[ศาลาเฟิงมู่]

[คัดลอกลิงก์]



.

.

.


丰穆亭


ศาลาเฟิงมู่





ทิวทัศน์อันงดงามแห่งความอุดมสมบูรณ์

『 น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา
แหวกว่ายปทุมมาอยู่ไหวไหว
นิลุบลพ้นน้ำอยู่ร่ำไร
ตูมตั้งบังใบอรชร
เหล่าขาวเหล่าแดงสลับสี
คลายคลี่คลายแย้มเกสร
บัวเผื่อนเกลื่อนกลาดในสาคร
บังอรเก็บเล่นกับนารี 』


ศาลาเฟิงมู่ : 丰穆亭 หมายความถึง ‘ศาลาแห่งทิวทัศน์อันงดงามและอุดมสมบูรณ์’ เป็นศาลาพักผ่อนซึ่งตั้งอยู่ทิศทางหนึ่งของอุทยานชุนเหอจิ่งหมิง ริมตลิ่งทะเลสาบเชื่อมต่อกับห้วยน้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านพระราชวังต้องห้าม อยู่ในทำเลที่เหมาะสมต่อการชมวิว ตัวศาลายื่นจากริมฝั่งเข้าไปเหนือผิวน้ำ เมื่อก้มมองจะเห็นน้ำใสไหลเอื่อย หมู่มัจฉาแหวกผ่านกอบัว เมื่อแหงนหน้ายามทิวาจะพบฟ้าสีครามประดับทินกร ทว่าเมื่อพ้นจากยามสนธยาแล้วบรรยากาศกลับเปล่าเปลี่ยววังเวงยิ่ง




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5764 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-9-20 10:02

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2377
ความชั่ว
1202
ความโหด
2595
โพสต์ 2024-9-25 12:47:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด




CHAPTER 29.2

วันที่เก้าเดือนเก้าแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
วันจันทร์ 09.45 น. เป็นต้นไป
เควสต์ปลดหัวใจฮ่องเต้ : หมากสามฝ่าย

ไต้กงกงยามนี้อายุล่วงเข้าเลขห้าแล้ว เนื่องจากเป็นขันทีที่ทำงานหนักมาแต่เยาว์วัยใบหน้าจึงมีรอยประทับแห่งโมงยามที่ผันผ่าน ทว่าร่างที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ก็ทำให้เขาเปล่งปลั่งอวบอิ่ม แฝงกลิ่นอายอันเมตตาอยู่ในท่วงท่ากิริยา แม้นจะมีร่างอวบใหญ่และแก่ตัวลงกลับมิได้ทำให้ความปราดเปรียวว่องไวสูญหายแต่อย่างใด ไต้กงกงยังคงกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวายิ่ง

“...ฝ่าบาทเชี่ยวชาญการเดินหมากยิ่ง ครึ่งชั่วยามก่อนตรัสว่านายหญิงน้อยเป็นคู่มือที่ไม่เลว จึงโปรดให้จัดกระดานหมากไว้ที่ศาลาเฟิงมู่ ให้เกล้ากระหม่อมเชิญนายหญิงน้อยไปประชันหมากพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีชราโน้มตัวเอ่ยชี้แจงหลงเยวี่ยอย่างระมัดระวัง ถ้อยคำประดา ‘เชี่ยวชาญ’ หาใช่ ‘โปรดปราน’ แฝงไว้ด้วยความนัย

หลงเยวี่ยหาได้มีแก่ใจคิดให้ลึกซึ้งสรุปแต่เพียงว่าฝ่าบาทโปรดให้นางเดินหมากเป็นเพื่อน

ศาลาเฟิงมู่อยู่ทางด้านหนึ่งของอุทยานชุนเหอจิ่งหมิง มองไกลๆ เห็นตัวศาลาตั้งอยู่กึ่งกลางทิวทัศน์อันงดงามทั้งหกทิศ ด้านบนและด้านล่างล้วนสวยงามเหมาะสม ประกายคลื่นน้ำในทะเลสาบสะท้อนแสงอาทิตย์สวยสดราวกับอัญมณี ในตัวศาลามีเงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งประทับอยู่อย่างโดดเดี่ยว ท่วงท่าทรนงองอาจ แม้นมองจากจุดนี้ยังคาดเดาได้ว่าเป็นใคร

หลงเยวี่ยประสานมือแล้วย่อตัวลงคุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาท ก้มหน้าเอ่ย “หญิงสกุลตวนมู่แห่งตำหนักเมิ่งเหยาถวายบังคมฝ่าบาท”

ฮ่องเต้พยักหน้า ปราดเดียวไต้กงกงก็รีบประคองหลงเยวี่ย เชิญนางนั่งที่โต๊ะตรงข้ามฝ่าบาท หลงเยวี่ยรับผ้าเช็ดมือจากบ่าวรับใช้ยื่นให้พระองค์ ด้านหนึ่งขันทีระดับล่างกำลังเก็บเม็ดหมากบนกระดานใส่กล่อง เมื่อสักครู่ดูเหมือนพระองค์จะเดินหมากกับตนเองตาหนึ่งแล้ว “ช้ายิ่งนัก ยังคิดว่าแม้แต่ไต้กงกงที่รับใช้ในวังมาถึงสี่สิบปีก็หลงทางเป็น?” ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่น้ำเสียงกลับเย็นเยียบ ไต้กงกงเหงื่อกาฬไหลพลั่ก ตัวสั่นเป็นลูกนก รีบโขกศีรษะขอพระราชทานอภัยโทษ

“วันนี้หม่อมฉันไปบูชาบูรพกษัตริย์ที่ศาลบรรพชนแต่เช้าตรู่ ไต้กงกงไปที่ตำหนักเมิ่งเหยาก่อนจึงคลาดกับหม่อมฉัน…” หลงเยวี่ยพูดพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับปาก ใบหน้าเริ่มเก้อกระดาก นางพลันทรุดกายคุกเข่า “พูดไปแล้วล้วนแต่เป็นความผิดของหม่อมฉัน ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว”

“เอะอะอะไรก็คุกเข่า เราเบื่อหน่ายเต็มทน” ฮ่องเต้คล้ายเมินเฉยคล้ายบึ้งตึง กระนั้นยังสัมผัสได้ถึงพระสุรเสียงที่อ่อนโยนขึ้นเมื่อกล่าวถึงเหตุผลนั้น “เลิกร่ำไรได้แล้ว”

ขันทีน้อยคนหนึ่งสาวเท้าเข้ามาประคองไต้กงกง หน้าผากของขันทีชราแดงเถือกก่อนจะขยับกายถอยเข้าไปประจำตำแหน่ง ขณะที่ขันทีอีกผู้ประคองนางนั่งบนเก้าอี้หิน

รับสั่งดังขึ้นอีกครา “ยกกล่องเม็ดหมากไปให้นาง”

ภาชนะเก็บหมากรูปทรงโค้งมนตลับหนึ่งถูกวางลงตรงหน้าหลงเยวี่ย ลวดลายดำขลับตัดสีน้ำตาลแก่ถูกขัดจนขึ้นเงา ตรงฝาตลับสลักอักษรสามคำ “端木军” (ทัพสกุลตวนมู่) หลงเยวี่ยนิ่งมองคำนั้นอย่างอึ้งงัน ใบหน้าพลันบึ้งตึง แม้แต่ดวงตาสองข้างก็มีริ้วของโทสะวาดผ่าน ลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านผิวทะเลสาบหอบเอาความเย็นกระทบผ่านแก้มนวล ปิ่นไม้หนานมู่ห้อยพวงไข่มุกสั่นแว่วๆ ประหนึ่งกลองศึกในสมรภูมิอันห่างไกล หลงเยวี่ยตกอยู่ในห้วงภวังค์ยาวนาน ร่างกายราวกับหยุดอยู่บนผาที่สูงเสียจนหายใจไม่ออก ปลายนิ้วชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

“ฝาหมากกล่องเดียวก็ทำเจ้าใจฝ่อถึงเพียงนี้แล้ว” หลิวเช่อคล้ายเป็นอสุรกายถือใบมีดเพชฌฆาตในสายตานาง “คนสกุลตวนมู่ล้วนกล้าหาญชาญชัยกลับเป็นเพียงคำเล่าลือ หมากตานี้คงไม่ต้องเดินแล้วกระมัง”

หลงเยวี่ยยิ้มบางๆ ริ้วความประหวั่นในจิตใจคลายออกอย่างเนิบช้า นางเกลียดการถูกดูแคลนเป็นที่สุด ฝ่าบาทช่างวาจาคมคายเราะร้ายยิ่งนัก! “ฝ่าบาททรงกลั่นแกล้งหม่อมฉัน หลงเยวี่ยใจฝ่อเสียที่ไหน” นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองปราดเห็นตลับหมากสลักนาม ‘ซงหนู’ อยู่ข้างพระหัตถ์ฝ่าบาท ไอน้ำแข็งในหัวใจยิ่งแผ่ขยายเป็นวงกว้าง นัยน์ตาของนางจับจ้องชื่อของเม็ดหมากคล้ายอ่อนหวานคล้ายสนใจ หากมีความอำมหิตบางอย่างแผ่กระจายไม่หยุด “เพียงแต่รู้สึกว่าวันนี้ฝ่าบาททรงมีอารมณ์ขันยิ่ง…”

ทั้งสองฝ่ายวางเรียงกองทัพของตนบนกระดาน

หลิวเช่อปรายตาคล้ายประเมินหญิงสาวตรงหน้า สตรีผู้นี้แสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าลุ่มหลงบูชาเขาราวกับเทพเจ้า เอ่ยอ้างบอกว่า ‘รักมั่น’ ทั้งที่มิเคยรับรู้ว่ามหาบุรุษที่พวกนางหลงใหลเป็นบุคคลเช่นไร ไม่อาจไม่รู้สึกขบขันแขนงหน่าย บัดนี้หลิวเช่อพลันรู้สึกว่าความลุ่มหลงของนางยิ่งฉาบฉวยเพียงเย้าหยอกให้มีโทสะ นางก็ไม่อาจตระกองกอดความ ‘รักมั่น’ ที่มีต่อตัวเขาไว้กลางใจ

วินาทีนั้น นัยน์ตาอันดำมืดของนางพลันคล้ายให้ความรู้สึกยากจะไขว่คว้า

การเดินหมากของหลงเยวี่ยแม้นจะบ้าระห่ำจนคล้ายคนเสียสติ ก็ยังแฝงไว้ด้วยการทิ่มแทงฉกฉวยประโยชน์จากช่องโหว่อย่างทันท่วงที หมากสำคัญตัวเดียวพลีชีพสังหารราบเป็นหน้ากอง ไม่รู้ควรเอ่ยว่า เยือกเย็นไร้น้ำใจ หรือไม่?

หลิวเช่อทอดตามองกระดานหมาก

“ยังไม่ถึงครึ่งกระดานเจ้าก็เดินหมากราชาแล้วหรือ?”

รอยยิ้มของนางแฝงความอ่อนหวานอย่างยิ่งยวด “พระองค์เคยบอกหม่อมฉัน ‘ถ้าราชาไม่เคลื่อนไหวราชบริพารก็ไม่ตามมา’

“อ้อ—” คลับคล้ายมีอยู่ตาหนึ่งที่เขาเคยเอ่ยเช่นนั้น หลิวเช่อพลันรู้สึกกระเพื่อมไหวในใจ นางช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นนัก

อาจเพราะหลงเยวี่ยแบกรับภาระทางใจ เมื่อในมือถือหมาก ‘ทัพสกุลตวนมู่’ นางก็ไม่อาจมองหมากกระดานตานี้เป็นเพียงการละเล่นผ่อนคลาย หลิวเช่อสามารถมองผ่านกระดานหมากทะลุไปถึงหัวใจที่กำลังวุ่นวายของหญิงตรงหน้า หากมิอาจออกความเห็นอย่างเป็นธรรมว่า…ในสนามรบผู้ที่ห้าวหาญไม่กลัวตายเป็นสิ่งที่ตึงมือยิ่ง เพราะพวกมันไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด

ทิศทางหมากที่คล้ายคลึงกับวิถีเดินของตน ทว่าคาดเดาได้ยากประหนึ่งม้าป่าพยศ ช่างชวนให้นึกขัน… เม็ดหมากฝ่ายของซงหนูถูกกองทัพสกุลตวนมู่กวาดล้อมกินเรียบ ขุนพลหมากบนกระดานถูกนิ้วเหยียดเรียวของนางหยิบออกไปตัวแล้วตัวเล่า ทัพเรือและทัพช้างถูกพิชิต นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของหลงเยวี่ยปรากฏแววสาแก่ใจ นางยกสายตามองราชันสุริยา รอยยิ้มพร่างพรายดั่งดวงดาราวาดผ่าน มองดูแล้วช่างเหมือนหญิงสาวบอบบางที่เติบโตท้าแสงตะวัน

…เป็นใบหน้าที่ทำให้คนตกตะลึงเสียจริง

“หม่อมฉันถือหมากพิฆาตแล้ว” นางเอ่ยอย่างยินดี ความปรีดาวาบผ่านดวงหน้างาม หลิวเช่อร้อง “อ้อ” หนึ่งคำ รอยยิ้มสง่างามแฝงความเย่อหยิ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม เอ่ยเสียงไม่ช้าไม่เร็ว “ยังเร็วไปที่จะจบกระดาน”

หลงเยวี่ยยิ้มค้างชะงักค้าง หางคิ้วกระตุกอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มสบตานางอย่างไม่ยี่หระ ราวกับการพ่ายแพ้ในหมากกระดานนี้เป็นเพียงมหรสพเล็กน้อย หาใช่การประชันที่ธำรงไว้ซึ่งเกียรติแห่งนักเลงหมาก หลิวเช่อเลื่อนตลับหมากกระดานที่ทำจากไม้พะยูงแดงมาไว้ที่ข้างมือ เม็ดหมากด้านในทำจากพะยูงแดงทั้งชิ้น ในวันที่อากาศร้อนแรงเช่นนี้สีแดงมองดูแล้วไม่สบายตายิ่งนัก

หลงเยวี่ยขมวดคิ้ว “ฝ่าบาท…ทรงคิดจะเล่นโกงหรือเพคะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลงระคนแง่งอน

“อย่างเจ้ากล้าตำหนิเราหรือ?” แม้น้ำเสียงจะห้วนและสีหน้าเย็นชากลับไร้โทสะ

หลงเยวี่ยลมหายใจสะดุด ดวงตาก้มลงต่ำอย่างนึกละอาย…เมื่อวานนางเพียงแต่หาทางแก้หมากตาจน กระทั่งเหนื่อยหน่ายจะรักษากฎของพวกวิญญูชน กลับถูกฝ่าบาทนำเรื่องนี้มายอกย้อนเสียได้ เสียงของนางแผ่วเบายิ่ง “หม่อมฉันมิกล้า…”

หลิวเช่อเคลื่อนหมากแดงลงสู่กระดานอย่างผ่าเผย “เจ้าทำให้เรานึกขึ้นได้…หมากกระดานล้าหลังเกินไป การศึกมิได้จบลงเพียงสิ้นราชา…”

หมากแดงไม่ทราบฝ่ายเคลื่อนกระบวนทัพบนกระดาน เนื่องจากมีพระหัตถ์ฝ่าบาทเป็นผู้ควบคุม ไม่ช้าก็กระจายทัพล้อมอยู่แนวหลังของหมากทัพสกุลตวนมู่

หลิวเช่อยกหมาก เสียง แป๊ก กึกก้องศาลา “และกระดานหมากใต้หล้ายังคงมีการสมรู้ร่วมคิดและทรยศหักหลัง”

เมื่อคำว่า “กระดานหมากใต้หล้า” ถูกสื่อออกมา แววตาที่ขุ่นมัวของหลงเยวี่ยก็เริ่มกระจ่าง กระบวนหมากฝ่าย “ทัพสกุลตวนมู่” ในยามนี้ถูกฝ่าบาทใช้ “หมากแดง” ผสานกับ “หมากซงหนู” โอบล้อมบีบรัดทั้งซ้ายขวา ไร้ทางรุกไร้ทางถอย ไม่นานวงล้อมก็ถูกบีบรัดเข้ามา การรับมือกับหมากซงหนูที่อ่อนแอเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อมีทัพหมากแดงที่กล้าหาญชาญชัยคอยโรมรันฉวยโอกาสสังหาร

อันความจริงการเล่นหมากสามฝ่ายเช่นนี้…เมื่อ ‘หนึ่ง’ ถูก ‘สอง’ รุมสังหารก็ยากที่จะชนะอยู่แล้ว

หลิวเช่อขยับมือหยิบ ‘หมากซื่อ’ ทิ้งลงฝาตลับหมาก กลับเป็นไต้กงกงที่มีสายตาว่องไว เขายกมือโบกไล่ข้าราชบริพารโดยรอบออกจากศาลา ในระยะสามจั้งมีเพียงเงาหลังไต้กงกงเฝ้าอยู่จากที่ไกลๆ หลิวเช่อเอ่ยอย่างราบเรียบ

“สงคราม ณ ชายแดนระเบียงเหอซีในคราวนั้นไยมิใช่เช่นกัน”

ฝ่าบาทสะบัดชายพระภูษาลุกขึ้นทอดพระเนตรดอกบัวงามหลากสีที่เบ่งบานเหนือทะเลสาบอย่างเนิ่บช้า ดอกบัวสีขาวชูช่ออ่อนละมุนผละกลีบใบกระจายลงลำน้ำสีมรกต กลีบดอกก่อกลิ่นหอมกำจายทั่วผืนทะเลสาบ เนื่องจากบริเวณนี้ไม่มีดอกไม้อื่นๆ ปลูกแจมกลิ่นดอกบัวจึงบริสุทธิ์ยิ่ง เพียงแต่ใกล้สิ้นฤดูร้อนดอกบัวเริ่มโรยรา แม้นจะอวลกลิ่นหอมนุ่มนวลอย่างไรกลับยังใจให้เปล่าดายนัก

“แม่ทัพผู้อาวุโสแห่งสกุลตวนมู่มีฝีมือการรบเกรียงไกร แม้นจะออกรบอย่างกล้าหาญก็มิอาจระงับของพิพาทในยามนั้น เพราะมีมือที่มองไม่เห็นคอยก่อความวุ่นวาย ผู้ที่หลงเข้าใจว่าเป็นฝ่ายเดียวกันทรยศทำร้ายจนทิ้งร่างที่ชายแดน ระเบียงเหอซีสับสนวุ่นวายกลับไร้ผู้กล้าสามารถออกรบแทนเขาเพื่อสยบซงหนู จำต้องส่งองค์หญิงจากต้าฮั่นอภิเสกสมรสเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับพวกมัน หยุดยั้งสงครามและถ่วงดุลอำนาจ ช่างน่าขันนัก” ท้ายเสียงคล้ายเย้ยหยัน

ตัวหมากต่อหน้าหลงเยวี่ยล้มกระจัดกระจาย ทัพสกุลตวนมู่สิ้นจากกระดานแล้ว

หลงเยวี่ยยิ้มเย็นชา นัยน์ตามุ่งร้าย “เป็นผู้ใด…”

หลิวเช่อปรายเนตรชำเลืองมองนาง พบเพียงนัยน์ตาล้ำเสน่ห์คู่หนึ่งที่ฉาบทาบด้วยหมอกครึ้มบางเบา ทิวเมฆบดบังดวงตะวันทาบเงาดำลงสู่ศาลา พลันทำให้ความสงบเงียบเพริศแพร้วหมองหม่นลง ชายหนุ่มเงยหน้ามองดวงตะวัน…ทอดมองไปไกลจนคล้ายมีเป้าหมายเดียวกับนาง

หมากกระดานนี้ผู้ใดโศกาผู้ใดปรีดา

หลิวเช่อเอ่ยราวกับสัจธรรม “ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด”

จบการเดินหมากกับหวงตี้ (เควสต์ปลดหัวใจดวงที่ 2)
ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
หัวใจหวงตี้ดวงที่ 2 เต็ม +50 บารมี
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
พูดคุยประจำวัน +5 ความสัมพันธ์
โบนัสหัวบ้า +10 ความสัมพันธ์
@Admin 


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-9-25 13:27
โพสต์ 31000 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-9-25 12:47
โพสต์ 31,000 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +15 ความโหด จาก นักสู้  โพสต์ 2024-9-25 12:47
โพสต์ 31,000 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม จาก บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก  โพสต์ 2024-9-25 12:47
โพสต์ 31,000 ไบต์และได้รับ +3 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-9-25 12:47

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +65 ย่อ เหตุผล
Admin + 65

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6
โพสต์ 2025-6-19 04:36:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2025-6-19 04:37

บันทึกฝูหรงแห่งหยกขาว
Character Avatar
ลู่ไป๋หรั่น ཐིཋྀ นิมิตนำพา
กุ้ยเฟยแห่งตำหนักตงเฉิน ⋆ สาวงามอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง
ช่วงบ่าย - 24 เดือน 04 (พฤษภาคม) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ไป๋หรั่นครุ่นคิดมาพักใหญ่แล้ว ความกังวลใจและฝันร้ายที่ติดตา บัดนี้พ้นจากช่วงที่เต็มไปด้วยปัญหา อาจถึงคราปรึกษาอย่างจริงจัง ทว่า.. นางเองก็มืดแปดด้าน อีกทั้งการออกจากวังก็เต็มไปด้วยขั้นตอนมากมาย ยิ่งฐานันดรสูงจะขยับตัวแต่ละครั้งก็ไม่ง่ายเหมือนเก่าแล้ว ดังนั้นคนเดียวที่นางพอจะปรึกษาได้แม้ว่าไม่อยากรบกวนก็ย่อมเป็นฮั่นอู่ตี้ สวามีที่ร่วมสร้างสองชีวิตที่เคยเติบโตอยู่ในท้องของนาง

เพราะเป็นเรื่องที่ควรเลี่ยงคนหมู่มาก ไป๋หรั่นเลือกวานผู่เยว่ให้ไปหาจางกงกงและฝากจางกงกงแจ้งแก่ฝ่าบาทว่าหากมีเวลาว่าง ให้เสด็จมาพบนางที่ศาลาเฟิงมู่ แต่ไม่นึกเลยว่าเวลาว่างของเขาจะเป็นการมาถึงทันทีที่เลิกหารือกับเหล่าขุนนางคนสนิท “ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกหาเจิ้น” เสียงเยาะเย้ยที่องอาจมาถึงก่อนนางจะเห็นตัวเขาเสียด้วยซ้ำ หลิวเช่อปรากฏกายในชุดออกว่าราชการเต็มยศ ไม่เสียเวลาผลัดอาภรณ์แม้แต่น้อย

จะบอกว่าเป็นความเร่งรีบ..? ทุ่มเท..? หรือดีใจ? ก็ไม่แน่ใจนัก

“ฝ่าบาท”

การเป็นคนโปรดบางครั้งก็ดีตรงที่ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพให้ยืดยาว เพราะแค่เพียงตั้งท่าจะย่อลง มือของโอรสสวรรค์ก็ยกขึ้นปรามแล้ว “ไม่ต้อง” เหล่าขันทีและนางกำนัลที่ตามเสด็จต่างก็กระจายตัวกันยืนอยู่ห่างในระยะที่พอให้ความเป็นส่วนตัวแก่หวงตี้และชายาเอกอย่างรู้งานทำให้รอบข้างไม่เหลือคนสอดรู้ ไม่เว้นแม้แต่จางกงกง

“มีอะไร” คำถามเต็มควรเป็นเหตุใดจึงไม่รอให้เจิ้นไปหาเจ้าที่ตำหนัก ทว่าหลิวเช่อก็รู้แก่ใจว่าควรแสดงออกอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับการเป็นเจ้าแผ่นดิน โอรสสวรรค์สะบัดชายแขนเสื้อพลางนั่งลงบนเก้าอี้ภายในศาลา วางสายตาไว้ยังร่างของโฉมงามผู้เป็นชายา

“หม่อมฉันเพียงนึกขึ้นได้ว่าฝ่าบาทมิได้ชมหม่อมฉันร่ายรำมาก็นานแล้ว” ไป๋หรั่นตอบพร้อมหยักยิ้มงาม ทีแรกนางคิดจะเข้าประเด็นโดยทันที แต่เห็นเขาที่มาโดยไม่ต้องพยายามขอมากอย่างนี้ก็คิดอย่างตอบแทนอะไรบ้าง อย่างไรเสียเขาก็เป็นหวงตี้ สละเวลามาทั้งที่รู้แก่ใจว่านางอาจมีสิ่งที่ต้องการจากเขา

หลิวเช่อเองก็รู้ว่าครั้งนี้นางเพียงว่ายเวียนอ้อมรอบกายเขา เดิมทีกลเม็ดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาชื่นชอบ แต่เมื่อเห็นความตั้งใจแกมคาดหวังให้ตกลงจากดวงตาของชายา โอรสสวรรค์ก็คล้ายจะหลงลืมคำปฏิเสธไปจนหมด เหลือเพียงความคิดที่ดังก้องในหัวว่า ‘ผ่อนคลายบ้างก็คงดี’

ในเมื่อผู้ชมไม่ปฏิเสธ คนร่ายรำก็คงไม่จำเป็นต้องรั้งรอ ร่างงามลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวออกไปยืนอยู่นอกศาลาก่อนจะเริ่มต้นออกท่าทางอันอ่อนช้อยโดยไร้เสียงเพลง อาศัยสายลมเป็นตัวนำทางและเสียงกระซิบของหมู่ไม้ที่สั่นไหวเป็นการโอบประคอง เมื่อพิจารณาความงดงามของผู้ร่ายรำ ผนวกกับทิวทัศน์ของศาลาที่โดดเด่น นับว่าหลิวเช่อโชคดีจริง ๆ ที่มีวาสนาได้เห็นการแสดงเช่นนี้

แต่นั่นเพียงพอแล้ว

ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่ามือเล็กที่วาดทำท่าทางไปมาในอากาศควรจะลากลงกับอกของเขา โอรสสวรรค์คำรามในลำคอเบา ๆ ก่อนจะรวบตัวคนงามมานั่งบนตักแกร่ง “พอแล้ว” แทนที่จะช่วยผ่อนคลายกลายเป็นว่าตอนนี้เขากลับเริ่มตึงเครียดที่ต้องมาคอยควบคุมตนเอง คนเป็นหวงตี้ไม่ควรจะถอนหายใจหรือแสดงความรู้สึกที่มากเกินไป ดังนั้นหลิวเช่อจึงทำได้เพียงสบตานางและกล่าวเสียงแหบพร่า “ต้องการอะไร”

คำพูดเมื่อออกจากปากไปแล้ว ย้อนกลับไปแก้ไขก็คงไม่ได้ ฮั่นอู่ตี้พึ่งจะมารู้สึกว่าตนดุเกินไปก็เมื่อเห็นความกังวลในแววตาของชายาจากระยะใกล้ชิด จะปลอบก็ปลอบไม่เป็น จะแก้ไขคำพูดก็เสียเชิงชายชาติทหาร หลิวเช่อขมวดคิ้วก่อนจะตัดสินใจแก้ปัญหานี้ด้วยการเปลี่ยนประเด็นแทนคนงามที่ยังอ้ำอึ้ง “เจ้าไม่อยากสนับสนุนญาติพี่น้องเข้ามาเป็นขุนนางบ้างหรือ?”

คำถามที่มาโดยไม่ทันตั้งตัวทำเอานางหลุดปากออกไปตามสัญชาตญาณ “เพคะ?”

ยังดีที่ไม่ใช่ ‘ห๊ะ’ หรืออะไรที่เลวร้ายกว่านั้น

หลิวเช่อไม่ได้ถามซ้ำ เขาเพียงรอ และรอ รอให้สมองน้อย ๆ ของชายาเอกกลับมาทำงานได้ครบถ้วนจนสีหน้างดงามกลับคืนมาแทนความโง่งมที่ปรากฏเมื่อครู่ “ไม่เพคะ” คำตอบของนางเบาหวิวราวกับเสียงถอนหายใจ “สนับสนุนแล้วอย่างไร ยิ่งเคลื่อนไหวก็จะยิ่งดูไม่ดีในสายตาผู้อื่น.. รวมไปถึงในพระเนตรฝ่าบาท หม่อมฉันแต่แรกไม่คิดว่าตนเองมาจนถึงจุดนี้ ต่อไปยิ่งไม่คิด”

“หม่อมฉันไม่ได้ฉลาดล้ำอย่างใคร อีกทั้งยังไม่ได้เกิดมาในครอบครัวขุนนาง แค่เพราะหม่อมฉันได้เข้าวัง ไหนเลยจะต้องผลักดันให้คนที่ชำนาญการค้าขายมาฝึกดูแลบ้านเมือง” ใบหน้าของโฉมงามเจือด้วยรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงพี่ชายที่ไม่คล้ายคนที่จะสวมชุดขุนนางและตอบโต้ผู้อื่นอย่างสง่างาม “อีกอย่าง..”

“วังในนี้มีสตรีมากมายที่พกเอาความต้องการของครอบครัวมาด้วย” มือของนางยกขึ้นปัดปอยผมสีรัตติกาลของสวามีที่ตกลงมาข้างหูเบา ๆ อย่างนุ่มนวล ตรงข้ามกับมือของโอรสสวรรค์ที่กำรอบเอวนางราวกับจะบีบให้เปลี่ยนรูป “ฝ่าบาทไม่โปรดเรื่องเหล่านั้น หม่อมฉันย่อมไม่เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงไม่โปรด”

ท้ายที่สุดก็ต้านไม่ไหว หลิวเช่อถอนหายใจพลางแนบหน้าผากของเขาลงกับนาง

“รู้ความเกินไป”

“แล้วดีหรือไม่?”

“ไม่ดี”

ไป๋หรั่นหัวเราะเบา ๆ ดวงตาของนางหลุบลงต่ำ “ฝ่าบาท หม่อมฉันฝันเพคะ”

“อืม”

“หม่อมฉันฝันว่าผิงหยางกงจู่เสด็จมาหาหม่อมฉันแล้วทรงทูลว่าหม่อมฉันจำเป็นต้องรักษาตัวดี ๆ .. ทั้งยังฝากไท่โฮ่วและพระองค์ให้หม่อมฉันดูแล” แม้จะใช้เสียงนุ่มหวานละมุนมาเป็นสื่อกลางในการเล่า หลิวเช่อก็ยังสัมผัสได้ถึงการสั่นของน้ำเสียงและความรู้สึกไม่แน่ใจที่จะเล่าในท่าทางของนางจนทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว

“แล้วจากนั้นผิงหยางกงจู่ก็เสด็จออกไป หม่อมฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกพิกลจึงตัดสินใจไล่ตาม ทว่า..”

นางกำลังกลัว หยกน้อยของเขากำลังกลัว , ร่างบางที่สั่นระริกอยู่ชิดกับกายเขามีหรือจะสัมผัสไม่ได้? ด้วยความคิดนี้ หลิวเช่อกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เนตรมังกรหรี่ลงคล้ายวิเคราะห์สถานการณ์พลางพึมพัมด้วยน้ำเสียงที่สงวนไว้ให้คนไม่กี่ตนได้ฟัง

“เจิ้นอยู่กับเจ้า”

คอยนำทางอยู่เสมอ ราวกับเข็มทิศฟ้า เพื่อไม่ให้นางต้องมีช่วงเวลาที่ต้องหลงทาง

“หม่อมฉันเห็น.. เห็นผิงหยางกงจู่ทรงม้าอยู่กลางวงล้อมของตัวประหลาด รูปลักษณ์คล้ายคนนักแต่กลับมีปีก สวมหน้ากากและบินอยู่บนฟ้า พวกมันมีมากจนฟ้ามืดครึ้ม” ไป๋หรั่นเองก็นึกทึ่งอยู่ในใจ ฝันนี้ก็ถือว่าผ่านมานานแล้วแต่นางกลับยังจดจำได้ในทุกรายละเอียด ยิ่งรื้อฟื้นก็ยิ่งรู้สึกเหมือนพลาดอะไรบางอย่างไป “ฝ่าบาท ข่าวคราวของทางเจียงหนานมีส่งมาบ้างหรือไม่เพคะ บางทีอาจเป็นหม่อมฉันกังวลเกินไป”

มีเพียงฟ้าและเขาเท่านั้นที่รู้ว่าไม่มีข่าวสารใด ๆ จากทางเจียงหนานส่งกลับมาเลย หลังจากข่าวที่มีคนแจ้งว่าผิงหยางกงจู่ได้เสด็จไปถึงจุดที่เกิดภัยพิบัติ ขณะนี้ต่อให้ใจอยากปลอบไม่ให้นางตื่นกลัว เขาก็คงทำไม่ได้แล้ว โอรสสวรรค์กดใบหน้าของชายาคนงามลงกับไหล่กว้างเพื่อปกป้องก่อนจะออกคำสั่งด้วยเสียงคำรามที่ดุดัน

“ไปตามต้าซือถูมาพบเจิ้นที่ห้องทรงอักษรเดี๋ยวนี้!!”



เริ่มต้นดำเนินเรื่องเปิดภารกิจ..

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 23531 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-6-19 04:36
โพสต์ 23,531 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดเซวียนอวี้ (กุ้ยเฟย)  โพสต์ 2025-6-19 04:36
โพสต์ 23,531 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-6-19 04:36
โพสต์ 23,531 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-6-19 04:36
โพสต์ 23,531 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2025-6-19 04:36
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้