12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

กองห้องเครื่องหลวง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-9-4 21:34:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบานชั่วราตรี
วันที่ยี่สิบห้า ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ
ต้นยามเว่ย (13.00 น.)




   เว่ยเจียเหลียนฮวาที่แอบออกจากวังรีบกลับเข้าวังเรียบร้อย ตลอดทางที่เคลื่อนที่ไปนางเอ่ยปากเพียงแค่จำเป็น ตอนนี้ในหัวของนางครุ่นคิดถึงสิ่งที่เซียนปราชญ์เอ่ยใบ้ออกมา นางมองม้วนกระดาษในมือที่นางเร่งเขียนคำชี้แนะของเซียนกู่เอาไว้ให้ครบทุกคำ ทำอย่างไรก็คิดไม่ตกนอกจากนางต้องไปเห็นทุกอย่างด้วยตาของตนเอง ในเมื่อนิมิตนี้ได้ส่งมาให้นาง ย่อมเป็นนางที่ต้องแก้ไข สิ่งที่พระสนมเสียนอี๋ทำได้ตอนนี้คือการเข้าเฝ้าหวงตี้และเล่าทุกสิ่งให้เขาได้ฟัง

  “ไปครัว”

   เพื่อไม่ให้ดูแปลกไปจากเดิม นางเลือกที่จะทำในสิ่งที่นางเคยทำ เหลียนฮวาเดินเข้าไปในห้องเครื่องหลวง วางแผนทำเพียงขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ สักหน่อยอย่างเซาปิ่งง่าย ๆ ที่แค่แป้งยัดไส้หวาน เค็ม แล้วก็ทอดในกระทะแบน แน่นอนนางไม่สามารถที่จะไปเพียงแค่ขนมโง่ ๆ เท่านั้น นางควรที่จะไปพร้อมกับชาสักกา แล้วก็เป็นการชงชาใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้การชงชาจากจ้าวหนิงเฟยอีกครา

   “ในระหว่างที่รอให้นางกำนัลห้องเครื่องช่วยดูแป้งเซาปิ่งในกระทะ จ้าวหนิงเฟย สอนเปิ่นกงชงชาสักกา”

   “ได้เพคะ เช่นนั้นแล้วหม่อมฉันจะสอนการชงชาลิ่วอันกวาเพี่ยน ได้ยินว่าใบชาเพิ่งเข้าวังได้ไม่นานเพคะ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาพยักหน้ารับ ตอนนี้สำหรับนางจะชาอันไหนนางก็ร่ำเรียนหมดเพราะหัวใจของการกระทำในครานี้หาใช่เรื่องของการปรนนิบัติเอาใจผู้เป็นโอรสสวรคค์ไม่ แต่เป็นการหาข้ออ้างไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่นางได้ประสบ พระสนมค่อย ๆ ศึกษาศาสตร์แห่งการชงชาทีนะเล็ก ทีละน้อย เมื่อชากานี้ส่งกลิ่นหอมพร้อมยกไปถวายนางกำนัลก็เรียนแจ้งถึงเซาปิ่งที่เสร็จแล้วเรียบร้อย

   เว่ยเจียเหลียนฮวาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะให้จ้าวหนิงเฟยยกถาดชา ส่วนนางเดินหิ้วปิ่นโต ตรงไปยังตำหนักเว่ยหยางที่นาง…เลี่ยงมาสักพัก ใช้คำนี้ได้กระมัง ?





รูปภาพ:
h ttps://i.imgur.com/7jiBKxa.png
ชื่อขนม: เซาปิ่ง
รายละเอียด: แป้งทอด หรือ ขนมเปี๊ยะสด (燒餅) เป็นขนมทำจากแป้งหรือเป็นแป้งผสมมันเทศบดยัดไส้ด้วยถั่วเหลือง หรือเผือก กดให้แบนแล้วนำไปทอดอาจโรยงาด้วยก็ได้ บ้างก็ทำแป้งเซาปิ่งไปยัดไส้อื่น ๆ เช่น ไส้เนื้อ ไส้กุ้ง แล้วแต่ผู้ใดใคร่กินของคาวหวาน เป็นอาหารพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไป

รูปภาพ:
h ttps://i.imgur.com/aYwNy9N.png

ใบชาลิ่วอันกวาเพี่ยน

h ttps://i.imgur.com/CuaZRWA.png 
ชื่อชา: ชาลิ่วอันกวาเพี่ยน
รายละเอียด: ‘ 六安瓜片 ลิ่วอันกวาเพี่ยน’ ชาเม็ดแตงแห่งลิ่วอัน นี้มีถิ่นกำเนิดในมณฑลหาวโจว 濠州 เมืองลู่อาน 六安 ทั้งยังปรากฎชื่อในตำรา “茶叶百科全书” (ฉาเย่ไป่เคอฉวนซู — ตำราชาร้อยชนิด) ซึ่งรจนาโดยท่านปรมาจารย์ชาแห่งพื้นพิภพท่านลวี่อวี่ (陆羽) ท่านลวี่อวี่ได้เขียนถึงชานี้เอาไว้ว่าเป็นชาที่ต้องใช้ศิลปะในการสรรค์สร้าง มีความซับซ้อนและงดงามในตัวของมันเอง ใบชาได้จากชาที่มีลำต้นตั้งตรง นำใบมายืดให้ตรงแล้วม้วนเข้าจนอยู่ตัว นำไปคั่วให้แห้ง จะได้ชาชั้นเลิศชนิดนี้ออกมา ชาลิ่วอันกวาเพี่ยนนี้เป็นหนึ่งในชายอดนิยมสิบชนิด ทั้งยังเป็นชาระดับ “贡品” (ก้งผิ่น — ชาที่ต้องส่งเข้าวังหลวงทุก ๆ ปี) ชาลิ่วอันกวาเพี่ยนมีความหมายว่าชาเม็ดแตงแห่งลิ่วอานที่ได้ชื่อเช่นนี้เพราะลักษณะของใบชาอันคล้ายเม็ดแตง ยืดตรงเรียบลื่นคล้ายเม็ดแตง เป็นชาเขียวชั้นดีมีลักษณะที่ดีของชาหลายประเภทรวมอยู่ในตัว กล่าวคือลักษณะเป็นชาเกาซานหนึ่ง (高山茶 — หมายความว่าเป็นใบชาที่ปลูกอยู่บนเขาสูง 1800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป จะให้ความชุ่มคอ รสชาตินุ่มละมุน ไม่ขม ไม่ฝาด นี่เป็นลักษณะของชาเกาซาน) ลักษณะเป็นชาหยุนอวู้หนึ่ง (云雾 — หมายความว่าเป็นชาที่ปลูกอยู่ในที่ที่มีเมฆหมอกมาก น้ำค้างมาก เก็บกักเอาความเย็นชื้นของบรรยากาศรายรอบเอาไว้ มีฤทธิ์ขับร้อน) ลักษณะชาที่ปลูกในอุณหภูมิคงที่หนึ่ง (气候温和 — ชาที่ปลูกในเขตอุณหภูมิคงที่สีของใบจะใกล้เคียงกัน รสไม่แหลมเปรี้ยว หรือฝาดขม ใบจะสมบูรณ์ใหญ่และมีความมัน) ลักษณะของยอดใบชาที่ปลูกในสภาพแวดล้อมที่ดีหนึ่ง (生态植被良好 — หมายถึงชาที่ปลูกในสถานที่ที่บริสุทธิ์สะอาด ใบชาที่ได้จะปราศจากมลพิษ ไม่เป็นพิษร้ายทำลายไตและตับ ต้นชาจะเติบโตเจริญตั้งตรง สมบูรณ์ ใบชาแข็งแรงเปี่ยมด้วยพลัง) ดังนั้นชาลิ่วอันกวาเพี่ยนนี้จึงเป็นชาที่ดีต่อสุขภาพ ดับร้อน ขับพิษ รสชาติดี ชุ่มคอ



[สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)]



@Admin

แสดงความคิดเห็น

อาหารไม่ได้รับเพราะความสัมพันธ์ได้จากเควส เป็นถวายขนมและชา  โพสต์ 2024-9-4 22:10
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-9-4 21:59
โพสต์ 13339 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-9-4 21:34
โพสต์ 13,339 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2024-9-4 21:34
โพสต์ 13,339 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-9-4 21:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด





วันที่ 25 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซวี เวลา 19.00 - 21.00 น. ณ วังหลวง กองห้องเครื่องหลวง

อีเว้นท์ ภารกิจ “กลิ่นอายในวังหลวง” - จบภารกิจ


ยามซวีแสงโคมไฟเริ่มล้อมรอบกองห้องเครื่องหลวง เสียงฟืนแตกเปรี๊ยะดังสลับกับเสียงขวานเล็กกระทบไม้ เสี่ยวจ้าวจื่อก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนทุกคืน ความเงียบชวนให้ใจสงบแต่ในใจก็ยังหวั่นอยู่เสมอเพราะกลัวจะมีคนมาดุด่าเมื่อทำอะไรพลาด ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด จู่ ๆ มีเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังกรุ๊บกรั๊บตามพื้นหิน ก่อนที่เงาสีดำเล็กจะพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ เสี่ยวจ้าวจื่อสะดุ้งเฮือก ยกขวานขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่โผล่มานั้นกลับเป็น…หมาน้อยตัวอ้วนปุกปุย ดวงตาสีฉายแววฉลาดผิดสัตว์ทั่วไป


“เจ้าคือ…?” เสี่ยวจ้าวจื่อพึมพำอย่างระแวง


หมาน้อยยิ้มกว้างและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำเกินคาด “ข้าชื่อเซียนเฉ่าขอรับ คุณหนูหลินให้มาบอกว่า ให้เจ้าระวังอาหารที่ปรุงโดยคนอื่น ยิ่งถ้าเป็นของจงฉางชื่อ…ห้ามกินเด็ดขาด ระวังตัวให้ดีขอรับ” คำพูดนั้นทำเอาเสี่ยวจ้าวจื่อเบิกตากว้าง หัวใจเต้นโครมครามอย่างบอกไม่ถูก “มะ…แม่นางหลินหยา…นางฝากมาจริงหรือ”


“จริงสิขอรับ” เซียนเฉ่าพยักหน้า แล้วขยับหางไปมาอย่างภูมิใจ จากนั้นมันก็หันตัววิ่งฉิวหายลับไปทางทางเดินแคบด้านข้างราวกับเงาลม ทิ้งเพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ และความอบอุ่นในอกของเสี่ยวจ้าวจื่อที่ยืนค้างอยู่กับที่ เขากำเครื่องรางหยกปลาที่หลินหยามอบให้แน่นในอก น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว “แม่นาง…ข้าจะฟังคำท่านทุกอย่าง ข้าจะระวังตัวให้มากที่สุดขอรับ” เสียงพึมพำแผ่วเบาหายไปกับสายลมยามค่ำ ขณะเงาของเขายังคงขยันผ่าฟืนต่อไปอย่างเข้มแข็ง แต่ในใจเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน


ในยามค่ำคืน แสงจันทร์สาดลงบนกองฟืนและเงาวังหลวงทอดยาว เสี่ยวจ้าวจื่อที่กำลังจัดฟืนอยู่นิ่งชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันอันเย็นเยียบ ร่างสูงในชุดดำแดงปรากฏขึ้นช้า ๆ กลิ่นโลหิตจาง ๆ คลุ้งมาจากใบมีดในตัวของเขา ชายผู้นั้นคือจางกงกง จงฉางชื่อผู้เลื่องลือ ทั้งวังหลวงต่างหวาดกลัวในความโหดเหี้ยมและเล่ห์เหลี่ยมของเขา “ข้าได้ข่าว…เจ้าทำอาหารใช่ได้” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ราวกับเสียงปีศาจกระซิบกลางความมืด ดวงตาเรียวยาวฉายแววคมกริบเหมือนกำลังล้วงเข้าไปในจิตใจของเสี่ยวจ้าวจื่อ มือเรียวที่ถือดาบเลื่อนไปหยิบถ้วยซุปที่ส่งกลิ่นหอมร้อนแรง ยื่นมาตรงหน้าเขา “เจ้าทำงานหนักมาทั้งวัน ดื่มซุปนี้เสียหน่อย…จะได้มีแรง” น้ำเสียงแผ่วเบาแต่กลับกดดันจนแทบหายใจไม่ออก


เสี่ยวจ้าวจื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาหวาดหวั่นเต็มไปด้วยความลังเล คำเตือนของคุณหนูหลินดังสะท้อนอยู่ในหัว “หากมีสิ่งใดผิดปกติ…จงหลีกเลี่ยงอาหารจากจงฉางชื่อ” หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก แต่สีหน้าของเขาพยายามสงบ เขาก้มศีรษะรับถ้วยซุปไว้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย 


“ขะ…ขอบพระคุณขอรับท่านกงกง” เสียงสั่นพร่า


จางกงกงจ้องเขาเหมือนเหยี่ยวจ้องเหยื่อ รอยยิ้มบางที่ไม่อาจบอกว่าอบอุ่นหรือเยาะเย้ยผุดขึ้นบนริมฝีปาก เขาก้าวเข้ามาใกล้ เสียงกระซิบแผ่วเหมือนจะเลาะเข้าไปในจิตวิญญาณ “ดื่มสิ…หรือเจ้ากลัวอะไร?” ความเงียบในยามนั้นหนาวเหน็บยิ่งกว่าลมฤดูหนาว… เสี่ยวจ้าวจื่อกลืนน้ำลาย ฝ่ามือที่กำถ้วยซุปเย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำในถังไม้ เขาต้องตัดสินใจทุกลมหายใจคือความเสี่ยง


เสี่ยวจ้าวจื่อยกถ้วยซุปขึ้นแตะริมฝีปากแสร้งทำทีเหมือนกำลังจิบ ทั้งที่แทบไม่ให้หยดใดผ่านคอไปได้ เมื่อจางกงกงเบือนสายตาไปชั่ววินาที เขาก็อาศัยจังหวะนั้นแอบเทซุปลงข้างกองฟืน กลิ่นหอมเจือโลหิตคลุ้งไปตามลม แต่เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วางถ้วยลงแล้วกุมท้อง ทำเสียงอ่อนแรง “ขะ...ข้ามิอาจดื่มได้ต่อแล้วเจ้าค่ะ ท้องของข้า…ปวดเหลือเกิน ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อน”


จางกงกงยืนนิ่ง ใบหน้าภายใต้แสงจันทร์ดูเยือกเย็นดั่งรูปสลัก ดวงตาคมลึกกวาดมองร่างเล็กที่พยายามถอยหนีไปช้า ๆ ริมฝีปากของเขาแย้มยิ้มเยือกเย็น “เจ้าฉลาดดี…รู้จักเอาตัวรอด” เสียงเรียบนั้นแฝงแววขบขันเจือความน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่เสี่ยวจ้าวจื่อจะได้หันหลังออกไป จางกงกงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เสียงทุ้มต่ำราวกับคมมีดกรีดอากาศ “จำไว้…หนาน หลินหยา อย่าได้แม้แต่คิดจะทำให้นางเจ็บปวด เพราะข้า…จะทำให้เจ้ารู้ว่าความตายยังเป็นสิ่งที่เมตตาเกินไป”


เสี่ยวจ้าวจื่อชะงัก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาไม่เข้าใจความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างกงกงผู้โหดเหี้ยมผู้นี้กับคุณหนูหลิน แต่ความรู้สึกหนึ่งชัดเจนในใจ จางกงกงหวงนางมาก มากเสียจนแค่ลมพัดเฉียดผ่านนางก็อาจทำให้ใครสักคนต้องตาย


จางกงกงยังคงนั่งอยู่กลางห้องอันเงียบงัน ด้านหลังคือแสงจันทร์ที่ลอยใหญ่โตดั่งดวงตาแห่งสวรรค์จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของมนุษย์ แต่ในความสว่างนั้นกลับมีเงาสีดำของชายผู้หนึ่งบดบังเอาไว้ ใบหน้าของเขาดูสงบเยือกเย็น ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยเพลิงที่กำลังสุมอยู่ข้างใน ความเงียบที่ทอดยาวทำให้แม้กระทั่งลมที่ลอดผ่านหน้าต่างยังดูเหมือนหยุดหายใจอยู่ครู่หนึ่ง


นิ้วเรียวยาวเคาะเบา ๆ บนด้ามมีดสั้นที่เขาพกไว้ ลูบเล็มไปตามร่องใบมีดราวกับกำลังเอ็นดูของเล่นแสนรัก คราบเลือดเก่าที่แห้งกรังเป็นสีคล้ำแสดงให้เห็นว่าเจ้าของใบมีดนี้เคยพรากชีวิตผู้คนมาแล้วมากมาย จางกงกงแสยะยิ้ม มุมปากยกขึ้นทีละน้อยจนกลายเป็นรอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกเย็นไปถึงกระดูก "ขันทีตัวเล็ก...เจ้าก็รู้จักวิธีหนีเก่งกว่าที่คิด" เสียงของเขาเอ่ยเบา ทว่ามันก้องกังวานไปทั่วห้องเหมือนเสียงปีศาจที่กระซิบอยู่ในเงามืด


ในหัวเขาเต็มไปด้วยความคิดที่สับสนระคนกันความหวง ความหลงที่ร้อนแรงดั่งไฟเผาไหม้ต่อหลินหยาปะทะกับด้านมืดที่เต็มไปด้วยความครอบครองและจิตวิปลาส เขาไม่ได้ใส่อะไรลงในซุปนั่นหรอก เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเสี่ยวจ้าวจื่อตาย หลินหยาจะเจ็บปวด และเขาไม่ต้องการให้หลินหยาเจ็บเพราะเขา... อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้


"ข้าจะไม่ทำอะไรที่ทำให้แมวน้อยของข้าต้องร้องไห้" เขาพึมพำพลางหัวเราะต่ำ แววตาวาววับราวกับคนที่กำลังวางหมากในกระดานที่ตัวเองเป็นทั้งผู้เล่นและผู้ล่า "แต่เจ้าจำไว้ เสี่ยวจ้าวจื่อ…หากเจ้าก้าวล้ำไปแม้เพียงครึ่งก้าว หรือหากข้าเห็นแววตาของแมวน้อยของข้าหวั่นไหวเพราะเจ้า... เจ้าจะได้รู้ว่าความตายที่เจ็บปวดที่สุดมันมีหน้าตาเช่นไร" เขาเอนหลังพิงเบาะหลังกว้างช้า ๆ พลางปล่อยมือจากมีดให้ตกลงข้างตัวอย่างไร้เสียง แต่ในความนิ่งนั้นกลับเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลที่แม้แต่เงาก็ยังสั่นไหว จางกงกงรู้ดีว่าตัวเองสามารถบี้เสี่ยวจ้าวจื่อให้ละเอียดดั่งฝุ่นในวังได้ทุกเมื่อที่ใจคิด... เพียงแค่ขยับนิ้วก็เพียงพอแล้ว ทว่าความอดทนนี้เป็นสิ่งที่เขาเลือก เลือกเพียงเพื่อนาง


ในความมืด ดวงตาของเขาฉายแววที่ทั้งอ่อนโยนและวิปริตไปพร้อมกัน...เหมือนกับดอกไม้พิษที่งดงามเกินห้ามใจแต่พร้อมจะฆ่าผู้ที่บังอาจเข้าใกล้ในทันที


รุ่งเช้าอากาศสดชื่น เสี่ยวจ้าวจื่อที่ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างค่อย ๆ ลุกขึ้นจากฟูกเก่าในห้องพักเล็ก ๆ ของขันทีห้องเครื่อง เขาใช้เวลาล้างหน้า ล้างปากอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดตกค้างจากซุปเมื่อคืน หัวใจเต้นแรงเมื่อคิดถึงสายตาเย็นเฉียบของจางกงกงที่จับจ้องเขาเมื่อคืนสายตานั้นเหมือนคมมีดที่กรีดลงกลางใจ ไม่จำเป็นต้องออกแรง เพียงแค่มองก็ทำให้เลือดในกายแทบหยุดไหล แต่เขาก็รอดมาได้…เพราะจางกงกง ยอม ให้เขารอด


เมื่อถึงตลาดตะวันออกในยามสาย เสียงผู้คนจอแจ กลิ่นหอมของเครื่องเทศและอาหารอบอวลในอากาศ เสี่ยวจ้าวจื่อเดินเลียบไปตามแผงค้า มือกอดห่อผ้าล้ำค่าที่ซ่อนตำราอาหารลับของเขาไว้ใกล้อก เขาไม่ค่อยได้ออกมานอกวังเวลานี้บ่อยนัก ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกังวลปะปนกับความตื่นเต้น จนเมื่อมาถึงร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ ภาพของหลินหยาในชุดทำงานเรียบง่ายกำลังจัดของอยู่ทำให้เขาคลายความเกร็งลงทันที


"แม่นางหลิน..." เขาเรียกเสียงแผ่ว ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน หลินหยาเงยหน้าขึ้นเห็นเขาก็ยิ้มกว้าง ดวงตาเธอทอประกายอย่างห่วงใย "เสี่ยวจ้าวจื่อ! เจ้ามาได้ยังไงเวลานี้ นี่มันเสี่ยงจะโดนคนในวังจับได้อยู่นะ" นางดุเบา ๆ แต่แฝงด้วยความเอ็นดู


เขาก้าวเข้าไปใกล้ ส่งสายตาจริงจัง "เมื่อคืน...ข้าเจอจางกงกง เขามอบซุปให้ แต่ข้าแสร้งทำเป็นกินแล้วแอบเททิ้ง ข้า...ได้ยินคำเตือนจากเขาเกี่ยวกับท่าน" น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ความหวาดกลัวในใจยังไม่หายไป


หลินหยาชะงัก ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ในแววตากลับฉายแสงวูบของความกังวล เธอก้าวเข้ามาใกล้ พูดเสียงเบา "ข้ารู้...เขาเป็นแบบนั้นแหละและนั่นอาจทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย ข้าขอโทษนะที่ช่วยอะไรเจ้ามากกว่านี้ไม่ได้" เสี่ยวจ้าวจื่อสูดหายใจลึกก่อนจะยื่นห่อผ้าให้เธอ "ไม่ต้องกังวนขอรับแม่นางหลินหยา เท่านี้ก็มากล้นแล้ว นี่...ตำราอาหารที่ข้าบันทึกมาตลอดชีวิต เป็นสิ่งเดียวที่อาจารย์ของข้าสอนให้ ข้าขอมอบให้ท่าน ข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรที่ท่านคอยปกป้องข้า"


หลินหยามองห่อผ้าในมือเขาแล้วหัวใจอ่อนยวบ นางยื่นมือมารับช้า ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นปนเศร้า "เจ้า…นี่มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งนัก เจ้าต้องการให้ข้าจริง ๆ หรือ?" เสี่ยวจ้าวจื่อพยักหน้า น้ำเสียงหนักแน่นผิดจากความขี้กลัวในยามปกติ "ข้าอยากให้สิ่งที่มีค่าที่สุดกับคนที่ช่วยข้า…และคนที่ข้าเชื่อใจ"

สายลมอ่อนพัดผ่านหน้าร้าน ดอกไม้ในกระถางข้างประตูพลิ้วไหว หลินหยากระชับห่อผ้าแน่น หันมามองเขาพร้อมยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ "ข้าจะรักษามันอย่างดี และข้าสัญญาว่าจะคอยปกป้องเจ้า…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" 


ในขณะที่ทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางเสียงตลาดอึกทึก มิตรภาพลึกซึ้งที่ไม่ต้องเอ่ยคำมากมายก็ก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ในเงามืดของซุ้มไม้ที่คลุมเงาเหนือพวกเขา...ใครบางคนอาจกำลังเฝ้าดูอยู่โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น






@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เห่ออออออ 555555 คุณเพ๊


รางวัล: ปลดหัวใจ 4 ดวง เสี่ยวจ้าวจื่อ

ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ

(ตำราอาหารที่บันทึกสูตรอาหารและเคล็ดลับการปรุงอาหารต่างๆ ที่เสี่ยวจ้าวจื่อสะสมมาตั้งแต่เด็ก)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 44535 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 44,535 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 44,535 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 44,535 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 44,535 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x9
x11
x1
x27
x9
x9
x18
x3
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x52
x50
x25
x150
x5
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x100
x2
x18
x14
x5
x22
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x2
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x5
x1
x6
x6
x10
x5
x121
x40
x20
x7
x15
x42
x4
x1
x1
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้