
วันที่ 23 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอ
อีเว้นท์ ภารกิจ “สหายร่วมค้า เหนือความคาดหมาย”
บรรยากาศในศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอยามสายวันนี้เต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนอาบไล้ผ่านเงาไม้สนสูงที่ทอดตัวอยู่รอบศาล ดอกหญ้าโอนเอนตามแรงลม กลิ่นหอมอ่อนของธูปยาจากแท่นบูชาซึมลึกเข้าไปในลมหายใจของผู้มาเยือน ด้านหน้าองค์รูปเคารพของสัจเทพนั้น ขณะนี้มีเครื่องบูชาวางอยู่เรียงรายอย่างวิจิตรเป็ดปักกิ่งหนังกรอบหอมกรุ่นหนึ่งจาน กับสุรานารีแดงอายุเก็บกว่าสิบปีอีกหนึ่งไห เรียงไว้ในจานทองเหลืองที่เงาวับราวผ่านการขัดมาไม่รู้กี่รอบ โจวจินมองภาพเบื้องหน้านั้นด้วยสีหน้าเกือบจะตะลึง “โอ้โห…เจ้าถวายของขนาดนี้ ไม่กลัวเทพจะเมาหัวทิ่มหรือ” เขาอดกระซิบขำไม่ได้
หลินหยาเชิดคางนิด ๆ แล้วยักไหล่แบบคนเต็มใจเสียเงินเต็มที่ “ข้ารู้ว่าเทพไม่ต้องการสิ่งล่อใจ แต่มารยาทต่อฟ้าดินควรมี อย่าลืมว่าสุรานี้ข้าซื้อมาจากร้านท่านเองนะ” พูดจบก็หันมายิ้มตาหยีใส่เขาราวกับกำลังเอาคืนที่อีกฝ่ายเคยแซวเธอเรื่องหวยหนานหวาง หลังจากจัดวางเครื่องบูชาเรียบร้อย หญิงสาวก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าแท่นบูชา มือเรียววางลงบนตักอย่างสำรวม หลับตา สูดลมหายใจเข้าอย่างสงบก่อนจะเริ่มกล่าวคำอธิษฐานด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคงเกินหญิงชาวบ้านทั่วไป
“เทพผู้เปี่ยมด้วยสัจธรรม ทรงทอดพระเนตรความถูกต้องทั่วแผ่นดิน หากมีสิ่งใดกำลังก่อตัวในเงามืด หากความจริงกำลังถูกกลบด้วยกลอุบาย ขอได้โปรดมอบนิมิต หรือเสี้ยวคำ ที่จะช่วยให้ข้ารอดพ้นจากความวุ่นวายโดยไม่ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อของผู้บริสุทธิ์…” ทันทีที่ถ้อยคำจบลง ท้องฟ้าเหนือศาลเจ้ากลับเหมือนนิ่งงันลงชั่วขณะ ลมซึ่งเมื่อครู่ยังพัดปลายแขนเสื้อ กลับหยุดนิ่งราวห้วงอากาศถูกแช่แข็งไปหนึ่งลมหายใจ
จากนั้น….เสียงกรีดแผ่วคล้ายด้ายบางขาดกลางอากาศ ดังขึ้นแผ่วเบา ก่อนจะมีเศษกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นลงตรงหน้าเธอ เธอก้มมอง มันเป็นกระดาษขาวธรรมดา แต่มีกลิ่นสมุนไพรเร้นจางอยู่เล็กน้อย บนแผ่นนั้นเขียนเพียงนิดน้อย ด้วยลายมือประณีต
เส้นผมบังภูเขา อย่าคิดมาก หวนที่เดิม
“หวนที่เดิม?” หลินหยาอ่านเบา ๆ แล้วขมวดคิ้ว เจ้าโจวจินที่ยืนพิงเสาอยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามาชะโงกดู แล้วร้องในลำคอ “ฮืมมมม~ เส้นผมบังภูเขางั้นหรือ? นี่มันคำเตือนหรือคำด่ากันแน่” หลินหยาก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วส่ายหน้าช้า ๆ “หรือจะหมายถึง…เรามองข้ามบางอย่างไป?” เธอหลุบตามองกระดาษอีกครั้ง “หวนที่เดิม...ที่เดิมคือที่ไหนกันนะ ศาลนี้? จวนหวยหนานหวาง? หรือเขาหัวซาน?”
“หรือร้านของข้า?” โจวจินพูดแทรกขึ้นพร้อมทำหน้าทะเล้น
หญิงสาวเบ้ปากใส่ทันที “ท่านมันคิดเข้าข้างตัวเอง”
“แน่ล่ะสิ ข้าก็อยากให้เจ้า ‘หวนกลับมา’ ไงล่ะ” เขาพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะหันหลังเดินนำออกไปจากศาล “ไปเถอะ...คำใบ้ได้แล้ว ก็เหลือเพียงดูว่า ‘ที่เดิม’ ของเจ้า...อยู่ตรงไหนกันแน่ แม่นางน้อยผู้มีของบูชาแพงที่สุดในฉางอัน” หลินหยาเม้มปากนิด ๆ
“ที่เดิมของเรามันก็ต้องบึงสุ่ยปี้ไหมล่ะ?” หลินหยาเอ่ยบอกแบบนั้น
โจวจินที่ยังยืนถอนหายใจให้กับปริศนาของเทพอยู่เงียบ ๆ ถึงกับเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคจากหลินหยา เขาขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตาเล็กน้อยอย่างคนเพิ่งนึกออก แล้วหันไปสบตานางพอดี รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากแบบไม่ต้องพยายาม "บึงสุ่ยปี้งั้นหรือ..." เขาเว้นจังหวะอย่างมีนัยก่อนจะเหลือบตามองเจ้าไก่แจ้ประจำตัวที่พอได้ยินชื่อก็ถึงกับยืดอกสะบัดปีก ตีปีกดังฟึ่บเหมือนกับจะบอกว่า "อืออออ...จำได้แล้ว บึงนั้นมีที่นอนเจ้าโปรดของข้า!" ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันอาจจะแค่เคยตกน้ำแถวนั้นมาก่อนเท่านั้นเอง
"ที่เดิมของเจ้า ก็คือที่เดิมของเราเช่นกันหรือเปล่านะ?" โจวจินพูดพลางเท้าเอว สายตามองตรงแต่อารมณ์กลับล้อเลียนเหมือนจะรู้ทันในใจหญิงสาวอยู่รำไร
หลินหยาที่ตอนแรกยังเงยหน้าคุยอยู่กลับหลุบตามองพื้นทันทีเหมือนพึ่งคิดอะไรบางอย่างได้ ริมฝีปากน้อย ๆ เธอขยับนิด ๆ คล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กลืนคำลงคอไปเสียเฉย ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบถุงหอมที่ห้อยอยู่ตรงเอวเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาอย่างคนแสร้งทำเฉไฉ "ข้าต้องไปทำธุระก่อนนะ ยามโหยว่าค่อยพบกันที่นั่นได้ไหม?…" แต่เสียงเธอดันอ่อนลงจนคล้ายกระซิบ เสียงลมของศาลที่พัดผ่านต้นสนกลับทำให้โทนคำของนางนุ่มนวลลงไปอีก ยิ่งทำให้แก้มขาว ๆ ของนางขึ้นสีชมพูระเรื่อในยามแสงอาทิตย์ตกกระทบพอดิบพอดี โจวจินที่เห็นก็ถึงกับยกคิ้วแล้วกอดอก หรี่ตาเหมือนจะแซวเต็มที่แต่ยังเก็บไว้ก่อน
“ธุระงั้นรึ…” เขาลากเสียงยาวอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพยักหน้ารับช้า ๆ “ยามโหยว่าก็แล้วกัน ข้ากับเจ้าเฮยจีจะรออยู่บึงสุ่ยปี้เหมือนเคย เผื่อแม่นางจะกลับมาพร้อมกลิ่นแปลก ๆ ติดตัว...เช่น...กลิ่นกำยานบุรุษ!”
หลินหยาเบิกตากว้างทันที “โจวจิน!” เธอแหวขึ้นเล็กน้อยแบบคนเขินจัด แล้วก็ก้าวถอยกรูดพรวด “ท่านน่ะ…ข้าไม่พูดด้วยแล้ว!” พูดจบก็รีบหมุนตัวจะเดินออกจากศาลแล้ว แต่พอพ้นไปได้สองก้าวก็ยังไม่วายหันมาชี้หน้าระคนขำ “ข้า...ข้าจะไปซื้อเต้าหู้จ่างหากเล่า! จะนัดใครกันเล่า!”
โจวจินส่งเสียงหัวเราะลั่น ขณะที่เฮยจีทำท่าเหมือนจะจิกปีกข้างแก้มตัวเองแล้วเบ้ปากตามเจ้าของไปด้วย “ชัดเลย ๆ~” และสุดท้ายหลินหยาก็รีบเดินหนีออกจากศาลอย่างรวดเร็ว เหมือนจะกลัวไม่ทันธุระ...หรือกลัวหัวใจตัวเองมากกว่ากันแน่นะ? ส่วนโจวจินนั้นยืนยิ้มบาง ๆ อยู่ลำพัง แล้วหันไปมองบึงที่ทอดตัวอยู่ในความทรงจำสายหนึ่ง
“ที่เดิมของเรา…” เขาพึมพำแผ่วในลำคอ ยิ้มของพ่อค้าที่ว่าหน้าเลือดนักหนากลับมีแววอ่อนโยนบางอย่างไหลผ่านแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะสะบัดชายเสื้อ หันไปพูดกับไก่ “ไปสิ เฮยจี...เรามีเวลาเตรียมตัวอีกครึ่งวัน” และบ่ายวันนั้น...ศาลเจ้าก็ถูกทิ้งไว้เพียงเสียงสายลม และคำใบ้ที่ยังไม่จาง

@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: ทำไมผมต้องมาถวายเทพองค์นี้ด้วยเนี้ย 555 บังคับกันชัด ๆ
รางวัล:
สักการะบูชาและถวายอาหาร แด่ [GOD-01] สัจเทพอี๋เหอ (ซ่างกู่)
สักการะด้วย ดอกเหลียนฮวา
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
ถวายคอมโบ เป็ดปักกิ่ง อาหารเกรดแดง + สุรานารีแดง สุราเกรดแดง โบนัสเพิ่ม +20 แต้ม
อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point