ประตูเมืองทิศเหนือ เจิ้งเหยา

[คัดลอกลิงก์]







ประตูเมืองทิศเหนือ เจิ้งเหยา








ประตูเมืองทิศเหนือ เจิ้งเหยา

ประตูเมืองฉางอันอันยิ่งใหญ่ อุดมไปด้วยที่ดินการเกษตรมากมาย ทิวทัศน์งามตาด้วยรวงข้าวสีทองอร่าม ขับให้เมืองหลวงแห่งนี้อุดมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร มีกินอิ่มท้องทั่วหล้า มีพลทหารยามประจำประตูเมืองไม่ห่าง คงไว้ซึ่งความปลอดภัยของชาวเมืองฉางอัน


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 2625 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-10 20:07
โพสต์ 2024-7-11 22:33:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-11 22:46


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




  พราะเจ็บปวด จึงห้ามอ่อนแอ

   ครั้นจำความได้ นางไม่เคยมีซึ่งความทรงจำอันสุขสงบเลยสักครั้งเมื่อนึกถึงจวนสกุลเว่ยเจีย ณ เรือนพักเล็ก มีดรุณีแน่งน้อยกำลังเอนกายอ่านม้วนตำราที่ชานเรือน สายลมเสียวสู่*พัดเอื่อยปะทะเรือนผมสีดำขลับยาวเลยบั้นเอวถูกจัดแต่งด้วยการมวยครึ่งศีรษะปักปิ่นเงินประดับหยกเขียวชั้นดาษดื่นแกะลายกิ่งสน รูปหน้ากลม หัวขนงขนยาวตัดแต่งให้โค้งปลายดั่งใบหลิวทว่ากลับดูเฉยชาในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมปานเมล็ดซิ่งวาวใสแลให้เห็นเสมือนดอกท้อเบ่งบางกลางนัยน์ตา จมูกเล็กทว่าเชิดรั้นดูดื้อดึง เรียวปากแม้นไม่เล็กบางทว่าแลดูอิ่มเอิบและวาวใสด้วนน้ำมันจากการเคี้ยวตุ้ยแป้งทอดไส้เนื้อ ร่างเล็กเพรียวบางภายใต้อาภรณ์ไหมสีครามทับด้วยเสื้อคลุมไหมโปร่งปักลายเหมยฮวาดูเป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งเอกลักษณ์ราวกับหยิบจับสวมอย่างไม่ใส่ใจให้พอบังกาย ทั้งหมดนี้คือภาพของ เว่ยเจียเหลียนฮวา คุณหนูรองสกุลเว่ยเจียผู้เป็นหนึ่งในบุตรีของเจ้ากรมโยธาธิการผู้โด่งดัง หากจะให้เอ่ยถึงความสวยงามนี้นับว่ามีเพียงช่วงเวลาเถ้าธูปตก…

   “คุณหนูเจ้าคะ!”

   และตกลงบนมือคนสักผู้ชวนร้อนวาบให้ดวงใจหล่บตุบลงที่ตาตุ่ม สิ้นเสียงร้อนรนของสตรีสักนาง ริมฝีปากมันแผล่บก็แย้มยิ้มทั้ง ๆ ที่แป้งทอดไส้เนื้อไม่ทันจะหมดจากโพรงปากดี มือเรียวผิวซีดของสตรีในห้องหอและไม่ยินดีจะออกไปไหนยันกายหยัดขึ้นนั่งดี ๆ เพื่อที่อย่างน้อยก็ไม่เสียกิริยามากไปจนทำให้ เสี่ยวหมิง สาวใช้เจ้าของน้ำเสียงนั้นเองไม่ตกอกตกใจไปมากกว่านี้

“กระไรหรือเสี่ยวหมิง”

   “ยังจะมาใจเย็นอีกหรือเจ้าคะคุณหนู ไปเล่นสนุกบนหัวคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนั้นจนนายหญิงใหญ่ไปฟ้องนายท่านทันทีที่กลับถึงจวน ตอนนี้เลยให้มาเรียกคุณหนูไปเรือนใหญ่บัดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

   ด้วยความสนิทสนมที่มีมาช้านานของนายบ่าว เสี่ยวหมิงจึงเร่งฉุดให้นายแห่งตนลุกขึ้นยืนดี ๆ จัดอาภรณ์หลุดลุ่ยจนเห็นชั้นในโผล่รำไรให้เรียบร้อย หวีเพ้าผมที่ขดพันจากการเอนกายให้เรียบตรง แม้นใจของบ่าวอยากจะจับคุณหนูตัวดีแต่งแต้มเสียใหม่ทว่าคงต้องทำใจเสียด้วยความรีบร้อย ทางนายของบ่าวอย่างน้อยก็ยังยืนว่าง่ายไร้การต่อต้านราวกับว่ามีเพียงคนในเรือนนี้เท่านั้นที่นางจะเป็นผู้เป็นคนดี ๆ ด้วย

   “เสี่ยวหมิง เจ้าไปเอาม้วนผ้ามาพันเท้าข้าที”

   แม้สงสัยในสิ่งที่นายสั่ง ทว่าในยามนี้ถามไปคงมากเรื่องไม่ทันการ เสี่ยวหมิงผู้ภักดีเร่งไปเอาม้วนผ้าในกล่องรักษาเบื้องต้นมาพันตามคำสั่ง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ถึงคราวที่นางผู้เป็นคุณหนูรองจะไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่นางก่อด้วยตนเอง มือเรียวเก็บกุมเหนือสะดือ สองขาเรียวไร้รองเท้าสวมก้าวเดินออกจากเรือน นัยน์ตาสีนิลกลมโตสบเข้ากับดอกเหลียนฮวาในอ่างน้ำดินเผาหน้าเรือนกำลังบานในคิมหันต์ฤดู ทั้งหมดนี้สิ่งที่แทนตัวตนของนางในจวนสกุลเว่ยเจียเห็นทีคงมีเพียงบ่อเหลียนฮวาหน้าเรือนพักของนางกระมัง

  *เสียวสู่ [小暑, xiǎoshǔ] แปลว่าร้อนเล็กน้อยเริ่มประมาณวันที่ 6-8 กรกฎาคมอากาศเริ่มร้อน จัดว่าวันนี้เป็นวันบ่งบอกว่าช่วงที่ร้อนที่สุดกำลังมาถึงแล้ว ช่วงนี้อากาศค่อนข้างแปรปรวน อาจเกิดภัยแล้งหรือพายุฝน ต้องคอยระวังเรื่องน้ำท่วม พายุ และฟ้าผ่า อาจเกิดลูกเห็บขึ้นในบางพื้นที่

   ช่วงนี้เป็นฤดูของดอกบัว เหมาะแก่การปลูกดอกบัวอย่างมาก ช่วงนี้ทัศนียภาพตามห้วยหนองคลองบึงจึงเต็มไปด้วยบัวบานสะพรั่งสวยงาม นอกจากบัวงามแล้วช่วงนี้จึงอาจพบเจอหิ่งห้อยในหลายพื้นที่ของจีน





   “มาแล้วหรือเหลียนฮวา”

  ทันทีที่ร่างของคุณหนูรองแห่งจวนสกุลเว่ยเจียได้ปรากฎกาย ณ โถงเรือนใหญ่ เสียงทุ้มอันน่าเกรงขามเจือด้วยความอ่อนโยนและอ่อนใจดังขึ้นทักทายบุตรีของเขาทันที

   “เหลียนฮวาคารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่ ท่านแม่ พี่ชายใหญ่และพี่หญิงใหญ่”

   สตรีงามเจ้าของนามบุปผาเหนือวารีเอ่ยคำนับผู้เหนือกว่าในที่นี้จนครบแล้วยืนกอบกุมมือเหนือสะดือแสดงอากัปกิริยาสำรวมอันแฝงความไม่ยี่หระสิ่งใดในท่าที เรียกเสียงถอนหายใจจากผู้เป็นบิดา ณ ที่นั่งกลางโถงที่อ่อนใจเหลือหลายกับบุตรีตัวดี แม้นนางจะมากล้นด้วยปัญญาจนเป็นที่กล่าวขานในสถานศึกษาอย่างน่าเหลือเชื่อ กิริยาอาการในยามออกงานล้วนสงวนท่าทีจนน่าภาคภูมิ สิ่งเดียวที่คงจะขอมากเกินไปคงจะเป็นการได้เห็นบุตรีทั้งสองของเขารักใคร่กลมเกลียว

   ราวกับถอดสตรีผู้เป็นมารดาของพวกนางมาก็ไม่ปาน

   “พี่หญิงของเจ้าเอ่ยกับพ่อว่าเจ้ากลั่นแกล้งและทำปิ่นของนางหัก”

   “ใช่เจ้าค่ะ ปิ่นทองกิ่งอิงฮวาที่ได้รับจากฉางซานเซียนหวางครั้งไปท่องเที่ยวต่างเมืองถูกนางเหยียบจนหักไม่มีชิ้นดี !”

   “เงียบก่อน อิงฮวา ให้น้องเจ้าพูดก่อน”

   สตรีผู้เอ่ยโทษนางนั้นมิใช่ใครอื่นนอกจาก เว่ยเจียอิงฮวา ทว่าไม่ทันจะได้ต่อความยาวสาวความยืดก็ถูกบิดาเอ่ยห้ามไว้เสียก่อน ใบหน้าสวยถอดแบบจากนายหญิงใหญ่อย่างดีเหยเกด้วยโทสะที่ไม่อาจฟ้องร้องผู้ร้ายที่ทำปิ่นจากบุรุษที่นางแอบชมชอบมาแสนนานแตกหักจนมารดาของนางผู้อยู่ข้างกายต้องลูบไหล่มนหวังบรรเทาบ้าง ส่วนเหลียนฮวาผู้ต้องหาเสมอมาค่อยสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเรียกมวลน้ำใสให้เอ่อในดวงตากลมจนวาวสะท้อนแดดปลายยามเว่ยจนน่าสงสาร เพียงพริบตาเท่านั้นจากบุตรีน่าเหนื่อยหน่ายก็น่าถนอมในทันที

   หากแต่ทั้งหมดนี้ภายในเรือนล้วนมองออกทั้งสิ้นว่าการละคร

   เป็นการละครที่แฝงด้วยความจริงอันเชือดเฉือนและหวานหู


   “เรียนท่านพ่อ เป็นความผิดของลูกเองที่ไม่อาจรั้งเท้าที่ก้าวเดินได้” ทันใดที่เสียงหวานเอ่ยอย่างสั่นเครือเกินจริงไปบ้าง หยาดน้ำใสพลันไหลลงมาพอดิบพอดีราวกับจับวาง แม้การกระทำต่อไปนี้จะเป็นการเสียกิริยาอย่างยิ่ง ทว่าหากต้องเรียกคืนความยุติธรรมของตัวนางเองด้วยแล้วนั้น กับอีแค่ถกชายกระโปรงขึ้นให้เห็นเท้าเล็กพันผ้าพันแผลมีเศษดินเศษหญ้าประปรายนั้นไม่เกินความด้านชาของหนังหน้านาง “พี่หญิงคงต้องการให้ลูกชื่นชมปิ่นของนาง ทว่าในระหว่างที่ลูกกำลังจะเดินไปห้องหนังสือเพื่อหาม้วนตำราอ้างอิงตอบจดหมายกับอาจารย์ของสำนักศึกษานี้เองนางก็เพลิดเพลินกับปิ่นปักผมก็ไม่ทันสังเกตว่าลูกกำลังรีบจึงชนกัน ลูกที่ไม่ทราบเลยว่าปิ่นจะตกเลยเผลอเหยียบอย่างไม่ได้ตั้งใจจนฝ่าเท้าลูกเองก็ได้แผลเช่นกันเจ้าค่ะ หากไม่เชื่อโปรดสอบถามหมอประจำจวนเถิด”

   “ม— มุสา ! มุสานักเว่ยเจียเหลียนฮวา อย่าได้โกหกต่อหน้าท่านพ่อนะ !!!”

   ผู้ใดจะสนกันว่าเป็นเรื่องเสริมเติมแต่งสักเท่าไหร่ เพียงแค่บาดแผลที่นางมีเป็นเรื่องจริงเท่านั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการมุสาแม้ว่านางจะมิได้มีบาดแผลยิ่งใหญ่เท่าที่แสร้งทำก็ตาม ไม่ทันจะตัดสินอะไรดีก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นหน้าจวน

   “ราชโองการจากองค์หวงตี้ !!!”

   ทันใดนั้นเองบิดาผู้นั่งตั่งกลางโถงเรือนใหญ่เร่งฝีเท้าลุกขึ้นเดินนำออกไปหน้าจวนเพื่อแสดงความเคารพแก่ขันทีผู้ถือม้วนเอกสาร ผู้คนภายในเรือนรวมทั้งเหลียนฮวาเร่งฝีเท้าตามไปย่อกายรับราชโองการจากโอรสสวรรค์ ขันทีเองเมื่อเห็นว่าผู้คนในจวนสกุลเว่ยเจียพร้อมรับฟังสิ่งที่ตนต้องประกาศแล้วก็กางม้วนเอกสารและเอ่ยประกาศเสียงดังฟังชัดจนชาวบ้านเรือนเคยอดความอยากรู้ไม่ได้มายืนฟังเช่นกัน

   “สกุลเว่ยเจียมีความดีความชอบมากมาย เป็นหัวเรือใหญ่เสริมความเจริญรุ่งเรืองและความสะดวกสบายให้แก่ต้าฮั่น ในบัดนี้ฮั่นอู่ตี้ได้แสดงความเมตตาเปิดรับสมัครสนมในองค์หวงตี้เพื่อความสมัครสมานในต้าฮั่นและกำเนิดทายาทแห่งโอรสสวรรค์สืบต่อไป จึงออกราชโองการให้จวนสกุลเว่ยเจียส่งสตรีหนึ่งนางเข้ารับการคัดเลือกพระสนม”

   “ขอองค์หวงตี้ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่น หมื่นปี”

   สิ้นราชโองการ ขันทีผู้มากบารมีก็ม้วนกระดาษเคลือบลายมังกรทองงดงามยื่นให้แก่เว่ยเจียฟูหยางและขอตัวไปจัดการธุระอื่นให้เสร็จสิ้น ปล่อยให้ผู้คนในจวนตกอยู่ในความงุนงงกับราชโองการสายฟ้าแลบนี้ บิดาไม่รั้งรอให้มากความ เอ่ยสั่งให้ผู้คนกลับเข้าจวนปิดประตูเงียบและจัดการเรื่องราวให้เสร็จสิ้น ในระหว่างที่กำลังจะเอ่ยแก้ปัญหานี้เอง เฉินเจียเหยา หรือ นายหญิงใหญ๋แห่งจวนสกุลเว่ยเจียก็เอ่ยเสนอความเห็น

   “แม้จากหลักการแล้วต้องให้เสี่ยวอิงฮวาไปคัดพระสนม ทว่าหากเสี่ยวเหลียนฮวาเอ่ยว่าเป็นความผิดของนาง เช่นนั้นแล้วให้นางไปคัดตัวพระสนมแทนเจี่ยเจียของนางเสียสิเจ้าคะ ดีไม่ดีอาจเป็นผลดีต่อนางเสียอีก”

   ดวงตาที่เคยฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำใสแข็งกร้าวขึ้นทันใด ผู้คนทั้งจวนต่างผู้ดีว่าเว่ยเจียเหลียนฮวาใฝ่หาเพียงม้วนตำราเท่าไหร่ และขึ้นชื่อว่าวังหลัง ด้วยยศฐาของเว่ยเจียฟูหยางมีหรือจะไม่ผ่านการคัดเลือกเข้าวังหลังอันแสนโหดร้ายเพียงใด เช่นนั้นแล้วการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นการส่งนางไปเข้ากรงนกสีทองล้อมกรอบนางไว้หรือ ?

   เว่ยเจียเหลียนฮวาอ้าปากจะเอ่ยค้านทว่ากลับถูกมารดาของนางข้างกายรั้งชายเสื้อให้หยุดการกระทำไว้และเอ่ยขึ้นมาแทน

   “ย่อมได้นะเจ้าคะท่านพี่ เพื่อเป็นการไถ่โทษ ประเดี๋ยวเสี่ยวเหลียนฮวาจะไปแทนเองเจ้าค่ะ”

   เสร็จสิ้นการจัดการเรื่องราวปวดหัวนี้เองก็ถูกรั้งแกมบังคับไว้ให้รับประทานมื้อเย็นในเรือนใหญ่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยกลับมาสู่เรือนเล็กแล้วก็ถึงเวลาที่บุตรีผู้นี้จะถามสิ่งที่อัดอั้นภายในใจมาจนถึงตอนนี้

   “เหตุใดท่านแม่ถึงให้ข้าไปคัดพระสนม”

   “ลูกแม่ ฟังเถิด ที่แห่งนี้ไร้ซึ่งที่ยืนอย่างภาคภูมิเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ” มารดาเอ่ยพลางกอบกุมมือเล็กที่กุมแน่นจนขาวซีด “จงไปจากที่แห่งนี้เสีย เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ถูกกระทำอีกต่อไป”

   ทั้งหมดนี้เป็นที่มาของเหลียนฮวาผู้ถูกย้ายจากอ่างดินเผาหน้าเรือน สู่อ่างทองในพระราชวัง







เงินติดตัวจากพ่อแม่ 50 ตำลึงทอง , 3000 อีแปะ , ห่อสัมภาระ 1 ห่อ , กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ , +30 EXP

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-7-11 22:39
โพสต์ 28460 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-11 22:33
โพสต์ 28,460 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-11 22:33

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +50 เหรียญอู่จู +3000 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 3000

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-12 18:57:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย zhoujin เมื่อ 2024-7-12 22:57

หน้าประตูเมืองทิศเหนือ

โจวจินค่อยๆต่อเเถวเข้าเมือง ระหว่างนั้นเขาหันไปถามอาอี้ กับอาเอ้อร์

"พวกเจ้า หลังจากพวกเจ้าไปส่งข้าที่โรงเตี๊ยมใหญ่นั่นพวกเจ้าจะกลับเลยใช่ไหม" โจวจินกล่าวถาม

"ใช่ขอรับนายน้อย พวกข้าจำเป็นต้องกลับไปตามคำสั่งของนายท่าน แต่ด้วยเงินตั้้งตัว และสุุรานารีเเดงที่นายท่านให้นายน้อยมา ก็สามารถให้นายน้อยตั้งตัวได้แล้วขอรับ ท่านสามารถไปขายที่โรงเตี๊ยมซางได้ หลังจากที่ท่านรับข้าวเปลือก" อาอี้กล่าวสมทบ

"แต่ปกติตอนที่พวกเรามา ท่านโจวก็ไม่ค่อยได้พักที่ โรงเตี๊ยมชางเท่าไรหรอกขอรับ ถ้าท่านไม่มีทางเลือกจริงๆ เราแนะนำท่านพักที่ ร้านบะหมี่สามหาวของ 3 พี่น้องสกุลหาว ที่นั่นอาหารค่อนข้างมีคุณภาพและราคาถูก" อาเอ้อร์กล่าวเสริม

"ร้านบะหมี่รึ หึหึ ข้าไม่รู้หรอกนะเส้นทางพ่อค้าของ ท่านพ่อจะขายอะไร แต่ขายจะขายแต่สินค้าที่ข้าอยากขายเท่านั้น สุรา อาหารและสมุนไพร แต่ถ้าเริ่มต้นข้าว่า ข้าคงต้องไปฝึกฝนการทำอาหารเป็นพ่อค้า + พ่อครัวก่อนล่ะนะ" โจวจินกล่าว

"บางที ถ้าข้าเป็นเพลงยุทธ์แบบท่านพี่ ข้าอาจจะไปผจญภัยล่าสัตว์มาทำอาหารเองก็ดีนะ พวกเจ้าว่าไหม" โจวจินยิ้มพลางกล่าวกับอาอี้และอาเอ้อร์

"ไม่ได้นะครับนายน้อย ตั้งแต่ท่านโจวไค่ หนีออกจากบ้านไป นายท่านก็เผาหนังสือวรยุทธ์ ทิ้งไปหมดเลย ท่านจะฝึกมั่วๆไม่ได้นะขอรับ" อาอี้ และ อาเอ้อร์กล่าวสำทับ

"งั้นพวกเจ้าคงต้องสอนข้าแล้วล่ะ อย่างน้อยก็วิธีฝึกกายพวกเจ้าว่างั้นไหม ถ้าหลังจากพวกเจ้ากลับไปมีข่าวข้าถูก โจรป่าฆ่าตาย ท่านพ่อคงเสียใจน่าดู" อาโจว กล่าวกับ อาอี้ และอาเอ้อร์ พลางแสยะยิ้ม

นี่ซินะนายน้อยของพวกเรา อาอี้และอาเอ้อร์กล่าวเสี่ยงสั่น


"อ่ะหลังจากไปรับข้าวที่ทางโรงเตี๊ยมชางพวกเจ้าช่วยข้าขนข้าวขึ้นรถม้าและไปขายที่ร้านอาหารด้วยนะ ไหนๆพวกเจ้าก็ติดตามข้ามาขนาดนี้แล้วก็ช่วยข้าหน่อยละกัน" โจวจินกล่าวสมทบ

"ขอรับนายน้อย" อาอี้ และอาเอ้อร์กล่าวเสี่ยงสั่น พลางพูดแนะนำนายน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่ควรรู้ในเมืองฉางอัน วิธีการฝึกฝนร่างกายขั้นพื้นฐาน

-------------------------

ทหารยาม "พวกเจ้ามาทำอะไร มาเป็นคันรถมาแต่มีคนแค่ 3 คน ไหนข้าเปิดรถม้าดูหน่อยซิ

ทหารยามไม่สนใจตราตระกูลโจว เดินไปเปิดผ้าคลุมเผื่อตรวจสอบ

ทหารยาม "พวกเจ้าเดินทางมาแค่นี้ มีเหล้าแค่ 5 ไห ใช่ไหม" ทั้งๆที่นัยต์ตาของทหารยามเห็นเหล้า 6 ไห แต่กลับกล่าวว่าเห็นแค่ 5 ไห

โจวจิน "ไม่......" ในขณะที่โจวจินกำลังกล่าวคำพูดกับทหารยาม อาอี้กับอาเอ้อร์ ดึงนายน้อยมาข้างหลังและกล่าวกับทหารยาม

"ใช่ขอรับ เราพกเหล้ามา 5 ไห เพื่อมาซื้อขายกับ นายท่านชางขอรับ พวกเราคาราวานสกุลโจว ค่อนข้างสนิทสนมกับนายท่านชาง หวังว่าทางท่านจะช่วยดูแลนายน้อยในระหว่างที่ท่านอยู่ที่นี่นะขอรับ" อาเอ้อร์โค้งพลางกล่าวกับทหารยาม


อาอี้กระซิบนายน้อย "นายน้อยขอรับ บทเรียนแรก พวกเราเป็นแค่พ่อค้า พวกเขาเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ท่านไม่แปลกใจรึขอรับ ว่าทำไมนายท่านถึงให้เหล้ามา 6 ไห ทั้งๆ ที่หน่วยการสั่งของเขาสั่งกับ แค่ 5 และ 0 เพราะท่านจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ยังไงล่ะขอรับ หลังจากวันนี้พวกข้าจะเตือนท่านไม่ได้แล้วนะขอรับ ขอท่านรักษาตัวด้วย"

โจวจินทำสีหน้าเสีย นี่ ดวงข้าไม่ทำงานหรือกระไร ทำไมโชคร้ายแบบนี้

"ถ้างั้นข้าขอผ่านเข้าไปนะครับ" โจวจินกล่าวกับทหารยาม ที่หยิบเหล้าของเขาออกมา 1 ไห หน้าตาตอนนี้เขายิ้มแย้ม แต่ในใจเขาจำหน้าทหารยามคนนี้เอาไว้แล้ว

ทหารยาม "ไปๆ ชิ คิดว่าจะได้ไถพวกเด็กใหม่ ดันมีพวกมือเก๋ามานำทาง " ทหารยามยิ้มเหล้าออกมา 1 ไห พลางกล่าวสบถ

"พวกเราไปรับข้าวที่โรงเตี๊ยมชางกันเถอะ ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี" โจวจินกล่าวกับ อาอี้และอาเอ้อร์พลางสั่งพวกเขาจูงม้าเดินตามมา

"เพราะพวกเราไม่มีอำนาจและ พลังยังไงล่ะขอรับนายน้อย ถ้านายน้่อยเป็นจอมยุทธ์ หรือมาเป็นคาราวานขบวนใหญ่ นายน้อยจะไม่โดนทหารยามตัวเล็กๆแบบเมื่อกี้ไถหรอกนะขอรับ เพราะงั้นข้าขอให้นายน้อยโชคดี" อาอี้กล่าว

------------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +10 คุณธรรม +5 ความชั่ว +15 ความโหด โพสต์ 2024-7-12 19:48
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-7-12 19:31
โพสต์ 9442 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-12 18:57
โพสต์ 9,442 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-12 18:57
โพสต์ 9,442 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2024-7-12 18:57

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +40 เหรียญอู่จู +1000 ย่อ เหตุผล
Admin + 40 + 1000

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2377
ความชั่ว
1202
ความโหด
2595
โพสต์ 2024-7-16 16:55:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด




胧月☪
LONGYUE

นับแต่จำความได้ข้าก็รู้ว่าตนเกิดมาในตระกูลที่มีเกียรติ

‘สกุลตวนมู่’ คือเสาหลักของขุนนางฝ่ายหวู่ในท้องพระโรง สืบเชื้อสายนับตั้งแต่ปฐมองค์จักรพรรดิฮั่นเกาจู่รวบรวมแผ่นดินต้าฮั่น และเป็นหนึ่งในสกุลที่สืบเชื้อสายนับย้อนหลังได้ถึงร้อยปีไม่กี่สกุลที่ยังยืนหยัดอยู่จวบจวนเวลานี้

มากเกียรติ มากอำนาจ คือ คำนิยามของ ‘พยัคฆ์หมอบตวนมู่’ ผู้ใต้อาณัติหวงตี้แห่งต้าฮั่น

หากว่าท้ายที่สุดแล้ว ดวงตะวันร้อนแรงย่อมมียามที่แสงลาลับ พยัคฆ์หมอบก็มีช่วงที่อ่อนล้าโรยแรง

ในรัชสมัยฮั่นจิงตี้ หูหยวนศกปีที่ 1 เกิดเหตุการณ์ชาวเผ่ารุกรานดินแดน บิดาข้า-ตวนมู่เจี้ยนเต๋อนำทัพออกศึกพร้อมบุตรชายทั้งสาม การข่าวมีข้อผิดพลาดเกิดการรั่วไหล ชีวิตบุรุษผู้แซ่ตวนมู่ล้วนถูกทิ้งทับถมไว้ที่ชายแดน มิรู้ว่าถูกสร้างเป็นบันไดในแผนการของผู้ใด

เพื่อให้ครอบครัวยังคงมีชีวิต ท่านย่าปิดประตูจวนเงียบไว้อาลัยแก่บุตรชายและทหารร่วมรบนับ 10 ปี แม้นรู้ว่าสงครามครั้งนั้นมีเรื่องไม่ชอบมาพากล หากผู้ที่ช่ำชองในความแยบยลของคลื่นทะเลราชสำนักมักกลายเป็นมังกรซ่อนเมื่อสิ้นอำนาจ ท่านย่าใช้แผนการนี้พยุงจวนสกุลตวนมู่มิให้สิ้นไร้ลูกหลานในอีกสิบปีให้หลัง

หากตัวข้ากลับยิ่งร้าวระทมมิอาจปล่อยวาง

มือบอบบางดุจสำลีของข้าเริ่มจับดาบแกว่งไกว น้ำหนักของอาวุธในมือช่างเกินกำลังของข้าเหลือทน หากกลิ่นคาวเลือดและความคลั่งแค้นใจยามประจักษ์ในการตายของท่านพ่อและพี่ชายปะทุขึ้นมา ข้ากลับรู้สึกว่าช่างคุ้มค่าที่จะฝึกปรือ

ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของข้า คือใช้มือสองข้างนี้ล้างแค้นแทนครอบครัว

นำเลือดของมันเซ่นสังเวยป้ายวิญญาณวีรชนสกุลตวนมู่

สดุดีแก่ทัพที่ปราชัย

แผ่นดินสิ้นขุนศึก ใต้หล้าโศกระทม

—----

CHAPTER 1


กงกงในรั้ววังกำลังเดินทางมาที่เจียงซู

หลงเยวี่ยได้ข่าวการคัดเลือกหญิงงามเพื่อผลิตทายาทแก่ราชวงศ์ตั้งแต่เมื่อกลางเดือนก่อน นับแต่นั้นหลงเยวี่ยก็เฝ้ารอราชโองการจากฉางอันทุกลมหายใจ

กล่าวว่า นางวาดฝันถึงราชโองการมาเนิ่นนานก็ไม่ผิดนัก

หลังสิ้นบิดา สกุลตวนมู่ได้รับพระราชทานที่ดินและทรัพย์สินมากมาย พร้อมกันนั้นฝ่าบาททรงประทานราชทินนามว่า เซี่ยวหนิง ให้แก่ท่านพ่อผู้ล่วงลับเพื่อระลึกถึงคุณงามความดี เกียรติและชื่อเสียงของจวนตวนมู่มีมากจนไม่รู้ว่าจะทิ้งไว้ที่ใด หากว่าทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนกลวงเปล่าซึ่งจะจางหายในอีกสิบปีให้หลัง

หลงเยวี่ยยอมคับแค้นใจอย่างยิ่ง

วีรบุรุษมีเพียงชื่ออีกสิบปีให้หลังยังจะเหลืออีกกี่ผู้ที่จะจดจำนามเหล่านั้นได้

ลมฤดูร้อนพัดพาต้องสายน้ำไหล แมลงปอบินโฉมไหวปีกหนีความวุ่นวาย ร่างเงาของหญิงสาวในชุดหญิงรับใช้เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบมาตามระเบียงทางเดิน ฝีเท้าซอยสั้นๆ ของนางดูรีบร้อน ทว่ากลับมิยอมเสียกิริยาเพียงนิด

สาวใช้เร่งก้าวเดินมาถึงศาลาจือโส่ว (รู้รักษ์) แล้วกลับหยุดฝีเท้าลง ก้มหน้าอย่างสำรวม เบื้องหน้าของนาง ปรากฏร่างงดงามลออตาของสตรีนางหนึ่ง นางสวมชุดผ้าต่วนสีสันงดงาม ตัดเย็บด้วยรูปแบบใหม่ ปักลวดลายดอกหอมหมื่นลี้สีเหลืองนวลแลดูงดงามสะอาดตา สวมคลุมทับด้วยแพรพรรณสีเขียวปักดิ้นทอง ชายผ้าพลิ้วไหวปรากฏประกายคมกล้าวาบผ่านระลอกหนึ่ง

หลงเยวี่ยพลิกคมกระบี่พลางใช้ผ้าเช็ดหน้าลูบไล้ไปตามเส้นโค้งมลรอบใบมีด สีหน้าแลดูจริงจังและผ่อนคลาย

“เรียนคุณหนู” สาวใช้เอ่ยเสียงสุขุม

“กงกงจากในวังมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

เรือนร่างคล้ายบอบบางรีบเก็บกระบี่ สีหน้าเผยแววปรีดา มุมปากหวานล้ำกดโค้งรอยยิ้มขึ้นอย่างแช่มช้อย นางแค่นเสียงหัวเราะบางเบา “รอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มาถึงเสียที นับว่าหวงตี้ยังมีหัวใจคิดถึงสกุลตวนมู่ของเรา”

ใบไม้ร่วงหล่นร่ายระบำยามชายผ้าพลิ้วไหว เจ้านายในสกุลตวนมู่เวลานี้เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เริ่มจากประมุขใหญ่อย่างฟูเหรินผู้เฒ่า นาม จูอิ้งหวา, สะใภ้ใหญ่ผู้มีศักดิ์เป็นหลานร่วมสายเลือด นาม จูอวี้หวน, บุตรสาวของตวนมู่เจี้ยนเต๋อ นายหญิงสี่ ตวนมู่หลงเยวี่ย, หลานสาวสายตรงของตวนมู่เจี้ยนเต๋อ คุณหนูใหญ่ ตวนมู่อิ๋นซี, และทายาทชายเพียงคนเดียวในจวน คุณชายรอง ตวนมู่อิ๋นเหวิน

เหลือเพียงห้าชีวิตเท่านั้น

จูอิ้งหวาในชุดทางการนำบรรดาเจ้านายและบ่าวรับใช้ในจวนยืนตามลำดับอาวุโสตรงลานกว้าง หลงเยวี่ยใต้ภูษางดงามเยื้องกรายดุจมังกรร่ายรำ ก้าวย่างอรชร หากย่างก้าวหนักแน่นมั่นคง ใบหน้าประดับรอยยิ้มสะคราญตา แลดูยึดมั่นและถือดี

“ข้ามาสายแล้ว ขออภัยที่ทำให้กงกงต้องรอนาน”

เอ่ยคำตามมารยาท หากแต่ไร้ทีท่าสำนึกผิด นางเพียงมาเป็นคนสุดท้าย ว่ากล่าวกันตามจริงเวลาก่อนหลังมิได้เหลื่อมล้ำกันถึงเพียงนั้น

“คุณหนูตวนมู่มาตรงฤกษ์งามยามดี จะนับว่าสายได้อย่างไร อย่าได้กล่าววาจาตำหนิตนเองเช่นนั้นเลย” กงกงผายมือ “เชิญเถิด”

หลงเยวี่ยเผยอยิ้มบางๆ ผินกายไปยืนเบื้องหลังผู้เป็นย่า ขันทีผู้อัญเชิญราชโองการกางแผ่นกระดาษสีทองอร่ามตรามังกรเหิน

“สกุลตวนมู่รับราชโองการ…” เจ้านายสกุลตวนมู่ต่างถวายบังคม ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า

“วันที่ยี่สิบหกเดือนหกแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ มีราชโองการดังนี้ สกุลตวนมู่ซื่อสัตย์ภักดี สมควรยกย่องเป็นแบบอย่าง ตวนมู่หลงเยวี่ย ธิดาเซี่ยวหนิงต้าเจียงจวินตวนมู่เจี้ยนเต๋อผู้ล่วงลับ อายุสิบเก้าปี สุขุมอ่อนหวาน เป็นแบบอย่างของสตรี แต่งตั้งเป็นเหม่ยเหริน สนมขั้นสี่ เข้าวังวันที่สิบเก้าเดือนเจ็ด ขอจงรักษาคุณความดีนี้ไว้ จบราชโองการ”

หลงเยวี่ยน้อบรับราชโองการ ใบหน้าเปี่ยมด้วยความสุขสมหวัง

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพระเกษมสำราญยิ่งยืนนาน”

หลังสิ้นการประกาศราชโองการ ก็เชิญผู้อัญเชิญโองการรับประทานอาหารและดื่มน้ำชา เนื่องจากมีธุระต่อขันทีและผู้ติดตามบางส่วนจึงพักที่จวนสกุลตวนมู่หนึ่งคืน ก่อนออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากราชโองการนี้เป็นเรื่องมงคล แม้สกุลตวนมู่จะปิดจวนนับสิบปี เพื่อเทิดพระเกียรติหวงตี้ เวลานี้ยังต้องจุดพลุยินดี จัดงานฉลองให้ชาวบ้านร่วมถนนตรอกซอยร่วมยินดี

หลงเยวี่ยลอบลำพองอยู่ในใจ ราชโองการฉบับนี้ของหวงตี้ คือ การเชื้อเชิญให้เข้ารับตำแหน่งนางสนม กล่าวก็คือเป็นอีกวิธีหนึ่งนอกเหนือจากการคัดเลือกหญิงงามทั่วไป วิธีพิเศษนี้จะใช้เรียกตัวบุตรีของขุนนางหรือบุคคลสำคัญในราชสำนัก

ตำแหน่งเหม่ยเหรินอยู่ที่ขั้นสี่ ยังไม่ถวายตัวก็ได้ตำแหน่งนี้แล้ว หวงตี้ทรงให้เกียรติสกุลตวนมู่จริงๆ

เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกวางใจขึ้นมาก

—----


สิ้นขบวนอัญเชิญราชโองการ จวนสกุลตวนมู่ก็เงียบสงัดไร้ชีวิตชีวาอย่างที่เคยเป็นมา

ทว่าในเรือนซูมู่ เวลานี้กลับมีเงาร่างของสตรีสองนางปิดเรือนสนทนากันด้วยบรรยากาศไม่ผ่อนคลาย เรือนซูมู่ปลูกบนสระน้ำจำลอง บัดนี้ในบ่อเต็มไปด้วยดอกบัวสีสันตระการตาอวดดอกชูช่อบานสะพรั่ง ใต้ใบสีเขียวมีฝูงปลาสีแดงบ้าง สีทองบ้าง แลดูงดงามราวกับตำหนักของเทพเซียน มือบางอรชรที่ทาผงชาดแดงสดหยิบเมล็ดอาหารกลมเกลี้ยงออกจากถาดกระเบื้องลายผีเสื้อ หลงเยวี่ยโปรยอาหารให้ฝูงปลามังกรด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

เสียงหวานเจือหัวเราะ ซ้ำยังแฝงความถือดี “ท่านพี่สะใภ้…. เมืองหลวงฉางอันแม้จะเต็มไปด้วยขวากหนามและผู้คนหัวใจดุจสัตว์ร้ายสารพัน หากก็ยังเป็นที่ประทับขององค์หวงตี้ เกียรติยศ อำนาจ และบารมีล้วนอยู่ในอุ้งพระหัตถ์…”

ขนงแบบบางปานกิ่งหลิวเลิกขึ้น… หากดวงหน้ายังมีแววหยอกล้อสวนทางกับวาจาที่เอ่ยกล่าว “...ท่านอาจลืมความอัปยศในคราวที่ท่านพ่อปราชัย อาจลืมว่าต้าเกอ(พี่ใหญ่) ตายอย่างไร ลืมคมเขี้ยวสุนัขป่าที่กัดกินพวกเขา ลืมพวกชนเผ่าไร้อารยะที่สังหารครอบครัวของพวกเราอย่างโหดเหี้ยม ลืมพวกคนถ่อยที่ส่งครอบครัวข้าไปตาย แต่ข้าไม่อาจลืมเลือนสักขณะจิต”

เกิดเสียงเงียบจนน่าอึดอัดใจ สะใภ้ใหญ่คล้ายสะอื้นให้อย่างเงียบงัน

จูอวี้หวนปักใจรักตวนมู่เจวี๋ยด้วยใจจริง หลายปีมานี้ถึงกับยอมรับเอาบุตรชายของอนุภรรยามาเลี้ยงดูอย่างให้เกียรติไม่ด่างพร้อยแตกต่างจากเลือดในอก ทว่าความรักของพวกเขาดุจดังฝนพรำในฤดูสารท ชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็จางไป

หลงเยวี่ยวางถ้วยอาหารปลาลงข้างลำตัว น้ำเสียงอ่อนลง “...ข้ารู้ว่าท่านกังวล สกุลตวนมู่ปิดจวนเก็บตัวเงียบอิ๋นเหวินถึงไม่เป็นไร แต่ผู้ที่ส่งบิดาข้าและท่านพี่ไปตายยังคงมีลมหายใจอยู่ สกุลเรามิอาจเป็นดังลูกไก่ในกำมือใครที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”

“อิ๋นเหวินมิอาจหลบซ่อนตัวได้ตลอดไป มีเพียงสังหารคนพวกนั้นให้สิ้น สกุลตวนมู่ถึงจะเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง แผ่นดินต้าฮั่นล้วนแต่ติดค้างหนี้บุญคุณของสกุลตวนมู่ หากข้าเป็นที่โปรดปรานก็แล้วไป แต่หากไม่ใช่เห็นแก่ท่านพ่อ อย่างไรพวกเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

“หากอยากมีอิสระอย่างแท้จริง ทางรอดของพวกเราคือล้างแค้น มิใช่เก็บตัวเงียบ”

“เรื่องนี้เจ้าปรึกษาท่านย่าแล้วหรือ”

หลงเยวี่ยมีดวงตาอ่อนลง นางลูบมือปลอบโยนพี่สะใภ้อย่างเงียบงัน “…ท่านย่าย่อมเห็นดีเห็นงาม”

“หลงเอ๋อร์…ขอบคุณเจ้าที่ทำเพื่ออิ๋นเหวินเสมอมา” จูอวี้หวนหลั่งน้ำตาดุจม่านไข่มุกตกลงสู่พื้นดิน ไหล่บางสั่นสะท้านอย่างทุกข์ใจ หากกลับเป็นภาพงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ “พวกเราผิดต่อเจ้านัก”

ผิดต่อข้าอันใดกัน สกุลตวนมู่เวลานี้แทบจะสิ้นไร้บุตรชาย หากปรารถนายศศักดิ์ดังเก่าก่อนช้าเร็วก็ต้องส่งธิดาเข้าวัง ยามนี้ชื่อเสียงของท่านพ่อยังมีอยู่เพื่อตอบแทนเขา อย่างน้อยฝ่าบาทก็ควรต้องหาคู่ครองที่ดีให้ข้า ให้สกุลตวนมู่ได้พักพิง”

“คู่ครองที่ดีใดเล่าจะเทียบเท่าฝ่าบาท” ใบหน้าหมดจดของนางมีสีแดงระเรื่อแผ่วเบา

จูอวี้หวนชะงักไปชั่วอึดใจ หัวใจเปี่ยมรักของหญิงสาวจะกล่าวว่าเป็นชั่วขณะหนึ่งของความสุขก็ย่อมได้ หากแต่เมื่อตื่นจากฝันทุกอย่างกลับคล้ายโหดร้ายกว่าความจริง คราวที่นางตบแต่งให้สกุลทหาร บิดาและมารดาล้วนทัดทาน หากมิใช่พี่สาวของท่านปู่คือนายหญิงใหญ่แห่งจวนตวนมู่ การเจรจาหมั้นหมายนี้คงมิสำเร็จ หากว่าช่วงวันเวลาที่หอมหวานนั้นกลับสั้นนัก เพียงสี่ห้าปีเท่านั้น สามีของนางก็ด่วนจากไป

เพียงแต่ผู้ที่หลงเยวี่ยปันใจให้กลับเป็นบุรุษที่มิอาจเป็นของนางได้สักขณะจิต

ความฝันนี้เพียงก้าวเท้าเข้าวังก็คล้ายว่าจะจบสิ้นแล้ว

จูอวี้หวนยิ้มไม่ออก “หากเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น พี่สะใภ้ก็เพียงหวังให้เจ้าสมดั่งปรารถนา”

จูอวี้หวนเช็ดน้ำตา นางยืนขึ้นพลางยอบกายลงอย่างชดช้อย เอ่ยวาจา “ขอเหม่ยเหรินสุขสมหวังทุกประการ หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

แม้เป็นครอบครัวเดียวกันแต่เมื่อมีราชโองการแต่งตั้งแล้ว นางก็ถือเป็นคนของจักรพรรดิ เป็นนายหญิงของแผ่นดินคนหนึ่ง ครอบครัวของนางสืบต่อมาช้านานมีธรรมเนียมบางประการเคร่งครัด เมื่อท่านย่าเอ่ยปากก็มิมีใครกล้าปฏิบัติต่อนางดังเช่นช่วงเวลาที่เป็นนายหญิงสี่

หลงเยวี่ยมองประตูที่ปิดลงด้วยสายตาเย้ยหยัน หลงรักฝ่าบาทอันใดกัน หัวใจของนางผูกสมัครรักใคร่ปลงใจกับความแค้นเนิ่นนานแล้ว… ทุกสิ่งอย่างก็เพื่อบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ ‘อิ๋นเหวิน’ ที่จะคืนความรุ่งโรจน์แก่วงศ์ตระกูล ร่วมกันชำระหนี้เลือดที่ติดค้างในใจ

—---

รางวัล: เงินติดตัวจากพ่อแม่ 50 ตำลึงทอง , 3000 อีแปะ , ห่อสัมภาระ 1 ห่อ , กระเป๋าขนาดกลาง 1 ใบ , +30 EXP




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-7-16 19:03
โพสต์ 32482 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-16 16:55
โพสต์ 32,482 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-16 16:55
โพสต์ 32,482 ไบต์และได้รับ +5 EXP +8 ความชั่ว +15 ความโหด จาก คนแข็งแรง  โพสต์ 2024-7-16 16:55

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +50 เหรียญอู่จู +3000 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 3000

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6
โพสต์ 2024-7-28 13:53:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โจวจินค่อยๆ ขับรถม้าด้วยความเบามือ ให้รถม้าขยับไปด้วยความนิ่มนวล เนื่องจากบุคคลที่นั่งอยู่นั้นน่าจะเป็นบุคคลสำคัญ

"ข้าขอเข้าเมืองหน่อยขอรับ" โจวจินกล่าวกับทหารยาม เนื่องจากจะผ่านเข้าเมืองต้องผ่านทหารยาม

"เจ้าพ่อค้าวันนี้มีสินค้าอะไรมาขาย อย่าลืมกฎเดิมนะเว้ย" ทหารยามคนเดิมเห็นหน้่าโจวจินจึงเตรียมกล่าวไถ แต่ในพริบตานั้นเอง มันสังเกตุได้ถึง ตราตระกูลหลิว และ คุณหนูหลิวก็เปิดผ้าม่านมากล่าวว่า

"ข้าพึ่งรู้ว่าทหารยาม สามารถรีดไถตระกูลหลิวได้ ข้าจะบอกท่านพ่อแน่นอน" คุณหนูหลิว ทำหน้านิ่ง และตีหน้าเป็นคุณหญิงกล่าวอัดทหารยามไป


"ขออภัยขอรับ" ทหารรีบกล่าวขออภัย และรีบปล่อยให้รถม้าเข้าตัวเมืองมา

"ขอบคุณท่านมากขอรับ คุณหนูหลิว เจ้าทหารยามคนนี้ชอบรีดไถคนที่เข้าเมืองมา ครั้งล่าสุดก็รีดไถ สุรานารีแดงไป ครั้งนี้ได้ท่านช่วยไว้เลย" โจวจินกล่าวขอบคุณ

"เรื่องเล็กน้อย" หลังจากเข้าตัวเมืองมา เหมือนคุณหนูหลิวจะเปลี่ยนไป ละวางความขี้กลัว ท่าทางดูน่าเกรงขามและน่านับถือ

โจวจินพารถม้าไปยังจุดจอด

"ถึงที่หมายแล้วขอรับข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" โจวจินกระโดดลงจากรถม้าและกล่าวลา

"เดี้ยวก่อน เจ้าช่วยตัวข้า ทำให้ข้ารอดชีวิตมาได้ เจ้ารับสิ่งของเล่านี่ไปด้วย" แม่นางหลิว หลังจากที่กลับมาถึงถิ่นของตัวเองก็ใจใหญ่ สั่งคนรับใช้ยกของขวัญมาให้ชายหนุ่ม

"เจ้าไม่ต้องปฎิเสธ ช่วยเหลือข้า ข้าให้ของตอบแทนเล็กน้อยแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ชีวิตข้ามีค่ามากกว่าของพวกนี้เยอะ" หญิงสาวโบกมือพลางบำเหน็จของให้ชายหนุ่ม

โจวจินทำหน้าตาดีใจ ในที่สุดการทำความดีของเขาก็ได้รับการตอบแทนแล้ว

หลังจากนั้น ทั้งคุณหนูและโจวจินก็แยกย้ายกัน

--------------------------------------------------------
รางวัลระบบ: +40 EXP , +50 พลังใจ , +20 ตบะฝึกฝน และ +35 คุณธรรม และ +20 ความโหด
รางวัลจากคุณหนู: +25 ตำลึงทอง รับเป็นตำลึงทอง และ ชาจวินซานหยินเจิน 1 ไห

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +35 คุณธรรม +20 ความโหด โพสต์ 2024-7-28 13:57
คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2024-7-28 13:56
โพสต์ 6528 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 13:53
โพสต์ 6,528 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +1 ความชั่ว +2 ความโหด จาก กระบี่  โพสต์ 2024-7-28 13:53
โพสต์ 6,528 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)  โพสต์ 2024-7-28 13:53

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +25 ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 25 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2024-8-29 10:59:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 10 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา  6.00 น




"นี่ซินะ เมืองที่ท่านพ่อบอกให้ข้ามา" เด็กหนุ่มค่อยๆเดินต่อเเถวเข้าเมือง


บรรยากาศนอกเมือง และ ในเมืองตอนนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวา น่าจะเพราะมีงานเทศกาลอะไรซักอย่างเด็กหนุ่มรีบต่อแถวเพื่อที่จะเข้าเมือง


เข้าไม่เชื่อ ไม่เชื่อพ่อของเขา เขาฝึกกระบี่มาตั้ง 10 ปี อีกทั้งยังตั้งใจมากๆ ตอนนี้คนรุ่นเดียวกับเขา คงไม่มีทางสู้เข้าได้แล้ว เด็กหนุ่มคิดในใจพลางนึกถึงคำพูดพ่อเขาที่ทำให้เขาได้ออกเดินทาง


'ข้าจะแสดงให้ท่านพ่อ ท่านแม่ดู ข้านี่แหละ เซียนกระบี่!' เด็กหนุ่มคิดในใจ


"เอ้ย เจ้าน่ะ เดินไปข้างหน้าซิ แถวข้างหลังยาวแล้ว" เป็นชายที่อยู่ด้านหลังเตือนเด็กหนุ่ม


เด็กหนุ่มก็ยิ้มเขินๆ ก่อนที่จะเดินต่อคิว


ไม่นานก็ถึงคิวของเขา


"ชื่อ และ สาเหตุ" ยามกล่าวถาม


"ซีเหมินชิง ข้าออกท่องยุทธภพ เห็นเมืองมีงานน่าสนใจ เลยอยากแวะขอรับ" เด็กหนุ่มกล่าว


"อืม อืม " ยามพยักหน้า


"เชิญ ยินดีตอนรับสู่เมืองของเราวันนี้มีงานเทศกาลเฉลิมฉลอง เจ้าไปเข้าร่วมซิ" เขายิ้มอย่างใจดี


ซีเหมินกล่าวขอบคุณก่อนที่จะเดินตรงไปงาน

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-8-29 11:01
โพสต์ 6740 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-8-29 10:59
โพสต์ 6,740 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ผู้ใช้กระบี่  โพสต์ 2024-8-29 10:59

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +40 เหรียญอู่จู +1000 ย่อ เหตุผล
Admin + 40 + 1000

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2025-6-25 23:09:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด

荷香万里夏
กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้

วันที่ยี่สิบห้าอู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ยามซื่อ ( 09.00 น. )


   จากสองเหลือเพียงหนึ่ง ระยะเวลาที่ต้องใช้ก่อนหน้าลดสั้นลงจนเหลือเพียงแค่หนึ่งวันในการเดินทางเท่านั้น จากกู้หลิงสู่ริวรั้วเมืองหลวงที่คุ้นเคย หากเป็นตัวของสตรีผู้สูงศักดิ์ในกาลก่อนหน้านี้เพียงวันเดียวก็คงจะไม่เร่งรีบเท่าใด ทว่าเมื่อได้ความจากคำทำนายแล้วไซร้ความรู้สึกที่ไม่อาจสบายอกสบายใจได้พลันตีขึ้นจนต้องขอเร่งเดินทางให้ไว้ขึ้นเท่าที่จะไวได้แทน

   “ความจริงแล้วข้าไม่ได้ตัวเล็กแบบนี้หรอก ร่างจริงของข้าตัวใหญ่มาก !”

   “ร่างจริงงั้นหรือ แล้วตอนนี้เจ้าแปลงได้หรือไม่ ?”

   “ข้ายังไม่อยากฝืนแปลงเท่าไหร่ การบาดเจ็บทำให้ตบะหายไปฟื้นฟูร่างกาย อีกอย่างถ้าแปลงร่างขึ้นมาจริง ๆ รถม้าของพวกเจ้าพังเละแน่ ๆ ”

   “งั้นก็อย่าแปลงเลยเสี่ยวเฮยของข้า”

   การสนทนานี้แม้ดูเรียบง่าย ทว่าสิ่งที่ไม่เรียบง่ายเลยก็คือสภาพของสตรีผุ้สูงศักดิ์กำลังนอนเอกขเนกบนเบาะนุ่มโดยที่มีเว่ยซานนอนก่อน ทับด้วยสตรีบางซุกขนนุ่มและเหนือกายของนางก็มีเจ้าตัวขนขนามเท่าสองฝ่ามือกำลังนอนทับอีกที เป็นภาพที่มีความสุขแลดูอบอุ่นนัก จ้าวหนิงเฟยผู้ได้มีบุญทัศนาภาพเช่นนี้ก็ได้แต่แย้มสรวลงามอย่างสบายใจ อย่างนี้นายหญิงของนางก็มิได้จมจ่อกับความเดียวดาย ดังเช่นเสียงขลุ่ยริมลำน้ำนอกเมืองอู่หลิง

   ภาพของสตรีผู้งดงามที่สุดในสายตาของบ่าว แนบริมฝีปากประทับเป่าท่วงทำนองแสนหวานทว่ากลับรู้สึกถึงลมคิมหันต์อันเย็นเหยียบในดวงจิตแทน เสียงจิ้งหรีดดังก้อง เสียงสกุณาร่ำร้อง ไม่อาจเทียบเทียมเสียงของดนตรีจากยอดนักบรรเลงได้เลย

   ทว่าหากเทียบกันแล้ว สำหรับบ่าวเช่นนางภาพตรงหน้านี้น่ามองกว่าหลายสิบส่วนเชียว

   ด้วยรถม้าที่เร่งขึ้นทำให้ไม่อาจหลีกเลี่ยงแรงสะเทือนชวนเวียนหัวได้ สิ่งที่ผู้โดยสารทั้งสองคนสองตัวกระทำจึงกลายเป็นการหลับตาลงเอนกายพักเอาแรงป้องกันมิให้ตัวเองตลื่นไส้อาเจียนออกมาเสียก่อน

   ในช่วงเวลาที่ผ่านไปราวชั่วพริบตา ทั้งหมดก็ตื่นด้วยการชะลอรถม้าของจางสู่ ทัศนาที่ปรากฎภาพนอกแสนคุ้นเคยนั้นทำให้นางได้กระหนักว่าบัดนี้นางได้ก้าวเข้ามาสู่ ณ จุดเดิมที่นางควรอยู่เสียแล้ว

   ฉางอันในยามสนธนา ช่างน่ามองนัก





กลับฉางอันสักที ฮื่ออออออออออออ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8195 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-25 23:09
โพสต์ 8,195 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-25 23:09
โพสต์ 8,195 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-6-25 23:09
โพสต์ 8,195 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-6-25 23:09
โพสต์ 8,195 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-6-25 23:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้