[เมืองกู้หลิง]

[คัดลอกลิงก์]
固陵郡






กู้หลิง

[ อี้โจว ]

“เขาสนยังเงียบ ดอกไม้ยังร่วง วิญญาณเก่าผินหน้าหาแสงโคม หากท่านยืนฟังท่ามกลางสายลม อาจได้ยินเสียงประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเขียนในตำรา”

   เมืองกู้หลิง (故陵) เป็นเมืองเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลอี้โจว ดินแดนที่ฟ้าหม่นในยามรุ่งอรุณและสายลมเย็นพัดผ่านสุสานโบราณเบื้องล่างเขา ชื่อเมืองมีความหมายว่า “เนินหลุมศพในอดีตกาล” อันสะท้อนถึงตำนานและบรรพกษัตริย์ที่เคยหลับใหลอยู่ใต้พื้นพสุธา เมืองนี้มิใช่เพียงสถานที่ แต่คือรอยต่อของความทรงจำระหว่างอดีตและปัจจุบัน—ระหว่างโลกมนุษย์และแดนวิญญาณ

   ภูมิประเทศของกู้หลิงประกอบด้วยเนินเขาเตี้ยทอดตัวอย่างราบเรียบ ซากกำแพงเมืองเก่าและประตูหินที่แตกร้าวด้วยกาลเวลา ยังคงยืนหยัดอยู่ใต้เงาไม้ไผ่สูงที่ลู่ตามแรงลม สวนสนด้านตะวันตกของเมืองมีหลุมศพของขุนศึกตระกูลไป๋ ซึ่งเป็นบรรพชนของเมืองในยุคก่อนต้าฮั่น และยังมีตำนานเล่าว่าทุกครั้งที่ดอกสนหล่นลงบนหินหลุมศพ จะได้ยินเสียงทวนเหล็กเสียดฟ้าดังมาจากหุบเขา

   แม้จะเป็นเมืองที่อาบไล้ด้วยความเงียบงันและกลิ่นอายแห่งความตาย ทว่ากู้หลิงกลับเป็นที่พำนักของผู้คนที่แข็งแกร่ง เงียบขรึม และเปี่ยมด้วยศรัทธาต่อรากเหง้าของตน ชาวเมืองนิยมแต่งกายด้วยผ้าสีเข้มและสวมสร้อยหินหยกสีหม่นที่สืบทอดจากบรรพชน เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางของนักจารึกหินโบราณ ผู้ศึกษาตำราจากแผ่นศิลาหัก ผ้ากระดาษไหม และร่องรอยสลักจากศิลาเซ่นไหว้ที่กระจายอยู่ทั่วภูเขา

   บริเวณเชิงเขาหลิงจื่อ มีศาลาวิญญาณซึ่งมักมีผู้คนจากเมืองใกล้ไกลมาขอพรหรือสื่อสารกับผู้ล่วงลับ ผ่านการเผากระดาษผีและบรรเลงพิณให้วิญญาณฟังตามธรรมเนียมของนักพรตนิกายใต้เงาจันทร์ ในวันขึ้น 7 ค่ำ เดือนเจ็ดของทุกปี จะมีพิธีจุดโคมผีห้าสิบดวงลอยตามลำธารเย็น เพื่อส่งวิญญาณกลับสวรรค์ ถือเป็นเทศกาลใหญ่ที่มีเพียงในกู้หลิง

   หากมีผู้ใดถามว่าเมืองนี้มีอะไร—คำตอบอาจไม่ใช่ทองคำ อำนาจ หรือความครึกครื้น แต่เป็นความหนักแน่นของประวัติศาสตร์ ความลึกลับของวิญญาณผู้หลับใหล และความทรงจำที่ล่องลอยในสายลมเย็นยามพลบค่ำ—ซึ่งไม่มีวันเสื่อมคลาย




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7819 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-22 23:04
โพสต์ 2025-6-24 22:14:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-24 22:25


荷香万里夏
กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้

วันที่ยี่สิบสี่อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด


   ช่วงเวลาแห่งคำเอื้อนเอ่ยดุจดั่งกาลหยุดนิ่ง สายน้ำหยุดไหลสายลมหยุดนิ่งเสียงจักจั่นยามราตรีกาลหยุดร้อง รอบกายเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวนางเอง มือแกร่งของนักพรตผู้ไม่อาจทัศนาใบหน้าได้ยกขึ้นตวัดเขียนตัวอักษรทีละเส้นพร้อมเอ่ยสิ่งที่ต้องการทายทัก

   “อักษร มีสิ่งหนึ่งที่อันเป็นของเคียงคู่อย่าง (เส้นด้าย) ดั่ง ‘เงื่อนปมที่ผูกพัน’ เจ้าและเขาไว้จนจบ ทว่า ‘缘’ นั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุด — มันเป็นดั่งโอกาสให้มือของเจ้าได้ผลักประตูเปิดทางสู่ห้วงแห่งความปรารถนา โดยใช้ แห่ง (โชคชะตา) เป็นด้ายนำทางสู่ (หัวใจ) อันถูกโอบล้อมด้วย (มือ) และ (ฝา)”

   บัดนี้จากหนึ่งก่อเกิดเป็นสองตัวอักษรอันเป็นสิ่งที่เคียงคู่ในทุกบทกวีคำกลอน เพราะมี (วาสนา) จึงนำพาก่อเกิด (ความรัก)

   “ม่านมวลใยด้ายที่ยึดโยงสองท่านเข้าหากันคือ แห่งการได้ร่วมชะตา ทว่า… เป็นเพียงเส้นทางเท่านั้น หากไม่อาศัย 〘 ความกล้า 〙และ 〘 ซื่อตรงต่อเสียงหัวใจ 〙เป็นพลังในการขับเคลื่อน ต่อให้เส้นทางที่วาสนาปูให้เรียบลื่นดั่งผืนน้ำสงบเพียงใด หากไร้ใจมุ่งตามสายโยงเกี่ยวแล้วไซร้ — ดวงใจ ณ ปลายเส้นที่ผูกติด… ย่อมไม่อาจก่อเกิดและได้มาซึ่งสิ่งที่หวงแหน”

   “อนาคตที่จักได้ทัศนาเห็นเป็นกิจที่ต้องก่อเกิด ณ เส้นทางของ

   “วิบากกรรมที่ต่อต้านมีเพียงใจของคนเราที่ไม่อาจยอมรับความจริงของจิตใจ หากไม่คิดจะเอื้อมมือไปโอบอุ้ม สุดท้ายแล้วเส้นด้ายปูทาง ที่เคยมีก็อาจกลายเป็น〘 กรรม 〙ที่ผูกจิตเจ็บลึกไม่อาจก้าวไปไหน”


   แม้ไร้สายลมโชย ทว่ากระดาษเหล่านั้นกลับค่อย ๆ เคลื่อนที่และปลิวไสวราวล้อลมขึ้นเหนือกายของสตรีผู้รับคำทำนาย นัยเนตรสีเกาลัดจดจ้องภาพตรงหน้าจนจำต้องละสายตาจากนักพรตผู้ลึกลับ มีเพียงเสียงของเขาที่ดังก้องราวกับติดตรึงในห้วงความคิดและจิตใจ

   “กับบุรุษสกุลหลิวผู้นั้น…อักษร นี้มิใช่แค่ ที่โยงเจ้ากับเขาหากแต่คือ บททดสอบแห่ง ...จดจำไว้เถิดว่า ไม่อาจก่อเกิด หากไร้ซึ่งการก้าวเดินค้นพบ เช่นนั้นแล้วจงกล้าที่จะเลือก กล้าที่จะตัดสินใจ กล้าที่จะก้าวเดิน”

   “แล้ว ณ วันนั้น…ยามวสันต์แย้นบานในเดือนสอง หากดวงใจคู่เคียง เส้นทางที่ทอดผ่านจะมีผู้ร่วมทางในกาลต่อไป”


   ณ สถานที่ดั่งต้องมนต์เพียงชั่วขณะ เว่ยเจียเหลียนฮวาพยายามจดจำคำทายทักนี้ให้ได้มากที่สุดก่อนสองเท้าจะเดินออกจาก ครั้นกระดาษบางจมลงใต้ธาราแสนสงบจนไม่อาจทัศนาอักษรใดได้ ครั้นผินกายหวนกลับมายังผู้มอบคำทำนายนี้ก็เหลือเพียงมวลบุปผาที่ปลิวตามแรงลมคิมหันต์ โอบกลิ่นบุหลันลอยเอื่อยทิ้งทวนปลายจมูกมน ร่างที่เคยประทับอยู่มลายหายไปราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น มีเพียงสิ่งที่ติดตรึงในใจเท่านั้นที่เป็นหลักฐานของการได้รับคำเหล่านั้นราวกับเสียงกระซิบแห่งเทพซือมิ่ง



   คำทำนายเมื่อคืนนี้ทำเอาเว่ยเจียเหลียนฮวาเงียบไปตลอดทั้งวันราวกับมีสิ่งที่ต้องขบคิดตลอด มือเล็กเปิดตำราศาสตร์การทำนายที่มีในตัวตอนนี้เสมือนกำลังตามหาบางอย่างที่ต้องการค้นพบ หลังเล็กเอกขเนกเอนไปกับหมอนหนุน มือข้างหนึ่งถือม้วนตำรา อีกหนึ่งข้างกำลังลูบเฮยเฉวียนที่นอนบนตักเบา ๆ ดวงตากลมดั่งเมล็ดซิ่งไล่อ่านตัวอักษรทั้งหลายจนมาสะดุดกับการทำนายผ่านตัวอักษร

   占字术 (ศาสตร์เสี่ยงอักษร)

   (จั้ม) = เสี่ยงทาย
   (จื้อ) = ตัวอักษร
   (ซู่) = ศาสตร์

   รวมความแล้วคือ ศาสตร์ในการเสี่ยงทายผ่านการเขียนหรือการเลือกตัวอักษรเพียงตัวเดียว


   หลักการพื้นฐาน ศาสตร์นี้เชื่อว่า ตัวอักษรจีน เป็นสัญลักษณ์สะท้อนจักรวาล (天地萬物 – ฟ้า ดิน สรรพสิ่ง) การที่คนเขียน "อักษรหนึ่งตัว" ไม่ว่าจะตั้งใจหรือสุ่มล้วนเป็นการแสดง พลังจิตใต้สำนึก ด้วยเหตุนี้ อักษรที่เขียนออกมาจะ สะท้อนปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของบุคคลนั้น

   บัดนั้นมือเล็กพลันวางม้วนตำราลง มุมปากปรากฎการเคลื่อนไหวขยับยกขึ้นแม้มิได้สวยงามเช่นแย้มยิ้มปกติ ทว่าในความรู้สึกนั้นมีความฉงนสนเท่ห์เต็มราว ๆ เจ็ดในสิบส่วนได้ เสียงวลีแห่งคำทำนายที่ก้องในหัวทำเอานางรู้สึกไม่เป็นอันอ่านสิ่งใดจนต้องโยนม้วนตำราทำนายนี้เข้าแหวนดาราจรัสต่อก่อนจะเอนกายนอนเพื่อพักผ่อนต่อจนมาถึงที่หมายเป็นนอกเมืองกู้หลิง

   “เมื่อยตัวนัก ได้เวลาฝึกฝนให้เฮยเฉวียนแล้ว”

   “ฝึกสิ่งใดหรือนายท่าน”

   เสียงของเฮยเฉวียนดังขึ้นพร้อมกับร่างของเจ้าก้อนขนที่วิ่งมาตรงหน้า เว่ยซานวิ่งตามมาทีหลังราวกับว่าบัดนี้ตำแหน่งจ่าฝูงเปลี่ยนไปแล้ว…เพราะว่าเฮยเฉวียนคือสัตว์อสูรอย่างไรล่ะ…

   “อย่างแรกเลย สิ่งนี้ข้ายังไม่สอนเว่ยซานเหมือนกัน เช่นนั้นแล้วเจ้าที่รู้ความต้องทำตามเพื่อเป็นตัวอย่างให้เว่ยซาน เข้าใจหรือไม่เสี่ยวเฮย”

   “ขอรับ !!”

   เฮยเฉวียนเอ่ยออกมาพร้อมกับมีเสียงเห่า บ๊อก ! เป็นเสียงคลอดูน่ารักจนทำให้จ้าวหนิงเฟยและจางสู่ที่ดูอยู่ห่าง ๆ ต้องยกยิ้มตามอย่างอดไม่ได้ เว่ยเจียเหลียนฮวาหยิบเนื้อแดดเดียวมาถือไว้เป็นของรางวัลยิบ ๆ ย่อย ๆ ตามตำราที่เคยอ่านก่อนจะเริ่มสอน

   “เฮยเฉวียน ขอมือ”

   “ขอรับ !” บ๊อก !

   เฮยเฉวียนยกเท้าหน้าหนึ่งข้างขึ้นมาวางบนมือเล็กที่วางไว้ใกล้ ๆ พื้นตรงหน้าของมัน เว่ยเจียเหลียนฮวาแลเห็นเช่นนี้ก็รีบให้เนื้อแดดเดียวไปเป็นรางวัลและเป็นตัวอย่างให้เว่ยซานได้ดูก่อนจะถึงตาของเว่ยซาน ทำเช่นนี้วนไปสักเค่อได้เพื่อให้เว่ยซานซึมซับกับคำสั่ง ขอมือ และ คอย

   ในวันนี้ที่ดวงดาวพร่างพราว สตรีผู้สูงศักดิ์ในอาภรณ์สีอ่อนนั่งเอนตัวบนหินเรียบไม่ห่างจากค่ายนัก ใบหน้าเรียบนิ่งแฝงแววอ่อนหวาน ทอดสายตามองผืนน้ำอย่างเหม่อลอย ขาข้างหนึ่งจุ่มแตะสายน้ำใสเย็นจนเกิดระลอกเล็ก ๆ วนเวียน โดยมีเฮยเฉวียนและเว่ยซานอยู่ข้างกาท่ามกลางแสงจันทร์สาดทอประกายลงบนผิวน้ำระยิบระยับดั่งหยาดอำพันต้องแสง เย็นสายลมแผ่วผ่าน กลิ่นหญ้าริมฝั่งลอยแตะปลายจมูกเบา ๆ

   มือเล็กหยิบขลุ่ยที่อยู่ในแหวนออกมาเพื่อเล่นอะไรสักอย่าง สักบทเพลง การละเล่นดนตรีของนางมิใช่เพียงความสำราญ ทว่าท่วงทำนองนี้กลับเป็นทั้งการกล่อมเกลาและทำให้นางจดจ่อกับความคิด รวบรวมสติให้หวนคืนสู่กาย เรียวขลุ่ยไม้ประทับแนบเรียวริมฝีปากบาง ลมหายใจถูกพรูเข้าไปก่อเกิดเสียงพลิ้วแผ่วบรรเลงจากปลายนิ้วอ่อนช้อย ขับบทเพลงเศร้าหวาน แฝงความอาวรณ์คล้ายถวิลหาวันคืนเก่าก่อน เสียงเพลงลอยตามกระแสลมไปในราตรีเงียบงัน

   สองสุนัขผู้ภักดีนอนเฝ้าข้างกาย—หนึ่งตัวขนสีดำสนิท อีกตัวมีลายขาวเทาตามขาและอก ต่างทอดกายแนบพื้น หูตั้งฟังเสียงขลุ่ยอย่างสงบ ไม่ไกลนัก จ้าวหนิงเฟยที่ตระเตรียมที่พักหลับให้นายและจางสู่ผู้เฝ้ายามข้างค่ายแรมแสงใต้เงาไม้—กองไฟเล็ก ๆ ส่งเสียงถ่านแตกผสมกับเสียงจิ้งหรีดยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้ดูแสนสงบลึก

   ท่ามกลางดึกสงัด มีเพียงเสียงขลุ่ยที่เหมือนเล่าความในใจ และสายตาหญิงสาวที่เฝ้ามองจันทราที่สะท้อนในลำน้ำใส…ราวกำลังรอคำตอบของดวงใจจากเงาจันทร์ที่ลอยเด่นกลางสายนที








พรสวรรค์ อัจฉริยะ
- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)
- สกิลพิเศษติดตัว: สั่งสอนภูมิความรู้ (สกิลสามารถพัฒนาทักษะให้กับสัตว์เลี้ยงและเหล่าผู้ติดตาม(กรณีสนม) ทุกครั้งที่กดใช้สกิลจะเลือกคนที่จะสั่งสอนเพื่อรับทักษะได้ +2 Point) (สกิลทำงานเมื่อเลเวลเราอัป) | สอนเฮยเฉวียน
- สามารถโรลเพลย์สอนสั่งความรู้ ระบุเป้าหมายในปาร์ตี้ของเรา หรือ โคกับเพื่อน(กรณีเป็น Member หรือปาร์ตี้เพื่อน) (วันละครั้ง) +30 EXP | สอนเฮยเฉวียน

ศาสตร์การดนตรี (ผู้ช่ำชองศาสตร์ดนตรีทุกแขนง)
1) ทุกการโรลเพลย์บรรเลงดนตรี 10,000 ไบต์ให้ฝูงชนฟัง (สแต็กช้อนกันได้ 5 สแต็กเท่านั้น) ผู้ฟังเสียงดนตรีของคุณจะได้รับ +5 EXP และ ตัวคุณได้รับ ( +5 บารมี) | ผู้ฟังมีเฮยเฉวียน จ้าวหนิงเฟย เว่ยซาน แล้วแต่แอดเลย
3) เมื่อแข็งแกร่งระดับหนึ่ง จนมีฝีมือการดนตรีเป็นเลิศ จนได้รับพรจากเทพ ยอดนักดนตรี เมื่อกดใช้สกิล จะสามารถเลือกบรรเลงดนตรีให้กับเหล่าสัตว์อสูรแข็งแกร่งขึ้นได้ (พวกเขาจะได้รับ +2 Point) และตัวคุณเองจะมีตบะเพิ่มพูนขึ้นเช่นเดียวกัน (+15 ตบะฝึกฝน) | ผู้ฟังคือเฮยเฉวียน



@Admin




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 60 EXP โพสต์ 2025-6-24 23:11
สกิลนี้ไม่สามารถใช้ในโรลได้ กดผ่านหน้าสกิลของเจ้าตัว สั่งสอนภูมิความรู้   โพสต์ 2025-6-24 23:10
โพสต์ 23600 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-24 22:14
โพสต์ 23,600 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-24 22:14
โพสต์ 23,600 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดนักดนตรี  โพสต์ 2025-6-24 22:14

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +15 ย่อ เหตุผล
Admin + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x209
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x28
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้