“ พระสนมลู่เจาอี๋ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ ”
“ ลูกเช่อบอกไว้แล้วว่านางคงมาช้า .. เสียดายนัก บัดนี้เสียนอี๋กลับไปก่อนแล้ว ” เป็นเรื่องน่าประหลาดนักเพราะที่ผ่านมาลู่เจาอี๋ไม่เคยถืออภิสิทธิ์หรือละเลยธรรมเนียมปฏิบัติอย่างการมาถวายพระพรในทุกเช้า จวบจนวันนี้ที่ลำบากลูกชายบอกนางเองทั้งที่ก็หาได้มีการประกาศโดยแพร่หลายว่าฮั่นอู่ตี้เสด็จเยือนตำหนักตงเฉิน.. อีกอย่างหวังจื่อเห็นว่าสองสนมขั้นฉือผินมีสัมพันธ์อันดีมาเนิ่นนาน การคลาดกันเช่นนี้คงเป็นที่น่าเสียดายสำหรับพวกนาง “ ให้นางเข้ามา ”
ลู่เจาอี๋ที่ขอเข้าเฝ้ามาพร้อมเด็กหญิงตัวเล็กหน้าตาหมดจดผู้หนึ่ง จริงอยู่ที่นางทำเช่นนี้มาจนชินแต่สำหรับคนที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อนก็แน่นอนอยู่แล้วว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมาไป๋หรั่นไม่เคยนึกว่าตัวเองจะต้องมาคอยดูแลหรือฝึกสอนใครอย่างใกล้ชิด แต่ในเมื่อชีวิตเหวี่ยงคนมาถึงที่ มีหรือจะปล่อยไปเฉย ๆ ได้
กว่าจะได้ออกมาจากตำหนักตงเฉินก็เรียกว่าสายไปมากโข แต่เมื่อมาถึงสิ่งที่ต้อนรับพระสนมคนโปรดพร้อมด้วยเด็กสาวปริศนากลับเป็นสายตาหลากหลายคู่ที่แบ่งออกเป็นดีและร้าย “ พระสนม.. ” ผู่เยว่เกริ่นขึ้นเบา ๆ เพื่อให้ทั้งสองเตรียมตัวรับมือกับคำถามให้ดี
ไป๋หรั่นไม่สั่นไหวกับเรื่องเหล่านี้.. แต่ไม่ใช่กับเด็กน้อยข้าง ๆ ที่ยังไม่ทันได้ศึกษาให้ดีพอ
เซียวจื่อไท่โฮ่วที่พึ่งจะทิ้งกายลงนั่งบนตั่งได้ไม่นานเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจไม่แพ้คนอื่น ๆ “ ไม่ยักรู้ว่าครั้งนี้ลู่เจาอี๋จะพาคนมาแนะนำด้วย.. ” สุรเสียงของหวังจื่อแฝงไว้ด้วยความกดดันกระแสหนึ่งที่ทำให้เด็กน้อยข้างกายชะงักเท้าไปเล็กน้อย
“ หม่อมฉันมาช้า ทั้งยังพาคนมาโดยไม่ได้แจ้งก่อนนับว่าเป็นความผิดพลาดของหม่อมฉันที่ไม่พึงระวังเพคะ ” นงคราญหยกยังคงรู้ดีว่าเส้นเขตแดนที่นางสะกิดได้นั้นอยู่ที่แค่ไหน ร่างอรชรโค้งลงอย่างชดช้อยพร้อมด้วยเด็กสาวที่ปฏิบัติตามอยู่เงียบ ๆ “ ถวายพระพรไท่โฮ่วเพคะ ”
“ .. ในเมื่อพามาแล้วก็เข้ามาใกล้ ๆ หน่อย ”
หวังจื่อโบกพัดในมือช้า ๆ ในระหว่างที่หลุบสายตามองสองร่างที่เคลื่อนเข้ามา หลิวเช่อกล่าวไว้ก่อนแล้วว่าให้รอฟังข่าวดีจากลูกสะใภ้.. ทว่าข่าวดีนี้พ่วงเด็กน้อยมาด้วยหรือ ? ยิ่งคิดก็ยิ่งคล้ายจะคาดเดาไปในทิศทางที่เลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อระมัดระวังไม่ให้เรื่องเหลวไหลหลุดออกไป เซียวจื่อไท่โฮ่วปรายตามองถงกู่กูครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายก็รู้งานรีบถดกายพลางไล่ต้อนคนด้านในออกไป “ รั่วหลัน พาเด็กน้อยไปเดินชมเซวียนเต๋อสักหน่อยสิ ”
ไม่เว้นแม้แต่เด็กน้อยที่จับมือเดินมากับมารดาบุญธรรม เซียวจื่อไท่โฮ่วกล่าวออกมาทั้งที่ไม่ละสายตาไปจากร่างระหงส์ของพระสนมเอก กระทั่งด้านในโถงเหลือเพียงเจ้าตำหนักและผู้มาเยือน ในวาจาที่เรียบง่ายยังแฝงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งหนักแน่น “ ลูกเช่อกล่าวกับข้าว่าเจ้าจะมีข่าวดีมามอบให้.. ”
“ ฉะนั้นก็จงอธิบายว่าข่าวดีชนิดใดจึงได้พกเด็กสาวมาพร้อมกัน ”
“ เมื่อวันก่อนหม่อมฉันตามเสด็จออกว่าราชการนอกตัวเมือง ”
ไป๋หรั่นสูดหายใจเข้าพลางยกยิ้มประหนึ่งพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ “ ที่แห่งนั้นไม่เหมาะแก่การเจริญเติบโตสำหรับหนึ่งชีวิต หม่อมฉันและนางมีวาสนาได้พบพานช่วยเหลือ นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายเมื่อส่งนางกลับบ้าน สิ่งที่รอนางอยู่จะเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่ง ” การกล่าวถึงเรื่องอัปมงคลแต่หัววันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ดีนิยมกัน ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายต้องการคำอธิบายนางก็มีสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วเช่นกัน
“ สิ่งนี้โหดร้ายเกินกว่าที่จะปล่อยผ่านยามได้พบอยู่ตรงหน้า นางเป็นเด็กสาวอายุยังน้อยในเมืองที่โด่งดังด้านคณิกา .. บางทีอาจเป็นหม่อมฉันคิดอ่านไม่รอบคอบ ทว่าไม่มีหนทางใดปลอดภัยเท่ารับนางเป็นบุตรแล้วเพคะ ” สาวงามดั่งหยกกดใบหน้าลงต่ำดูลำบากใจไม่น้อย จนคนอาวุโสกว่าที่ตั้งท่าจะตำหนิก็ยังรู้สึกว่าหักใจทำได้ยาก เข้าทางลู่ไป๋หรั่นที่เชื่อมั่นในกลยุทธ์ใส่ทีเดียวมีผลยืนยาวราวร้อยปี “ หม่อมฉันเป็นสนม ไม่มีความจำเป็นต้องรับศิษย์ การสาบานเป็นพี่น้องก็มิได้ช่วยให้นางรอดพ้นปลอดภัย ต่อให้รับเข้ามารับใช้ก็เกรงว่านางจะไม่อาจรับมือได้ทั้งภาระหน้าที่รวมไปถึงเหลี่ยมริษยาของคนในวัง ”
“ แล้วรับนางเป็นธิดาคิดว่าจะช่วยทุเลาเรื่องเหล่านั้นลงได้หรืออย่างไร ” น้ำเสียงของพระพันปีอ่อนลงก็จริงอยู่ แต่ความไม่พอใจที่แฝงมาในคำพูดนั้นยังเด่นชัด ในสายตาของผู้สูงศักดิ์การทำเช่นนี้ไม่ต่างจากหาเรื่องเข้าตัว ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริงเท่าไหร่นัก
“ แม้ไม่ช่วยลดมันลง แต่อย่างน้อยหม่อมฉันก็ยังมีสิทธิ์ในการรับมือที่มากขึ้นนะเพคะ ” เมื่อถูกโต้กลับเช่นนี้ หวังจื่อก็เงียบไปในทันที นงคราญหยกผ่อนลมหายใจออกผ่านริมฝีปากช้า ๆ พลางอธิบายเพิ่มเติมอีกครั้ง “ หากหม่อมฉันมีสิทธิ์ในฐานะผู้เป็นนาย การปกป้องดูแลย่อมทำได้แค่เพียงระดับหนึ่ง.. ทว่าหากเป็นสิทธิ์ของมารดา เรื่องนี้พระองค์ก็ทรงทราบดีว่าทำได้มากเพียงไหน ”
“ กำลังในมือเจ้าบัดนี้ไม่มากพอจะปกป้องเด็กคนหนึ่งได้ ลู่เจาอี๋ หาเรื่องใส่ตัวก็นับว่าเป็นเรื่องหนึ่ง ชีวิตบริสุทธิ์ของเด็กสาวผู้หนึ่งก็นับว่าเป็นอีกเรื่อง แล้วชีวิตของเจ้าเล่า? หากมีข่าวลือว่านางเป็นลูกในไส้ของเจ้าก่อนสมรสมิใช่ว่าเป็นเรื่องด่างพร้อยหรอกหรือ สตรีที่มีข่าวลือเสียหายเช่นนี้ วันหนึ่งจะก้าวขึ้นเป็นใหญ่ได้อย่างไร ” เพราะเสี้ยวส่วนหนึ่งในใจของหวังจื่อเองก็คาดหวังกับลูกสะใภ้รายนี้ไว้มาก ต่อให้ไม่เป็นมารดาของแผ่นดิน อย่างน้อยตำแหน่งพระชายาก็อาจมีหวัง
แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ .. จะยิ่งส่งผลร้ายต่อบุตรชาย
“ เรื่องนั้น.. ” นงคราญหยกเม้มริมฝีปากเบา ๆ ก่อนจะกล่าวออกมา
“ ฝ่าบาททรงกล่าวว่าจะจัดการให้เรียบร้อยเองเพคะ ”
ถึงแม้ว่าหวังจื่อจะปรารถนาหลานสักคนมาโดยตลอด แต่หลานที่มากะทันหันในรูปแบบนี้เองก็นับว่ายอมรับได้ยากเช่นกัน ทว่าเจ้าลูกชายตัวดีกลับเห็นดีเห็นงามไปกับภรรยา ทั้งยังออกปากว่าจัดการให้แล้วเสร็จเลยด้วยซ้ำ มือที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยของพระพันปีหลวงขยับขึ้นคลึงขมับ “ .. พวกเจ้าสองคนนี่มัน รั้นนัก ไม่คิดถึงหัวจิตหัวใจคนชราเช่นข้าบ้างเลย ”
อยู่ ๆ มีหลานเพิ่มมาคนหนึ่งจะมีใครบ้างไม่ประหลาดใจ
“ ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจกันไปแล้ว ก็จัดการกันให้ดี ”
“ เรื่องนี้อ้ายเจียจะปิดตาทำเป็นไม่รู้ไปจนกว่าลูกเช่อจะดำเนินการตามที่เขากล่าวจะจัดการก็แล้วกัน ”
ถวายพระพร x2