[ที่ราบเสียนลู่]

[คัดลอกลิงก์]







ที่ราบเสียนลู่

{ พื้นที่ราบกว้างทางฝั่งตะวันตกนอกเมืองฉางอัน }









【 ที่ราบเสียนลู่ 】

แผ่นดินแห่งคุณธรรมและปัญญา

ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตาถึงขนาดมีชายขอบชิดกับทะเลทรายลี้ลับของชาวนอกด่านที่ประชาชนต้าฮั่นน้อยคนนักจะได้เคยเห็น เขตขั้นกลางระหว่างความรุ่งโรจน์ของต้าฮั่นและบททดสอบการเอาชีวิตรอดของชนชาตินอกด่านที่นับว่าเป็นทั้งรางวัลของความพยายาม ประตูสู่การเดินทางครั้งใหม่ และจุดพักผ่อนที่จะปลอดภัยไปตลอดกาล







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5320 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-8-28 14:07
โพสต์ 2024-8-29 22:09:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-29 22:37




เรือยักษ์
วันที่ 18 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบนาฬิกาสิบห้านาทีเป็นต้นไป


ณ ที่ราบกว้างใหญ่ไกลสุดสายตายังมีรถม้าเคลื่อนตัวเอื่อยอาดไปตามเส้นถนน ภายนอกดูเผิน ๆ คล้ายขบวนพ่อค้าที่ได้รับการคุ้มกันแน่นหนา แต่ใครเล่าที่จะรู้ว่าคนภายในนั้นเป็นถึงพระสนมเอกของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันที่ตกลงปลงใจตามการนำทางของขันทีแปลกหน้ามาตลอดทั้งทาง

“ พระสนม ยามนี้ออกนอกเมืองแล้วเพคะ ”

ไป๋หรั่นที่หลับตาพิงฉากรถม้าส่งเสียงรับในลำคอเบา ๆ นางนั่งนับเวลาในใจมาหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆ แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงปลายทาง หากไม่ใช่ว่าพอขึ้นมาแล้วพบเสื้อคลุมโอรสสวรรค์วางเอาไว้ ป่านนี้นางคงนึกว่าตัวเองถูกลักพาตัวเข้าให้แล้วจริง ๆ

“ ใจเย็นไว้ .. ดีหรือร้ายยังตัดสินไม่ได้จนกว่าจะถึงปลายทาง ” ผู่เยว่ร้อนใจจนเริ่มไม่เหลือพื้นที่บนใบหน้าให้แสดงออกซึ่งความลนลานแล้ว ผิดกับผู้เป็นนายที่สงบนิ่งเกินคาด.. ไป๋หรั่นเริ่มที่จะหิวแล้ว นางปรือตาขึ้นมองของว่างที่ถูกเตรียมไว้บนรถม้า หากว่าคนที่ส่งรถมาเป็นเขาผู้นั้นจริงก็เชื่อได้เลยว่าของว่างนี้ไม่ใช่ความคิดของอีกฝ่ายแน่นอน หากบอกว่าเป็นจางกงกงยังฟังดูเข้าท่ากว่ามาก

“ พระสนมทรงบรรทมไปหรือยังพ่ะย่ะค่ะ? ”

เสียงถามไถ่จากภายนอกช่วยผลักให้มุมปากบางยกขึ้นอย่างช้า ๆ “ เส้นทางขรุขระถึงปานนี้ เกรงว่าคงไม่ง่ายนักหากอยากพักผ่อนสักช่วง ” พวกนางนั่งหัวสั่นหัวคลอนอยู่ในรถม้าที่ไม่รู้ปลายทางมาเกือบหนึ่งชั่วยาม ต่อให้เบื่อหรืออ่อนล้าอย่างไรไม่ว่าใครก็คงหลับไม่ลงอยู่ดี

“ นับว่าเป็นข้อผิดพลาดของกระหม่อมที่ไม่อาจทำให้การเดินทางราบรื่น ทว่าถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ เชิญพระสนมเสด็จลงมาเถิด ” ขันทีหนุ่มเปรยเสียงไม่ดังไม่เบาพอให้คนด้านในได้เตรียมตัวก่อนจะลงมา ทีแรกเขานึกว่าจะมีเสียงตอบรับ แต่ไม่.. หลังจากยืนรออยู่กับความเงียบอันไร้ที่สิ้นสุดได้ราว ๆ ครึ่งเค่อ ในที่สุดประตูรถม้าก็ถูกผลักออก พร้อมด้วยร่างของนางกำนัลคนสนิทที่ก้าวลงมาก่อนเพื่อช่วยประคองนายหญิงของนาง

นานมากแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับสายลมเหนือทุ่งหญ้า

ทันทีที่สองเท้าเหยียบลงกับพื้นดิน กลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติก็ลอยพัดตลบครอบทุกลมหายใจให้ปลอดโปร่ง ไป๋หรั่นเงยหน้ามองท้องนภาสีฟ้าสดไร้เมฆจับกลุ่มด้วยความประหลาดใจ แต่ที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าคือวัตถุขนาดยักษ์ทรงคล้ายเรือที่ตั้งอยู่ตรงหน้านาง ราวกับเรือรบที่ถอดเขี้ยวเล็บและได้รับการบูรณะตกแต่งให้งดงามโอ่อ่าหรูหราเกินกว่าเรือสำเภาโดยทั่วไป แม้จะมีเงาลางของลังสินค้ากระจัดกระจายอยู่มากมาย แต่ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าเงาร่างสูงตระหง่านที่ชวนให้รู้สึก.. คุ้นตา

“ …. ”

นงคราญหยกยกมือขาวขึ้นกันแสงรำไรของดวงตะวันที่สาดลงมา พลางหรี่ตาลงพิศดูร่างนั้นอีกครั้ง กระทั่งมีเสียงกล่าวขึ้นจากด้านหลัง “ แม้กระหม่อมจะอยาก ทว่าด้วยหน้าที่เกรงว่ากระหม่อมจะไม่มีสิทธิ์ในการอธิบาย ” ขันทีจิ้งจอกผู้เดิมกล่าวไม่ทันจบ หัวหน้าขันทีอสรพิษก็แทรกตัวมาก่อนแล้ว จางห่าวหมิง จงฉางซื่อคนปัจจุบันเดินเข้ามาพร้อมระบายยิ้มพิมพ์ใจให้กับสาวงามที่ขึ้นชื่อว่าเลิศล้ำยิ่งกว่าใครในลั่วหยางพลางกล่าวอย่างยินดี

“ ฝ่าบาททรงรอพระสนมอยู่บนเรือแล้ว ”

จางกงกงผายมือเป็นการเชิญสตรีของฝ่ายในให้ก้าวขึ้นไปตามบันไดขึ้นเรือที่เตรียมไว้พร้อมสรรพสำหรับสุภาพสตรีที่คงไม่เหมาะสมนักหากจะให้มาปีนป่ายด้วยวิธีเดียวกับชายชาตรีพลางหันไปพยักหน้าแบบพอเป็นพิธีให้กับขันทีในการปกครองของเขาที่ค้อมกายส่งอำลา

“ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ? ” ถึงจะดูเหมือนถามไถ่ให้พอเป็นพิธี แต่ใครจะรู้ว่านี่คือการสนทนาของ (ป๋าดันและเด็กดัน) ทั้งสองในรอบหลายอาทิตย์ จางกงกงชำเลืองตามองดูท่าทางที่เปลี่ยนไปบ้างเล็กน้อยของพระสนมเอกข้างกาย

“ เขาเหมือนท่านอย่างกับแกะ ” และนี่คือคำตอบแรกในรอบหลายวันที่นางให้มันกับเขา

ห่าวหมิงหยุดฝีเท้าไปครู่หนึ่งพลางคิดว่าเขาและเด็กน้อยข้างหลังนั้นคล้ายคลึงกันอย่างไร ส่วนไป๋หรั่นที่ทิ้งคำตอบไว้อย่างนั้นก็แค่หันมองเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินต่อไปจวบจนพ้นเขตบันไดและขึ้นสู่ตัวเรือได้สำเร็จ คารวะฟูเฟรินขอรับ เสียงขานรับดังกึกก้องทั่วเขตแดน ฝูหรงหยกที่เคยชินกับคำว่า ‘ พระสนม ’ เมื่อถูกเรียกว่า ‘ ฟูเหริน ’ ขึ้นมาก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ รายงานแจ้งมาว่าอู๋เว่ยมีเรื่องให้ต้องไปตรวจสอบ ”

ครั้งนี้เป็นเสียงของคนผู้นั้น..

สาวงามดั่งหยกผินหน้ากลับไปเพื่อพบเข้ากับร่างสูงโปร่งของสวามีในรูปลักษณ์ที่แปลกตาไปมาก ฮั่นอู่ตี้ที่เคยสวมฉลองพระองค์สีเข้มลายมังกรไม่มีอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ปกคลุมบนร่างเขาคือเสื้อสีนิลเนื้อผ้าแปลกตาที่ทอออกมาให้แนบกับไปเรือนกายหนาโดยไร้เสื้อยาวส่วนนอกมาบดบัง แม้จะไม่เห็นชัดถึงมัดกล้ามที่หน้าท้อง แต่ก็ยังมีแขนทางฝั่งขวาที่แขนเสื้อกุดเสมอไหล่ที่เผยให้เห็นช่วงแขนแกร่งเล็กน้อยก่อนที่จะถูกปลอกแขนผ้าปล่อยชายระย้าลงมาบดบังไม่ให้แปลกไปจากขนบฮั่นจนเกินไป

ส่วนครึ่งร่างฝั่งซ้ายของอีกฝ่ายเดิมทีล้วนถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมยาวระพื้น กระทั่งเจ้าของร่างหนาขยับแขนวางมือซ้ายลงกับด้ามกระบี่จึงได้เห็นขอบผ้าที่เปิดออกเผยให้เห็นช่วงกางเกงและสายคาดเอวชั้นดีที่ประดับด้วยเงินแท้และพู่แดงสีชาดตัดกับผืนผ้าสีขาว


“ ครั้งก่อนที่รับมือคณะทูต เจ้าช่วยได้มาก ครั้งนี้ก็เช่นกัน ”

โอรสสวรรค์กล่าวเสียงเรียบพร้อมยื่นห่อผ้าชิ้นหนึ่งไปให้สนมเอกได้รับไปถือในมือ “ เดินทางครั้งนี้เจิ้นใช้ฐานะพ่อค้าชาวนอกด่าน ส่วนเจ้า .. ” หลิวเช่อกดใบหน้าที่สวมหมวกปีกกว้างคล้ายหมวกไผ่ผ้าคลุมทว่าไร้ผ้าแพรลงมาเล็กน้อย ส่งให้เกศาดำขลับหลายส่วนที่ปล่อยสยายลงมาราวม่านน้ำหมึกคล้อยตกมาด้านหน้าผ่านบ่ากว้าง

“ เป็นอดีตนางรำในขบวนที่สุดท้ายแล้วตบแต่งเป็นฟูเหรินข้า ”

กระทั่งสรรพนามยังเปลี่ยนไปเพื่อรับกับบทบาทที่ต้องเป็น ในระหว่างที่เขาพูด ไป๋หรั่นก็ไม่ได้อยู่เฉย นางคลี่ห่อผ้าในมือจนเห็นว่าด้านในเป็นชุดนางรำนอกด่านแสนประณีตรับกับบทบาทที่เขาต้องการให้นางเป็นอย่างพอดิบพอดี “ ราชกิจนี้สำคัญถึงขนาดที่ทรงเสด็จไปไกลถึงอู๋เว่ยด้วยตัวพระองค์เอง พาหม่อมฉันไปเช่นนี้.. ”

“ ถือเสียว่าเป็นการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ที่หาได้ยากในชีวิตเจ้า ”

สตรีในห้องหอของต้าฮั่นผู้ใดจะเคยไปเยือนเขตทะเลทรายกัน ลู่เจาอี๋ .. หรือที่ตอนนี้สมควรกล่าวว่าเป็นนางรำหญิงผู้หนึ่งสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้นางได้ปฏิเสธ ประสบการณ์ครั้งนี้ตราบเท่าที่อยู่ภายใต้การดูแลของอีกฝ่าย อย่างไรนางก็คงปลอดภัย สาวงามผุดผาดหันกายดูรอบด้าน นอกจากกำลังคนประปรายที่ดูคล้ายคนในคารวานหรือไม่ก็คนคุ้มกันขบวนสินค้าก็ยังมีกล่องขนสัมภาระจำนวนมากที่บางส่วนเปิดออกอวดโฉมผ้าไหมแพรพรรณชั้นดี

ดูเหมาะกับการเป็นพ่อค้าจริง ๆ หากไม่ใช่ว่าเรือนี้.. อลังการเกินไปมาก

“ แล้วเรือนี้มิใช่ว่า.. ”

“ ห่าวหมิงบอกว่าผู้ร่ำรวยนอกด่านบางจำพวกหันมาใช้เรือเช่นนี้ ”

ห่าวหมิง? นาง.. ไม่คุ้นชื่อนี้เท่าไหร่

“ อย่างที่นายท่านกล่าว ฟูเหรินวางใจเถิดขอรับ ” ห่าวหมิงที่น้อยคนนักจะรู้ว่าเป็นนามของเขา ก้าวเข้ามาด้วยบทบาทพ่อบ้านที่ระบายยิ้มจนเต็มแก้ม ดูเหมือนจางกงกงจะสนุกกับการสวมบทบาทครั้งนี้มากเสียยิ่งกว่าตัวละครหลักทั้งสองเสียอีก “ บัดนี้มีผู้น้อยห่าวหมิงเป็นผู้ช่วยที่ติดตามนายท่านมาจากนอกด่าน และมีท่านจูชวีเฟิ่งดำรงฐานะองครักษ์พ่อค้าใหญ่ ”

เนตรหงส์ชำเลืองไปมองท่านจูชวีเฟิ่งที่ว่าเล็กน้อย อีกฝ่ายเป็นชายบรรยากาศเรียบเย็นคมกริบผู้หนึ่งที่ราวกับมีป้ายห้อยคอแขวนเอาไว้ว่า ‘ ข้าเป็นองครักษ์ ’ อะไรอย่างนั้น “ เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว.. เช่นนั้นหม่อมฉัน— หมายถึง น้องขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน โปรดรอสักครู่ ” นงคราญหยกหลุบตาลงหลบสายตาคมกริบของหลิวเช่อที่ตวัดมาเพื่อห้ามความชินปากของภรรยา

หลิวเช่อพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการอนุญาตให้นางปลีกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะอย่างไรระหว่างนี้เขาก็ต้องไปสั่งการให้เตรียมออกเรือ ไป๋หรั่นย่อกายลงเล็กน้อยเพื่อขอปลีกตัวออกมาพร้อมกับผู่เยว่ที่โล่งอกขึ้นมาเมื่อการเดินทางครั้งนี้เหมือนจะมีผลดีมากกว่าร้าย

สองสตรีบนเรือลำยักษ์ได้รับการนำทางมายังห้องพักชั่วคราวเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทว่าเมื่อผู่เยว่ที่ตอนนี้เปรียบเสมือนสาวใช้ส่วนตัวเห็นชุดก็ถึงกับหมดคำพูดไปพักใหญ่..

“ เรือนี้เป็นผลงานของนักประดิษฐ์ชาวซูเล่อ แม้พวกเขาจะเป็นเพียงอาณาเขตแคว้นเล็ก ๆ …

ถ้อยคำของหลิวเช่อเลือนหายทันทีที่สองเนตรมังกรสะท้อนเงาร่างที่ก้าวเข้ามา สมแล้วที่เป็นโฉมงามในรอบหลายปีตามคำกล่าวขานของคนอื่น ๆ แค่เพียงนางปรากฏตัวเดิมทีก็พิลาสล้ำตรึงใจมากเพียงพอแล้ว ยิ่งได้เห็นเรือนกายที่เผยนอกร่มผ้า เกรงว่าบรรยากาศรอบกายของหลิวเช่อจะเหี้ยมเกรียมชึ้นหลายส่วนจนคนนอกที่แต่เดิมมองมายังต้องรีบเบือนหน้าหนี

นางเหมาะกับสีแดงจนน่าเหลือเชื่อ ราวกับรูปสลักหยกที่พันกำบังกายด้วยแพรไหมสีสดเขียวสลับชาด ดูแล้วโดดเด่นเป็นสง่า แม้ว่ารูปแบบจะต่างไปจากอาภรณ์โดยธรรมชาติของต้าฮั่น ลู่ไป๋หรั่นยามนี้มีชิ้นผ้าขาวขอบแดงปักลายปักษาพาดพันช่วงอกอิ่มและปล่อยช่วงไหล่รวมไปถึงหน้าท้องอันแบนราบให้เปิดเปลือยสู่สายตาคน

ถัดลงมาจากช่วงบนที่วาบหวิวก็เป็นกางเกงสีแดงที่บุผ้าด้านในเป็นสีขาวจับมัดปลายผ้าที่ข้อเท้าด้วยสายคล้องสีทองจนเปิดร่องเว้าอวดหน้าขาเรียวตั้งแต่ช่วงหน้าแข้งจนเกือบถึงหัวเข่าดูเย้ายวนคล่องตัว หากมิใช่ว่ามีของประดับทองอื่น ๆ ไม่ว่าจะสร้อย หรือกำไล รวมไปถึงลายปักทองและผ้าคล้องแขนสองเส้นที่สีตัดกัน ป่านนี้คงไม่ต่างอะไรไปจากการสวมชุดนอนออกมาเดินร่อนในยามกลางวัน

ไป๋หรั่นวางมือข้างหนึ่งสัมผัสกับศอกอีกฝั่งของตนเอง พลางก้มหน้าด้วยความเขินอาย นางไม่ปฏิเสธว่าเสื้อผ้าอย่างนี้เหมาะนักกับทะเลทรายที่รับลมได้มาก ทั้งยังสมฐานะนางระบำนอกด่าน แต่ว่า.. “ ฝ่— .. ท่านพี่ ” ที่ร่วมทางกับนางมาไม่ใช่พี่ชายหรือครอบครัวบังเกิดเกล้า แต่เป็นสามีในนามที่ไม่ได้สมัครสมานรักใคร่กันมาก่อน ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะค่อนข้าง.. กระอักกระอ่วนกันอยู่ไม่น้อย

“ มานี่สิ ”

หลิวเช่อคาดว่านางคงไม่คุ้นชินที่ต้องปรับตัวกับวัฒนธรรมอื่นอย่างกะทันหัน โอรสสวรรค์ผู้เป็นสามียกแขนข้างที่เชื่อมกับผ้าคลุมเข้าประคองไหล่มนหลวม ๆ เนตรคู่คมเคลื่อนลงมองภรรยาเล็กน้อย นางรวบผมขึ้นเป็นมวยเดียวแล้วใช้แค่ชิ้นส่วนหล่อจากทองทรงกลมบางอย่างที่ประดับลงกับมวยผมโดยไม่จำเป็นต้องใช้ปิ่น .. ถ้าจำไม่ผิดนางอัปสรของชาวนอกด่านน่าจะเรียกกันว่าตุนหวงเฟยเทียน ดูท่านางกำนัลของนางคงได้แรงบันดาลใจมาจากความเชื่อเหล่านั้น

“ ก่อนหน้านี้ที่ข้าจะบอกเจ้า คือเรือลำนี้สร้างโดยคนของแคว้นซูเล่อ พวกเขาเป็นแคว้นขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยเหล่านักสู้ อีกทั้งในกองทัพหน่วยของผู้ใช้ปราณหมาป่า ถึงจะจำนวนน้อย แต่ก็มากความสามารถ ” คล้ายอาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับอาณาเขตและพื้นที่ หลิวเช่อกำลังเบี่ยงความสนใจของนางให้ออกจากความประหม่าและเปลี่ยนมาให้ความสนใจกับเรื่องที่น่าตื่นตาเมื่อกำลังเห็นว่าตัวเรือยักษ์สามารถเคลื่อนที่บนบกได้จริง ๆ

สองสามีภรรยาประคองกันไปยังหัวเรือเพื่อรับชมทิวทัศน์ที่ยากจะมีใครได้ยลเช่นพวกเขา โดยทิ้งทั้งยศฐาบรรดาศักดิ์อันสูงส่งไว้ข้างหลัง และมุ่งหน้าไปยังเส้นทางอันไม่แน่นอนที่ไร้คนคาดเดาได้..



ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ปลอมตัวเที่ยวฉางอันกับหวงตี้ตามลำพังสองคน 1 วันเต็ม +30 บารมี (รับได้เลยไหม LOL)

ส่งทำแกล้ง ๆ เผื่อว่าได้จริง .ส่งจูบ
ชุดหงเฟินเฟย

ชื่อชุด : ชุดหงเฟินเฟย
รูป : h ttps://i.imgur.com/MYNuupL.png
คำอธิบาย : <.font color="#910000"><.b>‘ ริ้วชาดโผบินเหนือฟากฟ้าพร้อมกลิ่นรัญจวนใจ ’ <.b><.font> คือความหมายที่หลบซ่อนอยู่ในนามอาภรณ์นอกด่านที่ถูกตระเตรียมขึ้นสำหรับ <.font color="#994D7B"><.b>‘ นิรชราผนึกหยก • ลู่ไป๋หรั่น ’<.b><.font> ในการเดินทางเยือนอู๋เว่ยที่เรียกได้ว่าอาศัยการปลอมแปลงฐานันดรกันอย่างสุดความสามารถ โดยตัวอาภรณ์นี้ประกอบไปด้วย ผ้าขาวขอบแดงปักลายปักษาที่มีไว้สำหรับสวมรัดช่วงอก และถัดลงมาจากช่วงบนนั้นก็เป็นกางเกงสีแดงบุผ้าขาวด้านในที่มัดปลายผ้าบริเวณข้อเท้าด้วยสายคล้องสีทอง เปิดร่องเว้าอวดหน้าขาเรียวตั้งแต่หน้าแข้งจนเกือบถึงหัวเข่าดูเย้ายวนคล่องตัว รวมไปถึงผ้าคล้องแขนสองเส้นที่แบ่งออกเป็นสีแดงและเขียวตัดกัน ทำให้ดูหลากสีสัน และหรูหราสะกดใจที่มาได้รับการขนานนามทีหลังว่า <.font color="#910000"><.b>‘ 紅芬飞 • หงเฟินเฟย ’<.b><.font> ที่ก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนริเริ่มในขบวนเสด็จครั้งนี้






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 34889 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-8-29 22:09
โพสต์ 34,889 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดจื่อซีอี๋นั่ว(เจาอี๋)  โพสต์ 2024-8-29 22:09
โพสต์ 34,889 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-8-29 22:09
โพสต์ 34,889 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-29 22:09
โพสต์ 34,889 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-29 22:09

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +45 ย่อ เหตุผล
Admin + 45

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2024-9-5 22:17:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-9-5 22:24




บทสรุปของการเดินทาง
วันที่ 19 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบเอ็ดนาฬิกาห้าแปดนาทีเป็นต้นไป


ความแข็งแกร่งไร้เทียมทานชั่วขณะแลกมากับเรี่ยวแรงที่แห้งเหือดยากฟื้นฟู ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไป๋หรั่นอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดถึงขนาดที่หลายคนพึมพัมอย่างเวทนาว่าบอบบางจนน่าใจหาย ทว่าโดยไม่มีใครนึก.. ดูเหมือนการแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองสามีภรรยาให้เหนียวแน่นกว่าเก่า ร่างที่สิ้นสติมาตลอดคืนของลู่เจาอี๋ได้รับสิทธิ์ให้อิงซบวรกายมังกรตลอดการเดินทางกลับที่เร่งร้อนเป็นพิเศษ

“ นายท่าน ยามนี้เราเข้าสู่เขตที่ราบเสียนลู่แล้วขอรับ ”

จางกงกงรายงานทันทีที่รู้สึกว่าพื้นที่รอบตัวเปลี่ยนจากทะเลทรายไร้ขอบเขตปลายมาเป็นเขตที่ราบบริเวณชานเมือง เพื่อให้ผู้เป็นนายที่โคจรปราณฟื้นสภาพร่างกายอยู่ไม่ห่างจากสนมรักได้ทราบถึงความเปลี่ยนไปของภายนอก โอรสสวรรค์หาได้ลืมตาขึ้นแม้จะมีผู้อื่นก้าวเข้ามา “ ส่งคนไปนำรถม้ามา แล้วก็.. เตรียมเรียกซานกงและซ่านซูมาเข้าพบเป็นการส่วนตัว ครั้งนี้มีเรื่องที่ต้องหารือโดยเร่งด่วน ”

สิ้นเสียงก็เป็นการเคลื่อนไหวของจางห่าวหมิงที่ค้อมหลังลงรับคำก่อนจะปลีกตัวออกไปจัดการตามความต้องการของนายเหนือหัว โดยไม่ทันสังเกตเลยว่านอกจากตนที่เข้ามาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่แสนซุกซนย่ำเท้าตามหลังมาอย่างเงียบงันคล้ายลูกกระต่ายตัวเล็กจ้อยที่ว่องไวไร้เสียงฝีเท้า

“ พี่สาวยังไม่ตื่นอีกเหรอ ”

“ บอกให้เรียกว่าท่านแม่

“ งึ.. ”

พ่อลูกที่เหลือกันอยู่สองคนใช่ว่าไม่กระอักกระอ่วน ยังดีที่หลิวเช่อเคลื่อนไหวไวกว่าคนอื่น ขณะที่เด็กน้อยพึ่งตื่นจากนิทราหมายจะร้องหาคนคุ้นเคย เขาก็เบี่ยงประเด็นและนำนางมาอบรมส่วนตัวจนพอว่าง่ายขึ้นมาก บัดนี้เขาทราบนามของนาง เช่นเดียวกับนางที่ทราบฐานะของเขา รวมไปถึงรู้ว่าอะไรควรไม่ควร สำหรับเด็กหกขวบการที่นางสามารถเรียกเขาเต็มเสียงต่อหน้าผู้อื่นท่านพ่อ แต่ก็ยังกล้าเรียกกันในพื้นที่ส่วนตัวว่าพี่ชาย ทำให้หลิวเช่อนึกทึ่งในความหัวแข็งและกล้าหาญนี้อยู่ไม่น้อย

“ ทุกวินาทีต่อจากนี้ไม่ว่าจะที่ใด เจ้าก็ไม่สามารถเรียกข้าว่าพี่ชายและเรียกนางว่าพี่สาวได้อีก ”

“ ฟังเข้าใจหรือไม่ ”

“ อื้อ เพื่อความปลอดภัยของข้า เพื่อความมั่นคงของนาง ” เด็กน้อยงึมงัมเสียงเบาถึงเรื่องที่ถูกกำชับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ มาตลอดระยะเวลาที่หลายคนผลักให้พวกเขาต้องมาอยู่ด้วยกันในห้องเล็ก ๆ ที่น่าอึดอัดนี้ .. เด็กสาวไร้แซ่นามหรูเยี่ยนที่นับจากนี้จะถูกเพิ่มชื่อในทำเนียบคนแซ่หลิวชำเลืองตามองผู้เป็นบิดาบุญธรรมด้วยความไม่เข้าใจ “ สุดท้ายแล้วเป็นข้าทำพวกท่านเดือดร้อนใช่หรือไม่ ”

พวกผู้ใหญ่คนอื่นที่มารู้ฐานะปลอม ๆ ของนางล้วนแตกตื่น แม้แต่ตัวต้นเรื่องคนหนึ่งยังดูจะปวดหัวและรำคาญกับการรับมือในขณะที่อีกคนก็หลับไหลไม่ได้สติ นางเข้ามาเหยียบย่ำบนเรือได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็มีวิกฤตซัดเข้าใส่ หรือจริง ๆ แล้วนางเป็นดาวพินาศ..

“ เหตุใดเจ้าจึงเหมือนนางนัก ”

ไม่ยักรู้ว่านิสัยคิดมากคิดเกินตัวจะสามารถส่งผ่านฐานะแม่ลูก(ไม่จริง)ได้เสียด้วย โอรสสวรรค์ปรือตาขึ้นมองเด็กสาวหน้าตาน่ารักน่าชังที่คนรักชื่อเสียงเยี่ยงชีพอย่างลู่เจาอี๋เลือกกัดฟันปล่อยให้ชื่อของตัวเองต้องด่างพร้อยเพียงเพราะอยากช่วยชีวิตคนผู้หนึ่ง มีข่าวเสียกับผู้อื่นทั้งที่แต่งงานแล้ว ย่ำแย่เสียยิ่งกว่ามีข่าวเสียร่วมกับสามีของตนเอง.. แต่หากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับนางปิดอนาคตของตัวเอง หากไม่ใช่ว่าเป็นผู้หลงใหลในเรือนร่างหน้าตาเกรงว่านางคงไม่อาจแต่งงานใหม่ได้หากพรากจากเขาไป

“ ท่านแม่ของท่านกล่าวได้ถูกต้องจริง ๆ ”

“ เป็นคนที่ไม่ควรปล่อยไว้กับเด็กเลยแม้แต่นิดเดียว.. ”

“ พี่สาว ! ”

เสียงเล็ก ๆ ของเด็กสาวกลบเสียงการขยับตัวที่เชื่องช้าของผู้ตื่นจากนิทรา ไป๋หรั่นได้สติมาสักพักแล้วทว่ากว่าจะรวบรวมแรงได้ก็จำเป็นต้องใช้เวลา “ เจ้าเคยคุยเรื่องนี้กับท่านแม่? ” ดูเหมือนคำพูดแรกหลังตื่นมาจะทำให้นางต้องเบี่ยงสานตาหลบความกดดันจากเนตรคู่คมเสียแล้ว

“ ท่านคิดว่าเรื่องที่ลูกสะใภ้สามารถใช้สนทนากับแม่สามีได้จะมีสักกี่เรื่องเล่า.. ” เกรงว่าในใต้หล้านี้คงจะหาคนที่ใช้วาจายียวนได้น่าฟังเท่านางไม่ได้อีกแล้ว อาศัยแค่ดวงหน้าความงดงามบริสุทธิ์ยังไม่รวมกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเว้นจังหวะอย่างเรียบหรูก็ล้วนแต่ทำให้คนคล้อยตามได้โดยไม่ตะหงิดใจ

“ เรื่องของนางแจ้งแค่กับท่านแม่ก็พอ ผู้อื่นรู้มากใช่ว่าจะดี ”

ไม่ควรหลอกลวงผู้อาวุโสโดยเฉพาะบิดามารดาเรื่องนี้ไป๋หรั่นทราบดีในเหตุผลที่ทำให้หลิวเช่อเป็นยอดจักรพรรดิที่ถึงจะเหี้ยมโหดแต่ก็ได้รับความเลื่อมใสจากประชาชน เพราะเขาไม่เคยผิดจารีตหรือขนบธรรมเนียมที่ไม่เคารพบรรพชนจนเป็นแบบอย่างอันดีของชายที่ต่อให้มีอำนาจล้นฟ้าก็ยังห่วงหาใส่ใจคนในครอบครัว.. “ ท่านแม่อยากได้หลานแท้ ๆ .. เป็นเช่นนี้ ”

“ นางเหมือนเจ้าไม่มีผิด ”

คนลูกพึ่งสับสนไป คนแม่ตื่นมาก็มีเรื่องวุ่นวายมารังควานอีกทอด

หลิวเช่อคร้านจะประคับประคองสภาพจิตใจของผู้อื่น แต่ก็หาได้ตัดเยื่อใยเสียทีเดียว แขนหนาขยับเข้าอุ้มร่างของเด็กน้อยที่พยายามจะปีนขึ้นเตียงมาวางไว้เบื้องหน้าภรรยา ก่อนจะเขยิบร่างของตนห่างออกมาโดยแนบแผ่นหลังไว้กับเสาของเตียงนอนพลางปล่อยสายตาเฝ้ามองคนในครอบครัวของเขา

“ พี่ชายอธิบายให้ข้าฟังหมดแล้ว ”

แม่หนูน้อยนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมทั้งที่สองตากลมสุกสกาวพราวระยับ “ พี่ชายมีหน้าที่การงานยิ่งใหญ่มาก มาก มากมาก ” ประหนึ่งคนที่กำลังรายงานว่าได้รู้อะไรมาจากปากอาจารย์ให้อาจารย์หญิงได้ทราบ ไป๋หรั่นที่ถึงจะมีอาการปวดหนึบที่ขมับเพราะความล้าของร่างกายแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความตั้งใจนี้ต่อให้อยากออกปากว่าประเดี๋ยวค่อยสนทนาก็ยังได้แต่ปิดปากสนิทแน่นพลางพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ

“ ส่วนท่านก็เป็นผู้หญิงของเขา ”

ประโยคนี้เหมือนจะแปร่งหูไปหน่อย หลิวเช่อไม่ได้มีความละอายที่บุตรสาวกล่าวออกมาอย่างนั้นทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเบือนสายตาหลีกหนี ผิดกับเนตรหงส์หวานฉ่ำที่ชำเลืองผ่านมาเพียงเสี้ยววิก่อนจะรีบเบี่ยงหลบออกไป “ ฉะนั้นในเมื่อท่านรับข้าเป็นบุตรสาว นอกจากเรียกท่านว่าท่านแม่แล้ว ข้าก็ต้องเรียกเขาว่าท่านพ่อ ”

“ แล้วเจ้ายินดีที่จะเรียกเช่นนั้นหรือไม่ ? ” นงคราญหยกหาใช่มังกรทองไร้อารมณ์ที่สนใจแค่เพียงผลลัพท์ เมื่อเด็กน้อยถูกนางถามกลับอย่างนี้ก็เหมือนจะอ้ำอึ้งไปพักหนึ่ง ดวงตากลมสีอ่อนคล้ายม่านหมอกมองสลับไปมาระหว่างคู่สามีภรรยา

“ ข้ามีพ่อคนเดียว.. ”

“ พ่อที่ไม่จำเป็นต้องนำคำใดมาเติมด้านหน้า ”

เขตแดนทะเลทรายหล่อหลอมให้นางเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าการกล้ำกลืนความรู้สึกโหยหาถึงบิดาที่เกี่ยวพันทางสายเลือดจะยังคงอยู่ แต่เพื่อเติบโตขึ้นพอสำหรับจะตามหาเขาในความฝัน .. นางทำได้ ต่อให้ต้องหลบอยู่ใต้เกราะกำบังหรือหลอกลวงคนทั้งใต้หล้า เพื่อความปรารถนาที่อาจสำเร็จในสักวัน นางก็ยินดี “ ต่างจากท่านพ่อคำนี้.. พี่ชายบอกว่าบางครั้งมันก็สามารถใช้เพื่อเรียกคนที่ดูแลสั่งสอนเสมือนเป็นพ่อคนที่สอง ”

ก็เหมือนว่าจะ.. สอนได้ดีนี่นา

นัยน์ตาสีใบเฟิ่งเข้มจนคล้ายหมึกชำเลืองมองชายที่ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง ก่อนจะพึมพัมเบา ๆ “ เจ้ารับได้ก็ดีแล้ว ” มาถึงตอนนี้ไป๋หรั่นพึ่งจะนึกขึ้นได้ .. แม้แต่ลูกสาวก็มีแล้ว การเติบโตอย่างก้าวกระโดดครั้งนี้หากไม่ใช่ว่าแสร้งตายแล้วสร้างตัวตนใหม่ก็เกรงว่านางคงไม่อาจก้าวไปสู่หนทางอื่นได้อีก

“ พวกสองคนยังไม่ได้กินอะไร ทานอะไรสักหน่อยเถอะ ”

นางจะถือว่านี่เป็น.. ความห่วงใยหนึ่งจากชายที่มักไม่แสดงออกก็แล้วกัน

นงคราญหยกพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะประคองเจ้าตัวน้อยลงจากเตียง ทั้งสามร่วมใช้เวลามื้ออาหารที่ไป๋หรั่นเป็นฝ่ายลุกไปกำชับให้จัดเตรียมเป็นพิเศษ พ่วงด้วยชาชั้นเลิศจากฝีมือการชงของผู้ชำนาญการ.. ถึงจะมีเรื่องที่น่าเอ็นดูอย่างการต้องสอนเด็กหญิงตัวเล็กให้ทานปลาเป็นครั้งแรก แต่ดูแล้วในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ของพวกเขาก็ดูคล้ายพ่อแม่ลูกในครอบครัวชาวบ้านที่แสนเรียบง่ายขึ้นมาจริง ๆ จวบจนถึงเวลาที่รถม้ามาถึง ทั้งสามจึงได้ลงจากเรือ และก้าวขึ้นสู่พาหนะแสนหรูหราสำหรับเดินทางกลับบ้านของพวกเขา



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง และ +10 ชาเกรดม่วง
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากอาหารประเภทอาหารปรุง
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากชาประเภทชงชา
+15 โบนัสความสัมพันธ์จากโดดเด่นมีเอกลักษณ์

[NPC-16] หลิว หรูเยี่ยน
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง และ +10 ชาเกรดม่วง
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากอาหารประเภทอาหารปรุง
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากชาประเภทชงชา
+15 โบนัสความสัมพันธ์จากโดดเด่นมีเอกลักษณ์

ร่วมนอน(เฉย ๆ)กับหวงตี้ นับว่ามีค่าปรนนิบัติไหมฮะ
ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี
ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี

ปลดเงื่อนไขเลื่อนสู่ขั้นเฟย ( อนุญาตแอดมินให้ทำการสุ่มยศ )






แสดงความคิดเห็น

นอนเฉยยยยไม่นับบบ  โพสต์ 2024-9-5 23:08
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-16] หลิว หรูเยี่ยน เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2024-9-5 23:07
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2024-9-5 23:06
โพสต์ 25872 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-9-5 22:17
โพสต์ 25,872 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2024-9-5 22:17

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +65 ย่อ เหตุผล
Admin + 65

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้