กองห้องเครื่องหลวง

[คัดลอกลิงก์]







กองห้องเครื่องหลวง

{ เขตพื้นที่กองราชการ }









【 กองห้องเครื่องหลวง 】

ครัวอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน

หากจะกล่าวถึงพื้นที่หน่วยงานอันยุ่งเหยิงทว่ารัดกุมเป็นอันดับต้น ๆ ย่อมต้องกล่าวถึง 'กองห้องเครื่องหลวง' ที่ตั้งอยู่ใกล้เขตพระราชฐานชั้นในมากที่สุดในบรรดาพื้นที่ของกองต่าง ๆ เขตพื้นที่โอ่อ่าและวุ่นวายนี้ประกอบไปด้วยเรือนแยกอีกสี่เรือนตามภาระหน้าที่ที่แต่ละฝ่ายรับผิดชอบ ประกอบไปด้วย ฝ่ายเครื่องเสวย , ฝ่ายน้ำจัณฑ์ , ฝ่ายโอสถ และฝ่ายต้นเครื่องที่จะมีหัวหน้าฝ่ายแยกกันสอดส่องดูแล






【 หัวหน้าฝ่ายต้นเครื่อง 】

เนี่ย หนานซิง (34)



" นี่ไม่ได้ นั่นไม่ถูก "
อดีตนางกำนัลขั้นสูงที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายต้นเครื่องคอยดูแลเรื่องการเบิกวัตถุดิบที่มาพร้อมชื่อเสียงเรียงนามด้านความเรื่องมากเป็นอันดับหนึ่ง กล่าวกันว่ามาตราฐานของเนี่ยหนานซิงนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สูงทัดเทียบกำแพงเมืองทำให้คุณภาพเครื่องเสวยไม่ว่าจะสุรา ยา หรือของอื่นใดล้วนต้องกล่าวได้ว่าเป็นเลิศในต้าฮั่นเท่านั้น








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7303 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-10 20:00

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-16 21:07:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-16 21:09




ทะลวงห้องเครื่อง

ห้องเครื่องหลวง.. ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่งนางต้องร่อนมาถึงที่นี่เพื่อทำของว่างสักชุดไปถวายให้แก่เบื้องบน

“ ลู่เหม่ยเหริน เชิญทางนี้ บ่าวได้จัดพื้นที่รองรับท่านตามคำสั่งของใต้เท้าแล้ว ” จางกงกงอยากฝังนางไว้ภายใต้นามของสตรีที่ได้รับการสนับสนุนจากเขา ลำพังลูกสาวพ่อค้าที่ไม่มีกำลังในวังเช่นนางมีหรือจะไปต่อกรได้ ดูเอาจากที่เขาสามารถคาดการตอบรับของนางได้อย่างแม่นยำ ถึงขนาดฝากประโยคมากลบฝังทับกันได้เช่นนั้น หากนางคิดขยับแข้งขายันเขาในตอนนี้เกรงว่าคนที่จะได้ตกจากหลังคาวิมานหรูหราคงไม่พ้นนาง น่าเวทนานัก รอบตัวนางมีแต่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนเต็มไปหมด

“ ใต้เท้าที่ว่านั่น.. ได้กล่าวอะไรไว้อีกหรือไม่ ”

สองตาของนวลนางกวาดมองรอบบริเวณที่ถูกแบ่งออกมาอย่างชัดเจน ท่าทางจางกงกงผู้นั้นก็คงจะถนอมชื่อเสียงของนางอยู่บ้าง ถึงได้ทำซะเหมือนการมาของนางเป็นเรื่องลี้ลับชนิดหนึ่งที่ผู้ใดก็ไม่สามารถเข้ามายุ่มย่ามได้โดยง่าย “ ใต้เท้ากำชับไว้เพียงว่า หากพระสนมต้องการทำสิ่งใดก็ให้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ดังนั้นไม่ว่าพระสนมอยากจะปรุงเครื่องเสวยชนิดใดก็สามารถทำได้เจ้าค่ะ ” คำพูดนี้เหมือนจะเกินจริงอยู่บ้าง แต่เมื่อตรวจสอบดูความโอ่อ่าของคลังห้องเครื่อง เกรงว่าต่อให้ใต้หล้านี้นางอย่างทำสิ่งพิสดารอย่างไรก็คงจะทำได้จริง ๆ …

“ ไม่ใช่อะไรที่ทำยากเย็นนักหรอก ” เพราะถ้ายากเกินไปแม้แต่นางเองก็ไม่มีปัญญาทำ ลู่ไป๋หรั่นลอบถอนหายใจ นางจุ่มมือตัวเองลงในอ่างทองแดงใช้เวลาบรรจงล้างบรรจงถูไปพลาง ๆ ระหว่างที่คิดว่าสมควรทำอะไรให้อีกฝ่าย ‘ ลำบากแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเขาชอบอะไรหรือรสแบบไหน ถ้าทำแบบสุ่ม ๆ ไปคงไม่เป็นเรื่อง.. ใช่หรือไม่? ’

“ ปกติแล้วฝ่าบาทมีของว่างที่ทรงโปรดหรือไม่ ”

ไม่รู้คำถามของนางไปสะกิดเศษเสี้ยวดำมืดส่วนไหนในใจสาวห้องเครื่องเข้า อีกฝ่ายถึงกับสะอึกไปเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตาตอบเสียงแผ่ว “ เรื่องนี้บ่าวเองก็ไม่ทราบ… กล่าวให้ถูกต้องคือ.. ยังไม่มีของว่างชนิดใดที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานมาก่อนเลยเจ้าค่ะ ” คำตอบของนางกำนัลหญิงทำเอาพระสนมป้ายแดงถึงกับเหม่อลอย

นี่ขันทีอสรพิษผู้นั้นลากนางมาขึ้นเขียงอีกแล้ว?

“ แบบนี้นี่เอง.. แบบนี้..นี่เอง… ”

ลู่เหม่ยเหรินกล่าวเสียงเบาในระหว่างที่ใช้ผ้าฝ้ายซับน้ำออกจากมือ ของที่โปรดก็ไม่มี รสชาติที่ชอบอย่าได้หวังว่าจะทราบ ปกติเสวยมากหรือน้อยยิ่งแล้วใหญ่ หว่างคิ้วที่เคยปลอดโปร่งยามนี้ดูสับสนนัก ไป๋หรั่นสูดหายใจเข้าอกจนเต็มคราบ ‘ ช่วยไม่ได้ ขึ้นหลังเสือแล้ว จะลงก็คงยาก ’ นางได้แต่คิดอย่างจนใจ จะว่าไปไม่นานมานี้ก็นับได้ว่าพึ่งผ่านเทศกาลสำคัญ ที่นอกจากจะมีตำนานหวานซึ้งกินใจแล้ว ‘เทศกาลซีซี’ ยังมีขนมคู่บุญที่หญิงสาวเมื่อแต่งงานได้ไม่นานล้วนนิยมนำกลับมามอบให้ครอบครัวและสามี..

“ ข้าจะทำเฉียวกั่ว เจ้าไปเตรียมของเถอะ ”

ตัวเลือกที่เรียบง่ายทำให้ผู้คอยลอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยามที่จางกงกงถ่ายทอดคำสั่งลงมายังนึกกลัวด้วยซ้ำว่าจะต้องรับมือกับการกดขี่ใดอีก ทว่าเมื่อสิ่งได้ยินเป็นเพียงเฉียวกั่วธรรมดา ๆ .. เหล่านางกำนัลในห้องเครื่องหันมองกันไปกันมา สื่อสารกันด้วยสายตาราวกับจะแย้งความเห็นของผู้เป็นนายแต่ครู่ต่อมาก็เงียบปากกันทั้งขบวนเมื่อเงยขึ้นมาพบท่าทีสงบเจือรอคอยของผู้เป็นพระสนม

ลู่เหม่ยเหรินเก็บแขนเสื้อขึ้นเช่นเดียวกับเส้นเกศาที่รวบเป็นมวยเผยลำคอระหงส์ นางโน้มลงจัดข้าวของบนโต๊ะเพื่อให้สะดวกต่อการลงมือก่อนจะกลับมายืนหลังตรงประสานมือทอดมองเหล่านางกำนัลที่เดี๋ยวผลุบเข้าผลุบออกราวกับกำลังเตรียมวัตถุดิบยอดอาหาร

มันก็แค่เฉียวกั่ว…

เฉียวกั่วโง่ ๆ ชุดหนึ่งที่จะรอดหรือไม่ก็ยังไม่มีใครรู้

ใช้เวลาไม่นานนักสิ่งที่ต้องใช้ก็มาวางกองอยู่ตรงหน้า ไป๋หรั่นตรวจสอบจนแน่ใจว่าวัตถุดิบไม่มีปัญหา จากนั้นจึงได้เริ่มลงมือทำไปทีละขั้น เฉียวกั่วมีอยู่หลายแบบ ที่ทำจากฝักทอง ที่ทำจากงา ที่ทอดจนบาง หรือที่หน้าตาอ้วนกลมคล้ายขนมแป้งทั่วไป ครั้งนี้นางก็ยังไม่แน่เลยด้วยซ้ำว่าจะทำออกมาในรูปแบบใด “ ฝ่าบาทไม่ได้แพ้หรือไม่ชอบสิ่งใดในรายชื่อวัตถุดิบแน่ใช่หรือไม่? ” หางตานางชำเลืองมองนางกำนัลเล็กน้อย เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายืนยันก็กลั้นใจลงมือทำต่อ

เริ่มจากการผสมแป้งจากข้าวสาลีเข้ากับน้ำตาล เกลือ และผงบดจากเมล็ดงาพร้อมด้วยน้ำมันพืชเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อย ๆ เติมน้ำและออกแรงนวดเพื่อให้ได้มาซึ่งก้อนแป้งหนึบหนับขนาดไม่ใหญ่นัก แต่จะนำมาใช้เลยก็ไม่ถูกต้อง ก้อนแป้งสาลีที่ผ่านการปรุงมาแล้วหนึ่งขั้นตอนยังจำเป็นต้องพักหมักไว้ แต่จะให้เปิดอ้าซ่ารับลมก็ใช่เรื่อง สองตาของผู้ที่นานทีปีหนจะเข้าครัวกวาดมองไปรอบตัวและพบเข้ากับกองผ้าขาวสะอาดที่ใช้ปิดหน้าภาชนะ

“ เอาแป้งนี้ไปพัก ไว้มันได้ที่ค่อยเอาออกมาปั้น ”

ภาษาคนทำอาหารพูดกันแค่นี้ก็เข้าใจ ลู่เหม่ยเหรินวางมือจากการทำครัว พักแป้งนานเท่าใด นางก็มีเวลาพักเท่านั้น หลังจากเช็ดมือนุ่มกับผ้าสะอาด พระสนมที่จำใจต้องลงมาเข้าครัวถอนหายใจเฮือกพลางยกมือทุบบ่าทุบไหล่ตัวเองเบา ๆ “ ระหว่างนี้ใครมีสิ่งใดต้องทำก็ไปจัดการก่อนเถิด ยังไงเสียที่ลงมือก็เป็นข้าอยู่แล้ว… ” ท้ายเสียงแผ่วลงจนแทบจะไม่จบประโยคยามที่สองตาเห็นสีหน้าของคนรอบตัว ในเวลานี้นางพึ่งระลึกได้ว่ารอบตัวหาใช่คนที่มาแค่ ‘ช่วยเหลือ’ แต่มาเพื่อ ‘จับตามอง’ ต่างหาก

ประเสริฐนัก.. ประเสริฐจริง ๆ



แป้งได้ที่ ใจคนก็ห่อเหี่ยวได้ที่แล้วเช่นกัน

จากก้อนแป้งขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือไม่เท่าไหร่ กลายมาเป็นแป้งที่พองตัวขึ้นมาอีกหลายระดับ ไป๋หรั่นหรุบตาลง นางใช้สองมือคลึงแป้งเป็นการนวดเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ แบ่งมันออกมาเป็นทีละก้อน จำนวนที่มีก็นับได้ว่าอยู่ที่ราว ๆ ห้าถึงหกก้อน ขั้นตอนสำคัญมาถึงแล้ว จะใส่ใจไม่ใส่ใจก็ต้องวัดกันที่ตรงนี้ มือนุ่มประคองแต่ละก้อนมาปั้นเป็นทรงสี่เหลี่ยม ลู่ไป๋หรั่นมีสิ่งที่เรียกว่าฝีมือ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ ความถนัดของนางถูกใช้ไปกับเรื่องอื่นในการใช้ชีวิตที่ไม่ใช่การทำอาหารดังนั้นจะทำออกมาง่ายสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร

“ พระสนม.. ไม่ใช่ว่าสมควร.. ”

“ ข้าผู้นี้โง่นัก มีใจคิดออกแบบทว่าสองมือกลับไม่สามารถทำตามได้ สิ่งนี้ยังต้องถวายจนถึงมือฝ่าบาท ไม่สู้ทำในแบบที่มั่นใจไม่ดีกว่าหรือ ” อาจฟังดูเหมือนคำลอย ๆ ไร้แก่นสาร แต่สำหรับคนที่พึ่งอ้าปากจะทักท้วงการตัดสินใจการกล่าวเช่นนี้เหมือนกับตอกฝาโลงเข้าอย่างจัง ทว่าที่อีกฝ่ายคิดแย้งก็ไม่ผิดนัก มันดู ‘ธรรมดา’ เกินกว่าจะมอบให้ผู้เป็นโอรสสวรรค์อยู่มาก เห็นเป็นฉะนี้แล้ว หลังจากคิดไปคิดมา ไป๋หรั่นก็หัวเราะเบา ๆ พลางหยิบเมล็ดถั่วลิสงวางลงไปตรงกลางก้อนแป้ง

“ เท่านี้ก็ไม่เรียบจนเกินไปแล้ว ตั้งน้ำมันเถอะ ต้องทอดแป้งแล้ว ”

แม้แต่ทอดนางก็ยังต้องเป็นคนทำ ลู่ไป๋หรั่นอยากจะร้องไห้ขึ้นมาก็ยามนี้ บุปผาหยกที่เปรียบได้ดั่งดวงใจแห่งขุนเขาหิมะต้องมาจับตะหลิวแตะกะทะเข้าครัวเพื่อบุรุษ สิ่งนี้กล่าวได้ว่า ‘ขัดต่อความเป็นนาง’ อยู่มากทีเดียว ให้นางทำนางก็ทำแล้ว ให้นางมอบย่อมมอบให้ถึงที่แต่อย่าได้หวังว่ามันจะเลิศล้ำเกินคาดไปหน่อยเลย ไป๋หรั่นก้มลงมองสิ่งที่อยู่กลางน้ำมันเดือดพล่าน รอจนแป้งทั้งหลายลอยขึ้น ลู่เหม่ยเหรินก็กัดฟันทนไอร้อนใช้ตะเกียบคืบขนมเหล่านั้นขึ้นมาวางบนผ้าที่เหล่านางกำนัลนำมารองเพื่อเตรียมกรองน้ำมันออก

ปั้นมาหกก้อน ไหม้เกรียมไปหนึ่งก้อน ใช้ได้อีกห้าก้อน.. ไม่เลว ไม่เลว

“ ลำบากพระสนมแล้ว แต่อย่างน้อยเฉียวกั่วจานนี้ก็ออกมาหน้าตาดูดีนัก ”

“ จริงเจ้าค่ะ เหลืองอร่ามน่ารับประทาน ท่าทางเนื้อดูจะไม่กระด้างจนเกินไปด้วย ”

เฉียวกั่วที่เนื้อไม่กระด้าง? พวกนางมีตาทิพย์กันหรืออย่างไร โฉมงามที่สีหน้าเรียบสงบได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ “ พูดไปมาใครจะไปรู้ว่าจริงไม่จริง ” ระหว่างที่รอให้ขนมหายร้อนเพื่อที่จะง่ายต่อการจัดวาง พระสนมลู่ที่ลำบากลำบนหอบสังขารมาทำขนมก็ใช้ตะเกียบในมือคีบเฉียวกั่วที่หน้าตาพิลึกชิ้นหนึ่งในหมู่นั้นขึ้นมา

“ มีใครอยากชิมหรือไม่? ”

“ … ”

ทีแบบนี้ล่ะเงียบกันเป็นเป่าสาก…

“ ช่างเถอะ ข้าชิมเอง ”

“ พระสนม มิใช่ว่าสมควรให้ฝ่าบาทเส—- ”

งับ

โชคดีที่เฉียวกั่วเหล่านี้ไม่ได้ร้อนระอุมากอย่างตอนแรก รสสัมผัสหวาน ๆ ปนเค็มที่ต่อมาก็เปี่ยมไปด้วยกลิ่นของงาทำเอาผู้ลิ้มลองชะงักไปหลายอึดใจ

เลิศรสมาก? .. ไม่

หน้าตาดีนัก.. ก็ไม่

พูดให้ถูกคือนางตะลึงที่ทำหนนี้ไม่ล้มเหลวต่างหาก

มันคือเฉียวกั่วรสข้างทางทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้หวือหวาแต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่จนทนกินไม่ได้ คนทานเคี้ยว ๆ ไปสักพักก็ถูกกับส่วนที่วางเม็ดถั่วจนสัมผัสได้ถึงรสชาติแปลกใหม่อีกระลอก หวานไม่มาก เค็มกำลังพอดี ทั้งยังได้รสมันจากการทอดและถั่ว แต่ในขณะเดียวกันก็แห้งแสบคอหากว่าทานติดต่อกันมากเกินไปของแบบนี้สมควรแล้วที่จะกล่าวว่าเป็น ‘ของว่างคู่น้ำชา’

“ จัดถาดของว่างเตรียมไปตำหนักเว่ยหยาง ”

“ แล้วก็.. อย่าลืมนำชุดชงชาเบญจมาศไปด้วย ”



ชื่อขนม : ขนมเฉียวกั่ว
คำบรรยาย : <-b>‘ ยามที่ค่ำคืนกรุ่นด้วยกลิ่นไอรัก สามีคอยพักภรรยาคอยถนอม ’<-b> ขนมเฉียวกั่ว 巧果 (Qiǎo guǒ) เป็นที่นิยมอย่างมากในเทศกาลชีซี เนื่องจาก คำว่า 巧 (qiǎo) ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 桥 (qiáo) ที่แปลว่าสะพาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘สะพานนกกางเขน’ ตามตำนานที่ว่า ในวันที่ 7 ของเดือน 7 ทางจันทรคติ ฝูงนกกางเขนที่สวยงามจะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำบนท้องฟ้าอันยิ่งใหญ่เพื่อให้สาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวได้พบกัน อีกทั้ง คำว่า 巧 (qiǎo) ยังสามารถแปลความหมายถึงคำว่า เก่ง ได้อีกด้วย ขนมเฉียวกั่วชนิดนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นขนมแห่งความเฉลียวฉลาด ผู้คนนิยมทานเพื่อให้มีความฉลาดเฉลียว และคล่องแคล่วปราดเปรียว โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่การทำจากงาเป็นหลัก ทั้งยังต้องอาศัยความประณีตในการทำเนื่องมาจากความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลายทำให้สามารถพบขนมเฉียวกั่วได้ในหลายรูปทรงที่สวยงามแตกต่างกันไป
รูปไอเทมขนาด 84*84 : https://i.imgur.com/Q3optlL.png






แสดงความคิดเห็น

คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง) (ครั้งต่อไปแจ้ง)  โพสต์ 2024-7-28 02:38
ทำขนมเฉียงกั่วสำเร็จ หลังจากนี้สามารถปรุงสำเร็จได้ในหน้า CRAFF  โพสต์ 2024-7-16 22:18
โพสต์ 27211 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-16 21:07
โพสต์ 27,211 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-16 21:07
โพสต์ 27,211 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2024-7-16 21:07

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
โพสต์ 2024-7-17 21:26:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน


   จากหน้าป้าย ประกาศของวังหลวงที่แจ้งว่าพระสนมทุกคนสามารถกระทำสิ่งใดได้บ้าง หรือสิ่งใดที่เป็นเรื่องร้องขอพิเศษ สู่ห้องเครื่องหลวงอันอุดมไปด้วยวัตถุดิบมากมาย สตรีบางในอาภรณ์ไหมสีครามอ่อนปักทองลายเมฆาสีทองคลุมทับไหมโปร่งเป็นเอกลักษณ์ก้าวเดินสำรวจภายในห้องเครื่อง ข้าหลวงทั้งหลายที่เร่งก้มกายถวายความเคารพนางก็เอ่ยปรามบอกให้กระทำสิ่งที่ตนต้องทำต่อไป เหลือพื้นที่บางส่วนไว้ให้นางกระทำอาหารถวายไท่โฮ่วเป็นพอ

   ซึ่งแท้จริงแล้วนางเอาคำขอพิเศษนี้เป็นเครื่องบังหน้าจากการทำอาหารทานเอง

   “ข้าต้องการทำ มี่จือชาเฉา โค่วโร่ว แล้วก็ ฝูหยวนจื่อ โปรดเตรียมวัตถุดิบให้ข้าที”

   เนื่องด้วยไม่เคยมาเยือนสถานที่อันเป็นปากท้องของวังหลวงนางจึงไม่ต้องการสร้างปัญหามากมายด้วยการไปรื้อค้นข้าวของเสียเละเทะ ปล่อยให้ผู้รู้ช่วยจัดหาและจดจำตำแหน่งไว้เป็นพอ ด้วยเหตุนี้เว่ยเจียเหม่ยเรินจึงเอ่ยปากบอกว่านางจะทำสิ่งใดบ้างอย่างไม่ปิดบังและปล่อยให้ข้าหลวงห้องเครื่องจัดหาสิ่งของให้จนครบและนางก็มาสำรวจวัตถุดิบตรวจสอบอีกครา

  หมูสามชั้น เครื่องหมักหมูแดง เครื่องปรุงรส น้ำผึ้ง ขิง ผักกาดเขียวดองเค็ม แป้งข้าวเหนียว … และอีกมากมาย

   “ขอบใจมาก ไปทำงานของตนเถิด”

   เสียงใสเอ่ยพลางยกมือปัดให้ข้าหลวงกลับไปกระทำสิ่งที่ต้องทำต่อต่อไปก่อนจะเริ่มถกแขนเสื้อขึ้นตระเตรียมวัตถุดิบ สิ่งใดต้องล้างล้วนต้องล้าง สิ่งใดต้องสับล้วนสับ ตระเตรียมวัตถุดิบพร้อมปรุงคือหนึ่งในขั้นตอนสำคัญเพื่อทำให้การปรุงอาหารในบางจานที่ต้องใช้ความรวดเร็วนั้นประสบผลสำเร็จราวกับทำยาลูกกลอนก็ไม่ปาน ด้วยนางที่บางครั้งแอบลอบทำอาหารทานเองและแบ่งปันมารดาที่จวนเจ้ากรมโยธาธิการจึงทำให้ท่าทีของสตรีผู้นี้คล่องแคล่วมิใช่น้อย

   เริ่มด้วยของคาวชนิดแรกอย่าง มี่จือชาเฉา

   นางหยิบหมูสามชั้นขึ้นมาครึ่งหนึ่งจากที่ตนหั่นไว้นำมาใส่ชาม เทเครื่องหมักหมูแดง ซีอิ๊วขาว น้ำผึ้ง และ ขิง โดยใช้ใจชั่งตวงก่อนจะคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ให้รสชาติซึมเข้าเนื้อก่อนสักหน่อยแม้ว่าความจริงต้องทิ้งสักราตรีสองราตรีให้เข้มข้น ทว่านางหาได้สนใจไม่เมื่อนางต้องการทานเสียเดี๋ยวนี้

   เมื่ออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาจึงใช้โอกาสนี้ในการตระเตรียมของคาวต่อไปอย่าง โค่วโร่ว

   เริ่มจากการทำหมู นางนำหมูสามชั้นที่เหลือเตรียมไว้ทั้งหมดมาใส่ชามสำหรับต้ม ใส่ต้นหอมทั้งต้น และขิงแก่หนึ่งเหง้าที่ผ่าครึ่ง และสุราสำหรับทำอาหารลงไป แล้วเติมน้ำจนท่วมหมู ต้มจนเดือดประมานสองเค่อ

   ไยอาหารเหล่านี้ที่กระทำช่างใช้เวลามากมายนัก

   นางบ่นอุบอยู่ภายในใจก่อนจะหันไปเทแป้งข้าวเหนียวใส่น้ำผสมให้เข้ากัน แบ่งแป้งให้เท่ากันตามสีที่ต้องการผสม ก่อนจะปั้นเป็นก้อนกลมหลากสีซึ่งการปั้นฝูหยวนจื่อได้กลายเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาในยามต้องรอโค่วโร่วตามขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาเสียแล้ว

   เว่ยเจียเหลียนฮวาปั้นไปสักพักก็เดินไปดูส่วนหมูของโค่วโร่ว เมื่อแลเห็นว่าได้ที่แล้วจึงตักหมูขึ้นมาผึ่งให้เย็นแล้วเอาไม้จิ้มจิ้มหนังหมูให้ทั่ว จากนั้นก็ทาด้วยซีอิ้วดำทั่วหมูทั้งชิ้นพักไว้ราวหนึ่งเค่อ ต่อมาจึงนำหมูลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆแบบท่วมหมู โดยเอาด้านหนังหมูลงทอดก่อนจนกรอบ แล้วจึงพลิกอีกด้านลงทอดต่อประมาณไม่ถึงครึ่งก้านธูปแล้วยกหมูออกเอาไปต้มอีกราว ๆ สองเค่อ (ความจริงควรทำเพียงแช่น้ำอุ่นสองเค่อ ทว่านาง…ต้องการร่นเวลาในการนึ่งในขั้นตอนสุดท้าย) ครบเวลาแล้วจึงนำหมูขึ้นมาหั่นตามขวาง หนาตามชอบ แล้วจัดเรียงลง รองไว้ในถ้วยให้เป็นรูปถ้วย เพื่อที่จะใส่ผักไว้ตรงกลาง

   ส่วนต่อมาของโค่วโร่วคือการทำผักกาด นางนำผักกาดดองเค็มตากแห้งไปแช่น้ำลดความเค็ม แม้ความจริงต้องกระทำราวสองเค่อ…แต่นางย่นระยะด้วยการล้างเสียหลายน้ำจนกลิ่นเค็มหายแทนแล้วนำมาต้มน้ำทิ้งอีกหนึ่งน้ำแล้วซอยแบบไม่ต้องละเอียดมาก ตั้งน้ำมันประมานหนึ่งทัพพี น้ำขิงซอยลงไปทอด เมื่อส่งกลิ่นหอมแล้วจึงใส่ผักลงไปผัดต่อประมาณหนึ่งเค่อ เสร็จแล้วจึงตักผักใส่ในด้วยที่มีหมูรองไว้แล้ว

   และส่วนสุดท้ายอย่างน้ำราดนึ่ง ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาล น้ำมันงา โป๊ยกั๊ก ใบกระวานเทศ พริกไทยเสฉวนและพริกไทยลงในหม้อ เติมน้ำเปล่าหนึ่งถ้วยตวง แล้วตั้งไฟเคี่ยวจนเดือด เสร็จแล้วจึงนำไปราดลงในถ้วยที่ใส่หมูกับผักเตรียมไว้ นำทั้งหมดไปนึ่งราวครึ่งชั่วยาม

   ในระหว่างนี้เองเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา นางจึงเอาหมูแดงอบน้ำผึ้งมาอบ นำแป้งฝูหยวนจื่อมาต้ม กระทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นก่อนจะจัดเตรียมจานให้สวยงาม(โดยที่เว่ยเจียเหลียนฮวาแอบกินไปอย่างละสองสามคำระหว่างตระเตรียมจานนี้เอง) ยกอาหารทั้งสามไปถวายแด่ไท่โฮ่ว

   โดยมีอาหารทั้งสามเหลือทิ้งไว้ราวกับจงใจให้ผู้ใดก็ตามที่ต้องการทานสามารถหยิบไปรับประทานได้ตามชอบ




รูปภาพ:

https://i.imgur. com/D5P471u.png

ชื่ออาหาร: มี่จือชาเฉา
ประเภทอาหาร: อาหาร
รายละเอียดอาหาร: มี่จือชาเฉา(蜜汁叉烧)หรือ หมูแดงอบน้ำผึ้ง เป็นอาหารดั้งเดิมของพื้นที่ทางใต้ของต้าฮั่นที่มีชื่อว่า มณฑลกว่างตง อาหารที่ชูเอกลักษณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติและความหลกหลายทางฤดูกาล การถนอมอาหารเพื่อการข้ามผ่านเหมันต์ฤดูด้วยความอิ่มท้อง ก่อเกิดเป็นอาหารรสหวานเค็มหอมน้ำผึ้งหมักอย่างดี

รูปภาพ:

https://i.imgur .com/fZGSUN1.png

ชื่ออาหาร: โค่วโร่ว
ประเภทอาหาร: อาหาร
รายละเอียดอาหาร: โค่วโร่ว (扣肉) หรือ เคาหยก หากแปลตรงตัวจะแปลว่า เนื้อคว่ำ เป็นอาหารดั้งเดิมของพื้นที่ทางใต้ของต้าฮั่นที่มีชื่อว่า มณฑลกว่างตง จะใช้หมูสามชั้นหั่นสี่เหลี่ยมผสมกับผักกาดดองเค็มแห้งที่เรียกเหมยกันไช่ (梅干菜) หรือไช่กัว ซึ่งจะผักกาดดองจะนำผักกาดดองไปผัดกับน้ำปรุงรสก่อน จากนั้นจะนำหมูกับเครื่องปรุงใส่ชาม ตุ๋นให้หมูเปื่อยนุ่ม เมื่อสุกแล้ว จะนำจากมาปิดปากชามแล้วพลิกกลับด้านให้เนื้อหมูลงไปอยู่ในจาน จึงเป็นที่มาของชื่ออาหารจานนี้

รูปภาพ:

https://i.imgur .com/vfb2XnO.png

ชื่ออาหาร: ฝูหยวนจื่อ
ประเภทอาหาร: ขนม
รายละเอียดอาหาร: ฝูหยวนจื่อ (浮圆子) หรือ บัวลอย ซึ่ง 浮 แปลว่า ลอย และ 圆子 แปลว่า ลูกกลม ๆ ซึ่งอักษร 团圆 เมื่อรวมกันแล้วมีความหมายว่า การได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันของคนในครอบครัว เป็นขนมมงคลที่ใช้ในการประกอบพิธีไหว้ตงจื้อ (冬至) เพื่อขอบคุณเทพเจ้าฟ้าดินที่ดูแลเราให้ปลอดภัยแคล้วคลาดตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และช่วยอวยพรให้ครอบครัวมีความสุขในปีถัดไปอีก







  
เห้ย คือเราแอบทิ้งไว้อ่ะ ทำอาหารเกิน ใครจะมาทานก็มาน้าาาา

   ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย

@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง) (ครั้งต่อไปแจ้ง)  โพสต์ 2024-7-28 02:41
โพสต์ 19058 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-17 21:26
โพสต์ 19,058 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-17 21:26
โพสต์ 19,058 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-17 21:26
โพสต์ 19,058 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-17 21:26

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-27 21:21:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบเจ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ ต้นยามเซิน (15.00 น.)




     การออกจากพระราชวังบ่อย ๆ นั้น จากใจจริงแล้วนางชมชอบเหลือหลาย ทว่าการแอบออกไปมิใช่ทางที่ถูกต้อง นางทราบดี นางหาได้ใส่ใจไม่ ทว่าหากอยู่ที่สูงแล้วนางต้องระมัดระวังเนื้อตัว ทั้งยังต้องดูแลนางกำนัลใต้อาณัติใต้ร่มเงาเถียนเซี่ยกง เช่นนั้นแล้วนางจึงได้มาดมั่นไว้ว่าต่อจากนี้การกระทำทุกสิ่งที่นางจะกระทำคือการเลี้ยงความไว้เนื้อเชื่อใจ เลี้ยงความโปรดปราน ไม่โหยหา ไม่ทะเยอทะยาน เพียงต้องการอิสระและยังคงมีน้ำหนักภายในใจโอรสสวรรค์ไม่มากก็น้อย นี่จึงเป็นเหตุผลที่นางมาอยู่ภายในครัวหลวงของราชวัง

   “ถวายความเคารพเว่ยเจียเจี๋ยยวี๋เจ้าค่ะ”

   “กระทำเรื่องที่พวกเจ้าต้องทำต่อไปเสีย อย่าได้มากพิธีเลย” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยแก่นางกำนัลข้าหลวงทั้งหลาย นางไม่ชอบกระไรที่เอิกเกริกนักจึงบอกปัดให้พวกนางไม่ต้องสนใจนาง มีเพียงคนสองคนที่นางกวักมือเรียกไว้แล้วยื่นกระดาษจดเมนูที่นางต้องการทำ “ตระเตรียมให้ข้าที”

   นางกำนัลสองคนที่ได้รับมอบหมายงานจากพระสนมผู้มีอำนาจสูงสุดในบรรดาพระสนมในเวลานี้ก็ยอบกายด้วยความยำเกรงแล้วเร่งตระเตรียมตามที่ผู้ทรงอำนาจต้องการ ดวงตาสีนิลมองปฏิกิริยาของผู้คนอย่างอ่อนใจ นางมิใช่ผู้ที่ได้รับการเคารพมาช้านานจึงไม่คุ้นชินเท่าใด ซ้ำร้ายยศนางว่ากันตรง ๆ ก็เป็นเพียงเจี๋ยยวี๋ ไหนเลยจะยิ่งใหญ่คับฟ้า

   ใบหน้าเล็กสะบัดเบา ๆ ทิ้งความคิดทั้งหลายออกไปและเดินเข้าไปยังพื้นที่ทำอาหารเมื่อนางกำนัลตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว

   “พระสนมเจ้าคะ ให้หนูปี้ช่วยเหลือหรือไม่เจ้าคะ”

   ผู้เป็นนายหญิงยลยินเช่นนี้ก็ครุ่นคิดอยู่พอควรเชียวก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ให้นางกำนัลในครัวช่วยเหลือข้างกาย

  “พวกเจ้าทำอาหารอันไหนเป็นบ้าง”

  “เป็นทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ”

   สิ้นวจีใบหน้าของเว่ยเจียเหลียนฮวาพลันประดับแย้มยิ้มงดงามก่อนจะเอ่ยปากขอให้พวกนางช่วยเหลือคนละอย่างสองอย่าง สิ่งใดที่ต้องรั้งรอเวลาก็โยกกายมาช่วยสิ่งอื่น กระทำไปเช่นนี้ใช้เวลาร่วมชั่วยามเชียวกว่าจะเกิดเป็นชุดสำรับอาหารน่ารับประทาน

   เกี๊ยวซ่าแบบทอดและนึ่ง ไก่แช่เหล้า ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว เสี่ยวหลงเปา และของหวานตบท้ายอย่าง ซิ่งเหรินโต้ฟู ของโปรดของนางเอง




รูปภาพ:
https://i.imgur. com/vLtQsYj.png
ชื่ออาหาร:เกี๊ยวซ่า (ทอด)
ประเภทอาหาร: ขนม
รายละเอียดอาหาร: “เกี๊ยวซ่า” หรือ “เจี่ยวจือ (煎饺)” อาหารที่ทำจากแป้งสาลีห่อไส้ที่ทำจากเนื้อสัตว์ แผ่นแป้งเป็นแป้งสาลีนำมาคลึงแผ่และตัดแบ่งเป็นแผ่นกลม ๆ นำมาห่อไส้หมูแล้วทอดลงในน้ำมันร้อน ๆ ได้รสสัมผัสอันกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน สามารถรับประทานได้ทั้งเป็นของว่าง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย

รูปภาพ:
https://i.imgur. com/vEhtDXv.png
ชื่ออาหาร: เกี๊ยวซ่า (นึ่ง)
ประเภทอาหาร: อาหาร
รายละเอียดอาหาร: “เกี๊ยวซ่า” หรือ “เจี่ยวจือ (煎饺)” อาหารที่ทำจากแป้งสาลีห่อไส้ที่ทำจากเนื้อสัตว์ แผ่นแป้งเป็นแป้งสาลีนำมาคลึงแผ่และตัดแบ่งเป็นแผ่นกลม ๆ นำมาห่อไส้หมูแล้ววางซึ้งนึ่งจนสุก จะได้รสสัมผัสอ่อนนุ่มละมุ่นลิ้น สามารถรับประทานได้ทั้งเป็นของว่าง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย

รูปภาพ:
https: //i.imgur.com/2GkGgpS.png
ชื่ออาหาร: ไก่แช่เหล้า
ประเภทอาหาร: อาหาร
รายละเอียดอาหาร:”ไก่แช่เหล้า" หรือ “เหนียงจิ่วจี (娘酒鸡)” ซึ่งแปลว่า ไก่เหล้าเจ้าสาว ผู้คนชาวเหอหนานนิยมทำเมนูนี้ในการฉลองคลอดบุตรหรืองานแต่งงาน เพื่อบำรุงให้เลือดลมดีกับทางเจ้าสาวและมารดาที่เพิ่งคลอดบุตร นอกจากจะช่วยบำรุงเลือดแล้วยังช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นด้วย เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่อยู่บนเขา และมีสภาพอากาศที่หนาวจัดโดยเหล้าที่ใช้นั้นเป็นเหล้าข้าวเหนียวที่ชาวบ้านนิยมหมักเอง

รูปภาพ:
https:// i.imgur.com/uaFu5qg.png
ชื่ออาหาร: ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว
ประเภทอาหาร: อาหาร
รายละเอียดอาหาร: “ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว” หรือ “โต้วจีจ้าอวี๋ (豆汁炸鱼)” อาหารเนื้อปลาเก๋าตัวอ้วนนำมานึ่งพร้อมน้ำซีอิ๊วปรุงรส ด้วยขิงกระเทียมผัดน้ำมันถั่วลิสง เหล้าจีน ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทยขาว ก่อนทิ้งท้ายด้วยกลิ่นน้ำมันงา ให้รสเค็มนวลเบาท้องเหมาะสำหรับรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อย่างยิ่ง

รูปภาพ:
https:// i.imgur.com/efLBRq8.png
ชื่ออาหาร: เสี่ยวหลงเปา
ประเภทอาหาร: อาหาร
รายละเอียดอาหาร: “เสี่ยวหลงเปา (小笼包)” ทำจากแป้งขนมปังผสมกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ ไส้เป็นหมูสับมีน้ำซุปอยู่ข้างใน ซึ่งมาจากการใส่วุ้นที่มาจากการเคี่ยวหนังหมู หนังไก่ แล้วพักให้เย็นจนแข็งตัวเป็นวุ้น ตักวุ้นนี้วางบนไส้หมู แล้วห่อด้วยแป้ง จับจีบให้ได้ 18 จีบ เมื่อนึ่งสุกวุ้นจะละลาย กลายเป็นน้ำซุปอยู่ข้างในให้รสเค็มหวานกำลังดีและมีรสสัมผัสที่ฉ่ำน้ำซุปทุกคำที่รับประทาน

รูปภาพ:
https: //i.imgur.com/vkgaABo.png
ชื่ออาหาร: ซิ่งเหรินโต้ฟู
ประเภทอาหาร: ขนม
รายละเอียดอาหาร: “เต้าหู้อัลมอนด์” หรือ “ซิ่งเหรินโต้ฟู (杏仁豆腐)” เต้าหู้ตุ๋นกับน้ำแกงใส่ผลซิ่งเหรินที่ปอกเปลือกแล้ว เคี่ยวช้าๆ ด้วยไฟอ่อน ได้เวลาพอเหมาะก็ยกออกมา ไม่เพียงแต่น้ำแกงจะเป็นสีขาว เต้าหู้ยังมีกลิ่นหอมของผลซิ่งแฝงอยู่ถึงสามส่วน รับประทานตอนร้อนๆ หรือแช่ให้เย็นก็ได้ เมื่อดื่มแล้วจะให้ความรู้สึกชุ่มคอราวกับกลืนน้ำค้างบนยอดหญ้า นับเป็นอาหารชั้นเลิศที่ไม่หวานเลี่ยนและรับประทานเป็นของว่างได้บ่อยครั้ง นิยมรับประทานเป็นของว่างที่รับประทานได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ด้วยย่อยง่ายบำรุงผิวพรรณ



เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง
@Admin


แสดงความคิดเห็น

คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง) (ครั้งต่อไปแจ้ง)  โพสต์ 2024-7-28 02:41
ได้รับอาหาร เกี๊ยวทอด และ เสี่ยวหลงเปา  โพสต์ 2024-7-28 01:32
ไปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว+เกี๋ยวนึ่ง+เสี่ยวหลงเปา ไท่โฮ๋ว (ไม่ได้รับอาหาร)  โพสต์ 2024-7-28 01:32
ไก่แซ่เหล่า+ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ถวายจักรพรรดิ (ไม่ได้รับอาหาร) +35 ความสัมพันธ์ เควสไท่โฮ่ว  โพสต์ 2024-7-28 01:31
คุณได้รับ +7 คุณธรรม โพสต์ 2024-7-27 23:02

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-28 20:48:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย FuMi เมื่อ 2024-7-28 21:29






แม่ครัวหลวงผู้ลึกลับ
-10-



วันที่ 27 เดือน 7  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10

ช่วงเวลา 11.00 - 20.30 น.


            “ ท่านฝูมี่ซอสเปรี้ยวหวานหมักเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ”


            “ ขอบใจเจ้ามากทางด้านนั้นลอกเปลือกถั่วเรียบร้อยก็เอาลงกวนได้เลยนะ ”


            “ เตาที่สามเบาไฟลง หากล้างไก่ดำจนได้ที่แล้วค่อยเอาลงน้ำเดิอด อย่าลืมใส่ขิงลงไปด้วยเพื่อดับคาว.. ”


            สี่วันมานี้หากจะกล่าวว่าไม่ยอมรับในความสามารถของนางสนองพระโอษฐ์ที่ยืนคุมงานครัวด้วยตนเองพ่อครัวหลวงกลับพูดได้ยาก ห้องเครื่องหลวงเมื่อเว้นว่างจากการเตรียมพระกระยาหารแล้วก็เป็นส่วนที่เหล่าเจ้านายเข้ามาใช้สอยได้มิได้มีคำห้าม ยิ่งไทโฮ่วมีพระเสาวนีย์ด้วยองค์เองให้เหล่าสนมนางในฝึกการครัวใครจะกล้าห้ามพวกนาง จริงอยู่มีสนมแวะเวียนมาขอยืมใช้งานครัวไม่ขาดสายทว่าพวกเขาพูดได้เต็มปากว่า ‘ความชำนาญงานครัวระดับสูง’ สำหรับสตรีฝ่ายในกลับไม่ปรากฎมานาน 


            สตรีหน้ากากทองนางเริ่มจากขอยืมครัวตุ๋นน้ำแกง ‘บำรุงพระวรกายนายเหนือหัวทั้งสอง’ เดิมแม่ครัวหลวงยังคิดว่ารายนี้ก็คงมาต้มๆ ทอดๆ ให้นางกำนัลช่วยทำสามสี่อย่างพอเอาหน้าแล้วจากไปคงใช้เวลาไม่นาน เต็มที่ก็ปันเตาให้สักเตาเครื่องครัวไม่กี่ชิ้น


            สามวันที่ผ่านมาเนี่ยหนานชิงประจักษ์แล้วว่าตนคิดผิดมหันต์


            เจ็ดเตาใหญ่ สามเตารอง สิบสองวัตถุดิบหลัก นางขอหม้อดินใบใหญ่ที่สุด การเลือกมีดก็มิใช่สักแต่น้ำหนักเบาเพื่อทุ่นแรง จังหวะการควบคุมไฟวิธีแกะสลักปักและบั้งปลา ไม่ผิดแน่.. เหม่ยเหรินผู้นี้ชำนาญวิชาครัว  


            เพราะน้ำแกงแม่แบบทั้งสามอย่างต้มนานใช้เวลามาก ด้วยเคล็ดลับของนางคนเดียวในหนึ่งวันช่วยพวกเขาทุ่นแรงไปได้ครึ่งวัน ไม่ว่าใครเข้าไปสอบถามด้วยความสงสัยสนมน้อยนางนี้ล้วนตอบด้วยน้ำเสียงอธิบายนุ่มๆ ด้วยถ้อยคำเข้าใจง่ายไม่มีความเย่อหยิ่งอย่างนายหญิงทั้งหลายเป็นกันเลยแม้แต่น้อย เมื่อมีคนจงใจหาเรื่องก็ได้รับเพียงรอยยิ้มบางๆ ราวกับคนผู้นั้นแค่บังเอิญมิได้เจตนา


            ฟังว่าตำรับหม้อไฟที่เลือกทำนั้นใช้เวลาและความทุ่มเท ร่างเล็กๆ นั้นคอยพัดคุมไฟด้านหน้าเตาร้อนๆ ด้วยท่าทีสบายๆ บ้างก็หยิบตำราธรรมขึ้นมาอ่าน ผ่านมาสองวันแล้วที่การคงอยู่ของหญิงสาวหน้ากากทองกลายเป็นภาพจำ


            ซ่างกวนฝูมี่ - ซ่างกวนเหม่ยเหริน ดูภายนอกแขนบอบบางไร้เรี่ยวแรงนั้นไม่น่าทำอะไรได้นอกจากร่ายรำเรียกความสนใจจากฝ่าบาท หากทว่าเมื่อรายการอาหารจานแล้วจานเล่าปรุงเสร็จออกมาผู้คนในกองห้องเครื่องล้วนต้องมองนางใหม่


            “ ท่านฝูมี่.. หม้อนี้ตุ๋นมาสามวันแล้วนะเจ้าคะท่านบอกพวกเราได้ไหมว่าทำสิ่งใดกันแน่ถึงใช้เวลานานยิ่ง ” ชุนเถาเมื่อเสร็จงานในตำหนักเว่ยหยางก็จะวิ่งมาวนเวียนอยู่รอบๆ นางสนองพระโอษฐ์ผู้อบรมตน นางเป็นคนหูตาไวเชื่อว่าคอยหมั่นเรียนรู้จากอีกฝ่ายย่อมเกิดผลดีต่อตนเองในสักวัน


            เนตรกวางคู่หวานมองตามอีกฝ่ายพบว่าเป็นหม้อดินใบนั้นที่ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวอยู่สามวันสามคืน ไม่ผิด หม้อนี้นางลงแรงไปมากทั้งสิ่งวิเศษจากขุนเขา ธรณี และมหาสมุทรวัตถุดิบทุกชนิดกำลังผสานกันอย่างลงตัว นางเป็นผู้ที่มีนิสัยหนึ่งประการคืตัดสินใจว่าจะลงมือทำแล้วต้องตั้งใจให้ออกมาดีที่สุดไม่เช่นนั้นก็อย่าริเริ่มแต่แรก


            “ สิ่งนี้หรือ? คือหม้อไฟแปดเซียน.. ข้าลองปรับสูตรดูเล็กน้อยใส่สมุนไพรกลิ่นหอมลงไปรออีกสักสองชั่วยามก็ได้ที่แล้วเรามาดูผลกันนะ ” ดรุณีผิวอ่อนตอบยิ้มพลางพลิกหน้าตำราอนุตรธรรม


            “ หม้อไฟแปดเซียน!! ฝูโช่วฉวนที่ทำยากแสนยากทั้งยังพันตำลึงหาทานไม่ได้นั่นน่ะหรือเจ้าคะ ?” 


            ไม่เพียงชุนเถาเหล่านางในกองต้นเครื่องหันขวับกันมาทั้งหมด พวกเขาควรฉุกใจได้ตั้งแต่ซ่างกวนเหม่ยเหรินถามถึงปลิงทะเล หอยเป่าฮื้อ พร้อมกับกระเพาะปลาแล้วว่าสมควรเป็นตำรับรายการนี้ เพียงแต่.. ลำพังคิดค้นอาหารดัดแปลงสูตรจากสิ่งที่ทำง่ายๆ ไทโฮ่วก็ให้ผ่านแล้ว นางสนมส่วนใหญ่จึงเลือกเอาจากอาหารท้องถิ่นที่เครื่องปรุงวัตถุดิบไม่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก


             คิดอีกแง่ ใครเล่าจะยอมเอาใบหน้าที่ถนอมประทินโฉมอย่างบรรจงมาทนควันทนความร้อนหน้าเตากันนานๆ งานครัวมีทั้งเหงื่อทั้งกลิ่นวัตถุดิบ ทั้งยังล้อมรอบด้วยความร้อน เหล่าคุณหนูธิดาชีวิตนี้บางคนยังไม่เคยย่างกรายเข้าครัว อยากทานอะไรก็ให้คนใช้ไปทำมาทั้งนั้น มีอย่างที่ไหนเลือกความลำบากให้ตนเอง ทำออกมาได้ก็ดีไป หากทำมาแล้วทานไม่ได้วัตถุดิบชั้นเลิศทั้งหลายเสียเปล่าก็รังแต่จะให้โทษตรงกันข้าม


            ไม่เพียงหม้อไฟแปดเซียนที่หลายคนรอชมว่าอีกฝ่ายจะทำออกมาได้ดีสักแค่ไหน งานหินงานยากนี้ฝูมี่ยังเพิ่มตำรับเจียงหนานอีกสามสี่อย่างที่แม่ครัวใหญ่เนี่ยเห็นแล้วต้องถามย้ำว่าจะทำจริงๆ หรือ รายการง่ายๆ ใช้เวลาน้อยดูจะขาดความท้าทายสำหรับนาง.. เด็กสาวผู้นั้นตั้งอกตั้งใจคัดแยกบุปผาแห้งนับสิบชนิด มีทั้งดอกยู่จินเซียง ดอกกุ้ยฮวา ดอกจวี๋ฮวา ดอกไหว และดอกไม้ในฤดูกาลนี้นำมามัดเข้าด้วยกันราวกับจัดช่อ ปั้นเป็นก้อนเล้กๆ ใช้ผ้าขาวบางรัดจนแน่นทิ้งไว้แบบนั้นแล้วผึ่งแดด เมื่อนำมาชงกับน้ำร้อนกลายเป้นบุปผาผลิบานในถ้วยกระเบื้อง ไม่ผิดแน่คือ 'กงอวี้ฮวาฉา' หรือคือชาร้อยบุปผาเลื่องชื่อในเหลาชื่อดังฟังว่าร้อยตำลึงยังยากเสาะหามาทาน


            พวกเขาเฝ้ามองนางเตรียมตั้งแต่ ‘หม้อไฟแปดเซียน’ ล้างของทะเลโดยการลวงในน้ำขิง สิ่งนี้ไม่ใคร่มีคนกระทำเมื่อใช้น้ำส้มสายชูดับคาวได้ดีกว่า จนเมื่อลองคิดตามว่าขิงสามารถดับคาวและเพิ่มความหอมให้วัตถุดิบได้พร้อมกันต้นเครื่องถึงกับจดจำนำไปใช้ คำว่าความพิถีพิถันของคนครัวให้สังเกตตั้งแต่ตอนเตรียมวัตถุดิบ ฝูมี่รวบผมด้วยปิ่นดอกเส่าเย่าแล้วโพกทับอีกทีด้วยผ้าโปร่งไม่มีเส้นผมนางสักเส้นหล่นลงไปในอาหาร การล้างไก่ยังล้างหลายน้ำเสียจนสะอาดไร้เลือดไร้กลิ่นคาว ลวงเครื่องทั้งหมดจจังหวะเตรียมน้ำแกงก็คล่องแคล่วเสมือนผู้ที่เข้าออกครัวเป็นงานประจำ

            การตุ๋นหม้อไฟแปดเซียนฟังเหมือนโยนทุกอย่างใส่ลงหม้อไปเคี่ยวนานๆ แต่ความจริงแล้วเปล่าเลย ตำรับนี้ผสานรวมทั้งการนึ่ง ต้ม เคี่ยว และตุ๋นเอาไว้ด้วยกัน นางรองโถดินเผาด้วยสมุนไพรบำรุงสุขภาพหลายชั้นนำเขากวางอ่อนฝานเพิ่มจากตำรับลงไปด้วยเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เรียงไก่ดำ กระเพาะปลา หูฉลาม หั่นเนื้อเอ็นหอยกับหน่อไม้หวานโปะไว้ด้านบนตามด้วยเห็ดหอมและปลิงทะเลด้านบนโถนั้นจัดเรียงอย่างสวยงาม ไม่ลืมใช้เก๋ากี๋หนึ่งกำมือโปรยลงไปและใช้ใบบัวครอบก่อนปิดฝา ใช้ไฟอ่อนคอยคุมไม่ให้ดำรอน้ำแกงผสานเข้าไปขับเคลื่อนรสธรรมชาติของวัตถุดิบเคี่ยวมาได้สามวันแล้ว


            “ แล้วทางด้านนั้นล่ะเจ้าคะ มีกลิ่นดอกไม้ออกมาด้วย? ท่านฝูมี่หมักสิ่งใดไว้กันนะ ? ” ชิงเถาชี้ไปที่โถดินเผาอีกใบรอบปิดผนึกยังไม่ดึงออกก็ส่งกลิ่นหอมหวานออกมาแล้ว


            สุรานี้คือความภาคภูมิใจของฝูมี่เกิดจากนางอ่านตำราชีวประวัติเซียนท่านหนึ่งแล้วสมองโลดแล่น ฟังว่ามีการหมักสุราดอกท้อในยุคโบราณใช้เวลาอยู่หลายปีสืบหาวิธีปรับสูตร ลองผิดลองถูกนับสิบหนจนได้วิธี เก็บดอกท้อสดใหม่มาพรมด้วยน้ำผึ้งดอกท้อจากนั้นหล่อด้วยสุราไป๋จิ่ว(เหล้าขาว) ปิดผนึกไว้ราวเดือนหนึ่งเป็นใช้ได้ ยิ่งหมักบ่มนานก็ยิ่งใสและให้กลิ่นหอมหวน


            “ สุราดอกท้อน่ะ สองปีก่อนดอกท้อผลิบานทั่วลั่วหยางข้าเห็นแล้วเสียดายเลยเอามาหมักสุราก่อนเข้าวังหยิบติดมือมาด้วย สุรานี้ไม่แรงมากยิ่งดื่มก็ยิ่งบำรุงผิวพรรณเหมาะทานกับขนมบัวหิมะเป็นที่สุด ฝั่งนั้นกวนถั่วใกล้เสร็จพอดีเราไปปั้นขนมบัวหิมะกันต่อเถอะ ”


            กล่าวจบจึงลุกขึ้นไปหานางกำนัลอีกสองนางที่ปันแรงมาช่วยตนกวนถั่วเปลือกแข็งชนิดต่างๆ ฝูมี่ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียวเข้ากับนมแพะแทนน้ำ นางเคยใช้นมถั่วเหลืองแทนในช่วงเทศกาลกินเจก็ให้รสชาติละมุนไปอีกแบบ ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลเมื่อกดลงบนพิมพ์ไม้ลวดลายมงคลก็มีทั้งใส้เกาลัด ใส้ถั่วเขียว ถั่วแดง โรยแป้งข้าวข้าวเล็กน้อยไม่ให้ติดพิมพ์เมื่อเคาะออกมามีหลากหลายสีสันจากน้ำดอกไม้พอจัดใส่จานรวมกันยิ่งน่าทาน


            หลังกัดไปหนึ่งคำพริ้มดวงตาเปี่ยมสุขแป้งนุ่มๆ ของขนมบัวหิมะมีรสอ่อนตัดกันกับใส้ละมุนลิ้นเพียงพอให้คนทานมีความสุข เมื่อมีของอร่อยนางแจกจ่ายเหล่าลูกมือไม่เคยคิดหวง


            “ ข้าแบ่งไว้สำหรับถวายสองตำหนักแล้ว ส่วนนี้ทุกคนแบ่งกันทานได้นะ อย่าลืมนำกลับไปฝากเพื่อนพ้องของพวกเจ้าด้วยล่ะ ”


            “ ขอบคุณท่านฝูมี่เจ้าค่ะ งั้นพวกข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!! ” ใครว่าต้นเครื่องเจอของอร่อยจนมีภูมิต้านทาน คนอยู่ใกล้ของกินรสเลิศแต่ทานไม่ได้นี่สิพ่านแพ้ได้ง่ายยิ่งกว่า


            ถัดจากของหวานคั่นเวลาผู้สวมหน้ากากทองก็กลับมาทำ ปลาเปรี้ยวกับลูกชิ้นหัวสิงห์ ต่อ ด้วยเป้นตำรับโปรดที่ตามมารดาเข้าครัวแต่ยังเล็ก แม้หลับตาฝูมี่ยังสามารถผสมและนวดเนื้อหมูสับผสมเครื่องปรุงออกมาได้กลมเท่ากันทุกลูก บางคนผสมเนื้อสัตวืหลากหลายลงไปตามแต่หาได้สำหรับคนแกล้มกลมที่ยังติดวิสัยการกินแบบเด็กๆ ชอบใช้เนื้อหมูและกุ้งสับเพื่อความนุ่มเด้งของตัวลุกชิ้น ปั้นเสร็จแล้วหย่อนลงน้ำซุปเข้มข้นตุ๋นจนสุกดีพักใส่ชามไว้ ผสมน้ำซุปเข้ากับซอสถั่วดำเคี่ยวจนงวดได้ที่นำมาราดลงลูกชิ้นให้เคลือบทั่วจัดใส่จานพร้อมป๊วยเล้งลวกสีเขียวสด


            “ ลูกชิ้นหัวสิงโตนี่นา? ตำรับอาหารเจียงหนานไม่ได้เห็นในวังหลวมานานแล้ว ลูกกลมสวยน่าทานจริงๆ ”


            ต้นเครื่องสาวชื่นชมอยู่ในทีเรื่องของรสชาติแต่ละคนอาจชื่นชอบแตกต่างกัน แต่ในเรื่องความสวยงามมองปราดเดียวก็รับรู้ได้ถึงความใส่ใจ ไม่ทันไรก็เห็นทักษะการใช้มีดโค้งบั้งปลาเป็นลลวดลายตารางความชำนาญสูงมาก ใจต้องเด็ดเดี่ยวไม่ลังเล ด้วยบั้งผิดหนึ่งแถวเท่ากับเสียปลาตัวนั้นไปเลยเริ่มทำใหม่ทั้งหมด ดูแล้วสนมเหม่ยเหรินท่านนี้จะถนัดอาหารเจียงหนานเป็นพิเศษทั้ง


            ฝูมี่คลุกปลาที่ขอดเกล็ดบั้งเสร็จแล้วกับแป้งลงทอดตอนน้ำมันร้อนๆ จนเนื้อเปลี่ยนสีทองสวย กลิ่นหอมน้ำมันกำจายไปทั่วห้องเครื่องเมื่อนำขึ้นมาตัวของปลามีเกล็ดฟูมองแล้วคล้ายลายดอกไม้ ราดซอสเปรี้ยวหวานตามลงไปได้ยินเสียงเฉพาะก็ยิ่งน่าทาน


            ‘จริงสิ เหมือนว่าเมื่อเช้าขันทีน้อยบอกว่ามีกุ้งสดพึ่งเข้าวังมานี่นา..’


            รู้ดังนั้นผู้มีใจใฝ่การครัวก็ไม่รอช้าจวนซ่างกวนเมื่อทานอาหารถือคติมีครบทุกรส หากมีจ้านรสจัดต้องมีจานที่รสอ่อนนับเป็นอาหารสุขภาพ วันก่อนฝูมี่ขอปันใบชาหลงจิ่งมาจากพี่ชายนางเริ่มทำตำรับอาหารเจียงซูที่ความซับซ้อนน้อยสุดอย่าง ‘กุ้งผัดชาหลงจิ่ง’ เริ่มจากกระตุ้นใบชาด้วยน้ำร้อน ระหว่างนั้นล้างกุ้งแล้วแช่ในชาหลงจิ่งจงเข้มราวหนึ่งเค่อ ตั้งกะทะพอร้อนนำลงผัดปรุงรวด้วยเกลือและพริกไท นางไม่ใส่น้ำตาลด้วยกุ้งนั้นสดและมีความหวานในตัวอยุ่แล้ว ปิดขึ้นจากกะทะโปรยใบชาลงไปเพื่อตกแต่งเป็นจานเดียวที่ทำง่ายและรวดเร็วเน้นรสโดยธรรมชาติของวัตถุดิบ


            ฝูมี่ขลุกอยู่ในครัวค่อนวันเงยหน้าขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดสิ่งที่นางเฝ้ารอคอยท้ายสุดก็มาถึง


            “ ดูเหมือนหม้อไฟแปดเซียนจะได้ที่แล้ว.. ตื่นเต้นจัง ”


            เพียงเปิดผนึกหม้อดินเผาออกก็เกิดความวุ่นวายขึ้นรอบบริเวณ นอกจากปลิงทะเลที่ตุ๋นจนเงาใสวัตถุดิบอื่นยังแข่งกันส่งพลังทำลายล้างยากต้านทาน กลิ่นของน้ำซุปในตำนานหอมหวนขจรออกไปสะกดผู้คนและเหล่าสนมกำนัลที่ยังคงไม่หลับใหลในละแวกนั้นให้พิศวงเกิดน้ำลายสอ


            “ ห้องเครื่องหลวงปรุงอันใดในเวลานี้ ช่าง.. หอมเหลือเกิน”


            “ โอ้.. หอมยิ่งนัก ข้าพึ่งกินข้าวไปนี่นาทำไมหิวอีกแล้ว!! ”

            

            “ หอมหวนจริงๆ ไปดูสิว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดพอจะปันมาให้ข้าได้รึไม่ ขอสักคำเล็กๆ ก็ยังดี!! ”





1

หม้อไฟแปดเซียน

https://i.imgur.com/aOr5SA1.png

<b><font color="#d12e05">'เร่งไฟให้หอมฟุ้งจรุงซ่าน สมณะละฌานกระโดดกำแพง'</font></b>  หม้อไฟแปดเซียนมีชื่อเดิมว่า ‘ฝูโช่วฉวน 福寿全’ (อายุมั่นโชคมั่งมี) หรือเป็นที่รู้จักทั่วโดยไปว่า “พระกระโดดกำแพง” เป็นหนึ่งในสุดยอดตำรับอาหารบำรุงร่างกายจากแดนใต้ที่ว่ากันว่ารวบรวมเอาวัตถุดิบชั้นเลิศมาเคี่ยวและตุ๋นรวมกันนานนับวันใช้ทั้งทักษะและความพิถีพิถันของพ่อครัวจนมีราคาสูงลิ่ว วัตถุดิบหลักพื้นฐานจะมีหูฉลาม ไก่ดำ ปลิงทะเล เป๋าฮื้อ กระเพาะปลา เห็ดหอม ถั่งเช่า เก๋ากี้ โสม ฯลฯ  ชื่อแรกสุดของเมนูนี้ เรียกกันว่า “หม้อไฟแปดเลิศล้ำ  坛烧八宝 (ถานเชาปาเป่า)” คือรวมเอาสารพัดวัตถุดิบวิเศษไว้ในหม้อเดียวกัน การเปรียบเปรยว่า ทั้งกลิ่นที่หอมหวล และรสอันเลิศล้ำของอาหารนี้ อย่าว่าแต่เปุถุชนคนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นนักพรตที่เจริญสติแก่กล้านั่งฌานอยู่ ยังต้องสมาธิแตกซ่านกระโดดข้ามกำแพงมาขอชิม


2

ลูกชิ้นหัวสิงห์

https://i.imgur.com/C4WvQlR.png

<b><font color="#00AA00">'ลูกชิ้นแห่งความสุขสราญใจ หลงใหลในเจียงซู'</font></b> ซือจึโถว หรือ หัวสิงโต หลึ่งในอาหารขึ้นชื่อของหวยหยางทางตอนใต้ ทำมาจากหมูสับติดมันนำไปหมักเครื่อง ปั้นเป็นลูกกลมๆ ลูกโตๆ นำไปทอด จากนั้นตุ๋นกับผักกาดขาวหรือราดน้ำซอสแดง บางท้องที่ใช้ผักก้านเขียวแทนผักกาด ซึ่งผักนี้แทนแผงคอสิงโตที่มีสีขาวและสีเขียวราวหยกต้มให้เปื่อยนุ่มเช่นเดียวกับต้มจับฉ่ายเป็นอาหารที่ทำไม่ยากและอร่อยมาก เรื่องเล่าว่าจักรพรรดิ์ได้พบหุบเขาหนึ่งเต็มไปด้วยดอกทานตะวันบานสะพรั่งงดงาม จึงมีบัญชาให้พ่อครัวหลวงคิดค้นอาหารที่ทำให้พระองค์รำลึกถึงดอกทานตะวันในหมู่บ้านนั้น แล้วเชฟก็สร้างสรรค์ดอกทานตะวันเบ่งบานในชามมาให้ ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ความหมายมงคล ภายหลังก็ได้รับความนิยมไปทั่วดินแดนไม่แค่เฉพาะแถบเจียงหนานแทบทุกโรงเตี้ยมชั้นนำบรรจุไวในรายการ

3
ปลาเปรี้ยวหวาน

https://i.imgur.com/xlvMXSb.png

<b><font color="#e48825">'ซงฉู่กุ้ยอวี่ • ปลากระรอก'</font></b> ปลาทอดราดซอสเปรี้ยวหวานเป็นหนึ่งในสิบตำรับเลื่องชื่อแดนเจียงหนานมีวิธีการเตรียมและปรุงต่างกันออกไปตามตำรับท้องถิ่น ใช้ความชำนาญของพ่อครัวค่อนข้างสูงไม่ว่าจะเป็นเตรียมหมักซอส เตรียมปลาไว้ในโอ่งดินสองวันเพื่อขับของเสียและลดกลิ่นดิน ตลอดจนถึงทักษะการใช้มีดบั้งลวดลายบนตัวปลาก่อนนำลงไปทอด ที่ขึ้นชื่อคือปลาเปรี้ยวหวานซีหูที่ใช้ซีอิ๋วดำมาทำซอสเปรี้ยวหวาน และต้นตำหรับอย่างปลาเปรี้ยวหวานซานซีที่เน้นน้ำส้มสายชูของขึ้นชื่อจากท้องที่ จานนี้นอกจากความชำนาญการบั้งหั่นเนื้อปลาให้เป็นชิ้นแบบดอกไม้เมื่อนแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือเสียงขณะราดซอสเปรี้ยวหวานลงบนปลา จะได้ยินเสียง "จี๋ จี๋ จี๋" ของ "กระรอก" จึงมีอีกชื่อว่าปลากระรอก
4

กุ้งผัดชาหลงจิ่ง

https://i.imgur.com/LA9CFyt.png

<b><font color="#00AA00">'หลงจิ่งเซียเหริน'</font></b> ลักษณะเด่นคือใช้กุ้งแม่น้ำที่ปอกเปลือกทั้งหมด ผัดกับชาหลงจิ่งที่เก็บในช่วงเทศกาลชิงหมิง แช่กุ้งสดในน้ำชา ราวหนึ่งเค่อมีคำแนะนำว่าควรใช้ชาเข้มสักหน่อย เพราะหลังจากนำไปคั่วแล้วจะได้มีกลิ่นชาติดอยู่ จากนั้นนำไปคั่วหรือผัดในกระทะ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล พริกไทย ตามชอบ บางสูตรอาจไม่ใส่น้ำตาลเนื่องจากเนื้อกุ้งสดหวานอยู่แล้ว เล่ากันว่าในอดีตหวงตี้เสด็จมายังเจียงหนานเป็นการส่วนพระองค์แล้วติดฝน จึงเข้าหลบฝนในบ้านชาวนาที่อยู่ใกล้ภูเขาหลงจิ่ง ได้เสวยชาหลงจิ่ง และทรงพอพระทัยในรสชาติชาก่อนจากไปนั้นชาวนาจึงมอบห่อชาหลงจิ่งให้ด้วย ถึงตอนเย็นเสด็จไปโรงเตี้ยมขึ้นชื่อและได้สั่งผัดกุ้งพร้อมนำใบชาหลงจิ่งที่ได้มาให้เสี่ยวเอ้อร์ช่วยชง ตอนรับชาเผอิญเหลือบเห็นฉลองพระองค์ที่มีลายมังกรที่สวมอยู่ข้างๆ รีบเข้าไปแจ้งให้เจ้าของร้านที่กำลังทำกับข้าวอยู่ เจ้าของร้านได้ยินตกใจลนลานเป็นการใหญ่ พลาดหยิบเอาชาหลงจิ่งที่เสี่ยวเอ้อร์ถือคิดว่าเป็นต้นหอมจับใส่ในกุ้งที่กำลังผัดอยู่แล้วรีบนำออกไปถวาย หวงตี้ได้กลิ่นหอมของชาหลงจิ่ง รีบคีบกุ้งผัดชาหลงจิ่งมาชิม แล้วทรงออกปากชื่นชมอย่างมากว่าอร่อยเป็นพิเศษ ตั้งแต่นั้นมา "กุ้งผัดชาหลงจิ่ง" ก็กลายเป็นอาหารเจียงหนานที่มีชื่อเสียงอย่างหนึ่ง

5
ขนมบัวหิมะ
https://i.imgur.com/EgTPYIf.png

<b><font color="#00AA00">'ขนมปิงผีเยว่ปิ่ง'</font></b> เรียกอีกชื่อว่าเป็นขนมไหว้พระจันทร์แบบนุ่ม ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมแป้งข้าวเจ้าใส่นมสดลงไปเพื่อความชุ่มชื้น แป้งหุ้มใสบางจนแทบจะโปร่งแสงมีรสหวานกลมกล่อมและหอมละมุน ลวดลายบนหน้าขนมคล้ายเยว่ปิงแต่แป้งจะนุ่มหนึบกว่าไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก จึงเป็นที่ชื่นชอบทั้งในหมู่เด็กๆ สตรี รวมไปถึงคนชรา มีการปรับสูตรใส้ด้านในหลากหลาย ทั้งเผือกกวน เกาลัด ไป๋กั่ว ถั่วกวน ไข่เค็ม หรือแม้แต่ใส้งา หากเป็นขนมบัวหิมะชาเขียวมักจะถูกเรียกว่า <b>ขนมแก้วมรกต</b> ชาวฮั่นนิยมทำทานในวันไหว้พระจันทร์เพื่อทานคู่กับน้ำชาในครอบครัวหรือใช้รับรองแขกสำคัญ จัดเป็นของฝากชั้นเลิศมีราคาแรงเพราะตัวขนมต้องทำสดทานสดมีอายุการเก็บรักษาได้ไม่นานนัก

6
ชากงอวี้ฮวา

https://i.imgur.com/1ma3Kuc.png

<b><font color="#DF002F">'ชาหอมดอกไม้บาน ฤดูกาลล่องลอย เฝ้าคอยหิมะมลาย คล้ายได้พบรอยยิ้มคนไกล'</font></b> ไม่ระบุแน่ชัดถึงที่มาเดิมเป็นการใช้ใบชาผสมผสานกับกลิ่นและรสของดอกไม้ ต่อมาการใช้ฝีมือจัดสรรตกแต่งและบังคับชาให้ออกมาตามใจต้องการคล้ายงานศิลปะที่ได้ชื่นชมขณะดื่มชา สืบเนื่องจากการเอาชามาอบร่วมกับดอกไม้เพื่อเอากลิ่น และถูก <b>โรงเตี้ยมซุ่ยเมิ่งเซียนหลิน<b> แห่งเจียงหลิง พัฒนาคุณภาพให้ปราณีตขึ้นนอกจากกลิ่นแล้วยังได้ความสวยงามอีกด้วย ดอกไม้ที่นิยมนำมาทำชาแบบนี้มีมากมายไม่ต่ำกว่า 40 ชนิด ล้วนนำสรรพคุณตามตำราแพทย์สีแต่ละสีจะเข้าไปบำรุงร่างกายในแต่ละจุด ช่วยบำบัด กำจัด และเสริมสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและขับพิษ สลายพิษ ความเชื่อพื้นฐานเหล่านี้ได้ถูกพัฒนามาใช้กับการทำชาดอกไม้บาน ใช้ยอดชาสีเขียวที่ยังตูมอยู่นำมามัดรวมกันเป็นฐานแล้วค่อยจัดการเรื่องดอกไม้จะเป็นโม่ลี่ฮวา กุ้ยฮวา บานไม้รุ้โรย หรือดอกไม้ทานได้ชนิดต่างๆ ลักษณะก้อนของชาดอกไม้บานที่ดีตัวก้อนเองจะต้องเป็นรูปร่างสวย ถูกมัดมาแน่น ไม่เปื่อย ยุ่ย เละ แห้งแตกสลาย ใบชาที่ห่อเอาไว้ไม่เหลือง ไม่เปราะ สีชาจะต้องออกเขียวอ่อน พอจะเห็นดอกไม้ที่ถูกหุ้มอยู่ให้สังเกตว่าดอกไม้ชนิดนั้นยังคงสีสันดั้งเดิมของมันเอาไว้ ชาพวกนี้เมื่อถูกน้ำร้อนดอกไม้จะบานออกในถ้วยตามการจัดอย่างงดงาม กลิ่นจะนำมาก่อน หอม สดชื่น ดื่มแล้วปรับสมดุลร่างกายได้ถือเป็นยาอย่างหนึ่ง
7

สุราดอกท้อ

https://i.imgur.com/h63X6A9.png

<b><font color="#ffc0cb">'สายลมจันทราหวนรสเมรัย หน้าน้ำใสความนัยไม่กระจ่าง หวั่นไหว...เมามายในป่าท้อ'</font></b> ท้อเป็นสัญลักษณ์ ของการมีอายุยืนยาวเกี่ยวข้องกับ การกับการป้องกันสิ่งชั่วร้ายถ้าดอกท้อบานในระหว่างการฉลองวันปีใหม่หมายถึง ปีต่อไปจะเป็นปีของโชคลาภและดอกท้อยังใช้ประดับตกแต่ง ภายในบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล ป้องกันสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย ในระหว่างเทศกาลชิงหมิงเป็นช่วงเวลาที่ดอกท้อตูมยังไม่บานให้เก็บดอกท้อมาหมักกับน้ำผึ้งและเหล้าขาว ปรุงด้วยป๋ายจื่อทิ้งไว้ 30 วัน ทุกวันเช้าเย็น ให้ดื่มคราวละนิด ในขณะเดียวกันให้เทเหล้า ลงบนฝามือแล้วใช้มือทั้งสองข้างถู จนกระทั้งรู้สึกว่าฝามือร้อน แล้วถูบริเวณใบหน้า ที่เป็นฝ้า กระดำ และรอยหมองคล้ำกรรมวิธีนี้ นับเป็นการรักษาผิวพรรณที่เห็นผลอีกวิธีหนึ่ง สุราดอกท้อเป็นสุราเพื่อความงาม เนื่องจากมีตำนานเล่าขานถึงนางฟ้าชื่อ ตงซวงเฉิง ตำนานเล่าว่าครอบครัวตงปลูกต้นท้อในป่า มองดูราวกับแดนสวรรค์ วันหนึ่ง ตงซวงเฉิงหมักสุราดอกท้อ สุราสีใส รสชาติกลมกล่อมกลิ่นหอมลอยไกลหลายลี้ ผู้คนต่างน้ำลายสอ ยิ่งได้ลิ้มลองก็ประทับใจไม่รู้ลืม




รวม 7 รายการ

ครบ ชา สุรา ผัด ทอด น้ำแกง ต้ม ขนม ของว่าง

 สวมวิญญาณแม่ครัวเอกแห่งฮั่นกลับมาทวงบัลลังค์แล้วค่ะ!!

ชาดอกไม้ไม่ใส่ใบชา มันต้องได้สิ!

คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี เอฟเฟคพรสวรรค์ลาภลอย : มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


@Admin 

        








แสดงความคิดเห็น

คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง)  โพสต์ 2024-7-29 01:38
(อาหารไม่ได้รับ เป็นอาหารเควสความสัมพันธ์ได้ตามที่แจ้ง) (ลูกชิ้นหัวสิงห์ หวงตี้ประทานให้คุณทาน ได้รับ 1 จาน)  โพสต์ 2024-7-29 00:35
ไท่โฮ๋วบอกให้คุณนำ ลูกชิ้นหัวสิงห์ / ปลาเปรี้ยวหวาน / ขนมบัวหิมะ ไปถวายหวงตี้ ความโปรดปรานจากหวงตี้+35 แต้ม   โพสต์ 2024-7-29 00:34
ไท่โฮ่วชิม กุ้งผัดชาหลงจิ่ง และ หม้อไฟแปดเซียน ความโปรดปรานจากไท่โฮ๋ว+35 แต้ม   โพสต์ 2024-7-29 00:33
(เอฟเฟคตอนถวายให้แนบตามเม้นต์ต่อไปนี้)  โพสต์ 2024-7-29 00:32

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
พู่กันคัดอักษร
แหวนดาราจรัส(D)
ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)
กระบี่คู่สลักจันทรา
ลาภลอย
หน้ากากอำพรางภูต
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x20
x20
x3
x90
x110
x2
x2
x120
x10
x1
x1
x1
x1
x30
x4
x20
x5
x5
x2
x13
x1
x4
x2
x2
x4
x29
x7
x1
x30
x5
x22
x8
x3
x2
x5
x6
x1
x1
โพสต์ 2024-7-29 23:37:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบเก้า ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามซื่อ (10.00 น.)




     ด้วยความที่ว่าการทำอาหารนั้นมักจะต้องถวายแด่องค์ไท่โฮ่วซึ่งมีไป๋หรั่นเจี่ยเจียพักอาศัยอยู่เป็นการชั่วคราวตลอดการไต่สวนในครานี้ นางที่ไม่ใช่ผู้ชมชอบการทำอาหารหรือขนมมากมายไปนอกจากการหาทำในสิ่งที่นางอยากรับประทานจริง ๆ จำต้องลงแรงเพื่อหาโอกาสสื่อสารแลฝากขนมพวกนี้ให้เจี่ยเจียของนาง

  เอาเป็นว่า อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจแหละว่าไป๋หรั่นเจี่ยเจียจะไม่อดตาย

  เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ตื่นมาเข้าครัวเสียตั้งแต่กลางยามซื่อนั้นคงการกระทำเช่นเดิมอย่างการเข้ามาแล้วบอกให้ข้าหลวงในห้องเครื่องกระทำในสิ่งที่เหมาะควรของตนเองต่อไปและเรียกเพียงแค่คนสอนคนมาช่วยเหลือตระเตรียมวัตถุดิบที่นางหาไม่เจอบ้างแล้ว

   วันนี้นางหมายมั่นจะทำ เป็ดปักกิ่ง หลี่โต้วเกา(ขนมโก๋ถั่วเขียว) กุ้ยฮวาเกา(ขนมกุ้ยฮวา) ชิงถวน และ หลงซูถัง(ขนมหนวดมังกร) สิ่งที่เน้นหนักในครานี้จงเป็นน้ำตาลกับแป้งเสียส่วนใหญ่

   “พวกเจ้ามีนามว่ากระไร”

   “เรียนพระสนม ผู้น้อยมีนามว่า ถิงเอ๋อร์ ส่วนนี่ ไฉเอ๋อร์”

   “เช่นนั้นถิงเอ๋อร์ ไฉเอ๋อร์ ช่วยข้าทำขนมหวานที”

   นางกำนัลทั้งสองเอ่ยขานรับคำจากพระสนมก่อนจะแบ่งสรรหน้าที่ให้เรียบร้อย แป้งถูกชั่งตวงให้เสร็จสรรพสำหรับการทำขนมทั้งหลาย ส่วนเหลียนฮวารับหน้าที่ทำของโปรดอย่างเป็ดปักกิ่งเอง มือเรียวบรรจุหั่นวัตถุดิบทั้งหลาย หมักเป็ดให้ได้ที่แล้วนำไปอบ ช่วงเวลานี้เองที่รอทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เดินไปช่วยเหลือถิงเอ๋อร์ปั้นแป้ง ส่วนไฉเอ๋อร์ช่วยกวนไส้ของชิงถวนและหลงซูถัง

   และส่วนสำคัญที่สุดในวันนี้คือการยืดก้อนน้ำตาลคลุกกับแป้งถั่วให้กลายเป็นเส้นไหมหวาน ๆ ราวกับหนวดมังกร ซึ่ง…

   ใครทำเก่งก็ทำเสีย นางยืนให้กำลังใจก็พอ

   ใช้เวลาราวชั่วยามได้จึงทำเสร็จสิ้นพอดี ได้ฤกษ์ยกไปถวายแด่ไท่โฮ่วตอนเที่ยงพอดิบพอดี





รูปภาพ:
https://i.imgur. com/E53i28v.png
ชื่ออาหาร: เป็ดปักกิ่ง
ประเภทอาหาร: อาหาร
รายละเอียดอาหาร: “เป็ดปักกิ่ง” หรือ “เป่ยจิงเค๋ายา (北京烤鸭)” เมนูประจำต้าฮั่นอันยิ่งใหญ่ที่รับประทานในรูปแผ่นหนังเป็ดบางกรอบมาพร้อมแผ่นแป้งบางสำหรับห่อ ตามด้วยซอสหวานและเครื่องเคียงอย่าง ต้นหอม โดยจะใช้เฉพาะส่วนหัวที่เป็นสีขาวนำมาซอยเป็นเส้น คู่กับแตงกวาปอกเปลือกหั่นเป็นแท่ง หนังเป็ดจะต้องแล่ออกเป็นแผ่นบางตอนร้อน ๆ ยิ่งหากลงจากเตาใหม่ ๆ จะช่วยให้แล่ง่ายขึ้นและได้เป็นชิ้นสวยงาม

รูปภาพ:
https://i.imgur.com/ mw6pk88.png
ชื่ออาหาร: หลี่โต้วเกา
ประเภทอาหาร: ขนม
รายละเอียดอาหาร: “ขนมโก๋ถั่วเขียว” หรือ “หลี่โต้วเกา (绿豆糕)” ขนมไหว้พระจันทร์ของชาวต้าฮั่นมาแต่ช้านาน ทำจากถั่วเขียวซีกนึ่งแล้วยีให้ร่วนซุย แล้วใช้แม่พิมพ์อัดให้เป็นก้อนแล้วแกะสลักสวยงาม บ้างก็เป็นแป้งล้วน บ้างก็มีไส้ทุเรียนกวอยู่ภายใน

รูปภาพ:
https://i.imgur.com/ y8N7aMK.png
ชื่ออาหาร: กุ้ยฮวาเกา
ประเภทอาหาร: ขนม
รายละเอียดอาหาร: “ขนมกุ้ยฮวา” หรือ “กุ้ยฮวาเกา (桂花糕)” เมื่อมีกวีผู้หนึ่งนามว่า หยางเฉิน ฝันว่าได้ไปเยือนดวงจันทร์ ในความฝัน เขาเห็นพระราชวังอันงดงามและต้นกุ้ยฮวาขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นหอมหวาน เขาหยิบมันขึ้นมาและนำมันกลับมาด้วย เป็นแรงบันดาลใจให้ครัวหลวงเกิดคิดอยากทำการรวบรวมดอกกุ้ยฮวาสด นำมันมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย รวมถึงสกัดเป็นน้ำตาล และผสมกับข้าวเหนียวโรยกลีบกุ้ยฮวากลายเป็นขนมหวานแสนหอมหวน

รูปภาพ:
https://i.imgur.com/ WRNpkY1.png
ชื่ออาหาร: ชิงถวน
ประเภทอาหาร: ขนม
รายละเอียดอาหาร: “ขนมชิงถวน 青团” ทำด้วยสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “สู่ชวีเฉ่า” ประกอบกับแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวจ้าว เป็นรูปกลมสีเขียว ใส่ไส้รสชาติต่าง ๆ ปกติจะเป็นไส้งา และถั่วแดง

รูปภาพ:
https://i.imgur .com/rwRr2ol.png
ชื่ออาหาร: หลงซูถัง
ประเภทอาหาร: ขนม
รายละเอียดอาหาร: “ขนมหนวดมังกร” หรือ “หลงซูถัง (龙须糖)” หรือ ขนมไหมฟ้า เส้นแพรไหมทำมาจากน้ำผึ้งกวนกับแป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวโพด, แป้งข้าวเหนียว และข้าวโอ๊ต จากนั้นใช้มือขึงให้เป็นเส้นไหมสีขาวหลายพันเส้น และนำมาคลุกกับไส้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ งาขาว และถั่วลิสง จากนั้นจึงปั้นเป็นก้อนกลมๆ


+50 บารมี  ทำอาหารครับ

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

ไหมฟ้าในโรลเต้จะประทานแบ่งให้คุณ (แจ้งท้ายโรลได้รับขนมไหมฟ้า)   โพสต์ 2024-7-30 14:02
หลังไท่โฮ๋วชิมขนมหลี่โต้วและชิงถวน จะแนะนำให้ถวายหวงตี้ (+35 ความโปรดปราน) เป็ดปักกิ่ง/ขนมกุ้ยฮวา/ไหมฟ้า)   โพสต์ 2024-7-30 14:02
โพสต์ 13719 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-29 23:37
โพสต์ 13,719 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว
(เจียยวี่)
  โพสต์ 2024-7-29 23:37
โพสต์ 13,719 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก กู่เจิง  โพสต์ 2024-7-29 23:37

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-8-4 14:31:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สาม ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ
ปลายยามอู่ (12.30น.)




     ราวกับว่าบัดนี้นางเป็นเจ้าของห้องเครื่องหลวงก็ไม่ปาน เมื่อร่างของสตรีผู้หนึ่งปรากฎขึ้นที่ห้องเครื่องหลว เป็นสตรียศเสียนอี๋ในอาภรณ์ไหมย้อมสีครามทับอาภรณ์ไหมสีขาวย้อมสีหมึกน้ำเงินเข้ม ปักด้ายสีหมึกและขาวเช่นเดียวกันเป็นลวดลายของใบหลิวงามราวกับจรดลากปลายพู่กันแสนนุ่มนวล ทั้งมวลนี้คลุมทับด้วยเสื้อคลุมไหล่ไหมสีดำโปร่ง ปักปิ่นใบหลิวห้อยระย้าเรียบง่ายและงดงาม นางกำนัลภายในห้องเครื่องที่กำลังพักจากการถวายอาหารไปตามตำหนักต่าง ๆ เสร็จสิ้นพลันลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพแด่นางทันใด

   “คาราวะพระสนมเสียนอี๋เพคะ”

   “ลุกขึ้นเถิด อย่ามากพิธี” เว่ยเจียเหลียนฮวายังคงเป็นเช่นเดิมที่เอ่ยบอกผู้คนที่ต้องทำงานให้ทำงานของตน ผู้ใดที่ต้องพักผ่อนก็ไปพัก ก่อนที่นางจะหันไปทางจ้าวหนิงเฟยเพื่อบอกสิ่งที่ต้องการจะทำ “ข้าอยากทำเป็ดเป่ยจิง แล้วก็ตบท้ายด้วยขนมคอเป็ด จ้าวกู่กูช่วยข้าได้หรือไม่ ?”

   “ย่อมได้เพคะพระสนม”

  “เช่นนั้นช่วยข้าเตรียมของที”

   ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าจ้าวกู่กูทดเรื่องที่ต้องเอ่ยเพื่อช่วยเหลือพระสนมปรับตนอย่างเรื่องการใช้สรรพนามแทนตนที่ต้องใช้ให้ชินปากอย่าง ‘เปิ่นกง’ ราวกับย้อนวัยไปครั้นสมัยรับใช้เสียนเฟยรัชกาลก่อน นางก็เป็นเช่นนี้ที่ใจดีกับสาวใช้ทั่วไปจนบางครั้งต้องให้กำชับเรื่องการใช้อำนาจในมือเสียบ้าง เห็นทีกับพระสนมเสียนอี๋ผู้นี้นางเองก็คงต้องช่วยเหลือเช่นกัน จ้าวหนิงเฟยไม่รอช้า ขยับกายคล่องแคล่วหาข้าวของตระเตรียมให้ผู้เป็นนายหญิงแห่งตน

   ภาพที่จ้าวกู่กูแลคล่องแคล่วนี้เองทำเอาเว่ยเจียเหลียนฮวารู้สึกประหลาดใจมิใช่น้อย นางนั้นมาเยือนตั้งหลายคราก็ยังคงต้องให้ถิงเอ๋อร์กับไฉเอ๋อร์(ที่บัดนี้นางบอกให้พักไปเสียไม่ต้องมาช่วยงาน)ช่วยหาของทุกครั้งไป ร่างของพระสนมขยับไปใกล้ก่อนจะเอ่ยถามอย่างนึกใคร่รู้

  “จ้าวกู่กูหาข้าวของคล่องแคล่วยิ่ง ข้ามาตั้งหลายครากว่าจะจำหมด”

   อาจเป็นเพราะไม่ได้เปิดด้วยตนเองทุกครากระมัง กว่าที่นางจะเปิดจดจำเสียครบทั้งหมดเลยต้องใช้เวลาเสียหน่อย จ้าวกู่กูได้ยินเช่นนี้ก็ขบขันเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดูดรุณีผู้เป็นนายก่นอจะหันมาเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม

   “เรียนพระสนม ก่อนที่หม่อมฉันจะเป็นสนมในตำหนักในช่วงแรกที่เข้าวัง หม่อมฉันประจำห้องเครื่องเพคะ”

   “เช่นนี้แล้ว เรื่องปากท้องข้าคงต้องฝากจ้าวกู่กูเสียแล้ว”

   “พระสนมกล่าวเกินจริงแล้วเพคะ”

   แล้วพวกนางก็ช่วยเหลือกันในการทำอาหารและขนมทั้งสองอย่างก่อนที่ในระหว่างนั้นเองสตรีผู้ใตร่รู้จะเดินซนไปเปิดเห็นตู้ใบชาสำหรับเจ้าขุนมูลนายเท่านั้นจึงหยิบมาแลดูเผื่อจะมีชาที่เข้าคู่กับขนมคอเป็ด

   “ไป๋หาวอิ๋นเจินเก่าเก็บราว ๆ ปี ปีหนึ่งเก็บเกี่ยวได้ไม่ถึงสิบชั่ง ชาขาวหนึ่งปีเป็นชาสามปีเป็นยาเจ็ดปีเป็นของมีราคา ของดีเช่นนี้หากไม่ใช้งานคงเสียดายแย่” เหลียนฮวาเอ่ยก่อนจะเดินถือไปหาจ้าวกู่กู “เจ้าสอนข้าชงชาไป๋หาวอิ๋นเจินได้หรือไม่?”

  “ย่อมได้เพคะ”

   แล้วบทเรียนการชงชาก็เริ่มขึ้น เริ่มจากการต้ำน้ำร้อน นำใบชาลงแช่ชั่วพริบตาก่อนจะเททิ้งเป็นการล้างใบชาหนึ่งรอบ ครานี้เทน้ำร้อนใส่ พักไปราว ๆ ไม่ถึงครึ่งเค่อก็รินใส่จอกชาได้ชาขาวหอม นางแอบยกขึ้นจิบลิ้มรสชาก่อนผู้ใดชนิดที่จ้าวกู่กูไม่อาจหักห้ามได้จึงแย้มยิ้มอย่างอ่อนใจ

   “น้ำชาอ่อนโยนนุ่มนวล รสชาติออกหวานไม่ฝาดขม จิบดื่มแล้วชุ่มคอรู้สึกถึงความเย็นชื่นใจอย่างยิ่ง สมแล้วที่เป็นขอดี” เหลียนฮวาเอ่ยชื่นชมใบชาดี ๆ ก่อนจะหันไปแลเห็นสุราเบญจมาศแล้วก็หยิบไหสุราใบเล็กมา  พยักหน้าให้จ้าวกู่กูเพื่อเตรียมไปถวายให้หวงตี้ที่บัดนี้ราว ๆ กลางยามเว่ยแล้วคงกลับตำหนักอ่านราชกิจต่อเป็นแน่ “ไปกันเถิดจ้าวกู่กู”

   “เพคะพระสนม”





รูปภาพ:
h ttps://i.imgur.com/vHbmqAB.png
ชื่อขนม: ขนมคอเป็ด
รายละเอียด: “ขนมคอเป็ด” หรือ “ขนมยาโป๋ถัง (鴨脖糖)” หนึ่งในขนมมงคลไหว้เจ้าอันหมายถึงความหวานที่เพิ่มพูน ความเจริญงอกงาม มีความสุขตลอดปีตลอดไป เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวนุ่มหวานน้ำตาล โรยงาขาวทั่วรอบนอกและมีไข้เป็นถั่วตัดหวานกรุบกรอบมัน ๆ คล้ายกับคอเป็ด

รูปภาพ:
h ttps://i.imgur.com/IoKF2s4.png
ชื่อชา: ชาไป๋หาวอิ๋นเจิน
รายละเอียด: “ชาขาวเข็มเงิน” หรือ “ไป๋หาวอิ๋นเจิน (白毫银针)” เป็นชาที่ถูกเก็บเกี่ยวในช่วงวสันต์ฤดู โดยเก็บเกี่ยวเฉพาะยอดส่วนแหลม นำมาผึ่งลมผึ่งแดดและรมควันก่อนจะจัดเก็บทันที ชาไป๋หาวอิ๋นเจินชั้นดีจะให้กลิ่นหอมสดชื่น ทิ้งรสค้างอวลในปาก มีผลต่อการบรรเทาไข้ ขับไล่ความร้อนและล้างพิษ และนับเป็นยาดีในการรักษาโรคหัด ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของชาไป๋หาวอิ๋นเจินนั้นเริ่มต้นมาจากที่สมัยกาลก่อนมีโณคระบาด หากต้องการสมุนไพรรักษาจำต้องขึ้นเขาอันตรายเพื่อขึ้นไปบนยอดสูงโดยห้ามหันกลับมา เมื่อมีผู้พิชิตขุนเขามังกรคำรามได้ก็นำชาไปช่วยชีวิตผู้คนมากมายและนำเมล็ดมาปลูกกลายเป็นชาไป๋หาวอิ๋นเจินในทุกวันนี้


+ คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง)

@Admin

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16582 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-8-4 14:31
โพสต์ 16,582 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 คุณธรรม +7 ความโหด จาก ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)  โพสต์ 2024-8-4 14:31
โพสต์ 16,582 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-4 14:31
โพสต์ 16,582 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-8-4 14:31
โพสต์ 16,582 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-8-4 14:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-16 17:50:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-16 17:57




เข้าครัวอีกแล้ว
วันที่ 08 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีเป็นต้นไป


หากไม่ใช่ลู่เจาอี๋ที่ได้รับการกำชับแกมสั่งมาจากสวามีแล้วจะมีใครอีกที่ดั้นด้นเสียเวลามาห้องเครื่องหลวงตั้งแต่เช้า สิ่งแรกที่นางทำเพื่อเตรียมตัวคือการบอกให้หลี่กู่กูไปตามหัวหน้าเนี่ยมาสอบถามบางเรื่องที่นางควรต้องรู้ “ พระสนม บ่าวพาท่านหัวหน้าห้องเครื่องหลวงมาแล้วเพคะ ” ผู่เยว่ยอบกายลงในระหว่างที่รายงานต่อนงคราญหยกขาวในชุดครามชาดโดยมีเนี่ยหนานซิงผู้เป็นทำตามอย่างเคร่งคัด

“ การที่พระสนมเสด็จมายังที่แห่งนี้นับว่าเป็นเกียรตินัก มิทราบว่ามีอันใดให้นูปี้รับใช้ ”

ไป๋หรั่นปรายตามองนางกำนัลใหญ่ที่นางเคยพบเพียงแค่ช่วงแรกของการเข้าวัง แม้จะมีประกาศที่บ่งบอกให้ฝ่ายในขยันหมั่นเพียรฝึกฝนความสามารถด้านการปรุงอาหารเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาท ทว่านางกลับเป็นบุคคลเดียวที่เชี่ยวชาญน้อยที่สุด และน้อยนักที่จะมาเยือนด้วยตนเอง

“ วันนี้ฝ่าบาทตรัสว่าทรงอยากเสวยอาหารจากเนื้อกวาง เปิ่นกงเลยอยากทราบว่าเดิมทีสำหรับหลวงเคยจัดอาหารจำพวกเนื้อกวางแบบใดขึ้นถวายบ้าง ” ปลายนิ้วขาวนุ่มจรดลงกับโต๊ะไม้กลางห้องเครื่องที่ยามนี้ผู้คนพากันหลีกทางเพื่อไม่ให้พระสนมเอกต้องไปเบียดเสียดกับผู้ใด

“ หากเป็นอาหารจำพวกเนื้อกวาง.. ”

เนี่ยหนานซิงที่อยู่กับรายชื่อสำรับอาหารเข้าออกในทุกวันใช้เวลาคิดไม่นานก็เริ่มร่ายรายการอาหารออกมาผ่านริมฝีปากสีสดที่คาดว่าคงทาชาดหนาไว้หลายชั้น เท่าที่นางฟังผ่าน ๆ ดูเหมือนว่าอาหารจากเนื้อกวางจะมีไม่มากนัก นอกจากเนื้อกวางผัดพริกซวงเจียที่กลับมาเป็นที่สนใจได้เพราะเว่ยเจียเสียนอี๋เป็นผู้นำกลับมาขึ้นถวายเป็นผู้แรก ไป๋หรั่นหลุบตาลงใช้ความคิด เนื้อกวางผัดรสจัดจ้านก็มีแล้ว น้ำแกงเนื้อกวางจืดก็เรียกได้ว่าเป็นรายการพื้นฐาน เนื้อกวางย่างก็ธรรมดาเกินกว่าจะขึ้นโต๊ะเสวยหลัก

“ เหล่าเนื้อตุ๋นเล่า ”

“ ช่วงนี้มีเพียงโค่วโร่วเท่านั้นที่นำขึ้นถวายเพคะ ”

นางนึกออกแล้ว ลู่เจาอี๋หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นพลางสั่งการเตรียมวัตถุดิบก่อนเป็นอันดับแรก “ เปิ่นกงจะทำต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉาย ฉะนั้นวานหัวหน้าเนี่ยไปคัดเนื้อกวางหั่นชิ้นมาสักจำนวนหนึ่ง ทางที่ดีคัดตรงส่วนที่มีเอ็นติดมาด้วย ที่เหลือไปเตรียมลูกผักชีและรากผักชี พริกไทยดำ ใบกระวาน อบเชย จันทร์แปดกลีบ กระเทียม หอมหัวใหญ่ ก้านขึ้นฉ่าย เห็ดหอม ข่า รากบัวก็เอามาด้วย ทีเหลือก็เอาเป็นเครื่องปรุงพื้นฐาน น้ำตาล เจี้ยงโหยว แล้วก็น้ำสำหรับต้ม อ่า.. หากเป็นไปได้นำใบเตยติดมาด้วยก็ดี ”

“ ส่วนหลี่กู่กู มาช่วยเปิ่นกงผูกผ้ากันเปื้อนเสียก่อน หากอาภรณ์นี้เสียหายคงลำบากกองภูษากันแย่ ”

เหล่านางกำนัลที่ได้รับคำสั่งอันชัดเจนฉะฉานนี้ต่างพากันแยกย้ายไปจัดการตามคำสั่ง ไป๋หรั่นทอดมองหลายกระบวนการที่เป็นระเบียบมากขึ้นหากเทียบกับอดีตที่นางเคยมาเยือนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอียงไปกล่าวกับหลี่ผู่เยว่ที่อยู่ข้างกายเบา ๆ “ น้องสาวเป็นผู้มีความสามารถจริง ๆ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถปลูกฝังความเคยชินให้แก่พวกนางได้แล้ว ”

น้องสาว..? หลี่กู่กูชำเลืองตามองพระสนมเอกที่ยืนเหนือนางไปหนึ่งก้าวก่อนจะหลุบตาลงครุ่นคิด หลังเข้าร่วมกับตำหนักตงเฉิน ผู่เยว่ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของผู้เป็นนายไว้แล้ว คนที่นางสามารถกล่าวเต็มปากว่าเป็นน้องสาวทั้งยังแฝงความชื่นชมไว้อย่างนี้เกรงว่าคงมีเพียงแต่เสียนอี๋แห่งตำหนักเถียนเซี่ยแล้ว “ เรื่องอย่างนี้บ่าวมองว่าพระสนมเองก็สามารถทำได้เพคะ ”

ก็ถูกของนาง ไป๋หรั่นส่ายศีรษะอย่างขบขันก่อนที่จะเกริ่นเสียงเบา “ มาเถอะ ทำอาหารวุ่นวายไม่น้อย จากนี้ลำบากเจ้าต้องคอยอดทนช่วยเปิ่นกงแล้ว ” ลู่เจาอี๋ก้าวนำหน้าออกไปก่อนที่นางกำนัลคนสนิทของตนจะได้ตอบเสียอีก นงคราญหยกผู้เปลี่ยนจากคนสูงศักดิ์มาเป็นแม่ครัวผู้หนึ่งสูดหายใจเข้าในขณะที่สองตาพรมลงมองวัตถุดิบตรงหน้า

“ ตั้งกระทะ เปิ่นกงจักคั่วเครื่องตุ๋น ”

คำแรกดังขึ้นเหล่านางกำนัลก็เคลื่อนตาม ทั้งหมดพาลู่เจาอี๋เดินไปที่หน้ากระทะซึ่งมีไฟติดอยู่แล้ว ก่อนที่บางส่วนจะต่อแถวเป็นขบวนคอยส่งเครื่องตุ๋นที่ประกอบไปด้วยลูกผักชี พริกไทยดำ ใบกระวาน และจันทร์แปดกลีบ ลงสู่กระทะร้อน ๆ เพื่อให้สาวงามได้คั่วมันจนขึ้นกลิ่นหอม

พอกลิ่นหอมเครื่องสมุนไพรจัดว่าได้ที่แล้ว ลู่เจาอี๋ก็ตัดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาและเทใส่ผ้าขาวบางที่ปกติแล้วมีไว้เพื่อกรองน้ำแกง แต่ครั้งนี้นางนำมาใช้เพื่อเป็นถุงเครื่องยาจีนสำหรับใส่ลงไปในหม้อที่รอการเติมเต็ม “ อบเชยและข่าใส่หม้อใหญ่ไว้ได้เลย ” นงคราญหยกสั่งการพลางปลอกกระเทียมสองหัวใหญ่ ๆ แล้วค่อยหย่อนกระเทียมนั้นใส่ลงหม้อตามด้วยการพยักหน้าให้นางกำนัลอีกส่วนเทวัตถุดิบหลักอย่างเนื้อกวาง รวมไปถึงบริเวณเอ็นของกวางลงไปในหม้อ

ไป๋หรั่นชะโงกหน้าไปดูในหม้อเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หยิบหอมหัวใหญ่ ใบเตย ก้านขึ้นฉ่าย รากผักชี และถุงเครื่องยาจีน “ เติมน้ำให้ท่วมของที่อยู่ด้านในหม้อด้วยล่ะ ” เหล่านางกำนัลที่รอคำนี้มานานรีบพยักหน้าพร้อมหามน้ำมาเทใส่หม้อก่อนจะช่วยกันเติมถ่านใต้หม้อเพื่อสุมไฟให้แรงขึ้น

“ ใครมีเรื่องใดต้องไปจัดการก็ไปเถิด เปิ่นกงจะเฝ้าหม้อเอง ”

ถึงจะไม่อยากถูกมองว่าละเลยหน้าที่การดูแลพระสนมแต่พวกนางต่างก็มีงานสำคัญที่ต้องไปจัดการจริง ๆ เหล่านางกำนัลน้อยมองหน้ากันครั้งแล้วครั้งเล่า ในระหว่างที่ลู่เจาอี๋กำลังง่วนอยู่กับการปรุงรส ยังไม่มีผู้ใดกล้ายื่นเท้าเดินออกไปจนเนี่ยหนานซิงถอนหายใจพร้อมกล่าวเสียงเข้ม “ รออะไรเล่า รีบแยกย้ายสิ ! ” หัวหน้าห้องเครื่องหลวงเท้าเอวขมวดคิ้วพลางถลึงตาไล่แต่ละรายออกไปอย่างน่ากลัว กระทั่งคนจางหายไปเป็นส่วนมากแล้วถึงได้หันกลับมาพูดกับพระสนมเอกเสียงเบา “ นูปี้ทำให้พระสนมต้องขบขันแล้ว หากขาดเหลือสิ่งใดสามารถเรียกนูปี้ได้ทุกเมื่อเพคะ ”

เนี่ยหนานซิงจากไปแล้ว เหลือแต่นงคราญหยกลู่ไป๋หรั่นและนางกำนัลคนสนิทหลี่ผู่เยว่ที่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ “ พระสนมถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไรต่อดีเพคะ? ”

“ ไม่อยากเกินความสามารถหรอก รอเดือดแล้วตักฟองออกจากนั้นก็คีบถ่านปรับไฟให้อ่อน ” พูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่เมื่อทำจริงก็ไม่ได้ง่ายเลยสักนิด ด้วยไฟที่กำลังแรงเต็มที่รอไม่นานนักผิวน้ำก็เริ่มสั่นจนเดือดเป็นรอยปุด ๆ พร้อมกับขึ้นฟองขาว ไป๋หรั่นใช้กระชอนตักฟองเหล่านั้นออกจนหมด แล้วค่อยก้มลงไปใช้ที่คีบถ่านคีบถ่านก้อนใหญ่ที่ร้อนเสมือนเป็นตัวเร่งไฟนำไปเก็บไว้ที่เตาสำรองเพื่อให้เตาหลักมีแค่ไฟอ่อน ๆ เหมาะแก่การตุ๋นที่ต้องใช้เวลานาน

“ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว รอสักหนึ่งชั่วยามค่อยนำเครื่องสมุนไพรออกแล้วใส่ของเพิ่มก็พอ ”

และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไป๋หรั่นนั่งโบกพัดรอไปมาจวบจนเข้าปลายยามเฉิน

“ เปิ่นกงรู้แล้วว่าตนเองลืมอะไร.. หลี่กู่กู ไปขอเบิกดอกไม้จีนจากหัวหน้าเนี่ยมาจำนวนหนึ่ง เปิ่นกงจะนำมันใส่ลงไปในต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉาย ” ผู่เยว่รับคำสั่งอย่างว่าง่ายก่อนจะปลีกตัวไปอีกทางทิ้งให้ลู่เจาอี๋ต้องเดินวนหาผ้าหนา ๆ มาจับฝาหม้อให้เปิดออกจนควันหอมตลบฉุยไปทั่วห้อง

มือหนึ่งบางปัดไปมาเพื่อไล่ควันออกจากใบหน้า ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปหยิบกระชอนมาตักถุงเครื่องยาจีนและส่วนประกอบอื่นออกเพื่อไม่ให้ตัวเนื้อติดรสขมของสมุนไพรมากเกินไป และลอบใช้ปลายนิ้วแตะกับกระชอนเพื่อชิมรสชาติว่าสมควรปล่อยทิ้งไว้อีกนานแค่ไหน

“ พระสนม บ่าวนำดอกไม้จีนมาแล้วเพคะ ”

หลี่กู่กูเดินกลับมาพร้อมขามหนึ่งชามที่มีดอกไม้จีนแช่อยู่เกือบเต็มชาม “ เจ้ากรองมันออกจากน้ำแล้วมันมาใส่หม้อเถอะ ” ไม่พูดเปล่า ก่อนที่หลี่กู่กูจะจัดการจนเสร็จไป๋หรั่นก็ใส่รากบัวแล้วจากนั้นค่อยรอผู่เยว่ใส่ดอกไม้จีนลงหม้อแล้วค่อยกดกระชอนคนของในหม้อเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะปิดฝาลง

“ รออีกหนึ่งชั่วยาม ”

ครั้งนี้พอครบหนึ่งชั่วยาม ไป๋หรั่นเปิดหม้อลงเติมน้ำเพื่อไม่ให้น้ำงวดจนเกินไป แล้วก็รอต่ออีกหนึ่งชั่วยาม

ชั่วยามที่สามสำหรับการทำอาหารครั้งนี้เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เพราะเนื้อกวางตอนนี้จะกำลังเปื่อยได้ที่ ไป๋หรั่นจึงต้องตักมันออกมาพักไว้ และแน่นอนว่าพอตักส่วนเนื้อออกมาจนครบ ส่วนที่เหลืออย่างเอ็นกวางนั้น… ก็ต้องปล่อยตุ๋นต่อไป

“ พระสนม.. ที่จริงระหว่างที่รอนี้ไปรอที่อื่นไม่ดีกว่าหรือเพคะ? ”

ตอนนี้เข้าสู่กลางยามเว่ยแล้ว พวกนางอยู่ในห้องเครื่องมาเกือบสี่ชั่วยามเทียบได้กับเวลาขั้นต่ำของนางกำนัลในรั้ววังเลยเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าที่หลี่กู่กูกล่าวมาย่อมเป็นเพราะห่วงในอาการของลู่เจาอี๋ที่ไม่คุ้นชินกับการตรากตำลำบาก หากสุดท้ายป่วยไข้เพราะเรื่องวันนี้เกรงว่าจะมีโทษข้อหาดูแลนายไม่ดีพอตามมา

“ ไม่ได้หรอก ต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉายหม้อนี้เปิ่นกงไม่เคยทำมาก่อน แม้แต่คนในห้องเครื่องก็เกรงว่าจะไม่เคยมีใครทำ ฉะนั้นแล้วข้อผิดพลาดใดหากเกิดขึ้น ให้มันตกเป็นชื่อเปิ่นกง ดีกว่านำภาระไปใส่ตัวผู้อื่น ” จะบอกว่านางเมตตาก็คงได้ อีกอย่างทำอาหารนาน ๆ ไปมันก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด ลู่เจาอี๋ที่ปรับตัวกับการเป็นคนครัวได้แล้วไม่ทันได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีสายตาคมคู่หนึ่งจับจ้องนางอยู่จากพื้นที่ไกล ๆ โดยอาศัยช่องว่างของหน้าต่างที่เปิดไว้ช่วยให้พอเห็นตัวคน

“ นางอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว ”

“ ราว ๆ สามเกือบสี่ชั่วยามได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ”

หลิวเช่อทอดสายตามองดูแผ่นหลังที่ก้มลงเติมถ่านใต้เตาด้วยตนเองแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ กันคนออกไป ” คำสั่งของเขาสร้างความงุนงงให้แก่ผู้ติดตาม เว้นก็เพียงจางกงกงที่ลอบระบายลมหายใจออกผ่านริมฝีปาก ก่อนจะโค้งลงรับคำสั่งแต่โดยดี

ใช้เวลาไม่นานหลังจากนั้น อยู่ ๆ ห้องเครื่องที่ควรคึกคักด้วยเสียงคนก็เริ่มเงียบสนิท ผิดสังเกตจนหลี่กู่กูคิ้วกระตุกไม่พัก “ บ่าวขอไปดูด้านนอกสักเล็กน้อย หากมีเรื่องใดเร่งด่วนลู่เจาอี๋สามารถเรียกได้ทันทีเพคะ ”

“ ไปเถอะ ” การรอตุ๋นน่าเบื่ออยู่บ้าง แม้แต่นางเองยังคิดอยากหลับสักงีบหากไม่ใช่ว่าต้องคอยลุกมาตรวจดูเป็นระยะ หลังจากคำอนุญาตดังขึ้นหลี่ผู่เยว่ก็ก้าวจากออกไป ทิ้งให้นางอยู่ในห้องเครื่องเพียงลำพังไปอีกพักใหญ่จนมีเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินกลับเข้ามา นางที่มองว่าคงถึงเวลาสมควรแล้วก็ออกปากไว้วานโดยไม่หันกลับไปมอง “ หลี่กู่กู ตอนนี้น่าจะได้ที่แล้ว เจ้าไปหยิบถ้วยเนื้อกวางตุ๋นก่อนหน้านี้มาเร็ว เปิ่นกงจะนำพวกมันมาคนรวมกันอีกครั้งแล้วตุ๋นไฟอ่อนครั้งสุดท้าย ”

ถ้วยเนื้อกวางตุ๋นถูกยกและยื่นให้เงียบ ๆ ลู่ไป๋หรั่นที่มีหน้าที่ทำอาหารก็รับความเอาใจใส่นั้นเป็นอย่างดี นางเทเนื้อตุ๋นกลับไปรวมกับของในหม้อพร้อมใช้ที่คน คนอีกครั้งสองครั้งพอให้ส่วนประกอบเข้ากันจากนั้นก็ตักน้ำซุปขึ้นมาซดชิมเป็นคำเล็ก ๆ

“ เฮ้อ ร้อนจริง ๆ ยังดีที่รสชาติไม่เลว หลี่กู่กูไปแจ้งด้านนอกเถิดว่าใกล้พร้อมแล้วอีกไม่นานค่อยส่งคนไปแจ้งฝ่าบาท ” ไป๋หรั่นเคลื่อนฝาเข้าปิดหม้ออีกครั้ง และวางกระชอนไว้ด้านบนฝาพลางปัดสองมือไปมาคล้ายว่าเสร็จสิ้นภารกิจ ทว่าต่อให้จัดการเรื่องวุ่นเหล่านี้เสร็จแล้วก็ยังไร้เสียงตอบกลับของหลี่กู่กูอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยความสงสัยและไม่ทันคิด ลู่เจาอี๋หันกายไปตามเสียงลมหายใจจนพบเข้ากับ..

“ อืม เจิ้นรู้แล้ว หน้าตาไม่เลวเลย ”

“ ฝ่าบาท ”

ลู่เจาอี๋เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ข้างตนคือใครก็ผงะถอยหลังจนเกือบชนเข้าไปโถหมักสุรา ดีที่โอรสสวรรค์การตอบสนองฉับไวเอื้อมมือเข้าคว้าเอวนงคราญเอาไว้ได้ทัน “ เดินไปมาตั้งนมนานมิเห็นลนลานเท่านี้ แค่พบหน้าเจิ้นก็ซุ่มซ่ามไปหมด เรื่องนี้น่าประหลาดใจขนาดนั้นเชียว? ”

โอรสสวรรค์มาเยือนห้องเครื่องมีที่ไหนไม่น่าตกใจ

“ ห้องเครื่องหลวงวุ่นวายนัก ฝ่าบาทมิควรเสด็จมาด้วยตัวพระองค์เอง หากอยากทราบความคืบหน้าเหตุใดจึงไม่ส่งคนมาสอบถามเล่าเพคะ ”

นางถึงกลับกล้าพูดว่ามิควรมา .. โอรสสวรรค์ปล่อยมือออกจากเอวอรชรพอเหมาะมือนั้นก่อนจะผินหน้ามองรอบกาย “ ไม่เห็นวุ่นวายสักเท่าไหร่ ” คำตอบนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ถามจนนางถึงกับต้องขมวดคิ้ว สร้างความขบขันให้แก่ผู้ตอบยิ่งนัก ที่ห้องเครื่องไม่วุ่นวายอย่างที่เคยนั่นย่อมเป็นเพราะเขาสั่งโยกคนออกไปก่อนแล้ว หากให้ต้องมาอยู่ท่ามกลางเสียงดังสะนั่นพร้อมตะโกนสั่งอย่างวุ่นวาย เกรงว่าคงได้ประสาทกินกันพอดี

“ ที่จริงเจิ้นมาดูเจ้า ”

ก่อนที่จะได้เห็นนงคราญหยกอ้าปากสั่งสอนเขาเพิ่มอีกกระบวน หลิวเช่อใช้วาจาสองแง่มาเป็นด่านรับหน้า ครึ่งหนึ่งหากเป็นสตรีช่างฝันคงไม่พ้นมองว่าสามีรักใคร่ห่วงหา แต่อีกครึ่งในฐานะผู้ที่รู้จักกันมา ย่อมมีความหมายว่าเขาอยากเห็นสภาพของคนอย่างนางว่าจะสามารถทำได้แค่ไหนด้วยตาตนเอง

“ แล้วเป็นอย่างไรเพคะ ”

“ … ”

โอรสสวรรค์นิ่งเงียบไป ใช้แค่สายตาสบลงกับเนตรหงส์คู่งามนั้นอย่างซื่อตรง

“ พอวางใจได้หากว่าเจ้าหลงไปอยู่ที่ใดก็คงไม่อดตาย ”

สุดท้ายแล้วก็เป็นผู้ชายปากแข็งได้โล่จริง ๆ




ชื่ออาหาร : น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน
รูปอาหาร : h ttps://i.imgur.com/zhQL0tZ.png
คำอธิบายอาหาร : <.b><.font color="#C55B4D">‘ ต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉาย • 炖鹿腱精藥材 ’ <.b><.font>หรือน้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน ที่เลือกใช้วัตถุดิบชั้นยอดมากมายเพื่อให้ได้รสชาติเลิศล้ำ เช่นน้ำซุปที่ถูกเคี่ยวจนงวดให้สัมผัสหวานมันละมุนกลมกล่อมเจือกลิ่นเครื่องเทศ จับคู่กับเนื้อกวางเปื่อยนุ่มได้ที่และเอ็นกวางที่เคี้ยวง่ายให้ความรู้สึกไม่เบื่อหน่ายยามที่ลิ้มลอง ไหนจะรากบัวกรุบกรอบ รวมไปถึงดอกไม้จีนตุ๋นช่วยเสริมทัพให้อาหารจานนี้มีทั้งเนื้อและผักโดยไม่เสียรส ซึ่งความพิเศษของต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉายไม่ได้มีดีแค่รสชาติ หน้าตาหรือกลิ่นหอมที่ลือสะพัดทั่วเขตแดน แต่ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงไขข้อเอ็นกระดูกพ่วงมาด้วยผิวพรรณและกำลังวังชาของคุณชายทั้งหลาย ทำให้เป็นที่นิยมแม้ว่าจะหาผู้ที่ปรุงมันออกมาได้น้อย เพราะถือว่าเป็นสุดยอดอาหารที่ต้องใช้ความใส่ใจรวมไปถึงความสามารถเป็นอย่างมาก

+ 15 บารมี ทำกิจกรรมสนทนาการร่วมกับหวงตี้
( ทีเควสทำขนมยังได้ค่าตบะ นี่มานั่งทำตั้งนานไม่ได้จริงอ๋อ )






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 38303 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-8-16 17:50
โพสต์ 38,303 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดจื่อซีอี๋นั่ว(เจาอี๋)  โพสต์ 2024-8-16 17:50
โพสต์ 38,303 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-8-16 17:50
โพสต์ 38,303 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-16 17:50
โพสต์ 38,303 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-16 17:50

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-21 19:50:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด



หวงซานเหมาเฟิงและขนมไร้กังวล
วันที่ 13 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
สิบนาฬิกาเป็นต้นไป


“ พระสนม ที่จริงวันนี้เสด็จกลับไปพักก่อนไม่ดีกว่าหรือเพคะ ”

ถึงจะใช้เวลาในเรือนพักกู่กูไม่นานเท่าที่คาดไว้ในทีแรก แต่ก็นับว่าการฝึกนั้นลำบากต่อสาวชาวบ้านผู้ไม่เชี่ยวพิธีการของชาววังอยู่พอสมควร ถงกู่กูเข้มงวดเด็ดขาด รายละเอียดเล็กรายละเอียดน้อยที่เคยปล่อยผ่านครั้งนี้กลับถูกคว้านขึ้นมาตีแผ่ให้เห็นกันชัด ๆ ดังนั้นก็ไม่แปลกหากว่าผู้ที่ได้รับการฝึกสอนจะมีท่าทีเหนื่อยล้าไปบ้าง

ทว่าแทนที่จะรีบกลับไปพัก ลู่เจาอี๋กลับตัดสินใจมาที่ห้องเครื่องหลวงเพื่อตระเตรียมของไปถวายแก่ฝ่าบาทโดยที่ก็ไม่มีใครทราบวาแท้จริงแล้วนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่

“ พระสนมลู่เจาอี๋ ”

เนี่ยหนานซิงเดินมารับหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกครั้ง “ ครั้งนี้พระสนมต้องการปรุงสิ่งใดเพคะ? ”

“ เปิ่นกงอยากชงชาหวงซานเหมาเฟิง แล้วก็ทำอู๋โยวเกา (ขนมไร้กังวล) ” นงคราญหยกแย้มยิ้มแช่มช้าพลางพับชายแขนอาภรณ์ขึ้น “ อีกเดี๋ยวเปิ่นกงจะเก็บตัวพักผ่อน คงเป็นการดีหากว่าสามารถปรนนิบัติฝ่าบาทได้ตั้งแต่ยามนี้ ”

อันที่จริงนางวางแผนจะออกนอกวังไปทำธุระอีกพักใหญ่ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ผลีผลามแวะมาหานางกะทันหัน ตัวเองก็ต้องทำในสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำเพื่อให้เขาไม่ใช้วิธีนี้ไปอีกสักพัก

“ หวงซานเหมาเฟิงนับเป็นยอดชาเขียวขนานแท้ พระสนมช่างมีรสนิยมนัก ทานคู่กับอู๋โยวเกาหวานมันกำลังดี ต้องออกมาน่าทานยิ่งนักแน่เพคะ .. ทว่าส่วนประกอบของอู๋โยวเกา ” เสียงของหัวหน้าห้องเครื่องแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงหนึ่งส่วนประกอบที่อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดไม่คาดคิดอย่างซานเย่า พืชมีพิษรสชาติคล้ายมันที่หากทำถูกต้องตามวิธีการก็จะสามารถนำมารับประทานได้อย่างปลอดภัย

“ อู๋โยวเกานอกจากที่ทำจากซานเย่าแล้ว ยังมีสูตรนอกที่ทำจากแป้งด้วย รสความหนึบมันเอาให้เป็นหน้าที่ของมันสีม่วงนั้นเพียงอย่างเดียวเถิด ” แม้ว่าทุกครั้งเจาอี๋ล้วนจัดการด้วยตนเอง จนมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าไม่มีใครเข้าไปแตะต้อง ทว่าหากเกิดเรื่องร้ายก็เท่ากับนางไม่เหลือทางรอดไว้ให้ตัวเองแม้แต่นิด.. หัวหน้าห้องเครื่องลอบขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงแม้ว่ายามนี้จะได้ตัดส่วนที่น่ากังวลออกไปก่อนแล้วก็ตาม

“ ถ้าเช่นนั้นครั้งนี้ให้บ่าวอยู่เฝ้าอีกแรงเถิดเพคะ ”

“ ได้ เอาตามที่ท่านว่า ”

หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย หัวหน้าห้องเครื่องก็สั่งการให้คนนำวัตถุดิบทำขนมไร้กังวลออกมา ซึ่งประกอบไปด้วยแป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวเหนียว แป้งสาลี มันม่วง น้ำผึ้ง น้ำนมวัว น้ำตาล และน้ำอีกส่วนหนึ่ง

ขั้นแรก ลู่เจาอี๋นำมันม่วงมาปลอกและล้างทำความสะอาดจนได้ที่ ก่อนจะหั่นแบ่งเป็นหลาย ๆ ชิ้นและนำเนื้อมันม่วงไปนึ่งในซึ้งไม้ไผ่ที่จุดไฟเตรียมไว้แล้ว ก่อนที่จะหันไปผสมแป้งทั้งสามชนิดเข้าด้วยกันผ่านน้ำ พร้อมเติมน้ำตาลลงไปคลุกคนจนกลายเป็นแป้งเหลวแล้วก็ปิดฝาวางพักเอาไว้พร้อมรอให้มันม่วงในซึ้งได้ที่

และเมื่อมันได้ที่พระสนมเอกแห่งตำหนักตงเฉินก็เปิดฝาซึ้งและใช้ผ้าช่วยยกถาดมันนึ่งเหล่านั้นเพื่อนำมาบดให้ได้เนื้อเนียน ระหว่างที่บดนางก็เทน้ำนมวัวและน้ำผึ้งอย่างละนิดที่เตรียมไว้ผสมลงไปกับเนื้อมันเพื่อให้ได้สัมผัสที่ละเอียดนุ่มหนึบหนับ หลังจากผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไป๋หรั่นก็เทเนื้อมันม่วงที่ผ่านการผสมอย่างดีลงใส่กะทะเพื่อร่อนให้มันจับตัวเป็นก้อนมากขึ้น

อาศัยแค่ขั้นตอนนี้นางก็ใช้เวลาไปเกือบสองก้านธูปได้ นงคราญหยกพลิกแป้งไปมาจนแขนบาง ๆ เริ่มปวดเมื่อยแต่ก็ยังมุ่งมั่นทำต่อไปจนถึงขั้นที่ยกไส้สีม่วงนี้ขึ้นพัก และนำแป้งเหลวมาร่อนกับกะทะเพื่อที่จะให้มันเป็นแป้งหนาห่อส่วนนอก

ทุกขั้นตอนใช้ทั้งเวลารวมไปถึงความใส่ใจ แต่ที่กินแรงและความคิดมากที่สุดก็คือในยามที่แป้งทั้งสองพร้อมแล้ว และนางต้องนำแป้งข้าวมาห่อส่วนไส้สีม่วงให้ทั่ว ก่อนจะนำก้อนกลมเหล่านี้มาปั้นจีบรังสรรให้เป็นรูปดอกไม้บ้าง หรือไม่ก็อักษรมงคลบ้างที่เรียกว่ากินเวลาเป็นอย่างมาก

“ มิทราบว่าพระสนมเคยทำมาก่อนหรอเพคะ พระองค์ดูชำนาญนัก.. ”

หัวหน้าห้องเครื่องสอบถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นสองมือที่ปั้นเสกรูปทรงต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว “ ถ้าเทียบกันแล้ว เปิ่นกงถนัดทำขนมมากกว่าของคาวเสียอีก.. อู๋โยวเกานี้เป็นขนมที่พี่ชายของเปิ่นกงชอบทานนัก น่าเสียดายที่สามารถหาทานได้แค่บางฤดู ฉะนั้นแล้ว หากช่วงใดที่ไม่มีขายทอดตลาด แต่ยังสามารถหาซื้อส่วนประกอบได้ พี่ชายของเปิ่นกงก็จะซื้อมันกลับจวนมาเสียทุกครั้งเพื่อให้ท่านแม่ทำอู๋โยวเกาให้เขาทาน ” เมื่อพูดถึงความหลัง ความใส่ใจที่มีต่อของบอบบางชิ้นน้อยในมือก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

“ เปิ่นกงได้เรียนรู้วิธีการทำเอาเสียก็ตอนนั้น.. ส่วนชาหวงซานเหมาเฟิงก็เป็นชาที่ท่านพ่อโปรดนัก ” แรงบันดาลใจทั้งหลายทั้งแหลของนาง มักมาจากครอบครัวทั้งหมดทั้งสิ้น สาวงามผุดผาดหัวเราเสียงเบาในยามที่วางขนมอู๋โยวเกาสำเร็จชิ้นสุดท้ายลงกับจาน

“ เสร็จแล้ว.. ประเดี๋ยวเปิ่นกงขอล้างมือเสียหน่อย แล้วจะชงชาเตรียมตั้งแต่ที่นี้ ” นางตั้งใจนำของเหล่านี้ขึ้นถวายในช่วงที่ฝ่าบาทประทับ ณ ห้องทรงอักษร ฉะนั้นหากไปชักช้าท่ามากอยู่ในนั้นก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ซึ่งโชคดีที่หัวหน้าห้องเครื่องเข้าใจ หลังจากนางล้างมือแล้ว อีกฝ่ายจึงได้เตรียมชุดชงชามาจนเสร็จสรรพ

ด้วยความเคยชิน นางใช้เวลาไม่นานในการชงหวงซานเหมาเฟิงชั้นยอดหนึ่งกา ชาเขียวที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในสิบอันดับยอดชาแห่งแผ่นดินป้านนี้หากผนวกกับฝีมือของผู้เชี่ยวชาญแล้ว หนึ่งกาก็คงประเมินค่าได้ราวร้อยตำลึงทอง

ไป๋หรั่นก้มลงดมกลิ่นชาเขียวหอมสดชื่นเพื่อตรวจสอบคุณภาพเป็นหนสุดท้าย

“ ทั้งหมดพร้อมแล้ว เปิ่นกงคงต้องขอตัวก่อน ”

ลู่เจาอี๋กดศีรษะให้ค้อมลงร่ำลาผู้คนภายในห้องเครื่องอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินนำออกไปโดยมีนางกำนัลคนสนิทถือถาดชาและขนมเดินตามออกมา




ชื่อขนม : ขนมไร้กังวล
รูปขนม : h ttps://i.imgur.com/SgGW323.png
คำอธิบายขนม : <.b><.font color="#D2B4DE">‘ อู๋โยวเกา • 无忧糕 ’ <.b><.font>หรือขนมไร้กังวล รสชาติหวานนุ่มมันหนึบที่ชวนให้ผู้ทานประหลาดใจเมื่อได้ทราบในส่วนประกอบที่เรียบง่าย แต่กลับให้รสชาติลึกล้ำตราตรึงใจนัก ไม่ว่าจะเป็นความหวานมันของน้ำผึ้ง และน้ำนมที่ผสมในไส้ในสีม่วง กับความหนึบเคี้ยวพอเพลินของแป้งขาวด้านนอกที่มีความหวานของน้ำตาลแทรกมาอีกเล็กน้อย และปิดท้ายด้วยการรังสรรตัวขนมออกมาเป็นรูปทรงการปั้นแบบต่าง ๆ ที่ใช้ทั้ังจินตนาการและความสามารถของผู้ปรุง โดยที่แม้ว่าขนมไร้กังวลนี้จะดูใช้ของน้อย ทำได้ง่าย แต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในขนมที่มีชื่อเสียงมากและหาได้เพียงไม่กี่ที่ ซึ่งมักเจอในโรงน้ำชาอันดับต้น ๆ ของแต่ละเมืองเท่านั้น จนหลายคนกล่าวว่าขนมไร้กังวลคือของว่างเลิศรสกันตายสำหรับนำออกมากู้สถานการณ์ทางการเงินของโรงเตี๊ยมหรือไม่ก็โรงน้ำชานั้น ๆ


ชื่อชา : ชาหวงซานเหมาเฟิง
รูปชา : h ttps://i.imgur.com/w73Eill.png
คำอธิบายชา : <.b><.font color="#51867A">‘ หวงซานเหมาเฟิง • 黄山毛峰 ’ <.b><.font>หรือชายอดขนแห่งหวงซาน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบทำเนียบยอดชาแห่งแผ่นดิน โดยหวงซานเหมาเฟิงจัดว่าเป็นชาเขียวชั้นเลิศที่กำเนิดในมณฑลอานฮุย ภูเขาหวงซาน ซึ่งเหมาเฟิงนี้เมื่อชงแล้วจะมีไอน้ำค้างคายตัวออกมามาก กลิ่นเขียวสดของชาแรกให้ความรู้สึกสดชื่นพร้อมเปลี่ยนตัวน้ำให้เป็นสีเขียวอมเหลืองใสสวยงาม ทว่าต่อให้ใบชาคืนตัวแล้วก็จะยังเห็นถึงความสดของใบชาประหนึ่งค้างยอดอยู่บนต้น โดยให้รสสัมผัสหวานหอมละมุนนุ่มนวล กลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้จาง ๆ รสชาติชุ่มชื่นชุ่มคอชื่นใจ ทำให้ผ่อนคลาย โดยชาชนิดนี้มีตำนานเล่าขานว่ากันว่า แต่ก่อนพื้นที่ในแถบภูเขาหวงซานนี้มีหมู่บ้า่นเล็ก ๆ หมู่บ้านหนึ่งซึ่งได้ทำอาชีพค้าใบชาปลูกต้นชามาเนิ่นนานหลายร้อยปีก็ทำกันอยู่อย่างนั้นชื่อว่าหมู่บ้านเซี่ย (谢) ชาวหมู่บ้านนี้ก็ทำใบชาเอาไว้เดินออกไปร่อนเร่ขายส่งขึ้นไปทางเหนือ อยู่มาวันหนึ่งที่ตีนเขาหวงซานมีขุนนางผู้ตรวจการ 8 มณฑลเขตเจียงหนานท่านหนึ่งชื่อ ไคหยวน แต่งตัวเป็นบัณฑิตออกท่องเที่ยวเพื่อหาความสำราญ พอเดินขึ้นมาถึงเขาหวงซานเกิดหลงทางบังเอิญพบพระภิกษุชรารูปหนึ่งเดินแบกไม้ไผ่ลงจากเขาสวนทางมาจึงได้เข้าไปถามทางด้วยภิกษุนั้น พระรูปนั้นก็ว่าหนทางข้างหน้าท่านจะขึ้นเขาไปนั้นมืดแล้วเดินทางลำบากประกอบกับทานไม่รู้จักเส้นทางดังนี้พรุ่งนี้อาตมาภาพจะนำทางท่านขึ้นเขาไป วันนี้ขอท่านเข้าไปพักที่วัดที่อาตมาภาพพำนักก่อนคืนหนึ่ง ไคหยวนได้ยินเช่นนั้นก็ว่าดีนักจึงติดตามภิกษุชรารูปนั้นไป เมื่อเข้าไปถึงที่วัดก็ได้พักในเรือนรับรองกลางสวนสงบของวัด วัดนั้นชำรุดทรุดโทรมมาก มีภิกษุชรานั้นอาศัยอยู่รูปเดียว เมื่อไคหยวนปัดกวาห้องหับแล้วจากนั้นภิกษุชราจึงได้นำถาดชาเข้ามาชงชารับรอง ใบชาที่นำมานั้นไคหยวนสังเกตว่าเรียวงามสีเขียวเหมือนยกเนื้อดีมีสีเหลืองแกมตรงแกน ทั้งยังมีประกายเป็นสีทองยามต้องแสง ปกคลุมด้วยขนชาขาวตลอดทั่วใบ เมื่อชงชาแล้วใบคลี่ออกขับกลิ่นชาฟุ้งกระจายตลบไป ไคหยวนจึงได้เรียนถามภิกษุชรานั้นว่า ท่านขอรับนี้เป็นชาอันใด ภิกษุนั้นก็ได้ตอบว่าชานี้เป็นชาจากยอดเขาหวงซานซึ่งมีชื่อเรียกตกทอดกันมาจากรูปร่างของใบชานี้ที่มีขนอ่อนสีขาวคลุมอยู่เต็มเสมือนหนึ่งยอดเขาที่มีหิมะคลุมขาวสล้างนี้ว่าเหมาเฟิง (ยอดขน) ชานี้จึงเรียกกันว่าหวงซานเหมาเฟิง ไคหยวนเห็นด้วยว่าชานี้นั้นลักษณะตรงกับที่บรรยายมาจริงอีกทั้งยังวิเศษกว่าชาอื่นที่เขาเคยได้ลิ้มรสมา เนื่องด้วยเหมาเฟิงตัวนี้เมื่อแรกชิมเข้าไปก็ได้รู้สึกชุ่มคอชื่นใจไม่รู้รสกลิ่นแต่จอกต่อมาเมื่อใบชาบานกระจายขับรสขับกลิ่นออกเต็มที่จะได้กลิ่นเหมือนดอกบัวขาวพิสุทธิ์ใสท่ามกลางบึงหยกโบราณอันตระการเช่นนั้น จากนั้นรุ่งขึ้นไคหยวนก็เดินขึ้นหวงซานออกชื่นชมธรรมชาติต่อไป จนกลับเข้าเมืองหลวง ไคหยวนได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ถวายรายงานตามที่ได้ไปตรวจราชการยังมณฑลต่าง ๆ ขณะนั้นฮ่องเต้พระราชทานพระสุธารสให้ไคหยวนจอกหนึ่งเพราะเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยแก่การทำราชการของไคหยวน เมื่อไคหยวนจิบแล้วก็รำลึกถึงหวงซานเหมาเฟิงที่ได้ดื่มในวัดแห่งนั้น จึงได้กราบทูลฮ่องเต้ว่าในขณะที่ตรวจราชการนั้นหม่อมฉันได้เดินทางไปยังเขาหวงซาน ณ ที่นั้นมียอดชาชั้นเลิศแห่งแผ่นดินอยู่ขอพระองค์ทรงส่งคนออกสืบหาเถิดพะย่ะค่ะ แล้วก็บรรยายถึงพระภิกษุรูปหนึ่งที่ได้เจอครั้งนั้น ฮ่องเต้จึงไำด้ส่งคนไปเชิญพระภิกษุนั้นเข้าวังชงพระสุธารสชาถวาย ไม่นานพระภิกษุรูปนั้นก็นำใบชาและน้ำจากยอดเขาที่ตักใช้ทุกวันติดตัวมาด้วยเพื่อมาชงชาถวายฮ่องเต้ ฮ่องเต้ชิมชานั้นแล้วทรงโปรดมากจึงได้พระราชทานเงินซ่อมแซมวัดที่เขาหวงซานนั้นให้ใหม่ และได้ทรงโปรดให้ชาหวงซานเหมาเฟิงเป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ต้องส่งเข้าวังทุกปี


แถมรูปใบชา : ใบชาหวงซานเหมาเฟิง
รูปใบชา : h ttps://i.imgur.com/uadHwC4.png
คำอธิบายชา : ยอดชาจากต้นชาในหุบเขาที่ผลิยอดแรกหลังเทศกาลเช็งเม้ง คัดเอาแต่ยอดสมบูรณ์ อวบ มัน คั่วด้วยมือจนใบแก่ด้านนอกสุดม้วนพับเข้าคลุมยอดใบอ่อนทำให้เก็บความสดชื่นเอาไว้ภายในใบชานี้ ใบชาเรียวยาวแหลมม้วนสีเขียวอมเหลืองและมีขนอ่อนสีขาวปกคลุมทั่วไป

ถ้าคำบรรยายชายาวไปบอกนะคะ






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 29906 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-21 19:50
โพสต์ 29,906 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดจื่อซีอี๋นั่ว(เจาอี๋)  โพสต์ 2024-8-21 19:50
โพสต์ 29,906 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-8-21 19:50
โพสต์ 29,906 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-21 19:50
โพสต์ 29,906 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-21 19:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2314
ความชั่ว
1069
ความโหด
2532
โพสต์ 2024-8-31 14:21:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด




CHAPTER 24.2

วันที่สิบเจ็ดเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
วันเสาร์ ช่วงเวลาบ่ายโมงตรง


การปรนนิบัติฝ่าบาทเป็นเรื่องสำคัญ จำนวนข้ารับใช้ก็มีไม่น้อย เหตุไฉนไท่โฮ่วจึงมีพระประสงค์ให้นาง ‘ลงมือ’ ด้วยตนเอง? หลงเยวี่ยขมวดคิ้ว…การต้องลงมือด้วยตนเองทำให้หญิงที่มิได้มีฝีมือเข้าครัวประณีตประหนึ่งพ่อครัวชั้นหนึ่งจะต้องขายหน้า อีกอย่างอาหารแต่ละชนิดมีรสชาติและคุณสมบัติทางยาแตกต่างกัน หากไม่รู้และจำคู่ไม่ดี ทำให้พระวรกายอันล้ำค่าของฝ่าบาทระคายเคือง ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้


ดังนั้นนางย่อมไม่กล้าให้ผิดพลาดสักกระบวน


“ไล่ออกไปให้หมด มีเพียงถงกูกู่กับข้าก็พอแล้ว” 


ถงรั่วหลันอมยิ้มบางๆ เอ่ยหว่านล้อม “มังกรหรือจะสู้งูดินเจ้าถิ่น อย่างน้อยก็ควรจะให้แม่นางเนี่ยอยู่คอยรับใช้ นางเป็นหัวหน้าฝ่ายต้นเครื่องหญิง สำรับที่นางปรุงฝ่าบาทโปรดปรานอย่างยิ่งเพคะ”


“จัดการตามที่ถงกูกู่เห็นสมควรเถิด”


ห้องแรกที่หลงเยวี่ยถูกพาไป เรียกว่า “ห้องชา” การเสวยชาเป็นวัฒนธรรมอันรุ่มรวยแสดงออกถึงศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งของราชวงศ์ เมื่อการดื่มชาแพร่หลายและมีพิธีรีตองมากขึ้น ห้องชาก็ถูกแยกออกมาจากห้องเครื่องต้น สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะการเก็บรักษาใบชาชั้นดีเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนยิ่งนัก


ในห้องชาเพรียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ชงชาหลากชนิด หลงเยวี่ยเดิมทีมีหน้าที่เพียงรินชาและยกถ้วยให้ท่านย่า ไท่โฮ่ว และฝ่าบาท เมื่อมีสิ่งของหน้าตาพิสดารมากมายเช่นนี้วางเรียงรายต่อหน้าก็รู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางบ้าง


ถงรั่วหลันยื่นสองนิ้วชี้ลงที่กล่องชาซึ่งเป็นผอบทองสลักลายอย่างงดงาม เอ่ยแนะนำ “การชงชาที่ดีการเข้าใจใบชาที่เป็นวัตถุดิบหลักเป็นเรื่องที่ควรถ่องแท้ ตัวชาในสมัยนี้นิยมแบ่งประเภทตามระดับการหมัก รวมแล้วมีหกประเภท”


จี๋รุ่ยที่ติดตามมาเป็นลูกมือของถงกูกู่ ให้นำชาในผอบทั้งหก วางลงในถ้วยเพียงเล็กน้อย


“ชาชนิดแรก ทางด้านนี้เรียกว่า ลวี่ฉา (ชาเขียว) คือ ชาที่ไม่ผ่านการหมัก เพียบอบด้วยไอร้อนและคั่วก็ใช้ได้แล้ว ใบชาแห้งจึงมีสีเขียวอยู่มาก” ถงรั่วหลันเอื้อมมือหยิบกาน้ำที่ร้อนแล้วรินลงไป ควันบางเบาพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกลิ่นชาใหม่ นางชี้ให้หลงเยวี่ยสังเกตสีน้ำ “น้ำชาชนิดนี้จะมีสีเขียวถึงสีเขียวอมเหลือง มีคุณสมบัติช่วยให้อ่อนวัยและกำจัดสารพิษในร่างกายเพคะ”


“เพียงแต่มีข้อเสียอยู่ว่าดื่มมากไม่ดี และไม่เหมาะกับผู้ที่มีม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ”


ถงรั่วหลันอธิบายถึง ไป๋ฉา (ชาขาว) : ชาที่ผ่านการหมักอย่างประณีต, หวงฉา (ชาเหลือง) : ชาที่หมักอย่างอ่อน, ชิงฉา (ชาอู่หลง) : ชากึ่งหมัก, หงฉา (ชาแดง) : ชาที่ผ่านการหมักอย่างสมบูรณ์ และเฮยฉา (ชาดำ) ชาที่หลังการหมัก


ชาจะแบ่งประเภทตามสีของน้ำชาที่ได้ การจัดประเภทจำพวกนี้ยังไม่รวมถึงชาดอกไม้อื่นๆ ชาเขียวที่ยังไม่ผ่านการหมักแม้จะมีประโยชน์มาก แต่บางประเภทก็ถือเป็นชาระดับล่าง ในจวนของนางมักจะดื่มหลังการฝึกยุทธ์เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว หากแต่ยอดชายังคงต้องยกให้เป็นของชาแดงและชาดำ


ทว่าการแบ่งเฉพาะสีนั้นยังหยาบเกินไป ลักษณะของยอดของใบชาที่เก็บก็สำคัญไม่แพ้กัน ชาที่ถูกจัดมาเป็นของบรรณาการในวังต้องห้ามจะมีทั้งยอดชาเฉพาะสองใบบน สามใบบน และใต้ใบที่สี


ชาระดับชั้นเลิศที่คัดเฉพาะสองใบบนนั้น สงวนไว้ให้เชื้อพระวงศ์ระดับสูง ส่วนข้าทาสบริวารโดยมากมักจะดื่มใบชาชั้นต่ำ สกุลของหลงเยวี่ยแม้จะไม่พิถีพิถันส่วนมากก็ดื่มเฉพาะชาชั้นดี….


“ชนิดนี้คือชาแดง เรียกว่า เจิ้งซานเสียวจ่งมีต้นกำเนิดจากมณฑลฝูเจี้ยน นับเป็นต้นกำเนิดของชาแดงมีประวัติศาสตร์ยาวนานยิ่งเพคะ อันดับต่อมาคือ ฉีเหมินหงฉา จากมณฑลอานฮุย นับเป็นชาชั้นเลิศชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งและผลไม้สด อาจมีกลิ่นอบรำด้วยสนและใบไม้หอมอยู่ด้วยเพคะ ส่วนทางด้านนี้…”


“ทางด้านนี้คืออชาจินจวิ้นเหมย : คิ้วอาชาทอง เป็นใบชาเกิดใหม่ที่ได้รับการพัฒนาดัดแปลงมาจากชาเจิ้งซานเสียวจ่ง นายหญิงน้อยลงดื่มเพคะ”


เมื่อลองจิบดูกลิ่นหอมหวานประหนึ่งดอกไม้และน้ำผึ้งหวานก็อบอวลไปทั่วปาก กลั่นออกมาเป็นความชุ่มฉ่ำและหอมละมุน เปรี้ยวอมหวาน เป็นรสชาติที่ละมุนละไมยากหาใดเปรียบ


“นอกจากจะเลิศรสแล้วยังสามารถขับอาการหนาวเย็น ไล่ความชื้นในร่างกาย และแก้ร้อนในด้วยเพคะ”


“สำหรับผู้ที่กระเพาะอาหารและร่างกายอ่อนแอ อย่างไรชาแดงและชาดำก็ยอดเยี่ยมที่สุด…”


“อืม…” หลงเยวี่ยพยักหน้า “การชงชาช่างวุ่นวายนัก”


“เพคะ” ถงรั่วหลันรับคำ “พิธีและขั้นตอนแสดงถึงความประณีตรุ่งเรือง สื่อถึงใจที่พิถีพิถันและทุ่มเท เป็นสุนทรียศาสตร์ประการหนึ่ง”


“สำหรับการชงชาจะต้องพิจารณาถึง ปริมาณใบชา อุณหภูมิน้ำ เวลาในการชง และกาน้ำชา หม่อมฉันจะสอนวิธีการดูไฟและความร้อนนะเพคะ…”


รูปภาพ: https://i.imgur.com/V3kABbx.jpeg

ชื่อชา: ชาจินจวิ้นเหมย

รายละเอียด: จินจวิ้นเหมยฉา : ชาขนคิ้วอาชาทอง ยอดชาแดงชนิดใหม่ที่เกิดจากการหมักใบชากับน้ำผึ้งป่าและดอกไม้ จนมีกลิ่นหอมหวานอบอวลของผืนป่า แฝงความรู้สึกสดชื่นละมุนละไมของทิวทัศน์ยามแรกอรุณ ชานี้จะใช้ใบชั้นเลิศที่ปลูกบนที่สูงท่ามกลางลมหิมะและหยาดน้ำค้างจนใบเรียวงามสูงสง่างดงามประหนึ่งขนคิ้วของอาชา ตัวใบติดสีอมแดงเล็กน้อยงดงามยิ่ง เมื่อชงชาแล้วจะได้น้ำชาสีแดงเข้มมันวาวระคนสีทองอร่ามระยิบระยับราวกับแสงอาทิตย์แรกสาดต้องผิวทะเลสาบ ประหนึ่งไหทองคำนับพันเรียงรายบนผิวชา รสเปรี้ยวอมหวาน ไม่ฝาด ไม่เลี่ยน และไม่ขม รสชาติน่าหลงใหลประดุจโฉมสะคราญวัยแย้มบาน สรรพคุณทางยาคือป้องกันพิษหนาวเย็นในร่างกาย ขับไล่ความชื้น สลายพิษ ขับน้ำ และรักษาอาการร้อนใน


*ข้อมูลที่ระบุที่เท็จปนจริง ชาบางชนิดที่กล่าวถึงในประวัติศาสตร์ฮั่นจริงๆ ยังไม่เกิดขอรับ*


—-


ในบรรดาชาทั้งหมดที่ถงกูกู่เพียรพยายามชี้แนะทีละจุดอย่างอดทน หลงเยวี่ยปรุงชาแดงจินจวิ้นเหมยได้รสชาติดีที่สุด ฝึกฝนอีกหลายชาม ถ้วยชาแตกอยู่หลายใบ ถงรั่วหลันถึงพยักหน้าพูดอย่างเพิ่งใจว่า “ใช้ได้แล้ว” และเนี่ยหนานซิงยังเอ่ยปลอบอย่างเมตตาว่า “รสชาติเป็นเรื่องรอง น้ำใจของนายหญิงน้อยต่างหากที่ฝ่าบาทใส่พระทัยที่สุด” ฟังดูแล้วคำว่า ‘ใช้ได้’ ของถงกูกู่คงจะผ่านมาตรฐานของแม่ครัวเนี่ยเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด…


เมื่อกล่าวถึงฤดูหนาวจะขาดสามสหายอย่าง ต้นไผ่ ต้นเหมย และต้นสนไม่ได้ หลงเยวี่ยย่อมนึกถึงของกินเล่นอย่าง “ขนมดอกเหมย” ทว่าปลายฤดูร้อนเฉกเช่นยามนี้ดอกเหมยยังไม่บาน จึงขาดดอกเหมยที่เป็นวัตถุดิบสำคัญไป เนี่ยหวายชิงคิดสักครู่ก็แนะนำอย่างผู้ประสบการณ์ว่า “ไยพระสนมไม่ทำขนมดอกบัวแทนเล่า ที่ทะเลสาบมีดอกบัวมากมาย สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการทำขนมได้”


หลงเยวี่ยปรายมองแววตามีแววครุ่นคิด เมื่อนึกถึงขนมดอกบัวแดงที่ราวกับเบ่งบานบนผืนน้ำ นางก็พยักหน้า “แม่ครัวเนี่ยคิดได้ดี…ข้าจะทำขนมดอกบัว”


หลงเยวี่ยเคยเป็นลูกมือทำขนมชิ้นนี้เพียงสองถึงสามครั้ง สมัยที่ท่านแม่ยังคงปรกติ นางจำวิธีได้ไม่มากยังต้องขอรบกวนให้แม่นางเนี่ยช่วยชี้แนะ เนี่ยหวายซิงชำนาญเรื่องอาหารคาวหวาน จึงบอกให้คนครัวไปเตรียมวัตถุดิบสำคัญอย่างดอกบัวมาให้มาก เพื่อใช้เป็นสีหลักในการทำขนม


วิธีการทำขนมความจริงมิได้ซับซ้อนมาก เมื่อเทียบกับรูปโฉมที่งดงาม


ในขั้นแรกจะใช้ถั่วแดง, ถั่วเหลือง หรืออื่นๆ มากวนสำหรับทำเป็นใส้ เคี่ยวถั่วจนเนื้อเปื่อยยุ่ยเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ปรุงรสให้หวานและมันด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย เมื่อเนื้อข้นก็ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วค่อยปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดพอดีคำ


ต่อมาเป็นการเตรียมเนื้อแป้งห่อใส่ คือการนวดแป้งกับน้ำและมันหมู นวดจนเนียนแล้วพักไว้ ก่อนจะนำไปห่อใส่ถั่วกวนที่ทำทิ้งไว้ในขั้นตอนแรก และเตรียมแป้งทำกลีบบัว ในขั้นตอนนี้จะนวดแป้งกับไขมันหมูเท่านั้น เมื่อนวดจนได้ที่แล้วค่อยใส่กลีบบัวลงไปเพื่อให้มีสีแดงสดสวยน่ารับประทาน แล้วนำแป้งกลีบบัวมาแผ่คลึงให้เป็นแผ่นบาง โรยแป้งและพับทับกันสลับกับคลึง จนแป้งด้านในโปร่งมีหลายชั้น สุดท้ายนำแป้งที่พับทบจนได้ที่มาห่อใส่ ซ่อนปมไว้ด้านหลัง ใช้มีดกรีดลงให้ลึกที่สุดโดยไม่กระทบไส้ด้านใน จากนั้นน้ำไปทอดไฟกลาง


แป้งกลีบบัวจะค่อยๆ เปิดออก แผ่ขยายราวกับบัวบานสะพรั่งกลางทะเลสาบ สีแดงจากดอกบัวจะต้องไม่กลายเป็นสีน้ำตาลแก่จึงจะสามารถใช้ได้


เมื่อเสร็จแล้วก็ตั้งสำรับเตรียมยกไปที่ตำหนักเว่ยหยาง


รูปภาพ: https://i.imgur.com/CzrFup7.png

ชื่อชา: ขนมดอกบัวบาน

รายละเอียด: เหอฮวาซู : ขนมดอกบัวบาน เมื่อกล่าวถึงฤดูร้อนย่อมต้องนึกถึงทะเลสาบที่มีบัวบานสะพรั่ง เหอฮวาซูถือกำเนิดมาจากวิวทิวทัศน์อันงดงามเช่นนั้น ต้นกำเนิดของขนมชนิดนี้อยู่ทางหางโจว มีรสชาติหอม หวาน ผสานกับความมันกรุบกรอบ เดิมที่เป็นดอกบัวตูมเมื่อนำมาทอดจึงค่อยๆ คลี่บานทีละชั้น นับเป็นของว่างดั้งเดิมที่มีรูปลักษณ์ที่หรูหราสง่างาม


ดำเนินเควสต์ชงชาต้อนรับเหมันต์ฮะ @@Admin 



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 27731 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-31 14:21
โพสต์ 27,731 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2024-8-31 14:21
โพสต์ 27,731 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 ความชั่ว +15 ความโหด จาก คนกำยำ  โพสต์ 2024-8-31 14:21
โพสต์ 27,731 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)  โพสต์ 2024-8-31 14:21
โพสต์ 27,731 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2024-8-31 14:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x18
x3
x3
x7
x8
x2
x3
x4
x4
x1
x2
x3
x5
x1
x3
x18
x1
x5
x3
x1
x1
x5
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้