เจ้าของ: WeijiaLianhua

[บันทึกการเดินทาง] : การเดินทางตามหามุกวารี

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-5-27 13:03:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 10:27


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 10
สิบมัจฉาได้ไหม อยากกินปลา


  

วันที่ห้า อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้ออกจากฉางอันอีกครา  ก่อนหน้านี้ได้กินแต่เนื้อ  ดูเหมือนว่าหลังจากวันนี้จะได้ลิ้มรสเมนูปลาเสียทีกระมัง


   ตื่นเช้าขึ้นมาเวลานี้เป็นยามเหม่า แม้นจริง ๆ แล้วนางสามารถนอนในตำหนักหรือไปนอนที่จวนสกุลเว่ยเจียในฉางอันได้ ทว่าเพื่อเดินทางกับคณะเดินทางนางจึงเลือกกลับมาพัก ณ โรงเตี๊ยมชางลั่งถิงแทน จากอาภรณ์พระสนม นางปลดเปลื้องออกใส่เพียงอาภรณ์ที่ดูหรูหราน้อยที่สุดในหีบอาภรณ์ ณ ตำหนักเถียนเซี่ย ทว่ามันก็ยังคงดูดีราวกับคุณหนูสกุลใหญ่สักคนอยู่ดี เว่ยเจียเหลียนฮวาไม่าได้หยี่ระกับปัญหานี้เท่าไหร่ อย่างน้อยนางก็บอกจื่อเซวียนไปว่าตนเองเป็นคุณหนูสกุลเว่ยเจีย ซึ่งก็เป็นตระกูลใหญ่พอควรตระกูลหนึ่งจริง ๆ

   “คุณหนูสาม เกวียนพร้อมแล้วขอรับ”

   “ดีมาก ออกเดินทางกันเถิด”

   ตอนแรกนางต้องการจ้างคนขับเกวียนพร้อมเกวียนและม้าเทียมเกวียน ทว่าโจวจินเห็นว่าการเดินทางของเราอาจจะไม่ได้ง่ายดายนัก เนื่องจากตลอดระยะเวาที่เดินทางพวกนางถูกปีศาจเข้าโจมตีอยู่บ่อยครั้งหลังจากลงจากเทียนซาน เพื่อปกป้องไม่ให้มีผู้บริสุทธิ์ได้รับอันตรายใด ๆ โจวจินจึงอาศาว่าจะขับเกวียนเทียมม้าให้แทน

   ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการเดินทางของพวกนางก็เริ่มขึ้นในยามซื่อที่หลังจากกินข้าวมื้อสุดท้ายในโรงเตี๊ยมชางลั่งถิง

   “ไก่แช่เหล้าที่นี่รสดีนัก”

   “ชาเบญจมาศฝีมือของจ้าวหนิงเฟยก็หอมนัก”


   จื่อเซวียนออกปากชมไม่ขาดเมื่อได้ลิ้มรสอาหารในภัตตาคารใหญ่กลางเมืองหลวง ทั้งยังได้มีโอกาสลิ้มรสฝีมือการชงชาของจ้าวหนิงเฟยด้วยก็รู้สึกเหมือนล่องลอยไปครู่นึงเชียว พวกนางใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างช้าลงกว่าเดินเล็กน้อยเพราะว่าไม่ใช่ม้าตัวเดียว ทว่าเมื่อแลกมากับความสบายที่ได้นั่งโง่ ๆ แล้วนั้นเส้นทางพวกนี้ย่อมดีกว่า

   แต่ถึงแม้จะดูเดินทางง่ายขึ้นแลกมากับการเดินทางที่ดูจะช้าลงก็ตาม ทว่าเส้นทางที่ปูทางเรียบร้อยก็ทำให้พวกนางเดินทางได้ไวขึ้นโดยไม่ต้องเดินเท้าข้ามน้ำข้ามทะเลทราบต่าง ๆ ที่ดูทรหดอดทนเช่นก่อนหน้านี้

   เดินทางกันมาจนถึงช่วงต้นยามซวี พวกนางก็ได้แลเห็นประตูเมืองฮัวโจวเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่ดึกมากแล้วอีกทั้งการเดินทางตอนกลางคืนนั้นจะทำให้ดึงดูดปีศาจมากขึ้นจึงทำให้พวกนางลดความดื้อดึงของการต้องการเดินทางที่ไวที่สุด เหมือนเพียงการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด โดยมีการต่อสู้กับปีศาจในวันนี้เป็นเครื่องเตือนใจเสมอว่าพวกนางก้าวออกจากที่แจ้งเมื่อใด บัดนั้นความมืดจะโถมใส่ทันตาพร้อมกับ…

   ปลา เป็น เข่ง เลย ที เดียว

สกรีนช็อต 2025 05 27 125527
สกรีนช็อต 2025 05 27 125640
สกรีนช็อต 2025 05 27 125737






[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้


[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้

นักวิชาการ (ม่วง)(+15) >
เงื่อนไขพัฒนาคลาส:
- Level 30 เป็นต้นไป
- สเตตัส INT 30 ขึ้นไป
- อัปเกรด บัณฑิต ถึงระดับ 10 (ใช้หินอัปเกรด)
- มีโรลเพลย์และผ่านการโต้วาทีประลองปัญญากับใครสักคน 1 ครั้ง
https://han.mooorp.com/forum.php?mod=redirect&goto=findpost&ptid=55&pid=164


ดูดซับปราณแท้จากปีศาจปลา: ได้รับปลาตามประเภทของปีศาจ
(+15 ตบะฝึกฝน)
(สูญเสียการดรอปไอเท็มหากเลือกดูดซับ ปีศาจปลาจะคืนร่างเดิม)
(เลขไบต์หลักสุดท้ายคือจำนวนร่างปลาที่เกิดจากตบะ)
(ประเภทปลาเก๋า: เลขไบต์รองท้าย เลขคี่)
(ประเภทปลากระรอก: เลขไบต์รองท้าย เลขคู่)


กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 8 EXP โพสต์ 2025-5-27 14:39
ปีศาจปลา 4 ตัว อิงจากเลขไบต์ 4 หลักสุดท้าย 3 4 6 3 เลขคี่ 2 และคู่ 2 รวมเป็น ปลากระรอกและปลาเก๋า x2 อย่างละ 6 ตัว  โพสต์ 2025-5-27 14:34
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2025-5-27 14:32
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2025-5-27 14:32
โพสต์ 13643 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-27 13:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +15 ย่อ เหตุผล
Admin + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-28 15:27:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 10:27


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 11
สิบเอ็ดตำรารู้แจ้งว่าควรเขียนเอง


  

วันที่หก อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้เป็นวันที่กลับมานอนกลางป่าอีกเช่นเคย พอได้อ่านตำราใหม่ ๆ แล้วข้าก็รู้สึกเอะใจกับการใช้งานในคำศัพท์บางคำของชาวต้าฮั่น ราวกับว่าเรียกสิ่งเดียวกันทว่ากลับมีหลากหลายคำ เช่นนั้นแล้วการเรียกคำ การใช้งานพวกนี้ควรจะมีตำรากลางไม่ดีกว่าหรือ

   สงสัยระหว่างการเดินทางในครานี้คงจะได้เขียนตำราสักเล่มแล้วกระมัง


   เป็นอีกครั้งที่เว่ยเจียเหลียนฮวาตื่นเช้าขึ้นมาเวลานี้เป็นยามเหม่า ณ โรงเตี๊ยมในเมืองฮัวโจว ทว่าการตื่นนี้จะดูสายขึ้นมาหน่อยคงเพราะว่าไม่ต้องไปใช้เวลาเตรียมตัวถวายพระพรแต่อย่างใด ช่วงนี้นางก็บอกให้จ้าวหนิงเฟยมาปลุกสายจากเดิมหน่อยเพื่อให้ตัวนางเองพักผ่อนมากขึ้นเช่นกัน แต่จ้าวหนิงเฟยที่ดูแลนางตลอดเวลาตั้งแต่อยู่ในวังจนถึงตอนนี้นางก็ยังคงตื่นก่อนนางและเข้านอนหลังนางเอนการลงตั่งเตียงเสมอ

   “วันนี้เป็นเมนูปลา ข้าจะกินปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว”

   เป็นเช่นนั้นดังที่สตรีผู้สูงศักดิ์ในคณะเดินทางเอ่ย ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว พ่วงด้วยชาเบญจมาศกลายเป็นอาหารเช้า ณ โรงเตี๊ยมเมืองฮัวโจว ชีวิตของพวกนางจะเอ่ยว่าแปลกใหม่ก็แปลกใหม่ ทว่ากลับก็รู้สึกเวียนซ้ำเดิมบ้างในบางชั่วขณะที่ลองคิดทบทวน ตื่นยามเหม่าซ้ำ ๆ กินข้าว เดินทาง นั่งพัก ปราบปีศาจ แล้วก็เดินทางต่อเพื่อไปให้ทันอย่างน้อยหนึ่งวันต่อหนึ่งเมืองไป

   “เมืองต่อไปคงจะเป็น…” นางเอ่ยในขณะที่กำลังมองแผนที่โจวจินกางไว้บนโต๊ะ “ข้ากำลังคิดว่า หรือว่าเราจะออกไปเส้นทางย่อยเพื่อตรงไปหันตันแทน มันน่าจะประหยัดเวลามากกว่าไปแวะลั่วหยาง”

   “หากคุณหนูเอ่ยเช่นนั้นเส้นทางมันอาจจะไม่ราบเรียบมาก แต่คิดว่าคงเป็นทางเกวียนที่พอไปรอดอยู่ เว่ยเจียซานเซี่ยวเจี่ย(คุณหนูสามสกุลเว่ยเจีย)อาจจะต้องทนเกวียนที่โยกเยกไปมาเสียหน่อย”

   “แค่ไปให้ไวก็พอเถอะน่า”

   ว่าจบเว่ยเจียต้าเซี่ยวเจี่ยที่ถูกหยอกเอินตามประสาผู้ร่วมเดินทางที่อยู่ด้วยกันตลอดสิบวันจนสนิทสนมกันหมดแล้วก็เร่งเดินตึงตังออกจากโรงเตี๊ยมยกบันไดก้าวขึ้นเกวียนเดินทางโดยไม่ต้องมารั้งรอให้คุณสุภาพบุรุษประจำคณะเดินทางมาช่วยเหลือแต่อย่างใด

   ด้วยความที่ผ่านฉางอันไปทำให้พหูสูตรน้อยได้มีโอกาสแวะกักตุนม้วนตำราที่นางไม่เคยอ่านมาสามสี่ห้าม้วนได้ ตอนนี้นางจึงกำลังอ่านตำราว่าด้วยการเลี้ยงดูสัตว์ป่า ตลอดการเดินทางนี้นางให้เว่ยซานลงไปวิ่งบ้าง นางเพิ่งจะรู้ว่าหมาป่านั้นต้องใช้พลังงานมากเพียงใดเพื่อที่จะไม่ให้มันเครียดจากการที่มันไม่ได้ออกกำลังเสียเลย เริ่มรู้สึกว่าหรือนางคิดผิดกันที่เลือกเกวียนแทนขี่ม้าเช่นเดิม…

   ทว่า..เมื่อลองหันกลับมามองม้วนตำราในมือแล้ว การเดินทางเช่นนี้จะทำให้นางได้มีโอกาสอ่านตำราโดนไม่ปวดหัวมากกว่า เช่นนั้นเรื่องพลังงานของเว่ยซานก็แค่โยนมันให้ไปวิ่งตามเกวียนเสียก็สิ้นเรื่อง ความรู้สึกที่คิดผิดก็มลายหายไปทันตา นางยกยิ้มอย่างพอใจในความอัจฉริยะของตนเองที่คิวเรื่องพวกนี้ได้ทั้งยังประหยัดแรงมานั่งอ่านตำราดีกว่าเป็นไหน ๆ

   “วิ่งจนกว่าเจ้าจะพอใจเลยเว่ยซาน”

   ภาพของการเดินทางนี้จึงกลายเป็นภาพของเว่ยเจียเหลียนฮวานั่งอ่านตำราไม่วาง มีจ้าวหนิงเฟยคอยพัดวีบ้าง ทำอย่างอื่นไปตามประสานาง ส่วนจื่อเซวียนชมนกชมไม้ตามประสาได้มาท่องโลกกว้างคราแรกสลับกับมาขอให้นางช่วยอธิบายเรื่องตำราที่ตัวนางสุ่มหยิบขึ้นมาแล้วไม่เข้าใจ

   ในวันนี้หากต้องดั้นด้นเดินทางให้ทันเวลาถึงหานตานอย่างไวที่สุดก็ต้องแลกมากับการที่ว่าคงจะไปถึงชานเมืองเอาช่วงเช้าตรู่ของอีกวัน เช่นนั้นแล้วในช่วงยามที่พระจันทร์ส่องสว่างนั้นจึงตั้งแคมป์กลางทาง พักเอาแรงก่อนเดินทางต่อซึ่งกิจกรรมสุดท้ายก่อนนอนของเว่ยเจียเหลียนฮวาคือการกางม้วนกระดาษและลองไล่เรียงดูว่าตนเองอยากจะเขียนสิ่งใดใส่ในตำราบ้าง







[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)

กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษภาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

สามารถขอปลดหัวใจ 2 ดวงกับจื่อเซวียนชิงหลีได้แล้ว เพื่อนำไปเขียนเป็นบันทึกพัฒนาความสัมพันธ์คั่นกลางระหว่างเดินทางของทั้งคู่----  โพสต์ 2025-5-28 16:47
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-5-28 16:46
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2025-5-28 16:46
คุณได้รับ 38 EXP โพสต์ 2025-5-28 16:46
โพสต์ 13663 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-28 15:27
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-30 12:29:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-30 12:30


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 12
สิบสองก้าวย่างพร่างดาราในหานตาน


  

วันที่เจ็ด ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้ได้พักในหานตานไวกว่าที่ข้าคิด  ถึงเวลาปิดตัวเขียนตำราได้แล้วกระมัง  วันนี้จะเริ่มลงเนื้อหาให้มากขึ้น  จบการเดินทางนี้คงได้มีตำราสักเล่มได้


   ยามเหม่านี้กลับมาปวดเหมื่อยร่างกายอีกครา เมื่อได้มานอนพื้นไม้บนเกวียนแข็งเช่นนี้ก็รู้สึกหวนคิดถึงตั่งเตียงปูฝูกนิ่มขึ้นมาทันใด เนื่องจากรอบ ๆ ไม่มีแหล่งน้ำเท่าไหร่จึงทำได้เพียงเอาผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆ ก่อนจะซับตามร่างกายให้สะอาดเท่านั้น ใช้เวลาทำธุระปะปังส่วนตัวไม่มากก็กระโจนขึ้นเกวียนแล้วเริ่มออกเดินทางต่อ

   ด้วยเหตุที่เดินทางเกือบค่อนคืนนั้นทำให้เส้นทางที่เดินทางไปได้นั้นราว ๆ สองส่วนสามของระยะทางทั้งหมด วันนี้นางจึงแลเห็นความสว่างของป่าที่มากขึ้นทันตาเนื่องจากใกล้ออกจากพื้นที่ป่าทึบเสียแล้ว

   ทว่าผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ในช่วงเวลาที่แลเห็นชายป่าอยู่รำไร กลับปรากฎปีศาจเปลวไฟปะทะคณะเดินทาง ปีศาจเจี๋ยฮว่าสองตัวดักทางออกราวกับต้องการฝังพวกนางไว้เสีย ณ ป่าแห่งนี้

  “จ้าวหนิงเฟย ยืมแรงเจ้าปกป้องคุณหนูทั้งสอง”

   “อย่ารุนแรงกับพวกมันมากนักล่ะ”

   สตรีผู้นำแห่งคณะเดินทางเอ่ยก่อนจะดันให้องค์หญิงแห่งหนานจ้าวหลบข้างหลังและคว้าเกาทัณฑ์ไม้จันทน์ขึ้นมาง้างเพื่อเหนี่ยวคันศรตรงกลางดวงใจอันร้อนระอุของมารเพลิงตัวใหญ่ เป็ณดั่งสัญญาณของการต่อสู้ที่ได้เริ่มขึ้น โจวจินหวนง้าวใหญ่รบรากับปีศาจก่อนจะทำให้พวกมันสิ้นฤทธิ์ในเวลาไม่ถึงเค่อ ในช่วงเวลาสุดท้ายนี้เองร่างบางได้ง้างเกาทัณฑ์สังหารเป็นศรสุดท้ายก่อนจะแน่นิ่งไปในร่างของมารร้าย

   เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ผู้ได้รับพรแห่งซ่างกู่ตั้งแต่ถือกำเนิดก็เดินลงมาจากเกวียนเพื่อทำการปลดปล่อยผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายดังเช่นที่นางเคยเผลอกระทำไปคราวก่อน มือเล็กดึงศรออกจากอกพร้อมดูดตบะมารออกมาเก็บเป็นลูกแก้วตบะกลมขมุกขมัว แล้วมารเพลิงทั้งสองก็ค่อย ๆ แปรสภาพกลับคืนสู่ปุถุชนธรรมดา เป็นดั่งสองสามีภรรยาผู้หนึ่งเท่านั้น

   “อุ้มพวกเขาขึ้นเกวียนเถิด ประเดี๋ยวก็ถึงหานตานแล้ว คงมีโรงหมอให้ขอรับการรักษาได้อยู่กระมัง”

   สิ้นวจีใสโจวจินก็รับคำด้วยเกล้าทันที เว่ยซานที่คอยปกป้องเกวียนไว้ก็เดินมาส่งเสียงออดอ้อนราวกับว่าต้องการให้นางเอ่ยชม วงแขนเล็กบางก็บรรจงกอดรอบคอเจ้าตัวขนสูงใหญ่ที่ยังคงเป็นตัวออดอ้อนเสมอเท่าที่นางได้แลเห็น ทว่าการโอบกอดแต่ละครทำให้นางได้ทราบว่า…

   “เว่ยซาน ถึงหานตานแล้วข้าจะจับเจ้าอาบน้ำเสีย”

  “หงิง”

   แล้วพวกนางก็เดินทางต่อโดยมีจ้าวหนิงเฟยคอยดูแลสองสามีภรรยาสามัญชนผู้ถูกมารเพลิงกอบกุมจนเสียสติสัมปชัญญะ ส่วนจื่อเซวียนที่รู้สึกว่าอยากจะเป็นส่วนหนึ่งมาขึ้นในคณะเดินทางก็คอยขอช่วยงานจ้าวหนิงเฟยบ้าง โจวจินผู้ขับเกวียนก็ขับไป ส่วนของเหลียนฮวาก็หาผ้าแพรงดงามมาผูกคอเว่ยซานทำสัญลักษณ์การเป็นเจา้ลูกหมาใต้อาณัติของนางเองและปล่อยมันไปวิ่งตามเกวียนเพื่อออกแรงบ้างก่อนจะอ่านม้วนตำราใหม่สลับกับคอยจับตาดูมันไม่ห่าง

   ใช้เวลาอีกราว ๆ ชั่วยามก็ถึงหานตานในยามอู่ สิ่งแรกที่ยังคงยืนยันว่าต้องไปให้ได้แม้ว่าสองสามีภรรยามที่ฟื้นขึ้นมาในช่วงสองเค่อที่แล้วจะบอกว่าสบายดีเท่าไหร่ก็๋ตามคือการตรงไปยังโรงหมอ สตรีผู้ที่บัดนี้ใช้ยศเป็นเพียงคุณหนูในหญ่สกุลเว่ยเจียเดินเข้าไปยังโณงหมอเล็ก ๆ เพื่อขอให้หมอยาช่วยตรวจดูร่างกายของทั้งสองท่านเพื่อความสบายใจ

   “ขอบพระคุณท่านหญิงมากเจ้าค่ะ”

   ทางภรรยาที่รู้สึกทราบซึ้งในบุญคุณเล่าว่าตนกับสามีนั้นไปเก็บของป่าตามปกติ ทว่ากลับถูกปีศาจร้ายโจมตีจนไม่รู้สติอีกต่อไป เมื่อรู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเกวียนของทั้งสองแล้ว โชคดีนักที่ลูกชายคนเดียวของบ้านขอออกเดินทางไปร่วมการสอบจอหงวนที่เมืองหลวงจึงไม่มีใครต้องดูแล เว้นเสียก็ห่วงวัวที่บ้านสองตัวไม่รู้ว่าฟางที่คอกหมดหรือยัง เมื่อตรวจสอบร่างกายเรียบร้อย หมอยาจ่ายเทียบยาบำรุงร่างกายให้ คุณหนูสกุลเว่ยเจียไม่รอช้าควักตำลึงเงินขึ้นมาจ่ายค่าเทียบยาทั้งยังเพิ่มตำลึงให้สองสามีภรรยาอีก

   “อันนี้ถือเสียว่าเป็นค่าของป่าตลอดช่วงเวลาที่พวกเจ้าหายไป รับยากับตำลึงเงินพวกนี้ไว้เถิด”

   ในคราแรกพวกเขาปฏิเสธยกใหญ่ แต่เมื่อเหลียนฮวายังคงตั้งมั่นว่าจะให้จนต้องจับยัดเข้ามือไว้พวกเขาก็เอ่ยขอเรียนถามนามของผู้มีพระคุณ

   “เว่ยเจียเหลียนฮวา นามของเปิ่นกู่เหนียง”

   แล้วลมมรสุมก็ผ่านพ้นไป คณะเดินทางที่คาดว่าคงจะเดินทางไปถึงฉางซานได้วันพรุ่งนี้ก็หมายมั่นว่าจะเติมเสบียงให้มั่นและออกเดินทางตั้งแต่ยามเหม่าเลย

   “เว่ยเจียต้าเซี่ยวเจี่ยเป็นคนดีมากเลยเจ้าค่ะ”

   จื่อเซวียนเอ่ยออกมาในขณะที่กำลังเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมเล็กในเมืองหานตาน เหลียนฮวาที่ได้ยลยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา

   “จื่อเซวียนกงจู่ หากเจ้าที่มีศักดิ์เป็นสตรีผู้ที่ต้องดูแลแผ่นดินในอนาคต ได้แลเห็นผู้คนใต้อาณัติต้องประสบเภทภัย เจ้าจะนิ่งดูดายได้หรือไม่” นางเอ่ยถามกลับ ทว่าไม่ต้องการคำตอบอะไร “สิ่งที่ข้ากระทำนั้นก็เช่นกัน แม้ว่านี่จะไม่ใช่หน้าที่ของข้าก็ตาม ทว่าหากมีผู้คนร่วงหล่นตรงหน้า สามารถเอื้อมมือไปโอบอุ้มใครได้ก็โอบอุ้ม”

   จ้าวหนิงเฟยที่ได้ยินบทสนทนยาก็ได้แต่ยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจในสตรีผู้เป็นนาย นางเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างพระสนมเสียนอี๋มาตลอดจึงทราบดีว่านางนั้นลึก ๆ แล้วเป็นผู้ที่ใจดีและรักความเทท่าเทียมมากเพียงใด การได้แลเห็นว่านางไม่นิ่งเฉยกับไพร่ฟ้า ถือว่าเป็นสตรีที่เหมาะสมกับการเป็นสตรีผู้ปกครองไพร่พลนัก ต่อให้นี่จะหมายถึงว่านางจะต้องตั้งตนเป็นขั้วตรงข้ามกับพระสนมกุ้ยเฟยก็ตาม

   แต่หารู้ไม่ว่าสตรีผู้เป็นนายของหนิงเฟยผู้กำลังเฝ้าฝันถึงความเป้นใหญ่ของนายหญิงนั้นต้องกาารเพียงแค่ตำราก็แค่นั้นเอง

   — พักผ่อนเพื่อเอาแรง ณ โรงเตี๊ยมในเมืองหานตาน สกรีนช็อต 2025 05 30 121902 สกรีนช็อต 2025 05 30 122234






[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

ดูดซับปราณแท้จากปีศาจเจวี๋ยฮว่า: +20 ตบะ / +50 คุณธรรม
และ มุกไอปีศาจ (มุกที่กักเก็บไอปีศาจไว้ภายใน) 1 เม็ด

ปีศาจจะกลับคืนเป็นชาวบ้านและขอบคุณคุณอย่างมากที่ช่วยชีวิต
แต่การดูดซับตละโดยไม่สังหารปีศาจจะไม่ได้รับแร่

- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)

กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-5-30 12:41
คุณได้รับ +50 คุณธรรม โพสต์ 2025-5-30 12:40
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-5-30 12:40
คุณได้รับ 16 EXP โพสต์ 2025-5-30 12:40
โพสต์ 20122 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-30 12:29

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-31 15:04:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 15:06


บันทึกการเดินทางสีครามบทพิเศษ




   ในช่วงเวลาที่เดินทางไปยังโรงเตี๊ยมนั้นดวงตาของนางพลันเหลือบไปเห็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดที่ได้พิศมองในรอบสิบสองวันที่ผ่านมานี้เลย เช่นนั้นแล้วสิ่งแรกที่นางกระทำหลังจากรับประทานอาหารคือการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ

   “โจวจินเจ้าจะไปลาดตระเวนหรือสำรวจเส้นทางก่อนย่อมได้ ทว่าข้าฝากไปช่วยหนิงเฟยตอนออกซื้อเสบียงด้วย”

   “ขอรับ/เจ้าค่ะ”

   “ส่วนท่าน วันนี้มีแผนจะไปไหนหรือไม่ เสี่ยวกงจู่”

   “อืม…ไม่มีเป็นพิเศษนะซานเซี่ยวเจี่ย”

   “เช่นนั้นก็ไปกับข้าก็แล้วกัน ข้าแลเห็นสถานที่น่าสนใจยิ่งนักที่หนึ่ง”

   มัดชือชกเช่นนี้แล้วเสี่ยวกงจู่จะปฏิเสธได้หรือ ตลอดระยะเวลาที่เดินทางด้วยกันมาทำให้องค์หญิงที่แม้ว่าตามยศฐาจะเหนือกว่าทว่ากลับรู้สึกว่าผู้กุมอำนาจหลาย ๆ อย่างนั้นอยู่ในมือของสตรีผู้มีนามว่าเว่ยเจียเหลียนฮวาแบบเบ็ดเสร็จ ไหน ๆ ก็ไม่มีแผนกระไรเป็นพิเศษแล้ว เช่นนั้นก็จะขอตามไปด้วยตามที่ได้ตกลงก็แล้วกัน

   เมื่อตกลงหน้าที่เรียบร้อยเว่ยเจียเหลียนฮวาก็เดินพาจื่อเซียนชิงหลีมา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่มีไอน้ำอุ่น ๆ อวยพุ่งอยู่ตลอด แม้เสียดายนักที่ยามนี้ยังเป็นคิมหันต์ฤดูทว่าก็ไม่ได้ทำให้การที่มาผ่อนคลายในสถานที่นี้มีความน่าสนใจน้อยลงไปแม้เพียงนิดเลย มันคือ [ โรงบ่อน้ำพุร้อน ]

   “ที่แห่งนี้คือ…”

   “โรงบ่อน้ำพุร้อนน่ะ ไม่รู้ว่าที่หนานเจ้ามีหรือไม่ แต่เจ้าสิ่งนี้น่ะผ่อนคลายดีนักเชียว”

   สิ้นวจีทีเอ่ยนางก็เป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปภายในโรงบ่อน้ำพุร้อน ในชั่วขณะหนึ่งนั้นก็รู้สึกหวนลำรึกถึงครั้งหนึ่งที่เคยเข้าไปยังสถานที่เช่นนี้ภายในวังหลวงเช่นกัน ทำเอาพระสนมที่ ณ ตอนนั้นเป็นเพียงพระสนมขั้นสูงเค้นหัวเราะออกมาอย่างน่าประหลาดใจ ความคิดเช่นนี้อยู่ไม่นานนักก่อนจะปัดมันทิ้งไปจนสิ้นเมื่อเสี่ยวเอ้อร์ของโรงบ่อน้ำพุร้อนเดินมาต้อนรับสตรีทั้งสอง

   “กู่เหนียงทั้งสอง เชิญทางนี้”

  “ที่นี่คิดเก็บค่าเข้าใช้อย่างไรหรือ”

   “ไม่มาก ไม่มาก เพียงท่านละหนึ่งตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่วยามเท่านั้นสำหรับบ่อรวม ส่วนบ่อส่วนตัวจะเป็นสองตำลึงเงินต่อหนึ่งชั่วยาม”

   “ได้ นี่สี่ตำลึงเงิน ขอบ่อส่วนตัวสำหรับพวกข้าสองคน”

   “ขอบพระคุณมากขอรับ โปรดเชิญทางนี้!”

   เมื่อการใช้จ่ายได้จบลงเรียบร้อยแล้วก็เดินตรงเข้าไปตามที่เสี่ยวเอ้อร์นำทาง โรงบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้แม้ไม่ใหญ่โตกระไรมากนัก ทว่ากลับดูสวยงามในแบบของมัน การตกแต่งบุปผางามเอย แจกันงามเอยย่อมดึงดูดเว่ยเจียเหลียนฮวาไม่น้อยจึงนับว่านางประทับใจโณงบ่อน้ำพุนี้พอควรทีเดียว ใช้เวลาอีกเพียงชั่วครู่ก็มาถึงบ่อน้ำพุร้อนส่วนตัวกลางแจ้งในยามเฉินที่แสงแดดรำไร เสี่ยวเอ้อร์อธิบายอุปกรณ์ที่ต้องใช้ อาภรณ์ให้ผลัดเปลี่ยน ตู้เก็บของและการเรียกเสี่ยวเอ้อร์เพื่อรับบริการอย่างอื่นไม่ว่าจะสั่งอาหาร ชา สุรา

   สิ้นการแนะนำเสี่ยวเอ้อร์ก็ขอตัวเพื่อปล่อยให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ส่วนตัวของสตรีผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง คุณหนูสามสกุลเว่ยเจียแลเห็นว่าไร้ผู้คนแล้วก็เดินไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์จากผ้าไหมงามสู่ผ้าคลุมพันกายเท่านั้น

   “ปลดอาภรณ์ออกก่อนแล้วมาแช่น้ำร้อนกัน ข้ามั่นใจนักว่าเจ้าจะต้องชอบแน่ ๆ ”

   เอ่ยจบนางก็ค่อย ๆ หย่อนเท้าลงในบ่อเพื่อปรับอุณหภูมิและความเคยชินกับความร้อนนี้ ก่อนที่จะค่อย ๆ หย่อยทั้งกายลงไปนั่งในบ่อร้อน ทางด้านของจื่อเซวียนชิงหลีที่มาครั้งแรกก็ค่อย ๆ ทำตามที่เว่ยเจียเหลียนฮวากระทำ นางค่อย ๆ หย่อนเท้าและกายลงมา แม้ว่าตอนแรกจะรู้สึกร้อนเกินไปบ้างหน่อย แต่เมื่อรู้สึกว่าปรับตัวกับมันได้แล้วก็รู้สึกว่าสิ่งนี้ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก คลายความปวดเมื่อยให้เป็นอย่างดีเชียว

   “คุณหนูเว่ยเจียมาบ่อยหรือ” จื่อเซวียนชิงหลีเอ่ยถาม

   “ไม่บ่อยนักหรอก นาน ๆ ที”

   อาจเป็นเพราะว่าคนสองคนที่เพิ่งมาเจอกันได้เพียงหกเจ็ดราตรีกาล หนึ่งคือสตรีที่เอ่ยเมื่ออยากเอ่ย อีกหนึ่งคือสตรีที่เพิ่งจะเคยพบเจอผู้คนโลกกว้าง เช่นนั้นแล้วต้องสนทนาสิ่งใดเล่า

   “ครั้งแรกที่ข้าเคยแช่น้ำร้อนคือตอนที่ข้าเติบโตจนไปศึกษาสำนักแล้ว” เป็นเว่ยเจียเหลียนฮวาที่เอ่ยออกมาก่อน

  “สำนักศึกษา หมายถึงสถานที่ที่บุตรและบุตรีล้วนไปรวมตัวกันเพื่อศึกษาวิชาความรู้หรือ” จื่อเซวียนเอ่ยออกมาราวกับว่ารู้สึกตื่นเต้นที่มีสถานที่เช่นนี้ “ข้าน่ะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสถานศึกษา มีเพียงห้องในรั้ววังกับท่านแม่ ไม่ได้ก้าวออกมาพบเจอผู้ใด มีเพียงการสอนสั่งแสนเคร่งครัดราวกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้สอนข้าอีกแล้ว ในตอนแปดหนาวที่ข้าสูญเสียนางไป นางก็บอกว่าชะตากรรมของเราที่เป็นทายาทหนี่วานั้น เกิดมาเพื่อช่วยเหลือสรรพสิ่ง นางเสียใจในช่วงที่ลมหายใจดับสิ้นที่ไม่อาจได้กระทำหน้าที่มารดาของข้า ข้าอิจฉาท่านยิ่งนัก”

   คำว่าอิจฉาของสตรีข้างกายทำให้นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างสมเพสกับคำเอ่ยนี้ นางน่ะหรือน่าอิจฉา ทุกสิ่งที่นางต้องกระทำในวัยเด็กมีเพียงการกระทำที่ต้องเอาตัวรอดในจวนสกุลเว่ยเจีย คำว่าความรักต่อบุตรและบุตรีอย่างเท่าเทียม แล้วอย่างไร ในเมื่อมารดาของพวกนางไม่ได้เท่าเทียมกันอยู่แล้ว ก็แค่คำกล่าวที่ทำให้กระทำของตนเองดูไม่ผิดบาปก็เท่านั้น

  “อย่าอิจฉาผู้ใด จื่อเซวียนกงจู่ แม้นจะเอ่ยว่าข้าเป็นคุณหนูสกุลใหญ่ ทว่าคุณหนูสามสกุลเว่ยเจียก็แค่ลูกของสตรีผู้เป็นน้อยมิใช่หรือ หลายสิ่งล้วนเกิดขึ้น ณ สำนักศึกษาทั้งสิ้น ทั้งสหาย เจี่ยเจีย ความรู้ความสามารถ ตำแหน่ง ยศฐา ทุกอย่างล้วนมีได้ด้วยมือของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น” เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยก่อนจะแลเห็นกลีบบุปผางามสีชมพูพิศมร มือเรียวที่ดูไม่อาจจะยกกระบี่ได้ก็เป็นมือคู่นี้ที่ฉวยกระบี่ขึ้นมาปกป้ององค์หญิงแห่งหนานเจ้ามาแล้ว “โฉมหน้าแสนงดงามที่ผู้คนทั้งหลายได้พิศเห็นนั้นบางครามันอาจเป็นโฉมหน้าที่ใช้ความพยายามเหลือเกินจะหยั่งถึง เช่นนั้นสิ่งที่เรากระทำได้คือชื่นชมและตั้งเป้าหมายที่จะสร้างโฉมหน้าของเราให้ดียิ่งขึ้น และอย่าให้ในวันข้างหน้าต้องปากกัดตีนถีบอีกต่อไป”

   ในวันนี้จื่อเซวียนชิงหลีนั้นเสมือนได้แลพิศสตรีข้างกายเป็นดั่งผู้ข้ามผ่านกาลเวลาของสรรพสิ่งอย่างเนิ่นนาน ราวกับเซียนกู่ผู้แลเห็นผู้คนมามากมายนัก สมแล้วที่นางเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ผู้เสพตำราเปิดโลกทัศน์ทั้งใบของนาง







[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-5-31 23:43
คุณได้รับ 12 EXP โพสต์ 2025-5-31 23:43
โพสต์ 19544 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-31 15:04
โพสต์ 19,544 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 เกียรติยศ +4 ความศรัทธา จาก นักวิชาการ  โพสต์ 2025-5-31 15:04
โพสต์ 19,544 ไบต์และได้รับ +10 เกียรติยศ +5 ความศรัทธา จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-5-31 15:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-31 23:19:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 13
สิบสามชุ่นจากสะพานไน่เหอ


  

วันที่เแปด ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ม้วนกระดาษไม่ถูกหยิบขึ้นมาเลย


   ในวันนี้คงจะเป็นการเดินทางไปถึงจุดหมายอย่างแท้จริงเสียที คณะเดินทางยังคงออกเดินทางในยามเหม่าเช่นเดิม กินข้าวปลาให้พรักพร้อมเรียบร้อยก็ออกเดินทางทันทีตั้งแต่ตะวันยังไม่สอดส่องสว่างดี เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่ฝันตลอดทุกคืนยอมรับตามตรงว่านางนอนไม่ค่อยหลับสนิทดีนัก โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ที่แลเห็นสภาพบ้านเมืองที่พังทลายราวกับอยู่ภายใต้สงคราม ทว่าบุรุษที่อยู่ในฝันของนางคือฉางซานเซียนหวางทำให้นางรู้สึกหวั่นใจถึงสภาพเมืองฉางซานในยามนี้

   ใช้เวลาสองชั่วยามได้ มันควรที่จะเป็นช่วงเวลาในยามอู่ที่แสงแดดส่องสว่าง ทว่าอาณาบริเวณนี้กลับมีเมฆครึ้มปกคลุม ไอหมอกจางนั้นลอยเอื่อยจนทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เว่ยเจียเหลียนฮวารู้สึกได้เลยว่าบัดนี้สถานการณ์ของเมืองดูไม่ดีเสียแล้ว

   “เว่ยซาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องปกป้องชีวิตเจ้าเป็นอย่างแรก และอยู่เคียงข้างจื่อเซวียน เข้าใจไหม”

   วจีที่เอ่ยบอกแก่หมาป่าแห่งเทียนซานของนางเป็นสัญญาณกลาย ๆ ที่บ่งบอกให้โจวจินและจ้าวหนิงเฟยเตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นกัน

   เกาทัณฑ์ขึ้นคันศรง้างแล้วย่อมไม่อาจหวนคืน การเดินทางครานี้แม้ว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นสิ่งใดพวกนางไม่อาจหันหลังกลับได้แล้วโจวจินกระชับทวนให้มั่นด้วยมือหนึ่งข้าง จ้าวหนิงเฟยกระชับกระบี่จันทร์คู่ในมือ ส่วนตัวเว่ยเจียเหลียนฮวาหยิบเกาทัณฑ์ขึ้นพร้อมยิง ด้วยเนื่องจากการที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ไว้ใจได้มีเพียงสอง และสตรีไร้วรยุทธ์กลับมีอีกสอง เช่นนั้นแล้วหากเกินภัยสิ่งใดขึ้นมาแล้วโจวจินต้องยื่นมือช่วยเหลือ นั่นหมายความว่าเกวียนเล่มนี้จะหยุดลงและเป็นเป้าโจมตีโดยง่าย

   ทันใดนั้นเองผืนป่าพลันสั่นไหวพร้อมกับได้ยินเสียงที่คำรามราวกับสัตว์ร้าย ทว่ามันไม่ใช่เดรัจฉานแต่อย่างใด มันคือชาวบ้านที่กลายเป็ฯผีร้ายกรูกันออกมาจากป่าราวกับโหยหาเลือดเนื้อและการเข่นฆ่าน จำนวนของมันมากมายราวกับกองทัพขนาดย่อมนั้นทำให้ไม่สามารถต่อกรได้แน่

   “โจวจิน เร่งม้า !!!”

   สิ้นวจีสั่งการก็เป็นช่วงเวลาที่เกวียนเล่มนี้ออกวิ่งอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่ม้าตัวนั้นจะเทียมไปได้ ทว่ามันกลับยังไม่เร็วมากพอเพราะว่ามันคือการเทียมเกวียนหนัก เว่ยเจียเหลียนฮวาที่จับตาดูสถานการณ์ก็ทำได้แค่พยายามตั้งหลักให้มั่นและยิงเกาทัณฑ์ไปยังผีร้ายตัวที่เข้าใกล้ที่สุด สมองอันชาญฉลาดที่มั่นอกมั่นใจนักหนาบัดนี้ยามที่ต้องลงสนามจริงการคิดแผนการตรงหน้าช่างยากเย็ญนัก หากจะต้องสละเกวียน ทว่าม้ามีตัวเดียว มากสุดคงขนไปได้สามคน เหลือเพียงผู้เดียวที่ไม่อาจร่วมทางไปได้ ช่วงเวลาที่ต้องเดินทางหนีตายเพื่อเข้าเมืองนี้เองเป็นช่วงเวลาที่ช่างยาวนานแม้ผ่านไปเพียงจุดก้านธูปก็ตาม

   “ระวัง!”

   จื่อเซวียนผู้อยู่ข้างกายเหลียนฮวาที่กำลังครุ่นคิดต่อสถานการณ์นี้อย่างหนักและต้องเพ่งสมาธิยิงศรเกาทัณฑ์ไปด้วยนั้นแลเห็นว่ามีผีร้ายพุงมาจากในจุดอับสายตาของสตรีผู้เป็นสหายของนางนั้นร้องเตือนออกมาเสียงดัง ทว่ามันช้าเกินจะขยับหลบหนีเสียแล้ว

   “!!!”

   ฉึก !

   ในชั่วขณะราวกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง ชั่วขณะที่เตรียมใจว่าจะต้องได้รับบาดเจ็บ ในตอนนั้นเองก็มีคมกระบี่ตัดเฉือนปีศาจร้ายทั้งเหวี่ยงร่างน่าหวาดกลัวให้ไปให้ไกลที่สุด ช่วงเวลานั้นเองที่ดวงตากลมใสได้สบเข้ากับดวงตาที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนไม่อาจเชื่อได้ว่าทัศนวิสัยตรงหน้าคือความจริง ใบหน้าของบุรุษสูงใหญ่แม้จะเปื้อนละอองฝุ่นและหยาดโลหิตสีเข้ม ทว่ากลับยิ่งขับให้ความงามสง่าเฉียบคมดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น นัยน์ตาสีดำเข้มดุจหยกหมึก สบสายตาอย่างตกตะลึงราวกับไม่เชื่อสายตาเช่นเดียวกับสตรีที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตเอาไว้ วงขนงเรียวยาวดั่งคันศรขมวดม้วนเข้าด้วยกัน เหนือสันจมูกโด่งคมและริมฝีปากที่บางทว่ากลับดูงดงามและเข้ากับรูปหน้านี้ เกษาสีมะเกลือถูกรวบไว้ด้วยมงกุฎทองคำอันประณีต ด้านปลายหลุดลู่ลงตามแผ่นหลัง เคลื่อนไหวตามสายลมดั่งม่านหมึกระบายฟ้า เสื้อเกราะสีดำสนิทขลิบทองยิ่งขับให้ผิวขาวซีดดั่งหยกน้ำค้าง เปรียบได้ดั่งผู้มีสายเลือดโอรสแห่งสวรรค์ได้มาปกป้องไพร่ฟ้า เขาคือ ฉางซานเซียนหวาง

   ณ ตอนนี้ที่มีสิ่งเร้ามากมายเกินกว่าจะสนทนาเพื่อซักไซร้สิ่งใด ทั้งทหารมากมายร่วมกรูปะทะฝูงผีร้าย โอบล้อมเกวียนเพื่อปกป้องให้ได้ ทว่าผีร้ายที่หลุดลอดเข้ามาใกล้ทำให้ฉางซานเซียนหวางจำต้องดึงแขนเล็กเพื่อโอบกายบางขึ้นมานั่งบนม้าตรงหน้าเขาไม่ให้ถูกการโจมตีของผีร้ายให้ได้แผล

   “เราต้องรีบเข้าเมืองก่อน ทหารลาดตระเวนของเปิ่นหวางไม่อาจต้านกำลังได้นานนัก”

   “โจวจิน หนิงเฟย จื่อเซวียนกงจู่ สละเกวียนแล้วขวบอาชาเสีย! เว่ยซาน วิ่ง!!!”

   แม้จะตื่นตกใจเพียงใด ทว่านางก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าบัดนี้แผนการสละเกวียนของนางได้ถูกแก้ไขปัญหาอย่างการต้องทิ้งใครสักคนไว้ข้างหลังแล้ว จ้าวหนิงเฟยแลเห็นว่าพระสนมของนางปลอดภัยในอ้อมอกของฉางซานเซียนหวางแล้วก็ดึงแขนจื่อเซวียนชิงหลีให้ไปขึ้นม้าเพื่อเร่งปลดเทียมเกวียน

   เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้อยู่บนอาชาแปลกหน้าอาการหวาดอาชาก็กลับเข้ามาอีก แม้ภายในใจจะนึกถึงเสี่ยวเฮยมากเพียงใด ทว่าลมหายใจกลับยังคงถี่กระชั้น มือไม้สั่นจนต้องถือวิสาสะยึดเกาะเกราะเหล็กของบุรุษข้างกาย ฉางซานเซียนหวางที่เห็นอาการของสตรีในอ้อมแขนแล้วเข้าใจว่านางอาจจะหวาดกลัวผีร้ายก็กระชับให้นางซบอกแกร่งเพื่อไม่ต้องแลเห็นสิ่งใดทั้งนั้นก่อนจะเอ่ยสั่งการเพื่อเร่งกลับเข้าเมือง

   “กลับเข้าเมือง!”

   สุรเสียงทุ้มกังวานตะโกนแจ้งแก่นายทหารทั้งหลายเพื่อแปรขบวนปกป้องผู้คนพร้อมกับล่าถอยเข้ามาภายในเมืองฉางซานเสียก่อน ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้นก็มาถึงประตูเมืองฉางซาน นายทวารผู้เป็นทหารคอยสอดส่องอาณาบริเวณนี้เร่งเปิดประตูเพื่อให้ขบวนทหารลาดตระเวนได้เข้ามาภายในเมืองได้อย่างปลอดภัยและเร่งปิดประตูเมืองให้แน่นหนา

   เมื่อความวุ่นวายได้สิ้นสุดลงก็ถึงเวลาสนทนาเพื่อไขข้อข้องใจเสียที ฉางซานเซียนหวางออกคำสั่งให้จับตาดูกำแพงเมืองให้ดีและคอยสังหารปีศาจร้ายที่บังอาจรุกรานให้สิ้นก่อนจะกระตุกขาให้อาชาก้าวเดินไปทางกระโจมพักของเขาโดยที่มีม้าของโจวจินควบตามและเว่ยซานที่เดินตามมาติด ๆ ราวกับว่าจะติดตามเหลียนฮวาไปทุกที่จนกว่าจะได้รับคำสั่งให้แยกตัว

   “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พระสนมเสียนอี๋”

   “พระสนม???”

   สุรเสียงตรัสถามสตรีที่ไม่ควรจะอยู่ ณ ที่แห่งนี้มากที่สุดในอ้อมแขน ทว่าสิ่งที่เขาเอ่ยแสดงสถานะของนางนั้นทำให้จื่อเซวียนชิงหลีรู้สึกตกใจว่าสตรีผู้เป็นสหายนั้นมิใช่คุณหนูสามสกุลเว่ยเจียเท่านั้น นางเป็นถึงพระสนมเอกในองค์จักรพรรดิอีกต่างหาก เว่ยเจียเหลียนฮวาที่แลเห็นว่าไม่อาจปิดบังสิ่งใดได้อีกต่อไปก็คงจะต้องหาเวลาอธิบายกับจื่อเซวียนชิงหลีนอกรอบเสียแล้ว ทว่าก่อนที่จะใส่ใจผู้อื่นนางต้องตอบคำถามของบุรุษผู้นี้ก่อน

   “เข้ากระโจมก่อนได้หรือไม่…”

   น้ำเสียงหวานใสที่เอ่ยคำแรกหลังจากต้องอยู่นิ่ง ๆ ในอ้อมแขนของเขาสั่นเครือและเบาหวิวอย่างเห็นได้ชัด ฉางซานเซียนหวางที่ได้ยินเช่นนี้ก็ควบหน้าต่อไปไม่ไกลก็ถึงกระโจมผู้ดูแลเมืองฉางซาน พระองค์ค่อย ๆ ขยับกายลงจากม้าก่อนจะอุ้มร่างเล็กลงจากม้าราวกับบุรุษผู้ถนอมบุปผางาม เมื่อแขกทั้งหลายได้เข้ามาภายในกระโจมแล้วก็ได้เริ่มการสนทนาเชิงไต่สวนอย่างเป็นทางการ

   “ครานี้อธิบายได้หรือไม่”

   “ข้าได้รับราชโองการให้มาที่นี่เพคะ”

   “ท่าน? ราชโองการ ?”

   “...ข้า ใช่ ข้า แต่ก็แค่ข้ามีลางสังหรณ์ไม่ดีกับที่แห่งนี้เลยขอราชโองการออกเดินทางเพื่อมาที่แห่งนี้ ทั้งยังมีหนานเจ้ากงจู่ที่ข้าได้เจอที่เทียนซาน นางบอกว่าหน้าที่ของนางคือที่นี่”

   หากบอกว่าเขาเชื่อได้มากน้อยเพียงใด เขาย่อมบอกว่าเชื่อเพียงห้าส่วนเท่านั้น ทว่าหากซักไซร้กระไรไปสุดท้ายก็เหลือทิ้งไว้เพียงความขุ่นข้องหมองใจเสียเปล่า ในเมื่อเจ้าตัวประทับอยู่ ณ กระโจมของเขาคือความจริง และไม่อาจส่งกลับได้ทันทีแต่อย่างใดจึงเลือกที่จะใส่ใจเรื่องอย่างอื่นก่อน

   “อย่างที่ท่านแลเห็น ผีร้ายพวกนั้นน่ะคือหายนะที่ปกคลุมฉางซาน พวกท่านบาดเจ็บหรือไม่ ?”

   “ไม่พะยะค่ะ” โจวจินเอ่ยเมื่อแลสำรวจร่างกายกันหมดแล้ว

   “ดี ผีร้ายพวกนั้นเกิดจากหมู่บ้านชิวปี้ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ชาวหมู่บ้านชิวปี้ก็กลายเป็นผีดิบและลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งพวกมันยังฆ่าไม่ตาย ตอนนี้เปิ่นหวางทำได้แค่ตั้งรับปกป้องราษฎรที่เหลืออยู่”

   “มันคือภัยพิบัติที่ข้าต้องมาจัดการ” จื่อเซวียนชิงหลีเอ่ยขึ้นมาเพื่อแสดงตัวว่านางสามารถจัดการได้

   “ท่าน?”

   “นางคือหนานเจ้ากงจู่ จื่อเซวียนชิงหลี เป็นทายาทแห่งหนี่วาที่ต้องปกป้องสรรพสิ่งตามหน้าที่ของสายเลือดหนี่วาเพคะ” เว่ยเจียเหลียนฮวาอธิบายอย่างกระชับและตรงประเด็นก่อนจะหันไปแนะนำบุรุษผู้นี้ให้แก่จื่อเซวียน “ท่านผู้นี้คือ ฉางซานเซียนหวาง องค์ชายแห่งต้าฮั่นผู้ปกครองเมืองฉางซาน”

  “การที่พระองค์ตรัสว่าเป็นผู้ช่วยเหลือนั้นคือสิ่งใดหรือ หนานเจ้ากงจู่”

   “เรียนฉางซานเซียนหวาง พระมารดาของเปิ่นกงจู่บอกว่ามุกวารีนั้นหลับใหล ณ ฉางซาน จงตามหาเพื่อป้องปกผองประชา เช่นนั้นแล้วเปิ่นกงจู่สามารถช่วยเหลือท่านได้อย่างแน่นอน” จื่อเซวียนเอ่ยออกมาอย่างมุ่งมั่น “ว่ากันว่าปีศาจร้ายก่อกำเนิดเพื่อขัดขวางอำนาจแห่งหนี่วา ในช่วงเวลาที่ทายาทยังไม่พบเจอและตื่นรู้ในมุกวารี ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาทองที่พวกมันจะทำลายแก่นพลังของหนี่วา หมู่บ้านชิวปี้ที่กลายเป็นเช่นนี้อาจเป็นเบาะแสของมุกวารีก็เป็นได้”

   “เช่นนั้นการสำรวจหมู่บ้านในครานี้เปิ่นหวางจะนำผู้คนไปให้น้อยที่สุด”

   “ข้ากับโจวจินจะไปด้วย”

   “บุรุษผู้นี้เปิ่นหวางไม่กังขาในวรยุทธ์ ทว่า…พระสนม มันอันตรายเกินไปนัก”

   “แล้วหวางเย่จะให้ข้ารั้งรอที่นี่งั้นหรือเพคะ ข้าไม่วางใจให้จื่อเซวียนไปคนเดียว” นางเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ยินยอม “หากท่านเอ่ยว่าข้าจะเป็นอันตราย ข้าก็พาโจวจินไปด้วย เช่นนั้นแล้วท่านก็ปกป้องหนานเจ้ากงจู่ไปเสีย ข้าจะอาศัยโจวจินปกป้องตัวข้าเอง”

   “นี่พระสนม...”

   “ให้นางไปด้วยเถิด ถือว่าเปิ่นกงจู่ขอก็ได้ การเดินทางนี้ต้องมีนาง”

   เสียงหวานของสตรีผู้สูงศักดิ์แห่งหนานเจ้าตรัสขึ้นมาก็ทำลายการคัดค้านไปได้ในบันดล แม้ภายในใจของหวางเย่แห่งต้าฮั่นจะมีข้อกังขามากมาย ทว่าในเมื่อไม่อาจทัดทานสิ่งใดได้ก็จำต้องยอมให้เป็นเช่นนี้

   ฉางซานเซียนหวางตรัสหลังจากที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เปิ่นหวางจะให้ทหารเตรียมกระโจมให้ เช่นนั้นแล้ววันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ ในยามซื่อต่อไปจะออกเดินทางไปยังหมู่บ้านชิวปี้”

   “ขอบพระทัยเพคะ องค์หวางเย่”

   สิ้นการประชุมขนาดย่อมคณะเดินทางก็ก้าวออกมาจากกระโจมขององค์หวางเย่แห่งต้าฮั่น จ้าวหนิงเฟยที่ข้องใจมาสักพักแล้วก็ตรงมาสอบถามสิ่งที่นางต้องกระทำกับพระสนมที่นางติดตาม

  “พระสนมเพคะ แล้วข้า…”

   “เจ้ากับเว่ยซานรั้งอยู่ที่นี่ หนิงเฟย” เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายสีขาวที่นางเขียนเอาไว้ด้วยสังหรณ์ใจไม่ดีว่าต้องใช้มันตั้งแต่ก่อนออกจากหานตาน “นี่คือหน้าที่แสนสำคัญช่วยส่งสิ่งนี้ไปให้ถึงหมู่บ้านหลิวเป่ยที่อยู่ไม่ไกลจากฉางซาน ที่แห่งนั้นมีกองกำลังของราชวงศ์ที่ฝ่าบาทรวบรวมไว้ให้อยู่ จงไปขอความช่วยเหลือเสีย”

   จ้าวหนิงเฟยที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วจะขัดรับสั่งของสตรีผู้เป็นนายไม่ได้ นายจึงได้แต่ทำใจแล้วรับจดหมายมาเก็บไว้เพื่อเตรียมกระทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

   “เพคะ พระสนม”

   แล้วการตกลงแสนวุ่นวายก็ได้จบลงที่มีนายทหารเข้ามานำทางไปยังที่พักที่พอจะยังคงหลงเหลืออยู่บ้างเนื่องจากการปกป้องของฉางซานเซียนหวางช่วยทำให้ผู้คนในรั้วเมืองฉางซานปลอดภัย คณะเดินทางทั้งหลายที่หมดเรี่ยวแรงก็ถือโอกาสนี้พักผ่อนให้เต็มที่เสียก่อนจะไม่ได้หายใจเต็มอกเช่นนี้อีกแล้ว


ฉากประกอบขี่ม้าเด็ด ๆ ทัชดูได้ค่ะ 55555555555






[NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 24 EXP โพสต์ 2025-5-31 23:49
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-5-31 23:49
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-5-31 23:48
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-5-31 23:48
โพสต์ 35687 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-31 23:19
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-2 16:23:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-2 23:13


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 14
สิบ(สี่)ร่างสิ้นลมหวนกำเนิดผีร้าย


  

วันที่เก้า ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ม้วนกระดาษไม่ถูกหยิบขึ้นมาเลย


   ในคืนที่เงียบสงบราวกับว่าเป็นช่วงเวลาก่อนลมพายุโหมกระหน่ำ ค่ำคืนที่ควรจะเป็นช่วงเวลาให้ผู้ออกเดินทางได้พักผ่อนกันมาที่สุด เว่ยเจียเหลียนฮวากลับตื่นขึ้นมาเอายามเหม่า ช่วงเวลาที่นางต้องตื่นเป็นประจำในยามที่อยู่วังหลัง

   “เพลานี้ต้นยามเหม่า…พระสนมยังสามารถบรรทมต่อได้นะเพคะ”

   “ไม่หรอกหนิงเฟย นอนไม่หลับแล้ว”

   สิ้นวจีหวานจ้าวหนิงเฟยก็ทราบดีว่าตนต้องทำสิ่งใดต่อ นางหยิบชามน้ำทองเหลืองมาถวายให้แก่นายแห่งตนเพื่อปรณิบัติรับใช้เช่นปกติที่ควรเป็น เว่ยเจียเหลียนฮวากวักน้ำล้างใบหน้าเบา ๆ ก่อนจะใช้ผ้าชุบเพื่อเช็ดกายให้สะอาด ในช่วงวิกฤตเช่นนี้การประหยัดน้ำและทรัพยากรถือเป็นเรื่องที่สมควรกระทำที่สุด

  “ระหว่างที่หนีออกมา พอมีสิ่งใดติดตัวบ้างหรือไม่”

   “ทูลพระสนม เสบียงบางส่วนนั้นพอหยิบยกง่ายจึงติดมือมาบ้างเพคะ เป็นพวกธัญพืช เนื้อบางส่วน พอจะทำอาหารได้บ้าง”

   “ไม่เป็นไร เชี่ยเซิน(ข้า)พอมีส่วนที่เก็บในแหวน ไปเข้าครัวกันเถิด”

   ในเมื่อม้วนตำราที่นางซื้อเอาไว้นั้นเล่นเทกระจาดนอนเอกขเนกอ่ายตำราอยู่ในเกวียนทั้งสิ้น ม้วนกระดาษ พู่กัน แท่งหมึกและแท่นฝนหมึกล้วนมลายหายไปเรียบร้อย สิ่งที่ดูจะสามารถเยียวยาดวงใจของสตรีผู้สูญเสียสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดไปก็คงเป็นการหาสิ่งที่ชอบยัดลงท้องที่กำลังร้องออกมาแล้วกระมัง ร่างของสตรีในอาภรณ์ไหมงดงามนี้คือสิ่งที่เก็บอยู่ภายในแหวนดาราจรัสซึ่งมีเพียงแค่คณะเดินทางเท่านั้นที่ทราบว่านางมีสิ่งนี้ เช่นนั้นแล้วไหน ๆ ก็มาถึงสถานที่เป้าหมาย เช่นนั้นนางก็ย่อมต้องกระทำตามเป้าหมายเดิมของนางเช่นกัน

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเดินออกจากกระโจมพักมาก็แลเห็นควันไฟเตาถ่านลอยคุ้งจนไม่ต้องถามสิ่งใดก็พอจะรู้ว่าสถานที่ที่ครัวอยู่นั้นคือที่ไหน พระสนมเสียนอี๋ในอาภรณ์ที่ตั้งใจสวมให้ทะมัดทะแมงมากขึ้นก็เดินตรงไปยังครัวที่บัดนี้ถูกใช้เป็นดั่งโรงทานเลี้ยงปากท้องผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์ในครานี้ ชั่วขณะที่นางก้าวเดินเข้ามาภายในโรงครัวนั้นสตรีมากมายผู้เป็นคนครัวของจวนหวางก็พันหยุดชะงัก ช่างเป็นปฏิกิริยาที่นางนึกถึงสมัยครั้นเข้าโณงครัวในหวังหลวงใหม่ ๆ เสียอย่างนั้น

   “เชี่ยเซินนำเสบียงมาให้แม้ด้วยกำลังของเชี่ยเซินนั้นจะพอเลี้ยงอิ่มไปได้สักวันสองวันก็ตาม ทว่ามันคงจะทำให้พวกเจ้าอิ่มท้องอีกสักมื้อก็ยังดี”

   ในช่วงเวลานั้นเองก็ให้จ้าวหนิงเฟยเดินอุ้มกระสอบข้าวสารเข้ามาจากข้าง ๆ ประตู ความจริงแล้วนั้นนางแอบเอาถุงกระสอบทั้งหลายออกจากแหวนมาวางไว้ที่ข้างโรงครัวเพื่อไม่ให้คนครัวทั้งหลายได้แลเห็นว่านางนั้นเอาออกมาได้อย่างไร

   “ไหน ๆ เชี่ยเซินก็ตื่นเสียเช้าตรู่ เช่นนั้นแล้วให้เชี่ยเซินได้จับมีดเถิด”

   ราวกับใช้ข้าวสาร ธัญญาหารและเนื้อแดดเดียวล่อซื้อผู้คนมากมายภายในโรงครัวเรียบร้อย ผู้คนทั้งหลายต่างยินยอมให้นางได้ยึดส่วนหนึ่งของครัวอย่างง่ายดาย จ้าวหนิงเฟยที่แลเห็นเช่นนี้ก็เร่งช่วยเหลือเว่ยเจียเหลียนฮวาในการตระเตรียมการทำอาหาร

  “ก่อนจะออกเดินทางต้องบำรุงร่างกายให้พร้อม หม้อไฟแปดเซียน ไก่ขอทาน สุราชั้นเลิศสักเล็กน้อย ชาชั้นดีเผื่อไว้ให้จื่อเซวียนกับเชี่ยเซิน แล้วก็ทำขนมไว้เผื่อหิวระหว่างทางสักหน่อยก็ดี”

   แล้วหลังจากนี้ราวหนึ่งชั่วยามที่อยู่หน้าเตาก็ทำให้นางได้มื้ออาหารสำหรับห้าคนได้ ทั้งยังมีเวลาระหว่างนั้นที่ทำยาโป๋ถัง (ขนมคอเป็ด) ตระเตรียมไว้มากมายทั้งเก็บไว้ระหว่างทางและแจกจ่ายผู้คนมากมาย ทั้งยังมีเวลาช่วยคนครัวปั้นซาลาเปาเนื้อ ซาลาเปาผัก และใช้แป้งที่เหลือปั้นหมั่นโถว รู้ตัวอีกทีท้องนภาภายนอกก็สว่างเสียแล้ว

   “หนิงเฟย เจ้าไปเรียกจื่อเซวียนกับโจวจินมากินข้าวที่กระโจมด้วยกันเถิด เดี๋ยวเชี่ยเซินจักยกสำรับไปให้องค์หวางเย่”

   สิ้นวจีหวานนายบ่าวก็แยกทาง พระสนมแม้นเป็นสตรีสูงศักดิ์ทว่าในยามวิกฤตเช่นนี้ปากท้องไพร่ฟ้าย่อมต้องมาก่อน นางจึงปล่อยให้คนครัวทั้งหลายได้สานต่อยาโป๋ถัง ซาลาเปาเนื้อ ซาลาเปาผัก และ หมั่นโถว ให้พร้อมสำหรับแจกจ่ายในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามนี้

   “เรียนหวางเย่ เชี่ยเซินต้องการเข้าเฝ้า”

   เมื่อถึงหน้าที่พักของฉางซานเซียนหวางร่างบางก็ตรัสวจีกับผู้เฝ้ายามให้เรียนแจ้งผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองนี้ ครั้นผ่านไปเพียงชั่วจิบชาเดียวก็ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไป เรียวขาก้าวตามบ่าวรับใช้เข้าเรือนพักเมื่อแลเห็นบุรุษคุ้นตาก็ย่อกายเบา ๆ ทำความเคารพ

   “เฉินเช่อ(หม่อมฉัน)ขอถวายบังคมหวางเย่”

   “ตามสบาย เจ้ามาหาเปิ่นหวางแต่เช้าด้วยเหตุใดหรือ”

   “เพื่อแสดงถึงความรู้สึกซึ้งพระทัยในพระกรุณาธิคุณที่หวางเย่ได้ช่วยชีวิต หม่อมฉันจึงปรุงน้ำแกงแปดเซียน ไก่ขอทานและหยิบยกสุรารสดีสักจอกมาถวายเพคะ”

   ยามที่นางเอ่ยเสร็จสิ้นก็ยื่นถาดสำรับอาหารให้บ่าวรับใช้เพื่อนำไปวางที่โต๊ะอาหารของบุรุษผู้สูงศักดิ์ต่อไป นัยเนตรกลมงามพอน่าพิศมองได้แลเห็นว่าอาหารของนางนั้นปลอดภัยแล้วหลังจากนี้มันจะได้ลงท้องหวางเย่แห่งต้าฮั่นหรือไม่ ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการที่นางได้แสดงความขอบคุณออกมาอย่างเต็มที่แล้วต่างหาก เว่ยเจียเหลียนฮวาในชุดที่ใกล้เคียงกับจอมยุทธ์สตรีก็ย่อกายอีกครั้งเตรียมหมุนกายออก

   “เพื่อมิให้เป็นการรบกวนพระองค์ หม่อมฉันขอตัวเพคะ”

  “พระสนมทานอะไรหรือยัง”

   แทนที่จะเป็นคำเอ่ยขานรับหรือเพียงความเงียบปล่อยผ่าน กลับเป็นคำตรัสที่ทวนถามถึงการทานอาหารเช้าของนาง กายสาวที่หมุนไปครึ่งร่างพลันต้องกลับมายืนตรงให้สง่างามเช่นเดิมราวกับว่าองค์กุ้ยเฟยอันเป็นภาพจำของสตรีผู้งดงามดั่งเทพธิดามาประทับร่างชั่วขณะ (แม้ว่ามันจะทำให้นางแลดูเหมือนน้องน้อยเลียนแบบพี่สาวอยู่ก็ตาม)

   “ยังเพคะ”

   “พระสนมเสียนอี๋ยกมาเสียเยอะถึงเพียงนี้ เปิ่นหวางทานไม่หมด ในเมื่อพระสนมยังไม่ทานสิ่งใดก็มาร่วมโต๊ะอาหารกับเปิ่นหวางเถิด”

   “เพคะ”

   คำขอที่ไม่อาจปฏิเสธได้นี้ทำให้นางต้องยอมรับปากแต่โดยดี แม้ความจริงจะมีวิธีอย่างการอ้างสหายเช่นจื่อเซวียนผู้เป็นหนานเจ้ากงจู่ก็ตาม ทว่าเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมของเขาแล้วคำเดียวที่นางเอ่ยออกมาจึงกลายเป็นคำตอบรับไปเสียอย่างนั้น บัดนั้นพระพักต์งามของบุรุษเจ้าเล่ห์พลันแย้มสรวลออกมางดงามจนนางรู้สึกคันยุบยิบในอก เขาผายมือเชื้อเชิญให้นางเดินไปยังโต๊ะรับประทานอาหารภายในเรือนพักของเขา จัดแจงจานชามให้เรียบร้อยก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารโดยให้บ่าวรับใช้ออกห่างไปอยู่หน้าห้องแทน

   “เปิ่นหวางจำได้ว่าที่นี่งดทำอาหารหรูหราไปพักใหญ่ได้ ฝีมือพระสนมหรือ?”

  
“หม่อมฉันเพียงนำเสบียงมาเสริมด้วยก็เท่านั้นเพคะ”

   “ในสนามรบที่พระสนมหวาดกลัวงั้นหรือ”

   “หม่อมฉันมิได้กลัวขนาดนั้น—”

   “ทว่าเมื่อวานนี้ตัวสั่นนี่”

  “หม่อมฉันหวาดอาชาของพระองค์ต่างหากเพคะ”

   “ออ…”

   เมื่อเรื่องราวที่แท้จริงได้ปรากฎ ความหวาดกลัวที่แลเห็นเมื่อวานนี้กลับกลายเป็นการหวาดกลัวอาชาเสียอย่างนั้น คำถามมากมายในหัวของเขาพลันปรากฎขึ้น แล้วนางเดินทางได้อย่างไร หรือนางโป้ปดกันแน่ เว่ยเจียเหลียนฮวาที่สบเข้าก็พบกับความสงสัยเต็มพระพักต์ไปหมดจึงเอ่ยดักทางไปเสีย

  “หม่อมฉันเดินทางด้วยม้ามาก่อนหน้านี้ก็จริง ทว่าเดินทางกับอาชาที่สนิทกันแล้ว หม่อมฉันใช้เวลาราวสองวันเต็ม ๆ เทียวกว่าจะเลิกหวาดผวายามที่มันเร่งฝีเท้า ยามนี้ไร้อาชาคู่ใจ การที่ต้องขี่อาชาแปลกหน้าทำให้หม่อมฉันรู้สึก…หวาดผวาไปเอง”

   สิ่งนี้คือสิ่งเดียวที่นางรู้สึกกังวลใจมาก นางนั้นเคยเกือบสิ้นชีพด้วยการถูกเว่ยเจียอิงฮวาผลักไปหน้ารถม้ากระทันหัน หลังจากนั้นนางก็ไม่อาจอยู่ใกล้อาชาได้อีกเลย ก่อให้เกิดปัญหาในการเดินทางในหลาย ๆ ครา ในยามนี้เองก็เช่นกัน นางคิดว่าตนเองจะชนะความหวาดกลัวได้แล้ว ทว่าเมื่อความจริงมาถึงก็ทำให้นางรู้ได้ว่านางไม่ได้เลิกหวดกลัวอาชา นางแค่สนิทกับเสี่ยวเฮยก็เท่านั้น

   “เช่นนั้นคงต้องสั่งลดอาชา…”

   “อย่าให้การเดินทางต้องลำบากเพราะหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันเคยเดินทางด้วยอาชาได้แล้ว เช่นนั้นยามนี้ย่อมต้องทำได้เพคะ”

   หลังจากนั้นทุกสิ่งก็ถูกความเงียบงันเข้าปกคลุมผู้สูงศักดิ์ทั้งสองต่างรับประทานอาหารไปเรื่อย ๆ จนอิ่มท้อง ทั้งหมดนี้มีหม้อไฟแปดเซียน ไก่ขอทานที่แบ่งมาให้ และสุราเซียนเมามายที่นางได้ซื้อเอาไว้ในช่วงระหว่างการเดินทางที่ผ่านมา แน่นอนว่าสุรานี้เป็นเพียงสุราหนึ่งกาพอให้ลิ้มรสเพียงเท่านั้น หากได้หวังเมามายไม่ ส่วนนางที่คออ่อนนักก็ยกไป๋หาวอิ๋นเจินขึ้นมาจิบแทน ช่วงเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามก็ถึงเวลาไปรวมตัว ณ จุดรวมพลผู้สำรวจหมู่บ้านชิวปี้

   เมื่อเดินไปถึงก็แลเห็นอาชาเพียงสองตัวเท่านั้น ทำเอาเว่ยเจียเหลียนฮวาต้องหันไปมองหวางเย่อย่างต้องการคำตอบของเหตุการณ์นี้ ทว่าแทนที่นางจะได้คำตอบกลับได้แขนแกร่งยกกายบางขึ้นขี่อาชาก่อนที่เขาจะขึ้นซ้อนตามไป

   “หากโดนผีร้ายพวกนั้นกัดแม้เพียงถลอด สิ่งมีชีวิตนั้นจะกลายเป็นพวกมันทันที เช่นนั้นแล้วเราจะเอาไปเพียงสองตัวเท่านั้น รบกวนท่านจอมยุทธ์ช่วยดูแลหนานเจ้ากงจู่ด้วย”

   “รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ”

   แม้จะเป็นคำอธิบายที่ดูสมเหตุสมผล ทว่านางกลับสงสัยนักว่าแท้จริงแล้วที่เขาลดอาชาเหลือเพียงสองนั้นเป็นเพราะนางที่กลัวอาชาหรือเปล่า อกเล็กที่หายใจถี่กระชั้นในช่วงก่อนด้วยอารามตกใจก็ค่อย ๆ สงบลงบ้าง มือเล็กเกาะอานม้าที่เหลือพื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นแน่น พยายามเกร็งตัวไม่ให้แนบชิดมากเกินไป เพราะการไปครานี้เป็นเพียงการสำรวจเท่านั้นจึงไม่ได้สวมเกราะหนากระไรนัก มีเพียงเกราะเบาที่อกก็เท่านั้น ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก

   จากเมืองฉางซานออกมายังหมู่บ้านชิวปี้ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น พวกนางเข้ามายังหมู่บ้านชิวปี้ที่บัดนี้รกร้างผู้คนจนว่างเปล่า ทั้งสี่คนค่อย ๆ ลงจากหลังม้าอย่างเงียบเชียบที่สุดและสำรวจเป็นคู่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ว่าจะเจอเบาะแสสิ่งใดบ้าง จื่อเซวียนชิงหลีเลือกที่จะไปกับโจวจินที่นางคุ้นเคยดีมากกว่าการไปกับฉางซานเซียนหวาง เว่ยเจียเหลียนฮวาจึงต้องมาเดินสำรวจพื้นที่ร่วมกับองค์ชายแทน ในช่วงเวลาที่ก้าวเข้าไปในบ้านหลังหนึงท้ายหมู่บ้านนั้นนางก็เหลือบไปเห็นม้วนกระดาษที่วางอยู่กับพื้น ร่องรอยที่เปื้อนคราบโลหิตนั้นกลับจูงใจให้นางเปิดอ่าน


   พ่อข้าช่วยใครก็ไม่รู้จากป่าตอนไปเก็บของป่า เขาดูเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ดูไม่เหมือนนักเดินป่าที่หลงทางมาหลายวันตามที่เขาอธิบายแก่พ่อ แต่พ่อผู้ขี้สงสารก็ให้ที่พัก ทั้งยังหาข้าวหาน้ำให้ทานอีกต่างหาก ต่อมาราวสามราตรีได้คนผู้นั้นต้มยาหนึ่งถ้วยให้พ่อข้าทั้งยังบอกว่ามันคือยาบำรุง พ่อผุ้ใสซื่อของข้าก็หัวเราะชอบใจบอกว่ามันต้องเป็นของดีแน่ ๆ แล้วก็กระดกมันจนเกลี้ยงปานเททิ้ง ทว่าหลังจากนั้นแทนที่จะแข็งแรงขึ้น พ่อของข้าก็ดูจะสติพร่าเลือนมากขึ้น เขายังคงแข็งแรงเดินเหินได้ก็จริง แต่เขาเริ่มที่จะเปลี่ยนไปจนกระทั่งคลุ่มคลั่งไล่ทำร้ายชาวบ้าน

   ในวินาทีนั้นข้าก็นึกถึงยาบ้า ๆ นั่นจึงเร่งกลับบ้านจะมาเค้นหาวิธีรักษาอาการพ่อของข้า ทว่ามันสายไปแล้ว ข้าตามหาจนทั่วหมู่บ้านแล้วก็ไม่เจอแม้แต่เงา ไม่เจอร่องรอยใด ๆ ราวกับว่าไม่เคยมีใครย่างกรายเข้าบ้านข้าแม้แต่น้อย

   พ่อข้า นี่มันเวรกรรมอันใดกัน ข้าเจ็บยิ่งนัก


   “หวางเย่ หม่อมฉันเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์แล้วเพคะ…”

   ร่างบางที่อ่านจบก็เอ่ยออกมาเพื่อจะเตรียมอธิบายว่าเหตุนี้มันเกิดจากสิ่งใดกัน ทว่าแทนที่จะได้เอ่ยเรื่องนี้กลับมีร่างของผีร้ายพุ่งออกมาจากหีบเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก ฉางซานเซียนหวางชักดาบขึ้นมาแทงเด็กสาวที่กลายเป็นปีศาจกระหายโลหิตทันทีทันใด แล้วอาณาบริเวณที่เคยเงียบเป็นป่าช้าพลันมีเสียงกู่ก้องราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังแซ่ซ้องทั้งหมู่บ้าน เว่ยเจียเหลียนฮวาเก็บม้วนกระดษานั้นเข้าไปในแหวนก่อนจะหยิบธนูมายิงสะกดเพื่อป้องกันบุรุษผู้กำลังปะทะแรงกับผีร้ายร่างใหญ่โต

   “กลับกันก่อนค่อยคุยกัน”

   นางพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะรีบเปิดประตูออกจากบ้านหลังนี้เสีย บัดนี้พวกนางแลเห็นว่าพวกมันเริ่มเดินออกมาจากป่าท้ายหมู่บ้าน โชคดีนักที่ม้าทั้งสองอยู่ในจุดที่ปลอดภัยที่สุดจึงทำได้เพียงรีบปะทะผีร้ายที่มาถึงก่อนและรีบควบม้ากลับเมืองฉางซาน เหลียนฮวานั้นเชื่อฟังฉางซานเซียนหวางอย่างเคร่งครัด นางยิงเกาทัณฑ์เท่าที่จำเป็นและมุ่งเน้นเพียงการวิ่งเพื่อตีฝ่าผีดิบออกจากหมู่บ้าน ในยามนี้ไม่มีคำว่าหวาดผวาอาชาอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าต้องกลั้นใจมากเพียงใดทว่านางจำต้องโยนร่างของตนเองขึ้นไปหลังม้าด้วยตนเอง

   “เสี่ยวเฮย…มันคือเสี่ยวเฮย…”

   เมื่อร่างบางนั่งบนหลังม้าโดยมั่นคงแล้วนางก็คอยยิงเกาทัณฑ์สะกดไว้ ไม่ไกลก็แลเห็นว่าโจวจินกับจื่อเซวียนชิงหลีกลับขึ้นม้าอย่างปลอดภัยเช่นกัน

   “ไปเจอกันที่เมือง!”

   ฉางซานเซียนหวางตะโกนบอกโจวจินที่เป็นคนควบม้าและปกป้องหนานเจ้ากงจู่ให้รับทราบก่อนจะโดดขึ้นหลังม้ามาควบในส่วนของตัวนางและตัวเขาออกไปให้ไวที่สุด ณ ช่วงเวลาที่แสนอันตรายนี้เองโลกเสียงรอบข้างพลันดับลงจนน่าประหลาด ไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงของฉางซานเซียนหวางทั้ง ๆ ที่เขาอยู่เคียงกายถึงเพียงนี้

   “มุกวารี…ช่วยเหลือ…”

   เสียงนุ่มละมุนหวานที่ดังก้องในหัวเบา ๆ ราวกับว่ามันเป็นเสียงความคิดที่ถูกส่งมาจากแดนไกลเข้ามาภายในหัวของนางเองทำให้เว่ยเจียเหลียนฮวานิ่งค้างด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งตกใจ สงสัย และงุนงง

   แม้ว่าขาไปจะใช้เวลาครึ่งชั่วยาม ทว่าขากลับนั้นกลับเร็วกว่านั้นเยอะเพราะการหนีตายไม่ยินยอมให้พวกนางผ่อนฝีเท้าของอาชาใหญ่ บัดนี้เป็นยามอู่ที่ไร้แสงแดดส่องจ้า พวกนางทั้งสี่คนมาประชุมเพื่อรวบรวมสิ่งที่ได้มาจากหมู่บ้านชิวปี้ เว่ยเจียเหลียนฮวากางม้วนกระดาษออกมาและอธิบายโดยสรุปคร่าวให้ทั้งสามคนได้เข้าใจความเป็นไปของหมู่บ้านชิวปี้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้หาใช่เรื่องธรรมดาไม่ มันคือเรื่องที่มีใครจงใจทำให้เกิดขึ้น

   “ในตอนที่ออกจากหมู่บ้าน หม่อมฉันได้ยินเสียงบางอย่างที่บอกไม่เป็นประโยคเสียเท่าไหร่ จับใจความได้เพียง มุกวารี และ ช่วยเหลือ เพียงเท่านั้น”

   “ถ้าหากว่ามันคือมุกวารีจริง ๆ นี่คือตำนานของเมืองฉางซาน เล่าลือกันว่าถ้ำตอนเหนือที่นี่เป็นที่เก็บรักษามุกวารี แต่ไม่เคยมีใครหาถ้ำเจอ” เขาเอ่ยออกมาก่อนจะขมวดคิ้วคมของเขาเล็กน้อยและเงยพระพักต์ขึ้นมาสบเข้ากับดวงตาของสตรีผู้ที่เขายังคงคิดว่าไม่สมควรจะอยู่ ณ ที่แห่งนี้มากที่สุด “ทว่าเปิ่นหวางไม่อาจจากบ้านเมืองได้ เปิ่นหวางต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องราษฎรฉางซาน”

  “เช่นนั้นหม่อมฉัน โจวจิน แล้วก็หนานเจ้ากงจู่จะไปกันสามคนเพคะ ก่อนหน้าที่จะตรงมาฉางซานหม่อมฉันเคยตรัสเรื่องเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับที่แห่งนี้กับฝ่าบาทไปแล้ว ฝ่าบาทได้รวบรวมกำลังพลอย่างลับ ๆ ณ หมู่บ้านหลิวเป่ยไม่ห่างจากฉางซาน หม่อมฉันให้จ้าวหนิงเฟยไปแจ้งข่าวที่นั่น ไม่ช้า…จะมีกำลังพลเข้ามาช่วยเหลือเพคะ”

   “ขอบพระคุณเสียนอี๋เหนียงเนียง ขอให้การเดินทางของพวกท่านไร้อุปสรรค”

   จากนั้นเว่ยเจียเหลียนฮวาก็ออกเดินทางทันทีโดยผู้ร่วมทางนั้นประกอบไปด้วยโจวจินและจื่อเซวียนชิงหลี แม้ว่าโจวจินที่เห็นว่านางดูอ่อนล้าเล็กน้อยจึงเอ่ยปากขอให้หยุดพักสักหน่อย วันพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ ทว่าเรื่องนี้นางรู้สึกคาใจเกินกว่าจะอยู่เฉย ๆ ได้จึงต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย ด้วยความช่วยเหลือการบอกทางและแผนที่จากนายทหารที่ได้รับคำสั่งมาให้ช่วยอำนวยความสะดวกแก่พวกนางทำให้ทราบได้ว่ามันคงใช้เวลาไม่นานเท่านั้นก็คงจะสามารถไปถึงถ้ำนั่นได้

  “การหาถ้ำอาจจะใช้เวลาสักหน่อย หวังว่าจะหาเจอ”

   ทั้งสามคนเดินทางขึ้นทางเหนือของฉางซานอันเป็นผาใหญ่ใช้เวลาราว ๆ สองชั่วยามได้ในการเดินทางจากฉางซานขึ้นมาและเดินหาถ้ำจนไปเจอถ้ำหนึ่งที่ดูเหมือนน่าจะเป็นถ้ำที่ตามหา

   “นั่นหรือเปล่า ?” โจวจินเอ่ย

   “มันมีอะไรที่พิสูจน์ได้ว่ามันคือถ้ำนั้นจริง ๆ หรือไม่ จื่อเซวียน”

   “ไม่ ข้าไม่รู้เช่นกันว่ามันต้องเป็นถ้ำไหน”

   “เช่นนั้นก็ต้องเข้าไปแล้ว”

   ในเมื่อไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่ามันคือถ้ำที่พวกนางตามหา การเดินเข้าไปเพื่อพิสูจน์คงจะเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดกระมัง นางจึงเดินเข้าไปยังถ้ำขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่มากนี้ ทว่าเดินเข้าไปไม่ทันไรก็พบว่ามันเป็นถ้ำของอสรพิษ…

   “พวกเจ้า…เข้ามาเหยียบถิ่นของข้า!”

   โจวจินเร่งก้าวเข้าไปต่อสู้กับปีศาจงู ส่วนสตรีทั้งสองที่รู้หน้าที่ก็พยายามหาที่กำบัง เว่ยเจียเหลียนฮวาคอยยิงสะกดและสนับสนุนโจวจินเข้าไว้จนการต่อสู้นี้รู้ผลแพ้ชนะ เป็นโจวจินอีกครั้งที่คอยช่วยต่อสู้ให้พวกนางเสมอมาเป็นฝ่ายชนะ เว่ยเจียเหลียนฮวาที่อ่อนล้าแล้วก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน

   “คุณหนูสาม เราพักก่อนเถิด วันนี้เราใช้พลังงานมามากเกินพอแล้ว อย่าฝืนเลย”

   ในครานี้เหลียนฮวาที่ก้าวเดินไปไหนไม่ได้แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยในที่สุด โจวจินไปหาฟืนมาก่อไฟ จื่อเซวียนปูผ้ากับพื้น ส่วนเหลียนฮวาก็คุ้ยกระเป๋าหยิบพวกขนมคอเป็ดแสนหวานมาแบ่งปันและพักผ่อนเสียทีในที่สุด


สกรีนช็อต 2025 06 01 143823
สกรีนช็อต 2025 06 02 150835




[NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + ชา/สุราเกรดแดง (+20)
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + ชา/สุราเกรดทอง (+15)
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง +  ชา/สุราเกรดทอง (+15)
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

หมั่นโถว *50 ซาลาเปา *50 ทำส่งแจกจ่ายผู้คนในฉางซาน

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +40 คุณธรรม --25 ความชั่ว --30 ความโหด โพสต์ 2025-6-2 19:43
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2025-6-2 19:43
หลังสถานการณ์ยุติลง สามารถขอปลดอีเว้นท์หัวใจ 8 ดวงกับโจวจินก่อนไปกันต่อได้  โพสต์ 2025-6-2 19:42
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-6-2 19:42
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2025-6-2 19:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-2 22:21:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-2 23:13


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 15
สิบห้าลี้ที่ผิดพลาด


  

วันที่สิบ ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ม้วนกระดาษไม่ถูกหยิบขึ้นมาเลย


   การที่เมื่อวานนี้เดินเข้ามาผิดถ้ำ ทำให้พวกนางได้ตระหนักว่าบางทีการตามหาถ้ำที่ถูกต้องนั้นคงมิใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปเสียแล้ว คณะเดินทางที่เหลือเพียงสามจากสี่คนกับอีกหนึ่งตัวนั้นได้ตั้งเป้าหมายว่าหลังจากนี้คงต้องเดินทางไกลหลายลี้หน่อยในการตามหาถ้ำตามริมผาสูงแห่งนี้ ข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับทำให้เว่ยเจียเหลียนฮวาแอบงอแงไม่น้อย

   คณะเดินทางที่ไม่ได้มีผู้ดูแลประจำกลุ่มอย่างจ้าวหนิงเฟยก็ออกเดินทางเอายามซื่อเพราะว่าต้องดูแลตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้เช็ดเนื้อตัวใด ๆ เอาไหร่เพราะต้องประหยัดน้ำ ทว่ากว่าจะขยับมารวมตัวกันเพราะกินเนื้อแดดเดียวก็นานอยู่พอตัว

   “อันดับแรก เราต้องเดินหาทีละถ้ำงั้นหรือ”

   “ใช่”

   “ไม่มีวิธีที่รู้ได้เลยหรือว่าที่ใดถูกต้องน่ะ”

   “ใช่”

   สตรีผู้ถือยศฐาเป็นพระสนมเอกนั้นได้แต่ถามคำถามที่รู้ตัวดีอยู่แล้วว่ามันต้องไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนักจึงต้องเดินตามหาถ้ำที่ถูกต้องทั้งวันเต็ม ๆ



   จ้าวหนิงเฟยผู้ที่ต้องรั้งอยู่ที่เมืองฉางซานพร้อมกับเว่ยซานบัดนี้ได้ความช่วยเหลือจากทหารของฉางซานเซียนหวางเดินทางออกจากเมืองมายังหมู่บ้านที่ใกล้เคียงอย่างหมู่บ้านหลิวเป่ย แม้นว่าจะแลเหมือนหมู่บ้านธรรมดาทว่าแท้จริงแล้วเป็นหมู่บ้านที่เป็นกองกำลังลับขององค์หวงตี้ผู้ซึ่งมีกองกำลังกระจายทั่วทุกพื้นที่ทั่วต้าฮั่น ทั้งเพื่อเป็นกองกำลังปกป้องผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินและเป็นทั้งกองกำลังที่คอยปราบปรามในหลาย ๆ ความหมาย

   สตรีผู้มีศักดิ์เป็น ข้ารับใช้ของพระสนมเอกเดินทางตรงเข้าไปยังที่ว่าราชการของผู้ปกครองหมู่บ้านหลิวเป่ยเพื่อส่งสาส์นลายมือของพระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋ให้ถึงเจ้าเมืองหลิวเป่ย

   “นู๋ปี้(บ่าว) รับบัญชาจากเสียนอี๋เหนียงเหนียง มาส่งสาส์น ขอคำนับท่านผู้ใหญ่แห่งหมู่บ้านหลิวเป่ย”

   จ้าวหนิงเฟยเอ่ยอย่างนอบน้อม ทว่ายังคงความสง่างามตามที่นางเติบโตมาในสกุลขุนนางแม้จะไม่ได้เป็นชั้นผู้ใหญ่ก็ตามมือเรียวยื่นม้วนกระดาษสาส์นให้แก่ชายผู้อวุโสทว่ากลับยังคงท่าทีน่าเกรงขามอยู่เสมอ ผู้ที่เป็นผู้ปกครองหมู่บ้านนักรบอย่างหมู่บ้านหลิวเป่ยแกะเชือกออกแล้วอ่านอย่างตั้งใจก่อนจะขมวดวงคิ้วเข้มของเขา สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

   “ข้าจะเตรียมกำลังพลไปฉางซานตามที่พระสนมขอแน่นอน ฝ่าบาทได้มีราชโองการมาก่อนแล้วว่าให้เตรียมความพร้อมไว้ ไม่คิดเลยว่าจะต้องออกรบกับปีศาจร้ายจริง ๆ”

  “ขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ที่ช่วยเหลือ”

   “ผู้รับใช้พระสนม ท่านเองก็คงเดินทางหลบหลีกปีศาจร้ายจนอ่อนล้า ในวันพรุ่งนี้จะเริ่มเดินทัพในยามเหม่า เช่นนั้นแล้วพักผ่อนเสียก่อนเถิด”

   “ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ ต้องรบกวนท่านแล้ว นู๋ปี้ขอให้หมาป่าทรงเลี้ยงของพระสนมได้นอนพักเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”

   แล้วจ้าวหนิงเฟยก็พักผ่อนที่หมู่บ้านหลิวเป่ยเพื่อรอการเดินทัพไปที่ฉางซาน




[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม



@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-6-4 14:44
โพสต์ 11377 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-2 22:21
โพสต์ 11,377 ไบต์และได้รับ +5 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก นักวิชาการ  โพสต์ 2025-6-2 22:21
โพสต์ 11,377 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ +2 ความศรัทธา จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-6-2 22:21
โพสต์ 11,377 ไบต์และได้รับ +2 ความศรัทธา จาก กระบอกธนู  โพสต์ 2025-6-2 22:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-4 02:42:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 16




ถ้ำแห่งมุกวารี



วันที่สิบเอ็ด ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ม้วนกระดาษไม่ถูกหยิบขึ้นมาเลย


  
       นี่เป็นถ้ำที่ห้าแล้วที่พวกนางเยื้องย่างยกย่องเหยียบผืนดินจนจะหัวหมุน

   ในยามอู่ที่ไร้แดดจ้ายามคิมหันต์ฤดูแม้อากาศทั้งมวลเย็นลงทันตานั้นทำให้รู้สึกเย็นสบายอยู่บ้าง ทว่าการเดินทางตั้งแต่ยามซื่อจนมาช่วงปลายยามอู่ทำเอานางรู้สึกเหนื่อยไม่ใช่เล่น เว่ยเจียเหลียนฮวาหมายมาดมั่นว่าในถ้ำที่ห้าที่พวกนางกำลังเดินเข้าไปนี้ ต่อให้มันจะไม่มีอะไรก็ตามนางจะขอนั่งพักขาเล็ก ๆ ของนางเสียก่อน

   ทว่าสิ่งที่แตกต่างจากถ้ำก่อน ๆ นั้นคือบรรยากาศที่เย็นลงยิ่งกว่าเดิม เสียงแว่วน้ำหยดที่ชัดราวกับแว่วข้างใบหูทำให้นางรู้สึกว่าที่แห่งนี้มันไม่ใช่ถ้ำทั่วไปแล้ว ทั้งสามคนพยักหน้าอย่างรู้กันว่ามันอาจจะเป็นถ้ำที่ใช่ที่พวกนางกำลังตามหาก็เป็นได้จึงก้าวเดินเข้าไปให้ลึกขึ้นด้วยความหวังอันล้นปรี่ และสิ่งที่ยืนยันว่าการมาเยือนในครานี้นั้นไม่สูญเปล่าคือร่างของโกเลมที่กำลังยืนค้ำกั้นหน้าประตูหินกำลังขยับและเดินตรงมาราวกับต้องการกำจัดผู้ที่รุกราน

   “ท่าทางจะต้องพยายามเข้าแล้วสิ”

   โจวจินนั้นยอมรับเลยว่าไม่อาจจะช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเท่าใดนักเพราะเขาดึงความสนใจผู้พิทักษ์หินแห่งถ้ำวารีนี้ไปต่อกรคนเดียว ส่วนอีกตนหนึ่งนางต้องพยายามเข้าแล้ว เว่ยเจียเหลียนฮวานั้นที่มักจะใช้เกาทัณฑ์มาตลอดนั้นรู้สึกได้ว่ามันคงยิงไม่เข้า จะใช้กระบี่ก็คงจะทำกระบี่บางหักไปเสียเปล่า เช่นนั้นแล้วนางจึงคิดแผนการนึงออก

   “โจวจิน พยายามล่อให้พวกมันตีโดนกันเอง”

   หินก็ต้องบุบสลายด้วยหิน พวกนางพยายามล่อให้พวกมันออกมัดในทิศทางที่พวกนางต้องการก่อนที่จะรีบหลบหลีกและปล่อยให้พวกมันที่ไม่มีทางยั้งหมัดของตนเองได้นั้นทำให้พวกมันแตกสลายด้วยน้ำมือของพวกเดียวกัน แม้จะดูโหดร้าย ทว่าพวกมันที่ดูเหมือนในหัวน่าจะมีแค่การทำร้ายผู้บุกรุกคงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าจิตใจนักหรอก ทั้งสามคนช่วยกันวิ่งไปมาเช่นนี้ก่อนที่พวกมันจะทุบอกกันและกันจบเผยให้เห็นแก่นพลังที่กำลังทำหน้าที่เปรียบดั่งหัวใจ

   “ฝากอีกตัวด้วยเล่า”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยก่อนที่จะยกเกาทัณฑ์ขึ้นมายิงเข้าไปที่แก่งพลังงานของมันจนทะลุไปปักกำแพงหินข้างหลัง ในช่วงเวลาที่พวกมันค่อย ๆ แหลกสลายนั้น น้ำเสียที่แว่วดังเมื่อครั้นออกจากหมู่บ้านชิวปี้ก็ดังขึ้นอีกครา บัดนี้มันชัดแจ้งและไม่ได้มีแค่นางเท่านั้นแล้วที่ได้ยินเสียงนี้

   “ทายาทแห่งหนี่วาเอ๋ย จงแสดงให้เห็นว่าเจ้าและพวกพ้องเหมาะสมต่อมุกวารี”

   เพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่ดังขึ้นได้บ่งบอกว่าถ้ำแห่งนี้มีมุกวารีซ่อนอยู่ ทั้งสามคนต่างมองหน้ากันและกันเป็นการถามและการตอบภายในตัวว่าทุกคนต่างได้ยินเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าการทดสอบนี้ไม่คอยท่า ในช่วงเวลาที่กำลังเดินเข้าไปให้ลึกขึ้นบัดนั้นภาพตรงหน้าพลันพร่าเลือน ร่างกายพลันหนักอึ้งจนล้มลงไปกันหมด

   ราวกับดึงเข้าไปในห้วงฝัน ช่วงพริบตาแสงสว่างที่ตกกระทบทำเอาคิ้วมนขมวดเป็นปมก่อนจะค่อย ๆ ลืมดวงตาสีทองขึ้นมาเมียงมองพื้นที่รอบกาย ความคะนึงหาอย่างน่าประหลาดกำจายไปทั่วอกราวกับหวนคืนสู่สถานที่ที่แสนคิดถึง แขนเล็กหยัดกายให้ลุกขึ้นจากการนั่งพิงเสาศาลาริมน้ำแล้วนางก็ได้รับรู้ราวกับว่าเป็นเรื่องของนางอยู่แล้ว ทั้ง ๆ ที่ภายในใจก็มีความรู้สึกว่ารอบกายนี้ช่างแปลกตา

   ในช่วงเวลาที่กำลังครุ่นคิดว่าตนนั้นอยู่ที่ไหน กำลังกระทำสิ่งใดอยู่ ความทรงจำที่ฉายชัดราวกับตอบคำถามในใจได้โดยพลัน ราวกับว่าเป็นความคิดของตัวนางเองก็ได้มอบคำตอบแก่นางได้ชัดแจ้ง นางคือเหวยซูเหยียน องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเหวยหลาน นครแห่งม่านหมอก และกำลังจะกลายเป็นไท่จื่อเฟยแห่งแคว้นเซี่ยงหรง นครแห่งปัญญาและแสงจรัส หมั้นหมายกับองค์ไท่จื่ออย่าง หรงเฟยหลง องค์ชายคนเดียวของราชวงศ์หรงซวี่

   “องค์หญิงเหวยซูเหยียน”

   น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้น ร่างกายตอบสนองไปก่อนความคิดจะประมวลได้ว่าเจ้าของน้ำเสียงนี้คือผู้ใดกันแน่ เว่ยเจียเหลียนฮวาจึงได้รับทราบว่าในฐานะของผู้ที่ไม่อาจบังคับกายได้นั้น นางเป็นเพียงแค่ผู้เฝ้ามองผ่านมุมมองของสตรีที่นางประทับอยู่

   “มีอะไรหรือ ท่านแม่ทัพฉินอวี้เหริน”

   เมื่อดวงเนตรของนางได้เลื่อนไปสบพบกับร่างสูงในอาภรณ์ชั้นดีนั้นก็ได้รู้สึกคุ้นเคยใบหน้านี้อย่างน่าประหลาด ทว่าสิ่งที่มีมากกว่าความคุ้นเคยคือความรู้สึกอึดอัดภายในอกที่ไม่อาจระบายออกไปที่ไหนได้ นางรู้สึกได้ดีเลยว่าตัวนางนั้นไม่ได้ชมชอบบุรุษผู้มีนามว่า ฉินอวี้เหริน แม่ทัพ และ องค์รัชทายาทแห่งฉินหลัว

   “จงจำไว้ว่าเจ้าเป็นของเปิ่นหวาง นี่เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น จดจำแผนการที่เคยคุยกันไว้ให้ดี”

   “หากท่านต้องการเพียงแค่นี้ก็เชิญกลับไปเถิด เปิ่นกงจู่ไม่ขอน้อมส่ง”

   บุรุษผู้นั้นคงรู้สึกขุ่นเคืองมิใช่น้อยที่สตรีผู้หมายมั่นจะให้เป็นสตรีข้างกายกลับเป็นเช่นนี้ ฉินหลัวไท่จื่อที่แม้ว่าความจริงจะแค่บังเอิญเดินผ่านมายังสวนปทุมมาศนี้จริง ๆ ก็ตาม แต่เมื่อตระหนักได้ว่าต้องส่งนางไปทำแผนการที่ต้องแลเห็นภาพเสนียดสายตาก็รู้สึกขุ้นข้องหมองใจจนสุดท้ายก็ต้องออกปากเอ่ยเช่นนี้ไป เขาที่แลเห็นว่าหากคุยต่อไปคงไม่พ้นทะเลาะกันจนบาดหมางก็เลือกเดินออกมาจากศาลาริมน้ำ

   “เจี่ยเจีย”

   ร่างที่ก่อนหน้านี้ถูกรบกวนจนอารมณ์คุกกรุ่นก็มลายหายไปเหลือเพียงรายยิ้มงาม นางยกมือขึ้นกวักให้สตรีที่เอ่ยเรียกนางว่าพี่หญิงให้เดินเข้ามาใกล้ ๆ สตรีนางนั้นมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายจื่อเซวียนชิงหลีเจ็ดส่วนทีเดียว

   “อิ๋นเสวี่ย เจ้าไม่คิดว่าเวลาเช่นนี้เหมาะแก่การนอนเอาแรงหรือ”

   “เจี่ยเจีย ประเดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็เป็นพิธีถวายจอกสันติในงานมงคลสมรสแล้วไยท่านมานั่งเช่นนี้เล่าเพคะ”

   “จักให้เจี่ยเจียกระทำอันใดได้เล่า เสี่ยวเหม่ยของต้าเจีย”

   ในมุมมองของสตรีที่ถูกเรียกขานว่าอิ๋นเสวี่ยนั้น จื่อเซวียนชิงหลีเองก็ไม่อาจบังคับกายได้ ทำได้เพียงเป็นผู้รับฟังในมุมมองของเหวยอิ๋นเสวี่ย องค์หญิงรองแห่งแคว้นเหวยหลาน สตรีผู้นี้มีบทบาทเพียงมาเป็นพยานในเหตุการณ์แห่งประวัติศาตร์ที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยขอร้องโชคชะตานี้ได้เลย

   “เจี่ยเจีย ท่านต้องทำจริง ๆ หรือ”

  “อย่ากังวลไปเลยเสี่ยวเหม่ย ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี”

   แม้ว่าริมฝีปากงามจะเอื้อนเอ่ยทว่าความรู้สึกภายในใจกลับมากมายเกินกว่าที่จะบอกออกไปได้ นางทำเพียงแค่ทำให้น้องสาวของนางสบายใจมากที่สุดและได้แต่เฝ้าภาวนาให้สวรรค์โปรดเห็นใจเหวยหลานที่พวกนางรัก

   และเช้าวันมงคลสมรสก็มาถึง ในวันที่กายบางประดับอาภรณ์สีชาดมงคล ประทินโฉมงดงามเหนือผู้ใดในใต้หล้า ยืนข้างกายบุรุษที่ดวงใจถวิลหาเกินผู้ใด องค์ชายหรงเฟยหลง ไท่จื่อแห่งแคว้นเซี่ยงหรงในช่วงเวลาที่ต้องตำนับหวงตี้แห่งเซี่ยงหรงเพื่อมอบจอกสุราแห่งสันติ อันเป็นสัญลักษณ์ของการยุติสงคราม ภายในใจของนางพลันดิ้นพล่าน ริมฝีปากบางเผยอขึ้นราวกับต้องการเอ่ยบางอย่างกลับรู้สึกแสบร้อนในลำคอราวกับจะฉีกขาดจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรไปได้ คำสาปมิอ่านเอื้อนวจี

   ยาพิษ จอกนี้มียาพิษ

   ในช่วงเวลานี้เองราวกับโลกาหยุดหมุน ใต้หล้านิ่งเฉยราวกับการเวลาแน่นิ่ง น้ำเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ดังขึ้นมาอีกครา ภาพที่เคยมองผ่านมุมสายตาพลันค่อย ๆ ถอยห่าง แลเห็นว่ามีกระแสพลังที่ลอยเอื่อยอยู่รอบภาพฉายนั้น ส่วนตัวนางนั้นยืนอยู่ท่ามกลางอนธกาล

   “เจ้าจักทำเช่นไร…เหลียนฮวา”

  “คำตอบแน่ชัดอยู่แล้วมิใช่หรือ ส่งจอกสุราไปบ้านเมืองใช่จะเป็นสุข เอื้อนเอ่ยสิ่งใดก็ไม่ได้ เช่นนั้นแล้วก็ให้ทุกสิ่งจบที่ข้า กลืนมันลงไปเสีย”

   ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่จื่อเซวียนชิงหลีก็ได้ยินเสียงเรียนถามว่านางจะทำเช่นไรเหมือนกันในอีกฟากที่ไร้ผู้คนไม่ต่าง รอบกายที่เดียวดายนั้น ทายาทแห่งหนานเจ้าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

   “ข้าต้องปกป้องนางผู้นั้น ปกป้องเจี่ยเจียของข้า”

   แล้วโลกาพลันหมุนอีกครา ทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่ดูพอใจของเสียงหวานที่เรียนถาม ร่างกายที่ราวกับออกห่างก็หวนกลับเข้าไป มือเล็กที่กำจอกสุราแน่นของเหวยซูเหยียนก็ยกขึ้นกระดกเข้าไปจนหมดจอก

   “ขอความสงบสุขหวนคืนสู่ใต้หล้า”

   “เจี่ยเจีย !!!”

   “ซูเหยียน!!”

   เหวยอิ๋นเสวี่ยที่หมายจะปัดป้องจอกสุรานั่นทิ้งร้องลั่นเสียงดัง นางรีบตรงเข้าไปยังร่างของพี่หญิงของนาง ทว่ากลับถูกราชองครักษ์ของเซี่ยงหรงกันเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวนางเอง

   ร่างของเหวยซูเหยียนค่อย ๆ ทรุดลงในอ้อมอกของบุรุษที่นางหมายหมั้นครั้ยวัยเยาว์ โลหิตที่ทะลักไหลออกจากริมฝีปากเปรอะเปื้อนดวงหน้างดงาม ในวันเช่นนี้นางควรจะเป็นสตรีที่งดงามและมีความสุขที่สุด ทว่าสวรรค์ช่างอาภัพนัก มือเล็กที่พยายามยกขึ้นมาปาดหยาดน้ำที่ไหลออกจากพระเนตรคู่งามที่นางเฝ้ามองไม่หน่ายเบา ๆ ใบหน้าพยายามเปื้อนยิ้มเอาไว้ราวกับว่าต้องการจากไปอย่างสงบ

   “...เฟยหลงที่รัก…ข้าฝากอิ๋นเสวี่ยด้วย…”

   ก่อนที่ร่างของนางจะสิ้นลมหายใจ นางได้ฝากฝังความอาวรณ์สุดท้ายไว้กับบุรุษที่นางไว้ใจที่สุด แล้วภาพก็ค่อย ๆ ฉายเรื่องราวหลังจากนั้นโดยไว

   ราชวงศ์หรงซวี่ทราบแล้วว่านี่ไม่ใช่การสงบศึก มันคืออุบายก็ประกาศกร้าวว่าจะกวาดล้างทัพฉินหลัวให้สิ้น องค์ชายฉินอวี้เหรินที่ไม่คิดว่านางจะเสียสละตนเองโดนดื่มพิษเข้าไป ทั้งๆที่เขาวางแผนจะยึดที่แห่งนี้แล้วแต่งตั้งนางเป็นสตรีที่ยืนอยู่เหนือกว่าผู้ใดแท้ๆ เขาจดจ้องและตัดพ้อได้ไม่นานก็เร่งหนีออกจากเซี่ยงหรง เหวยอิ๋นเสวี่ยที่เป็นองค์หญิงที่เหลือรอดเพียงคนเดียวได้รับการคุ้มครองจากราชวงศ์หรงซวี่โดยมีองครักษ์ข้างกายไม่ห่าง

   ร่างของเหวยซูเหยียนผู้เสียสละได้ถูกฝังไว้ในสวนใจกลางของราชวงศ์ก่อเกิดต้นไม้งามที่ส่องแสงสะท้อนจันทราอันเป็น ต้นจันทร์กระจ่าง ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของหนานเจ้าในกาลต่อมา

   เหวยซูเหยียนคือร่างที่เว่ยเจียเหลียนฮวาประทับมอง

   เหวยอิ๋นเสวี่ยคือร่างที่จื่อเซวียนชิงหลีประทับมอง

   ส่วนร่างขององครักษ์คนสนิทของหรงเฟยหลงที่ดูแลองค์หญิงคือร่างที่โจวจินประทับมอง


   และเมื่อนิมิตฝันคลายลง นางก็ได้ทราบแล้วว่าเหตุใดถึงคุ้นเคยนัก ใบหน้าของฉินอวี้เหรินคือใบหน้าของต้าซือคง เถียนเฟิง ในขณะที่องค์ชายที่นางรักนั้นคือใบหน้าของฉางซานเซียนหวาง

   “ด้วยคุณธรรมนั้นล้วนตัดสินการกระทำของพวกเจ้า ตัดสินความถูกต้องของฟ้าดิน”

   แล้วเส้นทางก็เปิดออก ร่างของทั้งสามที่หลับไหลก็รู้สึกตัวขึ้นมาเสียที







   บททดสอบแรก: เกี่ยวพันกับภาพนิมิต ความรัก พันปีก่อน (หลังผ่านคุณจะได้รับความสัมพันธ์กับ NPC ในบททดสอบ +1 หัวใจ และเขาจะก่อเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับคุณเมื่อเจอคุณอีกครั้ง)

  เว่ยเจียเหลียนฮวา + ความสัมพันธ์ เถียนเฟิง

   จื่อเซวียนชิงหลี + ความสัมพันธ์ เว่ยเจียเหลียนฮวา

   โจวจิน + ความสัมพันธ์ ฉางซานเซียนหวาง




สกรีนช็อต 2025 06 02 223019




[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


@Admin

แสดงความคิดเห็น

หลังจบเหตุการณ์อลหม่านฉางซาน สามารถขอปลดอีเว้นท์หัวใจสี่ดวงทายาทหนี่วาได้  โพสต์ 2025-6-4 14:45
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2025-6-4 14:45
โพสต์ 34511 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-4 02:42
โพสต์ 34,511 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +12 ความโหด จาก นักวิชาการ  โพสต์ 2025-6-4 02:42
โพสต์ 34,511 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-6-4 02:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-4 15:23:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-4 20:53


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 17
ห้วงความทุกข์ บ่อเกิดวีรชน


  

วันที่สิบสอง ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ม้วนกระดาษไม่ถูกหยิบขึ้นมาเลย


   “จื่อเซวียน โจวจิน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ตื่นก่อนใครเขาเร่งเขย่ากายสหายทั้งสองที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ หากให้คาดเดาคงไปเจอนิมิตฝันครั้นอดีตกาลไม่ต่างจากนางเป็นแน่ เพียงไม่นานเท่านั้นทั้งสองก็ตื่นขึ้น ทำให้กระแสความโล่งใจนั้นกระจายทั่วอกจนต้องถอนหลายใจระบายความกังวลก่อนหน้านี้ออกมา

   “ตอนนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ชั่วยามแล้ว หลับเต็มอิ่มหรือยัง”

   “ถึงจะรู้สึกว่านอนเต็มอิ่มก็เถิด ทว่าเหตุการณ์เช่นนี้เรียกว่าหลับได้หรือ”

  “เอาเถิดน่า เร่งไปต่อกันเถิด”

   เมื่อสบตาเข้ากับจื่อเซวียนชิงหลี มือบางก็ถือวิสาสะเลื่อนไปลูบเรือนผมเบา ๆ ราวกับว่าต้องการปลอบโยน แม้นว่าจริง ๆ แล้วสตรีที่นางรู้สึกผิดด้วยนั้นจะเป็นเหวยอิ๋วเสวี่ยก็ตาม

   “ที่หนานเจ้ามีต้นจันทร์กระจ่างหรือไม่ ?”

  “มีเจ้าค่ะ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานเจ้า ว่ากันว่าเป็นกายเนื้อของทายาทวารีผู้เสียสละเพื่อหนานเจ้าตามตำนานสร้างเมือง”

   “งั้นหรือ”

   ทันใดนั้นเองเว่ยเจียเหลียนฮวาก็ได้ทราบว่านิมิตฝันที่แลเห็นนั้นหาใช่เรื่องแต่งเติมผ่านจิตใจไม่ มันคือเรื่องราวเมื่อครั้นอดีตกาล ก่อนที่จะก่อกำเนิดต้นจันทร์กระจ่างเสียอีก นางเก็บเหตุการณ์นี้ไว้ภายในใจก่อนจะก้าวเดินเพื่อตรงไปต่อ

   ทั้งสามคนเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบว่าทางข้างหน้านั้นคือม่านหมอกที่หนาจนไม่อาจแลทัศนาสิ่งใดได้ ทั้งการจุดฟืนไฟในถ้ำหมอกควันเช่นนี้ก็ยิ่งอันตรายนักเช่นนั้นแล้วคงต้องเชื่อใจและเดินตรงไปอย่างเดียวเสียแล้ว

   “ในเมื่อหากผู้ใดหายไป ให้ตะโกนหากัน”

   ทั้งสามทำข้อตกลงกันเพื่อความปลอดภัยก่อนจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับหมอกหนา ราวกับก้าวเข้าสู้พื้นที่ไร้แสง ม่านหมอกบดบังสายตา เสียงฝีเท้าที่เคยได้ยินพลันเงียบลง แทนที่ด้วยเสียงของสตรีที่นางไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครา

   “เจ้ามันหอกข้างแคร่ เหลียนฮวา”

   “เจ้าไม่มีทางจะได้ดีไปกว่าข้าหรอก”

   “นังลูกชู้”

   “สิ่งที่เจ้าทำได้มีเพียงหันหลังเดินออกไปมุดหัวในวังหลังที่ถูกแย่งความโปรดปรานไปเสีย ยศเสียนอี๋ของเจ้ามันก็แค่ป้ายประดับไม่จีรัง งดงามก็ไม่เท่า อ่อนหวานก็ไม่สู้ เป็นเช่นไร บัดนี้เจ้ามิใช่สตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในบรรดาสนมอีกต่อไปแล้ว”


   เสียงของเว่ยเจียอิงฮวาดังก้องข้างหูราวกับไม่อาจกักเก็บความบาดหมางไว้ในใจได้ ความรู้สึกขุ้นหมองข้องใจนั้นอยู่เต็มอก นางได้แต่ตัดพ้อภายในใจว่าเหตุใดกันสวรรค์ถึงไม่ใจดีกับนางบ้าง

   นางแค่อยากมีที่ที่นางยืนได้เต็มสองฝ่าเท้า

   “เจ้าคิดว่าข้าเลือกเกิดได้หรือ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา นางไม่อาจเลือกเกิดได้ สถานะเป็นรองที่อยู่ติดกายไม่อาจสลัดออกไปนั้นยังคงตามหลอกหลอนอยู่เสมอ แม้แต่ในยามที่นางต้องแต่งออกเรือน นางก็ต้องแต่เป็นไปสนมผู้น้องในวังหลังแสนกว้างใหญ่…

   ทว่าในช่วงเวลาเพียงพริบตาเท่านั้นสองมือที่กำแน่นก็ถูกมือทั้งสองกอบกุมไว้พร้อมมีเสียงของสหายผู้ร่วมทางเอ่ยขานนามเพื่อให้นางได้รู้แจ้งว่าตนมิได้เดียวดายไร้ที่ยืนอีกต่อไปอีกแล้ว

   “ต่อให้ข้าเลือกเกิดไม่ได้แล้วอย่างไร ข้าเลือกที่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวข้าเอง”

   ฉับพลันนั้นหมอกพลันจางหาย ปรากฎภาพทางเดินต่อที่มีสหายทั้งสามยืนจับมือกันแน่นไม่ปล่อยให้ผู้ใดหลงทางในหมอกหนาได้

   “ความทุกข์ยากนั้นไร้รูป แต่อ้อมแขนของสหายย่อมมีพลังพอจะข้ามพ้น”

   น้ำเสียงเดิมที่นางคาดว่าน่าจะเป็นน้ำเสียงของเสี้ยวพลังเทพหนี่วาเอ่ยกับพวกนางแล้วเผยทางเดินต่อให้ชัดแจ้ง ทั้งสามไม่รอช้าที่จะเดินต่อไปยังบททดสอบต่อไป

   ในโถงถัดไป ปรากฏสะพานแคบทอดข้ามทะเลสาบใต้พิภพ สะพานนั้นเปราะบาง ลมพายุวารีกรรโชกไปมา เบื้องล่าง—ไม่ใช่น้ำธรรมดา หากแต่คือ วารีแห่งความกลัว ผู้ใดสบตาภาพในผิวน้ำ จะได้เห็นความกลัวที่สุดในใจของตน ชั่ววินาทีที่ทั้งสามเดินเหยียบสะพานนั้นภาพพลันสะท้อนในความทรงจำ

   โจวจินเห็นตัวเองทรยศต่อพวกพ้อง

   จื่อเซวียนเห็นโลกทั้งใบล่มสลายเพราะการเลือกของเธอเอง

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเห็นนิมิตที่กลายเป็นความจริง


   ก้าวทุกก้าวคือความทรมาน ทุกภาพความหวาดกลัวสะท้อนจนเข่าอ่อน หากแต่ว่าการเงยใบหน้าขึ้นมองสหายร่วมทางทำให้ทั้งสามได้ตระหนักว่าความกลัวพวกนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง

   “เรื่องน่าอดสูพวกนี้น่ะ เก็บไว้ทอดมองผู้เดียวเถิด ข้าไม่อยากจะพิศมองด้วยหรอก !!”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้เปิดเลิศด้านฝีปากเสมอมาตะโกนก้องถ้ำจนสะท้อนไปหมดราวกับต้องการสื่อคำสัตย์จริงในใจว่านางจะไม่หวาดกลัวเรื่องพวกนี้เด็กดขาด น้ำในทะเลสาบกลางถ้ำที่ต้องข้ามผ่านสงบนิ่งลง และสะพานแข็งแรงขึ้นทุกย่างก้าว เสียงหวานเอื้อนเอ่ยขึ้นอีกครั้งราวกับตกผลึกปณิธานภายในใจ

   “ความกล้าหาญ มิใช่ไร้ซึ่งความกลัว แต่คือการยืนหยัดแม้มีความกลัวอยู่ในใจ”

  






@Admin

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16299 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-4 15:23
โพสต์ 16,299 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +4 ความโหด จาก นักวิชาการ  โพสต์ 2025-6-4 15:23
โพสต์ 16,299 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-6-4 15:23
โพสต์ 16,299 ไบต์และได้รับ +2 ความโหด จาก กระบอกธนู  โพสต์ 2025-6-4 15:23
โพสต์ 16,299 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-6-4 15:23
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-5 00:13:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 18
พลังด้วยมือคู่นี้ ก่อเกิดปาฏิหารย์แห่งหนี่วา


  

วันที่สิบสาม ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย ม้วนกระดาษไม่ถูกหยิบขึ้นมาเลย


   ข้ามผ่านสะพานที่กลับมาแข็งแรงขึ้นทุกก้าวที่ข้ามผ่าน คณะเดินทางทั้งสามคนก็ได้พบลานกว้างใหญ่ที่ปลายทางนั้นมีซุ้มหินราวกับทวารประตูมุ่งสู่พื้นที่อันมีแสงประกายส่องออกมารำไร ทุกคนต่างคิดว่านั่นต้องเป็นไข่มุกวารีแน่แท้จึงยกยิ้มด้วยความยินดีและก้าวเดินเข้าไปหวังจะหยิบยืมพลังเพื่อชำระล้างผู้คน

   แต่ทันใดนั้น แสงวาบขึ้น และเงาร่างสามร่างจำแลงออกมา รูปจำลองของทั้งสามคน—พวกเขาเองที่ทรงพลังยิ่งกว่าทว่าไร้หัวใจ ไร้อารมณ์ รู้สึกได้เพียงจิตสังหารและจิตขุ่นมัว

   “เจ้ามีพลังพอจะชิงไข่มุกนี้ แต่พลังไร้คุณธรรมคือหายนะ เจ้าจะพิสูจน์ตนอย่างไร?”

   บัดนั้นเองที่ร่างจำแลงของโจวจินพุ่งตรงเข้ามาหาจื่อเซวียน เว่ยเจียเหลียนฮวาที่อยู่ใกล้ที่สุดเร่งผลักจื่อเซวียนชิงหลีออกจากวิถีของวงโจมตีจนสุดท้ายแล้วผู้ที่รับการโจมตี้นั้นเป้ฯนางแทน ร่างบางกุมท้องที่ถูกถ่ายพลังอัดเข้ากาย มวลคลื่นของโลหิตที่แตกซ่านในลำคอกระอักออกมาเป็นหยาดโลหิตไหลที่มุมปาก ภาพของสตรีที่เปื้อนสีแดงชาดนี้กระตุ้นให้โจวจินและจื่อเซวียนชิงหลีนั้นนึกถึงความทรงจำครั้นพันปีที่ได้ทัศนาจนใจเจ็บ โจวจินที่ไม่อาจทนอยู่ได้ก็พุ่งจัดการกับร่างจำแลงของตนเองออกไปให้ห่างที่สุด การต่อสู้จึงเกิดขึ้น—ไม่ใช่แค่การวัดพลัง หากแต่คือการวัดหัวใจ เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ฝืนทนหยิบเกาทัณฑ์ขึ้นมาหมายยิงร่างของตนเองที่กำลังจะยิงโจวจิน โจวจินใช้พลังเพื่อยับยั้งการพุ่งเข้ามาทำลาย จื่อเซวียนชิงหลีที่ยังคงไม่เข้าใจนักว่าในเมื่อพลังไม่ใช่เพียงสิ่งที่สามารถผ่านไปได้ ไยต้องปะทะกันเพื่อแสดงถึงคุณธรรม หากการเอาชนะคือคุณธรรมแล้วไซร้นางยอมไร้คุณธรรมเสียดีกว่า ด้วยภาพของสตรีที่นางต้องแลเห็นหยาดโลหิตซ้อนทับกับความทรงจำของเหวยอิ๋นเสวี่ยทำให้จื่อเซวียนชิงหลียิ่งตบะแตกใช้เสียงร้องขอหยุดการสู้รบนี้เสีย หวังว่าความสัตย์แท้ของนางจะไปถึงเสี้ยวพลังของเทพหนี่วา

  “พลังและคุณธรรมงั้นหรือ พลังที่ต้องพิสูจน์ด้วยการทำร้ายจักเรียกว่าคุณธรรมได้อย่างไรกัน”

   ราวกับประกาศิตประกาศกร้าวในเจตจำนงค์แห่งสันติ ร่างแปลงตัวตนทั้งสามได้หยุดการกระทำชะงักราวกับไม่อาจต่อต้านได้ก่อนที่พวกมันจะค่อย ๆ สลายไป โจวจินและจื่อเซวียนชองหลีเร่งมาดูอาการเว่ยเจียเหลียนฮวาที่ทรุดลงไปนั่งกับพื้น มือเล็กของสตรีที่ดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะหักคอไก่ก็ยกขึ้นเช็ดรอยเลือดที่เปรอะริมฝีปากงดงาม แม้ว่าความรู้สึกเจ็บทั่วท้องนั้นจะยังคงอยู่ ทว่ามันก็ไม่ได้มากมายจนไม่อาจเดินทางต่อไปได้

   “จงตระหนักถึงคุณธรรมที่ตั้งมั่นเอาไว้อยู่เสมอ ทายาทแห่งหนี่วา”

   น้ำเสียงที่ดูแผ่วเบายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ราวกับมันค่อย ๆ อ่อนเรี่ยวแรงได้ดังขึ้นก่อนที่แสงจรัสจากปากทวารประตูจะดึงความสนใจทั้งสามคนให้ตระหนักได้ถึงการมีอยู่ของไข่มุกวารี โจวจินอาสาจะช่วยแบกขึ้นหลังไปก่อน ทว่าเว่ยเจียเหลียนฮวาที่รู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรมากนักก็เลือกที่จะขอแค่การประคองให้ลุกขึ้นเดินได้ก็พอ ทั้งสามเดินเข้ามายังโถงที่รอบกายมืดสลัวทว่ากลับระยิบระยับราวกับอยู่ท่ามกลางดวงดารา มันคือถ้ำมืดอันมีเส้นมณีฝังรอบผนังโถงและสะท้อนแสงสีฟ้าของไข่มุกวารีราวกับดวงดาราประดับนภา

   ในช่วงเวลาที่ความหวังที่ดูละม้ายห้วงฝันในตำนานกำลังจะเป็นจริง จื่อเซวียนชิงหลีกลับรู้สึกไม่มั่นใจในตนเองที่จะเหมาะสมกับสิ่งนี้ได้หรือ เว่ยเจียเหลียนฮวาแลเห็นว่าร่างบางข้างกายกลับเอาแต่ยืนนิ่งดูท่าทางกังวลก็จับมือนางเอาไว้ให้นางรับรู้ว่าบัดนี้หาได้อยู่ผู้เดียวไม่

   โจวจินเองก็เอื้อมมือมาแตะบ่าเล็กราวกับต้องการให้กำลังใจ จื่อเซวียนชิงหลีพลันผลิยิ้มงามประดับใบหน้าสวยทันใด ดวงใจที่พะว้าพะวงเมื่อครู่มลายหายไปเหมือนเพียงความตั้งใจเดิมที่ต้องช่วยเหลือผู้คนให้ได้ เมื่อทายาทแห่งหนี่วาวางมือแตะแท่นมุกวารี โถงดาราเปล่งแสงงดงามเรืองรอง ไข่มุกวารีหลุดจากแท่นลอยขึ้นกลางห้อง ก่อนจะลอยมาหาจื่อเซวียน

   เมื่อมือเรียวเล็กของหนานเจ้ากงจู่สัมผัสไข่มุก สายเลือดของหนี่วาถูกปลุกเร้าจนเต็มที่ นางก็เหม่อลอยออกไปยังมิติหนึ่ง—ในนั้นคือโลกที่สว่างไสว ดอกบัวลอยกลางอากาศ และมารดาของนางปรากฏตัว

   “เจ้าได้เห็นแล้วว่า ความทุกข์ ความกลัว และพลัง ล้วนเป็นบททดสอบแห่งผู้ที่ถือภาระปกป้องโลก

   “เจ้าคือทายาทของข้า มิใช่เพียงโดยสายเลือด แต่โดยหัวใจ”

   “โลกนี้ต้องการผู้รักษาสมดุล มิใช่ผู้ครองอำนาจ”

   “เจ้าจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างฟ้าและดิน เช่นที่สายเลือกของเราเคยเป็นมา”


   ฉับพลันนั้นที่รู้สึกได้ถึงการกลับมายังภาพปัจจุบัน จื่อเซวียนที่ได้พบมารดาอีกคราก็บังเกิดหยาดน้ำใสหลั่งรินด้วยความคะนึงหาสุดหัวใจ นางค่อย ๆ สูดหายใจเข้าอีกครั้งก่อนทีจะลองสัมผัสถึงพลังในมุกวารี กระแสพลังสีฟ้าใสโอบรอบกาย นางรับทราบแล้วว่ากระแสพลังใดกันที่นำทางเว่ยเจียเหลียนฮวาให้มาพบพานองค์หญิงผู้ไร้กำลังกัน บัดนี้นางมีพลังที่จะช่วยเหลือผู้คนแล้ว มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาที่เริ่มแห้งเหือดก่อนจะหันไปมองสหายทั้งสอง

  “ไปหมู่บ้านชิวปี้กันเถิด”

    ทั้งสามเร่งนำมุกวารีออกเดินทางสู่หมู่บ้านชิวปี้ทันที หยิบยืมอาชาศึกเดินทางมาจนถึงหมู่บ้านร้างที่เต็มไปด้วยผีร้าย การชำระล้างนั้นต้องใช้เวลาส่องพลังล้มอาณาบริเวณนี้ให้สิ้น เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ได้ยลยินเช่นนั้นก็ตบบ่าโจวจินก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจมากทั้ง ๆ ที่จริง ๆ นางก็ไม่ได้เก่งกาจมากมายนัก

   “เจ้ายังมีข้ากับโจวจิน อย่าห่วงเลย ตั้งมั่นแค่หน้าที่ของเจ้าก็เป็นพอ”

   บัดนั้นเมื่อจื่อเซวียนเริ่มต้นรวบรวมพลังทั้งหลายให้มา ณ มุกวารีจนก่อเกิดกระแสลมเย็นสบายพัดโบกหมอกครื้มให้อันตรธานหายไป คืนฟ้าในบริเวณรอบ ๆ เมื่อนั้นผีร้ายก็รับรู้ถึงกระแสพลังที่หมายจะชำระล้างจึงพุ่งตรงเข้ามา เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ชำนาญธนูยืนรั้งตรงหน้าจื่อเซวียนราวกับเป็นปราการสุดท้าย ส่วนโจวจินออกหน้าตวัดทวนกวาดผีร้ายทั้งหลายออกไปโดยไม่ทำอันตรายต่อกายเนื้อของพวกมันให้มากที่สุด ด้วยความหวังที่ว่าพวกเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

   ผ่านไปสามชั่วยามที่ต้องรับมือผีดิบนับร้อย จนพลังในการชำระล้างไปแทรกซึมทั่วทุกอนูปราณแห่งฟ้าดิน เมื่อนั้นที่แสงสว่างเรืองรองทุกท้องที่ ไอมารร้ายค่อย ๆ ล่องลอยออกจากร่างของพวกเขาและกลับกลายเป็นปุถุชนธรรมดาเช่นเดิมด้วยพลังของมุกวารีและทายาทหนี่วา

  “สำเร็จแล้ว…”

   ด้วยพลังที่ใช้คราแรกก็ใหญ่หลวงนักทำให้ร่างกายของจื่อเซวียนนั้นแบกรับภาระมากมายเหมือนเกิน โจวจินที่เสื้อผ้าขาดวิ่นตามปลาย เปรอะหยาดโลหิตเข้มของมารก็มาประคองร่างของจื่อเซวียนชิงหลีไว้ไม่ให้นางล้มลงไป เช่นนั้นแล้วในครานี้เว่ยเจียเหลียนฮวาอาสาต่อสู้กับความหวดกลัวเลือกที่จะเป็นคนขี่ม้าเอง ส่วนอีกหนึ่งม้าที่ก่อนหน้านางขี่มากับโจวจินก็ให้หนานเจ้ากงจู่ผู้อ่อนเพลียขึ้นม้าตัวเองกันกับโจวจินไปเสีย

   “ไม่ต้องเกรงใจ จื่อเซวียนชิงหลี เจ้าเก่งมากแล้ว พักเถิด หากถึงฉางซานข้าจะปลุกเจ้าเอง”

   โจวจินเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง ฉับพลันนางก็แลเห็นภาพซ้อนทับขององครักษ์แห่งเซี่ยงหรงที่คอยปกป้องเหวยอิ๋นเสวี่ย ใบหน้าของจื่อเซวียนชิงหลีแย้มสรวลออกมาก่อนจะค่อย ๆ พิงกายหลับไป ฝากร่างกายนี้ไว้กับบุรุษที่นางไว้ใจที่สุดในโลกหล้านี้แล้วที่ยังคงมีชีวิตอยู่

   แม้ดูยาวนานนับชั่วยาม ทว่าการเดินทางนี้เพียงแค่สองเค่อเท่านั้นก็ถึงฉางซาน โจวจินลองปลุกจื่อเซวียนชิงหลีดูว่านางไหวจะไปรายงานผลกับฉางซานเซียนหวางได้หรือไม่ จื่อเซวียนชิงหลีที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยายามทำให้ตนเองตาสว่างให้มากที่สุดเพื่อไปร่วมการรายงานสถานการณ์กับผู้ปกตรงเมืองแห่งนี้

   “เซี่ยเซินขอเข้าเฝ้าฉางซานเซียนหวาง”

   แม้ร่างกายจะเปรอะไปบ้าง ทว่าใบหน้าและกิริยาสูงส่งเช่นนี้ย่อมต้องเป็นพระสนมเสียนอี๋ที่มาเยือนฉางซาน บ่าวผู้น้อยเร่งเดินเข้าไปเพื่อรายงานสถานการ์ต่อนายเหนือหัวก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเชื้อเชิญให้ทั้งสามคนเข้าเฝ้าองค์หวางเย่ผู้ดูแลฉางซานไม่หยุดพัก

   “เป็นอย่างไรบ้างท่านทั้งสาม”

   “หมู่บ้าวชิวปี้…ถูกชำระล้างแล้วเพคะ”

   ความปลื้มปิตินั้นกระจายทั่วทุกอณูของพื้นที่ที่ข่าวนี้จะไปเยือนผู้ใดบ้าง ใบหน้าของบุรุษผู้งดงามแย้มสรวลออกมาด้วยความพอพระทัยเกินหักห้าม มือหนาตบเข่าอย่างโล่งอกที่แน่นอึดอัดมาเนิ่นนาน ในที่สุดเมืองฉางซานก็ได้หายใจหายคอได้เสียที ท้องนภางดงามได้กลับคืนสู่ท้องที่ ม่านหมอกที่กระจายทั่วมลายหายไปจนสิ้น

   “ดี ดียิ่งนัก”

   “ทว่าต้นตอของไอมารที่กระจายปกคลุมนี้ยังคงไม่หายไปเพคะ ต้องแก้ที่ต้นตอ ต้องชำระล้างหนานเจ้าให้สิ้น”

   “เพื่อตอบแทน เปิ่นหวางจะเดินทางไปด้วย ทว่าต้องขอเวลาจัดการราชกิจพวกนี้สักสามทิวาราตรี” เขาก้าวออกจากโต๊ะทรงอักษรก่อนจะเดินเข้ามาสนทนาอย่างใกล้ชินทั้งสามยิ่งขึ้น “เปิ่นหวางได้ยินว่ามีหมู่บ้านที่อยู่บนหลังวาฬสัตว์เทพแห่งมหาสมุทรมานอนหลับพักแถบทะเลป๋อไห่ เป็นโอกาสที่จะได้ไปเข้าหมู่บ้านลู่ไห่ เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าก็ลองไปท่องเที่ยวในระหว่างที่รั้งรอก็แล้วกัน”

   เมื่อได้ยินว่าทะเล เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ไม่เคยได้แลเห็นสิ่งนี้พลันดวงตาลุกวาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางเร่งยอบกายถอนสายเบาทำความเคารพแด่หวางเย่ที่ประทานวันหยุดให้พวกนางได้พัก

   “ขอบพระทัยหวางเย่มากเพคะ”

   “เอาล่ะ พวกท่านไปพักเถิด ประเดี๋ยววันพรุ่งนี้เปิ่นหวางจะเตรียมม้าให้เดินทาง”

   แล้วทั้งสามก็แยกย้ายเพื่อไปพักผ่อน ในส่วนของเว่ยเจียเหลียนฮวาที่กลับกระโจมไปเจอจ้าวหนิงเฟยกับเว่ยซานก็ถูกจับขัดกายจนแทบจะนอนในบ่อถังอาบน้ำเสียนี่…


สกรีนช็อต 2025 06 04 214547





[NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


@Admin

แสดงความคิดเห็น

หลิวชุ่นหัวใจตัน 8 ดวงแล้ว สามารถขอปลดหัวใจได้เมื่อว่างเว้น  โพสต์ 2025-6-5 22:15
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2025-6-5 22:14
โพสต์ 28514 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-5 00:13
โพสต์ 28,514 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +12 ความโหด จาก นักวิชาการ  โพสต์ 2025-6-5 00:13
โพสต์ 28,514 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-6-5 00:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้