123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

[ยอดเขาหัวซาน] ลานกระบี่เหินมรรคา

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 26 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ยอดเขาหัวซาน ลานกระบี่หินมรรคา (พบ ฉู่ ซ่วนจื่อ)


ยามเหม่าแห่งรุ่งอรุณ แสงแรกของตะวันลอดผ่านยอดเขาหัวซาน ลานกระบี่หินมรรคาเผยโฉมด้วยความเงียบสงัดในสายลมเย็นอ้อยอิ่ง พื้นหินอ่อนทรงวงกลมถูกขัดจนเรียบลื่น แวววาวสะท้อนแสงสลัวราวผิวน้ำที่นิ่งสนิท รอบลานรายล้อมด้วยซากเรือนตรวจการเก่าแก่ ปราการที่เต็มไปด้วยลวดลายโบราณถูกกัดกร่อนด้วยกาลเวลาแต่ยังคงหยัดยืน ขอบประตูแห่งการลืมเลือนตั้งตระหง่านเหนือผืนนภา เงียบงันดั่งยามที่มันเคยเฝ้าป้องกันโลกเมื่อพันปีก่อน


หลินหยาในชุดเรียบง่ายก้าวเท้าเข้าสู่ลานหินเป็นครั้งที่ 9 เส้นผมดำเงายาวเลยไหล่เล็ก ๆ ของนางพลิ้วตามแรงลมขณะเธอเดินผ่านบันไดหินทีละขั้น ดวงตาคมหวานกวาดมองไปทั่วบริเวณ ทุกเช้าของเก้าวันนี้เธอมาถึงก่อนฟ้าเริ่มเปิดเสมอ และเช่นเคยไม่มีสิ่งใดทำให้หัวใจนางสงบได้เท่าที่แห่งนี้ บรรยากาศช่างแตกต่างจากฉางอันที่เต็มไปด้วยสายตาจับจ้องและความลับนับร้อย บนยอดเขานี้มีเพียงเธอกับลมภูผา หญิงสาวหยุดที่กลางลาน วางกระเป๋าเจ็ดสมบัติลงก่อนนั่งคุกเข่าลงบนพื้นหินเย็นเยียบ หลับตา ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งกลีบดอกไม้ผลิบานแล้วร่วงโรยไป เธอเริ่มบำเพ็ญจิตตามวิถีที่ได้เรียนรู้


สายลมโบกพัดคล้ายพรมคลื่นกระจาย เสียงกระดิ่งเล็กที่แขวนอยู่กับซากเรือนตรวจการดังแผ่วเบา ลานกระบี่แห่งนี้ถูกเรียกว่า “ดินแดนแห่งการลืมทุกข์” ไม่ใช่เพียงเพราะผู้คนที่มาที่นี่ได้ฝึกฝนปราณกระบี่จนลืมเลือนความเจ็บปวดในจิตใจ หากยังเพราะสถานที่เองราวกับกลืนกลายความเศร้าหมองทั้งหมดลงสู่หินที่บ่มเพาะด้วยเลือดและลมปราณของเหล่านักพรต หลินหยายกมือขึ้นวางบนหัวเข่า ควบแน่นจิตวิญญาณเข้าสู่กระแสปราณในกาย ลมหายใจของเธอค่อย ๆ สม่ำเสมอ ช้าและยาวขึ้น ปราณอุ่นอวลไหลเวียนรอบจุดตันเถียนช้า ๆ แม้เธอจะไม่ใช่ผู้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์แห่งกระบี่ แต่ที่แห่งนี้ก็ยินดีรับทุกผู้แสวงหาความสงบ ทุกเช้าภูผานี้จึงรับรู้ถึงการมาของเธอ เงียบงันเหมือนพี่ชายเฒ่าที่เฝ้ามองน้องสาวฝึกฝนอย่างภาคภูมิ


กระนั้น…วันนี้กลับต่างออกไปเล็กน้อย 


เมื่อเธอลืมตาขึ้นหลังผ่านการบำเพ็ญนานเกือบหนึ่งชั่วยาม ร่างหนึ่งกลับยืนอยู่บนขอบลานเหนือเส้นเงาของประตูแห่งการลืมเลือน ดวงตาคู่นั้นทอดมองมาอย่างสงบนิ่ง แม้จะอยู่ห่างไกลแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนลมที่แทรกผ่านร่างกายได้ในพริบตา เส้นผมยาวสีดำขลับของผู้มาใหม่พลิ้วไหวราวสายหมึกบนผืนฟ้า ข้างเอวห้อยกระบี่เรียวยาวที่สะท้อนประกายอ่อน ๆ กับแสงยามเช้า ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นสงบ อ่อนโยน ทว่ามีรัศมีที่บอกไม่ถูกคือเซียนกระบี่ผู้ลือเลื่อง ฉู่ ซ่วนจื่อ นางยิ้มเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มบางที่ไม่ต้องการคำพูดใด ๆ แต่กลับแฝงพลังที่ทำให้ใจของหลินหยาเต้นแรงโดยไม่รู้ตั


หลินหยาที่พอเห็นเงาร่างคุ้นตากลับกลายเป็นรอยยิ้มหวานโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเธอเหมือนพองโตขึ้นมาในทันที ความงามสงบของพี่ฉู่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมเช้าราวกับภาพวาดช่างทำให้คนมองหลงใหล นางรีบลุกขึ้นจากท่านั่ง มือปัดฝุ่นบนชายกระโปรงเล็กน้อยก่อนวิ่งไปหาอีกคนด้วยความกระตือรือร้น ปลายผมสะบัดไปตามแรงก้าวขา


"พี่ฉู่!" เสียงเรียกใสกังวานแทรกผ่านความเงียบของลานหิน หลินหยาแทบจะพุ่งเข้าหาแต่ก็ชะลอเมื่อถึงระยะพอเหมาะ ดวงตาหวานคู่นั้นเต็มไปด้วยความดีใจและความประหลาดใจปนกัน "ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ?" 


ฉู่ ซ่วนจื่อหันสายตาสงบมองหญิงสาวที่ยืนหอบเบา ๆ อยู่ตรงหน้า แววตาของนางคล้ายทะเลสาบใสราบเรียบ แม้เพียงยิ้มเล็กน้อยก็พาให้ลมรอบตัวพลันอ่อนลง "ข้ามาที่นี่เสมออยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้ข้าออกเดินทางบ่อยจึงมาสายกว่าปกติ" น้ำเสียงอ่อนนุ่มแต่แฝงด้วยพลังที่ยากจะหักห้าม


หลินหยาเอียงคอเล็กน้อย แอบยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเด็กที่จับได้ว่าผู้ใหญ่แอบหนีเที่ยว "แบบนี้นี่เอง... แล้ววันนี้ล่ะเจ้าคะ ท่านก็มาตามเวลาปกติใช่ไหมเจ้าคะ?" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่


ฉู่ ซ่วนจื่อหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงนั้นนุ่มจนทำให้ความเย็นของลมเช้ากลายเป็นอบอุ่นขึ้นทันใด "ใช่ วันนี้ข้ามาตามปกติ แต่พอเห็นเจ้าที่นี่...ก็แปลกใจไม่น้อย ปกติแล้วเวลาของเราไม่ค่อยตรงกันเลยไม่เคยพบกันตรง ๆ บ่อยนัก" นางกวาดสายตามองหลินหยาอย่างพินิจ แววตาที่คล้ายจะอ่านทะลุถึงจิตใจ "ก็ยังว่า ว่ามีใครมาที่นี่ด้วยหรือไม่...ข้าสัมผัสได้หลายวันแล้วว่าไม่ใช่แค่ข้าที่มาที่นี่" 


รอยยิ้มบางของเซียนกระบี่คนนั้นทำให้หลินหยารู้สึกหัวใจสั่นวูบ ไม่ใช่เพราะความหวั่นไหวทางชู้สาว แต่เป็นเพราะพลังสงบและอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากอีกฝ่ายอย่างห้ามไม่อยู่ เธอหัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้า "งั้นต่อไปเราก็มีเพื่อนฝึกที่นี่แล้วสิเจ้าคะ พี่ฉู่" ฉู่ ซ่วนจื่อเพียงยิ้มตอบ ไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่สายลมรอบตัวเหมือนจะพัดหมุนแรงขึ้นเล็กน้อยตามจังหวะหัวใจของทั้งคู่ที่เต้นไปในยามเช้านั้น


ฉู่ ซ่วนจื่อทอดสายตานิ่งสงบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมภูผา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบอ่อนที่เหมือนจะพัดพาความคิดของคนฟังไปไกล "แล้วเหตุใดเจ้าถึงมาฝึกที่ลานกระบี่แห่งนี้กันเล่า แม่นางหลินหยา เจ้าปรารถนาจะเป็นเซียนกระบี่งั้นหรือ?" คำถามนั้นฟังดูธรรมดา แต่สายตาของพี่ฉู่กลับแฝงความลึกซึ้งราวกับทะเลสาบไร้ก้น หลินหยาสบตามองอีกฝ่าย ยกยิ้มบาง ๆ แล้วส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่หรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่ใช่คนที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์แบบนั้น...แค่อยากฝึกจิตให้สงบขึ้น ช่วงนี้ข้าเจอเรื่องวุ่นวายใจมากมายเลยเจ้าค่ะ จึงอยากให้จิตตัวเองเข้มแข็งขึ้นกว่านี้"


สายลมแผ่วเบาพัดผ่าน ดอกหญ้ารอบลานเอนไหวตามทิศทาง ลมหายใจของฉู่ ซ่วนจื่อยิ่งดูคล้ายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ นางก้าวเข้ามาใกล้เล็กน้อย แววตานั้นแฝงความห่วงใยแม้เพียงเสี้ยววินาที "เรื่องใดก็ตามที่ทำให้จิตใจเจ้าหนักหน่วง เจ้าสามารถเอ่ยกับข้าได้เสมอ ข้า...อาจช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่ข้าจะรับฟัง"


หลินหยาได้ยินคำพูดนั้นก็ระบายยิ้มหวาน ดวงตาแวววาวเหมือนเด็กที่ได้รับความอบอุ่น "ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ฉู่" เธอพูดพลางถอนหายใจเบา ๆ ยกมือไล้ปลายผมตัวเองที่ปลิวตามแรงลม "แต่ไม่มีเรื่องอะไรหรอกเจ้าค่ะ...ก็แค่เรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของชายหญิงเท่านั้นเอง ตามประสาลูกสาวที่ท่านพ่อท่านแม่อยากให้มีคู่ครองสักคน"


ฉู่ ซ่วนจื่อฟังแล้วหัวเราะแผ่ว ดวงตาคู่นั้นไม่ได้เย้ยหยันหากเต็มไปด้วยความเข้าใจ "อ๋อ...ความวุ่นวายที่คนทั้งโลกต้องเจอ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ฝึกกระบี่" รอยยิ้มบางคลี่บนเรียวปากงาม นางพยักหน้าอย่างอ่อนโยน "เรื่องของหัวใจ…บางครั้งยุ่งยากยิ่งกว่าการฝึกปราณเสียอีก" หลินหยาหัวเราะคิก หยอกเสียงเบา "ใช่เจ้าค่ะ ถึงจะไม่ได้อยากยุ่ง แต่มันก็พัวพันมาหาอยู่ดี" ทั้งสองยืนอยู่กลางลานหินท่ามกลางลมยามรุ่งอรุณ บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นแผ่วบางที่ไม่ต้องมีคำพูดมากมายก็เข้าใจกันได้


หลินหยาก้าวไปยืนข้างพี่ฉู่ ดวงตาคู่นั้นทอดมองเส้นขอบฟ้าที่เริ่มมีแสงสีทองของอาทิตย์แรกเริ่ม เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเผยยิ้มจางราวกับกลีบดอกไม้ที่กำลังร่วงจากกิ่ง "พี่ฉู่เจ้าคะ...คนรอบ ๆ ข้า มีทั้งคนที่ดีเหลือเกิน คอยปกป้อง คอยทำทุกอย่างเพื่อให้ข้ามีความสุข" น้ำเสียงเธอนุ่ม แต่สั่นระรัวราวกับกำลังซ่อนบางสิ่งที่กลืนไม่ลง "แต่คนที่หัวใจข้าดันเลือก...กลับเป็นคนที่โหดร้ายดั่งปีศาจ" เธอหัวเราะในลำคอตัวเองเบา ๆ เหมือนกำลังด่าตัวเอง ดวงตาหวานนั้นฉายแววเศร้าปนหลงใหล "เขาเอาแต่ใจ น่ากลัว...เจ้าเล่ห์ร้อยเล่มเกวียน ข้ารู้ว่าเขาเคยทำร้ายข้าปางตายทั้งกายและใจ แต่ข้า...ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงชอบเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาน่ากลัวทั้งที่ควรจะเกลียด" เธอกัดริมฝีปากน้อย ๆ พยายามกลั้นความปวดหน่วงในอก "แต่มันสายไปแล้วเจ้าค่ะ พี่ฉู่...ข้าชอบเขาไปแล้ว"


สายลมเช้าพัดผิวแก้มทั้งคู่เย็นวาบ ฉู่ ซ่วนจื่อไม่ได้พูดอะไรทันที นางเพียงมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยนปนหนักแน่น จากนั้นจึงยกมือเรียวยาววางบนไหล่เล็ก ๆ ของหลินหยาเบา ๆ น้ำเสียงนางนุ่มลึกดังสายลมรำพัด "ความรัก…มันมักไม่เลือกเหตุผลเสมอไป เด็กน้อยของข้า"


นางโน้มตัวเล็กน้อย ราวกับจะให้หลินหยาได้พิงพักหากต้องการ "แม้เขาจะเป็นปีศาจในสายตาใคร ๆ แต่ในหัวใจเจ้ากลับยังเห็นแสงบางอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็น ข้าไม่อาจบอกได้ว่าเจ้าควรรักหรือควรหนี แต่สิ่งที่ข้าทำได้…คืออยู่ข้างเจ้าในวันที่เจ้าเจ็บปวด และยินดีเมื่อเจ้ามีความสุข"


หลินหยานิ่งฟัง ใจเต้นแผ่วคล้ายจะหลุดน้ำตาออกมาแต่เธอกลั้นไว้ กลับยิ้มหวานทั้งที่ดวงตารื้นแสง "พี่ฉู่...ข้ารู้สึกเหมือนได้พี่สาวคนหนึ่งเลยเจ้าค่ะ" ฉู่ ซ่วนจื่อหัวเราะเบา ๆ ก่อนยื่นมืออีกข้างลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน "เจ้าก็เป็นน้องสาวของข้าแล้วเช่นกัน ต่อให้เส้นทางที่เจ้าก้าวไปเต็มไปด้วยหนามแหลม ข้าจะอยู่ตรงนี้ ไม่ปล่อยมือเจ้า" หลินหยาพยักหน้าเบา ๆ ความเจ็บที่เคยอัดแน่นในอกเหมือนถูกปลดออกบางส่วนด้วยคำพูดและสัมผัสของพี่ฉู่ ในยามนั้น แสงอาทิตย์ก็สาดกระทบประตูแห่งการลืมเลือน เปล่งประกายราวประกาศว่าหัวใจของเธอเริ่มเบาขึ้นอีกครั้ง




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาปลดพี่สาวววว


รางวัล: 

[การฝึกฝนตบะของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง]

+50 ตบะ ในการฝึกฝนตบะที่นี่ (ทุก ๆ 10,000 ไบต์ ต่อ 50 ตบะ) = 30000 = 150 ตบะ


โบนัสในการฝึกฝนตบะที่นี่ของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง

ตำลึงเงิน เลขไบต์สองหลักสุดท้าย = 99 ตำลึงเงิน

สรุปรางวัลที่ได้ : 150 ตบะฝึกฝน, 99 ตำลึงเงิน


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 38,399 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 38,399 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 38,399 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 38,399 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 38,399 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 3 วันที่แล้ว

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +99 ตบะฝึกฝน +150 ย่อ เหตุผล
Admin + 99 + 150

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-27 19:27


วันที่ 27 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ยอดเขาหัวซาน ลานกระบี่หินมรรคา (พบ ฉู่ ซ่วนจื่อ)


แสงรุ่งอรุณคลี่คลายหมอกบางที่โอบล้อมยอดเขาหัวซาน ลานกระบี่หินมรรคาทอแสงสว่างระยิบระยับบนพื้นหินอ่อนเรียบ วงลมเช้าเย็นจัดพัดราวกับจะชำระทุกความกังวล หลินหยาก้าวขึ้นมาด้วยก้าวเบา มือเรียวกำชายเสื้อกันลมที่ปลิวไหว เส้นผมดำยาวสะบัดตามแรงลม ดวงตาคู่หวานฉายแววสดใสเมื่อมองเห็นร่างคุ้นเคยของฉู่ ซ่วนจื่อที่ยืนหันหน้าเข้าหาลานหินอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มหวาน ก้าวเร็วขึ้นแล้วทักทายด้วยเสียงแจ่มใส "พี่ฉู่! สวัสดียามเช้าเจ้าค่ะ…ท่านมาที่นี่ก่อนข้าอีกแล้ว" เธอหยุดห่างเพียงก้าว ยกมือไหว้ตามมารยาท แล้วเอียงคอถามด้วยความใส่ใจ "ท่านกินข้าวเช้าแล้วหรือยังเจ้าคะ?"


ฉู่ ซ่วนจื่อหันมามองนาง ยิ้มบางที่เปล่งประกายแสงอุ่นในยามเช้า "ข้ากินแล้ว…เจ้าล่ะ? ดูเหมือนเจ้าจะรีบจนลมตามเจ้าไม่ทัน" น้ำเสียงนางแผ่วเบาแต่คล้ายหัวเราะอยู่ในที หลินหยาหัวเราะคิก อมยิ้มอย่างเด็ก "ข้าก็พกมาทานระหว่างทางเจ้าค่ะ…แต่อย่างไรวันนี้ได้พบพี่ฉู่ตั้งแต่เช้าก็ดีใจนัก"


ฉู่ ซ่วนจื่อพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วหันสายตากลับไปยังลานหินที่หมอกจางกำลังลอยต่ำ "วันนี้ข้าคิดจะฝึกทบทวนวิถีกระบี่ของตนเอง" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนก้าวช้า ๆ ไปยังจุดกึ่งกลางลาน หลินหยามองด้วยดวงตาเป็นประกาย นางเดินตามมาหยุดที่ขอบลาน มือยกแตะอกตนเองเพื่อเก็บความตื่นเต้น "ข้าอยากดูเจ้าค่ะ พี่ฉู่"


ฉู่ ซ่วนจื่อหันมาเพียงยิ้มบางแทนคำตอบ ก่อนค่อย ๆ ยกมือเรียวยาวไปที่กระบี่ซึ่งพาดอยู่ด้านหลัง เมื่อปลายฝ่ามือแตะด้ามกระบี่ เสียงโลหะเบา ๆ ดังขึ้น ราวกับกระบี่เองตอบรับการตื่นจากนิทรา นางชักมันออกมาในจังหวะที่ลมพัดแรงพอดี ใบกระบี่แวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าจนแสบตา หลินหยาหลุบตาแล้วเงยขึ้นด้วยรอยยิ้มชื่นชม ดวงตาหวานจับจ้องทุกการเคลื่อนไหว ร่างของฉู่ ซ่วนจื่อพลันกลายเป็นส่วนหนึ่งของสายลม นางยกกระบี่ขึ้นอย่างสงบ ทุกจังหวะการก้าว ท่วงท่า และลมหายใจสอดประสานกันจนไม่มีช่องว่าง กระบี่ในมือนางวาดลวดลายกลางอากาศราวกับดอกไม้ผลิบานแล้วปลิดปลิวในพริบตา


หลินหยามองด้วยหัวใจเต้นแรง ความงดงามของวิถีกระบี่นั้นทั้งอ่อนช้อยและทรงพลัง ความเยือกเย็นของสายลมผสมกับแรงกดดันที่ซ่อนอยู่ทำให้เธอเผลอกลั้นหายใจในบางจังหวะ "งดงามนัก…" เธอพึมพำกับตัวเอง


ในดวงตาของหลินหยามีเพียงภาพของพี่ฉู่ที่ร่ายรำกระบี่อย่างไร้ที่ติ ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนเพื่อให้เธอได้จดจำภาพนี้ไว้ในหัวใจ


ฉู่ ซ่วนจื่อหมุนปลายกระบี่ในมือก่อนเก็บเข้าฝักอย่างแผ่วเบา ร่างของนางกลับมาสงบนิ่งราวกับไม่เคยเคลื่อนไหวใด ๆ มาก่อน เมื่อสายตาของหลินหยายังคงจับจ้องด้วยความชื่นชม นางก็หันมาส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้ "เจ้ามองข้าเช่นนั้น…ราวกับว่ากระบี่ของข้าเป็นสิ่งที่วิเศษเกินเอื้อม" พี่ฉู่พูดแผ่ว น้ำเสียงเหมือนสายลมอ่อน "แต่หลินหยา เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเจ้าเองไม่ได้มีพรสวรรค์ทางกระบี่ก็จริง…แต่เจ้ากลับมีสิ่งอื่นที่หนาแน่นกว่าใคร"


หลินหยากะพริบตาปริบ ๆ "สิ่งอื่นหรือเจ้าคะ?" เธอเอียงคอถามอย่างสงสัย


ฉู่ ซ่วนจื่อยิ้มบาง แววตานางส่องประกายอบอุ่น "ใช่…เจ้ามีหัวใจที่อบอุ่นและเป็นที่เอ็นดูต่อผู้คนได้อย่างง่ายดาย คนที่ได้ใกล้ชิดเจ้าล้วนรู้สึกผูกพันกับเจ้าโดยไม่รู้ตัว สิ่งนี้น่ะ มีค่ามากกว่าปราณกระบี่เสียอีก" หลินหยาหน้าแดงนิด ๆ กับคำพูดนั้น เธอหัวเราะเบา "พี่ฉู่ชมข้าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ"


ฉู่ ซ่วนจื่อส่ายหน้าเล็กน้อย "มิได้ชมเกินจริง ข้าเพียงบอกสิ่งที่เจ้าเป็น" จากนั้นนางมองไปยังทิวหมอกที่ลอยเหนือยอดเขา ก่อนเอ่ยขึ้น "งั้นเจ้าลองบำเพ็ญด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การนั่งสมาธิดีไหม?" หลินหยาตาโตขึ้นเล็กน้อยตอนที่ได้ยิน "ทำได้หรือเจ้าคะ?" รอยยิ้มของพี่ฉู่ปรากฏอีกครั้ง "ทำได้สิ…เจ้ามีสิ่งที่เชื่อมโยงเจ้ากับโลกได้ดีกว่าคนอื่น นั่นคือเสียงดนตรี ลองปล่อยให้ปราณและหัวใจเจ้าหลอมรวมไปกับเสียงที่เจ้าบรรเลงสิ ปล่อยให้มันไหลไปเอง"


คำพูดนั้นเหมือนปลดพันธนาการบางอย่างในใจหลินหยา หญิงสาวยิ้มหวานแล้วค่อย ๆ ดึงขลุ่ยของเธอออกจากกระเป๋าเจ็ดสมบัติ ลูบมันด้วยปลายนิ้วราวกับทักทายสหายเก่าก่อนจะหลับตา สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วแนบขลุ่ยที่ริมฝีปาก เสียงโน้ตแรกดังขึ้นท่ามกลางสายลมเช้าที่พัดผ่าน ละมุนแผ่วเบาราวกับหมอกที่คลี่คลาย เสียงนั้นพลิ้วไหวก้องไปทั่วลานหิน ไม่ใช่เพียงเสียงเพลง หากเป็นหัวใจของหลินหยาที่กำลังหลั่งไหลออกมา ทุกตัวโน้ตสะท้อนความคิด ความสุข ความเจ็บปวด และความหวังที่เธอเก็บไว้ในอก


ฉู่ ซ่วนจื่อยืนนิ่งหลับตาฟัง ดวงหน้าสงบแต่รอยยิ้มบางประดับที่ริมฝีปาก แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดลงบนสองร่างหนึ่งผู้เป็นเซียนกระบี่ผลิวสันต์ที่สงบเยือกเย็น และอีกหนึ่งคือหญิงสาวที่กำลังปล่อยหัวใจให้ล่องลอยไปกับเสียงขลุ่ย ณ ลานกระบี่หินมรรคาแห่งนี้ 


เสียงขลุ่ยของหลินหยาล่องลอยราวสายหมอกที่แผ่วผ่านยอดเขา ท่วงทำนองนั้นไหลลื่นนุ่มนวลไม่มีสะดุด คล้ายกระแสน้ำที่ค่อย ๆ ซึมลึกลงในผืนหิน ลมรอบตัวพลันพัดพาโน้ตแต่ละตัวให้ก้องกังวานไปไกลเหนือผืนป่าของหัวซาน จนเหล่านกเล็กที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ส่งเสียงขานรับ เสือกระต่ายบนเชิงเขาเงี่ยหูฟังอย่างสงบ ฉู่ ซ่วนจื่อยืนนิ่งชั่วครู่ ปล่อยให้เสียงดนตรีซึมเข้าสู่จิตวิญญาณของตน ก่อนที่นางจะก้าวออกไปกลางลานหินอันกว้างใหญ่ กระบี่ในมือถูกชักออกช้า ๆ ใบกระบี่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายวูบคล้ายแสงดาวกลางวัน


แล้ว…ร่างของเซียนกระบี่ผลิวสันต์ก็เริ่มต้นเคลื่อนไหว


ทุกจังหวะของกระบี่ราวกับเต้นไปตามสายลมที่ขลุ่ยบรรเลง ใบกระบี่วาดเส้นแสงเป็นลวดลายกลางอากาศ ท่วงท่านั้นทั้งอ่อนช้อยและแข็งแกร่ง คล้ายดอกเหมยที่เบ่งบานกลางพายุหิมะ ทุกครั้งที่กระบี่ฟันอากาศ เสียงแหวกก็ประสานเข้ากับเสียงขลุ่ยอย่างสมบูรณ์แบบ จนทั้งสองเสียงเสียงโลหะและเสียงไม้กลายเป็นบทเพลงเดียวกัน หลินหยาที่กำลังเป่าขลุ่ย มองภาพตรงหน้าอย่างตะลึง ความงามของพี่ฉู่ในยามร่ายรำกระบี่มิใช่เพียงการแสดงวิชา แต่มันคือศิลปะที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง ราวกับกำลังมองเซียนที่เหยียบย่างลงมาบนดิน


เสียงดนตรีของเธอไหลลื่นยิ่งขึ้นราวกับได้รับแรงผลักจากวิถีกระบี่ของพี่ฉู่ โน้ตสูงต่ำขับกล่อมไปกับลีลาการหมุนตัว วาดกระบี่ และกระโดดเบา ๆ ของนาง จนแม้แต่กระรอกตัวน้อยบนต้นสนยังหยุดเคลื่อนไหว เฝ้ามองด้วยดวงตากลมโต ลมบนยอดเขาพัดแรงขึ้น พัดให้ดอกเหมยที่ปลิวจากหุบผาโปรยลงมาเหมือนหิมะขาว ร่วงโรยไปตามวิถีกระบี่ที่พี่ฉู่ร่ายรำ และกระจายไปตามเสียงขลุ่ยที่หลินหยาบรรเลงภาพนั้นงดงามมหัศจรรย์จนเกินบรรยายออกมา


เมื่อบทเพลงสุดท้ายจางลง กระบี่ในมือฉู่ ซ่วนจื่อก็หยุดนิ่ง ปลายใบกระบี่ชี้ลงกับพื้น ลมหายใจของนางสม่ำเสมอและดวงตาเปล่งประกายสงบ นางหันมามองหลินหยาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน "เจ้าทำได้ดีมาก หลินหยา… บทเพลงของเจ้าทำให้วิถีกระบี่ของข้าเบ่งบานยิ่งขึ้น"


หลินหยาวางขลุ่ยลงจากริมฝีปาก ดวงตาเปล่งประกายชื่นชมพลางยิ้มหวาน "และกระบี่ของพี่ฉู่…ทำให้เพลงของข้ามีชีวิตมากกว่าที่เคยเจ้าค่ะ" ยอดเขาหัวซานยังคงก้องด้วยความงดงามที่ทั้งสองสร้างไว้บทเพลงและกระบี่ที่สอดประสานราวกับโลกทั้งใบได้หยุดเพื่อชื่นชมเพียงสองนาง และตอนนี้ทั้งคู่ก็คงต้องพบกันอีกเป็นแน่แท้




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: ก็คือมาเกย์นั้นเอง ครับ มาเกย์


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

ทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5 

เอฟเฟ็ค เป่าขลุ่ยพันธะในเงาศาลา สุ่มโบนัสค่าความสนิทผู้ฟัง [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ +9

(จำนวนเลขไบต์หลักสุดท้าย)


[การฝึกฝนตบะของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง]

+50 ตบะ ในการฝึกฝนตบะที่นี่ (ทุก ๆ 10,000 ไบต์ ต่อ 50 ตบะ) = 30000 = 150 ตบะ


โบนัสในการฝึกฝนตบะที่นี่ของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง

ตำลึงเงิน เลขไบต์สองหลักสุดท้าย = 99 ตำลึงเงิน


สรุปรางวัลที่ได้ : 150 ตบะฝึกฝน, 99 ตำลึงเงิน


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ เพิ่มขึ้น 69 โพสต์ เมื่อวานซืน 11:59
โพสต์ 39,099 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 39,099 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 39,099 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 39,099 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 3 วันที่แล้ว

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +99 ตบะฝึกฝน +150 ย่อ เหตุผล
Admin + 99 + 150

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวานซืน 06:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 28 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ยอดเขาหัวซาน ลานกระบี่หินมรรคา (พบ ฉู่ ซ่วนจื่อ)


ยามเหม่าแสงแรกของวันแตะต้องยอดเขาหัวซาน หมอกขาวลอยบางเบาเหนือทิวเขา ลานกระบี่หินมรรคายังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมและเสียงกระดิ่งไกล ๆ ที่พัดมา หลินหยาก้าวขึ้นบันไดหินด้วยก้าวเบา เสื้อคลุมสีอ่อนสะบัดตามแรงลมเย็น เมื่อมาถึงนางก็เห็นร่างคุ้นเคยของฉู่ ซ่วนจื่อยืนหันหน้าไปทางทิวเขา ใบหน้าหวานของหลินหยาก็ระบายยิ้มทันที นางเดินเข้าไปใกล้ เอ่ยเสียงใส "พี่ฉู่! สวัสดียามเช้าเจ้าค่ะ วันนี้ก็มาก่อนข้าอีกแล้ว" เมื่อเดินมาถึงข้าง ๆ นางก็เอียงคอถามอย่างใส่ใจ "ท่านกินข้าวมาหรือยังเจ้าคะ?"


ฉู่ ซ่วนจื่อหันมามองนาง รอยยิ้มอ่อนละมุนปรากฏบนใบหน้าสงบ "กินแล้ว…หลินหยา เจ้าล่ะ?"


หลินหยาหัวเราะคิกเล็ก ๆ ยกห่อผ้าเล็กที่ถืออยู่ขึ้นมา "ข้าก็กินมาแล้วเจ้าค่ะ แต่วันนี้ข้ามีของพิเศษเอามาให้พี่ฉู่ด้วย" ดวงตาเธอเป็นประกายสนุกสนานก่อนจะถาม "เช่นนั้น…ท่านยังพอมีท้องใส่ของหวานไหมเจ้าคะ?" ฉู่ ซ่วนจื่อหัวเราะเบา ๆ เสียงคล้ายลมเช้าที่พัดผ่านกิ่งเหมย "ของหวานหรือ? เจ้าคงตั้งใจทำมาเองสินะ เช่นนั้นข้าก็ยินดีลอง"


หลินหยายิ้มกว้าง นางคลี่ผ้าเผยให้เห็นตะกร้าเล็กที่มีกล่องไม้ไผ่เรียบง่าย ด้านในมีกาน้ำชาเล็กและขนมบัวหิมะสีขาวเนียนที่ดูเย็นตา พร้อมอีกถาดเล็กเป็นขนมบัวหิมะชาเขียวที่สีเขียวมรกตสวยสะดุด "นี่เจ้าค่ะ…ชาขาวเข็มเงินหอมเย็น และขนมบัวหิมะที่ข้าทำเอง พิเศษคือขนมบัวหิมะชาเขียว ที่มักจะถูกเรียกว่าขนมแก้วมรกตด้วย" ฉู่ ซ่วนจื่อหยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาพิจารณาอย่างเงียบงาม กลิ่นหอมจาง ๆ ของชาเขียวและแป้งหวานลอยขึ้นแตะจมูก นางกัดเบา ๆ และพยักหน้าอย่างพอใจ "รสละมุน…แผ่วหวานปนขมเล็กน้อย คล้ายความรักที่เจ้ากล่าวถึงวันก่อน ข้าไม่แปลกใจที่เจ้าทำของอร่อยได้ขนาดนี้"


หลินหยานั่งลงข้าง ๆ กาน้ำชาเริ่มรินกลิ่นหอมอบอวลในลมเช้า "ดีใจที่พี่ฉู่ชอบเจ้าค่ะ" เธอยื่นถ้วยชาขาวเข็มเงินให้นางด้วยรอยยิ้ม "ดื่มชานี้กับขนม ข้ารับรองว่าหัวใจจะสงบขึ้น"


ฉู่ ซ่วนจื่อรับถ้วยชามาดื่มอย่างช้า ๆ กลิ่นหอมของชาอบอวล ก่อนนางจะมองหลินหยาอย่างอ่อนโยน "เจ้ามักใส่ใจในรายละเอียดเสมอ…ของที่เจ้าทำมีหัวใจของเจ้าซ่อนอยู่เสมอ หลินหยา" หญิงสาวยิ้มหวาน ดวงตาแวววาวด้วยความสุขที่ได้เห็นอีกคนรับประทานอย่างพอใจ ในยามหมอกเช้าวันนั้น การแบ่งปันของหวานและน้ำชาท่ามกลางยอดเขากับพี่ฉู่ทำให้หัวใจทั้งสองอบอุ่นยิ่งกว่าลมเช้าที่พัดผ่าน


หลินหยานั่งพับเพียบอยู่บนพื้นหินอ่อนเรียบ ดวงตาหวานทอประกายระยิบระยับเมื่อมองพี่ฉู่กำลังชิมขนมบัวหิมะที่เธอตั้งใจทำมาด้วยมือของตนเอง ริมฝีปากของฉู่ ซ่วนจื่อคลี่ยิ้มบางขณะเคี้ยวช้า ๆ ดูสงบแต่แฝงความพอใจที่ยากจะปิดบัง หลินหยามองภาพนั้นแล้วหัวใจพองโต ยิ้มหวานออกมาอย่างไม่เก็บงำความปลื้มใจ เธอคิดในใจว่า ดีแล้ว…ที่พี่ฉู่ชอบ หลังจากชื่นชมภาพตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง หลินหยาก็วางตะกร้าลง หยิบขลุ่ยไม้ขึ้นมาด้วยท่าทางตั้งใจ นางก้าวไปยืนตรงขอบลานที่ลมพัดผ่าน เส้นผมดำขลับปลิวสยาย ลมหายใจของนางสม่ำเสมอขณะหลับตาแล้วค่อย ๆ นำขลุ่ยขึ้นจรดริมฝีปาก เสียงโน้ตแผ่วเบาลอยออกมาในยามหมอกเช้า ละมุนละไมราวกับละอองน้ำค้างที่เกาะตามใบหญ้า


บทเพลงนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นทุกจังหวะ ไหลลื่นไปตามอารมณ์ของนาง ทุกตัวโน้ตสะท้อนทั้งความสุข ความอบอุ่น และความสงบที่ก่อเกิดจากหัวใจ หลินหยาหลอมรวมลมหายใจเข้ากับเสียงขลุ่ยอย่างสมบูรณ์แบบ


ฉู่ ซ่วนจื่อที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ดื่มด่ำกับบทเพลงก่อนจะค่อย ๆ ชักกระบี่ออกจากฝักอย่างแผ่วเบา เสียงโลหะกระทบกับลมดังก้องเบา ๆ นางเริ่มก้าวเข้าสู่ลานหิน ท่วงท่ากระบี่ของนางประสานไปกับเสียงขลุ่ยที่หลินหยาบรรเลง ทุกการฟันและหมุนของกระบี่ราวกับถูกกำหนดจังหวะโดยท่วงทำนอง ทั้งสองร่าง หญิงสาวที่เป่าขลุ่ยและเซียนกระบี่ที่ร่ายกระบี่ เคียงข้างกันกลางลานกระบี่หินมรรคา บทเพลงกับวิถีกระบี่ประสานเป็นหนึ่งเดียว ลมพัดพาใบเหมยปลิวจากไกล เสียงขลุ่ยอ่อนโยนประคองเสียงหวดฟันของกระบี่ให้กลมกลืน จนบรรยากาศรอบยอดเขาหัวซานงดงามราวกับโลกหยุดหมุนเพื่อรับชมความมหัศจรรย์ที่สองนางสร้างขึ้น


สัตว์น้อยทั้งหลายแอบมองจากเงาไม้ นกเล็กหยุดบินกลางอากาศเพื่อฟัง กระรอกน้อยเกาะกิ่งมองอย่างตื่นตา แม้แต่สายหมอกยังดูคล้ายจะชะงักรอชื่นชมภาพตรงหน้า ในยามนั้น หลินหยากับฉู่ ซ่วนจื่อไม่ได้เพียงฝึกฝน หากกำลังสร้างตำนานบทเล็กที่งดงามบนยอดเขาหัวซานบทเพลงแห่งหัวใจและวิถีกระบี่ที่ผสานกันอย่างไร้ที่ติ




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาเกย์กับพี่สาวจ้าาาา


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

ทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5 


เอฟเฟ็ค เป่าขลุ่ยพันธะในเงาศาลาสุ่มโบนัสค่าความสนิทผู้ฟัง [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ +? 

(จำนวนเลขไบต์หลักสุดท้าย)

มอบ ขนมบัวหิมะ ขนมหวานเกรดทอง ความสัมพันธ์ +20

มอบ ชาขาวเข็มเงิน ชาเกรดทอง ความสัมพันธ์ +10

อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5

ชงชา ความสัมพันธ์ +5


[การฝึกฝนตบะของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง] +50 ตบะ ในการฝึกฝนตบะที่นี่ (ทุก ๆ 10,000 ไบต์ ต่อ 50 ตบะ) = 30000 = 150 ตบะ

โบนัสในการฝึกฝนตบะที่นี่ของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง

ตำลึงเงิน เลขไบต์สองหลักสุดท้าย = 3 ตำลึงเงิน

สรุปรางวัลที่ได้ : 150 ตบะฝึกฝน, 3 ตำลึงเงิน


(ยาวโคตรรรรรร 55555555)


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ เพิ่มขึ้น 103 โพสต์ เมื่อวานซืน 11:57
โพสต์ 31,203 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวานซืน 06:10
โพสต์ 31,203 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวานซืน 06:10
โพสต์ 31,203 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวานซืน 06:10
โพสต์ 31,203 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวานซืน 06:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +3 ตบะฝึกฝน +150 ย่อ เหตุผล
Admin + 3 + 150

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 10:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 29 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ยอดเขาหัวซาน ลานกระบี่หินมรรคา (พบ ฉู่ ซ่วนจื่อ)


แสงอ่อนแรกเริ่มของวันส่องลอดผ่านหมอกขาวบนยอดเขาหัวซาน ลมเช้าที่เย็นจัดพัดใบเหมยปลิวเบา ๆ พื้นหินอ่อนของลานกระบี่หินมรรคาเปียกชื้นจากน้ำค้างราวกับส่องประกาย หลินหยาก้าวขึ้นมาด้วยฝีเท้าที่ช้ากว่าทุกวัน ผ้าคลุมบนไหล่ปลิวสะบัด แต่ใบหน้าของนางกลับซ่อนความเหนื่อยล้าและเศร้าลึกจนยากจะปิดบัง ดวงตาบวมแดงบอกชัดว่าผ่านค่ำคืนแห่งน้ำตามา ฉู่ ซ่วนจื่อซึ่งยืนรออยู่กลางลานหินหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาด้วยสายตาลึกสงบ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใด หลินหยายิ้มจาง ๆ พยายามทำให้ตัวเองดูปกติ แต่แววตานั้นกลับหลีกหนีไม่พ้นสายตาของพี่ฉู่


เซียนกระบี่ผลิวสันต์ไม่ได้ถามอะไรแม้แต่น้อย รู้ดีว่าเวลานี้คำถามคงไม่ใช่สิ่งที่หลินหยาต้องการ นางเพียงยิ้มบางอย่างอ่อนโยน เดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ ก่อนจะวางมือเรียวลงบนไหล่หญิงสาว "เจ้าเหนื่อยมากสินะ" น้ำเสียงนุ่มราวสายลมที่ปลอบโยน หลินหยากัดริมฝีปาก พยายามจะตอบแต่เสียงก็สั่นจนพูดไม่ออก เธอเพียงพยักหน้าแผ่วเบา ฉู่ ซ่วนจื่อจึงไม่พูดอะไรต่อ เพียงหันไปที่กระเป๋าผ้าของตนเอง หยิบผ้าเย็นที่เตรียมไว้ตั้งแต่เช้าเพราะสายลมยามนี้เย็นจัด ผ้าจึงชื้นเย็นราวน้ำค้าง


"มานี่" พี่ฉู่เอ่ยเสียงนุ่ม ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้ระดับสายตาเท่ากับหลินหยา จากนั้นใช้มือประคองแก้มของนางเบา ๆ ก่อนวางผ้าเย็นลงบนดวงตาบวมแดงทีละข้าง "หลับตา…แล้วอย่าฝืนใจตัวเอง" สัมผัสอ่อนโยนทำให้หลินหยาตัวสั่นเล็กน้อย น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้กลับรื้นออกมาอีกครั้ง แต่เธอก็ทำตาม หลับตาลงปล่อยให้ความเย็นซึมซับความร้อนจากดวงตา


ฉู่ ซ่วนจื่อประคบผ้าอย่างเบามือ แววตาของนางเต็มไปด้วยความสงบและความห่วงใย "เจ้ามีสิทธิ์จะอ่อนแอบ้าง ไม่จำเป็นต้องแข็งแรงเสมอไป…เพราะเจ้ามีคนที่พร้อมจะอยู่ข้าง ๆ เจ้าเสมอ"


หลินหยาหลับตานิ่ง น้ำเสียงแผ่วจนแทบเป็นกระซิบ "พี่ฉู่…ขอบคุณนะเจ้าคะ"


เซียนกระบี่ผลิวสันต์ยิ้มบาง รอยยิ้มที่ไม่ได้ปลอบด้วยคำพูด หากด้วยการกระทำที่จริงใจ "พักสายตาสักหน่อย เดี๋ยวข้าจะอยู่ตรงนี้ จนกว่าเจ้าจะพร้อม" และในยามเช้าที่หมอกขาวล้อมรอบยอดเขานั้น มีเพียงสองร่างที่เงียบงัน หนึ่งยืนคอยดูแล อีกหนึ่งพักพิงกับความอบอุ่นที่หาได้ยากจากโลกที่โหดร้าย


ฉู่ ซ่วนจื่อค่อย ๆ ถอนผ้าเย็นออกจากดวงตาหญิงสาวหลังประคบอยู่นาน นางมองใบหน้าที่ซีดและหมองเศร้าของหลินหยานิ่ง ๆ ก่อนคลี่ยิ้มบางตามแบบฉบับของตน รอยยิ้มที่ไม่จำเป็นต้องพูดมาก แต่กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนมีใครคอยโอบอุ้มอยู่ข้าง ๆ "วันนี้…เจ้าอยากฝึกไหม?" เสียงนางสงบ ราวกับคำถามนั้นเป็นเพียงการหยั่งใจ ไม่ใช่การบังคับ หลินหยากะพริบตา ดวงตาสวยนั้นเต็มไปด้วยความสับสนราวกับทะเลที่คลื่นซัดสลับไปมา นางไม่ได้ตอบทันที เพียงเม้มปากและหลุบตาลง แสดงชัดว่าใจไม่อาจสงบได้


ฉู่ ซ่วนจื่อมองภาพนั้นแล้วหันสายตาไปที่ขลุ่ยซุนของหลินหยา ซึ่งวางอยู่ใกล้ ๆ ตัวหลินหยา นางเอ่ยเสียงแผ่วแต่แฝงความหมายลึกซึ้ง "ถ้าเจ้าไม่อาจพูดได้…เจ้าถ่ายทอดให้ข้ารู้ได้ไหม? ผ่านเสียงของเจ้า" คำพูดนั้นเหมือนดึงบางสิ่งในใจหลินหยาให้แตกหักออกมา หญิงสาวยื่นมือไปหยิบขลุ่ยอย่างลังเล ก่อนกำแน่นแล้วค่อย ๆ นำขึ้นจรดริมฝีปาก


เสียงแรกที่เป่าดังก้องแหลมสูง คล้ายการกรีดร้องที่ไร้เสียง โน้ตถัดไปต่ำลง ลากยาวเจ็บปวดราวกับหยดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด บทเพลงที่หลั่งออกมานั้นไม่ใช่ท่วงทำนองงดงามปกติ หากเต็มไปด้วยอารมณ์ที่สับสนปั่นป่วน ร้าวลึก เจ็บปวด ห่วงหา รัก โกรธ แค้น ความรู้สึกผิดที่กัดกินและความว่างเปล่าที่แทบกลืนจิตวิญญาณ เสียงนั้นสั่นบ้าง แตกบ้าง แต่กลับจริงแท้จนฟังแล้วใจหวิว ความหม่นหมองปะปนกับแรงปรารถนาอันรุนแรงราวกับจะฉีกทุกสิ่งออกเป็นชิ้น ๆ เสียงขลุ่ยนั้นแผ่กระจายไปทั้งลานหิน สะท้อนกลับมาจากผาหินจนดังก้องดุจเสียงกรีดร้องของวิญญาณที่หลงทาง


ฉู่ ซ่วนจื่อยืนนิ่ง มองร่างที่บรรเลงเพลงแห่งหัวใจด้วยสายตาลึกสงบ แต่ในความสงบนั้นมีรอยขมวดคิ้วแน่น บทเพลงนี้ไม่ได้เพียงเล่าเรื่อง หากกำลังร้องขอความช่วยเหลือ ในใจของพี่ฉู่พึมพำ ทำไม…เด็กน้อยผู้นี้ถึงแย่ถึงเพียงนี้… ดวงตานางสั่นไหวเพียงชั่ววูบ ก่อนจะกลับมาแน่วแน่ เป็นเด็กที่อารมณ์แปรปรวนจนไม่มีใครตามทันจริง ๆ


เมื่อบทเพลงสิ้นสุดหลินหยายังคงกำขลุ่ยแน่น หอบหายใจเบา ๆ ดวงตาสั่นระริกเหมือนเด็กที่หลงทางในความมืด นางไม่พูดอะไร รอเพียงคำตอบจากพี่ฉู่…ผู้เดียวที่นางอยากให้เข้าใจในยามนี้


ฉู่ ซ่วนจื่อก้าวเข้ามาใกล้หลินหยาหลังเสียงสุดท้ายของขลุ่ยดับลง ลมเช้าที่เคยแผ่วเบากลับเหมือนหนักอึ้งเพราะความอัดอั้นที่ยังคงเกาะกุมใจหญิงสาว ดวงตาของพี่ฉู่ทอดมองนางอย่างเข้าใจ นางรับรู้ได้ถึงความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มที่หลินหยามักสร้างขึ้นปกป้องตัวเอง มือเรียวของฉู่ ซ่วนจื่อแตะที่ไหล่หลินหยาอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสงบที่คล้ายสายน้ำ "อารมณ์ที่เจ้าถ่ายทอดผ่านขลุ่ย…มันรุนแรงจนเหมือนกำลังฉีกวิญญาณตัวเอง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าแบกมันจนเกินไป เด็กน้อยของข้า เจ้าต้องเรียนรู้วิธีระบายมันอย่างที่ไม่ทำร้ายตัวเอง"


หลินหยากะพริบตาช้า ๆ น้ำตาที่ค้างอยู่ตรงขอบดวงตาสั่นระริก "ข้าทำได้หรือเจ้าคะ…?" เสียงของเธอเบาราวกับสายลมจะพัดหาย


ฉู่ ซ่วนจื่อยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มแบบที่ทำให้หมอกเช้าเหมือนอุ่นขึ้น "ได้สิ…เจ้าทำได้" นางหมุนตัวช้า ๆ แล้วดึงกระบี่ของตนออกจากฝัก "เจ้ารู้หรือไม่ เวลาข้าสับสนหรือโกรธเกินไป ข้าจะปล่อยมันผ่านวิถีกระบี่ ทุกจังหวะที่แกว่งกระบี่ไปคือการปล่อยสิ่งที่เกาะกินหัวใจออกไปทีละน้อย" นางหันมามองหลินหยาอย่างจริงจัง "เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ เพราะเจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าสามารถปล่อยมันออกมาด้วยวิธีของเจ้าได้…วันนี้ ข้าจะสอนให้เจ้าระบายทุกอารมณ์ที่ทำให้เจ้าร้าวลึก ผ่านการเคลื่อนไหว ผ่านเสียง ผ่านลมหายใจ ไม่ใช่กักเก็บไว้"


หลินหยากำขลุ่ยแน่น หัวใจที่ยังปั่นป่วนกลับเริ่มสั่นด้วยความหวัง "พี่ฉู่…แล้วข้าต้องทำอย่างไร?"


ฉู่ ซ่วนจื่อยกกระบี่ขึ้นชี้ไปที่ลานหิน "เป่าขลุ่ยของเจ้าให้ดังที่สุด ปล่อยให้เสียงนั้นกลืนทุกสิ่งที่อยู่ในใจ ขณะที่เจ้าทำ ข้าจะร่ายกระบี่เคียงข้างเจ้าด้วยจังหวะที่สอดคล้องกับหัวใจของเจ้า ให้ทุกอารมณ์ที่เจ้ามีถูกพัดออกไปกับลม"


เสียงกระบี่ฟาดอากาศครั้งแรกดังขึ้นเหมือนประกาศเริ่มต้นการชำระล้าง หลินหยาหลับตาและเริ่มเป่าขลุ่ย โน้ตแรกแตกพร่าด้วยความเจ็บ แต่เมื่อพี่ฉู่ร่ายกระบี่เคียงข้าง จังหวะการเคลื่อนไหวของนางช่วยพยุงเสียงขลุ่ยให้กลับมานุ่มลึกขึ้นทุกที บทเพลงของหลินหยาทวีความหนักแน่นจากเศร้าไปสู่แรงกล้า กระบี่ของฉู่ ซ่วนจื่อพัดลมให้หมอกแตกกระจาย ทุกจังหวะที่นางหมุนกระบี่คือการฉีกคลื่นอารมณ์ที่ทึบแสงออกเป็นเส้นสายใส หลินหยาร้องในใจ ออกไป…ทั้งหมดออกไป ขณะที่เสียงขลุ่ยของเธอพุ่งสูงขึ้นจนสะท้อนทั้งผืนฟ้า กระบี่ของพี่ฉู่ฟันอากาศครั้งสุดท้าย แรงลมที่พัดกระจายทำให้ใบเหมยโปรยลงเหมือนหิมะ


เมื่อทุกอย่างจบลง ลมหายใจของหลินหยาสั่นระรัว แต่ใบหน้างดงามกลับดูเบาขึ้น ดวงตาหวานที่ยังมีรอยน้ำตากลับส่องประกายขึ้นมาทีละน้อย ฉู่ ซ่วนจื่อเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วก้าวมาลูบศีรษะนางเบา ๆ "เจ้าทำได้ดีมาก หลินหยา…อย่ากักเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ มันจะทำร้ายเจ้ามากกว่าที่เจ้าคิด"


หลินหยาเงยหน้ามองพี่ฉู่ด้วยรอยยิ้มที่สั่นแต่จริงใจ "พี่ฉู่…ข้ารู้สึกว่าตัวเองหายใจได้อีกครั้งแม้เพียงน้อยนิดแล้วเจ้าค่ะ" เสียงลมบนยอดเขาพัดแผ่วเหมือนเอ่ยคำยินดีกับเด็กน้อยที่กำลังเรียนรู้จะปล่อยหัวใจให้เป็นอิสระ


ฉู่ ซ่วนจื่อยืนมองหลินหยาในความเงียบของลานหิน รอยหมอกคลี่คลายรอบตัวพวกนางอย่างแผ่วเบา ดวงตาลึกสงบของพี่ฉู่จับจ้องหญิงสาวตรงหน้า คล้ายอ่านได้ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ เด็กน้อยคนนี้…นางเป็นเด็กดีเสมอมา ความคิดนั้นปรากฏชัดในแววตาอ่อนโยนที่ฉายออกมา แม้จะเจ็บปวด แม้จะอารมณ์แปรปรวน แต่นางก็ยังคงเป็นเด็กดีจนถึงตอนนี้ พี่ฉู่ก้าวเข้ามาใกล้ ใช้มือเรียวเชยคางหลินหยาเล็กน้อยเพื่อให้เงยหน้าขึ้นสบตา นางยิ้มบางในแบบฉบับของตน "หลินหยา เจ้าฟังข้านะ" น้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น "การควบคุมอารมณ์…ไม่ใช่การเก็บมันไว้ในใจ ไม่ใช่การกดมันจนกลายเป็นก้อนหินรอวันถล่ม เพราะเมื่อมันประทุ มันจะกลายเป็นดาบที่ทำร้ายทั้งเจ้าและคนที่เจ้ารัก"


หลินหยานิ่งฟัง ดวงตาหวานสั่นระริกแต่เต็มไปด้วยแววตั้งใจ


"เจ้าต้องระบายมัน" ฉู่ ซ่วนจื่อพูดต่อด้วยรอยยิ้มอ่อน "แต่ไม่ใช่ระบายด้วยความโกรธหรือความรุนแรง เจ้าต้องปล่อยผ่านสิ่งที่เจ้ารัก สิ่งที่ทำให้หัวใจเจ้าสงบ… ดนตรี เต้นรำ วาดภาพ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เจ้าหายใจได้ง่ายขึ้น" นางปล่อยมือจากคางหญิงสาว แล้วหันไปมองลานหินกว้าง ดวงตาลึกสงบคล้ายมองผ่านหมอกไปไกล "เช่นเจ้าที่บรรเลงขลุ่ยได้งดงาม เจ้าใช้มันเป็นสายลมพัดพาอารมณ์ที่อัดอั้นออกไป ให้มันล่องลอยเหมือนเสียงเพลง…ไม่ใช่ถูกขังอยู่ในหัวใจ"


หลินหยายกุมขลุ่ยในมือแน่น ดวงตาเริ่มส่องประกายขึ้นเล็กน้อย "ข้า…เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ" เธอระบายยิ้มหวานปนเศร้าเล็กน้อย "ไม่ใช่เก็บไว้ แต่ปล่อยมันผ่านสิ่งที่ข้ารัก"


ฉู่ ซ่วนจื่อพยักหน้าช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หมอกเช้าเหมือนละลาย "ดีมาก…หลินหยา เจ้ากำลังเรียนรู้แล้ว" นางเอามือแตะไหล่ของหญิงสาวเบา ๆ "ต่อไปเมื่อหัวใจเจ้าโอบล้อมด้วยสิ่งที่เจ้ารัก เจ้าจะไม่หวั่นไหวต่อพายุใด ๆ อีก" ในยามนั้น ลมเย็นบนยอดเขาหัวซานพัดผ่านอย่างแผ่วเบา คล้ายกำลังพยักหน้ารับรู้ต่อคำสอนของเซียนกระบี่ผลิวสันต์ และหลินหยา เด็กน้อยที่แสนเปราะบางก็ยิ้มออกมาท่ามกลางหมอกขาวในขณะนี้




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาอ้อนทุกคน เถียนเฟิงทำร้ายหนู ฮรุก ๆ


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

ทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5 

เอฟเฟ็ค เป่าขลุ่ยพันธะในเงาศาลาสุ่มโบนัสค่าความสนิทผู้ฟัง [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ +9 

(จำนวนเลขไบต์หลักสุดท้าย)


[การฝึกฝนตบะของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง]

+50 ตบะ ในการฝึกฝนตบะที่นี่ (ทุก ๆ 10,000 ไบต์ ต่อ 50 ตบะ) = 50000 = 250 ตบะ


โบนัสในการฝึกฝนตบะที่นี่ของผู้มีฐานะ ผู้บำเพ็ญขั้นสูง

ตำลึงเงิน เลขไบต์สองหลักสุดท้าย = 99 ตำลึงเงิน


สรุปรางวัลที่ได้ : 250 ตบะฝึกฝน, 99 ตำลึงเงิน


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-17] ฉู่ ซ่วนจื่อ เพิ่มขึ้น 69 โพสต์ เมื่อวาน 17:26
โพสต์ 51,999 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวาน 10:19
โพสต์ 51,999 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวาน 10:19
โพสต์ 51,999 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวาน 10:19
โพสต์ 51,999 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวาน 10:19

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +99 ตบะฝึกฝน +250 ย่อ เหตุผล
Admin + 99 + 250

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้