เผ่ามังกรดำที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มหนาแน่น พวกเขามักจะออกตระเวนทั่ว ภูมิภาคเหอเป่ย เพื่อปล้นและจับสาวชาวบ้าน
เหมืองแร่เก่าแก่ตั้งอยู่นอกเมืองฉางอันท่ามกลางความซับซ้อนของป่าเขาหลังจากมีผู้สำรวจพบแร่ทองแดงคุณภาพสูงจำนวนมากสถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นทรัพยากรสำคัญในการนำมาผลิตเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ในช่วงยุครุ่งเรืองเหมืองจื่อถงซานได้รับการกล่าวขานว่ามิเคยหลับใหลจนกระทั่งการบุกรุกของปีศาจหนูเริ่มขึ้นทำให้เหมืองซบเซาลงทั้งที่ยังมีทรัพยากรแร่ทองแดงเหลืออยู่อีกมากมายด้านใน
วิหารโบราณที่เป็นที่เล่ากันว่าผนึกปีศาจผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งไว้
วิหารโบราณที่เป็นที่เล่ากันว่าผนึกปีศาจผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งไว้
สถานที่ริมบึงหรือแม่น้ำหลายสาย มักจะพบฝูงปีศาจปลาซุกชุม
เนินป๋อหวังเป็นพื้นที่ที่เคยเงียบสงบและเขียวขจี แต่บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่อึมครึมและน่าขนลุก พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบตลอดทั้งปี ทำให้ต้นไม้และพืชพรรณดูบิดเบี้ยวและมีสีสันผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ ลึกเข้าไปในใจกลางของเนินคือทางเข้าสู่ถ้ำซึ่งเป็นที่กบดานของเหล่าปีศาจแพนด้า ปากถ้ำมีรูปร่างคล้ายกับกรงเล็บขนาดใหญ่ของสัตว์ร้าย มีเถาวัลย์สีดำสนิทพันเกี่ยวอยู่รอบปากถ้ำ เมื่อก้าวเข้าไปภายในจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมหวานเย้ายวนที่ปะปนกับกลิ่นสาบเฉพาะตัวของปีศาจ ภายในถ้ำเต็มไปด้วยแสงไฟสีแดงทึบที่ส่องสว่างจากผลึกแร่ประหลาดที่ฝังอยู่ตามผนังถ้ำ พื้นถ้ำเปียกชื้นและมีคราบเหนียวคล้ายยางไม้สีชมพูอยู่ทั่วไป บรรยากาศภายในถ้ำอบอวลไปด้วยความอับชื้นและกลิ่นที่ชวนให้มึนงง เหล่าปีศาจแพนด้าที่อาศัยอยู่ในถ้ำมีรูปลักษณ์ที่ดูแปลกประหลาด พวกมันมีขนสีขาวดำสลับกัน แต่ส่วนที่ควรจะเป็นสีขาวกลับมีสีชมพูอ่อนๆ เรืองแสง และส่วนที่ควรเป็นสีดำกลับมีสีแดงก่ำ พวกมันมีใบหน้าที่ดูเฉื่อยชาไร้อารมณ์ แต่ดวงตากลับเปล่งประกายสีแดงก่ำด้วยความปรารถนาที่ไม่อาจระงับได้ ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักอาศัย แต่เป็นเหมือนกับรังขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่สำหรับพิธีกรรมที่ลึกลับและชั่วร้ายของพวกปีศาจ โดยมีนักบวชทุศีลเป็นผู้คอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นดินแดนต้องห้ามที่ทุกคนหวาดกลัว
หุบเขาซ่อนสุมทหารนอกด่านชงหนูไม่ใช่สถานที่แห่งเดียวที่ปรากฏในแผนที่ แต่เป็นเครือข่ายของ ที่ตั้งลับหลายแห่ง ที่กระจายตัวอยู่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ห่างไกลทั่วทั้งอาณาจักรต้าฮั่น สถานที่เหล่านี้ถูกเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อใช้เป็นฐานทัพลับ โดยมักจะเป็นหุบเขาลึกที่ซ่อนอยู่หลังแนวเทือกเขาที่ทุรกันดาร หรือพื้นที่ป่าทึบที่ยากจะเข้าถึง ทำให้รอดพ้นจากการตรวจจับของกองทัพฮั่น ในแต่ละหุบเขาซ่อนสุมทหาร จะมี ค่ายพักชั่วคราว ที่สร้างจากไม้และหนังสัตว์ที่ถูกออกแบบมาให้รื้อถอนและย้ายที่ได้อย่างรวดเร็ว เหล่าทหารชงหนูที่ซ่อนตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้คือหน่วยรบชั้นยอดที่เน้นการ สอดแนม และการ จู่โจมแบบกองโจร พวกเขาไม่ได้มาเพื่อทำสงครามเต็มรูปแบบ แต่เพื่อปล้นสะดม, ก่อกวนความสงบเรียบร้อย, และรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกองทัพฮั่น พื้นที่เหล่านี้มีเพียงกองกำลังของชงหนูที่รู้จักเส้นทางเท่านั้น และมักถูกป้องกันด้วย กับดักธรรมชาติ และ เวทมนตร์พรางตา แบบดั้งเดิมของชนเผ่าเร่ร่อน การมีอยู่ของหุบเขาเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของชาวชงหนูในการปรับตัวและแทรกซึมเข้าสู่แผ่นดินต้าฮั่นอย่างลึกซึ้ง ทำให้พวกเขากลายเป็นภัยคุกคามที่มองไม่เห็นและพร้อมจะจู่โจมจากทุกทิศทาง.
ในโลกยุทธจักรต้าฮั่นที่กฎหมายถูกบิดเบือนด้วยอำนาจและเงินตรา นักล่าเงินรางวัล คือฟันเฟืองสำคัญที่หมุนโลกแห่งความลับและการทรยศ ใบหน้าของพวกเขาไม่เคยถูกจดจำ แต่ฉายาอย่าง \\\'เงาสะบั้นหัว\\\' นั้นเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึง พวกเขาคือผู้ตามรอยไร้เงาที่ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายของค่าหัว ไม่ภักดีต่อผู้ใดนอกจาก ผลประโยชน์ ทักษะของพวกเขาคือการตามรอยข้ามมณฑลอย่างเงียบเชียบ ไม่ว่าจะในความพลุกพล่านของตลาดตะวันตกในฉางอัน หรือถิ่นทุรกันดารอันห่างไกลในเขต หลิงหลิง (Lingling) การต่อสู้ของพวกเขาเน้นความรวดเร็ว เด็ดขาด และใช้ อาวุธซ่อนเร้น เคลือบพิษเพื่อจบงานให้เร็วที่สุด สิ่งเดียวที่เป็นจุดอ่อนของพวกเขาคือ ความละโมบ เพราะตราบใดที่มีราคาที่สูงกว่ายื่นมา พวกเขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนเป้าหมายจากเหยื่อไปเป็นผู้ว่าจ้างได้อย่างไร้ซึ่งความสำนึกผิด นี่คือบุคคลที่คุณอาจต้องใช้บริการ หรืออาจจะกลายเป็นเหยื่อของพวกเขาในสักวันหนึ่ง
สมุนของกลุ่มอิทธิพล คือแขนขาที่มองไม่เห็นของอดีตขุนนางฝ่ายซ้ายไฉ่หลิน ซึ่งปฏิบัติการเพื่อติดตามและบีบคั้นให้จางทังส่งมอบเอกสารลับ บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่แค่นักฆ่า แต่เป็นเครือข่ายที่เชี่ยวชาญในการ สอดแนม, ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ไร้พิษภัย, และการล้อมกรอบ ในพื้นที่ซับซ้อนของเมืองลั่วหยาง พวกเขามีวินัยและใช้ความได้เปรียบจากอำนาจทางการเมืองที่ไฉ่หลินมอบให้ เพื่อสั่งการและควบคุมสถานการณ์ได้อย่างแนบเนียนในการปฏิบัติการ อาวุธที่ใช้มักเป็นดาบสั้นหรือกระบองเหล็กเพื่อความรวดเร็วในการสับเปลี่ยนบทบาท และยุทธวิธีหลักคือการ ปิดล้อมและตัดเส้นทางหนี ของเป้าหมาย มากกว่าการเผชิญหน้าโดยตรง
ซวนเหวิน อดีตนายกองผู้กล้าหาญแห่งกองทัพหน้า บัดนี้เหลือเพียงฉายาที่ชาวเมืองเรียกอย่างเย้ยหยันว่า \'เงาพิษสะบั้น\' ร่างกายของเขายังคงแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากคมดาบที่เคยสู้เพื่อราชบัลลังก์ แต่ในดวงตาที่เคยลุกโชนด้วยไฟแห่งอุดมการณ์ ตอนนี้กลับว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความ ขมขื่นและเย้ยหยัน การทรยศที่เขาได้รับจากนายเหนือหัวที่เขายอมพลีชีพให้ ทำให้ซวนเหวินสูญสิ้นศรัทธาในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นชาติ, เกียรติยศ หรือแม้แต่ความดีงาม เขากลายเป็น ทหารรับจ้าง ที่ใช้ทักษะการรบระดับสูงและความเฉียบขาดที่เคยใช้ปกป้องแผ่นดิน มาแลกกับเงินตราและผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ความภักดีของเขาได้มลายหายไปพร้อมกับความแค้นที่ฝังลึก ไม่มีใครสามารถซื้อใจเขาได้อีกแล้ว แต่สามารถ ซื้อความสามารถ ของเขาได้ ตราบใดที่มีค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ซวนเหวินก็พร้อมที่จะเป็นอาวุธที่คมที่สุดสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยไม่สนใจว่าภารกิจนั้นจะนำพาความวิบัติมาสู่ผู้บริสุทธิ์ หรือสั่นคลอนรากฐานของอาณาจักรที่เคยเป็นบ้านของเขาเลยแม้แต่น้อย
คืออดีตนายทหารที่ผันตัวมาเป็นหัวหน้าโจรผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเขต เหอตง (Hedong) ร่างกายกำยำใหญ่โตถูกปกคลุมด้วยชุดเกราะที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นจากการรบ และใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความ มั่นใจในตนเองแบบล้นเหลือถึง 200% เขามักจะเดินเชิดหน้าอย่างถือดี ไม่เคยมีคำว่า \\\'ความกลัว\\\' หรือ \\\'ความพ่ายแพ้\\\' อยู่ในพจนานุกรมของเขา เหอต้าชานเชื่อมั่นอย่างฝังใจว่า ฝีมือทางการรบของเขานั้นเหนือกว่าทหารทุกคนที่ยังรับใช้ราชสำนัก และการที่เขากลายเป็นโจรนั้นเป็นเพียง \\\'การเปลี่ยนสังกัด\\\' เพื่อให้ตนเองได้นำทัพตามความปรารถนาอย่างแท้จริงเท่านั้น เขามีความสามารถในการสั่งการและจัดตั้งหน่วยรบขนาดเล็กได้อย่างยอดเยี่ยม โดยใช้ยุทธวิธีแบบทหารที่เรียนรู้มาผสมผสานกับการโจมตีแบบกองโจร ทำให้เขากลายเป็นภัยคุกคามที่ยากจะรับมือในพื้นที่ภูเขาและป่าของเหอตง การต่อสู้กับเขาไม่ใช่แค่การต่อสู้กับโจรป่า แต่คือการต่อสู้กับ อดีตขุนศึก ที่ถูกความเชื่อมั่นในตัวเองที่บิดเบือนครอบงำจิตใจอยู่
ฉ่หลิน (Cai Lin) ผู้ดำรงตำแหน่ง ซ้ายเฉิงเซี่ยง (Left Chancellor) คือขุนนางอาวุโสผู้ทรงอิทธิพลและเป็นศูนย์กลางของกลุ่มตระกูลขุนนางเก่าแก่ในราชสำนักฮั่น รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูสง่างาม สุภาพ และเปี่ยมด้วยความเป็นบัณฑิตผู้ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมดั้งเดิม ทว่าภายใต้ภาพลักษณ์อันสมบูรณ์แบบนี้ เขาคือผู้ชักใยเบื้องหลังที่มีความเชื่อว่า จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ และเหล่าขุนนางผู้ใกล้ชิด โดยเฉพาะ จางกงกง (ผู้ถูกเขารังเกียจในฐานะ \\\"ขันทีโสโครก\\\") กำลังทำลายความชอบธรรมของแผ่นดิน เขามีเป้าหมายในการ \\\"ชำระล้าง\\\" ราชสำนักด้วยการกำจัดผู้ที่เขาเห็นว่าเป็นปรสิตเหล่านี้ให้สิ้นซาก การดำเนินการของไฉ่หลินไม่ได้ใช้กำลัง แต่ใช้ อำนาจทางการเมืองและกฎหมาย ในการบีบคั้น เช่นเดียวกับการใช้ เอกสารลับ เพื่อกดดัน จางทัง ตุลาการพยัคฆ์เหล็กให้จำนนต่อแผนการของตน เขามีความอันตรายอย่างยิ่งเพราะความร้ายกาจของเขามิได้อยู่ที่คมดาบ แต่อยู่ที่ความสามารถในการพลิกแพลงกฎหมายและการสั่งการเหล่าองครักษ์ส่วนตัว ทำให้การต่อสู้กับเขาจำเป็นต้องใช้ หลักฐานและความจริง มากกว่ากำลังรบ