12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

[โรงหมอเจิ้งเทียน]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-6-29 03:50:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 29 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น. ณ ถนนสิบลี้ โรงหมอเจิ้งเทียน


แสงแดดอ่อนยามเช้าไหลรินผ่านผ้าม่านโปร่งสีอ่อน เฉกเช่นกระแสปราณที่เบาบางที่ลูบไล้ผิวกายอย่างอ่อนโยน หลินหยาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ พลางหลับตาลงอีกครั้งก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับเปลือกตาขึ้นใหม่พร้อมสูดลมหายใจยามลึกเข้าไปในอก กลิ่นหอมจาง ๆ แทรกด้วยกลิ่นยาอุ่นละมุนทำให้เธอรู้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่คุกหลวงอีกต่อไปแล้ว..มันเงียบ สะอาด และนุ่มกว่าที่คิดเสียอีก


แม้จะรู้ว่าตัวเองยังต้องนอนคว่ำเพราะบาดแผลที่หลังกำลังฟื้นตัว แต่ครั้งนี้...มันไม่ใช่ความเจ็บปวดแบบเดิม ความร้อนรุ่มแทรกซึมในแผ่นหลังที่เคยเต้นเร้าอย่างเจ็บแสบกลับอ่อนลงอย่างมีนัย แถมยังรู้สึกเหมือนพลังบางอย่างหล่อเลี้ยงอยู่ในร่างกายของเธออย่างชัดเจน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางประตูด้านข้าง ก่อนม่านบางจะขยับเล็กน้อยเผยให้เห็นท่านหมอหนุ่มเจิ้ง เซียนเฉิน ในชุดยาวสีครามอ่อนทับด้วยเสื้อคลุมแพรยาว มือข้างหนึ่งถือถาดยา อีกข้างเป็นม้วนผ้าพันแผลสะอาด เดินตามหลังมาด้วยลูกมือสตรีสองนางที่ถือขันน้ำและอ่างไม้อุ่น ๆ สำหรับล้างแผล


“แม่นางไม่ต้องฝืนลุกนะ” เสียงของท่านหมอดังขึ้นเบา ๆ แต่มั่นคงยามเมื่อเขาวางถาดยาลงข้างเตียงแล้วนั่งย่อตัวลงข้างเธอ ลูกมือสาวเริ่มลงมือเตรียมน้ำยาและครีมบำรุงผิวหนังที่ช่วยฟื้นฟูเส้นประสาท ขณะที่ท่านหมอก็คลี่ผ้าพันแผลออกอย่างระมัดระวัง แผลที่เคยเปิดเริ่มจับตัวเข้ากัน แม้จะยังแดงอยู่ แต่ปราณรักษาที่เขาใช้เมื่อวานดูเหมือนจะช่วยหล่อนฟื้นตัวดี แค่ช้ากว่าคนทั่วไปเพราะพิษที่ยังคงอยู่ในร่างกาย


“อีกเจ็ดวัน หากแม่นางดื่มยาน้ำให้หมด ข้าจะลองฝังเข็มผ่อนปรานให้ ร่างกายแม่นางตึงเกินไป ความเครียดทำให้พิษแทรกตัวได้ง่ายกว่าเดิม ข้าต้องการให้แม่นางพักผ่อน ไม่ใช่แค่ร่างกาย...แต่ใจด้วยเช่นเดียวกัน”


“ใจข้าแข็งยิ่งกว่าหินเจ้าค่ะ...” หลินหยาตอบเรียบ ๆ แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเจือขบขำเล็กน้อยแม้มันจะไม่ตลกเลยสักนิดก็ตาม “...มันถึงแตกได้ง่ายกว่าก็เถอะ”


“เจ้าพูดประหลาดเหมือนอย่างเคย..เครียดหรอ?” หมอหนุ่มเหมือนอยากถอนหายใจแต่ก็ต้องรักษาเด็กดื้อต่อไปในสายตาของเขา นางเคยมาทำงานที่โรงหมอปกติก็เห็นเป็นเด็กร่าเริงดี แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดไปลงเอยแบบนี้ได้ หลินหยานั้นเงียบ...ก่อนจะกล่าวในที่สุด “เพราะข้าเห็นคนที่ข้ารู้จัก โดนโบยต่อหน้าข้า...ข้าจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือเจ้าคะ?”


ท่านหมอเจิ้ง เซียนเฉินเงียบไป ไม่ตอบคำถามนั้น เขาเพียงสั่งให้ลูกมือจัดผ้าสะอาดใหม่พันรอบบาดแผลแล้วหันมาหยิบถ้วยยา ส่งให้นางอย่างนิ่ง ๆ “ไม่ต้องพูดถึงเขา...ไม่ต้องคิดถึงใคร ข้าจะรักษาแม่นาง ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น แต่เพื่อตัวแม่นางเองและในฐานะที่ข้าเป็นหมอ การคิดจะทำให้่ร่างกายแม่นางอ่อนแรงมากขึ้นหากเครียด” วงท่าของเขาเรียบสงบดังเช่นทุกครา แม้สีหน้าใต้เส้นผมดำยาวที่รวบไว้หลวม ๆ จะไม่แสดงอารมณ์นัก แต่แววตากลับฉายแววรู้ทันคนไข้ตัวดีอย่างเต็มเปี่ยม


หลินหยานั้นขยับนอนบนหมอนที่หอมกลิ่นสมุนไพรเบา ๆ แล้วเหมือนจะหลับตาลงครู่หนึ่งเมื่อลูกมือของท่านหมอทำแผลให้นางเรียบร้อยดี ก่อนจะลืมขึ้นมาอีกครั้ง ยกมือไพล่ไว้ใต้คางแล้วกล่าวเบา ๆ น้ำเสียงมีทั้งแง่งอนและยอกย้อน “ท่านยังเข้มงวดเหมือนเดิมเลยเจ้าค่ะ ท่านหมอ…” ท่านหมอไม่ตอบในทันที เพียงแต่หรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย ราวกับรอว่าอีกฝ่ายจะต่อประโยคอะไรออกมาอีกหรือไม่


นางจ้องเขานิดหนึ่ง หน้าเบ้เล็กน้อยแล้วหันไปยิ้มหวานให้กับหญิงสาวที่มาทำแผลให้แทน พลางเบี่ยงเสียงออดอ้อนใส่คนที่ยืนมาดขรึมอยู่ข้างเตียง “เช่นนั้นวันนี้...ขอข้าออกไปข้างนอกหน่อยได้ไหมเจ้าคะ อาการข้าดีขึ้นมาแล้วนาา ข้ารู้สึกว่าขยับได้ดีขึ้นแล้วจริง ๆ แผลก็มีผ้าพันไว้แล้ว ใช่ไหมล่ะเจ้าคะ?” นางไม่พูดถึงว่าอยากออกไปดูใคร หรือว่าต้องการทำอะไร มีเพียงดวงตาใสที่กระพริบปริบ ๆ อย่างน่าสงสัย


ท่านหมอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนเสียง “แม่นางเคยอยู่เฉยได้นานที่สุดกี่วันกัน..?”


“ข้าก็...อยู่ได้นานนะเจ้าคะ อย่างตอนข้านอนซมอยู่สามวันนั่นตอนที่ตัวเองแพ้เต้าหู้ไงเจ้าคะ ข้าเล่าให้ท่านกับท่านพี่ฉู่ฟังแล้วนี้”


“นั่นเรียกว่าหมดสติไม่ใช่หรือ?” ท่านหมอพูดแทรกจนหลินหยาไปไม่ถูกจริง ๆ เธอเบ้ปากน้อย ๆ ทำเสียงหงุด ๆ เหมือนกับแมวที่โดนขัดใจ “ก็ข้าไม่อยากอยู่เฉย ๆ นี้เจ้าคะ มันน่าเบื่อ แถมท่านยังให้ข้าไม่คิดอะไรอีก แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งคิดมากหรือเจ้าคะ?..ข้ายิ่งชอบมีความคิดในหัวเยอะ ๆ อีกน่ะเจ้าค่ะ”


“ข้ารู้ว่าแม่นางจะออกไปไหน และข้าก็รู้ว่าถ้าข้าไม่อนุญาต แม่นางก็คงหาทางออกไปอยู่ดี” หลินหยานั้นหัวเราะน้อย ๆ ขณะยืดตัวขึ้นเล็กน้อยอย่างระมัดระวังไม่ให้เจ็บหลัง “งั้น...หมายความว่าท่านจะให้ข้าไปใช่ไหมเจ้าคะ?”


“ตามใจแม่นาง...แล้วอย่าคิดว่าข้าจะรักษาให้แม่นางอีกรอบถ้าทำแผลฉีกเองเพราะความบ้าไร้สาระของตนข้าไม่ใช่คนใจดีนักหรอกนะ”



@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: -

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25128 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-29 03:50
โพสต์ 25,128 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก คนดวงแข็ง  โพสต์ 2025-6-29 03:50
โพสต์ 25,128 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-29 03:50
โพสต์ 25,128 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-29 03:50
โพสต์ 25,128 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-29 03:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-6-30 23:39:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 29 อู่เยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย (เวลา 13.00 - 15.00 น.)



ยามเว่ยคล้อยผ่านฟ้า แสงตะวันยามบ่ายส่องแผ่วลงบนลานหน้าโรงหมอ ซูเหยาเดินกลับมาจากตลาดด้วยท่วงท่าสงบเยือกเย็น เมื่อมาถึงโรงหมอเจิ้งเทียน ประตูไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ ยามเปิดออก เสียงเจื้อยแจ้วของคนไข้และกลิ่นกำยานผ่อนคลายใจต้อนรับนางกลับมา


ยามเว่ยเป็นช่วงที่โรงหมอยังคงมีคนไข้แวะเวียนมาไม่ขาด ผู้ป่วยบางรายเพิ่งกินข้าวกลางวันเสร็จ บางรายเพิ่งเดินทางมาไกลจากชนบท ทุกคนต่างรอรับการดูแลด้วยความหวัง ซูเหยาได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ป่วยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโรคทั่วไป ไม่มีใครอาการหนัก หากแต่ไม่ใช่เรื่องที่นางจะละเลยได้เลย เด็กน้อยคนหนึ่งมีผื่นแดงขึ้นหลังเพราะแพ้อาหาร หญิงสาววัยกลางคนแน่นท้องเพราะกินของมันเกินไป ส่วนชายชราก็ไอแห้งเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง


นางไล่ตรวจอาการทีละคน มือเรียวสัมผัสชีพจรอย่างแม่นยำ ดวงตาจับจ้องลมหายใจและสีหน้าโดยไม่ต้องเอ่ยถ้อยคำมาก ความสงบของนางแผ่ซ่านออกไปยังคนไข้ ทำให้หลายคนรู้สึกสบายใจเพียงได้อยู่ใกล้ เมื่อพบสาเหตุแต่ละราย นางจึงเริ่มปรุงยาต้ม จัดห่อสมุนไพร และฝังเข็มอย่างแผ่วเบา


ชายชราผู้ไอแห้งเงยหน้ามองซูเหยาด้วยแววตาซาบซึ้งใจ อาการไอที่เคยรบกวนจนอกแทบระเบิด บัดนี้กลับทุเลาลงจนรู้สึกถึงลมหายใจที่โล่งขึ้น ดวงตาที่เคยพร่ามัวกลับมาฉายแววสดใส เขาถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ยขึ้นว่า 


"ท่านหมอ…มือของท่าช่างวิเศษจริง ๆ ข้าอาการดีขึ้นมาก"


ซูเหยายิ้มเล็กน้อย มิได้เอ่ยตอบ นางเพียงแต่เก็บเข็มเงินลงในกระเป๋าเครื่องมืออย่างเป็นระเบียบ แล้วยื่นห่อสมุนไพรแห้งให้ 


"ต้มดื่มวันละสองครั้งนะเจ้าคะ ดื่มขณะอุ่น ๆ จะช่วยขับพิษลมเย็นได้"


จากนั้นนางก็หันไปทางเด็กน้อยที่บัดนี้ผื่นแดงเริ่มจางลงแล้ว เพราะฤทธิ์ยาที่นางปรุงให้ดื่มและยาที่ทาภายนอก ผู้เป็นแม่ของเด็กยกมือไหว้ขอบคุณซูเหยาไม่หยุดปาก ซูเหยาก้มลงมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่เคยบิดเบี้ยวเพราะความคัน บัดนี้กลับมามีรอยยิ้มได้อีกครา 


“อย่ากินของที่แพ้อีกนะเจ้าตัวเล็ก” นางกำชับเบา ๆ พลางลูบผมเด็กอย่างอ่อนโยน


หญิงสาววัยกลางคนที่เคยแน่นท้องจนแทบจะเดินไม่ได้ ก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้อย่างสบาย นางลูบท้องเบา ๆ พลางพยักหน้าให้ซูเหยาอย่างเข้าใจ ซูเหยาเพียงชี้ไปที่ถ้วยชาสมุนไพรที่วางอยู่ข้างเตียง 


“ดื่มให้หมดนะเจ้าคะ จะช่วยให้การย่อยดีขึ้น”


ทันใดนั้นเสียงตะโกนก้องก็ดังมาจากหน้าโรงหมออย่างไม่คาดฝัน 


"ไท่โฮ่วเสด็จ!"


เสียงนั้นก้องกังวานไปทั่วลานหน้าโรงหมอ ผู้คนทั้งหลายที่กำลังเดินขวักไขว่หรือนั่งพักคอย ต่างพากันทรุดกายลงหมอบกราบกับพื้นอย่างรวดเร็ว บ้างก็รีบหลบเข้าข้างทางอย่างนอบน้อม กิริยานั้นแสดงออกถึงความเคารพยำเกรงสูงสุดต่อผู้ที่กำลังย่างกรายเข้ามา


ปกติแล้วไท่โฮ่วมักจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจราษฎรที่เจ็บป่วย และสมทบทุนค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ยากไร้เสมอ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงที่ชาวบ้านต่างซาบซึ้ง ท่านหมอเจิ้งผู้เป็นเจ้าของโรงหมอ รีบก้าวออกไปต้อนรับพระองค์ด้วยท่าทีนอบน้อมที่สุด


ซูเหยาซึ่งเป็นเพียงหมอหญิงหน้าใหม่ของโรงหมอเจิ้งเทียน มิได้รู้ธรรมเนียมปฏิบัติในราชสำนักมากนัก นางจึงทำได้เพียงก้มหน้าเงียบ ๆ ลงต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองพระพักตร์อันสูงส่งของไท่โฮ่ว ทำได้เพียงรับรู้ถึงเงาของผู้คนมากมายที่เคลื่อนผ่านไป และสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องหอมชั้นดีที่ลอยมาตามสายลม ยามนั้นหัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความประหม่าและความเกรงขาม


ไม่นานนักเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาแต่เปี่ยมด้วยสง่าราศีก็หยุดลงเบื้องหน้าโรงหมอ ซูเหยาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังอำนาจและกลิ่นหอมของกำยานชั้นเลิศที่ลอยใกล้เข้ามา ท่านหมอเจิ้งรีบก้าวออกไปคุกเข่ากราบทูลด้วยน้ำเสียงนอบน้อมยิ่ง 


"ไท่โฮ่วทรงเสด็จมาโปรดโรงหมอเจิ้งเทียนของกระหม่อม นับเป็นบุญของชาวเมืองยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!"


เสียงนุ่มนวลแต่แฝงความเฉียบขาดอันเป็นเอกลักษณ์ของไท่โฮ่วตรัสตอบ 


"ท่านหมอเจิ้งไม่ต้องมากพิธี ข้าเพียงอยากมาดูความเป็นอยู่ของราษฎร" 


พระสุรเสียงนั้นอ่อนโยนกว่าที่ซูเหยาคิดไว้มาก จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของนางกำนัลและขันทีที่ตามเสด็จเคลื่อนเข้ามาภายในโรงหมอ


ขณะที่ไท่โฮ่วกำลังทอดพระเนตรการทำงานของโรงหมอ พระเนตรพลันเหลือบไปเห็นร่างบอบบางที่ก้มหน้าอยู่ริมผนัง นางมิได้สวมชุดแพทย์เฉกเช่นหมอคนอื่น ๆ ในโรงหมอ แต่กลับอยู่ในชุดเรียบง่ายสะอาดสะอ้าน กิริยาท่าทางสงบเยือกเย็นแม้จะอยู่ในท่าก้มหน้า


"เด็กน้อยผู้นั้นคือผู้ใด?" ไท่โฮ่วตรัสถามด้วยพระสุรเสียงเฉียบขาดแต่แฝงความสนพระทัย ทรงชี้ไปที่ซูเหยา


ท่านหมอเจิ้งรีบก้มตัวลงกราบทูล 


"ทูลไท่โฮ่ว นางคือซูเหยาเป็นหมอหญิงฝีกงานคนใหม่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!"


ซูเหยาตกใจยิ่งนักที่จู่ ๆ ไท่โฮ่วก็ตรัสถามถึงตนเอง นางพยายามรวบรวมสติ แม้จะยังก้มหน้าอยู่ แต่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่ชัดเจน 


"ทูลไท่โฮ่ว...หม่อมฉันซูเหยา...ขอถวายบังคมเพคะ"


ไท่โฮ่วทอดพระเนตรซูเหยาอย่างพิจารณา 


"เงยหน้าขึ้นให้ข้าดูหน้าหน่อย" พระนางตรัสด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้


ซูเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ เผยให้เห็นใบหน้าอันไร้เดียงสา ดวงตาคู่โตฉายแววบริสุทธิ์และแฝงความหนักแน่นเล็กน้อย ยามสบพระเนตรของไท่โฮ่วโดยไม่ตั้งใจ ซูเหยารีบหลบสายตาลงต่ำทันทีด้วยความเคารพยำเกรง


"ใบหน้าเช่นนี้...ช่างน่าเอ็นดูนัก" ไท่โฮ่วตรัสเบา ๆ พลางแย้มสรวลน้อย ๆ แต่แฝงความหยั่งเชิง "ดูจากท่าทางเจ้าแล้ว คงมิได้เข้ามาฝึกวิชาแพทย์ได้ไม่นานนักกระมัง"


ซูเหยารีบตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อมที่สุด 


"ทูลไท่โฮ่ว...หม่อมฉันเพิ่งมาเรียนรู้ในโรงหมอแห่งนี้ได้ไม่นานเพคะ"


ไท่โฮ่วพยักพระพักตร์ 


"ท่านหมอเจิ้งกล่าวว่าเจ้ามีความสามารถในการแพทย์รึไม่? หรือเพียงแค่เป็นหญิงงามที่ถูกนำมาประดับโรงหมอ?" น้ำเสียงของพระนางแม้จะติดจะเสียดสี แต่แฝงแววขัน


"ทูลไท่โฮ่ว...ซูเหยามีความรู้และฝีมือการรักษาที่หาตัวจับยากพ่ะย่ะค่ะ นางมิได้อาศัยเพียงรูปโฉมภายนอก แต่เปี่ยมด้วยคุณธรรมยิ่งนัก!" ท่านหมอเจิ้งรีบกราบทูลยกย่องหมอฝึกหัดของตนด้วยความจริงใจ


ไท่โฮ่วทอดพระเนตรซูเหยาอีกครั้ง ดวงพระเนตรคมกล้าจับจ้องแต่กลับมีแววอ่อนลงเล็กน้อย 


"เด็กดี...หมอที่ดีมิได้มีเพียงความรู้ แต่ต้องมีคุณธรรมในใจด้วย เช่นเดียวกับเจ้าที่ดูภายนอกอาจอ่อนเยาว์ แต่กลับมีจิตใจที่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้อื่น" ไท่โฮ่วทรงหยุดเล็กน้อย แล้วตรัสต่อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก "เจ้ามาจากที่แห่งใดกัน เหตุใดจึงได้มาเป็นหมอที่โรงหมอเจิ้งเทียนแห่งนี้? ดูจากสำเนียงและกิริยา มิใช่คนฉางอันกระมัง?"


พระดำรัสของไท่โฮ่วทำให้ซูเหยารู้สึกทั้งประหลาดใจและซาบซึ้งใจยิ่งนัก นางหมอบกราบลงกับพื้นอีกครั้ง 


"ขอบพระทัยไท่โฮ่ว...สำหรับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้เพคะ! หม่อมฉันเป็นเพียงหมอชาวบ้านมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกลในเมืองเฉิงตู ก่อนหน้านี้หม่อมฉันมักช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านที่เจ็บป่วยเล็กน้อย แล้วเพิ่งจะเดินทางมาถึงฉางอันเมื่อไม่นานมานี้เพคะ จากนั้นด้วยความเมตตาของท่านหมอเจิ้ง หม่อมฉันจึงได้เข้ามาทำงานที่โรงหมอแห่งนี้เพคะ" 


ซูเหยาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ 


"การได้เห็นผู้ป่วยกลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง คือความสุขของหม่อมฉันเพคะ ส่วนเรื่องหนักใจ...มักจะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านบางคนยากจนนัก ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อยา ทำให้หม่อมฉันรู้สึกสงสารยิ่งนักเพคะ"


ไท่โฮ่วแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย พลางโบกพระหัตถ์เป็นเชิงให้ซูเหยาไม่ต้องกราบทูลอะไรอีก 


"เช่นนั้น เจ้าจงตั้งใจรักษาผู้คนเถิด ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ข้าได้กำชับท่านหมอเจิ้งไปแล้ว ให้ผู้ยากไร้ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงโดยมิต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย" 


ก่อนจะหันไปตรัสกับท่านหมอเจิ้งเรื่องการจัดสรรยาและเงินทองสำหรับผู้ป่วยยากไร้ การเสด็จมาของไท่โฮ่วเปรียบดังสายฝนในยามแล้งที่นำพาความหวังมาสู่โรงหมอแห่งนี้ ซูเหยาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองแผ่นหลังของไท่โฮ่วที่กำลังสนทนากับท่านหมอเจิ้ง ความรู้สึกเอ็นดูที่สัมผัสได้จากพระองค์ ทำให้หัวใจของนางอบอุ่นอย่างประหลาด


หลังจากไท่โฮ่วเสด็จกลับไป ความวุ่นวายในโรงหมอก็เริ่มคลี่คลายลง ผู้คนต่างกระซิบกระซาบถึงพระเมตตาของไท่โฮ่ว และความโชคดีของซูเหยาที่ได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น ซูเหยากลับเข้าสู่ภารกิจการดูแลคนไข้ตามเดิม แต่ในใจกลับคิดคำนึงถึงพระพักตร์ของไท่โฮ่ว และพระดำรัสที่ตรัสกับนาง หากชีวิตนี้มีวาสนาได้ตอบแทนพระคุณ นางจะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย…





โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน

ค่าจ้าง: 200 อู่จู - 5 EXP (รายวัน)


พรสวรรค์: หมอฝึกหัด (ไม้)

ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10


[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-6-30 23:40
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-6-30 23:40
โพสต์ 27511 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-30 23:39
โพสต์ 27,511 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-6-30 23:39
โพสต์ 27,511 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-6-30 23:39

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +200 ย่อ เหตุผล
Admin + 200

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x14
x4
x1
x1
x6
x4
x4
x23
โพสต์ 2025-7-1 20:35:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 30 อู่เยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย (เวลา 13.00 - 15.00)



เมื่อดวงตะวันคล้อยต่ำยามบ่าย แสงสีทองสาดส่องต้องอาคารโรงหมอเจิ้งเทียน อากาศยามนี้เริ่มคลายความร้อนระอุจากช่วงกลางวันที่ผ่านมา มีลมรำเพยพัดแผ่วเบา นำพากลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรจากสวนหลังโรงหมอโชยเอื่อยเข้ามา ซูเหยาเดินกลับเข้ามาในโรงหมอด้วยท่วงท่าสงบ นางเก็บกวาดจิตใจที่เพิ่งไปสวดขอพรที่ศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอให้กลับคืนสู่ความสงบเยือกเย็น พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ของหมอฝึกงานต่อ


"อาเหยา เจ้าพอมีเวลาว่างหรือไม่?" เสียงของหมอเจิ้งเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นซูเหยาเดินผ่าน 


ซูเหยาหันไปยิ้มรับ 


"มีเจ้าค่ะ ท่านหมอเจิ้ง"


"พอดีมีสตรีท่านหนึ่งมาด้วยอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง นางนั่งรออยู่ด้านในแล้ว”


หมอเจิ้งกล่าวพลางผายมือไปยังห้องตรวจ ซูเหยาพยักหน้ารับ เดินเข้าไปในห้องตรวจอย่างเงียบเชียบ ภายในห้อง สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ นางมีสีหน้าอิดโรย ดวงตาหมองคล้ำ บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่ทนมานาน ซูเหยาโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล 


"คำนับท่านป้า ข้ามีนามว่าซูเหยาเป็นหมอฝึกงานของโรงหมอเจิ้งเทียน ท่านปวดเมื่อยมานานเพียงใดแล้วหรือเจ้าคะ?"


สตรีผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองซูเหยา สายตาเต็มไปด้วยความหวัง 


"เรียนหมอซู ข้าปวดมานานนับปีแล้วเจ้าค่ะ บางวันก็ปวดเอว บางวันก็ปวดไหล่ บางวันก็ปวดขา จนแทบจะลุกเดินไม่ไหวแล้ว"


ซูเหยามองสำรวจสีหน้าและผิวพรรณของคนไข้ นางสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของท่านป้าค่อนข้างซีด ลิ้นมีฝ้าสีขาวบาง ๆ พาดผ่าน ชีพจรที่ข้อมือเต้นช้าและอ่อนแอ ซูเหยาพยักหน้าอย่างครุ่นคิด นางอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลาย 


"อาการของท่านป้าเกิดจากความพร่องของพลังชี่และเลือด ลมปราณติดขัด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยเรื้อรังตามร่างกายเจ้าค่ะ"


"แล้วข้าจะรักษาให้หายขาดได้หรือไม่เจ้าคะหมอซู?" คนไข้ถามด้วยความกังวล


ซูเหยายิ้มบาง ๆ 


"ท่านป้าไม่ต้องกังวลไปเจ้าค่ะ ข้าจะจัดยาบำรุงและปรับสมดุลให้ท่าน โดยจะเน้นการบำรุงชี่และเลือด เพื่อให้ลมปราณและเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น อาการปวดเมื่อยก็จะค่อย ๆ ทุเลาลง"


นางหยิบพู่กันขึ้นมาจดบันทึกตำรับยาอย่างละเอียด โดยใช้สมุนไพรหลายชนิด อาทิ ตังกุย เพื่อบำรุงเลือดและสลายเลือดคั่ง, โสมคน เพื่อเสริมสร้างพลังชี่, ปักคี้ เพื่อบำรุงม้ามและเพิ่มพลัง, โกฐเชียง เพื่อบำรุงเลือดและบรรเทาปวด, เก๋ากี้ เพื่อบำรุงตับและไต และ อบเชย เพื่อทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้นและขับความเย็น


"ท่านป้าต้องต้มยาตามที่ข้าบอก รับประทานวันละสองครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น และที่สำคัญคือต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการตรากตรำงานหนัก และงดเว้นอาหารที่มีรสจัดหรือเย็นจัดนะเจ้าคะ" ซูเหยาแนะนำด้วยความใส่ใจ


"ขอบคุณหมอซูมากเจ้าค่ะ ข้ารู้สึกเบาใจขึ้นมากแล้ว"


นางเก็บรายการยาเข้าชายแขนเสื้อให้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง 


"จริงสิหมอซู ข้าเห็นท่านเดินผ่านตลาดไปใส่บาตรแต่เช้าทุกวัน ท่านคงเป็นคนที่ชอบทำบุญใช่หรือไม่เจ้าคะ"


ซูเหยาพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบาง 


"ก็มิได้ถึงกับชอบทำบุญมากมายนักเจ้าค่ะ เพียงแต่เห็นว่าการทำบุญย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อใจ"


"ดีจริงเจ้าค่ะ" ท่านป้ากล่าวเสริม "ได้ข่าวว่าท่านหมอเพิ่งมาอยู่เมืองเราไม่นาน เคยไปศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอหรือยังเจ้าคะ ที่นั่นศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะ"


ซูเหยายิ้มตอบ 


"ข้าเพิ่งไปมาเมื่อครู่เองเจ้าค่ะ หากท่านป้ามีสถานที่ใดแนะนำอีกก็บอกกล่าวได้นะเจ้าคะ ข้าเองก็อยากจะไปกราบไหว้ให้ทั่ว"


ดวงตาของท่านป้าเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินดังนั้น


"โอ้! เช่นนั้นท่านหมอซูคงต้องลองไปที่ศาลเจ้าเถียนฉิงเวยดูนะเจ้าคะ มันอยู่เลยนอกเมืองไปหน่อย แต่ที่นั่นก็เคยศักดิ์สิทธิ์มากนัก ทว่าน่าเสียดายที่ร้างรามานาน ไม่มีคนคอยดูแลเท่าไหร่แล้ว"


ซูเหยาได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ศาลเจ้าเถียนฉิงเวย? ชื่อนี้ไม่คุ้นหูนัก แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นศาลเจ้าร้าง ก็ยิ่งทำให้ซูเหยาสนใจขึ้นมาในทันที จิตใจพลันคิดไปถึงเรื่องราวเก่าแก่ที่อาจหลงเหลืออยู่ในสถานที่แห่งนั้น


"ขอบคุณท่านป้ามากเจ้าค่ะที่แนะนำ ข้าจะลองหาโอกาสไปเยี่ยมชมดู" ซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ


"ยินดีเจ้าค่ะหมอซู ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ" ท่านป้าลุกขึ้นโค้งคำนับเล็กน้อย แล้วจึงเดินออกจากห้องตรวจไป


ซูเหยายืนมองแผ่นหลังที่เดินออกไปจากห้องอย่างช้า ๆ ความคิดของนางล่องลอยไปถึงศาลเจ้าเถียนฉิงเวยที่ท่านป้ากล่าวถึง บรรยากาศของศาลเจ้าร้างที่ไร้ผู้คนดูแล ช่างกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวนางยิ่งนัก ซูเหยาตัดสินใจในใจว่า หลังจากที่งานในวันนี้เสร็จสิ้นลง นางจะลองแวะเวียนไปสำรวจศาลเจ้าแห่งนั้นดูเสียหน่อย เผื่อจะมีสิ่งใดที่น่าสนใจซ่อนอยู่ก็เป็นได้



โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน

ค่าจ้าง: 200 อู่จู - 5 EXP (รายวัน)



พรสวรรค์: หมอฝึกหัด (ไม้)

ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-7-1 20:57
โพสต์ 16278 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-1 20:35
โพสต์ 16,278 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-7-1 20:35
โพสต์ 16,278 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-7-1 20:35
โพสต์ 16,278 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2025-7-1 20:35

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +200 ย่อ เหตุผล
Admin + 200

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x14
x4
x1
x1
x6
x4
x4
x23
โพสต์ 2025-7-3 22:46:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 3 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเฉิน (เวลา 07.00 - 09.00 น.)




ณ โรงหมอเจิ้งเทียน ยามแสงอรุณรุ่งสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างไม้ ซูเหยาลุกขึ้นจากเตียงนอนในสภาพยังคงอ่อนล้าจากเหตุการณ์เมื่อวันวาน วันนี้มีภารกิจสำคัญรอคอยอยู่ที่ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับที่ยังต้องค้นหา แต่หน้าที่ของหมอรักษาผู้ป่วยนางเองก็มิสามารถละเลยได้


ซูเหยาจัดเตรียมสมุนไพรและอุปกรณ์ให้พร้อม ก่อนจะเปิดประตูโรงหมอ ต้อนรับชาวบ้านที่มารอตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงชราคนหนึ่งก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือด นางไอไม่หยุดและมีอาการหอบเหนื่อย


"เรียนท่านหมอ ข้าไอมาหลายวันแล้ว หายใจก็ลำบากเหลือเกิน" นางกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า


ซูเหยาพยักหน้า ก่อนจะเชิญหญิงชรานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ แล้วเริ่มตรวจชีพจรอย่างละเอียด นิ้วเรียวยาววางลงบนข้อมือของหญิงชรา สัมผัสถึงการเต้นของชีพจรอย่างตั้งใจ 


"ชีพจรของท่านยายลอยและเร็ว มีเสมหะในปอดเจ้าค่ะ" ซูเหยาพึมพำ


จากนั้นซูเหยาก็เริ่มดูอาการ พินิจดูสีหน้า ลิ้น และผิวพรรณของหญิงชรา 


"ลิ้นของท่านมีฝ้าขาวหนา สีหน้าซีดเซียว" ซูเหยาบันทึกข้อมูลนั้นไว้ในใจ


เมื่อตรวจชีพจรและดูอาการครบถ้วน ซูเหยาก็เริ่มวินิจฉัยโรค 


“อาการของท่านยายเกิดจากลมเย็นกระทบปอด ทำให้เสมหะอุดกั้น การไหลเวียนของชี่ในปอดไม่สะดวกเจ้าค่ะ" ซูเหยาอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


"ข้าจะให้ยาต้มสมุนไพรเพื่อขับไล่ลมเย็น สลายเสมหะ และบำรุงปอดนะเจ้าคะ" ซูเหยาระบุชนิดของสมุนไพรที่จะใช้ เช่น หม่าหวง สำหรับขับลมเย็น ซิ่งเหริน ช่วยบรรเทาอาการไอและสลายเสมหะ และกานเฉ่า เพื่อปรับสมดุลและบำรุงชี่


ซูเหยาเดินไปยังตู้ยาที่เรียงรายไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด หยิบสมุนไพรที่ต้องการออกมาอย่างเชี่ยวชาญ ชั่งน้ำหนักอย่างพิถีพิถัน และห่ออย่างเป็นระเบียบ


"ท่านยายต้องนำสมุนไพรเหล่านี้ไปต้มในน้ำสามถ้วย จนเหลือเพียงหนึ่งถ้วย ดื่มวันละสองครั้ง หลังอาหารเช้าและเย็น และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือเย็นจัดด้วยนะเจ้าคะ" ซูเหยากล่าวพร้อมมอบห่อสมุนไพรให้หญิงชรา


ก่อนที่หญิงชราจะจากไป ซูเหยากำชับอีกครั้ง 


"ท่านยายโปรดพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการโดนลมเย็น หากอาการไม่ดีขึ้นในสามวัน ให้กลับมาหาข้าอีกครั้งนะเจ้าคะ"


"ขอบคุณท่านหมอซูมากเจ้าค่ะ" หญิงชราโค้งคำนับด้วยความซาบซึ้งใจ 


ซูเหยามองตามหลังหญิงชราที่เดินออกไปจากโรงหมอ แล้วหันไปจัดเตรียมสมุนไพรสำหรับคนไข้รายต่อไปที่กำลังรออยู่หน้าโรงหมอ เมื่อจัดการธุระจนแล้วเสร็จทั้งหมด นางก็หอบตะกร้าเดินทางไปยังศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอต่อเพราะมิอยากผิดคำพูดที่มีต่อองค์ไท่โฮ่ว…



โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน

ค่าจ้าง: 200 อู่จู - 5 EXP (รายวัน)



พรสวรรค์: หมอฝึกหัด (ไม้)

ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-7-4 00:40
โพสต์ 17822 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-3 22:46
โพสต์ 17,822 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-7-3 22:46
โพสต์ 17,822 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-7-3 22:46
โพสต์ 17,822 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2025-7-3 22:46

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +200 ย่อ เหตุผล
Admin + 200

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x14
x4
x1
x1
x6
x4
x4
x23
โพสต์ 2025-7-9 18:31:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 9 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย (เวลา 13.00 - 15.00 น.)



ยามบ่ายคล้อย แสงตะวันรอนสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้ฉลุของโรงหมอเจิ้งเทียน ทว่าความจอแจของผู้คนหาได้ลดน้อยลงไม่ เสียงไอของชายชรา สลับกับเสียงบ่นอุบอิบของหญิงวัยกลางคนดังระงม ซูเหยากำลังสาละวนอยู่กับการตรวจชีพจรให้แก่คนไข้รายแล้วรายเล่า นางวางนิ้วเรียวลงบนข้อมือของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างประณีต สัมผัสถึงจังหวะชีวิตที่เต้นอยู่ใต้ผิวหนัง พินิจพิจารณาอาการอย่างถี่ถ้วน


"ท่านหมอหญิงขอรับ!" เสียงแหบแห้งของชายวัยกลางคนดังขึ้น เขาเดินโซซัดโซเซเข้ามา ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อกาฬผุดพรายเต็มหน้าผาก "ข้าปวดศีรษะมาหลายวันแล้วขอรับ ปวดร้าวไปถึงท้ายทอย ซ้ำยังรู้สึกมึนงง วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม เดินก็เหมือนจะล้มมิใช่ล้ม"


ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมอง ชายผู้นี้มีท่าทางอ่อนแรง เปลือกตาบวมช้ำ ดวงตาแดงก่ำ 


"เชิญท่านนั่งลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ" นางผายมือไปยังเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปตรวจชีพจรของเขา


นิ้วเรียวของซูเหยาแตะลงบนข้อมือของชายผู้นั้น นางสัมผัสได้ถึงชีพจรที่ตึงและแรง แต่บางครั้งก็มีจังหวะสะดุดเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ถึงความผิดปกติของลมปราณ 


"ท่านคงตรากตรำทำงานหนัก มิได้พักผ่อนให้เพียงพอใช่หรือไม่เจ้าคะ?" ซูเหยาเอ่ยถาม 


ชายวัยกลางคนพยักหน้าหงึกๆ 


"ใช่แล้วขอรับท่านหมอ ข้าต้องเร่งทำงานให้ทันส่ง มิได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้ว"


ซูเหยาพยักหน้ารับ นางใช้มืออีกข้างคลำบริเวณต้นคอและบ่าของเขา


"เส้นเอ็นตึงแข็ง ลมปราณติดขัดจนเกิดการอุดตัน ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกจึงเกิดอาการปวดศีรษะและเวียนศีรษะเช่นนี้เจ้าค่ะ" นางอธิบาย "อาการของท่านเป็น อาการปวดศีรษะจากลมปราณและเลือดติดขัด"


จากนั้นซูเหยาก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์การฝังเข็ม นางหยิบกล่องไม้เล็กๆ ที่บรรจุเข็มเงินแวววาวออกมาอย่างคล่องแคล่ว ล้างมือด้วยน้ำสมุนไพรฆ่าเชื้อ และบรรจงเลือกเข็มที่มีความยาวและขนาดเหมาะสม


"ท่านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ การฝังเข็มจะช่วยคลายเส้นที่ตึงแข็ง กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมให้กลับมาเป็นปกติ" ซูเหยาอธิบายให้ชายหนุ่มฟังเพื่อคลายความกังวล "ข้าจะฝังเข็มที่จุดสำคัญเพื่อปรับสมดุลในร่างกายของท่านเจ้าค่ะ"


นางบอกให้ชายผู้นั้นเอนตัวลงบนเตียงไม้ที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นนางก็เริ่มฝังเข็มอย่างระมัดระวัง เข็มแรกนางปักลงที่จุดเหอกู่ ที่หลังมือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยระงับปวดศีรษะและคลายความตึงเครียด จากนั้นเข็มที่สองปักที่จุดไท่ชง ที่เท้าระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เพื่อช่วยระบายความร้อนที่คั่งค้างและปรับการไหลเวียนของเลือดในตับ เข็มที่สามและสี่ ซูเหยาปักที่จุดเฟิงฉือ บริเวณท้ายทอยใต้ฐานกะโหลกศีรษะ ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการรักษาอาการปวดศีรษะและคอเคล็ด สุดท้ายนางปักเข็มลงบนจุดไป๋ฮุ่ย บริเวณกลางกระหม่อมซึ่งเป็นจุดรวมของเส้นลมปราณหยางทั้งหมด ช่วยให้จิตใจโปร่งโล่งและลดอาการเวียนศีรษะ ซูเหยาค่อย ๆ หมุนเข็มแต่ละเล่มเบา ๆ เพื่อกระตุ้นลมปราณ


"ท่านจะรู้สึกหน่วง ๆ หรือชาเล็กน้อยนะเจ้าคะ นั่นเป็นเรื่องปกติแสดงว่าเข็มกำลังทำงาน" นางอธิบาย พร้อมกับจับชีพจรของคนไข้อีกครั้งเพื่อประเมินผล


ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ ซูเหยาก็เริ่มถอนเข็มออกทีละเล่มอย่างบรรจง สีหน้าของคนไข้ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ความซีดเผือดลดลง และมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อย


"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านรู้สึกดีขึ้นหรือไม่?" ซูเหยาถาม


ชายผู้นั้นพยุงตัวลุกขึ้นช้า ๆ เขาลองขยับศีรษะและต้นคอไปมา สีหน้าเต็มไปด้วยความโล่งอก 


"ดีขึ้นมากขอรับท่านหมอหญิง! อาการปวดศีรษะลดลงไปมาก ความมึนงงก็หายไปราวปลิดทิ้ง! ท่านหมอช่างมีฝีมือเยี่ยมยอดนัก!"


ซูเหยายิ้มบางๆ 


"อีกสามวันให้ท่านกลับมาให้ข้าฝังเข็มอีกครั้งนะเจ้าคะ และที่สำคัญที่สุดท่านต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด และรับประทานอาหารให้ครบถ้วน" นางยื่นห่อที่บรรจุยาสมุนไพรต้มให้ "นี่เป็นยาบำรุงเลือดลม ท่านนำไปต้มดื่มวันละสองครั้ง หลังอาหารนะเจ้าคะ"


ชายหนุ่มรับยามาด้วยความซาบซึ้งใจ ค้อมตัวลงคำนับซูเหยาหลายครั้ง 


"ขอบคุณท่านหมอหญิงมากขอรับ ข้าซาบซึ้งในความเมตตาของท่านยิ่งนัก!"


เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากด้านหน้าโรงหมอเจิ้งเทียน ทำให้บรรยากาศที่เคยจอแจอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความวุ่นวายขึ้นไปอีก ซูเหยาที่เพิ่งจัดการผู้ป่วยเสร็จหมาด ๆ ชะงักมือที่กำลังจัดเก็บเข็ม ดวงตากลมโตหันไปมองยังต้นเสียง


“ไท่โฮ่วเสด็จ!” เสียงประกาศก้อง ทำให้ผู้คนในโรงหมอต่างพากันก้มหน้าลงด้วยความเคารพ


ไม่นานนักท่านหมอเจิ้งเซียวเฉิน เจ้าของโรงหมอ ก็รีบรุดออกไปรับเสด็จด้วยท่าทีสงบนอบน้อม ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่จับจ้องด้วยความเลื่อมใส ขบวนเสด็จของไท่โฮ่วไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่คิด มีเพียงขันทีและราชองครักษ์ติดตามมาไม่กี่นาย ไท่โฮ่วในฉลองพระองค์สีม่วงเข้มปักลวดลายงดงาม ก้าวลงจากราชรถอย่างสง่าผ่าเผย พระพักตร์ยังคงความอ่อนเยาว์และงดงาม แม้จะมีริ้วรอยแห่งกาลเวลาปรากฏให้เห็นบ้างก็ตาม


“คารวะไท่โฮ่วพ่ะย่ะค่ะ” ท่านหมอเจิ้งค้อมตัวลงกราบทูล


“ลุกขึ้นเถิดท่านหมอเจิ้ง” ไท่โฮ่วรับสั่งด้วยสุรเสียงอ่อนโยน “วันนี้ข้ามิได้มีกิจอันใด เพียงแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนชาวบ้านและสอบถามสารทุกข์สุกดิบเสียหน่อย”


พระองค์เสด็จเข้าไปในโรงหมอ สายพระเนตรกวาดมองผู้ป่วยที่นั่งรอคิวอยู่ ผู้คนที่อยู่ในโรงหมอต่างพากันคุกเข่าถวายบังคมอย่างพร้อมเพรียง ไท่โฮ่วแย้มพระสรวลอย่างใจดี พลางโบกพระหัตถ์ให้ทุกคนลุกขึ้น


“ไม่ต้องมากพิธี ข้าแค่อยากมาเห็นความเป็นอยู่ของพวกเจ้า” ไท่โฮ่วรับสั่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย


ไท่โฮ่วเสด็จดำเนินอย่างช้า ๆ สายพระเนตรกวาดมองไปรอบ ๆ พลันเหลือบไปเห็นร่างอรชรของซูเหยาที่กำลังจัดเก็บอุปกรณ์ฝังเข็มอยู่มุมหนึ่ง พระองค์แย้มพระสรวลอย่างอบอุ่น


“นี่มิใช่หมอหญิงซูหรอกหรือ?” ไท่โฮ่วรับสั่งด้วยสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยความเอ็นดู “ช่างบังเอิญนักที่เราได้พบกันที่นี่”


ซูเหยาได้ยินดังนั้นก็รีบค้อมตัวลงถวายบังคมอย่างนอบน้อม 


“คารวะไท่โฮ่วเพคะ หม่อมฉันซูเหยาถวายบังคมเพคะ”


“ลุกขึ้นเถิด ไม่ต้องมากพิธี” ไท่โฮ่วโบกพระหัตถ์เบา ๆ 


“เพคะ” ซูเหยาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


พระองค์ทรงพระดำเนินเข้าไปใกล้ซูเหยาอีกเล็กน้อย พลางทอดพระเนตรการจัดเก็บเข็มของนาง 


“การฝังเข็มของเจ้าช่างละเอียดอ่อนและแม่นยำนัก วันนี้เจ้าฝังเข็มให้ผู้ใดไปบ้าง?”


“เรียนไท่โฮ่วเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งฝังเข็มให้กับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มาด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและวิงเวียนเพคะ หม่อมฉันวินิจฉัยว่าเกิดจากลมปราณและเลือดติดขัดจึงทำการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมเพคะ” ซูเหยารายงานด้วยความเคารพ


“ฟังดูน่าสนใจนัก แล้วอาการของเขาเป็นอย่างไรบ้างเล่า?” ไท่โฮ่วพยักพระพักตร์รับฟังด้วยความสนพระทัย 


“ดีขึ้นมากเลยเพคะ” ซูเหยารายงานด้วยรอยยิ้ม “อาการปวดศีรษะและวิงเวียนทุเลาลงไปมากแล้วเพคะ หม่อมฉันได้แนะนำให้เขากลับมาฝังเข็มอีกครั้งและสั่งยาสมุนไพรบำรุงเลือดลมให้เขาไปดื่มด้วยเพคะ”


ไท่โฮ่วทรงพอพระทัยอย่างยิ่ง 


“ดี! ดีมาก! วิชาแพทย์เป็นภูมิปัญญาอันล้ำค่าที่ควรค่าแก่การรักษาไว้ การที่เจ้าสามารถช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากความเจ็บปวดได้เช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่น่ายกย่องยิ่งนัก” พระองค์ทรงทอดพระเนตรซูเหยาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตา “หมอหญิงซู เจ้าตั้งใจทำงานเช่นนี้ต่อไปนะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องเป็นหมอหญิงที่เก่งกาจและเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้อย่างแน่นอน”


“ขอบพระทัยเพคะไท่โฮ่ว” ซูเหยารับคำด้วยความซาบซึ้งใจ


ไท่โฮ่วทรงยิ้ม พลางหันไปทางท่านหมอเจิ้ง 


“ท่านหมอเจิ้งโรงหมอของท่านมีหมอหญิงที่มีความสามารถเช่นนี้ นับเป็นบุญของชาวบ้านโดยแท้”


ท่านหมอเจิ้งรีบค้อมตัวลง 


“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณพะย่ะค่ะ ไท่โฮ่วที่ทรงมีเมตตา”


“เอาล่ะ ข้ามิได้อยากรบกวนการทำงานของพวกเจ้ามากนัก” ไท่โฮ่วรับสั่ง “ข้าเพียงแวะมาเยี่ยมเยียนเท่านั้น” พระองค์ทรงพระดำเนินไปยังประตูโรงหมออีกครั้ง โดยมีท่านหมอเจิ้งและเหล่าข้าราชบริพารติดตาม


ซูเหยามองตามเสด็จไท่โฮ่วจนลับสายตา หัวใจของนางเปี่ยมล้นไปด้วยความปีติ การที่ไท่โฮ่วทรงเอ็นดูและชื่นชมในความสามารถของนางเช่นนี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และเป็นกำลังใจให้นางมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้คนต่อไป



- โรลเพลย์ขอปลดล็อกหัวใจ-


โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน

ค่าจ้าง: 200 อู่จู - 5 EXP (รายวัน)


พรสวรรค์: หมอฝึกหัด (ไม้)

ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-7-9 18:55
โพสต์ 26937 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-9 18:31
โพสต์ 26,937 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-7-9 18:31
โพสต์ 26,937 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-7-9 18:31
โพสต์ 26,937 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 คุณธรรม +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2025-7-9 18:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +200 ย่อ เหตุผล
Admin + 200

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x14
x4
x1
x1
x6
x4
x4
x23
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 25 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 

ยามซวี (เวลา 19.00 - 21.00 น.)



ณ โรงหมอเจิ้งเทียน สถานที่ที่เปรียบเสมือนโอเอซิสแห่งความหวังยามเจ็บป่วย แม้ภายนอกจะดูเรียบง่าย ไม่โอ่อ่าเหมือนจวนขุนนางใหญ่ แต่ภายในกลับอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของสมุนไพรนานาชนิด และความเมตตาที่แผ่ซ่านออกมาจากผู้ดูแล


หลายวันที่ผ่านมา เมืองหลวงต้องเผชิญกับสถานการณ์วุ่นวายจากคดีกักตุนสมุนไพรเถื่อนที่จวนของคุณชายอันเล่อ ข่าวลือและเรื่องราวต่าง ๆ แพร่สะพัดไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนจากโรคภัยไข้เจ็บยิ่งหวาดวิตก ซูเหยาเองก็รู้สึกได้ถึงความกังวลที่เกาะกุมอยู่ในใจ แม้จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย แต่สมุนไพรในโรงหมอก็มีจำกัด การที่ได้ยินว่ามีการกักตุนสมุนไพรจำนวนมากนั้น ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจกับความเห็นแก่ตัวของผู้กระทำผิด


แต่แล้ว...เสียงฝีเท้าหนักแน่นที่ดังมาจากหน้าประตูก็เรียกให้ซูเหยาต้องเงยหน้าขึ้นจากกองตำราแพทย์ที่กำลังจัดเรียงเข้าชั้น เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นตามมา 


"หมอหญิงซูเหยาอยู่หรือไม่?"


ซูเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ใครจะมาหาในยามวิกาลเช่นนี้? เมื่อมองไปที่ประตู ก็พบกับสองร่างที่คุ้นตา ใต้เท้าเถียน และข้างกายคือไต้ซือจื่อหลิง ในชุดคลุมสีเทาเรียบง่าย แววตาของท่านไต้ซือดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย


ซูเหยารีบทรุดกายลงโค้งคำนับอย่างนอบน้อม 


"คารวะใต้เท้าเถียน นมัสการไต้ซือจื่อหลิง ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดให้ข้ารับใช้เจ้าคะ?"


ใต้เท้าเถียนแย้มยิ้มเล็กน้อย พลางโบกมือให้ซูเหยาไม่ต้องมากพิธี 


"ไม่ต้องมากพิธีหมอหญิงซู ที่ข้ากับไต้ซือจื่อหลิงมาในวันนี้ ก็เพื่อแจ้งข่าวดีเรื่องคดีความกักตุนสมุนไพรเถื่อน"


หัวใจของซูเหยาเต้นระรัวด้วยความหวัง นางเฝ้ารอคอยข่าวนี้มานานหลายวัน เพราะรู้ดีว่าผลของคดีนี้จะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านจำนวนมาก นางเงียบฟังด้วยความตั้งใจทุกถ้อยคำที่ใต้เท้าเถียนกำลังจะกล่าว


"หลังจากทางการมีการไต่สวนอย่างละเอียด และมีไต้ซือจื่อหลิงเป็นพยานสำคัญ คดีกักตุนสมุนไพรเถื่อนที่เรือนของคุณชายอันเล่อนั้น ได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็นฝีมือของคนงานในเรือน มิได้เกี่ยวข้องกับคุณชายอันเล่อแต่อย่างใด ผู้กระทำผิดจะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย" ใต้เท้าเถียนเริ่มเล่ารายละเอียดของผลการไต่สวน


ซูเหยาพยักหน้าเล็กน้อย นึกย้อนไปถึงวันที่นางพบเบาะแสสำคัญในเรือนคุณชายอันเล่อ ที่แม้จะไม่ได้พบกับตัวคุณชายอันเล่อโดยตรง แต่หลักฐานที่รวบรวมได้ก็เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นว่าการกระทำนั้นมาจากผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา


"ส่วนของกลางทั้งหมด" ใต้เท้าเถียนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น "ทางราชการพิจารณาแล้วว่าในสถานการณ์ที่ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนจากโรคระบาดและขาดแคลนยา หากทำลายสมุนไพรเหล่านี้ทิ้งก็คงเสียเปล่าและเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก จึงมีคำสั่งให้มอบสมุนไพรทั้งหมดนี้แก่โรงหมอเจิ้งเทียนที่เจ้าทำงานอยู่ เพื่อนำไปจัดทำยาและแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านที่เดือดร้อนอย่างเหมาะสม โดยให้หมอหญิงซูเหยาและหมอเจิ้งเป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเองตามสมควร"


คำประกาศของใต้เท้าเถียนทำให้ซูเหยาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนยินดี ภาระหนักอึ้งที่เคยมองว่าเป็นเพียงความฝัน บัดนี้กลับกลายเป็นความจริงเบื้องหน้า สมุนไพรจำนวนมหาศาลเหล่านั้นจะสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย โรงหมอเจิ้งเทียนจะได้ทำประโยชน์อย่างแท้จริง


"ขอขอบคุณใต้เท้าเถียน และไต้ซือจื่อหลิงเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะที่เป็นธุระให้และให้ความไว้วางใจโรงหมอเจิ้งเทียนของเรา ท่านหมอเจิ้งต้องยินดีมากแน่เจ้าค่ะ" ซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว 


"ข้าขอให้คำมั่นว่าจะใช้สมุนไพรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ไม่ให้เสียเปล่าแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ"


ไต้ซือจื่อหลิงแย้มรอยยิ้มอย่างเมตตา 


"เรื่องนี้เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ขอให้โยมซูจงตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ความดีงามนี้จะนำพาความสุขมาให้โยมและผู้คนอย่างแน่นอน"


หลังจากที่ใต้เท้าเถียนและไต้ซือจื่อหลิงเดินทางกลับไป ซูเหยามองออกไปยังลานหน้าโรงหมอที่บัดนี้เริ่มมีรถม้าบรรทุกสมุนไพรจำนวนมหาศาลทยอยเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แสงจันทร์ส่องต้องกองสมุนไพรที่สูงพะเนิน กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้มแห่งความหวัง นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่จะได้ช่วยเหลือผู้คนอย่างแท้จริง และนางพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นภารกิจอันสำคัญนี้




-จบเควสปลดล็อกหัวใจ-


เควสปลดหัวใจ: สัจธรรมแห่งการเยียวยา (5) จบ

เป้าหมาย : มอบยาให้โรงหมอเจิ้งเทียน


รางวัล

ชื่อเสียงในหมู่ชาวเมืองเพิ่มขึ้น, ค่าความสัมพันธ์กับไต้ซือจื่อหลิงเพิ่มขึ้นมาก


รางวัลหลัก

คัมภีร์ "สัจธรรมแห่งการเยียวยา" - คัมภีร์ที่รวบรวมหลักธรรมคำสอนเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงเคล็ดลับการปรุงยาบางชนิด สามารถนำไปใช้ในการปรุงยาได้


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15553 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 15,553 ไบต์และได้รับ +2 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก หมอป่า  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 15,553 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 15,553 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 15,553 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x14
x4
x1
x1
x6
x4
x4
x23
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้