อุทยานชุนเหอจิ่งหมิง

[คัดลอกลิงก์]







春和景明花园

อุทยานชุนเหอจิ่งหมิง

{ ราชฐานชั้นใน }









【 พระราชอุทยานชุนเหอจิ่งหมิง 】

พิรุณพรำร่ำบุปผา ยามทิวาหลากสีสัน

พระราชอุทยานขนาดใหญ่กินพื้นที่หนึ่งในสี่ของเขตพระราชฐานชั้นใน ตลอดแนวแบ่งออกเป็นเขตสี่ฤดูผ่านการดูแลของฝ่ายคนสวนมือฉกาจที่สามารถผลาญทรัพยากรเพื่อดูแลสถานที่แห่งนี้ให้สวยสดงดงามในทุกฤดูกาล โดยในรัชสมัยฮั่นจิ่งตี้ อุทยานแห่งนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการและถูกปล่อยปะละเลยมานาน ทว่าเมื่อถึงคราวฮั่นอู่ตี้ครองราชก็ได้มีการตั้งนามอุทยานแห่งนี้ว่า ‘ ชุนเหอจิ่งหมิง ’ อันมีความหมายว่า ‘ วสันต์สงบทิวทัศน์กระจ่าง ’









แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6299 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-10 20:00

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
654
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-11 17:27:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด



สวนพฤกษากับกลหมากปริศนา

“ ป้ายประกาศ… ป้ายประกาศ.. ”

สำหรับผู้ที่ไม่แม่นทาง ความกว้างใหญ่ของวังหลวงนับเป็นอุปสรรคแรกที่นางต้องเผชิญหลังจากย้ายเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในอาณาเขตรั้วแดงที่ทอดยาวไปไกล เช่นเดียวกับสาวแรกรุ่นหลายคนที่กระจัดกระจายกันไปทั่ววัง ลู่ไป๋หรั่นที่สร้างเรื่องสร้างราวไว้ตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้ามาก็กำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการตามหาป้ายประกาศวังหลวง แต่ไม่รู้ทำไม เดินเลาะไปเลาะมากลับมาโผล่อยู่ใจกลางพื้นที่ซึ่งล้อมไปด้วยหมู่พฤกษานานาพันธุ์

ท่ามกลางมวลผกาหลากสีสันราวกับมีหมอกม่านอันได้ชื่อว่า ‘สตรีงาม’ พาดผ่านก่อนจะจากไป

นงคราญในอาภรณ์ขาวก้าวไปด้านหน้าทีละน้อย ผ่านดงบุปผา ผ่านบึงน้ำใหญ่ ผ่านหมู่ต้นไม้ไป จนได้พบกับสะพานข้ามทางน้ำไหลเพื่อไปให้ถึงศาลาใหญ่กลางน้ำ

ไม่สิ ไม่ใช่ศาลา , มันคล้ายกับ.. ตำหนัก ?

สองตาดุจนางหงส์กวาดมองรอบด้าน พร้อมกับตัวที่หมุนเพื่อมองดูให้ครบทั้งสถานที่ ศาลาแห่งนี้สร้างขึ้นจากไม้ที่มีร่องรอยการดูแลเป็นอย่างดี ตลอดทั้งสี่ทิศเปิดรับลม แต่ก็ยังมีม่านม่วงชั้นดีประดับไว้ดูพริ้วไหวไม่แข็งกระด้าง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่หรูหราอลังกาลเช่นนี้คล้ายกับกำลังเน้นย้ำให้นางนึกถึงความจริงข้อหนึ่งอยู่ตลอดเวลา

ความจริงที่ว่าตอนนี้นางหาได้อาศัยอยู่ในลั่วหยาง หาได้เป็นเพียงแค่บุตรสาวคหบดี กลับกันนางยังได้เป็นถึงเหม่ยเหริน…

“ คารวะนายหญิง ”

เสียงการย่อกายลงดังขึ้นจากด้านหลัง ยามที่นางหันไปมองก็พบกับคณะนางกำนัลขั้นกลางกลุ่มหนึ่งที่สองมือล้วนแต่ถืออุปกรณ์ทำความสะอาด “ พวกเจ้าทำงานอยู่หรอกหรือ? เป็นข้าที่มาเกะกะใช่หรือไม่ ” ตัวคนพูดไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่คนฟังนั้นกลับไม่ใช่ เหล่านางกำนัลที่พึ่งจะเคยเจอคนมียศสูงกว่าถามเสียงนุ่มอย่างนี้ก็รีบปัดไม้ปัดมือเป็นพัลวัน

“ มิใช่เจ้าค่ะ พวกบ่าวทำความสะอาดศาลาเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่เห็นนายหญิงดูลังเลที่จะเข้ามาจึงตัดสินใจพากันมาคารวะ เผื่อว่าท่านมีสิ่งใดที่อยากจะรับสั่งเจ้าค่ะ ” นางกำนัลน้อยที่อยู่ด้านหน้าประสานมือไว้ราว ๆ ช่วงท้องพลางค่อมหัวลงเล็กน้อยขณะที่กล่าวตอบอย่างฉะฉาน

“ … ”

ขณะหนึ่ง ไป๋หรั่นพลันรู้สึกว่านางไม่สามารถหาคำตอบรับที่ดีพอมาเพื่อโต้ตอบกับนางกำนัลตรงหน้าได้ ถูกต้องแล้ว นางกำลังลังเล หรือไม่ก็อาจจะสับสน .. เนตรคู่นิลหม่นหมองลงได้ภายในเสี้ยววินาที “ เจ้าพูดถูก ” นงคราญหยกผ่อนลมหายใจออกผ่านริมฝีปากพลางสะบัดแขนเสื้อที่ยืดยาวนั้นหนึ่งครั้งเกิดเป็นกลิ่นหอมฟุ้งของมู่ตานฮวา(ดอกโบตั๋น)กระจายไปทั่ว

“ ไหน ๆ เจ้าก็มาแล้ว ข้าขอรบกวนสักอย่างสองอย่าง ”

“ แต่ก่อนอื่น.. ที่นี่สามารถนั่งเล่นได้ใช่หรือไม่ ? ” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่อย่างการไปล่วงล้ำพื้นที่เขตพระราชฐานต้องห้ามการถามไถ่คนที่ทำงานอยู่ที่นี่เป็นประจำ ย่อมถือว่าสมควรแล้ว

“ ใช่เจ้าค่ะ นอกจากนั่งเล่นแล้ว กระดานหมากล้อม กระดาษ รวมไปถึงเครื่องดนตรีภายในศาลา นายหญิงสามารถใช้งานได้ทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ ” เหล่านางกำนัลลอบตื่นเต้นอยู่ในใจ นานแล้วที่วังหลังขาดนายที่เป็นสตรี การมีหญิงงามมาเที่ยวชมสวนที่พวกนางดูแลกันมานานย่อมเป็นหนึ่งในน้ำที่แล่นเข้ามาล่อเลี้ยงใจที่เหี่ยวเฉา

“ เข้าใจแล้ว.. ” มาถึงที่ทั้งทีจะให้กลับไปเลยก็ใช่เรื่อง เอาไว้เรื่องจำเป็นที่ป้ายประกาศ .. นางค่อยไปชมวันหน้าก็แล้วกัน เมื่อตกลงกับตัวเองได้แล้ว นงคราญหยกก็หมุนกายเดินไปทางเก้าอี้ไม้ข้างกระดานหมากล้อม “ ข้าอยากชงชาสักหน่อย ที่เรือนเมิ่งเหยามีใบชาปี้หลัวชุน วานส่งคนไปนำมันมาที่นี่ที แล้วก็ อีกไม่นานคงจะฝนตก ใกล้บึงน้ำเช่นนี้แมลงชุกชุมนัก เจ้าไปเอาร่มและชุดปรุงกำยานมา ที่เหลือข้าจะจัดการเอง ”

หญิงสาวเมื่อหญิงงามก็ยิ่งต้องมีความสามารถ ไป๋หรั่นผงกศีรษะเป็นการขอบคุณที่เหล่านางกำนัลน้อมรับคำฝากฝังของนาง ก่อนจะหันกลับมามองกระดานหมากที่ปรากฏเม็ดดำและเม็ดขาววางในหลายตำแหน่งอยู่ก่อนแล้ว

ราวกับเล่นค้างเอาไว้ หรือไม่ก็เบื่อหน่ายที่จะสานต่อด้วยตัวเอง ดูเอาจากวิธีเกมรับเกมรุก คนที่ผ่านสงครามตารางหมากมามากยังนางยังพอดูออกได้ว่าสองฝ่ายล้วนเป็นคนเดียวกัน แม้ตัวเม็ดที่อยู่บนกระดานจะมีไม่มาก แต่ก็ทำให้ผู้มองมุ่นคิ้วเข้าหากัน ที่ปรากฏอยู่บนนั้นคือค่ายกลหมากหลักพื้นฐานอย่างเห็นได้ชัด แต่ในขณะเดียวกันก็คล้ายว่าจะมีบางสิ่งที่แปลกตา

จุดที่ไม่สมควรมีกลับมี จุดที่สมควรมีกลับไม่มี

ทว่าวิถีหมากสองฝ่ายต่างก็ห่ำหันกันเอง ประหนึ่งคนที่มีหลากความคิด ทว่ามีจุดหมายแค่เพียงหนึ่ง วิถีแก้ความยุ่งเหยิงนี้หากอยากคิดด้วยตัวเองย่อมเป็นเรื่องยาก.. แต่หากเป็นนาง

ริมฝีปากฉ่ำเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเบาบาง มือของนางคีบหมากเม็ดขาวออกมาอย่างช้า ๆ ในระหว่างที่ลอบจดจำตำแหน่งของหมากทั้งหมดเพื่อที่ขากลับจะได้วางคืนให้กลับในสภาพเดิม แต่ก่อนที่จะถึงตอนนั้น…

ให้นางลองเป็นผู้แก้ปริศนาที่เกี่ยวพันกันนี้สักหน่อยเป็นอย่างไร



(เรามาเพื่อท้าทาย อำนาจมืด อีกครั้ง LOL) @Admin






แสดงความคิดเห็น

++ อีเว้นท์เสริม Check PM ++  โพสต์ 2024-7-11 17:48
โพสต์ 14661 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-11 17:27
โพสต์ 14,661 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-11 17:27
โพสต์ 14,661 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2024-7-11 17:27
โพสต์ 14,661 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2024-7-11 17:27
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
654
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-11 22:45:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-11 22:51




ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ

เมื่ออยู่ต่อหน้ากระดานหมากกาลเวลาก็ไหลผ่านไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว หยาดฝนที่เคยโหมกระหน่ำกลายเป็นหยุดลง เหลือไว้เพียงหยดน้ำที่เกาะบนกลีบดอก กลิ่นดินชื้น ๆ คลอเคลียที่ปลายจมูกชวนให้คนึงถึงบ้านเกิดที่ห่างออกไปไกล ในครรลองสายตาของนางกำนัลสาวที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน ยังมีร่างอรชรโน้มกายลงพิจมองกระดานหมากไม้สีนวลตานั้นอย่างตั้งใจ ไป๋หรั่นคลึงเม็ดหมากกลมเกลี้ยงในมือมาเป็นเวลาพักใหญ่ หว่างคิ้วเจือความครุ่นคิด ราวกับปริศนาที่ยิ่งแก้ก็ยิ่งพบ ครู่หนึ่งแม้จะพลิกกระดานได้ แต่ครู่ต่อมาก็ถูกบีบให้ถอยกลับสู่ที่เดิม ราวกับมีผู้จงใจปกปิดช่องทางการค้นหาเส้นทางรอดพ้น

“ นายหญิง ตอนนี้ผ่านมาสองก้านธูปแล้วเจ้าค่ะ ”

เนื่องจากอากาศชื้นจึงไม่เหมาะที่จะปรุงกำยาน นางกำนัลน้อยผู้นั้นจึงนำธูปหอมสำเร็จที่มีเก็บไว้ในศาลามาใช้แทน ดังนั้นนางจึงตั้งเงื่อนไขหนึ่งขึ้นมา ว่าหากหนใดที่นางไม่วางหมากจนหมดไปแล้วหนึ่งก้านธูป อีกฝ่ายจะต้องคอยขานว่าหลังจากนั้นใช้ธูปไปกี่ก้านแล้ว

“ สองแล้วหรือ.. ”

ระยะเวลาสองก้านธูปกล่าวว่าน้อยก็น้อย กล่าวว่ามากก็มาก เดิมทีหมากกระดานนี้หากนางเล่นด้วยความคิดที่อยากจะพิชิต บางทีทุกสิ่งอาจจะจบลงเร็วกว่านี้นัก ทว่าเมื่อทั้งตัวเริ่มต้นมาในส่วนที่ใช้เหตุผลว่า ‘อยากจะเข้าใจ’ การค่อย ๆ ศึกษาเส้นทางหมากที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้ จึงจำเป็นจะต้องใช้เวลา เสียก็แต่เวลาของนางไม่ได้มีมากถึงเพียงนั้น ไป๋หรั่นสูดหายใจเข้า รับทั้งกลิ่นธูปหอมไปพร้อม ๆ กับไอเย็นจากฝน นางปัดรูปแบบเกมกระดานทั้งหลายที่เคยใช้มาพร้อมกับวางหมากลงไปง่าย ๆ หนึ่งเม็ดเพื่อเป็นการปิดฉากกลหมากในครั้งนี้

นางไม่ใช่ผู้ชนะ แต่ก็ไม่ใช่ผู้แพ้เสียทีเดียว

ความคิดแรกที่จะคืนสภาพกระดานให้กลับดังเดิมถือได้ว่าปลิวหายไปไกล จะให้จัดคืนก็เสียดาย ปล่อยไว้ก็ถือได้ว่าเป็นการล่วงเกินอีกฝ่าย ในระหว่างที่โฉมงามยังคงคิดไม่ตก ผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่ก็เป็นหนึ่งในนางกำนัลที่ปลีกตัวไปเอาใบชาและร่ม ทั้งยังหอบสิ่ง ๆ หนึ่งที่นอกเหนือจากคำบอกเล่ามาอีกด้วย

“ นายหญิง บ่าวนำร่มและใบชามาแล้วเจ้าค่ะ ”

“ อืม เจ้าวางไว้บนโต๊ะเถิด ”

คนงามกล่าวโดยที่ไม่ทันได้หันไปมอง ทว่าชั่วพริบตานั้นนางกลับได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากเหล่านางกำนัล

“ นั่นผีผานี่ ? เจ้าไปเอามาจากที่ใด ”

“ ยามที่ไปถึงเรือนเมิ่งเหยาข้าพบสาวใช้น้อยคนหนึ่งกล่าวว่าเป็นผู้ติดตามของนายหญิง นางบอกอากาศเช่นนี้ปกติแล้วนายหญิงจะชื่นชอบการบรรเลงดนตรีเป็นพิเศษ ประจวบเหมาะกับที่ข้าวของบางส่วนพึ่งขนส่งมาถึง หนึ่งในนั้นมีผีผาตัวนี้ประกอบอยู่ด้วย ข้าเลยหยิบมาเผื่อไว้ ”

ผีผา ?

ไป๋หรั่นเงยหน้าขึ้นจากกระดานหมาก สายตาจรดลงมองผีผาคุ้นตาที่นางใช้ร่ำเรียนมาตั้งแต่ยังเยาว์ พลางหวนคิดถึงอดีตผ่านคำพูดของนางกำนัลน้อย ‘นางชอบบรรเลงดนตรีในสภาพอากาศเช่นนี้หรือ?’ สองนัยน์กลมราวเม็ดมณีเหลือบขึ้นมองฟ้าหลังฝนที่ทอแสงประกายสดใส ก่อนจะหลุบลงมองเหล่าดอกไม้ใบไม้ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยหยดน้ำ

ก็เหมือนว่าจะใช่

“ รู้หรือไม่ว่าโดยปกติแล้วสตรีลั่วหยางนิยมทำสิ่งใดในช่วงเวลาเช่นนี้ ” คำถามของนางทำให้เหล่านางกำนัลยืดหลังขึ้นด้วยความตระหนก แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนที่ดูขี้โมโหหรืออารมณ์ร้าย แต่ด้วยใบหน้าเรียบ ๆ ที่เจือรอยยิ้มเบาบาง บรรยากาศรอบกายที่สงบเสงี่ยมแต่ก็เย้ายวนราวกับภูตพราย ไหนจะใบหน้าที่ปรากฏรอยฟกช้ำเบา ๆ ข่าวลือที่แพร่ออกไปปานสายฟ้าเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน มีหรือที่พวกนางจะไม่รู้ ?

“ เอ่อ พวกบ่าวอยู่ในวังแต่เด็ก บางครั้งอาจจะโง่เขลาเกินไป มิสู้.. ” ขนาดสาวใช้ช่างเจรจาอันดับหนึ่งในหมู่นี้ยังต้องเม้มปาก ลู่ไป๋หรั่นไม่ได้ด่าทอหรือกดดันจนเกินงาม ทว่าที่ทำให้คนรู้ตัวขึ้นมาได้ว่าสมควรทำอะไรกลับเป็นแววตาที่เจือความขบขันอยู่ลึก ๆ ของอีกฝ่าย ดังนั้นจากท่าทีอึกอักที่หมายจะปล่อยผ่าน ก็กลับกลายมาเป็นการหารือกันจนได้คำตอบและส่งตัวแทนคนหนึ่งขึ้นมาพูดตาใส “ ใช่การดื่มชาหรือไม่เจ้าคะ ? อากาศเย็น ๆ พร้อมกับลมโชยมาเช่นนี้ ดื่มชาเพื่อปรับสมดุลในร่างถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรเป็นอย่างมาก ”

“ เป็นคำตอบที่ไม่แย่เลย อันที่จริง ส่วนมากก็ใช่.. ทว่าที่เป็นส่วนน้อยก็ยังมีอยู่บ้าง ”

สีหน้าฉงนใจของเหล่านางกำนัลทำให้ไป๋หรั่นวาดยิ้มด้วยความเอ็นดู นงคราญหยกกวักมือเรียกผู้ที่โอบผีผาให้ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะเป็นฝ่ายรับเครื่องดนตรีชนิดสายที่พกพาง่ายมาไว้ในมือ “ สตรีลั่วหยางชื่นชมสิ่งสุนทรี ในเมืองมีเทพธิดาคอยขับขาน ในบ้านมีบุตรหลานคอยบรรเลง ขาดก็แต่คนร่ายรำ ในพวกเจ้ามีใครที่สามารถร่ายรำได้หรือไม่? ”

เป็นเพราะตัวเกิดมาเป็นนางกำนัล หลายคนจึงสูญเสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้จริยาพื้นฐานที่สตรีพึงมี เห็นเด็ก ๆ ทำสีหน้าย่ำแย่ ทางไป๋หรั่นเองก็พลันรู้สึกผิดต่อพวกนาง ทว่าจะให้กลืนคำพูดกลับก็คงไม่อาจทำได้แล้ว ฉะนั้นสิ่งที่เทพธิดาจำแลงเลือกทำ กลับกลายมาเป็นการพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก “ ร่ายรำไม่เป็นก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้ ข้าเองเดิมทีก็เป็นพวกที่เต้นแล้วดูราวกับเต้นแร้งเต้นกา ” ขณะหนึ่งในแววตาของสาวงามพลันสั่นไหว การล่อลวงคำโตเกิดขึ้นได้โดยที่สองตาไม่แม้แต่จะกะพริบ

“ ถือเสียว่าออกไปเล่นน้ำค้าง ปัดน้ำฝน พวกเจ้าอยากกรีดกรายอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ใจเถิด บทบรรเลงนี้หากไม่มีผู้รำก็กล่าวได้ว่าไม่สมบูรณ์ ข้าเองก็นึกถึงบ้านเกิด พวกเจ้าคงจะสามารถช่วยส่งเสริมข้าได้ … ใช่หรือไม่ ? ” ผู้กล่าวล้วนกล่าวได้อย่างจรรโลงใจ ผิดกับคนฟังที่บางคนหน้าซีด บางคนยิ้มแหย มีหรือที่หญิงงามถึงระดับนี้ทั้งยังถูกคัดเลือกเข้าวังจะยังเป็นแค่สตรีที่เต้นแร้งเต้นกา ทว่ายามที่จะอ้าปากปฏิเสธก็อึกอักประหนึ่งว่าหาเส้นเสียงกันไม่เจอ

ลู่ไป๋หรั่นหาใช่หญิงธรรมดาโดยสามัญ ไม่ว่าจะทั้งทางหน้าตาหรือการกระทำ ดูเอาจากท่วงท่าการนั่งที่เตรียมพร้อมเป็นอย่างดี ไม่ใช่จะสองขาที่แนบชิดสนิทแน่น ขึ้นไปถึงมือที่ประคองผีผาไว้ในอ้อมแขนราวกับพร้อมบรรเลงทันทีที่พวกนางตัดสินใจกันเสร็จสิ้น ทั้งยังมีแผ่นหลังยืดตรงกับลำคอระหงส์ที่คอยขับส่งใบหน้าพิลาสล้ำให้สูงส่งไร้ราคีใดมาแปดเปื้อน

เพื่อไม่ให้มีใครหลงไปสาวไหมพันตัวเอง นางกำนัลน้อยหน้ตาเกลี้ยงเกลาผู้หนึ่งก็เชิดหน้าขึ้นเดินอาด ๆ ขึ้นมา “ บ่าวเองเจ้าค่ะ ! ” เมื่อเห็นเช่นนั้น มุมปากของคนงามก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย สองมือจรดทาบลงบนสายก่อนจะเริ่มต้นดีดบรรเลงเพลงออกมา



สิบนิ้วกรีดกรายบนสายดนตรี ก่อให้เกิดเป็นเพลงที่เริ่มจากจังหวะเชื่องช้า สู่การเน้นให้เร็วขึ้นไปทีละน้อย เสียงแหลมเล็กของผีผาแต่ไหนแต่ไรมาถือได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีปราบเซียน กว่าจะบรรเลงให้ลื่นไหลไม่บาดหูก็สมควรที่จะกล่าวว่าจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปี จึงเป็นเรื่องที่เห็นได้ยากนักกว่าจะมีใครตัดสินใจบรรเลงเพลงโดยอาศัยผีผาเพียงชิ้นเดียว

เสียงแหลมสูงดังขึ้นเป็นจังหวะโยกย้ายสะบัดแขนไปซ้ายขวา นงคราญหยกยกสายตาออกจากเครื่องดนตรีเงยหน้าขึ้นไปมองความสดใสอันเจิดจรัสของผู้คนที่เริ่มจากหนึ่งและจบลงที่สาม .. ร่างกายของนางกำนัลน้อยทั้งหลายต่างก็วาดลวดลายที่แม้จะไม่อ่อนช้อยแต่ก็ดูคึกคักราวกับต่างฝ่ายต่างก็ลุกขึ้นมาเป็นผีเสื้อที่ถูกเพื่อนร่วมงานไล่จับกันอย่างสนุกสนานผ่านการรังสรรโดยดนตรีหวานหูที่แฝงถึงความคิดคนึงเอาไว้อย่างแยบยล ผู้ที่ไม่อาจเข้าถึงหัวใจของศาสตร์ศิลป์มีหรือจะรู้ว่าบทเพลงนี้แฝงความตัดพ้อระคนเจ็บปวดไว้มากสักแค่ไหน

จากต้นเพลงสู่กลางเพลง เสียงผีผาเลือนหายไปชั่วขณะ แต่ที่ทดแทนมากลับเป็นเสียงนุ่มที่กล่าวขึ้นไม่ดังและไม่เบานัก

“ ยามต้นเหมยผลัดใบทองอร่าม แต่ละบ้านล้วนมาเยือนซึ่งหยาดฝน

ในทุ่งหญ้าเขียวขจีกลางดินตม ร้องกันขรมคือกบเขียดในบ่อบึง

ดึกมากแล้วแต่ข้ายังไม่หลับ สหายรักที่นัดไว้ยังไม่ถึง

เคาะหมากล้อมเล่นพลางคิดคะนึง เทียนขี้ผึ้งหลอมละลายลงทุกที ”

เสียงขานกวีล่องลอยตามลมสายน้อยเข้าสู่โสตประสาทของคนผู้หนึ่ง พร้อมกันนั้นเสียงผีผาที่คล้ายเจือไว้ซึ่งความคร่ำครวญก็ดังขึ้นต่อประหนึ่งการชักชวนให้ผู้ที่ได้ฟังจำต้องการเดินไป ในแต่ละก้าวที่เข้าใกล้ ราวกับมีบางสิ่งบีบรัดและเร่งเร้า โฉมงามผู้บรรเลงเฉิดฉายอยู่ใจกลางศาลาผ่านเพลงซึ้งตรึงใจ แม้จะมีเงาร่างของผู้คนบดบังแต่ก็ยังสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องปั้นหน้าปั้นตา

เมื่อบทเพลงจบลง เหล่านางกำนัลน้อยที่คลายท่าทีวิตกเปลี่ยนมาเป็นผลัดกันหมุนกายอย่างรื่นเริง เหลือก็เพียงแต่ ‘ลู่เหม่ยเหริน’ ที่ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วนอกจากชักจูงให้คนอื่นทำตามอย่างที่นางอยาก ก็ยังไม่เห็นมีใครสามารถบอกให้นางทำอะไรสักอย่างได้สักที

“ นายหญิงสุดยอดนัก ! ในตำหนักในหาได้มีนายสตรีที่เก่งศาสตร์ศิลป์เช่นนี้มานานแล้ว ”

“ จริงเจ้าค่ะ ที่ผ่านมากว่าจะได้ฟังสักเพลง หรือดูการแสดงสักครั้งก็ต้องหอบกันไปที่กองสังคีต ไหน ๆ ท่านก็เมตตาลองร่ายรำให้พวกข้าดูสักท่อน ” เด็กพวกนี้พอมีโอกาสสุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็นจำพวกที่ไม่รู้จักกลัวตายสามารถขอร้องกันได้ซึ่ง ๆ หน้า เห็นแก่ที่พวกนางเล่นสนุกไปกับนาง ดังนั้นไป๋หรั่นจึงอุ้มผีผาขึ้นลุกเดินออกไปด้านหน้าโดยไม่เร่งรีบนักผิดกับสายตาตื่นเต้นของคนรอบกาย ยามที่นางก้าวออกมานอกเงาศาลา เมื่อเงยหน้าขึ้นฟ้าก็ไม่หลงเหลือเมฆฝนอีกต่อไป นงคราญหยกยกมือข้างหนึ่งขึ้นป้องแสงแดดไม่ให้ส่องลงที่หน้าโดยตรงส่วนอีกข้างก็ยื่นผีผาให้นางกำนัลรับไปถือไว้

แขนเสื้อข้างหนึ่งถูกโยนสะบัดไปด้านหน้ากระทบเข้ากับต้นเหมยกุ้ยฮวาที่บอบบางจนสั่นไหว ครู่ต่อมาแขนนั้นก็ค่อย ๆ เหยียดขึ้นสูง ส่วนอีกข้างก็ยกตามพลางไล้ระดับลดลงตามแนวร่าง เรือนกายอรชรในอาภรณ์ที่ขับเน้นทรวดทรงพริ้วไหวอ่อนหวานผิดกับการนิ่งงันในหนที่ผ่าน ๆ มา ไม่ว่ารอบกายจะมีผู้ชมหรือไม่ ไป๋หรั่นหลับตาลงซึมซับกลิ่นอายเย็นเฉียบของแผ่นดิน กักเก็บความโอนอ่อนของสายลม กระทั้งมองข้ามการปวดเนื้อปวดตัวอันมีผลมาจากเรื่องวิวาทเมื่อวาน

ราวกับหมายจะใช้การร่ายระบำทำลายทุกห้วงความคิดในใจตน ดรุณีหยกจมลงในห้วงทะเลจากความเพ้อฝัน ก่อนที่การร่ายรำนี้เผยให้เห็นถึงบทสรุป .. ท่อนแขนขาวที่สะบัดขึ้นฟ้าพร้อมชายเสื้อขาวยาวราวผ้าแพรที่ใช้ประกอบการระบำลอยขึ้นสู่ท้องนภาก่อนจะค่อย ๆ ตกลงมาผ่านเสี้ยวหน้าผุดผาดของคนงามเช่นจันทร์ฉาย



(มีอะไรต่อหรือไม่ - @Admin )






แสดงความคิดเห็น

เลขคี่ = จะพบเจอบุคคลสอง  โพสต์ 2024-7-11 23:29
โพสต์ 27933 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-11 22:45
โพสต์ 27,933 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2024-7-11 22:45
โพสต์ 27,933 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-11 22:45
โพสต์ 27,933 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2024-7-11 22:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
654
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-12 21:01:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ยามพบหน้าผู้ครองแผ่นดิน

ชายอาภรณ์โบกสะบัดตามลมโชยอ่อน โฉมสะคราญร่ายรำดั่งสายน้ำไหล

เส้นเกศาปลิวไสวราวหมึกขจัดขจาย เหงื่อพรมพร่างพรายบนกายนวลนาง

ท่วงท่าการวาดแขน ควงมือ ประสานเป็นมุทราล้วนปลอดโปร่งราวกับทำเช่นนี้มาแล้วนับพันนับหมื่น ดรุณีหยกเหยียดแขนออกไปด้านหน้า รับกับผีเสื้อตัวน้อยที่บินต่ำลงอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะกระพือปีกหนีไปเมื่อรับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือน ยามเมื่อสองตาราวนางหงส์เปิดขึ้นอีกครั้ง การวาดลวดลายที่อ่อนหวานก็พลันเปลี่ยนมาเป็นเฉียบขาด คล้ายระบำผ้ากระทบกลองที่เหล่านางรำชั้นสูงล้วนใช้เวลาหลายปีเพื่อฝึกฝนให้ได้มันมา

ท่ามกลางใบหน้าที่ซีดขาวของเหล่านางกำนัล ไป๋หรั่นหรี่ตาลงเล็กน้อย เพื่อจบการละเล่นในครั้งนี้ นงคราญกางแขนพร้อมสับเท้าสะบัดกายหมุน ปรากฏเป็นภาพชายภูษาเคลื่อนตามเป็นวงกลมในระนาบตั้งฉาก ก่อนจะปิดท้ายลงด้วยการยกมือขึ้นบังใบหน้า ในยามที่นางลดมือลง หวนกลับคืนสู่กิริยาเรียบร้อยมั่นคงก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อเหล่านางกำนัลน้อยที่กว่าจะสนทนาเป็นภาษาเดียวกันได้ยามนี้กำลังหมอบกายอยู่กับพื้นด้วยสภาวะอารมณ์ที่ต่างกันไป บางคนถึงหน้าซีด บางคนไหล่สั่น บางคนก็สงวนท่าทีระมัดระวังเป็นอย่างดี .. ในกรณีที่วังหลังไม่มีนายสตรีมานาน รับหญิงงามเข้าครั้งนี้ทุกคนก็เริ่มต้นกันที่ระดับเหม่ยเหริน งั้นก็เท่ากับว่ามีเพียงผู้เดียวที่สามารถทำให้ข้ารับใช้สั่นสะท้านได้ถึงเพียงนี้

ประหนึ่งมีหินก้อนใหญ่หล่นทับบนไหล่นาง ลู่ไป๋หรั่นยืนแข็งอยู่กับที่พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างช้า ๆ แม้แต่มวลผกายังไม่อาจลดหลั่นกลิ่นอายของผู้ทรงอำนาจ จะให้นางนิ่งงันทำเป็นไม่รู้ เกรงว่าคงจะไม่ทันแล้ว โฉมงามปานเทพธิดาปิดเปลือกตาลงพร้อมสูดหายใจเข้า ก่อนจะค่อย ๆ หันหลังไปพร้อมสองตาที่เปิดขึ้นทีละน้อย

เงาร่างองอาจทอดยาวจากสุดปลายที่เขาผู้นั้นยืน มาจนถึงปลายเท้าของนาง คนที่ทั่วหล้าต่างหวั่นเกรงยามนี้ได้มายืนอยู่ตรงหน้า คิ้วเรียวยาว ดวงตาสุกสกาว จมูกโด่งโค้งเป็นสัน รับริมฝีปากอิ่มเหยียดตรงเป็นเส้นขนาน ชายที่ครองเสน่ห์เย้ายวนของบุรุษเพศ แต่ในขณะเดียวกันก็เย็นเฉียบเฉยชา คนผู้นี้คือ…

“ หวงตี้(ฝ่าบาท)เสด็จ .. !! ”

คำประกาศการมาถึงของ ‘องค์จักรพรรดิ’ ดังขึ้นผ่านปากของ ‘จางกงกง’ ผู้ดำรงตำแหน่งจงฉางชื่อทั้งอยู่ในรายชื่อคนสนิทของผู้เป็นเจ้าแผ่นดิน

ลู่ไป๋หรั่นไม่มีเวลามาตะลึงในรูปลักษณ์ของโอรสสวรรค์ผู้เป็นหนึ่งในแผ่นดิน เทพธิดาจำแลงเร่งรักษาท่าที ขยับสองมือเข้าตำแหน่งคารวะก่อนจะทรุดกายหมอบลงกับพื้นพร้อมกดศีรษะจนคางชิดคอ “ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ” เมื่อมีเสียงของสตรีผู้มียศเป็นนายดังขึ้น เหล่านางกำนัลที่อยู่ค่อนไปทางด้านหลังก็เอ่ยปากขึ้นรับช่วงต่อโดยทันที

“ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี ”

สิ้นเสียงถวายพระพรก็ราวกับรอบด้านไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต กระทั่งเสียงลมหายใจยังต้องเก็บให้เงียบที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้สายตาของโอรสสวรรค์ ฝ่าพระบาทไม่มีรับสั่งให้ลุกขึ้นแล้วใครจะไปกล้าขยับ

“ … ”

“ ไม่เลว ”

ไม่มีใครรู้ว่า ‘ไม่เลว’ ในที่นี้หมายถึงสิ่งใด

หน้าตา ? การร่ายรำ ?

เนตรคมคายของโอรสสวรรค์หลุบลงมองร่างบางใต้อาภรณ์ขาวเหลือบชมพู ดวงตาของเขามืดสนิทราวกับท้องฟ้ายามรัตติกาลที่ยากจะบ่งบอกได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดเช่นเดียวกับการมองในครั้งนี้ที่มองเพียงแค่ครู่และก็ผ่านไป … ฮั่นอู่ตี้ผู้ครองแผ่นดินชำเลืองตาไปยังคนสนิทข้างกาย เพียงเท่านี้จางกงกงก็ประดับยิ้มบนใบหน้า ยื่นสองมือประสานอย่างนอบน้อมและกล่าวขึ้นรายงาน

“ ผู้นี้คือลู่เหม่ยเหรินจากเรือนเมิ่งเหยาที่พึ่งผ่านการคัดเลือกสตรีเข้าฝ่ายในในครั้งที่ผ่านมาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ” สายตาอันเฉียบคมของจางกงกงย้ายจากสองมือที่ประสานมาเป็นร่างของนงคราญหยกที่ก้มลงไม่รับทราบสิ่งใด ๆ รูปร่างไม่แย่ หน้าตาไม่เลว เสียก็แต่หนนี้ไม่แน่ว่าจะเป็นมารยาสาไถยที่คิดอาจเอื้อมมังกรเช่นผู้อื่นหรือไม่

ทุกวันมีผู้คนมากมายผ่านหน้าผ่านตามานับไม่ถ้วน ที่มากเล่ห์แสนกลก็เจอมาจนหน่าย เมื่อได้ทราบตัวตนของอีกฝ่าย ฮั่นอู่ตี้พลันยกมุมปากขึ้นเบา ๆ นึกว่าผู้กล้าหาญฟ้าที่ไหน สุดท้ายก็เป็นหนึ่งในสตรีที่เสด็จแม่เลือกมาเหมือนอย่างเคย

ฝ่ายผู้มีอำนาจล้นมือเป็นเช่นไรนางไม่อาจทราบ ทว่าทางผู้เฝ้ารอกลับใจเต้นระส่ำจนไม่เป็นอันตั้งตัว ไป๋หรั่นสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ซึมผ่านอุ้งมือขาว สองเข่าที่ชินชาตอนการสัมผัสพื้นแม้แต่เวลานี้ยังรู้สึกชาวาบ สองคำก่อนหน้าจากองค์เหนือหัวไม่ได้ช่วยให้นางวางใจ ตลอดทั้งชีวิตลู่ไป๋หรั่นวนเวียนพบเจอกับผู้ทรงอำนาจมามาก แต่ที่ชวนให้หวาดผวาต่อจากนี้เกรงว่าจะมีแต่เพียงผู้เดียวแล้ว

“ … ”

“ ตกรางวัล ”

ยามเมื่อสิ้นรับสั่ง ร่างสูงภายใต้ภูษาทองอร่ามสมศักดิ์ศรีการเป็นหวงตี้ก็หมุนกายก้าวออกไปพร้อมกับคณะข้ารับใช้ที่ตามหลังไปอีกเป็นขบวน เหลือไว้เพียงจางกงกง และผู้ช่วยที่ถือถาดไม้ที่มีก้อนทองวางเรียงรายอยู่

“ ลู่เหม่ยเหรินโปรดรับรางวัลพระราชทานจากฝ่าบาท ”

จางกงกงรับเอาถาดนั้นมาถือไว้ด้วยตัวเอง ก่อนจะยื่นไปทางร่างบางที่อยู่ไม่ไกล

สองมือนุ่มนิ่มยกขึ้นรับถาดทั้งที่ยังคุกเข่าตามประเพณีในวัง และเมื่อรับไว้มั่นแล้วถึงได้ค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นพร้อมเปิดปากเป็นครั้งแรกในรอบหลายอึดใจ “ ข้าซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทที่เมตตาเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าคงต้องรบกวนจางกงกงช่วยกราบทูลขอบพระทัยแก่ฝ่าบาทแทนข้าแล้วเจ้าค่ะ ” ใบหน้าโฉมสะคราญซีดลงหลายระดับแต่กลับไม่ทิ้งลายความเป็น ‘ผู้เฉิดฉัน’ ความงามของสตรีผู้นี้ลือลั่นอย่างไร เขาย่อมทราบ เพชรเม็ดงามที่เล็งเห็นไว้ว่าใช้การได้เมื่อมาพิจารณาด้วยตาแล้วก็ไม่นับว่าผิดไปจากที่คาดจริง ๆ

“ ลู่เหม่ยเหรินอย่าได้เกรงใจ การไว้วานนี้ ย่อมถึงมือฝ่าบาทอย่างแน่นอน ” จงฉางชื่อผู้มากประสบการณ์ประดับรอยยิ้มการค้าไว้บนใบหน้า เห็นแก่ที่ช่วงนี้ไท่โฮ่วเร่งเร้าฝ่าบาท ทั้งยังกดดันเขาอยู่หลายหนในเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งสตรีไปปรนนิบัติ เพื่อไม่ให้ต้องเสียคนที่หน่วยก้านดีดูใช้ได้ไปง่าย ๆ เขาจะออกปากแนะนำนางสักครั้งกแล้วกัน “ ฝ่าบาทมิโปรดการทะเลาะวิวาทของสตรี จากนี้หากลู่เหม่ยเหรินระมัดระวังมากกว่านี้สักนิด ย่อมเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวท่าน ”

จางกงกงหรี่ตาลงเป็นอย่างสุดท้าย สองแขนขยับขึ้นประสานและโค้งกายลงเพื่อร่ำลา เช่นเดียวกับฝ่ายผู้เป็นเหม่ยเหรินที่ย่อกายลงช้า ๆ

“ ระหว่างนี้ยังมีรับสั่งจากไท่โฮ่วให่เหล่าเหม่ยเหรินเข้ารับการเรียนเรื่องปรนนิบัติ วันก่อนเห็นว่าท่านได้รับบาดเจ็บ ช่วงนี้รักษาตัวให้ดีจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร .. ตำหนักจงฉางชื่อของกระหม่อมยังรอที่จะให้การแนะนำท่านเสมอ ”

คำฝากฝังนี้ดูแล้วลื่นหูแต่ก็น่าขนลุก การเคลื่อนไหวในวังแม้เพียงน้อยก็สามารถทราบได้ ทุกย่างก้าวล้วนแต่มีคนจับตามอง คล้ายกับดวงตาจิ้งจอกที่แฝงแววมากแผนการของผู้เป็นกงกงที่อยู่ตรงหน้า ไป๋หรั่นรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ ใต้รั้วกำแพงแดงนีใครบ้างจะรู้ถึงความว่างเปล่าในใจคน “ นับว่าเป็นข้าเสียมารยาทแล้วที่ทำให้ท่านต้องคอย ไว้เมื่อร่างกายฟื้นฟู ข้าจะรีบเข้าไปรับการอบรมที่ตำหนักจงฉางชื่อเจ้าค่ะ ”

คำตอบเช่นนี้จัดว่าน่าพึงพอใจ จางกงกงพยักหน้าอยู่ทีสองทีก่อนจะระบายยิ้มเป็นกันเอง “ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่รบกวนท่านแล้ว ข้าน้อยยังมีงานที่ต้องตามฝ่าบาทไปจัดการ … เด็ก ๆ ” นางกำนัลน้อยด้านหลังสะดุ้งเฮือกก่อนจะค่อย ๆ เค้นเสียงมารับคำ “ พาลู่เหม่ยเหรินไปส่งที่เรือนเมิ่งเหยา แล้วก็… ‘ ดูแลนางดี ๆ ’

เมื่อจบคำชายผู้นั้นก็จากไป ทิ้งไว้เพียงความร้อนรนในใจที่ยากจะลบเลือน



รวมค่าความสัมพันธ์
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ + 20 ความสัมพันธ์ ความประทับใจแรกผ่านอีเว้นท์

[NPC-11] จางกงกง +5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน

@Admin






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +2 คุณธรรม +5 ความชั่ว +15 ความโหด โพสต์ 2024-7-12 21:24
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-12 21:13
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 5 โพสต์ 2024-7-12 21:13
โพสต์ 21624 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-12 21:01
โพสต์ 21,624 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2024-7-12 21:01

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +5 ย่อ เหตุผล
Watcher + 5

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
โพสต์ 2024-7-14 21:42:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน

   ความสงบได้หวนคืนแด่นางอีกครา

   สายลมคิมหันต์ฤดูโอบไอร้อนกรุ่นกลิ่นวารีและเหลียนฮวาอันเป็นเอกลักษณ์ในช่วงนี้ของปี ด้วยเหตุนี้เองหากสอบถามนางว่าฤดูกาลใดที่นางชมชอบที่สุดคงไม่พ้นยามคิมหันต์ที่หมู่วสันต์สีสดใสชูช่องามตาไม่แพ้หลังพ้นเหมันต์ ดวงตากลมเมล็ดซิ่งมองไกลไปสุดเกินหยั่งถึงจนสบเข้ากับต้นจื่อเถิงฮวาข้างศาลาไกล ๆ จึงปักจุดนั้นให้เป็นจุดหมายของนางในการเดินเล่นยามนี้

   เว่ยเจียเหม่ยเหรินมองซ้ายขวา แม้ไม่ได้ไร้ผู้คนเสียทีเดียว ยังมีข้าหลวงแวะเวียนบริเวณรอบนอกของอุทยาน ทั้งให้ความเป็นส่วนตัวแก่เจ้านาย ทั้งรั้งรอรับใช้ไม่อดอู้หนีหาย ใบหน้างามแลเบื่อหน่ายโลกาเบื่อหน่ายผู้คนก้าวเดินตามทางไปเรื่อย ๆ สนใจสิ่งใดก็หยุดพิศมองสักครู่ จดจ้องสักคราว จนกระทั่งในที่สุดสตรีผู้มีความงามเพียงแค่ชื่อยศก็เดินมาถึงศาลาที่นางจดจ้องต้นจื่อเถิงฮวาเมื่อราว ๆ สองเค่อก่อน

   “เหม่ยเหริน เหม่ยเหริน เหม่ยเหริน… ผู้ใดคิดชื่อตำแหน่งกัน คนงามหรือ เข้าใจคิดนัก”

   เสียงใสเอ่ยอย่างนึกขบขันในยศพ่วงท้ายใหม่ของนาง จากบุตรีคนรองแห่งเจ้ากรมโยธาธิการ สตรีมากปัญญา พหูสูตรน้อย บัดนี้กลายเป็นพระสนม ‘เว่ยเจียคนงาม’ ไปเสียแล้ว ทว่าสตรีผู้เหมาะควรแต่คำว่า เหม่ยเหริน ในชีวิตนางเห็นทีคงมีเพียงสอง หนึ่ง ลู่ไป๋หรั่น สอง เลี่ยงชิงหรู สองสตรีงามเมืองผู้เป็นสหายสนิทครั้นศึกษาในสถานศึกษาเมืองลั่วหยาง ส่วนน้องเล็กอีกคนอย่าง ซ่างกวนฝูมี่ คงใช้คำว่า น่ารัก มากกว่างามงด ทว่าหากให้จัดลำดับความงามคงไม่เป็นรองใครในใต้หล้านอกจากสองสตรีผู้มีใบหน้าดุจเซียนสาวจำแลง

   ส่วนนางน่ะหรือ เพียงสตรีใบหน้าดาษดื่นพอรื่นตายามพิศมองเพียงเท่านั้น

   เว่ยเจียเหลียนฮวานั้นอยู่ท่ามกลางผู้คนใบหน้าสวรรค์ประทานพรจนมาตรฐานความงามสู่ส่งเกินผู้ใดเทียบ ความงามของนางก็เช่นกัน แม้นางเองก็เป็นสตรีงามไม่แพ้ผู้ใด ทว่ากลับมองใบหน้าของตนเองเป็นความงามดาษดื่นไปเสียแล้ว

   ร่างบางทอดถอนหายใจก่อนจะแลเห็นข้าวขอภายในศาลานึกไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้ใช่สถานที่ที่นางควรเหยียบย่างหรือไม่จึงกวักมือเรียกสาวใช้สักคนแถวนั้นมาถามไถ่

   “เรียนพระสนม ท่านสามารถเข้าใช้ได้ตามต้องการเลยเจ้าค่ะ”

   “งั้นหรือ เช่นนั้นแล้วข้าขอ—... ช่างเถิด เจ้าไปได้”

   นางที่คราแรกต้องการจะให้พวกนางยกชาสักกามาให้ ทว่าคิดไปคิดมาพวกนางต่างมีหน้าที่ต้องทำและนางก็หาได้ต้องการน้ำชามากมายเพียงนั้นจึงเอ่ยปัดไปและใช้เวลาเพียงผู้เดียวในศาลางามมากข้าวของน่าจับต้อง แลไปเห็นผีผา กู่ฉิง กู่เจิง เอ้อหู ต่างนึกเห็นสหายทั้งสิ้นจนนางอดนึกไม่ได้ว่ายามนี้นางกลายเป็นสตรีติดสหายไปแล้วหรือ

   ดอกบัวงามหย่อนกายลงหน้ากระดานหมากว่างเปล่า แม้นางเป็นพวกมากปัญญาทว่าหาใช่คนขยันไม่ เช่นนั้นแล้วจอมปราชญ์เอ่ยว่าการเล่นหมากที่ยากที่สุดคือการเล่นกระดานหมากกับจิตใจตนนางล้วนหาได้ใส่ใจไม่ ในเมื่อนางละเล่นเพื่อคลายเบื่อ และความสนุกคลายเบื่อสำหรับนางคือการละเล่นกับผู้อื่นเพื่อพิศมองใบหน้าที่โดนต้อนจนจนมุม บัดนี้นึกเสียดายนักที่ไม่ได้หยิบม้วนตำราติดกายเดินเหินไปไหนมาไหนเผื่อไว้สำหรับสถานการณ์เช่นนี้จึงไม่พ้นต้องหยิบ ขลุ่ยไม้งาม ใกล้มือมาเป่าเล่นทำลายความเงียบ

   หากเป็นยามปกติของนางคงร้องขอคนงามดีดกู่เจิง เกลาผีผา ขับขานบทเพลงโดยมีเสียงขลุ่ยหวานเคล้าคลอกระมัง

  ในยามนี้ช่าวเหงาหูกว่าที่นางคิด




มีคนบอกว่ามาลองท้าทายระบบ ไม่ใช่ว่าจบที่ไก่เดินผ่านตัวสองตัวนะ
@@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

++ รอดู PM เร็ว ๆ นี้ ++  โพสต์ 2024-7-14 22:12
โพสต์ 11022 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-14 21:42
โพสต์ 11,022 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-14 21:42
โพสต์ 11,022 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-14 21:42
โพสต์ 11,022 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-14 21:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-14 23:13:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-14 23:16


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




   จากทิวาฉายแสงสู่ราตรีประดับดาว เวลาผ่านไปถึงเพียงนั้นเว่ยเจียเหลียนฮวายังคงนั่งหายใจทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ ณ อุทยานชุนเหอจิ่งหมิงปล่อยให้สายลมเย็นกายพัดผ่าน เรือนผมที่ถูกเกล้าขึ้นทั้งศีรษะเยี่ยงสตรีออกเรือนแล้วมีเพียงเสียงเครื่องทองระย้าจากปิ่นปักผมกระทบกันเป็นท่วงทำนองเดียวกับธรรมชาติ

   แม้นางจะชมชอบการละเล่นหมากกระดานกับผู้อื่นเพื่อพิศมองใบหน้ายามจนตรอก ทว่าเมื่อต้องอยู่ผู้เดียวเช่นนี้นางยอมกลืนน้ำลายหลายสิบอึกเพื่อนั่งเล่นหมากขาวดำเพียงผู้เดียว อันที่จริงนางหมายมั่นจะกลับเรือนไปตั้งแต่ยามโหย่วทว่าสิ่งที่ทำให้นางยังคงนั่งกลืนน้ำลายเล่นหมากกระดานผู้เดียวเป็นเพราะได้ยลแว่วเสียงสนทนาน่าเงี่ยหูฟังนัก

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้มีลิทธิมาเผยแพร่ในฉางอัน เห็นว่าชื่อ ขงจื๊อ”

   “ขงจื๊อหรือ ? แตกต่างจากม่อจื๊อที่เรานับถือตามองค์หวงตี้อย่างไร ?”

   “เห็นว่าแตกต่างที่การเน้นย้ำสัมพันธ์ครอบครัว เลี้ยงบุตรหลานดูแลเฒ่าชรา ภรรยาเคารพสามี เกรงว่าพวกเสนาอำมาตย์คงชมชอบปิตาธิปไตยเช่นนี้เป็นแน่ เห็นว่ามีให้ร้ายลู่เหม่ยเหรินด้วย”


   เรื่องแรกที่ลอยเข้าหูนางก็เป็นเรื่องของลิทธิขงจื๊ออันแตกต่างจากม่อจื๊อที่ไพร่ฟ้านับถือในตอนนี้ แม้สามารถซื้อใจประชาราษฎ์อย่างไร สุดท้ายหากต้องการเป็นใหญ่ในต้าฮั่นล้วนต้องโน้มน้าวใจโอรสสวรรค์ผู้นำการศรัทธาและหลักปกครอง ไม่ทันไรจากข่าวลัทธิ พอมีนามลู่เหม่ยเหรินโผล่มาก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาต่อไปอย่างเรื่องของพระสนมลู่เหม่ยเหรินได้รับการพลิกป้ายร่วมหอยามวิกาลกับองค์หวงตี้เป็นคนแรกของเหล่าสนมที่เข้ามาครั้งนี้ ในใจเหลียนฮวาหาได้มีความริษยาไม่ กลับกันคงเป็นความใคร่รู้เสียมากกว่าว่าสตรีผู้ที่องค์หวงตี้ทั้งตกรางวัลทั้งหลับนอนร่วมกันเป็นสตรีเช่นไร

   “แลเหมือนมีผู้จับจองศาลายามวิกาลนะเจ้าคะ”

   เสียงหวานของสตรีผู้หนึ่งเอ่ยทำลายความสงบภายในศาลา ดวงตาที่เคยจดจ้องหมากบนกระดานจำต้องเงยใบหน้าขึ้นพิศมองผู้ที่บังอาจทำลายสมาธิของนาง สตรีผู้นั้นเป็นสตรีในอาภรณ์ระดับเดียวกับเหลียนฮวา ทั้งการวางท่าทางแลมีสตรียศไฉหนวี่เดินตามไม่ห่างไหนเลยจะเป็นยศใดไปได้นอกเหนือจากยศเหม่ยเหรินที่เป็นยศสูงสุดในยามนี้

   “ข้าคงเสียมารยาทที่มาทำลายสมาธิของท่าน ข้า อู่หมิงเต๋อ ยศเหม่ยเหริน ยินดีนักที่ได้เป็นครอบครัวเดียวกับพหูสูตรน้อยแห่งสถานศึกษาสตรีลั่วหยาง”

  “หากท่านเอ่ยเช่นนั้น ข้าคงไม่ต้องแนะนำตนกระมัง”

   สิ่งที่เว่ยเจียเหลียนฮวากระทำมีเพียงรับการคารวะจากสตรีขบวนหน้าเท่านั้นก่อนจะกลับไปจดจ่อกับหมากกระดานตรงหน้า ปล่อยให้พวกนางจัดการกันเองว่าจะกระทำตนเช่นไรต่อ นางมิใช่สตรีมากอำนาจที่สุดคงไม่ต้องทั้งนอบน้อมต่อพวกนางและหยิ่งผยองเอ่ยอนุญาตปานเจ้าของสถานที่นี้ แม้ว่านางจะปล่อยเงียบราวกับต้องการไล่พวกนางกลาย ๆ แล้วก็ยังคงมีดวงตาจดจ้องอยู่

   “แลเห็นท่านเดินหมากเช่นนี้แล้ว ข้าขอเดินพัน 3 ตำลึงทอง ท่านโปรดชี้แนะประลองหมากกับข้าได้หรือไม่ ?”

   สิ้นวจีเอ่ยดวงหน้าของสตรีผู้ชมชอบการะประลองปัญญาเพื่อเมียงมองใบหน้าแสนน่ารักนั้นก็เงยขึ้นอย่างนึกสนใจ นางผายมือเชื้อเชิญให้ผู้กล้าหาญชาญชัยนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับเก็บแยกหมากขาวดำ สตรีผู้นั้นเป็นหมากขาวและนางคือหมากดำ

   เหมาะสมยิ่งนัก

  “ในเมื่อท่านเอ่ยชวนข้าประลองหมาก เช่นนั้นท่านเดินหมากก่อนเถิด”

   เว่ยเจียเหลียนฮซาเอ่ยด้วยน้ำเสียงวาวใสประดับรอยยิ้มละไมไม่ขาดอย่างนึกอารมณ์ดี การประลองนี้ใช้เวลาไม่นานนักก็เริ่มเห็นเค้าลางของชัยชนะ ช่วงเวลาที่ยังสามารถดิ้นรนได้นี้แหละช่างน่าอภิรมย์นักเพราะมันคือช่วงเวลาที่ทั้งตื่นเต้นที่ต้องเลี้ยงความได้เปรียบนี้ต่อไปไม่ให้อีกฝ่ายพลิกกลับมาเป็นเหนือ ทั้งสนุกสนานกับสีหน้าของอีกฝ่ายที่ต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด นางล้อเล่นกับใจสตรีให้นางหวังนึกว่าจักมีทางชนะ ทว่าสุดท้ายก็ปิดทางสว่างของนางผู้นั้น กระทำหยอกเอินเป็นจิ้งจอกขบหัวผักกาดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสุดท้ายก็ตัดจบด้วยชัยชนะของนาง

   “ท่านอ่อนข้อให้ข้าแล้ว อู่เหม่ยเหริน เห็นทีข้าคงต้องขอรับ 3 ตำลึงทองของท่านไปเสียแล้ว” สตรีมากเล่ห์เอ่ยพลันยกมือบางยันศอกเท้าคางกับโต๊ะวางหมากกระดานก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าจำท่านได้ อู่หมิงเต๋อ สตรีผู้มีเกียรติได้รับการกล่าวขานถึงความชาญฉลาดในสถานบันคนนึง ท่านยังคงอ่านง่ายเสมอมานะเจ้าคะ”

   ใบหน้าของสตรีตรงข้ามพลันเห่อร้อนด้วยความกระดากอาย วางเหรียญตำลึงทองกระแทกโต๊ะและจ้ำอ้าวเดินออกไปอย่างไม่นึกคิดหันกลับมา เว่ยเจียเหลียนฮวาโบกมือหยอย ๆ ส่งท้ายเป็นการลาอีกฝ่ายก่อนจะชะโงกใบหน้าเมียงมองให้มั่นใจว่าพวกนางหนีหายไปจากลานสายตาแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างนึกชอบใจ

   “คงต้องรอสักครึ่งชั่วยามให้พวกนางไปไกล ๆ ก่อนค่อยกลับเรือนแล้วกระมัง”

   สิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจนางตอนนี้เห็นทีคงจะมีเพียงทางเดินกลับของเหล่าสตรีที่พ่ายแพ้เมื่อครู่เป็นทางเดียวกับทางกลับเรือนของนางแล้ว

   เว่ยเจียเหลียนฮวาบอบบางเพียงนี้ ต้องรักษากายให้ดี— ?





+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือขงจื้อวิจารณ์ลู่เหม่ยเหรินตบตีเหล่าสนม
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือลู่เหม่ยเหรินคือสนมคนแรกที่ฝ่าบาทพลิกป้ายไปปรนนิบัติ

ใช้พรสวรรค์ข้ามประลองปัญญา 1 ครั้ง

รางวัลอีเว้นท์ชนะเดินหมากกับเหม่ยเหรินผู้ท้าทาย: 3 ตำลึงทอง , +30 พลังใจ , +15 EXP และ +10 บารมี 

 อยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาเดินส่งกลับเรือนจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย
@@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-7-14 23:27
โพสต์ 16694 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-14 23:13
โพสต์ 16,694 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-14 23:13
โพสต์ 16,694 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-14 23:13
โพสต์ 16,694 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-14 23:13

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +30 ตำลึงทอง +3 พลังปราณ +10 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30 + 3 + 10

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-15 00:44:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




   “แลเหมือนจะมีเรื่องให้สนทนากันนะ” ไม่ทันที่พวกสตรีทั้งหลายจะเดินพ้นลานสายตานางไปได้ดี ผ่านไปเพียงครึ่งเค่อเท่านั้นพอให้นางหยุดขบขันของนางเมื่อครู่ก็พบว่ามีสตรีสูงศักดิ์คุ้นตาเดินนำขบวนพวกนางกลับมาแล้ว เว่ยเจียเหลียนฮวาเร่งผุดขึ้นยืนจากเก้าอี้ ยอบกายถอนสายบัวคารวะ ผิงหยางกงจู่ สตรีแกร่งแห่งต้าฮั่น

  “คารวะผิงหยางกงจู่เพคะ”

   “ยืนขึ้นได้ เว่ยเจียเหม่ยเหริน เมื่อครู่ข้าเดินผ่านพอดี แลเห็นอู่เหม่ยเหรินยืนร่ำไห้ไม่ไกลจากที่แห่งนี้ เอ่ยเพียงถูกเจ้ารังแกขอความเป็นธรรม” สตรีผู้เป็นกงจู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบทว่ากลับเด็ดขาดอยู่หลายส่วน “หากลงโทษเจ้าเลยเห็นทีคงเป็นการฟังความข้างเดียว เช่นนั้นแล้วเจ้าจงเล่ามาเสีย”

   นางขอย้ำอีกครา ที่ใดมากสตรี ที่นั่นย่อมมากความ— นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เมียงมองสตรีที่แสร้งกระทำตนอ่อนแอถูกรังแกทั้ง ๆ ที่เป็นคนเอ่ยขอประลองก่อนแท้ ๆ

   “เรียนผิงหยางกงจู่ เดิมทีเป็นข้าที่นั่งเดินหมากเพียงผู้เดียว หลังจากนั้นราว ๆ ครึ่งชั่วยามก่อนพวกนางก็กรูเข้ามาที่ศาลาแห่งนี้ ข้าเห็นว่าเป็นที่ทางภายในวังจึงนั่งเดินหมากเงียบ ๆ ของข้าต่อไปไม่ยุ่งเกี่ยว ทว่าอู่เหม่ยเหรินก็ได้เดินเข้ามาหาข้าพร้อมท้าประลองกระดานหมากลงเดิมพันเอง เป็นข้าที่กระทำเพียงเล่นหมากด้วยตามที่นางขอท้าประลอง”

   “แต่เจ้าก็เอ่ยวาจาเฉือนน้ำใจข้ามิใช่หรือ เว่ยเจียเหม่ยเหริน”

   “เฉือนน้ำใจอย่างไร เมื่อทุกสิ่งที่ข้าเอ่ยล้วนเป็นความจริง”

   “เพ่ย ! เช่นนั้นก็ประลองอีกสักรอบให้รู้ดำรู้แดง”

   “หยุด บัดเดี๋ยวนี้”

   หนึ่งสตรีโบ้ยความผิด หนึ่งสตรีไม่ยอมคน ทั้งสองถกเถียงกันไปมาจนสุดท้ายผิงหยางกงจู่ผู้รับฟังก็ต้องเอ่ยปากหักห้ามมิให้พวกนางทะเลาะกันเสียงดังในยามวิกาลเช่นนี้อีก

   “หากประลองหมากเมื่อครู่ยังไม่พอ เช่นนั้นแล้วประลองดนตรีเสียสิ ประเดี๋ยวเปิ่นกงจู่จะเป็นผู้ตัดสินให้เอง” นางเอ่ยเพื่อช่วยให้พวกนางได้ตัดสินชัดเจน “เปิ่นกงจู่คาดว่าพวกเจ้าน่าจะละเล่นกู่เจิงได้ เช่นนั้นแล้วก็จงประลองกู่เจิง”
  “รับทราบเพคะ

   พวกนางเอ่ยรับคำจากผิงหยางกงจู่พร้อมกัน ไม่นานนักก็มีนางกำนัลมาช่วยจัดสถานที่แปลงศาลาในอุทยานแสนงามให้กลายเป็นลานประลองดนตรี เช่นเดิม เป็นนางที่ให้อู่เหม่ยเหรินเริ่มก่อน และเป็นอีกครั้งที่นางเหนือกว่า

   เว่ยเจียเหลียนฮวายอบกายนั่งลงอย่างสง่างาม สะบัดชายผ้าให้เรียบร้อยไม่เกะกะการละเล่นดนตรี แม้มิได้มากลีลา ทว่าฝีมือเกลาสายกู่เจิงนับว่าไม่เป็นสองรองผู้ใด มือเรียวเร่งความเร็วดีดสายไล่เสียงไปเรื่อย ๆ ใช้ท่วงทำนองทั้งกระตุ้นและกล่อมเกลาผู้ฟัง นับว่าเป็นภาพหาดูได้ยากที่จะได้มีโอกาสยลยินสตรีผู้เอาแต่อ่านม้วนตำรานอนฟังสหายดีดผีผาลุกมาจับสายกู่เจิงดีดเช่นนี้จึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของนาง สิ้นสุดท่วงทำนองสุดท้าย ศาลาพลันตกอยู่ในห้วงแห่งความเงียบราวกับทิ้งให้เสียงบรรเลงของนางกล่อมเกลาในจิตใจและใบหูเสียก่อน ก่อนที่เสียงของผิงหยางกงจู่จะทำลายความเงียบนี้ไป

   “แลเหมือนไม่ต้องตัดสินกระมัง”

   เป็นอีกคราที่ชัยชนะนี้เป็นของนาง ภาพสีหน้าบึงตึง ท่าทางโกรธา ยอบกายเคารพสตรีผู้เป็นองค์หญิงแห่งต้าฮั่นก่อนจะเร่งกระทืบเท้ากลับเรือนพัก

   หวังว่าครานี้พวกนางจะกลับเรือนพักจริง ๆ เสียที

   “ฝีมือเกลาสายกู่เจิงเจ้ายอดเยี่ยมมาก เว่ยเจียเหม่ยเหริน”

  “ท่านกล่าวชมเกินจริงเสียแล้วเพคะ ข้ามิกล้ารับ”

   วาจาโอนอ่อน กายานอบน้อม เว่ยเจียเหม่ยเหรินผู้นี้ยอบกายรับคำชมจากสตรีผู้เป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจสูงสุดภายในวังเชียว

   “เจ้าตัวคนเดียวไร้สาวใช้ข้างกาย มาเถิด ประเดี๋ยวข้าจะเดินไปส่งเจ้าที่เรือนพัก”

   “ขอบพระทัยเพคะผิงหยางกงจู่”

   ในเพลาเช่นนี้มีหรือจะกล้าทัดทาน สตรีผู้ได้ชื่อว่าแม่ทัพหญิงเอ่ยปากนางย่อมรับคำ ปิดท้ายวันที่แสนวุ่นวายด้วยการเดินสนทนาเกี่ยวกับลัทธิที่เพิ่งมีข่าวลือไม่นางอย่างการปกครองลำดับขั้นและความแตกต่างของม่อจื๊อกับขงจื๊อจนถึงเมิ่งเหยาอู่ซวน






  ใช้พรสวรรค์ข้ามประลองปัญญา 1 ครั้ง

   รางวัลอีเว้นท์ชนะประลองดนตรีกับเหม่ยเหรินผู้ท้าทาย: 5 ตำลึงทอง

   อยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่ระหว่างทางจังน้า ผ่าน ๆ ตาหน่อยสิ เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย

@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-03] ผิงหยางกงจู่ เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-7-15 00:47
โพสต์ 13738 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-15 00:44
โพสต์ 13,738 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก กู่เจิง  โพสต์ 2024-7-15 00:44
โพสต์ 13,738 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-15 00:44
โพสต์ 13,738 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-15 00:44

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +5 ย่อ เหตุผล
Watcher + 5

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
654
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-26 04:08:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-26 13:33




รัศมีแห่งแสงจันทร์
วันที่ 25 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาเก้านาฬิกาสี่สิบนาทีเป็นต้นไป


จากช่วงเช้าที่วุ่นวายเปลี่ยนมาเป็นยามสายที่แสนสงบ นานแล้วที่ไป๋หรั่นไม่ได้มีความคิดว่าตนจะต้องกลับมาเยือนอุทยานหลวง แต่เมื่อได้รับคำเชิญจากแม่สามีมีหรือที่จะปฏิเสธได้.. ในวันนี้เซียวจื่อไท่โฮ่วผู้ที่เชื้อเชิญสนมของบุตรชายมาร่วมชมดอกไม้นั้นสวมชุดผ้าโปร่งสีม่วงอ่อนปักไหมแดงลายโบตั๋นคลุมทับด้วยเสื้อตัวนอกสีม่วงผ้ามันลื่นที่ใช้ผ้าไหมประดับลายผีเสื้อเงินเย็บเก็บขอบดูมีมิติลุ่มลึกพร้อมกับกลุ่มปิ่นหงส์สีทองอลังการซึ่งปักอยู่บนมวยผมที่รวบขึ้นเป็นทรงสูงเช่นสตรีสูงศักดิ์ที่ออกเรือนแล้ว

ด้านเหม่ยเหรินหยกขาวผู้มีอายุอ่อนกว่าอีกฝ่ายเกือบสองช่วงชีวิตก็เปลี่ยนจากอาภรณ์ขาวสะอาดเปลี่ยนมาเป็นชุดสีเขียวที่บนสายคาดกระโปรงตรงช่วงอกปักลายดอกฝูทรงลอยเคียงลมและหมู่แมกไม้ช่วยขับผิวให้ผุดผาดผ่องใส ส่วนเส้นเกศาสีเข้มขลับที่น่าสัมผัสก็ถูกรวบขึ้นเป็นมวยทรงมลสองฝั่งที่ประดับด้วยปิ่นเล็กปิ่นน้อยรูปดอกไม้สลับไข่มุกเผยให้เห็นความร่ำรวยเป็นหนึ่งของคหบดีแซ่ลู่ที่ยากนักจะมีคนเทียบได้

นางหงส์อาวุโสปรายตามองคนงามน้อยที่กำลังใช้สองมือประคองกาแล้วรินชาชงเสร็จใหม่ ๆ ลงใส่จอกหยกที่น้อยคนนักจะได้ครอบครอง เซียวจื่อไท่โฮ่วทราบอยู่แก่ใจว่าลูกสะใภ้คนนี้แตกฉานเรื่องชา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเด็กสาวผู้นี้คงชงชามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อสายพระเนตรทอดไปเห็นอุ้งมือขาวขึ้นริ้วแดงระเรื่อเพราะต้องของร้อนทีไรก็อดไม่ได้ที่จะนึกสงสาร

“ เก็บมือน้อย ๆ ของเจ้าไว้ปรนนิบัติฝ่าบาทเถิด ” รับสั่งครั้งนี้เจือความเอ็นดูไว้หลายส่วน มือข้างหนึ่งของนางหงส์รับจอกชาหยกขึ้นมาจ่อใกล้ปลายจมูกเพื่อรับกลิ่นหอมชวนให้ตะลึงทุกครั้งที่สูดดม “ ฝ่าบาทน่ะ.. โปรดชายิ่งกว่าของว่างใด ๆ เจ้าทำเรื่องนี้ได้ดีก็นับว่าเป็นหนทางอยู่เคียงข้างเขาที่ไม่เลว ”

“ ชาของหม่อมฉันไหนเลยจะพิเศษถึงเพียงนั้น จะทำให้ให้ฝ่าบาทพอพระทัยได้เกรงว่าหม่อมฉันคงต้องฝึกอีกมาก ” นงคราญหยกระบายหยักยิ้มละมุนยามที่สองมือประสานอยู่บนตักพลางทอดสายตามองใบหน้าจรรโลงใจของแม่สามี อีกฝ่ายชำเลืองตาขึ้นมองนางเล็กน้อยอย่างพิจารณา แต่สุดท้ายก็ยกชาขึ้นจิบโดยไม่ได้พูดอะไร

“ เด็กน้อย ฝีมือของเจ้าใช่ว่าไก่กาให้กล่าวว่าเป็นคนมีฝีมือยังว่าน้อย แบบนี้สมควรเรียกว่ายอดฝีมือด้านปรุงชาอย่างแท้จริง ได้ยินว่าเจ้าเชี่ยวชาญเรื่องการจับคู่ใบชา สร้างสรรรสแปลกใหม่ ไม่รู้ว่าอ้ายเจี้ยจะมีโอกาสได้ลิ้มลองหรือไม่? ” น้ำเสียงของเซียวจื่อไท่โฮ่วเรียบนิ่งแต่แฝงความเอ็นดูไว้ถึงสี่ส่วน คนเป็นแม่ต่อให้บุตรชายไม่พูดออกมาโดยตรงก็ยังรู้ได้ถึงความต้องการ หลิวเช่ออยากให้นางช่วยสอนสั่งเด็กคนนี้ให้เติบโต จะรักใคร่หรือเอ็นดูล้วนไม่สำคัญ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่บุตรชายรุดหน้ามาหานางพร้อมช่วยพูดให้สตรีนางหนึ่ง ใจของแม่ที่อยากเห็นลูกชายมีความสัมพันธ์อันดีย่อมปลื้มปริ่มเป็นอย่างมาก

“ เหตุใดพระองค์ถึงกล่าวเช่นนั้นเล่าเพคะ? หากมีความประสงค์อยากให้หม่อมฉันปรุงชาถวาย หม่อมฉันย่อมทำสุดความสามารถเพื่อให้พระองค์พอพระทัย ” ไป๋หรั่นก้มศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจที่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายออกปากว่าต้องการที่จะลิ้มลองหนึ่งในความสามารถของนาง

“ นอกจากชงชาแล้วมิใช่ว่าลู่เหม่ยเหรินยังมีความสามารถอันเป็นที่เลื่องลืออยู่อีกหนึ่งอย่างไม่ใช่หรือเพคะ ” ครั้งนี้เป็นถงรั่วหลัน หัวหน้านางกำนัลแห่งตำหนักเซวียนเต๋อผู้เป็นคนสนิทของพระพันปีหลวงกล่าวขึ้นมาพร้อมการอมยิ้ม

“ จริงด้วย อ้ายเจี้ยจำได้ว่าการพบหน้าครั้งแรกของเจ้าและฝ่าบาทเองก็เกิดขึ้นที่นี่ ”

“ ใช่เพคะไท่โฮ่ว ยามนั้นกล่าวกันว่าด้วยความสามารถที่โดดเด่น รวมไปถึงรูปลักษณ์ที่งดงามทำให้ฝ่าบาทเลือกตกรางวัลให้นาง ทั้งยังมีรับสั่งให้พลิกป้ายลู่เหม่ยเหรินเป็นคนแรก ” ก็ยังคงเป็นถงรั่วหลันที่รายงานต่อผู้เป็นนายด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบานัก ถงกู่กู่ชำเลืองมองสาวงามที่หลุบสายตาลงคล้ายเขินอายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูพร้อมโน้มลงกระซิบบางสิ่งที่ข้างหูพระพันปี

“ ความคิดไม่เลว.. เด็กน้อย นางกำนัลเซวียนเต๋อมากความสามารถ ที่เล่นดนตรีได้ครั้งนี้ก็พามาอยู่บ้าง มิสู้ให้พวกนางบรรเลงส่วนเจ้าก็ร่ายรำให้อ้ายเจี้ยดูสักเพลงเล่า ” หวังจื่อขยับกายเล็กน้อยเพื่อให้ท่วงท่าให้ดูผ่อนคลายยิ่งขึ้นด้วยการเท้าแขนลงกับโต๊ะที่วางคั่นกลางตรงตั่งไม้ขนาดใหญ่ “ ฝ่าบาทไม่ชมชอบงานเลี้ยง ส่วนในจึงขาดงานรื่นเริงมานานนัก ผิงหยางเองก็ไม่ชอบร่ายรำ อ้ายเจี้ยก็เลยพาลไม่ได้รับชมความบันเทิงมาพักใหญ่ เด็กน้อยเห็นแก่คนชราเช่นข้าแล้วร่ายรำสักเพลงดีหรือไม่? ”

กล่าวกันมาถึงขนาดนี้ถ้านางตอบว่า ‘ไป๋หรั่นไร้ความสามารถ’ หรือ ‘ไม่พร้อมทำตามพระประสงค์’ ก็คงไม่พ้นถูกเรียกว่าคนโง่รนหาที่ตาย สาวงามแซ่ลู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันหน้าไปทางนางกำนัลบางส่วนที่ก้าวออกมาย่อกายหน้าพระพักตร์ไท่โฮ่วอย่างรู้งาน คนหนึ่งถือเอ้อร์หู คนหนึ่งถือกู่เจิง อีกคนถือกู่ฉิน ยังไม่รวมเครื่องเป่าอย่างขลุ่ยและซุนที่เตรียมมาแล้วพร้อมสรรพ.. ขาดแต่ผีผาที่ขาดว่าถงกู่กู่คงทราบในความสามารถของนางจึงไม่ได้จัดหาผู้ที่จะมาอยู่ในตำแหน่งผีผา “ ได้แสดงหนึ่งบทเพลงต่อหน้าพระพักตร์ไท่โฮ่วนับเป็นเกียรติของหม่อมฉัน พระองค์ทรงโปรดการแสดงรูปแบบใดเป็นพิเศษหรือไม่เพคะ? ” เมื่อไร้ซึ่งทางให้ถอยถ้าเช่นนั้นก็พุ่งชนเข้าไปให้สุดแรงเกิด สาวงามดั่งหยกลุกขึ้นจากตั่งแล้วก้าวออกไปยืนนำอยู่หน้าเหล่านางกำนัลที่ย่อกายลงพร้อมเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ

นงคราญหยกในชุดเขียวคล้ายว่าเด่นออกมาด้วยรูปหน้าพิลาสล้ำรวมทั้งกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ไหล่ทั้งสองฝั่งเปิดออกส่วนสองมือก็ประสานกันไว้ที่บริเวณหน้าท้อง ดูมั่นใจแต่ก็รักษามารยาทไม่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกขัดตา ทั้งนี้ยังไม่รวมรอยยิ้มมุมปากและแววตาหยาดเยิ้มที่เหมือนรวมเอาความกรุ่มกริ่มของนักรักทั่วโลกหล้ามาไว้ที่หางตานาง

“ ฮึ.. ” แม้แต่หยกเย็นขาวบริสุทธิ์ยังสามารถเปลี่ยนเป็นบุปผาหลากสีสันยามเมื่อแย้มยิ้ม เซียวจื่อไท่โฮ่วทรงพระสรวลสั้น ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ ดี อ้ายเจี้ยชอบคนที่มั่นใจในความสามารถของตนเองและไม่ทำเป็นขี้ขลาดทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นถึงคมในฝัก ”

“ ปกติแล้วเด็กสาวล้วนร่ายรำท่วงท่าปราดเปรียวสดใสเพื่อให้สมกับวัยแต่บ่าวเคยได้ยินมาว่าลั่วหยางมีสำนักศึกษาอันดับหนึ่งของฝั่งสตรีอยู่ที่หนึ่งคอยรวบรวมยอดฝีมือมาปลุกปั้นศิษย์ หนึ่งในนั้นเป็นสาวงามลั่วหยางที่หาตัวจับได้ยากยิ่ง ยังไม่รวมถึงกิตติศัพท์ของหอสูงที่เปี่ยมไปด้วยผู้มากความสามารถ เผอิญว่าหอสูงแห่งนั้นแท้จริงแล้วคือหอชุนหลันฉีของคหบดีลู่ ไท่โฮ่ว มิสู้ทดสอบสักเล็กน้อย.. ”

“ ไม่ต้องแล้ว ” หวังจื่อยกมือขึ้นหยุดคำอธิบายของถงกู่กู่ที่จดจำความเป็นมาของสนมได้แทบทุกนาง “ เด็กสาวอ่อนหวานสดใสไหนเลยจะเข้าใจถึงแก่นของห้วงอารมณ์ในการร่ายรำ อ้ายเจี้ยหน่ายแล้วกับการแสดงเพื่อเอาอกเอาใจ เจ้าเลือกสักเพลงที่มั่นใจแล้วทำให้ดีก็พอ ”

“ … ถ้าเช่นนั้นขอหม่อมฉันหารือกับผู้บรรเลงสักครู่ ”

ไป๋หรั่นยิ้มรับพลางย่อกายและก้าวถอยหลังกลับมายังบริเวณเดียวกับเหล่านางกำนัลระดับล่างที่รักษาตำแหน่งผู้มอบความบันเทิงให้แก่เชื้อพระวงศ์ ทั้งหมดใช้เวลาตกลงกันราว ๆ หนึ่งจิบชา สุดท้ายก็เลือกนางกำนัลที่เล่นเอ้อร์หูออกมาสองคน นางกำนัลที่เล่นกู่เจิงได้อีกหนึ่งคน และสองคนสุดท้ายที่สามารถขับร้องทั้งยังมีเสียงทุ้มเสน่ห์ที่น่าพิศวง

“ เจ้าดูสิ นางเลือกคู่เอ้อร์หูและกู่เจิง ” เซียวจื่อไท่โฮ่วกล่าวอยู่กับถงกู่กู่ด้วยระดับเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน

“ เพคะไท่โฮ่ว บ่าวเห็นแล้ว ” ถงรั่วหลันติดตามพระนางมานานมีหรือจะไม่รู้ว่ายามนี้กำลังตื่นเต้นกับการแสดงที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะมาในรูปแบบใด เครื่องดนตรีทั้งสองที่ถูกเลือกมาล้วนขึ้นชื่อเรื่องเพลงโศกทั้งยังให้นางที่เหลืออยู่ขับร้อง .. ดูท่าลู่เหม่ยเหรินคงจะเตรียมการแสดงที่ทำให้ได้เปิดหูเปิดตาอีกไม่น้อย และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ท่ามกลางสายตาคาดหวัง รอคอย และใคร่รู้ ผู้รังสรรการแสดงยังคงยกยิ้มเบาบางพลางใช้มือจับพู่กันเขียนบางสิ่งลงในกระดาษอยู่หลายประโยคจากนั้นถึงส่งให้ผู้ที่รับหน้าที่ขับร้องโดยฮัมจังหวะคำเป็นตัวอย่างให้ฟังอยู่ไม่กี่ครั้ง

“ ทำให้พระองค์ต้องรอนานแล้ว ”

“ ไม่เลย อ้ายเจี้ยประหลาดใจนักที่เห็นเจ้าทุ่มเทถึงเพียงนี้ ”

“ การแสดงนี้.. หม่อมฉันให้ชื่อว่า ‘รัศมีแห่งแสงจันทร์’ เพคะ เป็นเพลงโศกที่โด่งดังในลั่วหยางที่ถูกแต่งโดยผู้พเนจรท่านหนึ่งทว่ายังไม่มีผู้ใดนำมาใช้เพื่อประกอบการร่ายรำ ” ร่างอรชรในชุดเขียวกล่าวเสียงดังฟังชัดพลางปลดเสื้อคลุมตัวนอกที่ตัดเย็บมาจากผ้าไหมทึบหนาออกและเผยให้เห็นช่วงเนื้อแขนที่คลุมไว้ด้วยแขนเสื้อโปร่งบางจากชุดตัวใน ดีที่ยังมีช่วงสายคาดกระโปรงที่ทาบอยู่ตรงอกช่วยทำให้ไม่ดูเปิดเผยผิวหนังจนเกินไป “ การแสดงชุดนี้สำคัญที่ความพริ้วไหว หวังว่าไท่โฮ่วจะไม่ถือสา ”

“ อ้ายเจี้ยไม่ถือสา ”

อย่างไรยามนี้เพราะมีการเสด็จของไท่โฮ่ว รอบด้านไกล ๆ ก็ถูกจัดวางกำลังคนคอยป้องกันไว้หมดแล้ว ที่อยู่ด้านในพอให้เห็นการแสดงก็มีเพียงนางกำนัลและขันทีคนสนิทไม่กี่รายอย่างไรเสียก็เป็นนางที่มุ่งมั่นถึงเพียงนั้น ตั้งใจพิสูจน์ตนถึงเพียงนี้ ตัวนางเองพบเห็นระบำมามากที่เคยเป็นผู้ระบำก็ยังทำมาแล้วฉะนั้นย่อมรู้ดีว่าในหมู่สตรีของเช่นนี้ไม่นับว่าร้ายแรง อย่างไรสภาพนางตอนนี้ไม่อาจใช้คำว่า ‘ไม่เรียบร้อย’ มาเปรียบได้ด้วยซ้ำ

ฝั่งไป๋หรั่นที่ได้รับคำยืนยันจากไท่โฮ่วแล้วก็เผลอยิ้มขึ้นด้วยความโล่งใจเมื่อนั้นคล้ายโลกแซ่ซ้องรับการมาเยือนของเทพธิดา เหล่าสกุณาร่อนลงจับจองกิ่งไม้ใหญ่ มวลผีเสื้อเคลื่อนปีกอย่างอ้อยอิ่ง แม้แต่เมฆเมฆายังลอยหายเพื่อให้แสดงแดดแห่งคิมหันต์ทอดลงที่นงคราญช่วยส่งเสริมหนึ่งยิ้มกระจ่างให้เฉิดฉายเหนือผู้ใด ไป๋หรั่นยื่นมือออกไปรับพัดระบำด้ามหนึ่งจากนางกำนัลที่เดินเข้ามาเพื่อมอบให้ และรีบก้าวถอยหลบออกไป คนงามพิลาสล้ำหลับตาลงพร้อมเชิดปลายคางขึ้นก่อนจะเหยียดแขนข้างที่ถือพัดออกไปช้า ๆ จากนั้นก็กางพัดและงอแขนเข้ามาบดบังใบหน้าไว้


(ชุดที่สวมอยู่ ปล.ตัดร่มออก)
สัมผัสตรงนี้เพื่อฟังเพลง
เสียงเปียโนจะถูกแทนด้วยกู่เจิง
ส่วนภาษาที่ร้องขอความร่วมมือ
ให้ทุกท่านคิดว่ามันคือภาษาจีน

เสียงกู่เจิงดังขึ้นนำพร้อมย่างก้าวเล็ก ๆ ที่ช่วยโยกกายอ้อนแอ้นให้เคลื่อนขยับ มือข้างที่ไร้ซึ่งพัดวาดออกและดึงเข้าหาตัวอย่างเชื่องช้า ราวกับต้นหลิวที่เอนไปตามแรงลมไม่ว่าเบี่ยงไปกี่ครั้งก็ยังคงกลับมายืนตั้งตระหง่านจนกระทั่งมีเสียงขับร้องดังขึ้นมือที่จับพัดถึงได้ตวัดออกจากใบหน้าเกิดเป็นริ้วพริ้วจากชายผ้าสั้น ๆ ที่ปลายพัด ไป๋หรั่นย่ำเท้าไปทางซ้ายพลางวาดมือไม้ออกเป็นท่าทางกรีดกรายแช่มช้าอ่อนช้อยตามจังหวะคำร้องที่ขับขานรอจนได้ยินจังหวะเสียงที่บีบเค้นให้ใจเต้นระส่ำด้วยความเร่งเร้าจึงเหวี่ยงร่างหมุนกายก่อนจะหันกลับเข้าหาหน้าพระพักตร์พร้อมชูพัดผ้าขึ้นสูง จังหวะเร็วสลับช้าในตัวเพลงนับว่ากินแรงผู้ร่ายรำที่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับเสียงที่ได้ยิน ทว่าผู้ใช้หัวใจเป็นส่วนประกอบในการเคลื่อนไหวไหนเลยจะประสบปัญหา ไป๋หรั่นหาใช่นักระบำที่ต้องซักซ้อมหรือเตรียมท่า ทุกการเคลื่อนไหวคือการใช้ใจนำทาง ไม่ว่าจะมือขวาที่ยกขึ้นรับผีเสื้อหรือมือซ้ายที่ลดลงต่ำคล้ายพรมปลายพัดผ้าบดบังแสงสุริยาให้กับมวลดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นการโยกย้ายด้วยสัญชาตญาณ

ต่อจากเสียงกู่เจิงและเสียงเอื้อนเพลงที่ก้องกังวานยังมีเสียงเอ้อร์หูครวญคร่ำอย่างเศร้าโศกดังขึ้นประคองจังหวะเพลงให้ดำเนินต่อ เมื่อเครื่องดนตรีเปลี่ยนท่าร่างก็เปลี่ยน หากกู่เจิงบรรเลงคือเสียงที่ต้นยาวกังวานแต่หยุดอย่างเฉียบพลัน ท่วงท่าของหยกขาวก็เป็นเช่นนั้น และหากเสียงของเอ้อร์หูคือความเชื่องช้ายืดยาวที่ชวนให้ใจหาย การทิ้งจังหวะขยับกายของนวลนางก็เฉื่อยชาลงตามกัน

ไป๋หรั่นรวบพัดพลางหมุนโดยกางแขนออกดูคล้ายกังหันที่สร้างเงากลมคล้ายดวงจันทร์โดยอาศัยผ้าแพรทั้งหลายที่ปลิดปลิว นางใช้มือหนึ่งจับกระโปรงเพื่อยกให้เลิกขึ้นเล็กน้อยและสาวเท้าวิ่งเหยาะ ๆ เป็นวงกลมชวนให้นึกถึงเทพธิดาที่ตื่นตากับทัศนียภาพของโลกแห่งสรรพชีวิตก่อนจะหยุดลงที่หน้าศาลาที่ประทับพร้อมรอยยิ้มที่ชวนให้ผู้เฝ้ามองถึงกับกลั้นหายใจ

มือขวาที่จับกระโปรงเคลื่อนเบี่ยงไปทางซ้ายอย่างช้า ๆ เช่นกันกับขาซ้ายที่ย่อลงเล็กน้อยจนส่งให้ขาขวาที่เหยียดออกดูเพรียวยาวขึ้นกว่าเก่า แต่แล้วก่อนที่ชายอาภรณ์จะเลิกขึ้นเหนือข้อเท้า มือขาวก็ปล่อยออกและวาดแขนขึ้นฟ้าก่อนจะกดแขนลงมาเป็นเส้นตรงคล้ายการหยอกเอินผสมเชื้อเชิญให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าก้าวออกมาเพื่อไขว่คว้าตัวนาง ทว่าเพลงนี้คือเพลงโศกที่อ่อนหวานแต่แทรกไว้ด้วยความเจ็บปวด โดยไร้มือใดได้สัมผัสสาวงามลดแขนลงต่ำพร้อมกายที่ย่อลง แม้แต่สองไหล่มนยังห่อเข้ามาอย่างเหี่ยวเฉา ลู่ไป๋หรั่นอาศัยจังหวะที่ย่อนี้พลิกตัวหันหลังให้ผู้ชมและผุดกายลุกขึ้นกางแขนเสมือนปีกวิ่งออกไปกลางพื้นหญ้าอีกครั้ง โฉมงามสะบัดพัดให้กางออกพร้อมหมุนกลับมายกพัดไว้เหนือศีรษะเมื่อเข้าสู่ช่วงสุดท้ายที่สมควรบีบคั้นห้วงอารมณ์ออกมา


มือหนึ่งของนางยึดไว้กับพัดส่วนอีกมือจับที่ชายกระโปรงพร้อมเหวี่ยงร่างกรีดกรายพริ้วไหวเช่นหมอกเมฆและหยุดลงตรงหน้าผู้รับชมอย่างแม่นยำ ไป๋หรั่นกลั่นทุกความโหยหา โดดเดี่ยว และอ่อนล้าไว้ในการเคลื่อนไหว สองตาที่เคยเปล่งประกายด้วยตัวตนที่ไม่มีวันมอดดับเริ่มหม่นแสงไปพร้อม ๆ กับการจมลงสู่ห้วงอารมณ์ ใบหน้างามไร้ซึ่งรอยยิ้ม แต่ก็ปราศจากน้ำตามีเพียงความเศร้าสร้อยที่สุดท้ายก็ค่อย ๆ ฉาบทับด้วยความนิ่งสงบราวกับหลงลืมไปซึ่งบางสิ่ง.. หลงลืมไปซึ่งบางคน.. หลงลืมไปจนหมดสิ้นไม่เว้นแม้แต่ตัวเองเช่นที่เนื้อหาของเพลงได้บอกไว้

‘ ในวันนั้น วันนั้นที่ข้าพเจ้าพยายามหลีกหนี
ในคืนที่ข้าพเจ้าไม่จมในห้วงคนึงถึงท่าน
จะมีวันใดที่ข้าพเจ้าปราศจากน้ำตา?

ถ้าเช่นนั้นนั่นมันคงเป็นค่ำคืน..
ค่ำคืนที่ข้าพเจ้าหยุดเฝ้ามอง
และลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่ง



ในค่ำคืนของสักวันหนึ่ง
ข้าพเจ้าจะกลายเป็นคนเช่นนั้น ’




รวมสิ่งที่ต้องการจะใช้

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 15 ความสัมพันธ์ชาเกรดน้ำเงิน

ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี

มาช้าแต่มานะจ๊ะ -- @Admin






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-7-26 10:28
โพสต์ 38,716 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2024-7-26 04:08
โพสต์ 38716 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-26 04:08
โพสต์ 38,716 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-26 04:08
โพสต์ 38,716 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-26 04:08

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
โพสต์ 2024-7-28 16:11:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-28 16:28


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบแปด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ ต้นยามอู่ (11.00 น.)




     เมื่อมีร่ำสุราย่อมต้องมีของแกล้มเพลินปาก เว่ยเจียเหลียนฮวาในอาภรณ์สีครามประจำตำแหน่ง หิ้วปิ่นโตอันบรรจุของแกล้มสุราทั้งคาวหวานอย่างเกี๊ยวทอดและซิ่งเหรินโต้ฟูที่นางสั่งให้ทำเสียมากมายเนื่องจากขนมหวานอันนี้เป็นของโปรดปรานตลอดกาลนับตั้งแต่เกิดจนเติบโต ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้นในการเดินทางจากตำหนักเถียนเซี่ยมายังอุทยานชุนเหอจิ่งหมิงอันเป็นสถานที่บรรจุหลากความทรงจำสำหรับนางแม้ว่าจะเข้าวังได้ไม่ทันจะเดือนเดียวก็ตาม

   สองเท้าก้าวเดินตามพื้นหินปูทาง ดวงตากลมทอดมองไปยังศาลาที่ตั้งเคียงข้างจื่อเถิงฮวาต้นใหญ่พิศเห็นบุรุษในอาภรณ์สีเข้มนั่งในศาลาตามที่ได้เชื้อเชิญ เหลียนฮวาไม่รอช้าก้าวเดินเข้าไปเพื่อทักทายหวางเย่แห่งต้าฮั่น

   “ถวายความเคารพแด่องค์หวางเย่เพคะ”

  “อย่าได้มากพิธีเลยพระสนม เข้ามานั่งเถิด”

   ได้ยลยินคำอนุญาตแล้วนางก็เดินเข้าไปนั่งพร้อมกับยกปิ่นโตขึ้นจัดวางจานเกี๊ยวทอดและซิ่งเหรินโต้ฟูอย่างดี

   “หม่อมฉันเห็นว่าพระองค์มีสุรากุ้ยฮวาชั้นเลิศแล้ว เช่นนั้นย่อมต้องมีแกล้มรสอร่อย หม่อมฉันจึงนำเกี๊ยวทอดและซิ่งเหรินโต้ฟูของโปรดหม่อมฉันมาถวายเพคะ”

   “ขอบใจพระสนมยิ่งนัก ดีเลย มาเถิดมาร่ำสุรากัน” บุรุษแลอัธยาศัยดีเอ่ยกับนางพลางรินสุราให้ “ฉลองแด่ค่ำคืนแรกของพวกท่านดีหรือไม่ ?”

   “ค่ำคืนแรก ? ท่านทราบ ?”

   “ย่อมต้องทราบ พระสนมเว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ ยามนี้ข่าวลืมของท่านแพร่สะพัดนัก ทั้งข่าวที่ว่างซ่างกวนเหม่ยเหรินได้ค้างตำหนักเว่ยหยางเอย ท่านพี่เสด็จมาค้างตำหนักของท่านเอย สนุกปากคนนักแล”

  “เช่นนั้นแล้วจอกนี้หม่อมฉันคงต้องรินสู่ผืนพสุธา เพราะว่าหากเปรียบแล้วให้เอ่ยว่าหม่อมฉันนอนกอดหมอนข้างยังเข้าเค้ากว่านัก”

   พระสนมเว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ผู้เป็นตัวตนในข่าวลือเอ่ยก่อนจะจัดวางจานใบน้อยสำหรับตักแกล้มพักทานในจานของพวกเขาเอง ก่อนจะรินทิ้งใส่ปิ่นโตไม้อย่างนึกขบขันในโชคชะตาของตนเอง การกระทำนี้หากมองเป็นความประชดประชันก็ย่อมได้ ทว่าสำหรับนางแล้วมันคือการยึดมั่นในตัวตนของนาง ศักดิ์ศรีของนาง ความจริงใจของนาง ว่านางยังคงเป็นสตรีบริสุทธิ์อยู่วันยังค่ำแม้ว่าจะนอนร่วมเตียงกับบุรุษผู้ได้ชื่อว่า สามีไร้พิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็ตาม

   ทางฉางซานเซียนหวางเห็นว่าบรรยากาศนับว่าไม่ดีนักจึงลุกขึ้นเดินไปประทับหลังกู่เจิงก่อนจะดีดเพื่อทดสอบเสียงของเส้นสายและเชิญชวนให้นางเลิกคิดถึงข่าวลือพวกนั้นและมาสุนทรีย์กับดนตรีตรงหน้า

   “เปิ่นหวางยังคงได้ยินอยู่เสมอว่าท่านมากปัญญาเพียงใด เช่นนั้นแล้วให้เกียรติเปิ่นหวางได้บรรเลงกู่เจิงประสานกับดนตรีของท่านได้หรือไม่ ?”

   “ย่อมได้เพคะ”

   เมื่อต้องการคลายความตึงเครียด หากปฏิเสธย่อมไม่เป็นการดี ร่างเล็กที่นั่งมองบุรุษรูปงามไม่สร่างหายเชิญชวนร่วมละเล่นดนตรีให้เบิกบานจิตก็ลุกขึ้นไปหย่อนกายตรงหน้ากู่เจิงเพื่อประสานเสียงเล็กใส

   และปล่อยให้การสนทนาผ่านการประสานบทเพลงเป็นการสนทนาอันสวยงามแว่วดังคลุ้งทั่วอุทยานและมวลบุปผา





[NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้(ในเควสมีสุรานะ !!)
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)


+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือ

++ ข่าวลือ Part 1 ++
หลายคืนมานี้ได้ยินกันหรือเปล่าพวกเจ้า ซ่างกวนเหม่ยเหรินดูเหมือนจะทำตัวอ่อนแอน่าสงสาร จนได้ปรนนิบัติฝ่าบาททั้งวันทั้งคืนที่ตำหนักเว่ยหยาง หรือฝ่าบาทจะทรงโปรดปรานนาง นั่นสิหรือราชวงศ์จะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้กันนะ

+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือ

++ ข่าวลือ Part 2 ++
ดูเหมือนเว่ยเจียเจียยวี๋จะเป็นที่โปรดปรานฝ่าบาทมากกว่าซ่างกวนเหม่ยเหรินหรือเปล่านะ เจียยวี๋คนแรกของรัชสมัย และฝ่าบาทยังเสด็จไปประทับค้างคืนที่ตำหนักเถียนเซี่ย เป็นครั้งแรกอีกด้วย หรือเว่ยเจียเจียยวี๋จะเป็นพระสนมนางแรกที่ตั้งครรภ์มังกร !!!!

เมื่อไหร่ผมจะได้รักกับท่านฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมเสียที  รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

@Admin 

แสดงความคิดเห็น

เกี้ยวทอดได้ความสัมพันธ์แฝง  โพสต์ 2024-7-28 16:33
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-7-28 16:33
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-7-28 16:32
มะมีชา ได้ตามค่าสูงสุด คือ ซิ่งเหรินโต้ฟู+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)  โพสต์ 2024-7-28 16:32
โพสต์ 13613 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 16:11
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-28 20:48:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




     หลังจากที่นางมาร่วมร่ำสุราก็ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว บัดนี้มืดค่ำ ทว่านางกลับรู้สึกยังไม่อยากกลับตำหนักพักของนางสักเท่าใด นางตัวคนเดียวไร้สหายใกล้ชิด ลู่ไป๋หรั่นโดนกักตัวอยู่ตำหนักเซวียนเต๋อ ซ่างกวนฝูมี่ก็คงกระทำหน้าที่ของตนเองอยู่ตำหนักเว่ยหยาง องค์หวงตี้ไปพบเจอตามหน้าที่น่ะหรือ ? เมื่อเช้าก็ปรนนิบัติตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งยังมีสตรีพร้อมไปนั่งเทียนเวียนฝนหมึกไม่ขนาด ไหนเลยจะมาเรียกหานาง ซ้ำร้ายตำหนักเช่นนั้นก็มีเพียงนางกำนัลของนาง การไม่กลับเรือนคงจะทำให้พวกนางไม่ต้องทำงาน สบายเสียอีก

   เว่ยเจียเหลียนฮวานั้นคราแรกก็หายไปนอนเล่นในตำหนักของตน ทว่าเมื่อเข้าพลบค่ำกลับอยากอยู่นอกเรือนซะอย่างนั้น นี่จึงเป็นเหตุให้นางมานั่งที่ศาลางามวิจิตรข้างต้นจื่อเถิงต้นใหญ่ในอุทยาน จุดตะเกียงให้สว่าง นั่งเดินหมากล้อมเพียงผู้เดียวอย่างผิดวิสัยของนางที่นักจะคร้านใช้หัวคิดในเรื่องที่ไม่มีแรงบันดาลใจเท่าใดนัก

   มือเรียวเล็กวางหมากขาวสลับดำได้อยู่ราว ๆ หนึ่งก้านธูปได้ ก่อนที่นางจะเอนกายเบื่อหน่ายกระดานหมากที่ไร้ใบหน้าของผู้แพ้ให้พิศมอง ริมฝีปากงามเบ้ปากเบะอย่างงอแงก่อนจะขยับกายหันข้างเอามือเท้าคางเกยพนักพิง เงยใบหน้าพิศมองดวงจันทรายามซวีที่ลอดผ่านแมกไม้และบุปผาสีม่วงของจื่อเถิงฮวาแล้วก็นึกไปถึงศาลางดงามนอกฉางอัน

   หากไปเอายามนี้แล้วไปปะเข้ากับเขาคงกระอักกระอ่วนหน้าดู

   ร่างบางถอนหายใจอยู่ครู่ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อซึมซับบรรยากาศของสวนบุปผายามราตรี วารีไหลเอื่อยและแน่นิ่ง สายลมพัดผ่านก่อเกิดความเย็นปะทะกายและเสียงใบหน้ากระทบกันไพเราะ นางแน่นิ่งเช่นนี้อยู่นานเชียวจนไม่อาจแยกแยะได้เลยว่าความจริงแล้วสตรีผู้นี้เพียงแค่พักสายตาหรือปล่อยกายเข้านิทราไปเสียแล้ว





ชีวิตติดคอนเท้น  ต้องการบารมีค่ะ
ท้าทายอำนาจมืดหน่อยเร็ว @@@Admin 

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

แสดงความคิดเห็น

++กำลังประมวลผลความท้าทาย++  โพสต์ 2024-7-28 21:37
โพสต์ 7338 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 20:48
โพสต์ 7,338 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว
(เจียยวี่)
  โพสต์ 2024-7-28 20:48
โพสต์ 7,338 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก กู่เจิง  โพสต์ 2024-7-28 20:48
โพสต์ 7,338 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-28 20:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้