12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

[ศูนย์กลางราชวัง] ตำหนักเว่ยหยาง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-8-4 21:36:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สาม ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ
ปลายยามเว่ย (14.30น.)




     จากห้องเครื่องหลวงสู่ตำหนักเว่ยหยางที่นางคุ้นเคย แม้ว่าสัปดาห์นี้จะไม่ใช่เวรปรนนิบัติของนาง ทว่านางก็ยังคงมีโอกาสที่จะยกข้าวของสักหน่อยมาถวายยามบ่ายที่พระองค์มักจะทรงงานในความทรงจำของนางเสมอ เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้มาพร้อมกับจ้าวหนิงเฟยถือถาดอาหารตามไม่ห่างเดินมายังหน้าตำหนักได้ไม่ทันไรก็ต้องยอบกายคำนับเมื่อแลเห็นขบวนเกี้ยวอ่อนของโอรสสวรรค์เดินทางจากวังหน้ามายังหน้าตำหนักเว่ยหยางพอดี

   “ถวายพระพรหวงตี้ ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

   “เจ้าเองงั้นหรือ เสียนอี๋” สุรเสียงตรัสดังขึ้นเมื่อทรงทอดพระเนตรไปที่เสียงเอ่ยคำนับจากหน้าตำหนักแลเห็นสตรีคุ้นเคยยิ่งกว่าสนมใดในวังก็เร่งก้าวออกจากเกี้ยวของพระองค์ให้เร็วขึ้นกว่าที่เคยกระทำเล็กน้อย ก่อนจะเสด็จไปประคองกายบางให้ลุกขึ้นเสีย “เจ้ามาเช่นนี้มีธุระอันใดรึ ?”

   “เรียนหวงตี้ หม่อมฉันได้ทำเป็ดเป่ยจิงเข้าคู่กับสุราเบญจมาศและขนมคอเป็นเข้าคู่กับชาไป๋หาวอิ๋นเจินมาถวายพระองค์เพคะ”

   “งั้นหรือ” พระองค์ทรงตรัสอย่างไม่อาจคาดเดาความนึกคิดภายในได้เลย “งั้นก็ตามเจิ้นมา”

   พระองค์ตรัสแก่พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋ก่อนจะหันไปมองให้จ้าวหนิงเฟยลุกได้เช่นกัน หากเอ่ยถามว่าเขารู้จักสตรีผู้เป็นนางกำนัลคนนี้หรือไม่ หากไม่รู้จักคงสมองเป็นตะคริวเสียแล้ว สตรีนางนี้เข้ามาสมัยเขาเป็นเพียงหวางน้อยวัยสิบเอ็ดปี ใช้เวลาราว ๆ สี่ปีได้ก็ขึ้นมาเป็นนางกำนัลขั้นสูงส่วนพระองค์ของพระสนมเสียนเฟย นับจากนั้นเขาก็เห็นแววของสตรีที่เหมาะสมแก่การนำมาเป็นหมากในอำนาจของพระองค์ เช่นนั้นแล้วนางกำนัลที่ส่งมอบพร้องยศใหม่ให้เว่ยเจียเหลียนฮวาคือเป็นทั้งความตั้งใจที่มอบสตรีที่เขาไว้วางใจและเป็นการคอยสอดส่องนางไม่ห่างเช่นกัน

   ไหน ๆ นางก็มาพร้อมอาหารเช่นนี้แล้วก็เลยนำทางมายังศาลากลางน้ำที่ครั้งก่อนได้มาเห็นฝ่าบาทกับหวงเย่ประชันหมากแข่งขันกัน ใบหน้าของสตรีผู้เป็นภรรยาพยักหน้าส่งสัญญาณให้จ้าวกู่กูวางอาหารทั้งมวลลงบนโต๊ะถวายแด่หวงตี้ก่อนที่นางจะยอบกายถอยออกไปรอรับคำสั่งไกล ๆ ให้ช่วงเวลาของเจ้านายทั้งสองเป็นเวลาส่วนตัวของกันและกัน ส่วนของเว่ยเจียเสียนอี๋แลเห็นทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็จะเอ่ยแนะนำอาหารที่ยกมาอีกคราก่อนที่จะทูลลาเพื่อให้พระองค์ได้เสวยเงียบ ๆ

  “นั่งเสียสิ”

  “...???”

   ใบหน้าของสตรีผู้เป็นพระสนมเอกแสดงสีหน้าราวกับต้องการเรียนถามว่าให้นางรับประทานอาหารร่วมโต๊ะด้วยหรือ ทว่าการที่โอรสสวรรค์เอ่ยบอกแก่จ้าวหนิงเฟยให้ไปเอาจานเปล่าเพิ่มสักใบตะเกียบสักคู่ให้นางก็เป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าบ่ายนี้คงได้ของกินตกลงท้องเสียแล้ว เนื่องด้วยอาหารตรงหน้าเป็นของโปรดยิ่งกว่าสิ่งใดนางจึงไม่ได้อิดออดกระไรให้มากความ ยอบกายขอบพระทัยองค์หวงตี้และหย่อนกายตรงข้าง เมื่อทุกสิ่งพร้อมเสร็จสรรพแล้วนางก็ถือวิสาสะหยิบตะเกียบคีบแป้งมาไว้ในมือ คีบหยิบหนังเป็ดกรอบติดเนื้อบ้างส่วนมาวาง คีบหยิบผักเครื่องทั้งหลายใส่ในแป้งบางนี้ก่อนจะจัดการห่อให้เรียบร้อยในจานของตนที่สะอาดเอี่ยมและยกขึ้นตั้งใจถวายชิ้นแรกนี้ให้บุรุษตรงหน้า

   “หากไม่เป็นการล่วงเกิน หม่อมฉันขอถวายเป็ดเป่ยจิงที่หม่อมฉันห่อให้เรียบร้อยเพคะ”

  “เจ้ามิได้ใส่สิ่งใดแปลก ๆ ลงไปใช่หรือไม่ ?”

  “ก็จับตาดูอยู่เช่นนี้จะใส่สิ่งใดผิดแปลกไปได้ ตรวจทานพิษก็ตรวจแล้ว หากฝ่าบาทไม่โปรดจะเสวยที่หม่อมฉันผู้เชี่ยวชาญการรับประทานเป็ดเป่ยจิงยิ่งกว่าผู้ใดก็ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันจะเสวยเอง”

   ทันใดที่มือบางลดจานของนางลงเพื่อเตรียมคีบจะรับประทานเอง มือหนาก็เอื้อมมาเกาะมือข้อมือไว้ไม่ให้ส่งอาหารโอชะตรงเข้าปากพร้อมกับดึงมือให้ตะเกียบมาทางพระโอษฐ์ราวกับส่งสานส์บางอย่างให้นางได้รับทราบ “เจ้าบอกจะทำให้เจิ้น เช่นนั้นแล้วก็ ส่งพุทธองค์ต้องส่งให้ถึงประจิม ส่งก้อนแป้งของเจ้าก็ต้องส่งให้เข้าที่มิใช่หรือ ?” ตรัสจบก็แย้มสรวลอย่างนึกสนุกสนานกับการแลเห็นสีหน้าของตัวเกียจคร้านน้อยโดนเขากลั่นแกล้งกลาย ๆ อยู่ตลอด เพื่อย้ำคำ ก็ทรงกระแอมไอแล้วตรัสอีกครา “เร็วเข้าสิ”

  “เพ คะ ฝ่า บาท”

   ด้วยเข้าใจเล่ห์เหลี่ยมมังกรแล้วก็ทำเพียงกัดฟันเอ่ยพร้อมแย้มยิ้มงาม ยื่นก้อนแป้งห่อหนังเป็ดกรอบของโปรดของนางป้อนโอรสสวรรค์อย่างไม่อาจต่อต้านได้… จะต่อต้านได้อย่างไร ก็นางถูกกุมข้อมือจ่อเสียขนาดนี้ ด้านขององค์จักรพรรดิแห่งต้าฮั่น พระองค์แย้มพระโอษฐ์แลหล่อเหลาออกมาอย่างพึงใจที่นางเล่นไปตามน้ำที่เขาเปรยทางไว้ก่อนจะอ้าพระโอษฐ์เสวยก้อนแป้งนี้อย่างอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างจากราชกิจน่าหนหวยยิ่งกว่าสิ่งใด

   คงนับว่าการแกล้งให้นางเสียอาการนับเป็นความสุนทรีย์อย่างหนึ่งที่เพิ่งค้นพบและไม่อาจบอกใครได้กระมัง

   “รสมือพระสนมเสียนอี๋ป้อนเจิ้นเช่นนี้ เป็ดเป่ยจิงอร่อยยิ่งขึ้นหรือไม่กัน ?”

   “ตรัสเช่นนั้นแล้วก็เสวยไปเพคะ”

   ใบหน้างามถูกแต่งแต้มด้วยสีชาดระบายทั่วแก้มใส มือบางรินสุราเบญจมาศให้พร้อมแล้วเร่งพันแป้งอีกก้อนขนส่งเข้าพระโอษฐ์งามน่าหมั่นไส้นั่นเสียอีกสักคำให้เงียบปากไปก่อนที่หลังจากนี้มือบางจะเอาแต่ม้วนวางไว้บางจานของนางเองที่ถูกเลื่อนมาเป็นจานส่วนกลางไปโดยปริยาย ดวงเนตรมังกรพิศเห็นเช่นนี้แล้วจึงใช้โอกาสที่นางวางตะเกียบม้วนแป้งอย่างตั้งใจก็ถือวิสาสะหยิบตะเกียบของนางมาคีบสักก้อนจ่อริมฝีปากบางที่เงียบเสียงราวกับตั้งใจม้วนจนหมดแป้งที่เตรียมไว้

  “เจิ้นไม่ได้ให้เจ้ามาเป็นนางรับใช้พันแป้ง รินสุราเสียหน่อย”

   ดวงตากลมโตราวกับมีดอกเหมยเบ่งบานเลื่อนขึ้นมามองก้อนแป้งฝีมือนางก่อนจะสลับเลื่อนไปสบเข้ากับดวงตาของโอรสสวรรค์ผู้กระทำตนแสนประหลาดเช่นนี้ ทว่าหากดันออกก็ใช่เรื่อง ของโปรดจ่อมาตรงหน้าแล้วมีหรือนางจะทัดทาน เว่ยเจียเหลียนฮวาพลันอ้าปากรับม้วนแป้งหนังเป็ดกรอบก่อนจะแสดงสีหน้าของความอร่อยอันปะทุในโพรงปากสาว สมแล้วที่เป็นอาหารที่นางชมชอบโดยฝีมือของนางเอง และท่าทางเช่นนี้เรียกเสียงสรวลทุ้มต่ำในลำคอได้เป็นอย่างดี

   นางชมชอบสินะ

   กาลเวลาค่อย ๆ เดินหน้าไปเรื่อย ๆ เมื่อครั้นจัดการอาหารจนหมดแล้วเหลือไว้เพียงขนมคอเป็ดกับชาไป๋หาวอิ๋นเจินพระองค์ก็เรียกสาวใช้ให้มาเตรียมกระดานหมาก แบ่งขนมเป็นสองจาน และรินชาสองจอก ทุกสิ่งนี้อยู่ในสายตาของเหลียนฮวาทั้งสิ้น

   “จะเล่นหมากหรือเพคะ”

  
“เป็นเช่นนั้น”

   “หม่อมฉันขอทูลถาม ทำเช่นไรถึงจะชนะฝ่าบาทได้เพคะ”

   “ทำใจ”

   เป็นเช่นนั้นไปที่นางต้องทำ แถมจะเอ่ยค้านก็มิได้เพราะคราก่อนเล่นไปสามรอบ แพ้เสียทุกรอบจนศักดิ์ศรีของสตรีผู้ได้รับสมญานามพหูสูตรน้อยครั้นสมัยอยู่สถาบันสั่นคลอนทันที เช่นนั้นแล้วนี่คือโอกาสให้นางได้ลองยุธวิธีที่ไปขบคิดจนสมองแทบเป็นตะคริวมิใช่หรือ

   “หม่อมฉันจะพยายามเอาชนะท่านให้ได้ ในสักวันเพคะ”

  “เช่นนั้นเจิ้นจะรอชม”

   แล้วทั้งสองก็เริ่มเดินหมากไปพร้อมกับการรับประทานขนมคอเป็ดเป็นเสมือนขนมว่างเคี้ยวเพลินรับกับชาขาวสดชื่นยิ่งนัก ทว่าต่อให้มีขนมเพลิดเพลินเพียงใดคิ้วเรียวดั่งใบหลิวโค้งของเหลียนฮวากยังคงม้วนเข้าหากันอยู่ดี…

   ทำอย่างไรจะชนะเขาได้กัน

   ใช้เวลาราวเกือบครึ่งชั่วยามผลก็ออกมาเป็นนางเช่นเดิมที่พ่ายแพ้ ในหมากเม็ดสุดท้ายที่นิ้วเรียวหนาลงเพื่อรุกฆาต ก็เลื่อนขึ้นมาปัดมุมริมฝีปากงามที่มีงาขาวแปะแต้มเป็นการกระทำสุดท้ายก่อนจะแยกจากกันเสียที





รางวัลงาน: +50 พลังใจ, 8 ตำลึงทอง , +30 EXP , +20 บารมี , +2 ปรนนิบัติ (ไม่ได้ปรนนิบัติจากโรลปกติ ได้แค่จากเควส) และ +15 ตบะฝึกฝนจากการมุมานะฝึกทำขนมและชา ความโปรดปรานจากหวงตี้ +35 แต้ม (จากการถวายชา9ขนมเควส)

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้ 
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

+15 บารมี ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ (เล่นหมากค่า)
+50 บารมี ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง

@Admin

แสดงความคิดเห็น

ท่านปลดความท้าทายบางอย่าง หากสนใจจะเปิด กด Y ใน PM  โพสต์ 2024-8-5 00:18
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 100 โพสต์ 2024-8-4 23:11
โพสต์ 23999 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-4 21:36
โพสต์ 23,999 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)  โพสต์ 2024-8-4 21:36
โพสต์ 23,999 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-4 21:36

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +8 ตบะฝึกฝน +15 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +2 พลังปราณ +85 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 8 + 15 + 2 + 85

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2380
ความชั่ว
1205
ความโหด
2598
โพสต์ 2024-8-28 22:54:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-8-28 22:58





.เขียนไปเกร็งไป.เหม่อ.
หวงตี้ผมทำดีที่สุดแล้ว
ปล. แบบว่าขออนุญาตรวบรัดตัดตอน
พอลองใช้เงินระบบจริงๆ ให้เข้ากับโรลเพลย์แล้ว เปลืองมาก.เหม่อ

CHAPTER 23

วันที่สิบสองเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
วันจันทร์ ช่วงเวลาค่ำ


ยามตะวันรอนใกล้ลับขอบฟ้า การผลัดเปลี่ยนเวรปรนนิบัติครั้งใหม่ก็มีขึ้นอีกครา ขันทีข้างพระแท่นบรรทมมาที่พระตำหนักเล็กเมิ่งเหยา แจ้งให้นางเตรียมตัวถวายการปรนนิบัติในค่ำคืนนี้


ท้องฟ้ามืดแล้ว จันทร์เสี้ยวเปล่งแสงสีเงินยวงดูโด่ดเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมู่ดวงดารา แสงเงินวาวตกกระทบลงบนเกี้ยวรับพระสนมเข้าสู่พระตำหนักเว่ยหยางอันเป็นที่ประทับของมังกร… ความรู้สึกประหม่าและหวั่นใจปรากฏอย่างเลือนรางบนดวงหน้าที่แฝงความเย่อหยิ่ง หลงเยวี่ยเปิดม่านชำเลืองมองหนทางที่กำลังทอดยาวไปสู่ที่พำนักของฝ่าบาท


นางสังหรณ์ใจไม่ดี ไม่คล้ายภรรยาที่กำลังถูกส่งตัวเข้าห้องหอ

กลับเหมือนเหยื่อบูชาในพิธีเซ่นไหว้ ช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่น่าอภิรมย์นัก


เมื่อนางกำนัลประคองหลงเยวี่ยลงจากเกี้ยวก็พบว่าที่หน้าพระตำหนักก็มีจางกงกงรอรับอยู่ เมื่อนางเดินเข้าไปใกล้ จางกงกงก็โน้มกายแสดงความเคารพ “ฝ่าบาทยังทรงอ่านฎีกาอยู่พ่ะย่ะค่ะ นายหญิงน้อยเชิญทางนี้”


เส้นทางต่อจากนั้นนางกำนัลระดับล่างมิอาจก้าวล่วง นัยน์ตาหวานล้ำแฝงรอยยิ้มบางเบา “รบกวนจางกงกงแล้ว” คนคู่หนึ่งย่างเดินด้วยฝีเท้าที่มั่นคงในพระตำหนักเว่ยหยาง ทว่ากลับเงียบสงัดราวกับไร้ผู้คน เมื่อสบโอกาสเหมาะหลงเยวี่ยก็ยิ้มละไมมอบถุงเงินเล็กๆ แก่ห่าวหมิง เขาเป็นขันทีรับใช้ฝ่าบาทนางย่อมไม่อาจน้อยหน้าให้ถูกดูแคลน “ครั้งก่อนเป็นเพราะจางกงกงช่วยเอ่ยปาก ข้าไม่ลืมน้ำใจคน น้ำใจเล็กน้อยนี้ให้เจ้ารับไว้ด้วย” 


การตกรางวัลบ่าวรับใช้ถือเป็นเรื่องปกติ จางห่าวหมิงแย้มรอยยิ้มบางเบา นัยน์ตาแฝงเล่ห์ร้ายหลุบลงเล็กน้อย “เป็นหน้าที่ของกระหม่อม นายหญิงน้อยไม่จำเป็นต้องใส่ใจ” กล่าวพลางเก็บถุงเงินเล็กๆ ไว้ในแขนเสื้อ [ปกติเขารับไหม ขออนุญาตโรลแอคชั่นในนิสัยกลางๆ ฮะ]


“---เช่นนั้นจางกงกง…” น้ำเสียงของนางแว่วหวาน พัดเล็กโบกเบาๆ แตะลงบนจมูกเล็กซ่อนใบหน้าขาวผ่องที่แดงระเรื่อ “ท่านรับใช้ฝ่าบาทมานาน คงจะช่วยชี้แนะข้าได้กระมังว่าควรรับใช้เช่นไร”


เจ้านายเอ่ยยกยอว่า ‘ท่าน’ เช่นนี้ผู้รู้จักระวังตัวอย่างจางกงกงไม่อาจรับ


ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราของขันทีหนุ่มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ลอบสังเกตท่าทางดั่งกำลังลุ่มหลงคาดหวังของนางแล้วก็คลายความระแวดระวังลง จงฉางซื่อเช่นเขาย่อมตระหนักในความสำคัญของตนเอง กับจักรพรรดิเยี่ยงนี้–พระสนมในเขตพระราชฐานจะเป็นหรือตายกึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าลมปากของเขาพัดพาไปยังทิศทางใด คิดสักพักแล้วก็ยิ้มบางเอ่ยเสียงเบา “นายหญิงน้อยรอบรู้ย่อมจะเข้าใจฝ่าพระบาทเป็นอย่างดี— บ่าวเช่นกระหม่อมสถานะต่ำต้อยมิกล้าชี้แนะ…เพียงแต่สมัยก่อนกระหม่อมได้ฟังมาว่า ในดินแดนโพ้นทะเลทรายมีนิทานเรื่องหนึ่งกล่าวถึงกษัตริย์ที่รักใคร่ในมเหสีของตนเองอย่างลึกซึ้ง…นายหญิงน้อยเคยฟังมาบ้างหรือไม่


หลงเยวี่ยหัวเราะ “กษัตริย์หรือ? ยังมีผู้อื่นนอกจากฝ่าบาทด้วยหรือ?” พวกหัวหน้าชนเผ่าอานารยะ นางย่อมไม่นับว่าเป็นกษัตริย์ นัยน์ตาจึงแฝงความเหยียดหยาม


จางกงกงยิ้มพรายอย่างอดทนยิ่ง “เป็นเพียงมุขปาฐะเรื่องหนึ่งเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ…”


“กษัตริย์ผู้นั้นเทิดทูนชายาของตนมากคาดไม่ถึงว่าจะถูกนางสวมเขา คบชู้สู่ชาย หลังจากประหารพระชายาและชายชั่วผู้นั้นแล้ว พระองค์ก็ไม่ไว้ใจสตรีใดอีก ไม่แต่งตั้งพระชายาพระองค์ใหม่ แต่รับตัวหญิงพรหมจารีเข้าวังมาปรนนิบัติในยามราตรีแทน เมื่อถึงยามรุ่งสางก็สั่งประหารเสีย…”


“แต่ในท้ายที่สุด มีหญิงสาวนางหนึ่งที่รอดชีวิตเพราะนางสุขุมและไม่กระตือรือร้น พาน้องสาวเข้าวังมาด้วย ถึงยามใกล้รุ่งสางก็เล่านิทานให้น้องสาวของนางฟัง ผ่านไปคืนแล้วคืนเล่านับหนึ่งพันราตรี กษัตริย์ผู้นั้นก็อภิเสกนางขึ้นเป็นพระชายา”


“เจ้า…อยากจะบอกอะไรข้ากันแน่?” นัยน์ตาคมตวัดมองจางห่าวหมิง คิดได้ว่าเขาคือขันทีรับใช้ใกล้ชิดท่าทางก็อ่อนลง “ทำราวกับว่าหากข้าคิดจะร่วมเตียงกับฝ่าบาทจะต้องไร้อนาคตให้ยืนไม่ผิดเพี้ยน”


ถึงจะใจร้อนไปบ้าง…สมองก็ยังทำงานได้ดีอยู่ จางห่าวหมิงตอบเสียงนอบน้อม


“น้ำพระทัยฝ่าบาทกระหม่อมไม่กล้าคาดเดา วันนี้เพียงแค่เล่ามุขปาฐะเรื่องหนึ่งให้นายหญิงน้อยฟังเท่านั้น หากไม่โปรดก็ถือเสียว่ากระหม่อมมิเคยเล่าเถิด…”


หลงเยวี่ยขมวดคิ้ว จงฉางซื่อไม่มีทางเอ่ยเล่าอะไรลอยๆ

ฝ่าบาททรงมีรักปักใจหรือ?

 ไม่มีทาง…ทรงเป็นราชันของไพร่ฟ้า มีสิ่งใดจะคว้ามาไม่ได้


หวนคิดถึงพื้นเพปูมหลังของหวงตี้— พระองค์ไม่มีชายาเอก เมื่อเป็นประมุขก็ไร้หวงโฮ่วเคียงข้าง ขัดต่อประเพณีแต่ปางหลัง หนำซ้ำเมื่อรับสาวงามเข้าวังกลับมีไม่กี่คนที่โปรดปราน ชายหนุ่มยากนักจะสามารถระงับกิเลส หลงเยวี่ยคุ้นเคยกับทหารในกองทัพ จะน้อยมากก็รู้ว่าหอนางโลมคือสถานที่ที่พวกเขาโปรดปรานมากเพียงใด ทว่าฮั่นหวู่ตี้ผู้เป็นราชันแห่งแผ่นดินกลับเอาอย่างนักพรตทั้งที่บัลลังก์ยังไร้ผู้สืบสกุล


หรือพระองค์นิยมบุรุษ?


นัยน์ตาเมล็ดซิ่งกดลง ใบหน้าของนางพลันบึ้งตึง การมีชายคนสำคัญคอยรับใช้มิใช่เรื่องแปลกใหม่ หากหวงตี้จะชมชอบบุรุษ— จางห่าวหมิงมีลักษณ์ที่ดีเป็นขันทีอายุน้อยตำแหน่งสูงที่หาได้ยากยิ่ง ไม่แปลกที่จะปรนนิบัติรับใช้ในยามค่ำคืนด้วย แม้แต่ขุนนางคนสำคัญก็มีอายุไม่มากเท่าใด…เรื่องนี้พอมีเค้าลาง เพียงแต่หากฝ่าบาทมีรสนิยมดังนั้นและใคร่ปิดบังก็คัดเลือกหญิงสาวสักคนยกย่องเชิดชู มีทายาทตั้งแต่คราวขึ้นครองราชย์ก็เพียงพอแล้ว


เหตุไฉนถึงได้ปล่อยลากยาวมาถึงตอนนี้

หรือเพียงแค่มีปัญหาสุขภาพ นกเขาไม่ขันกันแน่


เรื่องในวังบางเรื่องมิควรเอ่ย นางซักถาม จางห่าวหมิงก็ตอบแล้ว อีกอย่างจางห่าวหมิงเป็นคนของฝ่าบาท— คิดแล้วนางก็ยกรอยยิ้ม หลงเยวี่ยโบกพัดกลมเบาๆ “ข้ารู้แล้ว จะไม่ทำให้ฝ่าบาททรงลำบากพระทัยแน่นอน”


“นายหญิงน้อยปราดเปรื่องรู้ว่าควรวางตัวเช่นไรอยู่แล้ว” จางห่าวหมิงผายมือไปทางด้านหนึ่ง “ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ รบกวนนายหญิงน้อยรอสักครู่”


“ด้านในไม่มีเรื่องอะไรกระมัง…” จางห่าวหมิงสอบถามสถานการณ์จากขันทีขั้นกลางเล็กน้อย ถึงอนุญาตให้เขารายงานว่าหลงเยวี่ยมาถึงแล้ว หญิงสาวในอาภรณ์สีเขียวแก่ปักลายต้นไผ่สีทองแย้มรอยยิ้มบางๆ ก้าวตรงเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าองค์จักรพรรดิ


“หญิงสกุลตวนมู่ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์เกษมสำราญยิ่งยืนนาน”


มิใช่ตวนมู่เหม่ยเหริน แต่เป็น ‘หญิงสกุลตวนมู่’ อ่อนน้อมอย่างที่สุด มิยกตนเป็น ‘ภรรยาน้อย’ เป็นเพียงข้ารับใช้ผู้หนึ่งเท่านั้น จางห่าวหมิงปรายตามองโฉมงามที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าโอรสสวรรค์ ยากจะคิดว่าหญิงสาวเช่นนี้เอาใจบุรุษเป็น ใบหน้าพลันฝืดเฝื่อนขึ้นมา


ทว่าบุญกรรมแต่ปางก่อนยังไม่ทอดทิ้ง หลิวเช่อเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับเหอซีอิงกงมาก่อน นับเป็นมิตรภาพที่จดจำได้ ตัวผู้ที่ควรได้รับสิ้นชีพไปแล้วผลถึงตกอยู่กับผู้ที่มีชีวิตอยู่ บุญคุณความแค้นเป็นสิ่งที่ลึกล้ำและว่างเปล่า ใบหน้าเย็นชาส่ออาการเบื่อหน่าย จดจ่ออยู่กับฎีกาตลอดช่วงค่ำร่างกายเกิดอาการล้าขึ้นมาบางแล้ว


ครั้นถูกคำว่า ‘สกุลตวนมู่’ กระตุ้นอย่างบางเบา นัยน์เนตรดำขลับก็ปรายมอง


สตรีที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า…หลิวเช่อเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่สิ อาจจะสองหรือสามครั้ง หลงเยวี่ยเปรียบดั่งใบไม้ในอุทยาน รับรู้ว่ามีอยู่ตรงนั้นทว่าหาได้แยแสจดจ่อต่อนางไม่


เพียงแต่เมื่อคิดถึงเรื่องเก่าก่อนความรู้สึกก็กระเพื่อมไหวอย่างบางเบา


“อืม…ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะ”


หลงเยวี่ยยอบกายขอบพระทัย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เล็กที่จัดไว้ด้านหน้าโต๊ะทรงอักษร พัดกลมสีเขียวปักลวดลายสกุณาวางบนตัก หวงตี้หาได้สวมพระมาลาห้อยมุกดั่งเช่นยามที่พบกันคราวก่อนๆ นางปราดมองดวงหน้าโด่ดเด่นแฝงความเด็ดขาดในแววตา สูงส่งเหนือผู้คนราวกับเพียงการจ้องมองก็นับเป็นการหมิ่นเกียรตินั้นแล้ว ราชวงศ์หลิวแห่งต้าฮั่นมีชื่อเสียงเรื่องรูปโฉมงดงามตลอดมา ฝ่าบาทองค์ปัจจุบันแท้จริงแล้วงามล้ำยิ่งกว่าคำลือเสียอีก หน้าเนียนผ่องของหลงเยวี่ยพลันปรากฏสีแดงระเรื่ออย่างเลือนราง


จางห่าวหมิงที่เฝ้ามองเหตุการณ์เสมือนเงารู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นที่สุด


เขาบอกนางแล้วว่า สุขุมและไม่กระตือรือร้น ทว่าสำหรับตวนมู่เหม่ยเหรินนั่นดูจะเป็นคำขอที่ยากเกินไปสักหน่อย


ในมุมมองของหลิวเช่อ การพลิกป้ายสาวงามไม่ต่างจากโยนแผ่นไม้ลงในกล่องสุ่มและเลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น แผ่นป้ายใดล้วนแล้วแต่สามัญ หญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าเขาผู้นี้—จดจำได้ว่า โง่เขลานักทว่ากลับหาญกล้าไม่เบา นัยน์ตาคมดำมืดราวกับห้วงอนธกาล หลงเยวี่ยถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเมื่อถูกสายตาคู่นั้นจ้องมอง


เป็นจริงดังนั้น— นี่หาใช่การเข้าเฝ้าสามีตามกฎมณเฑียรบาล

แต่เป็นย่างเท้าเข้ามาในรังมังกรอหังการตนหนึ่ง


ครั้นจะตอบโต้ด้วยสายตาอย่างไม่ลดละ อีกฝ่ายก็เป็นถึงหวงตี้ นางเบนสายตารับถ้วยชารับรองจากบ่าวรับใช้ ใบหน้าเก้อเขินเล็กน้อย “ฝ่าบาท…ทรงมองเช่นนี้ แม้แต่ชาสักถ้วยหม่อมฉันก็ไม่กล้าดื่มแล้ว” เสียงแค่นหัวเราะดังแผ่วเบา ครู่หนึ่งถึงตรัสด้วยสุรเสียงผ่อนคลาย ประหนึ่งว่าท่วงทีที่น่าครั่นคร้ามประหนึ่งมังกรตื่นนั้นนางรู้สึกไปเอง


“เจ้าไม่อยากดื่มก็ไม่ต้องดื่ม ยกออกไป” หลิวเช่อเอ่ยเสียงเรียบ พาลทำให้ใบหน้าของหลงเยวี่ยเจือนลงเล็กน้อย “ไปนำลูกดอกมาให้ข้า”


 ฉลองพระองค์รุ่มร่ามปรายรับศรดอกหนึ่งจากจางกงกง ลูกศรสีเงินสลักลายอันงดงามวิจิตร หลิวเช่อไล้ฝ่ามือตามลายศร ทอดมองอย่างพิจารณาขณะนั้นก็ตรัสถามอีกหนึ่งคำ “เคยเล่นปาลูกดอกหรือไม่” 


“เคยมาบ้างเพคะ”


อาภรณ์สีดำทมึฬปักลวดลายมังกรประหนึ่งทิวทัศน์ของท้องนภา พระหัตถ์โอรสสวรรค์โบกสะบัดเพียงแค่พริบตาประกายสีขาวเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาหลงเยวี่ย


นัยน์ตาเรียวยาวดุจเมล็ดซิ่งหรี่เล็กลง ปลายนิ้วเรียวเกี้ยวผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดปาก ขยับตัวเล็กน้อยเงาร่างที่คล้ายขวางวิถีลูกธนูก็เปิดทาง ตามด้วยเสียงเคร้ง!ก้องดังไปทั่วพระตำหนักปีก นัยน์ตาของนางเย็นเยียบเหยียดรอยยิ้มกว้าง


ธนูลูกนั้นพุ่งปักลงในคนโทน้ำสำริดที่วางอยู่มุมตำหนัก ครู่หนึ่งถึงคลำหาเสียงเจอ


“ฝีมือปาลูกดอกของฝ่าบาทเป็นเลิศยิ่งเพคะ” ขนงคิ้วบอบบางแลดูออดอ้อนโดยธรรมชาติ


“อืม…” นัยน์เนตรคู่คมปรายมองจางกงกง ขันทีหนุ่มผู้วาดรอยยิ้มประดุจจันทร์เสี้ยวเก็บลูกธนูดอกนั้นกลับมาใส่มือของหลงเยวี่ย “เจ้าก็ลองดูบ้าง”


น่าเสียดาย


ฝีมือการยิ่งธนูของนางแม่นยำราวกับจับวาง วิชาดาบไม่น้อยหน้าผู้ใด ซ้ำยังชอบอาวุธประเภทหอกคู่เป็นพิเศษ แต่การปาลูกดอกลงในหลุมแคบอย่างปากคนโทน้ำกลับเป็นเรื่องที่ยากนัก แม้การเสียเชิงต่อหน้าบุรุษที่ชอบพอจะเป็นเรื่องที่หญิงสาวยากจะทำใจ ทว่านางมิได้เรื่องมากเท่าไรนัก จึงยอบกายลงน้อมรับพระบัญชา


“เพคะ”


ปลายนิ้วเรียบจับลูกศรในท่าเตรียมพร้อม เมื่อมองจากท่วงทีอันเด่นล้ำนั้น ผู้ใดก็สามารถคาดเดาได้ว่า ลูกศรจะต้องพุ่งลงเป้าหมายได้อย่างแน่นอน ทว่า…แป๊ก— ศรนั้นตกกระทบลงพื้นพรมข้างคนโทน้ำ หลิวเช่อหาได้สนใจไยดี เอ่ยเสียงเรียบว่า “โยนต่อไป”


ดูคล้ายหาเรื่องให้นางทำฆ่าเวลา…


หลงเยวี่ยปาศรหลายครั้งจนจางกงกงระอาจะเดินไปหยิบมายื่นใส่มือให้นางทุกรอบ จึงสั่งเด็กๆ ไปยกลูกธนูชุดหนึ่งมาให้หลงเยวี่ยปาเล่น ไม่ว่าใครก็คงไม่คิดว่า ฝีมือปาลูกดอกของนางจะบัดซบปานนี้


………..


“เหนื่อยแล้วเหตุใดถึงไม่พัก”


นางรู้สึกหงุดหงิดใจที่ขว้างไม่ลง จึงไม่หยุดที่จะขว้างลูกดอก ทว่าเมื่อถูกถามเช่นนั้นก็ตอบออกไปอย่างสงวนท่าที “ไม่มีพระบัญชาจากฝ่าบาท”


“ไม่มีบัญชาจากข้า…เจ้าก็ไม่พักหรือ?”


หลงเยวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าสำนึกได้ว่าอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ใบหน้าจึงเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานในท่วงทีเดียวกัน “หม่อมฉันย่อมทำตามพระบัญชาของฝ่าบาท”


“ดี! ดีมาก!” นัยน์ตาคมของมังกรหนุ่มปรายมองลูกศรที่ระเกะระกะอยู่ด้านล่าง ความสำราญรื้นผ่านดวงตาอย่างเลือนราง “เจ้าขว้างลูกดอกสิบกว่าครั้งไม่มีสักครั้งที่เข้าเป้า—” ทรงยื่นศรอันหนึ่งมาด้านหน้า ตรัสด้วยสุรเสียงแห่งอำนาจที่สัมผัสได้ถึงคำว่า ไม่เล่น อย่างแรงกล้า คิ้วคมเลิกขึ้นสูง เอ่ยด้วยเสียงชืดชา... หากคลับคล้ายแฝงไปด้วยการลองเชิง “เมื่อสักครู่เจ้าเอ่ยว่าจะทำตามบัญชาของเรา มาเถิด--- เราขอบัญชาเจ้า...ดอกนี้ต้องโยนให้เข้า


หลงเยวี่ยหางคิ้วกระตุก “หม่อมฉัน…”


“โยน”


จางห่าวหมิงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก— เมื่อสักครู่เขาคาดคะเนว่า ตวนมู่เหม่ยเหรินเสแสร้งปาไม่เข้าเป้าเพื่อเอาใจฝ่าบาท อย่างไรก็เถอะ หวงตี้ไม่มีทางพอพระทัยกับชัยชนะจอมปลอม อีกทั้งยอมอ่อนข้อเรื่องปาศรดูอย่างไรก็โง่เขลานัก


อีกทั้งนางอ้างว่า “ไม่มีพระบัญชา” และ “ทำตามพระบัญชา” ไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ฝ่าบาทคงอยากจะดูท่าที ครั้งนี้หากนางขว้างถูกเป้า เกรงว่าคงจะนึกเกลียดชังหญิงสาวที่เสแสร้งเช่นนี้ แต่ถ้าขว้างไม่เข้าเป้าก็ต้องถูกทัณฑ์บนโทษฐานที่ “ขัดพระบัญชา” จางห่าวหมิงมองแล้วก็เห็นว่ามีแต่เสียกับเสีย


“ฝ่าบาท—ตวนมู่เหม่ยเหรินไม่ชำนาญการขว้างลูกดอก ไม่สู้…”


“โยน”


ไม่ว่าใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้ บรรยากาศพาลถูกพาไม่คิดเป็นเช่นนั้นโดยไม่ตั้งใจ


“เพคะ” หลงเยวี่ยหยิบลูกดอกจากจางห่าวหมิง หัวใจของนางพลันระสับระส่ายขึ้นมา นัยน์ตาทอดมองลูกศรในมือซึ่งถูกดัดแปลงให้ส่วนมีคมหายไป— นางเดินไปที่คนโทน้ำตรงมุมห้อง ใกล้จนห่างกันแค่ภูษาสะบัดถูกคนโท นัยน์ตาทอดมองลงไปในก้นบ่ออันมืดมิด ครู่หนึ่งก็หักใจ เสียงเคร้ง!ดังขึ้นเบาๆ  หลงเยวี่ยหย่อนลูกดอกลงปากคนโท—


หรือกล่าวตามกติกา คือการปาระยะใกล้…


นางผินกายกลับมาเบื้องหน้าพระพักตร์ รอยยิ้มปรีดาวาดผ่านใบหน้า “ลงแล้วเพคะ”


ท่ามกลางความอึ้งของจางกงกง…และความคาดไม่ถึงของหลิวเช่อ ลูกดอกถูกปาลงไปตามพระบัญชาแล้ว นัยน์เนตรคมกล้าของหลิวเช่อเบิกขึ้นเบาๆ ริมฝีปากยกขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะสองสามทีราวกับพบเรื่องที่น่าใส่ใจ


“สตรีเช่นเจ้า ไม่กลัวตายกระมัง”


นัยน์ตาของหลงเยวี่ยเหลือบมองฝ่าบาทแลดูอ่อนหวาน เคลือบแฝงความเชื่อมั่นอย่างยิ่งยวด “ไม่กลัวเพคะ”


หลิวเช่อคลับคล้ายไม่เชื่อแต่ก็ยังเอ่ยคำว่า “ดี” ออกมาถึงสองคำรบ

.

.

.

ถ้อยคำหนึ่งสื่ออย่างคลุมเครือ เพื่อพระประสงค์ของฝ่าบาท หม่อมฉันไม่กลัว


วันแรกที่เข้าถวายการปรนนิบัติเป็นเช่นนั้น…พระองค์มิได้โอ้โลมปฏิโลมทางกายใดๆ และมิได้ขึ้นปรนนิบัติเรื่องบนเตียง การเข้ามาในลักษณะนี้คล้ายกับการสนทนากับเถ้าแก่ใหญ่อยู่เล็กน้อย พาลให้ยิ่งปักใจเชื่อว่าพระองค์อาจจะมีปัญหาสุขภาพ


 ในวันที่สอง (วันที่สิบสามเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ) หลงเยวี่ยยกพระสุคนธรสชาให้พระองค์หนึ่งถ้วย


วันที่สาม (วันที่สิบสี่เดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ) นางดีดผีผาเพลงหนึ่งให้พระองค์ฟัง ฝีมือของนางด้อยกว่าหญิงคีตกวีในวัง ทว่าถ้อยสำเนียงที่ไร้ความสมบูรณ์แบบกลับฟังดูสมจริงอย่างคิดไม่ถึง


วันที่สี่ (วันที่สิบห้าเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ) หลงเยวี่ยเดินหมากกับพระองค์หนึ่งตาเดิน พ่ายแพ้ราบคาบเสียกระบวนตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งกระดาน


วันที่ห้า (วันที่สิบหกเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ) 


หลงเยวี่ยถูกพามาที่พระตำหนักเว่ยหยางอีกครั้ง แม้จะมีสิทธิ์เข้าปรนนิบัติถึงห้าคืนติดกันกลับอยู่ในพระตำหนักเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ความโปรดปรานที่มีต่อนางมิอาจกล่าวว่ามีเพิ่มขึ้น ท่วงทีที่หลงเยวี่ยมีต่อหลิวเช่อ ยากจะปกปิดความชื่นชม ทว่ากลับแลดูไม่ผ่อนคลายมีระยะของขนบธรรมเนียมประหนึ่งทหารและราชา


วันนี้หลงเยวี่ยมาให้ทันช่วงรับอาหารเย็นของพระองค์ เพราะนางได้รับของดีจำนวนหนึ่งสำหรับทำอาหารเลิศรส ซึ่งมีชื่อว่า “หม้อไฟเป่ยผิง” อาหารถูกลำเลียงเข้าไปในห้องด้านข้างพระตำหนักที่ถูกจัดไว้ การจัดโต๊ะคือมีหม้อไฟที่ด้านหน้า แวดล้อมด้วยอาหารจานดิบจำพวกเนื้อต่างๆ 


เมื่อฝ่าบาทปรายตามองไปที่อาหารจานดิบจานใด นางก็จะลวกถวาย การเคลื่อนไหวของนางเห็นได้ชัดว่าคุ้นชินกับการปรนบัติระหว่างมื้ออาหารเช่นนี้แล้ว นอกจากเสียงเดือดของหม้อไฟแล้วก็ไร้เสียงอื่นใด ฤดูร้อนตอนกลางคืนกลับหนาวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการกินหม้อไฟคู่ไปกับสุราดี “นารีแดง” ของหลงเยวี่ยยังเหลืออีกหลายไห


ผู้ที่ชมชอบสุราเช่นนาง ย่อมไม่ตระหนี่แบ่งปันของดีกับผู้อื่น


ฝ่าบาทรับประทานหม้อไฟไปไม่มากด้วยราชวงศ์มีกฎเรื่องการรับประทานอาหาร ฉะนั้น ของจึงยังเหลืออยู่มาก เมื่อรับสำรับเรียบร้อยหลงเยวี่ยก็ยื่นชาสำหรับบ้วนล้างปากให้พระองค์ แล้วยื่นกระโถนสำหรับบ้วนปาก


“อาหารยังเหลืออีกมาก พวกเจ้าไม่ต้องทิ้ง นำไปแบ่งกันรับประทานต่อเถิด”


อาหารในพระราชวังมีลำดับชั้น บ่าวไพร่รับประทานอาหารทีหลังนาย อาหารไม่ใคร่จะสดใหม่ หากมียศต่ำจะยิ่งจืดและเย็นชืด หม้อไฟยังร้อนๆ ฝ่าบาทเสวยไม่มาก เหล้าก็ยังเหลือ หากนำของเดิมมาถวายจะดูไม่ดี หลงเยวี่ยจึงส่งต่อให้แก่จางห่าวหมิงนำไปจัดการ


เมื่อถึงเวลาออกจากพระตำหนักจางห่าวหมิงก็มาส่งนางด้วยตนเอง น้ำเสียงเคารพนอบน้อมเช่นเคย “ฝ่าบาทตรัสว่า วันพรุ่งนี้นายหญิงน้อยไม่ต้องมาแล้ว…”



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้

+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + สุราเกรดแดง (+20)  [หม้อไฟเป่ยผิง+สุรานารีแดง]

+15 ความสัมพันธ์ หัวมาร

+5 ความสัมพันธ์ พูดคุยประจำวัน


 [NPC-11] จางกงกง

+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + สุราเกรดแดง (+20)  [หม้อไฟเป่ยผิง+สุรานารีแดง]

+15 ความสัมพันธ์ หัวมาร

+5 ความสัมพันธ์ พูดคุยประจำวัน


คนกำยำ สกิลพิเศษฝึกฝนยุทธ์

     +2 Point เมื่อ Level up ( LV. 20)


บารมี

+ ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี (หัวใจดวงที่1 ของฝ่าบาทกับดวงที่1 ของไท่โฮ่ว รวม +100 บารมี)

+ ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี [ปาลูกดอก]

+ ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี 


ปรนนิบัติ

+ ปรนนิบัติทุกค่ำคืน = 1 ปรนนิบัติ @@Admin 


{ของที่ต้องส่ง - เงิน 10 ตำลึงทองสำหรับจางกงกง คืนแรก, หม้อไฟเป่ยผิง 2, สุรานารีแดง 2}

{ถ้าโพสต์ไปแล้วขึ้นหัวบ้ากรี๊ดเลยนะ}



แสดงความคิดเห็น

ลูบๆ คุณลู่ฮะ T^T  โพสต์ 2024-8-29 00:31
อ่านโรลปรนนิบัติคู่นี้แล้วฟรินมาก ช่วยเราด้วยค่ะ //สำลักอากาศ  โพสต์ 2024-8-29 00:00
+50 บารมีของหัวใจฝ่าบาท ดวงที่ 2 ได้หลังจากปลดอีเว้นท์แล้ว  โพสต์ 2024-8-28 23:38
++ หัวใจกับฝ่าบาทถึงลิมิตแล้ว  โพสต์ 2024-8-28 23:37
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2024-8-28 23:36

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +135 ย่อ เหตุผล
Admin + 1 + 135

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2380
ความชั่ว
1205
ความโหด
2598
โพสต์ 2024-8-31 21:32:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-8-31 21:42





เกรงทุกครั้งที่พบพระองค์ อีกหน่อยน่าจะต้องเสพซีรีย์หาเรฟเพิ่มจริงๆ
.พนมมือแด่หวงตี้.

CHAPTER 24.3

วันที่สิบเจ็ดเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
วันเสาร์ ช่วงเวลาบ่ายสองโมงครึ่งตรง


หลงเยวี่ยย่างเดินจากห้องเครื่องหลวงมาที่ตำหนักเว่ยหยาง ก่อนหน้านั้นถงรั่วหลันกลับไปรับใช้ไท่โฮ่วที่พระตำหนักแล้ว มีเพียงจี๋รุ่ยเดินถือกล่องบรรจุอาหารมาที่พระตำหนักของหวงตี้พร้อมกับนาง เมื่อมาถึงก็พบขันทีรับใช้อยู่ที่ด้านหน้า ครั้นเห็นว่าข้างตัวของหลงเยวี่ยคือหญิงรับใช้ในพระตำหนักเซวียนเต๋อ ก็มีท่าทางที่ระมัดระวังมากขึ้น


“ไท่โฮ่วมีพระบัญชาให้นายหญิงน้อยนำของว่างมาถวายฝ่าบาท พอดีมีชาที่ชงใหม่รสชาติจึงจะดี รบกวนกงกงจัดการให้ด้วย” จี๋รุ่ยเอ่ยเสียงหวาน ในน้ำเสียงอันละมุนละม่อมแฝงการ ‘บัญชา’ อย่างหลบซ่อน อันที่จริงการมาขอเข้าพบกล่าวเพียงว่า ‘ตวนมู่เหม่ยเหรินขอเข้าเฝ้า’ ก็พอแล้ว เพียงแต่ฝ่าบาทอาจจะบอกปัด เมื่อมีชื่อ ‘ไท่โฮ่ว’ อ้างมา บุรุษที่รักษาภาพลักษณ์บุตรกตัญญูอย่างไรก็จะให้เข้าเฝ้าแน่นอน


นี่อาจจะเป็นกลเม็ดเล็กน้อยที่ไท่โฮ่วใช้และหวงตี้ก็มิได้ปฏิเสธน้ำใจของพระมารดา


“พระราชเสาวนีย์ของไท่โฮ่วกระหม่อมจะจัดการให้อย่างดี นายหญิงน้อยเชิญทางนี้…”


—---


พระตำหนักแต่งละแห่งขาดห้องชาไม่ได้ ด้วยเหตุว่า…กว่าจะปรุงชาจากห้องเครื่องและนำมาถวายชาก็เย็นชืดเสียหมดแล้ว ขันทีในพระตำหนักให้นางยืมห้องนั้น วิธีการชงชาของถงกูกู่มิได้มีกลเม็ดเด็ดพรายเพียงกระทำไปตามระเบียบแบบแผน แต่ผลงานที่ออกมานับว่าดี— ทว่าหลงเยวี่ยมิใช่ผู้ที่สันทัดในการชงชา นางจึงสอนวิธีจับเวลาโดยสังเกตเครื่องอบรำที่เผาไหม้ขณะชงชาเพื่อให้ได้ระยะเวลาแช่ชาที่พอเหมาะ ด้านหนึ่งก็มีจี๋รุ่ยที่คอนดูอยู่ด้านข้าง ผลงานจึงออกมาพอไปวัดไปวา


หลังจากชงชาเสร็จจางกงกงก็เดินมารับด้วยตนเอง ใบหน้าของเขาวาดรอยยิ้ม “ได้ยินว่านายหญิงน้อยมาเข้าเฝ้า กระหม่อมจึงมารอรับ ฝ่าบาทรอท่านอยู่ทางด้านนี้”


ถ้อยคำของจางห่าวหมิงตีความได้ง่าย… ขันทีคนสำคัญมารอรับอาจให้ความหมายว่า ‘ท่านเป็นคนพิเศษ’ ทว่าในความเป็นจริงนี้เป็นมารยาทเมื่อหลงเยวี่ยมาตามพระราชเสาวนีย์ของไท่โฮ่วเท่านั้น


“จางกงกงอุตส่าห์มาด้วยตัวเอง ข้าเกรงใจจริงๆ…” นางเอ่ยด้วยแววตาอ่อนหวาน คำว่า ‘เกรงใจ’ ต่างฝ่ายย่อมรู้ว่าเป็นเพียงมารยาท นางผายพัดไปที่ชุดขนมบนโต๊ะ “บนโต๊ะนั่นขนมและชายังเหลืออยู่ มอบให้จางกงกงก็แล้วกัน”


“เป็นหน้าที่ของกระหม่อม นายหญิงน้อยกล่าวหนักเกินไปแล้ว” เอ่ยพลางปรายตาไปตามพัดกลมอันงดงาม จางห่าวหมิงพบว่ามีขนมเหอฮวาซูและชาเบญจมาศอยู่ก็พูดต่ออย่างเกรงใจ “ขอบพระทัยนายหญิงน้อย”


จางกงกงเปลี่ยนมารับมือประคองหลงเยวี่ยเดินไปตามระเบียงอาคาร โดยมีจี๋รุ่ยถือกล่องอาหารติดตามมาไม่ห่าง “ข้าไม่ได้มารบกวนพระองค์กระมัง?” นางยกพัดปิดหน้า ทว่าหัวคิ้วยังส่อแววกังวลใจ อากัปกิริยาประหนึ่งเด็กสาวแรกรุ่น จางกงกงชะงักไปเล็กน้อย นัยน์ตาแลดูล้ำลึก เพียงพริบตาก็คลี่ยิ้มบาง


“นายหญิงน้อยมาด้วยพระราชเสาวนีย์ของไท่โฮ่วจะรบกวนพระทัยฝ่าบาทได้อย่างไร อย่ากังวลจนเกินไปเลยพ่ะย่ะค่ะ เชิญด้านนี้เถิด” 


หลงเยวี่ยคลี่รอยยิ้มอ่อนหวาน จนเมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้เข้าไปด้านในนางก็ก้มตัวลงยอบกายถวายการเคารพหวงตี้ “ห้องเครื่องได้รับใบชาชนิดใหม่ซึ่งเป็นบรรณาการจากอูอี๋ซาน ไท่โฮ่วทรงเป็นห่วงพระพลานามัยของฝ่าบาทจึงให้หม่อมฉันนำชาชนิดนี้มาถวายให้พระองค์ลองเทียบเครื่อง เชิญฝ่าบาทเสวยเพคะ”


หลงเยวี่ยรับถ้วยชาจากจี๋รุ่ย ยื่นวางข้างพระหัตถ์ ขนงคิ้วแบบบางกดลงเล็กน้อย แลดูอ่อนหวานงดงามอย่างยิ่ง หากว่าในสายพระเนตรของหวงตี้ที่พบพานหญิงงามมากมาย ย่อมไม่เห็นความเฉิดฉันเช่นนี้ในสายพระเนตร 


หลิวเช่อนั่งชันขาอยู่บนเตียงอุ่น เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าร้อนจึงไม่มีการจุดไฟ


ตั้งแต่ต้นจนจบ ฝ่าบาทยังคงจดจ่อกับหนังสือเล่มหนึ่ง เนื่องจากข้อควรระวังที่ว่า ‘สตรีฝ่ายในไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับราชกิจ’ นางจึงมิได้ใส่ใจหนังสือนั้น แสร้งทำเป็นหญิงโง่ไม่รู้หนังสือ คิดแต่เพียงปรนนิบัติเจ้าชีวิต “ทางด้านนี้คือขนมเหอฮวาซู เดิมทีคิดจะทำเป็นขนมดอกเหมย แต่ฤดูนี้ดอกเหมยยังไม่บาน กลับมีดอกบัวมากมายนัก จึงนำขนมชิ้นนี้ถวายคู่กัน”


“...น้ำใจของเสด็จแม่เรารับไว้แล้ว ” 


ฝ่าบาทมิได้สนใจหลงเยวี่ย นางก้มหน้าลงต่ำรู้สึกหัวใจรวดร้าวอยู่บ้าง สักครู่ใหญ่เมื่อเห็นนางยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม โอรสสวรรค์จึงตรัสออกมาอีกคำ “เหตุใดเจ้าถึงยังไม่กลับไปอีก”


หลงเยวี่ยทรุดกายลงข้างพระที่นั่ง หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย ใบหน้าแลดูคล้ายหัวใจร้าวราน “ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย หม่อมฉันเพียงเห็นว่าพระองค์ยังไม่เสวย แม้คำสั่งของพระองค์ประหนึ่งบัญชาสวรรค์ ทว่าความห่วงใยของไท่โฮ่วที่มีต่อฝ่าบาทก็ลึกล้ำยิ่ง”


“เมื่อวานเป็นคนของเรา บัดนี้เป็นคนของเสด็จแม่ไปแล้วหรือ” สุรเสียงนั้นเรียบนิ่ง เย็นเยียบประดุจผืนศิลา นัยน์เนตรคมราวกับคืนเดือนดับปรายมองร่างแบบบางที่คุกเข่าอยู่บนพื้น นางคล้ายสำนึกผิดอย่างยิ่ง แต่กลับนั่งนิ่งไม่ยอมลง


ทรงหลุบตามองหญิงสาวที่เวลานี้มีสีหน้าซีดเผือดคล้ายหนักใจจริงๆ


“ขวัญกล้าเทียมฟ้ากล้าเล่นอุบายต่อหน้าเราเช่นเจ้า เวลานี้ถึงรู้จักหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว” นัยน์ตาของนางคล้ายตื่นตระหนกเพียงครู่เดียวก็กลายเป็นความสำนึกผิด ประหนึ่งเด็กสาวที่เล่นพิเรนท์แล้วถูกตำหนิเช่นนั้น อาจเพราะนางมีนิสัยเอาแต่ใจ จึงยังแผ่ภาพลักษณ์ของเด็กหญิงอย่างเลือนราง


“หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีโง่เขลา สติปัญญาอันมืดบอดของหม่อมฉันทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคืองพระทัย หม่อมฉันสมควรตายเพคะ—”


หลิวเช่อรู้สึกเสมอว่านางข้ามขั้นไปเสียหน่อย หากเอะอะก็ประหารจริงๆ นับแต่นางย่างเท้าเข้ามาในวังต้องห้ามแม้ร่างจริงของนางเป็นอสุรกายสามเศียรหกกรหัวก็คงยังไม่พอให้ตัด


“อย่าบังอาจเอ่ยคำว่าตายต่อหน้าเรา ครั้งหน้าเราจะเมตตาให้เจ้าได้ตายจริงๆ”


หลงเยวี่ยหลุบนัยน์ตา “พระเมตตาประดุจขุนเขา หม่อมฉันจะจดจำไว้เพคะ”


สายพระเนตรติดจะรำคาญพระทัย ปรายเนตรมองที่จางกงกง คลับคล้ายคิดจะสั่งให้พาตัวนางออกไป ทว่าแต่ไรมาหลิวเช่อก็คือกษัตริย์ที่ไม่วางคราบความกตัญญูต่อพระมารดา เขาตวัดนัยน์ตาในห้วงคิดพลันหวนถึงความดื้อดึงประหนึ่งยอมตายแต่ไม่ผิดต่อตนเอง เบื้องหลังของนางคือเศษซากของความรุ่งโรจน์ เต็มไปด้วยการล่มสลายและปรักหักพัง หลิวเช่อปรารถนาจะเห็นความรุ่งโรจน์และความห้าวหาญอีกครา อย่างไรเสียพยัคฆ์หมอบที่สยบแทบเท้าเขาอย่างไร้ข้อกังขาก็ดีกว่าเลี้ยงสุนัขจิ้งจอก 


หญิงสาวต่อหน้าอาจจะมุทะลุไปบ้าง รู้จักประชันหน้าเพียงอย่างเดียว คนแบบนี้ไม่นับว่าน่ากลัว ทว่ากลับสามารถทำในสิ่งที่บ้าบิ่นได้... ดังเช่นที่กล้าทำต่อหน้าเขา บางทีมารดาของเขาอาจจะสามารถดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นของนางออกมาได้กระมัง ลึกๆ แล้วเขาคล้ายจดจำได้อย่างเลือนรางว่านางเคยกล้าเล่นหัวกับเขามาก่อน อาจเพราะกาลเวลาผันผ่านพบกันต่างเวลาและสถานะ ฉากหน้าอันคุ้นเคยถึงได้ลอกหลุดออก กลายเป็นบรรยากาศประหนึ่งราชสีห์และหนู เขาเองก็คลับคล้ายคาดไม่ถึงว่านางจะเติบโตมาเช่นนี้


ใบหน้าอันเฉยเมยกระตุกรอยยิ้มหนึ่งครา ประหนึ่งเล่นละครหน้ากาก


“เช่นนั้นเจ้าก็จงรับใช้เสด็จแม่ให้ดี เมื่อทำดี เราย่อมจะมีรางวัลแก่เจ้า...”


นัยน์เนตรปรายสบกับหลงเยวี่ย ลึกถึงก้นบึ้งหัวใจนางปณิธานเอาไว้ หากติดตามคนผู้นี้สักวันจะต้องสามารถล้างบางซงหนูได้อย่างแน่นอน เมื่อเอ่ยถึงรางวัล นางย่อมเห็นทิวทัศน์แห่งความตายนั้นปรากฏแก่สายตา แม้จะคาดหวังมากเกินไป...แต่หากฝ่าบาทคิดจะครองใต้หล้า เผ่าอานารยะย่อมไม่สมควรมีอยู่  


ความจริงนางไม่สมควรคาดหวัง ท่านย่าปรารถนาให้นางมีชีวิตอย่างสงบจนแก่เฒ่า หลงเยวี่ยเก็บซ่อนสายตา เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดจาง


“หม่อมฉันรับพระบัญชา” 


หลงเยวี่ยมองจนเห็นว่าหลิวเช่อกินแล้วจริงๆ แม้จะเพียงหนึ่งคำก็ยอบตัวถอยกลับมา


ระหว่างทางกลับนางซ่อนใบหน้าไว้ใต้พัด สีหน้าดูเศร้ามอง— “ไม่ว่าข้าจะมาเมื่อไหร่ก็ทรงวุ่นวายอยู่กับราชกิจเสมอ…ทรงเป็นราชันของไพร่ฟ้า ทว่ากลับมีชีวิตราวกับทุ่มเทเพื่อใต้หล้า”


จางห่าวหมิงสับสนในคำพูดของหลงเยวี่ยในครู่หนึ่ง ‘เป็นราชันของไพร่ฟ้าก็ควรทุ่มเทเพื่อใต้หล้า’ นี่ย่อมเป็นคุณธรรมประการหนึ่ง นางจะทอดถอนใจเพราะเรื่องนี้เหตุใด— ดวงตาของนางแฝงความร้าวรานอย่างที่สุด จางห่าวหมิงอาจจะคิดไม่ถึงว่านิยามคำว่า “ราชันของไพร่ฟ้า” ของหลงเยวี่ยนั้นเป็นไปในทางทรราชย์เสียมากกว่า 


จางห่าวหมิงกลั้นใจเอ่ยกระซิบ “ ฝ่าบาทเก่งกาจเรื่องหมากล้อมยิ่ง นายหญิงน้อยอาจไม่ทราบ การเล่นหมากกระดานความจริงมิใช่ต้องเป็นหมากขาวและหมากดำเสมอไป ขุนเขา ลำธาร ทหาร และม้า ล้วนปรากฏบนกระดานหมากเซี่ยงฉี— ”

ชงชาต้อนรับเหมันต์

รางวัลงาน: +50 พลังใจ, 8 ตำลึงทอง , +30  EXP , +20 บารมี , +2 ปรนนิบัติ 

และ +15 ตบะฝึกฝนจากการมุมานะฝึกทำขนมและชา

ความโปรดปรานจากหวงตี้ +35 แต้ม


[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้

+15 ความสัมพันธ์ หัวมาร

+5 ความสัมพันธ์ พูดคุยประจำวัน


 [NPC-11] จางกงกง

+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง + (+5) ชาอะไรก็ได้ <ชาเบญจมาศและขนมเหอฮวาซู>

+5 ความสัมพันธ์ โบนัส ชงชา

+15 ความสัมพันธ์ หัวมาร

+5 ความสัมพันธ์ พูดคุยประจำวัน


คนกำยำ สกิลพิเศษฝึกฝนยุทธ์

     +2 Point เมื่อ Level up ( LV. 21)  @@Admin 



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-8-31 21:53
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2024-8-31 21:52
หัวใจฝ่าบาทตันอยู่  โพสต์ 2024-8-31 21:52
เรียบร้อยแล้ว  โพสต์ 2024-8-31 21:43
รอของแปปนะคะ เพิ่งเห็นว่าของหาย  โพสต์ 2024-8-31 21:37

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +8 ตบะฝึกฝน +15 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +2 พลังปราณ +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 8 + 15 + 2 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6
โพสต์ 2024-9-5 02:09:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบานชั่วราตรี
วันที่ยี่สิบห้า ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ
ต้นยามเซิน (15.00 น.)




   จากห้องเครื่องหลวงสู่ตำหนักเว่ยหยาง เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ปฏิเสธการเรียกเกี้ยวแบกหามเดินคิดใคร่ครวญว่านางต้องทำสิ่งใดต่อไประหว่างเดินทาง นางเดินอยู่นานเชียวกว่าจะเดินจากห้องเครื่องหลวงมายังตำหนักเว่ยหยาง หากเป็นช่วงเวลาปกตินางคงต้องถึงไวกว่านี้พร้อมกับมีอาการเหนื่อยหอบอยู่บ้าง ทว่าวันนี้กลับมาถึงช้าลงหน่อยแต่ไร้ซึ่งอาการหอบเหนื่อย

   แสดงให้เห็นว่านางเดินใจลอยมากเพียงใด

   “คารวะพระสนมเสียนอี๋”

  “กงกง ฝ่าบาทอยู่ที่ไหนหรือ ?”

   “เรียนพระสนมเสียนอี๋ ทรงประทับ ณ ห้องทรงพระอักษรส่วนพระองค์เช่นเดิมพะยะค่ะ”

   “ขอบใจกงกงมาก”

   นางเอ่ยถามกงกงน้อยหน้าตำหนักที่เดินออกมาจากตำหนักเว่ยหยางพอดี ้มื่อได้ความแล้วก็ทราบว่านางต้องเดินไปที่ใด ร่างเล็กของพระสนมไม่รอช้าเดินไปยังสถานที่คุ้นเคย แลเห็นประตูคุ้นตาและจางกงกงที่เดินออกมาจากในห้องนั้นพอดี เว่ยเจียเหลียนฮวาไม่รอช้าเดินตรงไปทักทายจางกงกงเพื่อแสดงให้เขาเห็นว่านางมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท

  “ไม่ได้พบปะท่านเสียนาน จางกงกง เป็นอย่างไรบ้าง ?”

   “ขอบพระทัยพระสนมที่ถามไถ่ กระหม่อมสบายดี พระองค์จะเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือพะยะค่ะ ?”

   “เป็นเช่นนั้น ฝากจางกงกงเรียนแจ้งหวงตี้ที”


   จางกงกงพยักหน้ารับก่อนจะกลับเข้าไปแจ้งอีกครั้ง รอไม่นานเท่าใดประตูก็เปิดออกพร้อมกับได้รับการผายมือเชิญชวนให้นางเข้าไปพอดี ดวงตาสีราตรีกาลเหลือบไปแลเห็นว่าจางกงกงถือกาน้ำชา คงจะไปเติมน้ำร้อนอุ่นชากระมัง นางจึงไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใดเพราะว่านางหาได้ใส่ใจไม่ว่าผู้เป็นโอรสสวรรค์จะจิบชาเดิมหรือว่าชาลิ่วอันกวาเพี่ยนที่นางชงมา เพราะว่านางสนใจเพียงบทสนทนาและการแจ้งข่าวสารต่อจากนี้ต่างหาก

   “ถวายบังคมหวงตี้เพคะ หม่อมฉันนำเซาปิ่งไส้มันเทศกับไส้ถั่วเหลืองร้อน ๆ แล้วก็ลิ่วอันกวาเพี่ยนที่เพิ่งส่งเข้าวังมาถวาย”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาแย้มยิ้มเช่นเดิม นางเดินนำจ้าวหนิงเฟยเข้าไปจัดวางเซาปิ่งง่าย ๆ พร้อมกับมีแถมบัวหิมะที่นางรับมาจากนางกำนัลที่เอ่ยว่ากำลังจะยกมาถวายเป็นมื้อสำรับว่าเช่นปกติ

   “ฝ่าบาท…หม่อมฉันมีเรื่องปรึกษาเพคะ…”

   เสียงใสเอ่ยเบา ๆ ให้พระองค์ได้ทราบ โอรสสวรรค์เมื่อได้สดับฟังเช่นนี้แล้วก็สะบัดมือส่งสัญญาณให้บ่าวทั้งหลายร่วมด้วยทั้งจางกงกงออกไปให้หมด เหลือเพียงพระองค์กับนางที่พยักหน้าให้จ้าวหนิงเฟยออกไปด้วยเช่นกัน

  “มีสิ่งใด”

  “ฝ่าบาทได้โปรดสัญญาได้หรือไม่ ไม่ว่าหม่อมฉันจะเอ่ยสิ่งใด โปรดรับฟังให้จบก่อน”

   วงขนงขมวดเข้าด้วยกัน ดวงพระเนตรละออกจากตัวอักษรที่บรรจงเขียน พระพักต์งามที่นางยังคงชื่นชมเสมอยามได้พิศมองเงยขึ้นมาสบดวงตากลมที่จดจ้องตอบกลับเพื่อย้ำว่านางจริงจังมากกับเรื่องนี้ ฮั่นอู่ตี้พยักหน้าเบา ๆ วางพู่กันแล้วกวักมือให้นางมานั่งข้าง ๆ เพื่อหารือกัน

   เว่ยเจียเหลียนฮวาได้เห็นเช่นนั้นก็เร่งเดินไปนั่งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามเรียบเรียงเรื่องราวในหัวก่อนที่นางจะเอ่ยปากเล่าตั้งแต่ต้นที่นางฝันยามบ่ายและเมื่อเช้านี้ได้ไปพบเซียนผู้หนึ่งกลางป่า แม้ว่าจะเห็นท่าทีของเขาที่เตรียมจะดุนางที่แอบออกจากวัง ทว่าดวงตากลมช้อนขึ้นมองขอให้เขารับฟังนางก่อน นางรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความจำเป็นจริง ๆ จึงต้องกระทำตนเช่นนี้ มือเล็กหยิบม้วนคำชี้แนะจากเซียนผู้นั้นมาให้เขาอ่านประกอบ

   เรื่องหิ่งห้อยนำทาง นางไม่อาจแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เพราะว่านางทดลองถามจ้าวหนิงเฟยว่าเห็นเจ้าก้อนแสงพวกนี้รอบกายนางหรือไม่ คำตอบที่ออกมาคือ…ไม่

   “หม่อมฉันคิดว่า ต้องเป็นหม่อมฉันที่ไปที่นั่นเพคะ ไปฉางซาน”

   “หากเป็นเช่นเจ้าว่า เจ้าจะไปได้เช่นไร พระสนม ที่นั่นอันตราย มิสู้ให้เจิ้นไปแทนยังดีกว่าหรอกหรือ ?”

   “ฝ่าบาทหม่อมฉันเชื่อว่าต้องมีสิ่งที่หม่อมฉํนสามารถกระทำได้ และต้องเป็นหม่อมฉันเท่านั้นด้วยเพคะ”

   ฮั่นอู่ตี้รู้สึกไม่เห็นด้วยที่ต้องส่งพระสนมเอกออกนอกวังหลวง ไปที่อื่น ออกนอกฉางอัน ทั้งยังเป็นบุคคลที่นับว่าทำน้ำหนักภายในใจอยู่ไม่น้อยแม้ว่าจะไม่ใช่เฉกเช่นบุรุษสตรีก็ตาม ในเมื่อในใจมีห่วง คำอนุญาตนี้จึงหนักอึ้งกว่าที่เขาคิดยิ่งนัก ทว่าเว่ยเจียเหลียนฮวาจดจ้องดวงตาของมังกรอย่างไม่ลดละ เป็นดั่งจิ้งจอกน้อยที่กล้าเชิดใบหน้าต่อมังกรสวรรค์ นางตั้งมั่นมากพอที่จะเดินทางไปที่นั่น ไปยังที่ที่นางจะสามารถเฝ้ามองบุรุษที่นางนิมิตเห็น

  ฉางซานเซียนหวาง

   “ก็ได้ แต่เจิ้นไม่ให้เจ้าไปผู้เดียวเป็นแน่”

   “เพียงฝ่าบาทอนุญาต หม่อมฉันพร้อมยินยอมทุกสิ่งเพคะ” นางรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันตา บัดนี้นางจะได้ออกนอกวังอย่างถูกต้องแล้ว “เช่นนั้น หม่อมฉันมีจอมยุทธ์มากฝีมือผู้หนึ่งที่ติดค้างต่อกันอยู่บ้าง…พอจะเขียนรับสั่งให้เขาร่วมขบวนไปกับหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ ?”

  
“ใคร?”

   “โจวจิน เพคะ”







รางวัลงาน: +50 พลังใจ, 8 ตำลึงทอง , +30 EXP , +20 บารมี , +2 ปรนนิบัติ (ไม่ได้ปรนนิบัติจากโรลปกติ ได้แค่จากเควส) และ +15 ตบะฝึกฝนจากการมุมานะฝึกทำขนมและชา ความโปรดปรานจากหวงตี้ +35 แต้ม (รวมชากับขนมที่ให้แล้ว) 

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง 

[NPC-11] จางกงกง
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

@Admin

แสดงความคิดเห็น

อนุญาต  โพสต์ 2024-9-5 09:09
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-9-5 09:07
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2024-9-5 09:07
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-9-5 09:06
โพสต์ 16564 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-9-5 02:09

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +8 ตบะฝึกฝน +15 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +2 พลังปราณ +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 8 + 15 + 2 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-9-9 15:00:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด



เงยหน้าไม่เจอ ก้มหน้ากลับเจอ
วันที่ 23 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบเก้านาฬิกาเป็นต้นไป


นานแล้วที่ไม่ได้มาแถวเว่ยหยาง..

เนตรหงส์ก็แฝงความหนักอึ้งไว้ในทุกครั้งที่ผินมองตำหนักมังกร แม้นงคราญหยกจะหาได้ย่างกรายเข้าไปเหยียบย่างบนสะพานเชื่อมยาวเหยียดที่ยิ่งใหญ่ทั้งในกลางวันกลางคืน สาวงามถอนหายใจอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังก่อนจะก้มลงกระตุกมือเล็ก ๆ ที่กอบกุมกันไว้ “ ตรงนี้คือตำหนักเว่ยหยางของเจ้าแผ่นดินและยังเป็นที่บิดาเจ้าอยู่ ”

“ โอ้ย ที่นี่ใหญ่เกินไปแล้ว ”

เสี่ยวหรูเยี่ยนยกมือขึ้นนับนิ้วพลางขมวดคิ้วแน่น จริงอย่างที่พี่ชายคนนั้นพูดไม่มีผิด ตามพี่สาวมาชีวิตก็ลำบากเช่นกัน แต่เป็นความลำบากในด้านปรับตัว ! ใบหน้าของเด็กน้อยมุ่ยลงผิดกับพวงแก้มที่พองขึ้นชวนให้หลายคนนึกอยากจรดนิ้วจิ้มลงกับแก้มนุ่ม

“ เพราะเข่นนี้แม่ถึงปล่อยให้เจ้าออกมาวิ่งเล่นมากไม่ได้ สถานที่ใหญ่โตขนาดนี้ หากพลัดหลงขึ้นมาย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก ” เนื่องเพราะเกรงว่าเด็กสาวข้างกายจะอ่อนล้าจากการเดินเท้าระยะไกล พระชายาแซ่ลู่โน้มกายลงยกร่างพระราชธิดาขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน

“ อยากไปที่ใดอีกหรือไม่? ”

“ เราจะไม่เข้าไปในนั้นกันเหรอ? ” ตอบคำถามด้วยคำถาม.. อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนสอนนาง ฝีเท้าที่ขยับออกหมายจะเดินจากไปถึงกับชะงัก บัดนี้พึ่งจะพ้นช่วงสนธยามาได้ไม่นาน ป่านพี่ชายก็น่าจะอยู่ด้านในแล้ว หรูเยี่ยนมองซ้ายมองขวาดูเหล่าผู้ใหญ่ที่ต่างก็มีสีหน้าหลากสีสันด้วยแววใคร่รู้

“ ค่ำมืดอย่างนี้คงไม่เหมาะให้เข้าไปรบกวนฝ่าบาท ”

“ ใช่แล้วเพคะองค์หญิง มิสู้ลองไปชมอุทยานหลวงยามราตรีดีหรือไม่ งดงามไม่แพ้กันเลยเพคะ ”

ต่อให้พระชายาไม่เปิดปากพูดว่า ‘ ไม่ ’ เพราะอะไร เหล่านางกำนัลจะที่ติดตามขบวน หรือคอยถือโคมนำทางด้านหน้าก็ล้วนแต่ทราบถึงเหตุผลว่าทำไมจึงไม่อาจผลีผลามเข้าไปได้ น่าเวทนานัก.. เรื่องตลกร้ายของสองคนที่รักใคร่ปรองดอง แต่กลับถูกหน้าที่กีดกันให้ความลึกซึ้งของรักนี้เป็นแค่ความสัมพันธ์ผิวเผินไปโดยปริยาย

เหล่านางกำนัลกลัวว่าพระชายาจะต้องเข้าไปพบภาพบาดตา ตัวนางเองก็เช่นกัน ถึงจะไม่เคยคิดปรารถนาในตัวเขา ทว่าหากให้พบอีกฝ่ายอยู่กับหญิงอื่น ต่อให้เข้าใจแต่ก็ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ดี “ หากอยากดูด้านใน.. เอาไว้เป็นวันอื่นเถิด ”

หรูเยี่ยนเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขนที่รวบกายนางขึ้นด้วยสายตาที่เฝ้ามองหาความจริงภายในนัยน์ตาสีเข้มขลับที่แสนงามคู่นั้น ทว่ามันกลับราบเรียบเกินไป .. ไร้ห้วงอารมณ์ใดมาแทรกแซงเว้นเสียแต่ความอ่อนโยนเอ็นดูที่มีอยู่จริง ผิดกับคนรอบข้างที่ดูกระอักกระอ่วน องค์หญิงหลิงหยวนเก็บสายตากลับมาช้า ๆ ก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่บาง “ อือ เข้าใจแล้ว ”

“ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปอุทยานหลวงอีกสักครั้งแล้วค่อยกลับตำหนัก ” พระชายาหยกขาวสรุปแผนการต่อจากนี้ให้เหล่าผู้ติดตามได้ทราบ ทั้งหมดขานรับเสียงเบาเพื่อไม่ให้รบกวนรอบข้าง ก่อนที่สองผู้ถือโคมด้านหน้าจะเป็นฝ่ายขยับเท้าเดินนำออกไป เสียงเรียกด้วยความประหลาดใจหนึ่งเสียงก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“ พระชายา..? ”

แบบนี้คงเรียกได้ว่าเงยหน้าไม่เจอ ก้มหน้าถึงเจอเป็นแน่แล้ว..

“ ห่าวหมิง ! ”

ห่าวหมิงที่สามารถเข้าออกในฝ่ายในนั้นมีแค่เพียงผู้เดียว ไป๋หรั่นปิดเปลือกตาลงเล็กน้อย ผิดกับหรูเยี่ยนที่ยิ้มร่าเมื่อเห็นขันทีหนุ่มที่คอยเล่นกับนางมาตลอดเส้นทางเดินเรือทะเลทราย “ กระหม่อม ถวายบังคมพระชายา และองค์หญิง ” จะให้หลับตาข้างหนึ่งก็ยากแล้ว นงคราญหยกผินหน้ากลับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มเบาบางเหมือนอย่างเคย

“ ยามนี้เหตุใดจางกงกงถึงไม่อยู่เคียงข้างฝ่าบาทเล่า ”

จะให้พูดอย่างไรว่าขันทีเองก็มีเวลาเลิกงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง .. ช่วงเวลาที่ข้างกายจักรพรรดินั้นได้รับการปรนนิบัติจากเหล่าสาวงามชั้นดี ทว่าหนนี้การมาที่ตำหนักเว่ยหยางไม่ใช่เพราะฝ่าบาทกลับมาแล้ว แต่เป็นเพราะฝ่าบาทไว้วานให้มาเอาของชิ้นหนึ่งที่จะเป็นต้องใช้กะทันหัน “ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้กระหม่อมมานำของภายในตำหนักเว่ยหยางไปยังที่ที่พระองค์ประทับ.. พระชายามีประสงค์อยากเข้าเฝ้าหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”

“ มิใช่หรอก เสี่ยวเยี่ยนอยากชมพื้นที่บางส่วนของวัง เปิ่นกงเลยพานางมาดูรอบ ๆ ” อย่างไรเสียไป๋หรั่นก็ไม่ใช่สตรีจำพวกที่จะเดินเท้าไปหาสวามีในนามด้วยตนเอง นางมีตำหนักตงเฉินให้อยู่ มีเด็กให้ต้องดูแล หากนึกจะไปปรนนิบัติสามีด้วยเวลานี้ก็คงถูกกล่าวหาว่าโลภมากไม่รู้จักพอกันพอดี

“ … ”

“ อย่างไรก็มาแล้ว เหตุใดไม่เสด็จประทับรอฝ่าบาทที่ด้านในล่ะพ่ะย่ะค่ะ ” ขันทีอสรพิษออกลายตักตวงผลประโยชน์อีกตามเคย ริมฝีปากหนาของจางกงกงเหยียดออกเป็นรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ ทว่าไป๋หรั่นก็กลับชินแล้วในรูปแบบนี้ของเขา

“ เกรงว่าคงไม่เหมาะ เปิ่นกงพาพระราชธิดามาด้วย ประเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนฝ่าบาทเสียเปล่า ๆ ”

“ ฝ่าบาทพึ่งกล่าวถึงพระราชธิดาไปได้ไม่นาน กระหม่อมว่าหากทั้งสองขอเข้าเฝ้า ฝ่าบาทคงไม่มองว่าเป็นการรบกวน ” ประหนึ่งพลธนูและหน่วยโล่หาญกล้าตอบโต้กันโดยไร้ศาสตรา อาศัยก็แค่เพียงคำพูดหนึ่งวาจาโต้กันไปกันมาในแบบที่คล้ายคลื่นใต้น้ำ ผิวเผินเงียบสงบ แต่ภายในกลับรุนแรงนัก

“ ฝ่าบาทไร้เรื่องร้อนใจ .. ทว่ามีจางกงกงคอยห่วงแทนเช่นนี้ เปิ่นกงซาบซึ้งใจยิ่งนัก ” ประหนึ่งหมัดพิฆาตที่ทำให้จงฉางชื่อกลับมาสงบปากสงบคำได้เป็นอย่างดี เมื่อพระชายาหยกขาวเลือกกล่าวโดยแฝงความนัยเอาไว้ว่า ‘ หวงตี้ไร้เรื่องร้อนใจ ขันทีร้อนใจแทน ’ มาเป็นการเตือนให้เขาไม่แสดงตัวกระโตกกระตากไปมากกว่านี้

“ เปิ่นกงยังมีที่ที่ต้องพากงจู่ไป จางกงกงมีเรื่องใดจะจัดการก็จัดการเถิด เปิ่นกงขอตัวก่อน ”







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16847 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-9-9 15:00
โพสต์ 16,847 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดหนิงเซียนหนี่ว์(ซูเฟย)  โพสต์ 2024-9-9 15:00
โพสต์ 16,847 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2024-9-9 15:00
โพสต์ 16,847 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-9-9 15:00
โพสต์ 16,847 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-9-9 15:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x6
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2380
ความชั่ว
1205
ความโหด
2598
โพสต์ 2024-9-16 23:04:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด




CHAPTER 28
วันที่แปดเดือนเก้าแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
วันอาทิตย์ ช่วงเวลาค่ำ
หนึ่งตาหมากกับฝ่าบาท

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหลิวเช่อมิได้แสดงทีท่าว่าโปรดปรานหลงเยวี่ยเป็นพิเศษ


แม้เป็นเหล่าขันทีขั้นกลางในพระตำหนักเว่ยหยางก็ยังแสดงสีหน้ากึ่งงุนงงระคนสงสัยที่การพลิกป้ายคราวนี้ผู้ที่มาเยือนกลับเป็นสนมนางในขั้นเหม่ยเหรินที่มิถูกเหลียวแลมาสักพักแล้ว ครุ่นคิดไปมาก็นึกประหวัดไปถึง ‘ท่านนั้น’ ที่พระตำหนักทางทิศตะวันตก ไม่นานมานี้ตวนมู่เหม่ยเหรินเพิ่งไปไหว้พระสวดมนต์กับพระนาง เกรงว่าจะเป็นนางสนมที่ทรงหมายมาดปั้นมือกระมั้ง!


เชียนฟ่างไป่จี้! (千方百计 : พันวิถีร้อยกลยุทธ์)


รู้ว่าฝ่าบาทไม่โปรดตนก็เข้าหาไทเฮาให้หนุนหลัง ฝ่าบาทยึดหลักกตัญญูไม่ขัดพระทัยไทเฮา ช่างเป็นกลวิธีดั้งเดิมที่ไม่คาดจะมีโอกาสเห็นอีกครั้งกับตาจริงๆ


ขันทีและนางกำนัลในพระตำหนักไม่อาจไม่ระวัง สถานการณ์คลื่นลมไม่ชัดแจ้งจึงมีท่าทางนอบน้อมต่อตวนมู่เหม่ยเหรินไม่น้อย เห็นอากัปกิริยาเช่นนี้ไม่แน่บางผู้อาจหลงผิดคิดไปว่าพวกมันมาจากดินแดนแถบตุนหวงซึ่งอยู่ในเขตอิทธิพลเก่าของสกุลนางก็เป็นได้


บัดนี้พวกมันล้วนก้มหน้านิ่งลอบประหวัดสายตาไปทางหญิงสะคราญโฉมนางนั้น ดวงหน้าครึ่งล่างถูกปกปิดด้วยพัดกลมซ่อนรอยยิ้มเอียงอาย เหนือลวดลายทะเลกว้างมัจฉาทะยานอิสระคือดวงตากลมโตสุกสกาวแยกไม่ออกว่าเย้ายวนหรือคมเฉี่ยว ในมือถือป้ายหมากเบ๊ (ทัพม้า) ค้างอยู่เตรียมวางลงในกระดาน ครู่หนึ่งก็เบิกตาโพล่ง นัยน์ตาของนางกลมสวยมีแววซุนซนสงสัยเช่นเด็กสาว คล้ายจะไม่ระวังวาจาสักเท่าใด


“เอ๊ะ! เหตุไฉนเป็นเช่นนี้เล่า? ยุทธการหมากเซี่ยงฉีของท่านฉีปินกล่าวว่า ‘ทัพช้างก้าวไกลใช้คุมกันทัพหลัง’ ฝ่าบาทใช้เป็นทัพหน้าบุกโจมตีด่านหน้าราชวังของหม่อมฉัน ก็จะถูกองค์รักษ์ขวางขนาบดักกิน ไม่เสียเปรียบแย่หรือเพคะ?”


แน่นอนว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทยกประโยค “ไม่เอ่ยวาจาขณะเดินหมากนับเป็นยอดบุรุษ” มาตำหนินาง ใครจะรู้หญิงสกุลตวนมู่กลับไม่กลัวเอ่ยว่า “หม่อมฉันมิใช่ยอดบุรุษเสียหน่อย!” อย่างใสซื่อ ทำเอาฝ่าบาทชะงักงัน แม้แต่จางกงกงยังงงงวยว่าควรเรียกทหารยามมาลากตัวออกไป พร้อมแจ้งตำหนักตะวันตกมาคอยท่าคลี่คลายโทสะโอรสสวรรค์หรือไม่! ทว่าสุดท้ายกลับคล้ายจะโปรดปรานนางยิ่งขึ้นไปอีก นี่ก็เดินหมากเซี่ยงฉีกับนางกระดานที่สามแล้ว!


หลิวเช่อดีดหมากในมือ มองกลยุทธ์หมากสงครามบนกระดานซึ่งเต็มไปด้วยอุบายและช่องโหว่ การเอาชนะสตรีเช่นหลงเยวี่ยได้ไม่นับมีค่าคู่ควรอะไร เพียงแต่ออมมือเล่นกับนางกระดานหนึ่งกลับรู้สึกว่าหญิงผู้นี้เรียนรู้ได้ไวนัก ประเดี๋ยวหนึ่งก็เลียนแบบกลยุทธ์ของเขาอย่างชำนิชำนาญ แสร้งก้าวถอย พลิกหมากโต้กลับ หมายล้มคว่ำทั้งกระดาน ขวัญกล้าใจใหญ่ยิ่งนัก เสียงเจื้อยแจ้วจากปากนางล้วนแต่หลอกถามยุทธวิธีอย่างแยบคายทั้งสิ้น


“เงียบปากของเจ้าแล้วเดินต่อ ประเดี๋ยวจะรู้ว่าเราเสียเปรียบหรือไม่” หลิวเช่อคล้ายยกยิ้มหยัน


หมากแลกหมากตานี้ล่อองครักษ์ออกจากหมากราชา นัยน์ตาเรียวดุจหงส์ของหลิวเช่อคล้ายท้าทาย คล้ายเยาะหยัน “รุกฆาตแล้ว”


หลงเยวี่ยหาได้สนใจความพ่ายแพ้ของตนเอง นางพลิกหมากเบี้ยในมือวางลงบนกระดานอย่างไม่ย่อท้อ คิดฝืนกติกาเล่นต่อ ช่างแปลกพิสดารน่าสนใจนัก


“...กระดานที่แล้วพระองค์ใช้หมากทหารกองกำลังด่านหน้ากล้าตายพิชิตหมากราชาของหม่อมฉันให้รู้สึกอัปยศนัก…อีกเพียงตาเดียวหม่อมฉันก็สามารถเอาคืนได้แล้วแท้ๆ”


หญิงสกุลตวนมู่คิดทำการได้ล้วนทุ่มสุดตัว ปลายกระดานหมากเบี้ยของนางกำลังหาจังหวะรุกฆาตหมากราชาของเขาจริง หลิวเช่อมิขยับหมากองครักษ์สักคราเพื่อรอสังหารโดยเฉพาะ เขาเอนหลังพิงหมอนปักลายสมปรารถนา เอ่ยตอบ “งมงายเลอะเลือนนัก กระดานหมากสิ้นเมื่อราชันพินาศมิต่างจากชีวิตจริง ทว่าแม้นเจ้ามีโอกาสล้างแค้นหลังสิ้นหมากตี้…ก็ยังคงพ่ายอยู่ดี” ปลายนิ้วของหลิวเช่อคีบหมากองค์รักษ์สังหารเบี้ยที่ซุ่มซ่อนอยู่ ดับปรารถนาสุดท้ายของนางอย่างไม่ยี่หระ


“ที่มีปัญหาคือสายตาของเจ้า…” หลิวเช่อเอ่ยสั่งสอน


บทสนทนาข้างต้นล้วนแจ่มชัดในโสตประสาทของข้ารับใช้รอบอาณาบริเวณ คนผู้หนึ่งลอบยกนิ้วโป้งในใจ ประดุจพยัคฆ์เร้นกายเผยคมเขี้ยวในตอนท้าย มันผู้นี้ (ผมเอง!) ลอบเอาใจช่วนนางอยู่เสมอ คลับคล้ายว่ายามนี้ในที่สุดนางก็สำเหนียกกลยุทธ์เรียกความสนใจหทัย (ดวงที่สอง) ราชาแล้ว กลยุทธ์ของนางมันที่อยู่ข้างเตียงอรหันต์ของฝ่าบาทเพียรปอกผลเหอเถา (วอลนัท) อย่างยากลำบากจะสาธยายให้ฟัง


หลงเยวี่ยไม่เหมือนกับสตรีนางอื่นที่เพียบพร้อมด้วยศาสตร์ศิลป์อย่างเอกอุ อย่างเช่นวิชาหมากในวันนี้นับว่าด้อยฝีมืออย่างยิ่ง ทว่าด้วยเหตุนี้จึงมีเหตุผลอาศัยความเพียรพยายามฝึกปรือเรียกร้องให้ฝ่าพระบาทเป็นผู้สอนสั่ง เมื่อนางมีฝีมือรุดหน้านั่นยอมเป็นความสำเร็จในการอบรมของพระองค์ ยิ่งหลงเยวี่ยก้าวหน้ามากเท่าใดพระองค์ก็จะยิ่งได้หน้ามากเท่านั้น


กลเม็ดเช่นนี้แทนที่จะเรียกขานนางว่าสนมนางในมิสู้เอ่ยว่า ‘ฝากตัวเป็นศิษย์’ จะถูกต้องกว่า


แม้นมันจะรู้สึกกุมขมับอยู่บ้างแต่ก็คาดเดาได้ว่า วันนี้สอนเรื่องหมากเซี่ยงฉี ไม่แน่วันหน้าอาจสอนเรื่องชายหญิงบนเตียงสักหลายกระบวนท่า คิดเพียงเท่านั้นขันทีผู้นี้ก็หูแดงหน้าแดง ร้อง ‘นรกจะกินหัว’ ในใจอยู่หลายรอบ


“โอ๊ะ! เป็นเช่นนี้หรอกหรือ!” หญิงสกุลตวนมู่ปรบมือดังฉาด ลืมกระทั่งยกพัดปิดบังปากที่อ้าหวอ “หม่อมฉันเพียงนึกว่าฉีปินคือยอดเทพสัประยุทธ์เซียนหมากอุดร หลายปีมานี้อุตส่าห์ร่ำเรียนวิชาจากตำราหมากของเขา กลับเป็นเพียงนักต้มตุ๋นชราหรือนี่!”


“มิน่าเล่ากลยุทธ์ของเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่าบาทจึงไม่ต่างจากงูดินไร้พิษ พลอยทำให้หม่อมฉันเป็นที่ขบขันไปด้วย”


มันเหม่อไปจังหวะหนึ่ง…ตอนนี้พลันไม่เข้าใจว่าเจ้านายทั้งสองสนทนาถึงเรื่องใด อันที่จริง—เซียนหมากอุดรนามฉีปินนี้ มันไม่เคยผ่านหูสักครั้ง! ไม่รู้ว่าเป็นยอดปราชญ์ท่านใดจึงสามารถชี้แนะวิชาหมากของตวนมู่เหม่ยเหรินให้พุ่งลงเหวได้ขนาดนี้!


อย่าว่าแต่วิชาหมาก ดีดผีผานางก็พอไปวัดไปวา ทำขนมนั้น…จางกงกงแทบไม่อยากเอ่ยปาก ยินว่าฝ่าพระบาทชิมหนึ่งคำก็ปาเล่นเป็นโปรยทาน ข้าราชบริพารต่างนึกว่าลาภปาก ที่ไหนได้รสชาตินั่นมันบทลงทัณฑ์ชัดๆ! อาจจะเกินจริงไป…เพียงแต่เมื่อเทียบกับขนมอันประณีตในวัง รสชาติอาหารของหญิงสกุลตวนมู่กลับเป็นสิ่งที่ต้องใช้หัวใจสัมผัส ทำเอาเขานึกสงสัยว่าคุณหนูจากตระกูลผู้ดีเช่นหลงเยวี่ยใช้เวลาไปกับการนั่งนอนทั้งวันหรืออย่างไร ศาสตร์แห่งสตรีถึงได้ชุ่ยเอาปานนี้!


เอาเถิด อย่างไรในวังหลังอันกว้างใหญ่ มันสวามิภักดิ์ด้วยหัวใจยึดเอาสตรีผู้นี้เป็น Bias ฉันใดก็ฉันนั้นมันมิอาจตำหนิ


เสียงเจื้อยแจ้วปานนกขมิ้นของตวนมู่เหม่ยเหรินดังขึ้นอีกครา “แม้นหม่อมฉันจะเรียนมาน้อยก็พอทราบว่าพระนามหลังเถลิงราชสมบัติของฝ่าบาทคืออักษร ‘หวู่’ ที่แปลว่า การศึก พุ่งรบ พระเกียรติระบือใกล้อย่างยิ่ง วันนี้ได้พระองค์ชี้แนะวิชาหมากเซี่ยงฉีนับเป็นบุญแต่ปางก่อนของหม่อมฉัน” ขณะพูดก็วางหมากตาลงบนกระดานเป็นตาที่สี่! มันพลันรู้สึกคันยุบยิบว่านี่เป็นเรื่องสำคัญที่นางสนมจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาทจริงหรือ! หน้าที่ของพวกท่านคืออุ้มครรภ์ผลิตทายาทเพื่อฝ่าบาทหรือไม่! เหตุไฉนถึงได้พิรี้พิไรเอาปานนี้!


หลิวเช่อมองหมากเริ่มกระดาน ผู้มีวิชาหมากมือพระกาฬเยี่ยงเขาไฉนจะอ่านหมากตานี้ไม่ออก ชายยหนุ่มมองประเมินหญิงสาวตรงหน้า น้ำเสียงแฝงนุ่มนวลดื่มด่ำผู้ฟังกลับรู้สึกถึงอันตราย “เจ้าคิดเช่นนั้นจริงหรือ?” หลงเยวี่ยเคยมีประสบการณ์ถูกรุกไล่เมื่อครั้งเล่นปาลูกดอก ในใจพลันเกิดความระแวดระวังเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยเสียงหนักแน่น “เพคะ”


หลิงเช่อยิ้มส่องประกาย “บุญแต่ปางก่อนของเจ้าหมดลงแล้ว”

โรลเปิดขอเปิดใจหวงตี้
ปรนนิบัติยามค่ำคืน + 1
ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี

นักสู้ (ม่วง)(+15) >
เงื่อนไขพัฒนาคลาส:
- Level 30 เป็นต้นไป [เช็ค]
- สเตตัส STR 30 ขึ้นไป [เช็ค]
- อัปเกรด คนกำยำ ถึงระดับ 10 (ใช้หินอัปเกรด) [เช็ค]
- มีโรลเพลย์และผ่านการประลองต่อสู้กับใครสักคน 1 ครั้ง 
[เช็ค]
@@@Admin 


แสดงความคิดเห็น

ลืมส่ง คนกำยำมาไอดี Admin  โพสต์ 2024-9-17 00:04
โพสต์ 25524 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-9-16 23:04
โพสต์ 25,524 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม จาก บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก  โพสต์ 2024-9-16 23:04
โพสต์ 25,524 ไบต์และได้รับ +3 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-9-16 23:04
โพสต์ 25,524 ไบต์และได้รับ +3 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2024-9-16 23:04

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +35 ย่อ เหตุผล
Admin + 1 + 35

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6
โพสต์ 2025-7-11 00:16:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-7-11 00:23


荷香万里夏
กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้

วันที่สอง ลิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ปลายยามโหย่ว ( 17.30 น. )


   นับตั้งแต่ตื่นจากพิษร้าย หากไม่มีสิ่งใดจำเป็นต้องกระทำนางไม่แม้แต่จะเหยียบเข้าไปในอาณาบริเวณของตำหนักเว่ยหยาง หากให้นับเห็นทีคงนับได้ด้วยมือข้างเดียวของนางก็เพียงพอแล้ว หนึ่งคือการเข้าเฝ้าเพื่อขอออกเดินทาง สองคือการเข้าเฝ้าเพื่อรายงานผลการเดินทาง และสาม…คือการเข้าเฝ้าในครานี้

   ในยามนี้ไร้สตรีตัวมอมแมมเพิ่งออกจากถ้ำ มีเพียงโฉมหน้าของพระสนมเสียนอี๋ผู้เกลี้ยงเกลาไร้ราคี (แต่ก่อนหน้านี้นับได้ว่าเป็นฝันร้ายของจ้าวหนิงเฟยนักที่ต้องมาและเห็นภาพของนายหญิงกำลังปีนเข้าทางหน้าต่างเรือนในสภาพตัวมอมแมมจนแทบรับไม่ได้) คำว่า เปิ่นกงจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ประโยคเดียวทำให้บ่าวในตำหนักวิ่งจัดการแปลงโฉมสตรีมอมแมมให้กลายเป็นพระสนมที่งดงามที่สุดราวกับว่าต้องการให้นางที่ป่วยไข้จากการเดินทาง เก็บตัวร่วมเกือบเจ็ดแปดวันได้รับความโปรดปรานอีกครา

   ช่างเป็นพวกบ่าวที่ทั้งบริสุทธิ์ ทั้งไร้เดียงสาเสียจริง หากรู้ความจริงแม้เพียงนิดคงทำให้พวกนางเสียดายไม่น้อย

   แน่นอนว่าคนที่รู้แจ้งในสิ่งนี้ว่ามันไม่จำเป็นเพียงใดก็มีเพียงตัวนางที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่อง ตัวของจ้าวหนิงเฟยที่ถูกบอกให้ตามน้ำไป และเฮยเฉวียนที่เห็นหลักฐานตำตามากมายก็ทำได้แค่แสร้งทำตัวเป็นเจ้าหมาตัวน้อยธรรมดา

   “น้ำแกงสำหรับยกถวายฝ่าบาทเพคะ”

   ครั้นในยามที่นางกำลังจะออกจากตำหนักก็มีบ่าวเดินมาร่วมขบวนพร้อมเอ่ยบอกแก่พระสนมว่าตนได้จัดน้ำแกงที่พระนางมักจะยกไปถวายในช่วงเวลาเช่นนี้อยู่เสมอ เว่ยเจียเหลียนฮซาที่กำลังจะอ้าปากถามก็นึกได้ถึงกาลก่อนจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ความรู้ใจของพวกนางยังคงไม่ต่างจากเดิม เป็นนางที่มีใจออกห่างเปลี่ยนไปแล้วต่างหาก

   “ขอบใจเจ้ามาก”

   วจีเอ่ยอย่างจริงใจมอบรอยยิ้มให้กับผู้น้อยที่ถวายตัวรับใช้รองมือเท้านัก เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่มีจดหมายลายพระหัตถ์แห่งหวางเย่อยู่ในแขนเสื้อจำต้องรีบเดินไปยังตำหนักเว่ยหยางเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทในทันที

   สองเท้าก้าวเดินโดยมีขบวนบ่าวใช้เดินตาม เส้นทางจากตำหนักเถียนเซี่ยไปยังตำหนักเว่ยหยางยังคงคุ้นเคยอยู่ในดวงจิตราวกับว่าหากหลับตาเดินก็คงจะไปถึงโดยง่าย ทำเอานางนึกถึงข่าวที่บิดามาสอบถามว่านางจะตอบรับเป็นอี้หนวี่ (องค์หญิงบุญธรรม) หรือไม่ ทว่าการที่นางมีความสัมพันธ์กับฝ่าบาทเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลกใจหากนางจะมีคุณสมบัติมากพอจะเป็นบุตรีบุญธรรม

   ไร้รักทว่าผูกพันธ์ ดั่งฉันมิตร ดั่งครอบครัว

   “เรียนฝ่าบาทให้ที เปิ่นกงจะขอเข้าเฝ้า”

   “เรียนฝ่าบาทให้ที ‘เปิ่นกง’ จะขอเข้าเฝ้า”

   ไม่ทันที่นางเอ่ยกับทหารอารักขาหน้าตำหนักถึงจุดประสงค์ของนางเองจบดี ก็มีเสียงเอ่ยดังขึ้นมาแต่ไกลราวกับว่าหมายจะเกทับด้วยคำว่า เ ปิ่ น ก ง ที่ยศฐาสูงกว่า เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่บัดนี้เป็นเพียงพระสนมเสียนอี๋จำต้องยอบกายถวายความเคารพผู้มียศฐายิ่งใหญ่กว่าอย่าง โอวหยางเสียนเฟย

   ทั้ง ๆ ที่ตลอดมา สตรีที่นางจะยอบกายให้มีเพียงเจี่ยเจียของนางแท้ ๆ

   “ถวายความเคารพโอวหยางเจี่ยเจียเพคะ”

   “เว่ยเจียเหม่ยเหมยอย่าถือสา ใจตรงกันถึงเพียงนี้คงต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทพร้อมกันแล้วกระมัง”

   ใจตรงกันไม่ว่า แต่เกทับกันอันนี้นางยอมได้ที่ไหน

   “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นเพคะเจี่ยเจีย หม่อมฉันใจตรงกับเจี่ยเจียเช่นนี้ถือว่าวาสนานำพา เช่นนั้นแล้วก็เข้าเฝ้าฝ่าบาท พ ร้ อ ม กั น ตามที่เจี่ยเจียประสงค์ได้เพคะ”

   คำเอ่ยนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันอย่างดีว่านางไม่ยอมถอยให้โอวหยางเหลียนฮวาได้เข้าเฝ้าคนเดียวในครานี้เป็นอันขาด หาใช่เพราะความรักและหึงหวงฝ่าบาทไม่ เป็นเพราะนางไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ใดนอกจะลู่กุ้ยเฟยต่างหาก

   หากจะโทษก็โทษความภักดีของนางก็แล้วกัน

   อีกทั้งเรื่องที่นางต้องเรียนแจ้งฝ่าบาท—ผู้เป็นคราบมังกรสวรรค์ยามนี้นั้นสำคัญมาก พ่วงกับการปกปิดตัวตนให้แนบเนียนที่สุดเช่นนั้นแล้วการออกอาการทำทีหึงหวงเช่นนี้จะทำให้สตรีตรงหน้าเชื่อมั่นปักใจว่าผู้ที่นั่งบัลลังก์ยามนี้เป็นมังกรทั้งตัวจริง ๆ

   “เชิญพระสนมทั้งสองพะยะค่ะ”

   เสียงของกงกงผู้มารับหน้าพระสนมชั้นสูงทั้งสองพระองค์นั้นเอ่ยขึ้นมาทำลายบรรยากาศกดดันที่พวกนางแผ่ออกมากดทับฝ่ายตรงข้ามจนบ่าวทั้งสองฝั่งร้อน ๆ หนาว ๆ กันหมด สตรีผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระสนมทั้งพระชายาเอกและพระสนมเอกรับฟังคำของกงกงแล้วเดินตามกันเข้าตำหนักเว่ยหยางตามลำดับขั้นและธรรมเนียมที่ควรปฏิบัติ

   “โอวหยางเสียนเฟยเหนียงเหนียง และ เว่ยเจียเสียนอี๋เหนียงเหนียงขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   “เข้ามา”

   สิ้นวจีทุ้มที่คล้ายคลึงบุรุษผู้นั้นอยู่แปดส่วนเอ่ยออกมา ทั้งสองก็เดินเข้าไปภายในห้องทรงอักษรประจำตำหนักเว่ยหยางทันที ร่างเล็กของสตรีงามในวังหลังค่อย ๆ ยอมกาย โดยที่ดูเหมือนว่าโอวหยางเสียนเฟยจะพยายามมากพอควรให้ออกมาสวยงามสะกดดวงเนตรแห่ง ‘คราบ’ มังกรทองถึงเพียงนี้

   สงสารนางเสียจริง แต่เรื่องอะไรนางจะต้องบอกความลับนี้กัน

   “ถวายความเคารพแด่ฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

   “ตามสบาย” บุรุษหลังฉากกั้นเอ่ย “พวกเจ้ามาด้วยเหตุใดหรือ”

   “หม่อมฉันมาถวายน้ำแกงเพื่อบำรุงร่างกายฝ่าบาท แลเห็นพระองค์ทรงประชวรจนนั่งกั้นฉากเช่นนี้หม่อมฉันเป็นห่วงฝ่าบาทยิ่งนักเพคะ”

   “ส่วนหม่อมฉันมีน้ำแกงสำคัญที่อยากให้ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเพคะ”

   น้ำแกงสำคัญอันใดจะให้ฝ่าบาทช่วยทอดพระเนตรกัน หากเป็นผู้อื่นคงสงสัยว่านางใช้คำผิดต่อหน้าฝ่าบาทหรือ ทว่า..เพราะบัดนี้ฝ่าบาทกับนางถือเป็นพวกเดียวกัน เขาที่มีความเก่งกล้าสามารถมานั่งเป็นคราบมังกรสวรรค์เช่นนี้ไยจะไม่สามารถมากพอจะตรัสรู้ในสิ่งที่นางเปรยออกไป บุรุษผู้อยู่หลังฉากกลั้นกระแอมไอเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มตัดสินว่าผู้ใดกันแน่ที่ต้องอยู่ และผู้ใดกันแน่ที่ต้องไป

   “เสียนเฟย เจ้าวางน้ำแกงแล้วกลับไปก่อนเถิด”

   “ฝ่าบาทเพคะ ให้หม่อมฉันได้ช่วยป้อน—”

   “เจิ้นบอกเช่นไร ?”

   “พ–เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลา”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ยืนฟังบทสนทนานี้ต้องยอมรับเลยว่าน้ำเสียงและคำตรัสที่เขาเลือกใช้ช่างทำให้เขาละม้ายกับฝ่าบาทครั้นยังไม่สนิทสนมกันมากนัก คนไกลตัวที่ต้องคอยประจบจนกลายเป็นฝ่าบาทผู้หวิดจะได้เรียกพระบิดาในวันนี้

   พระสนมเสียนเฟยได้แต่ยอบกายขอตัวตามโองการที่องค์จักรพรรดิตรัสออกมา ดวงตาของสตรีผู้มีนามแท้และนามยศฐาช่างละม้ายคล้ายคลึงอย่างน่าประหลาดจดจ้องมาที่ตัวของพระสนมเสียนอี๋ที่ได้ยืนหยัดอยู่ต่อในห้องนี้

   ทั้ง ๆ ที่มันควรเป็นที่ของเสียนเฟยเช่นนางมิใช่หรือ

   พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋มีหรือจะพลาดโอกาสเช่นนี้ นางค่อย ๆ ยอบกายถวายความเคารพให้แก่โอวหยางเสียนเฟยผู้ที่ต้องจากไปอย่างงดงาม การสบสายตาที่ตั้งใจจดจ้องในครานี้ทำให้เสียนเฟยคงจะตระหนักรู้ได้ว่าพระสนมเสียนอี๋หาใช่สตรีผู้ยอมคนไม่

   “ลาเจี่ยเจียเพคะ”

   น้ำเสียงหวานดูดัดจริตขึ้นเท่าตัวเอ่ยขึ้นมา พร้อมมุมริมฝีปากที่แย้มยิ้มได้น่าหมั่นไส้นักถูกระบายส่งให้สตรีตรงข้าม สิ่งที่เว่ยเจียเหลียนฮวาแลเห็นมีเพียงใบหน้าของพระชายายศเฟยกำลังหน้าดำหน้าแดงและส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความอัดอั้นที่ไม่อาจตบใบหน้าของนางตัวดีเช่นเว่ยเจียเหลียนฮวาได้ ณ ตอนนี้เลย

   “เจ้าดูมีความสุขนักนะ พระสนมเสียนอี๋”

   ครั้นเมื่อคู่ต่อสู้ทางอำนาจในวังหลังได้พ่ายแพ้ไปเสียงหัวเราะหวานอารมณ์ดีก็ดังขึ้นจนบุรุษผู้อยู่หลังม่านต้องเอ่ยถามด้วยความแปลกใจทันที ตัวของเว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่ยังต้องแสดงการละครนี้ต่อไปเพราะยังมีบ่าวใช้มากมายในห้องนี้จึงแสร้งรักใคร่ฝ่าบาทหันไปหยิบถาดน้ำแกงพร้อมพยักหน้าให้จ้าวหนิงเฟยพาบ่าวใช้ไปรอข้างนอก เมื่อภายในห้องนี้เหลือเพียงนางและเขาสองคนเท่านั้นหน้ากากที่สวมไว้ก็ถูกถอดออกในทันที

   “น้ำแกงอันนี้กาลก่อนหม่อมฉันมักจะตระเตรียมไว้ให้ฝ่าบาททุกครั้งที่มาเข้าเฝ้า เช่นนั้นหม่อมฉันจะวางไว้ที่โต๊ะ หากแต่เพื่อความสมจริงก็จงตั้งทิ้งไว้เช่นนี้ก็ดี” นางเอ่ยขึ้นมาแม้จะยังสงวนระดับคำศัพท์ที่ใช้กับเขาเพื่อป้องกันผู้ใดมาแอบฟัง ทว่าน้ำเสียงกลับหาใช่สนมรักเอ่ยกับฝ่าบาทไม่ “เพราะฝ่าบาทที่มีสนมรักเช่นลู่กุ้ยเฟยแล้วคงไม่แตะน้ำแกงผู้ใดอื่นนอกจากสนมรักกระมัง”

   นางอนุมานจากการที่เขายอมทิ้งคราบกลางบัลลังก์ถึงเพียงนี้ คงรักมั่นมากเป็นแน่ บุรุษที่ใจแกร่งเช่นหินผาอย่างเขาย่อมไม่แตะน้ำแกงผู้ใดนอกจากพระสนมลู่กุ้ยเฟย นางที่เป็นเพียงพระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋ แม้กาลก่อนได้รับความโปรดปรานเพียงใดทว่าเมื่อกาลนี้ไม่ใช่ ย่อมไม่รื้อฟืนฝอยหาตะเข็บกับผูัใดอีก กายบางทำเพียงวางชามน้ำแกงไว้แล้วเดินตรงเข้าไปยังหลังฉากกั้นเพื่อยื่นจดหมายจากฉางซานเซียนหวางถึงมือเขา

   “ก่อนหน้านี้ที่หม่อมฉันไม่ออกจากตำหนัก หม่อมฉันได้รับจดหมายลายพระหัตถ์ของฉางซานเซียนหวาง องค์หวางเย่ตรัสไว้ว่าให้ส่งมอบถึงฝ่าบาทเพียงผู้เดียวเท่านั้น— แม้นว่าตรงหน้าหม่อมฉันจะไม่ใช่ฝ่าบาทก็เถิด ทว่าสิ่งนี้ที่ส่งถึงท่านคงดีกว่าไม่ส่งอะไรเลย หากเขามาขอเข้าเฝ้าจะลำบากเอาการ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยพร้อมกับเดินไปฝนหมึกให้เขาเล็กน้อย เพื่อให้ปลายแขนเสื้อของนางมีร่องรอยของหมึกน้อย ๆ เป็นหลักฐานว่านางมาช่วยปรนนิบัติฝนแท่งหมึกเช่นกาลก่อน คงคลายความสงสัยของผู้คนได้ไม่น้อยเพราะคำโกหกที่เป็นความจริงได้ย่อมต้องสร้างหลักฐานเพื่อรองรับ

   ครั้นผ่านไปร่วมครึ่งชั่วยามก็ถึงเวลาอันควรที่นางจะกลับตำหนัก จึงขอทูลลาฝ่าบาทหลังฉากกั้นเพื่อออกจากตรงนี้เสียที







ส่งจดหมายแล้วจ้า

@Admin




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 26842 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-11 00:16
โพสต์ 26,842 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-11 00:16
โพสต์ 26,842 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-11 00:16
โพสต์ 26,842 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-7-11 00:16
โพสต์ 26,842 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-7-11 00:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-7-12 13:35:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด

荷香万里夏
กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้

วันที่สาม ลิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
กลางยามไห่ ( 22.00 น. )


   ฝ่าบาทเรียกพระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋เข้าปรนนิบัติ ณ ตำหนักเว่ยหยางในคืนนี้พะยะค่ะ

   วลีเพียงสั้นกุดทว่ากับส่งผลต่อสตรีผู้อยู่ในวลีนั้นมากโขเกินพรรณา ในยามซื่อที่กลับจากการถวายพระพรไท่โฮ่วมาเอนหลังได้ไม่ทันไรก็มีกงกงเดินมายังตำหนักของนางพร้อมแจ้งเรื่องที่ไม่ค่อยอยากจะยลยินมันมากนักหากว่านี่เป็นการปรนนิบัติหลิวเช่อผู้เป็นโอรสสวรรค์จริง ๆ

   ทว่า…บัดนี้ผู้ที่นั่งบัลลังก์หาใช่หลิวเช่อผู้นั้นไม่ หากแต่เป็นบุรุษที่ไม่คุ้นหน้าเท่าใดนัก น้ำเสียงแลละม้ายพออนุมานได้ว่าเพราะเหตุนี้จึงได้รับบทบาทเป้นโอรสสวรรค์สักหน่อยทดแทนตำแหน่งที่ไม่ควรว่างเว้น เช่นนั้นแล้วสตรีผู้ที่ได้รับจดหมายลายพระหัตถ์แห่งอัครชายาผู้งดงามเพียงคนเดียวเช่นนางจึงได้รู้แจ้งว่าคู่สามีภรรยานี้คงออกเดินทางด้วยกันแน่แท้

   แม้จะเป็นภารกิจเถิด ไยนางต้องมาดูแลบัลลังก์แทนด้วยเล่า

   ราวกับต้องดิ้นรนแสดงละครเพื่อความมั่นคงของคราบมังกรไม่ให้ผู้ใดใช้ไม้โง่ ๆ มาเขี่ยตรวจสอบความเป็นจริงหลังฉากกั้น การที่เขาเรียกตัวนางโดยอ้างความโปรดปรานยามค่ำคืนเช่นนี้ย่อมมีเรื่องอื่นใดเป็นแน่ หากเป็นนางในกาลก่อนคงหาได้ใส่ใจไม่ ทว่าบัดนี้นางมีบุรุษในดวงใจแล้ว…การที่ต้องมาเปลืองตัวเพื่อหวงตี้แม้มิได้มีสิ่งใดแตะต้องแม้ปลายก้อยก็ไม่อาจวางใจได้เท่าใดนั่ง ด้วยเหตุที่เขาคือหวงตี้ในความเข้าใจของผู้คน และนางคือพระสนมที่ต้องมีใจต่อเขา การเรียกหาด้วยข้ออ้างเข้ารับใช้ในย่ำค่ำย่อมเข้าใจได้เพียงอย่างเดียวคือการที่เธอได้รับความโปรดปราน

   ร่างเล็กถอนหายใจเบา ๆ นางที่ต้องผ่านขั้นตอนมากมายเริ่มจากชำระร่างกายขัดจนผิวกายแทบแดง แช่น้ำนมจนตัวแทบเปื่อย ไหนจะต้องมาแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเสื้อแพรตัวบางคลุมทับด้วยเสื้อคลุมหนา ต้องตรวจร่างกายปานควานหาเชื้อโรคเหลือบไรบนกายบาง บางครานางก็นึกสงสัยนัก ตรวจสุขภาพพวกนางปานนี้แล้วไม่ตรวจหวงตี้ของพวกเขาด้วยหรือ อย่าให้มีสิ่งใดกระโดดตอมกายสาวที่รักษาประคบประหงมอย่างดี เช่นนี้ไม่เท่าเทียมตามหลักม่อจื่อรึ

   แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงความใคร่รู้ของสตรีที่ไม่ได้มีใจจะปรนนิบัตินัก ในเมื่อหวงตี้ตัวจริงยังไม่ได้แต้แต่จะประทับริมฝีปากลงปลายก้อย เช่นนั้นแล้วคราบมังกรผู้นี้คงหาได้มีสิทธิอันใดจะมาแตะต้องกายนาง

   ไม่อยากจะสวมอาภรณ์เช่นนี้เลย

   ความขุ่นหมองทั้งหลายจำต้องเก็บไว้ภายใน สุดปลายสายของพรมที่ทอดยาวจากตำหนักเถียนเซี่ยสู่ตำหนักเว่ยหยางเพื่อป้องกันมิให้ปลายเท้าที่เปลือยเปล่าต้องสัมผัสดินให้เปื้อน

   “พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋ขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   จางกงกงผู้ที่เป็นผู้ออกมารับนาง ณ ตำหนักจนถึงหน้าห้องบรรทมของฝ่าบาทเอ่ยประกาศนามของสตรีที่เขาเป็นคนเรียกเข้าปรนนิบัติในยามนี้ ผ่านไปไม่เท่าไหร่นักก็ได้ยินเสียงจากหลักประตูไม้

   “เข้ามา”

   มีเพียงนาง จางกงกง และนางกำนัลข้างกายของนางอีกคนเดียวเท่านั้นที่ได้เข้าไปภายในห้องบรรทมนี้ เว่ยเจียเหลียนฮวที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้างามอย่างเบาบางพอแลเห้นว่านางยินดีม๊ากกกกมากในการถูกเรียกมารับใช้ทว่าพยายามไม่ออกอาการนักให้ดูเป็นสตรีเขินอายย่อมทำให้ผู้คนใต้หล้าจินตนาไปแสนไกลถึงค่ำนี้นี้มันจะจบลงเช่นไรเรียบร้อยแล้ว

   “ถวายพระพรหวงตี้เพคะ”

   “ตามสบายได้”

   “ขอบพระทับหวงตี้เพคะ” นางยอบกายขอบคุณบุรุษหลังฉากกั้นก่อนจะเอ่ยปากเพื่อแสดงถึงน้ำใจที่มอบให้ผู้คนในห้องนี้ “หม่อมฉันปิติยิ่งที่ฝ่าบาทเรียกรับใช้ หม่อมฉันถึงยกสุรานารีแดงหนึ่งไหมามอบให้ฝ่าบาทและยังมอบให้จางกงกงอีกหนึ่งไหเป็นของฝากจากหนานเจ้าเพคะ”

   พักต์งามเกลี้ยงเกลาพยักหน้าเบา ๆ จ้าวหนิงเฟยที่อยู่ไม่ห่างก็ยกไหสุราไหเล็กมามอบให้นางหนึ่งไห ส่วนอีกไหหนึ่งไหยกให้จางกงกง ก่อนจะถอยกายกลับมายืนที่เดิมขอรับคำสั่งต่อไป

   “ขอบพระทัยพระสนมเสียนอี๋นักพะยะค่ะ”

   “อย่าได้ถือสาเลยจางกงกง ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนที่ดูแลฝ่าบาทและดูแลตำหนักให้ข้าระหว่างที่จากแดนไปไกลเสียนาน”

   ครั้นสิ้นบทสนทนาแล้วเงาของแขนแกร่งหลังฉากกั้นค่อย ๆ ตวัดมือส่งสัญญาณบอกให้จางกงกงรับทราบว่าให้เขาถอยออกไป ส่วนนางเองก็ส่งสัญญาณเช่นกันว่าให้จ้าวหนิงเฟยออกไปก่อน เหลือเพียงหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีในห้องบรรทมของโอรสสวรรค์

   “นานวันท่านยิ่งดูสมฐานะโอรสสวรรค์มากขึ้นนะเพคะ”

   ใบหน้าที่แต้มรอยยิ้มงามแลเหมือนสตรีเขินอายเมื่อครู่มลายสิ้น ดวงตาที่ไร้รอยยิ้มมีเพียงแค่ความเฉยชา ริมฝีปากบางที่แย้มออกมานั้นเสมือนความขบขันอยู่ในทีเสียมากกว่า ร่างสูงที่อยู่หลังฉากกั้นก็เดินออกมาดับโคมเทียนรอบห้องเหลือไว้เพียงตะเกียงหนึ่งดวงกลางโต๊ะกินข้าวพร้อมกับใบหน้าที่ไร้การปกปิด มันเป็นใบหน้าของบุรุษที่นางไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาด้วยซ้ำ

   ทว่าหากต้องกระทำงานให้เยียบยลมากขึ้น การที่นางรู้เพียงเขาคือคราบมังกรสวรรค์ย่อมพอแล้ว ยิ่งทราบข้อมูลอื่นใดมากรังแต่จะปวดเศียรเวียนเกล้าเสียเปล่า ๆ

   “นั่งก่อนพระสนมเสียนอี๋”

   น้ำเสียงละม้ายกับบุรุษหน้าตายผู้นั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญยังโต๊ะทานข้าวฝั่งตรงข้าม เว่ยเจียเหลียนฮวาไม่รอช้าเดินไปนั่งทันทีโดยเว้นระยะพอควร

   “มีเรื่องอันใดถึงเรียกหาเช่นนี้เพคะ”

   “เรื่องจดหมายของอาชุ่นที่เจ้าส่งมาให้มาเจิ้นไม่อาจตัดสินสิ่งใดได้อย่างเฉียบแหลม ข้อมูลยังไม่มากพอนัก” เขาเอ่ยออกมาอย่างสัตย์จริงก่อนจะยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้นาง “เจ้าที่นำจดหมายของเขามาให้ คงจะทราบใช่หรือไม่ว่าเขาอยู่ที่ใด ต้องวานเจ้าแล้ว”

   คำว่า อาชุ่น ที่เขาเอ่ยทำให้วงคิ้วของนางขมวดด้วยความสนเท่ห์ ผู้ใดกันจะกล้าอาจหาญเอ่ยเรียกหวางเย่ผู้เป็นเงาบัลลัก์ สุนัขล่าเนื้อแห่งราชวงศ์ได้สนิทสนมเป็นกันเองถึงเพียงนี้ บัดนี้ในใจนางมีคำว่า บุรุษสกุล หลิว กระเด้งกระดอนไปมาเต็มห้วงความคิดจนอยากจะโยนออกไปให้พ้น ๆ

   บุรุษสกุลหลิวพวกนี้มันเป็นอะไรกันหมด น่าตายทั้งสิ้น

   “คืนนี้เจ้าค้างตำหนักเว่ยหยางก่อนเพื่อไม่ให้ผู้ใดแคลงใจ รุ่งสางค่อยกลับตำหนักของเจ้า พรุ่งนี้เจิ้นอนุญาตให้เจ้าตามเสด็จแม่ไปขอพรที่ศาลเจ้า เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ว่าหลังจากนั้นต้องทำสิ่งใด”

   เขาที่มอบโอกาสนี้ย่อมต้องเพื่อให้นางสามารถปลีกตัวออกจากที่แห่งนี้ได้โดยง่าย การเป็นสนมหากตำหนักร้างเพียงสองชั่วยามผู้คนก็สงสัยแล้ว การที่เขาสามารถให้นางออกไปได้เช่นนี้ย่อมสะดวกนางโดยแท้จริง

   “ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันจะส่งให้ถึงหวางเย่เพคะ”

   และภายในค่ำคืนนี้เว่ยเจียเหลียนฮวาเลือกที่จะนอนตั่งนั่งยาวดึงผ้าห่มหนามาคลุมกายเสียมิดชิด แยกห่างโดยไม่แม้แต่จะสนทนาเรื่องอื่นให้มากความ ทว่าความเงียบนั้นเองได้ก่อเกิดมวลเหตุของความเข้าใจผิดอยู่ภายนอกห้องบรรทมเสียแล้ว




[NPC-11] จางกงกง
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
+25 ความสัมพันธ์ ชา/สุราแดง

@Admin




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-7-12 14:52
โพสต์ 20121 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-12 13:35
โพสต์ 20,121 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-12 13:35
โพสต์ 20,121 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-12 13:35
โพสต์ 20,121 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-7-12 13:35
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้