[บันทึกการเดินทาง] : การเดินทางตามหามุกวารี

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 7 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-9 23:02

武林志






บันทึกยุทธภพสีคราม


[การเดินทางตามหามุกวารี]

จากตั่งเตียง สู่ ภูผา
จากวังหลัง สู่ เทียนซาน
จากฉางอัน สู่ ยูนนาน
จากนิมิตร สู่ สุดสายตาจะพิศมอง



ผู้บันทึก



ชื่อสกุล — เว่ยเจียเหลียนฮวา | 魏佳莲花
สมญานาม — พหูสูตรน้อย
ผู้ร่วมเดินทาง

โจวจิน
จ้าวหนิงเฟย









แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 3247 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 7 วันที่แล้ว
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-10 21:47


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 1
วันที่ยี่สิบหก ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ต้นยามเฉิน (07.30 น.)






   แรกน้ำค้างแว่วสกุณาร้องรับสุริยัน
ณ ห้วงฝันใต้ท้องนภาไร้กำบัง



วันที่ยี่สิบหก ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาฟ้ายังไม่สาง เมื่อสิ้นกิจวัตรคราสุดท้าย เอ่ยร่ำลากับองค์ไท่โฮ่วในการเข้าเฝ้ายามเช้า บอกลาหลานตัวดีทั้งสองในฐานะของน้าสาว บอกลาเจี่ยเจีย เหม่ยเมยที่จริงใจและกระโดดขึ้นหลังม้าเพื่อเริ่มต้นการเดินทางที่คงจะยาวนานมาก ๆ เส้นทางทอดยาวจากป่าไผ่ ม่านหมอกที่ลอยเอื่อยบังตา ทว่าเมื่อแสงตะวันทออาบไล้ทั่วทุกที่มันทำให้ดวงใจของข้าเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งชีวิตของข้านั้นอยู่ในห้อง ใต้แผ่นฝ้าคุ้มหัว ดวงตาสะท้อนเพียงน้ำหมึก เรียวนิ้วสัมผัสเพียงพู่กันและกระดาษ เช่นนั้นแล้วการออกมาสู่โลกกว้างของข้าในครานี้นั้นย่อมเป็นการแสวงปัญญาของดินแดนแห่งนี้เป็นแน่

   ด้วยความที่การเดินทางนี้มันช่างไกลแสนไกล ทั้งยังมีพระสนมเป็นหนึ่งในคณะเดินทาง ใช่ ตัวข้า เว่ยเจียเหลียนฮวา ผู้เป็นพระสนมยศเสียนอี๋…ทว่าในระหว่างการเดินทางนี้ ไร้ยศฐาบรรดาศักดิ์ หากไม่จำเป็นก็จะแทนตนเช่นอดีต ‘คุณหนูใหญ่เว่ยเจีย’ เป็นคำเรียกขานที่น่าคิดถึงเสียจริง เพราะเช่นนี้เองฝ่าบาทเลยประทานม้าพันธุ์ดีให้แก่ข้าถึงสามตัวเพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง แม้ว่าจะต้องอดทนฟันฝ่าความหวาดกลัวในวัยเด็กจนแทบคลื่นไส้ ทว่ามันก็เร็วกว่าการเดินเท้าผ่านป่าเขาเช่นนี้อยู่มากโขเลย

   ในวันนี้เป็นวันที่เรียบง่าย การเดินทางในวันแรก ๆ คงเป็นเช่นนี้เสียส่วนมาก อาจเพราะยังไม่ห่างจากฉางอันมากนักด้วยเลยยังไม่มีปีศาจน่ากลัวนัก แต่สิ่งที่ตื่นเต้นเองก็มีอยู่มาก นั่งพักริมน้ำครั้งแรกเอย นอนดูดาวเคียงกองไฟเอย เป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน

  
(ในช่วงท้ายของกระดาษมีร่องรอยหมึกวาดรูปม้าบิดเบี้ยวพร้อมกับตัวอักษรที่แทนความรู้สึกของผู้เขียน “ข้า เกลียด ม้า”)


   จุดเริ่มต้นของการเดินทางแม้เป็นนิมิตแลเลือนลาง ทว่ากลับรู้สึกถึงจุดหมายได้อย่างชอบกล ในสายตาผู้อื่นการเดินทางนี้อาจจะดูเลื่อนลอย ทว่าในสิ่งที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาสีน้ำตาลสุกใสนั้นคือแสงที่พาดผ่านเป็นด้ายเปล่งประกายนำทาง มีกลุ่มแสงน้อย ๆ คอยบินวนราวกับย้ำเตือนให้นางได้ก้าวสองเท้าเดินออกจากสถานที่ที่เป็นดั่งโลกทั้งใบของนาง

   แม้ว่าสิ่งที่ต้องเผชิญอย่างยากลำบากอย่างการขึ้นขี่ม้าจะทำให้การเดินทางในช่วงแรก ๆ นั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้าจนเร็วกว่าฝีเท้าปกติไม่มากนักหากเทียบกับความเร็วที่ควรจะทำได้ ทว่าช่วงยามอู่ที่พักใต้ร่มไม้ โจวจินได้บอกนางให้ลองทำความรู้จักและสร้างความสนิทสนมกับมันดูเผื่อจะกลัวลดลงบ้าง นางเลยได้ข้ามผ่านกำแพงความกลัวอันสูงใหญ่และยื่นฝางหญ้าให้มันกินดู

   เสี่ยวเฮย ม้าสีดำตัวใหญ่ทว่ากลับเชื่องและใจดีมันมีชื่อว่าเสี่ยวเฮย จริง ๆ มันมีชื่อที่ดูองอาจกว่านี้ทว่าสิ่งที่นางจดจำได้คือคำว่า สีดำ สุดท้ายแล้วจากชื่อที่องอาจที่ฝ่าบาทตรัสบอกให้เอ่ยนามของมันบ่อย ๆ ก็เหลือเพียงเจ้าสีดำตัวน้อยเสียอย่างนั้น

   การเดินทางในวันนี้เป็นการเดินทางที่เรียบง่าย เดินทางโดยที่ยังสามารขยับได้เต็มกำลังไร้สิ่งขัดขวาง เช่นนั้นแล้วจากฉางอัน บัดนี้ก้าวเข้าสู่เขตของ ป่าชิงสุ่ย ใกล้กับ หมู่บ้านซานหลิง เขตเมืองเฟิ่งเซี่ยน

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +2 EXP +4 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +2 ความโหด จาก บัณฑิต  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
บัณฑิต
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
ขลุ่ย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x8
x1
x2
x7
x18
x488
x2
x38
x24
x21
x21
x42
x13
x21
x7
x21
x8
x2
x1
x84
x67
x7
x2
x56
x31
x4
x5
x84
x101
x210
x107
x6
x85
x14
x10
x5
x6
x1
x2
x103
x8
x65
x21
โพสต์ 4 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 2

สองประโยคเลื่อนลอย
คอยกระซิบหวังดังใจ




  

วันที่ยี่สิบเจ็ด ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้เป็นวันที่ข้าเดินทางออกจากจุดเดิมมาไกลพอควร ออกจากป่าเขียวขจี ลำธารไหลเย็นมาสู่ผืนทรายหยาบและแสงแดดร้อน ทว่าสิ่งที่ได้ค้นพบในวันนี้มันมากมายนัก

   ฟ้าแตกผืนโลกทลาย หนี่วาสร้างสะพานสรวง
   เลือดเนื้อกลั่นมุกสรวง หล่อดวงใจปกมวลชน
   หากมารฟื้นคืนหายนะ ต้นธารจะชี้ทางหน
   ทายาทจงฟังเสียงตน ในเงาน้ำคือชาติกำเนิด


   บทกลอนบนผ่นศิลาแม้เลือนลางทว่ากลับยังคงชัดมากพอที่จะอ่านมัน ตัวอักษรโบราณพวกนี้ต้องขอบคุณหอสมุดหลวงที่ทำให้ข้าได้เข้าไปอ่านตำรามากมายไม่ใช่น้อย ๆ บทกลอนนี้ต้องเป็นบนกลอนที่เอาไว้ย้ำเตือนสตรีผู้เป็นบุตรีแห่งหนี่วาเป็นแน่ นับว่าเป็นการค้นพบหลักฐานที่ชี้ประจักษ์ถึงนิมิตได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้ทำให้ข้าอยากรู้เสียแล้วว่าในจุดสุดท้ายของการเดินทางมีอะไรขอพวกเราอยู่


   จุดเริ่มต้นของวันใหม่มักเริ่มต้นโดยที่ท้องฟ้ายังประดับดวงดารามากมาย ด้วยกิจวัตรในฐานะของพระสนมที่ขึ้นยศพระสนมขั้นสูงอย่างรวดเร็วเล็กน้อยตั้งแต่เข้าวังหลังไม่นานทำให้การตื่นนอนของเว่ยเจียเหลียนฮวาแปรเปลี่ยนเป็นคนที่ตื่นนอนเอาตั้งแต่ยามเหม่า (ตี 5) แน่นอนว่าจ้าวหนิงเฟยที่รับใช้นางมาตลอดเองย่อมตื่นไวกว่าผู้เป็นนายอยู่แล้ว ร่างบางลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาบริเวณริมลำน้ำเย็นใสให้สดชื่น รับผ้าชุบน้ำจากจ้าวหนิงเฟยมาเช็ดกายสักหน่อยก่อนจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์โดยมีผู้ช่วยเหลือตลอด และโจวจินคือคนสุดท้ายที่ตื่นขึ้นมาหลังจากพวกนางจัดการตนเองเรียบร้อย (หรืออันที่จริง เขาตื่นแล้วแต่รั้งรอให้เหล่าสตรีจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนก็ไม่อาจทราบได้)

   ในช่วงที่ฟ้าเริ่มสาง พวกนางก็เริ่มเดินทางกันต่อ เนื่องจากยังเช้าจึงเลือกที่จะจับจูงเหล่าม้าทั้งหลายให้เดินพอคลายง่วงไปบ้างจนไปเจอเข้ากับหมู่บ้านซานหลิง คณะเดินทางจึงตัดสินใจหยุดพักทานอาหารเช้ากันที่โรงเตี๊ยมและซื้อเสบียงพื้นเมืองอย่างพวกเกาลัดตากแห้ง หรือ สมุนไพรป่า มากักตุนไว้เพิ่มเติมก่อนจะเดินทางต่อโดยไม่รั้งรอให้เสียเวลานาน

   เพราะสำหรับเว่ยเจียเหลียนฮวา นางเสียเวลามาร่วมเกือบเก้าเดือนแล้ว

   ออกจากหมู่บ้านซานหลิง ครานี้ทั้งสามเลือกขึ้นขี่ม้า เหลียนฮวาแม้จะมีอาการสั่นตามกายบ้าง ทว่าเพื่อขี่สักพักก็พอจะสงบใจขึ้นมาหน่อย นับว่าเป็นการพัฒนาจากเดิมอยู่มาก เส้นทางนี้เป็นแนวป่าชิงสุ่ยชั้นนอก มีหมอกจางลอยนิ่งและบรรยากาศของป่าที่เงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของม้า แม้จะดูน่ากังวลใจ ทว่าการที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งออกจากป่า

   ในช่วงยามอู่ ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกลางศีรษะ พวกนางได้เข้ามาสู่เส้นทางหุบเขาฝูเหริน — ทางแคบกลางผาหิน ในตอนแรกนั้นเหลียนฮวาคิดเพียงว่ามันเป็นเพียงทางแคบข้ามหุบเขาธรรมดา ทว่าเมื่อควบม้าเดินช้า ๆ เรื่อย ๆ ไปสักพักก็ได้พบกับสองทางของผาหินที่เต็มไปด้วยภาพแกะสลักรูปหญิงสาวถือไข่มุกอยู่เหนือสายน้ำ บอกเล่าเรื่องราวของตำนานแห่งเทพหนี่วากับชนเผ่าพื้นเมือง สามารถบ่งบอกได้ถึงหลักฐานของการมีอยู่ของตัวตนที่นางแลเห็นในนิมิตและได้ประติดประต่อเรื่องราวจนรับรู้ว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นเกวียนโบราณที่เคยใช้เชื่อมต่อระหว่างเมืองพรมแดน

   เมื่อพ้นเส้นทางแคบนี้ไปเรียบร้อย ในช่วงเวลาที่แสงแดดร้อนจัด สายลมพัดทรายเป็นหมอกเบาบาง ทัศนียภาพที่เปิดกว้างขึ้นเผยให้เห็น ซากหอคอยอิฐโบราณที่นางจำได้ว่าเคยได้ยินในเรื่องเล่าตามม้วนวรรณกรรมที่ได้อ่าน หอคอยของโหลวหลาน

   ตอนนี้ที่พวกนางกำลังยืนอยู่ทางเข้าเมืองโหลวหลานที่ร้างแลไร้ชีวิตเป็นช่วงเวลาปลายยามเว่ย ตรงหน้าของนางที่หลุดจากป่าชื้นเป็นผืนทรายแข็งและซากอิฐโบราณ การเดินทางนี้นั้นเป็นการเดินทางไปตามสัญชาตญาณและตามการชี้นำของด้ายทองแห่งเทพเซียน เมื่อร่องรอยกระแสด้ายสีทองนำทางเข้ามาในเมืองนี้พวกนางจึงจำต้องมุ่งตรงเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลคู่งามโผล่พ้นผ้าคลุมป้องกันทรายสอดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ ภาพความร้างและไร้ผู้คนทำเอารู้สึกหลากหลายในอกมิใช่น้อย

   ครั้งหนึ่งในที่แห่งนี้เคยมีผู้คน ทว่าในตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว

   ณ ใจกลางเมืองโหลวหลานที่รกร้าง ในช่วงเวลาที่ท้องฟ้าแดงส้มอ่อนแสงอาทิคย์ แสงสุดท้ายตกกระทบ [ แท่นบูชาหินทราย ] ที่มีลวดลาย มังกรวารี สลักรอบราวต้องมนต์ให้พวกนางได้พิศมองและพบเจอเข้ากับวิหารที่สูงใหญ่แม้ผ่านกาลเวลาไปนับหลายร้อนพันเหมันต์

   “นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว อีกทั้งวิหารสมัยอดีตมักจะแข็งแรงทนลมฟ้ามาจนถึงยุคสมัยนี้ เช่นนั้นแล้วเราค้างแรมพักก่อนดีหรือไม่ขอรับ เจ้าม้าจะได้พักกันด้วย”

   เสียงของโจวจินผู้ที่ดูมีประสบการณ์ด้านการเดินทางไกลเช่นนี้มากที่สุดในบรรณาคณะเดินทางที่มีเพียงสามคนได้เอ่ยขึ้น เหลียนฮวาผู้ที่สวมยศฐาเป็นเพียงบุตรีตระกูลขุนนางก็พยักหน้าเบา ๆ เห็ฯด้วยกับความคิดนี้

   “หากเจ้าว่าเช่นนั้นก็ย่อมได้”

   ทั้งสามคนได้เดินตรงเข้ามายังวิหารที่เหลือโครงสร้างไว้ให้พักพิง เรื่องม้าและการพักแรมพวกนั้นเหลียนฮวาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโจวจินและจ้าวหนิงเฟย ส่วนตัวของนางที่ได้เหลือบไปแลเห็นสัญลักษณ์คุ้นตาดึงดูดความสนใจของนางไม่น้อยก็เดินถือคบเพลิงไปไปอ่านตามผนัง ดวงตางดงามกวามมองไปรอบ ๆ แลเห็นแผ่นศิลาบันทึกคำกลอน ว่าด้วยสตรีผู้ถือมุกแห่งวารี

   ฟ้าแตกผืนโลกทลาย หนี่วาสร้างสะพานสรวง
   เลือดเนื้อกลั่นมุกสรวง หล่อดวงใจปกมวลชน
   หากมารฟื้นคืนหายนะ ต้นธารจะชี้ทางหน
   ทายาทจงฟังเสียงตน ในเงาน้ำคือชาติกำเนิด


   พหูสูตรน้อยเช่นนางมือหรือจะปล่อยไปเฉย ๆ ร่างเล็กรีบอ่านและจดจำมันเอาไว้ให้มั่นก่อนจะรีบก้าวเดินกลับไปที่ค่ายพักแรมขนาดย่อมเพื่อหยิบกระดาษและพู่กันมาจดบันทึกไว้ว่าเนื้อหาพวกนี้ดูมีความสำคัญเพียงใด

   ในช่วงเวลาสุดท้ายของวัน ในช่วงเวลาที่ราตรีโอบกอด ดวงตาที่สุกใสค่อย ๆ หลับลงเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา ในค่ำคืนนี้ในห้วงฝันได้ปรากฎสตรีผู้งดงามนางหนึ่งกำลังก้าวเดินอยู่บนสายน้ำ รอบกายของนางผู้นั้นมีแสงเรืองรองก่อนจะได้แลเห็นว่ามันคือแสงจากไข่มุกงามลอยอยู่เบื้องหน้า ภายในห้วงฝันนี้เสียงสะท้อนประโยคที่ชัดแจ้งราวกับต้องการให้นางจดจำให้ได้แม้ยามตื่นนอนก็ตาม

   “จงมอบมันให้ทายาทแท้จริง... ผู้ถือสายเลือดจากสตรีผู้ปั้นมนุษย์...”





แบบนี้ถือว่าเป็น โรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง) ได้ใช่ไหมนะ ?

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ เมื่อวาน 15:38
โพสต์ 19,160 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,160 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,160 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 คุณธรรม +7 ความโหด จาก ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,160 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
บัณฑิต
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
ขลุ่ย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x8
x1
x2
x7
x18
x488
x2
x38
x24
x21
x21
x42
x13
x21
x7
x21
x8
x2
x1
x84
x67
x7
x2
x56
x31
x4
x5
x84
x101
x210
x107
x6
x85
x14
x10
x5
x6
x1
x2
x103
x8
x65
x21
โพสต์ เมื่อวาน 20:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 3
สามเสี้ยวพริบตาจดจำไม่รู้ลืม




  

วันที่ยี่สิบแปด ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้ข้าคงขอข้ามกิจวัตรเดิม ๆ อย่างการอธิบายว่าข้าตื่นมายามไหน ทำสิ่งใดบ้าง สิ่งแรกที่น่าจดจำคงไม่พ้นการที่เกิดผืนดินสั่นไหวอยู่ ณ วิหารร้างที่พักแรมกัน ทว่าสิ่งนั้นคือการเปิดทางอุโมงค์ที่ใหญ่มากพอที่ข้าคิดว่าคงเป็ฯเส้นทางที่เหล่าสาวกเทพหวี่วาใช้งานเป็นแน่ ข้าตัดสินใจเชื่อในพลังนำทางของเซียนจึงเข้าไปในนั้น ต้องขอบคุณเลยนอกจากที่จะได้รู้เรื่องราวของเทพหนี่วาแล้ว ยังได่ร่นระยะการเดินทางจากราว ๆ สามวันเหลือเพียงวันเดียวเท่านั้น

   เมื่อสิ้นเส้นทางนี้ก็ได้พบว่ามีผู้เฒ่าเซียนที่ข้าคิดว่าเขาน่าจะเป็นเซียนเป็นแน่ สิ่งที่เขาเอ่ยบอกนั้นคือเรื่องของเซียนปกครองเป็นอาณาเขต เช่นนั้นแล้วพลังสีทองที่นำทางข้าอยู่นั้นจำต้องสิ้นพลังไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะดูเหมือนสิ้นไร้ไม้ตรอกแล้ว ทว่าผู้เฒ่าผู้นั้นได้ยกไม้เท้าหินกลวงที่น้ำหนักเบาอย่างไม่น่าเชื่อให้แก่ข้า มันสลักลายหยดน้ำทำให้ข้ารู้สึกได้ว่ามันต้องถูกสร้างมาเพื่อตามหาทายาทแห่งพลังเทพหนี่วาเป็นแน่

   สุดท้ายแล้วพวกเราทั้งสามก็มาหยุดที่แนวที่ราบฮัวซินของหุบเขาชิงหยาง ม้าที่เดินทางมาทั้งวันแล้วจำต้องหยุดเพื่อพักผ่อน และความข้าก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน


   เริ่มต้นวันในยามเหม่าเช่นเคย ทว่าวันนนี้ยามเช้าของนางกลับมิได้แจ่มใสเช่นที่ควร ดวงตาสีน้ำตาลกลมใสกลับดูเหม่อลอยไปทางทิศตะวันออกราวกับต้องการถามลมฟ้าและดวงสุริยัน ภายในหัวของนางนั้นกลับมีภาพฝันหมุนวนพร้อมประโยคที่ดังก้องราวกับต้องการย้ำเตือนนางให้เร่งฝีเท้ามากขึ้น

   “จงมอบมันให้ทายาทแท้จริง... ผู้ถือสายเลือดจากสตรีผู้ปั้นมนุษย์...”

   “เร่งฝีเท้ากันเถิด”

   น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนในค่ายพักแรมนอกวังนี้ได้เตรียมตัวครบเรียบร้อยแล้ว การเตรียมตัวในวันนี้ค่อนข้างรวดเร็วเนื่องจากว่าไม่ได้มีแหล่งน้ำให้อาบ อาศัยผ้าชุบน้ำเช็ดกายเพื่อประหยัดทรัพยากรแทน ทางด้านของจ้าวหนิงเฟยและโจวจินต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียง

   ในขณะที่กำลังจะตรวจทานสัมภาระเพื่อให้พร้อมต่อการเดินทาง ช่วงยามนั้นเองที่เกิดแรงสั่นสะเทือน ณ ใต้พื้นที่ที่ทั้งสามยืนอยู่ วิหารทั้งหลังสั่นไหวก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่นจากกำแพงสลักภาพของเทพหนี่วา ปรากฎทางลาดจากพื้นลงใต้ดินเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่มากพอที่จะให้คนขี่ม้าขี่เข้าไปได้ ราวกับว่าเป็นเส้นทางที่ตระเตรียมไว้ให้เหล่าผู้เดินทางตามหาเส้นทางขององค์เทพหวี่วาก็ไม่ปาน ด้ายสีทองที่เคยงุนงงว่าเหตุใดมันถึงนำทางลงใต้พื้นกันนั้นบัดนี้ได้กระจ่างแจ้งแล้ว ดวงใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำด้วยอารามตกใจก่อนจะค่อย ๆ หันเมียงมองใบหน้าเหล่าสหายร่วมทางทั้งสองคนราวกับต้องการยืนยันความปลอดภัยและการตัดสินใจที่จะเดินลงไปในนั้น

   “คุณหนูใหญ่ มันจะไม่อันตรายหรอกหรือเจ้าคะ” เสียงของจ้าวหนิงฮวาเอ่ยขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่านางนั้นใส่ใจความปลอดภัยของผู้เป็นนายเป็นที่สุด

   “ทว่า…กระแสพลังเทพเซียนผู้นั้นนำทางลงไปที่แห่งนี้…” แม้จะดูไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยมากนัก ทว่าเพื่อป้องกันเรื่องเช่นนี้ นอกจากจะพาจ้าวหนิงเฟยมา นางถึงชวนโจวจินมาด้วย “ต้องลำบากเจ้าแล้วโจวจิน เราไปตามทางเส้นนี้กันเถิด”

   “ขอรับคุณหนูใหญ่…” ราวกับปลงตกแล้วที่การเดินทางกับสตรีผู้นี้ต้องไม่ง่าย เช่นนั้นแล้วเขาก็กระทำกระไรได้นอกจากตามหลังสตรีทั้งสองนางลงไปยังภายในอุโมงค์ใต้ดิน

   เพื่อความปลอดภัยของผู้คนทั้งสาม โดยเฉพาะสตรีผู้สูงศักดิ์ การที่เขาจะมีเศียรประดับบ่าไว้ได้นั้นจำต้องจัดตำแหน่งการเดินทางให้ดี การเดินทางของคณะเดินทางนี้นับว่ายังดีนักที่นางกำนัลอย่างจ้าวหนิงเฟยพอได้วรยุทธ์อยู่บ้างจึงให้นางเดินรั้งท้าย ทั้งคอยช่วยเหลือพระนางยามมีปัญหาและคอยระวังหลังเป็นอย่างดี ส่วนเขาผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สุดเลือกที่จะอยู่เป็นคนแรกของขบวน ทั้งเพื่อดูลาดเลา ระวังภัยที่จะมาถึง และ สามารถปกป้องสตรีทั้งสองที่อยู่ข้างหลังได้

   เป็นบุญของเขานักที่นายผู้คุ้มกันเคยร่วมงานกันมาก่อน นางฉลาดพอจะไม่หาเรื่องใส่ตัว

   ในเมื่อตั้งสติและจัดขบวนใหม่อีกครั้งแล้วก็เริ่มเดินทาง แม้ว่าจะต้องเสียสละเศษผ้าและต้องจุดไฟขึ้นมาใหม่เพื่อเดินเข้าไปยังอุโมงค์อับแสงเช่นนี้ ทว่าก็ดีกว่าเดินทางท่ามกลางความมืด ทั้งเขาทั้งสามหาได้เดินทางเท้าไม่ พวกเขาเดินทางด้วยม้าทั้งสิ้น เช่นนั้นแล้วนอกเหนือจากความปลอดภัยนั้น จำต้องคำนึงถึงอาชาคู่ใจไม่ใช้มันสติกระเจิงจนนำมนุษย์ผู้เป็นนายไปสู่คราวสิ้นชีพเป็นแน่

   ใช้เวลาอยู่นานราว ๆ ชั่วยามเลยทีเดียวที่ต้องเดินไปเรื่อย ๆ ในอุโมงค์ใหญ่นี้ กว่าสิ่งที่ดูจะทำให้การเดินทางเข้ามาเสี่ยงภายในพื้นที่ปิดเช่นนี้ดูจะมีความหมายยิ่งขึ้นคงจะเป็นเรื่องของภาพวาดบนผนังหินทั้งหลายที่เป็นรูปของสตรีผู้เป็นมารดาแห่งปวงชนทั้งผอง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่บูชานางผู้นั้นราวกับเทพมารดา ใจกลางที่ส่องประกายเป็นลูกกลม ๆ สีขาวขุ่นไปตามกาลเวลามราสามารถตีความได้ถึงสิ่งที่นางกำลังตามหา

   ในเมื่อสิ่งที่นางอ่านมาตลอดล้วนเล่าเรื่องราวของเทพหนี่วา เช่นนั้นแล้วใยภาพอิสตรีผู้นี้จักมิใช่เทพหนี่วาเล่า

   ในช่วงเวลาที่พหูสูตรน้อยกำลังหลงใหลกับโบราณสถานไปเรื่อย ๆ ช่วงเวลานี้เองก็เป็นดั่งการข้ามเวลามาจนพบกับปลายทางอันมีแสงส่องรำไร ทั้งสามคนต่างไม่ต้องเอ่ยถามก็ย่อมรู้แก่ใจว่าการเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ย่อมปลอดภัยยิ่งกว่าเป็นแน่

   ฉับพลันที่ก้าวออกจากอุโมงค์มืด รอบข้างพลันสว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์ปลายยามซื่อเข้ายามอู่ สายลมร้อนพัดโบก พื้นที่ที่ยืนยังคงเป็นเนินหินกลางทะเลทราย ทัศนียภาพตรงหน้าที่แลเห็นไกลออกไปนั้นคือหุบเขาสีเขียวขจี ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกนางหาได้มีเพียงภาพสีเขียวขจีไม่ ยอดเนินหินนี้มีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งบนหินผาพร้อมถือไม้เท้าหินแลดูทั้งหนักและเบาในคราเดียวกัน

  “ถึงเนินหินกานซูแล้วสินะ”

   เสียงทุ้มแหบแสดงถึงความอวุโสราวกับเซียนเฒ่าในป่าถือสันโดษห่างจากผู้คน ท่านผู้นั้นเคาะไม้เท้าเบา ๆ แสงสีทองนำทางก็ค่อย ๆ มลายหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ สร้างความตกตะลึงให้แต่คณะเดินทางทั้งสามยิ่งนัก

   “เปิ่นเสี่ยวเจียขอเรียนถามท่านผู้อวุโส เมื่อครู่นี้ท่านกระทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยถามผู้เฒ่าผู้ยังคงนั่งถือไม้เท้าหินนั่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ในใจนั้นกำลังหวั่นวิตกด้วยเส้นด้ายนำทางเพียงอย่างเดียวของนางหายไป ต่อจากนี้พวกนางจะกระทำเช่นไร ?

   “เมื่อสิ้นอาณาเขตพิทักษ์แห่งเซียนย่อมต้องสิ้นพลังเซียนเป็นธรรมดา สถานที่ที่พวกเจ้าจะก้าวขาออกจากที่แห่งนี้นั้นจะไม่อาจใช้ด้ายเซียนของพวกเจ้าชี้นำได้อีกต่อไป” ผู้เฒ่าหินผาเอ่ย “แม่หนูผู้ได้รับนิมิตแห่งเซียนเอ๋ย จงเอาไม้เท้านี้ไป”

   สิ้นวจีทุ้มแห้งตามวัยเอ่ย ไม้เท้าหินนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของเหลียนฮวาผู้เป็น ‘แม่หนูผู้ได้รับนิมิตแห่งเซียน’ ตามที่ท่านผู้นั้นกล่าว เรียวมือสีซีดที่เดิมทีจับแต่พู่กันกับม้วนตำราก็ยกขึ้นถือไม้เท้าหินที่สูงเท่าไหล่บาง มันมีน้ำหนักเบาเกินกว่าที่นางประมาณการณ์ไว้มากนัก และเมื่อปลายไม้เท้ากระทบพื้นหินใต้เท้าของนางก็พบได้ว่า จากเสียงสั่นสะเทือนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าไม้เท้าหินนี้เป็นหินกลวง

   “มันจะสะท้อนกระแสพลังของผู้ที่เจ้าตามหา แม่หนู ขอให้พวกเจ้าโชคดี”

   ทันใดนั้นเองกปรากฎสายลมหวนโอบล้อมกายของคนทั้งสาม ก่อนจะพบว่าผู้เฒ่าเซียนนั้นหายไปราวกับไม่เคยมีผู้ใดนั่นตรงหน้าพวกนางมากก่อน

   “คุณหนูใหญ่ สิ่งนี้มัน…”

   “ในเมื่อแสงส่องนำทางของข้ามลายไปแล้ว หนิงเฟย เราเลือกไม่ได้นอกจากว่าต้องใช้สิ่งนี้”

   “แล้วท่านจะใช้มันอย่างไร ?”

   คำถามของโจวจินได้สร้างความตระหนักให้แก่เว่ยเจียเหลียนฮวาถึงการใช้งานสิ่งนี้ ก่อนหน้านางไม่ต้องกระทำสิ่งใดก็มีกระแสพลังนำทาง ทว่าในยามนี้ คงต้องพึ่งไหวพริบและสัญชาตญาณของนางเองเสียแล้ว มือเล็กยกไม้เท้าขึ้น คิดถึงภาพของผู้เฒ่าเคาะปลายไม้เท้าก็ริลองกระทำตาม จากนั้นรูปแกะสลักหยดน้ำที่ไม้เท้าพลันเรืองรอง ก่อให้เกินกระแสพลังคล้ายมวลคลื่นลำธารสีฟ้าใสลอยเอื่อยจาง ๆ ชี้นำทางต่อไป

   “ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว”

   แม้ไม่อยากจะเอ่ยออกมา ทว่าพวกนางก็อดขอบคุณอุโมงค์มืดนั่นไม่ได้ว่ามันทำให้พวกนางลดระยะเวลาในการเดินทางข้ามทะเลทรายจากสามวันเป็ฯเพียงแค่วันเดียง ซ้ำยังหลบหลีกภัยร้ายต่าง ๆ มากมายอีกด้วย ในยามนี้เป็นกลางยามโหย่ว ช่วงเวลาที่แสงสนธยาระบายสีส้มงดงามทั่วผืนฟ้า พวกนางได้ก้าวเข้ามาสู่พื้นที่สีเขียวเสียที

   “ไม่ผิดแน่ นี่คือหุบเขาชิงหยาง” โจวจินผู้มีประสบการณ์ของการเดินทางในอาชีพพ่อค้านั้นย่อมทราบได้อย่างรวดเร็วว่าเส้นทางของพวกนางคืบหน้าได้ไวเพียงใด “พวกท่านแลเห็นทุ่งดอกฮัวซินหรือไม่ นั่งคือจุดสังเกตเฉพาะของหุบเขาชิงหยาง หากเราเดินทางทันเวลาคงได้แวะพักแรมที่ที่แห่งนั้น ที่นั่นมีบ่อน้ำให้ใช้งานได้ด้วยขอรับ”

   และสถานที่สุดท้ายที่พวกนางได้เดินทางไปพักแรมคือแนวที่ราบฮัวซินอันอุดมด้วยทุ่งฮัวซินและมีบ่อน้ำใสตรงกลาง พร้อมกับสัญญาณจากไม้เท้าหินกลวงถึงการเข้าใกล้พลังแห่งเทพหนี่วา…





อ่านผนังหินในอุโมงค์ เรียนรู้เรื่องราวของเทพหนี่วาและไข่มุกวารี  เรียนรู้การใช้งานไม้เท้าหินกลวง  +30exp ได้ไหมนะ

@Admin

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 26,801 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ เมื่อวาน 20:48
โพสต์ 26,801 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ เมื่อวาน 20:48
โพสต์ 26,801 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)  โพสต์ เมื่อวาน 20:48
โพสต์ 26,801 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ เมื่อวาน 20:48
โพสต์ 26,801 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +6 ความโหด จาก บัณฑิต  โพสต์ เมื่อวาน 20:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
บัณฑิต
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
ขลุ่ย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x8
x1
x2
x7
x18
x488
x2
x38
x24
x21
x21
x42
x13
x21
x7
x21
x8
x2
x1
x84
x67
x7
x2
x56
x31
x4
x5
x84
x101
x210
x107
x6
x85
x14
x10
x5
x6
x1
x2
x103
x8
x65
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้