ตระกูลหรงเป็นตระกูลเก่าแก่มีหน้ามีหน้ามีตาในสังคมเมืองกุ้ยหลิน สมาชิกในตระกูลล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางหรือรับราชการอยู่ตามเมืองต่าง ๆ เมื่อกล่าวถึงตระกูลนี้ทุกคนย่อมรู้ดีว่าพวกเขารับราชการอยู่ในฝ่ายบุ๋นเท่านั่น ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด และการวางแผนที่ดี ประมุขของตระกูลเชื่อว่าการใช้มันสมองรับใช้แผ่นดินย่อมดีกว่าใช้กำลังกายเพื่อออกรบราฆ่าฟันให้ง่อยเปลี้ยเสียขา สมาชิกทุกคนในตระกูลจึงได้รับการศึกษาและการฝึกฝนด้านนี้มาตั้งแต่ยังเล็ก ฝ่ายชายเข้ารับราชการ ส่วนฝ่ายหญิงจะได้รับการศึกษาและการฝึกฝนตนเพื่อการครองเรือนปรนนิบัติสามีมิให้ขาดตกบกพร่อง
หรงอี้ประมุขคนปัจจุบันของตระกูลมีบุตรธิดารวมกันสามคน นับตั้งแต่เกิดมาทุกคนได้รับการฝึกฝนตามที่เห็นสมควรเพื่อให้โตมาเป็นผู้ที่เพียบพร้อมสร้างชื่อเสียงและเกียรติให้แก่วงศ์ตระกูล ทุกคนปฏิบัติตามธรรมเนียมของตระกูลได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งวันที่ 8 ซื่อเยว่ จงหยวนศก ปีที่ 3 ดำเนินมาถึงธิดาคนสุดท้องก็ได้ถือกำเนิดท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองจนหมอตำแยเกือบจะมาไม่ถึงคฤหาสน์ตระกูลหรงนับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยขึ้นกับคนในตระกูลคนใดมาก่อน หรงอี้ตั้งชื่อธิดาของเขาว่า หรงซิ่วอิง หมายถึงผู้ที่มีความสง่างามและกล้าหาญ แม้จะเป็นธิดาคนเล็กก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกตามใจไปเสียทุกเรื่อง ซิ่วอิงต้องเข้ารับการฝึกอบรมตั้งแต่อายุยังน้อย ตั้งแต่จำความได้ตารางชีวิตในแต่ละวันก็เต็มไปด้วยการร่ำเรียนหนังสือ เรียนเย็บปักถักร้อย จัดดอกไม้ ชงชา ฝึกรับแขกเหรื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กุลสตรีที่ดีพึงกระทำ นางพบว่าเป็นสิ่งที่นางไม่ได้ถนัดช่ำชองเลยแม้แต่น้อยงานฝีมือที่ต้องใช้ความประณีตเป็นเหมือนยาขม แม้จะฝึกมาตั้งแต่ 5 ขวบก็ไม่ได้ทำให้ฝีมือพัฒนาแม้แต่น้อยจนทำให้มารดาระอาใจ มิหนำซ้ำบางวันยังต้องพบว่าซิ่วอิงแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกไปคลุกคลีอยู่กับการเล่นตีรันฟันแทงฝึกดาบฝึกทวนกับเหล่าจอมยุทธ์พเนจรทั้งหลาย ถึงทุกครั้งที่โดนจับได้จะถูกทำโทษด้วยการกักบริเวณ คุกเข่าสำนึกผิด แต่ก็ไม่เคยทำให้นางเข็ดหลาบแม้แต่น้อย กลายเป็นสร้างความท้าทายให้แก่นางไปเสียอีก แต่ละวันซิ่วอิงนั่งคิดสารพัดวิธีที่จะแอบออกนอกเรือนโดยไม่ให้ใครจับได้ เจ้าแผนการมาแต่เล็กแต่น้อยจนเชี่ยวชาญเรื่องการวางแผนและลอบเร้น
เมื่อถึงวัยแรกแย้มธิดาคนโตของตระกูลก็ออกเรือนกับชายสูงศักดิ์ที่ตระกูลได้จัดหาให้ ซิ่วอิงผู้คัดค้านการคลุมถุงชนแบบหัวชนฝาเริ่มเห็นชะตากรรมในอนาคตของตนเอง หากถูกจับคู่กับคนที่ไม่ได้รักการแต่งงานจะไปมีความสุขได้เยี่ยงไร นับเป็นโชคดีอยู่บ้างที่ชื่อเสียงของซิ่วอิงนั้นเป็นที่เลื่องลือถึงความดื้อรั้นปราบยากดั่งม้าพยศจึงไม่มีตระกูลใดในกุ้ยหลินประสงค์จะรับนางไปเป็นภรรยา นางจึงได้รอดพ้นจาก การออกเรือนมาถึง 2 ปี แต่ระยะเวลาแห่งความสงบสุขย่อมอยู่ได้เพียงไม่นาน เมื่อย่างก้าวเข้าสู่วัย 17 ปี ซิ่วอิงก็ได้รับข่าวที่ไม่น่ายินดีนักเมื่อนางได้รับการสู่ขอจากจากขุนนางเฒ่าอายุคราวพ่อที่ฟูเหรินเพิ่งเสียไป แม้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่สำหรับประมุขตระกูลหรงที่ธิดาไม่เป็นที่หมายปองของชายใด อย่างไรเสียก็รับไปเป็นภรรยาเอกจึงได้ตกลงที่จะมอบซิ่วอิงให้แก่ขุนนางผู้นั้น หลังจากที่ซิ่วอิงได้ทราบเรื่องนางมิอาจยอมรับเรื่องนี้ได้จึงได้แอบส่งหนังสือยกเลิกการหมั้นหมายไปยังคฤหาสน์ของขุนนางผู้นั้นโดยมิได้บอกเรื่องนี้ให้คนในตระกูลทราบ ก่อนที่นางจะเก็บข้าวของและเงินเก็บที่มีแอบหนีออกจากคฤหาสน์ของตระกูลในคืนนั้นเพื่อเดินทางไปยังฉางอัน เริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนเอง ต่อให้ต้องกลายเป็นสาวทึนทึกไปตลอดชีวิตก็ย่อมได้
