(ใจกลางของเขตพระราชฐานและลับแลยิ่งกว่าส่วนใด ๆ ในวังหลวงฉางอัน ตระหง่านอยู่ ตำหนักมังกรหงส์บรรจบ อันเป็นสถานที่เฉพาะสำหรับองค์จักรพรรดิและองค์ฮองเฮาในการฝึกฝนปราณและขัดเกลาพลังอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ ชื่อตำหนักบ่งบอกถึงการรวมเป็นหนึ่งของสองพลังยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งแผ่นดิน—มังกรทองอันเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ และหงส์แดงอันเป็นตัวแทนของฮองเฮา
จากภายนอก ตำหนักแห่งนี้โอ่อ่าสง่างาม ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของหินแกรนิตเข้ากับความอ่อนช้อยของหลังคากระเบื้องเคลือบสีทองและแดงชาดที่สลับกันอย่างวิจิตร ผนังประดับด้วยภาพสลักนูนต่ำของ พญามังกรทองเลื้อยพันพญาหงส์เพลิง ที่กำลังโบยบินอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ แสดงถึงความสมดุลของหยินหยางและอำนาจอันไร้ขีดจำกัดแห่งราชันย์คู่ หน้าต่างไม้แกะสลักอย่างประณีต แต่อากาศรอบตำหนักกลับอบอวลไปด้วยพลังปราณที่เข้มข้น ทำให้ผู้ที่เข้าใกล้รู้สึกถึงบารมีและศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมา
ภายในตำหนักถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน เพื่อรองรับการฝึกฝนพลังที่แตกต่างกัน:
ลานอัสนีมังกร (Dragon's Thunder Courtyard): พื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ที่ปูด้วยหินแกรนิตดำขัดมันเงา รายล้อมด้วยเสาหินสูงตระหง่าน มักเป็นสถานที่ที่องค์จักรพรรดิจะฝึกฝนการเรียกสายฟ้าพิโรธ การบัญชาพายุ หรือการเหนี่ยวนำแผ่นดินไหวขนาดเล็ก ทุกครั้งที่พลังปะทุขึ้น เสียงคำรณของมังกรจะกึกก้องไปทั่วตำหนัก
อุทยานหงส์เพลิงนิรันดร์ (Phoenix's Eternal Fire Garden): อีกด้านหนึ่งคือเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่ภายในบรรจุพืชพันธุ์หายากที่ทนความร้อนได้ดี และมีธารน้ำใสสะอาดไหลผ่าน ที่นี่คือที่ที่องค์ฮองเฮาจะฝึกฝนการควบคุมเพลิงอมตะ การเยียวยาด้วยปราณ หรือการใช้ญาณทิพย์เพื่อมองเห็นอนาคต บรรยากาศอบอุ่นและเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา แต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างที่พร้อมจะปะทุ
โถงมังกรหงส์ประสาน (Hall of Conjoined Dragon-Phoenix): คือใจกลางของตำหนัก เป็นห้องโถงกว้างขวางเพดานสูงตระหง่าน แสงธรรมชาติสาดส่องลงมาจากช่องแสงด้านบน ผนังประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าตำนานการรวมกันของมังกรและหงส์ ที่นี่คือสถานที่ที่จักรพรรดิและฮองเฮาจะมาฝึกฝนการผสานปราณ การสร้าง พันธะมังกรหงส์ และปลดปล่อย ปราณมังกรหงส์ทอง ในระดับสูงสุด เมื่อพลังทั้งสองรวมเป็นหนึ่ง แสงสีทองและแดงจะเต้นระบำอยู่ในโถง ราวกับเทพทั้งสองกำลังร่ายรำ
ตำหนักมังกรหงส์บรรจบ จึงมิใช่เพียงสถานที่ฝึกฝนร่างกาย แต่เป็นดั่งห้องแห่งวิญญาณ ที่ซึ่งจักรพรรดิและฮองเฮาได้หล่อหลอมพลังอำนาจสูงสุดของตนเอง และสร้างความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคำว่าชีวิต เพื่อธำรงไว้ซึ่งความรุ่งเรืองและอำนาจอันเป็นนิรันดร์ของราชวงศ์ฮั่น)