วันที่ 20 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 ยามเซิน (เวลา 15.00 - 17.00 น.)

ซูเหยาก้าวเข้ามาในตลาดตะวันตก เสียงเอะอะโวยวายของพ่อค้าแม่ขายดังระงมไปทั่วบริเวณ กลิ่นสมุนไพรหลากหลายปะปนกับกลิ่นเครื่องเทศฉุนกึกอบอวลไปทั่ว ตลาดตะวันตกขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งค้าขายสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แผงลอยไม้เก่าคร่ำคร่าเรียงรายสุดลูกหูลูกตา บางแผงกองสมุนไพรแห้งเป็นภูเขา บางแผงแขวนรากไม้ขนาดใหญ่ที่ดูน่าเกรงขาม ซูเหยาค่อย ๆ เดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบ ๆ ดวงตากลมโตสอดส่ายมองหาแผงค้าที่น่าสนใจ
นางหยุดอยู่ที่แผงหนึ่งซึ่งมีสมุนไพรวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามพ่อค้าถึงราคา พ่อค้าหนุ่มผู้มีหนวดเครารุงรังมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเอ่ยราคาที่ทำให้ซูเหยาต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ราคาสูงลิบลิ่วเกินกว่าที่นางคาดการณ์ไว้มากนัก แม้จะพอทราบมาบ้างว่าที่นี่ราคาจะถูกกว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินด้วยตัวเองแล้ว ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี นั่นทำให้ซูเหยาต้องคิดหนักถึงงบประมาณที่มีอยู่จำกัด
นางเดินต่อมาอีกไม่ไกล ก็พบกับแผงค้าที่เต็มไปด้วยสมุนไพรหายาก นางเอื้อมมือไปสัมผัสเบา ๆ รู้สึกได้ถึงความสมบูรณ์ของมัน
“สมุนไพรพวกนี้ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม
หญิงชราเจ้าของแผงมองซูเหยาด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะบอกราคาที่ ทำให้ซูเหยาลอบถอนหายใจอีกครั้ง ราคานี้ก็ยังคงสูงลิบลิ่วสำหรับนาง แม้สมุนไพรจะดูมีคุณภาพดีเยี่ยมก็ตาม นางรู้ดีว่าสมุนไพรหายากเหล่านี้เป็นที่ต้องการของบรรดาขุนนางและเศรษฐีผู้มั่งคั่งในเมืองหลวง แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างนางแล้ว การจะซื้อหามาได้แต่ละอย่างนั้นเป็นเรื่องยากลำบากยิ่งนัก
ขณะที่ซูเหยากำลังจะจากไป หญิงชราเจ้าของแผงก็กระซิบเสียงเบา
“ท่านหมอหญิงคงไม่ทราบว่าสมุนไพรเหล่านี้ มิใช่สูงด้วยความต้องการอย่างเดียว แต่เป็นเพราะมีมือที่มองไม่เห็น กำลังกว้านซื้อกักตุนเอาไว้เจ้าค่ะ” ซูเหยาหันขวับ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ หญิงชราพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปทางด้านหลังแผงค้าที่มีประตูไม้เก่า ๆ บานหนึ่ง
“ตรงจุดนั้นเป็นที่ที่พวกเขาชอบนัดพบกันเจ้าค่ะ”
ซูเหยาใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการสำรวจตลาด นางถามราคาของสมุนไพรอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่หายากหรือแม้แต่ชนิดที่หาได้ทั่วไปในท้องตลาด แต่ทุกอย่างล้วนมีราคาที่สูงเกินกว่าที่นางจะคาดคิดไว้ และเมื่อสังเกตดูดี ๆ ก็พบว่าแผงค้าใหญ่ ๆ หลายแผงดูเหมือนจะมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่หญิงชรากล่าวถึง
นางเดินออกมาจากตลาดตะวันตกด้วยความรู้สึกท่วมท้น ไม่เพียงแต่ผิดหวังกับราคาที่สูงเกินเอื้อม แต่ยังรู้สึกถึงความอับจนหนทาง เมื่อได้รู้ว่าปัญหาที่แท้จริงมิได้มาจากกลไกตลาดตามปกติ แต่เป็นเพราะการกักตุนของคนกลุ่มหนึ่ง ตลาดแห่งนี้เป็นเหมือนรังไหมที่ถักทอด้วยเส้นใยแห่งความมั่งคั่งก็จริง แต่กลับมีใยแมงมุมที่มองไม่เห็นกำลังรัดรึงและบงการอยู่เบื้องหลัง สิ่งหนึ่งที่นางเริ่มมั่นใจได้แล้วคือจากทุกที่ที่นางไปมาต่างให้ข้อมูลตรงกันว่ามีการกักตุนสินค้าจริง
ซูเหยาเดินกลับไปทางด้านหลังแผงค้าของหญิงชราอีกครั้ง เสียงจอแจของตลาดค่อย ๆ จางหายไปเมื่อนางก้าวเข้าสู่ตรอกแคบ ๆ ที่มืดสลัว กลิ่นอับชื้นของผนังดินผสมกับกลิ่นสมุนไพรแห้งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง แม้จะรู้ว่าอันตรายอาจซุ่มซ่อนอยู่ แต่นางก็ไม่สามารถห้ามความอยากรู้อยากเห็นได้ ไม่นานนักซูเหยาก็เห็นประตูไม้เก่า ๆ บานหนึ่งตามที่หญิงชราบอก นางหลบอยู่หลังกองลังไม้ที่ส่งกลิ่นสมุนไพรฉุนกึก พยายามกลมกลืนไปกับเงามืด
ผ่านไปไม่นานประตูไม้บานนั้นก็เปิดออกช้า ๆ ชายร่างใหญ่กำยำสามคนเดินออกมา แต่ละคนแบกหีบไม้ขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะหนักอึ้ง ตามมาด้วยชายอีกสองคน หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาสวมเสื้อผ้าเนื้อดี ท่าทางภูมิฐาน แต่แววตาฉายความเย็นชา
ซูเหยาลอบกลั้นหายใจเมื่อชายกลุ่มนั้นเริ่มขนย้ายหีบไม้ขึ้นเกวียนที่จอดรออยู่ใกล้ ๆ นางสังเกตเห็นว่าหีบไม้เหล่านั้นถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนา แต่ก็ยังพอได้กลิ่นสมุนไพรบางอย่างเล็ดลอดออกมา เมื่อเกวียนเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ซูเหยาจึงตัดสินใจสะกดรอยตาม นางพยายามรักษาระยะห่าง ไม่ให้ใกล้เกินไปจนถูกจับได้ และไม่ให้ห่างเกินไปจนคลาดสายตา
ขณะที่ซูเหยากำลังสะกดรอยตามเกวียนบรรทุกสมุนไพรออกจากตลาดตะวันตก นางหารู้ไม่ว่าเงาอีกเงากำลังทาบทับอยู่เบื้องหลัง ห่างออกไปไม่ไกลนักใต้เท้าเถียนต้าซือคงแห่งราชสำนักฮั่นได้ส่งคนของตนออกติดตามซูเหยาอย่างลับ ๆ ตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่แยกจากกันที่ขบวนคหบดีลู่
แม้เถียนเฟิงจะกำชับหมอหญิงซูเหยาว่าหากพบเบาะแสสำคัญใด ๆ ให้มาแจ้งเขา แต่ทว่าลึก ๆ แล้ว เขากลับอ่านขาดถึงความเป็นไปได้ที่หมอหญิงผู้นี้คงไม่รอแจ้งเบาะแสตามคำสั่ง แต่จะต้องแอบไปสืบเสาะหาความจริงด้วยวิธีของตนเอง ซึ่งอาจนำพาตัวเองไปสู่ความเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ใต้เท้าเถียนจึงตัดสินใจส่งคนของตนออกติดตามซูเหยาล่วงหน้าไว้ก่อน
ชายหนุ่มสองคนในชุดชาวบ้านธรรมดา เดินปะปนไปกับฝูงชนในตลาดอย่างแนบเนียน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ซูเหยาไม่คลาดสายตา พวกเขาคือองครักษ์ฝีมือดีที่ใต้เท้าเถียนไว้วางใจให้มาคอยคุ้มกันและรายงานความเคลื่อนไหวของซูเหยาทุกย่างก้าว โดยไม่ให้ซูเหยาล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาแม้แต่น้อย องครักษ์ทั้งสองเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสะกดรอยและพรางตัว พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับเงา ไม่ส่งเสียง ไม่ดึงดูดความสนใจ และไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เบื้องหลัง
พวกเขามุ่งเน้นไปที่การประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ แต่ละคนต่างแยกแยะบทบาท องครักษ์คนหนึ่งคอยจับตาดูซูเหยาและเกวียนอย่างใกล้ชิด ขณะที่อีกคนหนึ่งคอยสอดส่องและประเมินสภาพแวดล้อมโดยรอบ มองหาสัญญาณของอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การซุ่มโจมตี หรือบุคคลน่าสงสัยที่อาจกำลังสะกดรอยตามซูเหยาอีกชั้นหนึ่ง การเคลื่อนไหวของพวกเขาประสานงานกันอย่างเงียบเชียบและแม่นยำราวกับเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติรอบตัว
ไม่ว่าเส้นทางที่ซูเหยาจะนำพาพวกเขาไปสู่ที่ใด องครักษ์ทั้งสองก็พร้อมเสมอที่จะเผชิญหน้ากับอันตราย และทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องความปลอดภัยของหมอหญิงคนสำคัญผู้นี้ พวกเขารู้ดีว่าเรื่องราวการกักตุนสมุนไพรนี้อาจใหญ่กว่าที่คิด และเบื้องหลังอาจมีบุคคลผู้มีอำนาจและอิทธิพลมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง ใต้เท้าเถียนได้กำชับพวกเขาไว้แล้วว่า หากพบเจอสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงถึงชีวิตของซูเหยา ให้เข้าแทรกแซงได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งเพิ่มเติม แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เกี่ยวกับกลุ่มคนที่กำลังขนย้ายสมุนไพรเหล่านี้ รวมถึงปลายทางของพวกเขา
ขณะที่ซูเหยายังคงจดจ่อกับการสะกดรอยตามเกวียน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งคอยจับจ้องคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา การเดินทางครั้งนี้จึงไม่ได้มีเพียงซูเหยาผู้เดียวที่กำลังเสี่ยงอันตรายเพื่อเปิดโปงความจริง แต่ยังมีองครักษ์สองคนที่กำลังติดตามนางอย่างเงียบ ๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกคนที่แอบตามมาด้วยความเป็นเช่นกันนั่นคือ ไต้ซือจื่อหลิง…

เควสปลดหัวใจ: สัจธรรมแห่งการเยียวยา (3) เป้าหมาย : สะกดรอยตามกลุ่มคนที่กักตุนยา
รางวัล ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ซ่อนยา
|