[หอจิวหลิ่งอิน (หอข่าวสารราชการลับ)]

[คัดลอกลิงก์]
『 ถนนสิบลี้ 』


หอจิวหลิ่งอิน ( 阄岭音 )


โชคชะตาจากเสียงแห่งสายลม





หอที่ตั้งอยู่ภายในนครฉางอัน อัดแน่นไปด้วยดวงไฟส่องสว่างท่ามกลางหมู่แมกไม้ที่ปกคลุมทั่วถนน หอสูงใหญ่ที่ใช้หินขัดอย่างดีสร้างตั้งแต่พื้นลามไปถึงตัวเรือน ก่อให้เกิดเป็นหอสีเทาอ่อนที่ทั้งเด่นเป็นสง่าแต่ก็ยังกลมกลืนไปกับทัศนียภาพของเมือง ในบรรดาชาวฉางอันล้วนทราบกันดี ว่าที่แห่งนี้มีไว้เพื่อมาขอคำปรึกษาปัญหาทางด้านชีวิตคู่ หรือท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยในยุทธจักร โดยสิ่งเหล่านี้คือฉากหน้าของหอจิวหลิ่งอิน แต่ฉากหลังแท้จริงเป็นความลับที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรือเชื้อพระวงศ์ ด้วยผู้คนในหอแห่งนี้ทำงานรับใช้จักรพรรดิโดยตรง ไร้ตำแหน่ง ไร้ชื่อเสียง ไร้นาม ไร้เบี้ยหวัด พวกเขาทำงานด้วยความภักดีและอยู่ในเงามืดของแผ่นดิน ภายในหอแห่งนี้
ส่วนมากมักเป็นทำเนียบรายชื่อผู้คนทั่วแผ่นดินและขุนนางในราชสำนักทั้งหมด รวมไปถึงเหตุการบ้านเมืองที่สำคัญ ๆ 
ที่ผ่านการกลั่นกรองเพื่อรายงานจักรพรรดิ






ลู่ ชางหรง




[ดูประวัติเต็มที่นี่ คลิก]



『 ป้ายประกาศ 』

- รับบริการปรึกษาปัญหาชีวิตคู่ครอง และ การท่องยุทธจักรอย่างปลอดภัย -

แบบฟอร์มรับปรึกษาความรัก
นาม (หรือสมญานาม):
....................................................

อายุโดยประมาณ:
○ ต่ำกว่า 20 ปี
○ ระหว่าง 20 – 30 ปี
○ มากกว่า 30 ปี
○ ข้ามภพมาเกิดใหม่ (โปรดระบุ)

เพศ:
○ ชาย
○ หญิง
○ มิระบุ
○ แปรผันตามฤดูกาล

สถานภาพแห่งดวงใจ:
○ มีคนในดวงใจแล้ว
○ กำลังแอบรัก
○ อยู่ในความสัมพันธ์ที่สับสน
○ หัวใจร้างไร้คู่
○ เคยมีรัก แต่กลายเป็นควันธูปไปเสียแล้ว

🌸 โปรดบอกเล่าความในใจของท่าน
1. ท่านกำลังประสบปัญหาในเรื่องใด?
(เช่น รักต้องห้าม, ท่านอาจารย์เย็นชา, เขาไม่รู้ใจเรา, หรือเราสองผู้เป็นศัตรูแต่ใจกลับคล้องรัก)

......................................................................................

......................................................................................

2. ท่านคาดหวังสิ่งใดจากการปรึกษาครั้งนี้?
(อยากได้แนวทาง, คำแนะนำ, คำปลอบโยน, หรือแม้แต่บทกลอนส่งใจ)

......................................................................................

3. ท่านเคยลองทำสิ่งใดมาแล้วบ้าง?
(เช่น ฝากจดหมาย, ทำของหวานไปให้, ตั้งใจสบตา, หรือเฝ้ามองแต่ไม่กล้าพูด)

......................................................................................

4. ความสัมพันธ์ของท่านกับอีกฝ่ายเป็นเช่นไร?
○ เคยพูดคุยกัน
○ เป็นศิษย์-อาจารย์
○ ท่านสูงศักดิ์เกินเอื้อม
○ เขา/นางไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ
○ อยู่คนละแคว้น แต่ใจเดียวกัน

🍃 เสริมเพิ่มเติม (ถ้ามี)
อยากเล่าอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลนั้น หรือความรู้สึกของท่าน
......................................................................................

......................................................................................

หมายเหตุ: หากมาติดต่องานติดต่อกับพนักงานเท่านั้น และค่าบริการแล้วแต่ศรัทธา
แต่ก็ไม่ควรน้อยเกินไปหากคุณพึงพอใจ และ ไม่ต้องระบุชื่ออีกฝ่ายได้
กรณีคุณไม่อยากให้เป็นข่าวลือหลุดไป







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8193 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-9-7 23:47
โพสต์ 2025-7-29 17:06:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-29 17:09


วันที่ 29 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 12.00 น. ณ ถนนสิบลี้ หอจิวหลิ่งอิน (หอข่าวราชการลับ)

อีเว้นท์ ภารกิจ “มิตรภาพเหนือกาลเวลา”


เมื่อก้าวเข้าสู่เขตหอจิวหลิ่งอิน หลินหยาก็ถึงกับหยุดยืนงงไปชั่วครู่ บรรยากาศภายในเย็นเฉียบและเงียบเกินปกติ แสงตะเกียงตามเสาไม้สูงส่องแสงอ่อน ๆ ขับให้หอสีเทาอ่อนดูสง่างามแต่แฝงความน่าหวั่นเกรง เสียงใบไม้ไหวเบา ๆ จากหมู่แมกไม้ด้านนอกยิ่งทำให้ความเงียบชัดเจนขึ้น หญิงสาวย่างเท้าเข้าไปด้วยความระแวดระวัง สายตาหลายคู่ที่เหมือนจะซ่อนอยู่ในเงามืดจับจ้องมาที่เธอทุกฝีก้าว แม้จะไม่เห็นชัด แต่หลินหยารู้แน่ว่ากำลังถูกเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง เธอพยายามทำหน้าเรียบเฉยแต่อดรู้สึกขนลุกไม่ได้


ภายในหอใหญ่ รายชื่อมากมายถูกจัดเรียงบนแผ่นกระดาษแผ่นไม้ติดอยู่เต็มกำแพง ดวงไฟกระทบตัวอักษรที่ถูกจารด้วยลายมืออันคมกริบ หลินหยามองแล้วกลืนน้ำลาย ความรู้สึกเหมือนตนกำลังเดินอยู่ท่ามกลางเงามืดของราชสำนัก นางเดินไปยังโต๊ะรับแขกด้านหน้า มีบุรุษหนุ่มในชุดสีดำเรียบ ๆ นั่งรออยู่ สายตาคมจ้องมาเหมือนจะทะลุทะลวงใจเธอได้ หลินหยาส่งยิ้มแหย ๆ ให้แล้วพูดเสียงเบา “เอ่อ...ข้าอยากปรึกษาเรื่องข้อมูลเจ้าค่ะ”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบเรียบ “เรื่องความรักใช่หรือไม่? หากท่านต้องการขอคำปรึกษา หอจิวหลิ่งอินเรายินดีรับฟังทุกความในใจ—”


“แง้! ไม่ใช่ความรักเจ้าค่ะ!” หลินหยาถึงกับยกมือปฏิเสธแทบไม่ทัน “ข้าไม่ได้มาปรึกษาหัวใจหรอกนะเจ้าคะ แต่อาจจะเกี่ยวข้องด้วยเหมือนกัน…เอิ่ม ข้ามาเพื่อ...เอ่อ...ข้อมูลเจา้ค่ะ” บุรุษในชุดดำเงียบไปชั่วครู่ สายตาคมกริบยังคงจ้องมองเธออย่างจับผิด ราวกับจะอ่านว่าเธอพูดความจริงหรือไม่ หลินหยาสูดลมหายใจ แล้วรีบควักตราประทับของเถียนเฟิงออกมายื่นให้ 


“ต้าซือคงส่งข้ามา เขาบอกแค่นั้นบอกว่าพวกท่านจะเข้าใจ” เมื่อแสงตะเกียงสะท้อนตราของเถียนเฟิง ชายหนุ่มคนนั้นชะงักเล็กน้อย สีหน้าท่าทีเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ และลุกขึ้น “เชิญตามข้ามา...” หลินหยาพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง “โอ้โห...เถียนเฟิง ข้าจะฆ่าเจ้า ถ้าให้ข้ามาที่นี่แล้วโดนจับกินแทนหม้อไฟนะ” แต่ถึงจะบ่นแค่ไหน หญิงสาวก็ต้องฝืนยิ้มแล้วเดินตามชายหนุ่มในชุดดำเข้าไปสู่ส่วนลึกของหอจิวหลิ่งอิน ที่ความลับทั้งหลายกำลังรอเปิดเผยอยู่…


ภายในห้องของหอจิวหลิ่งอิน เงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษแผ่วเบา บุรุษที่นั่งอยู่กลางห้องสวมชุดสีน้ำเงินเข้มปักลายกระบี่ลมพัด ดวงตาคมเย็นชาดุจดาบไร้ฝักสะท้อนแสงตะเกียง เส้นผมยาวถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย แต่กลับมีปอยผมบางเส้นร่วงระใบหน้าเพิ่มเสน่ห์ที่ดูละเมียดละไมและแฝงความอันตราย หลินหยาก้าวเข้ามาในห้องพร้อมคนพาของเธอที่ส่งสัญญาณให้ชายคนนั้น เหมือนเขาจะรับรู้บางอย่างเพราะแววตาที่กำลังเรียบนิ่งกลับเปลี่ยนเป็นเฉียบคมทันที


"มีอะไรกับหอจิวหลิ่งอินหรือมานั่งระบายเรื่องชายเจ้าชู้ให้ฟัง?" น้ำเสียงเรียบแต่ทิ่มแทง หญิงสาวถึงกับอยากเบ้ปากใส่แต่ก็ต้องเก็บไว้ในใจ "นี่ท่าน...ข้าดูเหมือนคนมาเล่าปัญหาความรักตรงไหนกัน?เจ้าคะ?”


ชายคนนั้น ลู่ ชางหรง หรือจือเหริน ยักคิ้วเล็กน้อยก่อนวางเอกสารลงบนโต๊ะไม้ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ จ้องมองหลินหยาด้วยแววตากึ่งหยอกกึ่งเย้ย “ก็มันเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้ามาที่นี่เพื่อขอคำปรึกษาแบบนั้นนี่ ข้าจะคิดอย่างอื่นได้อย่างไรล่ะ แม่นาง?”


"หยุดพูดปากเสียสักครั้งได้ไหมเจ้าคะ" หลินหยาสวนกลับทันที เธออยากมือเท้าเอวด้วยสีหน้าไม่พอใจแต่ยังไม่สนิทเลยทำอะไรไม่ได้ "ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญเจ้าค่ะ" 


ชางหรงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงนั้นทั้งยียวนและจริงใจในเวลาเดียวกัน "หึ...พูดแบบนี้แล้วน่าสนใจ ข้าล่ะอยากฟังเสียแล้วว่าท่านต้าซือคงถึงกับส่งเจ้ามาเอง" เขากล่าวพลางเอื้อมมือไปรับตราประทับของเถียนเฟิงที่หลินหยายื่นให้ แววตาคมกริบกวาดมองตรานั้นแล้วพยักหน้าเบา ๆ "เอาล่ะ แม่นางพูดมา ข้าฟังอยู่...แม้ว่าจะปากเสีย แต่ข้าก็ทำงานจริงจัง" ชางหรงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนมีรอยยิ้มเจืออยู่ มองหลินหยาด้วยสายตาของผู้ที่พร้อมจะฟังทุกอย่าง ทว่าความคมกริบในดวงตานั้นบ่งบอกชัดว่า หากมีสิ่งใดผิดพลาดแม้แต่น้อย เขาจะเป็นดั่งมัจจุราชเงียบที่ไม่มีใครหลบพ้น


หลินหยาสูดลมหายใจ ก่อนจะก้าวไปนั่งตรงข้ามจือเหริน เธอจ้องเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัว "ข้าต้องการข้อมูล...เกี่ยวกับจงฉางชื่อเจ้าค่ะ" ทันทีที่สิ้นคำพูด ห้องทั้งห้องเหมือนจะเงียบลงกว่าเดิม รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นมุมปากของชางหรง "โอ...คนที่แม้แต่เงาก็ยากจะตาม...เจ้ามันบ้าหรือกล้ากันแน่แม่นาง?"


"ทั้งสองอย่าง" หลินหยาตอบสั้น ๆ แต่น้ำเสียงหนักแน่น


ชางหรงหัวเราะในคออีกครั้ง คราวนี้เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความสนใจที่จริงจัง “ข้อมูลที่แม่นางต้องการ มันจะไม่ทำให้เจ้าสบายใจแน่ แล้วแม่นางช่วยบอกได้ไหม? ว่าแม่นางทำไมถึงอยากได้ข้อมูลของจงฉางชื่อนัก” เขาขอถามหลินหยาโดยที่ไม่ถามกระทั่งชื่อ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องถามชื่อหลินหยาด้วยซ้ำ


“ข้าชอบเขา” หลินหยามองตอบอย่างไม่หลบสายตาแม้ร่างกายจะแฝงความตึงเครียด


“พระเจ้า…” ชางหรงพึมพำคล้ายกับกำลังด่าใครในใจ เขาพิงพนักเก้าอี้และถอนหายใจแรง “แม่นางเจ้า…ตาบอดหรือเปล่า? นี่มันงานช้างของจริง” จากนั้นก็หันมามองหลินหยาอย่างตั้งคำถาม “แล้วแม่นางมาทำให้ข้าเดือดร้อนถึงที่นี่เพื่ออะไร บอกตามตรงนะ นอกจากหัวเจ้าจะร้อนแล้ว เจ้ากล้าดีแค่ไหนถึงอยากสืบเรื่องจงฉางชื่อ?”


หลินหยาจับมือที่วางบนโต๊ะแน่น เธอกัดริมฝีปากแล้วตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะข้าอยากรู้ความจริง ข้าอยากรู้ว่าในเงามืดที่เขาซ่อน ข้าอยู่ตรงไหน…สำหรับเขา เขาทำอะไรกับคนรอบข้างของข้า มันหนักหนาถึงเพียงใด” ชางหรงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แต่ไม่ใช่เสียงหัวเราะที่ขบขัน หากเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเยาะหยันและเหนื่อยหน่าย “เรื่องหัวใจงั้นหรือ…หนักหนาจริงเชียว…แม่นางไม่รู้หรือว่ามันเป็นเกมที่เจ้าจะเสียเปรียบตั้งแต่แรก”


“ไม่ว่ามันจะเป็นเกมหรือกับดัก ข้าต้องการรู้ไม่งั้นข้าจะมืดบอดและตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย” หลินหยายังคงสบตาเขาโดยไม่กะพริบ


“แม่นางเจ้ารู้ไหมว่าจงฉางชื่อเป็นใครในโลกนี้” ชางหรงพูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ “เขาไม่ใช่คนที่ให้ใครมาแอบสืบแล้วจะรอดกลับไปได้ง่าย ๆ เขาเป็นจงฉางชื่อ ไม่ใช่แค่ขันที เขาเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ ใครคิดจะล่วงรู้ความลับของเขา…จะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่างเสมอ” หลินหยากัดฟันแน่นแต่ยังคงตอบเสียงหนักแน่น “แม้ต้องแลก ข้าก็อยากรู้เจ้าค่ะ” ชางหรงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาคมกริบกวาดมองหญิงสาวตรงหน้า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังทำเพื่อตัวเองหรือเพราะเจ้าหลงทางจนไม่เหลือสติ แต่ข้าจะถามอีกครั้ง…เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าอยากก้าวเข้าไปในเงามืดของเขา? ที่นั่นอาจไม่มีแสงสำหรับเจ้าหรอก”


หลินหยาสูดลมหายใจลึก “ข้าแน่ใจ” 


ชางหรงถอนหายใจแล้วเอนตัวไปข้างหน้า มือเขากระแทกกับโต๊ะเบา ๆ พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้หลินหยาจนเธอสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน “ดี…แม่นางก็จำคำพูดนี้ไว้ ข้าจะหาข้อมูลให้ แต่เมื่อข้าหามา แม่นางต้องพร้อมรับทุกสิ่งที่ได้ยิน ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน”


ลู่ชางหรงยกมือขึ้นลูบขมับ พลางเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ที่ส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ แววตาของเขามองหลินหยาอย่างพิจารณา ริมฝีปากแสยะยิ้มบางแบบคนที่เจอเรื่องยุ่ง ๆ อยู่บ่อยจนชิน แต่ก็ยังอดถอนหายใจไม่ได้ “ข้าจะพูดตรง ๆ นะ ความสัมพันธ์ของแม่นางกับจงฉางชื่อคนนั้น...มันประหลาด มันไม่ใช่สิ่งที่คนปกติควรเข้าไปยุ่งด้วยหรอก” น้ำเสียงของเขานั้นนิ่ง ทว่าซ่อนความหนักใจเอาไว้ชัดเจน


หลินหยานั่งนิ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ถึงจะมีแววเศร้าลึก ๆ แต่ก็ยังชัดเจนว่าเธอไม่ได้ลังเลกับสิ่งที่ต้องทำ ลู่ชางหรงหันหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อเสียงต่ำ “แต่ข้าจะไม่ถามว่าแม่นางทำไปเพื่ออะไร เพราะไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง แม่นางก็เดินมาถึงจุดนี้แล้ว... ข้าหาข้อมูลให้ได้ แต่...อาจใช่เวลาเรื่องพวกนี้มันไม่ได้ได้มาง่าย ๆ และยิ่งเป็นคนอย่างคนผู้นั้น...ข้อมูลของเขาแทบจะนับว่าเป็นพิษต่อผู้ที่ถือครอง”


หลินหยายกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะแผ่ว ๆ เหมือนขำทั้งสถานการณ์และตัวเอง “ข้าไม่เป็นไรหรอก เอาเท่าที่พวกท่านไหวรักษาตัวเองให้รอดเพียงพอ ได้ข้อมูลอะไรแจ้งข้ามาด้วยแล้วกันเจ้าค่ะ” ว่าแล้วนางก็เอื้อมมือไปหยิบห่อผ้าออกจากแขนเสื้อ วางมันลงบนโต๊ะเสียงดังหนักแน่น เมื่อคลี่ออกมาก็เผยให้เห็นทองคำที่ส่องประกายสะท้อนกับแสงไฟ 50 ตำลึงเต็มจำนวน “นี่...” หลินหยายื่นไปตรงหน้าเขา แววตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนสบกับเขาอย่างไม่หลบเลี่ยง “ห้าสิบตำลึงทอง จ่ายให้ล่วงหน้า ถ้าได้ข้อมูลดี ข้าจะให้เพิ่มอีก ตามกำลังที่ข้าศรัทธา” น้ำเสียงของเธอนิ่งเฉยแต่กลับแฝงความมุ่งมั่นที่ไม่ต้องการปฏิเสธ


ลู่ชางหรงเหลือบตามองทองคำพวกนั้น จากนั้นก็ปรายตามองหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ตรงข้าม ริมฝีปากของเขายกยิ้มเย็นที่ไม่รู้ว่าล้อเล่นหรือจริงจัง “ใจเด็ดนักแม่นาง... ได้ ข้าจะทำงานให้คุ้มกับราคาที่เจ้ามอบ” เขาหยิบถุงทองไปพลิกดูเล็กน้อย ก่อนจะเก็บลงในแขนเสื้อของตน “รอข่าวของข้า... แล้วอย่าไปสร้างเรื่องให้ตัวเองตายก่อนจะได้คำตอบที่อยากรู้ล่ะ” น้ำเสียงทิ้งท้ายของเขานั้นเจือความประชด แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความจริงจังอย่างปิดไม่มิด


แต่กระนั้นลู่ชางหรงก็ยังคงเท้าคางมองหลินหยาที่อาจจะมีหลากหลายอารมณ์ด้วยจากดวงตาของเขาที่ตอนนี้มองนางด้วยสายตากึ่งสมเพชกึ่งขบขัน “ข้าอาจช่วยเจ้าได้แค่หาข่าว แต่วิธีที่จะทำให้เจ้าหายฟุ้งซ่าน ข้าไม่มีหรอกเพราะเรื่องนี้มันไปไกลเกินกว่าที่ข้าจะคาดคิด” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูราวกับกำลังคิดคำนวณอะไรบางอย่าง “แต่ข้าเคยได้ยินว่า ในตลาดตะวันออก มีซินแสคนหนึ่ง...ไม่ธรรมดา”


หลินหยาย่นคิ้ว แสดงท่าทีสงสัยชัดเจน “ซินแสหรือเจ้าคะ? คนทำนายดวงอะไรพวกนั้นเหรอ?”


“ไม่ใช่พวกปากพล่อยที่หลอกเอาเงินชาวบ้านหรอก” ลู่ชางหรงยิ้มมุมปาก พูดพลางเอนตัวพิงเก้าอี้ “ว่ากันว่าคนนั้นชี้เส้นทางให้คนหลงทางได้ โดยเฉพาะพวกที่ในหัวมีแต่เรื่องยุ่งเหยิงเหมือนเจ้า...พวกที่ไม่รู้จะก้าวต่อไปทางไหนดี” หญิงสาวทำตาเขม็งใส่เขาทันที “ท่านนี่มันปากร้ายจริง ๆ” ลู่ชางหรงมองหน้าหลินหยาแล้วรีบตอบทันควัน “ข้าแค่พูดความจริง” ชางหรงหัวเราะแผ่ว มองใบหน้าของหลินหยาอย่างสนุกที่ได้ยั่วเธอ ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “เขามักจะปรากฏตัวที่ตลาดตะวันออก ช่วงยามเว่ย...ถ้าเจ้าสนใจก็ลองไปดู แต่ระวังตัวด้วย เพราะคนที่เดินกับโชคชะตามักไม่ธรรมดา”


หลินหยากอดอก ถอนหายใจเบา ๆ แต่ในแววตากลับมีประกายความสนใจ “ได้สิเจ้าคะ ข้าจะลองไป”

 

“ดี” ลู่ชางหรงพยักหน้าช้า ๆ สายตาคมเข้มจ้องเธอราวกับกำลังบอกเป็นนัย “แล้วอย่าลืม...ถ้ามีปัญหาก็มาหาข้าอีกได้ แต่อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายใส่ก็แล้วกัน ข้าปลอบคนไม่เก่ง” หลินหยาเลิกคิ้ว มุมปากยกยิ้มบาง “ใครจะไปร้องต่อหน้าท่านกันเล่าเจ้าค่ะ...” นางตอบพลางหันหลังเตรียมออกไปจากห้อง ทิ้งให้ชางหรงนั่งมองตามหลังเธอด้วยแววตาที่อ่านยาก ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “เด็กสาวคนนี้...ช่างบ้าบิ่นจริง ๆ”




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: 

จ่ายค่าข่าวตามกำลังศรัทธา 50 ตำลึงทอง

(เอาข้อมูลมาด้วยจ้า ฉันไม่จ่ายเงินฟรี ๆ หรอกนะ)


(เอาข้อมูลม๊าาาาาา)


รางวัล: ได้รับ "ข้อมูลลับเกี่ยวกับจางกงกง" (ไอเท็มประกอบฉาก)

พบและพูดคุยกับ [NPC ตัวประกอบ ลู่ ชางหรง]


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 51,094 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-29 17:06
โพสต์ 51,094 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-29 17:06
โพสต์ 51,094 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-7-29 17:06
โพสต์ 51094 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-29 17:06
โพสต์ 51,094 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-7-29 17:06
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-9-28 21:50:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-28 21:52


วันที่ 27 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไฮ่ (เวลา 21.00 - 23.00 น.)



ท่ามกลางความเงียบสงบยามราตรีแห่งนครฉางอันที่ค่อย ๆ คลี่คลุม ดวงไฟสีนวลนับพันนับหมื่นดวงที่ถูกจุดขึ้นตามถนนหนทางและริมระเบียงของบ้านเรือนต่าง ๆ พากันส่องแสงอบอวลไปทั่วทั้งเมือง แม้แต่หอจิวหลิ่งอินซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลจากใจกลางตลาด ก็ยังประดับประดาด้วยโคมไฟที่เปล่งแสงนุ่มนวลชวนฝัน คอยขับเน้นให้เห็นหอสูงใหญ่ที่ก่อร่างขึ้นจากหินขัดเนื้อดี สีเทาอ่อนของตัวหอที่ผุดผ่องไร้ริ้วรอยนั้นช่างดูโดดเด่นเป็นสง่า ทว่าก็กลมกลืนไปกับหมู่แมกไม้นานาพันธุ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมอยู่โดยรอบได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ซูเหยาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้อาคารแห่งนั้น หัวใจของนางเต้นรัวแรงด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก นางจำต้องมาในค่ำคืนนี้ตามคำนัดหมายของคุณชายห่าวหมิง ชายผู้นั้นที่แม้จะช่วยชีวิตนางไว้ (ด้วยกรอกยาแก้พิษแต่ก็คร่าผู้มีพระคุณของนางเช่นกัน) แต่ก็ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นจนแทบไม่อยากเข้าใกล้ เมื่อคิดถึงคำขู่กลาย ๆ ของเขาที่กล่าวว่าหากปฏิเสธงานของเขาชีวิตของนางอาจจะลำบากยิ่งกว่าเดิม ความกลัวนั้นก็ทำให้นางจำต้องมาตามนัดอย่างเสียไม่ได้

ขณะที่ความคิดกำลังสับสนอยู่นั้น มือปริศนาคู่หนึ่งก็ฉวยคว้าแขนนางไว้ ก่อนจะลากนางให้เดินเข้าไปในเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ ซูเหยารู้สึกตกใจจนร่างสะท้าน ทว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นชายชุดดำที่นางคุ้นเคยยืนอยู่พร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ นางจึงรู้ทันทีว่าคนผู้นั้นคือลูกน้องของคุณชายห่าวหมิงนั่นเอง ชายชุดดำเพียงแค่ชี้มือไปยังอาคารด้านหน้าซึ่งมีห้องลับซ่อนอยู่ นางจึงเดินนำเข้าไปอย่างเงียบ ๆ

ภายในห้องลับนั้นค่อนข้างคับแคบ ทว่ากลับดูสะอาดสะอ้านและมีแสงสว่างพอควรจากตะเกียงน้ำมันที่จุดไว้บนโต๊ะไม้กลมเล็ก ๆ ที่ทำจากไม้จันทน์หอม ตรงกลางห้องมีร่างของชายผู้หนึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว แผ่นหลังของเขากว้างใหญ่และดูแข็งแกร่งจนน่าเกรงขาม ชายผู้นั้นหันหน้ามาสบตากับนาง ดวงตาภายใต้หน้ากากครึ่งหน้าที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตนั้นฉายแววลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดา ซูเหยาเพียงแค่ย่อตัวลงคำนับให้เขาเบา ๆ เพื่อเป็นการขออภัยที่มาถึงช้า ก่อนที่นางจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า

"คะ...คุณชายห่าวหมิง ข้าขออภัยที่มาช้าเจ้าค่ะ เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินต้องช่วยรักษาผู้ป่วย ท่านโปรดอย่าได้ถือโทษข้าเลยนะเจ้าคะ"

คุณชายห่าวหมิงเพียงแค่โบกมือเบา ๆ เป็นเชิงว่าไม่สนใจในเรื่องนั้น สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่นาง ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและเย็นชาจนน่าขนลุก

"ข้าไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เจ้ามาแล้วก็ดี ข้ามีภารกิจใหม่ให้เจ้าทำ ภารกิจนี้สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเจ้าเสียอีก"

เมื่อกล่าวจบ เขาก็ล้วงหยิบม้วนกระดาษม้วนหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อของเขา แล้วยื่นมันให้นาง ซูเหยารับมันมาอย่างสั่นเทา ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เบาลง ทว่ากลับแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้คนฟังรู้สึกหนาวสะท้าน

"ในหอจิวหลิ่งอินแห่งนี้ มีสายลับที่แฝงตัวอยู่ พวกมันคอยส่งข่าวให้พวกหวยหนานหวาง...ข้าต้องการให้เจ้าสืบหาตัวมัน"

ซูเหยากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ภารกิจที่เขาบอกมานั้นช่างดูอันตรายและเกินตัวสำหรับนางอย่างยิ่ง

"คุณชาย...ข้าเป็นเพียงแค่หมอคนหนึ่ง จะให้ข้าสืบราชการลับได้อย่างไรเจ้าคะ?"

คุณชายห่าวหมิงเพียงแค่แสยะยิ้มที่มุมปาก

"เจ้าไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่เข้าไปทำงานในหอจิวหลิ่งอินนี้ เก็บข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น่าสงสัย แล้วนำมารายงานข้าก็พอ ที่เหลือข้าจะจัดการเอง"

เขาเดินเข้ามาใกล้นางมากขึ้น จนนางสามารถมองเห็นเงาของเขาที่ทาบทับลงบนพื้นได้อย่างชัดเจน เสียงของเขาที่กล่าวออกมานั้นแหบพร่า ทว่ากลับหนักแน่นและกังวานอยู่ในโสตประสาทของนาง

"จำไว้ว่าอย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าทำงานให้ข้า หากเจ้าถูกจับได้...เจ้าก็รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร"

คำขู่ที่แสนตรงไปตรงมานั้นทำให้ซูเหยารู้สึกหวาดกลัวจนตัวชา นางรับภารกิจนี้ไปอย่างเสียไม่ได้ เพราะความกลัวในใจนั้นมีมากกว่าสิ่งอื่นใด หากนางปฏิเสธไป ก็คงไม่พ้นต้องตายอย่างแน่นอน

หลังจบประโยคนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมบรรยากาศ คุณชายห่าวหมิงก้าวถอยห่างจากซูเหยาเล็กน้อย เขากำลังจะหันหลังกลับ ทว่าคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยปากออกมาช้า ๆ

"ข้าได้ประสานงานกับผู้ดูแลหอจิวหลิ่งอินแล้ว และขอให้เจ้าเข้ามาทำงานชั่วคราวเป็นหมอประจำหอเป็นเวลาสามวัน เพื่อเป็นข้ออ้างให้เจ้าสามารถเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ ในหอได้โดยไม่ผิดสังเกต"

ซูเหยารับคำอย่างหวาดหวั่นในใจ ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจ

"แต่...ถ้ามีคนไข้..."

"ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น" เขาตอบกลับมาทันควัน ราวกับรู้ว่านางจะถามอะไร "เจ้าเพียงแค่ออกตัวว่ามีธุระสำคัญให้ต้องไปทำข้างนอกเสียก่อน หากมีคนไข้ที่อาการหนักจริง ๆ พวกเขาก็จะประสานงานไปให้เจ้าในภายหลัง แต่ถ้าหากเป็นแค่อาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ"

ซูเหยาได้แต่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก คุณชายห่าวหมิงเห็นว่านางรับทราบแล้ว จึงกล่าวต่อ

"พรุ่งนี้เจ้าก็เริ่มงานได้เลย ที่นี่มีคนของเราคอยเฝ้าดูเจ้าอยู่ หากมีเรื่องไม่ชอบมาพากลใด ๆ ก็ให้รีบแจ้งคนของเราทันที"

เมื่อพูดจบ เขาก็หันหลังให้ซูเหยา แล้วเดินจากไปในเงามืดอย่างเงียบ ๆ ทิ้งให้นางยืนอยู่เพียงลำพังในห้องลับที่มืดสลัว ความหวาดหวั่นและความกังวลเข้าจู่โจมจิตใจของนาง นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของตนเองจะต้องมาพัวพันกับเรื่องราวที่อันตรายและลับลมคมในเช่นนี้ นางถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วจึงค่อย ๆ เดินออกจากห้องนั้นไปตามทางที่เข้ามา เพื่อมุ่งหน้ากลับสู่โรงหมอเจิ้งเทียน


เควสปลดใจ: เงาอำมหิตในวังวน (2)
เป้าหมาย: ตกลงรับภารกิจอย่างเสียไม่ได้ (ทางเลือกอื่นคือความตาย)



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16,543 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-28 21:50
โพสต์ 16,543 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-28 21:50
โพสต์ 16,543 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 ความโหด จาก จี้หยกรูปปลา  โพสต์ 2025-9-28 21:50
โพสต์ 16,543 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-9-28 21:50
โพสต์ 16,543 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-9-28 21:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-29 22:30:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 28 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ตลอดทั้งวัน



ยามเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ณ หอจิวหลิ่งอิน ที่แม้จะไม่ได้พลุกพล่านด้วยผู้คนเฉกเช่นยามค่ำคืน แต่กลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ขึงขังและเปี่ยมด้วยระเบียบวินัย ลมหนาวบางเบาที่พัดผ่านเข้ามายังโถงใหญ่ของหอคอยแห่งนี้ ทำให้ซูเหยาต้องกระชับเสื้อผ้าให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย นางก้าวเดินเข้าไปในตัวหอด้วยท่าทีที่สุภาพเรียบร้อย ทว่าในใจกลับรู้สึกประหม่าอย่างที่สุด มือของนางที่ถือห่อผ้าบรรจุเครื่องมือทางการแพทย์ดูราวกับกำลังจับก้อนหินหนักอึ้ง

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องทำงานที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ นางก็พบกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ชายผู้นั้นมีใบหน้าเคร่งขรึมดูน่าเกรงขาม ดวงตาของเขากวาดมองซูเหยาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพิจารณา ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเปี่ยมไปด้วยอำนาจ

“ท่านคือหมอซูเหยาใช่หรือไม่?”

ซูเหยาผงกศีรษะรับเบา ๆ พร้อมกับก้มตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านคือ...”

“ข้าคือผู้ดูแลหอจิวหลิ่งอินแห่งนี้” ชายผู้นั้นแนะนำตัวอย่างสั้น ๆ “เมื่อคืนท่านห่าวหมิงได้ส่งสารมาบอกเรื่องของท่านแล้ว ท่านเข้ามาทำงานที่นี่ได้เลย”

เขาชี้นิ้วไปยังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องทำงาน ซึ่งมีป้ายไม้แกะสลักคำว่า ‘หมอ’ วางอยู่ด้านบน ป้ายนั้นถูกวางเคียงคู่กับถุงผ้าสีดำสนิทที่วางนิ่งอยู่ข้างกัน ซูเหยาเข้าใจทันทีว่านี่คือป้ายแสดงตัวตนของนาง และสิ่งที่อยู่ในถุงผ้าก็คงจะเป็นสิ่งของที่ใช้ในการติดต่อกับคนของคุณชายห่าวหมิงนั่นเอง

ซูเหยารู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัวเมื่อนึกถึงคำขู่ของชายผู้นั้น ก่อนที่นางจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด

“ข้าต้องรบกวนท่าน นำพาข้าไปพบกับเหล่าสหายร่วมงานของข้าในหอแห่งนี้ด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะได้แนะนำตัวและทำความรู้จักกับพวกเขา”

เขาผายมือไปยังประตูห้องอย่างสุภาพ

“ตามสบาย”

การแนะนำตัวเป็นไปอย่างเรียบง่าย ทว่าเปี่ยมไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ ซูเหยาพยายามยิ้มแย้มและสร้างมิตรกับทุกคนเท่าที่จะทำได้ นางพูดคุยทักทายกับเหล่าสายลับแต่ละคนที่ปรากฏตัวตามจุดต่าง ๆ ของหออย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะกล่าวแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ข้าชื่อซูเหยา เป็นหมอที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลสุขภาพของพวกท่านทุกคน หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยได้ ก็ขอให้ท่านอย่าได้เกรงใจนะเจ้าคะ”

บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงเมื่อทุกคนต่างก็รู้สึกดีกับท่าทีที่เป็นกันเองของนาง และเมื่อได้เวลาที่นางจะต้องเริ่มทำงาน ซูเหยาก็เริ่มสำรวจตรวจร่างกายของเหล่าสายลับทีละคนอย่างละเอียดตามคำสั่งของคุณชายห่าวหมิง ภายใต้สายตาที่คอยตรวจจับชีพจรและสังเกตอาการภายนอกที่ดูเหมือนจะเป็นการรักษาตามปกติ สายตาของนางกลับสอดส่องและจดจำรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ของแต่ละคนอย่างแนบเนียน

ซูเหยานั่งลงบนเก้าอี้ไม้แกะสลักอย่างประณีต ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงานคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังให้นางอยู่ เขาเป็นหนึ่งในสายลับที่ทำงานในหอแห่งนี้ ทันทีที่ซูเหยาแตะนิ้วลงบนข้อมือของเขาเพื่อตรวจชีพจร นางก็สังเกตเห็นรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่อยู่ด้านในแขนเสื้อที่เลิกขึ้นเพียงเล็กน้อย รอยนั้นมีลักษณะคล้ายกับรอยไหม้ที่เกิดจากไฟไหม้ แต่ก็มีลักษณะแปลกไปจากรอยไหม้ธรรมดาเล็กน้อย นางพยายามนึกทบทวนในใจว่าเคยเห็นรอยแผลเป็นแบบนี้จากที่ใดมาก่อนหรือไม่ แต่ก็ไม่สามารถนึกออกได้ จึงได้แต่จดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไว้ในใจ แล้วก็ถามชายหนุ่มขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ

“ท่านดูท่าจะพักผ่อนไม่เพียงพอเลยนะเจ้าคะ ใบหน้าดูอิดโรยนัก”

ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“เป็นเพราะเมื่อคืนต้องทำงานจนดึกดื่นขอรับ”

ซูเหยาเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะแนะนำให้เขาดื่มชาสมุนไพรบำรุงสุขภาพ

“ชาดอกเก๊กฮวยจะช่วยให้ท่านรู้สึกสดชื่นขึ้น และจะช่วยให้การพักผ่อนของท่านดีขึ้นนะเจ้าคะ”

การตรวจร่างกายดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซูเหยาใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นธรรมชาติ บางครั้งก็ชวนคุยเรื่องทั่วไปเพื่อดูท่าที บางครั้งก็ถามเรื่องสุขภาพเพื่อดูปฏิกิริยา ตอบสนองของพวกเขา อย่างชายอีกคนหนึ่งที่เข้ามา นางก็ชวนเขาคุยเรื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการทำงาน

“ยาสลบที่พวกท่านใช้กันนั้นเป็นตัวยาที่อันตรายยิ่ง หากใช้ไม่ถูกวิธีจะทำให้ผู้ใช้ถึงแก่ความตายได้นะเจ้าคะ”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าซูเหยาได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับมาทันควัน

“ข้าทราบแล้วขอรับหมอซู ข้าไม่คิดว่ามันจะอันตรายขนาดนั้น”

ซูเหยาเห็นท่าทีที่ดูผิดสังเกตของเขาจึงกล่าวต่อไป

“ยาบางชนิดก็ไม่ได้มีผลต่อร่างกายมนุษย์ได้โดยตรง แต่หากนำไปผสมกับตัวยาอื่นก็อาจจะทำให้เกิดพิษร้ายแรงได้ เช่นเดียวกับที่ท่านใช้ยาสลบไปพร้อมกับ...”

ก่อนที่ซูเหยาจะพูดจบ ชายหนุ่มคนนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด

“ข้าขอตัวไปทำธุระก่อนขอรับ”

ซูเหยาได้แต่ยิ้มบาง ๆ และมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินออกไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มผู้นั้นด้วยความรู้สึกที่คาใจ ไม่เพียงแค่การตรวจร่างกายในยามกลางวันเท่านั้น ซูเหยายังใช้เวลาในยามค่ำคืนในการสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ในหอจิวหลิ่งอินอย่างลับ ๆ อีกด้วย

แสงจันทร์สีนวลอ่อนที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างของหอจิวหลิ่งอิน ทำให้บรรยากาศในยามราตรีแห่งนี้ดูเงียบสงบและลึกลับ ซูเหยาสวมใส่เสื้อผ้าสีเข้มเพื่อกลมกลืนไปกับความมืดมิด นางค่อย ๆ ย่องออกมาจากห้องพักของตนเองอย่างเงียบกริบ พยายามไม่ให้เกิดเสียงฝีเท้าใด ๆ นางเดินสำรวจไปตามโถงทางเดินที่ว่างเปล่าราวกับมีเพียงแค่เสียงลมที่พัดผ่านมาเพียงเท่านั้น

ในขณะที่เดินสำรวจไปตามทางเดินแคบ ๆ ที่ทอดยาวไปยังปีกตะวันออกของหอ สายตาของซูเหยาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างของชายผู้หนึ่งที่กำลังเดินอยู่ไม่ไกลจากนาง ชายผู้นั้นมีรูปร่างสูงโปร่งและมีท่าทีที่ดูไม่ปกติ นางจำได้ทันทีว่าเขาคือหลี่ซื่อหมิงหนึ่งในสายลับที่ทำงานอยู่ในหอแห่งนี้ที่นางได้แนะนำตัวไปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางตัดสินใจที่จะสะกดรอยตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ

หลี่ซื่อหมิงเดินตรงไปตามทางเดิน ก่อนจะหยุดลงที่หน้าประตูบานหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นประตูธรรมดาทั่วไป ทว่าเขากลับล้วงเอาแผ่นกระเบื้องเล็ก ๆ ที่ถูกแกะสลักออกมาจากชายแขนเสื้อ แล้วนำมันไปสอดเข้าไปในช่องเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังโคมไฟข้างประตูบานนั้น จากนั้นจึงหมุนกระเบื้องแผ่นนั้นไปทางซ้ายอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นประตูที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นทางเดินที่ทอดยาวลงไปในความมืด หลี่ซื่อหมิงก้าวเดินเข้าไปในประตูบานนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ประตูจะเลื่อนปิดลงอย่างเงียบกริบ

ซูเหยารู้สึกตกใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน นางก้าวเข้าไปใกล้ประตูนั้นมากขึ้น พยายามใช้มือและสายตาสำรวจอย่างถี่ถ้วนเพื่อหาทางเปิดประตูบานนั้น แต่ก็ไม่พบอะไรที่สามารถเปิดมันได้ นางได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบานนั้นด้วยความรู้สึกที่สับสนและกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง การกระทำของหลี่ซื่อหมิงนั้นช่างน่าสงสัยเหลือเกิน ทว่านางก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปตรวจสอบได้

หลังจากการสำรวจในช่วงค่ำคืนนี้ ซูเหยาก็ได้ข้อมูลที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย นางตัดสินใจที่จะจดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้พบเห็นและได้สังเกตการณ์ลงในกระดาษ ก่อนที่จะพับมันอย่างเรียบร้อยและซ่อนมันไว้ในกล่องไม้ที่อยู่ในห้องพักของตนเอง นางรู้ดีว่าข้อมูลที่ได้มาในวันนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำงานอย่างแน่นอน และหลี่ซื่อหมิงก็จะเป็นบุคคลแรกที่นางจะต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด


ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10
สังเกตการณ์วันที่ 1
เควสปลดใจ: เงาอำมหิตในวังวน (3)
เป้าหมาย: สังเกตการณ์และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยในหอจิวหลิ่งอิน เป็นเวลา 3 วัน โดยเน้นไปที่คนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เช่น การพูดคุยลับๆ การรับส่งจดหมายแปลกๆ หรือการหายตัวไปในเวลากลางคืน


@Watcher   


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-9-30 13:19
โพสต์ 22767 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-29 22:30
โพสต์ 22,767 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกถังเจียน  โพสต์ 2025-9-29 22:30
โพสต์ 22,767 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ศาสตร์การบำเพ็ญ  โพสต์ 2025-9-29 22:30
โพสต์ 22,767 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก หมอผู้มากฝีมือ  โพสต์ 2025-9-29 22:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-30 22:16:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-30 22:18


วันที่ 29 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ตลอดทั้งวัน


เมื่อดวงตะวันทอแสงสีทองอร่ามบนปลายฟ้าอีกครา นกน้อยหลายตัวเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้วปลุกป่าเขาให้ตื่นจากนิทรา ซูเหยาก็ได้เริ่มต้นการทำงานในฐานะหมอประจำหอจิวหลิ่งอินเป็นวันที่สอง บรรยากาศภายในหอคอยยังคงสงบเงียบแต่แฝงไว้ด้วยความตึงเครียดที่ยากจะสัมผัสได้ ลมเย็นในยามเช้าพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาปะทะใบหน้าของซูเหยาขณะที่นางกำลังจัดเตรียมโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ชุดผ้าฝ้ายสีอ่อนที่นางสวมใส่ในวันนี้ทำให้ใบหน้าของนางดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น ทว่าในดวงตาคู่สวยกลับฉายแววมุ่งมั่นและหนักแน่นผิดจากท่าทีภายนอก

แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามาในห้องทำงานของซูเหยา ชายผู้หนึ่งก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวและมีรอยคล้ำใต้ตาอย่างเห็นได้ชัด ซูเหยาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรพลางเชิญให้นั่งลง ชายผู้นั้นแนะนำตัวเองว่าเขาคือหวังเจา เป็นหนึ่งในสายลับที่ทำงานด้านการสื่อสาร

ซูเหยาเริ่มการตรวจรักษา นางนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วใช้ปลายนิ้ววางลงบนข้อมือของหวังเจาอย่างแผ่วเบาเพื่อตรวจชีพจร ในทันทีที่ได้สัมผัสปลายนิ้วลงบนผิวหนัง นางก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่แสดงออกมาในรูปของชีพจรที่ตื้นและรวดเร็ว บ่งบอกถึงภาวะความเครียดสะสมและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นางประเมินสภาพร่างกายโดยรวม ก่อนจะให้เขาแลบลิ้นออกมาเพื่อดูสีและลักษณะของฝ้าบนลิ้น อันเป็นส่วนหนึ่งของการดูโรคจากลิ้น

"ท่านหวัง ปกติแล้วท่านมีอาการปวดศีรษะและนอนไม่หลับหรือไม่เจ้าคะ?"

ซูเหยาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตากลับสังเกตท่าทีของหวังเจาอย่างถี่ถ้วน นางสังเกตเห็นว่าที่เอวของเขามีถุงผ้าสีน้ำตาลที่ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนา ดูแล้วไม่น่าจะบรรจุสิ่งของทั่วไป ซูเหยาใช้โอกาสที่เขากำลังผ่อนคลายจากการถูกตรวจร่างกายเพื่อชวนคุยอย่างเป็นกันเอง

"ขอรับหมอซู บางครั้งข้าต้องเดินทางทั้งวันทั้งคืนเพื่อส่งสาร ทำให้มีอาการเช่นนั้นอยู่บ้าง" หวังเจาตอบพลางกระชับถุงผ้านั้นให้แน่นขึ้น

"การเดินทางที่ต้องปิดบังตัวตนเช่นนี้คงต้องใช้สมาธิและระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะยามใดท่านก็ต้องถือถุงผ้าใบเล็กนี้ติดตัวไว้ตลอด ดูเหมือนจะเป็นสิ่งของสำคัญยิ่ง" ซูเหยาพูดพลางชี้ไปที่ถุงผ้าที่เอวของเขา หวังเจาหันไปมองถุงผ้านั้นด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบเก็บมันเข้าไปในสาบเสื้อ

"มันเป็นแค่เอกสารสำคัญบางอย่างเท่านั้นขอรับ" หวังเจาตอบอย่างสั้น ๆ แต่แววตาของเขากลับสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

ซูเหยาเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ แล้วก็ดำเนินการตรวจรักษาต่อโดยไม่ได้ซักถามอะไรอีก นางตัดสินใจใช้สมุนไพรอย่างเก๊กฮวยและเก๋ากี้ ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตาและลดอาการอ่อนเพลียและใช้ชะเอมเทศ เพื่อช่วยบำรุงปอดและช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้น นางจัดการปรุงยาให้เขาอย่างพิถีพิถันก่อนที่จะแนะนำให้เขากลับไปพักผ่อน

ยามค่ำคืนในหอจิวหลิ่งอินนั้นมักจะเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงแมลงยามค่ำคืนและเสียงลมพัดผ่าน ซูเหยาตัดสินใจที่จะออกสำรวจอีกครั้ง นางสวมใส่ชุดสีเข้มและเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้มีเสียงดังรบกวนการทำงานของใคร ๆ จุดหมายปลายทางของนางในคืนนี้คือห้องลับที่นางเคยพบเห็นเมื่อคืนก่อน

ซูเหยามาถึงหน้าประตูห้องลับนั้นในเวลาไม่นาน นางเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่หลังเสาต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูบานนั้นนัก ในความมืดมิดที่กลืนกินทุกสิ่ง นางมองเห็นร่างของชายผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาในทางเดินนั้นอย่างเชื่องช้า ซูเหยาหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อมองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และก็พบว่าชายผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่ซื่อหมิง สายลับผู้มีท่าทีน่าสงสัยที่นางได้พบเมื่อคืนก่อน

หลี่ซื่อหมิงเดินมาหยุดที่หน้าประตูบานนั้น เขาไม่ได้รีบร้อนแต่กลับดูเหมือนว่าจะรอบคอบเป็นพิเศษ เขามองซ้ายมองขวาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อและหยิบเอาแผ่นกระเบื้องเล็ก ๆ ชิ้นเดิมออกมา ซูเหยาแอบมองการกระทำของเขาอย่างใจจดใจจ่อ หลี่ซื่อหมิงนำแผ่นกระเบื้องนั้นไปสอดเข้าไปในช่องลับที่ซ่อนอยู่ด้านหลังโคมไฟอย่างที่เคยทำเมื่อคืนก่อน จากนั้นก็หมุนแผ่นกระเบื้องไปทางขวาอย่างช้า ๆ

ทันใดนั้นเอง ประตูหินที่ดูธรรมดาบานนั้นก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นทางเดินที่ทอดยาวลงไปในความมืดมิด หลี่ซื่อหมิงรีบก้าวเข้าไปในห้องลับนั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ประตูจะปิดลง ซูเหยาจดจำรายละเอียดทั้งหมดที่เห็นไว้ในใจอย่างละเอียด นางรู้ดีว่าช่องลับนั้นน่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงความลับภายในหอคอยแห่งนี้ และหลี่ซื่อหมิงจะต้องเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับนั้นอย่างแน่นอน นางตัดสินใจที่จะกลับไปยังห้องพักของตนเองเพื่อวางแผนสำหรับวันต่อไป



ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10

สังเกตการณ์วันที่ 2

เควสปลดใจ: เงาอำมหิตในวังวน (4)
เป้าหมาย: สังเกตการณ์และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยในหอจิวหลิ่งอิน เป็นเวลา 3 วัน โดยเน้นไปที่คนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เช่น การพูดคุยลับๆ การรับส่งจดหมายแปลกๆ หรือการหายตัวไปในเวลากลางคืน


@Watcher   

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-10-1 12:49
โพสต์ 14830 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-30 22:16
โพสต์ 14,830 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกถังเจียน  โพสต์ 2025-9-30 22:16
โพสต์ 14,830 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก ศาสตร์การบำเพ็ญ  โพสต์ 2025-9-30 22:16
โพสต์ 14,830 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก หมอผู้มากฝีมือ  โพสต์ 2025-9-30 22:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-10-1 22:44:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 30 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ตลอดทั้งวัน

สายลมยามอรุณรุ่งพัดพาไอเย็นในยามเช้าให้เข้ามาสัมผัสผิว ซูเหยาตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ นางไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มนักเพราะแผนการที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอดทั้งคืน สองตาภายใต้ขนตายาวหนากำลังใคร่ครวญถึงสิ่งที่ได้พบเจอเมื่อคืนก่อนอย่างละเอียด ตั้งแต่รหัสลับที่ซ่อนอยู่หลังโคมไฟไปจนถึงการปรากฏตัวอย่างลึกลับของหลี่ซื่อหมิง

แสงอาทิตย์อ่อน ๆ ในยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานไม้แกะสลัก นางเริ่มทำภารกิจประจำวันด้วยการดูแลสมุนไพรในกระถางเล็ก ๆ ที่วางเรียงรายอยู่ริมหน้าต่าง พลางรำพึงรำพันกับตัวเองว่า นี่คือวันที่สามและเป็นวันสุดท้ายที่นางจะได้ทำงานในหอคอยแห่งนี้ ก่อนที่ภารกิจสำคัญอันแท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น

ไม่นานนักเสียงฝีเท้าของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นหน้าห้อง นางหันไปมองและพบกับจางหลิน ชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีท่าทีลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเขาซีดเซียว ดวงตาเหม่อลอยคล้ายคนไม่ได้พักผ่อน ซูเหยาผายมือเชิญให้เขาเข้ามานั่ง ก่อนจะเริ่มซักถามอาการ

“ปกติแล้ว ท่านมีอาการเจ็บหน้าอกและหายใจไม่สะดวกบ่อยหรือไม่เจ้าคะ?”

ซูเหยาเอ่ยถามพลางใช้นิ้ววางลงบนข้อมือของจางหลินอย่างแผ่วเบาเพื่อตรวจชีพจร ลมหายใจของนางแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่สายตาของนางกลับจับจ้องไปยังท่าทางอันกระสับกระส่ายของเขาอย่างถี่ถ้วน นางสังเกตเห็นว่าชายผู้นี้ไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ เขากระดิกปลายนิ้วอยู่ตลอดเวลาและบางครั้งก็เผลอกำมือแน่นเหมือนกำลังข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้

เมื่อตรวจชีพจร นางก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ชีพจรของจางหลินนั้นตึงและแข็งกระด้าง คล้ายกับสายธนูที่ถูกดึงจนตึงอย่างเต็มที่ บ่งบอกถึงภาวะตับและถุงน้ำดีที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งเกิดจากการเก็บกดความเครียดสะสมไว้เป็นเวลานาน สอดคล้องกับอาการเจ็บหน้าอกและหายใจไม่สะดวกที่เขาเป็นอยู่ ซูเหยาพยักหน้าเล็กน้อยและจัดการเขียนตำรับยา นางเลือกใช้ไฉหู เพื่อช่วยคลายความตึงเครียดของตับ เจียวกู่หลาน เพื่อช่วยทำให้จิตใจสงบ และตังกุย เพื่อช่วยบำรุงเลือดและบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก

ในขณะที่กำลังจัดยาอยู่นั้น เสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น หวังเจาชายหนุ่มผู้มีหน้าที่เป็นสายลับส่งสารก้าวเข้ามาในห้องทำงานของนางอีกครั้ง แม้จะเป็นเพียงวันที่สองที่ได้พบกัน แต่ซูเหยาก็เริ่มคุ้นชินกับบรรยากาศที่ดูแปลก ๆ รอบกายของเขาได้เป็นอย่างดี

“ท่านหมอซู วันนี้ข้ามาขอให้ท่านช่วยตรวจดูอาการอีกครั้งขอรับ”

เขาเอ่ยอย่างสุภาพพลางส่งยิ้มให้ แต่ซูเหยาก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้นอีกครั้ง วันนี้หวังเจามีรอยคล้ำใต้ตาชัดเจนกว่าเดิม และท่าทีของเขายังคงมีความประหม่าอยู่เล็กน้อย นางพยักหน้ารับคำและเชิญให้นั่งลง ตรววจชีพจรของเขาก็พบว่ายังมีชีพจรที่ตื้นและรวดเร็วเหมือนเดิม เพียงแต่คราวนี้มีอาการอ่อนแรงเพิ่มเข้ามาอีกอย่างหนึ่ง

“ท่านหวัง ดูเหมือนท่านจะไม่ได้พักผ่อนเอาเสียเลย”

นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง แต่สายตากลับสังเกตไปยังถุงผ้าที่เอวของเขาอีกครั้ง และครั้งนี้มันไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเมื่อวาน ภายในถุงนั้นมีม้วนผ้าไหมเล็ก ๆ ที่ถูกมัดและปิดผนึกอย่างแน่นหนาด้วยตราประทับ ซูเหยาทราบในทันทีว่านี่คือจดหมายลับที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างสายลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเก็บไว้เป็นความลับสูงสุด

“การเดินทางครั้งใหม่คงจะทำให้ท่านอ่อนเพลียมากเป็นพิเศษ” ซูเหยาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้หวังเจาไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ เขาเพียงยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนที่จะกระชับถุงผ้านั้นให้แน่นขึ้น

ซูเหยาตัดสินใจใช้โสมซานชี ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงพลังชีวิตและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และหวงฉี เพื่อช่วยเพิ่มพลังลมปราณและเสริมภูมิคุ้มกัน นางจัดการปรุงยาให้เขาอย่างพิถีพิถันก่อนที่จะกำชับให้เขากลับไปพักผ่อนให้มาก

ยามค่ำคืนในหอจิวหลิ่งอินนั้นมักจะเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงแมลงยามค่ำคืนและเสียงลมพัดผ่าน ซูเหยาตัดสินใจที่จะออกสำรวจอีกครั้ง นางสวมใส่ชุดสีเข้มและเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้มีเสียงดังรบกวนการทำงานของใคร ๆ จุดหมายปลายทางของนางในคืนนี้คือห้องลับที่นางเคยพบเห็นเมื่อคืนก่อน

ซูเหยามาถึงหน้าประตูห้องลับนั้นในเวลาไม่นาน นางเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่หลังเสาต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูบานนั้นนัก ในความมืดมิดที่กลืนกินทุกสิ่ง นางมองเห็นร่างของชายผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามาในทางเดินนั้นอย่างเชื่องช้า ซูเหยาหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อมองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และก็พบว่าชายผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่ซื่อหมิง สายลับผู้มีท่าทีน่าสงสัยที่นางได้พบเมื่อคืนก่อน

หลี่ซื่อหมิงเดินมาหยุดที่หน้าประตูบานนั้น เขาไม่ได้รีบร้อนแต่กลับดูเหมือนว่าจะรอบคอบเป็นพิเศษ เขามองซ้ายมองขวาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่จะล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อและหยิบเอาแผ่นกระเบื้องเล็ก ๆ ชิ้นเดิมออกมา ซูเหยาแอบมองการกระทำของเขาอย่างใจจดใจจ่อ หลี่ซื่อหมิงนำแผ่นกระเบื้องนั้นไปสอดเข้าไปในช่องลับที่ซ่อนอยู่ด้านหลังโคมไฟอย่างที่เคยทำเมื่อคืนก่อน จากนั้นก็หมุนแผ่นกระเบื้องไปทางขวาอย่างช้า ๆ

ทันใดนั้นเองประตูหินที่ดูธรรมดาบานนั้นก็ค่อย ๆ เลื่อนเปิดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นทางเดินที่ทอดยาวลงไปในความมืดมิด หลี่ซื่อหมิงรีบก้าวเข้าไปในห้องลับนั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ประตูจะปิดลง ซูเหยาจดจำรายละเอียดทั้งหมดที่เห็นไว้ในใจอย่างละเอียด นางรู้ดีว่าช่องลับนั้นน่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงความลับภายในหอคอยแห่งนี้ และหลี่ซื่อหมิงจะต้องเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับนั้นอย่างแน่นอน นางตัดสินใจที่จะกลับไปยังห้องพักของตนเองเพื่อวางแผนสำหรับวันต่อไป

นางไม่ได้ก้าวเข้าไปในห้องลับนั้นเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก แต่กลับเลือกที่จะเดินกลับมายังห้องพักของตนเอง นางจุดตะเกียงน้ำมันขึ้นมาอีกครั้งและหยิบกระดาษและพู่กันที่เตรียมไว้สำหรับเขียนบันทึกประจำวันออกมา นั่งลงบนโต๊ะทำงานอย่างเงียบงัน ซูเหยาเริ่มเขียนทุกสิ่งที่ได้พบเจอลงบนกระดาษอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตั้งแต่การรักษาจางหลินที่กระวนกระวายจนน่าสงสัย การปรากฏตัวของหวังเจาผู้มีจดหมายปิดผนึกอย่างแน่นหนา ไปจนถึงการแอบเข้าไปในห้องลับของหลี่ซื่อหมิง

นางจดบันทึกทุกรายละเอียดที่ได้เห็นและได้ยินลงไปในแผ่นกระดาษอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะท่าทางของแต่ละคน อาการทางกายที่ผิดปกติ หรือแม้แต่สิ่งที่พวกเขาสวมใส่และพกพา นางไม่ต้องการให้สิ่งใดเล็ดลอดสายตาไปได้แม้แต่น้อย เพราะข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมานี้จะเป็นรายงานสำคัญสำหรับคุณชายห่าวหมิง เพื่อให้เขาใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนขั้นต่อไปในภารกิจนี้

ดวงตะเกียงส่องสว่างกระทบใบหน้าของนางจนเห็นเงาจาง ๆ ซูเหยาจดจ่ออยู่กับการเขียนบันทึกจนเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งค่อนคืน แผ่นกระดาษกองแล้วกองเล่าถูกเขียนจนเต็มและวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ นางรวบรวมทั้งหมดแล้วม้วนเก็บอย่างดี ก่อนจะเดินไปซ่อนไว้ในช่องลับที่ซ่อนอยู่ใต้แผ่นไม้ปูพื้นห้อง

"ทุกอย่างพร้อมแล้ว" นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ "พรุ่งนี้เมื่อสิ้นสุดภารกิจในหอแห่งนี้ ข้าจะนำรายงานทั้งหมดไปมอบให้คุณชายห่าวหมิงแล้วเป็นอิสระเสียที"

ซูเหยาดับตะเกียงและล้มตัวลงนอนอย่างเงียบสงบ บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มบางเบาอย่างพึงพอใจ เพราะนางรู้ดีว่าการมาประจำการเป็นหมอในหอแห่งนี้ของนางนั้น ไม่ใช่การมาเพื่อรักษาผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้ามาเพื่อล้วงความลับอันดำมืดที่ซ่อนอยู่ภายในกำแพงแห่งนี้ต่างหาก



ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10
สังเกตการณ์วันที่ 3 (วันสุดท้าย)
เควสปลดใจ: เงาอำมหิตในวังวน (5)
เป้าหมาย: สังเกตการณ์และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยในหอจิวหลิ่งอิน เป็นเวลา 3 วัน โดยเน้นไปที่คนที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เช่น การพูดคุยลับๆ การรับส่งจดหมายแปลกๆ หรือการหายตัวไปในเวลากลางคืน



@Watcher   



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-10-1 22:46
โพสต์ 22152 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-1 22:44
โพสต์ 22,152 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกถังเจียน  โพสต์ 2025-10-1 22:44
โพสต์ 22,152 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ศาสตร์การบำเพ็ญ  โพสต์ 2025-10-1 22:44
โพสต์ 22,152 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก หมอผู้มากฝีมือ  โพสต์ 2025-10-1 22:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-10-3 11:07:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 1 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอิ๋น เวลา 03.00 - 04.00 น.

╰┈➤ พบเจอจางเชียน


แสงจันทร์เพ็ญสาดต้องหลังคากระเบื้องสีครามของเรือนใหญ่แห่งหนึ่งในย่านด้านใต้ของนครฉางอัน ที่แห่งนั้นคือหอจิวหลิ่งอินสถานที่ที่ชาวเมืองจำนวนมากต่างรู้จักในนาม “ที่พึ่ง” สำหรับปัญหาหัวใจและการเดินทาง หากสามีภรรยาขัดใจกันก็จะมีคนมาแอบถาม 


หากมีนักเดินทางจะออกท่องยุทธจักรก็มาขอเส้นทางปลอดภัย แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงฉากหน้า


เบื้องหลังแท้จริงของหอนี้กลับดำมืดลึกซึ้งยิ่งนักคือแหล่งรวมข้อมูลข่าวกรองทั้งจากในวังและนอกยุทธภพ ไม่มีใครล่วงรู้ความจริง เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าสู่ชั้นใน และค่าของข้อมูลมิได้แลกเปลี่ยนด้วยทองคำเพียงอย่างเดียว หากแต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้ครองข้อมูลต้องการ


เมื่อถอดรหัสลวดลายบนผ้าไหมโบราณได้บางส่วนที่โรงชาเมฆาซ่อนจันทร์ เสวี่ยซีกับเหลียนเจี้ยก็รู้ทันทีว่าหากจะไขปริศนาต่อ จำเป็นต้องมีข้อมูลเชิงลึกมากกว่านี้ คำตอบคงอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง และหอจิวหลิ่งอินก็คือเป้าหมาย


ทั้งสองเดินเคียงกันในตรอกเงียบสงบ ร่างของเสวี่ยซีสะท้อนแสงจันทร์จนผิวขาวซีดราวกับหยกแกะสลัก ขณะสายลมพัดปลายผมดำให้พลิ้วไหว เหลียนเจี้ยเหลือบตามองอย่างเคยชิน ก่อนแสร้งไอกระแอม “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ เสวี่ยซี ดูเหม่อเชียว”


เสวี่ยซียิ้มบาง “ข้าแค่ครุ่นคิดเรื่องลายแทง มันยังติดอยู่ในหัว เหมือนจะมีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่ามันต้องเชื่อมโยงกับเรื่องเล่าที่ท่านว่าแน่”


เหลียนเจี้ยตอบพลางหัวเราะในคอ “ดีแล้วที่เจ้ายังจำได้ ไม่ใช่มัวแต่คิดเรื่องเครื่องประดับหรือชาอร่อย ๆ ที่โรงน้ำชาหรอกนะ”


“หึ!” เสวี่ยซีตีแขนเขาเบา ๆ “ชอบเย้าแหย่ข้าเสียจริง”



เมื่อทั้งสองมาถึงหอจิวหลิ่งอิน บรรยากาศเคร่งขรึมประหนึ่งก้าวเข้าสู่สถานที่ต้องห้าม ประตูไม้ใหญ่เปิดเพียงครึ่ง ด้านในมีเพียงแสงตะเกียงเล็ก ๆ ลอยวับแวม บรรยากาศเงียบเชียบจนได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ


บุรุษผู้หนึ่งในชุดคลุมสีเข้มนั่งรออยู่แล้ว ใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาคมปลาบดุจใบมีด “พวกเจ้ามีธุระอันใดกับหอจิวหลิ่งอิน” เสียงทุ้มหนักดังขึ้น


เหลียนเจี้ยโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนกล่าวตรงไปตรงมา “เราต้องการข้อมูลเกี่ยวกับขุนนางผู้ทรยศเมื่อสมัยก่อน กับสมบัติที่เขาซ่อนไว้”


สายลับเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้อมูลเช่นนั้นใช่ว่าจะได้มาฟรี ข้าสามารถให้สิ่งที่พวกเจ้าต้องการได้ แต่ต้องแลกกับสิ่งที่ข้าสนใจเสียก่อน”


เสวี่ยซีหันไปมองเหลียนเจี้ยด้วยแววตาเป็นกังวล ราวกับจะถาม ‘แล้วเราจะเอาอะไรไปแลกเล่า’ เหลียนเจี้ยยกมือขึ้นเบา ๆ ราวปลอบ “ใจเย็น ข้าจะลองต่อรองก่อน”


เขาเอ่ยเสียงเรียบ “พวกเรามิได้มาด้วยมือเปล่า แต่ก่อนที่ท่านจะเรียกร้องสิ่งใด ข้าอยากรู้ว่า เรื่องที่ท่านเล่ามาจะมีน้ำหนักแค่ไหน ถ้าข้อมูลไร้ค่า ต่อให้เจ้าขอสมบัติทั้งคลังข้าก็ไม่มีวันยอม”


สายลับหัวเราะหึในลำคอ “เจ้ารอบคอบดีนัก แต่ข้ามิใช่พ่อค้าในตลาด ที่นี่คือหอจิวหลิ่งอินข่าวกรองทุกชิ้นคือสิ่งล้ำค่า และข้าไม่เคยบิดพลิ้ว”


เสวี่ยซีเห็นท่าทางเคร่งเครียดของทั้งคู่ จึงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะก้าวออกไปยืนกลางห้องอย่างสง่างาม ดวงตาสีอำพันส่องประกายวาววับ “เช่นนั้นข้าจะเป็นผู้แลกเปลี่ยนเอง ข้าเป็นนายโลมแห่งหอว่านหงเหริน สิ่งที่ข้าได้ยินได้ฟังจากปากเหล่าขุนนางและผู้ทรงอำนาจมากมาย อาจเป็นสิ่งที่ท่านสนใจ”


เหลียนเจี้ยขมวดคิ้ว “เสวี่ยซี!” แต่เสวี่ยซีกลับหันมายิ้มหวาน “ท่านอย่าห่วงเลย หากไม่คุ้มค่า ข้าก็จะไม่พูดออกมา”


สายลับหรี่ตา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “น่าสนใจว่ามาสิ”


เสวี่ยซีจึงโน้มตัวลง พูดเสียงแผ่วราวกับสายลมพัดผ่าน เขาเล่าเรื่องที่เคยได้ยินจากปากแขกผู้ทรงอำนาจบางคนเรื่องความลับเล็กน้อยในวัง เรื่องขุนนางบางคนที่มีเบื้องหลังน่าสงสัย ซึ่งไม่เคยมีใครบอกต่อ เสียงหวานนั้นราวกับดนตรีที่ค่อย ๆ คลี่คลายบรรยากาศตึงเครียด


สายลับฟังเงียบ ๆ ดวงตาส่องประกายทีละน้อย จนในที่สุดก็พยักหน้า “ดี ข้อมูลที่เจ้ามอบให้มีค่ายิ่งนัก”


เหลียนเจี้ยจึงรีบถามต่อ “แล้วข้อมูลที่เราต้องการเล่า”


สายลับตอบพลางก้มตัวเล็กน้อย ราวกับกล่าวคำสารภาพต่อความมืด “ขุนนางผู้ทรยศที่เจ้าพูดถึงนั้น…เป็นผู้ที่เคยมีอำนาจใหญ่หลวงในราชสำนัก เขาได้ซ่อนสมบัติและหลักฐานสำคัญไว้ก่อนถูกกวาดล้างตามบัญชา เมื่อครู่ที่พวกเจ้าพูดถึงลายแทงบนผ้าไหม ข้าจึงมั่นใจ…สถานที่นั้นอยู่ใกล้ ศาลเจ้าสัจเทพอี๋เหอ ทางทิศใต้ของฉางอัน”


เสวี่ยซีเบิกตากว้าง “ศาลเจ้าอี๋เหอ สถานที่ที่ผู้คนไม่ค่อยกล้าเข้าไปยามวิกาล นั่นเองรึ”


เหลียนเจี้ยพึมพำเสียงต่ำ “เป็นเช่นนี้เอง ที่แท้ลายแทงบนผ้าไหมก็พาเรามุ่งไปที่นั่น”


สายลับยิ้มจาง ราวกับเงาที่เลือนหายไปในความมืด “ข้อมูลข้าส่งมอบแล้ว ส่วนจะใช้ให้ได้ประโยชน์หรือจะกลายเป็นหายนะก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า”



เมื่อออกจากหอจิวหลิ่งอิน ลมกลางคืนพัดแรงขึ้นเล็กน้อย เงาสองร่างเดินเคียงกันไปตามตรอกมืด เสวี่ยซีเอ่ยขึ้นเบา ๆ “เจ้าว่า…เราจะพบสิ่งใดกันแน่ที่ศาลเจ้าอี๋เหอ”


เหลียนเจี้ยหันมามองเห็นดวงตาสีอำพันของอีกฝ่ายส่องประกายสะท้อนแสงจันทร์ ก็แค่นหัวเราะ “ไม่ว่าเจอสิ่งใด อย่างน้อย…เราก็ไม่ได้เดินไปคนเดียว”




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25543 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-3 11:07
โพสต์ 25,543 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก สมุดบัญชีลึกลับ  โพสต์ 2025-10-3 11:07
โพสต์ 25,543 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-3 11:07
โพสต์ 25,543 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +10 ความโหด จาก พู่กันดาราศาสตร์  โพสต์ 2025-10-3 11:07
โพสต์ 25,543 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-10-3 11:07
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-8 10:41:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 5 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซวี เวลา 21.00 - 22.00 น.

╰┈➤ หาเบาะแสข้อมูลชุดที่ 2และ3


ค่ำคืนในเมืองฉางอันเย็นยะเยือก เสวี่ยซีเดินทางไปยังหอจิวหลิ่งอิน แหล่งข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดในเมือง บรรยากาศภายในหอสงบและเข้มงวด ทุกเสียงฝีเท้าดังสะท้อนบนพื้นหินเย็น มือไม้ของเสวี่ยซีเกร็งเล็กน้อย แต่ความตั้งใจของเขาเต็มเปี่ยม เขาต้องสืบหาข้อมูลเพื่อปกป้องต้าซือถูหรือก็อาจารย์ของเขา


เขาเดินผ่านโถงกว้าง และถูกพนักงานหอกรอกตรวจสอบอย่างรอบคอบ เสวี่ยซีถูกพาไปยังห้องรับรองส่วนตัว ซึ่งเมี่ยวหลิงหัวหน้าหอข่าว ลอยตัวอยู่กลางห้องในชุดดำคลุมยาว ดวงตาของเธอเย็นชาปราศจากรอยยิ้ม แต่มีประกายฉลาดล้ำลึกดุจดวงดาว


“เสวี่ยซี…” เมี่ยวหลิงเอ่ยชื่อด้วยเสียงเรียบ แต่อารมณ์กลับชัดเจนว่าเธอรู้จักเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตงฟางซั่ว


เสวี่ยซีค้อมตัวเล็กน้อย “ข้าต้องการขอข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่ม ‘เงาอดีต’ ขอรับ หวังว่าท่านจะให้ความช่วยเหลือ”


เมี่ยวหลิงพยักหน้าเล็กน้อย พลางก้าวเข้าใกล้โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ เธอวางมือบนแผนที่เมืองฉางอันและชี้ไปยังจุดสำคัญต่าง ๆ


“กลุ่มนักฆ่าเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับขุนนางเก่าที่ถูกตระกูลตงฟางโค่นล้มในอดีต พวกมันยังคงแค้นฝังลึก และวางแผนจะลอบสังหารตงฟาง ซั่ว ในงานเลี้ยงสำคัญที่จะจัดขึ้นอีกสามวันข้างหน้า” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น


เสวี่ยซียกมือข้างหนึ่งจับพู่กันขนกระต่าย ๆ บนโต๊ะ เขาเงยหน้ามองเมี่ยวหลิง “แล้วเราจะหาตัวผู้บงการได้จากที่ใด”


เมี่ยวหลิงวางนิ้วชี้ลงบนแผนที่อีกครั้ง “มีสองจุดสำคัญที่อาจพบเบาะแส แม่น้ำเว่ย และศาลเจ้าร้างนอกเมืองที่เรียกว่า ยามซานเกิงปั้นเย่ เจ้าต้องไปตรวจสอบทั้งสองแห่ง”


เสวี่ยซีพยักหน้าอย่างตั้งใจ “ข้าจะไปทันที แต่มีความเป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะจับสังเกตข้าระหว่างทาง?”


เมี่ยวหลิงหยุดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “ใช่…เจ้าต้องระวังตัวอย่างยิ่ง หากทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อยข้อมูลทั้งหมดอาจเสียหาย”


ดวงตาอำพันของเสวี่ยซีฉายประกายตั้งใจ เขาเอ่ยเสียงนิ่ง “ข้าจะระมัดระวังทุกฝีก้าว แต่ต้องได้ข้อมูลเพื่อหยุดยั้งแผนการของพวกมัน เพื่อช่วยอาจารย์”


เมี่ยวหลิงพยักหน้า เธอวางมือบนแผนที่อีกครั้งแล้ววาดเส้นทางอย่างละเอียด “จากที่นี่ เจ้าจะต้องไปตามฝั่งแม่น้ำเว่ยก่อน เส้นทางลัดจะนำเจ้าผ่านตรอกเล็ก ๆ และป่ารกเล็กน้อยแต่หากเจ้าระมัดระวัง จะสังเกตเห็นร่องรอยของพวกเขา จากนั้นศาลเจ้าร้างยามซานเกิงปั้นเย่ เจ้าต้องใช้วิจารณญาณอย่างสูงในการสังเกตและตีความสัญลักษณ์”


เสวี่ยซีเอียงหน้า สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้ “แล้วข้าจะสังเกตอะไรเป็นอันดับแรก?”


เมี่ยวหลิงหันหน้าไปทางหน้าต่างมองออกไปนอกหอ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาและลึกลับ “ทุกสิ่งเริ่มจากการสังเกตรายละเอียดเล็ก ๆ เจ้าต้องฟังเสียงฝีเท้า มองร่องรอยการเดินทาง และสังเกตผู้คนรอบตัว การตีความสัญลักษณ์ในสิ่งแวดล้อมจะเป็นกุญแจสำคัญให้เจ้าค้นพบความจริง”


ขณะที่เมี่ยวหลิงพูดอยู่ เสวี่ยซีได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ จากด้านหลัง พอหันไปก็เห็นเงาร่างหนึ่งหลบอยู่หลังเสาไม้ เสียงหายใจแผ่วเบา บ่งบอกชัดว่ามีคนของเถียนเฟิงกำลังติดตามเขาตามคำสั่งของต้าซือคง


เสวี่ยซียกมือเล็ก ๆ ประเมินระยะและพยักหน้าสงบ “ข้าจะคอยระวัง และจะไม่ทำให้เบาะแสนี้หลุดมือ”


เมี่ยวหลิงยิ้มบาง ๆ “ดีและหากเจ้าพบเบาะแสอะไร แปลความหมายทุกคำพูด ทุกเสียง ทุกท่าที อย่ามองข้ามแม้เศษเสี้ยวเดียว”


เสวี่ยซีลุกขึ้น พร้อมกับปรับสติให้พร้อมสำหรับการเดินทาง “ข้าจะออกไปทันที และจะกลับมาพร้อมข้อมูลสำคัญ”


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 17864 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-8 10:41
โพสต์ 17,864 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-8 10:41
โพสต์ 17,864 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ชุดวสันต์ลีลา  โพสต์ 2025-10-8 10:41
โพสต์ 17,864 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-8 10:41
โพสต์ 17,864 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-8 10:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้