|
Flashback
ฤดูใบไม้ผลิ 4 ปีก่อน

ณ ชายป่าด้านตะวันตกของเมืองเฉิงตู มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึก ละอองหมอกยามเช้าลอยอ้อยอิ่งปกคลุมยอดไม้เขียวชอุ่ม แสงอาทิตย์ยามอรุณรุ่งสาดส่องลอดกิ่งก้านใบเข้ามาเป็นลำแสงสีทองจับตา ซูเหยาในชุดผ้าฝ้ายสีอ่อนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อกกที่ปูอย่างเรียบร้อยบนพื้นดินที่อัดแน่นจนเรียบแข็ง
ดวงตากลมโตของนางหลับพริ้มสนิท ลมหายใจเข้าออกเป็นไปอย่างช้า ๆ สม่ำเสมอและยาวนานราวกับสายน้ำที่ไหลเรื่อยในลำธารเบื้องล่าง เส้นผมที่ถูกรวบขึ้นอย่างหลวม ๆ มีกลีบดอกไม้ป่าสีม่วงเล็ก ๆ ร่วงลงมาเกาะอยู่โดยที่นางไม่รู้ตัว สองมือวางซ้อนกันบนตัก ในท่าประสานกายเพื่อรวมจิตใจให้สงบ กลิ่นหอมจาง ๆ ของเครื่องหอมสมุนไพรที่จุดไว้ในกระถางดินเผาเล็ก ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ผสมผสานกับกลิ่นดินและกลิ่นหญ้าเปียกชื้นยามเช้า สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ทำให้จิตใจที่เคยซุกซนของเด็กสาววัยสิบหนาวสงบนิ่งลงได้ในที่สุด
ท่านหมอซูมู่เฉินผู้เป็นท่านตาของนางกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ไผ่เก่า ๆ อีกฝั่งหนึ่ง ดวงตาที่ผ่านโลกมานับไม่ถ้วนของเขาทอดมองหลานสาวอย่างพึงพอใจ มือข้างหนึ่งลูบเคราสีดอกเลาที่ยาวลงมาอย่างนุ่มนวล เขามักจะใช้ช่วงเวลานี้สอนสั่งซูเหยาเสมอ
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ซูเหยาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แววตาของนางกระจ่างใสราวกับน้ำในแอ่งน้ำบนภูเขาไร้ซึ่งความขุ่นมัว นางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามท่านตาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ
"ท่านตา เหตุใดเราต้องฝึกบำเพ็ญด้วยเจ้าคะ? ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าต้องนั่งนิ่ง ๆ แบบนี้ทุกเช้า มันช่าง…น่าเบื่อเหลือเกิน"
ซูมู่เฉินยิ้มบาง ๆ เขาพยักหน้าเล็กน้อยราวกับเข้าใจความรู้สึกของหลานสาว
"การฝึกบำเพ็ญนั้นไม่ใช่เพียงการนั่งนิ่ง ๆ หรอกเหยาเอ๋อร์" ท่านหมอเอ่ยช้า ๆ น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น "นี่คือการฝึกสมาธิและจิตใจให้มั่นคงและแน่วแน่…จิตใจของคนเรานั้นเปรียบเสมือนม้าป่าที่ไม่เชื่อง หากเราไม่ฝึกฝนให้ดี มันก็จะพยศและนำพาเราไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง การบำเพ็ญนี้คือการฝึกให้จิตใจของเราอยู่กับตัว อยู่กับปัจจุบัน ไม่วอกแวกไปตามอารมณ์หรือสิ่งยั่วยุต่าง ๆ เมื่อจิตใจสงบและมั่นคงแล้ว สติปัญญาก็จะเฉียบคมขึ้น"
ซูเหยานั่งฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าเล็ก ๆ ฉายแววครุ่นคิด ก่อนที่ท่านตาจะกล่าวต่อไป
"การจะเป็นหมอที่ดีได้นั้น จิตใจต้องดีด้วยเช่นกัน เราต้องมองเห็นผู้ป่วยทุกคนเป็นหนึ่งชีวิตที่สำคัญ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี ยากดีมีจนอย่างไรก็ไม่สำคัญ หากเป็นหนึ่งชีวิตที่กำลังทุกข์ทรมาน เราก็ต้องช่วยเหลือเขาโดยไม่มีการแบ่งแยกหรือเลือกปฏิบัติ และจงจำไว้ว่าการบำเพ็ญนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิชาแพทย์ที่เรากำลังร่ำเรียน"
ซูมู่เฉินหยุดพักเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเข็มเงินขนาดเล็กออกมาจากกล่องไม้หอมแล้ววางลงบนฝ่ามือ
"ดูสิ เข็มเล่มนี้เล็กเพียงเท่านี้ หากใจเราไม่สงบ ไม่แน่วแน่ มือของเราก็จะสั่นคลอน การลงเข็มเพื่อรักษาจึงขาดความแม่นยำ ยามที่เราต้องใช้เข็มเพื่อรักษา เส้นทางของพลังปราณในร่างกายมนุษย์นั้นละเอียดอ่อนนัก หากพลาดไปแม้แต่น้อยก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้…ดังนั้นการบำเพ็ญนี้จึงเป็นการฝึกฝน การลงเข็มให้แม่นยำไม่ใช่แค่เพียงการใช้ตามอง แต่ต้องใช้ใจสัมผัสและใช้สติควบคุมให้แม่นยำดุจเดียวกับจิตรกรที่บรรจงวาดพู่กันลงบนผืนผ้าไหม เจ้าถูกฝึกให้บำเพ็ญมาตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อให้สมาธิของเจ้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับมือ เมื่อจิตใจนิ่ง มือก็จะไม่สั่น เมื่อจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกับเข็มแล้ว ลมปราณก็จะไหลเวียนไปตามที่ควรจะเป็น การรักษาก็จะเกิดผล"
ซูเหยามองเข็มเงินที่วางอยู่บนฝ่ามือของท่านตาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม จากที่เคยรู้สึกว่าเป็นการฝึกที่น่าเบื่อ ตอนนี้ความหมายของมันชัดเจนขึ้นในจิตใจของนางราวกับสายน้ำที่เพิ่งใสสะอาดขึ้นมาฉับพลัน นางพยักหน้าอย่างเข้าใจลึกซึ้ง และเริ่มขัดสมาธิใหม่อีกครั้ง คราวนี้จิตใจของนางแน่วแน่กว่าที่เคยเป็นมาทั้งหมด นางหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับภาพของเข็มเงินที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำในจินตนาการ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันหนึ่งที่นางจะต้องใช้มันเพื่อช่วยเหลือผู้คนอย่างแท้จริง
แบบฟอร์มปลดความชำนาญ
รูปภาพ:
ทักษะความชำนาญ: ศาสตร์การบำเพ็ญ
|