1234567
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป

[ตลาดตะวันออก]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 4 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 24 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ตลาดตะวันออก (พบ เสี่ยวจ้าวจื่อ)


แสงแดดยามโหย่วคลี่ตัวอ่อนแรงเคลือบท้องฟ้าด้วยสีส้มทอง ตลาดตะวันออกคลาคล่ำด้วยผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ขายที่ตะโกนเรียกลูกค้า เสียงต่อรองราคา และกลิ่นอาหารสดที่คลุ้งไปทั่ว หลินหยากำลังยืนเลือกปลาสดอยู่หน้าแผง แววตาจริงจังอย่างคนตั้งใจจะได้ปลาที่ดีที่สุด พอคว้าตัวที่ถูกใจก็จ่ายเงินยัดปลาลงย่ามผ้า ก่อนจะยู่หน้าเล็กน้อยเพราะกลิ่นคาวติดมือ ทันใดนั้น เสียงอ่อนโยนเรียกขึ้นจากด้านข้าง “แม่นางหลินหยา?” หลินหยาเงยหน้าขึ้น เห็นร่างผอมสูงในชุดชาววังสีหม่น เสี่ยวจ้าวจื่อกำลังยืนกอดตะกร้าวัตถุดิบแน่น ใบหน้าเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ เขาดูตกใจเล็กน้อยที่บังเอิญเจอหลินหยานอกวังบ่อยเหมือนกัน


“อ้าว เสี่ยวจ้าวจื่อ” หลินหยายิ้มออกมาทันที น้ำเสียงเป็นมิตรเหมือนเจอสหายเก่า “เจ้ามาซื้อวัตถุดิบหรอ?” เด็กหนุ่มพยักหน้ารัว “ขอรับ วันนี้หัวหน้าครัวสั่งให้ข้ามาซื้อของสดเพิ่ม…ท่านกำลังจะกลับบ้านหรือขอรับ?” เขาถามอย่างเกรงใจ หลินหยาโชว์ย่ามที่มีปลาสดโผล่หางออกมาให้ดู “อือฮึ ข้ากะว่าจะทำปลาให้มื้อเย็นหน่อยน่ะ” นางพูดพลางหัวเราะเบา ๆ แล้วก้มลงดมมือ ทำหน้าตาขำ ๆ “เฮ้อ กลิ่นคาวนี่ติดไม่ยอมหลุดเลย” เสี่ยวจ้าวจื่อยิ้มเจื่อน ก่อนจะเสนอเสียงแผ่ว “ถ้าแม่นางไม่รังเกียจ ข้าพอมีวิธีล้างกลิ่นคาวนะขอรับ ใช้น้ำขิงกับน้ำส้มสายชูผสมกันนิดหน่อย ล้างมือแล้วกลิ่นจะหายไป” 


หลินหยาตาโตขึ้นเล็กน้อย “อืม…เจ้ารู้เยอะนี่ คราวหน้าสอนข้าหน่อยนะ” เขาเกาศีรษะด้วยความเขิน “ข้าก็แค่เคยทำตามที่อาจารย์สอนเท่านั้นเอง…” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยแต่เต็มไปด้วยความภูมิใจที่ได้ช่วยหลินหยา พวกเขาเดินคุยกันต่อสั้น ๆ เสี่ยวจ้าวจื่อเล่าว่าวันนี้จะต้องขนวัตถุดิบจำนวนมากกลับไปโรงครัวหลวง หลินหยามองเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ “เจ้าทำงานหนักจริง ๆ นะ”


เขาส่ายหน้าอย่างถ่อมตัว “ไม่หรอกขอรับ ข้า…ชอบทำอาหาร”


หลินหยาเดินช้า ๆ เคียงข้างเสี่ยวจ้าวจื่อ ดวงตานางทอดมองเด็กหนุ่มตัวเล็กที่กำลังถือถุงวัตถุดิบแน่น มือเขาออกจะสั่นเพราะของหนักแต่กลับไม่บ่นสักคำ นั่นยิ่งทำให้หลินหยานิ่งครุ่นคิด ใบหน้างามเปื้อนรอยยิ้มเพียงชั่วครู่ก่อนที่เสียงของนางจะดังขึ้นอย่างจริงจัง “เจ้าฟังข้านะ เสี่ยวจ้าวจื่อ” นางหยุดก้าวและหันไปสบตาเขา ดวงตาคมหวานสั่นไหวด้วยแววกังวล “หากเจ้าโดนรังแกในโรงครัว ไม่ว่าจากใคร…อย่าลืมมาบอกข้านะถึงข้าจะช่วยอะไรเจ้าไม่ค่อยได้ก็เถอะ” เสียงนั้นมั่นคงจนเด็กหนุ่มชะงักนิ่ง


เสี่ยวจ้าวจื่อทำตาโตไม่คิดว่าหลินหยาจะพูดตรง ๆ ขนาดนี้ เขากระซิบกลับเบา ๆ “ขอรับ…แม่นางหลินหยา”


หลินหยาก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิมแต่ไม่ใกล้เกินไป กดเสียงต่ำราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน “และถ้าเจออะไรผิดปกติโดยเฉพาะคำสั่งแปลก ๆ จากจงฉางชื่อ…เจ้าต้องบอกข้าให้ได้ เข้าใจไหม” แววตาของเด็กหนุ่มฉายความตกใจน้อย ๆ เขารู้จักชื่อจงฉางชื่อนั้นดี ชื่อที่ไม่มีใครในวังไม่หวาดเกรง เสียงเขาเบาหวิว “ขะ…ข้าเข้าใจขอรับ”


หลินหยาสูดลมหายใจ เธอพยายามกลบความรู้สึกขุ่นมัวในใจ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับจางกงกงซับซ้อนเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ และเธอจะไม่มีวันเอ่ยเรื่องนี้ให้เสี่ยวจ้าวจื่อรู้เด็ดขาด นางเพียงยื่นมือไปแตะไหล่เขาแน่นเล็กน้อยเป็นเชิงเตือนและปกป้อง “จำไว้นะ…ไม่ว่าเจ้าจะกลัวแค่ไหน ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ” เสี่ยวจ้าวจื่อกัดริมฝีปาก พยักหน้าเบา ๆ ด้วยความซาบซึ้งในถ้อยคำที่อบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใด ใบหน้าของเขายังคงขวยเขิน แต่ก็ฉายความมุ่งมั่นแฝงอยู่ลึก ๆ ข้างในใจ


เสี่ยวจ้าวจื่อเงยหน้าขึ้น แววตาที่หวาดระแวงกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นเมื่อสบกับสายตาของหลินหยา เขายิ้มบาง ๆ แม้จะยังดูขี้กลัวอยู่บ้าง “ขอบคุณแม่นาง…ข้าจะระวังตัว” คำสัญญาเงียบ ๆ ของเด็กหนุ่มทำให้หลินหยารู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย แม้ในใจนางจะยังแอบกังวลกับสายตาที่จางกงกงมองเธอเมื่อวาน แต่ตอนนี้ เธอจะปกป้องเสี่ยวจ้าวจื่อไว้ให้ได้เพราะเขาไม่ควรตกเป็นเหยื่อของความสัมพันธ์อันซับซ้อนและอันตรายระหว่างนางกับบุรุษคนนั้น…


ก่อนจะแยกกัน หลินหยายกมือโบก “งั้นดูแลตัวเองด้วยนะเสี่ยวจ้าวจื่อ คราวหน้าถ้าว่างข้ามีของอยากให้ชิมด้วย” ใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ รีบพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะหอบตะกร้าวิ่งกลับไปทางวังหลวง ส่วนหลินหยาก็หันหลังกลับ เดินไปตามถนนด้วยหัวใจที่เบาโหวงอย่างน่าประหลาด ขณะย่ามปลาสะบัดไปมาตามจังหวะก้าวเดินของนาง




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาปลดน้องงงงง

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 21622 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,622 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,622 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,622 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 21,622 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 4 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด



วันที่ 25 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก ตลาดตะวันออก

อีเว้นท์ ภารกิจ “กลิ่นอายในวังหลวง” 


ตลาดตะวันออกคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เสียงเจรจาซื้อขายดังระงมตัดกับเสียงระฆังยามบ่าย ลมร้อนพัดแทรกกลิ่นเครื่องเทศและสมุนไพรอวลไปทั่ว หลินหยาคลุมผ้าบาง ๆ ปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่ง แทรกตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างแนบเนียน ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนหวานฉายแววระแวดระวัง หญิงสาวจงใจพรมน้ำหอมกลิ่นไม้หอมปนดอกไม้ที่ไม่คุ้นชิน แม้ใครที่คุ้นกับกลิ่นกฤษณาของนางก็ไม่อาจจับได้ว่าเป็นเธอ


และแล้วนางก็เห็นร่างสูงในชุดบุรุษสวมหน้ากากครึ่งหน้าท่านชายห่าวหมิง ผู้ที่ใคร ๆ ในตลาดต่างหลบทางให้โดยไม่ต้องมีใครสั่ง เพียงรัศมีเย็นเยียบที่แผ่ออกมาก็ทำให้พ่อค้าแม่ขายหลายคนกลืนน้ำลาย นางแอบยืนพิงแผงขายผลไม้ตากลมพลางมองตาม เขาเดินอย่างสงบ แต่สายตาคมใต้หน้ากากกวาดสำรวจทุกอย่างรอบตัวราวกับนักล่าที่กำลังคัดเลือกเหยื่อ จางกงกงหยุดที่แผงขายสมุนไพรหายาก มือยกขึ้นพลิกดูรากไม้สีดำเงามัน ข้าง ๆ มีพ่อค้าแก่ที่ก้มหัวต่ำตัวสั่น นั่นคงเป็นหนึ่งในส่วนผสมของสิ่งที่เขาตามหาหรือเปล่านะ?


หลินหยากำลังคิดจะขยับตาม เงียบเชียบราวแมวที่คอยตามเหยื่อแต่นางไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นแม้ไม่ได้หันมากลับเหมือนรู้ตัวว่ามีเงาเล็ก ๆ ตามหลัง รอยยิ้มบาง ๆ แฝงในมุมปากที่ไม่มีใครเห็น "เสี่ยวหยา...เจ้ากล้าตามข้า? น่าสนใจยิ่งนัก" แต่เขาไม่หันกลับ เพียงเดินลึกเข้าไปในตรอกด้านในของตลาด ปล่อยให้นางหลงคิดว่ายังปลอดภัย


หลินหยากัดริมฝีปากแน่นใจเต้นระรัว “ท่านกำลังจะทำอะไรอีกกันนะ…” นางก้าวตามห่าง ๆ ในใจทั้งหวาด ทั้งห่วง ทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน โดยไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของนางนั้นอยู่ในสายตาของจงฉางชื่อมาตลอด


เสียงตลาดด้านนอกค่อย ๆ เลือนหาย กลิ่นชื้นของตรอกแคบแทรกปนกลิ่นคาวสมุนไพร หลินหยาย่องไปหลังกำแพง อกเต้นแรงราวกลองศึก ดวงตากลมจ้องภาพตรงหน้าบุรุษสวมหน้ากากครึ่งหน้า กำลังยืนคุยกับพ่อค้าหน้าตาลึกลับในชุดมอมแมม พวกเขากระซิบกระซาบราวกับโลกนี้มีเพียงสองคน จางกงกงก้มลงเล็กน้อย เสียงต่ำราวเสือขู่กระซิบ


"ข้าต้องการเห็ดดำลายเลือด...ครบจำนวนที่สั่ง อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง และห้ามปากสว่าง"


พ่อค้าหน้าซีดเผือด รีบก้มหัวส่งห่อผ้าเล็ก ๆ มีกลิ่นขมฉุน หลินหยายกมือปิดปากตัวเองแทบกลั้นหายใจ เห็ดพิษ...ท่านจะเอาไปทำอะไร...หรือว่า... ดวงตาของนางสั่นไหวทันที เสี่ยวจ้าวจื่อ! เขาอยู่โรงครัวหลวง!


หัวใจหลินหยาเหมือนโดนบีบ เธอรีบย่องถอยกลับ เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วกระซิบเรียกเจ้าหมาน้อย “เซียนเฉ่า! มานี่เร็ว!” เจ้าหมาน้อยหมาสามหัวในร่างลูกสุนัขตัวจิ๋วปรากฏตัว เงี่ยหูฟัง นางก้มลงกระซิบกระซาบรัว “ไปบอกเสี่ยวจ้าวจื่อ! บอกเขาให้ระวัง ห้ามแตะอาหารจากโรงครัวถ้าไม่ได้ทำเอง! ถ้าเป็นของที่มาจากจงฉางชื่อ ห้ามกินเด็ดขาด!” เจ้าหมาน้อยส่งเสียงครางหงิงเหมือนตอบรับ ดวงตาเล็ก ๆ วาววับ ก่อนพุ่งตัวหายไปเหมือนเงาลม หลินหยากัดฟันแน่นหันกลับมามองตรอกนั้นอีกครั้ง จางกงกงยังคงยืนอยู่ ดวงตาคมใต้หน้ากากหันมามองทางหลังกำแพงเพียงเสี้ยววินาทีเหมือนรู้ตัวว่ามีคนแอบดู รอยยิ้มบางราวกับพิษชื้นปรากฏขึ้นที่มุมปาก เจ้ากล้าหรือ...เสี่ยวหยา?


หลินหยาหัวใจหล่นวูบรีบหดตัวแนบกำแพงแทบไม่กล้าขยับ หวังเพียงว่าเขาจะปล่อยให้เธอรอดไป... แต่กับคนอย่างจางกงกง ใครจะรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในเงามืดนั้น


จางกงกงหมุนตัวช้า ๆ ราวกับผู้ล่าที่รู้ตำแหน่งเหยื่อแล้วทุกฝีก้าว สายตาใต้หน้ากากกวาดมองไปตามกำแพงเก่าอย่างจงใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกวาดชุดเห็ดพิษในห่อผ้า แล้วโยนเหรียญตำลึงทองถุงหนึ่งลงบนโต๊ะพ่อค้าดัง ฉิ่ง! เสียงเหรียญกระทบโลหะสะท้อนก้องในตรอกเงียบ เขาเอ่ยเสียงทุ้มเย็น “ข้าเกลียดหนูที่ชอบแอบฟัง…ยิ่งหนูที่คิดว่าตนฉลาดพอจะหลบสายตาข้า” น้ำเสียงเยือกเย็นนั้นก้องในตรอกจนหลินหยาที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงเผลอกลั้นหายใจ


ชายสวมหน้ากากครึ่งหน้ายกมือขึ้น กรีดอากาศเบา ๆ มีเสียงหวีดจากมีดสั้นที่ถูกดีดให้หมุนไปปักแน่นกับไม้เก่าของกำแพง ตรงจุดที่หลินหยาแอบซ่อนเพียงคืบเดียว “จะออกมาเอง...หรือจะให้ข้าไปลากเจ้าออกมา” เสียงนั้นไม่ดังมากแต่กดดันจนหัวใจคนฟังสั่นสะท้าน


หลินหยากัดฟันแน่นใจเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก ไอ้คนบ้า...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่! ร่างเล็กยืนลังเลเพียงอึดใจ แต่แล้วก็ขยับตัวช้า ๆ โผล่ออกมาจากหลังกำแพง ดวงตากลมหวานแต่แข็งกร้าวจ้องเขา จางกงกงยิ้มมุมปากรอยยิ้มที่เหมือนอสรพิษเลื้อยในเงามืด “เสี่ยวหยา…เจ้ากล้าดีนักนะ” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความพอใจปนบ้าคลั่ง “ถ้ากล้าแอบตามข้า ก็จงรับผลของความกล้านี้ให้ได้”


เขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว จนระยะห่างหายไปแทบสิ้น ดวงตาคมราวกับจะกลืนกินนางทั้งตัว ความรู้สึกเหมือนโดนเหยี่ยวจ้องเหยื่อ หลินหยาก้าวถอยโดยสัญชาตญาณ แต่สุดท้ายหลังน้อยก็ชนกำแพง จางกงกงโน้มตัวลงกระซิบข้างหูด้วยเสียงที่กดต่ำพร่าชั่วร้าย “เจ้าอยากรู้นักใช่ไหม...ว่าข้าทำอะไรกับเห็ดพวกนี้? เจ้าจะได้รู้...แต่จะไม่ใช่ในแบบที่เจ้าคิด” หลินหยากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นางรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่เป็นเกมของปีศาจที่เธอเองตกลงมาโดยไม่ทันรู้ตัว


เอาวะ ด้านได้อายอด! นางสูดหายใจลึกมองคนที่เข้ามาใกล้ จับแขนแข็งแรงของเขาไว้แน่น เงยหน้าช้อนตามองด้วยท่าทีเหมือนจะไม่กลัว แต่ในอกเต้นรัว “ข้าแค่บังเอิญเฉย ๆ กำลังจะไปหาท่านอยู่แล้ว…เจอท่านพอดีเลย” น้ำเสียงออดอ้อน ชะม้อยชะม้ายชายตาใสซื่อให้เหมือนคนไร้พิษภัย จางกงกงหยุดสนิทดวงตาใต้หน้ากากวาวขึ้นราวกับเสือที่เล็งเหยื่อ กลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ออกมารอบกาย แต่รอยยิ้มที่มุมปากกลับบิดเบี้ยวเจือขบขัน “บังเอิญหรือ…เจ้าช่างกล้าพูด” เสียงของเขาต่ำ ลากช้าเหมือนสายพิษที่ไหลเข้าหัวใจของหลินหยา


เขาก้มตัวลงเล็กน้อย ดวงตาคมลึกเจาะลึกเข้าไปในนัยน์ตานางราวกับจะดูทะลุทุกคำโกหก ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนางแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยแรงกดแฝง “เสี่ยวหยา เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าเกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นโกหกกับข้า…แต่กับเจ้ากลับต่างออกไป เพราะข้าชอบเวลาเจ้าพยายามโกหก”


หลินหยายิ้มกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพยายามทำเสียงออดอ้อนให้เหมือนจริง “ข้าพูดจริงนะ…ข้าจะไปหาท่านอยู่แล้ว…”


จางกงกงหัวเราะในลำคอแผ่วพร่าใกล้เสียจนลมหายใจของเขาแตะผิวแก้ม “ดี…เจ้ากล้าเข้ามาหาข้าเองงั้นหรือ” เขาจับแขนของนางแน่นขึ้น ดึงเข้ามาใกล้จนร่างเล็กแทบชนอกกว้าง “จำไว้นะเสี่ยวหยา…เมื่อเจ้าเล่นเกมกับข้าแล้ว เจ้าจะไม่มีวันออกไปจากมันโดยไม่ทิ้งบางสิ่งไว้ให้ข้า” คำพูดของเขาเย็นเฉียบแต่กลับทำให้เลือดในกายหลินหยาร้อนผ่าว ทั้งหวาดกลัวทั้งใจสั่น ในตรอกแคบ ๆ ที่ไร้ผู้คน จางกงกงในคราบห่าวหมิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยราวกับผู้ล่าที่กำลังพึงพอใจในเหยื่อที่เดินเข้ากรงเล็บเอง


หลินหยาที่เห็นท่าไม่ดีแล้ว เอาว่ะเราต้องลองสักตั้ง อ้อมแขนของจางกงกงตึงเครียดเพียงชั่ววินาที ก่อนที่กล้ามเนื้อใต้ชุดคลายเล็กน้อยเมื่อแมวน้อยตรงหน้าซบอกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาคมภายใต้หน้ากากก้มลงมองนาง ราวกับจะจดจำทุกเสี้ยวอารมณ์ที่สะท้อนบนใบหน้าหวานนั้นไว้ หลินหยายังคงซบอกเขา มือเล็กกำเบา ๆ ที่ชายเสื้อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทั้งที่แก้มยังแนบกับอกอีกคน เสียงหวานอ้อนราวกับสายฝนโปรย “ท่านอย่าคิดอะไรมากสิ…ข้าแค่ตามมาเอง โธ่…อย่าเข้าใจผิดสิ” นางไม่เคยพูดออดอ้อนแบบนี้มาก่อนและไม่เคยชิดใกล้เขาถึงเพียงนี้ด้วย


แววตาจางกงกงวาวขึ้นทันที ความพอใจผสมความมืดดำที่ปนอยู่ในส่วนลึกกำลังคุกรุ่น ใบหน้าเขาโน้มลงจนลมหายใจร้อนแล่นผ่านไรผมนาง เสียงทุ้มพร่าหลุดออกมาพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยวที่มีเพียงเธอจะได้เห็น “เสี่ยวหยา…เจ้าไม่ควรทำให้ข้ารู้สึกเช่นนี้…มันจะทำให้ข้าอยากครอบครองเจ้ายิ่งกว่าเดิม” เขาใช้นิ้วเกลี่ยปลายคางนางแผ่วช้า จงใจลากสัมผัสจนหัวใจของนางสั่นระรัว “เจ้ารู้หรือไม่…ว่าเวลาที่เจ้าอ้อน ข้าเกลียดมันเหลือเกินที่อยากใจอ่อนกับเจ้า” เสียงของเขาต่ำลงอีกขั้น ก่อนจะกระซิบแนบหูด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอไปด้วยความบิดเบี้ยว 


“อันตรายเกินไปแล้วเสี่ยวหยา…เจ้าจะทำให้ข้าเสียอาการจริง ๆ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่แขนที่โอบรอบเอวนางกลับแน่นขึ้นเล็กน้อย ดั่งกับไม่อยากให้แมวน้อยในอ้อมกอดหนีไปไหนแม้เพียงก้าวเดียว


หลินหยาใช้จังหวะนี้เหมือนจะขยับมือไปจับเอวของจางกงกงเธออยากจะขโมยเห็ดพิษจากจางกงกงเขาจะได้ไม่เอาไปทำร้ายใครอีก แต่ทว่าสายตาคมของจางกงกงหรี่ลงน้อย ๆ เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในจังหวะที่แมวน้อยตรงหน้าขยับมืออย่างแผ่วเบาไปที่เอวของเขา แต่ยังไม่ทันจะตั้งคำถาม ริมฝีปากของหลินหยาก็แนบขึ้นมาอย่างกะทันหันกดจูบเขาตอนที่เธอยืดเท้าขึ้นสุดตัว รสจูบนั้นเต็มไปด้วยความโหยหาและแฝงความกล้าแบบที่นางไม่เคยทำมาก่อน มือเล็กของหลินหยากำชายชุดเขาไว้แน่นเหมือนคนที่ขอความอบอุ่น ขณะที่อีกมือแอบล้วงถุงผ้าเล็กที่ซ่อนเห็ดพิษออกมาโดยไม่ให้เขารู้สึกตัว นิ้วเรียวของนางสั่นน้อย ๆ แต่แน่นพอที่จะซ่อนไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง


ดวงตาคมใต้หน้ากากครึ่งใบเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้ความหวานขมกลืนกันอย่างประหลาด เขาเคลิ้มไปกับรสจูบที่หลินหยามอบให้รสจูบที่เหมือนจะบอกว่า ข้าเกลียดท่าน…แต่ก็รักท่านไปแล้ว


จางกงกงกุมท้ายทอยของนาง ตอบจูบอย่างเอาแต่ใจ รุกล้ำลึกขึ้น ราวกับจะย้ำว่านางไม่มีสิทธิ์เล่นกับไฟที่ชื่อว่าเขา แต่ในวินาทีนั้นเขากลับไม่รู้เลยว่าแมวน้อยในอ้อมแขนได้ขโมยเขี้ยวพิษของงูไปเรียบร้อยแล้ว


ลมหายใจของเขาหนักหน่วงยามผละออกเพียงชั่วครู่ ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากนางที่บวมแดงจากการจูบ แววตาทั้งหวงทั้งบ้าคลั่ง “เสี่ยวหยา…เจ้าทำอะไรเนี่ย…” เสียงพร่าทุ้มของเขาสั่นเล็กน้อย ทั้งหวาน ทั้งน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ขณะที่หลินหยาก็กอดคอเขาแน่นเพื่อลวงสายตา ไม่ให้เขารู้ว่าอะไรได้หายไปจากเอวของเขาแล้ว

หลินหยาที่เห็นอาการของจางกงกงแบบนั้นเธอก็หัวเราะเล็กน้อย จางกงกงชะงักไปนิดเมื่อเห็นแมวน้อยในอ้อมแขนหัวเราะคิกคักใส่เขา ดวงตาใต้หน้ากากแคบลงอย่างอันตราย ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มเย็นเยียบแบบที่บอกชัดว่า เจ้าเล่นกับไฟแล้ว เสี่ยวหยา เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย กระซิบเสียงต่ำพร่าใกล้หูจนหลินหยาขนลุก “เจ้ากล้าหัวเราะเยาะข้า…ที่นี่งั้นหรือ…?” ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแนวกรามนางอย่างแผ่วเบา แต่กลับทำให้หัวใจเธอสั่นระรัวยิ่งกว่าเดิม 


หลินหยายังทำหน้าทะเล้นยกนิ้วจิ้มอกเขา “ก็บอกแล้วไง…ตรงนี้ไม่ได้ เดี๋ยวคนมาเห็น ห่าวหมิงผู้อันตรายจะมาจูบกับสาวธรรมดาแม่ค้าปากตลาดนี่นะหรอ? ไม่อายหรือไง?” เสียงนางแหย่ยั่วอย่างเต็มที่ จางกงกงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงนั้นเย็นสั่นสะท้าน “งั้นข้าจะทำให้เจ้าจำไปเลยว่า…ตรอกแคบ ๆ นี่แหละคือที่ที่เจ้าจะต้องอายที่สุด” ว่าแล้วเขาจับข้อมือเล็กหมุนตัวหลินหยาจนแผ่นหลังแนบผนังกำแพงเย็นเฉียบ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกเฉียดกัน รอยยิ้มใต้หน้ากากช่างร้ายกาจ


“ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาเมื่อเห็นข้าหรอก…แล้วเจ้าจะหนีไปไหนได้ เสี่ยวหยา?” เขากระซิบพร่า ก่อนจะกดจูบอย่างรุนแรง ทว่าหนักไปด้วยความครอบครองมากกว่าความหวาน หลินหยาทุบอกเขาเบา ๆ อย่างแก้เขิน แต่ก็หนีไม่พ้น อ้อมแขนแข็งแรงกักเธอไว้ราวกับจะประกาศให้กำแพงตรอกเป็นพยานว่า นางเป็นของเขาเท่านั้น


ริมฝีปากของจางกงกงบดจูบหลินหยาอย่างร้อนแรงและยาวนานจนร่างเล็กในอ้อมแขนแทบไร้เรี่ยวแรง เขาคลายจูบออกเพียงเล็กน้อย ปล่อยให้นางหอบหายใจ ดวงตาคมใต้หน้ากากจ้องนางแน่วนิ่งราวกับกำลังอ่านความคิดในใจทุกประการ รอยยิ้มเย็นบางปรากฏขึ้นเมื่อเขากระซิบเสียงต่ำ “ที่สอนไป…ดูเหมือนจะเก่งขึ้นมากแล้วนะ เจ้าชอบหรือไร เสี่ยวหยา?”


หลินหยายู่หน้าทันทีดวงแก้มแดงจัด นางหันหน้าหนีแต่ก็ยังพูดสวนกลับเสียงสั่น “ท่านจูบข้าทุกวัน มันก็ต้องมีพัฒนาการบ้างไหมล่ะ!” น้ำเสียงแข็งแต่แฝงความเขินที่ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกสนุกขึ้น จางกงกงหัวเราะในลำคอ เสียงทุ้มต่ำแฝงพิษร้าย “งั้นข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า…ดีหรือไม่?” ดวงตาเขาเป็นประกายเย็นที่ทำให้หลินหยาขนลุกวาบ


หลินหยาถลึงตามองแล้วเชิดคางขึ้น “ข้ารับเป็นเงินเท่านั้น ไม่รับเป็นอย่างอื่น!” 


ชายสวมหน้ากากเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มเย็นกว่าก่อน “เงินหรือ? เจ้ากล้าต่อรองกับข้าด้วยเงินงั้นหรือ…เสี่ยวหยา เจ้าช่างโลภนัก แต่ข้าก็ชอบ” เขาเอื้อมมือมาแตะปลายคางนาง ลูบเบา ๆ ราวกับกำลังเล่นกับของล้ำค่าที่อยู่ในกำมือ “แต่จงจำไว้…สิ่งที่ข้าให้ ไม่มีทางได้มาฟรี ๆ” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่เปิดทางให้เธอเถียงต่อ หลินหยาที่กำลังหน้ายู่ช้อนตาขึ้นมองอย่างขุ่นเคือง หญิงสาวเม้มปากแน่นเพราะรู้ดีว่าเถียงไปก็เท่านั้น ท่าทางเหมือนแมวน้อยที่พร้อมจะข่วนแต่ก็ถูกกักอยู่ในกรงของเขา


นางสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ ยืดคอจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากของเขาเพียงสัมผัสเท่านั้นแล้วถอยออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงนิด ๆ จากความขัดเขิน “พอใจหรือยัง นี่คือทั้งหมดที่ข้ายอมให้ได้ละนะ” เสียงของนางแข็งกลบความสั่นในใจ จางกงกงชะงักเล็กน้อยก่อนยิ้มมุมปากเย็นช้า ๆ “ยังไม่พอ” คำพูดเรียบง่ายแต่เหมือนคำสั่ง หลินหยาขมวดคิ้วแน่น ราวกับจะเท้าเอวใส่เขาให้ได้แต่เพราะยังถูกโอบรัดไว้แนบอกนางจึงทำได้เพียงจ้องตากลับแบบท้าทาย ก่อนจะถอนหายใจแรงแล้วขยับตัวขึ้นเล็กน้อย ก้มลงหอมแก้มเขาทีหนึ่งที่ข้างซ้ายแล้วซ้ำอีกครั้งที่ข้างขวา


กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวทำให้บรรยากาศรอบกายอุ่นขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จางกงกงชะงักไปนิดเพราะหลินหยามักจะไม่ทำอะไรแบบนี้โดยไม่ถูกบังคับ ใบหน้าใต้หน้ากากเผยยิ้มบางที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ดวงตาคมวาวด้วยความพึงใจและความหลงใหลที่ซ่อนอยู่ “เจ้าช่างน่าประหลาดใจ…ทั้งหน้างอทั้งหงุดหงิด แต่ก็หอมแก้มข้าเองโดยไม่ต้องร้องขอ” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความพอใจที่กดทับจนคนฟังใจสั่น เขาล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อหยิบถุงเงินเล็ก ๆ โยนให้หลินหยาอย่างง่ายดาย “นี่…สิบตำลึงทอง”


หลินหยาที่รับถุงเงินไปด้วยตาโตอึ้ง “ให้…ให้ข้าเลยหรือ?”


“ข้ารวย” เขาตอบเรียบ ๆ แต่สายตานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “และข้าให้…เพราะข้าพอใจ”


หญิงสาวหน้างอหนักกว่าเดิมเล็กน้อยในขณะที่ก้มเก็บถุงเงินไว้แนบอกเหมือนกลัวจะโดนแย่งไป ดวงตานั้นยังแฝงแววตื่นเต้นอย่างห้ามไม่ได้ จางกงกงที่มองเห็นทุกอาการของนางหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นทั้งอบอุ่นทั้งน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน เพราะมันบ่งบอกว่า…ไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็จะเป็นฝ่ายเหนือกว่าเสมอ




[ปักตะไคร้]

(รักชีวิตอย่าคิดสู้ว่าที่เมีย อ้อ เขาอ้อนข้อให้เรา ตีเราทีรอบละ 12000 โฮ๊กกก พี่รักหนูจริงปะเนี้ย)




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: เสี่ยวจ้าวจื่อถามแล้ว ว่าอันนี้คือมาช่วยผมหรือมาพลอดรักกันครับ

รางวัล: 10 ตำลึงทอง (ได้รับแล้วจ้าไม่ต้องโอนมา) 


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 68686 ไบต์และได้รับ 48 EXP! [VIP]  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 68,686 ไบต์และได้รับ +1 Point +20 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 68,686 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +30 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 68,686 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 68,686 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +30 คุณธรรม +25 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 26 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก ตลาดตะวันออก (พบ เสี่ยวจ้าวจื่อ)


ตลาดตะวันออกในยามโหย่วเต็มไปด้วยเสียงเจรจาซื้อขายและกลิ่นหอมจากอาหารนานาชนิดที่อบอวลอยู่ในอากาศ หลินหยาที่กำลังเลือกผักสดจากแผงของแม่ค้า มือเรียวพลิกใบผักพิจารณาอย่างตั้งใจ ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนรอบข้าง นางกลับแสดงออกถึงความสงบและเป็นกันเอง จู่ ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “แม่นางหลินหยา?” หลินหยาหันกลับไปทันที ก็เห็นเสี่ยวจ้าวจื่อยืนอยู่ในชุดธรรมดาที่ปกติใช้ทำงาน เขายกยิ้มอ่อนโยน มือถือถุงวัตถุดิบของโรงครัวหลวงเอาไว้แน่นเพราะกลัวทำตก นางจึงยิ้มกว้างทัก “อ้าว เสี่ยวจ้าวจื่อ! เจ้ามาซื้อของด้วยสินะ?” เสียงสดใสของนางทำให้เด็กหนุ่มดูผ่อนคลายขึ้นมาก


เมื่อได้โอกาส หลินหยาก็ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังปนห่วงใย “แล้ว...เรื่องซุปเมื่อวาน เป็นยังไงบ้าง เจ้าไม่ได้มีอาการอะไรใช่ไหม?” เสี่ยวจ้าวจื่อส่ายหน้าเบา ๆ ดวงตาใสแฝงร่องรอยโล่งอก “ข้าไม่ได้รู้สึกถึงพิษอะไรเลยขอรับ รสชาติ...ก็ปกติดี” เสียงของเขานุ่มนวล แต่ความระแวงเล็กน้อยในแววตาก็ไม่อาจปกปิดได้ “ข้าทำตามที่ท่านเตือนทุกอย่าง พยายามระวังตัวมากขึ้น...ขอบคุณแม่นางหลินหยาที่เป็นห่วง”


หลินหยายกมือเท้าเอว หันหน้าหน่าย ๆ แต่แฝงความอบอุ่น “ก็ดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นอะไร...ข้าอดเป็นห่วงไม่ได้หรอกนะ” เสี่ยวจ้าวจื่อเบิกตากว้างเล็กน้อยกับคำพูดนั้น ใบหน้าแดงระเรื่อ ไม่ใช่เพราะเขิน แต่เพราะซาบซึ้งที่มีคนในโลกอันโหดร้ายนี้ใส่ใจเขามากขนาดนี้  ระหว่างนั้น เสียงผู้คนในตลาดยังคงอึกทึก แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นกลับเงียบสงบราวกับโลกนี้เหลือเพียงสองคน หลินหยายื่นผักในมือให้พ่อค้าแล้วจ่ายเงิน ก่อนจะหันมาพูดกับเขาอีกครั้ง “จำไว้นะ ถ้าเจออะไรผิดปกติ รีบมาบอกข้า ห้ามเก็บไว้คนเดียว”


เสี่ยวจ้าวจื่อพยักหน้าหงึก ๆ “ข้าสัญญาขอรับ” ดวงตาเขามีแววมั่นใจมากขึ้นกว่าที่เคยเห็น หลินหยาจึงยิ้มบาง ๆ เดินเคียงไปกับเขาในตลาดชั่วครู่


“จริงสิเจ้ารู้ไหม เมื่อวานข้าจะเริ่มอ่านตำรานี้ทันทีที่กลับบ้าน แต่ว่า…” นางหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเปล่งประกายแบบที่ทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจ “มันคงเข้าใจยากหน่อยนะ เพราะข้าไม่ค่อยได้ทำอาหารคาวมากนักหรอก ที่ข้าถนัดก็คงแค่ขนมกับของหวานง่าย ๆ” เสี่ยวจ้าวจื่อยิ้มขวยเขิน ยกมือเกาศีรษะตัวเองเบา ๆ “ตำรานั้นเป็นสูตรอาหารของวังหลวงขอรับที่ข้าเคยเรียนรู้มาบ้างจากประสบการณ์และอาจารย์ที่สั่งสอน เลยอาจจะดูซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ข้าจะช่วยอธิบายให้หากท่านไม่เข้าใจ” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลจนคนฟังรู้สึกอบอุ่นราวกับไอแดดยามเช้า


หลินหยาหันกลับมามองเขาอย่างเอ็นดู ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง “งั้นเจ้าห้ามหายไปไหนเชียวล่ะนะ ข้าจะตามไปถามทุกเมนูเลย” นางยักคิ้วเล่น ๆ ทำเอาเสี่ยวจ้าวจื่อหัวเราะเบา ๆ ออกมา ทั้งสองคุยกันต่ออีกเล็กน้อยในบรรยากาศสบาย ๆ ที่ตลาดตะวันออก พูดคุยถึงผักสดที่หลินหยาเลือกซื้อ เรื่องแมวชือฟ่านที่ชอบปีนชั้นวางของในร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ และหมาน้อยเซียนเฉ่าที่ทำตัวเหมือนราชาหรูหรามากกว่าสัตว์เลี้ยงธรรมดา ก่อนที่เสี่ยวจ้าวจื่อจะบอกว่าเขาต้องรีบกลับไปโรงครัวหลวงเพื่อส่งวัตถุดิบ


หลินหยาพยักหน้า “ไปเถอะ เดี๋ยวจะโดนดุเอา แล้วพบกันนะดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ” นางโบกมือส่งเขา ดวงตาส่งประกายระยิบเหมือนกำลังให้กำลังใจ


เสี่ยวจ้าวจื่อก้มศีรษะให้ด้วยความเคารพและขอบคุณครั้งสุดท้าย ก่อนหมุนตัวเดินหายไปในฝูงชน ทิ้งหลินหยายืนอยู่ท่ามกลางแสงยามโหย่วที่เริ่มคลี่ตัวลง พร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า และตำราที่เธอตั้งใจจะศึกษาอย่างเต็มที่ในตัว




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: เมื่อไรจะถึง 8 ดวงหน่อออ 

รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-22] เสี่ยวจ้าวจื่อ
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-22] เสี่ยวจ้าวจื่อ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,614 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,614 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,614 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,614 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวานซืน 03:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 27 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก ตลาดตะวันออก (พบ เสี่ยวจ้าวจื่อ)


ตลาดตะวันออกในยามโหย่วคึกคักไปด้วยเสียงผู้คนตะโกนเรียกลูกค้า กลิ่นเครื่องเทศและอาหารสดใหม่คลุ้งไปทั่วหลินหยาที่เดินทอดน่องอย่างอ่อนแรงเล็กน้อยก็ยังยิ้มบาง ๆ ให้กับบรรยากาศคุ้นเคย นางพึมพำกับตัวเอง "วันนี้จะกินอะไรดีนะ...ขี้เกียจทำจริง ๆ" สายตาของนางก็พลันไปสะดุดกับร่างของเสี่ยวจ้าวจื่อที่กำลังเลือกผักอยู่หน้าร้านแผงหนึ่ง เด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้าอย่างขะมักเขม้นจนไม่ทันสังเกตคนรอบข้าง หลินหยาจึงเดินเข้าไปทักด้วยเสียงใส "อ้าว เสี่ยวจ้าวจื่อ ออกมาซื้อวัตถุดิบอีกแล้วหรือ?"


เสี่ยวจ้าวจื่อเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอ่อนโยนตามแบบของเขา "แม่นางหลินหยา สวัสดีขอรับ...ข้าต้องมาซื้อของตามคำสั่งทุกวันน่ะขอรับ ของบางอย่างในวังหาไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนที่ตลาด"


หลินหยาหัวเราะเบา ๆ พลางยืนมองของในตะกร้าที่เขาเลือกอย่างเรียบร้อย "เจ้าจัดของได้ละเอียดดีจัง ข้าล่ะเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากซื้ออะไรง่าย ๆ กินเสียมากกว่า" เสี่ยวจ้าวจื่อเกาหลังคออย่างเก้อเขิน "หากแม่นางไม่รังเกียจ ข้าอาจช่วยแนะนำร้านข้าวต้มเจ้าเก่าตรงหัวมุมได้ รสชาติไม่เลว แถมราคาไม่แพง"


"ข้าวต้มฟังดูดีนะ" หลินหยายิ้มพริ้มพลางเอ่ยแซว "เห็นเจ้าชอบแนะนำเรื่องกิน ข้าชักอยากให้เจ้ามาทำอาหารให้ทุกมื้อแล้วสิ" เด็กหนุ่มหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้ม "ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากทำให้จริง ๆ ขอรับ"


หลินหยาหัวเราะคิก มองเขาด้วยสายตาเอ็นดู นางเลือกซื้อผักกับเนื้อเล็กน้อย ก่อนจะบอกเขา "งั้นข้าจะซื้ออาหารง่าย ๆ กินก่อน แล้วค่อยไปทำงานที่หอว่านหงเหรินต่อ เจ้าก็อย่าลืมระวังตัวในวังด้วยล่ะ" เสี่ยวจ้าวจื่อพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ "ข้าจะระวังตัวตามที่แม่นางบอก" จากนั้นทั้งคู่จึงเดินคุยกันอีกเล็กน้อย ท่ามกลางบรรยากาศตลาดที่เริ่มคลี่คลายลง ก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองตามเส้นทางที่แต่ละคนต้องเดิน




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาสร้างความสัมพันธ์กับคุณพ่อครัวจ้าาา


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-22] เสี่ยวจ้าวจื่อ

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-22] เสี่ยวจ้าวจื่อ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ เมื่อวานซืน 11:56
โพสต์ 15,782 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวานซืน 03:02
โพสต์ 15,782 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวานซืน 03:02
โพสต์ 15,782 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก โล่ไม้  โพสต์ เมื่อวานซืน 03:02
โพสต์ 15,782 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวานซืน 03:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวานซืน 21:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 28 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ตลาดตะวันออก (พบ เสี่ยวจ้าวจื่อ)


ตลาดตะวันออกในยามโหย่วคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เสียงเรียกขายของดังแข่งกันไปทั่ว กลิ่นอาหารหอมกรุ่นลอยอบอวลอยู่ในอากาศ หลินหยาที่กำลังเดินไปตามถนนหินสลับเก่าหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากภารกิจและเรื่องราวมากมายในวันนี้ก็ปรับผ้าคลุมให้กระชับขึ้น พลางพ่นลมหายใจแผ่ว ๆ บอกตัวเองว่าจะถึงร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้แล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีเสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างหลัง


“แม่นางหลินหยา!”


เมื่อเธอหันกลับไปก็เห็นเสี่ยวจ้าวจื่อเดินมาพร้อมตะกร้าไม้เต็มไปด้วยผักสดและเนื้อสัตว์ที่เพิ่งซื้อจากแผงค้า หน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อจากการเดินทางในตลาดที่แออัด ทว่าดวงตากลับส่องประกายอบอุ่นเมื่อเห็นเธอ หลินหยายกมือทักพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “อ้าว เสี่ยวจ้าวจื่อ สวัสดีเจ้าค่ะ ออกมาซื้อวัตถุดิบอีกแล้วหรือ?”


“ขอรับ แม่นางหลินหยา วันนี้หัวหน้าห้องเครื่องสั่งรายการเพิ่มอีกหลายอย่าง ข้าเลยต้องรีบมาซื้อให้ครบ” เขาตอบพลางยิ้มเก้อ ๆ แต่เมื่อมองเธอใกล้ ๆ เขาก็ขมวดคิ้วอย่างห่วงใย “แต่…ท่านดูเหนื่อย ๆ นะขอรับ ใบหน้าซีดไปหน่อยหรือไม่?”


หลินหยาหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าอย่างไม่ให้เขากังวล “ข้าไม่เป็นอะไรหรอก แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้นเอง วันนี้เจอเรื่องวุ่นวายหลายอย่างก็เลยเพลียไปหน่อย” เสี่ยวจ้าวจื่อเม้มปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เกรงใจ เขารู้ดีว่าหลินหยามักไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับความลับของนาง “ถ้าอย่างนั้น…ท่านควรพักผ่อนให้มาก ๆ นะขอรับ แม้ข้าจะช่วยอะไรท่านไม่ได้มาก แต่ถ้ามีสิ่งใดที่ข้าทำได้ แม่นางหลินหยาเพียงบอกมา ข้าจะไม่ลังเลเลย”


คำพูดนั้นทำให้หลินหยาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนระบายยิ้มอ่อนโยน “เจ้าช่างเป็นคนดีเกินไปแล้วเสี่ยวจ้าวจื่อ ข้าขอบใจเจ้านะ”


ทั้งสองยืนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา รอยยิ้มของเสี่ยวจ้าวจื่อยังคงอ่อนโยนเช่นเดิม แต่ดวงตากลับแฝงความกังวลที่ปิดไม่มิด เขายกตะกร้าไม้ขึ้นเล็กน้อยแล้วบอก “ข้าต้องรีบกลับไปส่งวัตถุดิบแล้วล่ะขอรับ มิฉะนั้นพวกเขาจะตำหนิเอา”


หลินหยาพยักหน้ารับ “ไปเถิด เจ้าอย่าทำงานหนักจนเกินไปนักล่ะ”


“ขอรับ!” เสี่ยวจ้าวจื่อยิ้มอีกครั้งก่อนโค้งตัวเล็กน้อยแล้วรีบเดินหายไปในฝูงชน หลินหยามองตามแผ่นหลังของเขาจนลับตา ความรู้สึกอบอุ่นและห่วงใยที่ได้รับจากคนธรรมดาเช่นนี้ ทำให้หัวใจที่เหนื่อยล้าของเธอคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วก้าวต่อไปยังร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ตามที่ตั้งใจไว้




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาฮิลใจก่อนไปเจอเควสเถียนเฟิง เหอออ เพื่อนสาววว


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-22] เสี่ยวจ้าวจื่อ

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 17,395 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวานซืน 21:22
โพสต์ 17,395 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวานซืน 21:22
โพสต์ 17,395 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวานซืน 21:22
โพสต์ 17,395 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวานซืน 21:22
โพสต์ 17,395 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ เมื่อวานซืน 21:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 18:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 29 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 14.30 - 16.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก ตลาดตะวันออก (พบ ตงฟางซั่ว)

อีเว้นท์ ภารกิจ “มิตรภาพเหนือกาลเวลา”


ตลาดตะวันออกคึกคักไปด้วยเสียงเจรจาซื้อขายและกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยคลุ้งในอากาศ ท่ามกลางฝูงชนมากมาย หลินหยากอดอกตัวเอง สูดลมหายใจยาวเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนจะก้าวต่อไป ดวงตาของเธอสะดุดเข้ากับบุรุษในชุดสีขาวเรียบสะอาดยืนอยู่ไม่ไกลนัก ท่ามกลางความวุ่นวาย เขากลับโดดเด่นราวกับเงียบสงบของหิมะกลางพายุ บุรุษนั้นคือ ตงฟางซั่ว อุปราชเจ้าปัญญา กระเรียนขาวผู้เทียบได้ดั่งเซียน (แน่นอนว่าหลินหยาเรียกเขาว่า ซินแสตงฟาง) 


ตงฟางซั่วหันมามองเธอราวกับรู้ตัวตั้งแต่แรกว่าหลินหยาจะมา แววตาเขานิ่งสงบแต่ลึกซึ้ง ราวกับอ่านใจคนตรงหน้าได้ตั้งแต่แรกเห็น เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความคมคาย “แม่นางหลินหยา… ดูเหมือนดวงชะตาจะพาเราให้พบกันอีกครั้ง” หลินหยาเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจคลายความตื่นเต้น “ข้าก็นึกว่าท่านหายไปแล้วเสียอีกซินแสตงฟาง ข้าไม่ได้เจอท่านตั้งนาน”


ตงฟางซั่วยิ้มบาง “ข้าไม่หายไปไหน เพียงแต่เดินในเส้นทางที่คนอื่นมองไม่เห็นเท่านั้น” เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่างในตัวหลินหยา “คราวนี้แม่นางมาหาข้าเพราะคำถามที่หนักกว่าครั้งก่อนกระมัง?”


หญิงสาวเม้มปากนิด ๆ พลางพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ… ข้ามีเรื่องที่อยากรู้ และคงมีเพียงท่านที่ชี้ทางได้” ดวงตาของตงฟางซั่วฉายแววลึกล้ำราวกับลมรอบตัวเงียบลงในชั่วพริบตา “ถ้าอย่างนั้น บอกมาเถิด แม่นางต้องการให้ข้าไขความลับของโชคชะตาใด?” พลางผายมือไปทางกระดาษและพู่กันตรงหน้าของตนเอง


หลินหยานั่งนิ่งอยู่นาน ริมฝีปากเม้มแน่น ขณะที่พู่กันในมือยังคงสั่นเล็กน้อยจากแรงที่กดลงไปบนกระดาษ เส้นหมึกดำของอักษร 真 (zhēn) ปรากฏชัดราวกับสะท้อนหัวใจทั้งหมดของนาง จริง แท้… คำเดียวที่ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจในยามนี้ นางพ่นลมหายใจยาว ยกสายตาที่หม่นเศร้าขึ้นสบกับดวงตาเฉียบลึกของตงฟางซั่ว ความกังวลที่ปกปิดไม่มิดทำให้เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วสั่น “ข้า…ไม่รู้จะถามอะไรเลยเจ้าค่ะ” นางสารภาพตรงไปตรงมา “เรื่องที่อยากให้ทำนายมันน่ากลัวนัก และมีมากมายเหลือเกิน…จนข้ากลัวคำตอบที่จะได้รับ”


ซินแสตงฟางซั่วเงียบไปครู่หนึ่ง สายตาเรียบสงบของเขากลับเหมือนมองทะลุความสับสนในใจของหลินหยาได้ทั้งหมด ริมฝีปากของเขาโค้งยิ้มบาง ๆ คล้ายผู้หยั่งรู้ฟ้าดินที่มองความวุ่นวายเป็นเพียงระลอกคลื่น “มีสามอย่าง…” เขากล่าวเสียงทุ้มนุ่ม “แม่นางต้องการอะไรก็ได้ ถามสิ่งที่หัวใจเจ้าร้องเรียกออกมา ไม่ว่ามันจะมืดหม่นหรือโหดร้ายเพียงใด ข้าจะไขคำตอบนั้นให้”


ลมพัดเบา ๆ ผ่านระเบียงตลาด เสียงผู้คนค่อย ๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท นางกำมือแน่น พยายามรวบรวมความกล้าในอก สามคำถาม… เพียงเท่านั้น แต่กลับรู้สึกว่ามันยากยิ่งกว่าการปีนเขาหัวซานทั้งลูก หลินหยาก้มหน้าหลับตา พยายามค้นหาว่าสิ่งใดกันแน่ที่อยากรู้ที่สุด เสียงหัวใจเต้นแรงในอกสะท้อนกับความเงียบรอบตัว นางขบเม้มริมฝีปากแน่น ความคิดวุ่นวายตีกันระหว่าง ความรัก ความกลัว และ ความจริงที่นางไม่อยากยอมรับ


สายตาของตงฟางซั่วไม่ละไปไหน เขาเพียงรออย่างอดทน ให้สตรีตรงหน้าค่อย ๆ เลือกคำถามที่อาจเปลี่ยนชะตาชีวิตของตนเอง…


แสงแดดที่ลอดผ่านหลังคาผ้าใบของตลาดตะวันออกกระทบใบหน้าหลินหยาที่ซีดนวล นางยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าตงฟางซั่ว มือบางกำพู่กันแน่นจนปลายนิ้วซีด ข้างกายมีเพียงโต๊ะไม้เก่า ๆ และกระดาษขาวสะอาดที่บัดนี้ตัวอักษร 真 ได้ถูกวาดลงไปด้วยลายเส้นมั่นคงแม้หัวใจนางสั่นระรัว หลินหยามองใบหน้าสงบนิ่งของตงฟางซั่ว แววตานางเต็มไปด้วยความหนักใจ แต่ก็เลือกจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ข้า…อยากถามสามเรื่องนี้ ความรัก การเปิดเผย และโชคชะตา”


ตงฟางซั่วพยักหน้าเบา ๆ เหมือนยืนยันว่าเขารับฟังทุกคำ นัยน์ตาเรียบลึกของเขามองนางราวกับจะมองทะลุถึงจิตวิญญาณ ก่อนที่เขาจะเอ่ยเสียงเรียบสงบ “แล้วในช่วงนี้…มีเรื่องราวใดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่? เรื่องราวที่ทำให้แม่นางไม่สบายใจ”


ลมอ่อนพัดปลายผมของหลินหยา นางหลุบตามองกระดาษก่อนจะเงยหน้ามองเขา สีหน้าหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย ทว่าดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าลึก “มี…เยอะมากเจ้าค่ะ” นางตอบด้วยน้ำเสียงเบาราวกับรำพึง “มากจนไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไง” น้ำเสียงนั้นทำให้ตงฟางซั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้เร่งรัด นั่งนิ่งราวกับกำลังรอให้ทุกคำของนางค่อย ๆ หลั่งออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ในความเงียบนั้น หลินหยาก็พ่นลมหายใจยาว สองมือสั่นเล็กน้อย นางมองฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆขาว ก่อนจะเริ่มเอื้อนเอ่ยช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่สะท้อนทั้งความกลัว ความเกลียด และความรักที่ปะปนจนยากแยกแยะ…


สายลมยามบ่ายพัดผมของหลินหยาที่เริ่มยาวพลิ้วไหว นางยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าตงฟางซั่ว มือบางกุมพู่กันแน่นราวกับจะใช้มันยึดตัวเองให้มั่นคงเมื่อคำพูดเริ่มพรั่งพรูออกมา เสียงของนางสั่นไหว แต่ไม่ใช่เพราะน้ำตา หากเพราะความรู้สึกมากมายที่พยายามกดทับไว้ “ก่อนหน้านี้…ข้าเคยถูกชายคนหนึ่งทำลายทุกอย่างในตัวข้า” หลินหยากล่าวช้า ๆ ราวกับชั่งน้ำหนักทุกถ้อยคำ “เขาทำให้ข้ารู้สึกเหมือนไม่ใช่มนุษย์ มองข้าเป็นเพียงหมากในกระดานที่เขาจะขยับเมื่อไรก็ได้ เป็นเพียงสิ่งของที่เขาจะใช้แล้วทิ้งตามอำเภอใจ” 


แววตาของนางฉายแสงกร้าวระคนเจ็บปวด “ข้าเกลียดเขา…เกลียดจนแทบอยากหายไปจากโลกใบนี้ แต่ข้าก็หนีมา หนีจากเงามืดของเขา ทั้งกลัว ทั้งหวาดระแวง ทัง้อ่อนแอไร้กำลัง” ตงฟางซั่วฟังอย่างเงียบสงบ เขาไม่เอ่ยแทรกแม้แต่คำเดียว ดวงตาอันลึกล้ำจ้องนางราวจะฟังทุกเศษเสี้ยวความจริงจากหัวใจของหลินหยา


“แล้วเขาก็กลับมา…” หลินหยาหยุดหายใจไปชั่วขณะ “กลับมาในคราบของคนอื่น เขาทำให้ข้าหัวเราะ ทำให้ข้าสบายใจ ทำให้ข้าตกหลุมรักเขาอย่างโง่งม โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาคือคนเดิม” นางหลับตาแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก “จนวันที่ความจริงถูกเปิดเผย…หัวใจของข้าพังอีกครั้ง แต่คราวนี้มันต่างออกไป เพราะถึงข้าจะเกลียดเขา ข้าก็รักเขาไปแล้ว” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความขมขื่น “ข้าไม่ร้องไห้อีกแล้ว…น้ำตาข้าเสียไปกับเรื่องนี้มากเกินพอ ข้าเพียงแต่…สับสน”


สายลมในตลาดตะวันออกพัดพาเอากลิ่นชาดอกไม้แผ่วเบามาเคล้าบรรยากาศอึมครึมรอบตัว หลินหยายืนอยู่ท่ามกลางเงาไม้ นัยน์ตาที่เคยสดใสกลับหม่นลงราวกับหมอกควัน นางเงยหน้ามองตงฟางซั่วด้วยแววตาที่สั่นไหวเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ


“ข้าพยายามฝืนโชคชะตา พยายามต่อด้ายเส้นนี้…แม้มันจะเป็นด้ายสีแดงเลือดเข้มจนดำ ข้าก็ไม่หวั่น” เสียงของหลินหยาแผ่วสั่น ริมฝีปากคลี่ยิ้มขื่น “แต่ในใจข้า…ยังสับสนระหว่าง ‘ความเกลียดชัง’ ต่อการกระทำของบุรุษผู้นั้น และ ‘ความรัก’ ที่ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะเมื่อข้ารับรู้ถึงความโดดเดี่ยวของเขา…เบื้องหลังที่เจ็บปวดของเขา” นางหลุบตามองมือของตนเองที่กำพู่กันแน่น “ข้าไม่รู้เลยว่าเขาคิดอย่างไรกับข้า ได้แต่พร่ำบอก…ว่าข้าเป็นของเขา ข้าไม่รู้เลยว่าเขารักข้าหรือไม่ แม้จะรู้ว่าเขาแทบไม่เคยได้รับความรักเลยด้วยซ้ำ”


สายตาหลินหยากลับมาสบตาตงฟางซั่ว ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความว้าวุ่นราวกับเด็กที่หลงทางกลางพายุ “ตอนนี้ ข้าไม่รู้แล้วว่าข้าเป็นอะไรในเกมของเขา…ของเล่น หมาก เครื่องมือในเกมอำนาจ หรือเป็นมนุษย์ในสายตาเขาบ้างไหม ข้าหวาดกลัวไปหมด…อ่อนแอ กระทั่งพิษในกายข้ายังได้รับจากเขา”


“เขาไม่ชอบที่ข้าสนิทกับสหาย ข้ามีสหายมากมาย ข้าชอบคน ข้าชอบพูดคุย ข้ารักการมีมิตรสหาย แต่เขาไม่เคยพอใจ เขาไม่ต้องการให้ข้าสนิทสนมกับเหล่าผู้คน เขาเคยทำให้เพื่อนข้าหายไป จนถึงตอนนี้เพื่อนข้าคนนั้นก็ยังคงไม่กลับมา ข้าพยายามหา ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไงแล้วตอนนี้ สหายอีกคนก็พยายามให้ข้าคิดใหม่และเรียกสติของข้าไว้ ให้ข้าทบทวนว่าข้ารักเขาจริงหรือไม่ หรือมันคือสิ่งที่เขาแต่งขึ้นมาเพื่อหลอกลวงข้าเพื่อใช้ข้าเป็นเพียงสิ่งของตามความต้องการของตนเอง” หลินหยาพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งเฮือกใหญ่ “ข้า…ข้า…” นางพยายามจะพูดต่อแต่ทว่ามันกลับเป็นเพียงคำพูดสุดท้าย


คำพูดสุดท้ายหลุดออกมาพร้อมเสียงสั่นคลอ ความจริงที่ฝังลึกทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นเยียบลง ตงฟางซั่วที่เงียบฟังมาตลอด คิ้วขมวดแน่น สายตาแฝงประกายคมกล้าภายใต้ความสงบ เขามองหลินหยาราวกับกำลังมองเข้าไปในจิตวิญญาณที่แตกร้าวและยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยหัวใจที่ยังรักและเกลียดในเวลาเดียวกัน…


ตงฟางซั่วยังคงนั่งฟัง ท่าทางของเขาสงบแต่แฝงความเข้าใจ เขาวางมือบนโต๊ะเบื้องหน้าเอ่ยเสียงเรียบแต่ชัดเจน “แม่นางได้เล่ามากพอให้ข้าเข้าใจแล้วแม่นาง” เขาพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาคมดุจดาบจ้องไปยังตัวอักษร 真 ที่นางเขียนเมื่อครู่ “ความรัก…การเปิดเผย…และโชคชะตา สามสิ่งที่เจ้าต้องการคำตอบ มันจะไม่ง่าย แต่ข้าจะทำนายให้”


ตงฟางซั่วผ่อนลมหายใจช้า ๆ ก่อนกล่าวต่อ “ก่อนที่ข้าจะเริ่ม เจ้าต้องแน่ใจว่า พร้อมจะฟังทุกสิ่ง รับทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะโหดร้ายเพียงใด” หลินหยามองสบสายตาเขา นางพยักหน้าเบา ๆ แม้หัวใจเต้นแรงราวจะทะลุอก นางก็เลือกจะเผชิญหน้ากับความจริง…

เหตุแห่งการขอคำพยากรณ์


อื่น ๆ : ข้าสับสน ปวดร้าวไม่รู้ว่าสิ่งใดคือความจริงแท้


มอบ ‘อักษรทำนาย’ หนึ่งตัว

真 (zhēn)

ความรู้สึกเมื่อคิดถึงอักษรนี้ : หวังว่าความจริงทุกอย่างจะปรากฎ ขอให้ความจริงปรากฎแล้วนางจะเดินต่อไปในกงล้อแห่งโชคชะตาที่นางพร้อมจะทำมัน


ข้าต้องการถามคำถามเกี่ยวกับ

ความรัก

การเปิดเผย

โชคชะตา


เรื่องราวที่เกี่ยวข้องในช่วงนี้
(อยู่ด้านบนในโรลเพลย์)


ต้องการขอคำทำนายในระดับ

ระดับอะไรก็ได้ จะมาเป็นการทำนายปกติก็ได้แต่ถ้าไม่ก็

ขอรับเป็น Heroes (เผชิญหน้ากับกงล้อแห่งโชคชะตาโดยตรง) เอาให้มันแตกกันไปข้าง


ลงชื่อผู้ขอคำทำนาย


นาม : หนาน หลินหยา

วันเวลาที่กรอก : วันที่ 29 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

สถานะปัจจุบัน : สถานะอะไรง่ะ? โสด? งี้หรอ? 




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ:  เถียนเฟิงฉันเสียเงินกับเควสแกไปเยอะมากนะ ลงทุนมากเลยนะ

แต่สรุปก็คือฉันต้องไม่ผ่านเควสแกหรอ ฉันจะบ้าว่ะ


จ่ายค่าทำนาย 30 ตำลึงเงิน


รางวัล: อะไรก็เอามาเถอะจ้าาา


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 50,395 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวาน 18:07
โพสต์ 50,395 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวาน 18:07
โพสต์ 50,395 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวาน 18:07
โพสต์ 50,395 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวาน 18:07
โพสต์ 50,395 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ เมื่อวาน 18:07
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 19:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
LinYa ตอบกลับเมื่อ 2025-7-29 18:07
วันที่ 29 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 14. ...



ทำนายอักษรก่อนรับภารกิจ

真 (zhēn)ความจริงแท้


ในดวงชะตาของเจ้า
คำว่า “真” มิใช่เพียงสิ่งที่เจ้าตามหา หากคือ ประตูที่เจ้าเปิดแล้วไม่อาจหันหลังกลับ
เจ้ากำลังยืนอยู่กลางเส้นแบ่งของ
ความรักที่แฝงพิษ กับ ความจริงที่เจ็บปวด
ความผูกพันที่ปลอม กับ ความโดดเดี่ยวที่แท้จริง

หนึ่ง : ความรัก
ดวงจิตเจ้ายังถูกพันธนาการไว้ด้วยสายใยแห่งความทรงจำ
มิใช่เพราะเขาดี
แต่เพราะเขาเคยทำให้เจ้ารู้สึกว่า “เจ้ามีค่า”

แต่จงถามตนเองให้ลึก —
รักนี้ เจ้าเลือกด้วยใจจริง หรือถูกหล่อหลอมจากความกลัวจะไร้ผู้ใด?
เขารักเจ้าจริงหรือไม่ หรือเพียงต้องการควบคุมสิ่งที่เขากลัวจะสูญเสีย?

คำพยากรณ์:
ถ้าเจ้ายังเดินบนทางสายเดิม ความรักนี้จะกลายเป็นกรงทอง
แต่หากเจ้ากล้าตัด กงล้อจะหมุน — นำเจ้าพบรักที่สะอาดกว่า
แม้ไม่ใช่ทันที…แต่จะมี

สอง : การเปิดเผย
คำว่า 真 เกิดจาก “目” (ตา) และ “十” (สิ่งที่สมบูรณ์)
แปลว่าความจริงที่ มองแล้วเห็นครบทุกส่วน
เจ้าเขียนมันลงไป…แปลว่าใจเจ้าพร้อมเปิดตาแล้ว

คำพยากรณ์:
ความลับจะเปิดออก ไม่ว่าพร้อมหรือไม่
สิ่งที่เจ้ากลัวจะได้ยิน จะมา…ในคราบของความเมตตา
ผู้ที่เคยทำร้ายเจ้า จะ “สารภาพ” — ไม่ใช่ด้วยความเสียใจ
แต่เพื่อรักษาอำนาจของตนเองไว้

อย่าหลงเชื่อคำที่ทำให้เจ้าอ่อนแอเพราะสงสาร
เพราะการให้อภัยที่มาจากความสงสาร…

จะผูกเจ้ากับโชคชะตาเดิม ซ้ำอีกครั้ง

สาม : โชคชะตา
เจ้าถามว่า “ข้าเป็นอะไรในเกมของเขา?”
ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคืออะไรในเกมของเขา

แต่ข้ารู้… ว่าเขาคือ “บ่วง” ในเรื่องของเจ้า

โชคชะตาของเจ้าจะ ไม่เดินหน้า
จนกว่าเจ้าจะกล้ารับว่า เขาคือเงามืดในชีวิต
มิใช่แสงสว่าง

คำพยากรณ์:
อีกไม่นาน ด้ายแห่งวาสนา (缘) จะถูกทดสอบครั้งสุดท้าย
หากเจ้ากล้าเลือกตนเองเหนือความรักที่ทำร้าย
เจ้าจะหลุดจากวงล้อกรรมซ้ำเดิม
หากยังลังเล…จะเกิดเรื่องร้ายที่ทำให้เจ้าต้องเลือก
แม้ใจยังไม่พร้อม


ลงท้ายคำพยากรณ์
เจ้ากล้าที่จะขอคำทำนายระดับ “Heroes”
แปลว่าเจ้าคือผู้ที่มีสิทธิ์เขียนโชคชะตาใหม่ของตนเอง

อักษร “真” ไม่ได้ทำนายอนาคตของเจ้า
แต่สะท้อนว่าเจ้ามี หัวใจที่ยังแสวงหาความจริง

จงอย่ากลัว…ที่จะรู้
และจงอย่ากลัว…ที่จะ “ไม่รัก” ใครอีกต่อไป
หากความรักนั้นไม่เคยรักษาเจ้าเลย





เนื้อหาพลอตภารกิจ

เป้าหมายภารกิจ:
ตามหาบุคคลในอดีต
ตามเบาะแสจากบันทึกลับของราชสำนักที่ระบุชื่อหญิงชั้นในคนหนึ่ง — ผู้เป็น “คำตอบของคดีที่ถูกลืม” และเป็นจุดเชื่อมโยงถึง "ความจริง" ในใจหลินหยา

เดินทางสู่ดินแดนสามแห่ง
หุบเขากระเรียนหลบฟ้า (鹤隐谷) – สถานที่ลี้ลับที่ว่ากันว่าเก็บงำความทรงจำของอดีตราชสำนัก
หมู่บ้านน้ำค้างพราย (露华村) – พบหญิงชราในตำนานที่รู้จักเรื่องในวังเก่าราวกับอยู่ในนั้น
ศาลเจ้าจิ้งอวิ๋น (静云祠) – จุดสุดท้ายที่คำว่า "ความจริง" จะถูกเปิดเผย ท่ามกลางเสียงระฆังยามพลบ

ตัดสินใจด้วยใจตนเอง
ตลอดเส้นทาง หลินหยาจะต้องพบกับคำลวงและน้ำใจแท้ เธอจะต้อง “กล้าเลือก” แม้ว่าแต่ละการเลือกจะนำพาไปสู่ความสูญเสียหรือการก้าวข้าม

1. หุบเขากระเรียนหลบฟ้า (鹤隐谷)
คำอธิบาย: หุบเขาลี้ลับที่มีตำนานว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นทางลับของราชสำนักในการซ่อนบันทึกลับหรือผู้คนสำคัญ
หน้าผาชันและไอหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี เสียงกระเรียนป่าดังแว่วในความเงียบ
ภูมิประเทศที่เหมาะสม: หุบเขาสูงที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและลำธาร
ตั้งอยู่ที่: เมืองหนานหยาง (Nanyang) – เป็นเมืองทางตอนใต้ของแคว้น ซึ่งมีภูเขามากและเคยเป็นที่พักพิงของเหล่านักปราชญ์และขุนนางตกอับ

2. หมู่บ้านน้ำค้างพราย (露华村)
คำอธิบาย: หมู่บ้านริมธารที่ซ่อนตัวในหุบลึกของภูเขา หญิงชราในตำนานอาศัยอยู่ที่นี่ และมีความทรงจำเรื่องในวังเก่าอย่างน่าประหลาด ราวกับนางไม่ใช่เพียงชาวบ้านธรรมดา
ภูมิประเทศที่เหมาะสม: หุบเขาระดับต่ำหรือป่าราบ มีหมอกน้ำค้างหนาปกคลุม
ตั้งอยู่ที่: เมืองซุยหยาง (Suiyang) เขตยวี่โจว (豫州) – ภูมิภาคที่เงียบสงบ มีทั้งลุ่มน้ำและที่ราบ เหมาะกับการซ่อนตัวและความลี้ลับ

3. ศาลเจ้าจิ้งอวิ๋น (静云祠)
คำอธิบาย: ศาลเจ้าบนเนินสูง ที่มีระฆังยามพลบดังสะท้อนอยู่เสมอ เป็นจุดที่หลินหยาจะได้พบความจริงครั้งสุดท้าย เสียงระฆังดั่งเตือนใจให้เผชิญหน้ากับชะตาตนเอง
ภูมิประเทศที่เหมาะสม: บริเวณใกล้ภูเขาหรือที่สูง มองเห็นเมืองเบื้องล่าง
ตั้งอยู่ที่: เมืองหานตาน (Handan) – ใกล้แหล่งปัญญาและราชสำนักเก่า (แถบชานเมืองหลวงเก่าสมัยชุนชิว) ทำให้เหมาะเป็นจุดเปิดเผยความจริงของประวัติศาสตร์

เส้นทางเดินทาง (เริ่มต้นจาก ฉางอัน)
ฉางอัน → เดินทางลงใต้สู่ หุบเขากระเรียนหลบฟ้า (หนานหยาง)
จากหนานหยาง → มุ่งตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ หมู่บ้านน้ำค้างพราย (ซุนหยาง)
ต่อขึ้นเหนือ → ถึง ศาลเจ้าจิ้งอวิ๋น (หานตาน) เป็นปลายทางสุดท้ายของการเดินทาง

(ระหว่างทางวางแผนสตอรี่ตามความเร็วม้าที่สวมใส่หากไม่มีก็ความเร็วปกติของตัวละคร)


พลอตคร่าว ๆ ให้นำไปต่อยอด
หลินหยาจะต้องออกเดินทางสู่ภารกิจโชคชะตาของเธอ ดูเหมือนคำแนะนำตงฟางซั่วให้เธอตามหาอดีตสนมที่หายตัวไปอย่างลึกลับ [พระสนมลั่วซาน]
คุณจะต้องมุ่งหน้าไปยังหนานหยาง เพื่อตามหาหุบเขากระเรียนหลบฟ้า อันเป็นจุดเริ่มต้นเบาะแสสนมลั่วซาน
เมื่อคุณถึงหุบเขาดังกล่าว คุณจะพบเจอบททดสอบ ผ่าน 4 ผู้พิทักษ์โกเลม และภายในโถงที่โกเลมพิทักษ์
คุณจะพบบันทึกลับและวัตถุโบราณที่สะท้อนความทรงจำของราชวงศ์เกี่ยวกับสนมลั่วซาน
เมื่อคุณแตะสัมผัสใบหน้าจุ่มลงอ่างน้ำกลางโถง ก่อนจะเห็นภาพบางอย่าง
(เหตุการณ์ที่คุณเห็น เป็นเมืองที่แปลกตาเหมือนในความทรงจำของคุณแต่ดูแตกต่าง ตึกรามบ้านช่องดูแปลกตา (เพราะเมืองอยู๋ในอเมริกา) เลยแตกต่างกันตอนหลินหยาปลดความทรงจำ
มีภาพหญิงสาวที่มีหางเป็นงูถือคทาห้าสี (คลิกดูภาพ)  และหญิงสาวอีกคน (ดูภาพ) กำลังร่วมมือกันหยุดยั้งหงส์เพลิงที่กำลังแผดเผาเมืองและท้องฟ้า (ดูเหตุการณ์คร่าวๆ สรุป คลิก)
ก่อนมีสตรีในอาภรณ์หรูหราปรากฎเป็นภาพโปร่งแสงข้าง ๆ โอ่ง "เจ้าเห็นแล้วหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นคือความทรงจำของในอดีตเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว"
เธอแนะนำตัว เธอคือสนมที่หายสาบสูญของฮั่นจิ่งตี้ สนมลั่วซาน เธอเป็นคนชื่นชอบการศึกษาประวัติศาสตร์ และวันที่เธอค้นพบที่นี่
นั่นทำให้เธอสนใจมันมากและจึงหายตัวจากราชวังเพื่อศึกษา แต่ไม่คิดว่าจุดจบเเธอจะมาถึงเร็ว ตอนนี้เธอคือบันทึกความทรงจำที่ทิ้งไว้จากพลังพิเศษของโถงนี้
และเธอมีบาปที่ทำผิดต่อเด็กชายคนหนึ่งก่อนชี้ไปยังกองบันทึกอีกมุมของห้อง เอามันมาจุ่มลงน้ำและจุ่มศีรษะเธอลงไปสิ อ่างใบนี้วิเศษนัก

คุณทำตาม ก่อนเห็นเหตุการณ์คล้ายวังหลวง จางกงกงวัยเยาว์ถูกสนมลั่วซานรังแกสารพัด ด้วยความเหยียดเขาเป็นขันที
ทั้งทุบตีระบายอารมณ์ และยัดอาหารเข้าปากเด็กน้อยด้วยความสะใจ ลั่วซานที่ถูกบันไว้พูดขึ้นตามที่เจ้าตัวบันทึกถึงคนรุ่นหลัง
บางทีที่เราตายอาจเพราะเวรกรรมที่ทำกับเด็กคนนั้น และเราเป็นผู้สร้างปีศาจคนนั้นมาอีกคน เขาลำบากมาจากครอบครัวเขาแล้ว ในวังยังไร้ผู้อุ้มชู
หากเขาไม่ได้เจอรัชทายาทเกรงว่าอาจจะร้ายกาจกว่านี้อีกเท่าตัว ลั่วซานมีสีหน้าเหมือนกำลังเสียใจ)

นางบอกว่าเจ้าจงไปต่อสิ แล้วเจ้าอาจจะตัดสินใจได้ ถึงสิ่งที่ตามหา ก่อนเธอพูดครั้งสุดท้ายก่อนหายไป จงไปยังเมืองซุยหยาง และตามหาหมู่บ้านน้ำค้างพรายที่ถูกลืม
ที่นั่นคุณจะได้เจอกับสุสานของสนมลั่วซานที่ใช้ชีวิตปั้นปลายที่นี่ บนแผ่นป้ายสุสานมีความเสียใจที่นางทรมานเด็กชายคนหนึ่ง จางกงกงด้วยความสนุกส่วนตัว
และระบายความรู้สึกที่ถูกฝ่าบาทเมิน ก่อนคุณเจอบันทึกที่นางเก็บไว้ในกระท่อมทรุดโทรมหลังหนึ่ง ในบันทึกเขียนว่า
สนมลั่วซานได้รับการแนะนำจากท่านเทพองค์หนึ่ง เขามีรูปโฉมงดงาม เส้นผมสีเเงินสง่า มีผมยาวสลวย เจิดจ้าราวแสงสุริยัน
เขาได้ให้คำไบ้บางอย่างแก่นางเกี่ยวกับจางกงกง นั่นทำให้คุณรู้ว่า จางกงกงตลอดมาเขาถูกคนสารพัดรังแก ดูถูก เหยียดหยามมาตลอดแม้แต่พ่อบังเกิดเกล้า
ค่อย ๆ หล่อหลอมเขาให้เป็นเช่นทุกวันนี้ ท่านเทพองค์นั้นบอกลั่วซานถึงสิ่งที่นางกระทำ และเขาบอกว่าเด็กคนนั้นเพียงต้องการการเอาใจใส่ ความอบอุ่นจากคนรัก
เพียงแต่เขาไม่เคยได้รับมัน อีกทั้งแม้ไท่จื่อจะดีกับเขา แต่นั่นก็ทำให้เขาเข้าใจว่าที่ไท่จื่อดีกับเขาเพราะพระองค์ต้องการมีดล่าสัตว์เดรัจฉานที่ไม่ต้องถึงขั้นใช้มีดฆ่าโค
ความจริงใจที่ไท่จื่อมีต่อเขาเป็นของจริง แต่ก็มาพร้อมกับภาระ การฝากฝังในภารกิจที่ไท่จื่อปรารถนาความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ความอบอุ่นเฉกเช่นคนในครอบครัว
ก่อนปรากฎแสงสุริยันสีทองตรงหน้า และปรากฎชายหนุ่มตามบันทึก แต่พร่ามัวเลือนลาง "เดินทางไปยังศาลเจ้าจิ้งอวิ๋น"

ที่ศาลเจ้าจิ้งอวิ๋น ยามไห้ คุณจะได้พบเจอกับจางกงกง มือของเขาเปื้อนเลือด มีศพหญิงสาวชนชั้นสูงและขุนนางท้องถิ่นนอนตาย เขาหันมา สีหน้าตกใจไม่คิดว่าคุณจะมาอยู่ตรงนี้ตอนนี้
จางกงกงถามคุณมาทำอะไรที่นี่ เขารีบบอกคุณไปรอโรงเตี๊ยมห้องนี้ เขาจะจัดการศพสักครู่ คุณไปรอเขา และเขาเดินเข้ามาปิดประตูลงกลอน
เขามองหลินหยา และทำใจฆ่าปิดปากนางไม่ลงความผูกพันที่เขามีต่อนางเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยปาก เสี่ยวหยา เจ้ารับปากข้าว่าจะไม่พูดเรื่องที่เห็นในศาลเจ้านั่นออกไป
และขอให้มันหายไปวันนี้ คืนนี้ จางกงกงสีหน้าจริงจังแฝงด้วยแววตามุ่งมั่นให้นางรับปาก ก่อนเขานั่งลง ถอนหายใจ ถามเธอว่าคุณกลัวเขาหรือไม่
เขามาทำภารกิจลับให้ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงมอบหมายให้ก่อนท่านเสด็จลงใต้อย่างลับ ๆ ขุนนางคนนั้นเสแสร้งสร้างชื่อเป็นขุนนางที่ดี แต่ลับหลังแอบติดต่อกับเผ่าปีศาจ
จางกงกงบอก ฮูหยินของเขาและเด็กที่เจ้าเห็นข้าต้องสังหาร ห้ามปล่อยเสือเข้าป่า เจ้าเข้าใจข้าใช่ไหม

จางกงกงรู้สึกเหนื่อยอ่อนลงเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเธอ เขาขออิงแอบพักผ่อนได้ไหม (1) อนุญาต | (2) ปฏิเสธคุณไปเปิดห้องของคุณเอง (ราคาอิงโรงเตี๊ยมในฉางอัน)
-- จบบันทึก หรือจะจบบันทึกตอนเดินทางกลับฉางอันก็ได้จะได้ไม่ต้องปักสถานที่ แนะนำให้สร้างสตอรี่เดินทางกลับตามระยะทางไปถึงฉางอันร่วมกับจางกงกง


รางวัล: +100 พลังน้ำใจ, +200 ตำลึงทอง จากจางกงกง, +5 Point
- หินอัปเกรดและตีบวกอย่างละ 20 ก้อน
กระจกเงาแห่งปัญญา (หลังจากการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นหาและเผชิญหน้ากับความจริงอันซับซ้อน หลินหยา จะได้รับ กระจกเงาแห่งปัญญา เป็นรางวัล สิ่งนี้มิใช่เพียงกระจกธรรมดา แต่เป็นอาวุธแห่งความจริงที่สามารถส่องลึกเข้าไปยังจิตวิญญาณของผู้คนได้ ซึ่งเปรียบเสมือนสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากภารกิจนี้ เมื่อหลินหยารวบรวมสมาธิและมองไปยังบุคคลใด ภาพที่ปรากฏในกระจกจะไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็น ภาพสะท้อนของความจริงในใจ ของบุคคลนั้น กระจกจะเผยให้เห็นความคิดที่ซ่อนเร้น ความตั้งใจที่แท้จริง อารมณ์ที่ถูกเก็บกด หรือแม้กระทั่งคำโกหกที่ถูกปกปิดไว้ รางวัลนี้จึงเป็นเครื่องมืออันล้ำค่าในการ ตัดสินใจ และ เข้าใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง | สามารถขอดูแก่นแท้ของบุคคลที่เธอต้องการได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โปรดเลือกเป้าหมายในการส่อง)



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 29705 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ เมื่อวาน 19:28
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x300
x200
x200
x200
x200
x200
x200
x200
x200
x200
x200
x1
x1
x204
x1
x1
x1
x1
x6
x1
x1
1234567
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้