รถเทียมวัวแล่นมาตามคลองทางทิศตะวันตกของเขาฉินหลิง หลงเยวี่ยปรือตาเล็กน้อยคล้ายจะหลับเต็มที วัวตัวพ่วงพีหยุดเดิน การที่มันต้องทำงานลากแบกในช่วงเวลาที่บาดเจ็บนับว่าลำบากแล้ว
เพียงหลงเยวี่ยโผล่หน้าออกมาจากรถก็เห็นชาวบ้านหลายคนยืนล้อมวงรอบตัวรถแล้ว
“บังอาจ!” นางตวาดเสียงดัง กังวลว่าจะมีคนมือไวฉกฉวยสิ่งของที่นางปกป้องมาอย่างยากลำบาก “ของเหล่านี้มีเจ้าของ มอบให้เพียงหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น… อย่าให้ข้าต้องใช้กำลัง” ฝ่ามือบางกุมกระบี่คู่สลักจันทรา ใบหน้าฉายแววเหี้ยมเกรียม เมื่อพิศมองพร้อมกับคราบเลือดที่แต้มจุดแดงบนอาภรณ์สีฟ้าครามแล้ว ภาพลักษณ์ยิ่งไร้ความน่าคบหา ผู้คนส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เล็กน้อยก่อนจะพากันถอยกรูไปด้านหลังหนึ่งก้าว
“ไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา” นางสำทับอีกคำ
“ไม่ต้องตาม ไม่ต้องตาม ข้าอยู่นี่แล้ว—” เสียงชายวัยชราดังแหบๆ มาจากด้านหนึ่ง เมื่อมองไปก็พบร่างเหี่ยวย่น หลังค่อมโค้งงอมมาด้านหน้า หนวดเคราและขนคิ้วล้วนหงอกขาวจนหมดสิ้น หลงเยวี่ยเคลื่อนกายลงจากเกวียนอย่างเชื่องช้า
“คารวะท่านหัวหน้าหมู่บ้าน อวี้ถูรับงานจากสำนักคุ้มกันอินทรีฟ้าให้นำเสบียงมาส่งท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าของที่นำมามีกระสอบข้าวสิบกระสอบ เกลือสองกระสอบ น้ำตาลสองกระสอบ และเนื้อตากแห้งอีกหนึ่งกระสอบ” หลงเยวี่ยชี้แจง ก่อนจะเอ่ยสำทับเหมือนเพิ่งนึกได้ “---กระสอบละหนึ่งจิน”
“โฮ่ โฮ่ โฮ่ ขอบคุณท่านจอมยุทธ”
“อ้อ— ยังมีนี่ ข้าต้องการลายมือรับรองขนส่งภารกิจสำเร็จจากท่าน” นางเอ่ยพลางยื่นกระดาษให้หัวหน้าหมู่บ้านลงลายมือชื่อ ชายชราลูบเครายาวพลางหัวเราะ ‘โฮ่ โฮ่’ อีกคำแล้วหันหน้าไปหาผู้ใหญ่ตัวโต เอ่ยว่า “เสี่ยวโก่ว (หมาน้อย) เจ้าไปหยิบหมึกกับพู่กันมาให้ข้าหน่อย”
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะโฮะ โฮะ อีกสองสามคำ เสี่ยวโก่วก็กลับมาพร้อมถาดฝนหมึก แท่นหมึก น้ำ และพู่กัน เสี่ยวโก้วนั่งลงบรรจงฝนหมึกให้กับผู้ใหญ่บ้าน ก่อนจะวางไว้ที่นั่งควบคุมบังเหียนม้า หัวหน้าหมู่บ้านค้ำไม้เท้าเดินงกๆ เงิ่นๆ ตามมาแล้ววาดอักษรลงบนกระดาษรับภารกิจของหลงเยวี่ยด้วยอักษรเสี่ยวจ้วน
“อย่างนี้ก็ใช้ได้แล้ว—” หัวหน้าหมู่บ้านจับกระดาษสะบัดๆ ให้หมึกแห้งเร็วๆ แล้วส่งคืนแก่นาง
“ขอบคุณมาก” หลงเยวี่ยพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อ “---วัวและเกวียนข้านำกลับไปได้ใช่หรือไม่” แน่นอนว่านางไม่มีความคิดจะเดินเท้ากลับเมืองแต่อย่างใด
“โฮ่โฮ่ ผู้คุ้มกันคงจะลืมบอกท่านจอมยุทธ์” ผู้เฒ่ายิ้มตาหยี “เจ้าวัวสองตัวนี้ก็เป็น ‘สินค้า’ เช่นกัน เดือนนี้พวกข้าเพิ่งจะได้ล้มวัว ท่านอวี้ถูก็เชิญมาร่วมวงกับพวกเราด้วยเถอะ— กินหลายๆ คนอร่อยกว่า”
“ขอบคุณท่านหัวหน้าหมู่บ้าน”
—--
ครั้นอยู่กลางศึก ออกเที่ยวกับบรรดาท่านลุงในค่ายทหาร จะมีการล้มวัวฆ่าแกะและแพะกินเป็นมื้อใหญ่ยามได้ชัยชนะ สัตว์ที่นำมาปรุงล้วนเป็นสัตว์ในการปศุสัตว์ของกองทัพหรือไม่ก็ล่ามาทั้งสิ้น เนื้อที่ฆ่าสดใหม่จะยังมีกลิ่นอายของชีวิตอยู่ อร่อยกว่าเนื้อในท้องตลาดยิ่งนัก
หลงเยวี่ยไหนเลยจะหักห้ามใจปฏิเสธ
“ดียิ่ง!” หลงเยวี่ยชนจอกสุรา สุราชาวบ้านรสชาติร้อนแรงแผดเผา หาได้ละมุนละไมชุ่มคอเช่นสุราดอกไม้และสุราผลไม้ที่หายากล้ำค่า ทว่ารสชาติที่แผดเผานี้กลับให้ความรู้สึกที่ยากจะหักห้ามใจ สองพวกแก้มของนางแดงระเรื่อ นัยน์ตาหวานล้ำฉ่ำน้ำเมา เอนตัวคลอไปกับเสียงร้องรำทำเพลงชาวบ้าน
“-ขออกับแกล้มให้ข้า…” หลงเยวี่ยเอ่ยเสียงอ้อแอ้พลางคว้าเอาเนื้อย่างติดมันหอมฉุย
เมื่อเหล้าเข้าปากพร้อมกับกลิ่นเนื้อหอมหวาน ความเจ็บปวดก็คล้ายจะปลิดปลิวไป หลงเยวี่ยเมามาก ทว่าก็ยังประคองสติของตัวเองได้อยู่ จนเมื่อเวลาผ่านไปใกล้ย่ำค่ำ นางที่เริ่มสร่างเมาเล็กน้อยก็เอ่ยกับซากของผู้คนที่เมาแอ๋นอนเรี่ยราดอยู่ตามทาง
“ตะวันใกล้ลับฟ้าแล้ว—- อาหารวันนี้อร่อยมาก ข้าขอตัวก่อน….”
หลงเยวี่ยยกมือลาปะหลกๆ ก่อนจะเดินโซเซไปที่คอกม้า หยิบเอามาตัวหนึ่งมาก่อนจะขี่ควบออกจากหมู่บ้านไป