“คุณหนูเจ้าคะ รอบ่าวด้วย”
“เบา ๆ สิซินซินเดี๋ยวใครได้ยินเข้า”
ซิ่วอิงในวัย 10 หนาวกำลังรอดรูหมาออกจากจวนเพื่อหนีเที่ยวตามปกติโดยมีซินซินบ่าวรับใช้คนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันติดตามมาด้วย ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังป่าของเมืองเพื่อพบกับใครบางคนที่นั่น
“ข้ามาแล้ว”
“คุณหนูหรง แอบออกมาเช่นนี้ท่านเจ้าเมืองไม่ว่าหรือขอรับ?”
พรานป่าที่กำลังจะเริ่มออกล่าได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงตะโกนของคุณหนูตระกูลหรงดังขึ้น หลังจากที่เห็นว่านางตั้งใจมาพบกับเขาอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่าน แทบไม่ต้องเดาว่าเพราะเหตุใด คุณหนูผู้นี้มักจะมาขอให้เขาสอนล่าสัตว์อยู่เสมอทั้งที่เป็นลูกไท่โช่วแห่งเมืองกุ้ยหลินก็สุขสบายดีอยู่แล้ว
“ตราบใดที่ท่านพ่อไม่รู้ก็ไม่มีใครว่า”
“อีกไม่กี่ชั่วยามจะถึงเวลาเรียนจัดดอกไม้แล้วนะเจ้าคะคุณหนู”
“ช่างเรื่องจัดดอกไม้เถอะ เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าทำได้แย่แค่ไหน ข้าอยากล่าสัตว์มากกว่าท่านพรานวันนี้ท่านจะล่าอะไรหรือ? ข้าขอไปด้วย” ซิ่วอิงรีบถามอย่างสนใจ ช่างเป็นเด็กที่ใฝ่รู้แต่ในเรื่องการใช้กำลังเสียจริง
“วันนี้ข้าจะล่ากวาง”
“กวางหรือ!” ตาของนางเป็นประกายทันทีที่ได้ยินว่าจะได้ล่าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่ากระต่ายป่าเสียที
“เขาของพวกมันแหลมคมอันตรายมากคุณหนูหรงต้องระวังให้มาก ๆ นะขอรับ ขืนเป็นอะไรไปข้าน้อยได้โดนท่านเจ้าเมืองลงโทษแน่”
“บ่าวก็ด้วยเจ้าค่ะ”
“เอาน่า ๆ ข้าจะระวังไม่ทำให้พวกเจ้าเดือดร้อนหรอก…ซินซินธนูของข้าที่ให้เอาไปซ่อนไว้ เอามาด้วยหรือไม่”
“เอามาเจ้าค่ะ” ซินซินรีบส่งธนูให้กับซิ่วอิงด้วยความนอบน้อม
“เมื่อตอนข้า 5 หนาว สามารถสังหารไก่ฟ้าได้ ตอนนี้อายุ 10 หนาวก็ต้องสังหารกวางได้เหมือนกัน พวกเราไปกันเถอะ!” นางเร่งรัดให้ทุกคนเริ่มออกเดินทางเข้าไปในป่าลึก
ทั้งสามเดินทางเข้ามาในป่าลึกขึ้นเรื่อย ๆ เสียงสิงสาราสัตว์ร้องระงมแต่ซิ่วอิงมิได้หวาดกลัวแต่อย่างใด มีเพียงซินซินที่เกาะแขนของนางแน่นด้วยความกลัวมาตลอดทาง จนกระทั่งฝีเท้าของพรานป่าได้หยุดลงซิ่วอิงและซินซินจึงหยุดตาม พวกเขาซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้มองดูเป้าหมายเบื้องหน้า กวางป่าตัวผู้กำลังลับเขากับต้นไม้
“กวางตัวผู้อันตรายอย่างยิ่ง คุณหนูจำทุกอย่างที่ข้าสอนได้หรือไม่ขอรับ”
“จำได้สิ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าล่าสัตว์กับท่านเสียหน่อย”
“คุณหนูเป็นเพียงผู้เดียวในตระกูลที่สามารถใช้อาวุธใช้อย่างชำนาญตั้งแต่อายุยังน้อย แถมมีทักษะในการล่าที่น่าชื่นชม ท่านอย่าได้ห่วงเลยคุณหนูของข้าน่ะเก่งอยู่แล้ว” ซินซินหันไปพูดกับนายพราน
“บางทีข้าก็แอบสงสัยว่าท่านพ่อท่านแม่เก็บข้ามาจากกระบอกไม้ไผ่หรือไม่ ถึงได้ต่างจากพี่น้องนัก” ซิ่วอิงพูดขณะทำการง้างสายธนูเล็งไปที่เป้าหมาย
“ตั้งสติดูที่เป้าหมาย กลั้นหายใจตอนเล็งยิง” เสียงของพรานป่าพูดกำกับอยู่ข้าง ๆ คุณหนูตัวน้อย
ซิ่วอิงตั้งสมาธิทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะหายไปหมดตอนนี้นางมองเห็นเพียงกวางป่าเบื้องหน้า ปลายศรเล็งไปที่จุดตาย นางหยุดหายใจไปชั่วขณะเพื่อไม่ให้ปลายศรสั่นไหว
“โอกาสมาถึงแล้วยิงเลยขอรับ”
ปิ้ววววววว
ลูกธนูถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็วปักลงที่จุดตายของกวางป่า เมื่อมันถูกศรก็ไม่ได้ตายในทันทีมันยังพยายามที่จะมีชีวิตอยู่และวิ่งหนีขณะที่เลือดไหลออกมาไม่หยุด ซิ่วอิงใช้ทักษะที่ร่ำเรียนจากพรานป่าวิ่งตามรอยเลือดไปอย่างไม่ลดละ นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง แม้จะเป็นเพียงเด็กตัวเล็กขาไม่ยาวแต่ด้วยความแข็งแรงมาแต่กำเนิดการวิ่งไล่ล่าจึงเปรียบเหมือนของหวาน ซิ่วอิงควักมีดแล่เนื้อที่พกมาด้วยเล็งไปที่เป้าหมายขณะที่ยังคงวิ่งตามกันอยู่ นางตัดสินใจป่ามีดออกไปอย่างรวดเร็วเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ
ฉึก!!!
ปลายมีดปักเข้าที่เข้าของกวางป่าถูกส่วนสำคัญทำให้มันล้มลงในทันที ก่อนจะค่อย ๆ แน่นิ่งหมดลมไป ซิ่วอิงเดินเข้ามาสำรวจซากเพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่ามันสิ้นลมแล้ว
“คุณหนู ทำไมวิ่งเร็วแบบนี้ล่ะเจ้าคะ บ่าวเกือบตามไม่ทัน”
ซินซินและพรานป่าวิ่งตามซิ่วอิงมาอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนจะพบว่ากวางป่าเป้าหมายบัดนี้ได้กลายเป็นร่างอันไร้วิญญาณเหลือเพียงกายหยาบไปเรียบร้อยแล้ว
“ไม่น่าเชื่อคุณหนูหรงปราบกวางได้ด้วยวัยเท่านี้ เก่งมากขอรับ ข้าน้อยนับถือนัก” พรานป่ากล่าวชื่นชม
“คราวหน้าพวกเราไปล่าเสือกันเถอะ”
“สะ…สะ…เสือหรือเจ้าคะ!” ซินซินถึงกับตัวสั่นเมื่อได้ยินสิ่งที่คุณหนูพูด
“วันนี้พอแค่นี้ อีกสามวันข้าจะมาใหม่ เตรียมพร้อมสำหรับการล่าเสือด้วยนะท่านพราน”
“ขะ…ขอรับ” พรานป่าตอบรับ
“ซินซินกลับกันเถอะ ก่อนที่จะเข้าเรียนจัดดอกไม้ไม่ทัน”
ซิ่วอิงยื่นคันธนูส่งให้ซินซินก่อนจะเดินนำกลับออกไปจากป่าเพื่อให้ทันการเรียนในคาบต่อไป มิเช่นนั้นหากถูกจับได้คงได้โดนทำโทษอีกเป็นแน่ หลังจากวันนั้นซิ่วอิงก็แอบออกไปฝึกล่าอีกหลายครั้งหลายคราจากสัตว์ตัวเล็ก ๆ เริ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งบรรลุทักษะการล่าในที่สุด…