามองเหลียนเจี้ยยิ้มบาง “คราวนี้เจ้าได้สิ่งที่ตามหาแล้ว อย่าลืมว่าข้าก็มีส่วนช่วยไม่น้อยนะ”


เหลียนเจี้ยหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน ข้าจะไม่กล้าลืมเลย ไม่อย่างนั้นเจ้าคงตามมาทวงบุญคุณทุกคืน”


“เจ้านี่!” เสวี่ยซีทำท่าโกรธ 


เมื่อถึงทางแยกเหลียนเจี้ยบอกว่าจะนำกล่องกลับไปที่จวนเพื่อวิเคราะห์ต่อ ส่วนเสวี่ยซีเองก็ขอแยกตัวกลับ


ไอเทมเควสปลดหัวใจ จางเชียน

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 21856 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-3 11:21
โพสต์ 21,856 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-3 11:21
โพสต์ 21,856 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-3 11:21
โพสต์ 21,856 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก พู่กันดาราศาสตร์  โพสต์ 2025-10-3 11:21
โพสต์ 21,856 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-10-3 11:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-7 20:55:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 4 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น.

╰┈➤ พบเจอเซียวจื่อไท่โฮ่ว


สายลมพัดกลีบดอกเหมยร่วงโรยตามทางศิลาแกร่งแห่งศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอ กลิ่นธูปหอมคละคลุ้งลอยอบอวลอยู่ในอากาศเย็นสดชื่น 


ภายในลานศาลเจ้ากว้างใหญ่ ปกคลุมด้วยหมอกบางจาง เห็นเพียงเงาของขบวนราชยานสีครามเล็ก ๆ ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาอย่างสงบ เสียงกลองศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นหนึ่งคราเพื่อประกาศการเสด็จมาของผู้สูงศักดิ์


ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพ “ถวายบังคมหวงไท่โฮ่วเสด็จ” เสียงประกาศของขันทีดังขึ้นก้อง ทว่าไม่ก้องดุดัน หากแต่แฝงไว้ด้วยความขรึมสง่า


เสด็จขบวนครั้งนี้มิได้ใหญ่โตเช่นราชพิธี ทรงมีเพียงขันทีผู้ติดตามไม่กี่นาย กับนางกำนัลสองสามคน ท่ามกลางความเงียบสงัดของป่าศาลเจ้าที่มีเพียงเสียงนกและสายลมพัดเอื่อย พระองค์เสด็จลงจากราชยานอย่างอ่อนช้อย งามสง่าดุจดวงจันทราเหนือม่านหมอก


เซียวจื่อไท่โฮ่ว หรือที่เหล่าขุนนางทั้งแผ่นดินเรียกขานว่า หวงไท่โฮ่ว ทรงไว้ซึ่งสง่าราศีแห่งมารดาแผ่นดิน แม้พระชนม์ย่างเข้ากลางวัย แต่ดวงเนตรยังคงลึกล้ำดังทะเลสาบฤดูหนาว ดุจแฝงไว้ทั้งพระเมตตาและอำนาจอันเยียบเย็น ผู้ใดได้สบตา ยากจะลืมเลือน


พระองค์เสด็จมาที่นี่ เพื่อถวายเครื่องสักการะต่อสัจจเทพ ขอพรให้สัจธรรมคุ้มครองต้าฮั่นให้ร่มเย็น และให้รัชทายาทอยู่เย็นเป็นสุข ทรงมิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดนอกจากองครักษ์ใกล้ชิด เพราะประสงค์จะเสด็จอย่างเงียบงาม ไม่รบกวนผู้คน


และในยามที่พระองค์ประทับยืนอยู่เบื้องหน้าวิหารสัจธรรม กลับมีเสียงแผ่วเบาจากเสวี่ยซีผู้ “ท่าน ระวังทางลาดชันข้างหน้าเถิดขอรับ”


เสียงนั้นนุ่มละมุน ยามดังท่ามกลางความเงียบคล้ายเสียงสายลมแผ่วบนผิวน้ำ สตรีผู้สูงศักดิ์หันพระพักตร์ไปตามเสียง เห็นบุรุษร่างบอบบางในชุดเรียบง่ายยืนอยู่ใต้ต้นเหมย มือหนึ่งถือกล่องไม้เล็ก ๆ อีกมือหนึ่งประคองถาดขนมไว้แนบอก ใบหน้าขาวผ่องราวหิมะฤดูหนาว ดวงตาสีอำพันทอประกายอบอุ่นดั่งแสงเทียนในคืนหนาว


“ท่านเป็นใคร” เสียงของไท่โฮ่วสงบเยือกเย็น หากแฝงแววเมตตา “เหตุใดจึงอยู่ในเขตศาลเจ้าซึ่งห้ามผู้คนพลการเข้า”


เสวี่ยซีค้อมศีรษะลงต่ำ “กระหม่อมเพียงมาน้อมถวายขนมแด่สัจจเทพเจ้าขอรับ มิได้ล่วงเกิน”


พระองค์ทอดพระเนตรเขาครู่หนึ่ง แววพระเนตรนิ่งราวพิจารณาความสัตย์ในวาจา “ท่านมาขอพรสิ่งใด”


“กระหม่อม…” เขาเว้นเสียงชั่วครู่ ดวงตาอำพันทอดมองเปลวธูปที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า “เพียงปรารถนาให้ผู้คนที่รักได้พ้นทุกข์ ได้อยู่เย็นเป็นสุข แม้ตัวกระหม่อมจะเป็นเพียงคนต่ำต้อย หากสัจเทพทรงเมตตา ก็ยินดีถวายแรงกายถวายใจแทนคำภาวนา”


คำตอบนั้นเรียบง่าย ทว่าแฝงความจริงใจจนพระองค์เผลอระบายรอยยิ้มบาง ๆ พระพักตร์ “เจ้ามีใจงามนัก”


เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่งดงามราวแสงจันทร์ของสตรีเบื้องหน้า เขาไม่รู้ฐานันดรของนาง แต่รู้เพียงว่า บุคคลผู้นี้สูงส่งเกินเอื้อม และน่าจะเป็นผู้มีบุญญาบารมี


เมื่อเสด็จประกอบพิธีถวายเครื่องสักการะแล้ว พระองค์หันพระพักตร์กลับมาอีกครั้ง “เจ้ามิได้ทำสิ่งใดผิด” พระสุรเสียงแผ่วเบา “สัจเทพคงเห็นในความบริสุทธิ์ใจของเจ้า”


เสวี่ยซีค้อมตัวลงอีกครั้ง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นขอรับ”


สายลมเย็นพัดผ่าน กลีบดอกเหมยร่วงตกบนไหล่ของเขา พระองค์ทอดพระเนตรเห็น เขายกมือขึ้นรับอย่างทะนุถนอม คล้ายกลัวมันจะช้ำ แล้วเผลอยิ้มบางอีกครั้ง พระองค์ตรัสเรียบ ๆ ว่า “เจ้ามีใจอ่อนโยน”


ตอบกลับอย่างประหม่า “ไม่หรอกขอรับ…”เสวี่ยซีไม่รู้จะตอบเช่นไร ได้แต่ยิ้มละไม หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจตนเองนัก เขาก้มลงหยิบกล่องไม้เล็กที่ถือไว้ยื่นขึ้นสองมือ “กระหม่อมได้ทำขนมบัวหิมะถวายแด่สัจจเทพ แต่วันนี้หากฝ่าบาท เอ่อ...หากท่านไม่รังเกียจ ขอรับไว้ชิมสักชิ้นเถิดขอรับ เป็นเพียงของทำมือจากสามัญชน”


นางกำนัลข้างพระองค์อ้าปากจะห้าม แต่หวงไท่โฮ่วทรงยกพระหัตถ์ขึ้นเบา ๆ เป็นสัญญาณให้หยุด พระองค์ทอดพระเนตรขนมเล็ก ๆ สีขาวนวลในกล่องไม้อย่างพินิจ “งามดุจกลีบเหมยขาว...เจ้าทำเองหรือ”


“ขอรับ”


“เช่นนั้น ข้าจะรับไว้”


พระองค์รับกล่องนั้นด้วยพระหัตถ์อ่อนช้อย แววพระเนตรอบอุ่นจนเสวี่ยซีต้องก้มหน้าแทบพื้น เขารู้สึกเหมือนเสียงหัวใจตนเองดังไปถึงสรวงฟ้า


“ขอบน้ำใจเจ้านัก” พระสุรเสียงนุ่มดังสายลมอ่อน “บางที ความศรัทธาที่บริสุทธิ์เช่นนี้ อาจเป็นพรอันแท้จริงยิ่งกว่าคำภาวนาของผู้สูงศักดิ์เสียอีก”


แล้วพระองค์เสด็จกลับขึ้นราชยาน เสียงระฆังดังขึ้นอีกครา ขบวนเคลื่อนจากไปช้า ๆ เหลือไว้เพียงกลิ่นธูปและละอองหิมะขาวที่ลอยวนกลางอากาศ


เสวี่ยซียืนอยู่ลำพัง มองตามขบวนจนลับสายตา ใต้ต้นเหมยที่ร่วงโรย เขาเผลอยกมือแตะอกตนเองอย่างไม่รู้ตัว หัวใจอบอุ่นประหลาด แม้ไม่รู้ว่าสตรีผู้นั้นคือใคร แต่เพียงการได้สบตา ก็เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน


กล่องไม้ในมือของพระนางอาจเล็กน้อยนักสำหรับราชสำนักใหญ่หลวง ทว่าภายในนั้นคือความจริงใจจากชายสามัญผู้หนึ่ง และในยามที่ขบวนหวงไท่โฮ่วลับไปสุดทาง



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมบัวหิมะ)

✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม


✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์

มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 28557 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-7 20:55
โพสต์ 28,557 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-7 20:55
โพสต์ 28,557 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดวสันต์ลีลา  โพสต์ 2025-10-7 20:55
โพสต์ 28,557 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-7 20:55
โพสต์ 28,557 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-7 20:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-8 03:00:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 5 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น.

╰┈➤ พบเจอเซียวจื่อไท่โฮ่ว


รุ่งอรุณของวันใหม่แต่งแต้มขอบฟ้าด้วยสีทองนวล ภายในเขตศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอ เงียบสงบยิ่งนัก มีเพียงเสียงนกร้องประสานสายลม เสวี่ยซีเดินตามทางหินสีเทาที่ทอดเข้าสู่วิหารใหญ่ด้วยกิริยาอ่อนโยน มือหนึ่งประคองถาดไม้ อีกมือถือกล่องไม้กลมที่มีกลิ่นหอมละมุนของบัวหิมะ


ขนมในวันนี้เขาเพิ่งทำเมื่อยามรุ่ง เป็นขนมสดใหม่ เนื้อบัวขาวนวลกลิ่นหอมละไม ผิวบางจนแทบมองเห็นไส้ถั่วหอมข้างใน ขนมชนิดเดียวกับที่มอบแด่สตรีผู้สูงศักดิ์เมื่อวาน เพียงแต่ครั้งนี้เขาทำด้วยใจสงบ มิได้หวังสิ่งใดนอกจากภาวนาให้ผู้ที่เคยรับขนมไปนั้น ได้รับพรแห่งสัจธรรมด้วยเช่นกัน


ศาลเจ้าวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานแสงแดดอบอุ่นสาดเข้าทางประตูบานใหญ่ ส่องให้ฝุ่นละอองกลางอากาศดูราวเกล็ดทอง เสียงระฆังที่แขวนอยู่เหนือชายคาแว่วเบา ๆ ตามจังหวะลม พาให้บรรยากาศดูชวนให้สงบใจ


เสวี่ยซีค่อย ๆ วางถาดไม้ไว้เบื้องหน้าบันไดศาลเจ้า ก่อนจะจุดธูปสามดอก คุกเข่าลงในท่ากราบอย่างอ่อนน้อม “ขอสัจจเทพโปรดประทานพรแก่ผู้สูงศักดิ์ที่กระหม่อมมีวาสนาได้พานพบเมื่อวาน ขอให้พระองค์ทรงสุขสวัสดิ์ ปราศจากโรคาพยาธิ์ และให้บ้านเมืองร่มเย็น”


เสียงของเขาเบาและราบเรียบ แต่เปี่ยมด้วยศรัทธา

ในแสงแดดที่สาดกระทบหลังคาวิหาร เส้นผมดำยาวของเขาเปล่งประกายบางเบาราวแพรไหมที่สะท้อนแสง


เบื้องหลังเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านนอกวิหาร ขบวนเล็ก ๆ ของราชยานสีครามเคลื่อนเข้ามาอีกคราโดยไร้เสียงกลองประกาศ


เพราะในวันนี้หวงไท่โฮ่วทรงตั้งพระทัยจะเสด็จโดยไม่ให้ผู้ใดรู้ ยามสายของวันนี้ พระองค์ทรงปรารถนาจะกลับมาสวดภาวนาอีกครั้ง เพื่อถวายคำอธิษฐานต่อสัจเทพเช่นกัน


เมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาในลานศาลเจ้า พระเนตรทอดลงเห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าถวายธูป เส้นผมสลวยยาวคลอเคลียหลัง เสื้อผ้าเรียบง่ายแต่สะอาดตา ความสำรวมในอิริยาบถนั้นงดงามราวภาพวาดโบราณ


“ผู้นี้...อีกแล้วหรือ” พระสุรเสียงแผ่วเบาเจือความประหลาดใจ


นางกำนัลที่ตามเสด็จพึมพำ “เพคะ ฝ่าพระบาท ผู้นั้นเห็นจะเป็นบุรุษเดียวกับเมื่อวาน...”


เสวี่ยซีรู้สึกได้ถึงเงาเคลื่อนไหวด้านหลัง จึงหันกลับมาช้า ๆ และเมื่อสบพระพักตร์นั้นอีกครั้ง หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรงโดยไม่รู้สาเหตุ พระองค์ยังคงงามสง่าดังเดิม เพียงแต่ในแสงแดดยามสาย พระฉวีสว่างละมุน ดวงเนตรเปล่งประกายอบอุ่นกว่าเมื่อวาน ราวกับแสงแห่งเมตตาที่ประทับอยู่ในดวงพระทัย


เขารีบหมอบคำนับทันที “ท่านผู้สูงศักดิ์ มิทราบว่าทรงเสด็จมา กระหม่อมมิได้ตั้งใจจะล่วงเกิน”


หวงไท่โฮ่วโบกพระหัตถ์เบา ๆ “ลุกขึ้นเถิด มิได้ล่วงเกินอันใด”


สุรเสียงนั้นอ่อนโยนยิ่งกว่าคำว่าสงสาร


เสวี่ยซีจึงค่อย ๆ เงยหน้า ใบหน้าขาวของเขาแฝงความประหม่า “กระหม่อมเพียงมาถวายขนมแด่สัจเทพอีกครา มิได้รู้เลยว่าท่านจะเสด็จในวันเดียวกัน”


หวงไท่โฮ่วทอดพระเนตรถาดไม้บนแท่นบูชา ขนมบัวหิมะสีขาวงามเหมือนเมื่อวาน หากแต่วันนี้มีกลีบดอกเหมยแห้งประดับด้านบน ราวกับรอยยิ้มจากธรรมชาติ พระองค์ทรงพินิจครู่หนึ่ง ก่อนตรัสขึ้นว่า

“เจ้ายังทำขนมนี้อีก ดูแล้วยิ่งงามกว่าเมื่อวานเสียอีก”


เสวี่ยซีประสานมือ “กระหม่อมคิดเพียงว่า เมื่อวานถวายแด่สัจเทพหนึ่งชุด วันนี้จักถวายอีก เพื่อให้พรต่อเนื่องมิกล้าคาดหมายสิ่งใด”


เซียวจื่อไท่โฮ่วแย้มพระโอษฐ์น้อย ๆ “เจ้าเคร่งครัดกว่าผู้ถือพรตบางคนเสียอีก”


เขายิ้มละไมอย่างเขินอาย ดวงตาอำพันทอประกายอ่อนโยน “มิใช่เคร่งขอรับ เพียงอยากรักษาสัจจะในใจ”


คำพูดนั้นทำให้พระองค์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทอดพระเนตรออกไปยังต้นเหมยที่กำลังเริ่มผลิบาน

“สัจจะในใจ คำนี้งามนัก” พระสุรเสียงราวสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดศาลเจ้าแห่งนี้จึงถวายแก่สัจจเทพ”


เสวี่ยซีส่ายหน้าเบา ๆ “กระหม่อมไม่รู้ขอรับ”


“เพราะเทพองค์นี้มิประทานพรแก่ผู้พูดเพียงด้วยวาจา แต่ประทานแก่ผู้ที่ ‘ทำตามใจตนโดยไม่ลวงตนเอง’ ...นั่นคือสัจจะแท้”


เสวี่ยซีเงียบไปครู่ ดวงตาฉายประกายซาบซึ้ง “เช่นนั้นกระหม่อมอาจเข้าใจแล้วขอรับ เหตุใดเมื่อวานจึงรู้สึกว่าศาลเจ้านี้สงบเหลือเกิน”


“บางที” พระองค์ตรัสเบา “เพราะเจ้ามีใจซื่อตรง จึงสัมผัสได้”


สายลมอ่อนพัดผ่านอีกครา กลีบดอกเหมยปลิวลงมาระหว่างทั้งสอง ทอประกายขาวใต้แสงแดดอุ่น พระองค์ทอดพระเนตรกลีบนั้นติดปลายผมของชายหนุ่ม แล้วทรงยกพระหัตถ์แตะเบา ๆ เอาออกให้ เสวี่ยซีชะงัก ดวงตากว้างขึ้น แต่ไม่กล้าเอ่ยคำใด


สัมผัสนั้นเบาดุจปุยนุ่น ทว่าอบอุ่นจนทั่วร่างสั่นไหว เขารีบก้มศีรษะ “ขะ...ขอบพระทัยขอรับ”


หวงไท่โฮ่วทรงรับธูปจากขันที แล้วก้าวเข้ามาใกล้แท่นบูชา เสวี่ยซีถอยไปเล็กน้อยเพื่อให้ที่ จุดธูปและหลับพระเนตรภาวนา เสียงสวดมนต์แผ่วเบาออกจากริมพระโอษฐ์ เหมือนสายลมพัดผ่านกังหันใบไม้


เขาไม่กล้าสบตา แต่แอบมองอยู่ห่าง ๆ ภาพนั้นสง่างามยิ่งกว่าภาพใดที่เขาเคยเห็นในชีวิต สตรีสูงศักดิ์ยืนใต้แสงแดด ถือธูปที่ควันลอยขึ้นราวม่านหมอกแห่งสวรรค์ พระพักตร์สงบและเปล่งประกายศรัทธาแท้


เมื่อพิธีเสร็จสิ้น พระองค์หันพระพักตร์กลับมาอีกครั้ง

“เจ้าชื่อเสวี่ยซี...ใช่หรือไม่”


“ขะ...ขอรับ”


จากนั้นพระองค์ทรงรับถาดขนมบัวหิมะหนึ่งกล่องกลับไปพร้อมขบวน เสียงระฆังศาลเจ้าดังขึ้นอีกครั้ง กลิ่นธูปลอยฟุ้งทั่วลาน



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมบัวหิมะ)

✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม


✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์

มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน


มีโรลเพลย์ข้างบนด้วยครับที่ยังไม่ได้ตรวจ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 33932 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดวสันต์ลีลา  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-8 03:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-8 03:00:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XueXi เมื่อ 2025-10-8 03:01

ฝากลบโพสต์นี้หน่อยครับ โพสต์บัคเด้งสองอันทีเดียว

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 33932 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดวสันต์ลีลา  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-8 03:00
โพสต์ 33,932 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-8 03:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3

2

กระทู้

41

ตอบกลับ

409

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
150
ตำลึงทอง
115
ตำลึงเงิน
126
เหรียญอู่จู
12866
STR
5+6
INT
6+0
LUK
6+2
POW
6+0
CHA
5+5
VIT
5+7
คุณธรรม
348
ความชั่ว
5
ความโหด
206
โพสต์ 2025-10-17 22:52:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ประวัติตัวละคร

 วันที่ 17 เดือนจิ่วเยว่ (ตุลาคม) สารทปลายฤดู รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอ

แสงตะวันอ่อนโยนยามสายรินไล้ผ่านม่านไผ่ที่ลู่ลม เสียงจั๊กจั่นท้ายฤดูร้องประสานกับเสียงสายลมเสียดใบ แผ่วเบาดั่งเสียงกระซิบจากฟากฟ้า ศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเนินห้อมล้อมด้วยแมกไม้ และสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาดทอดเงาเงียบสงบ จึงเป็นดั่งดินแดนอันแยกขาดจากความเร่งรีบของด้านนอก

ด้านหน้าศาลเจ้ามีบันไดหินหยกขาวทอดยาวขึ้นไปยังลานศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปูด้วยหินเรียบและมีแท่นบูชาทรงแปดเหลี่ยมตั้งอยู่กลางศาลา ในวันนี้…หญิงสาวในอาภรณ์บางเบาสีชมพูอ่อน แซมลวดลายดอกท้อหล่นติดชายแขนเสื้อจากการเดินผ่านสวนมาด้วยใจรื่นรมย์

เบื้องหน้าศาลเจ้า องค์หญิงหยุดยืนแนบมือข้างลำตัว ค้อมศีรษะคารวะ แล้วคุกเข่าลงเบื้องหน้าแท่นบูชา กล่องไม้หอมในมือเล็กถูกเปิดออก เผยให้เห็นเครื่องสักการะที่เตรียมมา เธอประนมมือแนบอก ดวงตาหลับลงอย่างเงียบงัน เสียงลมพัดเอื่อยพัดกลีบดอกไม้ปลิวไล้ผิวหินอย่างแผ่วเบา

“ขอพระสัจเทพอี๋เหอ… โปรดรับการสักการะจากใจเล็กดวงนี้ของข้าด้วยเถิด…”จากนั้น องค์หญิงยื่นช่อดอกไม้ขึ้นวางลงบนแท่นบูชาอย่างเบามือ 

เมื่อวางดอกไม้ ขนม และหยกสลักลงบนแท่นบูชาแล้ว นางมิได้ลุกขึ้นกลับทันที หากแต่ยังคงคุกเข่าอยู่อย่างสงบ หายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ ก่อนหน้าที่จะมาถึงศาลเจ้านี้ องค์หญิงหรูเหมยพึ่งได้ถูกจางกงกง ขันทีคนสนิทของผู้เป็นบิดา กล่าวถึงเรื่องคู่ครอง

นางเลยมาสงบจิต สงบใจขอพรให้ตนเสียหน่อย เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างราบรื่น

มือประสานไว้แล้วกล่าวก่อนจักลุกขึ้น " พระพุทธองค์ ข้าน้อยหลิวหรูเหมยมีความปรารถนา เพราะชีวิตขอข้าพเจ้านั้นมิอาจมีทางเลือกมากนัก อยากจะขอพระทานพรสักเล็กน้อย "

" หลังข้าน้องกลับไปให้ข้าน้อยเจอคู่ครองดั่งฝัน ชาติตระกูลสมกัน ไม่ต้องเป็นถึงราชวงค์เช่นข้า ข้าน้อยชอบทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ส่วนด้านความสามารถขอให้ฉลาดสักหน่อย รูปร่างหน้าตาต้องหล่อ ถึงจะเหมาะสมคู่ควร และเเน่นอนว่าต้องมีทรัพย์สินที่มาหน่อย เช่นนี้หากข้าแต่งออกเรือนไปใช้ชีวิตคู่อย่างผ่อนคลายบ้าง ไม่ต้องมีกิจการใดๆ ขอแค่ให้ข้าน้องจะได้กินอาหารอร่อยทุกวัน ในทุกฤดูกาลสามารถเรียกช่างมาตัดเย็บอาภรณ์ได้สักหลาบหีบ หากมีเครื่องประดับก็ขอให้ได้ครอบครอง "

นางหยุดวรรคเล็กน้อย

" ส่วนด้านแม่สามี ต้องเป็นคนดีเข้าหาง่ายมีคุณธรรม ไม่สร้างกฎรายวันให้ปวดหัวมาเเกล้งสะใภ้ ญาติมิตรในบ้านของให้มอยู่อย่างสงบ เรียบง่าย ขอให้ผู้นั้นไม่มีคนรักในวัยเด็ก หรือญาติพี่น้องสตรีที่รักกัน ส่วนสูงขอไม่มาก ขอสูงเกิน 7 ฉื่อ รูปร่างแข็งแรง สง่างาม หาฝึกยุทธขอเป็นกระบี่ มีทวงท่าสง่างาม อืมม.... ก็น่าจะมีประมาณนี้หละเจ้าค่ะ ขอพระพุทธองค์ประทานพร " หรูเหมยยกมือกำไว้สักครู่

" ข้าน้องไม่ทราบว่าขอมากไปหรือไม่ หากไม่ทันพรุ่งนี้ข้าน้องจะมาใหม่จักเอาเงื่อนไขคู่ครองของข้าน้อย เขียนลงกระดาษและจะเผาถวายไปให้นะเจ้าคะ หากข้าน้อยได้คู่ครองสมใจ จะพาเขามากราบพระองค์ด้วยตนเอง "

องค์หญิงค่อย ๆ ประคองร่างลุกขึ้นอย่างนุ่มนวล มือปัดชายกระโปรงเบา ๆ นางหันกลับไปมองแท่นบูชาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ค้อมกายคารวะลาทั้งศาลเจ้าและสัจเทพอี๋เหอ

"ข้าน้อยลาล่ะเจ้าค่ะ… "

แต่ก่อนที่ฝ่าเท้าเล็กจะเหยียบลงขั้นสุดท้าย กึก! ร่างของนางชนเข้ากับอกใครบางคน “ …อ๊ะ!

หรูเหมยเงยหน้าขึ้นด้วยอาการตั้งรับเล็กน้อย ดวงตากลมโตสบเข้ากับสายตาเด็ดเดี่ยวคมลึก เส้นผมสีดำขลับถูกรวบตึง เสื้อคลุม

ท่าน… อีกแล้วหรอ ท่านแม่ทัพ… ” น้ำเสียงขององค์หญิงเจือทั้งความประหลาดใจ 

เว่ยชิงก้มศีรษะลงเล็กน้อย เป็นการคารวะอย่างสุภาพตามธรรมเนียม ท่าทางสุภาพเรียบง่าย 

" คาระวะองค์หญิง "

นางเลิกคิ้วมองชายตรงหน้าอย่างจับสังเกต “ ไม่ต้องมากพิธี ท่านมาทำอันใดที่นี่กัน?

“เวลานี้ไม่ใช่ว่าท่านยังอยู่นอกเมืองหรอกหรือ?” นางกะพริบตาช้า ๆ ดวงตากลมโตฉายแววสงสัย

เว่ยชิงรับฟังด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน เขาเงยหน้าขึ้นสบตานางตรง ๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม

" เรื่องนั้นองค์หญิงไม่ต้องเป็นกังวล สำหรับวันนี้ข้าน้อยเพียงแต่มาสักการะสถานแห่งนี้… เช่นเดียวกับองค์หญิง " ถ้อยคำนั้นกล่าวเรียบ ๆ แต่ท่าทีเขาไม่ได้หลบสายตานางเลยแม้แต่น้อย

หรูเหมยยืนนิ่งไปเพียงอึดใจหนึ่ง ก่อนถอนหายใจเบา ๆ 

พูดเช่นนี้ข้าก็จนใจจะซักไซ้… เอาเถอะท่านไปทำธุระของท่านเถอะ ” ว่าพลางนางหันหลังเตรียมจะก้าวจากไป แต่เพียงก้าวแรก ก็นึกบางสิ่งขึ้นได้ นางหยุดเท้า

แล้วควานมือเข้ากระเป๋าแขนเสื้อเล็ก ๆ ด้านใน ดึงห่อผ้าผืนจิ๋วออกมา

ภายในมี ซาลาเปาไส้ถั่วแดงอยู่ “นี่… รับไว้เถิด ข้าไม่อยากเอากลับ” น้ำเสียงคล้ายไม่ใส่ใจ หากแต่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความใส่ใจลึก ๆ ที่ไม่ยอมเอ่ยออกมา “ ท่านอย่าได้เข้าใจเราผิด ที่จริงเราตั้งใจจะกินหลังไหว้เสร็จ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แตะเลย… เห็นท่านดูคล้ายยังไม่ได้กินอะไร เอาไว้รองท้องเสียหน่อย เดี๋ยวจะหน้ามืดล้มกลางศาลเจ้า คงยากจะมีใคร มีแรงจะลากท่านกลับไปหรอกนะ

ปลายประโยคเจือแววหยอกล้อ ดวงหน้ากลมขององค์หญิงมีรอยยิ้มจาง ๆ พาดอยู่ที่มุมปาก ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์น้อย ๆ นางมิได้รอฟังคำกล่าวของอีกฝ่าย “ไว้พบกันใหม่ ท่านแม่ทัพ อย่าลืมกินให้หมดล่ะ… ข้าไม่ชอบให้ของเหลือ

ทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงใสที่ลอยคล้อยไปกับสายลม ขณะที่เว่ยชิงยังคงยืนอยู่นิ่ง ๆ ก่อนจักเดินเข้าไปด้านในศาลเจ้า




+5 ตบะฝึกฝน ทุกครั้งที่นั่งสมาธิและกราบไหว้บูชา
รางวัล: [NPC-10] เว่ย ชิง +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป 
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
มอบ ซาลาเปา 1 ชุดให้ [NPC-10] เว่ย ชิง
.
เทพธิดาดอกท้อ - ระงับโทสะ : ยากจะทำให้ผู้คนโกรธ ด้วยความน่ารักสดใสจะทำให้ผู้คนที่กำลังโกรธค่อย ๆ เย็นลง


หลิวหรูเหมย

หลิวหรูเหมย

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-10-18 12:59
หลังออกจากศาลเจ้าคุณได้พบเจอคนผู้หนึ่งในชุดหมวกไผ่คลุมสีขาว ถือกระบี่ [NPC-06]   โพสต์ 2025-10-18 12:58
โพสต์ 20571 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-10-17 22:52
โพสต์ 20,571 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-10-17 22:52
โพสต์ 20,571 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-10-17 22:52

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +5 ย่อ เหตุผล
Watcher + 5

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1

2

กระทู้

41

ตอบกลับ

409

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
150
ตำลึงทอง
115
ตำลึงเงิน
126
เหรียญอู่จู
12866
STR
5+6
INT
6+0
LUK
6+2
POW
6+0
CHA
5+5
VIT
5+7
คุณธรรม
348
ความชั่ว
5
ความโหด
206
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ประวัติตัวละคร

 วันที่ 17 เดือนจิ่วเยว่ (ตุลาคม) สารทปลายฤดู รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอ (ต่อ)

หลังจากเอ่ยลา หรูเหมยก็เดินลัดเลาะผ่านป่าริม ท่วงท่านิ่งเรียบ มือขยับผ้าคลุมสวมหมวกปกปิดตนไว้ เงาใครบางคนสะท้อนอยู่ในหางตาใต้เงาไม้ใหญ่เบื้องหน้า... มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่เงียบงัน เงานั้นมิใช่ทหาร มิเหมือนนักพรต และดูท่าทีแล้วไม่เหมือนขุนนางผู้ดี เพราะรูปลักษณ์ทั้งเรียบง่ายแต่กลับสูงส่งอย่างบอกไม่ถูก

เสื้อคลุมสีขาวสะอาดตาทอดยาวจรดข้อเท้า ปักลายเมฆบางด้วยด้ายเงินอย่างเบาบางแทบมองไม่เห็น หมวกไผ่สานใบใหญ่ปกหน้าจนไม่อาจเห็นเค้าหน้ามีเพียงกระบี่หนึ่งเล่มเก่าเก็บคล้องหลัง เห็นเพียงปลอกไม้สีซีดจางที่บอกว่าไม่เคยใช้โชว์อำนาจ หากแต่ใช้เดินทางในหนทางอันสงบ

หรูเหมยชะงักเท้า หรี่ตามองด้วยความสงสัย มือเล็กยกขึ้นปัดเส้นผมที่ปลิวขวางหน้าเบา ๆ ดวงตากลมโตยังคงจับจ้องเงาร่างนั้นใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ แม้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนเพราะหมวกไผ่ปกคลุม หากแต่… บางสิ่งในกิริยาอาการกลับทำให้นางอดสงสัยมิได้

บุคคลตรงหน้ามิได้ขยับ แม้เพียงก้าวหรือการหันกลับท่าทีเรียบสงบ หยัดยืนดุจสายน้ำที่ไหลนิ่ง แต่กลับแฝงพลังที่มิอาจมองข้ามได้อย่างไร้คำอธิบาย หรูเหมยกระพริบตาเบา ๆ " ท่านคือใครกัน " นางเลือกใช้สรรพนามกว้าง ๆ เพราะมิอาจแน่ใจว่าอีกฝ่ายคือชายหรือหญิง

" ..... "

ก่อนที่จะเอ่ยสิ่งใดต่อ เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก็ดังแผ่วจากทางด้านหลังจากนั้นเสียงเรียกอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นอย่างเร่งเร้า

“องค์หญิงเพคะ! องค์หญิงอยู่ไหนเพคะ!”

นางในคนสนิทที่เดินตามหา เพียงชั่วขณะ หรูเหมยหันกลับไปมองอีกทาง พร้อมขานเสียงตอบกลับเบา ๆ

" เราอยู่ทางนี้ ซิวเอ๋อร์ " แล้วนางก็หันกลับไปมองใต้ต้นไม้ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง... เงาร่างในชุดคลุมขาวกลับหายไปแล้ว

ไร้ร่องรอย ไร้เสียงฝีเท้า แม้สายลมยังพัดในจังหวะเดิม หากแต่สิ่งที่หรูเหมยเห็นเมื่อครู่… ราวกับไม่เคยมีอยู่จริง เมื่อนางกำนันมาถึง นางก็ถามถึง

" เมื่อครู่เจ้าเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหรือไม่ " ซิวเอ๋อร์หยุดกะทันหัน หันตามปลายนิ้วเล็กขององค์หญิงที่ชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลยนอกจากแสงแดดส่องทะลุร่มไม้

มิได้เห็นผู้ใดเลยเพคะ… ” หรูเหมยยืนนิ่ง ไม่ตอบในทันที ดวงตานางมองแน่วแน่ไปยังเงาไม้ราวกับจะมองทะลุผ่านเนื้อไม้ไปยังสิ่งที่ไม่มีใครเห็น

แปลก… นางยืนอยู่ตรงนั้นแน่แท้ หรือเราจักตาฟาดไป ” ซิวเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองนายตนอย่างงุนงงเล็กน้อย

“เพคะ… หากไม่มีผู้ใดอยู่จริง เรากลับวังเถอะเจ้าค่ะ

หรูเหมยยังมองใต้เงาไม้อยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนถอนหายใจแผ่ว ริมฝีปากเล็กขมุบขมิบราวบ่นกับตนเอง แม้จะไม่กล่าวอะไรต่อ แต่ก็ยอมให้ซิวเอ๋อร์ประคองแขนหรูเหมย เดินทอดกลับไปตามเส้นทางที่ทอดผ่านซุ้มไม้ แต่ทันทีที่ก้าวถึงหัวมุมเลี้ยวออกจากแนวต้นไม้ใหญ่ เสียงฝีเท้าที่มั่นคงแต่หนักแน่นกว่าก็ดังขึ้นสวนทางมา

หรูเหมยชะงักไปในทันที ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมยาวประจำแม่ทัพเดินตรงเข้ามาในทิศทางตรงข้าม ... เว่ย ชิง

แม่ทัพใหญ่ หยุดยืนในระยะห่างพอดี สีหน้าสงบเฉกเช่นเคย มือซ้ายวางอยู่บนด้ามดาบอีกเล่มหนึ่งที่ข้างเอว ลมหายใจมั่นคง ร่างกายปราศจากรอยเหนื่อยอ่อนราวกับพึ่งออกจากศึกสงบนิ่ง

องค์หญิง... ยังมิได้เสด็จกลับอีกหรือ?” น้ำเสียงเขาราบเรียบ ทุ้มนิ่ง มีแววแปลกใจเล็กน้อยในถ้อยคำ แต่ดวงตาคมกลับกวาดมองโดยรอบโดยไม่พูดสิ่งใดเพิ่มเติม

“ ท่าน... ท่านเห็นใครบางคนเดินผ่านไปทางนั้นหรือไม่?

เว่ยชิงนิ่งไปเพียงครู่ ดวงตาคมดั่งกระบี่ปรายมองไปยังต้นไม้ใหญ่เบื้องหลังที่หรูเหมยเพิ่งเดินผ่านมา เขาสบตานางอีกครั้ง ก่อนตอบเสียงเรียบ

ไม่เห็นผู้ใดเลยมาเลย .. แต่เวลานี้องค์หญิงควรเสด็จกลับได้แล้ว

 หรูเหมยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตากลมเบือนหนีสายตานิ่งสงบของแม่ทัพตรงหน้า แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนข้องใจ “หากจะอยากให้เรากลับเร็ว ๆ ขนาดนั้น…” นางว่าพลางเดินพรวดเข้ามาชนแขนเขาเบา ๆ แสร้งไม่ระวัง แหงนหน้ามองเขาด้วยสีหน้าท้าทายปนน้อยใจเล็กน้อย “ งั้นเราคงจักต้อง รบกวนท่านแม่ทัพก็ไปส่งเรากลับ เหมือนคราวก่อนแล้วหละ ” ทันทีที่สิ้นประโยคนั้น…

เว่ยชิงชะงักเล็กน้อย เขาหันหน้ามามองนางด้วยแววตาเย็นสงบ

แต่คนที่มีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ เหมือนนางจะตกอะไรไป ซิวเอ๋อร์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังองค์หญิงก็เบิกตากว้างทันที

คะ... คราวก่อน?? ” นางกำนันสาวเหลียวมองทั้งองค์หญิงและแม่ทัพใหญ่ด้วยสายตาผสมความตกใจกับความสงสัยเพราะตลอดเวลาที่เธออยู่กับองค์หญิงน้อย แทบไม่มีคราใดที่หรูเหมยจะออกจากวังหลวงโดยมี เว่ยชิง ร่วมทาง ทั้งยังไม่มีรายงานใดจากขันทีหรือนางในว่าแม่ทัพใหญ่ผู้นี้เคยไปส่งองค์หญิงเป็นการส่วนตัว

เว่ยชิงกระแอมเบา ๆ หนึ่งครั้ง ท่าทางเหมือนจะกลบเกลื่อน แต่สีหน้ายังคงนิ่งสงบ เฉกเช่นเดิม

...หากองค์หญิงมีรับสั่งเช่นนั้น กระหม่อมก็จักไปส่งพระองค์”หรูเหมยหันหน้าหนีเล็กน้อยเพื่อปกปิดรอยยิ้มบางที่กำลังจะผุดขึ้นตรงมุมปาก นางไม่ตอบอะไรต่อ เพียงก้าวเท้านำไป



รางวัล: [NPC-10] เว่ย ชิง +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป 
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
.
เพิ่มเติมอันนี้ได้มั้ยนะ [NPC-06] เว่ย จื่อฟู +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป 
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

หลิวหรูเหมย

หลิวหรูเหมย

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-06] เว่ย จื่อฟู เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 6 วันที่แล้ว
ผลจากการขอพรทำให้ได้รับความสนิทสนมพิเศษขึ้นทั้งสองคน  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 18252 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 18,252 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้