[เทือกเขาฉินหลิง]

[คัดลอกลิงก์]

เทือกเขาฉินหลิง
{ นอกเมืองฉางอัน }








【เทือกเขาฉินหลิง】

เทือกเขาฉินหลิง หรือเป็นที่รู้จักว่าเป็น เทือกเขาภาคใต้
เป็นเทือกเขาที่สำคัญในมณฑลส่านซี ตัวภูเขาเป็นรอยแยก
ระหว่างแอ่งระบายน้ำของระบบแม่น้ำฉางเจียง (แยงซี) และแม่น้ำเหลือง
ทำให้เกิดพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างดินแดนตอนเหนือและตอนใต้
อุดมไปด้วยพืชและสัตว์ป่านานาชนิด เช่น หมีขาว (แพนด้า)
ที่ไม่สามารถหาพบได้ที่ไหนในโลก ทางทิศเหนือเป็นหุบเขาแม่น้ำเว่ย
มีประชากรหนาแน่น เป็นศูนย์กลางของอารยธรรม







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8817 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-14 18:56
โพสต์ 2024-7-17 02:34:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย FuMi เมื่อ 2024-7-17 02:42





พิศวงคืนกระจ่างจันทรา
-3-




  เมื่อมีเรื่องให้คิดยามค่ำคืนผู้คนมักยากจะข่มเปลือกตาหลับใหล บ้างนั่งเฝ้าจันทรามองประกายแสงนวลจนลับขอบฟ้า บ้างก็ร่ำสุรามีเพียงความเมามายที่ช่วยผ่อนบรรเทา.. ‘การเข้าวังของเจ้าถูกกำหนดไว้แล้วข้าเห็นพ้องตามประสงค์ท่านแม่ว่ามิควรเร่งร้อน รอเตรียมการถึงพร้อมปล่อยให้ผู้โดดเด่นสะดุดตาเข้าไปถึงก่อนจะมีการแบ่งฝักฝ่ายอย่างแน่นอน รอจนผ่านช่วงเวลาอ่อนไหวนี้ไปและอย่าล่าช้าจนรั้งอยู่คนสุดท้ายเท่านั้นก็เพียงพอ’ อาศัยคำของพี่ชายผู้คิดอ่านรอบคอบและคำของพี่สาวที่กล่าวกับนางว่า ‘วังหลวงคือศูนย์รวมของกิเลสตัณหาต้องหมั่นระวังตัวให้ดี หากมีใครกล้าข่มเหงรังแกเจ้า จงจำไว้ว่าเบื้องหลังเจ้ามีสกุลไป๋หลี่และซ่างกวน พยักหน้าครั้งเดียวข้าพร้อมพาเจ้าออกมาได้ทุกเมื่อ’ ผู้คนรอบข้างต่างเตรียมการด้วยความเคร่งเครียดไม่มีผู้ใดยินดีในเรื่องที่น้องสาวอย่างฝูมี่จะเข้าไปเป็นสนมเลยโดยเฉพาะพี่ใหญ่พี่รอง ต่างคนต่างคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาอีกรายจะออกตามจับปีศาจต้นเรื่อง ทำอย่างไรก็ได้เพื่อร่นเวลาที่ลูกกระต่ายยังไม่หย่านมอย่างฝูมี่ต้องไปผจญความโหดร้ายในวังหลัง ‘นางซื่อเกินไปถ้าใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางดงจิ้งจอกมากเล่ห์เจ้าแผนการพวกนั้น เกรงจะโดนจับกินไม่เหลือแต่กระดูก’ ช่วงเวลาค่อนวันหลังถึงจวนสมุหราชเลขาของพี่ชายว่าที่เหม่ยเหรินน้อยสูญเสียพลังงานไปทั้งหมดกับการ ‘ปลอบขวัญญาติมิตร’ ทุกคนทำเหมือนนางจะออกศึกเสี่ยงตายกลางสมรภูมิไม่ใช่ไปเป็นสนม!! ออกจากอกบุพการี ผลัดถิ่นสู่นครหลวง เปลี่ยนสภาพแวดล้อมกระทันหัน ใช่ว่าฝูมี่ไม่หวาดกลัว… เด็กสาวใบหน้ายิ้มแย้มใช้น้ำเสียงอ่อนโยนคอยปลอบทุกคน ในใจกลับว่างเปล่าและสั่นไหว นักพรตนิรนามผู้นั้นกล่าวย้ำถึงสามคราว่ามีเพียงการอาศัยปราณฟ้าดินที่แข้งแกร่งทัดเทียมกันจึงสามารถสะกดปราบข่มพลังฤทธิ์ของมารปีศาจที่คอยไล่ล่านาง ใต้หล้าต่างทราบดีว่าปราณชีพจรมังกรทองนั้นแข็งแกร่งที่สุดในหมู่มนุษย์ และผู้ถือครองปราณสวรรค์คนปัจจุบันคือจักรพรรดิ์ต้าฮั่น... มือเรียวยกแตะหน้ากากสีทองบดบังนรลักษณ์ครึ่งหน้า ‘อำพรางภูตผี’ ลงแรงไปเท่าไรเพื่อซ่อนนางให้ห่างจากคำสาปชั่วร้ายคอยกัดกิน ฝูมี่ยิ่งแจ้งชัดแล้วว่านี่คือหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียวที่มารดาลำบากหามาให้ ตนจะปฎิเสธได้หรือ? ค่อนคืนผันผ่านความวุ่นวายในจวนราชเลขากลับสงัดเงียบ เรือนหมู่ดับแสงโคมไฟไล่เลี่ยกัน มีเพียงเรือนเดียวที่ยังคงมีเงาดรุณีนั่งพิงขอบหน้าต่าง เนตรประกายน้ำเศร้าสร้อยเฝ้ามองจันทร์กระจ่างที่แขวนลอยนางไม่ยอมขานตอบผู้ใดตั้งแต่ช่วงเย็น.. หนึ่งชั่วยามให้หลังเมื่อผู้รับใช้กลับเข้ามาในเรือนอีกครั้ง คุณหนูผู้นั้นกลับอันตรธานหายไปเสียแล้ว . . . ยามไห่ เทือกเขาฉินหลิงภูสูงสายน้ำไหลทัศนียภาพอันตระการตาสร้างแรงบันดาลใจแก่นักศิลปะมานับสิบชั่วคน เหนือทุ่งหญ้าเขียวขจีกลางฤดูสารทเมื่อหยาดน้ำค้างจับขอบใบก็ดึงดูดเหล่ามวลหิ่งห้อยนับร้อยมาร่ายระบำ ภาพอันงดงามมิได้นำพาความสนใจจากสองบุรุษผู้ยืนม้าอยู่ใต้ต้นต้นอู่ถงเลยแม้แต่น้อย ยอดอาชาล้ำค่าหนึ่งสีพุทราอีกหนึ่งสีนิลกลมกลืนไปกับความมืดกระดิกใบหูยืนเล็มหญ้าไม่ใกลจากผู้เป็นนาย “ มีรายงานว่าเผ่ามารรุกรานมาถึงเขตชายแดนแล้ว เจ้าเตรียมการรับมืออย่างไร” “ ลำพังพวกปีศาจก่อกรรมก็เดือดร้อนผู้คนบริสุทธิ์ มีหมู่มารมาเสริมยิ่งเป็นภัยต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ มาหนึ่ง สังหารหนึ่ง มาเป็นกองทัพ.. เกรงว่าต้องลงมือกวาดล้างให้สิ้น ” เสียงสนทนากดให้ต่ำลงจังหวะการพูดมีช่องลมหายใจที่ชัดเจน แต่ละคำสื่อถึงความมั่นคงสมบูรณ์ของพลังวัตร บรรยากาศคุ้มกายแข็งแกร่งหนักแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สวมชุดคลุมไหมนิลตลอดทัั้งตัวเพียงยืนอยู่ใต้เงาต้นอู่ถงโบราณเหล่าหิ่งห้อยกลับไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้ “ หึ นอกจากมารปีศาจยังมีชนเถื่อนนอกเขตแดนให้ไปกำราบ ศัตรูของศัตรูคือมิตร ทำไมเราไม่.. ” วาจาหลังจากนั้นล้วนเป็นสถานการบ้านเมืองทั้งสองคนนี้ตัวตนลึกลับใต้เงาพราง ชัดเจนจากบทสนทนาแล้วว่าไม่พ้นขุนนางหรือผู้มีอำนาจสักตำแหน่ง เดิมทีพวกเขาสมควรสนทนาการณ์ใหญ่จนแล้วเสร็จหากไม่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงฝีเท้าม้าที่ใกล้เข้ามาเสียก่อน “...ผู้ใดกันออกมาขี่ม้าในยามวิกาลเช่นนี้” “ อย่าประมาทอาจมิได้มาดี.. ” ผู้พูดพยักหน้าวางหัตถ์ลงลูบกระบี่ข้างกาย สองบุรุษสื่อสารผ่านสายตาพร้อมโคจรลมปราณซ่อนกลิ่นอายของตนใต้เงาไม้ใหญ่ เฝ้ามองการมาถึงของเสียงฝีเท้าม้าคนแปลกหน้า ครู่หนึ่งก็ปรากฎอาชาตี๋หลู่สีขาวห้อทะยานในครรลองสายตาเลื่อนระดับขึ้นจนมองเห็นผู้ควบขี่ก็พลันนิ่งไป เป็นสตรี? ทั้งยังมาลำพัง? จะว่ามือสังหารนั้นก็ดูเบาพวกเขาไปหน่อยกระมั้ง ยิ่งพิศวง ยิ่งสงสัย เป็นเหตุกระตุ้นความใคร่รู้เนตรคมกล้าทั้งสองต่างมองให้ชัดและจับสังเกต จริงอยู่ว่าลัทธิม่อจื้อแพร่หลายการที่สตรีชำนาญกิจบุรุษอย่างขี่ม้ายิงธนูมิใช่เรื่องแปลก หากแต่สตรีที่เลือกทำกิจกรรมเชิงบู๊เช่นนั้นไม่รวมผมครอบเกล้าก็สวมอาภรณ์เช่นบุรุษเพื่อความคล่องตัวต่างจากหญิงสาวปริศนา นางอยู่ในกระโปรงหรูฉวินสีขาวเดินลวดลายร้อยผีเสื้อด้วยไหมเงินยามต้องแสงจันทร์ส่องประกายระยิบระยับ ยามอาชาโลดทะยานแขนเสื้อพริ้วขึ้นตามแรงลมราวกับว่าคนผู้นั้นกำลังโบยบินสู่นภา ‘การทรงตัวดีเยี่ยมอาชาวิ่งเร็วราวปลายศรกลับไร้วี่แววสะท้านผวา หาไม่ชำนาญก็นับว่าใจแข็ง’ ธิดามีตระกูลโดยมากควบขี่อาชาล้วนรักษาอากัปกิริยาให้น่ามองชายกระโปรงนั่งไพล่เรียบร้อย มีหรือบังคับม้าห้อทะยานสุดฝีเท้าเช่นนี้ สตรีนครหลวงบบางคนแค่เห็นม้าก็ไม่ยอมเข้าใกล้ เด็กสาวนิรนามผู้นี้ไม่เพียงไม่กลัวทั้งยังรู้ศาสตร์การบังคับอาชา ท่วงท่าเป็นธรรมชาติดูมีชีวิตชีวาเสียงหัวเราะของนางก็รื่นเริงเสนาะปานนั้น คงออกมาขี่ม้าเล่นเพื่อผ่อนคลายตัดเรื่องเป็นมือสังหารไปได้เลยบุรุษทั้งสองเข้าใจข้อนี้ตรงกัน.. นวลแสงจันทร์กระจ่างส่องสไวราวภาพมายาอาบย้อมร่างสีขาวประกายเงินให้โลดแล่นท่ามกลางเหล่าหิ่งห้อยเปล่งรัสมีอ่อนโยน มองอีกคราคล้ายไม่มีอยู่จริง นางอาจเป็นเพียงภาพจำแลงของเทพธิดาฉางเอ๋อห์ในค่ำคืนนี้ “ บุตรีบ้านใดช่างมีงานอดิเรกห้าวหาญนัก… ” คนชุดคลุมนิลเปรยออกมาทำเขานึกถึงพี่หญิงขึ้นมาเล็กน้อย “ ออกมาขี่ม้ายามวิกาลทั้งยังไร้ผู้คุ้มกันเช่นนี้อันตรายยิ่ง… ” “ นางอาจเชื่อมั่นว่าสถานที่อย่างนครหลวงมีบารมีโอรสสวรรค์ให้การปกปักษ์คุ้มครอง ” คนตรงหน้าผู้เป็นทั้งเจ้านายและเจ้าชีวิตบทจะตลกร้ายทำเอาผู้ฟังส่ายหน้าถอนหายใจยาว พูดได้รึไม่ว่าเทือกเขาฉินหลิงอยู่นอกฉางอัน ? เขาย้ำให้อีกว่านี่กลางป่าเขาไม่มีทั้งทหารรักษาเมืองหรือมือปราบองค์รักษ์ !! “ ช้าก่อน..เหตุใดนางจึงไปด้านนั้น? ” “ .... ” ยังไม่ทันตอบกลับไปสายตาคู่คมของบุรุษเสื้อคลุมนิลมองตามทิศทางที่อาชาขาวปลอดมุ่งหน้าไปก็พลันเลิกคิ้ว ทุ่งหญ้านี้มีจุดสายตาแต่หากคนชำนาญทางจะทราบดีว่าปลายสุดทางนั้นคือหุบเหวลึก ความสงสัยวาบผ่านหาใช่เป็นห่วงสวัสดิภาพของผีเสื้อน้อยสีเงินตัวนั้น ‘หรือจุดประสงค์ของนางแต่แรก.. คือคิดจบชีวิตตนเอง ?’ “ เมื่อวันก่อนมีฝนตกหนักข้าได้รับแจ้งว่าดินถล่มแถวขอบผายังออกคำสั่งให้ชาวบ้านที่ขึ้นมาหาของป่ากับพวกนายพรานคอยระวัง จุดที่ถล่มไปล่าสุดเหมือนว่าจะเป็น.. ท่าไม่ดีแล้ว!! ” ชัดเจนว่าเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับอาชาสีขาวนั้นหากแต่มีโขดหินหลอกสายตา ชายในชุดชาวยุทธ์จะส่งเสียงเตือนนางก็อยุ่ใกลเกินไปเขาพลิกกายขึ้นหลังอาชา แต่ยังไม่ทันจะได้กระตุ้นม้าคนที่นิ่งเงียบมาสักพักกลับล่วงหน้าไปก่อนหลายช่วงตัว สองอาชาศึกเคยห้ำหั่นในสรภูมิมาแล้วอาศัยแค่ทุ่งหญ้าไม่คณาฝีเท้าพวกมันควบทะยานไม่นานก็ไล่หลังดรุณีนิรนามไป เมื่อใกล้พอจะใช้เสียงสื่อสารก็ไม่รอช้าที่จะเรียกให้คนด้านหน้าได้สติ “ หยุดม้า !! ” “ อ.. อันใดกัน พวกท่านเป็นใคร !” จู่ๆ มีอาชาสีนิลตีขึ้นขนาบทิ้งห่างเพียงสามช่วงตัว เหลือบไปเห็นชุดคลุมดำปริศนาฝูมี่ก็ตื่นตระหนก คิดว่าเป้นคนร้ายยิ่งไม่ยอมรั้งบังเหียน เร่งความเร็วขึ้นอีก นายท่านของเขาอยู่ใกล้กว่ากลับไม่สามารถหยุดนางได้ห่างไปอีกสิบจั้งก็หุบเหวแล้ว ชายในชุดชาวยุทธ์รั้งอยู่ด้านหลังเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งร้อนใจ ช่วยชีวิตคนไม่อาจชักช้าเขาเร่งบังคับม้าจนขึ้นตีขนาบอีกด้านหมายจะรั้งบังเหียนอีกทาง “ ข้าไม่ได้ติดหนี้พวกท่านปล่อยข้าไป !! ” “ หยุดม้าให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้ !! ” ใกล้พอจนเห็นใบหน้าของดรุณีสวมหน้ากากทองคำฉลุบดบังไว้ คนชุดดำสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจราวกับคุ้นชิน หัตถ์ยื่นออกคว้าสายควบคุมอาชาแล้วดึงโดยแรง ท่าที่เด็ดขาดดุดันสนใจแค่เพียงพลลัทธ์เขาไม่คิดเลยว่าในสายตาของอีกสองคนจะมองอย่างไร “ โจรร้ายอย่าเข้ามานะ..!! อ๊ายย!! ” ได้ยินดั่งนั้นเด็กสาวให้หวาดกลัวนัก คนแปลกหน้าท้้งสองทางหนึ่งลึกลับ อีกทางดุดัน เห็นสายตาเกรี้ยวกราดจ้องแผ่นหลังตนก็ยิ่งแตกตื่น ตนประมาทเกินไปที่เลือกออกมาคนเดียวตั้งใจว่าจะขี่ม้ารับลมสักชั่วยามก็กลับไปแท้ๆ คราวนี้นางหวาดหวั่นแท้จริงแล้วแล้วใบหน้าซีดเผือดสีทำอันใดไม่ถูก “ กูเหนี่ยงน้อยรีบหยุดม้าทางด้านหน้ามีดินถล่ม!! ” บุรุษผู้ตามมาทีหลังคว้าสายบังเหียนอีกข้างเพื่อหยุดม้าทว่าไม่ทันการณ์ริมโสตแว่วเสียงกึกก้องของศิลาแรงสะเทือนจากฝีเท้าอาชาพ่วงพีทั้งสามทำให้ชั้นดินอ่อนตัวทรุดลลงเบื้องล่าง เจ้าม้าขาวถูกดึงรั้งโดยแรงของชายทั้งสองทำให้ตัวมันกลับขึ้นไปบนผาได้ทันแต่ไม่ใช่กับหญิงสาวผู้เป็นนาย ดุจผีเสื้อประกายเงินล่องเมฆา ภาพเบื้องหน้าพลิกกลับสองเท้าสัมผัสถูกความว่างเปล่า ตัวของนางลอยสูงจจากแรงเหวี่ยง และเริ่มร่วงหล่น.. ดวงตาคู่หวานเบิกกว้างยังไม่ทันได้กรีดร้องเพราะร่างแข็งทื่อมีเพียงเรือนผมและชายอาภรณ์ที่พลิ้วตามแรงลม ซ่างกวนฝูมี่ เทพธิดาขับขานแห่งลั่วหยางไม่อยากจะเชื่อว่าตนต้องมาสิ้นชื่อทั้งแบบนี้น่ะหรือ? เดิมทีบุรุษชุดคลุมนิลมิได้แยแสสิ่งรอบกาย ทว่าก็มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น.. ชั่วระยะสายตาสบประสานได้เห็นแววตาคู่นั้นของนางภายใต้หน้ากากทองคำ.. ‘ไม่อยากตาย’ หากสายตาสามารถพูดได้คงจะเป็นคำนี้ “ นายท่าน!! ” พริบตาเดียวร่วงบนหลังอาชาสีนิลก็ทะยานออกไปคว้าตัวคนไว้ร่างเมื่อสัมผัสถูกของนางเบาเสียจนเขานึกว่ากำลังโอบรับปุยนุ่น ฝั่งของฝูมี่หลับตาแน่นไม่กล้ามองสิ่งใดเมื่อร่างร่วงหล่นลงเบื้องล่างแขนคู่เล็กคว้าจับสิ่งยึดเหนี่ยวใกล้ตัวโดยสัญชาติญาณทำให้พลาดไปหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นโฉมหน้าใต้ผ้าคลุมที่ถูกกระแสลมพัดจนเผยบุรุษผู้สง่างามเปี่ยมบารมีหาตัวจับยากผู้หนึ่ง หรือวิธีที่คนผู้นี้โคจรพลังปราณเทะยานชึ้นมาบนขอบผา มังกรสีอำพันเป็นประกายแสงทองทะยานขึ้นฟ้าเพียงพริบตาก่อนจางหายไป กระแสปราณสวรรค์แข็งแกร่งพลังเทวะศักดิ์สิทธิ์กำจายทั่วบริเวณ ฝูมี่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านางเข้าใกล้ ‘ชีพจรมังกรทอง’ ในระยะสัมผัสต้องก่อนจะได้ย่างกรายเข้าวังหลวงด้วยซ้ำ “ นายท่านบาดเจ็บรึไม่? แม่นาง.. ” บุรุษชาวยุทธ์จูงม้าตรงเข้ามาหาทั้งคู่แต่ก็ได้รับสายตาเชิงให้เงียบ “ ………. ” เนตรคมกล้าหรุบลงพิจารณาร่างสั่นเทาในอ้อมแขนตัวนางเล็กมากจนเหมือนน้ำค้างที่พร้อมซึมลอดฝ่ามือหาไม่ระวัง ยิ่งไปกว่านั้นยังได้กลิ่นหอมดอกไม้ขาวเบาบางจากกายบาง ใช่ว่าตนไม่เคยพบเจอสาวงามสตรีเลอโฉมล่มเมืองในวังหลังมีดาษดื่น แต่ที่จุดประกายความสงสัยรึสนใจของเขาได้เกรงว่าน้อยยิ่งกว่าน้อย “ ฮึก… น่ากลัว ” ฝูมี่กุมชายเสื้อคลุมดำไว้แน่นหนา เดิมทีนางก็มีเรื่องให้คิดมากจนนอนไม่หลับ สถานการณ์เมื่อครู่ทั้งอันตรายน่าหวาดเสียว ช่วงที่ยังตั้งสติไม่ได้ต้องการยึดชายเสื้อใครสักคนไว้ต่างที่พึ่งทางใจพลางสะอื้นจนไหล่สั่นเทา ขี้แยเสียด้วย สองบุรุษต่างเข้าใจช่วงผ่านความเป็นความตายใครบ้างไม่กลัว “ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว… ” เขาพูดคำหนึ่งส่งสายตาไปให้สหายทำอะไรสักอย่าง ทั้งฉงนใจเด็กน้อยผู้นี้เมื่อครู่ยังกลัวพวกเขาอยู่เลย “ อืม.. ที่ขอบผาสุ่มเสี่ยงไปบ้างพาแม่นางน้อยไปพักแถวนั้นก่อนเถอะ ” อ้อมหัตถ์ใต้ผ้าคลุมดำอุ้มเด็กสาวไว้เช่นนั้นด้วยไม่มั่นใจว่านางจะเดินไหวอย่างไรก็ตามช่วยคนไม่คิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว ทั้งสามยึดเอาใต้ต้นอู่ถงต้นเดิมเป็นจุดพักสนทนา กว่าจะตั้งสติและกลับมารับรู้สถานการณ์รอบกายอีกครั้งดรุณีนิรนามขอโทษขอโพยคนทั้งสองหนแล้วหนเล่า มาตรว่าตนเป้นคนต่างถิ่นพึ่งมาถึงฉางอันย่อมไม่รุ้ความเข้าใจผิดว่าผู้มีพระคุณที่มาช่วยเป็นคนร้ายไปเสียได้ พลันสายตาเหลือบไปเห็นมือหนาที่ช่วยตนไว้เป็นรอยเลือดซึมก็ยิ่งตกใจ “ ขออภัยด้วยจริงๆ เพราะช่วยข้าท่านถึงบาดเจ็บเช่นนี้..” “ แค่รอยข่วนเท่านั้นไม่นับเป็นเรื่องใหญ่ ” คนในผ้าคลุมดำไม่ใส่ใจนักบาดแผลสำหรับบุรุษที่เคยออกศึกต้องเห็นเนื้อเห็นกระดูกจึงจะเรียกว่าบาดแผล “ หากไม่ว่าอันใด ผู้น้อยช่วยรักษาให้ท่าน ” มือเรียวยกทาบแก้มเมื่อเกิดเรื่องกังวลใจ เด็กสาวมิได้มองเช่นนั้นจะแผลใหญ่รึแผลเล็กก็ล่วนเกิดขึ้นจากนางสมควรรับผิดชอบ นางขออนุญาตแล้วประคองหลังมือขวาของเขาขึ้นมา “ ตามใจเจ้า ” ตามปกติแล้วร่างกายของเขาจะส่วนไหนไม่ว่าใครหากมิได้รับอนุญาตก็มิอาจแตะต้อง จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ไม่ใช่คำว่าเวทนาสงสารแน่นอน สตรีผู้นี้มิได้มองเขาด้วยแววตาเรียกร้องหรือมีจุดประสงค์แอบแฝงอย่างที่ตนคุ้นชิน ใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งเดียวดูไร้พิษภัย.. ไม่ก็ซื่อเกินจะมีเล่ห์เหลี่ยม เห็นนางก้มสมละวนอยู่กับรอยข่วนที่หลังมือขวาเขา เพราะต้องทำแผลจึงยังอยู่ในระยะใกล้ตัวปอยผมเคลื่อนหล่นลงบนหน้าตัก อยู่ๆ ก็มีความคิดว่าหน้ากากทองคำของร่างบางช่างเกะกะเสียจริง “ ดีจริงดูเหมือนแผลไม่ลึกมาก.. ตัวยานี้ผู้น้อยผสมเองทาสักสี่วันก็จะหาย” ฝูมี่พิจารณาอยู่สักพักหลังใช้สุราขาวล้างเอาสิ้งสกปรกและเศษดินออกจากบาดแผลก็หยิบตลับยาสมานแผลที่พกติดตัวมา ก่อนทางยังทดสอบกับตัวเองเพื่อให้มั่นใจว่าตนมิได้เล่นตุกติกกับการรักษา “ ปล่อยไว้ไม่นานก็หาย ” เจ้าของมือยังคงยืนกรานว่าเท่านี้นับเป็นแผลได้ที่ใดกัน “ แม่นาง เจ้าเป็นวิชาแพทย์หรือ? ” ได้ยินคำว่ายาสมานแผลชายชุดชาวยุทธ์รู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาทันที ด้วยแพทย์ทหารนั้นหายากยิ่ง ส่วยใหญ่ผู้รุ้วิชาต่างก็ไม่อยากไปทำงานในค่ายที่สิ่งอำนวยความสะดวกสบายมีน้อย เขาเข้ามาขอดูตลับยาสมุนไพรก็พบว่าเป็นสีผึ้งมีส่วนผสมตัวยาเข้มข้น พกพาง่ายใช้งานสะดวก “ หามิได้.. เพียงรักษาตนเองบ่อยครั้งเข้าก็เรียนรู้ไปพร้อมกัน ” นางรู้สึกได้ว่าทั้งสองมิน่าใช่ชาวบ้านธรรมดาระหว่างทายาอย่างเบามือก็คอยสังเกต ด้วยคำพูดและการวางตัวแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์เฉพาะชนชั้นปกครองออกมา ฝูมี่ไม่กล้าเล่าเรื่องเกี่ยวโยงให้สิบถึงตัวตนของนางมากนักยามที่ใส่ยาจะเสร้จเรียบร้อย ก้มใบหน้างุดหลบแววจ้องจับพิรุธชวนให้ขนลุกบ่อยๆ ของผู้มีพระคุณ นางรับปากว่าจะตอบแทน ในอนาคต ด้วยไม่มีผ้าสะอาดพันแผลบนมือขวาของบุรุษชุดคลุมดำจึงปรากฎผืนผ้าเช็ดหน้าสีขาวมุมขอบมีลายปักปราณีตด้านหนึ่งเป็นกระเรียนอีกด้านเป็นช่อดอกตู้เจวียนแยกไม่ออกว่าด้านหน้ารึด้านหลังเอกลักษณ์ของสำนักปักผ้าสู่ซิ่วน้อยคนจะฝึกจนชำนาญ ฝูมี่อ่อนใจผ้าน้อยผืนนี้นางทุ่มเทร่วมเดือนถึงทำออกมาได้ตั้งใจจะให้พี่ชายเมื่อทำเสร็จแต่กลับต้องมาใช้ในเหตุฉุกเฉินเสียก่อน.. คนเจ็บ (?) พลิกดูมือที่มีรอยพันผ้าอย่างเรียบร้อยนั้นไปมา รู้สึกประหลาดใจว่าดูดีกว่าที่คิดทั้งที่ไม่คาดหวังแต่แรก “ ...ขอบใจ ส่วนเรื่องตอบแทนข้าจะพูดอีกครั้งว่าไม่จำเป็น ” “ ท่านช่วยชีวิตคนคือเรื่องของท่าน ส่วนการตอบแทนเป็นเรื่องของผู้น้อย ” มือเล็กยกทาบข้างแก้มค่อนข้างวุ่นวายใจ ดูแล้วผู้มีพระคุณของนางคนนี้รับมือไม่ง่าย บทสนทนาสอบถามราวกับสอบสวนระหว่างทางควบม้ากลับไปส่งนางที่ประตูเมือง ดรุณีน้อยบอกเพียงตนนั้นพึ่งมาถึงเมืองหลวงเป้นเพราะไม่ชำนาญทางจึงเกิดเหตุการในวันนี้ขึ้น หาได้จงใจสร้างความวุ่นวาย “ เข้าใจพูดดีนี่ ได้.. ข้าจะรอชมการตอบแทนที่ว่า เริ่มจากการบอกชื่อเจ้ามาก่อนเป็นอย่างไร ” “ ผู้น้อยม่านเหยา (曼瑤) ขอทราบนามอันสูงส่งของท่านทั้งสองเจ้าค่ะ ” หลังประสานคำนับบนหอานม้าก็คัดเอานามนี้มาใช้ ฝูมี่มิได้โป้ปดปิดบัง เนื่องด้วยเป็นชื่อเล่นที่สหายในสำนักศึกษาเรียกขานกันยามไปเทีย่วเล่นด้วยฐานะอื่นจริงๆ “ จิ่วเกอ ” บุรุษชุดนิลกล่าวเมื่อมาถึงด้านหน้าประตูเมืองแทนคำลา เมื่อดรุณีน้อยไม่ยอมให้พวกเขาไปส่งมากกว่านี้ “ ข้า เว่ยจิ่งชิง แม่นางม่านเหยาครั้งหน้าหากออกมาขี่ม้าเจ้าต้องระวังตัวด้วย ” “ เข้าใจแล้ว ท่านจิ่วเกอ.. ท่านเว่ยจ้งชิง ม่านเหยาขอขอบคุณท่านทั้งสองอีกครั้งและขอมอบสุรานี้แทนคำขอบคุณ หากมีวาสนาคงได้พบกันใหม่ ”



ส่งสุราให้จิ่วเกอ NPC-01 เอาไปเป็นค่าปิดปาก!! , +5 สนทนาประจำวัน

ส่งชาเบญจมาศให้เว่ยจิ้งชิง NPC-10 ไว้เจอกันนะ, +5 สนทนาประจำวัน

เอฟเฟคพรสวรรค์ลาภลอย : มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


@Admin 










แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-7-17 08:39
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-7-17 08:39
โพสต์ 47673 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-7-17 02:34
โพสต์ 47,673 ไบต์และได้รับ +3 EXP +8 คุณธรรม +10 ความโหด จาก เอ้อหู  โพสต์ 2024-7-17 02:34
โพสต์ 47,673 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2024-7-17 02:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
พู่กันคัดอักษร
แหวนดาราจรัส(D)
ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)
กระบี่คู่สลักจันทรา
ลาภลอย
หน้ากากอำพรางภูต
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x20
x20
x3
x90
x110
x2
x2
x120
x10
x1
x1
x1
x1
x30
x4
x20
x5
x5
x2
x13
x1
x4
x2
x2
x4
x29
x7
x1
x30
x5
x22
x8
x3
x2
x5
x6
x1
x1
โพสต์ 2024-7-22 05:35:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




     หลังจากไก่ขอทาน เกลี้ยงถาดใบบัวนั่งพักให้คลายแน่นท้องไปบ้าง สองบุรุษหนึ่งสตรีก็เดินทางต่อ เว่ยเจียเหลียนฮวาเรียนถามผู้ที่ให้นางเอ่ยขานเขาว่าฟูจวินถึงสถานที่ต่อไป ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมากลับกลายเป็นความเงียบที่ทำให้นางทำเพียงนั่งกายตรงแน่นิ่งพยายามไม่แตะต้องพระวรกายให้มากที่สุดจนกระทั่งไก่ขอทานทำพิษนัก หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ใบหน้าเล็กค่อย ๆ ก้มต่ำ ศีรษะน้อย ๆ คล้อยลงจนเกือบซบแขนแกร่ง ทว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายเขาก็ดีดกายขึ้นนั่งตัวตรงเช่นเดิม เป็นเช่นนี้สักครู่ก่อนที่ร่างกายของสตรีวัยสิบหกหนาวจะทนความง่วงงุนไม่ไหวเอนกายซบแขนแกร่งจนได้ ฮั่นอู่ตี้ในคราบของคุณชายจิ่วเกอแลเห็นเช่นนี้จะปลุกนางก็กระไรอยู่ แถมนางก็ทำได้เพียงนั่งนิ่ง ๆ มิได้บังคับอาชาแต่อย่างใด มือหนาที่กุมบังเหียนดึงสายให้ตึงขึ้นเล็กน้อยลดความเร็วลงก่อนจะขยับกายบางให้พิงอกแกร่งเพื่อไม่ร่วงลงไปจุมพิตพสุธาเสียก่อน

   ด้วยความเร็วที่ลดลงทำให้การเดินทางใช้เวลามากขึ้นจนดวงตะวันคล้อยต่ำลงทอแสนสนธยา ณ บัดนี้ทั้งสามขึ้นมาอยู่บนเทือกเขาฉินหลิง ภาพตรงหน้าคือทัศนยีภาพของตะวันสีชาดส่องพาดเป็นเงาของศาลาพักผ่อนงดงาม แสงที่ลอดผ่านมาได้ปลุกพระสนมผู้เข้าห้วงนิทราในอ้อมแขนแกร่งกว่าจะรู้ตัวดีนางก็ได้ยลยินเสียงทุ้มข้างใบหูเรียกขานนางจากการเข้าเฝ้าองค์เง็กเซียน

  “ตื่นได้แล้ว”

   “!!!!”

   ร่างบางดีดเด้งขึ้นทันตา ดวงตาสีดวงเบิกโพลงทันใด ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยแสงของดวงตะวันไม่อาจทราบได้ว่าความเห่อร้อนบนใบหน้าเกิดจากแสงแดดส่องหรือกระดากอายกันแน่ ร่างสูงเจ้าของอกแกร่งให้แอบอิงก้าวลงจากอาชาก่อนที่จะยกแขนรอช่วยเหลือสตรีผู้ไร้ประสบการณ์ในการขี่สัตว์สี่ขาสูงใหญ่เช่นนี้

   “ที่นี่คือ…?”

   “เทือกเขาฉินหลิง”


   สุรเสียงเอ่ยตอบ ขายาวแกร่งก้าวเดินนำไปยังศาลา นางผู้เป็นสนมของเขาทำได้เพียงเดินตามไปอย่างว่าง่ายและใช้ช่วงเวลาเช่นนี้ซึมซับทิวทัศน์ที่ไม่อาจทราบได้เลยว่าวันใดนางจะมีโอกาสได้มาเยือนด้วยตนเอง

   จิ่วเกอ เว่ยเจียเหลียนฮวาและจางกงกง ปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ปล่อยกายดื่มด่ำความงดงามของท้องนภา ก่อนที่องค์หวงตี้จะเอ่ยสิ่งที่นางอยากจะกลอกดวงตาขึ้นไปหลังศีรษะไม่รับรู้ ไม่เมียงมอง

   “สัปดาห์นี้เป็นเวรพลิกป้ายปรนนิบัติของเจ้าใช่หรือไม่”

   “ใช่เจ้าค่ะ”

   “ปรนนิบัติเสียสิ ให้ข้าสำราญ”

   ในยินเช่นนี้ใบหน้าของเว่ยเจียเหม่ยเหรินผู้เป็นเวรปรนนิบัติยามค่ำคืนก็ปรากฎเครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้าจนแลน่าขันไม่น้อย ราวกับว่าต้องการเรียนถามว่าตรงนี้เลยหรือ กลางป่ากลางเขาเนี่ยนะ ? ทว่าแลเหมือนดวงตาคมจะมองออก น้ำเสียงทุ้มเค้นขบขันในลำคอก่อนจะกวักมือเรียกจางกงกงมาพร้อมกับเอ่ยให้ไปพยิบกู่ฉินจากหลังม้าออกมา

    
“夕阳无限好,只是近黄昏。
  ทิวทัศน์ยามเย็นงดงามเหลือคณา,
  เพียงน่าเสียดายว่านี่ใกล้เวลาพลบค่ำแล้ว.”


   “ข้าได้ยินเจ้าเป่าขลุ่ยตอนอยู่น้ำตกอวิ๋นไถ หากไม่เป่าขลุ่ย ก็จงร่ายรำ”


   สิ้นวจีทรงอำนาจเอ่ยมือหนาก็ดีดกู่ฉินเสียงหวานใสราวกับว่าบรรเลงเพื่อให้เข้ากับนางแม้วนใจจะทราบดีก็ตามว่าคนตรงหน้าเหมาะกับกู่เจิงมากกว่า ทว่าขนาดของกู่เจิงจะแบกมาขึ้นเขาก็กระไรอยู่ พระสนมผู้ถูกลากออกมาจากวังทั้งยังเป็นเวรปรนนิบัติกระทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากกระทำตามกระแสรับสั่ง ผุดกายลุกขึ้นยืนกลางศาลาไม้หลังงาม หยิบขลุ่ยขึ้นมาเริ่มเป่าประสานเคล้าคลอกับกู่ฉินที่พระองค์บรรเลง และยังแถมการก้าวเท้าหมุนกายเดินซ้ายขวาราวกับว่ากำลังร่ายรำแม้มือทั้งสองต้องเป่าขลุ่ยก็ตาม

   แม้นแลประชดด้วยการทั้งบรรเลงดนตรีและก้าวเท้าร่ายรำอย่างแปลกตา ทว่าก็มิใช่ภาพแสลงตากระนัก กลับออกขบขันเบา ๆ เมื่อท่าทีร่ายรำช่างน่าเอ็นดู เว่ยเจียเหลียนฮวาอยู่ในระดับของสตรีที่ร่ายรำเป็น มิใช่ร่ายรำงามเลิศ ท่าทีจึงพอไปวัดไปวาได้บ้าง เป็นเช่นนี้อยู่ราว ๆ ครึ่งชั่วยามจนบทเพลงบรรเลงจนจบ ร่างเล็กที่ร่ายรำไร้แขนเล็กก็แสร้งว่าท่าร่ายรำสุดท้ายเป็นท่านั่งและทิ้งกายกับพื้นเพื่อพักเหนื่อยเสียเลย

   ท่าทางของสตรีนางนี้แลเห็นเพียงท่าทีกระโดกกระเดกคล้ายกุลสตรีบ้างก็ดีมิคล้ายกุลสตรีบ้างก็ดี ทว่ายังพออนุโลมได้เมื่อแลเห็นว่าความจริงแล้วสตรีนางนี้ใช่ว่าไม่รู้ความกลับกันที่กระทำเช่นนี้แลเหมือนให้เขาเลิกสนใจนางเสียทีมากกว่า

   ตัวเกียจคร้านนัก

   โอรสสวรรค์ในคราบของจิ่วเกอฟูจวินได้แต่คิดในใจ ไม่นานจางกงกงก็ก้าวเข้ามากระซิบรายงานบางอย่างกับร่างสูงหน้ากู่ฉิน ใบหน้าที่เมื่อครู่แลพึงใจปนขบขันในทีกลายเป็นความเขร่งขรึมและจริงจังทันตา

   “ประเดี๋ยวข้ามา”

   สิ้นวจีทรงอำนาจเอ่ยทั้งสองก็ก้าวเดินออกจากศาลาเพื่อออกไปสนทนาเรื่องอะไรนางก็ไม่อาจทราบได้ ทว่านางก็หาได้สนใจไม่ งานราชกิจก็ส่วนของบุรุษ แม้นนางจะมั่นใจนักว่าด้วยสติปัญญาของตนจะช่วยเหลือได้ แต่หากต้องเหนื่อยมากมายเพิ่มเติมนางสู้เอนกายเอกขเนกเสียดีกว่า

   น่าเสียดายนักที่ศาลาแห่งนี้ยังคงอยู่ในสายตาของบุรุษน่าตาย เช่นนั้นแล้วแทนทีจะนั่งพักเฉย ๆ นางคงทิ้งกายกับหมอนอิงไปแล้ว




จบอีเว้นท์+1 ปรนนิบัติ / +15 ตบะฝึกฝน / +15 EXP

(หากเลือกร่ายรำจะได้โบนัส +1 ปรนนิบัติ / +10 บารมี เพิ่มพิเศษ)
(หากเลือกเล่นดนตรี ได้รับ +10 บารมี +25 ความโปรดปรานจากฝ่าบาท)
ก็เล่นมันทั้งคู่อ่ะค่ะ  


[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้

+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน

ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย
@Admin 

แสดงความคิดเห็น

ความสัมพันธ์ตัน รอเปิดอีเว้นท์ปลดล็อกสถานะ เริ่มเปิดใจ หัวใจ 2 ดวง หลังจบอีเว้นท์นี้  โพสต์ 2024-7-22 10:36
โพสต์ 16684 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 05:35
โพสต์ 16,684 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-22 05:35
โพสต์ 16,684 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-22 05:35
โพสต์ 16,684 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-22 05:35

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-22 17:29:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-22 17:32


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




     ดวงตาสีนิล จดจ้องเมียงมองฟากฟ้าอย่างนึกสงสัย สตรีร่างเล็กแลเห็นอินทรีโผบินบนฟ้าก็นึกครึ้มอยากจะรู้ความรู้สึกของเหล่าปักษาที่กางปีกบิน สายลมที่พัดโบกผ่านร่างไปคงทำให้รู้สึกดีมิใช่น้อย เว่ยเจียเหลียนฮวาค่อย ๆ ขยับกายไปริมศาลา เอนกายกับเสาด้วยท่าทีสบาย ๆ ตามประสาสตรีจอมเกียจคร้าน ซึมซับบรรยากาศของยามสนธยาลมพัดแผ่วเช่นนี้สักพักก็แลเห็นความแปลกประหลาด เมื่อแสงสีส้มค่อย ๆ จางพร้อมกับกลุ่มหมอกสีขาวที่ฟุ้งกระจายรอบศาลาจนไม่อาจทัศนาสิ่งใดเป็นเช่นนี้ชั่วพริบตาก่อนจะมีสายลมวูบหอบหมอกนี้หายไป ปรากฎร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดอกเลางดงาม ดวงหน้างดงามและคมคายประดับแย้มยิ้มราวกับหลอกล่อให้เสน่หา อาภรณ์สีพิสุทธิ์ตัดสลับสีชาดริ้วเชือกคลุมทับเสื้อคลุมขนสีสว่าง กลิ่นอายเย็นเยียบจนทำเอาสตรีบางผู้มีอาวุธหนึ่งเดียวเป็นขลุ่ยโง่ ๆ อกสั่นอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดคือใบหูจิ้งจอกบนศีรษะเป็นสัญลักษณ์ชั้นดี

   หากมิใช่ปีศาจก็คนวิปลาสเลียนแบบปีศาจกระมัง

  “เจ้า…เป็นใคร?”

   ไร้คำเอ่ยตอบดวงตาสีทองเช่นจิ้งจอกสะกดให้นางจดจ้องไม่อาจละสายตาได้ ร่างสูงค่อย ๆ ย่อกายลงใช้มือหนาปลายเล็บยาวแหลมเชยคางมนแลพิศพิจารณาสตรีตรงหน้าอย่างนึกสนใจ แก่นวิญญาณบริสุทธิ์ช่างหอมหวนแผ่ไอออกจนปลายจมูกของจิ้งจอกหนุ่มอยู่ห่างจากแก้มใสเพียงสองชุ่น เมื่อครั้นได้สติจากการแลเห็นร่างบางขยับกายถอยแนบชิบเสาศาลาที่จากอิงแอบอยู่ก่อนหน้าแล้วจนแทบกลายเป็นสิงสถิตอยู่รอมร่อ น้ำเสียงทุ้มแลซุกซนขบขันออกมาแผ่วเบาอย่างนึกเอ็นดูในปฏิกิริยาของมนุษย์สตรีและเสียงดวงใจดวงน้อยที่เต้นโครมครามจนลอยเข้าใบหูสีพิสุทธิ์จนขยับเงี่ยฟังตามสัญชาตญาณ

   “แลเห็นเช่นนี้แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นใครเล่า หวางสักองค์ได้หรือไม่ ?”

   “ข้าไม่เสวนากับบุรุษไร้นาม”

   “เช่นนั้น ข้ามีนามว่า
ไป๋เซียว แม่นางจะเสวนากับข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ?”

   คำกล่าวของนางที่เอ่ยออกมาเรียกเสียงขบขันของเขาได้อีกครา ทั้งที่น้ำเสียงสั่นเครือถึงเพียงนั้นยังจะมาต่อปากต่อคำกับเขาผู้เป็นปีศาจ เช่นนี้แล้วยิ่งนึกอยากได้สตรีผู้นี้ไว้ข้างกาย หมายเลี้ยงดูให้แข็งแกร่งและสูบพลังวิญญาณเพิ่มตบะให้ได้มากที่สุด

   “เจ้าหน่ายใช่หรือไม่ กับชีวิตในวังของเจ้า”

   ราวกับตรงเข้าสะท้อนดวงใจ ดวงตากลมใสสั่นไหวอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ทว่าปีศาจย่อมเป็นปีศาจ ไม่อาจทราบได้ว่าที่อมนุษย์ผู้นี้เอ่ยจะเดาสุ่มหรือหยั่งรู้เข้าจิตใจนางกันแน่ ร่างเล็กกระทำเพียงเบนใบหน้าหนีออกจากมือหนาที่ไม่ได้บีบรั้งคางมนแต่อย่างใด มือหนายื่นมือมาตรงหน้าของนางและเอ่ยถามประโยคที่เกินจินตนาการ

  “ไปอยู่กับข้าดีไหมเล่า ?”

  “เหตุใดข้าต้องไปกับปีศาจเช่นเจ้าด้วย”

   “หากเจ้าลองเปิดหูเปิดตาแล้ว ใต้หล้าแห่งนี้มีสถานที่ที่ให้เจ้าท่องไปมากมายนัก ไม่เพียงดวงจิตที่หลับไหลของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น จะต้าฮั่นของมนุษย์ จะแดนปีศาจ ย่อมไม่เกินเงื้อมมือ”

   แม้ความอยากรู้อยากเห็นจะทำพิษจนแอบคล้อยตามมิใช่น้อย ทว่านางยังมีผู้คนที่คอยนางอยู่ข้างหลัง มารดาที่รอคอย เสี่ยวหมิงที่ต้องดูแล สกุลที่แม้ใจอยากทิ้งทว่ายังมีสิ่งที่นางไม่อาจทิ้งได้อยู่ เช่นนั้นแล้วบ่วงพวกนี้นางจะสามารถตัดสิ้นได้แน่หรือ ใบหน้าเล็กส่ายไปมาเบา ๆ ดวงตากลมโตราวดอกเหมยเบ่งบานเลื่อนขึ้นสบเข้าดวงตาทองราวกับต้องการส่งความในใจออกไป

   “ไม่…ข้าไม่อาจไปกับเข้าได้หรอก”


   น้ำเสียงจิ๊ปากหงุดหงิดดังลอดจากบุรุษปีศาจตรงหน้าอย่างไม่คิดปิดบังความขุ่นเคือง มือหนาที่กระทำเพียงยื่นมาตรงหน้าเมื่อครู่เร่งคว้าข้อมือบางเข้าให้พลางฉุดรั้งให้ยืนขึ้น หากมิได้ด้วยสันติก็จงใช้พละกำลัง เสียงหวานกรีดร้องดังลอดขึ้นมาทันใดที่กายบางนี้ถูกฉุกให้ลุกขึ้นและดึงรั้งให้ไปด้วยกัน นางยื้อกายกอดเสาศาลาแน่นหนาเพื่อรั้งไว้ไม่ให้ถูกดึงไปโดยง่าย น้ำเสียงที่เป็นทางรอดเดียวในการขอความช่วยเหลือก็กู่ก้องร้องหาบุรุษผู้เดียวที่ดังขึ้นมาในใจของนาง

  “ช่วยข้าด้วย !”

   ยื้อแย่งอยู่ราวเกือบหนึ่งก้านธูปได้ก็ปรากฎแสงสีทองอร่ามปกคลุมทั่วอาณาบริเวณจนดวงตาไม่อาจจดจ้องได้ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเป็นนางที่ถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนของโอรสสวรรค์เจ้าของปราณ์มังกรทองแข็งแกร่งส่องแสงเรืองรองราวกับคุ้มภัยมิให้ปีศาจมากล้ำกลาย

   “จางกงกง”

   เพียงเรียกขานก็เข้าใจ จางกงกงเร่งก้าวมารับเว่ยเจียเหลียนฮวาก่อนจะพาล่าถอยเพื่อหลบภัยจากลูกหลงต่อจากนี้ ไร้เสียงวจีอื่นหนึ่งปีศาจจิ้งจอกที่รำแพนหางทั้งเจ็ดหนึ่งโอรสสวรรค์ก็เข้าโรมรัน หนึ่งเพื่อแย่งชิง หนึ่งเพื่อปกปักษ์ ใช้เวลาเพียงเค่อเดียวเท่านั้นก็แลเห็นผลลัพธ์ ปีศาจจิ้งจอกรูปงามเห็นท่าไม่ดีจึงล่าถอย ส่วนสตรีหนึ่งเดียวในเทือกเขานี้เมื่อโล่งใจแล้วก็พลันล้มกายลงนั่งกับพื้นด้วยกายที่สั่นอย่างไม่อาจหักห้าม

   นางมิใช่สตรีนักรบ มิใช่บุตรีจวนแม่ทัพ นางเพียงสตรีผู้เป็นบัณฑิตจอมเกียจคร้านนอนเอกขเนกอ่านตำราในห้องหอ นอกเหนือจากการตบตีภายในราชวังก็ไม่มีสิ่งใดให้ข้องเกี่ยวกับความรุนแรงทั้งสิ้น ไหนเลยนางจะหักห้ามดวงใจให้สงบลงโดยเร็วได้อย่างไร บุรุษเจ้าของกระแสพลังสีทองตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีกลิ่นอายใดแฝงในบรรยากาศระแวกนี้แล้วก็หันกลับมาตรวจสอบสตรีของตน ย่อกายลูบปลอบไหล่บางที่สั่วเทา

   “หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนขึ้นราวสองในสิบส่วน “กลับเรือนกันเถิด”

   เมื่อพินิจแล้วว่าสนมตรงหน้าไม่อาจลุกขึ้นได้ในเร็วนี้ เขารอเพียงให้นางหายใจเข้าออกช้าลงและสงบขึ้นก่อนจะอุ้มร่างบางขึ้นหลังม้าแล้วค่อยโยนกายขึ้นไปตาม จบการท่องเที่ยวนอกวังไว้เพียงนี้ 



เกล็ดเล็กประกอบการอ่านโรล

   หน่วยวัดความยาวจะแบ่งออกเป็น ลี้ (里) จั้ง (丈) ฉื่อ (尺) ชุ่น (寸) ซึ่งสามารถเทียบได้ ดังนี้

   1 ลี้ (里) = 150 จั้ง (丈) = 500 เมตร (米)
   2 ลี้ (里) = 1 กิโลเมตร (公里) หรือ 1000 เมตร (米)
   1 จั้ง (丈) = 10 ฉื่อ (尺)
   1 ฉื่อ (尺) = 10 ชุ่น (寸)
   1 ชุ่น (寸) = 10 เฟิน (分)
   1 เฟิน (分) = 10 หลี (厘)

   หากวัดความยาวแบบเป็น ‘เมตร’ จะได้ ดังนี้

   1 จั้ง ประมาณ 3.33 เมตร
   1 ฉื่อ ประมาณ 3.33 เดซิเมตร (หนึ่งเดซิเมตร เท่ากับ สิบเซนติเมตร)
   1 ชุ่น ประมาณ 3.33 เซนติเมตร




+50 บารมีทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+20 หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน
ใส่มาเพราะคร้านจะลบออก

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง
@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20908 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 17:29
โพสต์ 20,908 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-22 17:29
โพสต์ 20,908 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-22 17:29
โพสต์ 20,908 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-22 17:29
โพสต์ 20,908 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-22 17:29

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2314
ความชั่ว
1068
ความโหด
2532
โพสต์ 2024-7-22 22:21:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด




ใกล้ถึงหมู่บ้านตงซิงแล้วพี่สาว อีกนิดเดียววว
@Admin หลงผ่านเทือกเขาฉินหลิงแล้วนะคับ


CHAPTER 9


พบพรากลาจากเป็นเรื่องปกติ ทว่าหลงเยวี่ยก็ยังเสียใจที่ต้องอำลาจากเว่ยจื่อฟูในตอนสุดท้าย

สองขาของนางเยื้องก้าวไปตามทาง พร้อมเสียงครืดคราดจากกระสอบป่านที่ถูกลากไปตามพื้น จอมยุทธ์แซ่เว่ยช่วยเหลือนำวัวเทียมเกวียนกลับมาให้นางแล้ว เวลานี้นางเพียงแต่ตรวจสอบของว่าครบหรือไม่ เมื่อรายการสินค้าไม่ขาดตกบกพร่อง นางก็ประคองร่างขึ้นบังคับบังเหียนวัว

จอกยุทธ์เว่ยเอ่ยก่อนลาจากว่า ‘หากจะไปที่หมู่บ้านตงซิงใช้ทางนี้ไม่เหมาะสม จะต้องใช้เส้นทางรองขึ้นเขาฉินหลิงไปเสียก่อนถึงจะปลอดภัย เมื่อถึงเทือกเขาฉินหลิงแล้วให้มุงหน้าไปทางตะวันตก เพียงเท่านี้ก็ไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้ว’

ด้วยเหตุนั้นหลงเยวี่ยจึงพาร่างที่บาดเจ็บเปลี่ยนเส้นทางไปทางเทือกเขาฉินหลิง ครั้งตอนเดินทางเข้าเมือง หลงเยวี่ยก็เคยผ่านเส้นทางนี้เช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้ดูให้ละเอียดเพราะติดพันการแก้ตาเดินมากในหนังสือ ‘108 กลกลืนหมาก’ อยู่ ห้วงเวลานี้นางเดินทางเพียงลำพังโดดเดี่ยวอย่างมาก

สองป่าข้างทางอุดมสมบูรณ์ด้วยพรรณไม้คดเคี้ยว มองอย่างไรก็น่าหลงทาง เพียงแต่ หมู่บ้านตงซิง มีคนเข้าออกบ่อยจึงทิ้งรอยทางเอาไว้สายหนึ่งเป็นทางเกวียนลาดยาวต่อไปเรื่อยๆ หลงเยวี่ยเสี่ยงดวงไปตามเส้นทางนั้นพลางนิ้วหน้าเหยเกไปตลอดทาง

อาการปวดระบมจากแผลไม่ใช่เล่นๆ เลย

หลงเยวี่ยตระหนักในสภาพของตนเองตอนนี้ดี แม้จะเห็นหมาป่าตามรายทางหรือไก่ป่าฝูงใหญ่ นางก็เพียงแต่ควบคุมวัวให้เดินผ่านไปอย่างสงบนิ่งเท่านั้น



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6331 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 22:21
โพสต์ 6,331 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-7-22 22:21
โพสต์ 6,331 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-22 22:21
โพสต์ 6,331 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2024-7-22 22:21
โพสต์ 6,331 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-22 22:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x18
x3
x3
x7
x8
x2
x3
x4
x4
x1
x2
x3
x5
x1
x3
x18
x1
x5
x3
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-7-28 20:02:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โจวจินหลังจากเดินออกมาจากหอคอยเเห่งปราชก็เดินมายังเทือกเขาฉินหลิง


"ไอ้พวกปราชเวรเอ้่ย ไม่แปลกที่พระสนมคนนั้นจะถล่มพวกเอ็งพวกเอ็งมันดีแต่ปาก" โจวจินตะโกนคำรามลั่นหลังจากที่เข้าเทือกเขามาซักพัก


หลังจากนั้นโจวจินก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์และตั้งสติ เขารู้สึกว่าให้ต่อให้เขาอาละวาดก็ไม่ช่วยอะไร ตอนนี้เขาต้องล่าสัตว์ หารางวัลไปยังสมาคมยุทธจักรเพื่อหาผู้เเปลจดหมายลับฉบับนี้


โจวจินได้สติจึงจัดการวิ่งไล่ล่าหาไก่


ครั้งนี้เข้าเจอไก่แก่ ที่มีท่าทางน่าเกรงขาม และไก่เด็ก คิดว่าน่าจะเป็นแม่ลูกกัน


โจวจินไม่รอช้า กระโดดไปสู้กับไก่อย่างห้าวหาญ


โจวจินพลาดโดนไก่จิกไปหลายทีก็จัดการพวกมันได้


เขาจึงค่อยๆเเล่ไก่ทั้ง 2 ตัวด้วยความบรรจง เพื่อที่จะได้เนื้อเยอะๆเป็นรางวัลภารกิจ

-----------------------------------------

https://han.mooorp.com/plugin.ph ... de:fight&aid=65 ไก่เลเวล 5




https://han.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=60 ไก่เลเวล 10

ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ):

เนื้อสัตว์ (เลขไบต์หลักสุดท้าย = จำนวนได้)
ซี่โครงไก่ (เลขไบต์รองสุดท้าย = จำนวนได้)
2 ตัวนะเจ้าครับ






แสดงความคิดเห็น

เสียใจด้วย การชำแหละซี่โครงไก่ทั้งสองตัวของท่านชำแหละพลาดจนซี่โครงเละเทะ  โพสต์ 2024-7-29 09:52
โพสต์ 3306 ไบต์และได้รับ 1 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 20:02
โพสต์ 3,306 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-28 20:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2024-7-29 13:53:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 29 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา 14.50  น ณ เทือกเขาฉินหลิง



โจวจินทำการคุ้มกันกองคาราวานพ่อค้า คาราวานพ่อค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างเป็นงาน หยุด ในจุดที่มีสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเห็ด โสม หรือ แม้กระทั้ง หน่อไม้ เยื่อไผ่ สมุนไพร พวกเขาเก็บมันทั้งหมด และเป็นระเบียบ


พวกเขารู้ว่า ป่าเเห่งนี้มันอันตราย เขารีบจอด รีบหยุด รีบเก็บ


โจวจินไม่จำเป็นต้องเหนื่อยใจเหมือนตอนสมาคมพ่อค้าเปาเปียว ชายหนุ่มทำงานอย่างมีความสุข


เวลาผ่านไป ราวๆ 2 ชั่วโมง


"เจ้าหนุ่มเราใกล้เก็บสินค้าเต็มเกวียนแล้ว หลังจากนี้ เราจะเลาะทางกลับ และเก็บสินค้าไปด้วย เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาการเดินทาง เดี้ยวมันจะค่ำ ซะก่อนนี่มันก็แทบ จะ 16.50 แล้ว" พ่อค้ากล่าว


"ได้ขอรับ โจวจิน ตื่นตัวสำรวจซ้ายขวา ในฐานะบุตรชายของพ่อค้าเขารู้ดีว่าถ้ามีพวกโจร พวกมันนั้นไม่โง่ จะต้องบุกเข้ามาขโมยสินค้ายามที่สินค้าเต็มคันรถเป็นแน่แท้
หรือถ้ามีสัตว์ ป่า มันก็ต้องเล็งอาหารที่อยู่ในรถยามนี้เป็นแน่แท้


โจวจินค่อยๆ คุ้มกันขบวนพ่อค้าไปซักพัก ในระหว่างทางขากลับนี้จะมีเรื่องอะไรมาไหมนะ



----------------------




เลขไบต์ต่อไปนี้จะเจอศัตรูโจมตี
เลขไบต์คี่ : โจรป่า Level 13
เลขไบต์คู่ : ปีศาจแพนด้า Level 18

@Admin ขอเปิดใช้งานพรสวรรค์ลาภลอย เพิ่มโอกาสพบเจอสิ่งที่น่าสนใจขอรับ


จะมีเรื่องอะไรนอกเหนือจากโจรและแพนด้าไหมนะ มาลุ้นกันนน

แสดงความคิดเห็น

เจอโจรป่า Level 13  โพสต์ 2024-7-29 14:55
โพสต์ 4979 ไบต์และได้รับ 1 EXP!  โพสต์ 2024-7-29 13:53
โพสต์ 4,979 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-29 13:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2024-7-29 18:36:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 29 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา 17.00  น ณ เทือกเขาฉินหลิง

การคุ้มกันพ่อค้า (2)



การเดินทางครึ่งแรกนั้นเป็นได้อย่างราบเรียบและไม่มีปัญหาใดๆ


แต่ในระหว่างการเดินทางกลับน้ั้นหลากจากพ่อค้าทั้งหลายเก็บสมุนไพรและวัสดุเต็มคันรถแล้วนั้นโจวจินจับสังเกตุได้ พวกแมลง สัตว์เล็ก เสียงร้องของจิ้งหรีดนั้นอยู่ๆก็จางหายไป โจวจินมองหน้าท่านพ่อค้าแล้วก็พยักหน้า ท่านพ่อค้าก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้


เวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีเสียงดังฟุ้บ โผล่มา โจวจินสะบัดกระบี่ไปทางนั้นทันที ปรากฎเป็นลูกธนู ลูกนึงแหวกอากาศมา


ฉวับ โจวจิน ฟาดลูกธนูกระเด็นออกไป


"ท่านพ่อค้า หาที่กำบังขอรับ ศัตรูน่่าจะมีไม่มาก ไม่อย่างนั้น คงไม้่ใช้อุบายเกาฑัณฐ์ ข้าน่าจะจัดการได้" โจวจินกล่าวกับพ่อค้าให้พ่อค้าไปหลบในรถม้า เหลือทิ้งไว้แค่คนขับรถม้ากับเกวียน


เวลาผ่านไป ไม่นาน ก็มีลูกธนู ลูกที่ 2 3 4 5 โผล่ ออกมาโจวจินก็ปัดป้องได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนกับเจ้าของลูกธนูนั้นจะเริ่มเบื่อหน่ายแล้ว หลังจากยิงธนูลูกที่ 5 ปรากฎเป็นโจรคนนึง ท่าทางดูน่าเกรงขามและเเข็งเเรงเดินออกมา


"พวกเจ้าน่ะ ลืมจ่ายค่าผ่านทางรึเปล่า" โจรคนนั้นกอดอก กล่าวถาม ที่มือ ถือกระบี่ชั้นดี ที่ดูแล้วไม่น่าใช่ของมัน น่าจะเป็นของทีปล้นมาเป็นแท้


"ข้าพึ่งรู้ ว่าข้านั้นจำเป็นต้องจ่ายค่าผ่านทาง " โจวจินกล่าวสวน


"ขนพวกเจ้าออกมาให้หมดเลยดีกว่า ข้าจะได้ ฟาดฟันพวกเจ้าให้ดับดิ้นจะได้ไม่ต้องมาก่อกรรม ทำชั่วเหมือนเช่นครานี้อีก หรือถ้าเจ้าอยากจะยอมแพ้เข้าคุกทา่งการก็มัดมือตัวเองซะ ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย" โจวจินกล่าวยาวง แต่ตาก็ยังจ้องไปทางโจร และรอบข้าง ระวังการลอบโจมตี


"หึหึ เจ้านี่มันไร้เดียงสา โจรที่ไหนจะยอมง่ายๆล่ะว่ะ" เจ้าโจรร้้ายไม่รอช้า ปามีดสั้นไปที่ ม้า แล้ววิ่งเข้ามาฟันโจวจิน


โจวจินคิดไว้ ทำไม ปาดกระบี่ ขว้างทางมีดสั้น ยอมโดนกระบี่ฟาด เพราะใส่่เกราะอยู่


แป้ง


กลับเ้ป็นเจ้าโจรร้านที่ไม่รู้วิธีการใช้กระบี่ ดันเอาด้านไร้คมฟาดมาทางโจวจิน นับเป็นเคราะห์ดีแบบ บังเอิญอย่างช่วยไม่ได้


"หน่อย เจ้า พวกลูกคุณหนูมีปัญญาซื้อเกราะ" โจรร้ายกล่าว


หลังจากนนี้ เป้นการต่อสู้ระหว่างโจวจินและคนร้าย ทั้งสองฟาดฟันกระบี่ กันอย่างไม่มีใครยอมใึคร แต่ทุกการต่อสู้ก็ย่อมมีผู้พลาดผลัง เจ้าโจรร้าย ดันเดินถอยหลังสะดุดหิน โจวจินเห็นจังหวะนั้นม่รอช้า เเทงกระบี่เข้าที่ซอกคอของโจรและตวัดออกเป็นการปลิดชีพโจร


"พวกท่านไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับเจ้าโจรมันตายแล้ว" โจวจินหันมาถามคนขับรถม้าและพ่อค้่า


"พะ พวกข้าไม่เป็นไรแล้วพวกเรารีบไปเถอะ" พ่อค้าเห็นโจวจินจัดการโจรเสร็จแล้วจึงเร่งโจวจินเดินทางทันที


โจวจินเห็นดังนั้นก็พยักหน้า และรีบค้นตัวเก็บของมีค่าของโจร และรีบเดินทางไปส่งขบวนพ่อค้าทันที



-------------------------------

@Admin ขอใช้พรสวรรค์ลาภลอยเผื่อเจอเหตุการณ์ที่น่าสนใจขอรับ




https://han.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=56 ลิงค์ชนะโจรเลเวล 13



ลูทของทั้งหมดของโจร

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7910 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-29 18:36
โพสต์ 7,910 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2024-7-29 18:36
โพสต์ 7,910 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +1 ความชั่ว +2 ความโหด จาก กระบี่  โพสต์ 2024-7-29 18:36
โพสต์ 7,910 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)  โพสต์ 2024-7-29 18:36
โพสต์ 7,910 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-29 18:36
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2024-7-29 19:38:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย zhoujin เมื่อ 2024-7-29 19:41

วันที่ 29 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา 18.30  น ณ เทือกเขาฉินหลิง

ปราณสยงเม่า (1)


หลังจากที่โจวจินได้ส่งพ่อค้าที่หน้าประตูเมือง โจวจินวิ่งเข้ามาในเทือกเขาฉินหลิง ในระหว่างการคุ้มกัน โจวจินได้สัมผัสถึงออร่าแปลกๆ ที่เขารู้สึกว่าเขาสามารถดูดซับเอาไว้ ได้ทำให้ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากเขาได้กลับมาสำรวจที่เทือกเขาฉินหมิงอีกครั้ง พลางคิดว่าทำยังไงถึงจะเจอออร่านั้น


ในเรื่องเล่าของพวกพ่อค้า ส่วนใหญ่ที่ประสบพบเจอปีศาจในป่าไผ่ ล้วนแล้วแต่เก็บวัสดุใกล้ๆ ป่าไผ่กันทั้ง หรือข้าจะลองเก็บวัสดุใกล้ๆป่าไผ่ดู


โจวจินคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจลองเก็บพวกต้นไม้อ่อน เยื่อไผ่ และหน่อไม้อ่อนที่ริมต้นไผ่


โจวจินใช้เวลาเก็บไปได้เพียงแค่ชั่วครู่ เขาก็กับได้ยินเสียงคำรามลั่น


"โฮ่ก เจ้ามนุษย์ บังอาจมากที่มาเก็บไผ่ของข้า เจ้าจงตายซะ โฮก" ปรากฎเป็นแพนด้าร่างใหญ่ปรากฎตัวขึ้นมาพร้อมกงเล็บสีแดงฉานท่าทางน่ากลัวฟาดมาทางโจวจิน


"โห ใจเย็นๆซิพี่เบิ้ม ข้าแค่มาเก็บของป่าก็จะฆ่าจะแกงกันแล้วเหรอ" โจวจินชักกระบี่ปัดป้องและกล่าวถาม


"แน่นอน โฮก ไผ่ทุกต้นล้วนเป็นของเผ่าเเพนด้า โฮกก" ปีศาจแพนด้ากล่าวประกาศศักดา


"นี่ถ้าข้าขอสุราไผ่เขียวไปด้วยนี่ พวกเจ้าไม่จับข้าทำปุ๋ยเลยเหรอ" โจวจินกล่าว


"สุราไผ่เขียว! เจ้ารู้จักมันได้ยังไง คนที่รู้และมีมีแค่เผ่าแพนด้า.... หรือว่าเจ้ามาล่าเผ่าพันธ์ข้าโดยเฉพาะ เจ้าต้องตาย โฮก" ปีศาจเเพนด้าได้ยิ่งคำว่าสุราไผ่เขียวก็ของขึ้น คิดว่าโจวจินเป็นศัตรูของเผ่าพันธ์ เปิดฉากการต่อสู้กับโจวจินทันที


"ว่าแล้ว ว่ายังไม่มีปีศาจที่คุยรู้เรื่อง" โจวจินส่ายหัว


หลังจากสู้กันไปได้ซักพัก โจวจินก็จับจังหวะของพี่แพนด้าได้ ฟาดกระบี่ไปที่ข้อพับของเเพนด้า หลังจากนั้นก็ใช้สันกระบี่ฟาดเข้าที่หัว ทำให้แพนด้าตัวนั้นสลบดังเเอ่ก


'จะทำยังไงกับเจ้านี่ดีล่ะเนี่ย ถึงจะเห็นเเบบนี้แต่โจวจินก็เป็นพวกรักสัตว์ ยิ่งจากเท่าที่ฟัง เเพนด้าตัวนี้ก็แค่ปกป้องเผ่าพันธ์ของตัวเอง เขาจึงอยากลองทำในสิ่งที่ควรทำดูบ้าง' โจวจินคิด


โจวจินเริ่มทำการพยายามปลดของมีค่าของแพนด้าตัวนี้ไม่ว่าจะเป็นกรงเล็บทีดูท่าทางแข็งแรง หรือจะเป็นสุราไผ่เขียวที่อยู่ที่เอว ในจังหวะพยายามปลดของโจวจินเห็นเเพนด้าทำท่าทางว่าจะตื่น จึงเคาะหัวไปอีกทีให้สลบต่อ


'เอาล่ะนะ สิ่งที่สำคัญที่สุด' โจวจินคิดพลาง ฟาดกระบี่ เข้าที่หัวแพนด้าให้สลบแบบหลับลึกไปเลย


โจวจินพยายามดูดซับ พลังงาน ตบะ และ ปราณของปีศาจตัวนี้ทั้งที่มันยังมีชีวิต ชายหนุ่มสังเกตุว่า ปีศาจทุกตัวที่เขาดูดซับตบะ ล้วนแล้วแต่คืนร่างเดิน ถ้าเขาสามารถดูดซับพลังปราณ และ ตบะของ ปีศาจแพนด้าตัวนี้ได้ ยังไงแพนด้าตัวนี้ก็ควรกลับเป็นแพนด้าปกติได้


แต่กระนั้น โจวจินที่พยายามดูดซับปราณนั้น กับเป็นสาเหตุให้แพนด้านั้น ตื่นตัว และคลั่ง ฟาดไปที่โจวจิน ทำให้โจวจินต้องป้องกันตัว แล้วจัดการฆ่าปีศาจแพนด้าตัวนี้เสีย และทำการดูดซับตบะต่อ หลังจากนั้น โจวจิน จะยืนไว้อาลัยให้ศพแพนด้าและขุดหลุมฝังให้ หลังจากนั้นเขาจึงกลับไปพักผ่อนที่เมือง





---------------------




https://han.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=25 หลักฐานการต่อสู้กับปีศาจแพนด้า Level 18



ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ):

สุราไผ่เขียว 2 ไห

และอัตราออก กระดูกวิญญาณ: (เลขไบต์ 0 , 7)


กรงเล็บโลกันตร์ คุณภาพม่วง Level 40




การดูดซับปราณของผู้กลับชาติมาเกิด (โลกดั้งเดิม)
(1) ดูดซับ เศษเสี้ยววิญญาณปีศาจแพนด้า โดยเศษเสี้ยววิญญาณจะมาตกผนึกในรูปของไอเท็ม
(2) สูญเสีย (ตบะฝึกฝน -10 หน่วย) ทุกครั้งที่ดูดซับวิญญาณแพนด้า
(3) รวบรวม เศษเสี้ยววิญญาณแพนด้า 15 ชิ้นส่วน และนำไปหลอมรวมเป็นปราณภายในร่างกาย
(ศูนย์ CRAFF > หลอมปราณ > ปราณสยงเม่า)






@Admin  ขอเปิดใช้งานพรสวรรค์ ลาภลอย เพิ่มโอการพบเจอเหตุการณ์ที่น่าสนใจขอรับ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 11450 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-29 19:38
โพสต์ 11,450 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2024-7-29 19:38
โพสต์ 11,450 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม +1 ความชั่ว +4 ความโหด จาก กระบี่  โพสต์ 2024-7-29 19:38
โพสต์ 11,450 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)  โพสต์ 2024-7-29 19:38
โพสต์ 11,450 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-29 19:38

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน -10 ย่อ เหตุผล
Watcher -10

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2024-7-31 10:03:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 30 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา 15.00  น ณ เทือกเขาฉินหมิง




บาป (1)


หลังจากที่ โจวจินล่ามนุษย์ปลาเสร็จในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจัดกระเป๋านั้นเอง โจวจินก็ได้พบจดหมายของ พี่หมาน เชิญนัดพบที่เทือกเขาฉินหลิง ช่วงเวลา 15.00 โจวจินเห็นดังนั้นก็เกาหัวพลางคิด หรือพี่หมานจะช่วยข้าฝึกกระบี่ หรือไปล่าโจรกันนะ


โจวจินหลังจากเก็บของเสร็จก็ได้เองเดินทางเข้าสู่เทือกเขาฉินหมิง


ไม่ทันไรหลังจากที่โจวจินเดินเข้ามาก็ได้พบกับพี่หมาน


"สวัสดีขอรับพี่หมาน" โจวจินกล่าวทักทาย


"เช่นกันน้องชาย" พี่หมานกล่าวรับ


"เรามาเดินไปคุยไปกันดีกว่า ไม่ต้องห่วงตอนนี้แถวนี้ไม่มีอันตราย" พี่หมานกล่าวรับรอง


"ได้ขอรับ" โจวจินกล่าว


"จริงๆ แถวนี้ค่อนข้างสงบนะ เจ้าอาจจะฟังดูแปลก แต่เจ้าเชื่อไหมที่แถวนี้สงบก็เพราะมีปีศาจ" พี่หมานกล่าว


"ปีศาจ ? ไม่ใช่ว่าปีศาจมีแต่พวกชั่วๆ เลวๆ ทำร้ายคนอย่างพวก ปีศาจปลา ปีศาจแพนด้ารึขอรับ" โจวจินกล่าวถาม


พี่หมานขมวดคิ้วพลางสังหรณ์ใจแปลกๆ "เจ้าอาจจะพูดถูกเรื่องปีศาจปลา แต่ปีศาจแพนด้านั้นไม่ใช่พวกมันรักสงบ ไม่ทำร้ายใครก่อน อาจจะมีบ้างที่ทำร้ายคนที่เข้ามาเก็บของป่าขายแต่ก็ไม่ค่อยได้เจอนักเพราะมันก็อยู่ลึก พวกที่ถูกปีศาจแพนด้าฆ่าส่วนใหญ่มีแต่พวก จอมยุทธ์ที่หวังจะล่าเอาสมบัติของพวกแพนด้า ไม่ว่าจะเป็นสุราไผ่เขียว หรือว่าแม้กระทั่งกระดูกวิญญาณ พวกนี้ไม่รู้เลยว่าถ้าปีศาจแพนด้าศูนย์พันธ์ ไปพวกโจรมันจะต้องเป็นยึดเทือกเขานี้ เป็นเเหล่งส่องสุมเป็นแน่เเท้ และชาวบ้านจะต้องเดือดร้อนมากกว่าเดิม" พี่หมานกล่าวกับโจวจิน


"ที่ข้าชวนเจ้ามาวันนี้ เมื่อวานน่าจะมีโจรมาล่าเเพนด้าอีกแล้ว ถึงมันจะทำตัวมีคุณธรรมทำหลุมศพให้ เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ ถ้านั่นมาจากการรู้เท่าไม่ถึงการ ข้าก็หวังว่านั่นจะเป็นศพแรก และ ก็ ศพสุดท้ายของเขา" พี่หมานกล่าวและถอนหายใจ


ฟังจนถึงตอนนี้โจวจินเริ่มมีสีหน้าแปลกๆ ปีศาจแพนด้าไม่ใช่ตัวไม่ดีหรือ ปีศาจแพนด้า ลดการมีอยู่ของโจร และ หลุมศพที่ทำลวกๆ นั่นอีก คงไม่ใช่ว่า นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำหรอกนะ ช่างมัน ลองไปดูให้เห็นกับตาก่อนดีกว่า


เวลาผ่านไปซักพัก ในเส้นทางที่คตุ้นตาโจวจิน


โจวจินก็ได้เจอกับหลุมศพที่เขาทำไว้ทำให้เขารู้แน่ชัดว่าศพนี้แหละที่เขาเป็นคนฆ่าและฝังเองกับมือ เขาจะทำยังไงบอกพี่หมานดีไหม ตอนแรกเขาไม่รู้ เขาคิดว่าปีศาจมีแต่พวกอันตราย พวกบ้าคลั่ง ทำไมถึงมีปีศาจที่รักสงบ


"พี่หมานขอรับ ปีศาจแพนด้านั่นรักสงบไม่ยุ่งกับใคร ไม่มีอันตรายจริงๆใช่ไหมขอรับ" โจวจินกล่าวถาม


"อาจจะไม่ใช่ทุกส่วน มันก็ยังเป็นปีศาจสัตว์ ยังคงอันตราย แค่ส่วนมากมันไม่ทำร้ายใครก่อน ถ้าเจอมันทำร้ายคือเจ้าอาจจะบุกรุกถิ่นมัน ถ้าถึงตอนนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะปราณี จัดการพวกมันให้สลบแล้วปล่อยมันไปดีกว่า น้องชายถึงแล้วนี่แหละจุดที่เราจะมาทำหลุมศพให้เจ้าแพนด้า"พี่หมานกล่าวพลางยิ้ม


"พี่หมานครับ ข้ามีเรื่องจะสารภาพ" โจวจินคารวะหลุมศพแพนด้า และหันไปทางพี่หมาน


พี่หมานทำท่าครุ่นคิด เหมือนกับจะคาดการณ์เหตุการณ์นี้ไว้แล้ว


"ข้าคิดว่าปีศาจมีแต่ผู้ชั่วร้าย ตั้งแต่ปีศาจปลาที่ช้าจัดการ ฆ๋าเพื่อผดุงธรรม ตลอดจนการดูดซับตบะจากเหล่าปีศาจ ข้าก็ได้ลองศึกษาและมีจอมยุทธ์ท่านนึงแนะนำการดูดซับตบะปีศาจให้ข้า ข้าก็ล่าปีศาจและดูดซับตบะพวกมันมาตลอด จนมาถึงตอนที่ข้ามาคุ้มกันพ่อค้าที่เทือกเขานี้ ข้าได้ยินพวกเขากล่าวว่า เขาจ้างข้ามา เพราะมีภัยอันตรายจากโจร และปีศาจแพนด้า จึงจ้างข้ามาคุ้มกันในระหว่างการเก็บของป่าขาย ข้าก็เลยคิดว่าปีศาจแพนด้านั้นทำร้ายคนหลังจากที่ข้าเสร็จงานคุ้มกันข้าก็มาล่าปีศาจแพนด้าขอรับ แต่พอข้าได้ล่าพวกเขา ปลิดชีวิตพวกเขาไม่รู้ทำไมใจข้าถึงรู้สึกผิดไม่เหมือนกับตอนที่จัดการพวกมนุษย์ปลาเลย ยิ่งตอนดูดซับตบะ เหมือนข้าไม่เป็นตัวของตัวเองเลยขอรับ" โจวจินกล่าวยาวพลางถอนหายใจ


"หลุมศพที่ข้าทำให้เจ้าปีศาจแพนด้าตนนี้ ก็ทำมาจากความรู้สึกผิด"โจวจินหันหน้าไปคารวะศพแพนด้าอีกครั้ง


"ถ้าข้าจะขอทำหลุมศพให้แพนด้าตัวนี้ แบบดีๆ ได้ไหมครับ แล้วหลังจากนี้ข้าคงต้องเรียนรู้ปีศาจไม่ใช่แย่ทุกเผ่าพันธ์ มันก็ต้องมีเผ่าพันธ์ที่รักสงบ และควรอนุรักษ์ไว้ไม่ควรล่า ท่านช่วยเป็นพยานให้ข้าได้หรือไหมขอรับ ถ้าข้าไม่มั่นใจว่าสิ่งนั้นทำความเดือดร้อน ทำร้ายผู้คน เฉกเช่นมนุษย์ หรือสิ่งนั้นไม่ได้ ฆ๋าข้า ข้าจะพยายามไว้ชีวิตและไม่วู่วามเช่นวันนี้ ปีศาจแพนด้าตัวนี้จะเป็นศพแรกของข้า และจะเป็นศพสุดท้าย หากปีศาจแพนด้าไม่ได้ทำร้ายข้าจนถึงตายข้าขอรับปาก" โจวจินจ้องไปที่หน้าพี่หมานและกล่าวคำสัญญา


พี่หมานมองหน้าโจวจินนิ่งๆ ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่อีกนัยย์นึงก็เหมือนกับรอดูการกระทำของชายหนุ่มว่าเขาจะทำยังไงต่อ


โจวจินไม่รอช้า ปรับแต่งหลุมศพให้ดี จัดวาง รวมถึงหาแผ่นหินใหญ่มาวางและใช้มีดล่าสัตว์แกะสลักหิน


หลุมศพนี้ ข้าขออภัย ปีศาจแพนด้า ข้าจะระลึกถึงบาปของข้า ย้ำเตือนการกระทำของข้าเสมอ


โจวจินใช้เวลา 3 ชม ทำหลุมศพนี้ด้วยความปราณีต หลังจากปรับปรุง หลุมศพจนเสร็จโจวจินหยิบสุราไผ่เขียวที่แพนด้าชื่นชอบมา และนำมาเทคารวะไปที่หลุมศพนั้น "เหล้านี้อุทิศให้เจ้าข้าขออภัยในความผิดพลาดจริงๆ " โจวจินกล่าวและคารวะ


พี่หมานก็คารวะเช่นกัน


หลังจากนั้นพี่หมานก็ได้กล่าวกับโจวจิน


"ขอให้เจ้าจำครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน ทุกชีวิตมีค่าเสมอ ข้าหวังว่าเจ้าจะทำตามคำพูดได้นะน้องชาย ป่ะ กลับเมืองกันเถอะ" หลังจากที่พี่หมานเห้นการกระทำของโจวจินที่แสดงความรับผิดชอบต่อความผิดของเขา พี่หมานก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น


หลังจากนั้นสองหนุ่มก็กลับเมืองและแยกย้ายกัน พวกเขารู้ดีว่าความสัมพันธ์พวกเขาจะไม่เหมือนเดิม ตอนแรกพี่หมานมองโจวจินในแง่ดีมาก แต่ในตอนนี้ โจวจินก็ได้มีจุดด่างพร้อย หรือบาปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงเขาจะสารภาพ แต่มันจะเป็นไปได้หรือ แก้วร้าวนั้นยากที่จะประสาน ความไว้ใจก็เช่นกัน พี่หมานจะรับโจวจินเป็นศิษย์ดั่งความตั้งใจแรกหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป


--------------------------------

[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว จากความผิดหวัง เรื่องโจวจินเป็นคนฆ่าแพนด้า -30 ความสัมพันธ์


[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว  โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20


[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว ผู้มีบุญ โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20




โจวจิน คารวะศพแพนด้าที่หลุมศพใหม่ด้วยสุราไผ่เขียว 1 ไห

@Admin เปิดใช้งานพรสวรรค์ผู้มีบุญ เพิ่มโอกาสเจอเหตุการณ์ต่างๆ

แสดงความคิดเห็น

เรียบร้อย ลืมขอรับ  โพสต์ 2024-7-31 11:50
คุณได้รับ +30 คุณธรรม +50 ความโหด โพสต์ 2024-7-31 11:01
อย่าลืมส่งสุราไผ่เขียวด้วย คารวะสุราเปล่า?  โพสต์ 2024-7-31 11:01
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว ลดลง -30 โพสต์ 2024-7-31 11:01
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2024-7-31 11:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้