1234567
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป

เซียงเฉินเสี่ยวพู้

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-10-10 20:41:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 29 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ - ยามซวี เวลา 09.00 - 20.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวัน ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 


แสงเช้ารินลงบนโต๊ะไม้ไผ่เป็นริ้วทองอุ่น ๆ ไป๋จิ่นหงนั่งขัดสมาธิเรียบง่ายตรงข้ามสวี่หลิว ถ้วยข้าวสวยร้อนจัดส่งไอบาง ๆ คลุกกับผัดผักรสอ่อนและชิ้นเต้าหู้นึ่งซีอิ๊ว กลิ่นชาหอมจางจากกาน้อยเคลือบอากาศให้ใจสงบ ทางมุมหน้าต่าง ชือฟ่านได้ปลานึ่งแล่ก้างออกหมด เนื้อนวลขาววาวบนจานดินเผา โรยผักใบเขียวเล็กน้อยแบบไม่ปรุงไม่เติมเกลือ แมวอ้วนขาวจึงก้มกินอย่างตั้งอกตั้งใจ เสียงเลียเนื้อปลาดังกรุบแผ่ว ๆ สม่ำเสมอ ชวนให้ทั้งร้านดูเหมือนบ้านที่ตื่นขึ้นอย่างสุภาพ


กินเสร็จ ไป๋จิ่นหงเช็ดตะเกียบ วางถ้วยเรียงนิ่งเหมือนวางดาบกลับฝัก แล้วลุกไปดึงม่านไม้ขึ้นให้แสงไหลทาบพื้นเป็นลายสาน สวี่หลิวเก็บถาด ล้างถ้วยถาดในกะละมังน้ำอุ่น เสียงน้ำกระทบขอบภาชนะดังกริบ ๆ พอให้รู้ว่าทุกอย่างเข้าที่ เขาเดินไปเปิดบานประตูไม้ไผ่ กระดิ่งเงินสั่นครั้งเดียวพาโชคดีเข้าเรือน จากนั้นรับไม้กวาดกับผ้าเช็ดโต๊ะ จัดการฝุ่นผงด้วยฝีมือเนียนนุ่มราวระลอกน้ำ


สายหน่อยคนก็เข้าร้านมาเรื่อย ๆ ช่างแกะสลักจากตรอกตะวันออกมาขอซื้อเมือกปลาและเกล็ดเฉดเงินขุ่น ไป๋จิ่นหงหยิบของขึ้นมาอธิบายสั้น ๆ น้ำเสียงนิ่งเนียน “บางเท่าที่ใจทนได้ ผึ่งลมครึ่งยามนะขอรับ เส้นสลักจะเด่นเอง” อีกครู่แม่บ้านจากตรอกใต้แวะเลือกพุทราแห้งกับชาไว้ชงยามค่ำ เขาคัดลูกแน่น ไม่เหี่ยว ไม่บี้ จัดใส่ถุงผูกโบว์ สวี่หลิวเงยตาตามสัญญาณขยับคิ้วของไป๋จิ่นหง หยิบของจากชั้นสูงลงอย่างพอดีมือหากมีลูกค้าคนไหนต้องการ


ชือฟ่านกินปลาเสร็จ ก็ย้ายตัวอ้วนขาวไปกลิ้งรับแสงบนพรมหน้าต่าง หางสะบัดนิด ๆ ทุกครั้งที่กระดิ่งเงินเหนือประตูสั่น กริ๊ง เหมือนประกาศว่าร้านนี้ปลอดภัยและมีคนอยู่ตลอดเวลา ลูกค้าเข้าออกเรื่อย ๆ ไม่มีช่วงว่างจนเงียบ แต่ก็ไม่แน่นจนหอบ หยดชาเติมถ้วยกะทัดรัด เสียงกระดาษห่อกรอบแกรบและเหรียญอู่จูกระทบกันเบา ๆ รวมกันเป็นท่วงทำนองค้าขายที่ชัดพอให้เชื่อใจ


บ่ายคล้อย แสงลอดหน้าต่างเฉียงลงบนชั้นเกล็ดปลาเป็นรุ้งอ่อน ๆ ไป๋จิ่นหงจดตัวเลขกำกับไปพร้อมการขายอแบบช้า ๆ ราวกับปลายพู่กันกวาดตามลมหายใจ เย็นย่ำลมเปลี่ยนทิศจนกลิ่นไม้หอมในร้านเข้มขึ้น สวี่หลิวเช็ดกระจกแผ่นสุดท้ายจนใสราวผิวน้ำ ไป๋จิ่นหงรวบถุงรายรับ แยกกองสำหรับทุนหมุน กองส่งให้นายหญิง และกองเล็กเลี้ยงชาขาประจำ ชือฟ่านลุกเหยียดยาว บิดตัวจนพุงขาวกลมกลึง แล้วเดินมาถูไหล่เขาแวบหนึ่งเหมือนเช็คชื่อเวรเฝ้าร้าน


เขาปิดยอดด้วยเส้นหมึกคมเดียว ดับตะเกียงด้านใน ทิ้งเพียงแสงอำพันดวงเล็กบนเคาน์เตอร์ให้เฝ้าค่ำคืน เสียบพู่กันกลับกระบอก หมุนกุญแจสลักประตูไม้ไผ่ กระดิ่งเงินสั่นครั้งสุดท้ายเหมือนลมหายใจลึกก่อนนอน ไป๋จิ่นหงกวาดตามองร้านที่สะอาด เรียงของเป็นระเบียบ สวี่หลิวพยักหน้ารับเงียบ ๆ ชือฟ่าน เมี้ยว เบาเป็นคำว่า “เรียบร้อย” ในภาษาของมัน วันทั้งวันจบลงแบบพอดีเหมือนเชือกหนังที่รูดเข้าฝักดาบ แน่น หนักและพร้อมเช้าถัดไปเสมอ


อื่น ๆ: ดูแลร้านค้า (2/3)

จำนวนลูกค้าที่เข้าร้านวันนี้คือ 99 คน


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 14799 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-10 20:41
โพสต์ 14,799 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-10-10 20:41
โพสต์ 14,799 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-10-10 20:41
โพสต์ 14,799 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-10-10 20:41
โพสต์ 14,799 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-10-10 20:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-10-11 14:14:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 11 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ - ยามซวี เวลา 09.00 - 20.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวัน ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 


ยามเช้าฟ้าสางยังติดหมอกบาง ๆ เหนือกระเบื้องหลังคา ไป๋จิ่นหงสะพายตะกร้าเครื่องมือจัดร้านเดินลัดตรอกมายังเซียงเฉินเสี่ยวพู้ตามทางที่คุ้นเท้า ประตูไม้ไผ่ถูกผลักเปิดให้กระดิ่งเงินสั่นครางหนึ่งครั้ง เสียงใสนั้นก้องอยู่ครู่เดียวก่อนจะกลายเป็นความเงียบสงบที่เขารู้จักดี วันนี้เงียบกว่าปกติ เพราะสวี่หลิวไม่ได้มาด้วย เจ้าปีศาจปลาผู้เงียบขรึมต้องออกไป “เติมน้ำ” ริมลำธารนอกฉางอันตามคราวของตนถึงตอนนี้สวี่หลิวจะสวมรูปมนุษย์ แต่รากของเขายังเป็นสายน้ำอยู่เสมอ


ไป๋จิ่นหงก้มผูกเชือกม่านไม้ขึ้นทีละผืนให้แสงเช้ารินเข้ามาเป็นริ้วทอง บอกกับตัวเองสั้น ๆ ว่า “วันนี้ ข้าอยู่เวรเดี่ยวซะงั้น” จากนั้นจุดตะเกียงน้ำมันดวงเล็ก ตรวจไส้ตะเกียงให้แสงอำพันไม่วูบวาบ แล้วไล่เปิดหน้าต่างให้ลมเดินสะดวก กลิ่นชาแห้ง กลิ่นพุทรา และกลิ่นงาแผ่วบางคลี่ออกมาเป็นกลิ่นร้านหอมหวนงดงาม


บนขอบหน้าต่าง มีชือฟ่าน คุณชายพุงขาวยืดตัวแควก ๆ แล้วกลิ้งนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจโลกหางขาวปุยห้อยลงเป็นริ้ว เขาเอื้อมนิ้วแตะคางมันทีหนึ่งเป็นคำทักทาย “เฝ้าร้านด้วย” ชือฟ่านตอบกลับด้วยเสียง “เมี้ยว” สั้น ๆ คล้ายลงชื่อรับเวรยาม


งานเช้าจึงเริ่มด้วยมือเดียว ไป๋จิ่นหงกวาดพื้นไม้ให้ลื่นสะอาด จัดชั้นสมุนไพรฝั่งตะวันตกให้ป้ายผ้าตรงเส้น คัดเผือกหัวแน่นวางตะกร้าหน้าเคาน์เตอร์ เติมน้ำแข็งละเอียดลงถังเมือกปลาลู่ไหให้เย็นพอดี ยกถาดเกล็ดปลาหลากเฉดขึ้นบนผ้าดำจัดเป็นพัดครึ่งวงเพื่อรับแสง


สายหน่อย กระดิ่งดัง กริ๊ง ลูกค้าช่างทำเครื่องเงินจากตรอกตะวันออกยกมือคารวะ เขาขอเกล็ดปลาเฉดเงินขุ่นไว้ทำงานชิ้นใหม่ ไป๋จิ่นหงเปิดกล่องตัวอย่าง พลิกให้แสงเฉียงตกพอดี ขาหยิบเมือกปลาล็อตดีขึ้นจากถังเย็น ประทับตราผ้า ส่งพร้อมรอยยิ้มพอดีคำพอดี ๆ ทั้งวันไหลไปแบบน้ำบนหินเรียบ ไม่มีสวี่หลิวคอยหยิบของชั้นสูงให้ แต่ไป๋จิ่นหงก็จัดองศาชั้นโชว์ใหม่ให้รับแสงแทน ไม่มีเซียนเฉ่าคอยเห่าหงิงจากมุมประตู แต่ชือฟ่านก็ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจการเงียบ ด้วยการเปลี่ยนที่นอนสามตำแหน่งอย่างมีศิลป์ ราวกับหมุดหมายให้ลูกค้าหมุนเวียน เขาเผลอหัวเราะเบา ๆ ทุกครั้งที่ปลายหางขาวสะบัดเหมือนตีระฆังล่องหน


อื่น ๆ: ดูแลร้านค้า (3/3)

จำนวนลูกค้าที่เข้าร้านวันนี้คือ 99 คน


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12599 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-11 14:14
โพสต์ 12,599 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-10-11 14:14
โพสต์ 12,599 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก เกราะแห่งพายุเงียบ  โพสต์ 2025-10-11 14:14
โพสต์ 12,599 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-10-11 14:14
โพสต์ 12,599 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-10-11 14:14
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-10-12 18:38:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 12 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ - ยามซวี เวลา 09.00 - 20.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวัน ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 


ยามสายของสุดสัปดาห์ แสงอุ่นกรองผ่านม่านไม้ไผ่เป็นเส้นเรียบ ไป๋จิ่นหงชงชาถ้วยเล็ก วางข้างสมุดหนาปกผ้า แล้วเริ่มลากปลายพู่กันลงบนหน้าบัญชีที่ขีดคั่นไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เสียงหมึกเสียดกระดาษเป็นจังหวะนิ่ง รับเข้าจ่ายออก ตั้งแต่เผือกคัดที่เดินไวเกินคาด เมือกปลาลู่ไหที่ช่างฝีมือแวะมาซื้อต่อเนื่อง เกล็ดปลาหลากเฉดที่เฉดเงินอมฟ้ายังครองแชมป์ ไปจนถึงพุทราแห้งกับงาหอมที่ขายดีเพราะคนแถวตรอกใต้เริ่มตากผ้าห่มและอยากต้มเครื่องดื่มอุ่นท้อง เขาวงเครื่องหมายหมดเร็วหลายบรรทัด ขยับคิ้วเพียงน้อยเมื่อเห็นช่องว่างบางชั้นตรงกับรอยเท้าลูกค้าที่หนาแน่นที่สุดหน้าชั้นโชว์หลักฐานชัดเจนกว่าเสียงชม


เขาขีดเส้นรวมตัวเลขยาวหนึ่งทีตรง ชัด และเงียบ จากนั้นแยกกองเงินบนถาดไม้ทุนหมุนสำหรับสัปดาห์ถัดไป กองส่งให้นายหญิงตามส่วนที่ควร และกองเล็กสำหรับชาที่จะเลี้ยงขาประจำ “อย่าขี้เหนียวกับรอยยิ้ม” เขาบอกตัวเองในใจ


มุมหน้าต่างชือฟ่านนอนพุงขาวรับแดด แค่หูขยับเมื่อปลายพู่กันแตะกระดาษแรงกว่าปกติ มัน “เมี้ยว” หนึ่งคำเหมือนเซ็นยอมรับตรวจรอบร้าน ไป๋จิ่นหงยิ้มมุมปาก เอื้อมนิ้วลูบคางแมวแล้วกลับมาที่งานตรวจทานความคลาดเคลื่อน เหรียญทอนตรง ไม่มีรอยหล่นหาย สินค้าที่เสี่ยงเสียหายถูกหมุนออกขายหมด หลักฐานขีดไว้ลำดับวันชัดเจน ทั้งหมดเรียบร้อยพอให้ใครมาเปิดอ่านก็รู้ว่าร้านนี้ “ยืน” อยู่ได้ด้วยวินัย ไม่ใช่แค่โชคลาภ

บัญชีเช็คสินค้าสำหรับขายให้ NPC (วันที่ 6 - 12 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11)

สินค้าในสต๊อก

พุทราแห้ง จำนวน 60 ชิ้น ราคาชิ้นละ 415 เหรียญอู่จู

ขนนกสีดำ จำนวน 40 ชิ้น ราคาชิ้นละ 725 เหรียญอู่จู

หนังหมาป่า จำนวน 50 ชิ้น ราคาชิ้นละ 3,782 เหรียญอู่จู

เกล็ดปลา จำนวน 50 ชิ้น ราคาชิ้นละ 1415 เหรียญอู่จู 

งา จำนวน 100 ชิ้น ราคาชิ้นละ 210 เหรียญอู่จู

รวมจำนวนสินค้า 300 ชิ้น

มีจำนวนยอดลูกค้าเข้าร้านทั้งหมดในสัปดาห์นี้คือ 99+99+99 = 297 คน 


แสดงความคิดเห็น

งาเหลือสต๊อก 99 ชิ้น / พุทราแห้งขายไม่ออก   โพสต์ 2025-10-12 22:32
โพสต์ 12993 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-12 18:38
โพสต์ 12,993 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-10-12 18:38
โพสต์ 12,993 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-10-12 18:38
โพสต์ 12,993 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-10-12 18:38
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-10-13 15:22:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-10-13 19:42

วันที่ 12 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ - ยามซวี เวลา 09.00 - 20.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวัน ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 


บ่ายคล้อย แสงอุ่นสาดผ่านม่านไม้ไผ่เป็นริ้วบาง ๆ เงียบพอจะได้ยินเสียงพู่กันลากไปบนกระดาษ ไป๋จิ่นหงนั่งตรงหลังโต๊ะบัญชีเหมือนศิษย์ผู้เคร่งครัดในวิถีดาบ มือซ้ายค่อย ๆ พลิกหน้าสมุด มือขวาขีดตัวเลขที่ “จริง” มากพอจะทำให้ปวดหัว เขาไล่บรรทัด “รับเข้า-จ่ายออก” ทีละช่อง จนมาหยุดที่ตัวเลขสรุปของสัปดาห์นี้แล้วหลุดหัวเราะในคออย่างอ่อนใจ


“คนฉางอันนี่ชอบของแพงเสียจริง…” เขาพึมพำกับตัวเอง ทั้งที่สินค้าธรรมดาเนื้อดีราคาย่อมเยาก็วางอยู่ตรงนั้นแท้ ๆ กลับพากันกว้านเกล็ดปลาหนาหายาก เมือกปลาล็อตพิเศษ งาชิ้นหอมคัด เก็บจนชั้นโชว์โล่ง ส่วนพุทราแห้ง ที่เคี้ยวหนึบหอมหวานกลับนอนนิ่งอยู่ในโหลอย่างคนไม่มีใครชวนคุย เขาจดบันทึกสั้น ๆ ลงข้างบรรทัด “งาเหลือ 99 ถุง” แล้ววงดินสอรอบคำว่า “พุทราแห้งขายไม่ออก” เสยคิ้วขึ้นนิดเดียว “ของถูกดีไม่ซื้อ ซื้อแต่ของแพง…เอาเถอะ” คำพูดผละจากปลายลิ้นเหมือนฝุ่นที่สะบัดจากชายแขนเสื้อ ไม่ใช่การบ่นกับโชคชะตาเท่าไรนัก มากกว่าคือการจดจำธรรมชาติของผู้คน เพื่อปรับมือให้รับลูกดาบต่อไปได้ไหลลื่นกว่าเดิม


ไป๋จิ่นหงเปิดลิ้นชัก หยิบถุงผ้าไหมปักกระเรียนออกมา คลี่ให้เรียบบนโต๊ะจากนั้นเริ่มคัดเหรียญและตำลึงใส่ลงไปทีละกองด้วยจังหวะคงที่ กองสำหรับทุนหมุน กองสำหรับจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของร้าน กองเล็กไว้เลี้ยงชาขาประจำ และกองใหญ่ผูกเชือกแน่นสำหรับ “ผู้เป็นเจ้าของร้านหลังนี้” เขาเช็ดปลายนิ้วให้แห้งสะอาดก่อนแตะเงินทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะกลัวหมึกเลอะ แต่เพราะเคารพการทำมาหากินของตน

สรุปบัญชีการค้าขาย (วันที่ 6 - 12 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11)

ขายสินค้าได้ทั้งสิ้น จำนวน 289060 เหรียญอู่จู 

แปลงค่าเงินคือ 72 ตำลึงทอง 2 ตำลึงเงิน 260 เหรียญอู่จู


ยอดเงินสะสมของบัญชีร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 51 ตำลึงทอง 4 ตำลึงเงิน 150  เหรียญอู่จู 

รวมยอดสะสมตอนนี้ 123 ตำลึงทอง 7 ตำลึงเงิน 10 เหรียญอู่จู


เบิกเงินจากร้าน 123 ตำลึงทอง 7 ตำลึงเงิน 10 เหรียญอู่จู

วันที่ 13 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ - ยามซวี เวลา 09.00 - 20.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวัน ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 


ยามเช้าวันจันทร์ แดดอ่อนคลี่ทาบพื้นไม้เป็นลายสาน ไป๋จิ่นหงกับสวี่หลิวผลักบานประตูให้กระดิ่งเงินสั่นหนึ่งที ก่อนลงมือทำงานแบบโหมดศึกใหญ่ ไม่ใช่เพราะวันนี้ขายดีเป็นพิเศษ แต่เพราะ พรุ่งนี้ จะมีโรงทานเนื่องวันเกิดของแม่นางหลินหยา “เริ่มจากหน้าร้านก่อน” ไป๋จิ่นหงเริ่มเขียนบัญชีเตรียมสต๊อกของให้เสร็จก่อนวางสมุดบัญชีลง ชี้ตำแหน่งด้วยนิ้วที่นิ่งพอ ๆ กับคมดาบ “เราจะจัดโรงทานเล็ก ๆ ติดขอบธรณีนี้ ไม่บังทางเดินลูกค้าและให้คนยากไร้ต่อแถวได้ไม่ชนกับแถวจ่ายเงิน”


สวี่หลิวพยักหน้า “ขอรับ” สั้น ๆ แต่ขยับตัวเร็วเป็นระลอกคลื่น เขายกโต๊ะไม้เตี้ยสองตัวมาลองเรียง วัดระยะด้วยสายตาแม่นเหมือนชั่งน้ำหนักปลา จากนั้นก้มม้วนพรมออก เปิดพื้นโล่งให้เดินสะดวก ระหว่างนั้นชือฟ่านกลิ้งออกมารับแดดหน้าร้าน พอเห็นเชือกแบ่งคิวก็เอาอุ้งเท้าตบเหมือนอนุมัติ ไม่นานเซียนเฉ่าก็โผล่มา (คาบริบบิ้นแดงมาด้วยเฉย) กระดิกหางเหมือนพูดว่า คนของข้าเกิดทั้งที ต้องสวยหน่อย ไป๋จิ่นหงหัวเราะในคอ “ดี เอาริบบิ้นผูกชายป้ายโรงทาน พรุ่งนี้จะได้เห็นแต่ไกล”


กลางวันพวกเขาจัดสต๊อกของกันต่อและรับลูกค้าพอทุกอย่างเข้าที่ ไป๋จิ่นหงผูกริบบิ้นแดงที่เซียนเฉ่านำมาไว้มุมป้ายโรงทาน ลูบหัวหมาน้อยทีหนึ่ง “พรุ่งนี้คงวิ่งช่วยงานทั้งวันล่ะสิ” เซียนเฉ่าหงิงรับสั้น ๆ ชูคางราวแม่กองพิธี ชือฟ่านขึ้นยึดเก้าอี้เฝ้าป้ายเหมือนผู้อำนวยการเวที 


ยามเย็น เขาปิดยอดเตรียมการในสมุดเครื่องหมายถูกเรียงเต็มหน้า ดึงผ้าขาวคลุมหม้อน้ำชาและถังซุป วางถุงถ่านและฟืนกองไว้ชิดกำแพง กันลมพัดกระจาย จากนั้นมองภาพรวมหน้าร้านโต๊ะเตี้ยสองตัว ร่มไผ่หนึ่งคัน เชือกคิวเรียบร้อย ป้ายผ้าเด่นแต่ไม่เอิกเกริก ทุกอย่างเรียบง่ายแต่ครบถ้วน เหมือนคนเจ้าของงานที่ใจดีโดยไม่ต้องประกาศเสียงดัง



สินค้าลงร้านค้าสำหรับขายให้ NPC (วันที่ 13 - 19 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11)


สินค้าสต๊อกเก่า

พุทราแห้ง จำนวน 60 ชิ้น ราคาชิ้นละ 415 เหรียญอู่จู

งา จำนวน 99 ชิ้น ราคาชิ้นละ 210 เหรียญอู่จู


สินค้าสต๊อกใหม่ (เพิ่ม)

ขนนกสีดำ 69 ชิ้น ราคาชิ้นละ 725 เหรียญอู่จู

ก้านขึ้นฉ่าย 8 ก้าน ราคาชิ้นละ 305 เหรียญอู่จู

ใบเซียงอ๋าจู๋ 20 ชิ้น ราคาชิ้นละ 205 เหรียญอู่จู

อบเชย 8 ชิ้น ราคาชิ้นละ 735 เหรียญอู่จู

ลูกท้อ 4 ผล ราคาชิ้นละ 450 เหรียญอู่จู

ก้อนทองแดง 20 ชิ้น ราคาชิ้นละ 5000 เหรียญอู่จู

กระเทียม 12 หัว ราคาชิ้นละ 275 เหรียญอู่จู


รวมจำนวนสินค้า 300 ชิ้น (คลังมีจำนวน 300)

(อัพเดทสินค้าในหน้าแรกแล้วเรียบร้อย)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13706 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-13 15:22
โพสต์ 13,706 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-10-13 15:22
โพสต์ 13,706 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก เกราะแห่งพายุเงียบ  โพสต์ 2025-10-13 15:22
โพสต์ 13,706 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-10-13 15:22
โพสต์ 13,706 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-10-13 15:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-10-13 18:04:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-10-13 19:20

Happy Birthday IN ต้าฮั่น
🎂✨ โรงทานเฉพาะกิจ! วันเกิดย้อนยุค สไตล์ไทย-ทะลุมิติ ของ "หลินหยา"! ✨🇹🇭
#แก่ขึ้นอีกปี #โรงทานแบบไทย ๆ #ของดีย์

โรงทานเฉพาะกิจที่ร้านขายทุกอย่าง 

📢 ประกาศ! วันที่ 14 เดือน 9 มาบรรจบ... คือวันสำคัญที่แม่ค้าคนสวยประจำยุทธภพ คุณ หนาน หลินหยา (เจ้าของร้านที่ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า "ขายทุกอย่าง" เพราะกระทั่งหม้อเขาก็มาซื้อที่ร้าน!) มีอายุครบ 15 ปี! แม้จะทะลุมิติมาไกล แต่เลือดความเป็นคนไทยของหลินหยายังแรงกล้า! ปกติต้องตื่นเช้าไปทำบุญตักบาตร... ดังนั้นในต่างภพนี้ หลินหยาเลยขอทำ "โรงทานเฉพาะกิจ" ขึ้นมาซะเลย!
รูปประกอบบทความ
บรรยากาศหน้าร้าน

🎂 กติกา "Made My Day" ที่โรงทานเซียงเฉินเสี่ยวพู้! 🥳

ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมอิ่มบุญและรับความอร่อยในโรงทานเฉพาะกิจฉลองวันเกิดของคุณหนาน หลินหยา เจ้าของร้านที่ใคร ๆ ก็เลิฟ!

🍚 ชาวบ้านได้อิ่ม! เราก็ได้บุญ! สำหรับชาวบ้าน: หลินหยาจัดเต็ม! เตรียมส่งมอบ ซาลาเปา 100 เข่ง, หมั่นโถว 100 เข่ง, และ ขนมคอเป็ด 100 ถาด (ส่วนนี้จะส่งมอบให้แอดมินนำไปแจกจ่ายในเนื้อเรื่อง) 

🎁 ภารกิจ Made My Day: ทำให้วันเกิดหลินหยาสมบูรณ์แบบ! แต่สำหรับผู้เล่นที่น่ารักของเรา...หลินหยาอยากให้วันเกิดปีนี้เป็น Made My Day ที่สุดในชีวิต! เรามีกิจกรรมง่าย ๆ สนุก ๆ มาให้คุณร่วมลงมือทำให้วันพิเศษนี้สมบูรณ์แบบ! มาร่วมทำบุญและสร้างรอยยิ้มให้กับหลินหยาและชาวบ้านกันเถอะ! แล้วยังมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ รอคุณอยู่ด้วยนะ!

🎁 กติกาการรับของอร่อยและของขวัญสุดพิเศษ 

🍚 ส่วนที่ 1: ของขวัญทุกคนที่มา! ต่อแถวรับเลย! โรลเพลย์เห็นคนแจกอาหารและสามารถต่อแถวรับได้ ทุกคนที่โรลเพลย์เข้าร่วม จะได้รับ ขนมไหมฟ้า และ ลูกชิ้นหัวสิงห์ อย่างละ 1 ชิ้น! 

 💌 ส่วนที่ 2: เพิ่มความพิเศษให้วันเกิด! สำหรับผู้เล่นคนไหนที่โรลเพลย์ ให้คำอวยพร หรือ มอบของขวัญ แด่คุณ หลินหยา จะได้รับของรางวัลเพิ่มเติมสุดพรีเมี่ยมตาม เลขไบต์ 2 ตัวสุดท้าย ของโพสต์โรลเพลย์นั้น!

อย่าลืมมาอวยพรและทำให้วันเกิดของหลินหยาเป็น "Made My Day" ที่สุดในยุทธภพนี้กันนะครับ/คะ!

(เวลาตามจริงของผู้เล่น) วันที่ 14-30 เดือนตุลาคม 2025 * (เวลาในเนื้อเรื่องโรลเพลย์) วันที่ 14 เดือน 9 (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 17682 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-13 18:04
โพสต์ 17,682 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-10-13 18:04
โพสต์ 17,682 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-10-13 18:04
โพสต์ 17,682 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-10-13 18:04
โพสต์ 17,682 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-10-13 18:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-10-13 21:14:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 09 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

เวลา 12.00 - 16.00 น. ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้


แสงแดดยามสายสาดผ่านกระจกกระดาษน้ำมันของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้จนเกิดเงาอ่อนของต้นพลัมที่ปลูกข้างร้านทอดตัวอยู่บนพื้นหินเรียบ ริมหน้าต่างมีหญิงสาวร่างบางในชุดผ้าฝ้ายสีครีมอ่อนนั่งพับเพียบอยู่หน้าโต๊ะไม้จันทน์ ใบหน้าเธอมีรอยยิ้มจาง ๆ แต่แววตากลับเปี่ยมด้วยความตั้งใจจริงจังผิดวิสัยคนช่างหัวเราะ บนโต๊ะเต็มไปด้วยกระดาษซิ่วเสียนเรียงราย กล่องพู่กัน หมึกแท่ง และซองเชิญสีทองปักดิ้นเงินวางเรียงไว้เป็นระเบียบ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดไว้เพื่อภารกิจเดียวการเขียนเทียบเชิญสำหรับงานโรงทานในวันเกิดของนาง วันที่ 14 เดือนนี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงสี่วันเท่านั้น


หลินหยาก้มหน้าเขียนตัวอักษรลงบนกระดาษ敬邀ด้วยความเคารพเชิญ… เสียงพู่กันขูดไปบนผิวกระดาษดังแผ่วเบา แต่ทุกลายเส้นกลับบิดเบี้ยวเล็กน้อยเหมือนหัวใจของผู้เขียนที่กำลังลุ้นทุกจังหวะ “อา... ตัวเชิญนี้อีกแล้ว ข้าลืมขีดตรงนั้นอีกแล้วหรือ” นางบ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่


แต่เพียงแวบเดียว เธอก็หัวเราะออกมา “ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของข้าล่ะนะ” ว่าแล้วก็จุ่มพู่กันใหม่ลงในหมึก กลิ่นหมึกผสมกลิ่นชาจากกาน้ำร้อนที่วางอยู่ข้าง ๆ ลอยคลุ้งไปทั่วห้อง เสียงหมึกกระทบจานหิน “แกรก” ดังเข้าจังหวะกับเสียงนกร้องนอกหน้าต่าง หลินหยานั่งขัดสมาธิ เขียนทีละฉบับด้วยความตั้งใจราวกับกำลังวาดภาพมากกว่าจะเขียนตัวอักษร “เรียน...” เธอพูดพลางขยับริมฝีปากไปด้วยเหมือนกำลังอ่านเนื้อความในใจ


จนกระทั่งจังหวะหนึ่งเมื่อเขียนชื่อเขาลงไป ปลายพู่กันของเธอสั่นเล็กน้อยจนหมึกหยดเป็นจุด เธอมองมันแล้วยิ้มอย่างอาย ๆ “ถ้าเขาเห็นจุดนี้จะว่าอย่างไรนะ... จะรู้ไหมว่ามือข้าสั่นเพราะอะไร”


เวลาเดินผ่านไปเรื่อย ๆ แสงอาทิตย์เปลี่ยนสีจากทองอ่อนเป็นส้มอมชมพู เทียบเชิญหลายฉบับถูกพับอย่างประณีตและผูกด้วยเชือกไหมสีแดง ทั้งหมดสิบกว่าฉบับ แต่ละฉบับมีลายมือที่แตกต่างกันนิด ๆ ตามอารมณ์ในขณะเขียน หลินหยาดึงเชือกหนังเส้นใหญ่เข้ามา มัดรวมจดหมายเหล่านั้นไว้ในพานไม้แล้วลุกขึ้นยืดแขนอย่างโล่งใจ “เสร็จสักที...” เธอพูดเบา ๆ พลางมองผลงานตัวเองอย่างภูมิใจ แม้ลายมือจะไม่สวยเท่าคนอื่น แต่ทุกตัวอักษรเต็มไปด้วยความจริงใจของเธอเอง “ข้าคงต้องรีบเอาไปส่งแล้วสิ ก่อนที่พระอาทิตย์จะตก”


หลินหยาหยิบกล่องไม้ใส่เทียบเชิญทั้งหมดขึ้นพาดแขน เดินออกจากร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ด้วยรอยยิ้มสดใส ผมดำขลับของนางสะท้อนแสงบ่ายคล้อยเป็นประกายทอง เธอหยุดหน้าร้านเพียงครู่ สูดกลิ่นชาและกลิ่นขนมที่อบใหม่ จากนั้นเธอก็ก้าวขึ้นม้าปีศาจเยวี่ยเหยียน หอบจดหมายเทียบเชิญแนบอกไว้แน่น แล้วควบม้าออกไปตามถนนกรวดที่ทอดยาวสู่ตัวเมืองฉางอัน แสงสุดท้ายของยามโหย่วทอดเงาร่างของหลินหยาให้ยาวออกไปเบื้องหน้า พร้อมรอยยิ้มของหญิงสาวผู้เตรียมมอบความสุขแก่คนทั้งหลายในวันเกิดของตนเอง



เทียบเชิญ หวยหนานหวางและพระธิดา


เรียน

แด่ ท่านหวยหนานหวาง (หลิวอัน) และ องค์พระธิดา (หลิวหรงเล่อ) ที่เคารพอย่างสูง

เรื่อง ขอพระเมตตาเสด็จร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและประทานสิริมงคลในงานโรงทานเพื่อคนยากไร้


กราบเรียน ท่านหวยหนานหวาง และ องค์พระธิดา,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ กราบเรียนมาด้วยความเคารพรักและระลึกถึงพระคุณของท่านทั้งสองอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านทั้งสองเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่ข้าพเจ้านับถือรักใคร่มาโดยตลอด การที่ข้าพเจ้าได้จัดงานบำเพ็ญกุศลในวันเกิดเช่นนี้ ย่อมเป็นความปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง

ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอพระเมตตาจากท่านหวยหนานหวางและองค์พระธิดา โปรดเสด็จมาเป็นเกียรติในงานดังกล่าว เพื่อประทานสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าพเจ้าและบรรดาผู้ยากไร้ที่มาร่วมรับทาน การเสด็จมาของท่านทั้งสองย่อมเป็นเกียรติสูงสุดและเป็นกุศลยิ่งแก่การจัดงานในครั้งนี้


จึงกราบเรียนมาด้วยความเคารพรักอย่างสูง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับพระเมตตาจากท่านทั้งสอง


ขอแสดงความเคารพรักอย่างสูงสุด

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียบเชิญ ต้าซือคง เถียนเฟิง


เรียน

ท่านต้าซือคง เถียน เฟิง ที่เคารพอย่างสูง

เรื่อง ขอความกรุณาเรียนเชิญท่านสหายสนิทร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและประทานกำลังใจในงานโรงทาน


กราบเรียน ท่านต้าซือคง เถียน เฟิง,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ กราบเรียนมาด้วยความเคารพรักและระลึกถึงท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านต้าซือคงเป็นสหายผู้สนิทสนมที่สุดและเป็นบุคคลที่ข้าพเจ้านับถือมาโดยตลอด การที่ท่านกรุณาเสียสละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ ย่อมถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และเป็นขวัญกำลังใจอันใหญ่หลวงแก่ข้าพเจ้าในการทำทาน

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านมาเติมเต็มความสุขและร่วมเป็นสักขีพยานในมิตรภาพของเราในวันสำคัญนี้


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและตอบรับ


ขอแสดงความเคารพอย่างสูง

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียบเชิญ เว่ย จ้งชิง


เรียน

ท่านพี่ เว่ย จ้งชิง ที่ข้าพเจ้ารักและเคารพ

เรื่อง กราบเรียนเชิญท่านพี่ผู้เป็นที่รักมาร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและประทานกำลังใจในงานโรงทานของน้อง


กราบเรียน ท่านพี่จ้งชิง,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ กราบเรียนมาด้วยความรักและความระลึกถึงท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านพี่เป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเคารพรักนับถือมาโดยตลอด เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ การที่ท่านกรุณาเสียสละเวลาอันมีค่าจากการปฏิบัติหน้าที่อันหนักหน่วงในฐานะนายทหารภายใต้กองทัพของท่านต้าซือหม่า มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลและให้พรแก่น้องผู้นี้ ย่อมถือเป็นความสุขและความปลาบปลื้มใจสูงสุดของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านพี่มาร่วมแบ่งปันความสุขและให้กำลังใจแก่น้องผู้นี้


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและตอบรับ


ขอแสดงความเคารพรักอย่างสูง

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียบเชิญ จงฉางชื่อ


เรียน

ท่านจงฉางชื่อ จางกงกง ที่ข้าพเจ้าเคารพอย่างสูง

เรื่อง ขอความกรุณาเรียนเชิญท่านร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและงานบุญโรงทาน


กราบเรียน ท่านจงฉางชื่อ,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ กราบเรียนมาด้วยความเคารพรักและระลึกถึงท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านเป็นผู้มีพระคุณและเป็นบุคคลที่ข้าพเจ้าเคารพรักและปรารถนาที่จะได้รับคำชี้แนะอย่างยิ่ง การที่ท่านกรุณาเสียสละเวลาอันมีค่าจากราชกิจอันหนักหน่วง มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ ย่อมถือเป็นเกียรติอย่างสูงยิ่งและเป็นความปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้แก่ข้าพเจ้า

  • ข้าพเจ้าขอจัดพื้นที่เล็ก ๆ ที่เงียบสงบไว้เป็นการเฉพาะ สำหรับผู้มีเกียรติที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หวังว่าท่านจงฉางชื่อจะให้เกียรติแวะเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัว ณ สถานที่ดังกล่าว เพื่อให้ข้าพเจ้าได้ถวายการต้อนรับและขอบพระคุณท่านอย่างเต็มที่

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านมาเติมเต็มความสุขและอำนวยพรในวันสำคัญนี้


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและตอบรับ


ขอแสดงความเคารพอย่างสูง

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียบเชิญ โจวจิน


เรียน

ท่านโจว จิน เจ้าของร้านหงหยุนหลาย ที่เคารพ

เรื่อง ขอเรียนเชิญท่านสหายสนิทร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและงานบุญโรงทาน


เรียน ท่านโจว จิน,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ขอเรียนมาด้วยความเคารพและระลึกถึงท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านเป็นมิตรแท้และเป็นสหายที่ข้าพเจ้าให้ความนับถือมาโดยตลอด การที่ท่านสละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานบำเพ็ญกุศลในวันสำคัญของข้าพเจ้า ย่อมถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นความปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านมาร่วมแบ่งปันความสุขและรำลึกถึงมิตรภาพของเราในวันสำคัญนี้


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและตอบรับ


ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียบเชิญ ฉู่ ซ่วนจื่อ


เรียน

ท่านพี่ ฉู่ ซ่วนจื่อ (เซียนกระบี่ผลิวสันต์) ที่ข้าพเจ้ารักและเคารพอย่างยิ่ง

เรื่อง กราบเรียนเชิญท่านพี่ผู้เป็นที่รักมาร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและงานบุญโรงทานของน้อง


กราบเรียน ท่านพี่ฉู่ ซ่วนจื่อ,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ กราบเรียนมาด้วยความรักและความระลึกถึงท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านพี่เป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเคารพรักนับถือและผูกพันมาโดยตลอด เปรียบเสมือนพี่สาวแท้ ๆ ของข้าพเจ้า การที่ท่านกรุณาเสียสละเวลาอันมีค่าจากการเดินทางท่องยุทธภพ มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลและให้พรแก่น้องผู้นี้ ย่อมถือเป็นความสุขและความปลาบปลื้มใจสูงสุดของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านพี่มาร่วมแบ่งปันความสุขและให้กำลังใจแก่น้องผู้นี้


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและตอบรับ


ขอแสดงความเคารพรักอย่างสูง

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียนเชิญ เสี่ยวจ้าวจื่อ


เรียน

ท่านขันที เสี่ยวจ้าวจื่อ ที่เคารพรัก

เรื่อง ขอเรียนเชิญท่านสหายสนิทร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและงานบุญโรงทาน


เรียน ท่านเสี่ยวจ้าวจื่อ,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ขอเรียนมาด้วยความเคารพรักและระลึกถึงท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านเป็นสหายที่สนิทสนมและเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้า การที่ท่านกรุณาเสียสละเวลาอันมีค่าจากการปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงครัวหลวง มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลและแบ่งปันความสุขในวันสำคัญของข้าพเจ้า ย่อมถือเป็นเกียรติและเป็นความยินดีอย่างยิ่ง

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านมาร่วมงาน เพื่อให้เราได้รำลึกถึงมิตรภาพอันดีงามและสนิทสนมของเรา


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและตอบรับ


ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียนเชิญ เทพเยว่เหลา


เรียน

แด่ ท่านเทพเยว่เหลา (ผู้เฒ่าจันทรา) ที่ข้าพเจ้าเคารพเทิดทูนอย่างสูง

เรื่อง กราบอัญเชิญท่านผู้เฒ่ามาร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและประทานสิริมงคลในงานโรงทานของหลานรัก


กราบเรียน ท่านเทพเยว่เหลา,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ กราบเรียนมาด้วยความเคารพรักและระลึกถึงพระเมตตาของท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านเทพเยว่เหลานั้นเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ที่ข้าพเจ้าเคารพเทิดทูนและผูกพันด้วยความสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง การที่ท่านได้สละเวลาอันมีค่าเพื่อมาเยี่ยมเยียนและให้พรแก่หลานผู้นี้ ในงานบำเพ็ญกุศล ย่อมถือเป็นสิริมงคลอันยิ่งใหญ่และเป็นความปลาบปลื้มใจสูงสุดในชีวิตของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านมาเติมเต็มความสุขและแบ่งปันรอยยิ้มในวันสำคัญนี้


จึงเรียนมาด้วยความเคารพรักอย่างสูงสุด และกราบอัญเชิญด้วยใจจริง


ขอแสดงความเคารพรักอย่างสูงสุด

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑


เทียนเชิญ หมอหญิง ซู เหยา


เรียน

ท่านหมอใหญ่ ซู เหยา แห่งโรงหมอเจิ้งเทียน ที่เคารพ

เรื่อง ขอเรียนเชิญท่านมิตรสหายร่วมงานมงคลวันคล้ายวันเกิดและงานบุญโรงทาน


เรียน ท่านหมอใหญ่ ซู เหยา,

ข้าพเจ้า หนานหลินหยา เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ขอเรียนมาด้วยความเคารพรักและระลึกถึงท่านอยู่เสมอ


เนื่องในวาระอันเป็นมงคลที่วันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้าจะมาถึง ในวันที่ ๑๔ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑ ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถือโอกาสนี้จัด งานโรงทาน เพื่อแบ่งปันอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้ยากไร้และคนขัดสน


งานดังกล่าวจะจัดขึ้น ณ ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ตั้งแต่ ยามเฉิน (ประมาณ ๐๗:๐๐ น.) ไปจนถึง ยามเซิน (ประมาณ ๑๖:๐๐ น.)

ท่านเป็นมิตรสหายผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเป็นที่นับถือของข้าพเจ้า การที่ท่านสละเวลาอันมีค่าจากภารกิจอันหนักอึ้งในการดูแลรักษาผู้คน มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลและแบ่งปันความสุขในวันสำคัญของข้าพเจ้า ย่อมถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นความปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้

ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่านมาร่วมงาน เพื่อให้เราได้รำลึกถึงมิตรภาพอันดีงามของเรา


จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและตอบรับ


ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

(ลงนาม)

(หนานหลินหยา) เจ้าของร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้

วันที่เขียนจดหมาย: วันที่ ๑๐ เดือนเก้า (จิ่วเยว่) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ ๑๑



พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

(โคตรของจดหมาย อันนีี้แค่คนสนิทนะเนี้ยยยยยย)



แสดงความคิดเห็น

ซูเหยาตอบรับมางานค่าาาาา  โพสต์ 2025-10-15 00:15
เทียบเชิญส่งไปไม่ถึงเทพเยว่เหล่า เนื่องจากตกค้างอยู่ที่ศาลเจ้าที่ไม่สามารถขึ้นไปยังแดนเทพได้  โพสต์ 2025-10-13 21:35
เสี่ยวจ้าวจื่อตอบรับมางาน แต่เขาขันทีชั้นผู้น้อยจึงมาได้เพียงแปบเดียว 15.30 - 16.00  โพสต์ 2025-10-13 21:34
ฉู่ ซ่วนจื่อ ตอบรับมางาน  โพสต์ 2025-10-13 21:32
ความสนิทกับโจวจินไม่เพียงพอ   โพสต์ 2025-10-13 21:32
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-10-15 13:02:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-10-15 16:31

วันที่ 14 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเฉิน -  เวลา 07.00 - 16.00 น. ณ หน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้


ยามนี้แสงแดดอุ่นละมุนทอดผ่านม่านไม้ไผ่ที่หน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ สาดลงมาบนโต๊ะยาวที่เรียงรายไปด้วยขนมและของแจกนับร้อยอย่าง กลิ่นหอมของแป้งซาลาเปา หมั่นโถว และขนมคอเป็ดลอยคลุ้งไปทั่วตรอกตลาดตะวันออก เสียงผู้คนเริ่มดังขึ้นทีละน้อย ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงทักทายของชาวบ้านที่พากันแวะมาดูโรงทานวันเกิดของหญิงเจ้าของร้าน


หลินหยาในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนดูอ่อนโยนราวแสงอรุณ เธอยืนอยู่หน้าร้านด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ใบหน้าขาวนวลของนางสะท้อนแสงแดดอ่อนจนดูราวกับเรืองแสงเอง นางคอยต้อนรับผู้คนด้วยน้ำเสียงสดใส “เชิญเลยเจ้าค่ะ ซาลาเปาร้อน ๆ เพิ่งออกจากเตา หมั่นโถวก็มีนะเจ้าคะ อย่าแย่งกันสิ เดี๋ยวทุกคนก็ได้กิน” ในขณะนั้นสวี่หลิวกำลังขนถังน้ำขนาดใหญ่ไปตั้งไว้ข้างโต๊ะ แจกน้ำเปล่าให้คนที่ต่อคิวรับของ ส่วนไป๋จิ่นหงในชุดผ้าสีครามคอยควบคุมฝูงชนอย่างเป็นระเบียบ “แถวนี้สำหรับเด็ก แถวนี้สำหรับผู้ใหญ่ อย่าเบียดกันนะ” น้ำเสียงของเขาสุภาพแต่หนักแน่นพอให้ทุกคนเชื่อฟัง


ไม่ไกลกัน ชือฟ่านนั่งกอดเจ้าหมาปีศาจตัวน้อยเซียนเฉ่าที่กำลังเห่าด้วยความตื่นเต้น มันส่ายหางไปมาเหมือนจะช่วยเป็นเจ้าภาพด้วยอีกแรง ขนของมันเงางามจนเด็ก ๆ ที่มารับขนมต่างพากันวิ่งเข้ามาลูบหัวอย่างชอบใจ


โต๊ะไม้เรียงกันสามแถวเต็มไปด้วยของแจก ซาลาเปาไส้ถั่วแดงร้อยลูก หมั่นโถวเนื้อนุ่มอีกกองหนึ่ง ขนมคอเป็ดอบน้ำผึ้งวางเรียงเป็นแถว ถัดไปมีถังหู่ลูกท้อเคลือบน้ำตาลที่วาววับแวววาวเหมือนหยกแก้วในแสงแดด และยังมีถังผลไม้สดกับน้ำชาที่หลินหยาชงเองวางอยู่ริมโต๊ะ หลินหยาเดินตรวจทุกโต๊ะอย่างละเอียด เหมือนแม่งานที่ไม่ปล่อยให้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย “ท่านไป๋จิ่นหง ท่านจัดโต๊ะด้านซ้ายเรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ?”


“เรียบร้อยขอรับแม่นางหนาน แต่อย่าลืมทานอะไรบ้างเถิด ท่านทำงานตั้งแต่ฟ้าสางแล้ว” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ หลินหยาหัวเราะตอนได้รับคำเป็นห่วง “วันนี้วันเกิดข้า ไม่ได้เหนื่อยเลยเจ้าค่ะ เห็นคนยิ้ม ข้าก็หายเหนื่อยแล้ว” จากนั้นนางหันไปยิ้มให้เด็กหญิงตัวเล็กที่ถือขนมถังหู่ลู่ในมือสองไม้ “ระวังน้ำตาลแตกบาดปากนะเจ้าหนู” เด็กหญิงยิ้มแฉ่งก่อนจะก้มศีรษะขอบคุณแล้ววิ่งกลับไปหามารดา


เสียงหัวเราะของผู้คนประสานกันเป็นจังหวะอบอุ่น มีทั้งชายชราที่มาขออาหาร หญิงแม่ลูกอ่อนที่ได้ขนมติดมือ เด็กหนุ่มที่ช่วยยกถังน้ำ ล้วนทำให้บรรยากาศของหน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ดูเหมือนงานบุญใหญ่ในหมู่บ้านมากกว่างานวันเกิดของใครคนหนึ่ง “ทุกคนใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ ของมีมาก ไม่ต้องรีบ!” หลินหยาตะโกนบอกพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายขณะมองดูข้าวของที่ค่อย ๆ ถูกแจกจ่ายออกไป


ใต้แสงยามเฉินที่อบอุ่น เส้นผมของเธอสะท้อนแสงสีทองจาง ขลุ่ยไม้หอมที่พาดอยู่ข้างเอวแกว่งเบา ๆ ตามจังหวะก้าวเดิน บ่งบอกถึงเจ้าของที่ทั้งอ่อนโยนและมั่นคงในคราเดียวกัน โรงทานในเช้าวันนั้นดำเนินไปอย่างสงบเรียบร้อย สวี่หลิวกับไป๋จิ่นหงจัดงานได้อย่างรัดกุมไร้ที่ติ เซียนเฉ่าก็ไม่ซุกซนจนเกินไป ทุกอย่างเป็นระเบียบสมบูรณ์แบบราวกับสวรรค์จัดวาง


ยามอู่ใกล้เที่ยงเสียงฝีเท้าม้ารวดเร็วดังขึ้นจากถนนหน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นของโรงทาน กลิ่นอาหารอบอวลในอากาศ เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ และเสียงขอบคุณของผู้คนที่มารับของยังคงดังก้องไม่ขาดสาย หลินหยาซึ่งกำลังช่วยไป๋จิ่นหงยกเข่งซาลาเปาชุดใหม่ขึ้นโต๊ะถึงกับชะงัก เมื่อม้าเร็วจอดลงตรงหน้า “มีของมาส่งจากเมืองผ่านอวี้ขอรับ!” ชายม้าเร็วเอ่ยพลางยื่นกล่องไม้ประณีตห่อด้วยผ้าไหมลายเมฆทองให้หลินหยา


“จากเมืองผ่านอวี้รึ...” หลินหยารับมาอย่างระมัดระวัง พลันหัวใจพลันเต้นแรงขึ้นน้อย ๆ เมื่อเห็นตราประทับของ หนาน จิ่งหยาง เจ้าเมืองผ่านอวี้ และบิดาผู้เป็นที่เคารพของนางเอง “ท่านพ่อท่านแม่...” เธอพึมพำเบา ๆ แววตาเปี่ยมด้วยความอบอุ่น ขณะลูบตราประทับนั้นราวกับกำลังสัมผัสมือของท่าน เธอไม่รู้ว่าภายในกล่องบรรจุสิ่งใด แต่ความสุขกลับเอ่อล้นเต็มอก เหมือนแค่ได้รู้ว่าท่านพ่อยังไม่ลืมวันเกิดของเธอก็เพียงพอแล้ว 


ยังไม่ทันได้เปิดดู เสียงล้อเกวียนกับฝีเท้าม้าชุดใหญ่ดังมาจากปลายถนน ทุกสายตาเริ่มหันไปมองพร้อมกัน รถม้าสีเข้มประดับตราดอกบัวทองค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าร้านอย่างสง่างาม ม่านรถเปิดออกก่อนที่ร่างสูงในชุดสีเทาดำปักดิ้นเงินจะก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่ามั่นคงและสงบนิ่ง ท่าทางเยือกเย็นของเขาทำให้ฝูงชนที่กำลังวุ่นวายถึงกับหยุดหันมามองโดยไม่ได้นัดหมาย


หลินหยาตาเบิกกว้างก่อนจะเห็นร่างหญิงสาวอีกคนก้าวตามลงมาจากรถ นางคือหรงเล่อ สหายสนิทที่หลินหยาคิดถึงอยู่บ่อยครั้ง “หยาหยา!” หรงเล่อเรียกด้วยเสียงใส ยกชายกระโปรงวิ่งตรงเข้ามาหาเพื่อนสนิท ใบหน้าของนางประดับรอยยิ้มละไม ข้างหลังคือชายในชุดเข้มผู้แฝงอำนาจเยือกเย็น หลิวอัน หรือ หวยหนานหวาง ในคราบพ่อค้าธรรมดา แต่เพียงยามสบตาใครก็ตามต่างสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามราวขุนเขา


หลินหยาก้าวเข้าไปคารวะอย่างเคารพ “... เอ่อ ท่านเถ้าแก่เล่อ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักที่ท่านกับแม่นางหรงเล่อมาในวันเกิดของข้า” หลิวอันมองเธอเงียบ ๆ ดวงตาคมขรึมใต้คิ้วเข้มฉายแววอบอุ่นชั่วขณะ “เจ้าทำดีมาก หลินหยา... โรงทานของเจ้าช่วยคนได้มากมาย วันนี้ข้ามาในฐานะพ่อค้าแต่ก็ในฐานะคนรู้จักที่ภูมิใจในตัวเจ้า” น้ำเสียงของเขานุ่มแต่มั่นคง ทำให้หลินหยายกมือขึ้นประสานคำนับอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งและอบอุ่นเหมือนเคย


“ท่านพ่อพูดจริงใจเหมือนเดิมเลยเจ้าค่ะ” หรงเล่อหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงห่อของจากคนติดตามมายื่นให้หลินหยา “ข้ากับท่านพ่อมีของขวัญมาให้ด้วยนะ เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าต้องชอบแน่ ๆ”


หลินหยายิ้มกว้าง แววตาเปล่งประกาย “พวกท่านอุตส่าห์มากันข้าก็ดีใจมากแล้ว ของขวัญไม่ต้องก็ได้เจ้าค่ะ แต่... ข้ารับไว้ด้วยความยินดี” เธอรับของไว้ในมือ ก่อนจะพูดอย่างตื้นตัน “ข้าซึ้งใจจริง ๆ เจ้าค่ะ ทั้งที่พวกท่านมีงานมากมายแต่ยังมาอวยพรข้า”


หลิวอันพยักหน้าช้า ๆ “วันเกิดควรเต็มไปด้วยความสุข ไม่ว่าผู้ใดผ่านเข้ามาในชีวิตเจ้าก็ตาม จำไว้... คนที่ให้รอยยิ้มเจ้าได้คือผู้มีค่าที่สุด” คำพูดนั้นทำให้หลินหยาชะงัก ดวงตาเธอไหววูบชั่วขณะ เธอรู้ดีว่ามันหมายถึงใครบางคนที่อยู่ลึกในใจ นางจึงเพียงยิ้มบาง ๆ “เจ้าค่ะ... ข้าจะจำไว้”


“อ้อ!” หรงเล่อยิ้มพลางชูแขนเสื้อขึ้น “วันนี้ข้าจะช่วยแจกขนมกับพวกเจ้าเอง ข้ารู้ว่าการทำโรงทานเป็นยังไง! ข้าจะช่วยเจ้านะหยาหยา!”


“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ... เจ้าจะเปื้อนเอานะ” หลินหยาพยายามรั้งไว้แต่ก็ไม่ทัน หรงเล่อหยิบหมั่นโถวขึ้นมาจัดเรียงเองเสียแล้ว ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มสดใสทำให้ทุกคนหัวเราะตาม หลินหยายิ้มตอบอย่างอ่อนโยน “ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหลิวอัน สำหรับข้า... การได้เห็นพวกท่านมาที่นี่ ถือเป็นพรวันเกิดที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว”


และยังไม่ทันที่จะได้แยกย้ายเสียงล้อรถม้าที่ปิดทึบสนิทดังแกร๊กลงเมื่อหยุดหน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ เสียงนั้นดังชัดจนแม้แต่เด็ก ๆ ที่กำลังหัวเราะกันยังหยุดชะงัก แววทองจากโลหะประดับขอบรถม้าแผ่ประกายสะท้อนแสงตะวันยามเที่ยง ลวดลายตราสำนักขันทีประจำวังที่เด่นหราเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดในฉางอันไม่รู้จัก ความเงียบกะทันหันปกคลุมทั่วบริเวณโรงทานที่เพิ่งครึกครื้นเมื่อครู่ ทุกคนต่างก้มหน้าหลบตา บ้างค้อมศีรษะ บ้างถอยออกห่างโดยไม่ต้องมีผู้ใดสั่ง


ประตูรถม้าเปิดออกอย่างช้า ๆ เสียงผ้าไหมระดับสูงเสียดสีกันแผ่วเบา ก่อนร่างสูงโปร่งในอาภรณ์ขันทีราชสำนักโทนเข้มจะก้าวลงมาอย่างสง่างามแต่เย็นเยียบ จางกงกง จงฉางชื่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังหลวง ก้าวของเขาแม้เพียงเบาแต่หนักแน่นราวคำประกาศแห่งอำนาจที่ไม่ต้องอธิบาย เขาแต่งกายด้วยชุดขันทีไม่เป็นทางการ สีแดงหม่นแซมดำ ปักดิ้นทองบางเฉียบเป็นลายมังกรคดเคี้ยว มีพัดไม้หอมพาดอยู่ในมือขวา แววตาคมกริบเฉียบลึกจ้องตรงมาข้างหน้า ขันทีและองครักษ์กว่าหนึ่งโหลเรียงแถวอยู่ข้างหลัง ทั้งถือกล่องของกำนัลทั้งสองมือ และบางคนก็แบกถาดผ้าไหมคลุมไว้อย่างระมัดระวัง


หลินหยาที่กำลังยืนพูดกับท่านหลิวอันถึงกับเบิกตากว้าง ลมหายใจเธอสะดุดในอก ดวงตาสั่นระริกด้วยความตกใจและหวั่นไหวปนกัน เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะมาที่นี่...ในฐานะ จงฉางชื่อ ไม่ใช่ในนามท่านชายห่าวหมิงเหมือนที่มักทำ


หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา ร่างเล็กเผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว มือเรียวจับชายกระโปรงแน่น “ท่าน...จาง...” เสียงนางเบาราวกับลมหายใจ


จางกงกงก้าวเข้ามาอีกสองก้าว ชายเสื้อของเขาไหวเบาในสายลม เขาหยุดตรงหน้าเธอห่างกันเพียงครึ่งก้าว ดวงตาคมลึกนั้นทอดมองนางนิ่งราวกับต้องการจะจารลึกภาพนี้ไว้ในใจ เขาไม่พูดในทันทีเพียงแค่สายตานั้นก็ทำให้หลินหยารู้ว่าช่วงเช้าที่ผ่านมา เขาคงรีบสะสางทุกอย่างเพื่อมาที่นี่ให้ทัน “วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้า... ข้าจะพลาดได้อย่างไรเสี่ยวหยา” เสียงของเขาทุ้มนุ่มแต่แฝงความแน่วแน่ที่ทำให้หัวใจหญิงสาวสั่นสะท้าน


ขันทีข้างหลังรีบก้มศีรษะลงพร้อมเอ่ย “ของกำนัลจากจงฉางชื่อมอบแด่แม่นางหนาน หลินหยาตามรับสั่ง” เสียงนั้นเรียกความสนใจจากฝูงชน ทุกคนต่างตกตะลึง ขันทีผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดในราชสำนักมาเยือนหญิงสาวสามัญในวันเกิดถึงร้านค้าธรรมดาได้อย่างไร? หลิวอันที่ยืนอยู่ไม่ห่าง เพียงเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร เขารู้ดีว่าสายตาของจางกงกงไม่ได้มองใครอื่นเลยนอกจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า


หลินหยาพยายามจะทำความเคารพ แต่ยังไม่ทันก้มตัวเต็มที่ จางกงกงกลับขยับมือห้ามเบา ๆ พัดในมือเขาแตะปลายนิ้วเธอเพียงชั่วขณะ เสียงหัวใจของนางดังลั่นในอก “ไม่ต้อง...วันนี้เจ้าเป็นเจ้าของงาน” เขายิ้มบาง ๆ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทรงพลังยิ่งกว่าคำประกาศใด ๆ “ข้ามาในฐานะผู้มอบพรวันเกิด มิใช่ในฐานะขุนนาง”


“ท่าน...ลางานเพื่อมาเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?” เสียงหลินหยาแทบแผ่วจนไม่ต่างจากเสียงลม


“ข้ารีบสะสางงานแต่เช้า เพื่อให้มาทันเห็นเจ้ากับตา” เขาตอบเรียบง่ายแต่สายตาแน่วแน่ราวคมดาบ “ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าการมาในวันนี้” คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่ง ทุกคนแทบลืมหายใจ แม้แต่หรงเล่อยังอ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองบิดาอย่างตื่นตะลึง จางกงกงหันไปพยักหน้าทักหลิวอัน “โอ้...ดูสิข้าพบคนคุ้นหน้า ข้ารู้ว่าท่านก็มีเมตตาต่อแม่นางหนาน ข้าคงต้องขอบคุณที่ช่วยดูแลนาง” น้ำเสียงของเขานุ่มแต่เด็ดขาดบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงจะมีสงครามประสาทสำหรับคนสองคน


หลิวอันตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง “นางเป็นเด็กดี ควรได้รับการปกป้องจากทุกผู้ทุกคน” ประโยคนั้นเป็นกลาง แต่ในน้ำเสียงแฝงการประเมินเงียบ ๆ


จากนั้นจางกงกงหันกลับมามองหลินหยาอีกครั้ง เขายกพัดขึ้นแตะที่ข้อมือเธอเบา ๆ “ข้าฝากเจ้าด้วยเถิดเสี่ยวหยา เจ้าอย่าปล่อยให้ใครแตะต้องมือเจ้านี้ง่าย ๆ อีก” เขากล่าวชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าราบเรียบแต่ดวงตากลับแฝงความร้อนแรงจนคนมองรู้ได้ว่า นี่มิใช่เพียงคำเตือนของผู้ใหญ่ แต่เป็นคำของผู้ครอบครองเป็นคำที่หลินหยาหน้าแดงวูบ ริมฝีปากเม้มแน่นพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเธอแดงระเรื่อราวดอกเหมยในฤดูหนาว “ของขวัญทั้งหมดนี้... เป็นของขวัญจากข้า ในฐานะผู้ที่มีสิทธิ์ให้เจ้าได้มากที่สุด” น้ำเสียงของเขาทอดเบาแต่ทุกคำชัดถ้อยราวประกาศิต ดวงตาคมกริบปรายมองรอบฝูงชนที่กำลังซุบซิบ “หากมีผู้ใดคิดแตะต้องสิ่งที่เป็นของข้า... ข้าจะถือว่าเป็นการล่วงเกินโดยไม่มีข้อแม้”


ความเงียบปกคลุมทั่วร้าน หลินหยาถึงกับยืนนิ่งตัวเบาเหมือนอยู่ในฝัน ดวงหน้าแดงจัดจนน่ามอง และหลิวอันที่นิ่งเงียบมานานเพียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา “เจ้าช่างตรงไปตรงมา...สมเป็นจางกงกง”


สิ้นคำนั้นจางกงกงยังยืนอยู่ตรงนั้น ผ้าไหมสีแดงหม่นสะท้อนแสงแดดยามเที่ยงจนเหมือนเปลวไฟที่ค่อย ๆ ลุกวาบจากใต้รอยยิ้มเยือกเย็น เขามองหลิวอันที่ยืนตรงข้ามอย่างไม่หลบตา ใบหน้าอีกฝ่ายนิ่งราวภูผา แต่แววตาแฝงบางอย่าง... เป็นสายตาที่ใช้กับผู้ใหญ่ที่ปกป้องลูกหลาน มากกว่าคู่แข่งในเกมแห่งหัวใจ


“ท่านหลิวอัน...” จางกงกงเอ่ยขึ้นก่อน น้ำเสียงราบเรียบแต่เจือความเย้ยเย็นบางอย่าง “ท่านคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย กว่าจะลงจากงานที่ควรทำมาถึงร้านเล็ก ๆ ของสตรีคนหนึ่งเช่นนี้ ข้าชื่นชม...ความใส่ใจในตัวแม่นางหนานของท่านยิ่งนัก” ประโยคนั้นคล้ายเสียงพัดที่ปาดเฉือนอากาศ 


หลิวอันเลิกคิ้วเพียงนิด ดวงตาสีเข้มทอแววขบขันที่แผ่วเบา “ข้าใส่ใจเด็กดีที่ทำความดี เป็นเรื่องธรรมดา ท่านจงฉางชื่อ ข้าไม่คุ้นเคยกับการต้องประกาศความเป็นเจ้าของต่อผู้ใดนัก”


คำตอบของเขาทำให้มุมปากของจางกงกงกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มช้า ๆ รอยยิ้มที่ดูงามแต่แฝงคม “แน่นอน...เพราะท่านไม่เคยมีสิ่งใดที่ต้องกลัวจะสูญเสียกระมัง แต่หากท่านมีสตรีเช่นนี้เคียงกายจะมิให้กังวลได้เช่นไร? นางเป็นสตรีที่มีคุณสมบัติโดดเด่น เป็นที่นับถือของผู้คนมากหน้าหลายตา มีเพื่อนสนิทมิตรสหายในทุกวงการ... มากเสียจนบางครั้งข้าก็กังวลแทนนาง”


“หลินหยาเป็นสตรีที่มีเสน่ห์เหลือล้น... สติปัญญานางเป็นที่ประจักษ์(?)และรสนิยม(?)ของนางก็เลิศล้ำ ข้าเข้าใจดีว่าเหตุใดจึงมีผู้ประสงค์จะ 'ชื่นชม' นางอย่างลับ ๆ ไม่ว่าจะเป็นขุนนางใหญ่ผู้ทรงยศ หรือเชื้อพระวงศ์ที่มองหาสตรีงาม แต่ความปรารถนาของพวกเขาก็จบลงเพียงแค่นั้น... เพราะพวกเขายังไม่รู้ว่าการได้มาซึ่งสิ่งที่ข้าปรารถนานั้น ข้าได้จ่ายราคาไปเท่าใด และข้าสามารถจ่ายราคาอื่น ๆ ได้อีกมากมายเพื่อรักษาสิ่งนั้นไว้” เขาจงใจเน้นคำว่า 'ชื่นชม' ด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วหันไปกระซิบข้างหูหลินหยาอย่างช้า ๆ ให้ทุกคนได้เห็นความใกล้ชิดต่อหน้าหวนหนานหวางในคราบของเถ้าแก่ร้านเต้าหู้


คำพูดนั้นทำให้หลิวอันหลุบตา ลมหายใจของเขาหนักขึ้นเพียงครู่ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่เฉียบคม “ขันทีผู้ใหญ่ช่างมีหัวใจที่ยึดมั่นเสียจริง...แต่ข้าหวังว่า ท่านจะจำไว้ด้วยว่าสิ่งที่งดงามที่สุดในโลกไม่ใช่สิ่งที่ถูกครอบครอง แต่คือสิ่งที่ได้รับอิสระโดยไม่ถูกทำลาย” รอยยิ้มของจางกงกงไม่เลือน แต่แววตาเขาเข้มขึ้นจนแทบมองไม่เห็นสี “งั้นท่านหวังว่าข้าจะปล่อยนกให้โผบินสินะ... แต่ข้ากลัวว่ามันจะถูกเหยี่ยวตัวอื่นฉกไปก่อนเสียมากกว่า”


บรรยากาศเงียบลงชั่วขณะ จนกระทั่งหลินหยารีบก้าวมาขวางกลางระหว่างทั้งคู่ “พอแล้วเจ้าค่ะ! นี่วันเกิดข้า ไม่ใช่สนามประลองปัญญาและฝีปาก!” เธอยิ้มแหย ๆ ให้กับท่านหลิวอันเป็นการขอโทษพลางคว้ามือจางกงกงจับไว้ลากออกมา “ท่านมานี่เลย… มาช่วยข้าดูด้านหลังหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ของเต็มไปหมดเลย” เสียงเธอแฝงความเขิน แต่ในแววตาชัดว่าตั้งใจลากออกจากสถานการณ์ให้ได้


จางกงกงหัวเราะในลำคอ สะบัดพัดเบา ๆ “ตามเจ้าว่า” เขายอมเดินตามโดยไม่ต่อต้าน แต่ก่อนจะก้าวพ้นสายตาหลิวอัน เขาหันกลับไปพูดเสียงเบาแต่ชัด “ข้าครอบครองสิ่งที่ข้ารักด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยกรงอีกต่อไปแค่หวังว่าท่านจะเข้าใจวันหนึ่ง...และท่านคงรู้ว่าน้ำแข็งของท่านก็ละลายได้เพราะนาง” หลิวอันยกคิ้วเล็กน้อย ยิ้มบาง ๆ ที่ทั้งเยือกและขบขันเพราะนั้นหมายความว่ากรงขังของจางกงกงได้แปรเปลี่ยน “หวังเช่นนั้น ข้าก็อยากเห็นวันนั้นเช่นกัน” ขณะนั้นเอง หรงเล่อที่กลั้นหัวเราะจนหน้าแดงอยู่ข้าง ๆ รีบคว้าแขนบิดาตนเอง “ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านอยากสั่งสอนเขาอีก แต่ไปกินขนมก่อนเถิดเจ้าคะ” 


ภาพสุดท้ายที่ชาวบ้านโดยรอบเห็นคือหญิงสาวสองคนคนหนึ่งลากขันทีผู้มีอำนาจที่สุดในแผ่นดิน อีกคนลากเถ้าแก่ร้านเต้าหู้ที่มีออร่าของผู้ยิ่งใหญ่ประหนึ่งพาเด็กดื้อออกจากตลาด ทั้งสองบุรุษมองกันแวบสุดท้าย ต่างยกมุมปากขึ้นราวกับต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่า... ศึกนี้ยังไม่จบ แค่พักไว้ก่อนเท่านั้น



พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


เราพูดคุยกับหรงเล่อ ทุกคนคุยกับหรงเล่อ อย่าลืมไปเพิ่มเรทจิ้ง


ตีกันเลยๆๆๆๆ มวยๆๆๆ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 66296 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-15 13:02
โพสต์ 66,296 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-10-15 13:02
โพสต์ 66,296 ไบต์และได้รับ +1 Point +20 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-10-15 13:02
โพสต์ 66,296 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-10-15 13:02
โพสต์ 66,296 ไบต์และได้รับ +14 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +18 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-10-15 13:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-10-17 15:22:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-10-17 15:24

วันที่ 14 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเฉิน -  เวลา 07.00 - 16.00 น. ณ หน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้


เมื่อหลินหยาพาจางกงกงออกมาจากบริเวณโรงทานจนพ้นสายตาของผู้คน เสียงจอแจด้านหลังค่อย ๆ จางหายไป เหลือเพียงเสียงลมหอบอุ่นจากฤดูใบไม้ร่วงที่พัดกลีบดอกเหมยปลิวผ่านริมหน้าร้าน เธอหันมามองเขาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความทั้งตกใจ ทั้งอาย ทั้งยังไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ท่านนี่มัน... ทำไมถึงเปิดเผยขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าข้ากับท่าน—” หลินหยาหยุดพูดกลางคัน แก้มแดงจัดแทบจะกลืนเข้ากับผ้าพันคอสีอ่อนของตนเอง ดวงตากลมโตหลบสายตาคมลึกของเขาที่มองมาไม่วาง


จางกงกงหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นต่ำและเรียบแต่แฝงความเย้ยอย่างเจือจาง “แล้วมันผิดตรงไหนเล่า เสี่ยวหยา” เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแต่น้ำหนักคำกลับแน่นราวโซ่เหล็ก “ข้าเบื่อเต็มทีแล้วกับการต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเจ้า... ต้องคอยทำเหมือนไม่สนใจทั้งที่ความจริงข้าอยากให้ทั้งแผ่นดินรู้ ว่าเจ้าน่ะเป็นของข้า”


“แต่ท่าน...” หลินหยาพยายามพูดเสียงอ่อนลง “มันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของท่านหรือเจ้าคะ คนจะพูดกันไปทั่ว...”


จางกงกงแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมวาวแสงราวเหล็กกล้า “ปล่อยให้พวกแมลงเหลือบไรพวกนั้นพูดไปสิ ข้าไม่หวังจะให้มันเข้าใจ ข้าเพียงไม่อยากให้มันมีโอกาสแม้แต่จะไต่ตอมเจ้าด้วยซ้ำ” เขาก้าวเข้ามาใกล้จนเงาของทั้งคู่ทาบซ้อนกัน “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกขุนนางสวะในวัง หรือพวกพ่อค้าหัวหมาแถบตลาดมองเจ้าด้วยสายตาแบบไหนได้หรือ? ไม่ ข้าไม่ยอม” คำพูดนั้นทำให้หลินหยาอึ้งไปชั่วขณะ หัวใจนางเต้นแรงราวกลองศึก ดวงหน้าแดงซ่านจนต้องเบือนหน้าหนี เธอรู้ดีว่านี่คือจางกงกง คนที่แสนเยือกเย็น เจ้าเล่ห์ แต่เวลาเขาพูดจริงกลับตรงและรุนแรงยิ่งกว่าใคร “ข้า... ไม่รู้จะพูดยังไงดี” เธอกลืนน้ำลายฝืดคอ “ท่านนี่... ทำให้ข้ารู้สึกเหมือน...”


“เหมือนเป็นของข้า?” เขาต่อคำขึ้นเบา ๆ แต่เจือรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้เธอแทบหายใจไม่ทัน “ก็ดีแล้วสิ เพราะนั่นคือสิ่งที่ข้าตั้งใจจะให้เจ้ารู้สึก” หลินหยาหลุบตาลง มือเรียวกำชายเสื้อตัวเองแน่น “ถ้าอย่างนั้น...” เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยแววอบอุ่น “ข้าก็จะถือว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับข้าเลยเจ้าค่ะ”


จางกงกงถึงกับนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อหลินหยาบอกแบบนั้น ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ต่างจากตอนอยู่ตามลำพังในราตรี “ของขวัญ? หึ... ข้าดีใจที่เจ้าชอบ”


พูดจบยังไม่ทันที่เขาจะได้แตะมือตามสัญชาตญาณ หลินหยาก็รีบเบือนหน้าหนี แก้มแดงลามถึงหู “ข้าไปช่วยหรงเล่อแจกของก่อนนะเจ้าคะ!” แล้วก็หมุนตัวเดินเร็วแทบจะหนีไปเสียอย่างนั้น เหลือเพียงจางกงกงที่ยืนมองตาม ยกพัดขึ้นพาดไหล่และหัวเราะในลำคอเบา ๆ “หนีข้าอีกแล้วสินะ เสี่ยวหยา”


ระหว่างที่หลินหยาเดินกลับเข้าไปช่วยหรงเล่อ คนทั้งสองหญิงกำลังยื่นขนมและอาหารให้ชาวบ้านด้วยรอยยิ้ม ส่วนอีกฟากหนึ่งของโรงทานจางกงกงก็ก้าวไปบริจาคถุงเงินหนักพอดีมือให้กับ ไป๋จิ่นหง ผู้ดูแลโรงทาน (จำเป็น) ในตอนนี้ “จงเขียนชื่อข้าในบัญชีว่าบริจาคจากราชสำนักเพื่อประชา” เขาเอ่ยเรียบ น้ำเสียงสง่างามราวกับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้วังเองโดยปริยาย แต่ยังไม่ทันจะเงียบ หลิวอัน หรือคุณชายอันเล่อ ก็ก้าวเข้ามายื่นห่อเงินถุงใหญ่ไม่แพ้กัน “งั้นข้าจะขอร่วมสมทบในนามร้านเต้าหู้อันเล่อ เพื่อเป็นการตอบแทนแม่นางหลินหยาเช่นกัน” เขาว่าด้วยน้ำเสียงสงบแต่แฝงประกายบางอย่างในแววตา


จางกงกงเหลือบมอง พลางยกพัดขึ้นพาดไหล่ “ท่านพ่อค้าช่างใจบุญเสียจริง” เขาเอ่ยเรียบแต่คม “หวังว่าการแจกเต้าหู้ครั้งนี้จะไม่ทำให้ผู้คนแพ้ตายก่อนจะอิ่มท้องกระมัง?” หลิวอันหัวเราะเบา ๆ ไม่สะทกสะท้าน “ร้านข้าขายของสะอาด...ไม่เหมือนบางคนที่ชอบเก็บของสวยงามไว้ในวังจนไม่ยอมให้ใครเห็นแสงตะวัน” คำพูดนั้นแทงลึกกว่าดาบในสนามรบ จางกงกงเลิกคิ้วมองหลิวอัน พลางพลิกพัดในมือช้า ๆ ก่อนตอบกลับ “ดีกว่าปล่อยให้ของสวยไปอยู่ในที่สกปรก...อย่างตลาดที่เต็มไปด้วยคนอยากได้แต่ไม่เคยรู้จักคำว่าดูแล”


หลินหยาและหรงเล่อที่ยืนห่าง ๆ ถึงกับหน้าซีดพร้อมกัน ก่อนจะสบตากันแล้วรีบวิ่งเข้ามาแทบจะพร้อมกัน “พอแล้วเจ้าค่ะท่าน!” หลินหยาคว้าแขนเขาไว้แน่น ส่วนหรงเล่อก็รีบจับแขนบิดาตัวเอง “ท่านพ่อ ข้าขอเถิด เดี๋ยวข้าซื้อขนมถังหู่ลู่ให้เพิ่มอีกสิบไม้เลยเจ้าค่ะ แต่อย่าพูดต่อเลยนะ!”


จางกงกงเหลือบตามองหลินหยาที่ดึงแขนเขาไว้แน่น เขาแค่นเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เจ้าปกป้องข้าแบบนี้...ข้าอาจชินเสียแล้วสิ” ส่วนหลิวอันเพียงส่ายหน้าเบา ๆ แต่ในแววตากลับมีรอยยิ้มขำที่กลบไม่มิด “เด็กพวกนี้...เอาแต่ใจเหมือนกันทั้งคู่”


แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดกระทบผืนดินฉางอันอย่างอบอุ่น เงาต้นเหมยทอดยาวเป็นลวดลายละมุนบนพื้นหินหน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้เสียงเด็ก ๆ หัวเราะคิกคักขณะถือขนมถังหู่ไว้ในมือ ส่วนคนแก่ต่างนั่งพักใต้ร่มผ้าใบ แจกข้าว แจกน้ำ แจกรอยยิ้ม โรงทานของหลินหยาวันนี้คึกคักราวงานบุญใหญ่ประจำปี แต่ท่ามกลางความพลุกพล่านนั้น เสียงฝีเท้าสงบนิ่งของใครบางคนกลับดึงดูดสายตาผู้คนให้หันมองโดยพร้อมเพรียง เถียนเฟิง ต้าซือคงผู้เลื่องชื่อแห่งราชสำนัก ก้าวเข้ามาช้า ๆ ในชุดขุนนางสีดำปักดิ้นเงิน ท่วงท่าผ่อนสง่า ดวงตาเรียวยาวซ่อนอยู่หลังพัดไม้จันทน์กลิ่นอ่อน ท่าทีสุขุมเรียบง่าย แต่ทุกฝีก้าวกลับแฝงแรงกดดันราวคลื่นใต้น้ำ


“ต้าซือคงเถียนเฟิงมาแล้ว!” เสียงกระซิบดังขึ้นรอบบริเวณ ผู้คนรีบก้มศีรษะถวายคารวะโดยไม่ต้องมีใครสั่ง


หลินหยาที่กำลังแจกขนมอยู่กับหรงเล่อ พอเห็นร่างนั้นก็เบิกตากว้าง ดวงหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างยินดี “ท่านเถียนเฟิง!” เธอรีบวางของแล้วเดินตรงเข้าไปต้อนรับเองด้วยมารยาทและความสนิทใจที่หาได้ยากยิ่งในวังหลวง เขาหัวเราะเบา ๆ แผ่วราวสายลม “ข้าว่าที่นี่คงเป็นงานบุญหรือไม่ก็งานรวมตัวคู่กรณีเก่าของเจ้าสินะ” น้ำเสียงนุ่มแต่แฝงแววขบขันเต็มเปี่ยม เมื่อสายตาเขาเหลือบไปเห็นจางกงกงกับหลิวอันที่ยังยืนกันอยู่คนละฟากโต๊ะบริจาค ใบหน้าสงบทั้งคู่แต่แววตาเหมือนยังไม่ยอมลดศึก


“ท่านนี่...” หลินหยามองค้อนน้อย ๆ พลางเม้มริมฝีปาก “พูดมากอีกแล้วนะท่านหมอแห่งอุบาย ข้าแค่จัดงานวันเกิด ไม่ได้ตั้งวงศัตรูสักหน่อย”

เถียนเฟิงหัวเราะแผ่ว ดวงตาคมวาวขึ้นเหนือพัดไม้ในมือ “อ้อหรือ ข้าก็นึกว่าเจ้าเชิญพวกที่ทำให้หัวใจเจ้าวุ่นวายมารวมกันเสียอีก จะได้ไม่ต้องเลือกให้เหนื่อย”


“หยุดเลยเจ้าค่ะ!” หลินหยาหน้าแดงจัด ยกมือปัดลมตรงหน้า “ท่านมาคนเดียวหรือเจ้าคะ?” คำถามนั้นทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง พัดในมือหยุดนิ่ง ดวงตาที่ปิดบังไว้ภายใต้เงาพัดคล้ายสั่นไหวบางอย่าง ก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบแต่ทุ้มต่ำ “คนเดียว” เพียงคำนั้น...แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยบางสิ่งที่เธอไม่อาจเข้าใจ ทั้งอบอุ่น ทั้งเย็นชาในคราวเดียวกันเมื่อดวงตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้มองไปทางหลินหยาแต่มองไปยังทิศทางหนึ่งของใครบางคน


หลินหยามองเขาอย่างสงสัย แต่เพราะรู้ดีว่าเถียนเฟิงไม่เคยเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจนัก นางจึงเพียงยิ้มอ่อน “วันนี้วันดี อย่าเก็บเรื่องเครียดไว้เลยเจ้าคะ มานี่เถิดข้ารู้ว่าท่านคงไม่ชอบแจกทานหรอก มานั่งพักเถอะ”


เขาพับพัดลงเล็กน้อย เผยรอยยิ้มบาง “เจ้ารู้ใจข้าดีเสมอ...” นางหัวเราะเบา ๆ พลางดึงแขนเขาไปยังโต๊ะด้านในที่จัดไว้สำหรับแขกคนสำคัญ ระหว่างนั้นสายตาคมเฉียบของจางกงกงซึ่งยืนอยู่ใกล้บริเวณโรงทานสะกดรอยตามเงียบ ๆ เขาไม่ได้พูด แต่ปลายพัดในมือกระตุกเบา รอยยิ้มของเขาเรียบสนิทจนแทบจะนับเป็นรอยยิ้มไม่ได้เลย หลิวอันที่เห็นภาพนั้นเพียงยกคิ้วขึ้น ดวงตาเย็นจัด “อีกหนึ่งงูเห่าในสวนบุปผา... ขันทีอย่างเจ้าคงได้งานเพิ่มละมัง”


จางกงกงหัวเราะหึในลำคอ “งูเห่ากัดไม่ตายหรอก หากเจอคนที่รู้จักบีบคอเสียก่อน” ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง ไม่มีคำหยาบ ไม่มีเสียงดัง มีเพียงรอยยิ้มที่เหมือนสายฟ้าแลบใต้ผ้าไหมมูลค่าพันตำลึง หรงเล่อกับหลินหยาที่อยู่ห่างออกมาพอเห็นบรรยากาศนั้นถึงกับทำหน้าตกใจหลินหยาเห็นงั้นก็รีบหันไปเห็นจางกงกงที่มองมาทางโต๊ะเถียนเฟิง สีหน้าเขานิ่ง แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง เธอจึงรีบโบกมือให้เขาหยุดคิด “อย่าแม้แต่จะเริ่มนะเจ้าคะ ข้าเห็นแล้ว!”


เถียนเฟิงหันมองตามเสียง พลันยกพัดขึ้นปิดปากหัวเราะเบา ๆ “เจ้าดูสิ ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็โดนเพ่งโทษเสียแล้ว... นี่สินะ พลังของคนที่มีเจ้าของ”


“ท่านเถียนเฟิง!” หลินหยาเผลอโวยขึ้นทันที หน้าร้อนวาบยิ่งกว่าแดดบ่ายทั้งโต๊ะถึงกับหลุดหัวเราะ แต่มันเป็นแค่การแยกหยอกกันของคนสนิทไม่นาน เถียนเฟิงก็เอ่ยคำอวยพรเสียงนุ่มชัด “ขอให้แม่นางหนานมีอายุยืนดุจจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิ และมีความสุขดังหิมะแรกแห่งปลายปี” หลินหยายกมือไหว้ขอบคุณยิ้มละไม “ข้าซาบซึ้งในคำอวยพรของท่าน ขอบคุณที่มาเจ้าค่ะ”


เถียนเฟิงก้มหัวเล็กน้อย “เพียงให้ข้ามีโอกาสเห็นเจ้ามีความสุข...ก็พอแล้ว” คำพูดนั้นทำให้เธอใจเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว แต่ยังไม่ทันตอบอะไร จางกงกงก็เดินเข้ามาร่วมบริจาคอีกก้อนใหญ่ ถุงเงินหนักพอจะซื้อข้าวให้ชาวบ้านทั้งตำบล เขายิ้มเรียบแต่เยือก “ข้าเห็นว่ามีคนแย่งบทเด่นในโรงทาน ข้าคงต้องสมทบด้วยเสียหน่อย”


หลิวอันเองก็ไม่ยอมแพ้ “เช่นนั้นดูท่าว่าข้าขอเพิ่มอีกเท่าหนึ่ง เพื่อให้บ้านเมืองมั่นคงไม่ต้องพึ่งขันทีมากนัก”


“ท่านพ่อ!” หรงเล่อรีบคว้าแขนบิดาไว้ ส่วนหลินหยาก็หันไปจับแขนจางกงกง “พอแล้วเจ้าค่ะ! จะบริจาคหรือจะประลองศักดิ์ศรีกันแน่!” สองสาวยืนกั้นกลางระหว่างสามบุรุษที่ต่างหัวไวปากคม คนหนึ่งยิ้มเจ้าเล่ห์ อีกคนยิ้มเย็น อีกคนยิ้มหวานแต่แฝงพิษและคนที่เหนื่อยที่สุดคือหญิงสาวสองคนที่ต้องคอยห้ามทุกที สุดท้ายพวกเขาก็หัวเราะออกมาแทนเสียงดาบ เถียนเฟิงเพียงยกพัดขึ้นปิดปาก “ดูเหมือนวันเกิดเจ้าจะไม่ขาดสีสันเลยนะ”


“อย่าพูดเลยเจ้าค่ะ...” หลินหยาพูดพลางถอนหายใจ แต่รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้า “ข้าไม่รู้ว่าควรดีใจหรือหนีไปซ่อนดี...”

หรงเล่อหัวเราะคิกเกาะแขนหลินหยา “ดีใจสิ! เพราะวันนี้เจ้ามีทั้งขันที มหาเสนาบดี และต้าซือคงมางานวันเกิดพร้อมกัน ขนาดองค์หญิงยังอิจฉาแน่ ๆ”


ขณะนั้นเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความคึกคักของโรงทาน แสงแดดอ่อนปลายบ่ายสะท้อนกับชุดผ้าสีฟ้าเงินของหญิงสาวผู้หนึ่ง ร่างสูงโปร่ง งามสง่าดุจเมฆบนขุนเขา ใบหน้าเรียวยาว ดวงตาลึกล้ำเยือกเย็นแต่เปี่ยมเมตตานางคือ ฉู่ ซ่วนจื่อ หรือที่หลินหยาเรียกอย่างสนิทว่า “พี่ฉู่” เซียนกระบี่ผลิวสันต์ผู้เลื่องชื่อแห่งยุค ผู้ไม่เคยปรากฏตัวในงานสังคมใด ๆ แต่วันนี้กลับก้าวมาที่ร้านเล็ก ๆ กลางตลาดเพียงเพื่ออวยพรวันเกิดของหญิงสาวผู้เป็นดั่งน้องคนหนึ่งในใจ


ลินหยาที่อยู่กับหรงเล่อแจกของอยู่ ถึงกับชะงักเมื่อเห็นร่างนั้น ดวงตาเป็นประกายสดใสราวเด็กน้อยเห็นคนในครอบครัว “พี่ฉู่!” เธอร้องเสียงใส แล้วรีบขยับมือบอกกับหรงเล่อว่าขอตัวแปปหนึ่งก่อนจะวิ่งเข้าไปหาอย่างลืมตัว


ฉู่ซ่วนจื่อยกยิ้มบางแววตาอ่อนโยนลึกซึ้ง “แม่นางน้อย วันนี้เจ้าดูเปล่งปลั่งนัก” เสียงนุ่มของนางอบอุ่นดุจสายลมต้นฤดูใบไม้ผลิ “สุขสันต์วันเกิดนะหลินหยา ขอให้ชีวิตเจ้าร่มเย็นดุจสายน้ำ อย่ามีทุกข์ใดแตะต้อง” หลินหยากลั้นยิ้มไม่อยู่ ยกมือไหว้อย่างเคารพแต่แฝงความสนิทใจ “พี่ฉู่มา ข้าดีใจจริง ๆ เลยเจ้าค่ะ ข้าไม่คิดเลยว่าพี่จะว่างมาวันนี้”


“ข้าไม่อาจพลาดวันเกิดของน้องสาวที่ข้าเอ็นดูที่สุดได้หรอก” นางพูดด้วยน้ำเสียงละมุน ทว่าแววตาแฝงรอยลึกล้ำอย่างผู้ที่เห็นทุกสิ่งในโลกผ่านการเวลา


ระหว่างที่ทั้งคู่พูดคุยกันนั้น เสียงฝีเท้าเบาอีกคู่ก็ดังขึ้นทางด้านหลังท่านหมอหญิงซูเหยาปรากฏกายอย่างเงียบงันราวเงาแสงจันทร์ ใบหน้าเรียบสงบงดงามอ่อนเยาว์ แต่งชุดผ้าสีขาวขลิบฟ้าเขียวอ่อนมือหนึ่งถือถุงสมุนไพร อีกมือประคองบางสิ่งไว้ในอ้อมแขนเล็ก ๆ มันคือภูติตัวจิ๋ว ร่างเล็กเท่าฝ่ามือ ใบหน้าใสซื่อแต่เหมือนจะนอนไม่เต็มอิ่ม กำลังหลบอยู่ในแขนเสื้อของนางอย่างขี้อาย(?)ต่อคนเยอะ ๆ


“ท่านหมอหญิง!” หลินหยาทักอย่างยินดี “เจ้าภูติน้อยนี่ใครกันหรือเจ้าคะ?”


#ท่านหมอ


หลินหยาย่อตัวลงระดับเดียวกับเจ้าภูติตัวน้อย ดวงตากลมใสเปล่งประกาย “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เจ้าภูติน้อยฮว่าอิงเธอยื่นปลายนิ้วไปข้างหน้า ภูติตัวจิ๋วลังเลก่อนแตะนิ้วของหลินหยาเบา ๆ เพียงเสี้ยววินาที รัศมีแสงจาง ๆ สีทองอมชมพูก็แผ่วออกจากปลายนิ้วของหลินหยา คล้ายแรงตบะภายในตัวเธอพลั้งหลุดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นอากาศรอบตัวแปรเปลี่ยน ภูติตัวจิ๋วสะดุ้ง ดวงตาเล็ก ๆ เบิกกว้างราวเห็นโลกอีกใบ มันกะพริบตาแล้วโผออกมาหมุนรอบหลินหยาอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนกลับไปซ่อนในแขนเสื้อของซูเหยา


#ท่านหมอ


หลินหยาหัวเราะเบา ๆ มือแตะท้ายทอยอย่างเขิน “ข้าคงเผลอแผ่ออกไปเองเจ้าค่ะ ไม่ได้ตั้งใจเลย”


พี่ฉู่ที่ยืนมองอยู่ยิ้มบาง ๆ สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู “มันคือของขวัญจากสวรรค์ เจ้าไม่ต้องขอโทษหรอก พลังที่ส่งจากใจโดยไม่ตั้งใจ...คือพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว” หลินหยาพยักหน้า ยิ้มละไม ดวงตาเต็มไปด้วยแววซาบซึ้ง “ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ฉู่ ข้าดีใจที่ท่านทั้งสองมา ข้าเตรียมอาหารไว้มากเลยนะเจ้าคะ ไปนั่งพักกันเถอะ อาหารของข้าวันนี้ไม่ธรรมดาแน่ ๆ ข้าวอบหอมหมื่นลี้ เป็ดย่างน้ำผึ้งซ่อนกลิ่น หรือเป็ดเป่ยจิงก็มีนะเจ้าคะ และซุปใสที่ข้าทำเองก็มี”


#ท่านหมอ


“ขอบคุณนะ ยินดีที่ได้พบท่านหมอหญิงเช่นเดียวกัน ทุกสิ่งล้วนมีเหตุผล” พี่ฉู่กล่าวเบา ๆ พร้อมเดินตามหลินหยาไปยังโต๊ะที่จัดไว้ข้างใน “บางทีเหตุผลของวันนี้...อาจเพื่อให้พวกเรามาพบกันอีกครั้งในยามที่หัวใจของเด็กน้อยที่เปล่งประกายที่สุด” 


หลินหยาหันกลับไปยิ้ม ดวงตาเป็นประกายใส “หากเป็นเช่นนั้น...ข้าก็จะจำวันนี้ไว้ในใจตลอดไปเจ้าค่ะ”


#ท่านหมอ


แดดยามบ่ายอ่อนเริ่มคล้อยเมื่อเสียงเกือกม้าดังขึ้นหน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ผู้คนที่กำลังต่อแถวรับของแจกต่างหันมามองพร้อมกัน รถม้าทหารเรียบแต่สง่างามหยุดลงตรงข้างโรงทาน ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเกราะเบาเฉดเข้มก้าวลงมา ใบหน้าคมคายดุดันแต่แฝงความสงบสุขุม เว่ยจ้งชิง ทหารหนุ่มจากชายแดนที่หลินหยารู้จักและเคารพดั่งพี่ชาย “ท่านพี่เว่ยจ้งชิง!” หลินหยาตาโต รอยยิ้มสดใสเหมือนเด็กเห็นคนในครอบครัว เธอรีบเดินไปหาและยกชายกระโปรงโค้งคำนับเบา ๆ “ข้าดีใจนักที่ท่านมางานวันเกิดของข้า!”


เว่ยจ้งชิงชะงักนิดหนึ่ง ดวงตาคมหรี่ลงก่อนเผยรอยยิ้มบาง “ขอบคุณที่เชิญนะ ข้าเกรงว่าจะมารบกวนเสียอีก”


“พูดอะไรเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ แค่ท่านมาข้าก็ดีใจมากแล้ว!” หลินหยาเอ่ยอย่างจริงใจ เสียงหัวเราะของนางสดใสราวระฆังเงินในสายลม “ท่านสะดวกใจจะนั่งใกล้คนอื่น ๆ ไหมเจ้าคะ?”


เว่ยจ้งชิงเหลือบตามองรอบงานเล็กน้อย แขกแต่ละคนไม่ธรรมดา เถียนเฟิงยกพัดมาปิดปากยิ้มอย่างจับสังเกต หลิวอันนั่งนิ่งราวภูผา ส่วนจางกงกง...สบตาเขาเพียงเสี้ยววินาทีก็แทบฟังได้ถึงเสียงสายฟ้าในอากาศ รอยยิ้มสงบนิ่งของขันทีใหญ่ในชุดเข้มปักดิ้นทองนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเลยสักนิด “ข้านั่งได้” เว่ยชิงเอ่ยเรียบ “กับท่านต้าซือคงก็ได้ ไม่มีปัญหา”


หลินหยายิ้มหวาน “ดีเลยเจ้าค่ะ ท่านเถียนเฟิงนั่นเป็นเพื่อนสนิทข้าเอง แล้วนี่พวกท่าน…นี้ท่านพี่ของข้า เว่ยจ้งชิง” เธอหันไปแนะนำตัวกับทุกคนอย่างภาคภูมิใจ ทว่าบรรยากาศบนโต๊ะกลับนิ่งขึ้นในพริบตา เถียนเฟิงเพียงยกพัดขึ้นแตะริมฝีปากปลายแววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มขบขันที่ดูจะรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว หลิวอันขยับตัวเล็กน้อยยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบเงียบ ๆ ส่วนจางกงกงเพียงเลิกคิ้วริมฝีปากโค้งบางยิ้มเย็นอย่างผู้ที่มองเห็นทุกสิ่งแต่ไม่คิดพูด


หลินหยายังไม่ทันสังเกตความอึดอัดนั้น นางยิ้มระรื่นก่อนจะหันไปหาหรงเล่อกับพี่ฉู่ “เดี๋ยวข้าไปช่วยหรงเล่อกับพี่ฉู่ก่อนนะเจ้าคะ ท่านทั้งหลายก็นั่งคุยกันเถิด” พูดเสร็จก็ผละจากโต๊ะไปทางสตรีทั้งสามอย่างอารมณ์ดี


ทันทีที่เธอก้าวห่างออกจากวงโต๊ะ ความเงียบก็โรยตัวลง เถียนเฟิงยกพัดขึ้นหมุนเล่นพลางยิ้มมุมปาก “ต้าซือหม่า มาร่วมงานโรงทานแบบนี้...นับว่าหาได้ยากยิ่งนะ”


เว่ยชิงปรายตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาคมลึกแต่สงบนิ่ง “ข้าเพียงมาตามคำเชิญของนาง ไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง” เสียงทุ้มเรียบแต่มั่นคง “ข้าไม่ใช่ต้าซือหม่าในที่แห่งนี้ ข้าเป็นเพียงเว่ยจ้งชิง”


จางกงกงหัวเราะเบา ๆ เสียงต่ำราวควันพิษ “คำพูดนั้นเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีสิทธิ์จะพูดมากกว่า” เขาเอนหลังพิงเบาะ ยกพัดในมือเคาะปลายนิ้วช้า ๆ “แต่ก็แปลก...แม่นางหนานเรียกท่านว่าพี่อย่างสนิท ข้าล่ะสงสัยนักว่า ‘พี่ชาย’ เช่นท่านคิดกับนางแบบไหนกันแน่” แววตาของเว่ยชิงเข้มขึ้นทันที แต่ยังไม่ทันเปิดปาก เถียนเฟิงก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อา จงฉางชื่อ ข้าขอเตือนว่าอย่าพูดมากนัก เดี๋ยวท่านจะถูกตราหน้าว่าขันทีขี้หึงกลางวันแสก ๆ”


จางกงกงหัวเราะในลำคอ “ท่านคิดว่าข้าจะสนใจหรือว่าผู้ใดจะตราหน้า แต่ข้าไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อหลินหยาอย่างสนิทปากนักเท่านั้น”


หลิวอันที่ฟังอยู่เฉย ๆ มาตลอดวางถ้วยชาลงเสียงดัง “ขันที คนมีพัด กับนายทหารใหญ่...สามพิษในโต๊ะเดียวกัน ถ้าข้าตายวันนี้ก็คงไม่แปลกใจนัก” เถียนเฟิงหัวเราะหึเบา ๆ “ท่านหวยหนานหวาง ข้ารับรองว่าท่านจะไม่ตายจากพิษหรอกแต่จากคำพูดท่านเองมากกว่า”


จางกงกงเหลือบตามองเว่ยชิงอีกครั้ง แววตาเย็นเยียบ “ข้ามิได้มีเวลามากพอจะเล่นเกมอำนาจกับท่านหรอก แต่จำไว้...นางคือคนของข้า”

เว่ยชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “นางเป็นของตัวเอง ข้าเพียงมาปกป้องนาง ไม่ใช่แย่งนางจากใคร”

 

“ปกป้อง?” จางกงกงหัวเราะต่ำ “คำพูดสวยหรูของทหารที่ทำตามคำสั่งอย่างว่านั่นหรือ?” เถียนเฟิงส่ายหัว “ข้าขอชาเพิ่มอีกถ้วยเถิด ขืนอยู่ต่ออีกหน่อยคงต้องสั่งดาบแทน แต่ถ้ามีมวยข้าก็มีอาหารกินพร้อมดูไปด้วยเหมือนกัน”


บรรยากาศเริ่มตึงเครียด จนกระทั่งเสียงหัวเราะใส ๆ ดังขึ้นจากอีกฟากของโรงทาน หลินหยาเดินกลับมาพร้อมหรงเล่อ พี่ฉู่ และท่านหมอหญิงที่ถือถาดขนมอยู่ “อะไรกันเจ้าคะ หน้าทุกคนเคร่งเช่นนั้น มีใครไม่อิ่มหรือ?” เธอถามพลางยกคิ้ว หรงเล่อหัวเราะคิก “ข้าก็สงสัยเหมือนกันท่านพ่อข้าทำหน้าเหมือนกินของขมเลยอ่ะ”


จางกงกงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มสงบอย่างเป็นธรรมชาติราวกับการพลิกลิ้นในปาก “เปล่าหรอก เราเพียงพูดคุยเรื่องศึกชายแดนกันนิดหน่อย” เว่ยชิงพยักหน้ารับเช่นเดียวกันเหมือนรู้จักกันมานาน “ใช่ ข้าเล่าให้ฟังเรื่องข้าวสารขาดแคลนที่ทางเหนือและการรบ” เถียนเฟิงแสร้งถอนหายใจ “ใช่สิ...เรื่องศึก เรื่องศึกกันทั้งนั้น” ส่วนหลิวอันจิบชาเงียบ ๆ ดั่งคนที่เป็นผู้ใหญ่คอยห้ามทัพเด็กตีกันอยู่ทุก ๆ วัน


หลินหยาหรี่ตาใส่หนุ่ม ๆ “น่าสงสัยจริง ๆ” แต่ก็ยิ้มหวาน “เอาเถิด ทุกท่านอย่าเคร่งเลย วันนี้วันเกิดข้า อยากให้มีแต่รอยยิ้มนะเจ้าคะ”

“ทุกสิ่งล้วนมีเหตุผล” เสียงพี่ฉู่ดังขึ้นอย่างอ่อนโยน “แม้คนที่มาพบกันในวันนี้ ก็ล้วนเป็นด้วยวาสนา” 


#ท่านหมอ 


เสียงหัวเราะกลับมาอีกครั้ง คราวนี้อบอุ่นกว่าก่อนหน้านี้มาก แม้หนุ่ม ๆ แต่ละคนยังแอบชำเลืองกันบ้างด้วยแววตานิ่งสงบที่บอกว่าศึกนี้ยังไม่จบ แต่ในบรรยากาศของวันนั้น ภายใต้แสงแดดยามเย็นที่อาบทอง ทุกอย่างกลับดูงดงามเหมือนบทเพลงแห่งมิตรภาพและความผูกพันที่แม้จะซับซ้อน แต่ก็แสนจะมีชีวิตชีวา


@SuYao 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


มอบพลังแก่สัตว์อสูร ของ ซูเหยา ฮว่าอิง | Huaying

ใช้ได้เฉพาะคน Level Max เท่านั้น และ EXP ตัน 99

เปิดติดตามสัตว์อสูรและต้องปิดการใช้งานสกิลทั้งหมด

สัตว์อสูรจะได้รับ 99 EXP จากผู้ถ่ายโอน

(-50 ตบะฝึกฝน -99 EXP ในการถ่ายโอนพลังฝีมือแก่สิ่งมีชีวิต) 


สรุปรางวัลที่ได้ : +500 คุณธรรม, +100 พลังใจ

เราพูดคุยกับหรงเล่อ คุยกับทุกคึนนนนนนนนนน

ตีกันเลยๆๆๆๆ มวยๆๆๆ


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +500 คุณธรรม โพสต์ 2025-10-18 12:56
ปลดล็อกความทรงจำ เหตุการณ์เกี่ยวกับ มีคนตีกัน หากไม่มีคนตีกันต่อหน้าคุณมาก่อนไม่ต้องปลดล็อก  โพสต์ 2025-10-18 12:56
โพสต์ 90950 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-17 15:22

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +100 ตบะฝึกฝน -50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 100 -50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 14 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเฉิน -  เวลา 07.00 - 18.00 น. ณ หน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้


ในช่วงที่เสียงหัวเราะของผู้คนยังดังอยู่รอบโรงทานนั้น เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางเข้าด้านหลัง หลินหยาเหลียวกลับไปมองและทันใดนั้นรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “เสี่ยวจ้าวจื่อ!” นางร้องเรียกชื่ออย่างยินดี ร่างเล็กของขันทีน้อยในชุดสีอ่อนเรียบง่ายดูสะอาดสะอ้านแต่เต็มไปด้วยความเกร็ง เขาก้าวเข้ามาพร้อมก้มศีรษะอย่างนอบน้อม มือทั้งสองประสานไว้หน้าอกตามมารยาทขันที


“ขะ...ข้ามิได้มีสิ่งใดจะมอบให้แม่นางหนานในวันเกิด ขอเพียงอวยพรให้ท่านสุขสบาย สุขภาพแข็งแรงตลอดไปขอรับ” เสียงของเขาเบาและสั่นเล็กน้อยตามนิสัยขี้เกรงใจ ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองหลินหยาเพียงครู่ก็รีบก้มลงอีกครั้งราวกับกลัวว่ามารยาทจะขาด 


หลินหยาหัวเราะเบา ๆ อย่างอ่อนโยน พลางก้าวเข้ามาใกล้แล้วแตะไหล่เขาเบา ๆ “ของขวัญล้ำค่าที่สุดก็คือคำอวยพรจากใจเจ้าต่างหาก ขอบใจมากนะเสี่ยวจ้าวจื่อ ข้าดีใจที่เจ้ามา” จ้าวจื่อยกมือปาดเหงื่อที่ขมับเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พอได้เห็นโต๊ะด้านในที่รายล้อมไปด้วยบุคคลสำคัญ ต้าซือคงเถียนเฟิง, หวยหนานหวาง, ท่านจางกงกงผู้ทรงอำนาจ, และชายแปลกหน้าผู้มีออร่าทหารเข้มข้นที่เขาไม่รู้ว่าแท้จริงคือเว่ยชิง เขาก็หน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด


“ขะ...ข้าเป็นเพียงขันทีผู้น้อย เกรงว่าจะอยู่มิได้นานขอรับ เดี๋ยวข้าจะทำให้บรรยากาศเสีย...”


หลินหยายกมือห้ามทันที ดวงตานางนั้นอบอุ่นราวแสงตะวัน “ไม่ต้องกลัวไปหรอก เจ้าก็สหายของข้า ทั้งยังเป็นน้องชายที่ข้าเอ็นดูเช่นพี่น้องแท้ ๆ เจ้าจะอยู่หรือต้องกลับก็แล้วแต่ใจ แต่ถ้าเจ้ามีเวลานั่งพัก วันนี้ข้ามีของอร่อยมากมาย เจ้าอยากช่วยสาว ๆ แจกทาน หรืออยากไปรวมโต๊ะกับหนุ่ม ๆ ด้านนั้นก็ตามใจเลยนะ” 


เสี่ยวจ้าวจื่อเม้มริมฝีปากนิด ๆ มองไปทางกลุ่มชายด้านในแล้วถึงกับสะดุ้งเมื่อจางกงกงหันมาสบตาเข้าอย่างจัง ขันทีใหญ่เพียงยิ้มเรียบแต่ในแววตานั้นคล้ายบอกว่าเจ้ากล้ามานั่งข้างนางหรือ? เขารีบเบือนหน้าหนีแทบจะทันที


เถียนเฟิงที่เห็นภาพนั้นหัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยแผ่ว “เสี่ยวจ้าวจื่อใช่หรือ? เจ้ามาช่วยข้าแจกของดีกว่า งานนี้คงเหมาะกับมือเจ้าแน่” หลินหยาหัวเราะคิก “ดูสิ ท่านต้าซือคงเรียกตัวเองมาช่วยแจกทานแล้วนะ เจ้าจะปฏิเสธได้หรือ?” เสี่ยวจ้าวจื่อหน้าแดงก่ำ รีบคำนับ “ขะ...ข้ามิกล้าขอรับ! ถ้าเช่นนั้น ข้าขอช่วยท่านต้าซือคงและท่านหญิงหรงเล่อจัดของแจกแล้วกันขอรับ”


“ดีมาก” เถียนเฟิงยิ้มบาง ยกพัดขึ้นแตะปลายคางตัวเอง “เด็กคนนี้ช่างสุภาพสมกับเป็นคนใกล้ตัวของแม่นางหนาน”


“แน่นอนสิ” หลินหยาตอบยิ้มตอบอีกฝ่าย “เสี่ยวจ้าวจื่อคอยช่วยข้าทำอาหารอร่อย ๆ อยู่เสมอเลยนะเจ้าคะ ข้าทำอาหารกับเ้ขาบ่อยมากเลยลฃ่ะ” คำพูดนั้นทำให้คนทั้งโต๊ะที่นั่งอยู่ชะงักเล็กน้อย จางกงกงปรายตามองขันทีน้อยอีกครั้ง ดวงตาคมวาวขึ้นทันที  เขายกพัดขึ้นแตะริมฝีปากช้า ๆ ยิ้มบางที่ดูเหมือนไม่มีพิษ แต่กลับทำให้เสี่ยวจ้าวจื่อใจหายวาบโดยไม่รู้เหตุผล เว่ยชิงที่เห็นอากัปกิริยานั้นเพียงยกคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าชอบทำอาหารสินะ?”


“ขะ...ขอรับ” เสี่ยวจ้าวจื่อตอบเสียงเบา “แต่ส่วนใหญ่แม่นางหนานเป็นคนช่วยเหลือข้ามากกว่า บางครั้งนางก็ใจดีนัก สอนข้าอยู่เสมอ ๆ ในทุก ๆ เรื่อง” คำตอบนั้นทำให้หลินหยาอมยิ้ม ส่วนจางกงกงก้มหน้าลงช้า ๆ รอยยิ้มที่มุมปากกลับกลายเป็นเยือกเย็น “ใจดีจริง ๆ ...” เขาพึมพำแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน


หลิวอันมองภาพนั้นแล้วกลั้นหัวเราะ “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าเพื่อนเจ้าผู้มีเมตตานั่นมีผู้ปกป้องอยู่รอบตัวมากเพียงใด” เถียนเฟิงหัวเราะในลำคอ “อย่าแกล้งเขาเลย เถ้าแก่ร้านเต้าหู้เด็กคนนี้ยังไม่เข้าใจว่ากำลังอยู่กลางรังเสือกับงูพิษ” เขาจงใจใช้คำว่าเถ้าแก่เพราะตอนนี้รอบตัวก็มีคนไม่รู้สถานะของกันและกันมากนัก พี่ฉู่ที่นั่งอีกฟากหันมาพูดอย่างอ่อนโยน “เด็กเช่นนี้ต้องให้เติบโตตามกาลเวลา อย่าเพิ่งทำให้เขาหวาดกลัว” หลินหยาหันมาคล้องแขนพี่ฉู่หัวเราะเบา ๆ “พี่ฉู่พูดถูกที่สุดเจ้าค่ะ ข้าขอให้เสี่ยวจ้าวจื่อเป็นอิสระในวันนี้ อยากอยู่ อยากช่วย หรืออยากกลับก่อนก็แล้วแต่ใจ”


“ขะ...ขอรับ ข้าจะช่วยจนถึงเวลาที่ต้องไปเลยขอรับ” เสียงของเขาเบาแต่มั่นคงกว่าครั้งไหน ๆ ภาพขันทีน้อยเดินไปช่วยหรงเล่อกับท่านหมอซูเหยาจัดของแจก ท่ามกลางสายตาหลากหลายที่มองตามด้วยความรู้สึกต่างกัน จางกงกงมองด้วยความหึงหวงเงียบ ๆ เว่ยชิงมองด้วยความเอ็นดูและภาคภูมิใจ เถียนเฟิงมองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนหลินหยากลับมองด้วยสายตาอบอุ่นดุจพี่สาว 


บรรยากาศของโรงทานในบ่ายนั้นจึงกลายเป็นภาพที่งดงาม เด็กน้อยแจกขนมให้ผู้คนด้วยรอยยิ้มสะอาดบริสุทธิ์ ขณะที่เบื้องหลังกลับมีคนมากมายเฝ้ามองและปกป้องอย่างเงียบงัน ต่างคนต่างเหตุผล แต่ล้วนมีใจผูกพันกับหญิงสาวเจ้าของงานวันเกิด จนกระทั่งยามเย็นคล้อยลงแสงอาทิตย์สีทองอาบไล้โรงทานหน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้จนอบอุ่นอ่อนละมุน เหล่าชาวบ้านที่มารับอาหารและของแจกทยอยกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เสียงหัวเราะยังคงก้องอยู่เบื้องหลังหลินหยาเมื่อเธอยืนมองภาพนั้น ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนของนางสะท้อนประกายของแสงตะวันสุดท้าย ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างสงบ มือเล็กยกขึ้นพนมเบา ๆ แล้วหันกลับไปยังกลุ่มแขกผู้ทรงเกียรติที่ยังอยู่พร้อมหน้า ผู้คนที่มีอำนาจแห่งฉางอัน ต่างนั่งเรียงอยู่ภายใต้ร่มผ้าไหมสีฟ้าอ่อนที่หลินหยากางไว้ตั้งแต่รุ่งเช้า


นางสูดลมหายใจลึก ก่อนยกชายมือทั้งสองขึ้นน้อมคำนับ “ข้าขอขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณามาในวันนี้เจ้าค่ะ… นี่เป็นวันเกิดปีที่สิบห้าของข้า และเป็นวันที่ข้าจะจดจำไว้ตลอดชีวิต” เสียงของนางอ่อนโยนแต่หนักแน่น “เพราะทุกท่าน… ไม่เพียงมาร่วมอวยพรแก่ข้า หากแต่ยังช่วยเหลือชาวบ้านและผู้ยากไร้ในฉางอันด้วย ใต้หล้ากว้างใหญ่นี้ ความดีงามเล็กน้อยจากใจหนึ่งดวง ก็อาจกลายเป็นแสงนำทางให้หลายชีวิตได้อบอุ่นยิ่งขึ้น” 


แววตาของนางไล่มองไปทีละคน พี่ฉู่ผู้สงบนิ่งประสานมือยิ้มบาง ซูเหยาพยักหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน หรงเล่อยิ้มสดใสราวแสงเดือน เถียนเฟิงยกพัดขึ้นแตะริมฝีปากราวจะกลั้นคำชม หลิวอันพยักหน้าช้า ๆ อย่างภาคภูมิ ส่วนเว่ยชิงเพียงมองเธอด้วยสายตาที่อบอุ่นจนชวนให้หัวใจสั่นสะเทือน และสุดท้าย จางกงกงที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด ยกคิ้วเพียงน้อย รอยยิ้มของเขาเย็นเฉียบแต่สายตากลับจับจ้องนางไม่วาง “ทุกท่านคือผู้มีพระคุณในวันนี้ หากปราศจากพวกท่าน งานนี้คงไม่งดงามถึงเพียงนี้ ข้าขอให้ท่านทั้งหลายได้รับกุศลผลบุญและการยกย่องจากสวรรค์” หลินหยากล่าวจบแล้วโค้งคำนับอีกครั้งอย่างงามสง่า


เสียงตบมือเบา ๆ ดังขึ้นจากพี่ฉู่ตามด้วยเสียงหัวเราะอ่อนโยนของซูเหยา หรงเล่อรีบเดินมาจับมือหลินหยาไว้ “ข้าดีใจที่ได้มาในวันนี้เจ้าค่ะ วันเกิดเจ้าช่างอบอุ่นราวแสงรุ่งสางเลยจริง ๆ”


“พวกเราทุกคนต่างดีใจ” เถียนเฟิงเอ่ยพลางยิ้ม “เห็นแม่นางหนานยิ้มเช่นนี้...ข้าคิดว่าบางสถานที่อาจสว่างขึ้นอีกหลายส่วน”

“พูดจาเสแสร้งได้แม้ยามปลอดพิธีสินะ” หลิวอันกล่าวเสียงเรียบแต่มีแววขันอยู่ในที “อย่างไรก็ดีเจ้าทำได้ดีมาก ข้าเชื่อว่าครอบครัวของเจ้าคงภาคภูมิใจ”

เว่ยชิงพยักหน้า “จิตใจที่อ่อนโยนเช่นเจ้า เหมาะจะเป็นผู้ค้ำจุนผู้คน ไม่ว่าเจ้าจะอยู่แห่งใดจงอย่าลืมสิ่งนี้”

หลินหยายิ้มรับ ดวงตาเริ่มแดงวาบด้วยความซาบซึ้ง “ข้าจะจำคำของทุกท่านไว้เจ้าค่ะ” 


ไม่นานแขกแต่ละคนก็เริ่มลุกออก หรงเล่อและท่านหลิวอันขึ้นรถม้า เถียนเฟิงก้มหัวให้หลินหยาอย่างมีมารยาทก่อนจากไป ส่วนพี่ฉู่กับซูเหยากล่าวคำอำลาอย่างสงบ อากาศยามเย็นเริ่มเย็นลง แสงสุดท้ายของวันทอดตัวบนพื้นหินสีเทา ทิ้งเพียงกลิ่นดอกลี่ฮวาและเสียงลมพัดเบา ๆ หลินหยาหมุนตัวเตรียมจะปิดงาน แต่กลับชะงักเมื่อได้ยินเสียงแผ่วที่คุ้นเคย “วันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้า ทั้งวัน…และทั้งคืน” เธอหันขวับไป ดวงตาเบิกเล็กน้อย จางกงกงยืนอยู่ตรงนั้น ร่างสูงในชุดขันทีไม่เต็มยศแต่ยังคงสง่างาม มือหนึ่งถือพัดอีกมือไขว้หลัง แววตาคมเจือรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก


“ท่านยังไม่กลับหรือเจ้าคะ?” เธอถามพลางขยับถอยครึ่งก้าว


“ข้าขอลางานฝ่าบาทแล้วตั้งแต่เช้า” เขาตอบเรียบ ๆ “วันนี้เป็นวันของเจ้า... ข้าไม่มีเหตุผลใดจะปล่อยให้ผู้อื่นอยู่กับเจ้ามากกว่าข้า” เสียงหัวใจหลินหยากระตุกวูบ “ท่าน...พูดอะไรเช่นนั้นเล่า คนอื่นจะเข้าใจผิดนะเจ้าคะ โดนเป็นขี้ปากชาวบ้านข้าไม่รู้ด้วยนะ”


“เข้าใจผิดก็ดี” จางกงกงยิ้มบาง “จะได้ไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าอีก”


นางหน้าแดงจัด รีบหันหนี “ท่านนี่มัน…” แต่ไม่ทันพูดจบมือของเขาก็เอื้อมมาจับข้อมือเธอแน่น สายตาเย็นเยียบของเขาเปล่งประกายวูบหนึ่ง “ไปเถอะ ข้าจะช่วยเก็บของ… แล้วคืนนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์หนีข้าอีกแล้ว เสี่ยวหยา”

 

แสงอาทิตย์ยามสนธยาค่อย ๆ ละลายไปกับเส้นขอบฟ้าสีส้มอมชมพู เสียงลมหวิวพัดเอากลิ่นข้าวอบกับขนมหวานที่เหลือติดปลายลมลอยคลุ้งทั่วร้าน เซียงเฉินเสี่ยวพู้เงียบสงบลงหลังจากที่ทั้งวันเต็มไปด้วยผู้คนและเสียงหัวเราะ สวี่หลิวกับไป๋จิ่นหงพับเก็บโต๊ะตัวสุดท้ายก่อนหันมาบอกหลินหยาเสียงแผ่ว “คุณหนู ท่านควรพักบ้างนะ พวกข้าไปก่อนแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะกลับมาช่วยเก็บอีกที” หลินหยายิ้มรับ “ได้จ้ะ ฝากดูเจ้าหมาเซียนเฉ่ากับชือฟ่านด้วยนะ อย่าให้มันกัดกันกลางดึกอีกล่ะ”


“ข้ากับท่านไป๋จิ่นหงจะดูแลเองขอรับนายหญิง” สวี่หลิวตอบพร้อมก้มหัว ก่อนจะหิ้วเจ้าปีศาจหมาตัวแสบขึ้นแนบอก ส่วนอีกมือจับชายแขนเสื้อชือฟ่านที่กำลังอ้าปากง่วงเหยียดลากไปด้วยกัน ทิ้งไว้เพียงแสงโคมที่เริ่มไหวระยับกับเงาสองเงาที่เหลืออยู่ภายในร้าน


จางกงกงยังคงยืนพิงกรอบเสาไม้ มือถือพัดพับไว้ในท่าประจำ สายตาคมกริบจับจ้องการเก็บกวาดของหลินหยาเงียบ ๆ ไม่พูดสักคำ มีขันทีติดตามสองคนยืนรออยู่ด้านนอก ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงเขาเอ่ยสั่งสั้น ๆ “คืนนี้ ไม่ต้องตามข้า” เสียงนั้นเย็นเรียบ แต่หนักแน่นจนคนที่ได้ยินรีบโค้งรับคำพร้อมถอยออกไปโดยไม่กล้าถามแม้แต่คำเดียว หลินหยาหันมามองพลางขมวดคิ้ว “ท่านสั่งอะไรอีกล่ะเจ้าคะ?”


“สั่งให้พวกนั้นไม่ต้องรบกวน” เขาตอบพลางก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาเรียวยาวทอประกายวาบราวกับจะกลืนเงาโคมไฟที่ส่องสะท้อนอยู่บนใบหน้าเธอ “คืนนี้ ข้าจะนอนกับเจ้า” หลินหยาชะงัก มือที่ถือผ้าพับหยุดนิ่งทันที “ท่าน...ว่าอะไรนะเจ้าคะ?”


“ก็อย่างที่พูด” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ น้ำเสียงแผ่วต่ำแต่ชัดถ้อยชัดคำ “คืนนี้ ข้าจะนอนกับเจ้า”

หลินหยาตาโต รีบหันหน้าหนี “ท่านรู้ไหมว่ามันผิดกฎหมายต้าฮั่น เขาห้ามนอนที่ร้านเช่า! หากเจ้าหน้าที่ผ่านมาพบเข้าข้ากับท่านโดนกวาดทั้งคู่แน่”


จางกงกงหัวเราะในลำคอเบา ๆ “ไม่มีปัญหา ข้าจัดการได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบแต่มั่นใจราวกับเรื่องเล็กน้อยนั้นเป็นเพียงฝุ่นในสายลม “เจ้าอย่ากังวลนักเลยหลินหยา เรื่องกฎหมายบางครั้งก็มีบางอย่างคุมมันไว้และความไว้ใจของคนสนิทก็ช่วยเหลือกันหากมีบารมีพอ”


“แต่ข้าไม่ใช่ท่านนะเจ้าคะ” หลินหยาเถียงกลับพลางยกมือเท้าเอว ดวงตาโตสะท้อนแสงโคม “และข้าก็ไม่อยากให้ร้านข้าถูกยึดเพราะใครบางคนอยากทำเรื่องตามใจตน” เขามองเธอนิ่ง ดวงตาเรียวยาวคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มจริง “ถ้าอย่างนั้น...” น้ำเสียงของเขาแผ่วลงจนแทบกลายเป็นกระซิบ “เจ้าจะให้ข้าไปที่อื่นกับเจ้าหรือ?” หลินหยาหลุบตาลง ริมฝีปากขบกันแน่นเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเบา “ข้าอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมนอกเมือง ขี่ม้าไปไม่นานก็ถึง ท่าน...จะไปด้วยกันไหม?”


รอยยิ้มของจางกงกงผุดขึ้นช้า ๆ บนใบหน้าขาวซีดราวหยก “เจ้ารู้คำตอบอยู่แล้วมิใช่หรือ?” เขาก้าวเข้ามาอีกก้าวจนระยะระหว่างทั้งสองเหลือเพียงลมหายใจแผ่วพาดกัน “ตราบใดที่คืนนี้มีเจ้าอยู่ ข้าจะไปที่ใดก็ได้...แม้แต่ขุมนรก” หลินหยาส่ายหน้าเร็ว ๆ แก้มร้อนผ่าว “ท่านพูดอะไรอย่างนั้นเล่า...อย่ามาพูดเพ้อเจ้อเดี๋ยวนี้นะจางกงกง!”


“หืม?” เขาเอียงศีรษะ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แตะที่มุมปาก “เรียกข้าว่าท่านชายห่าวหมิงอย่างแต่ก่อนก็ได้ หากจะทำให้เจ้าสบายใจขึ้นเสี่ยวหยา” ลมยามค่ำพัดผ่าน ทำให้กลีบดอกเหมยที่ตกค้างปลิวว่อนรอบตัวทั้งคู่ หลินหยาชะงักไปครู่ ดวงตาคู่สวยหลุบลงมองพื้น ไม่รู้ว่าระหว่างโกรธหรือใจเต้น สิ่งใดจะชนะในอกของตน และในยามนั้นเองเสียงกีบม้าดังขึ้นอีกครั้ง รถม้าส่วนตัวของจงฉางชื่อจอดรออยู่หน้าเรือนของร้านค้า แสงโคมสะท้อนกรอบทองของตราสำนักขันทีให้วาววับ หลินหยาก้าวขึ้นอย่างจำใจ ส่วนชายผู้ถือพัดในมือยิ้มบางพลางก้าวตามขึ้นไปนั่งข้างเธออย่างไม่ลังเล ทิ้งท้ายวันเกิดปีที่สิบห้าด้วยความเงียบที่อัดแน่นด้วยอุณหภูมิประหลาดระหว่างทั้งสองคน แผ่วลมหายใจปนกลิ่นชาและกลิ่นกฤษณาเจือจางลอยเคล้ากับเสียงม้ากระทบถนนในคืนจันทร์นั้นอย่างแผ่วเบา แต่ชัดเจนพอให้หัวใจของหลินหยา...เต้นไม่เป็นจังหวะอีกต่อไป



พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่นๆ : จบสิ้น จะไม่เชิญคนมาเยอะอีกแล้ว เหนื่อยยยยย


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 58903 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 58,903 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 58,903 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ตำราขนมหวานสูตรลับ  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 58,903 ไบต์และได้รับ +1 Point +20 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 58,903 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
1234567
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้