[RPG] 婚礼吉日 - งานมงคลสมรสฉางซานเซียนหวางและเว่ยเจียเหลียนฮวา

[คัดลอกลิงก์]




风雪千山终不阻,
此生一诺共浮屠。
执手天地为证据,
愿将心火照前途。




婚礼吉日

งานมงคลสมรสฉางซานเซียนหวางและเว่ยเจียเหลียนฮวา

วันที่ 7 เดือนชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
พระราชทานสมรสโดยใต้หล้าฮ่องเต้ เพื่อเฉลิมพิธีสู่ขอแห่งวาสนา
ระหว่างฉางซานเซียนหวาง หลิวชุ่น กับพระสนมเสียนอี๋ เว่ยเจียเหลียนฮวา

ในฤกษ์มงคลประจำวัน วันที่เจ็ดแห่งเดือนชีเยว่ แห่งศกเจี้ยนหยวนที่สิบเอ็ด จวนฉางซานเซียนหวางซึ่งตั้งอยู่ ณ ทางเหนือของวังหลวง ได้รับการจัดเตรียมอย่างประณีตเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีมงคลสมรสพระราชทานครั้งนี้



ภายในงานมงคลสมรส

   เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในงานมงคลสมรสของฉางซานเซียนหวาง หลิวชุ่น กับพระสนมเสียนอี๋ เว่ยเจียเหลียนฮวา ผู้เป็นดั่งจันทร์เร้นหลังม่านเมฆ ย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความสงบงามที่อบอวลอยู่ในทุกอณูห้วงเวลา งานนี้แม้ได้รับพระราชทานจากใต้หล้า ทว่ากลับดำเนินไปด้วยความขรึมขลัง หาใช่ความโอ่อ่าครึกครื้นอย่างงานเฉลิมแผ่นดินไม่
   ม่านไหมสีแดงเลือดหมูแขวนเรียงรายระหว่างเสาไม้หอม ลวดลายมังกรหงส์ปักทองบนผืนผ้าโบกเบาเคลื่อนไหวตามแรงลม ข้างตะเกียงหยกถูกจุดส่องให้แสงนวลสลัวทั่วห้องพิธี กลิ่นกำยานจันทน์แทรกกลิ่นอบเชยลอยอวลทั้งยามพิธีและระหว่างการรับรองแขกเหรื่อ
   ภายในงานจัดให้มีพานของประดับมงคล และต้นไม้มงคลประจำฤดูประดับในกระถางเคลือบโบราณ ทอดเรียงตลอดแนวกำแพงด้านใน พร้อมป้ายคำอวยพรซึ่งผู้ใกล้ชิดต่างร่วมเขียนถวาย ทั้งคำว่าสุขสมปรารถนา ด้ายแดงมั่นคง และอักษร囍 (ซังฮี้) ปรากฏทั่วทั้งงาน
   ในห้องเลี้ยงด้านหลัง พานอาหารจัดเรียงด้วยความประณีต ซุปเยื่อไผ่รังนกถูกยกมาในถ้วยหยก ซี่โครงกวางตุ๋นแดงส่งกลิ่นหอมอ่อน ดอกบัวสอดไส้ข้าวเหนียวปรากฏอยู่ในจานแกะลายมังกร และบัวลอยรูปปลาทองลอยอ้อยอิ่งในน้ำลำไยร้อนหวาน เสิร์ฟควบคู่สุราบ๊วยกับชาร้อนอู่หลงจากเหอหนาน ทุกจานเหมือนกล่าวซ้ำถึงชื่อของเจ้าสาวที่เปรียบดั่ง “ดอกบัวในลำน้ำสงบ”




ผู้ที่เข้าร่วมงานจะได้รับของชำร่วยในงาน
2 point, 30 ตำลึงเงิน, 10 ถุงเกลือ, 2 สุรานารีแดง, พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ

ผู้ใดที่ไม่ได้อยู่ฉางอัน หรือ เป็นสามัญชน
สามารถสวมร่าง NPC ประกอบ เข้าร่วมงานมงคลสมรสเพื่อรับของชำร่วยได้




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9604 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-4 21:13
โพสต์ 2025-8-8 01:03:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-8-8 01:04


月影中之芙蓉
บงกชกลางเงาจันทร์

วันที่เจ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ยามเหม่า ถึง ยามอู่ ( 5.00 - 13.00 น. )


   รุ่งอรุณเบิกฟ้าในยามเหม่า ร่างของสตรีผู้นอนใต้ผ้าแพรบางค่อย ๆ ขยับกายขึ้นโดยเจือความเกียจคร้านน้อยกว่าทุก ๆ วัน หากเป็นวันปกตินางคงต้องร้องขอเวลาสักเค่อนอนต่อให้เต็มที่มากกว่านี้ ทว่าต่อให้นางจะร้องขอสิ่งใดสิ่งที่จ้าวหนิงเฟยจะกระทำต่อ หวางเฟย ของนางคือการดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นจากเตียงให้จงได้

   ใช่ วันนี้คือวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด วันงานมงคลสมรสของสตรีผู้เกียจคร้านนี่เอง

   “ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว”

   “ตื่นแล้วก็ดีเพคะ ได้เวลาเตรียมตัวแล้ว ขบวนเจ้าสาวจะมาถึงในช่วงต้นยามซื่อนะเพคะ”

   จ้าวหนิงเฟยไม่รอช้ากระทำการลากเว่ยเจียเหลียนฮวาให้ไปยังถังไม้ที่นางเตรียมน้ำอุ่น ๆ ลอยกลีบดอกมู่ตานขาวหิมะและกลีบดอกเหลียนฮวาสีชมพูพันทิพย์ บรรจงขัดศรีฉวีวรรณกายบางจนขาวผ่องยิ่งกว่าวันไหน ๆ ยิ่งกว่าครั้งที่สตรีตรงหน้าได้เข้าห้องหอไร้กิจกรรมครั้งแรกด้วยซ้ำอย่างน่าขบขัน

   แต่หากให้เทียบน้ำหนักในใจของสตรีในอ่าง วันนี้เป็นวันสำคัญยิ่งกว่าในที่โอรสสวรรค์มาเยือนตำหนักคราแรกเสียอีก

   เมื่อการชำระร่างกายอย่างพิถีพิถันเสร็จสิ้น ร่างเล็กค่อย ๆ ลุกขึ้นจากน้ำลอยกลีบบุปผาก้าวออกจากอ่างไม้สักตามการประคองของจ้าวหนิงเฟย หลังจากนี้คือความไว้เนื้อเชื่อใจของนางที่มีต่อบ่าวใช้ทุกคนที่คัดเลือกติดตามออกจากวังแล้วว่าจะเสกสรรค์สตรีผู้สูงศักดิ์ผู้เป็นตัวเอกในวันนี้ได้งดงามเพียงใด

   อาภรณ์งามสีชาดสวมทับผิวกายสีซีด ขับให้ร่างบางดูขาวผ่อนเช่นเกล็ดหิมะยามเหมันต์ สีเขียวทาบทับแลงดงามส่งความสงบราวกับสมดุลหยินหยาง ลวดลายหงส์ ดอกมู่ตาน เมฆมงคลล้วนสะท้อนความอ่อนโยนและอำนาจในเวลาเดียวกัน

   ครั้นเดินมาประทับนั่งหน้าคันฉ่องทองคำวาวจนสะท้อนใบหน้างาม มือไม้หนึ่งคู่บรรจงตบแต่งใบหน้าด้วยความบรรจง มือไม้อีกสองคู่บรรจงประโคมตกแต่งเรือนผมอย่างวิจิตร ปักปิ่นทองประดับพลอยสีแดงทับทิมงดงามให้สตรีผู้เป็นเจ้าสาวงดงามที่สุดในวันนี้



   “งดงามมากเพคะ”

   “หากในยามทั่วไปข้าคงบอกว่าความงามนี้ไม่เท่ากับสตรีผู้งดงามที่สุดในชีวิตของข้า” ดวงตากลมเมล็ดซิ่งจดจ้องสตรีผู้อยู่ในเงาสะท้อน นางที่ไม่เคยเอ่ยว่าตนเป็นสตรีผู้งดงามเลยสักครายกมือขึ้นสัมผัสคันฉ่องเบา ๆ นางที่เป็นเพียงสตีใบหน้างามเพียงพิศไม่แสลงตา หาได้งดหยดย้อยดั่งเทพธิดาจำแลงเช่นลู่เจี่ยเจียไม่ มิได้อ่อนหวานเฉกเช่นลูกกวางตัวน้อยน่าถนอมเช่นซ่างกวนเหม่ยเหมย ทว่าในวันนี้ทัศนะที่ได้แลตรงหน้าช่างงดงามเกินกว่าผู้ใด ใบหน้าหวานผู้ได้รับการประโคมจนกลายเป็นเซียนสาวแย้วสรวลอย่างพอใจ “งดงามจริง ๆ นั่นแหละ”

   “พระสนม—”

   “คุณหนูสาม เรียกเช่นนั้นไปก่อนจะพ้นพิธีการก็แล้วกัน”

   “เจ้าค่ะ คุณหนูสาม ขบวนเจ้าสาวมาถึงแล้ว”

   จากยามเหม่าสู่ยามซื่อดวงตะวันส่องขึ้นเหนือฟ้าตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบได้ รู้ตัวอีกทีขบวนเจ้าสาวก็มารอรับถึงหน้าเขตที่พักในวังฝ่ายนอกเสียแล้ว มือเรียวซีดของสตรีผู้อยู่แต่ในห้องตำราไม่ออกไปชมฟ้าดินค่อย ๆ เลื่อนไปวางบนมือเล็กของจ้าวหนิงเฟย รับการประคองลุกขึ้นเพื่อก้าวเดินออกจากห้องหับไปยังหน้าตำหนัก แลเห็นขบวนเจ้าสาวแสนยิ่งใหญ่ อาชาน่าเกรงขามแปดตัวแต่งผ้าสีชาดงดงาม เกี้ยวใหญ่แปดคนหาม ปักลายมังกร–หงส์ทอง ขบวนบ่าวใช้ถือธงประจำจวนฉางซานเซียนหวางและถือป้ายขบวนงานแต่ง นักดนตรีถือขลุ่ย ซอ และฆ้อง กลอง

   บุรุษผู้หนึงที่เป็นขันทีหลวงรับหน้าที่หัวหน้าขบวนอ่านคำขอรับเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวหน้าตำหนัก

   「奉天承運,奉王命而來,請迎新娘出宮,入府成婚。」
   (ตามราชโองการ ขอรับตัวเจ้าสาวเพื่อเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรส ณ จวนหวางเย่)

   บัดนั้นราวกับเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นพิธีการ ร่างเล็กในอาภรณ์สีชาดคลุมใบหน้างดงามค่อย ๆ เดินตรงออกจากตำหนักมายังหน้าประตูอันมีกระถางไฟมงคลตั้งอยู่กลางทาง มันเป็นสิ่งที่นางจำต้องก้าวข้ามผ่านมันตามพิธีเพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกจากกาย มือเล็กถือพัดกลมสีแดงประดับพลอยระย้าไว้ตรงหน้าให้มั่นคง จ้าวหนิงเฟยคอยเป็นบ่าวที่ประคองตลอดทาง บ่าวอีกสามคนช่วยยกชายอาภรณ์ไม่ไห้โดนฟืนไฟเพื่อก้าวข้ามอย่างราบรื่น ทุกย่างก้าวนั้นช่างสง่างามตามที่นางได้ฝึกฝน

   「奉命成婚,請引路。」
   (ผู้น้อยน้อมขึ้นเกี้ยวตามราชโองการ เชิญท่านนำทาง)

   วจีใส่เอ่ยต่อขันทีหลวงผู้นำทางสำหรับงานมงคลสมรสนี้โดยเฉพาะ แล้วการเดินทางจากวังหลวงผ่านเส้นทางหลักของถนนสิบลี้ได้เริ่มต้นขึ้น ขบวนเจ้าสาวสีชาดประดับผูกผ้าสีแดงสดเป็นรูปดอกไม้งดงามค่อย ๆ เคลื่อนไปตามเส้นทางที่สองข้างทางเต็มไปด้วยชาวบ้านมากมายผ่านเส้นทางที่ปูด้วยผ้าแดงตรงไปทางเหนือของวังหลวงเพื่อตรงไปยังจวนฉางซานเซียนหวาง

   มือเล็กแอบเลิกผ้าคลุมขึ้นเล็กน้อยครั้นอยู่ในเกี้ยว ดวงตากลมจับจ้องผู้คนภายนอกเกี้ยวที่ร่วมชมขบวนส่งเจ้าสาวของนางด้วยอารมณ์ที่หลากหลายนัก เขินอาย ขอบคุณ ปิติยินดี เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหวราวกับจะปัดเป่าสิ่งอัปมงคลออกจากผืนแผ่นดิน แสงอาทิตย์ยามอู่สาดส่องลงมาต้องกับเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงสดที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมชั้นดีและพู่ระย้าสีทองอร่ามตา เสียงกู่ฉินและผีผาบรรเลงเพลงมงคลกังวานไปทั่วทุกหนแห่ง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของชาวบ้านที่ยืนแน่นขนัดอยู่สองข้างทาง เกี้ยวเจ้าสาวสีแดงสดที่ถูกประดับประดาอย่างสวยงามค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาหยุดหน้าประตูจวน

   ณ ปลายทางของจุดหมาย จวนหลังโตที่นางไม่เคยมาเยือนสักครั้งในบัดนี้กลับกำลังเข้ามากลายเป็นนายหญิงประจำสถานที่งดงามแห่งนี้ หน้าประตูได้ปรากฎร่างบุรุษคุ้นตาในอาภรณ์สีชาดเช่นเดียวกันยืนเด่นท่ามกลางบ่าวผู้ประจำที่ตามจุดที่ควรอยู่ เรือนเกศาสีดำรวบขึ้นเก็บปักกวานสีทอง ใบหน้าหล่อเหลาที่นางเฝ้าพิศไม่หน่ายดูผ่องใสกว่าทุก ๆ วัน วงคิ้วขนงคมดั่งคันศร ดวงตาสีรัตติกาลงดงามราวกับท้องนภายามราตรีของนางจับจ้องมาที่เกี้ยวเจ้าสาวพร้อมริมฝีปากแย้มยิ้มจนสัมผัสได้ถึงความปิติยินดีของเขา

   บุรุษผู้นี้คือฉางซานเซียนหวาง — หลิวชุ่น

   หรือ จีหยานของนาง…

   อา…บุรุษผู้นี้เหตุใดจึงหล่อเหลานัก



   ยามเมื่อเกี้ยวเจ้าสาวหยุดลง ฉางซานเซียนหวางค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปประชิดเกี้ยว หัวใจเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือที่เคยถือดาบคู่กายกลับสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อยื่นออกไปเปิดม่านเกี้ยว เขาเห็นสตรีแสนซนแอบเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวก่อนเวลาอันควรสอดส่องนอกเกี้ยวจนสบตากันเข้าจนได้ ความงดงามที่แทบจะสะกดลมหายใจทำให้มือที่ยื่นเข้าไปชะงักค้าง ทว่าภาพตรงหน้าเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเพียงพริบตา นางที่รู้ตัวว่าตอนนี้ต้องลงจากเกี้ยวแล้วก็เร่งปิดใบหน้าคืนเหลือเพียงมือเรียวขาวที่ประดับด้วยแหวนหยกสีเขียวมรกตเอื้อมออกมาจากในเกี้ยวเพื่อรับมือของเขา

   สตรีของผู้ใดกันแสนซนจริงนัก

   น้ำเสียงสรวลเบาบางลอดออกมาจากลำคอแกร่งก่อนที่เขาจะกระแอมไอออกมาเบา ๆ ราวกับต้องการตั้งสติให้มั่น

   "เสี่ยวเหลียนฮวา... เข้าไปในจวนของเรากันเถิด"



   เว่ยเจียเหลียนฮวาค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นจากเกี้ยวโดยมีแขนแกร่งให้จับประคองท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อยนับพันที่จับจ้องมาที่คู่บ่าวสาว ความงามของนางภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงนั้นไม่อาจถูกบดบังได้เลย พวกเขาเดินเคียงคู่กัน ก้าวผ่านประตูจวนเข้าไปภายในราวกับเป็นตัวแทนของเทพเซียน

   เริ่มต้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเพื่อกลายเป็นคู่ยวนยางอย่างแท้จริง








@Admin




แสดงความคิดเห็น

เหล่าผู้เล่นและสัตว์คู่หูรวมตี้กันเผชิญหน้าปกป้องเจ้าสาว หลังคนชุดดำแพ้จะแตกฝูงกระจายตัวหนีไป และผู้คนที่เคยหยุดชะงักกลับมาเคลื่อนไหวตามเดิม  โพสต์ 2025-8-8 02:13
ในขณะกำลังจะเริ่มพิธี จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนชุดดำผู้กลับชาติมาเกิดที่ใช้วัตถุบางอ่ย่างหยุดชะงักผู้คนที่มิใช่กลับชาติมาเกิด  โพสต์ 2025-8-8 02:12
หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำ : "จับตัวเจ้าสาวเร็ว!!"  โพสต์ 2025-8-8 02:11
โพสต์ 21922 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-8 01:03
โพสต์ 21,922 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-8-8 01:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-8-8 04:04:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 07 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ - ยามอู่ เวลา 09.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวัน หน้าร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ 


ไป๋จิ่นหงที่ตอนแรกยังนั่งก้มหน้าเช็กบัญชีอยู่หลังเคาน์เตอร์ร้าน ท่ามกลางความเงียบงันของวันหยุด กลับสะดุ้งเงยหน้าขึ้นเมื่อเสียงฆ้องกลองกระหึ่มลั่นไปทั้งถนนสิบลี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากระพริบปริบ ก่อนจะเหลือบตามองเจ้าแมวอ้วนขนฟูที่กำลังยืดตัวอยู่บนเบาะ “ไปดูไหม?” เขาถามมันเรียบ ๆ แล้วไม่รอคำตอบใด มือหนาก็อุ้มเจ้าชือฟ่านแนบอก เดินออกจากหน้าร้านไปเงียบ ๆ แบบที่เขาเป็นเสมอ


เมื่อเขาเดินมาถึงริมถนน ภาพตรงหน้าก็ทำให้แม้แต่คนสุขุมอย่างไป๋จิ่นหงยังต้องชะงักเล็กน้อย ขบวนเจ้าสาวเคลื่อนมาจากทิศของถนนอีกฝั่งปลายทางคือจวนฉางซานเซียนหวาง ราวกับคลื่นแดงสดกำลังพัดพาเอาความเป็นสิริมงคลมาสู่ผืนแผ่นดินฉางอัน อาชาศึกแปดตัวที่แต่งเครื่องประดับสีชาดอย่างงดงาม ก้าวย่างอย่างองอาจจนพื้นดินแทบสั่นสะเทือน พวกมันถูกบังคับอย่างดี หัวสูง คอเชิด เดินอย่างสง่างามราวรู้ว่ากำลังแบกเกียรติของผู้ใดยามปรากฏกายต่อหน้าผู้คน ขบวนเกี้ยวใหญ่นั้นปักลายมังกรคาบแก้วและหงส์กางปีก แผ่นป้ายฉลุทองลวดลายงามล้ำส่องประกายระยับเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามอู่ เสียงประทัดแตกกระเจิงดังลั่นทุกฝีก้าว ตัดกับเสียงฆ้องกลองที่บรรเลงอย่างพร้อมเพรียง และเสียงขลุ่ยหวานแหลมที่แทรกในบรรยากาศยิ่งใหญ่ของดนตรี


ไป๋จิ่นหงยืนนิ่งอยู่ริมถนน กอดเจ้าชือฟ่านที่พลิกตัวบนแขนของเขาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขณะที่ฝูงชนสองข้างทางส่งเสียงโห่ร้องยินดี ยิ้มแย้มตื่นตาตื่นใจ เด็กน้อยโบกพัดเล็ก ๆ ชาวบ้านเฒ่าทอดสายตาปริ่มสุข ชายหนุ่มมองเกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนตัวผ่านหน้าเขาไปอย่างช้า ๆ กลีบดอกเหมยและกุหลาบแดงที่โปรยปรายจากบ่าวรับใช้นำขบวนล่องลอยลงมากระทบพื้น ปะปนกับกลิ่นธูปหอมและกลิ่นดอกไม้มงคลที่แต่งแต้มน้ำอบจีนจาง ๆ ลอยมากระทบจมูกเขา


“อลังการดีเหมือนกัน” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แล้วก็ต้องหลบกลีบดอกไม้ที่โปรยตรงหน้าอย่างเก้อ ๆ เจ้าชือฟ่านส่งเสียงร้องเบา ๆ ในอ้อมแขนของเขาเหมือนจะบ่นเรื่องเสียงดัง


“อดทนหน่อยเจ้าอ้วน…” ไป๋จิ่นหงก้มลงกระซิบมันเบา ๆ พลางมองขบวนแห่ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างเงียบ ๆ จิตใจเขากลับไม่ค่อยมีความคิดใด ๆ เกี่ยวกับงานแต่งเลย เพียงแค่รู้สึกว่าวันนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไปบางที เมื่อแม่นางหลินหยากลับมา นางคงอยากรู้รายละเอียดของขบวนนี้แน่ ๆ เขาคงต้องเล่าให้ฟังเสียหน่อย…


แต่ตอนนี้…


“กลับร้านดีกว่า เจ้าแมวจะหลับอีกแล้ว” ไป๋จิ่นหงหันหลังกลับ ทิ้งขบวนมงคลไว้เบื้องหลังโดยไม่แสดงอารมณ์มากนัก แต่แววตาเงียบสงบของเขากลับฉายแววแปลกประหลาด ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างที่ตนเองก็ยังไม่เข้าใจนัก 'ขอให้มีความสุขแล้วกันนะ ทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าวมือใหม่'




@Admin 


@WeijiaLianhua 


อื่น ๆ : เนื่องจากเห็นว่าโจรมาช่วงเริ่มพิธี ทางนี้เห็นแค่เกี้ยวเจ้าสาวฉะนั้น สู้ ๆ นะครับ 555555555


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16617 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-8 04:04
โพสต์ 16,617 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-8 04:04
โพสต์ 16,617 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-8 04:04
โพสต์ 16,617 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-8 04:04
โพสต์ 16,617 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-8 04:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-8-8 21:15:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 7 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซื่อ (เวลา 09.00 - 11.00 น.)


ขณะที่แสงตะวันยามสายคล้อยเคลื่อนเหนือศีรษะ แสงสีทองอ่อน ๆ ทาบทาไปทั่วถนนสิบลี้ วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เสียงซุบซิบนินทา เสียงทักทายปราศรัยดังระงมไปทั่ว อากาศอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง ผู้คนต่างพากันออกมาจับจองพื้นที่ริมสองข้างทาง บ้างก็ยืน บ้างก็นั่งยอง ๆ บนพื้น บ้างก็ปีนป่ายขึ้นไปบนแคร่ไม้ที่ยกสูงขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อรอชมขบวนแห่บางอย่างที่กำลังจะมาถึง

ท่ามกลางฝูงชนที่เบียดเสียดกันนั้น มีร่างเล็กของหมอหญิงซูเหยาแทรกตัวอยู่ นางสวมชุดผ้าฝ้ายสีม่วงอ่อนเนื้อหยาบที่บ่งบอกถึงฐานะสามัญชน มือเรียวบางของนางถือตะกร้าสานขนาดเล็ก ภายในบรรจุสมุนไพรสดและแห้งหลากชนิด กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของพืชพรรณเหล่านั้นลอยฟุ้งแตะจมูกผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง ดวงตาคู่กลมของซูเหยามีประกายแห่งความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกับชาวเมืองคนอื่น ๆ แต่นางไม่ได้ผลักดันหรือเบียดเสียดผู้ใด เพียงแค่ยืนรออย่างอดทน ตรงมุมหนึ่งของถนน

เสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาจากทางหัวถนน เป็นสัญญาณว่าขบวนแห่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว เสียงโห่ร้องยินดีของชาวเมืองดังกระหึ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซูเหยามองไปยังต้นเสียง เห็นธงประจำจวนฉางซานเซียนหวางผืนใหญ่โบกสะบัดนำหน้า ตามด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสีสันสดใส บ้างถือป้าย บ้างตีกลองและฉาบ เสียงดนตรีบรรเลงอย่างครึกครื้น เร้าใจ

แล้วสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็ปรากฏขึ้น เกี้ยวขนาดใหญ่สีแดงสดถูกหามโดยชายร่างกำยำถึงแปดคน ตัวเกี้ยวประดับประดาด้วยผ้าไหมชั้นดี พู่ระย้าสีทองห้อยระย้าระยิบระยับตามจังหวะการก้าวเดินของคนหาม แสงแดดยามสายส่องกระทบกับตัวเกี้ยว เกิดเป็นประกายแวววาวสวยงามจับตา ซูเหยาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นป้องสายตาเล็กน้อย

นางไม่เคยเห็นเกี้ยวที่สวยงามและใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน ในความทรงจำของนาง ขบวนแห่ทั่วไปมักจะมีขนาดเล็กและเรียบง่ายกว่านี้มากนัก ผู้คนที่อยู่รอบข้างนางต่างพากันชี้ชวนและส่งเสียงชื่นชมไม่หยุดหย่อน บางคนก็พนมมือขึ้นอธิษฐานขอพร

ใจกลางเกี้ยวที่ถูกปิดม่านไว้อย่างมิดชิดนั้น เป็นที่นั่งของใครบางคน ผู้ที่เป็นจุดสนใจของผู้คนทั้งเมืองในวันนี้ ซูเหยาจินตนาการถึงใบหน้าของผู้ที่อยู่ภายในเกี้ยว อาจจะเป็นขุนนางผู้สูงศักดิ์ หรืออาจจะเป็นเจ้าสาวในงานมงคลสมรสครั้งใหญ่ นางได้ยินแว่ว ๆ มาว่าวันนี้มีการสมรสพระราชทานระหว่างเชื้อพระวงศ์กับบุตรสาวของขุนนางใหญ่

ขบวนแห่ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านหน้าของซูเหยาไปอย่างช้า ๆ นางสังเกตรายละเอียดต่าง ๆ อย่างตั้งใจ ตั้งแต่ลวดลายปักบนผ้าม่านเกี้ยวที่เป็นรูปมังกรและหงส์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเป็นมงคล ไปจนถึงเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ห้อยระย้าอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของเกี้ยว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนประณีตและงดงามอย่างหาที่ติมิได้

เมื่อเกี้ยวสีแดงสดเคลื่อนผ่านไปแล้ว ขบวนยังคงดำเนินต่อไป มีกลุ่มข้าราชบริพารในชุดเต็มยศเดินตามหลังมาอย่างสง่างาม บ้างถือเครื่องสูง บ้างถือพานเครื่องราชบรรณาการ ซูเหยารู้สึกได้ถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ที่แผ่ออกมาจากขบวนนี้ แม้ว่านางจะเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา แต่ในวันนี้นางก็ได้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างชนชั้นอย่างชัดเจน

ฝูงชนค่อย ๆ เคลื่อนตามขบวนแห่ไปอย่างช้า ๆ ซูเหยาเองก็ถูกกระแสผู้คนดันให้เดินตามไปด้วยอย่างไม่ตั้งใจ นางมองไปยังแผ่นหลังของผู้คนที่อยู่ข้างหน้า แต่ในใจกลับยังคงจดจำภาพของเกี้ยวสีแดงที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ ความงดงามและความโอ่อ่าของมันยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของนาง

ซูเหยาไม่รู้ว่าปลายทางของขบวนแห่อยู่ที่ใด และผู้ที่อยู่ในเกี้ยวเป็นใคร แต่ภาพที่นางได้เห็นในวันนี้ คงจะกลายเป็นเรื่องเล่าขานที่ชาวเมืองฉางอันจะพูดถึงไปอีกนานแสนนาน สำหรับนางเองแล้ว มันเป็นภาพที่เปิดโลกทัศน์ และทำให้สามัญชนคนธรรมดาอย่างนางได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และความงดงามที่อยู่นอกเหนือจากชีวิตประจำวันอันแสนเรียบง่ายของตนเอง



อีกสักพักเขาจะสู้กัน ฉะนั้น...ดิฉันลาล่ะค่ะ!




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 11235 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-8 21:15
โพสต์ 11,235 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-8-8 21:15
โพสต์ 11,235 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก หมอป่า  โพสต์ 2025-8-8 21:15
โพสต์ 11,235 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-8-8 21:15
โพสต์ 11,235 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-8-8 21:15
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-8-9 00:25:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-8-10 13:39


月影中之芙蓉
บงกชกลางเงาจันทร์

วันที่เจ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ยามอู่ ถึง ยามเซิน ( 13.00 - 17.00 น. )


   "จับตัวเจ้าสาวเร็ว!!"

   เสียงตะโกนกึกก้องแหวกเสียงแซ่ซ้องและเครื่องดนตรีมากมายประกาศกร้าวถึงคำสั่งอันตรายดั่งสัญญาณล่มงานแต่งงาน หากมันเป็นเพียงแค่นั้นก็คงไม่เป็นกะไรมากนัก ทว่าในขณะที่กลุ่มคนชุดดำวิ่งแหวกผู้คนเข้ามาล้อมหน้าจวนฉางซานเซียนหวาง สิ่งที่พวกมันโยนเข้ามาภายในงานในเวลาต่อมาคือลูกกลมอะไรสักอย่างก่อควันฟุ้งส่งใหผู้คนในอาณาบริเวณนี้ยืนแข็งค้างกันไปทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เจ้าบ่าวที่กำลังยืนบังกายตัวนางเอง

   “จีหยาน… จีหยาน!”

   น้ำเสียงหวานเอ่ยลอดใต้ผ้าคลุมหน้าสีชาดปักดอกมู่ตานและเมฆมงคล มือเล็กออกแรงเขย่ากายเขาเล็กน้อยกลับไม่มีสิ่งใดขยับตอบกลับราวหับว่ากายของเขาแข็งค้างไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ บัดนั้นเว่ยเจียเหลียนฮวาได้ตระหนักรู้ว่าในท้องที่นี้มีเพียงนางผู้เดียวกำลังเคลื่อนไหวได้อยู่ มือเล็กยกผ้าคลุมขึ้นมองรอบกายพบเห็นบุรุษชุดสีทมิฬล้อมกายเต็มไปหมด

   “ไยต้องมาวันนี้ด้วย”

   จะเข้ามาโจมตีกันวันไหนนางไม่ว่า พุ่งมาหาในวันมงคลเช่นนี้นางยอมไม่ได้ สตรีผู้ได้ชื่อว่าเป็นอดีตสนมพอมีฝีมือรอดจากปีศาจมาบ้าง ทว่าสิ่งที่จะช่วยเหลือนางอย่างแท้จริงแล้วไซร้คือเว่ยซานและเฮยเฉวียนที่กระโดดออกมาจากวงนอกเพื่อมาปกป้องนายของพวกมัน

   “เว่ยซาน เฮยเฉวียน อย่าให้ชาวบ้านบาดเจ็บเด็ดขาดเข้าใจไหม”

   “เข้าใจขอรับ !!”

   สัตว์ปีศาจเอ่ยขานรับพร้อมกับเว่ยซานเฮ่าออกมาเป็นการย้ำว่าพวกมันรับทราบถ้อยคำที่นายหญิงเอ่ยสั่งการเรียบร้อยแล้ว มือเล็กถือวิสาสะดึงกระบี่ที่เหน็บเอวขององครักษ์ผู้ไม่อาจขยับกายได้มาถือไว้

   “ข้าขอยืมสักประเดี๋ยว”

   น้ำเสียงเล็กเอ่ยขึ้นก่อนเดินกลับไปยืนบังร่างสูงที่ถูกพวกใจทรามทำให้เขาไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เพื่อปกป้องช่วงเวลาที่ควรจะงดงามที่สุดในชีวิตเอาไว้มือซ้ายที่ถือพัดเอายกขึ้นดันผ้าคลุมหน้าออก ไม่ว่านี่จะกลายเป็นลางร้ายชีวิตคู่ยวนยางของนางอย่างไรก็ตาม ทว่าสิ่งที่ต้องรักษาย่อมสำคัญกว่าจารีตประเพณี จะถูกลักพาตัวให้เสื่อมเกียรติทั้งเจ้าบ่าวผู้ไม่ได้ปกป้องนางได้จากการโดนพิษประหลาดได้ หรือจะยืดหยัดต่อสู้แม้ต้องเสียช่วงเลาแสนสำคัญอย่างการเปิดผ้าคลุมในห้องหอ



   ใบหน้างดงามของว่าที่หวางเฟยถูกเผยให้เห็นสู่สายตาผู้คน ดวงตาคมกริบแต่เปี่ยมไปด้วยแววตาที่หนักแน่นฉายแววไม่ยอมแพ้ มือข้างหนึ่งถือกระบี่ยาวที่แม้จะไม่คุ้นชิน แต่ก็ถูกกำไว้อย่างมั่นคง เว่ยเจียเหลียนฮวายืนอยู่ตรงหน้าหลิวชุ่นที่ไร้การเคลื่อนไหว กายเล็กๆ ของนางกลับดูยิ่งใหญ่ราวกับกำแพงเหล็กที่พร้อมจะปกป้องทุกสิ่ง

   “จับเป็นเท่านั้น”

   เสียงหัวหน้าของพวกมันสั่งการอีกคราก่อนที่จะกรูเข้ามาหมายจับตัวสตรีผู้เป็นเป้าหมาย เฮยเฉวียนเห็นเป็นเช่นนี้ก็แปลงกายคืนร่างเดิมเพื่อตะปบกันมิให้ผู้ใดบังอาจเล็ดลอดเข้ามาใกล้นายหญิงของมัน ดวงตากลมตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ในเมื่อพวกมันหมายจะจับตัวว่าที่หวางเฟย เช่นนั้นแล้วในฐานะสตรีผู้ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้คนเหล่านี้จึงต้องลากพวกมันไปให้ไกล

   ในช่วงเวลาที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้นเอง ซ่างกวนฝูมี่ พระสนมผู้เป็นเหม่ยเหมยคนสนิทของนางก็วิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีเป็นกังวลอย่างมาก “เจี่ยเจีย เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่? พวกเขานิ่งงันไม่ขยับเลย!”

   ทันทีที่เว่ยเจียเหลียนฮวาแลเห็นร่างของสตรีผู้น่าถนอมดั่งกวางตัวน้อยวิ่งเข้ามาก็รู้สึกตกใจโดยพลันว่าเหตุใดกันซ่างกวนฝูมี่ถึงไม่แข้งค้างไปด้วย ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ไม่มีเวลาจะมานั่งเทียนเวียนตริตรองให้ได้คำตอบ นางรู้ดีว่าน้องสาวไม่มีวรยุทธ์ใดๆ หากอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ย่อมไม่แคล้วถูกทำร้าย นางจึงตัดสินใจผลักซ่างกวนฝูมี่ออกไปให้พ้นจากวงล้อม “ฝูมี่! ไปหลบเดี๋ยวนี้! อย่าเข้ามาใกล้!”

   คำสั่งนั้นทำให้ซ่างกวนฝูมี่ชะงักไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ ในจังหวะนั้นเอง เหลียนฮวาจึงใช้โอกาสตะโกนสั่งสัตว์อสูรคู่ใจให้ลากพวกมันตามนางออกไปจริง ๆ เสียที

   “เว่ยซาน! เฮยเฉวียน!” เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยเรียกชื่อสหายของนางเสียงกังวาน “พาลูกสมุนของมันไปให้ไกลจากที่นี่ อย่าให้ทำร้ายผู้ใดได้!”

   เมื่อสิ้นเสียงสั่งการ เว่ยซาน หมาป่าสีเทาจากเขาเทียนซาน ก็พุ่งทะยานเข้าใส่กลุ่มคนชุดดำอย่างรวดเร็ว มันกัดและตวัดขาเข้าสกัดกั้นไม่ให้ใครเข้าถึงตัวเจ้าสาวได้ ส่วน เฮยเฉวียนที่รับร่างของเหลียนฮวาขึ้นขี่หลังก็เร่งฝีเท้าโจนทะยานออกไปจากอาณาบริเวณนี้เพื่อล่อให้พวกมันตามนางแทน หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำผู้ใช้ลูกกลมประหลาดหยุดผู้คนได้นั้นเห็นดังนั้นก็โมโห พุ่งเข้าหาสตรีหลังอสูรหมายจะจับกุมด้วยตนเองทันทีที่ร่างของเฮยเฉวียนหยุดลง ณ ป่าไผ่ไกลออกไปทางเหนือ “เจ้า...บังอาจนัก!”

   กระบี่ในมือเว่ยเจียเหลียนฮวาสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อนางเบี่ยงตัวหลบกระบวนท่าของหัวหน้ากลุ่มได้อย่างเฉียดฉิวจนต้องลงไปยืนที่พื้นเพื่อความมั่นคง ผู้ที่มิได้จับดาบมาก่อนชั่วชีวิตก่อนเดินทางย่อมมิได้มีวรยุทธ์สูงส่ง แต่ประสบการณ์จากการเอาชีวิตรอดสอนให้นางรู้ว่าต้องตอบโต้เช่นไร นางหมุนตัวหนึ่งรอบ อาศัยจังหวะนั้นส่งปลายกระบี่สวนกลับไปอย่างรวดเร็ว หมายจะสกัดกั้นการจู่โจมของอีกฝ่ายด้วยกระบี่ไร้วิชาและความสามารถในฐานะผู้กลับชาติมาเกิดในโลกใบนี้ ชายชุดดำชะงักไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจที่สตรีตรงหน้ามีฝีมือไม่ธรรมดา ทั้งยังใช้กระบี่ได้คล่องแคล่วราวกับเคยฝึกฝนมาอย่างดี เขาเริ่มออกกระบวนท่าที่ร้ายกาจขึ้นหมายจะพิชิตนางให้ได้ในคราเดียว

   เป็นเพราะเฮยเฉวียนที่แปลงร่างเป็นอสูรสามหัวอย่างเต็มกำลัง และเว่ยซานที่คอยก่อกวนอยู่ไม่ห่าง ทำให้เว่ยเจียเหลียนฮวาสามารถรับมือกับหัวหน้าบุรุษอาภรณ์ทมิฬได้โดยลำพัง แม้จะรู้ดีว่าวรยุทธ์ของตนนั้นด้อยกว่า แต่ทุกกระบวนท่าที่นางใช้มิได้มีเพื่อช่วงชิงชัยชนะ หากแต่เพื่อยื้อชีวิตน้อยๆ ของตนไว้เท่านั้น

   บุรุษชุดดำที่เห็นดังนั้นก็ยิ่งทวีความโกรธเกรี้ยว ปราณสีดำพุ่งออกมาจากฝ่ามือของมันอย่างรุนแรง พลังที่เหนือกว่าทำให้เหลียนฮวาต้องถอยร่น กระบี่ในมือสั่นไหวอย่างหนักจนแทบจะควบคุมไม่ได้ นางเหลือบมองไปยังสัตว์อสูรคู่ใจที่กำลังต่อสู้กับสมุนของมันอย่างเต็มกำลัง และรู้ว่าไม่อาจพึ่งพาได้อีกต่อไป

   “เฮยเฉวียน!”

   นางตะโกนเรียกเสียงสั่นเครือ เป็นสัญญาณให้มันเข้าช่วยแต่ก็สายเกินไป หัวหน้าคนชุดดำพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ปราณสีดำเข้มข้นรวบรวมไว้ที่ฝ่ามือ หมายจะปลิดชีพนางให้สิ้นเรื่องสิ้นราวในคราเดียว

   ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง... สตรีชุดขาวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วดุจสายลม นางพุ่งเข้ามาแทรกกลางระหว่างนางและบุรุษชุดดำอย่างรวดเร็ว ปราณสีเงินเรืองรองแผ่ออกมาจากร่างของนางอย่างน่าเกรงขาม

   สตรีชุดขาวผู้นั้นใช้ฝ่ามือที่เปี่ยมไปด้วยพลังลึกลับซัดเข้าใส่หัวหน้าคนชุดดำอย่างรวดเร็ว พลังอันมหาศาลทำให้ชายชุดดำกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ร่างกระแทกเข้ากับลำต้นไผ่จนสั่นสะเทือนไปทั้งป่า มันที่เห็นท่าไม่ดีจึงส่งสัญญาณให้กองกำลังที่เหลือรีบกระโดดหนีขึ้นไปบนหลังคาและกำแพงจวนเพื่อหลบหนีไป ทิ้งไว้เพียงความอลหม่านที่กำลังจะคลี่คลายคืนความสงบให้แก่สตรีร่างเล็กในอาภรณ์สีชาดเสียที

   ครั้นทุกอย่างสงบลงเหลือทิ้งไว้เพียงเสียงลมหายใจอันสั่นเทาของนางเป็นหลักฐานของการผ่านสิ่งใดมา อกเล็กกระเพื่อมตามแรงหอบหายใจจนแสบไปหมด กายบางเอนพิงเจ้าตัวขนร่างใหญ่สูงเกือบหนึ่งผิง ( 1 ผิง = 3.3 เมตร ) หวังคลายความเหนื่อยล้าก่อนกลับไปตรวจดูผู้คนหน้าจวนฉางซานเซียนหวาง

   “ยัยหนู...กล้ามากที่พาตัวเองมาที่นี่ นี่มันไม่เสี่ยงตายไปหน่อยรึ”

   สตรีชุดขาวผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด ใบหน้าของนางสงบนิ่งราวกับผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่ง นางไม่ได้มองมาที่นางด้วยความเห็นใจหรือเป็นห่วง แต่มองด้วยสายตาที่ลึกล้ำยากจะคาดเดา

   “ต้องขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ถือว่าเป็นบุญคุณใหญ่หลวงนัก”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางกำกระบี่ในมือแน่น หัวใจยังคงเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวแต่ก็ไม่ยอมแสดงออกมา นางรู้ดีว่าหากสตรีชุดขาวผู้นี้มาช้ากว่านี้เพียงเสี้ยววินาที ชีวิตของนางคงต้องจบลงที่นี่แล้ว

   สตรีชุดขาวไม่ตอบคำขอบคุณของเหลียนฮวา นางเพียงมองสำรวจเสื้อผ้าและสภาพของเจ้าสาวที่เปรอะเปื้อนควันและฝุ่นดินอย่างพินิจ ก่อนจะหันกลับไปทางที่พวกคนชุดดำหลบหนีไป

   “ข้าเองก็แค่ผ่านมาเท่านั้น ไม่ต้องถือเป็นบุญคุณอะไรหรอก” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน “แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ พวกมันยังมีอีกมาก จงระวังตัวให้ดี”

   คำพูดของสตรีชุดขาวคล้ายจะเตือนให้เหลียนฮวาต้องเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายที่จะตามมาในอนาคต เหลียนฮวาพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยว่านางเป็นใครกันแน่  

   “ในเมื่อข้าจัดการได้แล้ว เจ้าก็กลับไปเถิด” สตรีชุดขาวหันกลับมามองเหลียนฮวาอีกครั้ง “เรื่องที่เหลือ...ข้าจะจัดการเอง”

   เหลียนฮวาหันไปมองเฮยเฉวียนที่ยังคงรออยู่ข้างหลัง ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วลูบขนมันเบา ๆ

   “เฮยเฉวียน กลับร่างเดิมซะ”

   สิ้นวจีหวาน สัตว์อสูรรับคำสั่งด้วยการส่งเสียงร้องในลำคอเบาๆ สัตว์ร้ายข้างกายกลับกลายเป็นเจ้าตูบขนสีน้ำตาลดำเช่นเดิม เว่ยเจียเหลียนฮวากลับมายืนตัวตรงอีกครั้งแม้ยังเหนื่อยอยู่ก็ตาม ทว่าสิ่งสำคัญคือการที่นางต้องกลับไปดูทุกคน

   รวมถึงต้องไปดูว่าเขาไม่เป็นอะไร

   สตรีชุดขาวมองตามหลังเจ้าสาวไปจนสุดสายตา ก่อนจะหันกลับไปมองร่องรอยการต่อสู้บนพื้นอีกครั้ง ปราณในมือของนางเรืองแสงขึ้นอีกคราเพื่อตามร่องรอยของคนชุดดำที่หนีไปอย่างรวดเร็ว นางรู้ดีว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่แค่การโจมตีธรรมดา และนางจะไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดมาทำร้ายงานแต่งของน้องชายสามีของนางได้เป็นอันขาด

   ทว่าเมื่อเดินมาสักพักจนใกล้จะออกจากนอกป่าไผ่เข้าใกล้เขตรั้วจวนฉางซานเซียนหวางแล้วก็ตระหนักรู้ได้ว่าสหายของเธอหนึ่งตัวหายไป

   “เว่ยซานล่ะ ?”

   ชั่วขณะที่นึกเห็นได้ว่าสัตว์เลี้ยงที่ติดตามมาจัดการพวกชั่วช้านี้มีสองตัวก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด ตรงหน้าของนางมีเพียงเฮยเฉวียน แล้วเว่ยซานเล่าอยู่แห่งหนใดกัน ?

   ความกังวลตีขึ้นในอก เว่ยซานเดิมเป็นเพียงหมาป่าขนเทาจากเทียนซานเพียงเท่านั้น หาได้เป็นสัตว์อสูรไม่ ความเสี่ยงที่มันจะพลาดพลั้งจนตัวตายย่อมมีมากกว่าเฮยเฉวียนตัวเกือบหนึ่งผิง ดวงตากลมรีบสอดส่อง ใบหน้าเล็กหันไปมามองรอบกายจนได้ยินเสียงเห่าจากข้างหลัง

   “นายหญิง เว่ยซานอยู่ทางโน้น”

   “เสี่ยวเหลียนฮวา”

   พร้อมกับเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นในทิศทางเดียวกันเรียกให้ดวงตาเลื่อนไปจับจ้อง ณ ทิศทางนั้น บุรุษในอาภรณ์สีชาดปรากฎตรงหน้า ความกังวลฉายประดับผ่านพักต์งามของเขาชัดแจ้ง ทันใดที่ประชิดร่างบางได้แขนแกร่งพลันโอบกอดกระชับแน่นราวกับว่ากลัวนางจะหายไป นิ่งค้างอยู่เช่นนี้ราวชั่วครู่พอให้สัมผัสได้ถึงดวงใจที่เต้นระส่ำเป็นเครื่องยืนยัว่าคนตรงหน้าหาได้เป็นภาพลวงตาไม่ถึงยอมผละกายออกสำรวจร่างบางต่อ

   “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

   “ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไร”

   แม้ว่าอาภรณ์จะไม่เรียบเช่นเคย ปิ่นหล่นไม่งดงามเช่นเดิมไปบ้าง พัดกลมที่หายลับ ทว่าสำหรับเขาผู้รู้สึกห่วงสตรีตรงหน้ายิ่งกว่าสิ่งใดหาได้สนใจอย่างอื่นไม่นอกจากนาง

   “กลับงานของเรากันเถิด พ้นฤกษ์งามวันนี้ไปแล้วจะหาฤกษ์ใหม่ย่อมไม่ง่าย”

   “แต่เจ้าเพิ่งพ้นภัย—”

   “แต่ว่าข้านับวันรอวันนี้มาเนิ่นแล้วนะเจ้าคะ”

   สิ้นวจีหวานเขาก็ได้รับรู้ถึงความตั้งมั่นของนาง พระพักต์คมคายพยักใบหน้าเบา ๆ มือแกร่งค่อย ๆ บรรจงคลุมผ้าคลุมหน้าสีชาดที่ปักลงกับปิ่นจนไม่หลุดไปไหนได้ให้บดบังใบหน้าเจ้าสาวดังเดิม แม้ว่านางจำต้องเปิดผ้าคลุม ทว่าเขาหาได้สนใจไม่ ขอบคุณฟ้าดินที่ทำให้เขาได้มีโอกาสอีกครั้ง โอกาสทำพิธีแสนสำคัญเพื่อเติมเต็มพิธีการนี้ให้สมบูรณ์

   “ไปกันเถิด”

   หลิวชุ่นค่อย ๆ อุ้มนางขึ้นและเดินกลับไปยังจวนของเขา ผ่านเส้นทางดินและป่าไผ่ล้อมกายจนมาถึงสถานที่ที่ควรจะอยู่ เขาอุ้มนางมาตลอดทางมิให้เท้าต้องพื้นแม้ว่ามันไม่ทันแล้วก็ตาม

   สำหรับเขา นับตั้งแต่ใจพ้องเห็นร่วมว่าจะกลับเข้าสู่พิธีการ การได้อุ้มนางมิให้เท้าแตะพื้นคือความปรารถนาที่สื่อให้นางได้รับรู้ว่านับต่อจากนี้เขาจะไม่ยอมให้นางได้ลำบากอีกต่อไป



   ครั้นมาถึงหน้าจวนฉางซานเซียนหวาง หลิวชุ่นค่อย ๆ วางเจ้าสาวของเขาลงบนผืนผ้าสีชาดอันทอดยาวเข้าประตูจวน ผู้คนมากมายยืนล้อมอย่างเงียบเชียบจดจ้องบุรุษผู้ได้ชื่อว่าไม่ใฝ่หาสิ่งใดเลยจนบัดนี้ มือแกร่งที่ปัดเศษดินกิ่งใบหลงเหลือบนกายสาว ดวงตาคมที่อ่อนโยนจนน่าประหลาด ความรักที่ไม่ต้องเอ่ยถามก็ย่อมรู้ได้ผ่านการกระทำ

   “เข้าจวนกัน”

   น้ำเสียงทุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยนต่อสตรีตรงหน้า อากัปกิริยาพยักน้อย ๆ ของใตรีใต้ผ้าคลุมสีชาดเรียกให้มุมริมฝีปากยกขึ้นโค้งเล็กน้อย เสียงโหวกเหวกโวยวายจางหายไปแทนที่ด้วยเสียงดนตรีบรรเลงอันไพเราะอย่างรู้หน้าที่ของบ่าวใช้และกลิ่นหอมของกำยานมงคลที่ลอยอวลอยู่ทั่วบริเวณ ภายหลังจากเหตุการณ์อลหม่านอันน่าตกใจผ่านพ้นไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น หลิวชุ่นจูงมือเว่ยเจียเหลียนฮวาเดินไปตามทางผ้าไหมสีแดงที่ทอดยาวไปสู่โถงใหญ่ของจวน



   เหลียนฮวาเดินเคียงข้างเขาอย่างสงบ แม้ในใจจะยังคงรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยจากการเผชิญหน้ากับศัตรู แต่เมื่อมือของนางอยู่ในมือของเขา ความอบอุ่นที่ส่งผ่านกันมานั้นก็ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้กลับมามั่นคงอีกครั้ง ภายในโถงใหญ่ประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงและผ้าไหมมงคล ผู้อาวุโสและแขกเหรื่อคนสำคัญต่างยืนรออยู่ในบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี

   พิธีกรผู้ทำหน้าที่ดำเนินพิธีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวานและหนักแน่น

   “หนึ่งกราบไหว้ฟ้าดิน!”

   จีหยานและเหลียนฮวาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพื่อคารวะต่อสรวงสวรรค์ พวกเขาก้มตัวลงพร้อมกันเพื่อแสดงความเคารพต่อฟ้าดินและอธิษฐานขอให้ความรักยืนยงและชีวิตคู่ราบรื่น

   “สองกราบไหว้บรรพชน!”

   ทั้งคู่หันไปคารวะแท่นบูชาบรรพบุรุษที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าอย่างนอบน้อม เป็นการแสดงความกตัญญูและขอให้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษคุ้มครองให้ชีวิตคู่มีความสุขและความเจริญ

   “สามคารวะซึ่งกันและกัน!”

   จีหยานและเหลียนฮวาหันหน้าเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างคารวะเพื่อแสดงความเคารพและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ผ้าคลุมสีชาดที่ซ่อนใบหน้าของเจ้าสาวพลิ้วไหวเล็กน้อยเมื่อนางก้มตัวลง เผยให้เห็นชั่วครู่ว่าใต้ผ้าคลุมสีชาดปรากฎรอยยิ้มแสนงดงามมากเพียงใด

   หลังจากพิธีกราบไหว้ฟ้าดินจบลง ก็ถึงเวลารับประทานอาหารร่วมกัน ผู้เป็นพิธีกรก็ค่อยเอ่ยป่าวประกาศกำหนดการต่อไปของงานนี้

   “ชำระมือและหน้า”

   บ่าวใช้สองคู่เดินมาพร้อมอ่างทองเหลืองและเหยือกใส่น้ำมาประกบทั้งสองข้าง ให้บ่าวสาวได้ล้างมือไม้ให้พร้อมซับมือให้แห้งก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารในพิธี บ่าวใช้ของทั้งสองต่างช่วยกันจัดการอย่างประณีตและระมัดระวัง แม้จะเป็นเพียงพิธีเล็กๆ แต่มันก็แสดงถึงความละเอียดอ่อนและการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่บริสุทธิ์

   “รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวกัน รับประทานข้าวชามเดียวกัน”

   สิ้นคำขานของพิธีกรจ้าวหนิงเฟยที่เป็นบ่าวคนสนิทของนางเดินไปถวายชามข้าวข้าง ๆ เจ้าบ่าว ส่วนบ่าวใช้ของเขาเดินมายกถวายชามข้ามน้อยให้เจ้าสาว ทั้งคู่ค่อย ๆ ใช้มือหยิบข้าวคำน้อย ๆ ขึ้นมารับประทานดั่งพิธีการ พิธีนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การกิน แต่เป็นการแสดงถึงการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสามีภรรยา ที่จากนี้ไปจะร่วมใช้ชีวิตและแบ่งปันทุกสิ่งร่วมกัน

   “ดื่มน้ำแกง จิ้มน้ำจิ้ม”

   ผ่านชามข้าวไปก็เป็นถ้วยน้ำแกง บ่าวสองฝั่งค่อย ๆ วางชามข้าวลงและยกถ้วยน้ำแกงไก่ขึ้นตรงหน้าบ่าวสาว เขาใช้มืออีกข้างยกผ้าคลุมหน้าสีชาดเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้ถ้วยน้ำแกงลอดใต้ผ้าเข้าไปให้เหลียนฮวาได้จิบเบาๆ พอเป็นพิธี การกระทำนี้แสดงถึงความเอาใจใส่และอ่อนโยนของจีหยานที่มอบให้แก่เจ้าสาวของเขา ต่อจากนั้นมือเล็กหยิบตะเกียบคีบเกี๊ยวมาจิ้มน้ำจิ้มเล็ก ๆ เพียงคราเดียววางใส่จานเล็ก ๆ เพื่อส่งให้ฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนเขาเองก็จิ้มเกี๊ยวให้นางเช่นกันก่อนจะหยิบขึ้นมารับประทานพร้อมกัน

   “ ดื่มสุราจากถ้วยน้ำเต้าเดียวกัน”

   บ่าวหยิบถ้วยรูปน้ำเต้าผ่าครึ่งผูกด้วยด้ายแดงขึ้นมาต่างถวายให้บ่าวสาวทั้งสองพร้อมค่อย ๆ รินสุราเติมเต็มถ้วยรูปน้ำเต้าผูกด้ายสีแดงสด มือเล็กค่อย ๆ ยกขึ้นเปิดผ้าคลุมเล็กน้อยอีกครั้งและร่วมดื่มสุราพร้อมกันกับเจ้าบ่าวเป็นการยืนยันว่าทั้งสองจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตราบจนสิ้นอายุขัย



   “เสร็จพิธี”

   หลังจากเสร็จสิ้นพิธีมงคลสมรสอย่างสมบูรณ์ เสียงดนตรีบรรเลงเพลงอันไพเราะคลอเบาๆ ในขณะที่แขกเหรื่อต่างพากันเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวอย่างไม่ขาดสาย เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างเข้ามาอวยพรให้ หลิวชุ่น และ เว่ยเจียเหลียนฮวา ผู้ที่บัดนี้ได้แปรจากพระสนมเสียนอี๋สู่หวางเฟยอย่างเป็นทางการ ขอให้ทั้งคู่มีความสุขและครองรักกันไปตราบนานเท่านาน

   ตลอดทั้งช่วงเวลานับตั้งแต่สิ้นพิธีการมือแกร่งยังคงจับมือบางไว้ตลอดราวกับว่าเขาจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตาเป็นอันขาด เขาตอบรับคำอวยพรด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและสุภาพ ท่าทีของเขามิใช่ความเกียจคร้านดังที่เคยแสดง แต่เป็นความสง่างามสมกับฐานะหวางเย่ผู้เป็นที่รักของประชาชน ส่วนเหลียนฮวาก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อรับคำอวยพรจากทุกฝ่ายอย่างนอบน้อม ผ้าคลุมสีชาดยังคงปิดบังใบหน้า แต่ความงามสง่าของนางก็ยังฉายออกมาอย่างชัดเจน

   เมื่อใกล้ค่ำ ผู้คนที่ไม่ประสงค์จะเข้าร่วมการสังสรรค์ร่ำสุรายามพลบค่ำเริ่มทยอยกันกลับ เหล่าผู้เล่นก็ร่วมอวยพรให้ทั้งคู่เช่นกัน ก่อนจะถึงเวลาที่คู่บ่าวสาวจะต้องแยกจากกันชั่วคราว หลิวชุ่น หันไปหาเจ้าสาวของเขา พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบา

   “เสี่ยวเหลียนฮวา...ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปพักผ่อนแล้ว”

   จ้าวหนิงเฟย และนางกำนัลคนสนิทของจวนเดินเข้ามาประคองสตรีผู้เป็นนายหญิงของจวนอย่างเป็นทางการไปที่ห้องหอที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ ซึ่งประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงและกลิ่นหอมของดอกไม้ เว่ยเจียเหลียนฮวาพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินตามนางกำนัลออกไปจากโถงใหญ่ โดยมีสายตาของหลิวชุ่นจับจ้องมองตามไปจนลับตา เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม และรอคอยเวลาที่ความสุขของเขาจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง

   บางที เขาอาจจะขอตัวออกจากวงร่ำสุราเร็วสักหน่อยคงไม่มีผู้ใดว่ากระไรหรอกกระมัง






หัวใจแถวสองได้ยัง
ฉางซานเซียนหวาง จะอยู่ในงานถึงเวลา 20.00 น. เท่านั้น

@Admin




แสดงความคิดเห็น

หลังฉางชานเชียงหวางเจอคุณ เขาจะยิ่งรักและห่วงใยคุณมากขึ้น เมื่อเห็นรอยฟกช้ำตามตัว  โพสต์ 2025-8-9 00:47
โพสต์ 49682 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-9 00:25
โพสต์ 49,682 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-8-9 00:25
โพสต์ 49,682 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-9 00:25
โพสต์ 49,682 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-8-9 00:25
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-8-10 21:43:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด







วันที่ 7 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามอู่ ถึง ยามเซิน (เวลา 13.00 - 17.00 น.)


เมื่อสิ้นเสียงดนตรีอันไพเราะ หรงป๋อเหวินจึงได้สติกลับมาอีกครั้ง พัดในมือยังคงโบกสะบัดไปมาอย่างเชื่องช้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่ขาดหายไป ภาพสุดท้ายในความทรงจำของเขาคือเสียงดนตรีอันโหยหวนและผู้คนที่ต่างแตกตื่นจนเขาเองก็พลอยตัวแข็งทื่อไปด้วย แต่บัดนี้ทุกอย่างกลับคืนสู่ความปกติอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน

เขาหันไปมองรอบกาย แขกเหรื่อต่างพากันยิ้มแย้มและกลับเข้าสู่บรรยากาศแห่งความยินดีอีกครั้ง ฉางซานเซียนหวางยังคงทรงยืนสง่างามเคียงคู่กับหวางเฟยที่ทรงคลุมพระพักตร์ด้วยผ้าสีชาด พระหัตถ์ใหญ่กุมพระหัตถ์เล็กไว้แน่นไม่ยอมปล่อย หรงป๋อเหวินยกยิ้มมุมปากอย่างเข้าใจ ความรักที่ไม่ต้องเอ่ยออกมาก็สัมผัสได้จากการกระทำนั้นช่างงดงามเกินกว่าคำพูดใด ๆ จะบรรยายได้

สายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นต้าซือถู 'ตงฟางซั่ว' ที่ยืนสงบอยู่ไม่ไกลนัก บุรุษผู้นี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าแววตาคมกริบนั้นกลับทอประกายบางอย่างที่หรงป๋อเหวินไม่สามารถอ่านออกได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับกลายเป็นรอยยิ้มที่ฝืนทน หรงป๋อเหวินค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“คาราวะ ต้าซือถู” เขาเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจปกปิด “ไม่น่าเชื่อ…ในขณะที่น้องสาวข้ากำลังออกรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน เหตุใดข้ากับท่านถึงมาอยู่ในงานมงคลด้วยกันได้เนี่ย!”

ตงฟางซั่วหันมามองเขาช้า ๆ พลางโค้งคำนับเล็กน้อย 

“ฝูจี๋ลิ่งหรง กล่าวเช่นนี้หมายถึงสิ่งใดหรือ?”

หรงป๋อเหวินหัวเราะในลำคอ 

“ท่านคงไม่เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายคนนี้หรอกกระมัง น้องสาวที่เคยติดพี่ชายอย่างข้า บัดนี้กลับติดท่านเสียยิ่งกว่าสิ่งใด” พัดในมือของเขาหยุดนิ่ง ก่อนจะโบกสะบัดอีกครั้งเพื่อระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ “ดูเหมือนว่าความพยายามที่จะแยกท่านออกจากน้องสาวข้าจะเป็นเรื่องไร้ประโยชน์เสียแล้ว”

ตงฟางซั่วเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ 

“ฝูจี๋ลิ่งหรงคิดมากไปแล้ว น้องสาวของท่านเพียงแค่เคารพในตัวข้าในฐานะปราญช์ผู้หนึ่งและสหายเพียงเท่านั้น”

หรงป๋อเหวินพยักหน้าช้า ๆ 

“จริงหรือ?... ถ้าอย่างนั้นก็ดีไป แต่ข้าขอเตือนท่านไว้ว่าอย่าทำให้ผู้หญิงของตระกูลหรงต้องเสียใจเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องขอพัดจากท่านแล้วเอาไปตีหน้าท่านดูสักครา”

ทั้งคู่ต่างสบตากันด้วยรอยยิ้มที่ต่างฝ่ายต่างรู้ความหมาย บรรยากาศงานมงคลยังคงดำเนินต่อไปด้วยความชื่นมื่น แต่ในมุมเล็ก ๆ ของงาน มีบุรุษสองคนกำลังยืนเจรจากันด้วยสายตา ราวกับว่าการอภิเษกสมรสของฉางซานเซียนหวางเป็นเพียงฉากบังหน้าให้กับเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเสียอีก

เมื่อพิธีการอภิเษกสมรสดำเนินไป ป๋อเหวินก็คอยสังเกตการณ์ทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ เขาเห็น หวางเย่และหวางเฟยเสด็จพระดำเนินไปตามทางผ้าไหมสีแดงที่ทอดยาวไปสู่โถงใหญ่ของจวน พระองค์ทำพิธีต่าง ๆ ตามประเพณีอย่างเคร่งครัด ทั้งกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บรรพชน และคารวะซึ่งกันและกัน ภาพของคู่บ่าวสาวที่ก้มพระองค์ลงพร้อมกันเพื่อแสดงความเคารพต่อกันและกันนั้นทำให้หรงป๋อเหวินรู้สึกถึงความงามสง่าและจริงใจในความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง

เมื่อพิธีการจบลง บรรยากาศก็ยิ่งคึกคักมากขึ้น แขกเหรื่อต่างพากันเข้ามาร่วมถวายพระพรและแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวอย่างไม่ขาดสาย หรงป๋อเหวินเห็นตงฟางซั่วเดินไปหาฉางซานเซียนหวางก่อนเป็นคนแรก ๆ เพื่อกล่าวคำอวยพร ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจ และในขณะที่หวางเย่ตอบรับคำอวยพรด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์ที่อบอุ่น ป๋อเหวินก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ปกติแล้วฉางซานเซียนหวางจะทรงวางพระองค์เฉยเมยราวกับไม่ทรงสนพระทัยสิ่งใดในโลก แต่ตอนนี้พระองค์กลับดูสง่างามและเปี่ยมไปด้วยความสุขจนน่าประหลาดใจ

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่หรงป๋อเหวินต้องเข้าไปกล่าวคำอวยพรบ้าง เขาเดินเข้าไปหาคู่บ่าวสาวพร้อมกับพัดในมือที่ยังคงโบกสะบัดไปมาอย่างแผ่วเบา เขาโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะถวายของขวัญมงคลที่เขาเตรียมมาให้ ซึ่งเป็นภาพวาดพู่กันที่เขาวาดเองและกล่าวอวยพร

"ขอน้อมถวายพระพรให้ฉางซานเซียนหวางและหวางเฟยทรงพระเกษมสำราญตลอดไป"

หวางเย่รับภาพวาดมาถือไว้และตรัสขอบคุณ ก่อนที่ป๋อเหวินจะช่วยคลี่ภาพออกให้ทั้งสองได้ชม เป็นภาพวาดทิวทัศน์ที่งดงามของต้นเหมยสองต้นที่ยืนต้นเคียงคู่กันอยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายอย่างอ่อนโยน กิ่งก้านของพวกมันเกี่ยวพันกันอย่างมั่นคง ดอกเหมยสีแดงสดเบ่งบานท่ามกลางความหนาวเหน็บอย่างทระนง หรงป๋อเหวินมองภาพวาดด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะเริ่มกล่าวบทกลอนที่แต่งขึ้นมาในโอกาสนี้

“เหมยคู่งามหยัดยืนกลางเหมันต์
กิ่งเกี่ยวพันรักมั่นมิคลายหนี
ร้อยใจสองดวงรวมเป็นหนึ่งชีวี
เหมยคู่นี้ครองรักชั่วกาลนาน”

เมื่อกล่าวจบ เขาก็โค้งคำนับอีกครั้งและกล่าวต่อ

"ขอให้ภาพวาดนี้เป็นเสมือนคำอวยพรจากใจของกระหม่อม ขอให้ความรักของทั้งสองพระองค์งดงามและแข็งแกร่งดุจดอกเหมยที่เบ่งบานท้าทายความหนาวเหน็บ ขอให้ทรงครองคู่กันชั่วนิรันดร"

หวางเย่และหวางเฟยต่างทอดพระเนตรภาพวาดสลับกับทรงทอดพระเนตรพระพักตร์กัน ก่อนจะแย้มพระโอษฐ์อย่างอ่อนโยน เป็นรอยแย้มพระโอษฐ์ที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและปลาบปลื้มในคำอวยพรที่มอบให้ ป๋อเหวินเห็นดังนั้นจึงรู้สึกโล่งใจและอิ่มเอมใจอย่างประหลาด ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ปลีกตัวออกมาจากงานเพื่อปล่อยให้ทั้งสองพระองค์ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขของกันและกันต่อไป




@WeijiaLianhua 
@Admin 







แสดงความคิดเห็น

ฉางซานเซียนหวาง รู้สึกขอบคุณที่มาร่วมงาน เว่ยเจียเหลียนฮวายื่นของชำร่วยให้เก็บให้เป็นที่ระลึกในงานมงคลสมรสในครานี้ ทั้งยังออกปากให้ร่วมสังสรรค์ต่ออีกหน่อย  โพสต์ 2025-8-10 23:50
โพสต์ 19731 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-10 21:43
โพสต์ 19,731 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-8-10 21:43
โพสต์ 19,731 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-8-10 21:43
โพสต์ 19,731 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 2025-8-10 21:43
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7

2

กระทู้

41

ตอบกลับ

409

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
150
ตำลึงทอง
115
ตำลึงเงิน
126
เหรียญอู่จู
12866
STR
5+6
INT
6+0
LUK
6+2
POW
6+0
CHA
5+5
VIT
5+7
คุณธรรม
348
ความชั่ว
5
ความโหด
206
โพสต์ 2025-8-11 21:47:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuRumei เมื่อ 2025-8-11 21:50

ประวัติตัวละคร

งานมงคลสมรสฉางซานเซียนหวางและเว่ยเจียเหลียนฮวา 

7 ค่ำ เดือนชีเยว่ แห่งศกเจี้ยนหยวนที่ 11 - เวลาประมาณ 14.00 น.

ยามรุ่งสุริยาเพิ่งแย้มฟ้า แสงแรกสาดต้องยอดกระเบื้องมรกตของวังหลวง ลมเหนือพัดเย็นระรื่นพากลิ่นเหมยหอมกรุ่นลอยมา ข้าอ้างเหตุว่ากายอ่อนเพื่อลดการคุมเข้มของนางกำนัล แล้วฉวยโอกาสลอบออกทางประตูข้างตำหนักอีกคราว

อาภรณ์ที่นางสวมในวันนี้เป็นผ้าแพรบางสีชมพูเรื่อ ดุจกลีบบัวต้องแสงอรุณ ปักลวดลายกลีบบัวซ้อนด้วยดิ้นเงิน ปลายแขนและชายกระโปรงประดับปุยไหมขาวบางเบา สายคาดเอวเป็นแพรแดงปักลายดอกเหมย ชุดนี้หาใช่ชุดพิธีเต็มยศของวังไม่ ทว่าพอให้แฝงตัวในหมู่ผู้คนได้โดยมิเด่นจนเกินควร ผมถูกรวบครึ่งศีรษะด้วยปิ่นหยกแกะลายกระต่ายถือดอกเหมย - รูปชุด จิ้มๆ

เมื่อก้าวสู่ถนนใหญ่ ม่านแพรแดงชาดแขวนตลอดทาง นกน้อยโผบินข้ามหลังคาจวน ฉางซานเซียนหวาง ที่อยู่ไม่ไกล เสียงฆ้องกลองและขลุ่ยไม้หอมลอยมาพร้อมสายลม กลิ่นอบเชยผสานจันทน์หอมแตะจมูก เมื่อถึงหน้าจวน เห็นป้ายอักษร “” แขวนสูงเหนือซุ้มประตู ตะเกียงหยกคู่สองข้างแกว่งพู่แพรแดงไหวระริก แขกเหรื่อมากหน้าหลายตาเดินเข้าไปอย่างสำรวม

นางก้าวตามกระแสผู้คนเข้าไปสู่ลานกว้างภายในจวน พื้นปูพรมไหมสีชาดทอดยาวไปจนถึงโถงพิธี ม่านไหมสีเลือดหมูปักลายหงส์โบกไหวตามแรงลม ข้างตะเกียงหยกที่ส่องแสงนวลละมุน กลิ่นกำยานแทรกซึมอยู่ในอากาศจนทุกลมหายใจอุ่นด้วยความมงคล

แขกเหรื่อจากในวังหลายตระกูลต่างสนทนาเป็นหมู่ เสียงหัวเราะเบา ๆ คลอเคลียกับเสียงดนตรีขับกล่อม บ้างยืนชมต้นไม้มงคลที่ตั้งเรียงในกระถางเคลือบโบราณ บ้างมองสำรับอาหารที่ถูกยกผ่านไปด้วยความสนใจ นางชำเลืองซ้ายแลขวา ดวงตากลมใสไหวระริกด้วยความตื่นเต้น

นางมิได้ถูกเชิญให้นั่งด้านในกับหมู่ผู้ใหญ่ จึงต้องอยู่ด้านนอกโถงพิธี รอให้ช่วงพิธียกน้ำชาผ่านพ้น ก่อนจะได้ร่วมเข้ามื้อเลี้ยงใหญ่ ข้างนอกนี้ตั้งโต๊ะกลมปูผ้าแพรสีอ่อนประดับแจกันดอกบัวชมพู ด้านหนึ่งมีขันทีคอยยกน้ำชาร้อนและของว่างหวานอย่างเกี๊ยวน้ำลำไย เสิร์ฟให้แขกที่นั่งรอ

นางนั่งลงเพียงครู่ก็เริ่มกระสับกระส่าย ไหนเลยจะยอมอยู่นิ่งเหมือนกักตัวในตำหนัก จึงยกถ้วยชาขึ้นจิบเพียงสองสามคำ ก่อนลุกขึ้นเดินทอดน่องไปรอบลาน สายตาแอบสำรวจทั้งผู้คนและของตกแต่ง ดวงตากลมใสพลันหยุดที่พานขนมแต่งงานวางอยู่บนโต๊ะยาวขนมเปี๊ยะปักอักษร สีแดงสด บัวลอยรูปปลาทองว่ายอยู่ในถ้วยแก้วเจียร และผลทับทิมเรียงเป็นพวง

นางถอยหลังก้าวหนึ่งเพื่อหลบกลุ่มแขกที่เพิ่งเดินผ่าน พลันแผ่นหลังน้อยก็ชนเข้ากับร่างสูงในชุดขุนนางเต็มยศ กลิ่นเครื่องหอมจันทน์อ่อน ๆ ลอยแตะจมูก ก่อนที่สายตาจะสบเข้ากับดวงหน้าเรียบนิ่งของบุรุษผู้หนึ่ง

บุรุษนั้นคือ เถียน เฟิง มหาเสนาบดีตรวจการ ผู้มากด้วยบารมีและชื่อเสียงเป็นยอดบัณฑิตแห่งแผ่นดิน แม้นางไม่เคยพบหน้ามาก่อน แต่ก็สัมผัสได้ถึงอำนาจอันแฝงอยู่ในท่วงท่ายืนของเขา หรือนั้นอาจจะบ่งบอกจากชุดที่เขาสวมใส่ 

นางชะงักเพียงชั่วครู่ ก่อนก้มศีรษะเอ่ยเสียงนุ่ม “ ขออภัยท่านชาย ” นางย่อตัวลง เพื่อขออภัย พยายามหลบหน้า ร่างสูงอย่างเต็มที่ เพราะไม่อยากเสวนาใดๆ กับคนหน้าตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นเท่าไร

กระนั้น เสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยขึ้น “ ไม่เป็นไร…องค์หญิง กระหม่อมเถียน เฟิง มหาเสนาบดีตรวจการ ” น้ำเสียงนั้นเรียบและสุภาพ ราวกับเพียงกล่าวทักทาย และแนะนำตัวตามธรรมเนียม ก่อนเขาจะเสริมด้วยคำทักเล็กน้อยถึงบรรยากาศงานในวันนี้

" งันเชิญท่านเสนาบดีก่อนเลย " นางที่หันไปอมยิ้มเล็กๆ ตอบรับสั้น ๆ ตามมารยาท

เถียนเฟิงเหลือบมองนางเพียงชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเสียงราบเรียบแต่แฝงแววพินิจ “ ไม่คิดเลย…ว่าจะได้พบองค์หญิงในที่เช่นนี้ ” น้ำเสียงนั้นแม้ฟังดูเป็นเพียงการทักทาย แต่กลับคล้ายมีความหมายแฝงบางอย่างซ่อนอยู่ นั้นอาจจะเพราะหรูเหมยเองไม่ค่อยจะไว้ใจเขาคนนี้เสียเท่าไร

นางหัวเราะแผ่วเพื่อลดความตึงเครียด “ วันนี้เพียงออกมาร่วมงานมงคลเท่านั้น ไม่เห็นผิดแปลกใด ” เธอหันไปตอบกลับ และรีบเดินออกไปทันที โดยมิได้ให้โอกาสแก่บทสนทนาจะยืดยาวไปกว่านี้ 

นางเดินลัดเลาะตามขอบลานออกไปยังอีกฟาก เสียงฆ้องและกลองมงคลดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะทุ้มหนักนั้นค่อย ๆ เบาลง ส่อว่าพิธีด้านในคงใกล้เสร็จสิ้นแล้ว กระแสผู้คนเริ่มเคลื่อนจากโถงพิธีมาสู่ลานเลี้ยง

เมื่อก้าวผ่านซุ้มม่านไหมสีเลือดหมู นางพลันเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ในชุดเจ้าบ่าวอย่างหลิวชุน ผู้เป็นท่านอาของนางเอง ใบหน้ายังประดับรอยยิ้มละมุนตามธรรมเนียมมงคล แม้ในดวงตาจะมีแววคมลึกซ่อนอยู่

นางหยุดเท้าลงแล้วโค้งตัวอย่างงดงาม “ ขอแสดงความยินดีกับท่านอา ” น้ำเสียงอ่อนน้อมแฝงความชื่นชมตามมารยาท แต่รอยยิ้มเล็กที่ผุดบนริมฝีปากกลับมีประกายความเอ็นดูปนซุกซน

หลิวชุนเหลือบตามองนาง พลันรอยยิ้มละมุนบนริมฝีปากค่อยขยายขึ้นเล็กน้อย “ไม่ต้องมาพิธีหรอก” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ ขอบคุณที่มา…เชิญตามสบายหรูเหมย”

มือของเขายกขึ้นเล็กน้อยราวจะส่งสัญญาณให้คนรอบข้างเว้นทางให้นางเดินไปตามใจปรารถนา แววตาคมคู่นั้นอ่อนลงยามมองหลานสาว แต่ยังคงแฝงความลึกซึ้งเช่นเดิม

นางยกยิ้มบางพลางค้อมศีรษะ " ขอบพระคุณท่านอา

หลิวชุนผงกศีรษะรับคำ พลันก้าวออกไปยังกลุ่มแขกผู้ใหญ่ที่รอทักทายอยู่ไม่ไกล ชุดเจ้าบ่าวสีมงคลและร่างสูงสง่าของเขาดึงสายตาผู้คนทุกย่างก้าว

นางมองตามเพียงครู่ ก่อนหันไปมองรอบลานด้วยแววตาเปล่งประกาย แผนการที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่แรกเริ่มผุดขึ้นในใจ วันนี้นางมิได้สวมอาภรณ์เต็มยศของวัง หากเลือกเพียงชุดแพรชมพูเรื่อปักเหมยที่กลมกลืนกับหมู่ผู้คน ความตั้งใจนั้นก็เพื่อสิ่งเดียว…ให้แฝงตัวได้ง่ายเมื่อสบโอกาสหลบเล็ดออกไป เพื่อเที่ยวซนอีกตามเดิม



[NPC-08] เถียน เฟิง - โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
[NPC-05] หลิว ชุ่น - โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

ผู้ที่เข้าร่วมงานจะได้รับของชำร่วยในงาน
2 point, 30 ตำลึงเงิน, 10 ถุงเกลือ, 2 สุรานารีแดง, พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
หลิวหรูเหมย

หลิวหรูเหมย

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2025-8-11 21:55
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2025-8-11 21:55
โพสต์ 20858 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-8-11 21:47
โพสต์ 20,858 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-8-11 21:47
โพสต์ 20,858 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-8-11 21:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
โพสต์ 2025-8-26 19:56:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด







งานมงคลสมรสฉางซานเซียนหวางและเว่ยเจียเหลียนฮวา 


 7 ค่ำ เดือนชีเยว่ แห่งศกเจี้ยนหยวนที่ 11


ในห้วงยามเซินของวันที่เจ็ด เดือนชีเยว่ ฟ้าฉางอันพลันอ่อนแสงลงราวกับรู้ว่ามีเรื่องใหญ่กำลังจะอุบัติ ริมฟากฟ้าด้านตะวันตก สีทองของแสงอาทิตย์หลอมรวมกับเงาเมฆาแปรเปลี่ยนเป็นแสงสลัวนวลราวผ้าแพรไหมประดับขลิบทอง ทั้งเมืองหลวงดูพลุกพล่านเป็นพิเศษ ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวอันหรูหราเคลื่อนไปตามเส้นทางสายหลักของนครหลวง ฉางซานเซียนหวางเตรียมเรือนหอไว้พร้อมสรรพ ทว่าแม้จะเป็นงานมงคลแห่งราชสกุล ก็ยังมิอาจกลบกลืนความมีชีวิตชีวาขององค์ชายน้อยผู้หนึ่งไปได้


เด็กชายผู้มีนามว่าหลิวหรูเสวียนยืนเคียงข้างไท่โฮ่วผู้เป็นพระอัยยิกา รูปลักษณ์ราวอัญมณีเลอค่าถูกหลอมรวมจากหิมะบริสุทธิ์กับแสงดาวกลางรัตติกาล ขับผิวขาวนวลให้เปล่งประกายเฉกหยกขาวเนื้อดี ใบหน้าเล็กแต่กระจ่างใสรับกับดวงเนตรกลมโตสีดำสนิทมีแววฉลาดเฉียบคม เส้นผมยาวดำขลับมัดด้วยริบบิ้นผ้าไหมสีเขียวแก่ พอเพียงให้ดูเรียบร้อยตามธรรมเนียมแต่ไม่แย่งความโดดเด่นจากคู่บ่าวสาว


เจ้าตัวยืดอกในท่วงท่าเปี่ยมสมาธิ แม้ภายในใจจะพรั่งพร้อมด้วยคำถามเป็นร้อย ทั้งเรื่องเกี้ยวเจ้าสาวสูงเท่าไร ใช้กี่คนหาม เหตุใดชุดของเจ้าสาวจึงดูหนักนัก หรือเหตุใดลุงที่เขามิเคยได้พบหน้าจึงแต่งงานเอาตอนนี้ ฯลฯ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกกลืนไว้ภายใต้สีหน้าสุภาพเรียบร้อย เขาไม่กระโตกกระตาก แม้จะมีจังหวะหนึ่งที่ฝ่ามือเรียวเผลอกำชายอาภรณ์แน่นขณะแอบเหลียวไปมองเกี้ยวด้วยตาเป็นประกาย



เซี่ยวจื่อไท่โฮ่วซึ่งประทับอยู่เบื้องขวาเหลือบตามองหลานรักอยู่เนือง ๆ แววตานิ่งสงบแต่ซ่อนความเอ็นดูเอาไว้ลึกนัก หากมิใช่เพราะต้องวางพระองค์ดั่งหินผาขุนเขา คงเผลอยกมือลูบหัวกลมนั้นเสียทีหนึ่ง แต่จะให้กระทำในงานพิธีเช่นนี้ย่อมไม่สมควร นางจึงได้แต่ไอแผ่วเบาแล้วเอ่ยเตือนเสียงเรียบ


“อย่าเหม่อลอย”


เจ้าตัวน้อยผงะเล็กน้อย ราวถูกตีเบา ๆ ด้วยใบไม้ แล้วค่อยปรายตามองไปยังไท่โฮ่ว มือเล็กขยับจัดแขนเสื้อให้เรียบร้อย จากนั้นก็พยักหน้าหนึ่งทีอย่างสงบเสงี่ยม ก่อนหันกลับมายืนตรง ปากน้อย ๆ พึมพำกับตนเองว่า “ข้าน้อยจะตั้งใจยืนอย่างสง่างาม…”


แม้จะพยายามนิ่งเฉกเสาหิน แต่อากัปกิริยาน้อยใหญ่ก็ยังเผยให้เห็นความกระตือรือร้นในก้นบึ้งหัวใจ ยามเสียงดนตรีบรรเลงรับขบวนเกี้ยว เจ้าหนูยังแอบยกปลายเท้าขึ้นน้อย ๆ ตามจังหวะรำพึงกับตัวเองว่า “ทำนองดีมิเลว... ถ้ามีเสียงขับร้องด้วยก็คงสมบูรณ์แบบ”


ทว่ายังไม่ทันที่องค์ชายน้อยจะได้คิดอะไรต่อ เสียงเอะอะปริศนาก็ดังแทรกขึ้นจากเบื้องหน้า


“จับตัวเจ้าสาวเร็ว!!!”


ดวงตาดำคมของเด็กน้อยพลันเบิกกว้าง หัวใจราวจะหลุดจากอก เขาเผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยสัญชาตญาณ ขณะที่สายตามองเห็นกลุ่มคนชุดดำกว่าสิบเคลื่อนตัวออกมาราวผุดจากอากาศ พวกนั้นล้วนปิดหน้าปิดตา ราวปีศาจในยามราตรี สองขาก้าวพุ่งฉับไวเฉกวิหคเหิน ยามหนึ่งในกลุ่มโยนสิ่งของกลมดั่งลูกแก้วลงบนพื้น ก็เกิดเสียงฟู่ ก่อนควันขาวหนาทึบลอยอ้อยอิ่งฟุ้งกระจายออกไป


กลิ่นบางอย่างตีขึ้นจมูก ทำให้เด็กชายเผลอย่นจมูกเล็กด้วยความไม่พอใจ เขาหันขวับไปมองเสด็จย่าเพื่อขอคำสั่งหรืออย่างน้อยก็รับสัญญาณบางอย่าง ทว่าเมื่อแววตากลมใสนั้นทอดมองกลับ สิ่งที่เขาพบกลับมิใช่ไท่โฮ่วผู้เปี่ยมอำนาจ ทว่าเป็นหญิงผู้แข็งทื่อไม่ไหวติง


ไม่ใช่แค่ไท่โฮ่ว... เหล่าขุนนาง ขันที ทหาร องครักษ์ แม่บ้าน พ่อค้า นักแสดง ทุกชีวิต ณ บัดนั้น ต่างแน่นิ่งราวรูปปั้น


“อา... หา!? ทุกคนกลายเป็นรูปเคารพไปแล้วหรือไร” เสียงในใจขององค์ชายน้อยแทบกู่ก้องออกมา เขาเหลียวซ้ายแลขวา ลนลานแต่ยังคงไม่แสดงสีหน้าแตกตื่นให้ผู้ใดเห็น มือซ้ายจับชายเสื้อ มือขวายกขึ้นอย่างลังเลว่าจะเขย่าตัวผู้ใดดี ทว่าแม้แต่ลูกแมวที่หลุดเข้าเมืองมาด้วยยังนั่งนิ่งไม่กระดิกหูแม้แต่น้อย


สถานการณ์แปลกประหลาดยิ่งกว่าในเรื่องเล่าที่เสด็จแม่ชอบอ่านให้ฟังยามค่ำ ดวงตากลมใสเริ่มมีแววลังเล เหงื่อผุดขึ้นที่ไรผม ความคิดพันกันยุ่งเหยิง เขาอยากวิ่งเข้าไปข้างใน อยากตะโกนเรียกใครสักคน อยากหายตัวไปจากตรงนี้ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำสิ่งใด เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดั่งแมวเหยียบผ้าก็เข้ามาใกล้จากเบื้องหลัง


องค์ชายหลิวหรูเสวียนพลันสะบัดตัวหันกลับ ร่างเล็กเตรียมตั้งท่า... หากท่าที่ตั้งก็เป็นเพียงท่าของเด็กถึงขวบที่ดูการฝึกมาจากเหล่าองครักษ์บ้างแล้วจินตนาการใส่เองเสียมากกว่า ทว่าก่อนที่แม้แต่จะได้เห็นผู้ใด ใบหน้าเล็กก็พลันเปลี่ยนสี


“เอ๊ะ... เสื้อตรงนี้มัน...” เจ้าตัวพูดไม่ทันจบก็สะดุดชายเสื้อของตนเองที่กองระพื้นเล็กน้อย


ปลายเท้าเกี่ยวกับผ้าดั่งมีมือปีศาจล่อลวง สมองยังคิดไม่ทันเสร็จ ร่างขององค์ชายก็ล้มลงเสียงดังตุ้บ!


“โอ๊ย...!” เป็นเสียงสุดท้ายก่อนจะทุกสิ่งจะดับวูบไปในห้วงมืดสนิท


ณ เวลานั้น ท้องฟ้ายังอาบแสงทองอ่อน ขบวนเกี้ยวยังเคลื่อนไปผู้คนยังนิ่งงัน... และองค์ชายผู้เปี่ยมชีวิตชีวา... พลันหลับใหลกลางความโกลาหลที่ผู้คนไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว


.


.


.


.




แสงแดดส่องลอดผ่านม่านผ้าโปร่งบางซึ่งพลิ้วเบาราวกลีบดอกเหมยต้องลม ยามต้องดวงตาเปลือกไม้ที่กำลังลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า แววตาขององค์ชายน้อยค่อย ๆ ปรับรับกับแสงภายในห้อง เมื่อสติเริ่มคืนกลับมา เสียงกุกกักของเครื่องทองเหลืองบางชิ้นก็ดังคล้ายระฆังยามเช้า กระตุ้นให้สมองของเด็กชายพลันระลึกได้ว่าก่อนหน้านี้เขา... ล้มลง


“อา… ข้า… อยู่ที่ใด?” เสียงน้อย ๆ คล้ายลูกแมวถามขึ้น


ใบหน้าของสาวใช้ในจวนฉางซานเซียนหวางผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างตั่งไม้สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้นพร้อมทั้งสาวใช้อีกสองสามคนที่นั่งพับเพียบอยู่ไม่ไกลนัก ต่างรีบโน้มตัวคำนับ “ทูลองค์ชาย ท่านอยู่ที่จวนของฉางซานเซียนหวางพ่ะย่ะค่ะ… ท่านล้มลงระหว่างพิธี เลยถูกอุ้มเข้ามาพักในห้องด้านในนี้”


เด็กชายขมวดคิ้วน้อย ๆ มือเล็กขยับแตะหน้าผากของตนเบา ๆ สัมผัสได้ถึงกลิ่นยาแผ่วบาง ใบหน้าเล็กเงยขึ้นอีกครั้ง “ล้ม? เหตุใดข้าจึงล้ม? แล้ว… คนพวกนั้นเล่า? เสด็จย่าล่ะ? ขบวนเกี้ยวล่ะ?”


คำถามพรั่งพรูออกมาราวฝนต้นฤดู แต่แทนที่จะได้รับคำตอบแจ่มแจ้ง เหล่าสาวใช้กลับนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังชั่งใจว่าจะตอบเช่นไรดี แล้วคนที่ดูอาวุโสที่สุดก็แทรกขึ้นมาก่อน


“ฝ่าบาท... ท่านล้มลงเพราะสะดุดชายเสื้อของตัวเองพ่ะย่ะค่ะ มิได้มีสิ่งใดผิดปกติ คนพวกไหนที่พระองค์กล่าวถึง... พวกหม่อมฉันหาได้เห็นไม่... ขบวนเกี้ยวก็เป็นไปโดยราบรื่นดี เสด็จไท่โฮ่วก็ประทับอยู่ด้านหน้าเช่นเดิม มิได้มีสิ่งใดผิดแผกออกจากเดิมเลย…”


นัยน์ตาขององค์ชายน้อยจับจ้องผู้พูดนิ่งงัน ราวจะมองทะลุเข้าไปในความคิดของนาง แต่ใบหน้าของเหล่าข้ารับใช้หาได้มีวี่แววของการโป้ปด หรือความสับสนแม้แต่น้อย มีเพียงความเคารพกึ่งเกรงกลัวผสมอยู่ในแววตา


“เป็นไปได้หรือ...” เด็กชายพึมพำในลำคอ “ข้า...ฝันไปงั้นหรือ?”


แม้จะรู้สึกว่าใจยังสั่นคลอนคล้ายถูกผีผลัก แต่ในเมื่อทุกคนยืนยันกันเป็นเสียงเดียว และไม่มีร่องรอยความโกลาหลเหลืออยู่ อีกทั้งแม้แต่เสด็จย่าก็ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนเลยสักนิด ก็คงหมายความว่า... เรื่องประหลาดที่เขาเห็นนั้น คงเป็นเพียงความฝันหรือภาพลวงตาจากการล้มกระแทกศีรษะ


เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจ้าตัวน้อยก็ถอนหายใจแผ่ว ๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากตั่งไม้ มือหนึ่งจัดปกเสื้อ อีกมือสะบัดปลายผมที่พลัดตกบนไหล่ให้กลับเข้าที่ แล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ยังแฝงความเป็นเด็กอยู่ในที


“หากข้าฟื้นแล้ว ก็คงไม่สมควรจะนอนทอดร่างให้คนในงานพูดจาว่ากล่าวเอาได้...”


วาจานั้นทำเอาสาวใช้ที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับลอบสบตากันอย่างประหลาดใจ ทั้งที่ยังไม่ถึงวัยเก้าปีเต็ม แต่คำพูดคำจาขององค์ชายน้อย กลับคล้ายผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมานักหนา


“ช่วยนำทางข้าไปพบเสด็จย่าเสียหน่อย และ... ข้าจะไปคารวะเจ้าบ่าวด้วย เจ้าบ่าวที่เป็นลุงของข้า ขืนข้าทำเป็นไม่ใส่ใจ คงถูกเสด็จแม่เอ็ดในฝันแน่”


ไม่ต้องรอให้ใครตอบ เด็กชายก็เริ่มเดินนำไปก่อนด้วยท่วงท่าสง่างามเกินวัย เสียงฝีเท้าเบาราวแมวป่าที่ก้าวย่างบนพรมหญ้า สาวใช้ทั้งหลายได้แต่รีบตามหลังไปอย่างรวดเร็ว กลัวว่าหากมัวชักช้า องค์ชายจะวิ่งหายเข้ามุมใดมุมหนึ่งของจวนเสียก่อน


เมื่อมาถึงห้องโถงด้านหน้า ซึ่งจัดงานเลี้ยงแขกเหรื่อ บรรยากาศยังคงคึกคัก คราคร่ำด้วยขุนนางและขุนนางฝ่ายในทั้งชายหญิง โต๊ะอาหารเรียงรายด้วยเครื่องเงินและอาหารที่จัดวางอย่างงดงาม ในมุมหนึ่ง หลิวชุ่น ผู้เป็นเจ้าบ่าวในวันนี้ สวมอาภรณ์แต่งงานสีแดงเข้ม ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่แขก


ดวงตาขององค์ชายน้อยจับจ้องชายผู้นั้นอย่างสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองใกล้ ๆ คนผู้นี้ซึ่งเป็นพระปิตุลาของตนโดยสายเลือด หากแต่เหมือนเพิ่งเคยได้พบกันจริง ๆ ก็ในวันนี้


“เจ้า...” เสียงทักทายจากหลิวชุ่นดังขึ้น เมื่อเห็นเด็กชายเดินตรงเข้ามาโดยมีข้ารับใช้เดินตามหลังราวพาเหรด


“เห็นเจ้าล้มไปเมื่อครู่ ทำเอาข้าตกใจอยู่เหมือนกัน... บัดนี้เป็นอย่างไรบ้าง ยังเวียนศีรษะหรือไม่?


ดวงตากลมโตของเด็กชายวาววับทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ เขายกมือประสานคำนับอย่างเรียบร้อย มือไม้คล่องแคล่วเกินวัย


“หลานมิเป็นอันใดแล้วพ่ะย่ะค่ะ... ข้าขออภัยที่มิเข้าร่วมพิธีอย่างเหมาะสม แลยังสร้างความโกลาหลในงาน ท่านอย่าได้ถือโทษเอาเลย”



จากนั้นจึงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อของตน หยิบเอากระดาษบางพับไว้เรียบร้อยส่งให้ “แม้ข้าจะมิได้เตรียมของขวัญมีค่า... แต่ข้าเขียนคำอวยพรด้วยลายมือของข้าเอง หวังว่าท่านลุงจะรับไว้”



บทสนทนาเบาสบายดังพลิ้วไปตามสายลมอบอุ่นของบ่ายวันนั้น ในขณะที่เสียงดนตรียังคงดำเนิน ท่ามกลางกลิ่นดอกเหมยที่ร่วงโปรยปะปนกับแสงตะวัน รอยยิ้มของเด็กชายผู้หนึ่งและเจ้าบ่าวแห่งวันก็ยังคงตรึงอยู่กลางใจผู้คนที่มองเห็น





[NPC-05] หลิว ชุ่น - โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว - โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


อัพพรสวรรค์จาก ลาภลอย (ไม้) (+5) เป็น ผู้มีบุญ (น้ำเงิน) (+10) 


เงื่อนไขพัฒนาคลาส:

- Level 15 เป็นต้นไป

- สเตตัส LUK 20 ขึ้นไป


ผู้ที่เข้าร่วมงานจะได้รับของชำร่วยในงาน

2 point, 30 ตำลึงเงิน, 10 ถุงเกลือ, 2 สุรานารีแดง, พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ


@Admin 


@WeijiaLianhua 


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-8-26 21:08
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-8-26 21:08
โพสต์ 32138 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-26 19:56
โพสต์ 32,138 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-26 19:56
โพสต์ 32,138 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-8-26 19:56
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกถังเจียน
ผู้มีบุญ
แหวนดาราจรัส(D2)
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x30
x1
x5
x1
x2
x2
x2
x2
x10
x5
x10
x10
x60
x4
x100
x4
x1
x47
x30
x20
x10
x10
x20
x5
x5
x2
x3
x12
x70
x64
x60
x20
x1
x1
x1
x1
x4
x3
x2
x4
x2
x4
x10
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้