พระราชวังหนานเจ้า

[คัดลอกลิงก์]


南诏王宫




พระราชวังหนานเจ้า

[หนานเจ้า]

พระราชวังหนานเจ้า เป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจของ ราชวงศ์จื่อเซวียน ผู้สืบสายโลหิตจาก เจ้าแม่หนี่วา เทวีผู้ปั้นมนุษย์และซ่อมฟ้าด้วยหินห้าสี เป็นราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับจากสวรรค์ให้ครองแผ่นดินทางตอนใต้มาตั้งแต่ยุคบรรพกาล โดยมีหน้าที่สำคัญคือ พิทักษ์ “ไข่มุกวารี” สมบัติเจ็ดประการที่ว่ากันว่าสามารถควบคุมพลังแห่งธาตุน้ำ และปิดผนึกอสูรร้ายใต้พิภพได้



โดยใจกลางของสวนกลางพระราชวังหนานเจ้า มีต้นไม้ใหญ่ที่ใบของมันเป็นสีเงินเรืองรอง เปล่งแสงนวลดั่งแสงจันทรา จึงเรียกขานกันว่า “ต้นจันทร์กระจ่าง” ว่ากันว่าเป็นต้นไม้ที่ก่อกำเนิดจากองค์หญิงผู้เสียสละเพื่อหนานเจ้าครั้นยุคบรรพกาลสามอาณาจักร ในยุคที่หนานเจ้าเป็นเพียงเมืองขึ้น การเสียสละกลืนจอกสุราพิษเพื่อรักษาสัมพันธ์ต่อพันธมิตรเป็นการบูชาลมหายใจเพื่อพิสูจน์และแสดงถึงความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ และความภักดีของชาวหนานเจ้า นามขององค์หญิงผู้นั้นคือ เหวยซูเหยียน



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5464 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-12 01:19
โพสต์ 2025-6-12 23:24:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ลมคิมหันต์พัดโบกแย้มกลีบเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สามสิบ ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ยามเฉิน ( 07.00 น. )


   หายนะของหนานเจ้าสิ้นสุดมาได้ร่วมสัปดาห์แล้ว เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่ได้รับการแบ่งปันให้นอนห้องเดียวกับองค์หญิงแห่งหนานเจ้า หากจะบอกว่านางแข็งแรงดีแล้วหรือไม่นั้นไม่อาจเอ่ยได้เต็มปากนัก

   ณ วันที่มารปีศาจหายสาบสูญไป ร่างกายของสตรีผู้บอบบางที่สุดในคณะเดินทางก็ทรุดลง บาดแผลที่ไม่ทันจะสมานดีก็ฉีกอีกครา ครานี้มันกลับร้ายแรงกว่าคราก่อนนักแลกมากับพลังอันสามารถขับไล่มารปีศาจได้ เนื้อตัวร้อนผ่าว ลมหายใจหอบกระชั้น เรี่ยวแรงพลันหายไปจนไม่อาจยืนขึ้นมาได้ ฉางซานเซียนหวางที่คอยจดจ้องนางอยู่ข้างหลังมาตลอดเร่งโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นและหาผู้คนรักษาให้ไวที่สุด

   การขอพลังที่เกินตัวมาพร้อมกับภาระของร่างกายที่หนักหนายิ่ง พหูสูตรน้อยจึงหลับใหลราวสามวันได้ก่อนที่จะตื่นมาในสภาพที่ดูดีขึ้นบ้าง และจากตอนนั้นก็ผ่านมาร่วมสี่ห้าวันแล้ว รวมทั้งหมดราว ๆ เจ็ดวันที่นางอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ ไม่ได้แม้แต่จะปล่อยเท้าเล็กได้แต่พื้นเลยสักนิด นางจึงใช้โอกาสนี้ในการอ่านตำราที่นางซื้อสะสมเสียเยอะแยะเก็บไว้ภายในแหวนดาราจรัส

   “ตื่นแล้วหรือ เหลียนฮวา”

   จื่อเซวียนชิงหลีที่ออกจากห้องแต่งตัว นางในอาภรณ์งดงามสมกับเป็นองค์หญิงผู้ขึ้นเป็นกษัตรีย์ หากองค์หญิงผู้นี้เป็นบุรุษ สถานะของเว่ยเจียเหลียนฮวาในยามนี้คงทำให้ต้าฮั่นกับหนานเจ้าต้องสั่นคลอนภายในพริบตา ไม่พระสนมผู้มีใจออกห่างโอรสสวรรค์ หรือ กษัตริย์แห่งหนานเจ้ากักขังพระสนมของโอรสสวรรค์แห่งต้าฮั่นในห้องบรรทมตลอดเจ็ดราตรี จะอย่างไรก็น่าปวดหัวทั้งสิ้น

   “ตำราเล่มต่อไปของเจ้าใกล้จะเขียนจบแล้วรึ ?”

   มือเรียวที่มือหนึ่งถือกระดาษ อีกหนึ่งมือถือพู่กันขีดเขียน ได้ละจากหน้าที่ชั่วครู่เพื่อปล่อยให้นัยเนตรสีน้ำตาลเกาลัดหวานเลื่อนออกจากการจดจ่อตรงหน้าขึ้นมาสนทนากับผุ้เป็นใหญ่ในดินแดนแห่งนี้

   “อีกเพียงไม่กี่บทก็จะมีตำราสมุนไพรให้ผู้คนได้ใช้งานขั้นพื้นฐานแล้วล่ะ”

   “แต่ตำราของเจ้ามีส่วนที่อธิบายยาพิษนี่นา เจ้าไม่คิดว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอกรึ ?”

   “หากเอาแค่คิดเช่นนั้น แล้วจะรอให้ผู้คนต้องพิษแล้วค่อยควานหายาถอนพิษหรืออย่างไร พิษใดสังเกตได้ ย่อมป้องกันไว้ก่อนจะเป็นการดี”

   “สมแล้วที่เป็นเจ้าจริง ๆ ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาแย้วสรวลออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะบรรจงลากตวัดพู่กันต่ออีกครา ในช่วงเวลาที่นางได้รับการดูแลปานธิดาแห่งสวรรค์แสนบอบบางก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกหน่ายแต่อย่างใด ความรู้สึกแรกที่ได้รับคือนางได้พักเสียที การนอนโง่ ๆ นั้นคือสิ่งที่นางเฝ้าฝันมาตลอดนับตั้งแต่การเดินทางแสนยาวนานได้เริ่มต้นขึ้น

   กาลเวลาค่อย ๆ ผ่านไปเรื่อย ๆ จนเข้าไปร่วมเกือบชั่วยามได้ก็มีเสียงจากข้างนอกเรียกนาง มันคือเสียงของจื่อเซวียนชิงหลีอีกแล้ว

   “เหลียนฮวา เหลียนฮวา เจ้าทำอะไรอยู่”

   “เพิ่งจะเขียนตำราจบ มีอะไรหรือ ?”

   “บ่าวในวังเรียนแจ้งว่าเจ้าไม่ได้ยินเสียงเรียกพวกนางเลยยังไม่ได้รับสำรับอาหารสักที ข้าผ่านมาพอดีเลยมาดูน่ะ”

   “บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าหากไม่ตอบก็เอาเข้ามาวางไว้ได้เลย”

   เหลียนฮวาถอนหายใจที่คนที่นี่ไม่ปล่อยให้นางเดินแม้แต่น้อย นางที่อ่อนแรงจากการรับพลังของมุกวารีก็เริ่มมีกำลังวังชาแล้ว แผลที่บ่าเล็กแม้ยังไม่หายจนปลิดทิ้ง ทว่ามันก็สมานแผลและเริ่มแห้งดีแล้ว ไม่ได้รู้สึกปวดจนต้องขอยาต้มระงับปวดเช่นเดิม สตรีผู้เป็นพระสนมเสียนอี๋แห่งต้าฮั่นพ่วงด้วยตำแหน่งพระสหายกษัตรีย์แห่งหนานเจ้าในบัดนี้ตำราที่ซื้อเก็บไว้เริ่มพร่องไปมากแล้ว ความต้องการเติมเต็มด้วยตำราใหม่ ๆ จึงก่อกำเนิดความรู้สึกอยากไปเดินข้างนอกบ้าง

   นางคิดว่าคงได้เวลาเดินออกจากเตียงนอนนุ่ม ๆ ไปเดินเล่นเสียแล้ว







- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)

- สามารถโรลเพลย์เขียนตำราทางวิชาการขึ้นมา 1 เล่ม (สร้างบล็อกของเรา) +50 EXP : +2 Point : +100 ชื่อเสียงคุณธรรม (หากเป็นสนม +50 บารมี) (สร้างตำราสัปดาห์ละครั้ง)

- หลังเขียนตำราเสร็จแล้ว แนบรายละเอียดไว้ส่วนบนของบล็อก ชื่อตำรา: รายละเอียดโดยสรุปสังเขปตำรา: ตำราดังกล่าวจะถูกบัณฑิตทั่วไปช่วยกันนำไปเผยแพร่จนแพร่หลายทั่วฉางอัน

@Admin





แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +150 คุณธรรม โพสต์ 2025-6-13 12:36
คุณได้รับ 80 EXP โพสต์ 2025-6-13 12:36
โพสต์ 13208 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-12 23:24
โพสต์ 13,208 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +2 ความโหด จาก นักวิชาการ  โพสต์ 2025-6-12 23:24
โพสต์ 13,208 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-6-12 23:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-18 00:00:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ลมคิมหันต์พัดโบกแย้มกลีบเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สิบเจ็ดอู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด


   “เจ้าไม่คิดจะออกจากห้องเลยหรือ”

   เหตุการณ์เดิมที่วนซ้ำราวกับว่าฉายภาพเดิม ๆ แม่กาลเวลาจะเดินไปข้างหน้าก็ตาม เว่ยเจียเหลียนฮวาคนงามยังคงนั่งที่ตั่งนั่งตั้งแต่ยามเหม่าเพราะตื่นเป็นเพื่อนจื่อเซวียนชิงหลี มือเรียวถือตำราในมือไล่อ่านตัวอักษรราวกับว่ากิจวัตรที่นางต้องการกระทำมีแค่ กิน นอน อ่านตำรา จับพู่กันสักหน่อย แล้วก็วนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน แม้ว่าสองวันก่อนจะพอได้เห็นนางขยับบ้าง ทว่าวันต่อมานางก็เป็นเช่นเดิม เพิ่มเติมด้วยกองม้วนตำราม้วนใหม่ ๆ ที่กองรอบกายสาวราวกับอาณาเขตแห่งปัญญา

   สิ่งที่ต่างจากเดิมอีกอย่างคือการที่เว่ยเจียเหลียนฮวาจะลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะเขียนอักษร อ่านตำราใหม่ ๆ อ้างอิงและเริ่มเขียนตำราเล่มต่อไปของตัวนางเอง

   พหูสูตรน้อยเคยกล่าวไว้ว่า สำนวนบางครั้งไม่ได้ตรงตัว บางครั้งมาจากความเคยชิน บางครั้งมาจากตำนาน เรื่องเล่าขาน ทำให้การเข้าใจในสำนวนของผู้คนนั้นไม่ได้ตรงกันเสียทีเดียว หากเป็นไปได้ แม้จะเป็นแพียงผู้คนที่อ่านอักษรออกก็ตาม อย่างน้อยก็ขอให้ตำรานี้ได้เป็นช่องทางที่ได้อธิบายขยายความหมายให้มากขึ้น

   “เจ้าจะถามข้าทุกวันเลยหรือ จื่อเซวียนชิงหลี”

   “ก็เจ้าตื่นมาก็เอาแต่อ่านตำรา”

   “ก็มันสนุกดี”

   “สนุก ??”

   ดวงตาของจื่อเซวียนชิงหลีเบิกกว้างด้วยความงุนงง หากเป็นวรรณกรรมประโลมโลกที่นางเคยพากันอ่านคืนก่อน ๆ พระนางพอเข้าใจ ทว่าในมือของพระสหายคนดีคือตำราว่าด้วยการสื่อสารของผู้คนใต้หล้าเชียว เช่นนั้นแล้วจะเอาประโยคช่วงใดของตำรากันมาเรียนอธิบายให้ทราบได้ถึงความสนุกของมัน

   “ข้าจะเข้าใจว่าเจ้าสนุกกับการเขียนตำราก็แล้วกัน เหลียนฮวา”

   “ขอบพระทัยเพคะ หนี่หวาง”

   สิ้นวจีหวานของสตรีผู้ยอมละสายตาจากตำราขึ้นมาต่อปากต่อคำสักหน่อย ห้องบรรทมของหนี่หวางพลันเติมเต็มด้วยใบหน้าแย้มสรวลและเสียงหัวเราะ ราวกับเสียงของนกการะเวกร้องบรรเลงทำนอง เมื่อใกล้ถึงเวลาแล้วจื่อเซวียนชิงหลีก็ต้องออกไปว่าราชการ จัดการราชกิจทั้งหลายต่อตามหน้าที่ของนาง ส่วนเว่ยเจียเหลียนฮวาก็ตวัดพู่กันเขียนตำราทั้งวันจนกว่าจะถึงเวลานัดหมายกับโจวจิน

   เพื่อฟังความคืบหน้าของหอสดับพิรุณในวันนี้

   กาลเวลาค่อย ๆ ดำเนินไปจนถึงช่วงยามเซิน ช่วงเวลาที่หอสดับพิรุณใกล้จะเปิดทำการ เป็นช่วงเวลาที่โจวจินจะมาพบเว่ยเจียเหลียนฮวาก่อนที่จะไปยังหอสดับพิรุณ แสร้งทำเป็นลูกค้าประจำตีสนิทมามาผู้คุมหอคณิกาขึ้นชื่อ

   “เป็นเช่นไรบ้าง โจวจิน”

   “ตอนนี้เท่าที่จับตาดูยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังไม่มีคณิกานางใหม่ที่ดูเป็นสตรีสูงศักดิ์ คณิกาที่นำขึ้นประมูลพรหมจรรย์ต่างเป็นสาวชาวบ้านกันหมด”

   ในวันนี้เรื่องราวของหอคณิกาเองก็ยังคงเงียบเชียบราวกับเป็นลมเบาที่พัดพาความสงบมาก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำ นางไม่อาจไปจากหนานเจ้าได้ในเร็ววันนี้เพราะความผิดปกติบางอย่างที่สืบเสาะได้ในหอคณิกาโดยท้ มือเล็กยกขึ้นลูบใบหน้าเบา ๆ เพื่อคลายความเครียดที่กลับมาทำให้นางกลายเป็นสตรีคิดมากจนปวดหัวอีกครา

   พอไม่ได้เดินทาง ไม่ได้มีผู้ใดสนทนามากนัก ก็กลับมาเป็นตัวเกียจคร้านจอมคิดไปเรื่อยเช่นเดิมอีกแล้ว

   “อย่าฝืนตัวเอง เข้าใจไหมโจวจิน”

   “เข้าใจ แต่ข้าคือผู้ใดกัน โจวจิน พ่อค้าแห่งหงหยุนหลาย ไม่มีทางทิ้งงานที่รับตำลึงทองมาแล้วได้หรอก เจ้าถูกจัดอยู่ในหมวดของผู้มีอุปการคุณหลักของข้าเชียวนะ”

   “จะไปไหนก็ไปเสีย”

   ในเมื่อไม่มีสิ่งใดเพิ่มเติมจะอยู่ให้ช่างจ้อล้อเล่นปั่นหัวก็กระไรอยู่ นางเอ่ยบอกปัดให้โจวจินไปทำสิ่งที่เขาต้องทำ ทิ้งไว้เหลือเพียงนางที่ยืนใต้ต้นจันทร์กระจ่างราวกับให้เสี้ยวจิตวิญญาณโอบกอดเคียงกาย

   สายลมกลางคิมหันต์เช่นนี้ กลับหนาวเกินกว่าที่คิด





- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)

- สามารถโรลเพลย์เขียนตำราทางวิชาการขึ้นมา 1 เล่ม (สร้างบล็อกของเรา) +50 EXP : +2 Point : +100 ชื่อเสียงคุณธรรม (หากเป็นสนม +50 บารมี) (สร้างตำราสัปดาห์ละครั้ง)

- หลังเขียนตำราเสร็จแล้ว แนบรายละเอียดไว้ส่วนบนของบล็อก ชื่อตำรา: รายละเอียดโดยสรุปสังเขปตำรา: ตำราดังกล่าวจะถูกบัณฑิตทั่วไปช่วยกันนำไปเผยแพร่จนแพร่หลายทั่วฉางอัน


@Admin




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-6-18 00:06
คุณได้รับ 50 EXP โพสต์ 2025-6-18 00:06
คุณได้รับ +150 คุณธรรม โพสต์ 2025-6-18 00:06
โพสต์ 13391 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-18 00:00
โพสต์ 13,391 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-6-18 00:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-19 00:07:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-19 00:10


ลมคิมหันต์พัดโบกแย้มกลีบเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สิบแปด อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด


   ช่อผกาคิมหันต์แย้มบ้าน ลมอ่อนใกล้ยามเชี่ยจื้อหอบเอาความรู้สึกร้อนวาบไล้กายเป็นระลอก อาจเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่พิเศษสำหรับตัวของร่างเล็ก เว่ยเจียเหลียนฮวาที่มักจะอยู่แต่ในห้องบรรทมจึงออกมาเอนกายนั่งอ่านตำรา ณ สวนจันทร์กระจ่างที่ตั้งชื่อตามต้นจันทร์กระจ่างตั้งตระหง่านกลางสวน

   ในวันพิเศษที่ว่านั้น วันนี้คือวันที่เว่ยเจียเหลียนฮวาได้ลืมยาขึ้นมายลคิมหันต์ฤดูรอบที่สิบเจ็ด

   เช่นนั้นข้ออ้างนี้จึงถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแรงกระตุ้นในการก้าวเดินออกมาจากห้องบรรทมของจื่อเซวียนชิงหลี ทำเอานางเอ่ยเรื่องนี้อย่างอารมณ์ดีนักราวกับว่าไม่เคยพบเคยเจอนางอยู่ท่ามกลางแสงแดดและฟ้าใส เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่ยอมเปลี่ยนสถานที่อ่านม้วนตำรามานั่งศาลากลางสวน อ่านเรื่องราวการวิเคราะห์วรรณกรรมของบัณฑิตนอกคอกที่น่าสนใจ

   “วิเคราะห์บทกลอนสตรีผู้งดงามสื่อถึงค่านิยมของสตรีที่ดีในสังคมงั้นหรือ เข้าใจตั้งคำถามดีนี่”

   นางนั่งอ่านเช่นนี้มาราว ๆ ชั่วยามได้จนปลายม้วนกระดาษไปกองอยู่กับพื้นศาลาอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะมีเสียงเรียกของบ่าวที่เฝ้าหน้าศาลาใต้ร่มหลังคาว่ามีผู้ประสงค์เข้าเฝ้า

   “เข้ามาสิ”

   สิ้นวจีหวาน ร่างของหนึ่งสตรีหนึ่งเจ้าตัวขนก็เข้ามาในลานสายตา ดวงตากลมดั่งเมล็ดซิ่งละสายตาจากตัวอักษรทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงสองอุ้งเท้าที่ถ่ายน้ำหนักมาที่ตักบางจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เจ้าตัวขนตรงหน้าของนางคือเว่ยซาน หมาป่าที่นางเลี้ยงดูจากเขาเทียนซาน พร้อมกันนั้นเองที่นางรู้สึกได้ว่าไม่ได้มีมันเพียงตัวเดียว ภาพของสตรีผู้อ่อนน้อมตลอดเวลาแสนคุ้นเคยได้ปรากฎอยู่ตรงหน้าเช่นกัน

   “จ้าวหนิงเฟย ? เว่ยซาน ? ได้อย่างไร ?”

   “เป็นสิ่งที่ฉางซานเซียนหวางทรงฝากมาถวายพระสนมเพคะ”

   มือเล็กหยิบกระดาษแผ่นบางที่จ้าวหนิงเฟยยื่นมาให้ก่อนที่จะเปิดอ่าน ภายในเป็นตัวอักษรงดงามและมั่นคง หนักแน่นทว่ากลับพริ้วไหว เป็นตัวอักษรที่นางรู้สึกชื่นชมจนอดไม่ได้ที่จะแอบคัดตามในบางครั้ง

ในวันที่งดงามที่สุดในคิมหันต์ฤดู ยามสายลมพัดโบกหวังว่าของขวัญชิ้นนี้จะไปเคียงข้างเจ้าได้ทันกาล

  จีหยาน


   “...น่าตายนัก”

   แม้ปากจะเอ่ยบ่นไปเช่นนั้น ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือริมฝีปากบางกลับแย้มสรวลออกมาอย่างเบาบางและอ่อนโยน นางหันไปทางบ่าวใช้ของหนานเจ้าก่อนจะเอ่ยขอกู่ฉินและกู่เจิงจากบ่าวใช้ ครั้นเมื่อที่แห่งนี้เหลือแค่พวกนางเท่านั้นก็เริ่มไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ

   “พวกเจ้าเดินทางมาลำบากหรือไม่”

   “ไม่เลยเพคะ องค์หวางเย่ช่วยเหลืออย่างดีจนมาถึงที่นี่ได้อย่างราบเรียบ”

   “นั่นสิ…งั้นวันนี้ข้าจะเล่นอะไรสักหน่อยฉลองที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันก็แล้วกัน แต่ว่าเจ้าเล่นกู่เจิงเพลงนี้ได้ใช่หรือไม่”

   ครั้นเมื่อกู่ฉินและกู่เจิงได้ประทับ ณ ศาลากลางสวน มือเรียวดีดบรรเลงเพลงที่สำคัญสำหรับนาง เป็นเพลงที่มารดาสอนสักเป็นเพลงแรก และเป็นเพลงที่นางจะเล่นมันซ้ำ ๆ ในทุก ๆ ปี ในวันเช่นนี้ วักที่นางได้ลืมตากำเนิดมายังใต้หล้า

   “เพลงนี้หม่อมฉันไม่คล่องเท่าไหร่ โปรดช่วยชี้แนะได้หรือไม่เพคะ”

   บัดนั้นการสอนบรรเลงกู่เจิงในเวลาสำคัญของนางให้จ้าวหนิงเฟยก็เริ่มขึ้นโดยมีเว่ยซานนอนสดับฟังอย่างว่าง่าย ช่วยนางได้เกลาเส้นท่วงทำนองจนไหลลื่นในระดับที่พอใจ เมื่อนั้นก็ได้เวลาเฝ้าฟังเสียงประสานของกู่ฉินและกู่เจิง

   ในศาลาไม้หอมกลางสวนจันทร์กระจ่าง เสียงจักจั่นแว่วเบา ดอกบัวบานสะพรั่งกลางสระมรกต แผ่กลิ่นหอมจาง ๆ ท่ามกลางอากาศอบอุ่นของหน้าร้อน แสงสุริยันที่อ่อนแสงยามใกล้สนธยา พระสนมเว่ยเจียเหลียนฮวา นั่งบนเบาะผ้าแพร ด้านหน้าคือกู่ฉินไม้ดำขลับซึ่งขัดเงาจนเห็นเงาที่สะท้อนลาง ๆ นางสวมผ้าโปร่งบางสีอ่อน ผมยาวถูกรวบขึ้นสูงด้วยปิ่นดอกบัว เสียงน้ำไหลเอื่อยจากกระบอกไม้ไผ่ข้างศาลาพลันประสานกับเสียงจิ้งหรีด เหมือนเป็นจังหวะเบื้องหลังที่เตรียมพร้อมรับบทเพลง

   เหลียนฮวาหลุบตาลงอย่างอ่อนโยน นางเอื้อมปลายนิ้วสัมผัสสายกู่ฉินอย่างแผ่วเบา เสียงสายแรกที่บังเกิดช่างนุ่มนวลและลึกล้ำ ราวกับน้ำในสระบัวยามแสงสนธยาทอแสง

   “บทเรียนก่อนที่จะเริ่มการบรรเลงของเรา เจ้าจงฟังจังหวะของหัวใจ” เหลียนฮวาตรัสเบา ๆ “ให้เสียงเจ้าเบาเหมือนลมที่พัดกลีบบัว มิใช่เสียงฝนกระหน่ำต้นหลิวเอนไหว”

   จ้าวหนิงเฟยพยักหน้า นางค่อย ๆ ดีดสาย เสียงกู่เจิงของนางคล้ายหยาดน้ำค้างบนใบบัว รินไหลลงเคียงคู่กับเสียงกู่ฉินของสตรีผู้เป็นนายอย่างประสานกลมกลืน พระสนมหรี่ตาลงเล็กน้อย กลิ่นบุปผางามในสวนแห่งนี้โชยแตะจมูกนางเบา ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ เกาสายกู่ฉินในท่วงทำนองที่คุ้นเคยและคะนึงหา บทบรรเลงที่เล่นดำเนินไปเรื่อย ๆ โอบล้อมด้วยเสียงหรีดหริ่ง เสียงสายน้ำ เสียงลมกลางหน้าร้อน ทุกอย่างคล้ายรวมตัวกันเป็นบทกวีที่ไม่มีถ้อยคำ

   เมื่อบทเพลงถึงจุดสุดท้าย เว่ยเจียเหลียนฮวาค่อย ๆ ปล่อยเรียวนิ้วจากสายกู่ฉิน ราวกับแสงสนธนาที่ได้วูบดับ แสงโคมตะเกียงถูกจุดและแสงจันทราฉายส่องลอด วินาทีนั้นทิวทัศน์เบื้องหลังคือต้นจันทร์กระจ่างที่พริ้วไหวสะท้อนแสงงดงาม กลีบใบไม้สีเงินปลิวไหวลง ณ สายกู่ฉินพร้อมเสียงสุดท้ายของบทบรรแลงและเสียงในห้วงฤทัย

   ค่ำคืนนี้ แม้เป็นเพียงวันธรรมดาของฤดูร้อน กลับบรรจุความทรงจำมากมายไว้ในบทเพลง — และจะถูกบรรเลงซ้ำอีกครั้ง ในทุกปีตราบลมหายใจยังคงอยู่

   ณ ดินแดนแห่งปฐมบทโลกา ฉินแทนวาจาเอื้อนผ่านบทบรรเลง








พรสวรรค์ อัจฉริยะ
- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)

- สามารถโรลเพลย์สอนสั่งความรู้ ระบุเป้าหมายในปาร์ตี้ของเรา หรือ โคกับเพื่อน(กรณีเป็น Member หรือปาร์ตี้เพื่อน) (วันละครั้ง) +30 EXP



ศาสตร์การดนตรี (ผู้ช่ำชองศาสตร์ดนตรีทุกแขนง)
1) ทุกการโรลเพลย์บรรเลงดนตรี 10,000 ไบต์ให้ฝูงชนฟัง (สแต็กช้อนกันได้ 5 สแต็กเท่านั้น) ผู้ฟังเสียงดนตรีของคุณจะได้รับ +5 EXP และ ตัวคุณได้รับ ( +5 บารมี) ได้ไหมนะ ผู้ฟังมี จ้าวหนิงเฟย เว่ยซาน
3) เมื่อแข็งแกร่งระดับหนึ่ง จนมีฝีมือการดนตรีเป็นเลิศ จนได้รับพรจากเทพ ยอดนักดนตรี เมื่อกดใช้สกิล จะสามารถเลือกบรรเลงดนตรีให้กับเหล่าสัตว์อสูรแข็งแกร่งขึ้นได้ (พวกเขาจะได้รับ +2 Point) และตัวคุณเองจะมีตบะเพิ่มพูนขึ้นเช่นเดียวกัน (+15 ตบะฝึกฝน) เว่ยซานนับสัตว์อสูรยังอ่ะ...

@Admin




แสดงความคิดเห็น

เว่ยซานแค่หมาป่าธรรมดาๆตัวหนึ่งยังไม่บรรลุปีศาจ  โพสต์ 2025-6-19 00:44
+5 EXP แก่ จ้าว หนิงเฟย แล้ว  โพสต์ 2025-6-19 00:44
หากเป็น NPC ในปาร์ตี้ได้เฉพาะคนที่เปิดติดตามขวามือ คนอื่นๆถือเป็นตัวประกอบ  โพสต์ 2025-6-19 00:42
คุณได้รับ -5 EXP โพสต์ 2025-6-19 00:41
คุณได้รับ +5 คุณธรรม โพสต์ 2025-6-19 00:41

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +15 ย่อ เหตุผล
Admin + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้