[ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ]

[คัดลอกลิงก์]





ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ











ทะเลสาบขนาดเล็กกลางป่าเขาที่แตกสายมาจากแม่น้ำลั่วเหอบรรจบอยู่กลางเขาฉินหลิง
ยามค่ำน้ำในทะเลสาบจะสะท้อนแสงจันทร์สีเห็นเป็นสีทองและแสงหิ่งห้อยบินวนเวียนเหนือผิวน้ำ
รายล้อมด้วยหินเรืองแสงอย่างน่าอัศจรรย์มากมาย สร้างความดึงดูดใจแก่ผู้คน
มีหลายครั้งที่คู่เดทมากมายมักจะมายังที่นี่และเป็นอันเสร็จทุกราย ไม่มีคู่ใดรอดพ้น
พรแห่งความรักจากสรวงสวรรค์ ตำนานเล่าขานมาช้านาน





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4341 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-8-2 16:54
โพสต์ 2025-7-17 18:17:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด


【อีเว้นท์ต้อนรับพิภพเทพ】




- ระยะเวลา: 17 - 30 กรกฎาคม 2025 (ยามเว่ย) -

- สามารถสร้างสตอรี่มาพบเจอได้ แต่เขาจะไม่แนะนำตัว จนกว่าจะโรลคุยครบห้าครั้งถึงจะแนะนำตัว 
- ในครั้งที่ 6 คุณมาเจอเขา เขาจะเกริ่นว่าเขากำลังตามหาสุราเซียนเมามายที่ขึ้นชื่อของแดนมนุษย์
ได้ยินว่าสุรานี้ดีนัก อยากจะรู้ว่าคนตั้งชื่ออ้างเซียนในพิภพเซียนนี่พวกเขามีดีจริงหรือแค่ขี้โม้


หากสามารถหาสุราเซียนเมามายมาให้เขาลิ้มลองได้ 1 ไห ได้รับรางวัล:
หินเซียน 10 ก้อน




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4053 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-17 18:17
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x12
x20
x894
x2
x1
x50
x1
x1
x1
x1
x100
x2
x3
x10
x5
x2
x1
x4
x50
x50
x2
x20
x38
x20
x2
x2
x119
x140
x120
x50
x2
x9
x5
x2
x875
x4
x4
x30
x68
x196
x20
x100
x130
x13
x1
x4983
x4
x19
x5
x3
x200
x200
x300
x450
x1
x2
x28
x7
x6
x1
x1
x3
x600
x218
x200
x350
x500
x400
x500
x200
x500
x200
x500
x9
x2
x508
x3
x3
x3
x2
x8
x1
x19

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-13 17:40:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด



กล่าวขานนามว่าผูกพันใต้ต้นหลิว
วันที่ 6 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบสองนาฬิกายี่สิบห้านาทีเป็นต้นไป


กว่าจะได้แยกย้ายกับเหล่าขุนนางก็เหมือนอย่างเคย จากเช้าอากาศสดใสเปลี่ยนมาเป็นช่วงบ่ายที่พึ่งผ่านยามอาทิตย์ตรงศีรษะและกลายมาเป็นการคล้อยตกรอเวลาพักหน้าที่ ครั้งนี้ไม่คล้ายกับหนก่อนเสียทีเดียว ลู่ไป๋หรั่นในอาภรณ์รุ่มร่ามสีครามเข้มก้าวมาอย่างเชื่องช้า เนื่องจากวันนี้นับว่าเป็นวันที่ต้องกลับวังหลวงแล้ว นางจึงสวมใส่ชุดฉิงโหรวตามลำดับขั้นที่ตนอยู่เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาสำหรับสายตาหลายคู่ที่จับจ้อง ทว่าก่อนที่จะได้กลับไปเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น บ่ายวันนี้นางได้รับเชิญจากฝ่าบาทให้มุ่งหน้ามายังบริเวณเนินสูงหลังแนวตั้งกระโจมโดยที่ทราบอยู่แล้วว่าถูกเรียกหาเพราะเหตุใด

“ ยอดอาชานี้มีนามว่าสวีหรือเพคะ? ”

เสียงหวานของนงคราญมาถึงก่อนตัวนางเสียอีก ถัดออกไปผ่านร่างนางราว ๆ หกถึงเจ็ดก้าวยังมีแผ่นหลังของโอรสสวรรค์ผู้ยืนเคียงกับอาชาแดงฉานราวเปลวเพลิง ฉลองพระองค์ของฝ่าบาทวันนี้เป็นสีครามเข้มปักพาดลาดมังกรสีเงินกลางหมู่เมฆ หลิวเช่อขยับใบหน้าหันไปด้านหลังเพื่อปรายตามองผู้มาพร้อมคำถามเล็กน้อย

“ สวีเวยคือนามของมัน ” สวีที่แปลว่าเนิบช้า และเวยที่แปลว่าอานุภาพน่าเกรงขาม นับว่าเป็นนามลึกล้ำที่แปลกหูสำหรับยอดอาชา ตัวเวยยังว่าเข้าท่าแต่สวีเนิบช้านี้..

“ พระพี่นางเป็นผู้ตั้ง ”

เป็นอันเข้าใจได้ หากว่าทั้งหมดนี้มาจากการตัดสินใจของผิงหยางกงจู่

“ เปลี่ยนชุดแล้ว? ”

คำถามนี้ของหลิวเช่อฟังดูไม่เข้าท่าอยู่บ้าง ไป๋หรั่นขมวดคิ้วเล็กน้อยในความคิดนางมองว่าตอนนี้ใกล้ถึงเวลากลับวังอยู่รอมร่อ ฉะนั้นหากได้วนกลับมาอีกครั้งแม้แต่กระโจมเล็กให้เปลี่ยนชุดคงไม่มีเหลือแล้ว ดังนั้นเพื่อความสะดวกนางจึงต้องเปลี่ยนตั้งแต่ก่อนเดินทางเพื่อที่จะได้ไม่เป็นการลำบากต่อผู้คนรอบตัว

ผิดกับหลิวเช่อที่ดูจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องความยากลำบากของสายตาผู้คน เพียงแต่.. ไม่ค่อยจะได้เห็นนางใส่ชุดสีเข้มดูยวนตาเช่นนี้เท่าใดนัก ฮั่นอู่ตี้เหวี่ยงกายขึ้นคร่อมหลังม้าพลางใช้สันเท้ากระทุ้งท้องม้าเป็นสัญญาณให้มันเดินหน้าเข้าใกล้สนมตน

“ หรือว่าหม่อมฉันควรกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดเดิมเพคะ? ” ลู่เจี๋ยยวี่กางแขนออกพลางก้มหน้าสำรวจตัวเองอีกครั้ง ชุดนี้รุ่มร่ามไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เทอะทะลำบากในการเดินทาง หรือว่าสวีเวยไม่อาจรับน้ำหนักได้มาก นางสวมชุดผ้าหนาเท่ากับเพิ่มน้ำหนักให้กับมัน? .. แต่สุดท้ายนางก็พับเก็บความคิดนี้ไปเพราะมันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ยอดอาชาแบกชายชุดเกราะได้แล้วเหตุใดจะรองรับน้ำหนักนี้ไม่ได้

“ ไม่ต้อง ”

จบคำทั้งร่างของนงคราญก็ลอยวืด หลิวเช่อคว้าแขนนางก่อนจะดึงให้ทั้งร่างนั้นถลามานั่งไพล่ตรงเบื้องหน้าเขา ท่อนแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบประคองเอวบางไว้ให้แนบชิดพลางหลุบตาลงมองใบหน้างามที่ซีดขาวไปด้วยความตกใจ “ มือ ” รับสั่งของโอรสสวรรค์สั้นกระชับแต่ก็แผ่วเบาราวเสียงกระซิบ อาจเป็นเพราะความงุนงงทำให้การเคลื่อนไหวของนางเชื่องช้าไม่ถูกใจเขา หลิวเช่อดึงสายบังเหียนมายัดใส่ในมือขาวก่อนจะเคลื่อนมือหนาขึ้นทาบหลังมือเนียนนั้นเพื่อเป็นการกุมไว้ทั้งส่วนหนึ่งของนาง และสายควบคุมทิศทางม้าซึ่งมีผลมากต่อการควบขี่

“ หากไม่ถนัดก็พิงเจิ้นไว้ ”

เขาจงใจหรือไม่ก็ไม่อาจทราบ น้ำเสียงหนักแน่นนั้นกล่าวขึ้นเหนือหูนางอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้ม้าก้าวเท้าไปตามทางโดยไม่แม้แต่จะก้มมองลงมา ทว่าการใกล้ชิดนี้ก็สมจริงเกินกว่าจะเป็นแค่มายาลวงหลอก ในอ้อมแขนเขาไป๋หรั่นสงบเสงี่ยมเป็นอย่างมาก นางเหยียดหลังตรงแต่ก็มิวายสูงได้เพียงแค่บ่ากว้างของโอรสสวรรค์ ตลอดทางที่เคลื่อนผ่านล้วนเต็มไปด้วยแมกไม้ลำธาร ไป๋หรั่นกวาดสายตามองรอบข้างอย่างสนใจกระทั่งมีเสียงทุ้มกล่าวขึ้น “ มีทิวทัศน์ที่เจ้าอยากชมหรือไม่ ”

ทิวทัศน์ที่นางอยากชม..? คำถามนี้ของหลิวเช่อทำให้นงคราญแซ่ลู่กดใบหน้าลงครุ่นคิดไประยะใหญ่ “ หม่อมฉันชอบทิวทัศน์ที่ครบสมบูรณ์เพคะ มีต้นไม้ มีบึงน้ำ มีพื้นที่กว้าง.. พูด ๆ ไปแล้วตำหนักตงเฉินเองก็เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่หม่อมฉันชื่นชอบเป็นอย่างมาก ” เจ้าของตำหนักระบายยิ้มเบาบางเมื่อพูดถึงเขตส่วนตัวที่ครบสมบูรณ์พร้อมในความงาม

“ นับเป็นความโชคดีของหม่อมฉันที่ฝ่าบาทพระราชทานตำหนักตงเฉินให้เป็นที่พำนัก ” ใครจะบอกว่านี่เป็นการกลบรัศมีก็ไม่สำคัญ ตำหนักตงเฉินแค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นอรุณแห่งเหมันต์ ไหนเลยจะเย็นชืดจืดจางอย่างตำหนักเย็น ทว่าเมื่อคิดถึงส่วนนี้ดวงหน้าของโฉมสะคราญก็พลันนิ่งไป “ ขอหม่อมฉันถามพระองค์สักหนึ่งคำถามได้หรือไม่เพคะ ”

หลิวเช่อที่ควบม้าให้เดินเหยาะ ๆ ไปเรื่อยเปื่อยหลุบสายตาลงมองคนที่เงยหน้าขึ้นถาม เดิมทีเขากำลังตริตรองว่ามีที่แห่งใดเหมาะสมสำหรับการพานางไปชมทิวทัศน์เพื่อกลบฝังภาพจำเลวร้ายก่อนหน้านี้บ้าง.. แต่ในเมื่อนางมีสิ่งข้องใจ “ ว่ามา ”

“ เหตุใดฝ่าบาทจึงมอบตำหนักคงเฉินให้กับหม่อมฉัน? ”

นับเป็นคำถามที่ค้างอยู่ในใจมานาน ทุกครั้งที่ฝ่าบาทพระราชทานตำหนักล้วนไม่มีผู้ใดทราบเหตุผล และเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าทูลถามเพราะคงกลัวที่จะต้องเผชิญกับคำตอบเชิงว่าเลือกไปส่ง ๆ โดยไม่ได้ไยดีความหมาย.. แต่ลู่ไป๋หรั่นไม่ได้เกรงกลัวในเรื่องเช่นนั้น

“ เหตุใดหรือ.. ” เพราะสมาธิไม่ได้อยู่แค่ที่เพียงคำถาม เขายังต้องประคองทั้งม้าทั้งคน โอรสสวรรค์ทวนทำถามออกมาผ่านเสียงพูดแค่ไม่ถึงครึ่ง ส่วนที่เหลือก็ดังซ้ำชัดอยู่ในห้วงความคิดของเขา “ เจ้าเป็นคนที่ดูเหมาะกับตำหนักนั้น ”

ทรงเห็นหม่อมฉันเป็นผู้ทรงศีลหรือ? ไป๋หรั่นกะพริบตาช้า ๆ พลางพยายามทำความเข้าใจกับคำว่าดูเหมาะกับตำหนักนั้น ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าตำหนักตงเฉินมักเป็นที่ประทับของสนมผู้ซึ่งเลื่อมใสหรือมีผลงานโดดเด่นในด้านความกตัญญูมาตลอดหลายรัชสมัย.. ทว่านางกลับไม่ทันได้นึกว่าความหมายของเขาจะเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้นมาก

ไป๋หรั่นอาจคล้ายโฉมงามปานเทพีฉางเอ๋อบนจันทรา ทว่าในสายตาโอรสสวรรค์นางกลับเป็นสุริยาดวงน้อยที่พร้อมไปด้วยเสน่ห์แผดเผาใจรวมไปถึงความสามารถในการโน้มน้าวที่ทำให้ผู้คนล้วนตกอยู่ในภวังค์ คล้ายกับพระอาทิตย์ส่องแสงในยามสนธยา งดงามยิ่ง จำเป็นยิ่ง และดูสงบยิ่ง

แต่เมื่อเปรียบนางเป็นฤดูกาล หลิวเช่อค้นพบว่าสาวงามดั่งวสันต์มีอยู่มากแต่ที่สงบราวเหมันต์กลับมีน้อยนัก ภายใต้ชุดขาวสีหวาน ลู่ไป๋หรั่นสามารถเปลี่ยนความชดช้อยอ่อนแอให้กลายมาเป็นสูงส่งได้ไม่ยาก ประจวบกับตัวตนของนางที่นวลตาคล้ายกับหยกเย็นก้อนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีที่ไหนเหมาะกับนางไปมากกว่าตงเฉิน และในขณะเดียวกันสถานที่ตั้งของตำหนักก็นับว่าเป็นบริเวณที่ดีมาก

ที่นั่นห่างไกลจากความวุ่นวาย คล้ายมุ่งหน้าสู่แดนลับแลซึ่งมีเซียนหญิงสถิตย์อยู่ อีกทั้งบทสนทนาของเขาและนางมักเป็นการหารือที่ใช้ความคิด หลิวเช่อเลยชื่นชอบเป็นพิเศษหากว่าตนมีเวลาได้ครุ่นคิดไปตลอดการเดินทางระหว่างสองตำหนักว่าสมควรรับมือกับนางแบบไหน ทดสอบนางเช่นใด เพียงแค่คิดเท่านี้โอรสสวรรค์ก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาก มือหนาที่กอบกุมมือนางไว้กระชับสัมผัสให้แน่นขึ้นพลางเร่งความเร็วม้าราวกับตัดสินใจได้แล้วว่าสถานที่ปลายทางจะเป็นจุดใด

“ ฝ่าบาท เราออกห่างจากบริเวณตั้งกระโจมถึงเพียงนี้เป็นเรื่องดีแน่หรือเพคะ หากว่ากลับไปไม่ทั—- ”

“ เราจะไม่กลับไป ”

เสียงของนางขาดช่วงไป หาใช่เพราะคำตอบนั้น แต่เป็นเพราะใบหน้าคมคายเปี่ยมเสน่ห์ที่ก้มลงเอ่ยในยามที่นางเงยหน้าขึ้นมองเขาพอดี ปลายจมูกเชิดรั้นของคนงามสัมผัสเข้ากับส่วนปลายที่งุ้มลงของอวัยวะเดียวกัน ต่างก็เพียงจมูกนั้นไม่ใช่ส่วนของจมูกบนใบหน้านางอีกต่อไป

ห้วงเวลาหยุดชะงักเช่นเดียวกับลมหายใจที่เงียบไป เบื้องหน้าของกันและกันต่างก็เป็นผู้ครองโฉมเลิศล้ำระดับผลาญใจคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่ไป๋หรั่นที่นับสวยวันสวยคืนไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพัฒนาความงามนี้ลงได้ ต่อหน้านงคราญงามหยาดฟ้าแม้แต่ผู้ที่แข็งดุจหินผายังต้องสั่นไหว

ระยะห่างของใบหน้าทั้งสองเริ่มร่นเข้าหากันช้า ๆ ตามแรงดึงดูดของธรรมชาติที่ผลักให้ต่างฝ่ายล้วนตกอยู่ในภวังค์ รวมไปถึงความปรารถนาลึกในใจที่อยากจะซึบซาบกลิ่นฝูหรงเบาบางในระยะชิดใกล้ จวบจนเสียงร้องครวญสายหนึ่งดังขึ้นขัดการเคลื่อนไหว เป็นไป๋หรั่นเองที่เบี่ยงหน้าหลบพระพักตร์มังกรก่อนจะวางมืออีกข้างทาบลงกับมือแกร่งที่บีบแน่นจนมือขาวใต้แรงนั้นพลันเจ็บไปด้วย เพราะถึงแม้สัญชาติญาณจะนำพาให้เข้าหา แต่ความพยายามในการควบคุมตนเองก็ส่งออกมาผ่านส่วนอื่นของร่างกาย

จักรพรรดิไร้ซึ่งคำขอโทษ หลิวเช่อที่ยืนหยัดในความคิดนี้มาเสมอผ่อนลมหายใจออกผ่านริมฝีปากพลางประคองมือนงคราญที่แดงช้ำขึ้นพิศดู “ เจ็บมากหรือไม่ ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมาหลายระดับ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรู้สึกผิด หรือกลัวว่านางจะหวั่นเกรง

“ .. หากออกแรงต่อไปอีกนิด เชื่อว่าคงมากอยู่เพคะ ” ไป๋หรั่นไม่ใช่จำพวกที่ตอบว่า ‘ ไม่เจ็บเลย ’ หรือ ‘ เจ็บมาก ’ นางปัดสองตัวเลือกนั้นทิ้งพลางสร้างเส้นทางใหม่ขึ้นมาที่ไม่ทำให้ผู้คนต้องลำบากใจมากจนเกินไป สาวงามแซ่ลู่ระบายยิ้มช้า ๆ พลางพลิกมือเป็นฝ่ายจรดนิ้วลงกับอุ้งมือหนา “ อีกเดี๋ยวก็คงหายแล้ว ว่าแต่ที่พระองค์ทรงตรัสว่าไม่กลับไปนี่? ”

“ เจิ้นบอกเว่ยชิงให้นำขบวนหลวงกลับไปตามทางสายหลักมิต้องรอพวกเรา เจ้าเป็นคนที่ออกนอกรั้ววังน้อยสุดทั้งยังไม่ค่อยได้ไปไหนไกล พาเจ้าเที่ยวชมรอบนอกเสียหน่อย ไม่นับว่าเสียเวลา ” ว่าจบเขาก็กระตุกสายบังเหียนส่งให้ม้าเดินไปอย่างเชื่องช้าตามเส้นทางขึ้นเขาสายหนึ่งที่ดูแล้วไม่คล้ายว่ายังอยู่ในพื้นที่เดิม เจ้าแผ่นดินทราบดีว่ายามนี้ตนพานางออกมาจากเขตหลวงเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าแถวนี้คงเป็นเส้นขึ้นสันเขาฉิงหลิน .. และหากพูดถึงเขาฉิงหลิน ย่อมต้องนึกถึงทะเลสาบเยว่ปิงเหอ

“ อีกไม่ไกลจะมีทะเลสาบแห่งหนึ่ง หากเจ้าชอบบรรยากาศนั้นเราก็พักให้ม้าดื่มน้ำกินหญ้ากันสักครู่ ” เป็นครั้งแรกในรอบวันที่โอรสสวรรค์บอกกล่าวก่อนตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าไป๋หรั่นก็ไม่ปฏิเสธ เจ้าของม้าว่าอย่างไร นางก็เห็นชอบตามนั้น ดังนั้นทั้งสองจึงอาศัยม้าเดินย่ำเอื่อยอาดไปจนถึงทะเลสาบแห่งหนึ่งที่งดงามราวกับภาพฝัน..

แม้จะไม่ใช่ทะเลสาบกว้างไกลไพศาลแต่ก็แผ่พื้นที่ไปเกือบหนึ่งส่วนสามของเชิงเขา รอบด้านปกคลุมไปด้วยต้นหลิวผสานมากับต้นสนที่คอยยื่นกิ่งหย่อนลงพรมผิวน้ำที่คล้ายจะสงบแต่ก็ไม่ตลอด เหล่าผู้มาเยือนล้วนปล่อยสายตามองกระแสน้ำแช่มช้าอันเป็นการประกาศผ่านวิธีทางธรรมชาติว่าทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีทางน้ำไหลผ่าน พลางก้มลงมองหินกรวดด้านใต้น้ำใสที่แวววาวรับแสงอาทิตย์เกิดเป็นภาพเพ้อฝันถึงบึงอัญมณีที่ระยิบระยับไปด้วยแสงดาว

“ ชอบหรือไม่ ”

หลิวเช่อถามคนที่เหม่อลอยไปหลายอึดใจด้วยน้ำเสียงที่เจือความขบขันเอาไว้จนเมื่อเห็นว่าเนตรหงส์นั้นสั่นระริกด้วยความปลาบปลื้ม โอรสสวรรค์ก็ไม่รีรออีกต่อไป ชายร่างสูงเพรียวคล้ายอ้อมแขนออกจากตัวนางพลางตวัดขาลงจากหลังม้า และหันกลับมาอุ้มสาวงามลงจากม้าด้วยสองมือของตนเอง

“ เจิ้นจะนำม้าไปผูก เจ้าหาที่นั่งหรือไม่ก็เดินชมโดยรอบไปก่อนเถิด ” และเมื่อพูดจบ เขาก็หันจูงม้าเดินไปอีกทางโดยไม่รอให้เจี๋ยยวี่หยกได้ตอบรับเลยแม้แต่น้อย ทว่าเรื่องนั้นจะไปสำคัญอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าทิวทัศน์ระดับแดนเซียนนี้

ไป๋หรั่นก้าวเดินช้า ๆ พร้อมสูดกลิ่นธรรมชาติอันบริสุทธิ์ยิ่งกว่าที่ใดที่นางเคยไป ร่างอรชรในอาภรณ์ครามหมุนรอบกายจนดูคล้ายนางเซียนผู้ลงมาเที่ยวเล่นในทุ่งหญ้าของโลกมนุษย์โดยมีชายโชคดีคนหนึ่งเดินย้อนกลับมาเห็นเข้าพอดี การได้เห็นทั้งทิวทัศน์ล้ำเลิศ และคนงามเฉิดฉันในเวลาเดียวกันช่วยชะลอฝีเท้าของโอรสสวรรค์ให้ช้าลงราวกับอย่างหน่วงเวลานี้ไว้ให้ยืดยาว

ทว่าเซียนหญิงกลับเห็นเข้าเสียแล้ว นางหันกลับมายิ้มให้กับเขาและก้าวเดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ “ ริมนั้นมีต้นหลิวใหญ่ช่วยบังแดดได้ไม่เลว ฝ่าบาทคิดอย่างไรเพคะ พวกเรานั่งใต้ร่มไม้นั้นสักประเดี๋ยวดีหรือไม่ ” นางถามความเห็นเขาก่อนในทุกครั้งที่จะตัดสินใจ ส่วนนี้นับว่าเป็นหนึ่งในความน่าเอ็นดูที่ทำให้ลู่เจี๋ยยวี่ไต่ขึ้นมาเป็นสตรีอันดับต้น ๆ ในสายตาของเขา

“ อยากนั่ง? ” เขาถามกลับเสียงเรียบ

“ หม่อมฉันเพียงแค่มองหาบริเวณที่ดีต่อพระองค์ที่สุดเพคะ ”

ไม่ใช่ชอบหรือไม่ชอบแต่เป็นการนึกถึงเขา?

หลิวเช่อทราบดีอยู่แล้วว่าเทพธิดาน้อยผู้นี้มีฝีปากไม่ธรรมดาถึงขนาดที่ต่อรู้อยู่แล้วก็ยังไม่สามารถตั้งตัวให้ชินได้อยู่ดี “ งั้นก็นั่งเถอะ ” โอรสสวรรค์ปล่อยให้นางนำไป ส่วนตัวเองก็เดินตามอย่างไม่เร่งร้อนจนมาถึงใต้ไม้ใหญ่ที่สาวงามทรุดกายลงนั่งกับพื้นได้โดยไม่มีท่าทางอิดออด พร้อมกันนั้นยังคลี่กระโปรงคลุมพื้นคล้ายเตรียมที่นั่งไว้ให้เขาพร้อมสรรพ

“ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจถึงเพียงนี้ ” ฮั่นอู่ตี้ปฏิเสธความหวังดีอย่างไร้เยื่อใย เขาปัดผ้าส่วนของอาภรณ์สตรีออก และทิ้งตัวลงนั่งพิงลำต้นอยู่ข้างกายนาง เทพธิดาจำแลงลอบพิจารณาดูใบหน้าของชายสูงศักดิ์ที่ยามนี้เปลี่ยนมาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเรียบง่ายแต่ก็ยังดูสูงส่งด้วยความประหลาดใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขายื่นหอบผ้าขนาดใหญ่ของนางมาให้

“ นับว่าโชคดีอยู่บ้างที่หม่อมฉันเตรียมอาหารมา ” ไป๋หรั่นคลายปมของห่อผ้าออกเผยให้เห็นผีผาและกล่องอาหารอยู่ราว ๆ สามสี่กล่อง สองในสี่นั้นเป็นกล่องอุปกรณ์ ส่วนอีกสองกล่องนั้นคือข้าวและกับที่เตรียมไว้และเมื่อเปิดฝากล่องออกก็พบกับกุ้งผัดชาหลงจิ่งชั้นดีที่ส่งกลิ่นหอมฉุยคล้ายพึ่งออกมาจากกะทะ “ กุ้งผัดชาหลงจิ่งหากทานกับชาบุปผาจะรสชาติดียิ่งนัก ฝ่าบาททรงควบม้ามาไกล เสวยเติมแรงสักนิดเถิดเพคะ ”

เจี๋ยยวี่แซ่ลู่พูดไปก็รินชาไป นับเป็นการปรนนิบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พบเห็นจนชินตาทว่าก็ไม่คล้ายเดิมไปเสียทีเดียว ทั้งหลิวเช่อและลู่ไป๋หรั่นต่างใช่เวลารับประทานอาหารกลางวันร่วมกันอย่างเงียบงัน จนกระทั่งถึงคราวเก็บสำรับที่เมื่อเก็บเสร็จแล้วตามประสาผู้ดีมีเงินก็สมควรที่จะไปล้างมือเสียหน่อย ตรงพื้นที่แถวบฝริมทะเลสาบเป็นพื้นเรียบทำให้นางมีความมั่นใจว่าจะไม่ผลัดตก

สองมือจุ่มลงกับน้ำเย็นใสกระจ่าง โฉมงามปล่อยสายตาเลื่อนลอยไปกับผิวน้ำจนสะดุดกับเหล่าใบไม้ที่ปลิวพริ้วร่วงหล่น .. กินข้าวก็กินแล้วแต่ฝ่าบาทยังไม่มีท่าทีจะลุกไปไหน หรือว่าต้องนั่งพักอีกสักเดี๋ยว? แต่จะให้นั่งพักไปโดยไร้จุดหมาย ไป๋หรั่นก็พลันรู้สึกอึดอัดเกินกว่าจะปล่อยให้มันดำเนินไปตามเส้นทางนั้น นงคราญหยกลอบถอนหายใจช้า ๆ พลางเอื้อมไปหยิบใบไม้ที่ทรงต่างกันมาสะบัด ๆ น้ำออก ก่อนจะเดินกลับไปหาสวามีที่ยังคงนั่งรออยู่ใต้ร่มไม้

“ ฝ่าบาทเคยฟังขลุ่ยใบไม้หรือไม่เพคะ? ”

คำถามนี้เรียกให้เนตรมังกรตวัดกลับมามองบนร่างบางที่เดินเยื้องย่างเข้ามานั่งอยู่ข้างกายตนอีกครั้ง “ เคย ” ยังคงความเป็นเสือยิ้มยากทั้งยังปากหนักเหมือนอย่างเคย หลิวเช่อหลุบตาลงมองมวลใบไม้ชื้นบนมือสนมของตัวเองแล้วก็ขบขันอยู่ในใจ แม้แต่แนวทางการเลือกใบไม้ยังทำไม่ถูก ดูแล้วแม่นางน้อยคงนึกอยากทดลองสิ่งใหม่

“ หม่อมฉันมักเห็นพ่อค้าคาราวานที่รู้จักเป่าอยู่บ่อย ๆ เหมือนว่าตอนเด็กเองก็เคยฝึก.. เสียก็แต่จำไม่อาจจำได้แล้วว่าเป่าออกมาดีหรือร้าย ” ไป๋หรั่นปล่อยกองใบไม้ในมือลงกับตัก เช่นเดียวกับสายตาคมของโอรสสวรรค์ที่พินิจดูใบไม้เหล่านั้นก่อนจะเอื้อมมาหยิบใบไม้ออกไปหนึ่งใบเพื่อนำมาพลิกเล่นไปมาผ่านปลายนิ้วที่คีบอยู่กับก้านอ่อนของตัวใบ

ใบไม้เขียวทรงอ้วนถูกยกขึ้นจรดกับริมฝีปากบางต่อหน้าสายตาเฝ้าคอยของชายผู้ทราบวิธีเป่าเป็นอย่างดี เมื่อได้เห็นสีหน้าแววตาจริงจังรวมไปถึงท่าทางที่พอจะดูใช้ได้ของอีกฝ่าย จากความคิดที่จะออกปากปรามก็เปลี่ยนมาเป็นปล่อยผ่านและมองตามอย่างรอคอยจวบจนนงคราญหยกเปิดริมฝีปากสูดเอาลมหายใจมากักเก็บไว้ในตัว ก่อนจะเป่าออกมาเสียงดัง—- ฟิ้ว…

ใบไม้เมื่อต้องลมยังลอยเอื่อย แล้วนับประสาอะไรกับการถูกเป่าในระยะประชิด

ส่วนหนึ่งของต้นไม้ที่บอบบางยิ่งปลิวไสวตามลมจากปากฉ่ำมุ่งไปจนเกือบแปะเข้ากับใบหน้าของโอรสสวรรค์ เคราะห์ดีที่ฝ่ายชายเอียงศีรษะหลบได้อย่างสบาย ๆ จึงส่งผลให้ใบไม้นั้นสัมผัสเข้ากับลำต้นหลิวก่อนจะคล้อยตกลงมาประดับอยู่บนบ่ากว้างของคนที่พึ่งหลบการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ไปหมาด ๆ

“ ที่แท้หาใช่การบรรเลงเพลง แต่เป็นลอบทำร้ายนี่เอง ”

แทนที่จะเป็นความอับอาย นางกลับรีบโน้มเข้ามาปัดใบไม้ตัวร้ายออกจากช่วงไหล่ของสวามีพร้อมสีหน้ายับยุ่งที่แฝงความเป็นห่วงมาอีกหนึ่งระลอก “ ฝ่าบาทถูกใบไม้บาดหรือเพคะ? ” ดูเหมือนครั้งนี้ลู่ไป๋หรั่นจะไม่ได้คิดทบทวนว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แล้วสิ่งที่ตัวเองเป่าออกไปนั้นเป็นแค่อะไร

“ เจิ้นดูเหมือนคนที่บาดเจ็บได้แค่เพราะใบไม้ใบเดียวหรือ ”

อันที่จริงก็ไม่..

“ แน่นอนว่าไม่ แต่หากว่าบังเอิญเป็นจังหวะที่เหมาะสมโดยไม่รู้ตัว ”

“ เจ้ามีความสามารถมากเพียงนั้นเชียว? ”

ครั้งนี้คนงามไร้ซึ่งคำโต้แย้งใด ๆ

หลังจากอึกอักอยู่พักใหญ่ สาวงามที่หมายจะยอมแพ้ต่อการพยายามหากิจกรรมยามว่างก็หันไปอีกทางพลางพูดขึ้นว่า “ หม่อมฉันไปเดินเล่นสักนิ—- ” แม้จะยังไม่ทันได้ลุกหนี แต่ทั้งร่างก็ถูกดึงกลับให้ซวนเซไปชนกับอกแกร่ง กลายเป็นอีกครั้งที่นางตกอยู่ในกำมือของโอรสสวรรค์ผู้เดิม

สองเนตรคมเชิดดูร้ายกาจมองสบกันใต้เงามืด หลิวเช่อประคองกายบางให้ลุกนั่งดี ๆ อีกครั้งพลางยกใบไม้ในมืออีกข้างของตนขึ้นสู่ระดับสายตาของนาง “ บางไปไม่ดี หากจะเป่าสมควรใช้ความหนาเช่นใบนี้ ” ที่แท้แต่แรกเขาก็คัดใบดีใบเดียวที่ใช้ได้ในกองออกไปแล้ว ไป๋หรั่นละสายตาจากใบไม้สีเขียวสดกลับไปเป็นใบหน้าคมคายนั้นอย่างช้า ๆ

“ อย่าใช้ลมจากอก เจ้าต้องใช้ลมจากท้อง ”

กล่าวจบหลิวเช่อก็ดันแผ่นหลังออกจากการพิงต้นไม้ใหญ่ เปลี่ยนมาเป็นการจรดใบสีเขียวลงกับกลีบปากสวย “ มือ ” เขาพูดถึงมือนางก็ได้แต่ยกมือ เหมือนกับตอนที่กุมบังเหียนไว้ไม่มีผิด หลิวเช่อปล่อยให้นางเป็นฝ่ายสัมผัสกับสิ่งของ ก่อนจะนำมือของตัวเองมาทาบทับจัดรูปแบบให้เข้าที่เข้าทาง

“ ลองอีกครั้ง ” ครั้งนี้แม้แต่สายลมยังสงบคล้ายรอรับฟังความสำเร็จ.. ไป๋หรั่นหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมสูดหายใจเข้ารับทั้งกลิ่นใบไม้เขียวสดรวมไปถึงกลิ่นเจือจางของควันไม้อวลตลบที่โชยมาจากโอรสสวรรค์ ก่อนจะเป่าลมเหล่านั้นออกมาเป็นเสียงแหลมสูงก้องกังวานหนึ่งสาย

ไป๋หรั่นเปิดเนตรหงส์ขึ้นเต็มขนาด นงคราญหยกนิ่งงันไปเล็กน้อยหลังจากได้เ้ห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เรื่องน่าตะลึงไม่ใช่การที่รื้อฟื้นความสามารถเก่า ๆ ขึ้นมาได้ แต่กลับเป็นดวงหน้าสลักเสลาคมคายที่หยักยิ้มมุมปากเบา ๆ พลางกล่าวขึ้นว่า “ ก็ทำได้นี่ ”

“ หม่อมฉัน.. หม่อมฉันว่าตัวหม่อมฉันสมควรทำอย่างอื่นดีกว่า ” นางแซ่ลู่หลบหลีกความรู้สึกประหลาดเหล่านี้อย่างรวดเร็ว นางถอนริมฝีปากออกจากใบไม้ที่ตนถือไว้ และค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออกจากการกอบกุมภายใต้สายตาพิจารณาของผู้เป็นสามี หลิวเช่อก็ไม่ได้บีบคั้นบังคับ โอรสสวรรค์ถอยกลับมาพลิกหมุนใบไม้ที่เคยสัมผัสริมฝีปากสาวงามไปมาเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ด้านเจี๋ยยวี่หยกขาวที่ยอมแพ้จากการพยายามก็นางกลับมายกผีผาของตัวเองขึ้นปรับสายไปพลาง ๆ ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงพื้นบ้านกล่อมเกลาบรรยากาศให้กลับมาปลอดโปร่งเช่นเคย



“ เพลงดี ”

หลังจบเพลง ชายที่หลับตาฟังเสียงเล็กแหลมของเครื่องสายก็ลืมตาขึ้นมองคนข้างกาย “ ตำลึงทองสองห่อนี้หากข้าให้เจ้าเลือก เจ้าจะเลือกห่อใด ” ราวกับเขากลัวว่านางจะขับข้องใจกระมังที่ปรนนิบัติเขาแต่กลับไม่ได้ของตอบแทนมาเลยสักชิ้น ห่อตำลึงทองสองห่อไม่ระบุจำนวนถูกยืนมาตรงหน้า ห่อที่ใหญ่กว่าถูกเย็บขึ้นมาจากผ้าสีถ่านปักลายเรียบด้วยด้ายดำดูกลืนไปกับพื้นผิวแต่ก็ยังเห็นร่องรอยเส้นฝีเข็ม ส่วนอีกห่อที่เล็กลงมาเป็นห่อตำลึงจากผ้าสีเงินปักลายพยัคฆ์ไว้ ดูคล้ายของที่เหล่าแม่ทัพนายกองนิยมพก

ถึงจะประหลาดใจ แต่สาวงามผุดผาดยังคงใช้ความคิดอย่างสงบ ดูแล้วเพลินตาเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ในเวลาที่นางอ้าปากกล่าววาจาทีเล่นทีจริงออกมา ยังแทรกไว้ด้วยกิริยาอ่อนโยนสงบนิ่งถึงเจ็ดส่วน “ ดูแลปรนนิบัติท่าน ลำพังแค่มื้ออาหารก็ใช้ทุนทรัพย์ไปไม่น้อย หม่อมฉันย่อมต้องเลือกห่อใหญ่ ” คำตอบของนางเขาได้ฟังแล้ว ทว่าหลิวเช่อกลับไม่คิดว่าตัวเลือกจริงจะเป็นอย่างนั้น โอรสสวรรค์ไม่ตัดสินแค่เพียงคำพูด สีหน้าของเขาเรียบนิ่งพร้อมยื่นมือที่ถือห่อตำลึงทองไปตรงหน้านงคราญอีกครั้ง

“ ไหนกล่าวว่าการปรนนิบัติเจิ้นใช้ทุนทรัพย์เยอะนัก ” ดังคาดการกระทำของนางหาได้ไปทางเดียวกับคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ หลิวเช่อมองดูคนที่หยิบห่อตำลึงทองที่มีขนาดเล็กกว่าอีกห่อออกไปด้วยสายตาที่อ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว

“ หม่อมฉันเป็นสนม ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องพกเงินถุงเงินถังเยอะเกินตัว จริงอยู่ที่แต่ละสำรับหลายครั้งหม่อมฉันลงทุนด้วยตนเอง แต่ถ้าเทียบแล้วทุนที่ฝ่าบาทใช้ในการชุบเลี้ยงเหล่าสนมก็มีมากเกินกว่าจะประเมินได้ อีกอย่าง.. ต้นทุนที่ดีอยู่ในมือพระองค์ย่อมได้รับการต่อยอด สำหรับหม่อมฉันมีแค่พอจับจ่ายของสวย ๆ งาม ๆ ส่วนตัว หรือเก็บไว้เสริมทุนให้พระองค์ก็พอแล้ว ” เดิมทีตระกูลลู่ก็รวยล้นฟ้าอยู่แล้ว .. มาอยู่ในวังช่วยลดเรื่องค่าใช้จ่ายบางส่วน แต่ในขณะเดียวกันก็เสียไปไม่น้อยกับการเตรียมของปรนนิบัติ

ลู่ไป๋หรั่นเป็นนักขยายความที่ดีเยี่ยม หลิวเช่อฟังเหตุผลจากปากนางพลางพยักหน้ารับเป็นจังหวะ แม้ในใจลึก ๆ จะรู้สึกได้ถึงความห่างเหินบางอย่าง..

“ ผู้ใดได้เจ้าเป็นภรรยา นับว่าโชคดี ”

คำพูดนี้ของเขาฟังแล้วน่าขบขันอยู่บ้าง นงคราญหยกหัวเราะเสียงเบาพร้อมกับหันมองทิวทัศน์ทะเลสาบดุจแดนเซียนด้วยสายตาเศร้าโศกเจือจาง “ ฝ่าบาท พระองค์คือสามีของหม่อมฉัน ” ผูกพันธะโดยไร้งานวิวาห์ ขาดการกราบไหว้ฟ้าดิน แม้แต่คืนร่วมหอยังไม่อาจเรียกได้ว่ามี.. ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยานี้ทั้งเบาบางและตื้นเขิน

“ … ”

“ เช่นนั้นเรียกข้าว่าฟูจวิน (สามี)

เสียงทุ้มที่ดังขึ้นคลายความเย่อหยิ่งถือดีลงไปหลายส่วน เหลือเพียงคราบของชายชาตรีห้าวหาญที่สามารถเป็นได้ทั้งนักรบเก่งกล้าหรือปัญญาชนเคร่งจารีต ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ราวดอกท้อเคลื่อนขึ้นมองเสี้ยวหน้างามที่หันกลับมาช้า ๆ ผู้ร่วมชมความเป็นไปของโลกหล้า ผู้เชื่อมใยผสานวาสนา เส้นทางคราวเคราะห์ของมวลมนุษย์ล้วนแต่ถูกทักถอขึ้นผ่านจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งเดียว

การเป็นหวงตี้ที่ดี.. แลกมากับไม่สามารถเป็นสามีที่ดีได้ดังควร

และการเป็นภรรยาที่ดี.. ก็ขัดกับเส้นวิถีการเป็นสนมที่ปลอดภัย

วาสนารวมไปถึงโชคชะตานี้เดิมพันด้วยชีวิตทั้งมากและน้อย เรื่องราวของนางในใจเขา.. อาจเป็นได้เพียงหนึ่งเส้นทางเล็ก ๆ ที่ถูกบีบรัดให้หลบซ่อนใต้เงามืด ต่างจากเรื่องราวของชายในใจสตรีที่ถูกขับให้แสดงออกเพื่อความมั่นคง หากตอบรับ ความไม่เท่าเทียมนี้จะกัดกินใจไปอีกนานชั่วนาน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากำแพงเหล็กที่กำลังแง้มประตูออกในรอบหลายสิบปี

แม้แต่คำว่าสมบูรณ์แบบก็ยังไม่เพียงพอต่อการพรรณนาถึงเรือนร่างอันเพรียวบางที่มาพร้อมรูปลักษณ์ของโฉมงามล่มบ้านล่มเมือง ดวงหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาปราศจากโลกีย์นั้นดูคล้ายเทพธิดาจันทราลงมาจุติ ไร้ตำหนิ ไร้ข้อด้อย เพียงแย้มยิ้มก็ปัดเป่าทุกข์โศกให้เลือนหาย ชั่วขณะหนึ่งที่ดวงตาดอกท้อจรดมองบนร่างนั้นก็ค่อย ๆ ได้ยินเสียงแผ่วเบาที่มาพร้อมการขยับริมฝีปาก

ที่แท้เป็นคำว่า ‘ ฟูจวิน ’ ที่ลอยมาตามลมอย่างแผ่วเบา เลื่อนลอย และตื้นเขิน ราวกับฝันตื่นหนึ่ง



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง และ +5 ชาหรือสุราก็ได้
+5 โบนัสความสัมพันธ์อาหารประเภท อาหารปรุง
+5 โบนัสความสัมพันธ์ชาประเภทชงชา

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ปลอมตัวเที่ยวฉางอันกับหวงตี้ตามลำพังสองคน 1 วันเต็ม +30 บารมี - ขีดฆ่าคำว่าปลอมตัว
ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี
ครับ จะโบนัสอีเว้นท์อะไรก็ว่ามา






แสดงความคิดเห็น

+35 โบนัสความโปรดปรานจากหวงตี้ เขาพึงพอใจในความพอเพียงของหญิงสาวและไม่โลภ รู้จักพอดี  โพสต์ 2024-8-13 17:59
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2024-8-13 17:58
โพสต์ 64168 ไบต์และได้รับ 36 EXP!  โพสต์ 2024-8-13 17:40
โพสต์ 64,168 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พัดชิงหลิ่ว  โพสต์ 2024-8-13 17:40
โพสต์ 64,168 ไบต์และได้รับ +8 EXP +35 คุณธรรม +25 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-13 17:40

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +30 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +130 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30 + 1 + 130

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

1

กระทู้

39

ตอบกลับ

5166

เครดิต

เสาหลักพวกพ้อง

พลังน้ำใจ
4927
ตำลึงทอง
45
ตำลึงเงิน
477
เหรียญอู่จู
11886
STR
25+15
INT
30+0
LUK
30+20
POW
20+0
CHA
0+0
VIT
15+12
คุณธรรม
878
ความชั่ว
0
ความโหด
542
โพสต์ 2024-8-25 22:55:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 25 เดือน 8 เจี้ยนหยวนศกที่ 10

เวลา 14.00-18.00



ทะเลสาบกลางป่าเขาเป็นสถานที่อันเงียบงัน หลงเสวียนค่อย ๆ เดินมาอย่างช้า ๆ คอยชมมองดูธรรมชาติทอดผ่านสายตาเย็นเฉียบ


อาภรณ์ขาวบริสุทธิ์ดุจดั่งเทพเซียนพริ้วไสว นัยน์ตาสังเกตเห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังอยู่ที่แห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน และเหมือนว่ามีชายสวมใส่ชุดสีดำสนิทปกปิดใบหน้าเข้าไปหาชายคนนั้น


โจรป่าชักดาบจากฝักขู่ชี้หน้า “ถ้าไม่อยากตายส่งทรัพย์สินมีค่าของแกออกมาให้หมด”


บุรุษผมดำเหลือบมองโจร ทุกอย่างอยู่ในสายตาหลงเสวียน เมื่อเห็นคนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนเจ้าของเกศาสีครามจึงถีบเข้าที่หลังโจรชั่วเข้าจัง ๆ 


“เฮ้ย” โจรป่าร้องอุทาน 


“เป็นอะไรหรือเปล่า” หลงเสวียนถาม


“ข้าไม่เป็นอันใด” เว่ยชิงตอบกลับ ต้าซือหม่าแท้ที่จริงแล้วเขาเองก็เตรียมที่จะจัดการกับโจรป่า แต่ดูเหมือนว่าจะโดนอีกฝ่ายชิงตัดหน้าไปเสียก่อน ดวงตาคมเห็นบางสิ่งบางอย่าง “เจ้าไปค่ายพยัคฆ์มารึ”


“?” หลงเสวียนขมวดคิ้ว “ใช่ ข้าไปสมัครทหาร” ชายคนนั้นรู้ได้เยี่ยงไร


“เช่นนั้นข้ากับเจ้าอาจจะได้เจอกันใหม่ในเร็ว ๆ นี้ นามของข้าคือ จ้งชิง”


“ข้าเสวี่ยตง” เขาหยิบสุรานารีแดงยื่นให้อีกคน “ข้าบังเอิญได้มาน่ะ รับไว้สิ”


“ขอบคุณ”



โจรป่า - ชนะ

https://han.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=188



[NPC-10] เว่ย ชิง

โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม

โบนัสความสัมพันธ์จากเกรดสุรานารีแดง +25 ความสัมพันธ์ 

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20










แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +50 คุณธรรม โพสต์ 2024-8-25 23:02
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-8-25 23:01
โพสต์ 15876 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-8-25 22:55
โพสต์ 15,876 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2024-8-25 22:55
โพสต์ 15,876 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)  โพสต์ 2024-8-25 22:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ผู้มีบุญ
มีดแล่เนื้อ
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
ง้าวปีศาจปลา
หมวกไผ่ผ้าคลุม
พัดคุณชาย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x12
x16
x1
x4
x2
x4
x2
x17
x54
x5
โพสต์ 2024-8-26 00:56:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด





ปีศาจหอย


“รู้โล่งอกอย่างไรก็ไม่รู้”


ซิ่วอิงถอนหายใจความรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อจัดการเรื่องพี่รองได้สำเร็จ ความลับเรื่องการหนีมายังฉางอันของนางยังคงเป็นความลับต่อไป หลังจากที่แยกกับพี่รองแล้วนางก็มุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบเยว่ปิงเหอโดยตั้งใจจะออกล่าปีศาจเพื่อเป็นการฝึกทักษะในการต่อสู้ก่อนที่การทดสอบของกองทัพจะมาถึง


“ไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้ง หวังว่าจะพบปีศาจสักตัวข้าจะได้จัดการให้เรียบร้อย”


ซิ่วอิงควงทวนไปมาออกกำลังแขนให้ร่างกายแข็งแรงในขณะที่สายตาก็มองกวาดไปบริเวณรอบ ๆ เพื่อมองหาปีศาจ 


“ออกมาดี ๆ นะเจ้าปีศาจข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่” นางตะโกนออกไปเคยได้ยินว่าถ้าจะมาตามหาปีศาจหอยก็ต้องมาตามแหล่งน้ำเช่นนี้


“ไม่เห็นมีเลย—”


พูดยังไม่ทันขาดคำสิ่งที่ชีวิตที่หน้าตาคล้ายกับหอยแต่ดูน่าขยะแขยงกว่าก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้มันคงรู้ว่าซิ่วอิงเป็นผู้บุกรุก จึงออกมาเพื่อขับไล่สตรีผู้น่ารำคาญคนนี้ เห็นดังนั้นนางก็รีบตั้งท่าถือทวนยาวออกแรงแทงแบบไม่อยากให้เสียเวลามากมาย


กึก!


เจ้าหอยหลบเข้าไปในเปลือกอย่างรวดเร็วทำให้แทงไม่เข้า เปลือกของปีศาจหอยนี้แข็งใช่เล่นทางเดียวที่นางจะสามารถจัดการมันได้คงต้องทำให้มันออกมาจากเปลือกของมันแล้วจัดการแทงให้ตายเสีย


“อย่าขี้ขลาดไปหน่อยเลยเจ้าปีศาจหอย เจ้าสังหารมนุษย์และสูบพลังวิญญาณอย่านึกว่าข้าไม่รู้เชียว”


ก๊อง ก๊อง ก๊อง 


ซิ่วอิงใช้ปลายทวนเคาะเปลือกหอยครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเรียกให้มันออกมาต่อสู้กันเสียที


“ออกมาสิ เจ้าปีศาจหอย เจ้าจะหลบอยู่แต่ในเปลือกแบบนี้ไม่ได้มันเสียเวลาข้า”


จู่ ๆ เปลือกของก็กลิ้งด้วยความเร็วมากระแทกร่างของซิ่วอิงจนกระเด็น พอไม่ค่อยได้กินอะไรดี ๆ แอบผอมแห้งแรงน้อยไม่มากเหมือนกัน พอตั้งหลักได้นางก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ใช้ทวนปัดป้องการโจมตีของปีศาจหอย ขณะเดียวกันก็ใช้สายตามองหาจุดอ่อนของมันจนพบรูที่มันมุดเข้าไปในเปลือกหากนางหาจังหวะแทงเข้าไปในรูทางเข้าได้เจ้าปีศาจหอยก็จะสิ้นฤทธิ์เป็นแน่


นางยืนในท่าตั้งรับอีกครั้งเพื่อรอการโจมตีของปีศาจหอยจนเมื่อมันพุ่งเข้ามาจังหวะกลิ้งอย่างรวดเร็ว นางก็ใช้ความไวรีบเสียบทวนไปที่รูทางเข้าทันทีที่องศาประจบเหมาะ ของเหลวพวยพุ่งออกมาจากเปลือก นางแทงซ้ำอีกครั้งเพื่อมั่นใจว่ามันจะตายสนิท ก่อนลงมือเก็บของที่ได้จากปีศาจหอยแล้วเดินทางออกจากทะเลสาบ









ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ): +15 ตบะฝึกฝน
(เอฟเฟค x2 ปกติ)
หอยเป๋าฮื้อ (เลขไบต์หลักสุดท้าย)

พรสวรรค์: คนแข็งแรง
ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP

@@Admin 










แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-8-26 08:54
โพสต์ 16029 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-8-26 00:56
โพสต์ 16,029 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2024-8-26 00:56
โพสต์ 16,029 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก ทวนยาว  โพสต์ 2024-8-26 00:56
โพสต์ 16,029 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-26 00:56

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +15 ย่อ เหตุผล
Watcher + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x30
x30
x10
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x142
x4
x133
x186
x200
x399
x684
x707
x4
x4
x8
x4
x5
x20
x4
x599
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x687
x228
x438
x44
x531
x19
x14
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2314
ความชั่ว
1069
ความโหด
2532
โพสต์ 2024-9-6 12:50:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-9-6 12:52




CHAPTER 26

วันที่ยี่สิบเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ

วันอังคาร ช่วงเวลา อาทิตย์อัสดง

การพบกันของสองจอมยุทธ์



(สมมุติว่าพระอาทิตย์ตก)


ฤดูร้อนเดินทางมาถึงช่วงปลายแล้ว ยามดวงอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตกก็คล้ายนำพาความอบอุ่นไปจากผืนแผ่นดินด้วย อากาศยามอัสดงคล้ายจะหนาวเย็นขึ้นเล็กน้อย บนเส้นขอบฟ้าปรากฏแสงทินกรสาดส่องผิวทะเลสาบ งดงามจงลืมหายใจ แผ่นน้ำกระเพื่อมไหวราวกับประกายของอัญมณี เงียบงันและงดงาม 


ในยามนี้เยวี่ยปิงเหอมิอาจเป็น เยวี่ย(ดวงจันทร์) ได้อีก 


หญิงสาวเกี่ยวจอกสุรา “นารีแดง” ขึ้นจรดริมฝีปาด ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามเบื้องหน้า นัยน์ตาเรียวคล้ายเมล็ดซิ่งมองผ่านผ้าโปร่งของที่คลุมผมสีขาวออกไป แม้จะเลือนรางก็ไม่อาจบดบังความงดงามเบื้องหน้าได้ 


ฝักกระบี่ที่แขวนไว้ตรงบั้นเอวกลืนไปกับสีสันของหญ้าต้นเล็กและดอกไม้สีเขียวมรกต แดงทับทิม กลมกลืนจนคล้ายเนื้อเดียวกัน


โปรดติดตามผ่านโรลเพลย์ซีเหมินชิง @ximenqing


หลงเยวี่ยสะบัดกายลุกขึ้นนั่งหันไปทางต้นเสียง มีคนผู้หนึ่งอยู่ที่นี่ แต่นางกลับไม่รู้? หัวคิ้วของนางกดลง ดวงหน้าบึ้งตึง ครั้นมองไปก็พบว่ามีเด็กหนุ่มที่แลดูอ่อนเยาว์กว่านางนอนแผ่อยู่ทางด้านนั้นจริงๆ ท่วงท่าของเขาคล้ายไม่แยแส ทว่าหลงเยวี่ยกลับรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าอยู่บ้าง


“อาศัยอะไรมาตำหนิไหสุราของข้า” นางเอ่ย… “สุนทรียศาสตร์แห่งการร่ำสุราอยู่ที่ใจปลอดโปร่ง ทิวทัศน์ดี และสหายดี บัดนี้ข้ามีทิวทัศน์ดีและดวงใจที่ปลอดโปร่งยิ่ง”

โปรดติดตามผ่านโรลเพลย์ซีเหมินชิง @ximenqing


“เจ้ากล้า!” หลงเยวี่ยเดิมทีก็หาได้มีความอดทนสูงส่งถึงเพียงนั้น ย่อมไม่อาจทนการถูกดูหมิ่นซ้ำถึงสามครา กระบี่สลักจันทราเล่มหนึ่งพลันพุ่งทะยานออกไปทางเด็กหนุ่ม เนื่องจากมิได้เป็นการหมายเอาชีวิต คมกระบี่จึงเพียงเฉียดไปเท่านั้น


โปรดติดตามผ่านโรลเพลย์ซีเหมินชิง @ximenqing


คิ้วบอบบางของหญิงสาวขมวดเข้าหากัน เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างโอหังนัก! นางแค่นเสียงหนึ่งประโยค “อย่างเจ้าหรือริอาจสั่งสอนข้า” นัยน์ตาคมกล้าตวัดมอง หากมิใช่จอมยุทธ์ผู้มีฝีมือ มีหรือจะสามารถซุกตัวอยู่ไม่ห่างนางได้นานถึงเพียงนั้น ช่างน่าขบขันยิ่งนัก หากมิใช่ทรนงในตัวของตน มีหรือจะกล้าพกกระบี่และโต้ตอบ เอ่ยวาจาสามหาวเช่นนั้น


นางเอ่ยด้วยเสียงหวานละไม แยกไม่ออกว่าตัดพ้อหรือยียวน “แล้วเจ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาเสียที่ไหน”


หญิงสาวเหล่มองไปทางด้านหนึ่งครุ่นคิด… “การต่อสู้ที่ไร้การเอ่ยนามนับว่าไร้เกียรติและไม่มีมูลอันใด (ว่างเปล่า) ” หลงเยวี่ยเห็นท่วงท่าเช่นนั้นในใจก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใส ทว่านามของนางหาใช่สิ่งที่สามารถเอ่ยออกมาได้ตามอำเภอใจ “ผู้กล้าเช่นเจ้านับว่าเป็นยอดคน นามของข้าคือ อวี้ถู”


นับแต่เริ่มฝึกวิชายุทธ์หลงเยวี่ยเชื่อมั่นมาตลอดว่าเปิดก่อนได้เปรียบ 


แม้กระบี่เล่มหนึ่งถูกซัดออกไปแล้วทว่าตัวนางใช้กระบี่คู่ ยังมีอีกหนึ่งเล่มในมือ หญิงสาวตวัดกระบี่ออกจากฝักอย่างห้าวหาญไม่แพ้กัน แล้วพุ่งเข้าโจมตี


โปรดติดตามผ่านโรลเพลย์ซีเหมินชิง @ximenqing


การพูดคุยระหว่างต่อสู้มีนัยยะเดียวคือทำให้ไขว้เขว่


หลงเยวี่ยหรี่นัยน์ตา คิดว่าคนผู้นี้มากเล่ห์นัก นางหมุนตัวฟาดกระบี่ใส่ฝ่ายตรงข้ามอีกครา กลับเห็นว่าเด็กหนุ่มสามารถรับกระบี่ของนางได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในโลกนี้สิ่งที่ยุติธรรมและเที่ยงตรงที่สุดคือโมงยาม


ผู้กล้าไม่หวาดกลัวผู้มากพรสวรรค์ แต่ยำเกรงผู้พากเพียรแต่เยาว์วัย


เพียงแค่คิดว่า หากเด็กหนุ่มผู้นี้มีอายุเท่ากับนางคงจะสามารถโต้กลับกระบี่นี้ได้อย่างแน่นอน มิหนำซ้ำอาจจะสามารถรุกคืบและเอาชนะนางได้ เพียงคิดหลงเยวี่ยก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่จากกลางหลัง…เป็นความรู้สึกราวกับถูกคุกคาม


หลงเยวี่ยได้ยินเสียง ‘เปรี๊ยะ’ ดังถี่อยู่คราหนึ่ง แต่ด้วยพัวพันกับการต่อสู้จึงมิได้ใส่ใจนัก ยังคงฟาดกระบี่ต่อไป ตัวนางเป็นเพียงหญิงบอบบาง แต่แขนนี้ก็หยิบจำอาวุธมาตั้งแต่เด็ก ด้วยกลยุทธ์อย่างทหาร จึงส่งเสริมให้มีเรียวแรงไม่น้อย


หญิงสาวโถมแรงสู้กลับไป


โปรดติดตามผ่านโรลเพลย์ซีเหมินชิง @ximenqing


หลงเยวี่ยคลับคล้ายได้ยินคำว่า ‘มิได้มีเจตนาล่วงเกิน’ ปะปนมากับเสียงกระบี่ อันที่จริงเสียงของ ซีเหมินชิง ความจริงมิได้เบา เพียงแต่หลงเยวี่ยไม่ได้จดจ่อสนใจเท่านั้น


“เอ่ยว่า ‘มิได้มีเจตนาล่วงเกิน’ ยังคงกล่าวเหน็บแนมข้าอยู่หลายคำ คาดไม่ถึงเลยว่าน้องชายจะมีอารมณ์ขันเช่นนี้”


หลงเยวี่ยคล้ายเอ่ยด้วยรอยยิ้มละไม อีกฝ่ายเรียกขานนางว่า ‘พี่สาว’ หลงเยวี่ยย่อมเอ่ยว่า ‘น้องชาย’ ได้อย่างไม่อายปาก นางผละออกมาชั่วครู่ แล้วย้ายเท้าเสือกแทงอีกครั้ง


“ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าความหวังดีของเจ้า จริงใจเพียงใด!”


โปรดติดตามผ่านโรลเพลย์ซีเหมินชิง @ximenqing


คมกระบี่สลักจันทราเดิมทีปะทะกับใบมีดของกระบี่ในมือของซีเหมินชิง ใครจะคาดคิดว่ากระบี่ของเจ้าเด็กคนนั้นจะเปราะบางถึงเพียงนี้ รอยปริแยกจากตรงปลายก่อนจะร้าวและแตกสลายไปต่อหน้าต่อตา


นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้าง กระบี่ในมือพุ่งไปแล้วไม่อาจย้อนคืน อันที่จริงนางมิได้คิดจะเอาชีวิตอีกฝ่าย การโต้กลับกับชาวยุทธ์บางครั้งก็เพียงประมือกันประชัร นางย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายมิได้จะหมายมาดเอาชีวิตตนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นในตอนแรกที่นางไม่ระวังตัวก็คงจะลงมือสังหารแล้ว


หลงเยวี่ยเห็นแก่น้ำใจนั้นจึงเบี่ยงกระบี่หลบ ด้วยระยะทางเพียงเท่านี้หญิงสาวจึงพลอยเสียหลัก ทว่านางหรือจะยอมล้ม หลงเยวี่ยคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ด้านหน้าซีเหมินชิง คมกระบี่ที่ยั้งมือไว้ห่างจากดวงตาของเขาเพียงหนึ่งคืบ


แต่แขนที่ถูกการย้อนกลับของกำลัง กลับร้าวระบมไปถึงหัวไหล่ นางข่มฟันข่มอาการเจ็บนั้นไว้ แล้วใช้กระบี่ค้ำยันกายลุกขึ้น


ถูกแววตาเอาเรื่องเช่นนั้นจ้องมอง ความโกรธของหลงเยวี่ยจึงลดลงกว่าครึ่ง คนผูกพันกับอาวุธ นางจึงคิดจะกล่าวปลอบใจเขาสักประโยค


“ กระบี่นี้ไม่คู่ควรกับฝีมือของเจ้าแม้แต่น้อย ”


โปรดติดตามผ่านโรลเพลย์ซีเหมินชิง @ximenqing


หลงเยวี่ยเชื่อมั่นที่สุดคือตนเอง ด้วยเหตุนั้นจึงฝึกอาวุธหลายประเภท มีบางอาวุธที่นางชมชอบเป็นพิเศษ แต่ก็มิได้ยึดมั่นในอาวุธถึงเพียงนั้น ฉะนั้นหญิงสาวหาได้เข้าใจความยึดติดของซีเหมินชิงอย่างถ่องแท้ไม่


เมื่ออาวุธไม่เหมาะกับฝีมือก็มีเพียงต้องทิ้งและหาอาวุธใหม่


ดังเช่นกระบี่ในมือเด็กหนุ่ม ไม่อาจรองรับอยู่คู่มือของเขาไปจนชั่วดินฟ้าสลาย ต่อให้มิได้แตกร้าวใต้คมกระบี่ของนางสักวันก็ต้องร้าวด้วยมือของผู้อื่น แม้เขาในวันนี้จะไม่เข้าใจ แต่การได้ผลักดันคนมีฝีมือผู้หนึ่งไปข้างหน้ามิได้ทำให้นางเสียอารมณ์เท่าไหร่นัก


“ได้– ข้าให้สัญญาแก่เจ้า เราจะได้เจอกันอีก”




(แนบผลการประลอง)


คนแข็งแรง +30 exp ทุกครั้งที่ประลองผ่านระบบ


คนกำยำ สกิลพิเศษฝึกฝนยุทธ์

+2 Point เมื่อ Level up ( LV. 26)

  @@Admin 



แสดงความคิดเห็น

สูญเลีย -2 Point จากการพ่ายแพ้ ด้วยความเป็นสายเลือดแห่งเทพสงคราม  โพสต์ 2024-9-6 13:03
เวลารักษาจะรักษาเฉพาะดีบัฟที่สวมใส่ อันที่ไม่สวมใส่ไม่นับเป็นอาการแทรกซ้อนจะแสดงอาการต่อหลังรักษาแล้ว  โพสต์ 2024-9-6 13:01
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-9-6 13:00
ได้รับสถานะบาดเจ็บ  โพสต์ 2024-9-6 13:00
โพสต์ 45228 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-9-6 12:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x18
x3
x3
x7
x8
x2
x3
x4
x4
x1
x2
x3
x5
x1
x3
x18
x1
x5
x3
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-9-7 02:23:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ยี่สิบเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ ช่วงเวลา อาทิตย์อัสดง

ฤดูร้อนเดินทางมาถึงช่วงปลายแล้ว ยามดวงอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตกก็คล้ายนำพาความอบอุ่นไปจากผืนแผ่นดินด้วย อากาศยามอัสดงคล้ายจะหนาวเย็นขึ้นเล็กน้อย บนเส้นขอบฟ้าปรากฏแสงทินกรสาดส่องผิวทะเลสาบ งดงามจงลืมหายใจ แผ่นน้ำกระเพื่อมไหวราวกับประกายของอัญมณี เงียบงันและงดงาม

        ในยามนี้เยวี่ยปิงเหอมิอาจเป็น เยวี่ย(ดวงจันทร์) ได้อีก

        โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue

        “ไหสุราเจ้ากำลังบังวิวข้าอยู่” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก หญิงสาว ที่วางไหเหล้าบังวิวเขา

“เจ้าอาจจะไม่เห็นข้าแต่ตัวข้านั้นไซร้ นอนพักอยู่ตรงนี้ได้นานแล้ว แล้วเจ้าก็เข้ามานั่งร้ำสุรา” เด็กหนุ่มกล่าวอธิบาย

“มีเรื่องเครียดจนถึงขั้นต้องร่ำสุราชมบรรยากาศขนาดนั้นเชียว” เด็กหนุ่มนอนแผ่อยู่ที่พื้นเอวที่คาดกระบี่เดี่ยวยาวสามเซี๊ยะอยู่พลางมองฟ้า

โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue

“อาศัยการที่ข้ามาพักผ่อน นั่งทำสมาธิอยู่ที่นี่มาก่อนกระมัง” เด็กหนุ่มมองหญิงสาวที่ท่าทางขี้โมโห ด้วยสีหน้าราบเรียบ

“เจ้าน่าจะเมาแล้ว เห้อ ช่างขัดการบำเพ็ญสมาธิของข้าจริงๆ ดูท่าข้าคงต้องไปหาที่สงบที่อื่น” เด็กหนุ่มเด๊าะลิ้นและเตรียมตัวจะลุกขึ้นยืน

“ตัวเจ้านั้นควรพักผ่อน อยู่กับตัวเองและทำสมาธิเยอะๆนะ ใจเจ้าตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ราวกับถูกบดบังด้วยอะไรบ้างอย่าง ข้าขอเเนะนำ” เด็กหนุ่มกล่าวเเนะนำหญิงสาว ด้วยความที่เขาสังเกตุได้ว่าแม่นางผู้นี้ค่อนข้างที่จะเจ้าอารมณ์และใช้อารมณ์เป็นใหญ่ เด็กหนุ่มจึงกล่าวเเนะนำให้ไปทำสมาธิ จะได้มีสติมากขึ้น

โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue

“โฮ่งๆ” เป็นเสียงหมาคู่ใจเห่าเตือนเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มชักกระบี่ขึ้นมากัน แต่ก็สู้แรงของหญิงสาวไม่ไหว กระเด็นออกมา 3 ก้าว

‘นี่คงเป็นสตรีบ้าพลังในข่าวลือเป็นแน่แท้’ เด็กหนุ่มคิดในใจ แต่ตีสีหน้านิ่ง

“เจ้าจิตใจขุ่นมัวจริงๆด้วย แค่เจ้าอารมณ์เสียเจ้าถึงกับทำร้ายคนอื่น ข้าถาม ถ้าวันนี้ข้าไม่ใช่จอมยุทธ์นั้น เเต่กลับเป็นชาวบ้าน ตัวข้าคงตายคากระบี่เจ้า” เด็กหนุ่มชักกระบี่ออกจากฝักและสะบัดปลายกระบี่ลงไปที่พื้น

“ถ้างั้น วันนี้ข้าจะขอสั่งสอนเจ้าเอง” เด็กหนุ่มกล่าวและชี้กระบี่ไปทางหญิงสาว

“ตัวข้ามิสู้กับผู้ไร้นาม ข้า ซีเหมินชิง จอมกระบี่แห่งกว่างโจว” เด็กหนุ่มกล่าวจบก็สะบัดกระบี่ออกด้านข้าง

โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue

เด็กหนุ่มเห็นหญิงสาวใช้กระบี่คู่ก็ทำเสียงจ๊ปากนิดหน่อย

‘พี่สาวผู้นี้ไม่รู้จักความโรมานซ์ของการใช้กระบี่เดี่ยวเสียจริง’ เด็กหนุ่มคิดในใจ

แม้ใจเขาจะคิดเช่นนี้แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถสู้แรงของหญิงสาวผู้นี้ได้ เด็กหนุ่มพยายามใช้เชิงกระบี่ที่เขาได้ฝึกฝนและร่ำเรียนมา ต้านทานการโจมตีที่ดุดันราวกับพายุบุเเคมของ หญิงสาว ปัดป้องได้ ปัดป้อง สวนได้สวน ไม่ตั้งรับกระบี่ตรงๆ

แต่ถึงกระนั้น เหมือนกระบี่ของเด็กหนุ่มนั้นจะเปราะเกินไป หรือไม่ก็แรงของหญิงสาวนั้นทรงพลังมาก กระบี่เข้าเขามีเสียงร้องลั่น เปรี๊ยะๆ

“เดี้ยวๆ เจ้าฝึกฝนมายังไง ทำไมพละกำลังถึงมหาศาลเช่นนี้” เด็กหนุ่มมีสีหน้าตะลึง เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเชิงกระบี่เขาเหนือกว่าหญิงสาว แต่ แรงเขาสู้เธอไม่ได้!

โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue

หลังจากที่เด็กหนุ่มเห็นนางไม่คอบคำถาม และเสียงกระบี่ของเขานั้นเริ่มลั่นแปลกๆ เด็กหนุ่มก็สังหรณ์ใจไม่ดี

เขาพยายามคุยกับหญิงสาวไป ฟาดกระบี่ไปด้วยสีหน้าที่เริ่มไม่นิ่งแล้ว

“พี่สาว ใจเย็นๆ ตัวข้านั้นเเค่เตือนท่านด้วยความหวังดีเพียงเท่านั้น ข้ามิได้มีเจตนาจะล่วงเกินพี่สาวแต่อย่างใด”

ถึงปากเด็กหนุ่มจะพูดยั่งงั้น แต่เขาก็ฟาดฟันกระบี่ใส่หญิงสาว ถึงแม้เขาจะใช้เพียงเเค่สันของกระบี่ก็เถอะ

เด็กหนุ่มออกเพลงกระบี่ไปได้หลายเพลง เขาก็เหลือไปสังเกตุว่า ใบมีดของตัวกระบี่ของเขานั้นเริ่มมีลายเเปลกๆ แต่จะให้เขาหยุดสู้ตอนนั้น เขาตงโดนหญิงสาวเจ้าโมโหฟาดตายเป็นแน่แท้เขาจึงกัดฟันสู้ต่อ

โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue

เพล้ง

สิ้นเสียงของหญิงสาว และกระบี่คู่ที่ฟาดมา ก็เกิดเสียงดังเพล้งขึ้น กระบี่ของเด็กหนุ่มพลันแตกออก

ยามยลเสียงกระบี่แตกเด็กหนุ่มพลันหน้าขาวซีด ทรุดตัวลงกับพื้น ไม่สนใจเสียงเห่าของเจ้าหมา และไม่สนใจกระบี่ที่พุ่งเข้าหาตัวเขา

ตัวที่ทรุดลงกับพื้นก็ค่อยๆมีน้ำตาไหลออกมาและค่อยๆก้มเก็บเศษกระบี่

แววตาที่น้ำตาไหลรินนั้น จ้องมองไปที่อวี้ถูอย่างเอาจริงเอาจัง ราวกับจะสลักหน้าของแม่นางผู้นี้ไว้

โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue

“เจ้าจะไปรู้อะไร กระบี่น่ะไม่ผิดหรอกนะ คนที่ผิดคือข้าเอง ข้าน่าจะดูแลมันได้ดีกว่านี้ ทุกวันนี้ข้าทำได้แค่เช็ดกระบี่กับลับคมกระบี่วันละชั่วโมง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ข้าจะดูแลมันให้ดีกว่านี้มันจะได้อยู่กับข้านานกว่านี้” เด็กหนุ่มที่สติแตกกับกระบี่ที่แตกไป ค่อยๆก้มลงเก็บเศษกระบี่ ที่ละชิ้น ใส่ถุงกระสอบเตรียมเอาไปฝัง

“อาวุธแตกก็เหมือนคนตาย ข้าแพ้แล้ว ผู้ชนะจะทำอะไรกับผู้เเพ้ก็ได้ ข้าเข้าใจในจุดนี้ ข้าขออภัยที่กล่าวอ้างแล้วอวดดี กล่าววาจาตักเตือน และสั่งสอนพี่สาว ข้าน้อยขออภัย แต่ครั้งหน้าจะไม่ใช่แบบนี้แน่” เด็กหนุ่มตอนนี้หลุดมาดนิ่งที่เขาตีครึมมาตลอด สภาพของตอนนี้จ้องไปที่หญิงสาว พร้อมน้ำตาที่ยังรินไหลอยู่กับเศษกระบี่ที่เขาถือเตรียมเอาไปฝัง

“แล้วเราจะได้เจอกันอีก”เด็กหนุ่มกล่าว

“หงิงๆ” เจ้าหมาที่เห็นเด็กหนุ่มเศร้าก็เดินมาคลอเคลีบที่ขาปลอบใจเด็กหนุ่ม

โปรดติดตามจากโรลเพลย์ของ @Longyue



https://han.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=384 ชิง ต่อสู้กับ ตวนมู่


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15406 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-9-7 02:23
โพสต์ 15,406 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2024-9-7 02:23
โพสต์ 15,406 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-9-7 02:23
โพสต์ 15,406 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2024-9-7 02:23
โพสต์ 15,406 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)  โพสต์ 2024-9-7 02:23
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2025-6-29 15:05:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-29 18:34


วันที่ 29 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเซิน เวลา 15.00 - 17.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ


แดดอ่อนยาวเซินโปรยตกกระทบผิวน้ำที่ทะเลสาบเยว่ปิงเหอจนระยิบระยับเป็นประกายคล้ายแสงแก้วใสร่วงหล่นจากฟากฟ้า เสียงลมฤดูใบไม้ร่วงหอบผ่านแนวไม้เบื้องหลัง พลางไล้เส้นผมของหญิงสาวผู้หนึ่งที่สั้นเพียงไหล่ ชุดผ้าแพรบางสีอ่อนโบกไหวตามการก้าวเดินช้า ๆ นั้น ทุกฝีก้าวเหมือนเธอกำลังนับจังหวะลมหายใจตัวเองให้ไม่กระตุก นางยกมือสัมผัสบ่าของตนผ่านเนื้อผ้าบาง แผลที่หลังยังเต้นตุบเบา ๆ ทุกย่างก้าว กระแสปราณของพิษอ่อนยังวนเวียนในลมหายใจ แม้หมอที่รักษาจะสั่งห้ามเดินทางไกลหรือล้าเกินไป


แผ่นฟ้าสีอ่อนยามใกล้ปลายเซินทาบลงบนผืนน้ำเงียบสงบที่เยว่ปิงเหอ เสียงใบไม้เสียดสีกันเบา ๆ ตามจังหวะลม เหมือนบทขับกล่อมของฤดูกาล หลินหยาเหม่อมองแสงสะท้อนในน้ำ พลางยกมือป้องหน้าจากแดดเบา ๆ แล้วหรี่ตามองเงาอะไรบางอย่างขยับผ่านแนวไผ่ด้านหลังร่างสูงในชุดขุนนางสีกลาง คุ้นตาเหลือเกินจนทำให้นางเผลอยืนขึ้นทันที แม้จะแปลบที่แผลหลังนิดหน่อยก็ตามที


“ใต้เท้าเถียนเฟิง…??” เสียงของหลินหยานั้นติดความประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน


ใต้เท้าเถียนเฟิงหยุดชั่วครู่ ดวงตาคมปรายมองหญิงสาวตรงหน้า ริมฝีปากกระตุกยิ้มบาง ๆ เหมือนไม่คาดว่าจะพบอีกฝ่ายเช่นกัน เขาพลิกพัดขนนกในมือหนึ่งรอบ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ทว่าไม่ได้เย็นชาเหมือนกับเวลาเขาคุยกับคนอื่นขนาดนั้น “แปลกทีเดียว ข้าไม่คิดว่าจะพบเงาใครบางคนที่นี่ในยามนี้”


“ข้าก็ไม่คิดเหมือนกันเจ้าค่ะที่จะได้พบท่านที่นี่ ท่านมาพักผ่อนหรือเจ้าคะ?” หลินหยาเอ่ยถามระหว่างยืนมองหน้าอีกคนที่อยู่ด้านหลังตนเอง ส่วนใต้เท้าเถียนเฟิงก็พยักหน้าเหมือนจะตอบรับว่าตัวเองมาพักผ่อนหรือทำให้สมองโล่งในบางครั้งที่นี่


เถียนเฟิงเหลือบตามองแผลบริเวณบ่าใต้คอเสื้อบางของนางอย่างไม่ให้เสียมารยาท ก่อนจะหลุบตาลง “ข่าวว่าท่านหมอเจ้าห้ามเครียดไม่ใช่หรือ” เขาเอ่ยถามนางขึ้นมาแบบตัวเองก็ไม่ได้รู้ข่าวช้ากว่าใครเขาหรอก 


“ก็ไม่ได้เครียดนี่เจ้าคะ?..ข้าน่ะแค่ออกมาเดินเอาอากาศดี ๆ เข้าปอดเจ้าค่ะ อากาศเย็น ๆ ยามเย็นแล้วท่านเองก็มาที่นี่ประจำหรือเจ้าคะ?” นางเชิดหน้านิดหน่อย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


เถียนเฟิงไม่ตอบในทันที แต่เดินไปหยุดอยู่ใกล้โขดหินที่ใช้เป็นที่นั่งประจำของเขา พลางเอนกายเล็กน้อยเหมือนคุ้นเคยกับการอยู่ตรงนี้อย่างเงียบสงบมานาน “ที่นี่เงียบพอให้ข้าได้เรียบเรียงหมากในหัว…แม้บางครั้งจะมีเสียงสายลมพัดเข้ามาขัดบ้าง” เขาหันไปมองหลินหยาแวบหนึ่งในประโยคนั้น ส่วนหลินหยาก็หัวเราะแห้ง ก็แน่ล่ะ สำหรับคนที่มองคนอื่นเป็นหมากกระดานแบบเขาก็ประมาณนี้..ไม่น่ารู้จักกับอีตาหมอนี้เลยจริง ๆ “ข้าเป็นเสียงลมสำหรับท่านหรือเจ้าคะใต้เท้า?” นางเอ่ยถามพลางขยับมือกอดอกเล็กน้อย ถึงจะเป็นใต้เท้าแต่หลินหยาก็ไม่ได้มีความเกรงใจขนาดเถ้าแก่ร้านเต้าหู้อย่างหลิวอันหรอก


“เสียงลม..ที่เล่นผีผาไพเราะ..แต่เข้าใจยาก” เขาพึมพำเบา ๆ ราวกับพูดกับตัวเองมากกว่า ส่วนหลินหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยักไหล่ตัวเองแล้วนั่งลงแบบห่างจากเขาเล็กน้อย “ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?..ดีกว่าเสียงลมที่เงียบแล้วทำให้คนหลงผิดคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวลำพัง” เถียนเฟิงเอียงหน้าเล็กน้อย เหลือบมองใบหน้าอีกฝ่ายที่กำลังเงียบอย่างสงบ รู้ดีว่าแม้ปากจะยิ้ม ตาแม่นางหลินหยา...กลับมีคลื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าวันใด ความคิดของนางบางครั้งก็เข้าใจบางครั้งก็ไม่น่าเข้าใจ นางอารมณ์แปรปรวนจนเดาไม่ได้ แต่บางทีก็ไม่ได้เดายากจนไม่รู้ควรคิดยังไง


ใต้ต้นหลิวสูงริมทะเลสาบ เยว่ปิงเหอ ลมยามเซินพัดเอื่อยเฉื่อยผ่านแนวไม้ เรียกกลิ่นหญ้าแห้งและกลิ่นน้ำใสขึ้นแตะจมูกเบา ๆ แสงอาทิตย์ตกกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบคล้ายเกล็ดแก้ว ล้อแสงแดดที่ทะลุผ่านปอยผมของหลินหยาทำให้เงาของนางทอดบนพื้นดินเป็นรูปโค้งกลมกลืนงดงามในธรรมชาติ ราวกับว่าทั้งตัวตนก็หลอมรวมไปกับแสงและสายลมแล้วจริง ๆ


หลินหยานั้นเงยหน้าขึ้นเงียบ ๆ เหลือบมองคนด้านข้างตัวเองที่นั่งห่างกันอยู่พอสมควร..หลินหยาเพียงยิ้ม รอยยิ้มของคนที่ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากได้มองอีกฝ่ายในเวลาที่ฟ้าสวยและลมดี "ขอบคุณที่ท่านไปเยี่ยมข้าที่คุกหลวงเมื่อวันก่อนนะเจ้าคะ เป็ดปักกิ่งของท่านอร่อยดี ข้ากินทีเดียวไปตั้งครึ่งตัวเลย" เสียงนางนุ่ม ใส เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ แล้วเธอก็ยื่นมือออกไป หยิบไหสุราสีแดงกลีบบัวผูกเชือกทองขึ้นมา ส่งตรงไปยังเขา


“อ่ะ..สุรานารีแดง..ข้าพกไว้นานละ ปกติข้าไม่ให้ของท่านเลยน่าาา เพราะงั้นรับไว้ด่วนเลยเจ้าค่ะ กินเองนะเจ้าคะ อย่าไปให้ใครกิน ข้าเคยให้อาหารคนแต่เขาเอาไปให้คนอื่นเกิดเรื่องใหญ่เลย มีแต่เรื่องวุ่นวายตามมา” นางพูดพลางยิ้มตาหยีแบบประมาณว่าห้ามปฎิเสธพลางบ่นกระปอดกระแปด “ข้าอยากให้ท่าน ขอบคุณที่อุตส่าห์เอาอาหารมาให้ข้าทั้งที่ข้าไม่ใช่หมากในกระดานของท่านอีกแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องทำเลย แต่ท่านก็ทำ...เพราะงั้นรับไปเถอะนะเจ้าคะ" นางยื่นสุราให้เขาด้วยสองมือ แววตาแน่วแน่ไม่ต่างจากตอนที่นางเถียงเขา แต่ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ เป็นเพียงน้ำใจแท้จริงที่ซื่อและบริสุทธิ์


เถียนเฟิงรับไหสุรานั้นไว้ในมือเงียบ ๆ สีหน้าแทบไม่เปลี่ยน แต่หากมองลึกเข้าไปในดวงตา จะเห็นคลื่นบางสิ่งก่อตัวขึ้นเงียบเชียบ ริมฝีปากเขาขยับเพียงน้อย ก่อนพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบลึก “ข้าไม่ชอบรับของจากใคร...โดยเฉพาะจากผู้ที่ไม่มีอะไรจะแลกเปลี่ยน” มือของเขาขยับเล็กน้อยราวกับจะคืนไหสุรานั้นกลับมา แต่ก่อนที่นางจะเข้าใจผิด เขากลับหันไปวางไว้ข้างตัวอย่างระมัดระวัง แล้วพูดต่อ “แต่เพราะเจ้าบอกว่า...ให้ใครทีไรมีเรื่องวุ่นวาย ข้าจึงรับไว้”


หลินหยาที่มองก็ขมวดคิ้ว ฮะ?? อยากเจอเรื่องวุ่นวายเราะอีกตานี้..หลินหยาหรี่ตามองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเอือมระอาเล็ก ๆ แบบคนที่กลัวว่ากำลังจะโดนลากเข้าเรื่องวุ่นวายอีกแล้วหรือเปล่า นางถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดขึ้นพลางเบือนหน้าหนีนิด ๆ อย่างงอนนิด ๆ แต่ก็ยังอ่อนโยน


"ไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ ท่านอย่าพูดว่าจะวุ่นวายอะไรอีกเลย ข้าพอแล้ว...โดนขังคุกรอบเดียวก็เข็ดจะแย่อยู่แล้ว" นางพูดพร้อมชูมือขึ้นเล็กน้อยเหมือนป้องกันตัว รอยยิ้มนั้นดูตลกแต่แฝงความอ่อนล้า "ข้าไม่อยากโดนขังอีกแล้ว...แล้วข้าก็ไม่อยากเห็นท่านโดนขังด้วย" ดวงตาของนางที่เคยสดใส ตอนนี้นิ่งสงบขึ้น ราวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านบททดสอบแห่งชีวิตมาเพียงพอจะเข้าใจว่าเส้นแบ่งระหว่าง ‘เล่นสนุก’ กับ ‘เจ็บปวดจริง’ นั้นบางแค่ไหน


"ท่านอย่าลืมพักผ่อนนะเจ้าคะ ใต้เท้าเถียนเฟิง" เสียงของหลินหยาอ่อนลง จางลง แต่แฝงแรงบางอย่างที่จริงใจยิ่งนัก นางคลี่ยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อ เสียงคล้ายแซวแต่แฝงความอบอุ่น "ข้าคงไม่ได้เจอกันที่หอว่านหงเหรินอีกแล้ว...หากมีวันไหนที่ข้าอยากเจอท่าน ข้าจะมาแอบหาท่านที่นี่ เวลานี้เลยแล้วกัน"


เถียนเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น ข้างไหสุราที่เขารับไว้ สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนมากนัก หากแต่ในแววตากลับปรากฏร่องรอยของความลังเล ความเอ็นดู และอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ความผูกพันแบบผิวเผิน "หากเจ้าจะมาที่นี่...ข้าคงต้องมาให้ตรงเวลาเสียแล้ว"


หลินหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะ “อย่าจริงจังสิเจ้าคะ..แหม่..ท่านก็มาตามปกตินั้นแหละ อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา เอาล่ะ ข้าจะไปกินข้าวกับเพื่อนสาวละ แม่นางหรงเล่อรอข้าอยู่ ไปล่ะเจ้าค่ะ เจอกันนะเจ้าคะ” นางเอ่ยก่อนที่จะโบกมือให้กับอีกคนก่อนที่จะเดินทางออกไป..แม้แผ่นหลังจะเห็นรอยของผ้าพันแผลที่พันทั้งตัวและแขนขวาขนาดนั้น แต่หลินหยาก็ยังคงร่าเริงเหมือนเคย…


แผลใจอาจจะใหญ่ แต่คงจะเริ่มรักษาเรื่อย ๆ แล้วล่ะ




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: -


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

มอบ สุรานารีแดง เหล้าเกรดแดง ความสัมพันธ์ +25


แสดงความคิดเห็น

หัวใจตันแล้ว 6 ดวง  โพสต์ 2025-6-29 20:13
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2025-6-29 20:13
โพสต์ 37242 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-29 15:05
โพสต์ 37,242 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก คนดวงแข็ง  โพสต์ 2025-6-29 15:05
โพสต์ 37,242 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-29 15:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-7-19 02:29:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 17 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (พบ องค์เทพเยว่เหล่า)


ใต้ฟ้ากว้างเหนือสายน้ำกว้างใหญ่…ทะเลสาบเยว่ปิงเหอในยามบ่ายของยามเว่ยสะท้อนประกายแดดนุ่มละมุน พื้นน้ำนิ่งงันราวกระจกใสล้อมรอบด้วยไผ่เขียวเอนกายอ้อยอิ่งตามสายลม นกกระเรียนขาวบินร่อนช้า ๆ บนฟากฟ้า ขับกล่อมบรรยากาศให้คล้ายแดนเซียนเงียบสงบ เสียงฝีเท้าเบาราวกลีบเหมยตกแตะพื้นดินเบื้องริมบึง…หลินหยาที่เดินทอดน่องชมทิวทัศน์ตามลำพังพลางเอามือลูบต้นแขนซ้ายที่ยังระบมจากบาดแผลเก่า สีหน้าเรียบเฉยแต่ในแววตากลับมีบางอย่างซ่อนเร้น นางไม่ได้มองไปยังเส้นทางเบื้องหน้าเพราะในใจยังคิดถึงหลายเรื่องที่พันกันยุ่งยากราวเส้นด้ายในมือแม่เฒ่า จึงไม่ทันได้เห็นใครบางคน(?) ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไผ่ริมผืนน้ำ


"อ๊ะ!" จากความไม่ระวังเพราะก้าวพลาดเลยเหยียบลงบนก้อนกรวดเปียกน้ำ หลินหยาจึงเสียหลักไปข้างหน้าเกือบจะทรุดลงกับพื้น แต่แขนข้างหนึ่งกลับยื่นมาคว้าข้อมือนางไว้แน่นทว่าอ่อนโยนดุจสายไหม


"จงมีสติ" เสียงนั้นเบาราวกระซิบแต่ก้องอยู่ในใจนาง ชายหนุ่มในชุดขาวผืนยาวดุจหิมะ เส้นผมดำสนิทยาวสลวยถูกรวบไว้เรียบร้อย ใบหน้าของเขาขาวซีดราวหยกเนื้อดีดวงตาสีดำสงบนิ่งจ้องมองนางโดยไม่กล่าวแนะนำชื่อหรือถามไถ่ใด ๆ กลีบปากเรียวบางเม้มสนิทราวกับไม่ใช่เพราะปากเขาที่พูดแต่เป็นจิตที่สัมผัสกัน อาภรณ์ขนอ่อนของสัตว์หิมะขลิบบนบ่าของเขาขยับเบา ๆ ตามแรงลมราวคลื่นเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่าง สูงสง่าและเยือกเย็นราวเทพเจ้าแห่งหิมะฤดูปลายปีที่หลุดมาอยู่กลางฤดูร้อน ชายผู้นี้ช่างไม่เข้ากับทุกสิ่งรอบตัว…แต่กลับกลมกลืนกับบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์เหนือผิวน้ำ….ใส่เสื้อขนสัตว์ในหน้าร้อน?...ฉินจ๊ะะะ 


หลินหยาเบิกตาเล็กน้อยเมื่อถูกคว้าไว้ นางไม่ได้กลัว…แต่ใจสั่นนิด ๆ อย่างไรชอบกล ราวกับสัมผัสได้ถึงแรงอ่อนโยนที่ไม่ใช่ของมนุษย์ทั่วไป ดวงตานั้น…ไม่ได้สะท้อนเพียงเงาของนาง แต่ราวกับมองทะลุไปถึงความผูกพันบางอย่างที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผย


นางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา "ขอบคุณเจ้าค่ะ…ท่าน…?" เอ่ยเหมือนสงสัยและอยากจะถามชื่อจริง ๆ ว่าเขาคือใครที่ช่วยเธอเอาไว้ แต่เขาไม่ตอบสิ่งใดใบหน้านิ่งเฉยดังหิมะเก่าแก่บนยอดเขา ยืนนิ่งในท่าทีสูงส่งแต่ไม่หยิ่งผยองก่อนจะผละมือออกช้า ๆ อย่างนุ่มนวลดุจไม่อยากให้นางเจ็บจากแรงกุม ขณะที่สายลมพัดผ่านพุ่มไผ่เสียงกระซิบจากธรรมชาติลอยมาชิดโสต "เมื่อเวลาเหมาะสม…เจ้าจะรู้เอง" ใบหน้าของเขายังคงนิ่งงันร่างไม่ขยับไปไหน ทว่าน้ำในทะเลสาบกลับสะท้อนเส้นด้ายบางบางเส้นหนึ่งในแสงอาทิตย์ตก ราวกับสายใยสีแดงจางกำลังโยงไปยังข้อมือของนาง…และหายวับไปในบัดดล


นางไม่รู้ว่าเพราะบาดแผลยังเจ็บ หรือเพราะจิตใจนางกำลังหวั่นไหวอย่างแปลกประหลาดไม่ใช่ความรัก…แต่ในช่วงเวลาหนึ่งหลินหยากลับรู้สึกว่าตนอยู่ในสายตาของผู้เฝ้ามองชะตาทั้งหลายทั้งปวงผู้ที่ไม่ได้พูดชื่อ ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้…แต่กลับรู้จักความในใจของนางอย่างแม่นยำกว่าใครทั้งหมดในใต้หล้า


…องค์เทพเยว่เหล่า ปรากฏแล้วในรูปกายของชายหนุ่มปริศนาและนางก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าคือตัวตนที่หาใช่มนุษย์เดินดินเช่นนาง


แววตาของหลินหยาวูบไหวน้อย ๆ เมื่อเขาปล่อยมือออกจากข้อมือของนาง ใจหนึ่งโล่งใจที่ไม่ได้ล้มจริง แต่อีกใจก็ยังข้องขัด…ในอกคล้ายถูกบางสิ่งกระทบกระเพื่อมเป็นระลอก ทั้งเสียง ทั้งสายตาของชายแปลกหน้า ทั้งความรู้สึกเยือกเย็นลึกล้ำที่ประหนึ่งว่ากำลังถูกพิจารณาโดยสิ่งที่ไม่อาจมองเห็น นางชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลิ่กลั่ก เอ่ยเบา ๆ พร้อมก้าวถอยหลังอย่างสุภาพ “ข้าต้องขอบคุณท่านอีกคราเจ้าค่ะ…แต่ว่า…ข้าคงต้องไปแล้วเจ้าค่ะ ข้ามีนัดสำคัญ…”


ริมฝีปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย…เล็กเสียจนแทบไม่เห็นราวกับสายลมหยอกเย้าในวันอ่อนแดด ก่อนเสียงทุ้มเรียบนิ่งจะดังขึ้นอีกครั้งโดยไม่เร่งรีบ “ศาลาจื่อเถิงฮวา…ยามเย็นวันนี้…ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจเสียจริง” หลินหยาที่กำลังจะหมุนตัวกลับถึงกับชะงักขา หันกลับมาเลิกคิ้วอย่างงุนงง “…ท่านรู้ได้อย่างไรว่า…” แต่เขาไม่ตอบนัยน์ตาสีดำลุ่มลึกยังคงมองออกไปไกลเหนือผืนน้ำเยือกเย็นราวไม่รับรู้ว่าตนกล่าวอะไรไปเมื่อครู่ เพียงปล่อยให้ความเงียบขจรคลุมบรรยากาศอีกครั้ง ดอกหญ้าไหวเอนใต้ลมกลิ่นดินชื้นริมบึงแตะจมูกเบา ๆ แล้วเขาก็เอ่ยเบา ๆ อีกครั้ง เสียงคล้ายถ้อยกระซิบจากอีกภพหนึ่ง


“ระวัง…สิ่งที่แม้แต่นกกระเรียนยังไม่กล้าร้องบอก อาจกำลังร้อยด้ายแดงเป็นปมในเงามืด…” หลินหยาเบิกตากว้างหันไปมองเขาอีกครั้งพลางเอ่ย “…ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?” นางรู้สึกงุนงงเหมือนกำลังเจอกับหมอดูพเนจรที่ชอบพูดอะไรคลุมเครือ แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าไปใกล้…ร่างของเขากลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้วเดินหนีเสียอย่างงั้น ทิ้งไว้เพียงเงาไผ่ไหวกับเสียงสายลมแผ่วบาง…


หลินหยายืนนิ่งกลางพงไผ่ชั่วครู่ ใบหน้าแสดงออกถึงความมึนงงเต็มขั้น “อะไรกัน…ชายแปลกหน้าคนนั้น…เขารู้เรื่องที่นางจะไปศาลาจื่อเถิงฮวา? รู้ได้ยังไง? แล้วเรื่อง…ด้ายแดง? อะไรอีก? แล้วใครกันที่นกกระเรียนไม่กล้าร้องบอก…” เธอยกมือขึ้นแตะแก้มตนเองอย่างเหม่อลอยก่อนจะถอนหายใจยาว คิ้วเรียวขมวดแน่นเหมือนคนที่กำลังไขปริศนาไม่ออก “ช่างเถอะ…ข้าต้องไปก่อน ไม่งั้นเขาจะคิดว่าข้าเบี้ยวนัด…” เสียงฝีเท้าของหลินหยาเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง ขณะนางรีบก้าวออกจากพงไผ่สู่เส้นทางไปศาลาจื่อเถิงฮวาโดยไม่หันกลับไปมอง


หากนางหันกลับไป…บางทีอาจเห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ริมทะเลสาบอีกครั้ง…พร้อมรอยยิ้มแผ่วบางราวสายลมยามปลายฤดู ดวงเนตรที่มองเห็นเส้นด้ายของชะตากรรมยังคงเฝ้ามองอยู่จากเงาร่มไผ่…องค์เทพเยว่เหล่า ไม่เคยกล่าวล่วงเกินชะตาใคร ท่านเพียง…เตือนในยามจำเป็น




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เมื่อวานไปไหว้ท่าน วันนี้ท่านโผล่ ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ชาบูๆๆๆ


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-19 15:13
โพสต์ 27860 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-19 02:29
โพสต์ 27,860 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-19 02:29
โพสต์ 27,860 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-19 02:29
โพสต์ 27,860 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-19 02:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-7-20 03:12:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 18 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ทะเลสาบเยว่ปิงเหอ (พบ องค์เทพเยว่เหล่า)


เสียงลมพัดเบา ๆ พาเอากลิ่นของดอกบัวและไอแดดอ่อนละมุนจากผิวน้ำทะเลสาบเยว่ปิงเหอแตะต้องแก้มนวลของหลินหยา นางเดินทอดน่องอย่างเงียบงันพลางยกมือปัดปอยผมที่หลุดลงมาจากข้างแก้ม แผลที่ต้นแขนเริ่มหายดีแม้ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวแรงนักแต่ก็พอให้เดินชมบรรยากาศเย็นใจในยามเว่ยได้บ้าง ทะเลสาบแห่งนี้ยังงดงามเหมือนเมื่อวานกระจกน้ำเงียบสงบจนเห็นเงาของเมฆฟูฟ่องเคลื่อนไหวไปมา แต่ชายหนุ่มปริศนาผู้นั้นกลับไม่มีวี่แววราวกับเมื่อวานเป็นเพียงความฝัน... นางหันซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังเล็กน้อย แต่ไม่เห็นผู้ใดจึงถอนใจบาง ๆ พร้อมหัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง


"เราคงฝันกลางวัน...ใครจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ซ้ำกันสองวันติดกันเล่า"


แต่แล้ว…


"โชคชะตา...จะเล่นตลก" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเบื้องหลัง ราบเรียบ เยือกเย็น และมั่นคงจนทำให้หลินหยาหยุดก้าวทันที เธอหันขวับกลับไปทันใด และ…ใช่แล้ว…ชายคนนั้นชายหนุ่มแปลกหน้าจากเมื่อวานยืนอยู่ที่เดิ ใต้เงาไม้หลิวที่พลิ้วไหว เงาสะท้อนของเขาบนผิวน้ำไหววูบอย่างแผ่วเบา ผิวพรรณเขาขาวซีดราวกับหินอ่อน ดวงตาเรียบนิ่งดังผืนน้ำก่อนลม วาจาที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นแผ่วเบาแต่กลับกรีดลึกในจิตใจ "ระหว่างด้ายสีชาด…จะพันเกี่ยวมากกว่าหนึ่งเส้น...เคียงไปไม่ห่างกาย" ถ้อยคำที่หลุดจากเรียวปากเขาฟังดูแปลกประหลาดและน่าขนลุกปนขบขันจนหลินหยาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เธอรู้สึกวูบวาบที่ต้นคออีกครั้งเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด


"...ท่านพูดอะไรของท่านหรือเจ้าคะ?" นางหลุดถามออกไป ดวงตาคมหวานเต็มไปด้วยความระแวงปนงุนงง "ด้ายสีชาดอะไรของท่านอีกล่ะ คราวก่อนก็พูดเหมือนจะทำนายอะไรซักอย่าง..." ชายคนนั้นกลับยืนนิ่งยกปลายนิ้วขึ้นประสานกันเบา ๆ ราวกับจะวาดอะไรกลางอากาศ เงาของสายลมเคลื่อนไหวไปรอบกายเขาราวกับธาตุอากาศเชื่อฟังคำสั่ง


"หากมีสองมือ...ที่ควรจับไว้พร้อมกันในห้วงเวลาเดียวกัน...แต่จะจับไหวหรือ?" เขาถามขณะดวงตายังคงแนบแน่นกับนาง ไม่รุกล้ำแต่ไม่ปล่อยผ่าน คล้ายผู้มองเห็นบางสิ่งไกลเกินกว่าดวงตาสามัญจะเข้าถึง


หลินหยายืนอึ้งนางขยับปากจะพูดบางอย่าง แต่ไม่รู้จะตอบเช่นไร ในใจลึก ๆ กลับสะท้อนเงาของบุรุษหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตช่วงสั้น ๆ นี้ ทั้งจางกงกงผู้เย็นเยียบดุจเข็มน้ำแข็ง ทั้งท่านหลิวอันที่ยังคงอ่อนโยนและไม่เรียกร้องสิ่งใดกับนาง เถียนเฟิงผู้ดื่มแล้วแทงแขนของหลินหยา แล้วนี่อะไรอีก…ด้ายแดงสองเส้น? ร้อยไปพร้อมกันเหรอ? หัวใจหนึ่งจะรับได้มากเพียงนั้นเชียวหรือ?


"ข้าไม่เข้าใจ..." นางพูดแผ่ว ๆ แต่รู้ดีว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เพียงคำพูดเปล่า มันเหมือนคำทำนายมันเหมือนคำเตือน


“โชคชะตา ไม่ใช่เส้นตรง หากเจ้าเดินโดยไม่มองเส้นที่พันอยู่กับนิ้ว เจ้าอาจล้มโดยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด” ชายแปลกหน้ากล่าวไว้เช่นนั้นดวงตาของหลินหยาเบิกโพลงวูบหนึ่งขณะชายหนุ่มผู้นั้นกล่าววาจาอย่างเรียบเรื่อยแต่ดั่งระฆังสะท้อนลึกลงกลางใจ “สละทางโลกบำเพ็ญตบะ…อาจเป็นทาง แต่กรรมเก่า…ยังต้องใช้” เสียงนั้นราวสายลมในหุบผาเย็นเฉียบแต่ไม่ไร้ใจ ราบเรียบแต่เปี่ยมด้วยแรงส่งแห่งความหมาย และที่ทำให้หลินหยาต้องเงียบงันอยู่อึดใจคือประโยคถัดมา “และ…โชคชะตากำลังหมุนกงล้อ”


เธอหันขวับมองเขาอย่างไม่เชื่อหูตนเอง…ริมฝีปากเม้มแน่น สีหน้าระคนไปด้วยความฉงนและความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด "...ท่านรู้ได้อย่างไร...?" นางเอ่ยแผ่วขมวดคิ้วแน่นขึ้น ลมหายใจของหลินหยาสะดุดไปชั่วขณะ ดวงหน้านวลที่บัดนี้เริ่มระบายสีแดงจางๆ จากความตกใจและความรู้สึกเหมือนมีคนล้วงเข้าไปในใจอย่างไร้การขออนุญาต เพราะสิ่งที่เขาพูด…มันคือเรื่องเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน…การขึ้นไปยังลานกระบี่เหินมรรคา…การตั้งใจจะฝึกฝนตบะเพื่อหาหนทางใหม่ให้แก่ตน แม้สุดท้ายจะจบลงด้วยการเสียสมาธิไปกับความคิดจุกจิกบางอย่างก็ตาม…


ชายผู้นั้นกลับมองหลินหยาอย่างไม่กล่าวตอบนัยน์ตาคู่นั้นไม่ยิ้ม แต่แฝงความเข้าอกเข้าใจราวกับชายชราผู้เห็นรุ่นลูกรุ่นหลานเดินหลงทางไปยังจุดที่ตนเองเคยเหยียบผ่านมาก่อน ไม่มีความยินดี ไม่มีตำหนิ มีเพียงเมตตาอันลึกล้ำที่วางนิ่งอยู่ในแววตา "เจ้ายังไม่พร้อมลืมความเศร้า...จึงยังไม่เข้าถึงความสงบ" ถ้อยคำนั้นแทบไม่ได้เอื้อนด้วยเสียง แต่ดังขึ้นในหัวใจของหลินหยาดังระฆังภายในวัดร้าง 


นางหลุบตาลงเล็กน้อยกำมือตนเองเบา ๆ ความรู้สึกประหลาดเริ่มไหลบ่า เหมือนโดนอ่านใจ โดนมองทะลุเหมือนแผลที่เพิ่งแห้งสนิทถูกลูบผ่านด้วยปลายนิ้วอุ่นเย็นปนเปกัน “ท่านเป็นใครกันแน่เจ้าคะ…” หลินหยาเอ่ยพึมพำดวงหน้าเงยขึ้นมองเขาอีกครั้งอย่างคล้ายจะค้นคำตอบ แต่...เขายังคงเป็นชายแปลกหน้าในชุดเรียบที่ดูราวคนเดินทางผ่าน ไม่มีสัญลักษณ์ไม่มีศาสตรา ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกว่าเขาคือผู้ใด หรือมาจากที่ใด แต่สิ่งที่เขาพูดทุกคำทุกพยางค์มันกลับสะท้อนในใจอย่างแม่นยำและน่าหวาดหวั่นราวกับรู้จักนางมานานกว่าผู้ใด


"โชคชะตาจะไม่เคยรอ...แม้แต่คนที่ยังลังเล" เขากล่าวพร้อมกับเดินจากไปอีกครั้งเหมือนวันก่อน ร่างสูงนั้นเคลื่อนไปตามทางดินริมทะเลสาบอย่างช้า ๆ ไม่หันหลัง ไม่เอ่ยลาชัดเจน



@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เห่อ เทพเจ้าขา หนูจะบ้า


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

หัวใจเยว่เหล่าตันแล้ว  โพสต์ 2025-7-20 03:13
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-7-20 03:13
โพสต์ 25520 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-20 03:12
โพสต์ 25,520 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-20 03:12
โพสต์ 25,520 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-20 03:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้