123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Watcher

[หอประมูลสือฟั่ง] *เปิดการประมูลรอบใหม่ ลงชื่อได้เลย

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-8-27 15:06:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 27 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามไห่ เวลา 21.00 - 23.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก หอประมูลสือฟั่ง


เสียงฝีเท้าของผู้คนยังคงก้องสะท้อนในโถงหอประมูลสือฟั่ง บรรยากาศหลังปิดการประมูลเต็มไปด้วยความอื้ออึง ทั้งเสียงหัวเราะร่ำสุราและเสียงคุยอวดโชว์อำนาจ แต่สำหรับหลินหยาหญิงสาวที่แทบกระอักเลือดจากการประมูลเมื่อครู่หัวใจยังคงเต้นระรัวราวกลองศึก นางกำลังจะก้าวออกจากม่านสีม่วงไปลงทะเบียนรับม้า ทว่าหางตากลับเหลือบเห็นเงาร่างสูงจากซุ้มด้านซ้าย บุรุษผู้ทำให้ราคาพุ่งจนแทบล่มจม ชายหนุ่มคนนั้นก้าวออกมาจากม่านด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่สิ่งที่ทำให้หลินหยาหยุดหายใจชั่วขณะคือ…


หน้ากากเงินครึ่งหน้าที่เขาสวมอยู่ แสงตะเกียงสะท้อนวาววับเย็นเยียบราวกับบดบังความจริงเบื้องหลัง แต่ทว่า…สิ่งที่ไม่ถูกปิดซ่อนคือรอยยิ้มแสยะบางเบาที่โผล่ขึ้นเมื่อเขาหันสายตามาทางหลินหยาโดยตรง


หัวใจของหญิงสาวสะท้านเฮือก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง “ค…คุ้นเหลือเกิน…ทำไมข้ารู้สึกว่ามันคือเขา…” มือเล็กเผลอกำแน่นจนสั่น ร่างกายเย็นวาบไปทั้งตัว ความรู้สึกคุ้นเคยปะทะกับความหวาดหวั่นราวสายฟ้าฟาดในอก ยิ่งเมื่อเห็นดวงตาคมที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากทอดมองมายังเธอโดยไม่พูดสักคำ ราวกับอ่านใจนางออกทุกอย่าง ไม่ใช่จางกงกงหรอก…ไม่ใช่…เขาเป็นจงฉางชื่อ ติดตามตรวจงานในวังทุกวัน จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง… หลินหยาย้ำบอกตัวเอง พยายามสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวใจ แต่ยิ่งสะบัดก็ยิ่งชัดเจนขึ้นความคุ้นเคยนั้นราวกับเล็บที่ข่วนลึกลงในหัวใจ


ชายสวมหน้ากากเงินแสยะยิ้มเล็ก ๆ เหมือนจะบอกเป็นนัย ก่อนหันหลัง เดินลับหายไปในเงามืดของโถงใหญ่โดยไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมาอีก หัวใจของหลินหยายังเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ ร่างบางสั่นสะท้านจนแทบยืนไม่มั่นคง เชี่ย…อย่าใช่เขาเลย…ขอร้อง


หญิงสาวสูดลมหายใจลึก บังคับขาให้ก้าวออกมา รีบมุ่งตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียนเพื่อทำเรื่องรับม้าดำทมิฬ มือสั่นจนแทบเขียนชื่อตัวเองไม่ถูก แต่ดวงตากลับพยายามหลบเลี่ยงไม่มองเงามืดตรงมุมใด ๆ อีก “ม้า ๆ เอาม้าให้ข้าเร็วเข้าเถอะ ข้าไม่อยากอยู่ตรงนี้แม้แต่วินาทีเดียวแล้ว!”





@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: จางกงกงหรือเปล่าาาาา กี๊ดดดด

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16628 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-27 15:06
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-8-29 20:53:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuRuxuan เมื่อ 2025-8-29 20:55








ร่วมงานประมูล

26 เดือน 7  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 < 21.00 น. - 23.00 น. >


ยามไห่คล้อยต่ำลงสู่ฟากฟ้า แสงจันทร์บางเบาส่องลอดผ่านซุ้มหน้าต่างของหอประมูลสือฟั่ง ครานี้ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาจนแน่นขนัด ทั้งขุนนางพ่อค้า เศรษฐีตระกูลใหญ่ ไปจนถึงนักเลงแห่งย่านการค้า ล้วนจับจ้องอย่างคาดหวังกับรายการประมูลในค่ำคืนนี้ 



องค์ชายมุ่งตรงไปยังที่นั่งหมายเลขพิเศษซึ่งจ่ายค่าที่นั่งไว้แล้วด้วยทองคำยี่สิบตำลึง เบื้องหน้าคือม่านบางสีเหลืองนวลขึงอยู่รอบซุ้ม ให้ความเป็นส่วนตัวและยังกรองสายตาจากภายนอกได้อย่างดี เขาแทรกตัวเข้าไปนั่งภายใน ม้วนพัดกระดาษสีขาวงาช้างวางอยู่บนตัก ใบหน้าซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมบางเบา และหมวกผ้าธรรมดาที่ไม่มีลวดลายใดให้สะดุดตา


องค์ชาย เอนกายเบา ๆ บนเบาะกำมะหยี่สีดำสนิท ดวงเนตรกลมโตสีดำสนิทมองผ่านช่องเล็ก ๆ ในม่าน พลางขยับพัดกระดาษไปมาเบา ๆ เพื่อกลบความรู้สึกตื่นเต้นที่เริ่มจะตีขึ้นในใจ ไม่ใช่เพราะเรื่องของการประมูลแต่อย่างใด หากแต่เป็นบรรยากาศโดยรอบ ทั้งกลิ่นเครื่องหอมที่หอมนวลประหนึ่งกลิ่นชาดอกเหมยอ่อน ๆ ผสานกับเสียงผู้คนที่ต่ำสูงคละกัน เสียงขานราคา เสียงหัวเราะอย่างมีเลศนัย บางครั้งก็มีเสียงโห่ร้องแสดงความเสียดายที่ถูกเสนอราคาสูงล้ำขึ้นไปอีก


เขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงแต่ต้องยอมรับว่าโลกนอกวังหลวงนั้น... ช่างคึกคักเป็นนัก


รายการแรกเริ่มต้นขึ้นโดยไร้พิธีรีตอง เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นเป็นสัญญาณ และผู้ดำเนินการประมูลที่แต่งกายในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม ปักลายเมฆเงิน ก็เริ่มต้นขานอย่างกระชับ


“รายการประมูลลำดับแรกของค่ำคืนนี้ เป็นอาชาสีน้ำตาลพันธุ์ผสมจากดินแดนทุ่งหญ้า มีกำลังแข็งแรง ขี่ได้ทั้งระยะไกลและเร็ว เหมาะสำหรับขุนนางที่มีภารกิจเดินทางไปตรวจแผ่นดิน เริ่มต้นประมูลที่แปดสิบตำลึงเงิน เพิ่มขั้นต่ำสิบตำลึงทอง”


เสียงขานราคาดังขึ้นแทบจะทันที ผู้คนผลัดกันขานเสียงอย่างแข็งขัน ราวกับกำลังเล่นหมากล้อมในสนามประลอง


แปดสิบตำลึงทอง... แปดสิบตำลึงเงิน... ราคาสุดท้ายถูกเคาะลงด้วยเสียงตอกของกระบองไม้ ผู้ประมูลได้ส่งเสียงร้องเบา ๆ อย่างผู้ได้รับชัย องค์ชายน้อยในซุ้มเหลืองเพียงแค่ขยับข้อมือเป่าลมใส่พัดอย่างเบื่อหน่าย ม้าเช่นนั้นเขาเห็นจนชินตาในคอกของตำหนักตงเฉิน ยังนับว่ามีพันธุ์ที่ดีกว่านี้หลายตัว เสียงที่นั่งอื่น ๆ คุยกันด้วยความตื่นเต้นกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกเฉยชาเข้าไปใหญ่


รายการที่สองต่างหาก ที่ทำให้มือเล็กที่ถือพัดชะงักค้างกลางอากาศ


“ท่านผู้มีเกียรติ เชิญชมของล้ำค่าชิ้นที่สอง... รถม้าคันพิเศษที่เคยประทับเสด็จหวงตี้แห่งแผ่นดินพร้อมด้วยลู่กุ้ยเฟยผู้เลอโฉม! รถม้าคันนี้หลังจากที่ทั้งสองเสด็จลงจากรถ ก็ไม่ได้มีผู้ใดแตะต้องอีกเลย ทั้งภายในยังคงสภาพเดิม ราวหยุดเวลาไว้ด้วยรัก…”


พัดที่โบกอยู่พลันหยุดชะงัก หรูเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย มือเล็กกำพัดกระดาษแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม้จะเป็นชื่อที่เขาคุ้นชิน แต่ยามได้ยินออกจากปากผู้อื่นในสถานที่ที่มีการซื้อขาย ก็ติดรสแปลกประหลาดอยู่ในอก


“หนึ่งตำลึงทอง...”


เสียงแรกเริ่มต้น พร้อมราคาที่ไต่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยี่สิบ... สี่สิบ... ห้าสิบ... เสียงประมูลดังกระหน่ำราวสายฝนที่สาดสู่หลังคากระเบื้อง


เด็กชายไม่กล่าวอะไร นิ่งราวรูปปั้น หัวใจกลับเต้นแผ่วเบาเป็นจังหวะไม่แน่นอน


หนึ่งร้อย... หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดตำลึงทอง


เสียงตอกไม้ประกาศการสิ้นสุดการประมูลก็ดังขึ้นในที่สุด เขายังไม่ขยับไปไหน เหมือนวิญญาณหลุดลอยออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง


แต่แล้วรายการถัดมา... กลับดึงวิญญาณนั้นกลับมาอย่างสิ้นเชิง


สิ่งที่นำออกมากลับไม่ใช่ม้า ไม่ใช่รถ ไม่ใช่อาวุธอาคมหรือหยกศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็น... แพะ


แพะตัวนั้นยืนอยู่บนแท่นไม้ เสียงกีบกระทบพื้นเบา ๆ ดังจังหวะมั่นคง ขนของมันเป็นสีขาวเงินแวววาว โค้งเขางามราวเสี้ยวจันทร์เดือนสิบสอง ดวงตาสีทองของมันจ้องเขม็งมาทางซุ้มหมายเลขสิบสองจนหรูเสวียนถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง


แพะตัวนั้น... งดงามจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง


“แพะจากเทือกเขาเทียนซาน ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ของหอเรายืนยันว่าเป็นสายพันธุ์หายาก ตัวผู้ อายุเพียงสามปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ขึ้นเขาลงห้วยได้ไม่หวั่น แม้จะดูงามประหนึ่งสัตว์เทพ แต่ใช้งานได้ดีเยี่ยม เริ่มต้นที่เจ็ดสิบตำลึงทอง”


เสียงประมูลเริ่มดังขึ้นทันที สี่สิบ... สิบ... สิบ... ห้าสิบ และแล้ว... เขาก็ตัดสินใจเข้าร่วม


“สิบตำลึงทอง” เด็กชายขานเบา ๆ ส่งเสียงออกจากด้านในซุ้มผ่านท่อกระดาษไม้ไผ่ที่ใช้เชื่อมเสียง


จากนั้นราคาก็ทะยานขึ้น สามสิบ... สี่สิบ... เขาขานอีกสิบ


มือเล็กกำพัดแน่นขึ้น ดวงตากลมโตยังจับจ้องแพะเบื้องหน้าไม่วาง แม้จะอยู่ไกล แต่สายตาของเขาเหมือนจะจับได้ว่าแพะตัวนั้นเหลือบมองมาทางเขาอีกครั้ง


เจ็ดสิบ... หนึ่งร้อย...


เสียงประมูลยังไม่หยุดลง เขาเริ่มลังเล ดวงหน้าเม้มเล็ก ๆ ก่อนตัดสินใจยื่นมือเรียกข้ารับใช้ของหอประมูลให้ช่วยนับจำนวนทองในถุงของเขา


“หากข้าประมูลอีกสิบ จะยังพอหรือไม่?”


คนรับใช้รับถุงทองไปแล้วคำนวณอย่างรวดเร็ว ก่อนพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เด็กชายจึงพยักหน้ากลับและเปล่งเสียง


“อีกสิบตำลึงทอง”


เงียบ... แล้วก็มีเสียงผู้เสนออีก สามสิบ... จากนั้นสี่สิบ เขานิ่งไป เหงื่อผุดบนไรผม เด็กชายสูดลมหายใจลึก


ครั้งสุดท้าย...


“สิบตำลึงทอง”


เสียงตอกไม้ประกาศกึกก้องทั่วหอ ผู้ประมูลหมายเลขสิบสอง ได้ไปในราคา... สามร้อยสิบตำลึงทอง หรูเสวียนทรุดนั่งลงอีกครั้ง เบาโล่งใจราวกับวิญญาณหลุดจากพันธนาการ มือเล็ก ๆ ถือพัดพับลงบนตักอย่างเหนื่อยล้า แต่แววตาเป็นประกายอย่างห้ามไม่อยู่ แพะตัวนั้น... เป็นของเขาแล้ว


เขานั่งฟังรายการถัดไปอย่างเงียบงัน ไม่ประมูลอีก ด้วยทรัพย์ในมือที่หมดไปกับเจ้าแพะสีเงิน


ยอดอาชาแห่งทุ่งหญ้าตอนเหนือถูกนำออกมา ม้าสีดำขลับแวววาว ร่างสูงเพรียวสง่างาม ผู้ดำเนินประมูลเอ่ยสรรเสริญถึงความสามารถของมัน และกล่าวถึงประวัติที่เคยร่วมขี่กับหวงตี้และกุ้ยเฟยลู่ในยามเสด็จประพาส ความรักของทั้งสองถูกกล่าวอย่างกลมกลืนกับคุณสมบัติของม้า


เขาได้แต่หลุบตาลง ห่อเหี่ยวอยู่ในอกโดยไม่ทราบสาเหตุ คล้ายลมหวนพัดกระทบใจแผ่ว ๆ ทั้งที่ไม่เคยอยู่ในช่วงเวลานั้น แต่ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่อาจจับต้อง


หรูเสวียนนั่งพิงพนัก ปล่อยให้เสียงประมูลกลบความเงียบในหัวใจไปจนหมด กระทั่งราคาสิ้นสุดที่ 320 ตำลึงทอง... เพียงสิบตำลึงสูงกว่าเจ้าแพะของเขา


เมื่อการประมูลยุติ เด็กชายเดินออกมาจากซุ้มอย่างสงบเงียบ ซ่อนใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมเช่นเดิม ก่อนจะไปยังด้านหลังหอเพื่อรับแพะตัวที่เขาเพิ่งประมูลได้



จ่ายค่าแพะ 310 ตำลึงทอง


@Admin 

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 22293 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-8-29 20:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
หมวกถังเจียน
ผู้มีบุญ
แหวนดาราจรัส(D2)
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x10
x2
x4
x4
x4
x4
x20
x30
x30
x90
x4
x100
x4
x1
x47
x30
x20
x10
x10
x20
x5
x5
x2
x3
x12
x70
x74
x70
x20
x1
x1
x1
x1
x4
x3
x2
x4
x2
x4
x10
โพสต์ 2025-9-27 12:08:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 27 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 20.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง / เถียนเฟิง


แสงโคมแดงนับร้อยแขวนระยิบระยับอยู่เหนือโถงใหญ่ของหอว่านหงเหริน กลิ่นธูปหอมอวลอบอวลในอากาศ เสียงดนตรีสายบรรเลงประสานกับเสียงหัวเราะรื่นเริงของแขกเหรื่อผู้มั่งคั่งที่มาจากทั่วสารทิศ ทุกคนต่างรอคอยการประมูลครั้งสำคัญ— “ค่ำคืนแห่งความสุขกับเสวี่ยซี”

เสวี่ยซีในชุดผ้าไหมบางสีเงินขาว เดินก้าวออกมาจากหลังม่าน แสงไฟสาดกระทบเรือนกายอรชร ทำให้เขาดูดุจดวงจันทร์กลางราตรีที่ส่องสว่างในความมืด แขกหลายคนแทบกลั้นลมหายใจ ดวงตาเบิกกว้างอย่างหลงใหล

เบื้องหลังเวทีเถ้าแก่หลิวไค่ยืนกอดอก ใบหน้าฉาบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขากระซิบสั่งลูกน้องที่อยู่ใกล้ “คืนนี้ ต้องทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงที่สุด อย่าให้เสียชื่อหอว่านหงเหริน ข้าจะคอยดูว่าไอ้เด็กงามนี่จะใช้เสน่ห์ของมันได้ดีแค่ไหน”

ดวงตาคมกริบของเขาหันไปจับจ้องที่เสวี่ยซีราวกับสัตว์นักล่ามองเหยื่อ และเพื่อไม่ให้ผิดพลาด เขาสั่งกำชับทันที “หากเห็นว่าแขกคนใดหมายตาเป็นพิเศษ… ให้รีบส่งสัญญาณ บังคับให้มันเดินเข้าไปคารวะ พูดจาหวานหู สร้างราคาให้สูงที่สุด ขืนมันทำพลาด… อย่าหาว่าข้าใจดี”

ลูกน้องก้มศีรษะรับคำ “ขอรับ เถ้าแก่”

เสวี่ยซีได้ยินบางส่วน หัวใจพลันหนักอึ้ง เขาเคยชินแล้วกับการเป็นเครื่องมือทางการค้าของหอ แต่ทุกครั้งที่ต้องยอมทำตามคำสั่ง กลับรู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีหนามตำหัวใจ

“เสวี่ยซี เจ้าจงออกไปแสดงให้เต็มที่” เสียงเถ้าแก่หลิวไค่ดังลอดผ่านม่านมาอีกครั้ง “ค่ำคืนนี้ชะตาของเจ้าขึ้นอยู่กับราคาที่เจ้าเรียกได้ จำไว้!”

เสวี่ยซีหลับตาลงชั่วขณะ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกักเก็บร่องรอยความเจ็บปวดไว้ใต้รอยยิ้มอันแสนอ่อนหวาน เขาเข้าใจดีว่า หากเขาฝืนหรือแสดงอาการไม่พอใจ แม้เพียงเล็กน้อย ย่อมต้องชดใช้ด้วยความทุกข์ที่หนักหนากว่าเดิม

เสียงฆ้องดังขึ้น การประมูลเริ่มต้น

“สามร้อยตำลึงทอง!” แขกผู้มั่งคั่งคนหนึ่งตะโกนขึ้น เสียงหัวเราะตามมาทันที
“สี่ร้อยตำลึงทอง!”
“ห้าร้อยตำลึงทอง!”

การต่อสู้เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงประมูลดังสลับกับเสียงหัวเราะเช่นระลอกคลื่น เสวี่ยซียังคงยิ้มละไม เขาก้าวลงจากแท่นทีละก้าว เดินเข้าไปใกล้แขกผู้เสนอราคาสูงที่สุดในตอนนั้น ค้อมศีรษะเล็กน้อย เอ่ยเสียงนุ่มดุจสายลม “ขอบพระคุณท่านที่ให้เกียรติ… ความเมตตาของท่านคือสิ่งล้ำค่าสำหรับข้า”

เพียงประโยคเดียว เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น แขกผู้นั้นหน้าแดงระเรื่อ ยกมือขึ้นอีกครั้ง “หนึ่งพัน!”

หลิวไค่หัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้าอย่างพอใจ เขาออกคำสั่งด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ดีมาก… ไปต่อ! ให้มันเดินไปหาท่านหญิงรองแห่งตระกูลเซียวด้วย นางมองอยู่หลายครั้งแล้ว”

เสวี่ยซีฝืนก้าวเท้าเข้าไปใกล้สตรีสูงวัยผู้มั่งคั่งที่นั่งอยู่ด้านข้าง น้ำเสียงนอบน้อมราวผ้าแพร “ท่านหญิงโปรดอย่าได้อาย ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ท่านมองมาที่ข้า”

หญิงผู้นั้นหัวเราะเสียงหวาน ยกป้ายขึ้นทันที “พันสองตำลึงทอง!”

เสียงประมูลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ทุกครั้งที่เสวี่ยซีย่อตัวโค้งหรือเอ่ยวาจาแข็งใจพูดกับแขกผู้ใด ราคาก็พุ่งสูงขึ้นตามเกมที่หลิวไค่จัดวาง

แต่ในใจของเสวี่ยซี กลับรู้สึกเหมือนถูกกลืนกินไปทีละน้อย เหมือนตนเองกำลังขายวิญญาณแลกกับเงินทองที่ไม่ได้ตกถึงมือเขาแม้แต่น้อย ร่างกายและชื่อเสียงของเขากลายเป็นเพียงเครื่องมือที่เถ้าแก่ใช้กอบโกย


ขณะเดียวกัน ที่มุมเงามืดของโถง จ้งชิงนั่งอยู่เงียบ ๆ สายตาคมคอยสังเกตการณ์ เขาเห็นทุกสิ่งทั้งการบังคับอันแยบยลของเถ้าแก่ และการฝืนยิ้มของเสวี่ยซีที่ซ่อนความเจ็บปวดไว้เบื้องหลัง จ้งชิงกำหมัดแน่น แต่ยังมิได้ก้าวออกมา

“เจ้าเด็กน้อย…” เขาพึมพำในใจ “เจ้าถูกขังอยู่ในกรงทองเช่นนี้ได้อย่างไร”


เสียงประมูลยังดำเนินต่อ แขกเหรื่อเริ่มแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

“พันสาม!”
“พันสี่!”
“พันห้า!”

หลี่หยางที่นั่งอยู่ใกล้แท่นประมูลกัดฟันกรอด เขาเฝ้ามองเสวี่ยซีด้วยแววตาอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดและเสน่หา ในใจของเขายังคงยึดติดกับอดีตสิบปีที่อยู่ร่วมกัน ความโกรธและความหวงพัดกระหน่ำ เขาลุกขึ้นประกาศเสียงดังลั่น “สองพัน!”

ทั้งหอเงียบกริบไปชั่วขณะ ทุกคนต่างมองหน้าหลี่หยางและหันไปมองเสวี่ยซี แววตาของเสวี่ยซีสั่นสะท้านทันที เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตานานเกินไป

แต่ก่อนที่ความเงียบจะสิ้นสุด เสียงทุ้มทรงอำนาจก็ดังขึ้นแทรก บดขยี้บรรยากาศทั้งหอให้แตกกระจาย
“สามพันตำลึงทอง!”

เสียงนั้นกึกก้อง ราวกับประกาศิตสวรรค์แขกทุกคนหันไปพร้อมกัน ก็พบกับบุรุษสูงใหญ่ในอาภรณ์สีดำเข้ม ใบหน้าคมกริบ ดวงตาคมดุราวพยัคฆ์ผู้ไม่เคยปราชัย เถียนเฟิง

เขาก้าวออกมาจากเงามืด สายตาจ้องตรงไปที่เสวี่ยซีเพียงผู้เดียว ในแววตานั้นไม่เพียงมีความโกรธ แต่ยังเต็มไปด้วยความครอบครองและหวงแหนที่เด่นชัดจนทำให้หลายคนขนลุก

เถ้าแก่หลิวไค่ถึงกับกลืนน้ำลาย แม้ใจโลภจะยินดีที่ราคาพุ่งสูงถึงเพียงนี้ แต่ก็อดสั่นสะท้านต่ออำนาจของบุรุษตรงหน้าไม่ได้

เสวี่ยซีใจเต้นรัว เขาสับสน หวาดหวั่นแต่ก็เหมือนถูกตรึงไว้ด้วยสายตาคมกริบของเถียนเฟิง ราวกับหนีไปที่ใดก็ไม่พ้น

ผู้ประกาศเสียงสั่น รีบตะโกนตัดสิน “สามพันตำลึงทอง! ไม่มีใครกล้าสู้… ค่ำคืนนี้เป็นของท่านเถียนเฟิง!”

เสียงฆ้องดังสนั่น แขกทั้งหอต่างอึ้งงัน บ้างถอนหายใจ บ้างสบถเบา ๆ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดเถียนเฟิง

หลี่หยางหน้าเคร่งเครียด กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดซึมออกมา เขามองเสวี่ยซีที่ถูกเถียนเฟิงมุ่งตรงเข้ามาคว้าแขน รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกขาด แต่ไร้อำนาจจะขัดขวาง

เถียนเฟิงกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูเสวี่ยซี น้ำเสียงทั้งกร้าวและแฝงความเจ็บปวด “ซีเอ๋อร์… เจ้ากล้าให้ใครประมูลเจ้าเช่นนี้หรือ”

ก่อนที่เสวี่ยซีจะทันตอบ เถียนเฟิงก็ลากเขาออกไปจากหอ ท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ความริษยา และความเวทนา



เสียงกีบม้าดังสะท้อนในความเงียบงันของราตรี ด้านนอกหอว่านหงเหรินเพิ่งสงบลง แต่ในใจของเสวี่ยซีกลับคล้ายพายุที่กำลังซัดสาด เขาถูกเถียนเฟิงจับข้อมือแน่นจนแทบเจ็บ ร่างบางถูกลากขึ้นรถม้าส่วนตัวที่ประดับตราสัญลักษณ์ต้าซือคง ทุกคนในหอต่างได้แต่มองตามโดยไร้ผู้ใดกล้าขัดขวาง

ภายในรถม้าเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงของเถียนเฟิงและเสียงหัวใจเต้นระรัวของเสวี่ยซี ร่างสูงใหญ่นั่งพิงข้างฝา แต่ดวงตาคมกลับจ้องมาที่เสวี่ยซีไม่กะพริบ แววตานั้นเต็มไปด้วยโทสะ ความหวงแหน และความเจ็บปวดที่คุมไม่อยู่

“ซีเอ๋อร์…” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในความเงียบ “เจ้ากล้าให้คน…ประมูลเจ้าเช่นนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าแทบคลั่งแค่ไหน”

เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น เขาพยายามพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “ข้าไม่ได้อยากเช่นนั้น มันเป็นคำสั่งของเถ้าแก่หลิวไค่ หากข้าขัดใจ ข้าจะ…”

“หุบปาก!” เถียนเฟิงตวาดเสียงดัง ร่างบางสะดุ้งเฮือก เขารีบก้มหน้าหลบตา แต่ในอกกลับสั่นสะเทือน

เถียนเฟิงโน้มตัวเข้ามาใกล้ กระชากคางเสวี่ยซีขึ้นบังคับให้สบตา ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความกร้าว “ต่อให้เจ้าอ้างว่าเป็นคำสั่ง ต่อให้เจ้าถูกบังคับ แต่เจ้าก็ยังยิ้มให้พวกมัน! เจ้ายังย่อตัวโค้งเหมือนเต็มใจจะมอบหัวใจ”

“ข้าไม่ได้” เสวี่ยซีรีบส่ายหน้า ดวงตาสีอำพันคลอน้ำตา “ข้าเพียงแสดงตามที่เขาสั่ง หากไม่ทำเช่นนั้น ข้าจะถูกลงโทษ”

เถียนเฟิงกัดฟันกรอด นิ้วมือที่จับคางแน่นขึ้น “แล้วเจ้าคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าที่นั่งดูอยู่นั้น…ข้าแทบจะฆ่าพวกมันทั้งหมดเพียงเพราะสายตาที่พวกมันมองเจ้า”

เสียงคำรามนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เสวี่ยซีตัวสั่น รู้สึกทั้งกลัวและสับสน เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความหึงหวงของเถียนเฟิงทำให้หัวใจเขาสั่นไหวอย่างประหลาดรถม้าแล่นมาถึงจวนต้าซือคงอย่างรวดเร็ว เมื่อประตูใหญ่เปิดออก เถียนเฟิงก็ลากเสวี่ยซีลงมาโดยไม่สนใจสายตาบ่าวไพร่ ทุกคนรีบก้มหน้าหลบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25160 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-27 12:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้