ขอบคุณจางเค่อที่ทำให้นางได้สมุนไพรมาเพียบเชียว
การเดินทางยังคงดำเนินไป ในวันนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวก้อนขนดำจะดูมีแรงขึ้นมาแล้ว ถึงจะมีอาการเหมือนจะขู่กันบ้าง ทว่าขอบคุณเว่ยซานที่เห่าไปเห่ามามันก็รู้เรื่องราวกับเว่ยซานกำลังบอกว่าพวกนางคือคนที่รักษามัน ชีวิตภายในรถม้าจึงพอจะสงบขึ้นมาได้บ้าง และขอบคุณที่มันยังเป็นเจ้าตัวน้อยทำให้การเปลี่ยนผ้าพันแผลและการใช้สมุนไพรนั้นไม่ได้มากเท่าที่ประเมินไว้ตอนแรก
เว่ยเจียเหลียนฮวาทำแผลให้มันซ้ำตอนช่วงก่อนออกจากจางเค่อ บัดนี้พวกนางกำลังเดินทางมายังเมืองต่อไปอย่างเมืองที่เป็นเมืองคั่นกลางของมณฑลอี้โจวอย่างอู่หลิงเขตมณฑลจิงโจว การเดินทางครานี้ทำให้นางได้ตระหนักถึงการดึงดูดสัตว์ตัวน้อยจำพวก ‘หมา’ ทั้งหลาย ว่าแล้วก็รู้สึกว่าเหมือนในจำนวนของที่ได้จากจื่อเซวียนชิงหลีจะมีสิ่งที่เรียกว่าไข่ของหมาป่าสีเงินอยู่ ปีศาจที่เป็นจ่าฝูงบนหุบเขาเทียนซาน
“หากข้าฟักมันออกมาก็คงทำให้เว่ยซานรู้สึกเหมือนอยู่ในฝูงแบบที่เคยอยู่ได้กระมัง ?”
“พระสนมยังจะทรงเลี้ยงเพิ่มอีกตัวหรือเพคะ ?”
จ้าวหนิงเฟยที่ได้ยินเสียงสตรีผู้เป็นนายเอ่ยกับหมาป่าข้างกายจำต้องโงหัวขึ้นมาจากการเย็บปักตรงหน้าทันที การที่บอกว่าถ้าฟักมันออกมาหมายความว่าเข้าไข่นั่นคือสัตว์อสูรในตำนานงั้นหรือ ที่พวกเล่าปากต่อปากเป็นเรื่องเล่ามันกำลังอยู่ภายในแหวนดาราจรัสของสตรีผู้มีสุนัขแล้วถึงสองตัวและกำลังจะมีตัวที่สามในเร็ววันนี้เสียด้วย
“ก็ถ้ามันได้มีโอกาสเลี้ยงจริง ๆ มันก็น่าสนใจมิใช่หรือ”
ว่าจบก็เอาไข่ของหมาป่าสีเงินออกมาอวดโอ้ราวกับว่าได้เจอสมบัติล้ำค่าก่อนจะเก็บกลับคืนเพราะสตรีผู้นี้กังวลเรื่องความปลอดภัย ในยามนี้ยังไม่อาจรู้ได้ว่าต้องทำอย่างไรให้ฟักออกมาเป็นตัวจึงต้องถนอมไว้ก่อนจะยกตำราว่าด้วยเรื่องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงม้วนพิเศษที่ว่ากันว่าเป็นความรู้ที่ลึกและแน่นขึ้น ช่วงเวลานี้เองที่เจ้าก้อนขนสีดำเริ่มเดินหยองแหยงมาเล่นกับชายกระโปรงของสตรีผู้รักษามันด้วยความสนอกสนใจ เมื่อนั้นเองที่ดวงตากวาดไปเจอเรื่องของการตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงนั้นสำคัญเพียงใด
“ตั้งนามดี สัตว์ย่อมจำ ตอบรับโดยมิลังเล
ตั้งนามพลั้ง สัตว์ย่อมหลง ไร้รากไร้จิตผูกพัน”
“ชื่อ คือเสียงแห่งพันธะ”
“เสียง คือสายใยแห่งชีวิต”
ตำราว่าด้วยการตั้งชื่อนั้นเป็นดั่งการผูกจิตร่วมชะตา ทั้งมีข้อห้ามในการตั้งชื่ออย่าง
อย่าตั้งชื่อซ้ำกับคนในตระกูล – เป็นการไม่เคารพ, อย่าใช้นามต้องห้ามของวังหลวงหรือวัด – อาจนำเคราะห์, อย่าเปลี่ยนชื่อพร่ำเพรื่อ – จิตสัตว์อาจสับสน พันธะจางคลาย, สัตว์ที่อยู่ด้วยชั่วคราว อย่าตั้งนามเกินตน – เช่น ตั้งชื่อสูงศักดิ์แก่สัตว์เร่ร่อน อาจเกินกรรมสัตว์นั้นแบกไว้
เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้อ่านตำราแล้วลิงคิดตามก็ริอยากตั้งชื่อให้เจ้าก้อนขนสีดำขึ้นมาจนต้องขยับลุกจากการเอนกายพิงหมอนเอกขเนกมาอุ้มเจ้านุ่มนิ่มเล็กนี้ขึ้นมาวางที่ตักก่อนจะจดจ้องดวงตาราวกับว่าต้องการสื่อไปให้ถึงจิตใจ แม้ในสายตาของสตรีผู้นี้จะแลเห็นเป็นเพียงแค่สัตว์ตัวน้อยน่ารักก็ตาม
“ขนสีดำ ดูน่าจะโตไปเป็นเจ้าตัวดุดันไม่น้อย เฮยเฉวียน (หมัดดำ) เป็นอย่างไรเล่า ?”
ในตำราว่าไว้ว่าหากชื่อใดถูกชะตาให้เอาอาหารไปวางไว้ให้มันกินแล้วลองเรียกสามครา หากมันหันแสดงว่าถูกชะตา ทว่ายามนี้นางที่เพิ่งจะคิดชื่อออกยังไม่เตรียมสิ่งใดเจ้าเฮยเฉวียนก็เห่าออกมาพร้อมส่ายหางน่ารักน่าชังราวกับรู้เรื่องรู้ราวเสียนี่ บัดนั้นร่างกายำพลันรู้สึกเหนื่อยอ่อนพร้อมกับว่ามีเสียงแว่วเข้ามาราวกับสื่อสารภาษาของกันและกันได้
“ข้ามีนามว่าเฮยเฉวียน ข้ามีนามว่าเฮยเฉวียน !”
“เดี๋ยวก่อน เจ้าพูดได้ ?”
แม้ว่าจะเหนื่อยเพียงใด ทว่ายามนี้ความตกใจมีมากกว่า ก่อนหน้านี้นางยังฟังเสียงเห่าไม่รู้เรื่องแท้ ๆ ใยบัดนี้กลับรู้ทุกคำที่มันต้องการสื่อได้เล่า จ้าวหนิงเฟยเองก็ดวงตาเบิกโพลงขึ้นมา สุนัขตัวนี้สื่อสารภาษาต้าฮั่นได้
“อย่าบอกนะว่า…”
นี่นางเก็บสัตว์อสูรตัวน้อยได้งั้นหรือ
ไม่รู้ว่าเพราะเผลอไปตั้งชื่อให้สัตว์อสูรหรือไม่ เรี่ยวแรงของเว่ยเจียเหลียนฮวาพลันหดหายไปจนหมดสิ้น สตรีผู้ที่หลับข้ามการเวลาอย่างเอร็ดอร่อยลงมาจากรถม้าอีกคราก็กลายเป็นว่ายามนี้นางอยู่ ณ ริมแม่น้ำนอกเมืองอู่หลิงเสียแล้ว ในช่วงเวลาที่จันทราส่งสว่าง การเดินทางจำต้องหยุด ณ ที่แห่งนี้
สตรีผู้นอนเอาเป็นเอาตายเมื่อครู่นี้ได้โอกาสเดินเหินเล่นบ้างก็เดินกินลมชมทัศนาร่วมกับเว่ยซานและเฮยเฉวียนที่เดินตามไม่ห่าง จ้าวหนิงเฟยและบ่าวรับใช้ผู้ที่มีนามว่า จางสู่ บอกว่าจะตระเตรียมสถานที่และมื้ออาหารให้อย่างดีจึงวางใจเดินออกมาไกลเสียหน่อย ทว่ายังแลเห็นควันไฟจาง ๆ ท่ามกลางสายลมคิมหันต์พัดโบก ณ จุดที่เคยว่างเปล่าพลันปรากฎร่างของนักพรตท่านหนึ่ง สวมหมวกไผ่ผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์กำลังนั่งตกปลา
“ปลาตัวใหญ่ มักไม่แหวกผิวน้ำ… เช่นเดียวกับชะตาใหญ่ มักซ่อนอยู่หลังความเงียบ” เขาขยับหมวกงอบให้เงาทาบบังดวงตา แล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เจ้ามีลมปราณแปรปรวน... จิตไม่สงบ หรือว่า... ฝันประหลาดเมื่อคืน?”
บุรุษผู้นั้นละสายตาจากคันไผ่ตกปลาขึ้นมาช้า ๆ ผินใบหน้าที่แลไม่ชัดทว่าดวงตากลับจดจ้องสบมองชั่วขณะ แววตานั้นมีทั้งความหยอกเย้าและลึกล้ำราวกับอ่านใจได้
“วาสนานำพาให้เจ้าผ่านทางนี้... สนใจทำนายอักษรหรือไม่? เพียงบอกอักษรหนึ่งตัว... ข้าจะแลกมันกับชะตาหนึ่งบท”
คำทำนายงั้นหรือ ?
วงคิ้วบางดั่งใบหลิวของสตรีผู้สูงศักดิ์เลิกขึ้นด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ หากคำทำนายนี้ได้มาด้วยชะตาหรือต้มตุ๋น เจียดตำลึงเงินที่มีให้สักหน่อยคงไม่เป็นไรกระมัง เมื่อนั้นที่ถุงตำลึงเงินจำนวนหนึ่งถูกยื่นไปให้พร้อมวจีหวานเอื้อนเอ่ย เมื่อนั้นคำตอบรับของคำถามก็บังเกิดขึ้น
- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)