
วันที่ 16 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ จวนหวยหนานหวาง (พบ หลิว หรงเล่อ)
ณ จวนหวยหนานหวางในยามสายแสงแดดทอดผ่านแนวหลังคากระเบื้องเงาวับที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบงดงาม สวนหย่อมระหว่างทางมีเสียงน้ำไหลจากหินน้ำพุจำลองคลอแว่วเสียงนกในกรงทองประสานรับเบา ๆ กลางบรรยากาศอันสงบของเรือนขุนนางสูงศักดิ์แห่งฉางอัน หลินหยาก้าวเท้าเข้ามาในประตูจวนอย่างมั่นใจแต่ไม่อวดอ้างอาภรณ์เรียบง่ายของสาวน้อยชาวบ้านไม่ได้หรูหรา แต่กลับสะอาดสะอ้านและมีกลิ่นหอมอ่อนจากสมุนไพรล้างผ้าของนางติดกายติดเสื้อ รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนดวงหน้างามที่พอจะทำให้เหล่าคนเฝ้าประตูถึงกับขยับตัวเก้อ ๆ ก่อนจะรีบต้อนรับอย่างสุภาพ
"ข้า...หลินหยาเจ้าค่ะ" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลพอประมาณก้มศีรษะเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ "วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมคุณหนูหรงเล่อ...ไม่ทราบว่าท่านพอจะสะดวกหรือไม่เจ้าคะ"
พ่อบ้านวัยกลางคนคนเดิมผู้มีหนวดเคราเรียบเนี้ยบและสีหน้าสงบเสงี่ยมยิ่งพอเห็นดวงหน้านี้ก็คล้ายจะจำได้จากคำบอกเล่าของผู้เป็นนายหญิงและเขาก็ยังจำได้ว่ารอบก่อนหวยหนานหวางเย่เป็นคนเชิญนางมาเขาประสานมือคำนับอย่างสุภาพ "แม่นางน้อย…ยินดีต้อนรับมากขอรับ คุณหนูหรงเล่อเคยฝากฝังไว้แล้วหากแม่นางหลินหยามาถึงเมื่อใดให้เชิญเข้าจวนโดยไม่ต้องรอขออนุญาต" กล่าวพลางเอ่ยเพิ่มเติมอย่างนอบน้อมขณะนำทางเข้าด้านใน “ส่วนองค์หวางเย่ ตอนนี้พระองค์กำลังทรงตรวจสอบเอกสารจำนวนมากที่ส่งมาจากแคว้นหวยหนานอยู่ในห้องทรงงานส่วนพระองค์ขอรับน่าจะยังไม่ทรงว่างเสด็จออกมาพบผู้ใดในเวลานี้”
หลินหยาได้ฟังก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย "หากเป็นเช่นนั้นข้ามิกล้ารบกวนองค์หวางเย่หรอกเจ้าค่ะ เดี๋ยวโดนลากไปนั่งอ่านเอกสารด้วยจะยุ่งใหญ่ ฮะ ๆๆ" นางพูดจายียวนพลางยิ้มหวานพ่อบ้านเองก็แอบกลั้นยิ้มอยู่ใต้หนวดเครา
"เชิญทางนี้ขอรับ...คุณหนูหรงเล่ออยู่ที่ศาลาหลังในสวนใบไม้เปลี่ยนสีกำลังชมดอกไม้ยามสายพร้อมดื่มชาอยู่"
"โอ้...นางไม่รอข้าเลยนะแบบนี้ต้องมีลงโทษสักหน่อยกินไม่รอกัน" หลินหยาหัวเราะเจ้าเล่ห์ในลำคอ พลางยกมือปัดชายแขนเสื้อขึ้นเบา ๆ แกล้งทำท่าจะลงโทษใครบางคนอย่างขัน ๆ ก่อนจะเดินตามพ่อบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ฝีเท้าเบาของหญิงสาวย่ำไปตามทางปูหินที่ทอดยาว ผ่านซุ้มไม้เลื้อยที่มีดอกชิงหลันสีม่วงบานพราว หยาดน้ำค้างยังเกาะอยู่บนกลีบบางดุจภาพในความฝัน นางชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อยเมื่อใกล้ถึงศาลาเสียงแผ่วเบาของสตรีคนหนึ่งแว่วมาพร้อมกลิ่นชาหอมอ่อน
นั่นไง…หรงเล่อ
มิตรแท้ที่เปี่ยมด้วยน้ำใจไม่เสื่อมคลายและนั่นคือจุดหมายของวันนี้ ไม่ใช่การหลบหนี ไม่ใช่การหาคำตอบของพันธะใด ๆ แต่คือความเรียบง่ายของการ “ใช้ชีวิต” ร่วมกับผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ข้างเธอจริง ๆ หลินหยาระบายยิ้มอ่อนก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปทางม่านไม้ไผ่เบื้องหน้าศาลา พร้อมเอ่ยกลั้วหัวเราะเสียงใส
“คุณหนูหรงเล่อ~ ข้ามาแล้ว~! ยังไม่คิดจะเทน้ำชาต้อนรับข้าอีกหรือจ๊ะ~?” เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของหลินหยาแทบจะกลืนหายไปในกลิ่นชาดอกชิงหลันที่อบอวลรอบศาลา นางยังไม่ทันจะขยับเข้าไปเต็มฝีเท้าดีแต่ก็พูดยียวนหรงเล่อเสียแล้วเสียงฝีเท้าเบาแต่เร่งร้อนกลับแทรกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง!
"หลินหยา!" เสียงของหรงเล่อดังใส่ พลางปรากฏร่างของคุณหนูสูงศักดิ์ผู้ท่าทางงดงามแต่ตอนนี้...หน้างอเป็นตูดเป็ด! "เหวออออ!" หลินหยายังไม่ทันตั้งตัว จู่ ๆ อีกฝ่ายก็กระโจนเข้ามาหาแบบไม่บอกไม่กล่าวบีบแก้มทั้งสองข้างของเธออย่างแรงพอสมควรจนแก้มยืดออกมาราวกับขนมถังแตก!
"เจ้าหายหัวไปไหนมาเจ็ดวันเต็ม ๆ ห๊าาาาา! ข้าต้องไปเจออะไรบ้างรู้บ้างไหม! รู้ไหม!?" หรงเล่อทั้งตวาดทั้งสั่นทั้งสะบัดแขนไปมาเหมือนคนจะขึ้นเวทีเวลาเล่นละครหลวง
"โอ๊ย ๆ ๆ ขอโทษค้าบบบ นอนเพลินไปหน่อย..." หลินหยารีบยกมือปัดมืออีกฝ่ายพลางหัวเราะแห้ง ๆ "ข้าหลับสนิทมากเลย ฝันยังกับโดนปีศาจลากไปลงนรก...เอ้ะ จริง ๆ ก็โดนอยู่นะ แฮะ ๆ"
"อย่ามาแถนะ! เจ้าน่ะฟังข้าก่อน!" หรงเล่อสะบัดชายแขนเสื้อ ฮึ่มฮั่มในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปนั่งที่เบาะนุ่มใต้ศาลาแล้วหันมาเท้าคางมองหลินหยาด้วยสายตากึ่งฟ้องกึ่งอวด "เจ้ารู้ไหมว่าในวันที่ 12 ที่ผ่านมา ข้าต้องไปโรงประมูลสือฟั่งกับท่านพ่อ!"
"โรงประมูลสือฟั่งเหรอ? แล้วไงอะ...เจ้ากินอะไรไม่ได้เหรอถึงต้องไปประมูล? หรือประมูลหม้อไฟเอาไว้กิน!?" หลินหยาทำหน้าทะเล้นแซวออกมาแต่อีกฝ่ายไม่เล่นด้วย "หลินหยาาาา!" หรงเล่อถลึงตาใส่ “ข้าไปประมูลไร่ชา! ก็เพราะเจ้านั่นแหละ! เจ้าอยากเป็นแม่ค้าไม่ใช่เหรอ? ข้าก็เลยคิดว่าถ้ามีไร่ชาให้เจ้าทำของดี ๆ จะได้เปิดร้านได้!” หลินหยาเบิกตาโตตอนที่ได้ยินแบบนั้นเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าหรงเล่อไปทำอะไรแบบนั้นมา "หาาาา จริงดิ!? ข้าซาบซึ้งมากกก...แล้วเจ้าประมูลได้ไหมอะ?"
“อย่าให้พูดเลยเถอะ!” หรงเล่อขยุ้มแขนเสื้อแน่น “ตอนแรกเริ่มที่ 125 ตำลึงเงินใช่ไหม? จู่ ๆ ก็มีคนแห่มาประมูลกันเต็มเลยทั้งโอวหยางเป่าเฉิงรองผู้ว่าฉางอันก็มา! เว่ยเจียมู่หงก็มา! ไหนจะฝูจี๋ลิ่งอีก พวกนั้นเหมือนมีเงินเป็นกระสอบแล้วเทราดหัวข้ายังไงยังงั้น! ข้าแบบ…ก็ประมูลไล่ตามเขาไปเรื่อย ๆ ไง 60… 100… 150… แต่พอถึงจุดหนึ่งนะ...มีคนเสนอไป 240 ตำลึงทองกับอีก 125 ตำลึงเงิน!!”
หลินหยาทำตาเหลือก "เชี่ย...นั้นแค่ไร่เดียวน่ะหรอ?"
"ใช่! ไร่เดียว!" หรงเล่อกอดอกสะบัดหน้าพรืด "ข้าเลยต้องถอย ท่านพ่อก็ไม่อยากให้ใช้เงินเกินตัว…แต่ข้าก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะข้ามีวิธีของข้าอยู่" หลินหยาทำตาแป๋วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบตอนที่ได้ยินแบบนั้น "แหน่ะ…อย่าบอกนะว่าเจ้าวางแผนจะไปหาท่านชายเว่ยเจียคนนั้น?"
หรงเล่อสะดุ้งเล็กน้อย "ก็…ก็แค่พูดดี ๆ เท่านั้นแหละ! ข้าก็แค่มีแผนอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ไร่ชานั้นมาแล้วกัน!"
"เฮ้ย…สุดยอดอะ" หลินหยาพยักหน้าเร็วปานพัดลมติดไอพ่น "นี่ยังไง คุณหนูหรงเล่อของข้า โอ๊ย น่ารักน่าชัง น่ากอดสุด ๆ!" ว่าแล้วหลินหยาก็กอดคอเพื่อนสาวเข้ามาหอมฟอดกลางแก้มไปทีหรงเล่อถึงกับตัวแข็งทื่อหน้าแดงแจ๋ "หลินหยาาาาาา!! เจ้าอย่ามาทำข้าเขินนนน!!"
เสียงหัวเราะของสองสหายดังก้องใต้ศาลายามสายในฤดูร้อนเสียงที่บอกว่าในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและภัยร้าย บางสิ่งที่เรียบง่ายอย่างมิตรภาพยังงดงามได้เสมอ หลินหยาหัวเราะร่าออกมาเสียงใส ดวงตาทอประกายระยิบราวมีแสงอาทิตย์สะท้อนจากพื้นสระน้ำนิ่ง นางกอดแขนหรงเล่อแน่นพลางโยกตัวเบา ๆ อย่างหยอกเย้า แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจนอีกฝ่ายแทบอยากมุดแผ่นดินหนี “แหนะ ๆ ๆ เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ข้าทายสิ่งหนึ่งให้เอามั้ย?” หลินหยาทำหน้าทะเล้นเอียงคอจ้องอีกฝ่ายตาแป๋ว “ข้าว่าท่านคุณหนูหรงเล่อของข้าต้องไปขอซื้อไร่ชานั่นต่อจากท่านชายคนนั้นแน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ?”
หรงเล่อชะงักค้างหน้าแดงแปรเปลี่ยนจากแดงชมพูเป็นแดงเพลิงในเสี้ยววินาที ดวงตาสะท้อนประกายตื่นตระหนกคล้ายจะหลุดปากอะไรออกมาแต่ริมฝีปากก็บิดเม้มไว้เสียแน่น “ข้า…ก็แค่…เอ่อ…” เสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ จนแทบเป็นเสียงลมหายใจ "ก็แค่พูดคุยกันตามมารยาท…”
แต่หลินหยาไม่ปล่อยผ่านเธอขยับหน้ามาใกล้พร้อมยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบาแต่แม่นยำ “แล้วดูท่าทางแบบนี้นะ…อย่าบอกนะว่าจ่ายไปแพงกว่าเดิมอีก เจ้าตัวดี! หรือว่า…มากกว่าที่ประมูลจบอีก!?” หรงเล่อสะดุ้งเหมือนโดนตีเข้าเป้ากลางหัวใจ “อ๊ะ! มะ…ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้น!”
“เหรออออ~?” หลินหยาลากเสียงยาว “แล้วทำไมถึงต้องหลบหน้าท่านหลิวอันด้วยล่ะหื้ม~? จากที่ดูปกติเจ้าต้องดื่มน้ำชากับเขาไม่ใช่หรือไง?”
"ข้าไม่ได้หลบ!!" หรงเล่อเถียงทันทีแต่เสียงก็สั่นประหลาดจนหลินหยาหลุดขำพรืด "โอ๊ย ข้าไม่ไหว ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้าซื้อเท่าไหร่กันแน่หา! 250 ตำลึงทองกับอีก 125 ตำลึงเงินเลยใช่ไหม!? โอ๊ย ข้าจะเป็นลม เงินนั่นเอามาทำร้านใหญ่ได้สามร้านเลยนะย่ะ!" หลินหยาเกือบลงไปนอนกลิ้งกับพื้นด้วยความช็อกปนตลกจนพ่อบ้านที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ยังเผลอแอบขยับริมปากเหมือนจะหลุดหัวเราะ
"ชู่วววววว์! หลินหยาหยุดเลยนะ!" หรงเล่อรีบโบกมือห้ามหน้าแดงก่ำ “ถ้าท่านพ่อรู้เรื่องนี้…ข้าคงโดนสั่งไปอยู่เรือนหลังเขาไปสิบวันแน่ ๆ!”
“หรือไม่ก็โดนหักเงินขนมจนเหลือกินได้แค่บ๊วยเค็ม” หลินหยาสวมบทคนเคราะห์ร้ายในทันที “อา…ช่างน่าสงสารคุณหนูหรงเล่อของข้าเหลือเกิน~ คนที่ยอมเสียเงิน 250 ตำลึงทองเพื่อเพื่อนผู้ไร้ร้านค้า~” หรงเล่อที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกพัดขึ้นปิดหน้าแล้วหันไปทางอื่นอย่างอับจนคำ “หลินหยาข้าเกลียดเจ้า!”
“แต่ข้ารักเจ้าจะตาย~ เจ้าคือมารดาแห่งไร่ชา! เจ้าเป็นเมตตาจารย์แห่งข้าแล้ว!” หลินหยายกมือไหว้แบบเวอร์ ๆ ก่อนจะหัวเราะจนตัวโยน หรงเล่อมองเพื่อนสาวหัวเราะอย่างไร้กังวลเช่นนั้นแล้วก็ถอนใจเบา ๆ แต่ดวงตากลับมีรอยยิ้มซ่อนอยู่เต็มเปี่ยมแม้ต้องจ่ายแพงเกินไปแต่ถ้ามันทำให้คนสำคัญของนางมีความสุขได้ละก็...มันก็คุ้มเกินพอแล้ว หลินหยายังหัวเราะไม่ทันหายดีนักก็พลันเงียบลงเมื่อมือของเธอยกขึ้นมาจับมือหรงเล่อไว้แน่น ดวงตากลมโตที่มักทอประกายหยอกล้อกลับมองอีกฝ่ายด้วยความอบอุ่นจริงจังกว่าครั้งใด เสียงของเธออ่อนล ละมุนละไมแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นที่ไม่อาจปฏิเสธ
“ไม่ต้องกังวลนะหรงเล่อเอาเงินเจ้าคืนไปเถอะข้าไม่อยากใช้เงินเจ้าหรอกข้าจะจ่ายคืนให้เจ้านะ” หลินหยาเอ่ยพร้อมบีบมืออีกฝ่ายเบา ๆ “หากข้าจะเริ่มเส้นทางแม่ค้าข้าก็ควรเริ่มมันด้วยลำแข้งของตัวเองไม่ใช่ให้คนอื่นแบกให้ตั้งแต่ก้าวแรก”
หรงเล่อเบิกตากว้างทันที ใบหน้าสะสวยนั้นสะท้อนแววตกใจ “อะ…อะไรของเจ้า! ไม่เอา! ข้าตั้งใจจะให้นี่เป็นของขวัญให้เจ้าไม่ใช่ให้เจ้าปฏิเสธ!”
“แต่เจ้าก็ให้ของขวัญข้าไปแล้ว” หลินหยาพูดต่อทันควันดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนระเรื่อเล็กน้อยไม่รู้จากแสงเช้าหรือความรู้สึกข้างในที่เอ่อล้นออกมา “เจ้ารู้ไหม การที่เจ้ากล้าไปประมูลไร่ชาให้ข้า ทั้งที่อยู่กับท่านหลิวอันทั้งที่รู้ว่ามันต้องจ่ายแพงแค่ไหนทั้งหมดนั้น…มันคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าแล้ว” เธอยิ้มเอียงหน้ามองหรงเล่ออย่างเอ็นดูก่อนจะพูดต่อเสียงแผ่วแต่จริงใจเหลือเกิน “ขอบคุณนะหรงเล่อขอบคุณจากใจจริง ๆ ไม่ว่าไร่ชานั่นจะขึ้นชื่อว่าเป็นของใคร แต่ทุกครั้งที่ข้าเห็นมัน ข้าจะจำไว้เสมอว่าเจ้าคือคนที่ทำให้ข้าได้มีจุดเริ่มต้นที่อบอุ่นแบบนี้”
หรงเล่อฟังจบถึงกับยืนนิ่งน้ำตาคลออย่างไม่รู้ตัวนางไม่รู้จะเถียงอะไรกลับ เพราะถ้อยคำของหลินหยาไม่ใช่แค่ความกล้าหาญแต่มันคือการยืนยันถึงมิตรภาพของพวกนางอย่างแท้จริง “หลินหยา…ข้าเกลียดเจ้าอีกแล้ว…เจ้าชอบทำให้ข้าร้องไห้อยู่เรื่อยเลย…” หลินหยาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นกลิ่นหอมอ่อนของชาหอมจากผมนุ่มของหรงเล่อยังติดอยู่ในจมูก “ร้องไปเถอะ ข้าจะกอดเจ้าไว้ให้แน่นเอง” หลินหยากระซิบพลางเลื่อนมือขึ้นลูบหลังหรงเล่อเบา ๆ ในจังหวะเนิบช้าราวกับกล่อมแมวขี้งอนให้สงบลง ดวงตาคู่นั้นยังเปล่งประกายซุกซนเช่นเดิม แต่น้ำเสียงของเธอคราวนี้เจือด้วยความละมุนละไมจนแทบละลายได้
“เลิกขี้แยได้แล้วเจ้าตัวแสบ” นางกระซิบข้างหูคนตรงหน้าแล้วยิ้มมุมปากดึงตัวออกมานิดหนึ่งเพื่อมองหน้าหรงเล่อที่ยังแดงก่ำแล้วนางก็ยื่นหน้าเข้ามาอีกครั้ง ทำทีเป็นกระซิบแบบลับ ๆ แต่เสียงดังกว่าที่ควรจะเป็น “ว่าแต่…ใครคนหนึ่งอาจจะต้องการขนมปลอบใจหรือเปล่านะ?”
ยังไม่ทันที่หรงเล่อจะตอบอะไร หลินหยาก็ล้วงเข้าไปในย่ามของตัวเองก่อนจะหยิบห่อผ้าไหมหรูออกมา คลี่ผ้าออกอย่างทะนุถนอม จนเผยให้เห็นขนมเหอฮวาซูที่บรรจงวางเรียงกันเป็นรูปทรงดอกบัวบานสะพรั่ง สีทองอ่อนกรอบคล้ายกลีบบัวที่กำลังแย้มรับแสงอาทิตย์ยามสายกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งดอกบัวลอยมาแตะจมูกทันทีที่เปิดห่อ ผสมกับกลิ่นใสและเมล็ดงาอ่อน ๆ จนชวนให้น้ำลายสอ “ดูนี่สิ เหอฮวาซูของอร่อยสำหรับเจ้ารึเปล่า?” หลินหยาหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาแล้วยื่นให้หรงเล่อพร้อมยิ้มตาหยี “ข้าทำเองเลยน่าเมื่อเช้าเลยนะ รู้ไหมว่าทอดจนกลีบบัวบานทีละชั้น สวยเหมือนของวังหลวงเลยล่ะ” นางเอียงหน้าพลางใช้ศอกสะกิดหรงเล่อเบา ๆ “เอ้า อย่าบอกนะว่ายังไม่หายงอนงอแง ข้าเอาขนมระดับเจ้าหญิงมาให้ถึงที่เชียวนะ”
หรงเล่อมองหน้าหลินหยา แล้วมองขนมดอกบัวบานตรงหน้า...ใบหน้าที่ยังมีคราบน้ำตาเล็กน้อยเริ่มเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วหมั่นไส้ “เจ้ามันคนเจ้าเล่ห์” นางว่าพลางคว้าขนมมากินไปคำหนึ่งทั้งยังหันหน้าไปอีกทาง ส่วนหลินหยาตอนได้ยินก็เลิกคิ้วหัวเราะร่วน “อ้าว ๆ ยังจะดุอีก ข้าก็แค่รู้ใจเจ้าไง อย่าลืมนะ ข้ารู้เมนูในใจเจ้าตลอดเรื่องปลอบใจสตรีเจ้าน้ำตาอย่างเจ้าข้าน่ะถนัดนัก!” ว่าจบก็หัวเราะคิกคักยียวนในขณะที่หรงเล่อเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ แกล้งเบ้ปากใส่แต่ถึงอย่างนั้น…ดอกบัวในมือก็ยังบาน กลิ่นหอมของขนมยังฟุ้งอยู่ในอากาศ และในใจของสหายทั้งสอง ก็มีบางสิ่งที่คล้ายดอกไม้เช่นกัน…กำลังเบ่งบานในฤดูร้อนของฉางอันที่แสนสดใส
หรงเล่อที่เพิ่งเคี้ยวขนมเสร็จหมาด ๆ ยังไม่ทันได้กลืนเต็มคำก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสบกับแววตาของหลินหยา…แววตาคู่นั้นไม่ได้มีเพียงความทะเล้น ขี้เล่น หรือเย้าแหย่อย่างที่นางเคยชิน แต่มันกลับมีเงาอันบางเบาที่คล้ายกับความลังเลและเจ็บปวดซ่อนอยู่ราวกับคลื่นใต้น้ำ เงียบเชียบ แต่ไม่อาจมองข้ามตอนแรกหรงเล่อจะถามแล้วล่ะแต่เพราะกำลังกินอยู่เลยแค่จ้องเพียงเท่านั้นเพราะหรงเล่อรู้ว่าหลินหยาจะต้องเล่าให้นางฟัง
“เจ้านี้มองข้าออกจริง ๆ นะหรงเล่อ..งั้นข้าขอถามหน่อยนะ... ถ้าเราเกลียดใครคนหนึ่งมาก ๆ จนไม่อยากเห็นหน้าเพราะเขาเป็นคนเลว แล้วพอมารู้ทีหลังว่าความจริงเขาเป็นคนที่เราพึ่งรู้ว่าเป็นอีกคน แล้วเผลอมีความรู้สึกดี ๆ ด้วย… แล้วก็ได้ไปรู้อดีตที่โหดร้ายของเขา…เจ้าจะรู้สึกยังไงหรอ หรงเล่อ…” หลินหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่นจนเหมือนจะลอยอยู่ในอากาศระหว่างพวกนาง
หรงเล่อมองหน้าเพื่อนรักอย่างเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาทันที เพราะแม้จะเป็นบุตรีของหวยหนานหวางผู้มักฉะฉานและใจกล้า แต่นางก็ไม่ใช่คนที่ตอบคำถามด้วยคำสวย ๆ ปลอม ๆ แล้วปล่อยให้เพื่อนต้องจมอยู่ในความคิดของตนเอง นางขยับตัวเข้ามาใกล้หลินหยาอีกนิด แล้วเอื้อมมือจับมือของอีกฝ่ายแน่นขึ้นกว่าเดิมสัมผัสอบอุ่นที่เหมือนจะส่งแรงใจให้อย่างเงียบงัน "ข้าจะบอกเจ้าตามตรงเลยนะ หลินหยา..." หรงเล่อเริ่มต้นพลางสบตา "ความรู้สึกของคนเราไม่ใช่หม้อดินที่วางอยู่เฉย ๆ ไม่ขยับ ไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเกลียดใครสักคน มันไม่ใช่ว่าเราจะเกลียดเขาไปตลอดชีวิต และเมื่อเริ่มรู้จักเขาอีกมุมหนึ่ง เราก็เริ่มเปิดใจนั่นไม่ใช่เรื่องผิดด้วยซ้ำ" นางพูดเสียงเบาลง แต่กลับแน่นขึ้นในอารมณ์ที่ส่งออก
“ข้าคิดว่า...ถ้าเขาเคยเลวจริงแต่เขาเจ็บปวดจริงเหมือนที่เจ้าเห็น ถ้าเขามีอดีตที่เจ้ารับรู้แล้วมันทำให้เจ้าหวั่นไหวข้าก็อยากให้เจ้าฟังหัวใจตัวเองให้ดีไม่ใช่เพื่อเขา...แต่เพื่อเจ้าเอง เจ้ามิได้โง่ข้ารู้...และเจ้าก็มิได้ใจอ่อนง่ายด้วย แต่ข้ารู้จักเจ้าหลินหยาเจ้ามีหัวใจที่ซื่อตรงต่อทุกความรู้สึก และข้าเชื่อว่าเจ้าจะรู้ว่าคนผู้นั้น...ยังเป็นปีศาจในคราบคนหรือเป็นคนที่ถูกปีศาจกัดกินหัวใจจนกลายเป็นแบบนั้นกันแน่” นางเอียงหน้าน้อย ๆ ดวงตาวับวาวเป็นประกาย จริงใจและเด็ดขาดในแบบฉบับหรงเล่อก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกหน่อยย่นคิ้วแบบขัดใจนิด ๆ
"แต่ถ้าเขาทำเจ้าเจ็บ...ข้าจะเป็นคนเตะก้นเขาเอง เข้าใจมั้ย?" หลินหยายังไม่ตอบอะไร แต่มุมปากกลับยกยิ้มบาง ๆ อย่างที่หรงเล่อเห็นแล้วก็รู้...ว่าเจ้าคนตรงหน้าเริ่มหายใจได้โล่งขึ้นสักเล็กน้อยแล้วในโลกที่วุ่นวายนี้และแม้คำตอบสุดท้ายจะยังไม่ชัดเจน แต่มิตรภาพของสองสตรีตรงหน้าก็ชัดเจนยิ่งกว่าท้องฟ้ายามรุ่งสางในเมืองฉางอัน
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: มาเกย์กับหรงเล่อ
รางวัล: +ค่าเรทติ้ง NPC ตัวประกอบ
พูดคุยกับ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]
มอบ ขนมเหอฮวาซู ขนมว่างเกรดม่วง ให้ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]