ช่วงเวลาแห่งคำเอื้อนเอ่ยดุจดั่งกาลหยุดนิ่ง สายน้ำหยุดไหลสายลมหยุดนิ่งเสียงจักจั่นยามราตรีกาลหยุดร้อง รอบกายเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวนางเอง มือแกร่งของนักพรตผู้ไม่อาจทัศนาใบหน้าได้ยกขึ้นตวัดเขียนตัวอักษรทีละเส้นพร้อมเอ่ยสิ่งที่ต้องการทายทัก
“อักษร ‘缘’ มีสิ่งหนึ่งที่อันเป็นของเคียงคู่อย่าง 纟(เส้นด้าย) ดั่ง ‘เงื่อนปมที่ผูกพัน’ เจ้าและเขาไว้จนจบ ทว่า ‘缘’ นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด — มันเป็นดั่งโอกาสให้มือของเจ้าได้ผลักประตูเปิดทางสู่ห้วงแห่งความปรารถนา โดยใช้ 纟แห่ง 彖 (โชคชะตา) เป็นด้ายนำทางสู่ 心 (หัวใจ) อันถูกโอบล้อมด้วย 爫 (มือ) และ 冖 (ฝา)”
บัดนี้จากหนึ่งก่อเกิดเป็นสองตัวอักษรอันเป็นสิ่งที่เคียงคู่ในทุกบทกวีคำกลอน
เพราะมี 缘 (วาสนา) จึงนำพาก่อเกิด 爱 (ความรัก)
“ม่านมวลใยด้ายที่ยึดโยงสองท่านเข้าหากันคือ 缘 แห่งการได้ร่วมชะตา ทว่า… 缘 เป็นเพียงเส้นทางเท่านั้น หากไม่อาศัย 〘 ความกล้า 〙และ 〘 ซื่อตรงต่อเสียงหัวใจ 〙เป็นพลังในการขับเคลื่อน ต่อให้เส้นทางที่วาสนาปูให้เรียบลื่นดั่งผืนน้ำสงบเพียงใด หากไร้ใจมุ่งตามสายโยงเกี่ยวแล้วไซร้ — ดวงใจ ณ ปลายเส้นที่ผูกติด… ย่อมไม่อาจก่อเกิดและได้มาซึ่งสิ่งที่หวงแหน”
“อนาคตที่จักได้ทัศนาเห็นเป็นกิจที่ต้องก่อเกิด ณ เส้นทางของ 缘”
“วิบากกรรมที่ต่อต้านมีเพียงใจของคนเราที่ไม่อาจยอมรับความจริงของจิตใจ หากไม่คิดจะเอื้อมมือไปโอบอุ้ม 心 สุดท้ายแล้วเส้นด้ายปูทาง 缘 ที่เคยมีก็อาจกลายเป็น〘 กรรม 〙ที่ผูกจิตเจ็บลึกไม่อาจก้าวไปไหน”
แม้ไร้สายลมโชย ทว่ากระดาษเหล่านั้นกลับค่อย ๆ เคลื่อนที่และปลิวไสวราวล้อลมขึ้นเหนือกายของสตรีผู้รับคำทำนาย นัยเนตรสีเกาลัดจดจ้องภาพตรงหน้าจนจำต้องละสายตาจากนักพรตผู้ลึกลับ มีเพียงเสียงของเขาที่ดังก้องราวกับติดตรึงในห้วงความคิดและจิตใจ
“กับบุรุษสกุลหลิวผู้นั้น…อักษร 缘 นี้มิใช่แค่ 纟ที่โยงเจ้ากับเขาหากแต่คือ บททดสอบแห่ง 心 ...จดจำไว้เถิดว่า 缘 ไม่อาจก่อเกิด 爱 หากไร้ซึ่งการก้าวเดินค้นพบ 心 เช่นนั้นแล้วจงกล้าที่จะเลือก กล้าที่จะตัดสินใจ กล้าที่จะก้าวเดิน”
“แล้ว ณ วันนั้น…ยามวสันต์แย้นบานในเดือนสอง หากดวงใจคู่เคียง เส้นทางที่ทอดผ่านจะมีผู้ร่วมทางในกาลต่อไป”
ณ สถานที่ดั่งต้องมนต์เพียงชั่วขณะ เว่ยเจียเหลียนฮวาพยายามจดจำคำทายทักนี้ให้ได้มากที่สุดก่อนสองเท้าจะเดินออกจาก ครั้นกระดาษบางจมลงใต้ธาราแสนสงบจนไม่อาจทัศนาอักษรใดได้ ครั้นผินกายหวนกลับมายังผู้มอบคำทำนายนี้ก็เหลือเพียงมวลบุปผาที่ปลิวตามแรงลมคิมหันต์ โอบกลิ่นบุหลันลอยเอื่อยทิ้งทวนปลายจมูกมน ร่างที่เคยประทับอยู่มลายหายไปราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น มีเพียงสิ่งที่ติดตรึงในใจเท่านั้นที่เป็นหลักฐานของการได้รับคำเหล่านั้นราวกับเสียงกระซิบแห่งเทพซือมิ่ง
คำทำนายเมื่อคืนนี้ทำเอาเว่ยเจียเหลียนฮวาเงียบไปตลอดทั้งวันราวกับมีสิ่งที่ต้องขบคิดตลอด มือเล็กเปิดตำราศาสตร์การทำนายที่มีในตัวตอนนี้เสมือนกำลังตามหาบางอย่างที่ต้องการค้นพบ หลังเล็กเอกขเนกเอนไปกับหมอนหนุน มือข้างหนึ่งถือม้วนตำรา อีกหนึ่งข้างกำลังลูบเฮยเฉวียนที่นอนบนตักเบา ๆ ดวงตากลมดั่งเมล็ดซิ่งไล่อ่านตัวอักษรทั้งหลายจนมาสะดุดกับการทำนายผ่านตัวอักษร
占字术 (ศาสตร์เสี่ยงอักษร)
占 (จั้ม) = เสี่ยงทาย
字 (จื้อ) = ตัวอักษร
术 (ซู่) = ศาสตร์
รวมความแล้วคือ ศาสตร์ในการเสี่ยงทายผ่านการเขียนหรือการเลือกตัวอักษรเพียงตัวเดียว
หลักการพื้นฐาน ศาสตร์นี้เชื่อว่า ตัวอักษรจีน เป็นสัญลักษณ์สะท้อนจักรวาล (
天地萬物 – ฟ้า ดิน สรรพสิ่ง) การที่คนเขียน "อักษรหนึ่งตัว" ไม่ว่าจะตั้งใจหรือสุ่มล้วนเป็นการแสดง พลังจิตใต้สำนึก ด้วยเหตุนี้ อักษรที่เขียนออกมาจะ สะท้อนปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของบุคคลนั้น
บัดนั้นมือเล็กพลันวางม้วนตำราลง มุมปากปรากฎการเคลื่อนไหวขยับยกขึ้นแม้มิได้สวยงามเช่นแย้มยิ้มปกติ ทว่าในความรู้สึกนั้นมีความฉงนสนเท่ห์เต็มราว ๆ เจ็ดในสิบส่วนได้ เสียงวลีแห่งคำทำนายที่ก้องในหัวทำเอานางรู้สึกไม่เป็นอันอ่านสิ่งใดจนต้องโยนม้วนตำราทำนายนี้เข้าแหวนดาราจรัสต่อก่อนจะเอนกายนอนเพื่อพักผ่อนต่อจนมาถึงที่หมายเป็นนอกเมืองกู้หลิง
“เมื่อยตัวนัก ได้เวลาฝึกฝนให้เฮยเฉวียนแล้ว”
“ฝึกสิ่งใดหรือนายท่าน”
เสียงของเฮยเฉวียนดังขึ้นพร้อมกับร่างของเจ้าก้อนขนที่วิ่งมาตรงหน้า เว่ยซานวิ่งตามมาทีหลังราวกับว่าบัดนี้ตำแหน่งจ่าฝูงเปลี่ยนไปแล้ว…เพราะว่าเฮยเฉวียนคือสัตว์อสูรอย่างไรล่ะ…
“อย่างแรกเลย สิ่งนี้ข้ายังไม่สอนเว่ยซานเหมือนกัน เช่นนั้นแล้วเจ้าที่รู้ความต้องทำตามเพื่อเป็นตัวอย่างให้เว่ยซาน เข้าใจหรือไม่เสี่ยวเฮย”
“ขอรับ !!”
เฮยเฉวียนเอ่ยออกมาพร้อมกับมีเสียงเห่า บ๊อก ! เป็นเสียงคลอดูน่ารักจนทำให้จ้าวหนิงเฟยและจางสู่ที่ดูอยู่ห่าง ๆ ต้องยกยิ้มตามอย่างอดไม่ได้ เว่ยเจียเหลียนฮวาหยิบเนื้อแดดเดียวมาถือไว้เป็นของรางวัลยิบ ๆ ย่อย ๆ ตามตำราที่เคยอ่านก่อนจะเริ่มสอน
“เฮยเฉวียน ขอมือ”
“ขอรับ !” บ๊อก !
เฮยเฉวียนยกเท้าหน้าหนึ่งข้างขึ้นมาวางบนมือเล็กที่วางไว้ใกล้ ๆ พื้นตรงหน้าของมัน เว่ยเจียเหลียนฮวาแลเห็นเช่นนี้ก็รีบให้เนื้อแดดเดียวไปเป็นรางวัลและเป็นตัวอย่างให้เว่ยซานได้ดูก่อนจะถึงตาของเว่ยซาน ทำเช่นนี้วนไปสักเค่อได้เพื่อให้เว่ยซานซึมซับกับคำสั่ง ขอมือ และ คอย
ในวันนี้ที่ดวงดาวพร่างพราว สตรีผู้สูงศักดิ์ในอาภรณ์สีอ่อนนั่งเอนตัวบนหินเรียบไม่ห่างจากค่ายนัก ใบหน้าเรียบนิ่งแฝงแววอ่อนหวาน ทอดสายตามองผืนน้ำอย่างเหม่อลอย ขาข้างหนึ่งจุ่มแตะสายน้ำใสเย็นจนเกิดระลอกเล็ก ๆ วนเวียน โดยมีเฮยเฉวียนและเว่ยซานอยู่ข้างกาท่ามกลางแสงจันทร์สาดทอประกายลงบนผิวน้ำระยิบระยับดั่งหยาดอำพันต้องแสง เย็นสายลมแผ่วผ่าน กลิ่นหญ้าริมฝั่งลอยแตะปลายจมูกเบา ๆ
มือเล็กหยิบขลุ่ยที่อยู่ในแหวนออกมาเพื่อเล่นอะไรสักอย่าง สักบทเพลง การละเล่นดนตรีของนางมิใช่เพียงความสำราญ ทว่าท่วงทำนองนี้กลับเป็นทั้งการกล่อมเกลาและทำให้นางจดจ่อกับความคิด รวบรวมสติให้หวนคืนสู่กาย เรียวขลุ่ยไม้ประทับแนบเรียวริมฝีปากบาง ลมหายใจถูกพรูเข้าไปก่อเกิดเสียงพลิ้วแผ่วบรรเลงจากปลายนิ้วอ่อนช้อย ขับบทเพลงเศร้าหวาน แฝงความอาวรณ์คล้ายถวิลหาวันคืนเก่าก่อน เสียงเพลงลอยตามกระแสลมไปในราตรีเงียบงัน
สองสุนัขผู้ภักดีนอนเฝ้าข้างกาย—หนึ่งตัวขนสีดำสนิท อีกตัวมีลายขาวเทาตามขาและอก ต่างทอดกายแนบพื้น หูตั้งฟังเสียงขลุ่ยอย่างสงบ ไม่ไกลนัก จ้าวหนิงเฟยที่ตระเตรียมที่พักหลับให้นายและจางสู่ผู้เฝ้ายามข้างค่ายแรมแสงใต้เงาไม้—กองไฟเล็ก ๆ ส่งเสียงถ่านแตกผสมกับเสียงจิ้งหรีดยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้ดูแสนสงบลึก
ท่ามกลางดึกสงัด มีเพียงเสียงขลุ่ยที่เหมือนเล่าความในใจ และสายตาหญิงสาวที่เฝ้ามองจันทราที่สะท้อนในลำน้ำใส…ราวกำลังรอคำตอบของดวงใจจากเงาจันทร์ที่ลอยเด่นกลางสายนที
- สกิลพิเศษติดตัว: สั่งสอนภูมิความรู้ (สกิลสามารถพัฒนาทักษะให้กับสัตว์เลี้ยงและเหล่าผู้ติดตาม(กรณีสนม) ทุกครั้งที่กดใช้สกิลจะเลือกคนที่จะสั่งสอนเพื่อรับทักษะได้ +2 Point) (สกิลทำงานเมื่อเลเวลเราอัป) | สอนเฮยเฉวียน
- สามารถโรลเพลย์สอนสั่งความรู้ ระบุเป้าหมายในปาร์ตี้ของเรา หรือ โคกับเพื่อน(กรณีเป็น Member หรือปาร์ตี้เพื่อน) (วันละครั้ง) +30 EXP | สอนเฮยเฉวียน
1) ทุกการโรลเพลย์บรรเลงดนตรี 10,000 ไบต์ให้ฝูงชนฟัง (สแต็กช้อนกันได้ 5 สแต็กเท่านั้น) ผู้ฟังเสียงดนตรีของคุณจะได้รับ +5 EXP และ ตัวคุณได้รับ ( +5 บารมี) | ผู้ฟังมีเฮยเฉวียน จ้าวหนิงเฟย เว่ยซาน แล้วแต่แอดเลย
3) เมื่อแข็งแกร่งระดับหนึ่ง จนมีฝีมือการดนตรีเป็นเลิศ จนได้รับพรจากเทพ ยอดนักดนตรี เมื่อกดใช้สกิล จะสามารถเลือกบรรเลงดนตรีให้กับเหล่าสัตว์อสูรแข็งแกร่งขึ้นได้ (พวกเขาจะได้รับ +2 Point) และตัวคุณเองจะมีตบะเพิ่มพูนขึ้นเช่นเดียวกัน (+15 ตบะฝึกฝน) | ผู้ฟังคือเฮยเฉวียน