[RPG] งานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาเซียวจื่อไท่โฮ่ว

 ปิด [คัดลอกลิงก์]



小子太后诞辰吉祥事




关关难过关关过,步步难行步步行
年年失望年年望,事事难成事事成
日日难过日日过,夜夜难熬夜夜熬
时时惜福时时福,处处随缘处处缘




小子太后诞辰吉祥事

งานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาเซียวจื่อไท่โฮ่ว

เฉลิมฉลองวันพันฤดูสารท
ท้องพระโรงโอ่อ่าถูกจัดเตรียมงานเพื่อเฉลิมฉลองในวันมหามงคลเช่นนี้ วันที่ 10 ปาเยว่ ที่เวียนมาบรรจบขององค์ไท่โฮ่ว ภายในงานนั้นตกแต่งด้วยสีแดงและทองเสริมความสิริมงคล ยกต้นไม้ใหญ่ใส่กระถางใบใหญ่มาประดับตกแต่งภายในงานให้งามตา ทั้งยังมีการแขวนป้ายคำอวยพรทั้งหลายเพื่อให้พิศมองแลเห็นความสุขที่ส่งต่อให้ผู้ที่ทรงประสูติในวันนี้



ภายในงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาเซียวจื่อไท่โฮ่ว

เมื่อเข้าสู่ภายในงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาของเซียวจื่อไท่โฮ่วย่อมต้องพกทำอวยพรแด่สตรีผู้เปรียบดั่งพระอัยยิกาแห่งแผ่นดิน ทว่าหากเอ่ยปากเปล่าย่อมจางหาย เช่นนั้นแล้วจึงเกิดการคิดริเริ่มใหม่ในการเขียนคำอวยพรใส่กระดาษเพื่อรวบรวมไว้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนคือการเขียนป้ายแขวนประดับคำอวยพรบนต้นไม้ใหญ่ก่อนเข้าสู่ภายในงาน เพื่อเก็บความปรารถนาดีนี้ส่งต่อไปตลอดทั้งปี
อาหารมากมายตระเตรียมไว้ค่อย ๆ ถูกนางกำนัลภายในวังลำเลียงเวียนถวายตามโต๊ะต่าง ๆ ทั้งอาหารเรียกน้ำย่อยชวนให้เจริญอาหารอย่างเสี่ยวหลงเปา ฮะเก๋ากุ้ง ขนมจีบ หมั่นโถวนุ่ม ๆ ทั้งอาหารจานหลักที่สามารถเลือกได้อย่างเป็ดเป่ยจิงหรือหม้อไฟแปดเซียน และมีขนมหวานตบท้ายอย่างซิ่งเหรินโต้ฟู ฝูหยวนถัง พร้อมเลือกได้ระหว่างมื้อว่าจะดื่มสุราชั้นดีหรือจิบชาชั้นเลิศ
ภายในงานจะมีเสียงบรรเลงกู่เจิงเคล้าคลอบรรยากาศ มีคณะระบำชื่อดังจากทั่วต้าฮั่นมาจัดแสดงถวายพระพรแด่ไท่โฮ่วมากมาย นอกจากนี้ยังมีทั้งการขับขาน แสดงบรรเลงดนตรีเดี่ยว เขียนอักษร วาดภาพ สุดแท้จะสร้างความสุนทรีย์เพื่อมอบความสุขแก่ผู้เป็นเจ้าของงานในวันนี้












แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9902 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-8-5 12:57
โพสต์ 2024-8-11 08:13:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สิบ ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ
กลางยามโหย่ว (18.00 น.)




     ทิวากาลลาลับอับแสง ราตรีกาลสะบัดแปรงแต้มจันทรากลางท้องนภา ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาขององค์ไท่โฮ่ที่ท้องพระโรงเปิดประตูต้อนรับแขกเรื่อมากมาย ในระหว่างนี้เองที่นางนั่งแต่งองค์ทรงเครื่องขั้นตอนสุดท้าย ปักปิ่นระย้างามอันสวยลงบนเรือนผมงาม ดวงตากลมรับคันฉ่องทองเหลืองมาสะท้อนใบหน้าราง ๆ เพียงแลเห็นความเรียบร้อยของอาภรณ์และทรงผมเท่านั้น นางไม่ได้คาดหวังว่างดพิลาศจากตนเองอยู่แล้ว

   “เรียนพระสนม บัดนี้แขกเรื่อมาใกล้ครบแล้วเพคะ”

  “ดี ไปกันเถิด เราต้องไปก่อนองค์ไท่โฮ่วกับฝ่าบาท”

   สิ้นวจีหวานร่างเล็กก็ยืนขึ้นก้าวเดินโดยมีจ้าวกู่กูคอยประคอยไม่ห่าง ด้วยน้ำหนักของเครื่องประดับมากมายเหล่านี้ทำคอนางแข็งทื่ออย่ากับอะไรดี เว่ยเจียเหลียนฮวาจำต้องเดินไปขึ้นเกี้ยวอ่อนสี่คนหามตรงไปยังท้องพระโรงอันยิ่งใหญ๋ซึ่งใช้เวลาราว ๆ หนึ่งก้านธูปได้

   โดยมือเรียวเปิดรับแสงจันทราที่ฉายแสงบนท้องนภาเป็นดั่งสหายร่วมเดินทางปลอดดวงใจไม่ให้หวาดกลัวผู้คน

   กาลเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป เกี้ยวที่เอนไหวตามการก้าวเดินของผู้หามก็หยุดลงพร้อมกับเสียงของจ้าวหนิงเฟยเอ่ยบอกว่านางได้มาถึงท้องพระโรงแล้วเป็นที่เรียบร้อย พระสนมเสียนอี๋ผู้เป็นเจ้าของการจัดงานในครานี้วางมือให้นางกำนัลข้างกายช่วยประคองยืนให้มั่นคง ดวงตาที่หลุบลงมองพื้นค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมาจดจ้องมองสถานที่งดงามในคืนนี้ เป็นความงดงามดั่งภาพที่นางวาดฝันไว้ตั้งแต่วันแรกของการประชุมจัดงานเล็ก ๆ ในห้องตำรา

  หากเอ่ยว่าไม่ได้ภาคภูมิใจอะไรนักคงจะเป็นการโกหกอย่างแท้จริง

   ไหล่เล็กยกขึ้น ทรวงอกยกขยาย ร่างบางค่อย ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติให้มั่น ต่อจากนี้จะเป็นโรงละครใหญ่ที่นางจำต้องละทิ้งความเกียจคร้านเพื่อปกป้องกายใจและผู้คนที่เป็นคนของนางอย่างแท้จริง ด้วยขนาดงานที่ใหญ่มากเกินจินตนาแม้ว่าจะเป็นคนจัดงานก็ตาม แขกเรื่อมากมายนี้หากให้เปรียบจากที่เคยเข้าร่วมงานมากมายล้วนเล็กจิ๋วทันตา ให้รวมแขกที่เคยผ่านไปผ่านมาในชีวิจยังไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของผู้คนในวันนี้ ฉับพลันนั้นเองลมหายใจเริ่มสะดุดช่วง มือเล็กที่ให้จ้าวกู่กูคอยประคองเริ่มสั่นด้วยความประหม่า

   “ไม่มีผู้ใดจะตำหนิท่านได้ พระสนมของหม่อมฉัน พระองค์ทรงทำได้ดีมากเพคะ”

   “ขอบใจมากจ้าวกู่กู ทำให้เจ้าเป็นห่วงแล้ว”

   สติที่กระจัดกระจายเริ่มเข้าที่ ร่างเล็กเริ่มกลับมามั่นคงตามปกติ ใบหน้างามที่ได้รับการแต่งแต้มจนเสริมความงดงามให้สตรีเพียงแต่สบายตาแลพิศมองงดงามไม่หยอก นางพยักหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ขันทีหน้าท้องพระโรงให้เขาได้เอ่ยถึงการมาเยือนของนางได้เลย

  “พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋เสด็จ”

   ฉับพลันที่เสียงประกาศนามแห่งพระสนมเอกในองค์จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้จบลง ความสนใจของผู้คนมากมายตกมาอยู่ที่นางในทันที กายบางยืดหลังให้ตรง ดวงหน้าเงยขึ้นเชิดคางเล็กวางมือให้จ้าวหนิงเฟยช่วยประคองตามยศอำนาจที่นางได้รับและสามารถปฏิบัติได้

   เมื่อเข้ามาสู่ตัวงานแล้วย่อมต้องกระทำตามที่นางได้วางแผนเอาไว้ ร่างบางก้าวเดินไปทางซ้ายเลือกต้นไม้งามมือเรียววางกระดาษให้เรียบ หยิบพู่กันจุ่มหมึกพอประมาณ ตวัดมือเล็กสร้างเส้นอ่อนช้อยคมปลายเขียนคำอวยพรในกระดาษส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็เลือกพู่กันที่เล็กลงมาตวัดเขียนในแผ่นได้ผูกผ้ายืนให้ขันทีประจำต้นไม้งามนำมันไปผูกไว้กับกิ่งราวกับผูกคำอธิฐานมอบแด่สตรีผู้สมควรได้รับความรักมามายในคืนนี้

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเสร็จธุระกับการเขียนคำอวยพรเป็นตัวอักษรเรียบร้อยแล้วก็ให้จ้าวหนิงเฟยช่วยประคองนางที่ต้องตั้งคอให้ตรงสู้กับความหนักอึ้งที่มากขึ้นตามยศของตนเอง นางเดินเข้าไปภายในงานลึกขึ้น พบปะขุนนางมากมายที่เข้ามาสนทนากับนางทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยแม้แต่จะได้พานพบก็ตาม การรับคำถวายความเคารพเอย คำแนะนำตนเอง มากมายจนนางเผลอคิดว่าหากไม่ใช่คนความจำดีมีหรือจะจดจำได้ทั้งหมด

  โชคดีหรือไม่กันที่นางความจำดีมากพอที่จะจำได้หมดทุกคนที่อยู่ในงานนี้

   ครั้นเดินไปพบกับหวยหนานหวาง และ ฉางซานเซียนหวางนั่งประจำที่ด้วยกัน ร่างบางก็ถือวิสาสะรอบถาดกุ้งผักชาหลงจิ่ง ปลาเปรี้ยวหวานและชาเบญจมาศจากบ่าวใช้มาถือและเดินตรงไปเพื่อถวายสำรับแด่โต๊ะขององค์ชายทั้งสอง

   “ถวายบังคมหวางเย่ทั้งสองเพคะ หม่อมฉันดีใจมากที่ได้แลเห็นพระองค์ทั้งสองในงานเช่นนี้” นางเอ่ยพลางยกถาดอาหารวางตรงหน้าของคนทั้งสอง

  “ต้องบอกว่าเพราะเป็นงานของพระขนิษฐา หากเปิ่นหวางไม่มาก็เนรคุณแล้ว”

   “อย่าเอ่ยเช่นนั้นเลยเสด็จลุง มันจะกระทบเสด็จพี่หญิงที่ต้องไปทำงานแสนไกลไม่อาจมาเข้าร่วมงานของเสด็จแม่ได้นะพะยะค่ะ”

   “เจ้าก็อย่าเหมารวมคนไกลด้วยความจำเป็นเสียสิ” หวยหนานหวางผู้เป็นพระปิตุลาเอ่ยเอ็ดฉางซานเซียนหวางผู้ที่ยังคงแลเห็นเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำแม้ว่าจะเติบใหญ่เป็นบุรุษรูปงามถึงเพัยงนี้แล้วก็ตาม “เรียนพระสนม งานในวันนี้ได้ยินว่าท่านเป็นประธานดูแลจัดงาน งานในวันนี้ทั้งสวยงามและมีส่วนที่แปลกตาน่าสนใจไม่น้อย หากเกิดกระแสผูกคำอวยพรกับต้นไม้เช่นนี้ไปทั้งเมืองในวันเกิดนับว่าไม่เกินจริงนัก เพราะความงดงามนี้ล้วนตรึงใจผู้คน”

   “เปิ่นหวางแลเห็นกระบวนการแล้ว พอได้มาอยู่ในงานจริงก็ยังคงประหลาดใจในฝีมือท่านอยู่ดีพระสนม สมแล้วที่เป็นพระสนมเสียนอี๋”

   “คำชมนี้หม่อมฉันแม้ไม่อาจรับ ทว่าขอบพระทัยหวางเย่ทั้งสองที่แลเห็นความเพียรพยายามของหม่อมฉันเพคะ”

   ใบหน้างามแย้มยิ้ม ดวงหน้าที่ก้มลงรับคำเอ่ยชมค่อย ๆ เงยขึ้นมา ดวงตาดำขลับตัดสลับสีขาวพิสุทธิ์แลกลมโตที่ต้องการพิศมองบุรุษทั้งสองที่ตามศักดิ์ถือเป็นญาติผ่านยศฐา ทว่าในสายตานางนั้นไม่มีผู้ใดสักผู้เป็นญาติของนางอย่างแท้จริง

   วันนี้เป็นญาติแล้วอย่างไร วันหน้าหากหมดอำนาจแล้วไซร้ล้วนหวนคืนสู่สามัญ

   ทันใดที่สบเข้าดวงตาของบุรุษผู้เป็นพระอนุชาในองค์จักรพรรดิ ภาพตรงหน้าแทนที่จะเป็นงานเลี้ยงใหญ่พลันกลายเป็นดวงดารามากมายบนท้องนภา เสียงที่คุยโวมากมายล้อมกายพลันเงียบลงทันตา เหตุการณ์ที่หอดาราเทียนเฟยเวียนฉายภาพซ้ำจนนางต้องเร่งดึงสติให้มั่นก่อนจะกระแอมไอออกมาเพราะนางต้องไปทักทายผู้คนอีกมาเทียวในฐานะพระสนมผู้เป็นประธานจัดงานในครานี้จึงต้องของทูลลาก่อนโดยไว

   “ได้ยินหวางเย่ทั้งสองตรัสชมงานเช่นนี้ หม่อมฉันซึ้งใจยิ่ง ด้วยมีแขกอีกมากมายที่หม่อมฉันต้องพบปะ เช่นนั้นแล้วขอให้พระองค์ทรงมีพระเกษมสำราญในงานเลี้ยงเพคะ”

   “พระสนมก็เช่นกัน”

   จบบทสนทนาเว่ยเจียเหลียนฮวาก็เร่งก้าวเดินออกมา บางครานางไม่ชมชอบเครื่องประทินผิวตกแต่งใบหน้าเท่าใดนัก ทว่าครานี้กลับต้องขอบคุณที่ทำให้ผู้คนมากมายอาจนึกว่าเป็นเพียงแก้มแดงจากสีชาด หาไม่ความเห่อร้อนที่ตีขึ้นมาเอายามนี้

   บ้าบอนัก

   เหลียนฮวาผู้หมายมั่นว่าอย่างน้อยในวันนี้นางต้องไปพบปะขุนนางมากมายเพื่อเป็นการประกาศตัวตนอย่างหนึ่ง นางกำนัลที่คอยยกอาหารได้รับคำสั่งจากนางว่าให้ยกปลาเปรี้ยวหวานอีกราว ๆ สี่จานมาได้มายืนข้างกายนางแล้วจึงเดินนำไปทางไปยังบุรุษที่นางถือว่าเป็นบุคคลต้นแบบก็ได้

   หรือว่าจะแลเห็นเป็นตัวนางหากเกิดเป็นบุรุษก็ไม่ปาน

   “เหลียนฮวาขอคารวะต้าซือถู ต้าซือหม่า”

   “คารวะพระสนมพะยะค่ะ”

   แม้ว่านางจะบอกว่าเดินตรงมาหาตงฟางซั่ว ทว่าข้าง ๆ นี้มีบุรุษที่นางแลเห็นไกล ๆ ยามเป็นดรุณีน้อยตามหลังมารดาย่อมต้องเป็นต้าซือหม่า เว่ยชิง เป็นแน่ และดูเหมือนว่าจะถูกต้องเสียด้วยสิ นางไม่รอช้าหยิบปลาเปรี้ยวหวานสองจานวางลงที่โต๊ะของพวกเขาพร้อมชาเบญจมาศทันใด แม้ว่าเป็นงานของบ่าวใช้ ทว่าการกระทำเช่นนี้แล้วจะบอกว่าเป็นข้ออ้างในการเข้าขอสนทนาก็เป็นได้

  “เป็นเช่นไรบ้างกับงานในวันนี้?”

   “ยอดเยี่ยมมากพะยะค่ะ กระหม่อมไม่ได้แลเห็นงานรื่นเริงที่สวยงามเท่านี้มาสักพักใหญ่แล้วทั้งยังมีแนวคิดจดบันทึกคำอวยพรอีกต่างหาก นับว่าพระสนมมีหัวคิดสร้างสรรค์น่าชื่นชมยิ่ง”

  “ชื่นชมเช่นนี้ เปิ่นกงไม่กล้ารับคำชมจากต้าซือถูผู้เป็นอุปราชเจ้าปัญญาเลย”

   “รับไว้เถิด พระสนมเหมาะสมกับคำชมนี้แล้ว” ต้าซือหม่า เว่ยชิง เอ่ยสมทบ

   สนทนาอีกเพียงเล็กน้อยก่อนที่เหลียนฮวาจะขอตัวออกมาเพื่อเดินสอดส่องในช่วงเวลาที่พอจะยังคงทำได้อยู่ราว ๆ ครึ่งก้านธูป ดวงตากลมกวาดไปไม่เท่าไหร่ก็พานพบดวงตาคมคุ้นเคยเลื่อนมาสบกันอย่างไม่อาจห้ามได้ บุรุษผู้นั้นคือเว่ยเจียฟูหยางผู้เป็นบิดากำลังยืนสนทนากับต้าซือคงผู้เป็นนายตามสายงามและจางทัง เจ้ากรมราชทัณฑ์ที่นางคุ้นมากมาย ร่างบางไม่รอช้าก้าวเดินเข้าไปหาบิดาของตนเองด้วยใจที่เต้นระส่ำ หากว่าไม่คาดหวังก็คงเป็นการโป้ปด แต่ไหนแต่ไรบุตรีย่อมเป็นบุตรี ไหนเลยจะไม่คาดหวังคำสวยหรูจากบิดาของตนบ้าง

   “เสี่ยวเหลียนฮวา”

   ไม่ทันจะเอ่ยคำใด บุรุษผู้เป็นบิดาของนางเอ่ยทักขึ้นทันทีที่จากเข้าใกล้ อ้อมแขนแกร่งของเจ้ากรมโยธาธิการยกขึ้นสวมกอดบุตรีที่เขาเป็นห่วงนักหนา แม้นางจะฉลาดเพียงใด แต่ว่ากิริยาวาจา อารมณ์เจ้าแค้น ปากคอว่องไว ทั้งยังเป็นบุคลิกตัวตนที่ทั้งน่าชื่นชมและน่าเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน ใช้เวลาไม่นานเท่าใด เพียงแค่อ้อมกอดที่คลายความเป็นห่วงและความคะนึงหาบุตรีที่ออกเรือนร่วมเดือน ไม่นานคนทั้งสองจำต้องออกจากกันด้วยสถานที่ตอนนี้คืองานรื่นเริงใหญ่ แขกเรื่อมากมาย เจ้านายมากมี ไหนเลยจะโอบกอดซึ้งใจให้น้ำตาไหลได้

   จำต้องกลั้นเอาไว้ เอามันกลับคืนเข้าดวงตาใสไปเชียว

   “เหลียนฮวาคารวะท่านพ่อ คารวะต้าซือคง เจ้ากรมราชทัณฑ์”

   “คารวะพระสนม พระสนมมาก็ดีแล้ว เมื่อครู่นี้เจ้ากรมเว่ยเจียยิ้มแทบไม่หุบ ผู้คนต่างเข้าหาเอ่ยชมงานเลี้ยงนี้อันเป็นฝีมือพระสนมบุตรีของเขา”

   “มิใช่ฝีมือเปิ่นกงเพียงคนเดียว มีผู้คนมากมายช่วยเหลือเชียว” นางเอ่ยขึ้นโดยที่ระหว่างนี้ก็พยักหน้าให้จ้าวหนิงเฟยช่วยยกปลาเปรี้ยวหวานมอบชาเบญจมาศให้บุรุษทั้งสามจนครบ

   “พระสนมถ่อมตนนัก ท่านเหมาะสมแล้วกับคำชื่นชมนี้”

   คำชื่นชมมากมายที่นางได้รับเข้ามาไม่ขาดสาย นางพยักใบหน้าน้อย ๆ รับคำแม้จริง ๆ ตัวตนของนางอยากจะยืดยกผกผายเอ่ยปากตอบรับ ใช่แล้ว ข้านี่แหละชาญฉลาดยิ่งกว่าผู้ใด ทว่าความคิดแล้วด้วยขนบใด ๆ ล้วนต้องครอบตัวนางไว้ไม่ให้ลิงโลดออกมา เหลียนฮวาสนทนาไม่นานก็ได้ยินจากนางกำนัลว่าองค์ไท่โฮ่และฝ่าบาทกำลังใกล้มาถึง นางเอ่ยขอตัวจากเว่ยเจียฟูหยาง เถียนเฟิง จางทังเพื่อตรงไปนั่งที่ของนางให้เรียบร้อย

  “หวงตี้ และ ไท่โฮ่วเสด็จ !!!!”

   เมื่อกงกงเอ่ยขานการมาของผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในต้าฮั่นทั้งสอง ผู้คนในงานล้วยหยัดกายลุกขึ้นทำความเคารพทันที บรรยากาศที่เคยแซ่ซ้องเสียงดังพลันเงียบลงทันตา เสียงที่ดังขึ้นกระทบใบหูของนางในยามนี้มีเพียงเสียงฝีเท้าของขบวนเข้างานอันได้แก่ฝีเท้าของ องค์หวงตี้ องค์ไท่โฮ่วและจางกงกงผู้คอยคิดตามไม่ห่าง เมื่อเสียฝีเท้าเงียบลง แลเห็นว่าทั้งสองประนับบนบัลลังก์ตั่งทองที่ตระเตรียมไว้เรียบร้อย ผู้คนทั้งงานต่างกล่าวสรรเสริญตามธรรมเนียม

   “ถวายพระพรหวงตี้ ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

   “ถวานพระพรไท่โฮ่ว ขอทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี”

   “อ้ายเจียปิติใจยิ่งที่ได้แลเห็นผู้คนมากมายมาร่วมอวยพรให้อ้ายเจียผู้นี้ ก่อนจะสนทนากันก็— เอ้า นั่งลงเสีย อย่าได้มากพิธีนัก”

   “ขอบพระทัยองค์ไท่โฮ่ว” ผู้คนเอ่ยขอบพระทัยอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่จะค่อย ๆ นั่งลงที่ตั่งนั่งของตนเอง

   “งานนี้ช่างงดงามยิ่งกว่าคราไหนของอ้ายเจียนัก สมแล้วที่เสียนอี๋เป็นผู้จัด อ้ายเจียไม่อยากจะโม้นักว่านางปกปิดรายละเอียดของงานเสียมิดไม่ให้อ้ายเจียทราบเพราะอยากให้อ้ายเจียประทับใจที่สุด ช่างน่าเอ็นดูกระไรเยี่ยงนี้” พระนางเอ่ยอย่างอารมณ์ดียิ่ง ทั้งแย้มพระโอษฐ์งามพร้อมสรวลอย่างดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด “เช่นนั้นแล้วเสียนอี๋ งานนี้เป็นผลงานของเจ้าเทียวหนา ไหนอธิบายให้อ้ายเจียหน่อยสิ”

   “ทูลไท่โฮ่ว งานนี้เกิดขึ้นได้ด้วยน้ำแรงของผู้คนมากมายเพคะ ทั้งนางกำนัลมากมายที่ต้องเหน็ดเหนื่อย จ้าวกู่กูที่คอยให้คำแนะนำ ฉางซานเซียนหวางเองก็คอยมาช่วยชี้แนกประปรายในจุดที่หม่อมฉันมองข้าม กระทั่งอาหาร สี ข้าวของที่พระองค์ชอบ ล้วนได้รับพระกรุณาธิคุณนี้จากหวงตี้เพคะ” นางก้าวขึ้นมายอบการตรงหน้าบัลลังก์ก่อนจะยืดกายเอ่ยอย่างฉะฉาน “ในงานนี้มีทั้งอาหารที่พระอง์ชมชอบ การแสดงงดงามแปลกตาและถูกจริตพระองค์ ทั้งคำอวยพรมากมายแม้ตามพิธีแล้วจะได้เอ่ยแก่พระองค์อยู่แล้ว ทว่าหม่อมฉันคิดว่าการเอ่ยปากเปล่านานวันย่อมจืดจางจึงตั้งโต๊ะวางกระดาษ หมึกพร้อมพู่กันไว้ให้ผู้คนเขียนคำอวยพร ทั้งยังมีแผ่นไม้ผูกแพรสีชาดมงคลแขวนประดับต้นไม้ให้งดงามและเต็มไปด้วยคำอวยพรแด่พระองค์ผู้เปรียบดั่งพระอัยยิกาแห่งแผ่นดินต้าฮั่นเพคะ”

   “ดี ดีมาก ฝ่าบาท อ้ายเจียอยากตกรางวัลให้เสียนอี๋”

   “ด้วยความมุมานะและความสามารถในการจัดงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องตกรางวัล เจิ้นขอมอบสามสิบตำลึงทอง สามร้อยตำลึงเงิน เห็นว่าเต้าชมชอบเต้าหู้ก็เอาเต้าหูไปเสียสิบห้าก้อน”

   “ขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”

   เมื่อเสร็จสิ้นการทักทายเล็กน้อยก็เข้าสู่การรับประทานอาหารพูดคุยสนทนาของผู้คน ผู้ใดที่ถึงลำดับถวายของขวัญแด่องค์ไท่โฮ่วก็ลุกขึ้นยืนไปมอบตรงหน้า นางที่เป็นพระสนมเสียนอี๋นั้นอยู่ราว ๆ ลำดับท้าย ๆ ใช้เวลาเกือบชั่วยามเชียวกว่าจะถึงลำดับของนาง

   “ต่อไป ของขวัญจากพระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋”

   ได้ยินเช่นนี้แล้วนางก็พยักหน้าให้จ้าวหนิงเฟยเดินตามนางมาพร้อมกับของขวัญที่ต้องการจะมอบให้ นางยอบกายถวายความเคารพแด่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองก่อนที่จะเริ่มเอ่ยตามที่ได้ตระเตรียมไว้

   “ด้วยพระกรุณาธิคุณของไท่โฮ่วทำให่หม่อมฉันได้มีโอกาสเยือนตำหนักเซวียนเต๋อทุกเช้าเพื่อไปถวายพระพรทักทายในทุก ๆ วัน การมอบของขวัญแด่ผู้ยิ่งใหญ่นั้นยากมากเหลือคณานับนักเพราะหม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์ย่อมมีพร้อมด้วยแก้วแหวนเงินทองมีค่ามากมาย เช่นนั้นแล้วในวันหนึ่งที่หม่อมฉันเดินออกจากตำหนักเซวียนเต๋อและได้หันกลับไป แสงแดดที่ทอลงพร้อมภาพเหนือหลังคาตำหนักที่มีนกกระยางบินโฉบงดงามเหนือคำบรรยาย หม่อมฉันจึงต้องการมอบภาพวาดที่หม่อมฉันถ่ายทอดความงดงามนั้นออกมาทั้งต้องการแบ่งปันความทรงจำแสนสวยงามและเป็นดั่งภาพที่อวยพรให้พระองค์ เป็นภาพวาดที่หม่อมฉันตั้งนามให้มันว่า ภาพวาดเฟยฉี” นางพยักหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้จ้าวหนิงเฟยส่งม้วนภาพมาก่อนที่นางจะกางม้วนภาพราวกับต้องการประกาศความงามแม้ว่าความไกลห่างของที่ที่นางยืนกับบัลลังก์จะมากจนไม่อาจแลเห็นได้ชัดก็ตาม “หม่อมฉันวาดภาพนี้โดยนึกเพียงความงาดงามที่ต้องการมอบแด่พระองค์ นกกระยางเหล่านี้หม่อมฉันให้พวกมันโดยบินไปทางทิศพายัพอันเป็นทิศมงคลของวันนี้ โดยต้องการให้พระองค์ผู้เปรียบดั่งเฟิ่งหวงงดงามได้โบยบินขึ้นไปยังเส้นทางอันปูด้วยความมงคลทั้งสิ้น”

   “ไหนเอาเข้ามาใกล้ ๆ เสีย ให้อ้ายเจียได้ชื่นชม”

   “รับด้วยเกล้าเพคะ”

   สิ้นสุรเสียงทรงอำนาจนางก็ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นเพื่อให้องค์ไท่โฮ่วได้ทอดพระเนตรเห็นภาพวาดชัด ๆ เต็มสองตา ใบหน้าของสตรีเปี่ยมอายุแย้มสรวลอย่างพอใจยิ่ง ลายฝีแปรงงดงามและคมชัด ทั้งยังเป็นภาพเย็บกับแพรไหมชั้นดีอีกต่างหาก

   “แพรไหมพวกนี้ ใช่แพรไหมจันทร์หนาวหรือไม่ ?”

   “สายพระเนตรพระองค์เฉียบคมนัก หม่อมฉันได้แพรไหมจันทร์หนาวมาจากพ่อค้าจอมยุทธ์ผู้หนึ่ง หนึ่งพับหม่อมฉันตัดสินใจนำมาทำม้วนภาพวาดเพื่อมิให้มันขาดวิ่นต่อให้อาวุธใดมากล้ำกลาย อีกหนึ่งพับหม่อมฉันตั้งใจมอบแด่พระองค์เพคะ”

  “เยี่ยมมาก ขอบใจเจ้าเหลือเกินเสียนอี๋”

   “เป็นหน้าที่ของประชาชนชาวต้าฮั่นอยู่แล้วเพคะที่ต้องขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงงานมาตลอดแม้ปลดระวางจากบัลลังก์แล้วก็ตาม”

   หลังจากนั้นก็เป็นการมอบของขวัญมากมายของผู้สูงศักดิ์กว่านางต่อไป ใช้เวลาไม่นานก็ถึงช่วงเวลาสำราญใจ นางถือวิสาสะเอ่ยบอกให้นางกำนัลยกกุ้งผัดใบชาหลงจิ่งที่นางจัดเตรียมแยกไว้เป็นของที่นางทำขึ้นด้วยฝีมือของตนเองมอบแด่องค์ไท่โฮ่วและหวงตี้พร้อมกับชาเบญจมาศ เมื่อไท่โฮ่วเสวยกุ้งผัดใบชาหลงจิ่งก็หันมาเอ่ยถามนางจนได้ว่าเป็นฝีมือของนางหรือ เหลียนฮวาเอ่ยปากรับคำอย่างตรงไปตรงมา นางต้องการมอบเกษมสำราญให้แก่องค์ไท่โฮ่วให้มากที่สุด แม้นางจะไม่ใช่ผู้มากฝีมือในการครัว ทว่านางก็ทำเพียงนิดหน่อยเพื่อให้พระองค์ได้ลิ้มลองก่อนจะให้นางกำนัลยกจานที่ห้องเครื่องหลวงเป็นคนทำตามไปให้เป็นจานใหญ่ปกติ

   “ไยเจ้าไม่ทำของเจ้าให้จานใหญ่เล่า เสียนอี๋”

   “ทูลไท่โฮ่ว หม่อมฉันทราบดีว่าตนเองมิได้เก่งการเรือน รสมือหม่อมฉันไม่มั่นคงไม่อาจมอบความสำราญได้จึงตั้งใจทำเพียงเล็กน้อยเพื่อให้พระองค์ได้ลิ้มลองเพคะ”

  “รสมือเจ้าพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเสียนอี๋ อย่าได้ประเมินตนเองต่ำไปเล่า”

   “ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันปลื้มปิติยิ่ง”

   แล้วก็ถึงคราวของการแสดงที่นางจ้างวานมา ทั้งการแสดงศาสคร์ศิลป์งดงาม การร่ายรำดนตรี การเขียนโคลงกลอนถวายพระพร ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีและสวยงาม






[รางวัลสนมร่วมอวยพรและมอบของขวัญแก่ไท่โฮ่ว]

+50 พลังใจ , +500 ตำลึงเงิน, +50 EXP , +50 บารมี

+25 - 35 ความโปรดปรานจากฝ่าบาท
(ขึ้นกับของขวัญที่จัดเตรียมให้ไท่โฮ่วและคำอวยพร)

+25 - 35 ความโปรดปรานจากไท่โฮ๋ว
(ขึ้นกับของขวัญที่จัดเตรียมให้ไท่โฮ่วและคำอวยพร)

รางวัลได้วันที่ 10: 50-200 บารมี ขึ้นกับความอลังการของการตกแต่งสถานที่จัดงาน จัดเตรียมอาหาร สุราในงานที่ใส่ตกแต่งในกระทู้จัดงาน
ความโปรดปรานไท่โฮ่วและหวงตี้+50 , +2 ปรนนิบัติฝ่าบาท

ได้ในวันงาน: ฝ่าบาทจะพระราชทานให้ในงานในความมุมานะและทุ่มเทของคุณ +30 ตำลึงทอง +300 ตำลึงเงิน และ เกลือกับเต้าหู้ 15 ชุด

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์


[NPC-04] หลิว อัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-08] เถียน เฟิง
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-10] เว่ย ชิง
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-09] จาง ทัง
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-11] จางกงกง
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

@Admin

แสดงความคิดเห็น

อีเว้นท์ปลดล็อก ถ้าวันเวลาเดียวกัน จะต้องเลือกที่จะปลดล็อก NPC และส่งผลให้ NPC อีกคนผิดหวังในตัวคุณเพราะคุณไม่ไปตามนัดอีกฝ่าย ดังนั้นแนะนำปลดล็อกให้เสร็จทีละคน เพื่อป้องกันวันเวลาซนกัน  โพสต์ 2024-8-11 11:39
โปรดเลือกปลดล็อกทีละคน มิเช่นนั้นโรลพบเจอ NPC โรลนั้นของอีกคนอาจจะต้องโดนโรลใหม่ ไม่สามารถโรลพบเจอสองคนเพื่อยื่นขอปลดล็อกได้ ต้องเลือกส่งทีละคนและสำเร็จก่อน เพราะบางครั้งสตอรี่อาจจะซนกัน  โพสต์ 2024-8-11 11:38
ความสัมพันธ์กับหวงตี้ถึงลิมิตแล้ว  โพสต์ 2024-8-11 11:37
+19 โบนัสความโปรดปรานจากความหมาย | +15 โบนัสความโปรดปรานจากของขวัญให้ไท่โฮ่ว (หวงตี้)  โพสต์ 2024-8-11 11:36
ความสัมพันธ์กับไท่โฮ่วถึงลิมิตแล้ว  โพสต์ 2024-8-11 11:36

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +30 ตำลึงเงิน +800 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +2 บารมี +250 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 30 + 800 + 2 + 250

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
บัณฑิต
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
ขลุ่ย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x1
x2
x7
x18
x488
x2
x38
x24
x21
x21
x42
x13
x21
x7
x21
x8
x2
x1
x84
x67
x7
x2
x56
x31
x4
x5
x84
x101
x210
x75
x6
x85
x8
x10
x5
x6
x1
x2
x103
x8
x65
x21

8

กระทู้

169

ตอบกลับ

1654

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
85
ตำลึงทอง
121
ตำลึงเงิน
1417
อีแปะ
27742
STR
30+3
INT
40+0
LUK
0+2
POW
50+0
CHA
70+19
VIT
15+27
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
4073
ความชั่ว
806
ความโหด
4418
โพสต์ 2024-8-19 20:27:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด



วาระมงคล
วันที่ 10 เดือน 08 เจี้ยนหยวน ศกที่ 10
สิบเจ็ดนาฬิกาสี่สิบนาทีเป็นต้นไป


แม้จะเป็นวันพิธีใหญ่แต่โดยรวมแล้วกิจวัตรก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เหล่าสนมยังต้องออกมาร่วมถวายพระพรอย่างพร้อมเพรียงเหมือนเคย ร่วมจิบชาทานของว่างในระหว่างที่ฝ่าบาทออกไปประชุมในช่วงเช้าและเพิ่มมาแค่การติดตามเซียวจื่อไท่โฮ่วไปสักการะศาลบรรพชนก่อนจะแยกย้ายกันไปจัดแจงของขวัญ หรือทำธุระส่วนตัวเพื่อรองานเลี้ยงในช่วงค่ำที่จัดขึ้นผ่านการดูแลของเว่ยเจียเสียนอี๋ที่ขณะประกาศแต่งตั้งผู้ดำเนินการ อีกฝ่ายที่มียศใหญ่กว่าใครเลยได้รับหน้าที่สำคัญไปดูแล

ซึ่งก็สมกับเป็นงานที่นางเฝ้าจัดอย่างใส่ใจ

“ พระสนมลู่เจาอี๋เสด็จ ”

สิ้นเสียงประกาศกร้าว ผู้ที่ก้าวขาเยื้องย่างเข้ามาก็สร้างระลอกความตื่นตาให้กับคนทั่วท้องพระโรง

เทพธิดานางหนึ่งปรากฏตัวอวดโฉมภายใต้อาภรณ์สีครามชาดกระชับเข้ารูปร่างที่ผืนผ้าบรรจงทอแซมใยเงินให้มีลูกเล่นพราวแสงระยิบระยับทุกครั้งที่กระโปรงสะบัดพริ้ว ต่างหูหยกสลักเป็นรูปจันทร์ดั้นเมฆแกว่งไกวตามการเคลื่อนไหวดูลื่นไหลเพลินตา รับกับดวงหน้าของหยาดฟ้าที่ประกอบด้วยสองคิ้วเรียวยาว ดวงตาหงส์สุกสกาวราวมณีลี้ลับตัดกับผิวขาวผุดผาดพร้อมด้วยการปัดแป้งชาดเบาบางที่ทำให้สองพวงแก้มเปล่งปลั่ง

เรือนผมดำขลับที่เคยสยายออก ยามนี้ถูกรวบขึ้นเป็นมวยสูงอย่างทรงล่องสวรรค์พร้อมตกแต่งด้วยชุดปิ่นทองบุปผาที่แทรกพลอยม่วงเม็ดงามบ่งบอกราคาสูงลิ่วที่ใครเห็นยังต้องอิจฉา ราวนางอัปสรที่ใครก็ไม่อาจคัดค้านได้มาเผยตัวอยู่ตรงหน้า จะรูปลักษณ์หรือกิริยาล้วนถูกลงความเห็นว่าเป็นความงดงามอันสมบูรณ์แบบอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ ลู่เจาอี๋ ”

“ เปิ่นกงมิทราบว่าลำดับขั้นตอนภายในงานที่เว่ยเจียเสียนอี๋จัดนั้นเป็นอย่างไรบ้าง รบกวนช่วยแนะนำด้วย ” สายตาของนงคราญไม่สับสนหรือตื่นตระหนกในความสนใจที่มุ่งเข้ามาเลยแม้แต่น้อย ไป๋หรั่นระบายยิ้มบางอย่างมีมารยาทให้กับขันทีที่ก้าวขึ้นมารับหน้าดูแล นึกไม่ถึงว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะทำให้เขาหยุดชะงักไปได้ราว ๆ สามลมหายใจถึงจะค่อยดึงสติกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อได้

“ เชิญพระสนมตามกระหม่อมมาทางนี้พ่ะย่ะค่ะ ”

พระสนมเอกพยักหน้าอย่างแช่มช้า ก่อนจะก้าวตามการนำทางไปเพื่อทำตามพิธีที่สหายร่วมเรียนของตนจัดทำขึ้นอย่างตั้งใจ “ ขั้นแรก พระสนมสามารถเลือกได้ว่าทรงต้องการเขียนคำอวยพรร่วมกระดาษกับเหล่าผู้ร่วมงานท่านอื่น หรือจะเขียนลงป้ายที่ถูกทำขึ้นเพื่อแขวนไม้มงคลที่อยู่ด้านหน้าพ่ะย่ะค่ะ ”

“ หืม.. ” ไป๋หรั่นรู้สึกประหลาดใจมาก.. นางทราบดีว่าเว่ยเจียผู้นั้นฉลาดเฉลียวเพียงไหน แต่ก็มินึกเลยว่าจะทำออกมาได้น่าสนใจถึงเพียงนี้ นงคราญหยกผินหน้ามองต้นไม้มงคลด้านนอกที่มีป้ายแขวนประดับไว้บ้างประปรายก็พลันหยักยิ้มอ่อนละมุน “ แขวนเป็นป้ายนั้นเด่นเกินไป.. แค่ได้มีพื้นที่เขียนเล็ก ๆ ตรงมุมกระดาษเปิ่นกงก็พอใจแล้ว ”

คำตอบของนางสร้างความรู้สึกที่หลากหลายทิ้งเอาไว้ให้ผู้คน บ้างก็ว่านางถ่อมตนนัก บ้างก็ว่านางสำรวมอ่อนหวาน หรือไม่ก็หาว่าดัดจริต ใบหน้างามแฝงความตั้งใจไว้ราว ๆ เจ็ดส่วนเมื่อมือบางได้สัมผัสกับพู่กัน นางเลือกมุมกระดาษที่ไร้คนแตะต้อง เขียนอักษรลงไปอย่างเรียบง่ายจริงใจ ‘ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไร้ทุกข์โศกโรคภัย พานพบเพียงสุข อยู่เป็นดวงใจของไพร่ฟ้าเนิ่นนานสืบต่อไป ’

นางไม่กำกับชื่อผู้เขียนเอาไว้ด้วยซ้ำ ทว่ารูปลักษณ์อักษรข่ายซูที่วิจิตรชดช้อยมีหรือคนจะมองไม่ออก

“ ตอนนี้พระสนมสำเร็จขั้นตอนสำคัญของงานเลี้ยงแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำท่านไปยังโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้ให้ ”

เพราะนางไม่ใช่สนมขั้นสูงเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว ถึงจะยังไม่อาจเทียบได้กับอัครชายาเอกแต่ก็เป็นสนมเอกที่มีหน้ามีตา ดังนั้นจึงต้องได้รับการจัดที่นั่งไว้ใกล้กับเหล่าเชื้อพระวงศ์มากเป็นพิเศษ “ ยามนี้มีผู้ใดมาร่วมงานบ้างแล้ว? ” ในระหว่างทางที่เดินไป ลู่เจาอี๋เอ่ยถามเสียงเรียบเพื่อทบทวนว่ามีใครบ้างที่สมควรไปทักทายด้วยตัวเอง

“ เหล่าขุนนางตั้งแต่ระดับจิ่วชิงลงไปล้วนมากันครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ด้านเชื้อพระวงศ์ บัดนี้หวยหนานหวางและฉานซาเซียนหวางก็ได้เสด็จมาถึงแล้วเช่นกัน ” ขันทีหนุ่มตอบกลับฉะฉานพร้อมผายมือเชิญนางเมื่อถึงโต๊ะ ดูท่าคงเป็นสวรรค์เป็นใจช่วยส่งเสริมให้นางได้พบปะคนใหม่ ๆ เพราะผู้ที่ครองโต๊ะตรงข้ามนางกลับเป็นสองหวางที่พึ่งถูกกล่าวถึงไปเมื่อครู่

“ เข้าใจแล้ว ขอบคุณเจ้ามาก ”

บรรดาจิ่วชิงไม่ใช่ปัญหา พวกเขาต้องวนขึ้นมาคารวะเชื้อพระวงศ์อยู่แล้ว เอาไว้ค่อยหาโอกาสเข้าไปทักทายอีกครั้ง แต่สองหวางนี่สิ นางควรทำอย่างไร “ หลี่กู่กู คิดว่าอย่างไร พอมีโอกาสหรือไม่ ” นางเอนไปกระซิบถามนางกำนัลคนสนิทที่ก่อนหน้านี้หารือกันมาแล้วว่าคงต้องช่วยกันสอดส่องดูความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ทักทายใครได้ก็ทัก สานสัมพันธ์ใครได้ก็สาน งานนี้เป็นตัวเปิดทางโอกาสรอดของนาง เสียก็แต่ไร้เงาผิงหยางกงจู่ที่อาจช่วยเหลือได้

“ บ่าวเห็นว่ามักมีนางกำนัลเวียนนำของว่างหรืออาหารมาถวายเป็นระยะเพคะ ”

สื่อสารกันเท่านี้ก็เข้าใจถึงจุดประสงค์แล้ว บางครั้งนางก็นึกกลัวในความเข้ากันได้ของนางและผู่เยว่ที่ทำให้ต่างฝ่ายรู้ใจกันเป็นอย่างดี ทว่าอีกฝ่ายจะคิดไปในแบบเดียวกันกับนางไหมนั่นก็อีกเรื่อง “ ให้บ่าวไปนำถาดสำรับจากนางกำนัลมาดีหรือไม่เพคะ พระสนมจะได้นำไปถวายแทน ”

“ โจ่งแจ้งเกินไป ไม่ดี ”

พูดไปก็ระบายยิ้มคล้ายว่าไม่ได้วางแผนหรือหารือกับคนใกล้ตัว แต่แค่พึมพัมไร้สาระขณะมองไปรอบงาน จวบจนหันกลับไปมองตรงที่สองหวางซึ่งกำลังยกโต๊ะหมากขึ้นมาตั้ง “ … มีวิธีแล้ว ”

คราวหลังก็อย่าริอาจนำแมวมาไว้กับจิ้งจอกอีกเล่า



“ ผ่านมาไม่กี่ปี วิถีหมากดูจะซับซ้อนขึ้นมากนะเจ้าหลานชาย ”

“ พระปิตุลากล่าวเกินไป หลานยังด้อยประสบการณ์หากเทียบกับท่าน ”

หลิวอันไม่คิดอย่างนั้น ดวงตาราวพยัคฆ์ของผู้ผ่านศึกสงครามมามากจับจ้องหลานชายที่มีสีหน้าปลอดโปร่งแต่กลับมีแววตาเย็นเหยียบ หลิวชุ่นเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ฉลาดเฉลียวมากความสามารถ เคยไขว่คว้ามาซึ่งอำนาจในสิ่งที่ต้องการ แต่กลับถูกความบ้าคลั่งของราชสำนักหล่อหลอมให้กลายมาเป็นผู้ซ่อนเขี้ยวเล็บที่อันตรายยิ่งกว่าใครก็เพื่อที่จะได้มีชีวิตรอด ทั้งหมดที่อีกฝ่ายเป็นแสดงออกมาผ่านกลหมากที่อีกฝ่ายเลือกใช้กับเขา

วางตัดทุกความเป็นไปได้ ตะล่อมหลอกอย่างเชื่องช้าจนต้องหมดหวัง

หากไม่ใช่ว่าผู้ที่กำลังต่อกรนั้นคือผู้ครองเขี้ยวของอสุราเชื่อว่าปานนี้คงรู้แพ้รู้ชนะกันไปนานแล้ว

“ หวางเย่ ขออนุญาตถวายชาเพคะ ” เป็นปกติที่จะมีนางกำนัลเวียนมาคอยดูแลสำรับและเครื่องดื่มบนโต๊ะของพวกเขา ทั้งหลิวอันและหลิวชุ่นจึงไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ ปล่อยให้นางกำนัลได้นำป้านชาใหม่มาวางและรินลงจอก หวยหนานหวางที่กำลังใช้ความคิดเมื่อได้ยินเสียงชาก็ตัดสินใจยกจอกขึ้นจิบหวังบรรเทาความคิดฟุ้งซ่านแม้ว่ามันจะเป็นเพียงชาบุปผาหอมอ่อน ๆ

แต่เมื่อได้ลิ้มรส กระทั่งมือที่คลึงเม็ดหมากยังหยุดไปจนคนที่รบรากันมายังสังเกตเห็น

“ มีอะไรหรือไม่พระปิตุลา ”

“ เป็นชาหลงจิ่ง ”

“ …? ”

“ เดิมเคยเป็นชาบุปผา ยามนี้กลับเป็นหลงจิ่งแล้ว ”

ต่อให้เป็นงานระดับวังหลวงแต่การเบิกของมีค่ามากมายก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย ดังนั้นมาตราฐานของชาจึงเป็นประเภทกลางมาโดยตลอด จนหวยหนานหวางที่อยู่ ๆ ได้ลิ้มรสหลงจิ่งเลิศล้ำนึกประหลาดใจ แน่นอนว่าความประหลาดใจแกมสงสัยนี้ส่งต่อกันได้ไวนัก ฉานซานเซียนหวางที่อยู่ตรงข้ามก็ยกจอกของตัวเองขึ้นรับกลิ่นใสกระจ่างที่แปลกไป

“ ของหลานเป็นไป๋หาวอิ๋นเจิน ”

ได้รับคำตอบอย่างนี้ทั้งหวางใหญ่หวางน้อยหันขวับไปยังนางกำนัลที่ยกยิ้มพึงพอใจอยู่ข้าง ๆ ในทันที ไม่ต้องรอให้ทั้งสองได้เอ่ยปากถาม นางก็กราบเรียนสิ่งที่ถูกไว้วานมาอย่างฉะฉาน “ ทั้งหมดเป็นบรรณาการจากลู่เจาอี๋ที่วานให้บ่าวนำส่ง ทั้งหมดได้รับการตรวจสอบจนแน่ใจแล้ว จึงได้นำขึ้นถวายเพคะ ”

หวยหนานหวางไม่สนใจสถานการณ์ของฝ่ายในมานานแล้ว เมื่อได้ยินชื่อนี้ทีแรกจึงยังนึกไม่ออกว่าคือผู้ใด ผิดกับฉานซานเซียนหวางที่เงียบไปพักหนึ่งพลางปรายตามองโต๊ะตรงข้ามที่เขาสังเกตมาได้พักใหญ่แล้วว่าเป็นโต๊ะนั่งของนาง

“ มีคนขึ้นเป็นฉือผินนอกจากเสียนอี๋แล้วรึ ”

เนตรคมของหวางแห่งฉานซานตวัดมองกายงามด้วยแววพิจารณาแม้ว่าเสี้ยววินาทีหนึ่งจะมีความปวดร้าวบาง ๆ ในยามที่ได้ยินคำว่าเสียนอี๋ แต่มันก็เผยออกมาได้ไม่นานนัก เมื่อผู้ที่ไม่ควรรู้ตัวว่าอยู่ในบทสนทนาของสองบุรุษได้หันกลับมาสบตาราวกับจงใจให้เป็นอย่างนั้น ฉับพลันมุมปากของพระอนุชาในองค์จักรพรรดิฮั่นอู่ก็ยกขึ้น

“ เห็นว่าเป็นคนน่าสนใจนัก พระปิตุลาคงคุ้นชินกับนางในนามลู่เหม่ยเหรินหรือลู่เจี๋ยยวี่เสียมากกว่า ”

ถึงจะพอนึกออกแล้วว่าเป็นใคร ทว่าเมื่อหลิวอันเห็นว่าหลานชายมองไปที่ฝั่งอื่นมาพักใหญ่ สุดท้ายตัวเองก็ได้แต่หันตามไปเพื่อดูว่าสิ่งใดที่เรียกสายตาอีกฝ่ายได้นานถึงเพียงนี้ กระทั่งได้พบกับสาวงามผู้หนึ่งที่คล้ายจะรอการหันมาของเขาอยู่ก่อนแล้วจึงได้เผลอเลิกคิ้วขึ้นอย่างพิจารณาไม่ต่างอะไรจากหลานชาย

เชื้อพระวงศ์ล้วนมีความหวาดระแวงอยู่ในสายเลือด

สาวงามผู้นั้นก้มศีรษะลงเป็นการทักทายพวกเขา นางไม่หน้าซีดกระโตกกระตากยามเจอสายตาเฉียบคมทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ทั้งยังไม่ผลีผลามทำเป็นลุกขึ้นอย่างที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกประจบประแจง นับว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้.. ฉลาดคิดไม่น้อย

“ หน้าตาไม่เลว เพราะแบบนี้เขาถึงได้โปรดนัก ” หลิวอันคลึงจอกชาหลงจิ่งในมือ ส่วนหลิวชุ่นก็เพียงแค่ผงกศีรษะรับเล็กน้อยพร้อมกล่าวทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากร่างนั้น

“ กล่าวกันว่าสตรียิ่งงดงาม.. ก็ยิ่งอันตราย

“ อันตรายหรือไม่ก็ดูเอาเถิดหลานชาย ” เสียงทุ้มต่ำเจือแหบพร่าคล้ายคำรามของหลิวอันแทรกไว้ด้วยความเรียบเฉยพร้อมกับละสายตาออกจากร่างอรชรที่กำลังมุ่งหน้ามาหาพวกตน “ อย่างไรนางก็ลุกขึ้นมาทักทายตามที่เจ้าต้องการแล้ว ”

“ คนของพระเชษฐา ตรวจสอบได้ ย่อมต้องตรวจสอบ

“ ถวายบังคมหวยหนานหวาง ฉานซานเซียนหวาง ” เมื่อมาถึงคำแรกที่นางกล่าวก็ต้องเป็นการทำความเคารพอยู่แล้ว ไป๋หรั่นย่อกายลงด้วยท่าทางคำนับอย่างสุภาพจนเรียกว่าทั้งหมดล้วนแต่ครบถ้วนกระบวนการไร้จุดให้ตำหนิ

“ ได้ยินเรื่องเจ้ามานาน ไม่ต้องเกรงใจ ” แม้จะเป็นหวางทัดเทียมกันแต่ผู้ที่อาวุโสกว่ายังคงเป็นหวยหนานหวางอยู่ดี ฉะนั้นคำอนุญาตของเขาก็เปรียบได้กับคำอนุญาตของคนสองคน ไป๋หรั่นค่อย ๆ กลับมายืนปกติอีกครั้ง โดยหนนี้นางได้เห็นรอยยิ้มแสนสุภาพของฉานซานเซียนหวางแล้วหลังจากที่เห็นแววเย่อหยิ่งของเขามานาน

“ มอบชาดีอย่างนี้นับว่าพระสนมใส่ใจไม่น้อย แต่การสลับชา..ทรงเจตนาอย่างไรถึงได้ใช้วิธีนี้ ”

เปิดมาฉากแรกนางก็ถูกเสือหน้ายิ้มตะปบใส่ซะแล้ว หวยหนานหวางคล้ายว่าจะยกรอบให้เป็นหน้าที่ของหลานชาย แต่ไหนแต่ไรมาเขาพูดน้อยไม่เข้าสังคมกล่าวอะไรก็มีแต่ทำให้คนนอกตื่นกลัว เขาที่ผันตัวมาเป็นผู้ฟังยังอดเลิกคิ้วให้ไม่ได้ โจ่งแจ้งจริง ๆ หลานชาย

“ ปัญญาชนล้วนทราบ ขัดศึกหมากล้อมนับว่าเสียมารสาทได้สี่ส่วน หม่อมฉันไม่เคยพบทั้งสองหากผลีผลามเข้าทักทายกลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท ” ศรมาทิศใด นางก็จับพลืกปากลับทิศเดิม เป็นที่ทราบโดยทั่วอยู่แล้วว่าการขัดรอบประชันหมากถือเป็นเรื่องเสียมารยาท ลู่เจาอี๋ทำอย่างนี้เท่ากับนางไม่จำเป็นต้องนำตัวเองมาหยุดกระดานให้โดนกล่าวหา แต่กลับเป็นพวกเขาเองที่หยุดมือแล้วหันไปสนใจนาง

ริ้วความเคร่งเครียดฉายบนพักตร์งามของหวางรุ่นเยาว์ ผิดกับผู้ชรากว่าที่ลอบหัวเราะออกมาเบา ๆ เจ้าหลิวชุ่นเคยชินกับเล่ห์เหลี่ยมปะทะเล่ห์เหลี่ยม ไหนเลยจะเคยเจอเล่ห์กลของผู้ที่หยิบความจริงออกมาตีแผ่โดยไม่อายปาก ฉลาดนัก.. ชิงสารภาพปรับความเข้าใจก่อนต่อให้ผู้ฟังจะมาสัมผัสได้ทีหลังว่าไม่มีอะไรจนกระอักกระอ่วนก็ไม่อาจโทษลงที่นางได้

“ เจ้าเด็กคนนี้ระแวดระวังไปทั่ว ลู่เจาอี๋อย่าถือสา ”

“ หวยหนานหวางกล่าวเกินไปแล้ว ”

หลังจากที่ไม่ได้รู้สึกมานาน ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกในช่วงปีที่ฉานซานเซียนหวางคิ้วกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ทีแรกมากับเขา นึกไม่ถึงว่าพระปิตุลาจะทิ้งเรือเดินไปร่วมทางกับหลานสะใภ้ตีวัวกระทบคราดเสียอย่างนั้น “ ขออภัยที่เสียมารยาทกับพระสนมด้วย เปิ่นหวางมิมีโอกาสได้พบวิธีการเช่นนี้บ่อยนัก ”

“ ระวังความปลอดภัยของตัวเองเดิมก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว หม่อมฉันคิดน้อยเกินไป ทำให้ทั้งสองต้องลำบากใจ ” สาวงามในรอบหลายพันปีระบายยิ้มอ่อนหวาน ก่อนที่จะหันไปทางนางกำนัลคนสนิทที่ถือถาดซิ่งเหรินโต้ฟูรออยู่ก่อนแล้ว “ ชาดีก็ต้องทานคู่กับของว่าง หากหวางเย่ทั้งสองไม่รังเกียจ ก็โปรดรับน้ำใจนี้ได้ด้วยเถิดเพคะ ”

ลู่เจาอี๋รับถาดซิ่งเหรินโต้ฟูทั้งสองจานมามอบให้แก่หวยหนานหวางและฉานซานเซียนหวาง แน่นอนว่าหากปฏิเสธไมตรีก็คงจะดูใจร้ายใจดำกับสนมเอกของญาติไปเสียหน่อย พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น สองหวางรับของว่างไปแต่โดยดี ทว่าในขณะที่กำลังจะอ้าปากชวนให้อยู่สนทนาต่ออีกสักหน่อยเพื่อซักถาม(?)ก็กลับมีนางกำนัลในงานเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ ขออภัยที่ต้องขัดจังหวะเพคะ ”

“ ว่าอย่างไร ”

“ ใต้เท้าจางต้องการขอเข้าพบเพคะ ”

“ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขามา คนเยอะถึงจะสนุก ” หลิวชุ่นหยักยิ้มเบาบางพร้อมกล่าวออกมาอย่างสำราญใจ

แต่ด้านนางกำนัลน้อยที่รับฟังกลับรีบประสานมือโค้งตัวแล้วเอ่ยทั้งที่เสียงสั่น ๆ

“ ค คือ ใต้เท้าจางกล่าวว่า.. ต ต้องการพบลู่เจาอี๋เพคะ… ”

อะไรนะ?

“ เปิ่นกง? ” เมื่อสนทนากับผู้ต่ำศักดิ์กว่า ไป๋หรั่นก็ไม่พลาดที่จะยกตัวเองสูงขึ้นตามฐานะที่นางมีโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้านิ่งค้างของฉานซานเซียนหวางและร่องรอยความขบขันของหวยหนานหวาง คนเฒ่าเมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของหญิงงามก็รู้แต่แรกแล้วว่านางมิได้ตกใจกับการขอเข้าพบนี้แม้แต่น้อย เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่นางรอ นางไม่รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะดำเนินตามความต้องการเมื่อไหร่ แต่นางเชื่อว่ามันต้องมาแน่ ฉะนั้นจึงรออย่างเงียบเฉียบและประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

“ ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถอะ เปิ่นหวางรั้งตัวพระสนมไว้นานก็ไม่ใช่เรื่องดี ” ดวงตาคมของพยัคฆ์ผู้ผ่านศึกเหลือบมองหลานชายเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการพิจมองผิวของน้ำชา “ วันหน้าคงได้พบกันอีก ”

นงคราญหยกยอบกายลงเล็กน้อยเพื่ออำลา ก่อนจะหันกายปลีกตัวจากไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายเบาบาง



“ นางกำนัลแจ้งว่าพระสนมต้องการพบกระหม่อม ” ใต้เท้าจาง จางถิงเว่ยยังดุดันเหมือนอย่างเคย ผู้รักษากฏบ้านกฏเมืองยิ่งชีพปรายตามองสตรีสูงศักดิ์ที่เปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ ครั้งหนึ่งคนตรงหน้านี้เคยเป็นเหม่ยเหรินที่ดูหลงทางแต่ก็ยึดมั่นในตัวเอง ยามนี้นางดูคล้ายคนที่จับทิศจับทางของตัวเองได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เริ่มเดินเสียทีเดียว “ ทรงใช้กระหม่อมเป็นข้ออ้างปลีกตัวจากหวยหนานหวางและฉานซานเซียนหวางหรือพ่ะย่ะค่ะ? ”

“ ก็แค่ยืมชื่อยืมตัวเล็กน้อย ใต้เท้าจางคงไม่ถือสา ” อยู่ตรงนั้นนางเป็นคนเอ่ยปากว่าไม่ถือสา อยู่ตรงนี้นางกลับเป็นคนขอว่าอย่าได้ถือสา— ไป๋หรั่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะกดศีรษะลงทักทายถิงเว่ยคนดีคนเดิมที่คุ้นหน้ากันมานาน “ นับเสียว่าเป็นการทดแทนที่ครั้งหนึ่งท่านทำให้ชื่อเสียงของเปิ่นกงต้องด่างพร้อย ”

“ คดีจบแล้ว มลทินก็ล้างแล้ว นับว่าเราไม่มีเรื่องติดค้างต่อกัน ” จางทังชำเลืองตามองผ่านไหล่ของพระสนมเอกไปก็พบกับสายตาสอดส่องหนึ่งคู่ของฉานซานเซียนหวางที่เหมือนจะติดใจอะไรบางสิ่ง ในเมื่อสายตาของสองบุรุษสบกัน จะให้ทำเป็นมองผ่านก็คงน่าสงสัยเกินไป ถิงเว่ยหนุ่มค้อมศีรษะลงเล็กน้อยอย่างสุภาพ

“ ถ้าอย่างนั้นตลอดทางที่อุทยานเม่าหลินล่ะ? ”

“ พระสนมดูแลตามหน้าที่ ไม่นับ ”

“ … ” ไป๋หรั่นไม่ได้อ้าปากตอบโต้กับเขา แต่นางกลับมองเขาอย่างเงียบงันพร้อมยกยิ้มขึ้นทีละน้อย

เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เขามองนางพลาดไปอีกแล้ว

“ อย่าเคร่งเครียดถึงปานนั้น ยืมชื่อครั้งนี้ย่อมมีราคาของมัน ท่านรับสิ่งนี้ไว้เถอะ ” มันคือชุดของว่างเข้าคู่กับน้ำชา ไป๋หรั่นมิใช่คนหน้าเลือดที่หาทางเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียว นางคือหนึ่งในผู้ที่มีความใส่ใจอย่างยิ่งยวด มิเช่นนั้นคงไม่สามารถเข้าตาฝ่าบาทมาอย่างราบรื่นได้จนถึงทุกวันนี้

“ ถิงเว่ย? ลู่เจาอี๋? ” ในขณะที่จางทังกำลังตัดสินใจผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่ก็คือคนแซ่จางแต่ละคนนามอย่างจางเชียนผู้ครองตำแหน่งต้าหงหลู “ บัวลอยนี้น่าทานนัก.. ข้าควรไปแนะนำขบวนทูตเสียหน่อยว่าของรสเลิศเหล่านี้จะพลาดไม่ได้ ”

เว่ยเจียเสียนอี๋เสด็จ

โอ๊ย สารพัดเรื่องรุมล้อมนัก เสี้ยววินาทีหนึ่งในแววตาของลู่เจาอี๋แฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าเต็มประดา นางสมควรไปนั่งพักเป็นไม้ประดับงานมากกว่ามาตะลอนเดินสนทนา ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจรวบรัดตัดตอนโดยอาศัยต้าหงหลูเป็นมือสำคัญ “ บัวลอยนี้เปิ่นกงกำชับให้คนนำมาหลายชุด ต้าหงหลูโปรดรับไว้เถิด ถิงเว่ยเองก็มีชุดหนึ่ง ของอร่อยอย่างนี้สมควรให้หลายคนลิ้มลองเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว อย่าได้ไปคิดมากกับมันนัก เปิ่นกงคงต้องกลับไปที่โต๊ะแล้วขอให้ทุกท่านสุขสำราญกับงานเลี้ยง ” ว่าจบนางก็หันกายเดินมุ่งไปทางส่วนที่นั่งของเหล่าสนมโดยไม่แม้แต่จะหยุดฟังเสียงทัดทานที่มาจากความมึนงงของถิงเว่ยหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

..

“ หวงตี้ และ ไท่โฮวเสด็จ !!!!! ”

เสียงประกาศการมาถึงของสองผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินผลักให้ทุกชีวิตภายในท้องพระโรงลุกขึ้นทำความเคารพจนราวกับทุกสรรพชีวิตได้ถูกปั้นให้คงอยู่ในท่วงท่าเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน หลายชีวิตต่างก็รอให้เสียงฝีเท้าหลายคู่ของเหล่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ได้เงียบลงจนมีสังเกตกระแสหนึ่งที่เหล่าข้าราชบริพารทราบกันอย่างดีปล่อยออกมา เมื่อนั้นทุกชีวิตก็กล่าวสรรเสริญอย่างเป็นระเบียบ

“ ถวายพระพรหวงตี้ ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี ”

“ ถวายพระพรไท่โฮ่ว ขอทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี ”

“ อ้ายเจียปิติใจยิ่งที่ได้แลเห็นผู้คนมากมายมาร่วมอวยพรให้อ้ายเจียผู้นี้ ก่อนจะสนทนากันก็— เอ้า นั่งลงเสีย อย่าได้มากพิธีนัก ”

“ขอบพระทัยองค์ไท่โฮ่ว” ถัดจากนี้แน่นอนว่าต้องเป็นการกล่าวถึงบรรยากาศภายในงานจัดเลี้ยงที่สร้างขึ้นโดยเว่ยเจียเสียนอี๋ บทสนทนาของหนึ่งนางหงส์ผู้ให้กำเนิดมังกร กับปักษาน้อยที่อนาคตอาจได้เป็นเช่นนางทำให้คนรอบข้างสนใจจนตาลุกวาว บ้างก็ชื่นชมในความคิดความกล้าที่กระทำสิ่งแปลกใหม่ บ้างก็บอกว่านางนั้นคืออัจฉริยะที่เพียบพร้อมสมควรดึงไว้เข้าฝ่ายตน

แค่ฟังก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวายแล้ว.. ดูท่าช่วงนี้คงจะเป็นวาระรุ่งเรืองของแซ่เว่ยเจียจริง ๆ

หลังจากสนทนาพอให้ทราบถึงที่มา และปิดท้ายด้วยการตกรางวัล ย่อมเป็นเวลาของการทยอยกันนำของขวัญขึ้นถวาย เริ่มต้นจะต้องเป็นเหล่าหวางขึ้นถวายก่อน ต่อมาก็เป็นขุนนางยศใหญ่ทั้งหลาย ตามด้วยราชทูต และค่อยกลับมาที่ขุนนางชั้นผู้น้อย จากนั้นค่อยวนมาถึงคราวของสนม ไป๋หรั่นไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย ของขวัญแต่ละชิ้นมีที่มามาก พื้นที่ในการให้พูดก็มีมาก ดังนั้นหลายคนจึงพยายามนำเสนอตนเองอย่างสุดความสามารถ

“ ลู่เจาอี๋ ลำดับมอบของขวัญคือ .. ”

“ ให้เสียนอี๋ถวายก่อนเถิด ”

หากพูดกันตามตรง พวกนางนับว่ามียศเท่ากันก็จริงแต่ลำดับของเจาอี๋ถูกยกให้ขึ้นนำในการจำแนกรายชื่อแต่ละยศ ฉะนั้นหากนางจะขึ้นถวายก่อนก็ย่อมได้ แต่ว่า.. ตัวเอกของงานครั้งนี้ไม่ควรเป็นนาง ในเหล่าสนมให้เว่ยเจียเหลียนฮวาทูลถวายเป็นผู้แรกนั้นปลอดภัยกว่า แน่นอนว่าน้องสาวผู้นั้นก็ไม่เคยทำให้นางผิดหวัง ไป๋หรั่นระบายยิ้มเบาบาง ภาพวาดเฟยฉีสวยสดสมฝีมือ แฝงมาด้วยความหมายดีเลิศไม่ธรรมดา

“ ต่อไป .. ของขวัญจากพระสนมลู่เจาอี๋ ”

หากจะกล่าวว่าฉือผินคือแหล่งรวมของสตรีที่น่าจับตามองก็คงไม่ผิดนักเพราะปัจจุบันที่ครองศักดิ์นี้ก็มีเพียงสอง นั่นเท่ากับว่ากว่าจะขึ้นมาถึงจุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ลู่เจาอี๋ที่ถูกกล่าวถึงก้าวออกมาจากที่นั่งของตนเองพร้อมนางกำลังคนสนิทที่ประคองถาดกระเบื้องขาวลายครามรูปเมฆเคลื่อนคล้อย

“ เมื่อครั้งยังเยาว์ หม่อมฉันเคยได้ฟังนิทานพื้นบ้านเรื่องหนึ่งบอกเล่าถึงการเดินทางยาวนานไม่รู้จบของบัณฑิตยากไร้ ยามนั้นแม้ว่ามันจะเป็นภาพฝันไม่จีรังที่ใครต่างก็ใคร่ปรารถนาจะมีชีวิตคู่ชูชื่น แต่บัดนี้ หม่อมฉันเชื่อว่านิทานนั้นบอกเล่าถึงสิ่งลึกซึ้งยิ่งกว่า.. จากบ้านมาล่วงชราจึงคืนถิ่น สำเนียงยินแปลกผสมจอนผมร่วง เด็กน้อยไม่รู้จักจึงทักท้วง ยิ้มอิ่มทรวงแล้วถามว่ามาแต่ใด หม่อมฉันเขียนกวีนี้ลงบนพัดด้ามหนึ่ง ที่วาดลายต้นหลิวไว้คล้ายกับทิวทัศน์ของศาลบรรพชนที่ครั้งหนึ่งพระองค์เคยเมตตาพาหม่อมฉันไปเยือน ” ก้านนิ้วขาวคลี่พัดพับให้กางออก เผยเป็นภาพต้นหลิวใกล้ริมสระศาลพร้อมด้วยอักษรข่ายซูงามวิจิตรสี่บรรทัด “ โดยหม่อมฉันหวังเพียงว่าพัดนี้จะช่วยให้พระองค์ได้เกษมสำราญกับกาลเวลาทั้งที่ผ่านมา และในยามนี้.. เช่นอย่างตอบจบของนิทานที่ให้บัณฑิตผู้นั้นอยู่พร้อมหน้ากับลูกหลาน ”

“ แต่กระนั้นเรื่องสุขภาพ และลาภทรัพย์มงคลก็เป็นเรื่องสำคัญ ” ไป๋หรั่นเก็บพัดลงบนถาด ก่อนจะหยิบอีกหนึ่งสิ่งเล็กจ้อย ทว่าดูแปลกตานัก “ ชาวลั่วหยางเรามีธรรมเนียมหนึ่งตกทอดมานาน ถึงการนำรวงข้าวมามัดช่อ พร้อมผ่านการสวดภาวนาโดยแม่ชีหรือนักบวชในวัดหลักประจำเมือง เพื่อให้ช่อข้าวนี้เป็นช่อเมล็ดข้าวมงคล เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญช่วยอวยพรให้ผู้รับเปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์พูนผล เงินทองมั่งคั่งมากมายเหมือนเมล็ดข้าวทองอร่าม ทว่าทั้งหมดนี้เป็นหม่อมฉันที่ทำเอง มันอาจ.. มิได้เรียบร้อยหรือสวยสดนัก ”

“ ในฐานะหญิงสาวที่มีโอกาสได้ดูแลรับใช้พระองค์ชั่วขณะหนึ่ง .. รวมไปถึงในฐานะลูกสะใภ้ หม่อมฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระองค์จะทรงสุขภาพแข็งแรง เปี่ยมด้วยความสุข และอยู่เป็นขวัญแก่ลูกหลานไปอีกนานสืบนาน ” ทั้งหมดถูกวางลงบนถาดอีกครั้ง ส่วนร่างของผู้ที่กล่าวมาอย่างยาวนานก็โค้งลงอย่างนอบน้อมเชิงว่าไร้ซึ่งคำพูดใดที่จะกล่าวต่อ เปิดช่วงให้เซียวจื่อไท่โฮ่วที่วันนี้ทรงสุขสำราญใจได้หัวเราะเบา ๆ

“ เด็กพวกนี้ขยันทำให้อ้ายเจียได้เปิดหูเปิดตานัก ” คนหนึ่งให้ภาพวาดฝีมือ อีกคนให้พัดงานฝีมือพร้อมกับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ชวนให้อุ่นใจคล้ายว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการรวมตัวญาติพี่น้องที่หาได้มีเรื่องของยศฐาเข้ามาเกี่ยวข้อง ลู่เจาอี๋ไม่ใช้เวลาของตัวเองในการเกริ่นว่าเหตุใดถึงได้นำสิ่งของเรียบง่ายมาถวาย อันที่จริงก็นับว่าเปิดโอกาสให้ผู้คนโจมตี ทว่าทั้งเหตุผลหรือการที่นางกล่าวว่าทำด้วยตนเอง.. ก็เพียงพอแล้วที่จะปิดปากคนไปจำนวนมาก

“ ลู่เจาอี๋ นำมันขึ้นมาใกล้ ๆ อ้ายเจียเสียสิ ”

ไป๋หรั่นวางสายตาไว้ที่ฐานของพระที่นั่งเหนือผู้คนทำให้ไม่คล้ายการมองบนหรือมองต่ำจนเกินไป นางย่อลงรับคำของไท่โฮ่วเล็กน้อยก่อนจะหันไปรับถาดของขวัญพร้อมก้าวเท้านำสิ่งเหล่านี้ขึ้นไปให้อีกฝ่ายได้ทอดพระเนตร

“ มิได้เรียบร้อยหรือสวยสดรึ? เจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว อ้ายเจียคิดว่างามนัก ใช่หรือไม่ฝ่าบาท ” ประโยคเดียวทำเอาคนทั่วทั้งท้องพระโรงใจกระตุก พร้อมเบิกตากันอย่างไม่เชื่อสายตา เซียวจื่อไท่โฮ่วทรงกำลังขอความเห็นจากฝ่าบาทที่ปกติแล้วทรงไม่โปรดการแสดงความเห็นกับเรื่องเล็กน้อยหรือนี่?!

แม้จะไร้ซึ่งคำพูด.. แต่ก็พอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่บ้าง

ฮั่นอู่ตี้ปรายตามองเจาอี๋ที่ก้าวขึ้นมาใกล้พวกตนหนึ่งระดับด้วยสายตาเรียบ ๆ พลางหวนนึกไปถึงความพยายามตลอดหลายวันของนางที่ตนเห็นมากับตา ผนวกกับภาพรวมของตรงหน้าก็มิได้ย่ำแย่ สมควรกล่าวว่าทำได้ดีมาก .. และเพื่อแสดงออกอย่างนั้น หลิวเช่อไม่ได้กล่าว แต่เพียงพยักหน้า เท่านั้นก็พอจะทำให้คนเบื้องล่างตาถลนกันได้หมดแล้ว

“ ฮึ แม้แต่ฝ่าบาทยังเห็นด้วยกับอ้ายเจีย เจาอี๋.. เจ้าทำได้ดีมาก วางใจเสียเถิด ”

“ ทำให้พระองค์พึงพอใจได้ นับเป็นเกียรติของหม่อมฉัน ขอบพระทัยในความเมตตาเพคะ ” สาวงามผุดผาดระบายยิ้มหวานฉ่ำชวนให้คนรักใคร่เอ็นดูเป็นหนสุดท้ายก่อนที่จะต้องยอบกายอำลาเพื่อกลับไปประจำตำแหน่งโดยปล่อยให้กาลเวลาหมุนผ่านไปเพื่อดำเนินไปตามพิธีรื่นเริงที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบคัน



[รางวัลสนมร่วมอวยพรและมอบของขวัญแก่ไท่โฮ่ว]

+50 พลังใจ , +500 ตำลึงเงิน, +50 EXP , +50 บารมี

+25 - 35 ความโปรดปรานจากฝ่าบาท
(ขึ้นกับของขวัญที่จัดเตรียมให้ไท่โฮ่วและคำอวยพร)

+25 - 35 ความโปรดปรานจากไท่โฮ๋ว
(ขึ้นกับของขวัญที่จัดเตรียมให้ไท่โฮ่วและคำอวยพร)

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

[NPC-04] หลิว อัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง และ ชาเกรดทอง +10
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นชาประเภทชงชา
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นของว่างประเภทอาหารปรุง

[NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง และ ชาเกรดทอง +10
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นชาประเภทชงชา
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นของว่างประเภทอาหารปรุง

[NPC-09] จาง ทัง
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นชาประเภทชงชา
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นของว่างประเภทอาหารปรุง

[NPC-12] จาง เชียน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นชาประเภทชงชา
+5 โบนัสความสัมพันธ์หากเป็นของว่างประเภทอาหารปรุง






แสดงความคิดเห็น

โปรดเลือกปลดล็อกทีละคน เนื่องจากโรลเพลย์สตอรี่ของ NPC ที่เหลือจะได้ไม่ต้องเสียเปล่า  โพสต์ 2024-8-19 21:50
ความสัมพันธ์จางทังถึงลิมิตแล้ว  โพสต์ 2024-8-19 21:50
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-12] จาง เชียน เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-8-19 21:50
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-09] จาง ทัง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-8-19 21:49
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2024-8-19 21:49

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงเงิน +500 บารมี +50 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 500 + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดหนิงเซียนหนี่ว์(ซูเฟย)
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุม
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x2
x3
x1
x2
x1
x1
x2
x1
x4
x2
x3
x6
x1
x22
x4
x18
x4
x3
x11
x2
x1
x4
x2
x5
x1
x6
x4
x15
x1
x4
x6
x1

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
437
อีแปะ
15257
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
1979
ความชั่ว
1244
ความโหด
2637
โพสต์ 2024-8-22 12:10:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-8-22 12:36





มันคือการ Pitching ดีๆ นี่เอง .เหม่อ
@Admin 


CHAPTER 21

วันที่สิบเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
17.30 น. เป็นต้นไป
งานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไท่โฮ่ว


งานเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 49 ปีของไท่โฮ่วจัดขึ้นในวันที่สิบเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ ณ เขตพระราชฐานชั้นนอก เวลานี้สนมนางในทยอยมาจนครบแล้ว ที่ด้านบนหวงตี้ประทับเคียงคู่กับไท่โฮ่วทั้งสองพระองค์อยู่ในอาภรณ์สูงส่งสีอร่ามงดงามเต็มพิธีการ


ถัดลงมาเป็นลำดับที่นั่งของพระสนมซึ่งลดหลั่นลงมาตามตำแหน่ง เวลานี้ตำแหน่งหวงโฮ่วและสนมขั้นเฟยทั้งสี่ยังว่างอยู่ ที่นั่งแรกสุดย่อมต้องเป็นของเว่ยเจียเสียนอี๋ซึ่งเป็นผู้จัดงานเลี้ยงในครั้งนี้และลู่เจาอี๋ผู้เป็นที่โปรดปรานอย่างที่สุด ตำแหน่งถัดมาคือนางสนมขั้นเจี๋ยอวี๋ ตามด้วยเหม่ยเหรินซึ่งมีหลงเยวี่ยรวมอยู่ด้วย ฟากตรงข้ามคือตำแหน่งของเชื้อพระวงศ์ พระชายาและบรรดาขุนนางที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน


หวยหนานหวางเป็นบุรุษรูปร่างกำยำ ผิวกร้านกรำศึก ดวงตาคมปลาบราวกับพยัคฆ์ มองดูแล้วน่าเกรงขามยิ่ง ตำแหน่งพระชายาด้านข้างในวันนี้ถูกดรุณีวัยแรกรุ่นจับจองอยู่(ลูกสาวเขามาเนอะ?) ท่าทางจะซุกซนมากจึงมีเรื่องเล่าทูลถวายไท่โฮ่วไม่หยุดปาก บรรยากาศฝั่งของพระญาติจึงเป็นกันเองขึ้นมาก ส่วนที่นั่งระดับหวางอีกหนึ่งที่ คือที่นั่งของฉางซานเซียนหวางซึ่งยังไม่อภิเสกสมรส ท่วงท่าของเขาสง่างามเป็นมิตร ในบรรดาองค์ชายของอดีตจักรพรรดิจิงตี้กล่าวกันว่าเขาเปี่ยมพรสวรรค์ทว่าเกียจคร้านไม่เอาไหนที่สุด ด้วยเหตุนั้นจึงเป็นเพียงเชื้อพระวงศ์ส่วนน้อยที่ยังรอดชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ฟังดูแล้วช่างให้ร้ายหวงตี้จริงๆ ราวกับว่าพระญาติถูกพระองค์เข่นฆ่าจนหมดสิ้น ทว่าแม้จะเป็นผู้ที่เหลวไหลอย่างฉางซานเซียนหวางเมื่ออยู่ในงานเลี้ยงที่พรั่งพร้อมด้วยขุนนางและราชทูตก็กลายเป็นผู้ที่องอาจสง่างามสมกับเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้หนึ่ง


บนที่นั่งฝั่งของพระสนมยศเหม่ยเหริน


หลงเยวี่ยสวมเสื้อสีม่วงอ่อนปักดิ้นครามลายดอกเบญจมาศ กระโปรงผ้าโปร่งสีเดียวกันยาวลากพื้น ให้ความรู้สึกเรียบง่ายระคนสง่างาม เครื่องประดับทำจากปิ่นทองแกะสลักรูปดอกหางหงส์ซึ่งเกลื่อนกลาดตากลับเข้าคู่กันดีกับปิ่นไข่มุกแกะสลักลายมงคลรูปค้างคาว ปักแซมกับดอกหิรัญญิการ์สีอ่อนหวานโอบล้อมมณีเม็ดใหญ่ ขับรูปโฉมให้เบ่งบานราวกับอินทนิลน้ำกลางสายธาร ทว่ารูปลักษณ์เช่นนี้ก็มิได้โด่นเด่นชวนมองแต่แรกเห็น


ด้านหลังของที่นั่งมีนางกำนัลคอยปรนนิบัติเรื่องอาหารอยู่ตลอดเวลา งานเลี้ยงกำลังเริ่มอย่างเนิบช้า เสียงเครื่องดนตรีจำพวกกู่เจิ้งเคล้าคลอมากับสายลมมิระคายหูสักนิด หวงตี้ ไท่โฮ่ว เชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางสนทนาสัพเพเหระอยู่นมนาน ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเอียงหูฟังบ้าง ดื่มกินอาหาร สุรา และชาตรงหน้าบ้าง หรือพูดคุยสนทนากันเอง 


จวบจนฤกษ์งามเคลื่อนมาถึงการมอบของขวัญ ลำดับการมอบของขวัญเริ่มจากฝั่งพระญาติ ราชทูต และขุนนางก่อน ลำดับของนางสนมจึงอยู่ในขั้นท้าย การจัดลำดับเช่นนี้ทำให้นางสนมระดับล่างต่างพากันหน้าถอดสี ด้วยเกรงว่าของขวัญของตนจะซ้ำกับผู้ใด อย่างไรก็ดีผู้ที่รอดพ้นแล้วคือนางสนมกลุ่มหนึ่งซึ่งซักซ้อมร่ายระบำเพื่อแสดงให้ไท่โฮ่วรับชม


ในลำดับขั้นของพระสนม เว่ยเจียเสียนอี๋คือผู้แรก ของขวัญคือภาพวาดที่ประดับบนผ้าแพรไหมงดงามล้ำค่า เมื่อได้ยินคำว่า แพรไหมจันทร์หนาว ด้านข้างของหลงเยวี่ยก็พลันเงียบสงัดไปเล็กน้อย แพรไหมจันทร์หนาวงดงามทั้งยังเป็นประโยชน์ในด้านการใช้ทำชุดเกราะเพราะมีความทนทานสูงมาก เว่ยเจียเสียนอี๋ไม่ตระหนี่ของล้ำค่า แม้แต่แพรพรรณประดับภาพวาดยังดีกว่าของขวัญในมือของนางสนมหลายคน จึงพลอยทำให้บางรายสีหน้าอับแสงลงมา


ด้วยมุมและทิศของที่นั่งหลงเยวี่ยมองไม่เห็นภาพวาดเฟยฉีของเสียนอี๋ เพียงแต่จากปฏิกิริยาของผู้ที่มองเห็นเกรงวาดผู้ที่มอบภาพวาดต่อจากนาง หากไม่ล้ำค่าควรเมืองจริงๆ ก็คงจะจืดชืดเสียแล้ว


ถ้อยคำของเสียนอี๋แฝงด้วยความสัมพันธ์ระหว่างไท่โฮ่วกับตน เบื้องหลังคำพูดนั้นหลงเยวี่ยสัมผัสได้ถึงความโปรดปรานอันล้นพ้น


ถัดจากเว่ยเจียเสียนอี๋ พระสนมที่งดงามที่สุดในพระราชวังต้องห้ามก็เยื้องกรายจากที่นั่ง บนถาดกระเบื้องในคราแรกมองไม่ชัดว่าวางเทินสิ่งใดไว้ ยินเพียงเสียงมากมารยาทที่ก้องกังวานทั่วพระตำหนัก น้ำเสียงของนางมิดังมากทว่ากลับดึงดูดความสนใจ ไม่นานพัดพับชิ้นหนึ่งก็กางออก กึ่งหนึ่งย่อมถูกแผ่นหลังของลู่เจาอี๋บดบังจนสิ้น ทว่าลายเขียนของเจาอี๋นางเคยพบพานแล้ว ก็ยังคงเป็นลายมือของหญิงงามที่วางตัวได้ดี


เป็นเอกลักษณ์ยากเปรียบปาน


อีกทั้งคำว่าพัด (ซ่าน) พ้องเสียงกับคำว่า เมตตากรุณา เป็นของมงคลอย่างหนึ่งที่คิดสรรได้อย่างยอดเยี่ยม ในพระตำหนักผู้ที่เข้าใจความหมายแฝงนี้มีไม่น้อยที่จะชื่มชมในความปราดเปรื่องของลู่เจาอี๋อย่างแน่นอน สามารถเสกสรรพัดหนึ่งใบให้มีคุณค่าทางใจเพียงนั้น


ของขวัญถวายแก่ไท่โฮ่วของลู่เจาอี๋มีสองชิ้น อีกชิ้นเป็นของขวัญที่เรียบง่ายอย่าง ช่อเมล็ดข้าวมงคล ในแถบบ้านเกิดของหลงเยวี่ยปัจจุบันไม่นิยมมอบข้าวสารและอาหารให้แก่ผู้อื่น ด้วยเหตุว่าเป็นการดูถูกผู้รับ…ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าไท่โฮ่วแห่งแผ่นดินต้าฮั่นของขวัญนี้ย่อมไม่อาจตีความเช่นนั้นได้อีก ธรรมเนียมการมอบ ช่อเมล็ดข้าวมงคล หลงเยวี่ยก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก นับเป็นความเรียบง่ายที่ลึกซึ้งยิ่งนัก ทว่าเพียงท่วงท่าหนึ่งขององค์ราชันที่มีต่อลู่เจาอี๋ก็ทำให้สนมมากมายได้แต่อมยิ้มขืน


สุราเล่อค่า อาหารเลิศรสล้วนแล้วแต่ทำให้ทุกคนปีติยินดี…การมอบของขวัญยังคงดำเนินต่อไป


“ต่อไป  ของขวัญจากตวนมู่เหม่ยเหริน”


หลงเยวี่ยหยัดกายขึ้นจากที่นั่ง ริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มหวานละไม นางยอบกายในท่าคำนับกึ่งพิธีการ ท่วงท่ามั่นคงเฉิดฉันหาใดเปรียบ มองปราดเดียวก็ทราบว่าสตรีผู้นี้กำเนิดในสกุลแม่ทัพใหญ่ ทว่าชื่อเสียงเรียงนามของ เหอซีอิงกงตวนมู่เจี้ยนเต๋อ อย่างไรก็อยู่ในใจผู้คน หลงเยวี่ยย่อมแลดูเป็นหญิงผู้เปี่ยมความดีงามด้วยบารมีนั้น ยามนี้นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเปล่งประกายของนางแฝงไปด้วยความเคารพที่มีต่อหวงไท่โฮ่ว


เมื่อเดินไปถึงจุดที่จัดไว้ถวาย ของขวัญ ให้ไท่โฮ่วได้รับชม นางก็ยอบกายลงคุกเข่า ทำความเคารพเต็มพิธีอีกครั้ง


นางกำนัลถือถาดไม้กฤษณาเรียบง่ายเดินตามไม่ห่าง ด้านบนถาดมีกล่องประดับลวดลายมงคลวางอยู่


“หม่อมฉันตวนมู่เหม่ยเหรินหญิงสกุลตวนมู่ถวายพระพรไท่โฮ่ว” หลงเยวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแฝงความยึดมั่น ดวงหน้าประดับรอยยิ้มละไม


“...นับแต่เข้าวังหม่อมฉันก็ได้รับพระเมตตาจากไท่โฮ่วเสมอมา ในใจรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง ความรู้สึกนี้ยากจะกลั่นออกมาเป็นคำพูด ได้เพียงแต่กลั่นออกมาเป็นความตั้งใจแสดงต่อหน้าพระพักตร์” เสียงของนางก้องชัดแจ้ง “สมัยก่อนเคยได้ยินผู้อาวุโสในสกุลตวนมู่กล่าวกันว่าการคัดลอกบทสวดมนต์ด้วยมือได้บุญมาก แสดงถึงหัวใจที่ศรัทธาตั้งมั่นต่อปรารถนาอย่างแรงกล้า หม่อมฉันจึงตั้งใจคัดบทสวดมนต์แปดสิบแปดรอบเพื่อแสดงถึงความกตัญญูและปรารถนาดีที่หม่อมฉันมีต่อพระองค์”


“ในวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ครั้งนี้ หลงเยวี่ยขอใช้บทคัดลอกพระคัมภีร์แปดสิบแปดเล่มนี้ถวายเป็นมหากุศลภาวนาให้ไท่โฮ่วทรงเปี่ยมด้วยความสุขประดุจกระแสน้ำที่หลั่งไหลจากทุกสารทิศสู่ห้วงนทีแห่งทะเลตงไห่ มีพระชนมายุยืนยาวเขียวชอุ่ม (เยาว์วัย) ประดุจต้นสนบนภูเขาหนานซานเพคะ”


“ช่างมีความตั้งใจที่ดียิ่งนัก” ไท่โฮ่วทรงแย้มสรวล ความประทับใจแผ่ซ่านบนดวงหน้า ประดุจดอกเบญจมาศคลี่บานอย่างเนิบช้า “ฟูเหรินผู้เฒ่าสกุลตวนมู่เลี้ยงธิดามาได้ดีจริงๆ ยังส่งมอบเด็กล้ำค่าเช่นนี้มาให้ข้า”


“ตวนมู่เหม่ยเหรินอวยพรเสด็จแม่เช่นนี้ เกรงว่าลูกแก่จนผมบนศีรษะขาวโพลนแล้ว เสด็จแม่ก็ยังงดงามไม่สร่างเป็นแน่” คำกล่าวนี้เป็นของฉางซานเซียนหวาง


ไท่โฮ่วยิ่งแย้มพระสรวล “อยู่ใกล้เสด็จลุงของเจ้ามากจึงพลอยปากคอเราะร้ายตามไปด้วยหรือ”


“เห็นอยู่ว่าไม่เกี่ยวข้องกับกระหม่อม น้องสะใภ้ช่างล้อเล่นแล้ว” หวยหนานหวางเอ่ยตอบ ก่อนเงี่ยฟังเสียงบุตรสาวแล้วเอ่ยชมหลงเยวี่ยอีกหนึ่งประโยค นับว่าให้หน้านางยิ่งนัก “คำโบราณว่าไว้ เดินทางพันหลี่เพื่อมอบขนหงส์ แม้เป็นสิ่งของที่เบาแต่หนักด้วยน้ำใจ บทคัดลอกพระคัมภีร์ช่างเหมือนคำกล่าวนี้จริงๆ”


“คัดบทสวดมนต์แปดสิบแปดรอบจะเบาได้อย่างไร” ไท่โฮ่วตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


นัยน์ตาเมล็ดซิ่งช้อนมองเล็กน้อยนัยน์ตาสุกสกาว หญิงสาวยอบกายลงอย่างชดช้อย “ท่านอ๋องกล่าวชื่นชมหลงเยวี่ยยินดีรับ ไท่โฮ่วโปรดปรานนับเป็นวาสนาของหม่อมฉันเพคะ” ประโยคท้ายนางหันไปกล่าวกับสตรีเหนือบัลลังก์หงส์


“นำขึ้นมาให้ข้า—” จางกงกงยอบกายรับพระบัญชา เดินลงถือถาดไม้กฤษณา เทิดส่งให้ไท่โฮ่ว พระนางรับม้วนกระดาษหนึ่งเปิดดู “ยอดเยี่ยม” 


กล่าวเพียงเท่านั้นก็เอ่ยกับจางกงกง “นำไปตั้งไว้ที่ศาลสัจจเทพอี๋เหอ สวดแล้วค่อยเผา”


หลงเยวี่ยคำนับลาแล้วถอยกายกลับมายังที่นั่งของตน นับว่าวันนี้นางทำได้ดีที่สุดแล้ว หลงเยวี่ยจัดปิ่นระย้าบนมวยผม แล้วเอนกายเฝ้ามองการประชันและเพิ่มมูลค่าให้ของขวัญที่นำมา—น่ากลัวว่าบางชิ้น หากเลือกสรรถ้อยคำไม่ดี หัวก็อาจหลุดออกจากบ่าได้ง่ายๆ


กาลเวลาเคลื่อนผ่านไหล หลีฮวาไป๋รสชุ่มฉ่ำละมุนคอเป็นรสชาติของวังหลวง แม้เป็นสุราดอกไม้กลับเมาได้ง่ายนัก หลงเยวี่ยเบือนสายตามองเบื้องหน้า กลับมาสนใจการแสดงอีกครั้ง คลับคล้ายจะถึงการแสดงเนื่องจากมีพระสนมบางกลุ่มเลือกฝึกซ้อมเพื่อแสดงให้ไท่โฮ่วสำราญพระทัย จึงเห็นใบหน้าของหญิงสาวตำแหน่งเหม่ยเหรินและเจี๋ยอวี๋ที่คุ้นตาหลายคนร่ายรำประกอบแสดงดนตรี เขียนโคลงกลอนถวายพระพร เป็นต้น


ระหว่างนั้นคลับคล้ายว่าการพูดคุยจะกินเวลายาวนาน หรือเกิดขัดข้องประการใดไม่ทราบ เสียนอี๋ผู้มีปัญญาลึกล้ำจึงได้กล่าวออกมา “พูดคุยกันนานแล้วเกรงว่าทุกท่านและฝ่าบาทจะคอแห้ง…” นางผินหน้าไปทางนางกำนัล “ไปยกเหล้าที่ตวนมู่เหม่ยเหรินเตรียมมา”


นางกำนัลทำตามรับสั่ง ไม่นาน นารีแดง ก็ถูกเทใส่จอกเหล้าที่งามพิสุทธิ์ มีทั้งเหล้านารีแดง สุราซีเฟิง และสุราไผ่เขียว ล้วนแต่เป็นสุราที่เลือกสรรมาอย่างดี งานเลี้ยงครั้งใหญ่สุราก็มิใช่ของดาษดื่นแสดงให้เห็นถึงความหรูหราของราชวงศ์ย่อมไม่มีใครกล้าดูถูกนาง


สุรานารีแดงรสสับสนวุ่นวาย เปรี้ยวบ้าง หวานโดด ในตอนแรก กลับละมุนในช่วงท้าย

สุราซีเฟิงกลิ่นหอมขจรไกล มีฤทธิ์เป็นยา เลิศล้ำหาใดเปรียบ

สุราไผ่เขียว อบอวลกลิ่นไผ่ สดชื่นหวานละมุน ของหายากเลื่องชื่อ


 “เหล้านารีแดงเปี่ยมด้วยรสหวาน รสเฝื่อน รสเปรี้ยว รสขม รวมกันแล้วกลมกล่อมยิ่งนัก” ผู้หนึ่งเอ่ยชื่นชม


ในจอกสุราของไท่โฮ่วนั้นเนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพของพระนางจึงใช้ชาหลงจิ่งดังเดิม


ทว่าในกลุ่มขุนนางด้านล่างยังมีคนผู้หนึ่งที่มิได้รับเกียรติในการดื่มสุราชั้นดีเหล่านั้น นางกำนัลรินชาขาวเข็มเงินลงในจอกสุราของจางถิงเว่ย กลิ่นหอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์โชยแตะจมูก หัวคิ้วคู่คมของจางจิ่งสิงกดลงเล็กน้อย ยากนักจะสังเกตเห็น ทว่าหลงเยวี่ยยอมพอใจจะเฝ้าสังเกตผลงานของตน ภาพนั้นจึงคล้ายกระจ่างในดวงตา 


นางกำนัลคลี่ยิ้มอ่อนหวาน “พระสนมให้เรียนว่า ใต้เท้าจางทำงานเกี่ยวกับการตัดสินคดีเมามายกว่านี้เกรงจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ”


ในคราแรกจากจิ่งสิงรู้สึกว่าถ้อยคำนี้แปลก ทว่าครู่เดียวก็เข้าใจ พระสนมผู้นั้นกล่าวหาว่าเขา ‘เมามายจนบ้า’ จางจิ่งสิงหาได้มีความขุ่นเคืองบนใบหน้า เพียงเอ่ยตอบอย่างมากมารยาท


“ฝากขอบพระทัยพระสนม”

[รางวัลสนมร่วมอวยพรและมอบของขวัญแก่ไท่โฮ่ว]

+50 พลังใจ , +500 ตำลึงเงิน, +50 EXP , +50 บารมี

+25 - 35 ความโปรดปรานจากฝ่าบาท

(ขึ้นกับของขวัญที่จัดเตรียมให้ไท่โฮ่วและคำอวยพร)

+25 - 35 ความโปรดปรานจากไท่โฮ่ว

(ขึ้นกับของขวัญที่จัดเตรียมให้ไท่โฮ่วและคำอวยพร)


** NPC รวมตัวแบบนี้ให้แบบโปรยแจกได้ใช่ไหมคะ**


[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

     +25 ความสัมพันธ์จากสุราเกรดแดง (ขวดหนึ่ง)


[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

     +5 พูดคุยประจำวัน

        +5 ความสัมพันธ์ จากเครื่องรางเกรดน้ำเงิน

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

     +20 ความสัมพันธ์ชาเกรดทอง (ชาขาวเข็มเงิน)


[NPC-04] หลิว อัน

     +5 พูดคุยประจำวัน

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

     +20 ความสัมพันธ์จากสุราเกรดทอง (ซีเฟิง)


[NPC-05] หลิว ชุ่น

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

     +20 ความสัมพันธ์จากสุราเกรดทอง (ไผ่เขียว)


[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

     +25 ความสัมพันธ์จากสุราเกรดแดง (ขวดสอง)


[NPC-08] เถียน เฟิง

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

    +25 ความสัมพันธ์จากสุราเกรดแดง (ขวดสาม)


[NPC-10] เว่ย ชิง

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

     +25 ความสัมพันธ์จากสุราเกรดแดง (ขวดสี่)


[NPC-09] จาง ทัง

     +5 พูดคุยประจำวัน (นับไหม)

     +10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

     +20 ความสัมพันธ์ชาเกรดทอง (หลงจิ่ง)


[NPC-12] จาง เชียน

+10 ความสัมพันธ์จากหัวบ้า

+25 ความสัมพันธ์จากสุราเกรดแดง (ขวดห้า)




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 50 EXP โพสต์ 2024-8-22 13:28
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2024-8-22 13:28
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 73 โพสต์ 2024-8-22 13:28
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-04] หลิว อัน เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-8-22 13:27
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2024-8-22 13:26

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงเงิน +500 บารมี +50 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 500 + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้