ตำหนักผิงหยาง | ที่พำนักผิงหยางกงจู่

[คัดลอกลิงก์]







ตำหนักผิงหยาง

{ ถนนสิบลี้ }










【 ตำหนักผิงหยาง 】

ถิ่นฐานแดนกิเลนเหนือหมู่เมฆ

ในวังหลวงเปี่ยมไปด้วยนางหงส์กรีดกราย ทว่าที่ละออกมาจากวังวนมรสุมแย่งชิงนั้นกลับเป็นกิเลนสาวผู้ยืนหยัดในความยุติธรรม 'ผิงหยางกงจู่' พระเชษฐภคินีในองค์จักรพรรดิที่ไร้ซึ่งเงาราชบุตรเขยอยู่เคียงข้าง วีรสตรีผู้มากความสามารถ ทั้งยังเป็นที่รักใคร่ของประชาชนคือฐานะและตำแหน่งของผู้ปกครองตำหนักแสนงามใกล้กับประตูเสวียนอู่ที่น้อยครั้งจะเปิดรับแขก






【 ผู้ครองตำหนักผิงหยาง 】

ผิงหยางกงจู่ (28)







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6436 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-18 15:58
โพสต์ 2024-7-18 18:25:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด



บทสนทนาเหล่านารี

เบื้องหน้าตำหนักงามสง่าปรากฏรถม้าหรูหราเรียกความสนใจจากชาวบ้านชาวช่องรอบทิศให้หันมองเป็นตาเดียว นานทีปีหนตำหนักผิงหยางถึงจะเปิดรับแขกกันซึ่ง ๆ หน้า ส่วนมากพระสหายขององค์หญิงล้วนมากความสามารถถึงขนาดไปมาไร้ร่องรอย ไหนเลยจะต้องอาศัยรถม้าที่เชื่องช้า.. ต่อมาเมื่อความสงสัยก่อกำเนิด สายตาที่จับจ้องเพื่อหาคำตอบก็ยิ่งร้อนระอุ ท่าทางเช่นนี้ของผู้คนนับว่าเป็นสิ่งที่นางเคยชิน แต่ไม่ใช่กับผู้ที่มาด้วยกัน

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นสาวใช้ของผิงหยางกงจู่ แต่ตลอดการทำงานที่ผ่านมาพวกนางก็หาได้มีบทบาทสำคัญ การถูกจดจ้องจากทั่วสารทิศครั้งนี้จึงถือว่าชวนให้ใจเตลิดอยู่ไม่น้อย “ พระสนม.. ” อีกฝ่ายกล่าวเสียงเบาเนื่องด้วยความเป็นห่วงเพราะเกรงว่าฝ่ายที่เป็นแขกจะตื่นกลัว

ทว่าสิ่งที่หันไปพบกลับเป็นรอยยิ้มตามความชินของโฉมงาม “ พวกเขาเพียงแค่ใคร่รู้เท่านั้น ”

ไป๋หรั่นคือคนงาม อาศัยแค่เพียงการขยับตัวไม่กี่ครั้งก็สามารถเรียกสายตานับสิบคู่ให้หันมาจ้องมอง แล้วมีหรือที่นางจะตื่นกลัวกับสายตาของผู้คน? ใช้ชีวิตวนไปวนนับสิบปี สายตาที่ควรเจอก็นับว่านางเจอมาหมดแล้ว เรียกว่าครั้งนี้เป็นนางที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิดอีกตามเคย นงคราญหยกหัวเราะน้อย ๆ พลางหยิบหมวกไผ่ผ้าคลุมขึ้นมาสวม “ จัดการตามสมควรเถิด ”



จากหน้าตำหนักสู่ภายในใช้เวลาไปไม่น้อยกว่าจะเดินมาถึง

การมาเยือนครั้งนี้ไป๋หรั่นหาได้ใส่อาภรณ์ขั้นแสนรุ่มร่ามมาให้เกะกะการสนทนา กลับกันนางหยิบชุดไปรเวทตัวโปรดขึ้นมาสวม เตรียมหมวกไผ่ไว้ล่วงหน้า ทั้งยังหอบไหสุราอ้วนกลมมาหนึ่งไห สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่เดินสวนผ่านนางไปยิ่งนัก

“ องค์หญิง ลู่เหม่ยเหรินมาถึงแล้วเจ้าค่ะ ”

บริเวณที่นางยืนอยู่ยามนี้คือหน้าศาลาริมบ่อน้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งหนึ่ง

ด้านในมีโต๊ะที่นั่งพร้อมสำรับอาหารจัดไว้รอรองรับผู้มาเยือน พร้อมกันนั้นที่สุดปลายศาลาก็ยังมีแผ่นหลังของหญิงสาวภายใต้อาภรณ์สีน้ำเงินเข้มที่ครู่แรกดูแล้วน่าชื่นชม ทว่าครู่ต่อมากลับแฝงไว้ด้วยความอาลัยอาวรณ์ ไม่จำเป็นต้องรอให้อีกฝ่ายหันมานางถึงค่อยขยับตัว หนนี้ลู่ไป๋หรั่นกิริยาฉับไวพริบตาเดียวก็ย่อลงถวายพระพรแล้ว

“ ถวายบังคมเพคะองค์หญิง ”

“ เปิ่นกงเชิญเจ้ามาแล้วยังต้องมากพิธีอะไรอีก นั่งก่อนสิ ”

ย่อมเป็นผิงหยางกงจู่ที่ละสายตาออกจากบัวเก้ากลีบในบ่อแล้วหันกลับมาดูหน้าแขกผู้มาเยือน แรกพบสบตาต่างฝ่ายต่างชะงักกันไปคนละน้อย เบื้องหน้าผิงหยางกงจู่นั้นคือโฉมสะคราญที่อ้อนแอ้นอรชรอ่อนโยนดังกิ่งหลิวต้องลมชวนให้มอง ยังมิรวมดวงหน้าเลอลักษณ์ลำเพาดั่งรูปสลักที่สามารถสลักลึกตรึงใจคนได้ตั้งแต่แรกเห็น ยามนี้อีกฝ่ายรวบเกศาขึ้นทุกเส้นขดเป็นมวยแบ่งสองฝั่งคล้ายหูของสรรพสัตว์ตัวน้อยทั้งยังประดับด้วยดอกไม้เงินนานาชนิดเข้ากับอาภรณ์ปลิวพริ้วสีเขียวอ่อนยิ่งทำให้คนมองนึกถึงบทงิ้วที่มักพรรณนาโอ้อวดว่าสง่างามดั่งห่านป่า โสภาดุจเทวา

ฝั่งลู่เหม่ยเหรินที่ลอบพิจารณาท่าทางของคนเป็นองค์หญิงก็หยุดนิ่ง ราวกับสายเลือดมังกรสืบทอดการเป็นผู้มีรูปโฉมโดดเด่น แม้จะเป็นสตรีที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงหนึ่งครั้งแต่ก็ยังสวยสดงดงามเช่นสาวแรกรุ่นต่างก็เพียงแค่ความสดใสที่จางหายไป คงเหลือไว้ซึ่งความสูงสง่าที่เข้ามาแทนที่ ภายใต้เสื้อผ้าสีเข้มที่ใครใส่ก็ยากจะเฉิดฉาย ผิงหยางกงจู่กลับสามารถสวมใส่ได้ ทั้งยังดูเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ชั่วอึดใจที่ต่างก็ไม่มีใครพูดสิ่งใด ความกระอึดกระอ่วนเหล่านี้จางหายลงได้หลังจากฝ่ายที่เป็นพระสนมทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้พร้อมผายมือรับฝ่ายเชื้อพระวงศ์หญิงอย่างใส่ใจ ผิงหยางกงจู่ที่ได้สติกลับมาพยักหน้าเล็กน้อย นางสะบัดมือหนึ่งครั้งกระโปรงก็โบกสะบัดดูอาจหาญราววีรสตรีมาเยือน “ ฉางอันกล่าวใหญ่ฉันใด คำพูดจากปากคนก็ยิ่งเหลวไหลฉันนั้น.. ก่อนพบหน้าครั้งนี้เดิมทีเปิ่นกงได้ยินเรื่องของเจ้าอยู่บ้าง ” ไม่มีผู้ใดทราบว่าเหตุใดองค์หญิงสูงศักดิ์ถึงได้ใช้วาจาเลื่อนลอยคล้ายพูดกับคู่สนทนาแต่ก็หาได้วางสายตาไว้บนร่างของผู้ที่นางกำลังเอ่ยถึง

“ ลู่เหม่ยเหรินทราบหรือไม่ว่าภายนอกกล่าวถึงเจ้าอย่างไร? ”

“ ทูลองค์หญิง หม่อมฉันเคยได้ยินอยู่บ้าง.. ” แต่ไปได้ยินอย่างไร นั่นก็ใช่เรื่องที่สมควรต้องยกขึ้นมานำเสนอ ลู่ไป๋หรั่นผงกศีรษะขอบคุณสาวใช้ข้างโต๊ะที่เข้ามารินชาให้ทั้งสองภายใต้สายตาพิจารณาของผิงหยางกงจู่ และไม่นานนักก็หยักยิ้มเบาบาง “ เช่นที่องค์หญิงกล่าว ฉางอันกว้างใหญ่ฉันใด คำพูดจากปากคนก็เหลวไหลฉันนั้น เดิมทีข่าวลือเกิดขึ้นจากความเป็นจริง ทว่าความเป็นจริงหาใช่สิ่งที่ส่งต่อได้โดยง่าย นานวันเข้า คนยิ่งพูด สิ่งที่ต้องการสื่อ.. ก็ยิ่งเปลี่ยน ”

นงคราญหยกยกชาขึ้นจิบช้า ๆ ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนเช่นนั้นทำให้คนมองล้วนประหลาดใจ “ องค์หญิงไม่ยินดีที่จะเชื่อว่าหม่อมฉันเป็นคนเช่นไรผ่านข่าวลือ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวถึงเลยเพคะ ”

“ เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าเปิ่นกงไม่ยินดี ”

ไป๋หรั่นคาดการณ์เอาไว้หลายส่วน.. ผิงหยางกงจู่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นสตรีที่มั่นคงซื่อตรง แต่ก็เป็นสตรี พระนางเผชิญหน้ากับข่าวลือมาแล้วนับร้อยนับพันตลอดชีวิตยี่สิบแปดปีของพระองค์ ดังนั้นเบื้องลึกของจิตใจหากจะต้องทำความรู้จักใครนางย่อมไม่หลวมตัวไปเชื่อข่าวลือสิ่งไร้มูล ดังนั้นการ ‘เชิญ’ ให้มาพบจึงจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีการทำความรู้จัก ยิ่งยามนี้เห็นท่าทีระมัดระวังอ่อนลง กลายมาเป็นความใคร่รู้ก็นับว่านางมาถูกทางแล้ว

“ หากองค์หญิงทรงยินดีที่จะเชื่อข่าวลือก่อนพบหน้าหม่อมฉัน มื้ออาหารนี้.. ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น ” เนตรหงส์กวาดมองสำรับหลากหลายที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาอธิบายยาก หลังจากเห็นความใส่ใจที่เผยออกมาผ่านการจัดรูปแบบอาหาร นางก็เชื่อว่าผิงหยางกงจู่คงทราบตื้นลึกหนาบางของเรื่องราวมาบ้างแล้ว ส่วนทั้งหมดถือได้ว่าเป็นการพบหน้าตามประสาสตรีก็เท่านั้น

“ ไม่เลวเลย เหมือนอย่างที่เด็กนั่นพูดไว้จริง ๆ ” คราวนี้ผู้ที่เผยรอยยิ้มไม่ใช่นางแต่เป็นคู่สนทนาที่รับฟังมานาน

“ เอาเถอะ ข้าจะถามเจ้าอีกสักข้อ ข่าวลือกระจัดกระจายไปมั่วซั่วเช่นนั้น ไม่ร้อนใจเลยหรือ? ”

“ หากหม่อมฉันร้อนใจจะมีสิ่งใดเปลี่ยนหรือเพคะ? ” หนนี้ไป๋หรั่นตอบกลับด้วยคำถามที่ไม่นับว่าเกินไปจากการคาดเดาของผู้คน ทว่าสิ่งที่ทำให้เกินคาดจริง ๆ นับว่าเป็นประโยคหลังจากนี้ “ ข่าวลือคือสิ่งที่สร้างขึ้นผ่านคำพูดและความเชื่อของผู้คน บัดนี้พวกเขาเชื่อไปแล้วว่าลู่เหม่ยเหรินเป็นที่โปรดปราน เชื่อกันไปแล้วว่าลู่เหม่ยเหรินนั้นขัดต่อจารีตลัทธิ ทั้งยังเชื่อกันไปแล้วว่าหม่อมฉันนิยมใช้ความรุนแรง ยามนี้ต่อให้ลุกขึ้นป่าวประกาศว่าสิ่งที่ลือกันนั้นเกินความเป็นจริง มิใช่ว่าในสายตาผู้คนย่อมมองว่าหม่อมฉันเพียงแค่เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องตัวเองหรอกหรือ ”

“ ชื่อเสียงมีได้เสียได้ ทั้งหมดล้วนเปราะบาง หม่อมฉันเป็นคนเช่นไร ยามนั้นเกิดสิ่งใด ผู้ที่ร่วมเหตุการณ์ล้วนทราบดีอยู่แก่ใจ ขอเพียงคนเหล่านั้นไม่โกหกตนเอง หม่อมฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องทุกข์ร้อนในคำคน ” ยากนักจะมีหญิงในห้องหอที่สามารถกล่าวได้ว่าการถูกภายนอกด่ากราดนั้นไม่ใช่เรื่องร้อนรนที่ตนต้องหันไปใส่ใจ กึ่งหนึ่งคล้ายไม่แยแส อีกครึ่งคล้ายเข้าใจในวัฏจักรของมนุษย์ชวนให้รู้สึก.. ชื่นชมอยู่บ้าง

“ อายุไม่เท่าไหร่แต่คิดอ่านได้ถึงเพียงนี้ นับว่าพ่อแม่สั่งสอนเจ้ามาได้ดีนัก ” บัดนี้นางเชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายหาได้มีใจกระหายในอำนาจ เพราะสตรีที่คิดใช้มารยาหญิงปีนป่ายขึ้นเอาอำนาจล้วนต้องใส่ใจชื่อเสียง ทว่าลู่เหม่ยเหรินไม่คล้ายคนจำพวกนั้น เผิน ๆ ดูยอมคน แต่ลึก ๆ แล้วกลับมีความบ้าบิ่นในแบบสายเลือดคหบดี .. เด็ดขาดพอจะใช้ชีวิตอย่างไม่ทุกข์ร้อนท่ามกลางรั้วแดงที่เต็มไปด้วยคลื่นลมของการแข่งขัน

“ หม่อมฉันเกิดและโตท่ามกลางประชาชนแต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนทั่วไป ยังมีหลายอย่างที่บกพร่อง ถึงอย่างนั้นก็มีความจริงใจ ” ไหสุราที่นางโอบไว้ถูกวางลงบนโต๊ะพลางเลื่อนส่งให้กับองค์หญิง “ หม่อมฉันไม่มีของมีค่าอื่นใด มีก็แต่สุรานารีแดงไหนี้ที่สามารถใช้เพื่อเป็นของขวัญพบหน้า หวังว่าองค์หญิงจะไม่ถือสา ”

นารีแดง? นางควักสุราที่ติดสอยห้อยตามเจ้าสาวมาเพื่อมอบให้กับพี่สามีเช่นนี้เชียว? ผิงหยางกงจู่หัวเราะด้วยความอ่อนใจ “ เข้าใจแล้ว ในเมื่อเจ้าหยิบออกมาเช่นนี้งั้นพวกเราก็ใช้สุราช่วยเพิ่มมิตรภาพ ลู่เหม่ยเหริน เจ้าดื่มกับเปิ่นกงสักจอก ”

“ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ”

….

ทั้งทีขามาฟ้าไม่ทันมืด ขากลับกับพบจันทร์ลอยเคว้งอยู่กลางนภา

โฉมงามเพริศพริ้งก้าวย่างออกจากตำหนักด้วยสองแก้มที่ซับสีเลือดไว้มากเกินพอดีอีกทั้งตลอดสองฝั่งกายยังมีสาวใช้คอยช่วยประคองราวกับกลัวว่าหยกบุปผาดอกนี้จะเผลอแข้งขาอ่อนฟุบลงกลางคันโดยหารู้ไม่เลยว่าผู้ที่พวกนางประคองอยู่จัดได้ว่าเป็นยอดนักดื่มตัวฉกาจ

“ พระสนมจะไม่ค้างที่ตำหนักผิงหยางจริงหรือเจ้าคะ ”

“ อื้ม.. ไม่ขออยู่รบกวนองค์หญิง ”

แม้กระทั่งเสียงยังไม่คล้ายคนเมา สองสาวใช้ลอบขมวดคิ้วกันเล็กน้อยพลางลอบสังเกตใบหน้าที่ดูเป็นประกายเปล่งปลั่งอีกครั้ง สาวงามยามเมื่อสมบูรณ์พร้อมก็นับว่าหยาดเยิ้มน่ามองพอแล้ว แต่เมื่อตกอยู่ใต้ภวังค์ของสิ่งมึนเมาจนสองตาฉ่ำวาวก็คล้ายจะ.. เย้ายวนเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

“ เดินทางกลับดึกดื่นเช่นนี้อันตรายนัก พระสนมท่านลองคิดดูอีกครั้งดีหรือไม่เจ้าคะ? ”

ด้วยความเป็นห่วงแม้จะส่งขึ้นรถม้าแลัวแต่ก็ไม่วายถามย้ำให้คนงามได้คิดดูใหม่อีกครั้ง แค่การส่งคนไปแจ้งวังในว่ามีพระสนมไม่กลับหนึ่งคืนไม่นับว่ายากลำบาก แต่หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง..

“ ไม่ดีหรอก ”

“ ข้าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว หากไม่กลับเรือนรั้วที่มีสามีแล้วจะนับว่าสมควรได้อย่างไร ”



รวมค่าความสัมพันธ์
[NPC-03] ผิงหยางกงจู่ + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-03] ผิงหยางกงจู่ + 30 ความสัมพันธ์มอบสุราเกรดแดง
[NPC-03] ผิงหยางกงจู่ + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-03] ผิงหยางกงจู่ + 10 ถึง 35 ความสัมพันธ์จากอีเว้นท์

+10 EXP จบอีเว้นท์






แสดงความคิดเห็น

+10 ความโปรดปรานพิเศษจากกงจู่แรกพบเพิ่มเติม  โพสต์ 2024-7-18 18:35
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] ผิงหยางกงจู่ เพิ่มขึ้น 100 โพสต์ 2024-7-18 18:34
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2024-7-18 18:33
++ เกิดทางเลือก หากอยู่ค้างตำหนักผิงหยางกงจู่ 1 คืน จะทำให้อีเว้นท์ NPC ลึกลับดำเนินแผนสำเร็จ // หากกลับเลย NPC ลึกลับจะหยุดชะงักแผนการไม่ลงมือ +++  โพสต์ 2024-7-18 18:32
โพสต์ 27305 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-18 18:25
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x6
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2024-7-18 22:27:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด



รั้งตัวนงคราญ

“ หากเขารู้ว่าเจ้าเป็นจำพวกภรรยารักใคร่สามีถึงเพียงนี้คงมีสีหน้าพิลึกน่าดู ” เคล้ากลิ่นสุรายังมีนารีงามน่าพิสมัยภายใต้อาภรณ์สีรัตติกาล ดวงหน้าเฉิดฉันเป็นเอกของสตรีผู้นั้นแม้สงบนิ่งแต่กลับแฝงริ้วแดงอ่อน ๆ มองผ่านครั้งแรกคล้ายชาวยุทธ์หญิงที่ออกมาร่ำลาสหาย ทว่ายามที่หันมองอีกทีกลับมีไหสุรานารีแดงยกขึ้นกรอกปากตัวเองอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน

“ มิใช่ว่าคนแรกที่ทำหน้าพิลึกนั้นคือท่านหรอกหรือ..องค์หญิง ”

โฉมงามผินกายกลับหลังไปมองผิงหยางกงจู่ที่คล้ายจะเสด็จออกมาส่งด้วยตัวพระองค์เอง หยาดสุราสีใสไหลลงเปรอะขอบปาก หากที่อยู่รอบด้านเป็นชายคงไม่พ้นจับจ้องไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเร่าร้อนจนคล้ายคนโง่งมไปอีกแน่ ๆ “ ข้า? เหตุใดจึงเป็นข้า ” ผู้ที่เปลี่ยนสรรพนามจาก ‘เปิ่นกง’ มาเป็นเพียง ‘ข้า’ ถามกลับพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย

“ จากที่สนทนากันมา เฉี้ยเซินคล้ายสตรีที่ผูกรักสมัครใจต่อฝ่าบาทถึงเพียงนั้นเชียว? ” คราวนี้เป็นไป๋หรั่นถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังและไม่เบา สร้างความตะลึงให้กับสองสาวใช้น้อยที่ขนาบข้างกาย ทว่ากับคนที่นางตั้งใจส่งคำถามนี้ให้ แทนที่จะนึกขุ่นเคือง ผิงหยางกงจู่ที่ได้ยินคำตอบเช่นนั้นกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ รู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องตอบเช่นนี้ ” ดื่มสุราพึงเมามาย วาจาหลังเมามาย นับเป็นวาจาจากใจจริง แม้พวกนางจะหาได้เมามายด้วยฤทธิ์สุรา แต่ก็ถือว่าใช้ใจสนทนาจนต่างฝ่ายต่างรู้จักลักษณะนิสัยของกันและกัน ผิงหยางกงจู่ทราบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนงมงายในรัก ทั้งยังไม่มีห้วงรักให้หลงใหล ทั้งหมดที่เห็นจึงถือว่ากระทำไปโดยบริสุทธิ์ใจเพื่อรักษาชื่อเสียงของสตรีที่ออกเรือน และรักษาชื่อเสียงของผู้เป็นพระสวามีด้วยเช่นกัน “ ลู่ไป๋หรั่นเจ้านี่มันจริง ๆ เลย น้องชายข้าโชคดีนัก คัดเลือกสนมหนแรกก็มีคนที่พอใช้ได้ขึ้นมาแล้ว ”

“ เปิ่นกงไม่ยินยอมให้เจ้ากลับ ด้านในมีกานเหม่ยจืออยู่หลายไห เจ้ามาดื่มต่ออีกสักหน่อย หลังจากนี้เปิ่นกงยังต้องไปเยือนแถบเจียงหนานเพื่อตรวจสอบความรุนแรงของอุทกภัยไม่มีเวลามาดูเจ้าอีกหลายวัน ” นารีแดงในมือยังไม่ทันหมด ปากก็กล่าวถึงสุราชั้นเลิศตัวอื่นเข้าเสียแล้ว ลู่ไป๋หรั่นที่ถูกรั้งกายไว้ได้แต่หัวเราะพร้อมส่ายหัวเบา ๆ “ ผิงหยางกงจู่ เช่นนี้ไม่เหมาะ ไม่เหมาะ ”

“ เด็ก ๆ หามนางเข้ามา ”

คนเป็นองค์หญิงไหนเลยจะฟังคำปฏิเสธเอาตัวรอดโดยง่าย อีกฝ่ายยังไม่ทันเมาก็คิดจะหนีกลับก่อนใคร ยังไงเสียคืนนี้นางก็ต้องเค้นเอาตัวตนจริงของอีกฝ่ายออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดต่อสัญญาที่ให้ไว้กับเสด็จแม่ว่าจะช่วยตรวจสอบสนมแซ่ลู่ผู้นี้ให้ดี “ เจ้าไปแจ้งในวังหลวง คืนนี้เปิ่นกงมีความประสงค์รั้งกายลู่เหม่ยเหรินไว้ที่ตำหนักผิงหยาง ”

“ อ้อ.. บอกเจ้าน้องชายด้วยว่าหากห่วงใยสนมรักของตนก็ให้มารับด้วยตนเอง ”

“ องค์หญิง ท่านกล่าวเกินจริงไปหน่อยแล้ว ” ลู่เหม่ยเหรินที่ถูก ‘หาม’ จนตัวลอยตามหลังเจ้าของตำหนักที่ก้าวเท้าฉับ ๆ ได้แต่บ่นอย่างละเหี่ยใจ สองตาหงส์ที่ฉ่ำเยิ้มดูพราวระยับนั้นแฝงไว้ด้วยความอ่อนล้า นางไม่รู้ว่าผิงหยางกงจู่ต้องการสิ่งใด ทั้งยังไม่ทราบด้วยว่าค่ำคืนนี้จะจบลงในยามไหน แต่สิ่งหนึ่งที่นางทราบคือ.. คนแซ่หลิวล้วนเป็นพวกเขี้ยวลากดินกันทั้งสิ้น

“ จะนับว่าเกินจริงได้อย่างไร ทั้งเจ้าและข้าล้วนทราบดี คนเช่นเขากล่าวอย่างไรก็ย่อมไม่มาด้วยตนเองอยู่แล้ว ”

ผิงหยางกงจู่ระบายยิ้มอ่อนโยนยามที่นึกถึงสีหน้าของน้องชายยามได้ยินถ้อยคำที่นางฝากไป “ ตั้งแต่โตมา เขาก็ไม่เคยมีส่วนใดให้คนในครอบครัวได้หยอกล้อ มีเพียงความสมบูรณ์แบบน่าเกรงขามเฉกเช่นโอรสมังกร ตอนนี้เขามีสนมแล้ว ทั้งยังลือกันว่ารักใคร่โปรดปราน ” คนเป็นพีที่เห็นการเจริญเติบโตของน้องมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ

“ โอกาสเย้าแหย่เช่นนี้ ห่างหายไปนานแต่ก็ยังมีโอกาสได้วนกลับมาอยู่ในมือข้า.. ถ้าเช่นนั้นจะให้ข้าทิ้งมันได้อย่างไร? ” ผิงหยางกงจู่ยิ่งพูดยิ่งนึกคึก ตามดังที่คาด หลังจากจิบนารีแดงกันจนหมดไห ผิงหยางกงจู่ก็เบิกกานเหม่ยจือมาต้อนรับเพิ่มจนนางลอบยิ้มแห้ง ค่ำคืนเคล้ารสสุราดำเนินผ่านไปเนิ่นนาน สุดท้ายก็จบลงด้วยการฟุบหลับของกิเลนสาว ตรงข้ามกับหยกบุปผาที่ยิ่งดื่มด่ำรสเมรัย ก็ยิ่งท่องไปในแดนเพ้อฝันยามราตรี



รอโรลส่งองค์หญิงและขบวนพรุ่งนี้






แสดงความคิดเห็น

++ เมื่อเหม่ยเหรินปริศนาไม่เห็นลู่เหม่ยเหรินกลับมาเรือนนาน นี่ก็ดึกสงัดมากแล้ว ตนได้ดำเนินการแผนที่วางไว้ ++  โพสต์ 2024-7-18 22:54
โพสต์ 12487 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-18 22:27
โพสต์ 12,487 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-18 22:27
โพสต์ 12,487 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2024-7-18 22:27
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x6
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2024-7-19 00:00:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-19 00:01




ส่งองค์หญิง

ไป๋หรั่นหลับลงได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ต้องตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงตระเตรียมขบวนที่ดังก้องไปทั่ว ถึงคราวรุ่งสางมาเยือนเช่นนี้ ความทรงจำเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างนางและองค์หญิงผิงหยางก็ผุดขึ้นราวกับกลัวว่านางจะจำไม่ได้ถึงสาเหตุที่ต้องกระวีกระว้าดตื่นแต่เช้า ช่วงนี้เกิดอุทกภัยขึ้นแถวเขตแดนเจียงหนาน แม้ฝ่าบาทจะมีราชโองการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบดูแลปัญหาในส่วนนี้ไปแล้วแต่ผิงหยางกงจู่ก็ยังไม่วางใจ อีกฝ่ายรู้สึกว่าเพื่อประชาชนแล้วสมควรมีราชนิกูลเดินทางไปรับมือพร้อมกับพวกเขา จึงอาสาเป็นฝ่ายไปตรวจสอบในฐานะเชื้อพระวงศ์เพื่อปลุกขวัญกำลังใจ

ฉะนั้นในเวลานี้สาเหตุที่ทั้งจวนกำลังวุ่นวายย่อมต้องเป็นเพราะใกล้ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว

“ ลู่เหม่ยเหริน ”

“ ลู่เหม่ยเหริน ”

“ ลู่— ”

“ พวกเจ้าไม่ต้องมากพิธีถึงเพียงนี้ รีบตามองค์หญิงไปเถิด ”

พระสนมเพียงหนึ่งเดียวที่ออกมานั่งให้คนมองเป็นกำลังใจแต่เช้าย่อมต้องเป็น ‘ลู่เหม่ยเหริน’ คนดังที่ดวลสุรากับเจ้าของจวนเกือบค่อนคืนแต่กลับมีสีหน้าปลอดโปร่งราวกับได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ผิดกับองค์หญิงผิงหยางที่ตื่นมาด้วยอาการปวดหัวจนต้องเรียกหาน้ำแกงสร่างเมาเกือบทั้งเช้า

“ น่ากลัวเกินไปแล้ว.. เจ้าใช่คนที่กล่าวว่านอนไม่ถึงชั่วยามจริงหรือ ” องค์หญิงผิงหยางวันนี้ฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์คล่องแคล่วสีแดงราวกับเลือดบนหลังยังมีกระบี่คู่แขวนไขว่ไว้คล้ายนักรบ บนใบหน้ายังเจือแววความอ่อนล้าจากการพักผ่อนที่ไม่เต็มอิ่มนัก แต่ก็ถือว่ามีบรรยากาศเปล่งปลั่งเช่นผู้อารมณ์ดีอยู่มากถ้าเทียบกับคนเมาคนอื่น ๆ ที่นางเคยพบ ไป๋หรั่นเดาว่าการเดินทางครั้งนี้คงเป็นสิ่งที่องค์หญิงผิงหยางตั้งตาคอยมานาน อีกฝ่ายถึงได้ดูสดใสในยามที่จะเดินทางขนาดนี้

“ พระวรกายทรงเป็นเยี่ยงไรเพคะองค์หญิง เจียงหนานนับว่าอยู่ไกลไม่น้อยหากต้องเดินทางจากเมืองหลวง ตลอดทางท่านอยู่บนหลังม้า อย่าได้ประมาท ” บุปผาหยกเช่นนางกล่าวเสียงหวานด้วยความใส่ใจ ไป๋หรั่นปรายตามองเครื่องแต่งกายของผู้เป็นองค์หญิงด้วยความชื่นชมเล็กน้อย ผิดกับอีกฝ่ายที่ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวราวกับว่าเป็นนางที่คิดเล็กคิดน้อยเกินไป

“ ข้าเดินทางมานับไม่ถ้วนแล้ว เจ้าวางใจ ”

“ หม่อมฉันทราบในความปรีชาของพระองค์ องค์หญิงผิงหยางเก่งกล้าเพียงใด ใต้หล้าล้วนรู้ ทว่านี้กลับเป็นหนแรกที่ข้าส่งท่านด้วยตัวเอง เช่นนั้นรับฟังคำห่วงใยของสตรีในห้องหออย่างข้าสักคนคงไม่นับว่าทำให้ท่านหนักใจ ” องค์หญิงผิงหยางตอบกลับนางอย่างรวดเร็วฉันใด ลู่เหม่ยเหรินก็ตอบกลับอย่างคล่องปากฉันนั้น ประโยคนี้ทำให้แม้แต่ผู้ติดตามขบวนยังต้องหันมอง นับประสาอะไรกับองค์หญิงที่อยู่ใกล้ อีกฝ่ายหันมองนางด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกันนั้นริมฝีปากก็เหยียดออกเป็นรอยยิ้มพึงใจที่จัดว่าหาได้ยากนัก

“ คำพูดน่าฟังอย่างนี้เจ้าเก็บไว้พูดกับน้องชายข้าหน่อยก็ดี ”

“ แต่ช่วงนี้เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยได้เดินทางไกล.. ”

ท่านพึ่งนึกได้หรือองค์หญิง? ไป๋หรั่นหัวเราะเบา ๆ ยามนี้ฝ่าบาทพลิกป้ายเหลียนฮวานางย่อมไม่มีความจำเป็นให้ไปเสนอหน้าพบเจอเขา อุทยานหลวงแห่งนั้นให้วนกลับไปอีกครั้งก็ไม่เอาแล้ว จางกงกงอีกไม่นานก็คงเจอสตรีใหม่ที่เข้าตา ยามนี้หน้าที่ของนางมีแค่รักษาชื่อเสียงตัวเองให้ดี รอวันที่จะได้ออกจากวัง.. คิดมาถึงส่วนนี้เนตรหงส์ของนางกลับหรี่ลง ‘ออกวังไปที่ใดเล่า.. มีบ้านให้กลับแต่ใจว่างเปล่า ชีวิตนี้กลายมาเป็นคนของฝ่าบาท หากหมดสิ้นฐานะนี้ไปต่อให้ไม่มีข้อกำหนดห้ามกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิมแต่จากชื่อเสียงในยามเริ่มต้น เกรงว่าคงมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกมาก’

“ หรือข้าควรใช้ชีวิตแบบเงา.. ”

“ ไม่สมควร ลำพังแค่รูปโฉมของเจ้าก็ยากแล้วที่จะเป็นเงา ” ผิงหยางกงจู่ที่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุแต่ได้ยินเพียงว่าอีกฝ่ายพึมพัมว่าควรไม่ควรเช่นนั้นก็ช่วยไขข้อข้องใจให้ในทันที “ กังวลใจอยู่หรือ? ”

“ เพียงเล็กน้อย ” นางยิ้มตอบ “ ได้ออกมาค้างนอกวัง สนทนากับท่าน ชวนให้นึกถึงก่อนเข้าวังที่เพียงแค่ออกมาสนทนากับสหาย สุดท้ายก็ต้องกลับบ้าน ทว่ายามนี้สถานที่ที่ต้องกลับไปดันไม่อาจเรียกว่าเป็นบ้านได้อีกแล้ว ”

“ … ”

“ วังหลวงไม่อาจเป็นบ้านที่สุขสงบได้ ”

กระทั่งองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวยังพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มขมขื่น “ สำหรับข้านั้น.. วังหลวงคล้ายกับคณะละคร ”

“ ผู้ยากไร้ขายบุตรหลานเข้าสู่คณะ หวังมีหน้ามีตา หวังได้ทรัพย์สินเงินทอง ด้านบุตรหลานที่ถูกขายเข้ามาก็ได้รับการชุบเลี้ยงฟูมฟัก ทว่าชีวิต อย่างไรก็คือชีวิต เบื้องลึกของการแสดงยังมีการร่ำไห้ของผู้พ่ายแพ้ ยังมีเสียงก่นด่าจากความคาดหวัง ทว่าทุกชีวิตกลับไม่สามารถละทิ้งมันได้ เนื่องจากคณะละครนั้นได้กลายเป็นที่พึ่งพาเดียวในชีวิตไปเสียแล้ว ”

“ ข้าที่ก้าวออกมาได้ ถือเป็นเรื่องดี ” วีรชนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมหรือขายฝัน ผิงหยางกงจู่เวทนาในโชคชะตาของเหล่าสาวงามอยู่บ้างที่ต้องลงไปลำบากลำบนอยู่กับการแข่งขันที่เดิมพันด้วยชื่อเสียงและชีวิตเล่านี้ “ แต่สำหรับเจ้าที่ก้าวเข้าไป นับว่าอันตรายยิ่ง ”

“ กล่าวกันว่ายามสตรีรวมตัวล้วนอันตรายยิ่ง เช่นเดียวกับความพยายามที่จะมั่นคงของขุนนาง และอำนาจ ของเชื้อพระวงศ์ ” ใจฟุ้งซ่าน จิตไม่สงบ นงคราญหยกเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไร้หมู่เมฆด้วยสายตาว่างเปล่า “ พบเจอทีละอย่างยังว่าอันตราย ยามนี้พบเจอทั้งหมดพร้อมกัน ไม่แน่ว่าชีวิตน้อย ๆ ของคนผู้นี้ บางทีอาจจะไม่สามารถรักษาไว้ได้ ”

“ ขอเพียงไม่หมดลมหายใจ คนอย่างเจ้าย่อมมีทางรอด ”

“ ผิงหยางกงจู่กล่าวได้ถูกใจหม่อมฉันยิ่งนัก กว่าท่านจะกลับมาเกรงว่าคงใช้เวลานาน เช้านี้ข้าตื่นมาชงชาส่งท่าน โปรดดื่มสักจอก ” อย่างไรก็เป็นคนที่ผ่านมาพบนับว่าเป็นมิตรได้อยู่บ้าง ลู่เหม่ยเหรินส่งสัญญาณให้สาวใช้ถือถาดที่มีชาสองจอกและป้านชาหนึ่งป้านเข้ามาด้านในศาลา ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นรินชาให้กับอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“ ข้ากลับมาหนหน้าไม่ใช่ว่าเจ้าได้กลายเป็นเจี๋ยยวี๋แล้วหรอกนะ? ”

“ ไหนเลยจะสามารถเป็นได้ว่องไวถึงเพียงนั้น องค์หญิงล้อหม่อมฉันเล่นแล้ว ”

“ ใครจะไปรู้.. หากเป็นเจ้าอาจจะทำได้ก็ได้ ” ผู้เป็นองค์หญิงยกจอกชาขึ้นจรดริมฝีปากและจิบไปทีละนิด เช่นเดียวกับการเตรียมตัวที่ดำเนินมาถึงคราวสิ้นสุดแล้ว ผิงหยางกงจู่หลังจากจิบชาจนครบจอกก็สะบัดเสื้อคลุมเดินอาด ๆ ไปขึ้นหลังม้า โดยมีสาวงามอ่อนหวานเดินตามไปส่งถึงหน้าจวน

“ ระวังตัวด้วยล่ะ เจ้ายังขาดเส้นสาย รอข้ากลับมาถึงคราวนั้นหากยังอยู่ดี ข้าจะช่วยชี้แนะเอง ”



[NPC-03] ผิงหยางกงจู่ + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-03] ผิงหยางกงจู่ + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-03] ผิงหยางกงจู่ + 15 ความสัมพันธ์มอบชาชงเองเกรดน้ำเงิน






แสดงความคิดเห็น

++ รอรับอีเว้นท์พาร์ทแรก พิมพ์สักครู่ ++  โพสต์ 2024-7-19 00:22
+20 ความสัมพันธ์พิเศษกับผิงหยางกงจู่  โพสต์ 2024-7-19 00:21
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] ผิงหยางกงจู่ เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-7-19 00:21
โพสต์ 19029 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-19 00:00
โพสต์ 19,029 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-19 00:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x6
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้