“ นายท่าน ยามนี้เข้าสู่เขตทะเลทรายเฉิงต๋าแล้ว ”
องครักษ์จูชวีเฟิ่งรายงานความคืบหน้าเสียงเรียบสมกับท่วงท่าสงบที่เก็บงำทุกห้วงอารมณ์ของตัวเขา แต่ก็แน่นอน.. ว่าต่อให้จูชวีเฟิ่งไม่รายงาน เหล่าผู้ที่อาศัยเรือยักษ์เป็นพาหนะนำทางย่อมสัมผัสได้ด้วยตนเองถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นเมื่อใต้ลำเรือไร้หินขรุขระเพราะเหลือเพียงทรายร่วนละเอียดทอดยาวไปไกล
“ นึกไม่ถึงว่าจะมีเรือวิเศษที่สามารถเดินทางบนบกได้เช่นนี้ ” สาวงามดั่งหยกเหลียวมองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปด้วยความตื่นตา ทว่าก็มองได้เพียงไม่นานเสียงวางจอกชาจากด้านข้างก็เรียกให้นางหันกลับไป.. ผู้เป็นสามีนางยามนี้นั่งอยู่บนตั่งไม้ตัวหนึ่งพร้อมคลึงหมากเม็ดหนึ่งไปมาพลางจรดสายตาอยู่กับกระดานที่เต็มไปด้วยค่ายกล ส่วนผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาเช่นนางก็ถือกระบี่คู่ด้วยสองมือหลังจากที่พึ่งจะใช้มันในการร่ายรำครั้งใหญ่
“ จากนี้เจ้าต้องได้เห็นสิ่งประหลาดอีกมาก ”
เขาพบมาจนชินทราบมาจนท่องแท้ นอกจากความประหลาดที่สัมผัสได้ผ่านเรื่องราวในแดนนี้แล้วยังมีความพิศวงของมิติอื่นอีก หากนางรู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนที่กลับชาติมาเกิด.. เขารู้ได้เลยว่าความวุ่นวายในหัวน้อย ๆ นั้นจะมีมากสักแค่ไหน
“ หากเหนื่อยก็มาพัก ”
หลิวเช่อกล่าวแค่นั้นแต่ก็นับว่าเป็นคำอนุญาตที่ยิ่งใหญ่แล้วสำหรับคนที่ช่วยสรรหาเรื่องสันทนาการมาทำให้อีกฝ่ายบันเทิงใจตลอดระยะเวลาหลายเค่อที่ผ่านมา โอรสสวรรค์หรี่ตาลงเพื่อหลบแสงแดดที่กรุ่นร้อน แต่การหลุบตานี้ก็ไม่มากถึงขนาดที่จะพลาดฝีก้าวที่ไม่ช้าไม่เร็วของฟูเหรินที่ขยับเข้ามา
นงคราญหยกส่งกระบี่คู่ไปให้กับผู่เยว่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างอะไรไปจากจางห่าวหมิง ก่อนจะหันกลับมามองสามีและกระดานหมากบนตั่งนั่งขนาดกลางที่อยู่บนดาดฟ้าเรือ “ อยู่กลางทะเลทรายหากดื่มชามาก ร่างกายภายในจะร้อนจนปรับสมดุลไม่ได้ ถึงจะรสแปร่งไปบ้าง แต่ดื่มน้ำค้างแทนเถิด ” ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น สาวงามแซ่ลู่ที่ขยับมานั่งตรงข้ามกับอีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นดันจอกชาให้ห่างจากกายสามีและเปลี่ยนมาส่งกระติกน้ำค้างให้ถึงมือเขา
“ อากาศแทบนี้ทรหดอยู่มาก กลางวันร้อนจัด กลางคืนหนาวจัด ” หลิวเช่อรับกระติกน้ำค้างมาพลิกไปมาในมือพลางผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ “ เรือลำนี้ขนผ้ามามาก อันไหนที่พอใช้ได้ ตกกลางคืนก็นำไปห่มเสีย ”
พวกเขากำลังปรับเปลี่ยนความคุ้นชินกันใหม่อีกครั้ง เพื่อไม่ให้การปลอมตัวไปผิดพลาดหน้างาน ก่อนหน้านี้จางกงกงเลยแวะมาโน้มน้าวทั้งสองให้สวมบท พ่อค้า นางรำ สามี และภรรยา ตลอดเส้นทางต้นจนจบเพื่อป้องกันความผิดพลาด หรือตบตาคนนอกที่อาจลักลอบขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นมันก็คงไม่แปลกนักหากลู่ไป๋หรั่นจะมองว่าความหวังดีในครั้งนี้เป็นเพียง.. ละครฉากหนึ่ง
“ ท่านพี่วางใจ เดิมทีท่านก็มีงานใหญ่ให้ใส่ใจอยู่ก่อนแล้ว เรื่องความเป็นอยู่ระหว่างนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฟูเหรินเถิดเจ้าค่ะ ” ไป๋หรั่นยังคงเสมอต้นเสมอปลายในการเป็นภรรยาที่ดีจนหลายคนถึงกับอิจฉา ทว่าผู้ที่ได้รับสิทธิ์ให้เป็นสามีของนางกลับทำแค่ชำเลืองตาขึ้นมองและพยักหน้าเป็นการอนุญาตก็เท่านั้น
“ ทะเลทรายกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้.. ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาเดินทางสักเท่าไหร่ ” สำหรับนางแล้วเมื่อหันไปรอบกาย ทุกทิศล้วนเหมือนกันยากนักที่จะบอกว่าแท้จริงแล้วเรากำลังเดินหน้าหรือถอยหลัง คงจะมีก็แต่ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถระบุได้ว่ามุ่งหน้ามาถูกทิศทางหรือยัง
“ .. ฟูเหริน ”
หลิวเช่อเปรยขึ้นเบา ๆ พอให้คนงามที่ใช้สายตาสอดส่องรอบข้างหันกลับมามองสามีที่สงบนิ่งของนาง
“ ต่อหน้าทิวทัศน์ว่างเปล่าเหล่านี้ เจ้าคิดอย่างไร ”
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นตัวดลใจให้เขาถามคำถามที่ไร้คำตอบเหล่านี้ออกมา
ไป๋หรั่นทอดมองชายผู้เป็นสามีด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย ผู้ที่โดยปกติแล้วสามารถตอบคำถามหรือร่วมสนทนากับอีกฝ่ายได้อย่างลื่นไหลเช่นนางเงียบไปหลายอึดใจ ถึงขนาดที่ผู้ถามยังนึกสงสัยว่าอะไรทำให้ภรรยาของตนดูจะใช้ความคิดและให้ความสำคัญกับคำถามที่ตนแค่ถามไปส่ง ๆ ถึงขนาดนั้น?
“ เป็นเรื่องยากนักที่จะให้ข้าอธิบายความรู้สึกออกมาภายในคำไม่กี่คำ ” คนงามหันมองธรรมชาติที่ว่างเปล่าอีกครั้ง “ คำตอบนี้ยาวนัก ฟูจวินสะดวกรับฟังหรือไม่ ”
สามีของนางไม่เคยตอบอะไรโดยง่าย ในสายตานางดูเหมือนว่าเขาจะหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะวางหมากเม็ดหนึ่งลงบนกระดาน และเงยหน้าขึ้นเชิงว่าพร้อมแล้วที่จะรับฟัง แน่นอนว่าไป๋หรั่นก็สามารถแปลความหมายของอากัปกิริยานี้ได้ในทันที
“ ทีแรกที่ข้าได้เห็นทิวทัศน์นี้ มันช่างเป็นอิสระที่หอมหวานนัก.. ”
ไป๋หรั่นยื่นแขนไปด้านหน้ารับกับลมทะเลทรายที่พัดผ่านจนผ้าคล้องแขนปลิวไสว “ ทุกอย่างแปลกใหม่ เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เต็มไปด้วยความหวัง.. จวบจนได้มาอยู่ ณ ใจกลางทะเลทรายที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ดูคล้ายกันไปเสียหมด ” สาวงามเฉิดฉายก้มหน้าลงพร้อมรอยยิ้มอ่อนล้า ความรู้สึกที่ผสมปนเปถูกร้อยเรียงออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ บางทีมันก็น่ากลัว ”
“ เพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าทางที่เดินไปอยู่นี้ถูกต้องหรือไม่ ”
เนตรหงส์เคลื่อนจากธรรมชาติที่โหดร้าย กลายมาเป็นกระดานที่กำลังหล่อหลอมค่ายกลลึกล้ำชนิดหนึ่งออกมา “ ทว่าอย่างไรเส้นทางนี้ก็เป็นสิ่งที่หลายคนวาดฝันไว้ นอกจากข้าที่เผชิญหน้ากับความว่างเปล่านี้ บางทีอาจจะมีอีกหลายคนที่เจอเช่นกัน ”
ปลายนิ้วนุ่มจรดลงกับหมากเม็ดหนึ่งบนกระดาน ที่หากเป็นผู้ซึ่งทราบในวิถีหมากย่อมรู้ดีว่ามันเป็นหัวใจหลักของค่ายกลนี้ “ อย่างไรมันก็เป็นเพียงความเพ้อฝันของสตรี.. ที่ยังคาดหวังว่าสุดปลายทางสายนี้จะมีความสุขรออยู่ก็เพียงเท่านั้นเพคะ ”
โอรสสวรค์ชำนาญศาสตร์ศิลป์ถึงเพียงนี้มีหรือจะไม่เข้าใจในความละเอียดอ่อนที่แฝงไว้ในคำพูด ลู่เจาอี๋คือผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารเกี่ยวกับอารมณ์โดยท่องแท้ เรื่องนี้เขาทราบเป็นอย่างดี ทว่าความรู้สึกที่อัดแน่นลึกซึ้งนี้เกรงว่าจะเป็นครั้งแรกที่พึ่งเคยได้สัมผัส
“ ... ”
“ ระหว่างทางน่าหวั่น ปลายทางไม่แน่นอน เรื่องเหล่านี้มนุษย์เราไม่อาจกำหนดได้ ”
คล้ายว่าจะปลอบ แต่ก็ไม่ใช่ หลิวเช่อที่ไม่เคยยอมรับการต้องตกอยู่ใต้บ่วงชะตาฟ้าลิขิตก็แค่ชี้แนะหนึ่งประโยคที่คนอย่างนางย่อมเข้าใจ “ ทำให้ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา คือหนทางเดียวที่จะไม่ต้องเสียดายกับสิ่งใด ”