หอบัณฑิตหย่งจือ - เวลา 15.00 น.
ลานไม้ใต้ชายคาทิศตะวันออกของหอบัณฑิตอันเงียบสงบ ในเช้าวันนี้กลับไม่สงบเช่นเคย...
“ ปิ๊ง... แป๊ง... ปึ๋งแง๋ง... เอ่อ... ปั๊ง! ”
เสียงดีดกู่เจิงอย่างไม่ประสา ราวกับปีศาจกำลังกระโดดไต่สายสลิง ดังกระแทกกลางห้องเงียบ อาจารย์ขององค์หญิงเองก็ต้องถึงกับ กระพริบตาถี่ ๆ มือไม้ที่เคยสงบนิ่งสั่นกระเพื่อมอย่างอดกลั้น
บนเบาะผ้าไหมกลางห้อง เปิ่นกงตัวจ้อยในชุดปักลายกระต่ายกำลังนั่งดีดกู่เจิงอย่างเต็มแรง ใบหน้าจิ้มลิ้มเห่อร้อน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตั้งใจ ทว่า...
“องค์หญิง.....” เสียงอาจารย์หวังเอ่ยอย่างกลั้นใจ เหงื่อเม็ดเล็กซึมขมับพลางหรี่ตามองปลายนิ้วขององค์หญิง เลือดซิบออกจากปลายนิ้วเรียวของนาง!
“ ไฉนถึงกดแรงเยี่ยงนี้เล่า! ”
“ ข้า.... ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ! แต่ว่ามันคือกู่เจิงปีศาจแน่ ๆ! มันกินมือคนได้ ”
ทันใดนั้นเอง เสียง ‘เป๊ง!’ ดังสนั่น พร้อมเสียง ‘แควกกก’ ของสายพินที่ขาดสะบั้น ดีดกลับมาปะทะแก้มเล็ก ๆ ขององค์หญิงจนสะดุ้งเฮือก
“อ๊าาาาา!” เสียงร้องนั้นดังสะท้อนทั้งเรือน
“ ข้าไม่เรียนแล้ว! ”
ยังไม่ทันที่อาจารย์หวังจะได้ยกพัดขึ้นสั่งสอน ร่างเล็ก ๆ ก็พรวดพราดลุกขึ้น หอบกระโปรงยาวขึ้นเหนี่ยวไว้เหนือเข่าแล้วโกยแนบ
“ องค์หญิง! อย่าเพิ่ง เเล้ว.... ”ไม่มีการพูดจาอะไรทั้งนั้น เเม่นางก็วิ่งหนีไปเสียดื้อๆ
นางวิ่งวกลงเนินเล็ก เลี้ยวไปทางใต้ของสำนักศึกษา ลงไปด้านล่าง สายตาของเธอย่องๆ เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ มือยังคงถลกกระโปรงเอาไว้
แต่พอจะขยับถอยหลังอีกนิด ร่างของนางก็ชนบางสิ่งแข็ง ๆ เข้าอย่างแรง“ โอ๊ย! ขอโทษเจ้าค่ะ .... เป็น.....”
นางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ... ชุดมังกรทอง ปักลายเมฆมงคล ดวงพักตร์คมเข้ม... เสด็จพ่อ!
ดวงตากลมใสเบิกกว้างราวจานเงินในคืนจันทร์เต็มดวง แขนเล็ก ๆ ทั้งสองข้างแข็งค้างอยู่ข้างลำตัว ริมฝีปากน้อย ๆ อ้าค้างโดยไร้เสียง สะอึกเงียบ ๆ
สองเท้าเล็กหมุนตัวกะทันหัน ราวกับอัตตาจิตสั่งให้หนีโดยไม่รอฟังเหตุผล เตรียมหนี้สิจะรออะไรกันเล่า
“ จะไปไหน? ” พระสุรเสียงนิ่งขึ้น “ นี่มันเวลาเข้าเรียนไม่ใช่หรือ? ”
หรูเหมยหยุดเท้าแทบจะในทันใด หันกลับมาอย่างเชื่องช้า มือหนึ่งยังถือชายกระโปรง อีกมือกุมแผลไว้เบา ๆ ใบหน้าเฉียงน้อย ๆ เอียงศีรษะระบายยิ้มเชิงปลอบใจตัวเอง
พระเนตรของฮ่องเต้มองสำรวจจากหัวจรดเท้า เดินถอยหลังชนเสา หน้าฟาดจนแดง หอบหายใจถี่ ชายกระโปรงเบี้ยว ผมหยิกยุ่ง
“ เอ่อ... ลูก.....ลูกกำลัง ”กำลังอะไรดี ตอนนี้เธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ใบหน้านั้นที่กลัมาตั้งเเต่ยังเป็นเด็ก
นางค่อย ๆ ขยับเท้าไปทางซ้ายช้า ๆ จ้องพื้นเหมือนสำรวจเส้นทางหลบหนี แต่ทันใดนั้นเอง!!!
พรึ่บ!
เสียงพัดผ้าไหมสีกลืนฟ้าดังสะบัดแรงตรงเบื้องหน้า จางกงกงยืนตระหง่าน ขวางทางเอาไว้แล้ว
“ องค์หญิง... จะทรงไปไหนกันหรือพ่ะย่ะค่ะ ”
“ จาง....กงกง... เจ้าช่างรวดเร็วยิ่ง... ” นางพูดเสียงเบาๆ มองหน้าราจะคาดครั้นเอาความกับจางกงกง
“ บ่าวก้าวเพียงสองก้าวเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ ”
หรูเหมยหรี่ตา ทำหน้ายุ้ย ยู่ปากแบบสุดทาง อาการกลัวกับหมั่นไส้จางกงกงกำลังต่อสู้กันในใจอย่างบ้าคลั่ง นางกัดริมฝีปากแน่น เสมองไปทางพระบิดา พลางพึมพำเบา ๆ
“ ก็แค่นิดเดียว เจ้าตะขาบทองนี้ ขวางอีกแล้ว... หึ...ฝากไว้ก่อนเถอะ ”
“ เช่นนั้น... เหตุใดจึงต้องหนี? ” เสียงจากทางด้านหลัง ทำนางขนลุกไปทั่วกาย
พระหัตถ์ใหญ่แตะลงบนไหล่น้อยอย่างแผ่วเบา ไม่ใช่เพื่อกอดหรือการปลอบ ไม่ใช่เพื่อลูบ เพียงเพื่อ " ควบคุมเจ้านาง "
“ เดินตามพ่อมา ” ถ้อยคำไม่อ้อมค้อม ไม่รอฟังข้อแก้ตัวใดของนางทั้งนั้น
ส่วนของหรูเหมยเองก็ได้ก้มหน้า เดินต้วมเตี้ยมตามพระบาทใหญ่ เงียบจนน่าประหลาด
เส้นทางเดินกลับไปยังหอบัณฑิตหย่งจือในยามนั้น ช่างยาวไกลราวทางทัพที่ไม่มีจุดหมาย เสียงสวบสาบของชุดกระโปรงลากพื้นดังรบเร้าใจนางไม่หยุด
และเมื่อถึงลานฝึกกลางหอบัณฑิต...
เสียงขนนกพู่กันเสียดสีกระดาษ เงานักเรียนเรียงรายนั่งสงบ กำลังเขียนอักษรโดยไม่มีใครพูดคุย นั้นคือพี่สาวของเธออย่างหรูเยี่ยน
“...ทำไมเจ้าไม่ทำเช่นนางบ้าง” และเมื่อพระสุรเสียงแผ่วเบานั้นออกจากปากของผู้ที่นางเรียกว่าพระบิดา เมื่อเขาเปรียบตนกับพี่สาวอย่างหรูเยี่ยน อีกคราว
ในตอนนี้นางเองก็ ไม่ได้ตอบ ไม่ได้แม้แต่กลอกตาเถียง เพียงชะงักนิ่งในทันที พระพักตร์ของฮ่องเต้เองยังคงนิ่ง เรียบ แถมยังดูเยือกเย็น
สถานะการณ์นี้เอง ทำให้ทุกอย่างดูหนักหน่วงไปหมด และในที่สุด... เท้าเล็ก ๆ ก็หันกลับ ทิ้งทุกสายตาไว้เบื้องหลัง นางเลือกที่จะหนีปัญหาทั้งหมด
ฝีเท้าเล็ก ๆ นั้นเบาเหมือนเสียงสะอื้นในอก ชุดผ้าไหมที่เคยงามสะบัดตามแรงลมไผ่ดวงตากลมใสแดงก่ำ เธอวิ่งผ่านจางกงกงที่ยืนนิ่ง ไม่ขวางเหมือนคราวก่อน
รางวัลโรลแรก:
เงินติดตัวจากพ่อแม่ 50 ตำลึงทอง , 3000 อีแปะ , ห่อสัมภาระ 1 ห่อ , กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ , +30 EXP
ร่ำเรียน +1 INT / +40 EXP (แนบท้ายโรล)