123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป

[บันทึกการทหาร] : ศึกฉีเหลียงซาน

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-6-24 23:08:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด







แสงแดดสีอ่อนของเช้าอาบย้อมค่ายหลวงให้ดูสงบลงกว่าทุกวัน ลมยามเช้าพัดเบา ๆ ให้รู้สึกเย็นผิวแต่ไม่ถึงกับหนาว ซิ่วอิงนั่งอยู่ใต้ชายเงาใกล้แนวรั้วไม้ของค่าย มือค่อย ๆ ถักเชือกป่านเป็นตาข่ายสำหรับวางยึดบนหลังเกวียน พื้นที่รอบตัวไม่พลุกพล่านนัก จึงเหมาะแก่การได้อยู่นิ่ง ๆ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พอช่วยกองทัพได้บ้าง

ข้างตัวนาง เจ้าหมาตัวเดิมนอนหมอบอยู่ มันดูสุขุมผิดกับรูปลักษณ์ที่แปลกตา ลำตัวหนาแน่น ขนสีดำมีน้ำตาลแซม ใบหน้ากว้างคล้ายสัตว์ป่ามากกว่าหมาบ้านทั่วไป มันนั่งนิ่ง เฝ้ามองการถักตาข่ายของนางอย่างตั้งใจ ราวกับมันเข้าใจว่านี่คืองานสำคัญของวัน

บางครั้งมันจะหันไปสบตากับผู้คนที่เดินผ่าน ใบหน้าที่เงียบขรึมและดวงตาสีเข้มเปล่งแววครุ่นคิดทำให้หลายคนถึงกับชะงัก

“เฮ้ เจ้าเห็นหมาตัวนั้นหรือไม่?”

เสียงกระซิบจากทหารหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านมา

“เห็นสิ หน้าตามัน...แปลก ๆ ชอบกล ข้าล่ะไม่แน่ใจว่าใช่หมาจริงหรือเปล่า”

“เหมือนหมา...แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่”

เสียงซุบซิบเหล่านั้นลอยเข้าหูซิ่วอิงตลอดเวลา แต่นางไม่ได้หันไปสนใจนัก เพียงใช้ปลายนิ้วรูดเกลียวเชือกให้แน่นเป็นปม แล้วตอบเสียงเรียบหากมีใครมาทัก

จนกระทั่งชายร่างสูงจากกองพลาธิการเดินตรงเข้ามาหานาง สีหน้าเคร่งเครียดพอสมควร เขายืนกอดอก มองเจ้าหมาด้วยแววตาไม่ไว้ใจนัก เขาจ้องเจ้าหมาอย่างพินิจอยู่พักหนึ่ง ก่อนหันกลับมาสบตากับซิ่วอิง

“ข้าถูกส่งมาแจ้งจากหน่วยพลาธิการ” เขาเอ่ยเสียงขรึม “หากเจ้าจะเลี้ยงเจ้าหมาตัวนี้ไว้ในค่าย เจ้าต้องแบ่งเสบียงของตนเองให้มันกิน เพราะพลาธิการจะไม่รับผิดชอบเรื่องเสบียงสัตว์ที่มิใช่ม้าของกองทัพ”

ซิ่วอิงเงยหน้าขึ้นจากเชือกในมือ ดวงตาคมสงบของนางสบกับชายผู้นั้นโดยไม่หลบเลี่ยง

“ข้าเข้าใจ” นางตอบเรียบ ๆ

ชายผู้นั้นยังคงไม่ละสายตาไปจากเจ้าหมา

“และอีกอย่าง” เขาเสริม “นี่คือค่ายทหารไม่ใช่คอกสัตว์ หากมันก่อปัญหาหรือรบกวนความสงบ ข้าจะรายงานให้ผู้บัญชาการจัดการตามระเบียบทันที”

“มันไม่ใช่หมาปกติใช่ไหม?” ชายอีกคนที่เดินมาด้วยกระซิบเสียงเบาพอที่จะคิดว่าซิ่วอิงจะไม่ได้ยิน

แต่หูของซิ่วอิงดันไวต่อการนินทาของพวกเขาเสียนี่  นางตอบออกไปเสียงดังพอที่ทั้งสองคนจะได้ยินชัด แต่มือยังคงถักเชือกต่อ

“พวกเจ้าอย่าห่วงเลย มันจะไปสร้างปัญหาให้พวกเจ้าแน่”

นางหยุดมือลงชั่วครู่ แล้วเงยหน้ามองตรง

“ข้าจะรับผิดชอบมันเองทุกอย่าง ไม่ต้องห่วง”

ทหารทั้งสองนายจากกองพลาธิการสบตากัน ก่อนจะพยักหน้ารับคำแล้วผละจากไปโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม


ยามซื่อ

เสียงกลองดังเป็นจังหวะ เป็นสัญญาณเรียกให้เหล่าทหารกล้าเตรียมพร้อมสำหรับการซ้อมรบ กองทหารเริ่มรวมตัวกันเป็นแถวแน่นหนา ใบหน้าของเหล่านายกองและทหารล้วนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทั้งยังแฝงด้วยความเครียดที่ไม่อาจปิดบังได้ รองแม่ทัพซึ่งทำหน้าที่แทนแม่ทัพใหญ่ ยืนอยู่กลางลานฝึก ท่าทางเข้มงวด

รองแม่ทัพยกมือขึ้นเพียงครึ่ง แขนเสื้อยาวสะบัดเบา ๆ ตามแรงลม ก่อนที่เสียงกลองจะหยุดลงฉับพลัน เงียบจนได้ยินเสียงขยับของเกราะและอาวุธที่กระทบกันในระยะใกล้ เหล่าทหารยืนนิ่งไม่ไหวติง รอคำสั่งต่อไป

"วันนี้จะเป็นการฝึกในแบบที่บันทึกไว้ในตำราพิชัยสงคราม มิใช่เพียงการตีโอบหรือต้านรับ แต่เป็นศิลป์แห่งการจัดกระบวนทัพให้ชนะโดยมิต้องเสียเลือดเสียเนื้อมากเกินจำเป็น"

เสียงของรองแม่ทัพดังกังวาน แม้ไม่ตะโกนแต่ก็ได้ยินชัดทั่วลานฝึก เขาผายมือไปทางลานกว้างที่ถูกขีดเส้นด้วยผงสีขาว แบ่งเป็นช่อง แสดงถึงตำแหน่งที่จะใช้ในแบบฝึก

"ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งหลายเรียนรู้กระบวนทัพ การจัดโล่ที่ใช้ได้ทั้งในสงครามเปิดและการซุ่มซ่อนต้านทัพเร็ว"

เสียงฮือฮาดังขึ้นเล็กน้อยดังขึ้นจากหมู่ทหาร ทหารที่ได้รับการฝึกมาระดับสูงเท่านั้นถึงจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะสอนต่อไปนี้คือกลยุทธ์จากตำราที่หายาก และแม้แต่แม่ทัพใหญ่บางคนก็ไม่กล้าใช้หากไม่มั่นใจในความสามัคคีของพลทหารตน

รองแม่ทัพสั่งให้หน่วยทหารเดินเท้าเริ่มเคลื่อนที่ไปยังจุดที่ขีดไว้ ทหารแต่ละนายมีโล่กลมขนาดกลาง ทำจากไม้เนื้อแข็งเสริมขอบเหล็ก น้ำหนักพอเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวเร็ว ในแนวทหารเดินเท้าแถวที่สองของฝั่งขวา ซิ่วอิงยืนรวมกับเหล่าทหารที่เข้าร่วมการฝึกเช่นกัน เจ้าหมาดำที่มักอยู่ข้างนางก็ยังไม่ไปไหน มันนั่งนิ่งอยู่ใกล้ลานฝึก มองนางเงียบ ๆ ราวกับรู้ว่านี่คือหน้าที่ที่ไม่ควรเข้าไปรบกวน

“แนวหน้า ยกโล่ขึ้นระดับอก! แนวสองเข้าประชิด ซ้อนห่างกันครึ่งก้าว! แนวหลังเตรียมป้องกันด้านข้าง!”

เสียงรองแม่ทัพดังลั่น ทหารในแถวต่างขยับเข้าที่ทันที ซิ่วอิงยกโล่ขึ้นตามคำสั่งดวงตาแน่วแน่ นางเคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่ว เมื่อเสียงสัญญาณเริ่มดังขึ้น ฝ่ายข้าศึกจำลองก็เริ่มเคลื่อนพลเข้าประชิดทางฝั่งตะวันตก เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

แนวหน้าเงื้อมโล่ขึ้นพร้อมกันสะท้อนแสงแดดเข้าตาอีกฝ่าย ทันใดนั้นทหารหนึ่งในกลุ่มศัตรูจำลองพุ่งเข้าชนตรงจุดที่ซิ่วอิงยืน นางเบี่ยงไหล่รับแรงกระแทก ใช้โล่เบี่ยงทิศการพุ่งอย่างชาญฉลาด แล้วตวัดง้าวขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแทกเข้าที่ช่องว่างด้านข้างของโล่ศัตรู เสียงไม้กระทบดังกึก

ทหารฝึกอีกฝ่ายชะงักเล็กน้อย แล้วผงะถอยโดยยกมือขึ้นสูง เป็นสัญญาณว่านับว่า ‘ตาย’
ซิ่วอิงไม่ไล่ตาม ทำเพียงถอยกลับตำแหน่งเดิม พลางเฝ้าดูจังหวะของแนวสองและแนวหลังว่าขยับได้ทันหรือไม่ นางเรียนรู้ทุกจุดอ่อน จุดหลวมในกระบวนทัพระหว่างที่ตนมีหน้าที่เป็นเพียงหนึ่งในโล่แนวหน้าเท่านั้น

เสียงกลองสงบลงในเวลาต่อมา รองแม่ทัพเดินผ่านหน้ากองแถวทหารเป็นแนวยาว สีหน้าของเขาเคร่งขรึมแต่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

“แนวขวาสามารถต้านแรงบุกได้ครบระยะเวลาที่กำหนด ไม่มีการทะลวงเข้าถึงแนวหลัง ถือว่าผ่าน”

เขาหยุดสายตาที่ซิ่วอิงเพียงแวบหนึ่ง แล้วพูดต่อโดยไม่เอ่ยชื่อใคร

“การเคลื่อนไหวมีช่องชะงักในช่วงเปลี่ยนแนวเล็กน้อย จำไว้…ในการศึกจริง ศัตรูจะไม่รอให้เจ้าปรับขบวน”

จากนั้นเสียงคำสั่งใหม่ก็ดังขึ้น

“เปลี่ยนบท! กลุ่มที่ฝึกฝ่ายรับเมื่อครู่ สลับเป็นฝ่ายบุก!”

ซิ่วอิงขยับเท้าถอยออกจากแนวทหาร กลิ่นเหงื่อและฝุ่นผงจากสนามฝึกยังติดอยู่บนใบหน้าและแขนเสื้อ นางปลดโล่ออกจากแขน ควงง้าวในมือเบา ๆ แล้วเดินเข้ารวมแถวกับกลุ่มทหารที่จะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นฝ่ายบุก

ลานฝึกด้านหน้าถูกจัดเป็นพื้นที่ที่จำลองเป็นแนวตั้งรับ มีแนวโล่ของทหารอีกกลุ่มตั้งกระบวนเรียงกันเป็นชั้น ๆ ตามคำสั่งก่อนหน้า เส้นผงสีขาวบนพื้นดินยังคงชัด แบ่งตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ทหารฝ่ายรับยืนนิ่งเงียบราวกับเป็นกำแพงหินจริง ๆ

เสียงกลองเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นจังหวะที่เร็วขึ้นและเร่งเร้า สะท้อนแรงกดดันของผู้ที่เป็นฝ่ายบุก

“เริ่มเคลื่อน! อย่าบุกโดยใช้แรงอย่างเดียว แต่ให้สังเกตจังหวะเคลื่อนไหวของฝ่ายรับด้วย แทรกจุดอ่อนและเจาะทะลวง! ผู้ใดบุกทะลวงได้ถึงแนวหลัง จะได้คะแนนพิเศษ!”

ซิ่วอิงก้าวออกจากแนวตั้งต้นพร้อมกับเพื่อนร่วมกลุ่ม นางอยู่ทางปีกขวา ง้าวในมือนั้นยาวกว่าอาวุธของคนอื่น ทำให้ต้องรักษาระยะระหว่างเพื่อนร่วมแถวให้พอเหมาะ ดวงตาของนางคอยจับจังหวะการขยับของแนวโล่ฝ่ายตรงข้าม พอเห็นมุมเบี่ยงเล็ก ๆ ที่โล่แนวหน้าสองชั้นขยับไม่พร้อมกัน นางก็ส่งสัญญาณมือเล็กน้อยไปทางข้างตัว

ทหารที่อยู่ถัดจากนางเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่ เขาพยักหน้าเล็กน้อยเข้าใจ แล้วโถมโล่ไปข้างหน้าในขณะที่ซิ่วอิงกระโดดเบี่ยงตัวหลบซ้าย ง้าวในมือสะบัดตวัดเฉียงจากด้านล่างขึ้นฟาดเข้าหาขอบโล่เบื้องหน้า

เสียงดังกร๊อบ! ดังขึ้น ตามมาด้วยการเบี่ยงตัวของฝ่ายตั้งรับอย่างไม่ตั้งใจ ช่องว่างเปิดขึ้นพริบตาหนึ่ง พอให้ร่างหนึ่งสอดผ่านได้ ซิ่วอิงไม่รีรอให้พลาดโอกาสนั้น นางก้มตัวมุดลอดแนวโล่เข้าไป เสียงร้องของฝ่ายรับดังขึ้นเบา ๆ อย่างประหลาดใจ ก่อนที่นางจะโผล่ขึ้นจากแนวสองพร้อมกับง้าวที่ชี้ตรงไปยังนายทัพจำลองในแนวหลัง

เสียงสัญญาณหยุดการฝึกดังขึ้นในทันที

บรรยากาศเงียบสนิทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียงปรบมือเบา ๆ จากปลายแถว แล้วตามมาด้วยเสียงฮือฮาในหมู่ทหาร

รองแม่ทัพที่ยืนกอดอกอยู่บนแท่นหินริมสนาม สีหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงอารมณ์นัก แต่แววตานั้นเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย

“ผู้ใดเจาะแนวทะลุถึงแนวหลัง?” เขาถาม

ทหารกลุ่มซิ่วอิงแหวกแถวออกให้นางก้าวออกมาโดยไม่ต้องรอให้ใครชี้ นางก้าวออกมาหนึ่งก้าวง้าวยังคงอยู่ในมือ แผ่นหลังตั้งตรง ดวงตานิ่งสงบเหมือนเช่นเคย

รองแม่ทัพมองนางนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวชื่นชม

“กล้าหาญ รอบคอบ และอ่านจังหวะได้แม่นยำ นับเป็นคุณสมบัติของทหารแนวหน้าที่แท้จริง”

เขาหยุดไปนิดหนึ่งแล้วกล่าวเสริม

“แต่พึงระลึกไว้เสมอ บนสนามจริงมิมีใครเปิดทางให้อย่างนี้ ทุกก้าวมีดาบรออยู่เสมอ”

ซิ่วอิงพยักหน้ารับคำเพียงเล็กน้อยโดยไม่กล่าวสิ่งใด

เมื่อเสียงฝึกเงียบลง และแถวของทหารเริ่มทยอยแยกย้าย ซิ่วอิงเดินกลับมาทางแนวรั้วไม้เจ้าประจำ เจ้าหมาดำลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นนาง มันเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงข้างเท้าเงียบ ๆ คล้ายกับถามว่า ‘วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?’ นางยิ้มบาง ๆ พลางยกมือลูบหัวมันหนึ่งครั้ง ก่อนจะพากันเดินไปยังจุดแจกอาหารของกองพลาธิการ

เย็นย่ำในค่ายหลวง บรรยากาศในค่ายกลับมาสงบอีกครั้งหลังวันฝึกอันหนักหน่วง ซิ่วอิงรับถาดอาหารมาในมือตนเป็นข้าวสวยร้อน ๆ กับเนื้อแห้งชิ้นเล็กที่วางเคียงอยู่ด้านข้าง กลิ่นควันจากโรงครัวลอยอ้อยอิ่งแตะจมูก นางเดินออกมานั่งยังที่ร่มใกล้เขตรั้ว

เจ้าหมาดำเดินมานั่งตรงหน้าเธอเงียบ ๆ ซิ่วอิงไม่ได้พูดอะไร เพียงหยิบเนื้อแห้งครึ่งหนึ่งจากถาด แบ่งให้มันตรงหน้า

“นี่คือส่วนของเจ้า”

เจ้าหมาดำใช้จมูกดุนเนื้อแห้งน้อย ๆ ก่อนจะกัดกินอย่างระมัดระวัง ดวงตามันยังจับจ้องใบหน้าของซิ่วอิงเหมือนจะเฝ้าสังเกตว่านางรู้สึกอะไรอยู่

ท่ามกลางความเงียบ นางหยิบข้าวขึ้นกินช้า ๆ สายตาเลื่อนลอยไปยังเขตใจกลางของค่าย บริเวณที่ตั้งจวนแม่ทัพฮั่ว หลังจากวันนั้นนางก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงหรือคำบัญชาใด ๆ จากปากเขาอีกเลย ทั้งที่ในฐานะแม่ทัพใหญ่ควรปรากฏตัวบ้างในเวลาฝึก

“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาเลยแฮะ…” นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

แสงสุดท้ายของวันเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ เมื่อเก็บถาดอาหารเสร็จ ซิ่วอิงจึงลุกขึ้น พาเจ้าหมาเดินเลี่ยงเส้นทางหลัก มุ่งหน้าไปยังเขตกระโจมบัญชาการซึ่งตั้งอยู่ลึกในค่าย

กระโจมของแม่ทัพฮั่วไม่ได้มีผู้เฝ้าแน่นหนานักในยามปกติ มีเพียงทหารเวรยามเดินตรวจเป็นระยะ นางหมอบตัวต่ำ ใช้ผ้าคลุมสีหม่นพรางร่างในความมืดแล้วค่อย ๆ เคลื่อนไปยังด้านข้างของกระโจมที่ผ้าหย่อนกว่าปกติเผยให้เห็นช่องว่างเล็กพอให้มองลอดได้

สิ่งที่นางเห็นไม่ใช่สิ่งน่าแปลกใจมากนัก แม่ทัพฮั่วนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้ยาว กลางกระโจมถูกจัดวางกระดานไม้ที่ฝังหมุดทองแดงเป็นตาราง บนตารางนั้นเต็มไปด้วยหมากวางตัวแทนกองกำลัง หมากทอง หมากดำ หมากแดง 

เขานั่งนิ่งก้มมองแผนที่ตรงหน้าด้วยสายตาจริงจัง ด้านข้างมีม้วนพับเอกสารอีกมากวางซ้อนกันเป็นตั้ง เทียนไขที่ปักอยู่บนเชิงเทียนสองข้างลุกไหวตามลมในกระโจม ทว่าแม่ทัพกลับมิได้ขยับแม้แต่น้อย

‘คงจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องแผนการรบหลายคืนแล้วสินะ...’ ซิ่วอิงคิดในใจ

ครั้งก่อนนางก็ผ่านมาแล้วเห็นแสงเทียนจากในกระโจมทั้งยามดึกและมีเงาเขานั่งอยู่แบบเดียวกัน ซิ่วอิงเบือนหน้าออกจากช่องกระโจมอย่างเงียบเชียบ แล้วเดินกลับไปยังกระโจมของตนเองพร้อมกับเจ้าหมา อย่างน้อยนางก็รู้แล้วว่าเหตุที่ท่านแม่ทัพหายหน้าหายตา หาใช่ความเฉยเมยต่อกองทัพ แต่มันคือความหนักอึ้งของภาระที่เขาไม่อาจให้ใครเห็นได้ต่างหาก…



ทานอาหารจากหน่วยพลาธิการ +50 พลังงาน


จบพาร์ท : มิตรภาพในสมรภูมิ

รางวัล (ความคืบหน้า):
15% ของภารกิจหลัก


@Admin 








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 49985 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-24 23:08
โพสต์ 49,985 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-24 23:08
โพสต์ 49,985 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก เกราะเกล็ดมังกร  โพสต์ 2025-6-24 23:08
โพสต์ 49,985 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก ทักษะพรานป่า  โพสต์ 2025-6-24 23:08
โพสต์ 49,985 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-6-24 23:08

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังงาน +50 ย่อ เหตุผล
Admin + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
โพสต์ 2025-6-25 22:01:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด







แสงจันทร์ยังไม่ทันเลยยอดไม้ เสียงกลองเรียกรวมพลกลับดังก้องกังวานไปทั่วค่ายหลวงโดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า เสียงฝีเท้าวิ่งพล่านของทหารในกระโจมดังกระทบพื้นดินกันจ้าละหวั่น ทั้งหมดต่างคว้าเสื้อเกราะ อาวุธ หรือแม้แต่ผ้าคลุมในมือตนก่อนจะรีบออกมาตั้งแถวกลางลานกว้างท่ามกลางแสงจากคบเพลิงที่สั่นไหว

ซิ่วอิงลุกจากที่นอนทันทีที่ได้ยินเสียงกลอง นางรีบแต่งตัวพร้อมคว้าง้าวคู่ใจ เจ้าหมาดำลุกขึ้นตามติดไปเงียบ ๆ ขณะทหารรอบกระโจมของนางพากันตะโกนถามกันด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แถวทหารแน่นขนัดในเวลาไม่กี่อึดใจ ทุกคนเฝ้ามองเวทีหน้าลานฝึกโดยไม่รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้น

และแล้วเงาร่างหนึ่งก็ก้าวออกมาท่ามกลางความเงียบ…

‘แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง’

หลังจากหายไปจากสายตาทุกคนหลายวัน ในที่สุดเขาก็ปรากฏกาย เสื้อนอกคลุมยาวพริ้วตามสายลมยามค่ำคืน ร่างสูงของท่านแม่ทัพยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของทุกคนและทุกสายตาก็เงียบลงทันทีที่เห็นเขา เขายืนเงียบอยู่เพียงอึดใจก่อนเอ่ยเสียงเรียบ 

“ขออภัยที่ต้องรบกวนเวลาพักผ่อนของพวกเจ้า แต่เรื่องนี้สำคัญเกินกว่าจะรอถึงรุ่งเช้าได้”

ทหารทุกนายเงียบกริบ ตั้งใจฟังสิ่งที่ท่านแม่ทัพกำลังจะพูด

“ข้าได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนมเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน สถานการณ์ที่ฉีเหลียงซานนั้นมิอาจรอได้อีกต่อไป หลังจากที่ข้าได้คิดไตร่ตรองวางแผนมาอย่างดีแล้ว ข้าตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่ทัพหลวงจะต้องออกไปแสดงฝีมือเสียที”

เขาหยุดหายใจสั้น ๆ ก่อนกล่าวต่อ

“ข้าจะนำทัพออกเดินทางไปเขาฉีเหลียงซานในยามเฉินของวันพรุ่งนี้”

เสียงฮือฮาเล็กน้อยเริ่มดังขึ้นในแถวทหาร แม่ทัพฮั่วยกมือขึ้นและทุกเสียงก็เงียบลงทันที

“เพื่อไม่ให้ค่ายหลวงนี้ตกอยู่ในความเสี่ยง กองอารักขาสามพันนายและทหารราบอีกหนึ่งร้อยนายจะประจำอยู่ที่นี่เพื่อรักษาความมั่นคง ข้าจะนำทหารม้าหกร้อยนาย พร้อมทหารราบอีกหนึ่งร้อยนายติดตามขึ้นเขาไปด้วย”

ดวงตาเขากวาดมองแนวทหารตรงหน้า หยุดอยู่ครู่หนึ่งตรงแถวของหน่วยที่มีซิ่วอิงอยู่

“รายชื่อผู้ร่วมขบวนกำลังถูกส่งให้แต่ละหน่วยตอนนี้ ผู้ใดมีชื่อจงเตรียมตัวให้พร้อมภายในค่ำคืนนี้”

ทหารจากกองเวรส่งเอกสารเลื่อนผ่านแถวแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าซิ่วอิง นายกองเปิดม้วนประกาศรายชื่อและแน่นอน มีชื่อของนางอยู่ตรงนั้นด้วย

แม่ทัพฮั่วพูดต่ออีกครั้งอย่างหนักแน่น

“ผู้ใดได้รับมอบหมายภารกิจนี้ ขอให้จดจำไว้ นี่ไม่ใช่เพียงการลาดตระเวนธรรมดา แต่คือการเดินเข้าสู่สนามจริงที่อาจกลายเป็นจุดปะทะครั้งใหญ่ ข้าเลือกทุกคนด้วยมือข้าเอง เพราะข้าเชื่อในฝีมือของพวกเจ้า”

เสียงเงียบกลืนกินบรรยากาศอีกครั้ง ก่อนแม่ทัพฮั่วจะพูดทิ้งท้าย

“พักหนึ่งชั่วยาม เก็บสัมภาระ เตรียมยุทโธปกรณ์ ขบวนจะออกทันทีเมื่อฟ้าสาง”

แม่ทัพฮั่วหมุนตัวกลับเข้ากระโจม ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยทั้งความตื่นตัว ความกังวล และความมุ่งมั่น ทหารทยอยแยกย้ายกลับกระโจมตนไปเตรียมของเพื่อการเดินทางในรุ่งเช้า


ยามเฉิน

เสียงแตรสัญญาณดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของรุ่งอรุณ ท้องฟ้ายังอมเทาหม่นเมื่อกองทัพเริ่มเคลื่อนพลออกจากค่ายหลวง ทหารราบเรียงแถวเป็นระเบียบเดินเท้าไปตามแนวทะเลทรายที่ทอดยาวไม่สิ้นสุด แสงตะวันแรกสาดกระทบพื้นทรายสีซีด เงาของกองทัพทอดตัวเป็นแนวยาวเคลื่อนไปในความเงียบ

ซิ่วอิงเดินอยู่ในแนวหน้าแถวทหารราบ นางสะพายง้าวไว้บนหลัง มือซ้ายประคองสัมภาระจำเป็น เจ้าหมาดำเดินเรียงอยู่ข้างขาแววตาของมันจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวรอบตัว

ทะเลทรายเบื้องหน้าเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด พื้นดินแห้งสลับเนินทรายสูงต่ำ แม้จะมีแดดส่องแต่กลับไม่อาจต้านทานลมยามเช้าที่พัดพาเอาความหนาวเย็นแทรกเข้าสู่ผิวหนังได้เลย ทหารบางนายยกมือขึ้นป้องหน้า บางคนกระชับผ้าคลุมไหล่แน่นขึ้น ซิ่วอิงเองก็ต้องหรี่ตาเพื่อป้องกันฝุ่นที่ปลิวเข้าหน้าอย่างรุนแรงเกินกว่าที่นางคาดไว้

เวลาผ่านไปหลายชั่วยาม แสงอาทิตย์ค่อย ๆ ทอสีทองซีดลงบนพื้นทราย แต่กลับไม่ได้ทำให้อุ่นขึ้นแม้แต่น้อย อุณหภูมิกลับลดลงช้า ๆ ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ฉีเหลียงซานมากเท่าใด อากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป

ทิวเขาเบื้องหน้าเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจน แนวยอดเขาสลับซับซ้อนยาวเหยียดราวกับกำแพงหินขนาดมหึมา เทือกเขาที่เปรียบเสมือนเกราะธรรมชาติของดินแดนแห่งนี้มีรูปร่างคมกระด้าง สีเทาหม่นจนกลืนไปกับท้องฟ้า ลมที่พัดมาจากช่องเขาเย็นเยียบ แทรกเข้าร่องแขนเสื้อจนต้องยกมือขึ้นลูบต้นแขนอย่างเผลอตัว

“ดูเหมือนว่าฉีเหลียงซานจะอยู่มิไกลแล้วลูกพี่” เสียงกระซิบของเกาเหยียนดังขึ้นเบา ๆ ซิ่วอิงยังแอบแปลกใจที่ท่านแม่ทัพเลือกเขามาร่วมทัพนี้ด้วย

นางไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่มองเทือกเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วเหลือบตาลงมองเจ้าหมาดำที่หยุดเดินชั่วครู่ จมูกมันกระดิก สูดกลิ่นบางอย่างจากสายลม

ไม่กี่อึดใจถัดมา เสียงคำสั่งจากแนวหน้าก็ดังขึ้น เป็นแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งเองที่ควบม้าเดินนำหน้า เขาชูมือออกสัญญาณแล้วตะโกน

“เปลี่ยนขบวน! เตรียมเข้าสู่แนวหุบเขา!”

เสียงทหารส่งสัญญาณรับคำสั่งลอยไปตลอดแนวขบวน กองทหารม้าหลบไปด้านข้าง หยุดรอหน้าหุบเขา ทหารราบเริ่มขยับเข้าช่องแคบ จัดรูปขบวนให้แน่นและกระชับขึ้น ช่องเขาเบื้องหน้าแคบจนขบวนต้องเดินเรียงกันสองแถว พื้นหินขรุขระทำให้ก้าวยากขึ้น

กองทัพเดินลัดเลาะตามทางแคบผ่านช่องเขามาทั้งวัน แม้จะมีช่วงหยุดพักสั้น ๆ แต่โดยรวมแล้วทุกคนต่างกรำศึกกับธรรมชาติอย่างหนัก ทั้งลมเย็น ฝุ่นทราย และเส้นทางที่ชันสลับขรุขระ แต่ทว่าไม่มีใครเอ่ยปากบ่น มีเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ กับเสียงรองเท้ากระทบหินเป็นจังหวะเท่านั้นที่ขับเคลื่อนกองทัพไปข้างหน้า

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหล่าทหารก็เริ่มหยุดตั้งค่าย ณ ลานราบแคบ ๆ ใต้ตีนเขาฉีเหลียงซาน เป็นเพียงพื้นที่เล็กพอสำหรับกางกระโจมและก่อกองไฟไม่กี่จุด แสงจากเปลวเพลิงสาดส่องผ่านเงาไม้เตี้ยและแนวหิน ดวงจันทร์ครึ่งดวงค่อย ๆ ลอยขึ้นจากขอบฟ้า สาดแสงจาง ๆ ลงมาปะปนกับไอเย็นที่เริ่มหนาขึ้นทุกขณะ


ยามโฉ่ว

ซิ่วอิงนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกองไฟ กำลังลับง้าวอย่างช้า ๆ ด้วยหินฝนมือเก่า นางนั่งอยู่อย่างเงียบสงบแต่สายตาไม่เคยห่างจากความเคลื่อนไหวรอบค่าย เจ้าหมาดำนอนขดอยู่ข้างขา ลมหายใจสม่ำเสมอเหมือนกำลังหลับตื้น

จนเมื่อเสียงทหารเวรตะโกนเรียกประชุมเบา ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ทุกคนที่มีชื่อในกองโจมตีได้รับคำสั่งให้มารวมกันรอบกองไฟใหญ่ด้านหน้ากระโจมแม่ทัพ

แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งยืนรออยู่แล้ว ดวงหน้าของเขาเคร่งขรึมสะท้อนแสงไฟวูบไหว ผ้าคลุมยาวของเขาพลิ้วไหวเบา ๆ ตามสายลมบนภูเขา เสียงฝีเท้าของเหล่าทหารที่ทยอยมาถึงไม่มีแม้การพูดคุย แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าการประชุมครั้งนี้หมายถึงการที่ต้องลงมือทำอะไรสักอย่างในเร็ว ๆ นี้แน่

เมื่อทุกคนมาครบแล้ว  แม่ทัพฮั่วจึงเริ่มเข้าเรื่อง

“เราจะเริ่มประชุมแผนการศึก และดำเนินตามแผนในคืนนี้”

เสียงแตกฟืนในกองไฟดังเบา ๆ เป็นฉากหลังระหว่างที่ท่านแม่ทัพชี้ไปยังแผนที่บนกระดานไม้เรียบง่ายที่ปักไว้บนพื้น

“เส้นทางขวามือของหุบเขาเบื้องหน้า เป็นทางชัน ขรุขระ เต็มไปด้วยพงรกและหินหลวม ไม่มีใครเลือกใช้เป็นเส้นทางหลัก นั่นคือข้อดีของมัน”

เขาหยุดมองไปรอบวง ก่อนกล่าวต่อ

“ทหารราบทั้งหมดจะเคลื่อนไปตามเส้นทางนี้ ทะลุออกไปยังตีนเขาด้านทิศใต้ ซึ่งอยู่ใต้หอเตือนภัยของพวกมัน”

เขาเว้นจังหวะแล้วกล่าวต่อ

“แนวเส้นนั้นไม่มีเวรยาม เพราะเสี่ยงดินถล่ม หากอาศัยความเงียบและความระวัง เราจะไปถึงจุดหมายโดยไม่มีใครรู้ตัว หากซ่อนตัวดีพอ ตอนที่ข้าเริ่มโจมตี พวกเจ้าจะต้องอยู่ในตำแหน่งพร้อมแล้ว”

ซิ่วอิงนิ่งฟังไม่กะพริบตา มือของนางวางอยู่บนด้ามง้าวโดยไม่รู้ตัว เกาเหยียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เบิกตากว้าง แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยแทรก

แม่ทัพฮั่วชี้ไปยังเส้นทางหลักบนแผนที่อีกครั้ง

“ข้าจะนำทหารม้าหกร้อยนาย บุกทะลวงทางหน้าหุบเขาในยามอิ๋น จุดปะทะจะเป็นแนวที่ราบกลางซึ่งปีศาจใช้เป็นจุดรวมพล ถ้าการซุ่มของเราสำเร็จ มันจะคิดว่าเป็นการจู่โจมปกติ แต่เมื่อเห็นกองม้าปรากฏ มันจะส่งสัญญาณจากหอเตือนภัยทันที”

เขาหยุดพูดชั่วครู่ สายตาจับจ้องทุกใบหน้า

“หน้าที่ของทหารราบ คือ…จัดการหอเตือนภัยให้สิ้น ในทันทีที่มันเริ่มพลุกพล่าน ห้ามให้พวกมันส่งเสียง ห้ามให้พลุไฟส่องขึ้นสู่ฟ้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม”

เขาขยับตัวตรงขึ้น สีหน้าจริงจังจนรอบกองไฟนั้นเงียบสนิท

“ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้ามีเพียงหนึ่งร้อยนาย ส่วนพวกมันอาจมีเป็นพัน แต่เราไม่ได้จะลุยตรง ๆ แต่เราจะใช้สติปัญญาและแผนการรบอันแยบยล ข้าต้องการความเฉียบขาดและไร้ความลังเล”

ซิ่วอิงกลืนน้ำลายลงคอไปอึกนึงแล้วนั่งฟังต่อ

“หนึ่งต่อร้อย” แม่ทัพฮั่วกล่าวช้า ๆ “แม้จำนวนไพร่พลของเราอาจดูเสียเปรียบ แต่ข้าเชื่อใจพวกเจ้า พวกเจ้าทำได้”

สายตาของแม่ทัพตวัดมาที่ซิ่วอิงเพียงเสี้ยววินาที แล้วกวาดมองไปรอบวง

“แยกย้ายไปพักผ่อน เตรียมใจ เตรียมกายให้พร้อม ภารกิจจะเริ่มต้นในยามอิ๋น”

แสงจากกองไฟเริ่มอ่อนลง ทหารแต่ละคนลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบหลังจบการประชุม บ้างหันไปจับมือเพื่อน บ้างตบบ่าให้กำลังใจกันเบา ๆ ก่อนจะทยอยแยกย้ายกลับกระโจมเพื่อพักผ่อนเตรียมรบ ซิ่วอิงลุกขึ้นช้า ๆ แต่กลับไม่ได้เดินตามคนอื่นไป

นางเงยหน้ามองเงาร่างสูงที่ยังยืนอยู่หน้าแผนที่ ดวงตาใต้เงาผ้าคลุมของเขายังจับจ้องแนวเขาบนแผนผังอย่างนิ่งสงบ

“ท่านแม่ทัพ…” ซิ่วอิงเอ่ยเรียกเมื่อเดินเข้าไปใกล้

ฮั่วชวี่ปิ้งหันกลับมาเล็กน้อย พยักหน้าให้ 

“มีอะไรรึ ทหารหรง?”

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตรง ๆ

“แผนของท่าน…แม้จะรัดกุม แต่ก็เสี่ยงมาก ท่านวางใจในพวกเราขนาดนั้นเชียวหรือเจ้าคะ?”

แม่ทัพฮั่วยิ้มบาง ๆ 

“ถ้าไม่วางใจ ข้าคงไม่เลือกพวกเจ้า”

เขาเดินอ้อมกองไฟมาช้า ๆ จนมายืนห่างจากซิ่วอิงเพียงไม่ก้าว ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเบากว่าตอนอยู่ต่อหน้าทหาร

“ถึงเจ้าหรือแม้แต่เกาเหยียนจะมิใช่ผู้มีประสบการณ์ในสนามรบ แต่ข้ารู้ว่าพวกเจ้าฝึกหนัก และตลอดหลายวันที่เดินทัพพวกเจ้าก็แสดงให้ข้าเห็นถึงความสามารถหลายอย่างที่น่าประทับใจ”

“แต่หนึ่งต่อร้อย…ท่านคิดว่าพวกเราจะรอดกลับมาครบหรือเจ้าคะ?” นางถามเสียงเบา

แม่ทัพฮั่วไม่ตอบทันที เขาเงียบไปเพียงอึดใจ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ไม่มีใครในสนามรบที่รู้ว่าจะรอดกลับมาหรือไม่ สิ่งเดียวที่เราควรคิดคือ รอดเพื่ออะไร หรือ สละชีวิตไปเพื่ออะไร”

เขาเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ลอยสูงอยู่เหนือเงาเขา

“ถ้าค่ำคืนนี้จะมีใครล้มตาย ข้าก็จะเดินนำพวกเจ้าเข้าไปด้วยตัวข้าเอง”

ซิ่วอิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า

“หากเป็นการศึกที่ท่านแม่ทัพเดินนำหน้า เช่นนั้นข้าก็ไม่คิดจะลังเลอีกต่อไป”

แม่ทัพฮั่วยกมือแตะบ่านางเบา ๆ แววตาของเขานิ่งสงบ

“ดี ข้าขอเพียงเช่นนั้น เจ้าเป็นหนึ่งกำลังสำคัญของคืนนี้…ดูแลพวกเขาแทนข้าด้วย เมื่อถึงเวลา…”

ซิ่วอิงสบตาเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะประสานมือคารวะ 

“ข้าจะไม่ทำให้ผิดหวังเจ้าค่ะ”

แม่ทัพฮั่วพยักหน้าเบา ๆ แล้วผละเดินจากไป ปล่อยให้ซิ่วอิงยืนอยู่เพียงลำพังท่ามกลางเงาไฟที่ค่อย ๆ จางลง นางหันกลับไปมองเจ้าหมาดำที่ยืนรออยู่ไม่ห่าง แล้วจึงก้มลงลูบหัวมันเบา ๆ

“ถึงเวลานั้นข้าจะต้องกลับมาแบ่งเนื้อแห้งกับเจ้าให้ได้เลย หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ….”

เจ้าหมาดำเงยหน้าขึ้นมองนาง ก่อนจะกระดิกหางหนึ่งครั้งอย่างเงียบงัน

จากนั้นซิ่วอิงจึงหมุนตัวกลับ เดินหายลับเข้าสู่ความมืดของค่ำคืน เตรียมพร้อมสำหรับยามอิ๋นที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ…




+75 ความสนิทสนมจากนายพลฮั่ว

[NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวมาร โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+15
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


จบพาร์ท : เงาแห่งทวนเทพพยัคฆ์

รางวัล (ความคืบหน้า):
20% ของภารกิจหลัก


@Admin 








แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง เพิ่มขึ้น 105 โพสต์ 2025-6-25 22:10
โพสต์ 54450 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-25 22:01
โพสต์ 54,450 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-25 22:01
โพสต์ 54,450 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 ความโหด จาก เกราะเกล็ดมังกร  โพสต์ 2025-6-25 22:01
โพสต์ 54,450 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก ทักษะพรานป่า  โพสต์ 2025-6-25 22:01
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
โพสต์ 2025-6-26 01:53:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-7-9 15:13






ยามอิ๋น

กองทหารราบร้อยนายมาถึงตำแหน่งที่หมายใกล้เชิงเขาฉีเหลียงซานก่อนเวลานัดหมายเพียงเล็กน้อย ทั้งหมดซ่อนตัวกระจายอยู่ตามแนวพุ่มไม้และซอกหินเตี้ย เงียบสงัดราวกับไร้ชีวิต แสงจันทร์เพียงเสี้ยวที่ลอดผ่านแนวเมฆส่องสะท้อนดวงตาของเจ้าหมาดำซึ่งนั่งเฝ้าอยู่หน้าแนวของซิ่วอิง มันอยู่นิ่งราวรูปสลัก แต่จมูกยังสูดกลิ่นลมอย่างระแวดระวัง

ซิ่วอิงเองก็นั่งพิงแนวหินเล็ก ๆ ด้านข้าง มีง้าวคู่ใจวางราบข้างตัว ดวงตาของนางมองตรงไปยังหอเตือนภัยซึ่งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าในระยะสายตา

หอเตือนภัยนั้นสูงสามชั้น ชั้นบนสุดมีโครงไม้และกลไกโยงเชือกที่ต่อถึง แท่งพลุไฟขนาดใหญ่พาดอยู่ด้านข้าง หากถูกจุดขึ้นเมื่อใดมันจะพุ่งสูงขึ้นฟ้าและส่องแสงวาบให้ทั้งหุบเขารู้ว่ามีศัตรูบุกเข้ามา

ด้านล่างของหอมีพลทหารหน เฝ้าเวรยามอย่างหลวม ๆ รูปร่างของพวกมันกำยำ และมีความไวอย่างไม่น่าเชื่อ พวกมันถือดาบและโล่ไม้ เหล่าทหารหนูขยับปรับแนวเฝ้าเวรสลับกันไปมา เสียงพูดจาเบา ๆ ด้วยภาษาที่ฟังไม่ออกดังมาเป็นระยะ พวกมันดูไม่ระวังตัวนัก เพราะไม่คาดว่าจะมีใครกล้าปีนเขาด้านนี้ขึ้นมา

ห่างออกไปอีกไม่ไกลนัก มีเงาดำมืดเคลื่อนไหวอยู่มันคือปีศาจมังกรดำกว่าแปดสิบตัว ลำตัวอ้วนพลุ้ยของมันขดอยู่ในท่านั่ง หางยาวคล้ายอสรพิษ ลำตัวมันพองขึ้นลงตามจังหวะหายใจหนัก ๆ จนพื้นดินสั่นเบา ๆ มันหลับตาอยู่ แต่ทุกคนสัมผัสได้ว่าหากมีการเคลื่อนไหวผิดพลาดเพียงนิดเดียว มันอาจตื่นขึ้นได้ทันที กระบองเหล็กขนาดยักษ์ของมันพาดอยู่ด้านข้าง หนามแหลมรอบหัวกระบองดูคมเสียจนแม้เพียงแค่ลากลงดินก็สามารถทำลายหินได้เป็นเส้น

ซิ่วอิงหรี่ตามองสำรวจอย่างใจเย็น แนวโขดหินด้านหลังหอเตือนภัยมีทางลาดแคบ ๆ ที่ไต่ขึ้นไปได้ แต่ลาดชันและเต็มไปด้วยก้อนหินหลวม หากเดินผิดจังหวะแม้เพียงก้าวเดียว หินจะร่วงส่งเสียงทันที แต่หากใช้วิธีไต่ขึ้นอย่างระมัดระวัง ก็อาจเข้าถึงหอโดยไม่ผ่านแนวทหารหนูด้านหน้าได้

“เหมือนจะ…มีทางแอบขึ้นได้แฮะ…” ซิ่วอิงพึมพำเบา ๆ

เกาเหยียนคลานเข้ามาเงียบ ๆ จากด้านข้าง ชี้ไปยังจุดตีนเนินหน้าหอ

“ลูกพี่…ตรงกองหินนั้นมีทหารหนูเฝ้าเวรอยู่สองตัว กำลังนั่งกินอะไรบางอย่างอยู่ พวกมันขยับบ่อยมาก ถ้าพวกเราเกิดเสียงดังขึ้นเพียงนิดเดียวพวกมันรู้ตัวแน่”

ซิ่วอิงพยักหน้า กวาดมือวาดแผนในอากาศ ใช้ภาษามือสั่งให้ทหารกลุ่มหนึ่งเตรียมเข้าลอบเก็บพวกมันทันทีเมื่อได้รับสัญญาณ

เสียงลมพัดแรงขึ้นบนภูเขา แสงจันทร์เคลื่อนพ้นแนวเมฆ แสงจาง ๆ ส่องลงบนทรายและหินจนเห็นโครงหอชัดเจนขึ้น เงาร่างของมังกรดำใหญ่ที่นอนขดเป็นกลุ่มยังคงนิ่งสนิท

ทหารราบร้อยนายยังคงกดตัวแนบพื้น หลบในเงาโขดหิน รอเวลาและสัญญาณจากแนวหน้าของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งที่จะเริ่มบุกจากด้านตรงข้ามเพื่อเบนความสนใจ

ซิ่วอิงยกมือแตะด้ามง้าวเบา ๆ พลางกระซิบแผ่วเบาไม่ให้ใครได้ยิน

“เหลืออีกเพียงไม่นานแล้วสินะ...”

รออยู่พักใหญ่ ท่ามกลางความเงียบงันที่น่าอึดอัด จู่ ๆ ก็มีเสียงกลิ้งเบา ๆ ดังขึ้นจากแนวหน้า เงาวัตถุกลม ๆ เคลื่อนหลุน ๆ มาตามความลาดของเนินทราย ม้วนผ่านโขดหิน แล้วหยุดนิ่งอยู่กลางลานเบื้องหน้าหอเตือนภัย

เจ้ามังกรดำตัวหนึ่งที่ขดนอนอยู่ใกล้ที่สุดขยับลืมตาขึ้น มันส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ แล้วลุกขึ้นมายืน หัวโตของมันก้มต่ำลง จ้องมองวัตถุนั้นอย่างสงสัย มันใช้ปลายกระบองเหล็กใหญ่พลิกสิ่งนั้นให้หงายขึ้น

ทันใดนั้น…ทั้งลานก็เหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

มันคือ ‘หัว’ ของปีศาจมังกรอีกตัว หัวนั้นยังสดใหม่ ดวงตาเบิกค้าง และมีรอยตัดคมกริบบริเวณลำคอ โลหิตยังเยิ้มอยู่ตรงปากแผล ลำคอแห้งกรังเหมือนโดนของมีคมตัดขาดเพียงทีเดียว

เสียงขู่ลั่นดังขึ้นพร้อมกัน มังกรดำรอบลานบางตัวลุกพรวดขึ้นทันที กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก คำรามใส่กันอื้ออึงอย่างสับสน

และก่อนที่เสียงโกลาหลจะซาลง...

ตึง! ตึง! ตึง!

เสียงฝีเท้าม้าหลายร้อยคู่กระแทกทรายดังสะเทือนหุบเขา! ทิศทางมาจากเบื้องหน้า แนวทางหลักของหอเตือนภัย แสงจันทร์สะท้อนเงาสะบัดของธงทัพและชุดเกราะที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง

“บุกเข้าไป! สังหารให้หมด!!” เสียงตะโกนอันทรงอำนาจของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งดังนำหน้าไปก่อนตัว

เขานำทัพม้าด้วยตัวเอง ชุดเกราะขลิบโลหะส่องวาว ทวนพู่แดงของเขาเหวี่ยงฉีกอากาศเป็นเส้นเฉือนมังกรดำที่ลุกขึ้นสกัดไว้ได้ทันทีสองตัว กลิ่นโลหิตพุ่งกระจายกลางอากาศ

ทหารม้านับร้อยแผ่คลื่นพลังอันโหดเหี้ยม ละอองทรายลอยคลุ้ง ทะลวงเข้าแนวป้องกันของทหารหนูและปีศาจมังกรอย่างไม่ทันตั้งตัว

เสียงร้องตะโกนระงม เสียงโลหะปะทะเนื้อ เสียงกระบองฟาดพื้นหินระเบิดเป็นฝุ่น หอเตือนภัยเริ่มสั่นคลอน แต่ยังไม่ทันมีใครจุดพลุ

ซิ่วอิงซ่อนตัวอยู่ในเงาโขดหิน หรี่ตาลงวูบเดียว

“ถึงเวลาของพวกเราแล้ว...”

นางส่งสัญญามือ ทหารกลุ่มที่ซุ่มรออยู่หลังแนวหินพลันลุกขึ้นเคลื่อนไหวเงียบกริบ เหมือนสายน้ำไหลผ่านซอกเขา ลอบเข้าใกล้หอจากทางลาดชันด้านหลัง เงาร่างของซิ่วอิงและเกาเหยียนเคลื่อนไหวราวเงาผี ท่ามกลางเสียงศึกเบื้องหน้า

ท่ามกลางเสียงร้องตื่นตระหนกของเหล่าศัตรู ไม่มีใครสังเกตว่ากลุ่มหนึ่งกำลังแทรกตัวขึ้นไปยังหอเตือนภัยอย่างเงียบเชียบ เตรียมจะตัดไฟแต่ต้นลม

ทหารราบที่ซุ่มอยู่นำโดยซิ่วอิงไต่ขึ้นไปตามทางลาดแคบด้านหลังอย่างระมัดระวัง ก้อนหินเล็กหล่นกระทบกันเบา ๆ แต่เสียงโกลาหลของสนามรบด้านหน้ากลบไว้หมด หัวใจแต่ละดวงเต้นแรงราวกลองศึก ขณะที่ปลายเท้าแต่ละก้าวต้องเดินเบายิ่งกว่าเสียงหายใจ

เมื่อพวกเขาไปถึงระดับฐานหอเตือนภัย เสียงทหารหนูสองตัวที่เกาเหยียนเคยชี้ไว้ยังดังอยู่ใกล้ ๆ

"มันยังนั่งกินอยู่ได้ยังไงเนี่ย เขาตีกันจะตายอยู่แล้ว" เกาเหยียนกระซิบ แล้วดีดนิ้วสองครั้งส่งสัญญาณ

ทหารสองนายจากกลุ่มพุ่งพรวดออกจากเงาหินอย่างเงียบกริบ ง้าวและมีดสั้นสะบัดฉับเดียว เสียงเลือดพุ่งขึ้นยังไม่ทันจะกลายเป็นเสียงร้อง ร่างทหารหนูทั้งสองก็ล้มแน่นิ่ง เหลือเพียงข้าวและถั่วเหลืองที่ยังค้างอยู่ในปาก

ซิ่วอิงพยักหน้า ชี้ให้สองนายยึดตำแหน่งแนวล่างไว้ แล้วนางกับเกาเหยียนและอีกสามคนก็เริ่มปีนขึ้นบันไดไม้ด้านข้างหอทีละขั้น เสียงกระบวนศึกเบื้องหน้ายังคงดังสนั่นกลบเสียงฝีเท้าได้สนิท

เมื่อขึ้นถึงชั้นสองของหอ เงาทะมึนของทหารหนูอีกสองตัวยืนอยู่ เฝ้าทางเชือกโยงที่ต่อกับกลไกพลุไฟบนชั้นสาม พวกมันกำลังเฝ้ามองแนวรบ เบื้องหลังพวกมันไม่มีใครเลย

ซิ่วอิงส่งสัญญาณสั่งเป็นสัญญาณมือ

‘เหล่าเกา กำจัดทางซ้าย ส่วนข้า จะจัดการทางขวา’

ทั้งสองพุ่งออกไปในจังหวะเดียวกัน เงาง้าวของซิ่วอิงฟาดฉับเดียว ด้ามปลายงอเกี่ยวรัดลำคออีกฝ่ายแล้วบิดม้วนลากลงมา ร่างนั้นฟาดพื้นไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง

ส่วนเกาเหยียนก็จัดการอีกตัวเร็วพอกัน มีดสั้นของเขาทิ่มผ่านใต้กรามพุ่งเข้าเบ้าตา มิดด้าม

“เรียบร้อย” เกาเหยียนหอบเบา ๆ

ซิ่วอิงไม่รอช้า มุดขึ้นชั้นสามทันที ชั้นบนสุดเป็นโครงไม้เรียงกันถี่ ๆ กลไกเชือกโยงกับแท่งพลุไฟขนาดเท่าเสาเรือนวางพิงมุมไว้ หากดึงเชือกเพียงเส้นเดียว พลุจะพุ่งขึ้นกลางฟ้า และแผนทั้งหมดก็พังลง

ทหารหนูที่เป็นยามบนนี้หันมาเห็นนางข้าพอดี มันกำลังอ้าปากร้อง แต่ทันใดนั้น…

ฉึก! 

ธนูจากทหารซุ่มที่รอด้านล่างพุ่งเข้าเป้ากะโหลก มันทรุดลงก่อนเสียงจะออกจากลำคอเสียอีก

ซิ่วอิงจัดการเก็บปีศาจหนูด้วยตนเองอีกหนึ่งตัว จากนั้นก็ตรงเข้าไปปลดกลไกทันที เชือกโยงถูกตัดทั้งหมด กล่องลูกไฟด้านล่างถูกรื้อลง นางขยี้ไส้ระเบิดด้วยเท้าให้แน่ใจว่ามันจะจุดไม่ได้อีก

“ยึดหอเตือนภัยได้แล้ว!” นางกระซิบลงล่าง เสียงเฮเงียบ ๆ ดังจากแนวทหารที่ปีนตามมา พวกเขากระจายกำลังเข้ายึดชั้นสองและฐานล่าง เตรียมยึดแนวสูงไว้เป็นฐานต้านหากมีการตีโต้

เบื้องหน้า ศึกเริ่มเอียงข้าง ปีศาจมังกรดำหลายตัวล้มลงใต้เท้าม้าศึกโลหิตสีเข้มชโลมพื้น 

ซิ่วอิงยืนบนหอสูง มองลงไปเห็นแนวทัพม้าทะลวงทะลายขาดกลางพวกศัตรู หางตานางเหลือบมองแท่งพลุไฟที่ถูกรื้อจนใช้งานไม่ได้

“ตอนนี้สัญญาณเตือนภัยไม่ได้ก็เข้าทางพวกเราแล้ว!”

เสียงฝีเท้าเบา ๆ บนบันไดไม้เปลี่ยนเป็นเสียงเร่งร้อน ซิ่วอิงกระโดดลงจากชั้นสามของหอเตือนภัยอย่างแม่นยำ เท้าย่ำลงบนพื้นดินที่แข็งและชุ่มด้วยละอองโลหิตของปีศาจมังกรที่ล้มตายแล้ว

เกาเหยียนกระโจนตามหลัง ดาบโค้งในมือสะท้อนแสงจันทร์เล็กน้อย สายตาของเขาวาวโรจน์เหมือนคนที่อดกลั้นมานาน ในที่สุด…ก็ได้ลงมือเสียที!

“ไปกันเถอะ ลูกพี่!” เขายิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว

ทั้งสองเคลื่อนผ่านแนวหลังของหอเตือนภัย มุ่งหน้าสู่แนวรบหลักที่กำลังปะทะกันอยู่กลางลานกว้าง แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งยังคงนำหน้าด้วยทวนแดง กระบวนทัพม้าของเขากวาดปีศาจมังกรลงไปหลายตัวแล้ว แต่ข้างปีกขวายังมีช่องโหว่ใหญ่ เพราะมีมังกรดำตัวเขื่องสี่ตัวและปีศาจหนูอีกสามตัวยืนสกัดไว้แน่นหนา

“พวกนั้นล่ะเป้าหมายเรา!” ซิ่วอิงตะโกน

ทันทีที่สองนักรบพุ่งเข้าสู่สนามรบ แผ่นดินก็สะเทือนตามจังหวะฝีเท้าของพวกปีศาจมังกรที่หันมาสนใจทั้งคู่ ร่างหนึ่งในนั้นตะปบกระบองยักษ์ขึ้นด้วยสองมือ แล้วฟาดลงมาจากด้านบนราวหินผาร่วง

ซิ่วอิงตวัดง้าวขึ้นเหนือหัว ฉึบ! เสียงปลายง้าวเฉือนกับผิวกระบองเกิดประกายไฟน้อย ๆ นางเบี่ยงตัวหลบ แล้วหมุนง้าวกลับจากด้านล่าง เสี้ยววินาทีเดียว ปลายใบง้าวเฉือนท้องปีศาจมังกรจนเลือดพุ่งกระจาย

“อีกสามตัวมาแล้ว!” เกาเหยียนร้องเตือน ขณะร่างของเขาวูบหายไปในเงาศึก

ดาบโค้งของเขาสะบัดเป็นเส้นแสง เคลื่อนไหวเบาเหมือนขนนกแต่คมดั่งดาบวายุ เขาพุ่งเข้าประชิดปีศาจหนูตัวแรก ฟาดดาบเฉียงขึ้นจากเข่าถึงรักแร้ 

ฉึบ! 

ศัตรูล้มพับลงไปในทันที

ปีศาจหนูอีกสองตัวขนลุกวาบ กรีดร้องเสียงแหลมแล้วเข้าจู่โจมพร้อมกันจากสองด้าน เกาเหยียนตวัดดาบกลับหลังโดยไม่มอง สกัดการโจมตีจากขวา แล้วดีดตัวลอยขึ้นกลางอากาศ กระแทกเท้าลงกลางอกอีกตัวหนึ่งจนกระดูกยุบ เสียงกร๊อบ! ดังลั่น มันทรุดลงทันที

ด้านซิ่วอิง ง้าวของนางถูกสะบัดรอบตัวราวพายุ ร่างนางเคลื่อนเข้าไปประชิดปีศาจมังกรตัวที่สอง มันกวัดแกว่งกระบองลงซ้ายที ขวาที พังพื้นดินเป็นหลุม นางใช้การเคลื่อนที่ต่ำ สไลด์ตัวหลบใต้แขนของมัน แล้วแทงปลายง้าวเข้าระหว่างซี่โครง 

ฉึก! 

เสียงเลือดปะทุออกจากปากมันทันที ปีศาจมังกรตัวที่สามและสี่เริ่มล้อมเข้ามาจากซ้ายขวา ซิ่วอิงรู้ว่าหากปล่อยไว้นานจะเสียเปรียบ จึงกัดฟันแน่นกำด้ามง้าวแน่นแล้วตะโกน

“เหล่าเกา! ซ้ายให้ข้า ขวาให้เจ้า!”

เกาเหยียนพุ่งเข้าซ้ายในทันที ดาบโค้งสะบัดจากล่างขึ้นขวางหางยาวที่ฟาดมาอย่างเร็ว 

ฉับ! 

หางของมันขาดครึ่ง เจ้ามังกรคำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด แล้วเปิดช่องว่างให้ดาบโค้งของเขาปาดเข้าที่ลำคอ

ขณะเดียวกัน ซิ่วอิงพุ่งเข้าใกล้มังกรตัวสุดท้ายที่ง้างกระบองเหล็กจะฟาดซ้ำ นางย่อตัวแล้วดีดขึ้นกลางอากาศ ง้าวถูกหมุนข้างลำตัวหนึ่งรอบ ก่อนจะฟันเฉียงลงจากไหล่ถึงเอว เสียงแคว้ก! ดังขึ้นพร้อมโลหิตที่ทะลักทะลาย มังกรตนนั้นทรุดลงโดยไม่ทันได้ร้อง

เสียงคำรามของมังกรดำตัวอีกตัวดังสนั่นจนทรายใต้ฝ่าเท้าแทบสั่นสะเทือน มันฟาดกระบองเหล็กลงพื้น พังหินระเบิดกระจายเป็นฝุ่นควัน แล้วพุ่งเข้าหาซิ่วอิงด้วยความเร็วอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับร่างใหญ่เท่านั้น ซิ่วอิงไม่คิดถอย นางหมุนง้าวหนึ่งรอบ ปลายใบสะบัดขึ้นต้านแรงกระแทกกลางอากาศ

ปัง!

เสียงปะทะของกระบองกับง้าวเสียดสะเทือนหู ลำแขนของนางชาไปครู่หนึ่ง แต่จังหวะเดียวกัน นางหมุนตัว เบี่ยงหลบกระบอง แล้วไถลเข้าใกล้ใต้รักแร้มัน

ฉึก!

ง้าวพุ่งเฉือนเข้าระหว่างช่องซี่โครงอีกครั้ง ซิ่วอิงออกแรงบิดง้าวขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ตัดอวัยวะภายในจนมังกรคำรามเสียงแหบพร่า มันเงื้อกระบองอีกครั้ แต่ก็สายเกินไปแล้ว

ฉับ!

ซิ่วอิงฟาดง้าวสุดแรงเฉียงจากต้นคอถึงปีก หลังใบง้าวปาดทะลุเนื้อหนา มันทรุดลงพร้อมเสียงหอบสุดท้าย ก่อนร่างมหึมาจะโค่นลงดั่งต้นไม้ล้ม

เสียงฝีเท้าหนัก ๆ เบื้องหลังดังเข้ามาอีก ซิ่วอิงเบือนหน้าไปเห็นปีศาจหนูสามตัวในชุดเกราะกำลังวิ่งฝ่าควันที่ตลบอบอวลเข้ามา สายตาวาวโรจน์ กรงเล็บยาวเป็นเงาวาววับ พวกมันพุ่งตรงมาหานางเพียงผู้เดียว ซิ่วอิงสูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้งก่อนจะโน้มตัวต่ำ ง้าวในมือนางกวาดต่ำขนานพื้นเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

ฉัวะ!

ปีศาจหนูตัวแรกกระโจนเข้ามาพร้อมง้างกรงเล็บ แต่ซิ่วอิงเพียงเอนตัวหลบอย่างนุ่มนวล แล้วสะบัดง้าวฟันเฉียงจากล่างขึ้น ร่างของมันเหมือนหยุดชะงักกลางอากาศก่อนจะล้มลง

อีกสองตัวกรูกันเข้ามาทันที ร่างหนึ่งเลี้ยวซ้าย อีกตัวกระโจนสูง พยายามจะเล่นงานจากสองมุมในเวลาเดียวกัน แต่ซิ่วอิงกลับหมุนตัวครึ่งรอบอย่างสง่างาม ง้าวในมือเปลี่ยนท่ากลายเป็นแนวตั้งรับ จากนั้นก็เหวี่ยงปลายง้าวขึ้นอย่างเฉียบคม เฉือนกลางลำตัวของศัตรูที่โถมลงจากฟากฟ้า มันหมุนคว้างกลางอากาศ ก่อนร่วงกระแทกพื้น

เสียงฝีเท้าอีกชุดตามมาติด ๆ ปีศาจหนูตัวสุดท้ายเริ่มลังเลแต่มันก็ยังพุ่งเข้ามา พร้อมเหวี่ยงดาบคู่ในมือด้วยความเร็วสุดกำลัง ซิ่วอิงเบี่ยงกายหลบหนึ่งก้าว ปลายง้าวกวาดผ่านข้างลำตัวอีกฝ่าย แล้วนางหมุนตัวกลับอย่างพลิ้วไหว ง้าวในมือนั้นบิดรัด แล้วฟาดกระแทกลงบนไหล่ของศัตรูอย่างแม่นยำ

เสียงกึก! ดังขึ้นก่อนร่างนั้นจะทรุดลงกับพื้น

นางยืนนิ่งอยู่กลางเงาฝุ่นควันที่เริ่มเบาบาง แผ่นหลังตรง ดวงตานิ่งสงบ เสียงหายใจของนางยังสม่ำเสมอแม้จะผ่านการปะทะรุนแรงติด ๆ กัน

“ลูกพี่…คนเดียวจัดสามเลยนะ ทิ้งข้าไว้ข้างหลังทุกทีเลย…”

“เจ้าจะกลัวจะมิได้แสดงฝีมือหรืออย่างไร? อย่าลืมที่ท่านแม่ทัพพูดสิ หนึ่งต่อร้อย นี่ยังไม่ถึงสิบเลย”

แม้จะยึดหอเตือนภัยได้แล้ว แต่กำลังของศัตรูก็ยังมีมากกว่าฝั่งทัพหลวงหลายเท่า สิ่งนี้ยังไม่สามารถจะการันตีชัยชนะของฝ่ายมนุษย์ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ตราบใดที่มือและเท้าของนางยังอยู่ครบ นางจะไม่ยอมให้การศึกในครั้งนี้แพ้พ่ายเป็นแน่ ตราบใดที่สงครามยังไม่จบการจะสรุปอะไรได้นั้นยังถือเป็นสิ่งที่ยากยิ่งอยู่


หลักฐานการต่อสู้
จ่าฝูงปีศาจมังกรดำ (สูงกว่า 10 Level)

 มังกรดำ 
ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ): ฆ่า 
- เกล็ดมังกร (เลขไบต์หลักสุดท้าย = จำนวนที่ได้) x4
- มุกไอปีศาจ 1 เม็ด x4

และอัตราออก มุกอัสนี x 4
(เลขไบต์หลักสุดท้าย 0,6)

ปีศาจหนู
 ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ): +10 ตบะฝึกฝน x5
ตำลึงเงิน (เลขไบต์สองหลักสุดท้าย) x5

อัตราดรอป: โล่ไม้ (เลขไบต์ 2/6) x 5
กระบี่ (เลขไบต์ 3/8) x 5

อัปเกรดพรสวรรค์จาก นักสู้ (ม่วง) เป็น ยอดฝีมือ (ทอง)
เงื่อนไขพัฒนาคลาส:
- Level 50 เป็นต้นไป
- สเตตัส STR 50 ขึ้นไป
- สเตตัส POW 30 ขึ้นไป
- อัปเกรด นักสู้ ถึงระดับสูงสุด 20 (ใช้หินอัปเกรด)
- มีโรลเพลย์และผ่านการประลองต่อสู้กับใครสักคน 2 ครั้ง (สามารถผ่านการต่อสู้กับเผ่าปีศาจหรือมารแทนได้ ที่มี Level สูงกว่าเรา 10 Level 4 ตน นับเฉพาะการต่อสู้ในฐานะ นักสู้)

คุณสมบัติพิเศษจำเพาะ
- ก่อกำเนิดปราณในร่างกายเมื่อบรรลุระดับยอดฝีมือ: +20 POW
- ได้รับสืบทอดปราณเพลิงสีชาด (+7 POW) (คุณภาพไม้) (สามารถพัฒนาได้ถึงคุณภาพแดง)
- สามารถสร้างเนโครแมนเชอร์จากวิญญาณทหารที่กลายสภาพเป็นวิญญาณพิทักษ์เข้ามาสวามิภักดิ์ได้ โดยการดูดซับวิญญาณพวกเขามาไว้ในร่างกาย และเขียนโรลเพลย์กลั่นวิญญาณพวกเขาเปลี่ยนเป็นเข้าฝ่ายคุณ 7 วัน (จะได้รับทหารกลุ่มนั้นเข้ามาติดตาม Level 5 ให้คุณฟูมฟัก) โดยปกติทหารจะปรากฎตัวเมื่อคุณเรียก ยกเว้นอยู่ในเขตแดนมังกรทองที่พลังนี้ถูกกดไว้
- ทุกการพิชิตปีศาจตัวเดิมครบ 5 ตัวในครั้งเดียวจะได้ +1 พลังปราณ (ปกติหากเคยพิชิตครั้งแรกแล้วจะไม่ได้อีก)



@Admin 








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 66345 ไบต์และได้รับ 48 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-26 01:53
โพสต์ 66,345 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-26 01:53
โพสต์ 66,345 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 ความโหด จาก เกราะเกล็ดมังกร  โพสต์ 2025-6-26 01:53
โพสต์ 66,345 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก ทักษะพรานป่า  โพสต์ 2025-6-26 01:53
โพสต์ 66,345 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 คุณธรรม +40 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-6-26 01:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
โพสต์ 2025-6-29 00:40:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-7-8 16:19







เสียงคำรามของฝูงมังกรดำยังคงแว่วสะท้อนทั่วแนวฉีเหลียงซานเขา ซิ่วอิงรีบหมุนตัวไปทางทิศตะวันตกของลาน เห็นแสงสะท้อนจากโล่ไม้บิ่น ๆ กลางเงาฝุ่นที่ตลบฟุ้ง กลุ่มทหารร่วมหน่วยของนางเจ็ดคนติดอยู่ตรงโขดหินเตี้ย ถูกปีศาจมังกรตัวหนึ่งและทหารหนูอีกสองตัวรุมล้อม พื้นที่นั้นแคบเกินจะถอย โล่ของพวกเขาแทบพังจนหมด ดาบงอ เลือดเปรอะเต็มพื้น 

“อาอิง! ข้า…จะต้านไม่ไหวแล้ว…!” หนึ่งในพวกเขาตะโกนฟันศัตรูพร้อมกัน น้ำเสียงฝืดแหบ

ซิ่วอิงกัดฟันแน่น กวาดสายตารอบตัว ไม่มีหน่วยเสริมมาแถวนี้ มีแต่นางและเกาเหยียนแถวนั้น วินาทีนั้นนางตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวทันทีที่จะไปช่วยพวกพ้อง

“เหล่าเกา ตามข้ามา!”

“โอ้! ได้เลยลูกพี่!”

ซิ่วอิงพุ่งตัวออกก่อน เงาร่างของนางสาดวูบผ่านโขดหิน ง้าวยาวถูกจับแน่น ปลายง้าวลากพื้นเกิดเสียงครืดต่ำ ๆ ตามด้วยประกายไฟเมื่อมันเสียดกับหิน ทหารหนูหนึ่งตัวเงยหน้าเห็น นัยน์ตามันเบิกโพลงทันที แต่สายเกินไป

ฉัวะ!

ง้าวยาวของซิ่วอิงพุ่งทะลุอกทหารหนูตัวนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับร่างมันที่ล้มคะมำลงบนพื้น ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่ว กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นไหม้ของง้าวที่เสียดหินผสมกันอย่างแปลกประหลาด

ปีศาจมังกรดำตัวนั้นคำรามเสียงดังลั่น แผ่นหนังที่แข็งเหมือนเหล็กของมันสะบัดแรง ลมกระโชกจนใบไม้ปลิวว่อน ซิ่วอิงรู้ว่ามันกำลังจะโจมตีหนักขึ้น จึงรีบถอยหลัง พร้อมส่งสัญญาณให้เกาเหยียนเข้าร่วม

“เหล่าเกา!”

เกาเหยียนไม่รอช้า พุ่งเข้ากระหน่ำฟันดาบเข้าที่ขาหน้าของปีศาจ ทว่าความแข็งแกร่งของศัตรูทำให้ดาบแทบจะทะลุไม่เข้า ปีศาจตอบโต้ด้วยการกระชากดาบและขว้างมันออกไปไกล

ซิ่วอิงกัดฟันแน่น เสียงโลหะกระทบเกล็ดมังกรดังก้องขึ้นในอากาศ นางก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว พลางยกง้าวขึ้นรับแรงของปีศาจมังกรดำที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

“เหล่าเกา! หลีกไป!” 

ซิ่วอิงตะโกนพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปปะทะอย่างสุดกำลัง ง้าวยาวฟาดฟันอย่างแม่นยำตรงที่ข้อพับหลังขาของปีศาจ ปีศาจส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด และพยายามส่ายตัวหนี แต่แรงโจมตีของซิ่วอิงทำให้มันเสียหลัก เสียงฟันเหล็กปะทะกันดังขึ้นรอบลานรบ เกาเหยียนรีบคว้าดาบที่ตกอยู่บนพื้นวิ่งเข้ามาช่วย ซิ่วอิงกับเขาเคียงบ่าเคียงไหล่ สู้กับปีศาจอย่างไม่ยอมแพ้

“โอกาสมาแล้วรีบออกไป!” ซิ่วอิงตะโกนให้เสียงดังสุดกำลัง เพื่อให้พรรคพวกที่กำลังลำบากได้ยิน

เมื่อได้ยินเสียงของซิ่วอิงชัดเจน ทหารทั้งเจ็ดที่ฟันฝ่ามาอย่างหมดแรงก็ไม่ลังเล รีบชักรั้งกันวิ่งฝ่าหมอกฝุ่นออกจากจุดคับแคบนั้น โล่ไม้บิ่นแทบแหว่งหมดแต่ยังถูกยกขึ้นกำบัง ขายังสั่นแต่ใจพวกเขากลับเต็มไปด้วยแรงศรัทธาในตัวเพื่อนร่วมหน่วย

“ไป! ไปเร็ว!” หนึ่งในพวกเขาตะโกนผลักไหล่สหายที่เจ็บหนักให้ลุกขึ้นต่อ

ขณะเดียวกัน ซิ่วอิงกับเกาเหยียนยังคงต้านทานพลังอันมหาศาลของปีศาจมังกรดำไว้อย่างสุดกำลัง ง้าวยาวของซิ่วอิงสะบัดฟันฉับลงบนซี่โครงด้านข้างของมัน แม้เกล็ดยังป้องกันได้ แต่มันก็เริ่มโงนเงน ลมหายใจร้อนผ่าวของปีศาจเป่าปะทะหน้าทั้งสองเป็นช่วง ๆ

เกาเหยียนสบตานางเพียงแวบเดียวก็เข้าใจโดยไม่ต้องพูด 

“ข้าจะดึงความสนใจมัน! ท่านหาช่องจู่โจม!”

“เจ้าอย่าตายล่ะ!” ซิ่วอิงตวาด แต่รอยยิ้มมุมปากก็เผยให้เห็นความไว้ใจ

เกาเหยียนพุ่งออกทางขวา ตะโกนยั่วเย้าเสียงดังพลางฟันดาบเข้าสีข้างมัน ปีศาจมังกรดำคำรามหันหน้าตาม นั่นแหละคือจังหวะ!

ซิ่วอิงก้าวพุ่งเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ ง้าวของนางสะท้อนแสงในเงาฝุ่นเพียงวูบเดียว ก่อนจะปักเข้าที่ใต้รักแร้

ฉึก!

เลือดของมันทะลักออกมาเป็นสาย ปีศาจมังกรดำคำรามเสียงสะเทือนฟ้า สะเทือนแผ่นดินจนโขดหินสั่น นางรีบดึงง้าวกลับพร้อมกับกลิ้งหลบไปด้านหลังทันทีเมื่อหางของมันฟาดลงมาที่ตำแหน่งเดิม

“อีกนิดเดียวลูกพี่!” เกาเหยียนตะโกน เหงื่ออาบใบหน้าแต่สายตายังไม่ยอมแพ้

ซิ่วอิงหอบหายใจหนัก เหงื่อผสมฝุ่นไหลเค็มปะแล่มเข้าปาก แต่มือของนางไม่สั่นแม้แต่น้อย ง้าวในมือยังแน่นราวเหล็กกล้า ลมหายใจของปีศาจมังกรดำเริ่มหอบ เสียงคำรามของมันแผ่วลงจนเหมือนเสียงครางเจ็บ

“พร้อมหรือยัง?” นางเอ่ยถามเสียงแผ่ว 

“เกิดเป็นลูกผู้ชายก็ต้องยอมแลกอยู่แล้ว รออะไรล่ะลูกพี่!” เกาเหยียนยิ้มกว้าง เลือดไหลจากแขนเสื้อขาด แต่เขากลับยืดตัวตรง

ทั้งสองพุ่งเข้าหาปีศาจมังกรพร้อมกัน ง้าวของซิ่วอิงทะยานขึ้นสูง ฟันเฉียงจากด้านบน ส่วนเกาเหยียนพุ่งต่ำ เสียบดาบเข้าที่ข้อเท้าหลังอีกข้าง ปีศาจมังกรดำเงื้อกรจะตะปบ แต่มันพลาด…

ฉัวะ!

เสียงฟันลงกระดูกดังสนั่น ง้าวของซิ่วอิงฝังลึกกลางอกใกล้หัวใจอสูร ปีศาจมังกรดำตะโกนก้อง ร่างยักษ์ของมันกระตุกเฮือกสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดลง กรงเล็บขนาดใหญ่ฟาดลงข้างร่างของซิ่วอิงเฉียดฉิว จนพื้นแหลกยุบ

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพักเอาแรงอยู่นั้น เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ดังขึ้นจากซากโขดหินที่แตกหัก เกาเหยียนรีบสะบัดศีรษะพรืด ดวงตาที่อ่อนล้าเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเงาร่างหนึ่งเคลื่อนไหวในเงามืด ซิ่วอิงสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างจากพื้นดิน จึงเงยหน้าขึ้นมอง

จากเงามืดนั้น ร่างหนึ่งก้าวออกมามัน คือ ปีศาจหนู ดวงตาของมันเป็นประกายสีแดงก่ำดุดัน ร่างของมันถูกปกคลุมด้วยเกราะที่ทำจากเศษโลหะและหนังที่ดูแข็งแรงทนทาน เกราะเหล่านั้นถูกตีขึ้นอย่างหยาบๆ แต่ก็ปิดบังส่วนสำคัญของร่างกายเอาไว้ทั้งหมด

ในมือข้างหนึ่งของมันถือดาบเหล็กที่คมกริบ ปลายดาบสะท้อนแสงจันทร์วูบวาบ บ่งบอกถึงความพร้อมที่จะจู่โจม ดาบอีกเล่มถูกเหน็บไว้ที่เอว มันมองมาทางซิ่วอิงและเกาเหยียนด้วยแววตาเย็นชา ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ ราวกับพวกเขาก็แค่เหยื่ออีกสองคนที่กำลังจะถูกจัดการ

เกาเหยียนกลืนน้ำลายเอื๊อก ดาบในมือของเขากำแน่นจนข้อนิ้วขาวโพลน ซิ่วอิงมองปีศาจหนูตัวนั้นอย่างไม่วางตา ง้าวยาวในมือถูกยกขึ้นตั้งท่าอย่างช้าๆ แรงกายที่เหลืออยู่ถูกบีบเค้นออกมาจนถึงขีดสุด นางมั่นใจว่าปีศาจหนูตัวนี้คือหนึ่งในทหารหนูที่รุมล้อมพรรคพวกของนางอยู่ก่อนหน้านี้ แต่มันกลับรอดมาได้และดูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย

ซิ่วอิงก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง ดวงตาไม่ละจากปีศาจหนูตัวนั้นแม้แต่วินาทีเดียว รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในสายตาแดงก่ำและท่วงท่าที่สงบนิ่งอย่างแปลกประหลาด

ปีศาจหนูเงียบกริบก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้ามาในแสงจันทร์ ดาบในมือข้างหนึ่งล้วงออกมาเล็กน้อยเป็นสัญญาณเตือนความพร้อมจะโจมตี ใบหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นแค่สัตว์ตัวเล็ก ๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยเห็นจากศัตรูตัวอื่น ปีศาจหนูนั้นยืนหยัดอย่างมั่นคง ดาบเหล็กในมือเลื่อนพลิ้ว ดวงตาแดงก่ำสาดประกายดุจเปลวเพลิงแห่งนรก 

ซิ่วอิงหายใจเข้าออกลึก หัวใจนางยังคงเต้นแรงท่ามกลางความตึงเครียด

“เจ้าพร้อมหรือยังเหล่าเกา” ซิ่วอิงถามเสียงหนักแน่น พลางก้าวขยับง้าวขึ้นยืนในท่ารบ

เกาเหยียนพยักหน้า สายตาเต็มไปด้วยประกายแสงแห่งความหวัง 

“ข้าจะยื้อเวลากับมันเอง ท่านเล็งจุดอ่อนให้ดีแล้วโจมตีทันที!”

ปีศาจหนูเคลื่อนกายอย่างว่องไว ราวกับพายุพัดผ่านป่าไผ่ ดาบเล่มหนึ่งฟาดฟันรวดเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ ฝ่ามืออีกข้างตวัดจับดาบอีกเล่มพร้อมปะทะกลับ เสียงดาบชนกันดังเปรี้ยงปร้าง ท่ามกลางกลิ่นโลหิตและฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วดินแดนรบ ซิ่วอิงยกง้าวขึ้นรับแรงปะทดังก้อง

เกาเหยียนลอบขยับดาบทะยานเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว วงดาบฟาดฟันเหมือนพายุพัดตัดผ่าน แต่ปีศาจหนูกลับพลิ้วหลบได้คล่องแคล่ว ซิ่วอิงจับจังหวะแล้วตวัดง้าวฟาดฟันเข้าเป้าหมายใต้ข้อพับแขน ปีศาจหนูส่งเสียงเจ็บปวดเบา ๆ แต่กลับตั้งหลักได้ทันพลัน พลิกตัวหลบด้วยท่วงท่าลื่นไหล

“จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว!”

ง้าวยาวฟาดฟันแรงกล้าลงไปยังกลางอกปีศาจหนู มันพยายามยันดาบเพื่อรับแรง แต่แรงง้าวนั้นช่างหนักหน่วงเกินกว่าจะต้านทาน เสียงดาบฟันโลหะดังก้อง ปีศาจหนูถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว เลือดแดงสดไหลซึมออกจากแผลกว้าง ทว่ามันยังคงแสยะยิ้มเยาะเย้ยกระชากดาบอีกเล่มขึ้นฟาดฟันลงทันที

ซิ่วอิงขยับป้องกัน ง้าวยาวสั่นสะเทือน ใบดาบเหล็กแล่นฟาดสวนกลับ ก่อเกิดประกายไฟสาดกระจายราวดอกไม้ไฟในคืนฉลองปีใหม่ ปีศาจหนูถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เกาเหยียนไม่รอช้าฟันดาบจู่โจมกลางลำตัวปีศาจหนู จากนั้นซิ่วอิงและเกาเหยียนฟันแทงจนปีศาจหนูถอยถลาล้มลงไปกับพื้นแน่นิ่งไป

เหมือนไม่มีเวลาให้ทั้งคู่พักจู่ ๆ เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้องอีกครั้ง ท่ามกลางซากโขดหินและฝุ่นตลบ ซิ่วอิงกับเกาเหยียนยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ได้ยินเสียงเท้าเหยียบพื้นหนัก ๆ จากทางทิศตะวันออก มังกรดำอีกตัวขนาดมหึมากำลังบุกเข้ามาอย่างดุร้าย ร่างใหญ่เต็มไปด้วยเกล็ดดำมันวาวที่สะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายแสงเย็นเฉียบ

ปีศาจมังกรดำตัวนี้ดูรุนแรงกว่าเดิม ตัวมันใหญ่กว่าตัวที่เพิ่งล้มลงหลายเท่า ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าปะทะเข้ามาอย่างรุนแรง 

“เหล่าเกา เตรียมตัวให้พร้อม! ต้องจัดการมันก่อนที่มันจะฆ่าพวกเรา!” ซิ่วอิงตะโกนพร้อมจับง้าวแน่น

เกาเหยียนพยักหน้าทันที แต่ใบหน้าของเขาแฝงด้วยความกังวล ซิ่วอิงก็รู้ดีว่าสถานการณ์นี้ไม่ง่ายเลย ปีศาจมังกรดำตัวใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามดังสนั่นเมื่อมันกระแทกพื้นกระบองยักษ์ ซิ่วอิงดันง้าวขึ้นป้องกันแรงกระแทก เมื่อมันฟาดกระบองลงมาเป็นครั้งแรก

ง้าวของซิ่วอิงชนเข้ากับกระบองเข้าอย่างจัง เกิดเสียงดังโลหะกระทบโลหะสะบัดง้าวจนแทบจะหลุดมือ ซิ่วอิงยึดมันให้มั่นและพลิกตัวหลบการโจมตีครั้งที่สองได้อย่างเฉียดฉิว เกาเหยียนฟันดาบเข้าที่ขาหน้ามังกรดำ แต่มันก็ยังไม่ยอมอ่อนแรง ปีศาจมังกรโต้กลับด้วยการหันตัวและกระชากดาบออกจากมือเกาเหยียน ก่อนจะใช้หางฟาดเข้าที่ซิ่วอิงอย่างแรงจนนางกลิ้งหลบไปไกล

ซิ่วอิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว รู้ว่าต้องเปลี่ยนวิธีต่อสู้ใหม่ นางหันไปมองโขดหินสูงใกล้เคียง แล้วก็มีแผนผุดขึ้นในใจ

“เหล่าเกา! ช่วยข้าดึงความสนใจมันไปทางโขดหินนั้น!” ซิ่วอิงตะโกนเสียงแข็ง

เกาเหยียนไม่ลังเล พุ่งเข้าปะทะและฟันดาบสร้างเสียงก้องกังวาล ปีศาจมังกรดำหันตามทันที ซิ่วอิงรีบพุ่งตัวไปโขดหินสูง ใช้ง้าวยาวฟาดลงที่ฐานโขดหินอย่างแรงจนเกิดเสียงแตกดังสนั่น ลานหินสั่นสะเทือน ปีศาจมังกรดำคำรามด้วยความโกรธ หันมามองซิ่วอิงด้วยดวงตาเปล่งประกายดุร้าย นางใช้โอกาสนั้นฟาดง้าวลงที่ขาหน้าข้างหนึ่งของมัน เสียงฟันโลหะปะทะเกล็ดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซิ่วอิงหลบและโจมตีอย่างแม่นยำจนปีศาจเริ่มเสียสมดุล

จังหวะนี้เองที่โขดหินสูงที่ซิ่วอิงโจมตีเริ่มแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ อย่างช้า ๆ ฝุ่นผงลอยฟุ้งทั่วบริเวณ

“เหล่าเกา! เร็ว! ช่วยกันดันโขดหินถล่มใส่มัน!” ซิ่วอิงตะโกนอย่างเด็ดเดี่ยว

เกาเหยียนและเหล่าทหารหนุ่มรีบช่วยกันผลักดันโขดหินที่กำลังจะถล่มลงมาด้วยแรงสุดท้าย เสียงคำรามแหบห้าวขณะที่โขดหินขนาดใหญ่ถล่มลงมากระแทกลงบนหลังปีศาจมังกรดำอย่างเต็มแรง เกล็ดแข็งแกร่งถูกบดขยี้จนแตกละเอียด เสียงปะทะดังกึกก้องไปทั่ว ปีศาจมังกรดำคำรามอย่างเจ็บปวด ร่างยักษ์พยายามดิ้นทุรนทุรายแต่แรงถล่มนั้นหนักเกินไป ร่างของมันค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นดินอย่างสิ้นแรง

ซิ่วอิงทรุดนั่งลงกับพื้นทันทีอย่างหอบเหนื่อย สมรภูมินี้ดูไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นสักที นางกวาดสายตามองไปโดยรอบทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และเพื่อปกป้องแผ่นดิน นี่คือเส้นทางที่นางเป็นคนเลือกจะมาท้อไม่ได้เด็ดขาด หลังจากพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งนางก็ใช้ง้าวยันร่างตนขึ้นอีกครั้งพร้อมที่จะยืนยัดต่อสู้กับทุกสิ่งที่จะเข้ามาจากนี้ต่อไป…


หลักฐานการต่อสู้


 มังกรดำ 
ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ): ฆ่า 
- เกล็ดมังกร (เลขไบต์หลักสุดท้าย = จำนวนที่ได้) x2
- มุกไอปีศาจ 1 เม็ด x2

และอัตราออก มุกอัสนี x 2
(เลขไบต์หลักสุดท้าย 0,6)

ปีศาจหนู
 ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ): +10 ตบะฝึกฝน x2
ตำลึงเงิน (เลขไบต์สองหลักสุดท้าย) x2

อัตราดรอป: โล่ไม้ (เลขไบต์ 2/6) x 2
กระบี่ (เลขไบต์ 3/8) x 2


@Admin 








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 48666 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-29 00:40
โพสต์ 48,666 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 2025-6-29 00:40
โพสต์ 48,666 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-29 00:40
โพสต์ 48,666 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก เกราะเกล็ดมังกร  โพสต์ 2025-6-29 00:40
โพสต์ 48,666 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก ทักษะพรานป่า  โพสต์ 2025-6-29 00:40

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +66 ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 66 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
โพสต์ 2025-6-30 00:10:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-6-30 16:57







ท่ามกลางเสียงโลหะปะทะ แรงสั่นสะเทือนของพื้นดิน และหมอกฝุ่นที่ลอยคลุ้งเต็มสนามรบ ร่างหนึ่งยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดยั้งอยู่แนวหน้า เขาคือ…แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง

ซิ่วอิงหันมองข้างสนามเพียงชั่วครู่ก่อนกลับสู่การปะทะ แต่สายตาก็ชำเลืองไปเห็นร่างของแม่ทัพหนุ่มที่ยังรบเคียงไหล่กับเหล่าทหาร ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ทวนพู่แดงในมือเขาสะบัดวูบกลางสายฝนของเลือดและเถ้าควัน ดั่งพญาอินทรีที่เหินตัดกลางพายุ แม่ทัพฮั่วไม่ได้ร้องสั่งอย่างโอหัง ไม่ได้ชูธงหรือวางแผนจากหลังแนว แต่เขาคือหนึ่งในนักรบที่ยืนหยัดในแนวหน้า ร่วมเป็นโล่กับเหล่าทหารทุกคน

ศัตรูรอบด้านมีทั้งมังกรดำและปีศาจหนู แต่แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งกลับฟันฝ่าด้วยความเยือกเย็น สายตานิ่งสงบแต่แววคมราวใบมีดปลายหอก เขาเหวี่ยงทวนแทงศัตรูทีละตัว แม่นยำเด็ดขาด ทุกท่วงท่าคือผลจากประสบการณ์และวินัยที่สั่งสมมา ไม่ใช่เพียงสัญชาตญาณ

ฉึก!

เสียงแทงผ่านเกล็ดของปีศาจมังกรดำดังสะท้าน ทวนพู่แดงของเขาทิ่มเข้าใต้ซี่โครงอย่างไม่ลังเล แรงสะบัดดึงกลับอย่างมั่นคง ก่อนจะหมุนตัวรับการโจมตีจากอีกด้านราวกับอ่านเกมได้ล่วงหน้า เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินดังก้องอีกครั้งเมื่อปีศาจหนูตนใหม่พุ่งเข้าประชิดหวังจะโจมตีจากด้านหลัง แต่ทวนของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งกลับหันกลับราวกับมีชีวิต ทะลวงทะลุคอศัตรูในชั่วอึดใจ

ซิ่วอิงกลั้นหายใจ ร่างกายของนางยังชุ่มเหงื่อจากการต่อสู้ แต่หัวใจกลับรู้สึกเหมือนได้แรงเติมเต็มจากภาพตรงหน้า

"แม้แต่ท่านแม่ทัพก็ไม่เคยคิดหนี หรือยอมแพ้ด้วยซ้ำ…"

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงตะโกนเรียกขวัญจากแม่ทัพฮั่วที่ดังลั่นเหนือเสียงการปะทะ

"อย่าถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว! พวกเจ้าทุกคนคือเกราะของแผ่นดิน!"

เสียงของเขาไม่ได้เปล่งออกมาด้วยโทสะ หากแต่หนักแน่นจนสามารถชะงักความกลัวของทหารรอบข้างได้ในพริบตา ท่ามกลางห่าฝนแห่งเหล็กไฟนั้น เสียงของแม่ทัพยังคงเด่นชัดในหัวใจของเหล่าผู้สู้ จากด้านข้างซิ่วอิงเห็นปีศาจมังกรดำอีกตนกำลังจะพุ่งเข้าเล่นงานแนวกลางของหน่วยทหารที่อ่อนแรง นางขยับจะเข้าไปช่วย แต่แม่ทัพฮั่วกลับควบม้าแซงหน้าไปก่อนแล้ว เสียงกระทบกันของทวนและกรงเล็บดังก้อง ทวนพู่แดงพุ่งสวนขึ้นใต้คางของปีศาจมังกรทะลุออกจนเลือดพุ่งเป็นสาย กรงเล็บที่เงื้ออยู่แค่เอื้อมจากทหารยามกลับตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

“สู้ให้ถึงที่สุด! เราจะไม่เสียเลือดเนื้อเพื่อถอยกลับ!” ฮั่วชวี่ปิ้งยังคงเปล่งเสียง

ซิ่วอิงกัดฟันแน่น แรงกระแทกของสนามรบสะเทือนขึ้นถึงส้นเท้า นางเบี่ยงตัวหลบกรงเล็บของมังกรดำที่พุ่งลงมาจากด้านบนอย่างฉิวเฉียด ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้า ง้าวในมือฟาดเฉียงสวนขึ้นเข้าเป้าที่ขาหน้าของมัน

เสียงเพล้ง! ของเหล็กปะทะเกล็ดหนาดังสะท้อน มังกรคำรามและสะบัดหางฟาดโต้ นางกลิ้งหลบลงพื้น แล้วรีบลุกขึ้น ไม่ทันได้หายใจ ปีศาจมังกรอีกสามตนที่เหลือพุ่งเข้ามาประชิดโดยพร้อมเพรียง กระบองใหญ่ในมือของพวกมันเงื้อขึ้นพร้อมกันกลางอากาศ

"มาให้หมดนี่ล่ะ!" ซิ่วอิงคำรามกลับดวงตาวาวโรจน์

เสียงกระบองกระแทกพื้นดัง โครม! เป็นระลอก แผ่นดินสะเทือนเป็นคลื่น ฝุ่นควันโหมขึ้นเป็นม่านบังตา แต่ซิ่วอิงไม่หลงกล ง้าวยาวตวัดฟาดเป็นวง ปัดการโจมตีจากทางซ้าย ก่อนจะกระแทกด้ามง้าวสวนเข้ากลางหน้าปีศาจหนูตนหนึ่งที่ลอบมาจากด้านหลัง มันร้องลั่นล้มลงกับพื้น

ปีศาจหนูอีกตนพุ่งเข้ามา ดาบยาวในมือกรีดอากาศด้วยความเร็ว นางเบี่ยงตัวหลบ ปล่อยให้ปลายดาบเฉียดแขนแล้วตวัดง้าวกลับไปด้านหลังอย่างแม่นยำ ฉัวะ! ด้ามง้าวฟาดเข้าที่ใต้คางของมันจนร่างกระเด็น

ยังไม่ทันตั้งหลักดี มังกรดำสองตนก็ประสานกระบองโจมตีเข้ามาอีกระลอก ซิ่วอิงถีบตัวขึ้นพุ่งสูงหลบกลางอากาศ ก่อนจะเหวี่ยงง้าวฟาดฟันลงที่ลำคอของตนหนึ่งในจังหวะร่วงลง เสียงเกล็ดแตกดังลั่น เลือดพุ่งทะลัก แต่นางไม่มีเวลาจะหยุด มังกรอีกตัวเข้าจู่โจมซ้ำทันที กรงเล็บกวาดมาจากด้านข้าง ซิ่วอิงใช้ง้าวยันพื้นแล้วหมุนตัวหลบอย่างหวุดหวิด แต่หางขนาดใหญ่ก็ฟาดกระแทกไหล่นางเต็มแรง

ผัวะ!

ร่างของนางกลิ้งกระแทกพื้นไปหลายจั้ง เลือดไหลซึมที่มุมปาก แต่ซิ่วอิงก็กัดฟันลุกขึ้นช้า ๆ ขณะนั้นเอง เสียงคำรามของแม่ทัพฮั่วก็ดังลั่นข้ามสนามรบ

“ทหารหรง!”

เสียงคำรามของแม่ทัพฮั่วดังลั่นข้ามสนามรบ ราวกับปลุกขวัญซิ่วอิงให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง นางสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง กัดฟันแน่น เลือดที่ซึมมุมปากถูกเช็ดออกด้วยหลังมืออย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาวาวโรจน์จับจ้องไปที่มังกรดำสามตัวที่กำลังพุ่งเข้ามาหา

“มาเลย!” 

ซิ่วอิงคำรามตอบรับ พลางก้าวเท้าพุ่งเข้าหามันอย่างไม่เกรงกลัว ง้าวในมือถูกตวัดเป็นวงกว้างเข้าปะทะกับกระบองของมังกรตัวแรก เสียงโลหะปะทะเกล็ดดังสนั่นหวั่นไหว แรงสะท้านวิ่งไปทั่วแขน แต่นางก็ยังคงยืนหยัด มังกรอีกสองตัวพุ่งเข้าโจมตีจากด้านข้างพร้อมกัน หวังจะบดขยี้ร่างเล็กๆ ของนางให้แหลกคามือ

ฉัวะ!

ซิ่วอิงใช้ความเร็วที่เหนือกว่าเบี่ยงตัวหลบกรงเล็บที่พุ่งเข้ามา ก่อนจะตวัดง้าวฟันเข้าที่ข้อขาของมังกรตัวที่สองอย่างรวดเร็ว เสียงเกล็ดแตกดังเปรี๊ยะ มังกรคำรามด้วยความเจ็บปวด เซถลาไปด้านข้าง เปิดช่องว่างให้นางพุ่งทะยานเข้าหามังกรตัวที่สามที่กำลังจะเงื้อกระบองฟาดลงมา ง้าวของนางพุ่งเข้าแทงที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ เลือดสีดำพุ่งกระฉูด มังกรดิ้นพล่านก่อนจะล้มลงอย่างหมดท่า

เหลือมังกรดำอีกสองตัวที่ยังคงยืนหยัดอยู่ ซิ่วอิงไม่รอช้า นางหมุนตัวกลับไปหามังกรตัวแรกที่บาดเจ็บ ง้าวในมือตวัดเป็นวงกว้าง ฟันเข้าที่ลำตัวของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงเกล็ดแตกดังระรัว มังกรคำรามอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะใช้กรงเล็บตะปบ แต่นางก็ว่องไวกว่า หลบหลีกการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว

ฟุบ! ฉึก!

ง้าวของซิ่วอิงพุ่งเข้าแทงที่ดวงตาของมังกรตัวแรกอย่างจัง เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วสนามรบ ร่างมหึมาของมันทรุดลงกับพื้น เลือดทะลักออกมาจากเบ้าตาอย่างน่าสยดสยอง

เหลือเพียงมังกรตัวสุดท้ายที่ยืนอยู่ ซิ่วอิงหอบหายใจเล็กน้อย เหงื่อไหลซึมไปทั่วร่าง แต่ดวงตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มังกรตัวสุดท้ายคำรามอย่างเกรี้ยวกราด พุ่งเข้าใส่ซิ่วอิงอย่างบ้าคลั่ง กรงเล็บทั้งสี่กวาดเข้ามาพร้อมกัน หวังจะฉีกร่างของนางให้เป็นชิ้นๆ

แต่ซิ่วอิงไม่หลงกล นางใช้จังหวะที่มังกรพุ่งเข้ามา พุ่งตัวเข้าใกล้มันอย่างรวดเร็ว ง้าวในมือถูกตวัดขึ้นสูง ก่อนจะฟันลงมาที่หัวของมันอย่างสุดแรง

เพล้ง!

เสียงเกล็ดแตกดังสนั่นหวั่นไหว มังกรตัวสุดท้ายคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันเซถลาไปด้านหลัง ซิ่วอิงไม่ปล่อยโอกาสให้มันตั้งตัวได้ ง้าวในมือถูกแทงซ้ำเข้าไปที่บาดแผลเดิมอย่างไม่ยั้งมือ

ฉึก! ฉึก! ฉึก!

เสียงแทงทะลุเนื้อดังต่อเนื่อง มังกรดิ้นรนอย่างทุรนทุราย ก่อนที่ร่างมหึมาของมันจะล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เสียงโลหะปะทะดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นควันลอยคลุ้ง ซิ่วอิงยืนหอบหายใจอยู่ท่ามกลางซากของมังกรดำทั้งสามตัว ง้าวในมือยังคงเปื้อนเลือดไหลหยด

เสียงโลหะปะทะค่อยๆ เงียบลง หมอกฝุ่นเริ่มจางหายไป เผยให้เห็นซากศพของปีศาจมังกรดำและปีศาจหนูที่กองเกลื่อนเต็มสนามรบ บริเวณรอบหอเตือนภัยในที่สุดก็ไร้ซึ่งเสียงคำรามของอสูรกาย เหลือเพียงเสียงหอบหายใจของทหารที่ยืนหยัดอยู่ และกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว

แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า เหงื่อกาฬไหลซึมตามขมับบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ แต่ดวงตาของเขายังคงคมกริบ กวาดมองไปทั่วสนามรบที่เพิ่งสงบลงช้าๆ เสียงของเขาแม้จะหอบเล็กน้อย แต่ก็ยังคงทรงอำนาจและเด็ดขาด

“ทุกคน! ตรวจสอบผู้รอดชีวิต! พาผู้บาดเจ็บไปรักษาพยาบาลโดยเร็วที่สุด!” เสียงของแม่ทัพดังก้อง “และรวบรวมร่างของวีรบุรุษผู้เสียสละทุกคน ฝังให้สมเกียรติ! วันนี้พวกเจ้าทุกคนได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว ขอให้พักผ่อนให้เต็มที่!”

ซิ่วอิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากอสูร มองไปยังแม่ทัพฮั่วด้วยความรู้สึกชื่นชมอย่างสุดหัวใจ แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจนแทบจะยืนไม่ไหว แต่นางก็รับรู้ได้ถึงพลังใจอันเปี่ยมล้นจากคำสั่งของแม่ทัพ

“พรุ่งนี้...เราจะเดินทางต่อไปยังใจกลางฉีเหลียงซาน! การศึกของเรายังไม่จบสิ้น!” แม่ทัพฮั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาของเขามุ่งมั่นไปทางทิศตะวันตก ราวกับมองเห็นสมรภูมิถัดไปอยู่เบื้องหน้า

เหล่าทหารรับคำสั่งด้วยเสียงอันหนักแน่น แม้จะเหนื่อยล้า แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะทำตามคำสั่งของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง ผู้ที่ไม่เคยทอดทิ้งพวกเขาในแนวหน้า และเป็นผู้ที่นำพวกเขาผ่านความตายมาได้ในวันนี้ การต่อสู้ครั้งนี้จบลงแล้ว แต่การเดินทางอันยาวนานและโหดร้ายยังคงรอพวกเขาอยู่ที่ใจกลางฉีเหลียงซาน



ฆ่าปีศาจหน้าละ 4 ตัว จะได้ +8 ป้ายผลงาน และ +2 Point x3 หน้า
= 24 ป้ายผลงาน และ +6 Points

หลักฐานการต่อสู้


 มังกรดำ 
ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ): ฆ่า 
- เกล็ดมังกร 16
- มุกไอปีศาจ 4 เม็ด 



ปีศาจหนู
 ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ): +20 ตบะฝึกฝน 
ตำลึงเงิน +68 



ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP


ศาสตร์การล่าสัตว์  (มือฉมังแห่งนักล่า)
ทุกการล่าปีศาจหรือมาร จะได้รับโบนัส +20 ตบะฝึกฝน


รับพลังยอดนักล่า

เงื่อนไข
1) มีระดับปราณพรสวรรค์ถึงระดับทอง
2) มีระดับความแข็งแกร่งถึงระดับ 40
3) มีสเตตัส STR 70+

รูปภาพ: 
ทักษะความชำนาญ: ยอดนักล่า



จบพาร์ท : เงามืดที่คืบคลาน

รางวัล (ความคืบหน้า):
25% ของภารกิจหลัก


@Admin 








แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-6-30 17:02
แก้ให้ละค่ะ  โพสต์ 2025-6-30 16:57
โดยปกติ หลังจากโพสต์โรลแล้วให้กดแก้ไข เพื่อแจ้งสินสงครามที่ได้ตามเลขไบต์และตัดอันที่ไม่เกี่ยวข้องออก ไม่ต้องแนบมาทั้งหมด  โพสต์ 2025-6-30 16:37
สินสงคราม ผู้เล่นต้องเป็นผู้คำนวณตามเลขไบต์ที่ระบุ เพื่อแจ้งผลลัพธ์จึงจะจัดส่งได้  โพสต์ 2025-6-30 16:36
โพสต์ 42334 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-30 00:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +68 ตบะฝึกฝน +120 ย่อ เหตุผล
Admin + 68 + 120

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-7-29 16:57







ในห้วงเวลาแห่งสงคราม กองทัพภายใต้การนำของแม่ทัพหนุ่มผู้ห้าวหาญนามว่าฮั่วชวี่ปิ้ง ได้ประสบชัยชนะเหนือหอเตือนภัยมาหมาด ๆ แต่ความสำเร็จนี้เป็นเพียงบทแรกของยุทธการที่ยิ่งใหญ่กว่า ทันทีที่เสียงดาบและเกราะสงบลง เหล่าหมอทหารก็รีบรุดเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วน เสียงร้องโอดโอยปะปนกับเสียงสั่งการที่เด็ดขาด บาดแผลถูกทำความสะอาดและพันผ้าอย่างรวดเร็ว เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเวลาที่เหลืออยู่นั้นมีค่าดั่งทองคำ

เมื่อแสงอรุณทอประกายแรกเหนือยอดเขาที่ปกคลุมด้วยความแห้งแล้ง แสงนั้นสะท้อนกับเกราะเหล็กของกองทัพเจ็ดร้อยนายจนดูราวกับเป็นขุนพลแห่งแสง เหล่าทหารยืนเรียงรายอย่างพร้อมเพรียงเบื้องหน้าแม่ทัพผู้เปี่ยมด้วยความโหดเหี้ยมในยามศึก แต่ก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน แม่ทัพฮั่วในชุดเกราะสีเงินนั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวราวหิมะ ดวงตาของเขาคมกริบดุจคมดาบ ความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาจนทหารทุกนายรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่เปี่ยมล้น

"ทหารทุกคนฟังข้า!" เสียงก้องกังวานของแม่ทัพหนุ่มสะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา “พวกเจ้าทุกคนคือความหวังของแผ่นดิน เป็นโลหิตที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนนับล้านเบื้องหลังกำแพงเมืองที่แสนอบอุ่น ในยามที่พวกเขานอนหลับอย่างสงบสุข พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าทหารของข้ากำลังจะต้องเดินทัพไปเผชิญหน้ากับความตาย”

เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มใหม่ด้วยเสียงที่ดังขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ทรงพลัง 

“ข้างหน้าเราคือดินแดนแห่งความมืดมิด เป็นที่ซ่อนของพวกปีศาจที่ไร้ซึ่งความเมตตา พวกมันคือความชั่วร้ายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราเคยสร้างมา พวกมันจะไม่ไว้ชีวิตเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ หรือสตรีผู้ไร้ทางสู้ พวกมันจะฉีกกระชากพวกเราเป็นชิ้น ๆ ไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่กระหายเลือด”

“แต่พวกเราจะไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น!” เสียงของฮั่วชวี่ปิ้งดังลั่นไปทั่วทั้งหุบเขา ทวนในมือชี้ตรงไปยังทิศที่ต้องเดินทัพ “หากปีศาจพวกนั้นจะข้ามมา พวกมันจะต้องก้าวข้ามร่างไร้วิญญาณของพวกเราไปก่อน หากพวกเราต้องตายในสมรภูมิรบนี้ ขอให้พวกเราตายอย่างวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ขอให้ทุก ๆ หยดเลือดของพวกเราหล่อเลี้ยงต้นกล้าแห่งอิสรภาพให้เติบโตขึ้นมา”

“พวกเราจะพุ่งเข้าไปในใจกลางกองทัพของพวกมัน! พวกเราจะทำลายมันจนสิ้นซาก! จงจำไว้ว่าทุกย่างก้าวที่พวกเราเดินไปข้างหน้า คือการปกป้องลมหายใจของคนที่พวกเรารัก”

“ขอให้ดาบของพวกเจ้าคมกริบกว่าทุกครั้ง ขอให้เกราะของพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าที่เคย ขอให้ทุกหยดเลือดที่ไหลออกจากกายพวกเรานำพาความพินาศมาสู่พวกมัน…บัดนี้ ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องไปทำสงครามแล้ว!”

เสียงโห่ร้องกึกก้องสะท้านฟ้าจากเหล่าทหารหาญดังกังวานขึ้นทันทีที่สิ้นสุดคำพูดของแม่ทัพหนุ่ม พลังฮึกเหิมและแรงใจที่เปี่ยมล้นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกองทัพ ทุกคนต่างรู้สึกราวกับได้รับพลังใหม่จากคำพูดของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง ดวงตาที่เคยเหนื่อยล้าจากการศึกครั้งก่อนกลับลุกวาวขึ้นอีกครั้งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะสู้เพื่อปกป้องคนที่รัก

แม่ทัพฮั่วหันหลังให้เหล่าทหาร ม้าสีขาวราวหิมะสะบัดหางอย่างสง่างาม เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกำลังครุ่นคิด ก่อนจะชักม้าหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับเหล่าขุนพลและทหารในแถวหน้าอีกครั้ง

"พวกเราจะมุ่งหน้าสู่ใจกลางฉีเหลียงซาน ที่นั่นมีกองทัพมังกรดำและปีศาจหนูรอคอยพวกเราอยู่" แม่ทัพหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด "พวกมันแข็งแกร่งและโหดเหี้ยม แต่พวกเราจะไม่ยอมแพ้!"


ย่างก้าวแรกของการเดินทางสู่ใจกลางฉีเหลียงซานเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงกระทบของเกราะเหล็กที่ดังกึกก้อง กองทัพเจ็ดร้อยนายเคลื่อนพลไปตามเส้นทางที่แห้งแล้งและเต็มไปด้วยทราย ความร้อนระอุจากดวงอาทิตย์ยามเช้าแผดเผาผืนทรายจนร้อนระอุ ฝุ่นทรายสีเหลืองทองฟุ้งกระจายขึ้นทุกย่างก้าว เกราะเหล็กสีเงินของพวกเขาส่องประกายเจิดจ้าภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง แต่ละย่างก้าวหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว เสียงกระทบของอาวุธและเกราะดังเป็นจังหวะ ราวกับเสียงกลองที่กำลังปลุกขวัญเหล่าทหารทุกคน

เมื่อเดินทางลึกเข้าไปในผืนทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ความเหนื่อยล้าเริ่มกัดกินร่างกายของเหล่าทหาร แต่ไม่มีใครยอมท้อถอย เพราะทุกคนต่างมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดหมาย ท่ามกลางความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมที่พัดหอบทรายเป็นระยะ และเสียงฝีเท้าของม้าและทหารที่ก้องกังวานในความเวิ้งว้าง

ในที่สุดเมื่อดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้นเหนือศีรษะ กองทัพก็มาถึงหุบเขาทะเลทรายลึกที่รายล้อมไปด้วยเนินทรายสูงตระหง่าน บรรยากาศเงียบสงัดจนน่าขนลุก พลันเสียงคำรามที่ดังก้องกังวานไปทั่วผืนทรายก็ดังขึ้น กองทัพมังกรดำและปีศาจหนูนับพันโผล่ขึ้นมาจากหลังเนินทรายและซอกหิน พวกมันมีร่างกายสูงใหญ่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ ดวงตาสีแดงก่ำลุกวาวราวกับเปลวไฟที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง อาวุธในมือของพวกมันส่องประกายวาววับภายใต้แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า พวกมันมองมายังกองทัพมนุษย์ด้วยสายตาที่กระหายเลือด

แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งยกทวนในมือขึ้นสูง แสงสะท้อนจากปลายทวนวาววับภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง เขานั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวราวหิมะอย่างสง่างาม ดวงตาคมกริบของเขามองตรงไปยังกองทัพศัตรูที่รายล้อมอยู่

"ทหารทุกคน! พวกเรามาถึงแล้ว!" เสียงของแม่ทัพหนุ่มดังขึ้นอย่างก้องกังวาน "พวกเจ้าทุกคนจงสู้! จงทำลายพวกมันจนสิ้นซาก! เพื่อแผ่นดิน! เพื่อคนที่พวกเรารัก!"

แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งกระโดดขึ้นกลางอากาศออกจากหลังม้า พุ่งเข้าสู่ใจกลางวงล้อมของศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว ทวนพู่แดงในมือของเขาพลิ้วไหวราวกับสายฟ้าฟาด ปีศาจมังกรดำตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะใช้คมเล็บอันแหลมคมฉีกร่างเขา แต่ฮั่วชวี่ปิ้งเพียงแค่สะบัดทวนอย่างรวดเร็ว ปลายทวนก็พุ่งเข้าใส่ดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟแค้นจนพรุนเป็นรู ร่างของปีศาจมังกรดำนั้นทรุดลงทันทีอย่างไม่อาจต้านทาน

เขาไม่ได้มีเพียงแค่ความโหดเหี้ยมในยามศึก แต่เขามีปัญญาในการรบที่เฉียบแหลม ฮั่วชวี่ปิ้งใช้จังหวะที่ศัตรูกำลังสับสน พุ่งทะลวงเข้าปีศาจมังกรดำอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว ดุจดนตรีแห่งสงครามที่บรรเลงโดยเหล่าทหารผู้กล้าหาญ กองทัพต้าฮั่นเจ็ดร้อยนายยืนหยัดอย่างมั่นคงดุจกำแพงหิน ผนึกกำลังเข้าต้านทานกองทัพปีศาจนับพันที่ดาหน้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

ซิ่วอิงทหารหญิงเพียงหนึ่งเดียวในกองทัพ ตวัดสายตาคมกริบมองไปยังปีศาจหนูสามตัวที่กระโจนเข้ามาหานางพร้อมกัน ปีศาจหนูพวกนี้มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป ขนสีน้ำตาลเข้มหยาบกระด้างปกคลุมทั่วร่าง ฟันหน้าแหลมคมและดวงตาสีแดงก่ำเรืองรองด้วยความกระหายเลือด มันส่งเสียงจี๊ด ๆ ด้วยความตื่นเต้นเหมือนเห็นเหยื่ออันโอชะ ซิ่วอิงรู้ดีว่าพวกมันว่องไวและอันตรายแค่ไหน แต่สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง มือที่กำง้าวเล่มหนักกระชับแน่น

ปีศาจหนูตัวแรกพุ่งเข้าโจมตีจากด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ดาบแหลมคมที่มือของมันพุ่งตรงมาที่ศีรษะของนาง ซิ่วอิงหลบหลีกอย่างฉับไว ง้าวในมือถูกเหวี่ยงออกเป็นวงกว้างเข้าฟาดใส่ลำตัวของปีศาจหนูอย่างรุนแรง เสียงกระดูกหักดังกร๊อบพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของมัน ร่างของปีศาจหนูตัวนั้นกระเด็นล้มลงไปนอนแน่นิ่ง

แต่ยังไม่ทันได้หายใจ ปีศาจหนูอีกสองตัวก็พุ่งเข้ามาจากทั้งสองข้างพร้อมกัน ซิ่วอิงใช้ไหวพริบและสัญชาตญาณการต่อสู้ที่สั่งสมมานาน นางหลบการโจมตีจากทางซ้าย ขณะที่ง้าวในมือถูกใช้แทงสวนออกไปทางขวาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ปลายง้าวพุ่งทะลุเข้าที่อกของปีศาจหนูตัวที่สองอย่างจัง เลือดสีทะลักออกมาจากปากแผลพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนา

ซิ่วอิงถอนง้าวออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับปีศาจหนูตัวสุดท้ายที่กระโดดเข้าใส่จากด้านบน นางช้อนง้าวขึ้นรับร่างของมันกลางอากาศอย่างสง่างาม ง้าวเล่มหนักรับน้ำหนักของปีศาจหนูเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ก่อนจะออกแรงเหวี่ยงง้าวไปด้านข้างอย่างสุดกำลัง ส่งร่างของปีศาจหนูตัวนั้นไปกระแทกกับก้อนหินขนาดใหญ่จนสลบไปในที่สุด

"ลูกพี่! เป็นอะไรรึเปล่า?!" เกาเหยียนตะโกนถามขณะที่ใช้ดาบฟันเข้าที่ข้อขาของปีศาจหนูจนมันเสียหลัก "ระวังตัวด้วยขอรับ!"

ซิ่วอิงหันไปมองเขาแวบหนึ่ง เลือดจากบาดแผลของศัตรูกระเซ็นเปื้อนใบหน้าของนางอย่างไม่น่าพิสมัย แต่นางก็ไม่ได้แสดงสีหน้าขยะแขยงแต่อย่างใด

"ข้าไม่เป็นไร! เจ้าก็ระวังตัวด้วย!"

สิ้นเสียงซิ่วอิง ร่างของปีศาจหนูที่เกาเหยียนฟันล้มก็ฟื้นคืนสติ มันกัดฟันกรอดด้วยความโกรธเกรี้ยวและใช้กรงเล็บอันแหลมคมพุ่งเข้ามาหมายจะฉีกกระชากเกาเหยียนเป็นชิ้น ๆ แต่เกาเหยียนเป็นโจรมาก่อนเรื่องเหลี่ยมต่าง ๆ ไยจะไม่รู้ เขาไม่ใช่คนที่จะพลาดท่าให้กับเล่ห์กระจอก ๆ พวกนี้ ร่างของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเกินคาด ดาบโค้งในมือฟันเข้าใส่ลำตัวของปีศาจหนูซ้ำ ๆ จนมันไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป

ในขณะเดียวกันนั้น ซิ่วอิงก็พุ่งตรงไปยังปีศาจมังกรดำอีกตัวที่ถือกระบองยักษ์เอาไว้ในมือ กระบองของมันหนักหน่วงและรุนแรง ซิ่วอิงต้องใช้ทักษะการหลบหลีกและจังหวะที่แม่นยำในการโจมตี สภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทรายทำให้การเคลื่อนที่ของนางยากลำบากเล็กน้อยเพราะต้องระวังทรายที่ยุบตัวเป็นช่วง ๆ

ฟิ้ว!

เสียงของกระบองที่ฟาดลงมาอย่างหนักหน่วงเฉียดศีรษะของซิ่วอิงไปเพียงแค่นิดเดียว เศษทรายและก้อนหินปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ ซิ่วอิงใช้จังหวะนั้นเหวี่ยงง้าวในมือเข้าปะทะกับกระบองยักษ์ของปีศาจมังกรดำด้วยแรงทั้งหมดที่มี เสียงดังเคร้ง! สะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา ซิ่วอิงใช้แรงจากง้าวถีบตัวถอยหลังไปอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างระยะห่าง

แต่ปีศาจมังกรดำไม่ได้ปล่อยโอกาสให้พลาดไปอย่างง่ายดาย มันย่างก้าวเข้าหาอย่างรวดเร็วจนซิ่วอิงตามไม่ทัน กระบองยักษ์ในมือของมันฟาดเข้าใส่นางอย่างจัง! ง้าวของซิ่วอิงถูกปัดกระเด็นไป ร่างของนางกระแทกเข้ากับเนินทรายอย่างรุนแรงจนจุกแน่นไปหมด

"ลูกพี่!" เกาเหยียนตะโกนลั่นด้วยความเป็นห่วง เขากำลังจะหันไปช่วยนาง แต่ปีศาจหนูอีกตัวก็กระโจนเข้าใส่จากด้านข้างทันที เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับมือกับศัตรูตรงหน้า

ปีศาจมังกรดำเห็นดังนั้นก็หัวเราะในลำคอด้วยความสะใจ มันยกกระบองขึ้นหมายจะฟาดปิดฉากชีวิตของซิ่วอิงให้สิ้นซาก แต่ทันใดนั้นเอง...

โครม!!!

ร่างของสัตว์ประหลาดสามหัวขนาดมหึมาที่คาดไม่ถึงก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเหนือแสงกระแทกเข้ากับปีศาจมังกรดำจนกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบวา ร่างของมันลอยคว้างอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกกับพื้นทรายอย่างจัง

ร่างของซิ่วอิงที่กำลังจะถูกฟาดด้วยกระบองยักษ์ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เมื่อหันไปมองต้นตอของเสียงที่ช่วยนางเอาไว้ ดวงตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เจ้าหมาน้อยที่ติดตามนางมาตลอดทางได้กลับคืนร่างเดิมของมันเพื่อช่วยนาง!

ร่างของมันใหญ่โตกว่าวัวกระทิงหลายเท่า มีสามเศียรปกคลุมด้วยขนสีดำสนิทราวกับความมืดมิด ดวงตาสีแดงก่ำทั้งหกคู่เปล่งประกายลุกโชนไปด้วยไฟแค้นราวกับเพลิงนรก เสียงคำรามอันดุดันของมันกึกก้องไปทั่วสมรภูมิรบ เหล่าทหารต้าฮั่นต่างหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง สายตาของทุกคนมองตรงไปยังสัตว์อสูรตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว 

แม้แต่แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งที่กำลังต่อสู้กับศัตรูอย่างดุเดือดก็ต้องเหลือบมอง เจ้าหมาตัวนี้เคยติดตามซิ่วอิงมาตลอดทาง เขาเคยสงสัยว่ามันเป็นแค่สุนัขธรรมดาหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้สนใจมันอีกเมื่อพบว่ามันไม่ได้ทำอันตรายใคร แต่ตอนนี้เขากลับต้องคิดใหม่

“สัตว์อสูร…” แม่ทัพหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความประหลาดใจ

ในจังหวะนั้นเอง ปีศาจหนูสองสามตัวที่ตกใจกับสัตว์อสูรสามหัวก็วิ่งเข้ามาหมายจะเข้าโจมตีมันพร้อมกัน แต่เจ้าสัตว์อสูรไม่ได้ทำท่าทีว่าจะเกรงกลัวแม้แต่น้อย มันใช้หัวทั้งสามกระโดดเข้าขย้ำปีศาจหนูจนร่างแหลกสลายไปในพริบตา!

"เฮ้ย! ดูนั่นสิ!" นายทหารคนหนึ่งตะโกนลั่น "มันช่วยเราสู้!"

"มันช่วยเราจริง ๆ ด้วย!" ทหารอีกคนกล่าวอย่างตื่นเต้น

เหล่าทหารที่กำลังแตกตื่นและตกใจเริ่มตั้งสติได้ เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย กลับกันมันยังช่วยต่อสู้กับปีศาจมังกรดำและปีศาจหนูอย่างดุเดือดราวกับเป็นกำลังเสริมอีกด้วย แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงตัดสินใจสั่งการด้วยเสียงอันทรงพลัง

"ทหารทุกคน! ทำตามหน้าที่ของพวกเจ้าต่อไป! จงอย่าได้สนใจเจ้าสัตว์อสูรตนนั้น! มันไม่ได้มาทำร้ายพวกเรา จงปล่อยให้มันสู้ในแบบของมันเอง และพวกเราจงต่อสู้เพื่อชัยชนะในสงครามนี้!"

สิ้นคำสั่งของแม่ทัพ เสียงคำรามกึกก้องจากเหล่าทหารก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างพุ่งทะยานเข้าต่อสู้กับปีศาจอย่างไม่ลดละ โดยมีเจ้าสัตว์อสูรเป็นกำลังเสริมที่น่าเกรงขามอีกหนึ่งตน

เมื่อสิ้นเสียงสั่งการของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง ซิ่วอิงก็ฉวยจังหวะที่ปีศาจมังกรดำตัวที่ทำร้ายนางกำลังตกตะลึงกับสัตว์อสูรสามหัว รีบดีดตัวลุกขึ้นจากพื้นทราย แม้จะจุกและเจ็บปวดไปทั่วร่าง แต่นางก็กัดฟันแน่น วิ่งไปคว้าง้าวที่กระเด็นไปเมื่อครู่กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

"มานี่เลยเจ้าพวกปีศาจโง่!" ซิ่วอิงตะโกนท้าทาย พลางหันไปเผชิญหน้ากับปีศาจมังกรดำอีกสี่ตัวที่แยกวงล้อมเข้ามาหานางจากคนละทิศละทาง พวกมันส่งเสียงขู่คำรามดังฮึ่ม ๆ ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมาที่นางด้วยความแค้นเคือง เพราะเจ้าสัตว์อสูรสามหัวยังคงจัดการกับพวกพ้องของพวกมันอยู่ไม่หยุดหย่อน

ซิ่วอิงกำง้าวในมือแน่น เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมลงมาตามแผ่นหลัง นางรู้ดีว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ปีศาจสี่ตัวนี้ต่างก็มีร่างกายใหญ่โตและแข็งแกร่งกว่านางนัก แต่ความกลัวไม่ได้ทำให้นางล่าถอย ง้าวถูกตวัดขึ้นตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ

ทันใดนั้นปีศาจมังกรดำตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง มันใช้กระบองยักษ์ในมือฟาดเข้าใส่นางเต็มแรง ซิ่วอิงเบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด กระบองขนาดมหึมาฟาดลงบนพื้นทรายจนเกิดเสียงดังสนั่น ทรายถูกกวาดปลิวขึ้นเป็นกลุ่มควัน

อีกตัวหนึ่งเห็นช่องว่างจึงวิ่งเข้าโจมตีจากด้านข้างด้วยคมเล็บอันแหลมคม แต่ก่อนที่มันจะได้เข้ามาถึงตัวซิ่วอิง เจ้าสัตว์อสูรสามหัวก็พุ่งเข้ามาแทรกกลางอย่างรวดเร็ว หัวหนึ่งของมันพุ่งเข้ากัดที่ขาของปีศาจอย่างแรงจนกระดูกแตกละเอียด ส่วนอีกสองหัวก็แยกกันขย้ำเข้าที่ลำตัวของมันจนเป็นรูพรุน

ซิ่วอิงใช้จังหวะที่ศัตรูเสียสมาธิ ตวัดง้าวเข้าใส่ลำตัวของปีศาจมังกรดำที่กำลังยืนนิ่งด้วยความตกใจอย่างจัง ง้าวเล่มหนักฟาดใส่เกล็ดสีดำแข็งกระด้างอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังเคร้ง! เกล็ดเหล่านั้นแตกร้าวเป็นรอยขนาดใหญ่ ซิ่วอิงอาศัยแรงกระแทกจากง้าว เหวี่ยงตัวหมุนกลับหลัง หันไปเผชิญหน้ากับปีศาจอีกสองตัวที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าโจมตี

แต่พวกมันยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร เสียงของเกาเหยียนที่อยู่ไม่ไกลนักก็ดังขึ้น

"ลูกพี่ ระวังข้างหลัง!"

ซิ่วอิงหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว ง้าวในมือถูกยกขึ้นตั้งรับการโจมตีจากปีศาจมังกรดำที่เข้ามาจากด้านหลัง ปีศาจตัวนั้นยกกระบองขึ้นเตรียมจะฟาดเข้ามาที่หัวของนาง แต่ซิ่วอิงไม่ยอมเสียเปรียบง่าย ๆ นางใช้ด้ามง้าวแข็งแกร่งปัดกระบองของมันออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระบองของมันหลุดมือแล้วร่วงลงไปในพื้นทราย ซิ่วอิงใช้โอกาสนั้นแทงสวนกลับอย่างรวดเร็ว ปลายง้าวพุ่งทะลุเข้าที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ

ในขณะเดียวกัน ปีศาจอีกสามตัวที่เหลือก็วิ่งเข้ามาโจมตีซิ่วอิงพร้อมกัน เจ้าสัตว์อสูรสามหัวที่จัดการปีศาจตัวก่อนหน้าเสร็จเรียบร้อยก็พุ่งเข้ามาสมทบทันที มันส่งเสียงคำรามกึกก้อง หัวของมันกัดเข้าที่แขนของปีศาจตัวหนึ่งอย่างแรงจนขาดสะบั้น อีกหัวก็ใช้ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมกัดเข้าที่ลำตัวของปีศาจอีกตัวจนเป็นรอยเหวอะหวะ ส่วนอีกหัวที่เหลือก็เข้าต่อสู้กับปีศาจมังกรดำที่ถือกระบองอีกอัน

ซิ่วอิงเห็นว่าเจ้าสัตว์อสูรสามารถรับมือกับศัตรูได้สองตัวในเวลาเดียวกัน ก็ตัดสินใจมุ่งเป้าไปที่ปีศาจมังกรดำที่เหลือเพียงตัวเดียว นางใช้ปลายง้าวขูดไปตามพื้นทรายเพื่อสร้างแรงเฉื่อย จากนั้นก็ใช้แรงเหวี่ยงทั้งหมดพุ่งเข้าไปหาศัตรูตรงหน้า ปีศาจตัวนั้นตกใจในความเร็วของนางที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ซิ่วอิงใช้ทักษะที่เคยฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ตวัดง้าวเข้าไปปะทะกับกระบองของมันอย่างรุนแรง

เสียงเคร้ง! ดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ กระบองของปีศาจถูกง้าวของซิ่วอิงปัดกระเด็นไป ซิ่วอิงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ นางใช้แรงทั้งหมดแทงง้าวเข้าไปที่เกล็ดส่วนท้องของมัน ซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกายปีศาจ ปลายง้าวแหลมคมพุ่งทะลุเข้าไปอย่างง่ายดาย เลือดพุ่งทะลักออกมาจากปากแผลพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของมัน

การปะทะกันดำเนินไปอย่างดุเดือดท่ามกลางผืนทรายที่แดงฉานไปด้วยโลหิตของทั้งสองฝ่าย เหล่าทหารหาญแห่งต้าฮั่นยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะปกป้องแผ่นดินและคนที่พวกเขารัก

เสียงคำรามของแม่ทัพหนุ่มฮั่วชวี่ปิ้งยังคงกึกก้องไปทั่วหุบเขา ร่างของเขาพลิ้วไหวราวกับเทพสงคราม ทวนพู่แดงในมือสังหารศัตรูอย่างต่อเนื่อง เลือดของปีศาจสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนชุดเกราะสีเงินของเขา แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ เขารู้ดีว่าสงครามครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องลมหายใจของประชาชนทั้งแผ่นดิน

"ทหารทุกคน! อย่าได้ท้อถอย!" เสียงของแม่ทัพหนุ่มยังคงก้องกังวาน "พวกเราจะชนะสงครามนี้ให้ได้! เพื่อต้าฮั่น! เพื่อประชาชน!"

คำพูดของเขาเป็นดั่งไฟที่ปลุกพลังความกล้าหาญให้ลุกโชนขึ้นในใจของทหารทุกคนอีกครั้ง ทุกคนต่างพุ่งเข้าต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้ โดยมีแม่ทัพหนุ่มเป็นผู้นำทัพอยู่เบื้องหน้า

สงครามในครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป ไม่มีใครรู้ว่าจุดจบของมันจะเป็นเช่นไร แต่สิ่งที่ทุกคนรู้คือ...พวกเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้รับชัยชนะที่แท้จริง!


หลักฐานการต่อสู้


ฆ่าปีศาจหน้าละ 4 ตัว จะได้ +8 ป้ายผลงาน และ +2 Point

ศาสตร์การล่าสัตว์ 
ทุกการล่าปีศาจหรือมาร จะได้รับโบนัส +20 ตบะฝึกฝน และ เพิ่มอัตราดรอปเลข 5 เข้าไปในตัวแปรอัตราดรอป

พรสวรรค์: ยอดฝีมือ (ทอง)
ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP 



มังกรดำ
+120 ตบะ (รวม 4 ตัวแล้ว)
 เกล็ดมังกร +28 (รวม 4 ตัวแล้ว)
มุกไอปีศาจ + 4 (รวม 4 ตัวแล้ว)


ปีศาจหนู
+40 ตบะ (รวม 4 ตัวแล้ว)
+68 ตำลังเงิน (รวม 4 ตัวแล้ว)




@Admin 







แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 4 วันที่แล้ว
ตบะฝึกฝนจากบอสไม่ต้องแนบอีกแล้ว แนบแค่ของศาสตร์การล่า  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 62617 ไบต์และได้รับ 48 EXP! [VIP]  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 62,617 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 62,617 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 5 วันที่แล้ว

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +68 ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 68 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-7-29 16:57







เลือดสีชาดฉานท่วมฉีเหลียงซาน กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งจนแสบจมูกเคล้ากับกลิ่นดินทรายและหยาดเหงื่อ กองทัพต้าฮั่นและกองทัพปีศาจยังคงห้ำหั่นกันไม่ลดละ เสียงโลหะปะทะดังสนั่นกึกก้องไปทั่วสมรภูมิ เหล่าทหารหาญต่างทุ่มเทสุดกำลังเพื่อปกป้องแผ่นดิน ไม่เว้นแม้แต่ซิ่วอิง นางยืนหยัดอย่างองอาจกลางวงล้อมของปีศาจหนูสี่ตน

ปีศาจหนูทั้งสี่ตัวมีขนาดมหึมาเท่าบุรุษฉกรรจ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ขนสีน้ำตาลเข้มหยาบกร้านปกคลุมร่างหนาเตอะ ดวงตาแดงก่ำวาวโรจน์ด้วยความกระหายเลือดและความดุร้าย เขี้ยวแหลมคมยาวเฟื้อยยื่นพ้นริมฝีปากที่เผยอออกเล็กน้อยน่าสยดสยอง แต่ละตัวถือดาบใหญ่ที่ดูเทอะทะแต่กลับสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายวับวาวราวกับเพิ่งถอดมาจากโรงตีเหล็กและโล่กลมหนาเตอะจนไม่อาจประมาณความหนาได้ พวกมันเคลื่อนไหวว่องไวอย่างเหลือเชื่อ ต่างจากรูปลักษณ์ที่ดูอุ้ยอ้ายของพวกมัน ซิ่วอิงในชุดเกราะยืนเด่นเป็นสง่ากลางวงล้อมอย่างไม่เกรงกลัว ง้าวในมือของนางยาวกว่าสองช่วงตัว ด้ามจับถักด้วยผ้าไหมสีแดงชาด ปลายง้าวคมกริบสะท้อนภาพใบหน้าอันมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวของนาง

ปีศาจหนูตัวแรกพุ่งเข้ามาก่อน ตามด้วยเสียงกรีดร้องแหลมสูงน่ารำคาญที่บาดแก้วหู มันยกโล่ขึ้นบังในขณะที่ดาบใหญ่เงื้อขึ้นสูงเหนือหัวเตรียมฟันลงมาด้วยพลังทั้งหมดที่มันมี ซิ่วอิงไม่รอช้า นางสะบัดง้าวในมือเป็นวงกว้างด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ปลายง้าวฟาดเข้าที่โล่ของปีศาจหนูอย่างแรงเกิดเสียงเคร้ง! สนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าผ่ากลางสมรภูมิ แรงปะทะทำให้ปีศาจหนูเซถลาไปเล็กน้อย ร่างกายสั่นสะท้าน แต่ด้วยพละกำลังมหาศาลของพวกมัน มันก็ตั้งหลักได้ในพริบตาพร้อมที่จะตอบโต้

ทันใดนั้นปีศาจหนูอีกสามตัวที่เหลือก็ไม่รอช้า ต่างพุ่งเข้ามาสมทบจากทิศทางที่แตกต่างกัน เป้าหมายคือซิ่วอิงผู้ยืนหยัดอย่างโดดเดี่ยว ปีศาจหนูตัวที่สองใช้ดาบใหญ่ฟันเข้าใส่จากด้านข้าง หวังตัดขานางให้ขาดสะบั้น ตัวที่สามกระโจนเข้าใส่จากด้านหลังหมายจะตะครุบ ตัวสุดท้ายพุ่งตรงเข้ามาจากด้านหน้า พร้อมฟาดฟันดาบลงมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหูมากกว่าเดิม

ซิ่วอิงไม่ตื่นตระหนก นางก้าวเท้าถอยหลังเล็กน้อย พลิ้วตัวหลบคมดาบจากด้านข้างได้อย่างฉิวเฉียด ง้าวในมือถูกเหวี่ยงกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ปลายง้าวคมกริบเสียบเข้าที่ลำตัวของปีศาจหนูตัวที่สามที่พุ่งเข้าตะครุบ แรงเหวี่ยงส่งให้ร่างมหึมาของมันลอยคว้างกลางอากาศ ก่อนจะร่วงกระแทกพื้นดินเสียงดังตุ้บ! เลือดข้นทะลักออกจากบาดแผล ปีศาจหนูตัวนั้นกระตุกเกร็งอยู่ครู่หนึ่งแล้วแน่นิ่งไป

เสียงกรีดร้องด้วยความโกรธเกรี้ยวของปีศาจหนูตัวแรกดังก้อง เมื่อเห็นสหายของมันล้มลง มันพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับฟาดฟันดาบใส่ไม่ยั้ง ซิ่วอิงหลบหลีกคมดาบอย่างคล่องแคล่วราวกับพยัคฆ์สาว แม้ชุดเกราะจะหนักอึ้ง แต่นางก็เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและพลิ้วไหว ง้าวในมือตวัดรับคมดาบของปีศาจหนูอย่างแม่นยำทุกครั้ง เกิดเสียงเคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! สนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ

ในจังหวะที่ปีศาจหนูตัวแรกง้างดาบขึ้นสูงเพื่อฟันลงมาอีกครั้ง ซิ่วอิงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ นางพุ่งเข้าหาปีศาจหนูด้วยความเร็วเหนือแสง ง้าวในมือถูกแทงทะลุโล่ของมันราวกับแทงผ่านกระดาษ ปลายง้าวพุ่งตรงเข้าเสียบทะลุหัวใจของปีศาจหนูอย่างแม่นยำ ดวงตาแดงก่ำของมันเบิกโพลงด้วยความตกใจและเจ็บปวด ร่างกายมหึมาทรุดฮวบลงกับพื้น เลือดข้นไหลนองอาบผืนดิน ซิ่วอิงสะบัดง้าวออก เลือดของปีศาจกระเด็นเป็นทางยาว

บัดนี้เหลือเพียงปีศาจหนูสองตัวสุดท้ายที่เผชิญหน้ากับซิ่วอิง พวกมันประสานเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นและระแวง ในสายตาที่แดงก่ำฉายแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ปีศาจหนูตัวที่สองและตัวที่สี่พยายามโอบล้อมซิ่วอิงจากสองด้าน พวกมันประสานการโจมตีอย่างดุเดือด แต่ซิ่วอิงยังคงสงบนิ่ง นางรับมือกับการโจมตีของพวกมันได้อย่างใจเย็น ง้าวในมือตวัดไปมาเป็นเกลียว ป้องกันและตอบโต้ได้อย่างยอดเยี่ยม

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ซิ่วอิงอาศัยความเร็วและความชำนาญในการใช้ง้าวเข้าสู้กับพละกำลังและความดุร้ายของปีศาจหนู นางหลอกล่อให้พวกมันเปิดช่องโหว่ ก่อนจะตวัดง้าวเข้าใส่ด้วยความแม่นยำ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คมง้าวเฉียดผ่านตัวของพวกมัน ทิ้งรอยบาดแผลเล็ก ๆ ไว้บนร่างกายที่ปกคลุมด้วยขนหยาบกร้าน

ในที่สุดซิ่วอิงก็มองเห็นโอกาส นางถอยหลังหนึ่งก้าว หลบคมดาบของปีศาจหนูตัวที่สองที่ฟันลงมาอย่างแรง จากนั้นนางก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว ง้าวในมือเหวี่ยงเป็นวงกว้างเข้าใส่ปีศาจหนูตัวที่สี่ที่อยู่ด้านหลัง แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้ง้าวฟาดเข้าที่คอของมันอย่างจัง เสียงฉั้วะ! ดังขึ้นพร้อมกับร่างของปีศาจหนูตัวที่สี่ที่ล้มลงขาดใจ เลือดพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ

เหลือเพียงปีศาจหนูตัวสุดท้าย มันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง มันพยายามพุ่งเข้าใส่ซิ่วอิงอย่างไม่คิดชีวิต หวังจะลากนางลงไปตายพร้อมกับมัน แต่ซิ่วอิงไม่เปิดโอกาสให้มันทำเช่นนั้น นางพุ่งเข้าหาปีศาจหนูอย่างรวดเร็ว ง้าวในมือถูกยกขึ้นสูงเหนือศีรษะ ก่อนจะฟาดฟันลงมาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่นางมี

คมง้าวผ่าลงกลางกระหม่อมของปีศาจหนูตัวสุดท้ายอย่างแม่นยำ เสียงฟุบ! ดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับร่างมหึมาที่แยกออกเป็นสองซีก เลือดและสมองของปีศาจกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ กลิ่นคาวเลือดของปีศาจคละคลุ้งยิ่งกว่าเดิม

ซิ่วอิงยืนนิ่งอยู่กลางวงล้อมของซากศพปีศาจหนูทั้งสี่ตัว ชุดเกราะของนางเปื้อนไปด้วยเลือดสีเขียว แต่ใบหน้าของนางยังคงฉายแววเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น

ซิ่วอิงมองไปรอบ ๆ ตัว พลันสายตาของนางก็ปะทะเข้ากับภาพของ เจ้าหมาสามหัวสัตว์อสูรคู่ใจที่ยังคงโลดแล่นอยู่กลางสมรภูมิ มันพุ่งชนฝูงปีศาจด้วยพละกำลังอันมหาศาล เสียงคำรามกึกก้องสะท้านฟ้าดิน บดขยี้ร่างปีศาจให้แหลกสลายใต้ฝ่าเท้าที่เปรียบดังค้อนยักษ์ เขี้ยวแหลมคมฉีกกระชากร่างศัตรูไม่หยุดหย่อน ดวงตาทั้งหกข้างของมันวาวโรจน์ไปด้วยเพลิงแห่งความบ้าคลั่ง สอดรับกับเส้นขนสีดำสนิทที่เปื้อนคาวเลือดจนแดงฉาน

ไม่ไกลออกไป เกาเหยียนกำลังสู้รบอย่างดุเดือด เขาเหวี่ยงดาบโค้งในมือฟาดฟันเข้าใส่เหล่าปีศาจอย่างไม่ลดละ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังและความแม่นยำ ร่างของปีศาจล้มระเนระนาดภายใต้คมดาบของเขา แม้จะเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ที่ยาวนาน แต่แววตาของเกาเหยียนยังคงฉายชัดถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องแผ่นดินนี้ให้ถึงที่สุด

ซิ่วอิงหอบหายใจเล็กน้อย ชุดเกราะที่เคยสะอาดบัดนี้เปื้อนโคลน เลือด และฝุ่นดินจนแทบมองไม่เห็นสีเดิม ง้าวในมือของนางหนักอึ้งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แต่จิตวิญญาณนักรบของนางกลับยิ่งลุกโชน แม้ปีศาจที่พวกเขาสังหารไปได้มีจำนวนมากมายกองเป็นภูเขาเลากา แต่เมื่อมองไปยังทิศทางอื่น ๆ ของสนามรบ กลับพบว่ากองทัพปีศาจยังคงหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายราวกับไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันยังคงมีจำนวนมหาศาล เกินกว่าครึ่งของกองทัพปีศาจทั้งหมดที่บุกเข้ามาในฉีเหลียงซานยังคงมีชีวิตอยู่และพร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกับทหารต้าฮั่นทุกเมื่อ

ทันใดนั้นผืนดินก็สั่นสะเทือน เสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ซิ่วอิงหันขวับ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเงาร่างมหึมาสี่ตนพุ่งตรงมายังนาง ปีศาจมังกรดำนั่นเอง! พวกมันแต่ละตัวถือกระบองเหล็กขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม กระบองนั้นยาวกว่าสองช่วงตัวของบุรุษ บ่งบอกถึงพละกำลังอันน่าเหลือเชื่อของผู้ถือ ซิ่วอิงรู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายแม้จะเคยสังหารพวกมันมาหลายตัว เพราะปีศาจมังกรขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังมหาศาลและความอึดทน

ปีศาจมังกรตัวแรกคำรามลั่น มันพุ่งเข้าใส่ซิ่วอิงอย่างไม่เกรงกลัว กระบองในมือถูกยกขึ้นสูงและฟาดลงมาอย่างรวดเร็วราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า แรงลมจากการฟาดกระบองทำให้เส้นผมของซิ่วอิงปลิวไสว แต่นางกลับสงบนิ่ง ง้าวในมือถูกตวัดขึ้นรับ แรงปะทะรุนแรงจนเกิดเสียง เคร้ง! สนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ซิ่วอิงถูกแรงกระแทกจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว แขนขารู้สึกชาไปหมด กระบองเหล็กของปีศาจมังกรแข็งแกร่งเกินกว่าที่นางคาดไว้

ยังไม่ทันที่ซิ่วอิงจะตั้งหลักได้ ปีศาจมังกรอีกสามตัวก็เข้าสมทบ พวกมันประสานการโจมตีจากทิศทางต่าง ๆ ตัวหนึ่งฟาดกระบองลงมาจากด้านหน้า อีกตัวหนึ่งกวาดกระบองหวังจะกวาดขานางให้ล้มลง ส่วนตัวที่สามกระโดดเข้าใส่จากด้านหลังหมายจะตะครุบซิ่วอิงไว้ ซิ่วอิงพลิ้วตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียด ง้าวในมือตวัดเป็นวงกว้างเข้าปะทะกับกระบองที่ฟาดลงมา ปลายง้าวคมกริบเฉียดผ่านเกล็ดหนาของปีศาจมังกรแต่ไม่อาจสร้างความเสียหายรุนแรงได้ เพราะเกล็ดของพวกมันแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า

ซิ่วอิงตัดสินใจที่จะไม่ปะทะตรง ๆ กับพละกำลังอันมหาศาลของพวกมัน นางอาศัยความเร็วและความคล่องตัวที่เหนือกว่า ปีศาจมังกรตัวที่สองฟาดกระบองเข้าใส่ด้านข้าง ซิ่วอิงเอนตัวหลบ คมกระบองผ่านหน้านางไปเพียงเสี้ยวหลิว ก่อนที่นางจะใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าหาช่องว่างใต้แขนของมัน ง้าวในมือตวัดขึ้นฟันเข้าที่ข้อต่อขาหน้าของปีศาจมังกร เสียงฉึบ! ดังขึ้น เลือดทะลักออกมาจากบาดแผล ปีศาจมังกรคำรามด้วยความเจ็บปวด มันเซถลาไปเล็กน้อย แต่ด้วยความแข็งแกร่งของมัน มันก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้

ขณะที่ปีศาจมังกรตัวที่สองกำลังเสียหลัก ซิ่วอิงก็ไม่รอช้า นางหมุนตัวอย่างรวดเร็วและใช้ปลายง้าวแทงเข้าที่ดวงตาของปีศาจมังกรตัวที่สามที่กำลังพุ่งเข้าใส่จากด้านหลัง เสียงปัก! ดังขึ้น ดวงตาสีทองอำพันของมันแตกกระจาย เลือดไหลอาบหน้า ปีศาจมังกรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดวงตาอีกข้างที่เหลือเบิกโพลงด้วยความตกใจ มันดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ฟาดกระบองไปมาอย่างไร้ทิศทาง สร้างความเสียหายให้กับบริเวณรอบข้าง แต่ซิ่วอิงก็ถอยออกมารักษาระยะห่างได้อย่างปลอดภัย

ปีศาจมังกรตัวแรกและตัวสุดท้ายเห็นสหายของมันบาดเจ็บก็ยิ่งโกรธแค้น พวกมันพุ่งเข้าใส่ซิ่วอิงพร้อมกันอย่างดุดันยิ่งขึ้น เสียงกระบองเหล็กปะทะง้าวของซิ่วอิงดังระงมไปทั่วสมรภูมิ ซิ่วอิงรับการโจมตีอย่างสุดกำลัง แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าและความดุร้ายที่เพิ่มขึ้นของปีศาจมังกร ทำให้นางเริ่มเสียเปรียบ

ปีศาจมังกรตัวแรกฟาดกระบองเข้าใส่จากด้านบน ซิ่วอิงยกง้าวขึ้นรับ แรงปะทะรุนแรงจนซิ่วอิงถึงกับทรุดลงเล็กน้อย ในจังหวะนั้นเอง ปีศาจมังกรตัวสุดท้ายก็ฉวยโอกาส ฟาดกระบองเข้าใส่สีข้างของซิ่วอิงอย่างเต็มแรงปัง! เสียงกระบองกระทบเกราะดังสนั่น แรงกระแทกทำให้ซิ่วอิงกระเด็นออกไปหลายวา นางร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ชุดเกราะด้านข้างบุบลงไปเล็กน้อย ความเจ็บปวดแล่นแปลบไปทั่วร่างกาย แต่ซิ่วอิงกัดฟันแน่น นางรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ช้าไปเพียงเสี้ยววินาที กระบองของปีศาจมังกรตัวสุดท้ายก็ฟาดซ้ำลงมาอีกครั้ง

ซิ่วอิงกลิ้งตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ปลายกระบองที่เต็มไปด้วยหนามแหลมก็ยังเฉือนเข้าที่ต้นขาของนางกรีดเป็นแผล เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากรอยขาดของชุด ความเจ็บปวดทำให้ซิ่วอิงขบกรามแน่น นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะอ่อนแอ

ซิ่วอิงไม่ยอมให้บาดแผลมาบั่นทอนกำลังใจ นางอาศัยความได้เปรียบเรื่องความเร็ว พุ่งเข้าหาปีศาจมังกรตัวที่สาม ที่บาดเจ็บที่ดวงตา นางตวัดง้าวเข้าใส่คอของมันอย่างรวดเร็ว แต่เกล็ดที่แข็งแกร่งทำให้ง้าวทำได้เพียงแค่กรีดเป็นรอยตื้น ๆ ซิ่วอิงไม่ลดละ นางตวัดง้าวซ้ำแล้วซ้ำอีกไปที่จุดเดิม เสียงฉัวะ! ฉัวะ! ดังขึ้นพร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูด ในที่สุดเกล็ดที่คอของปีศาจมังกรก็ถูกทำลาย ง้าวของซิ่วอิงฟันเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ แรงฟันอันมหาศาลทำให้ศีรษะของมันแทบจะหลุดออกจากบ่า ปีศาจมังกรดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างไม่อาจขยับได้อีก

เหลือปีศาจมังกรอีกสามตัวที่ยังยืนหยัดอยู่ ความกลัวเริ่มฉายชัดในดวงตาที่แดงก่ำของพวกมัน ซิ่วอิงไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้ตั้งตัว นางพุ่งเข้าหา ปีศาจมังกรตัวที่สอง ที่ขาหน้าบาดเจ็บ มันพยายามจะฟาดกระบองสวนกลับ แต่ซิ่วอิงเร็วกว่า นางหลบหลีกคมกระบองได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วใช้จังหวะที่มันง้างกระบองขึ้นสูง แทงง้าวเข้าที่ช่องว่างระหว่างเกล็ดตรงหน้าอกของมัน ปลายง้าวทะลุทะลวงเข้าไปอย่างแม่นยำ เสียงครืน! ดังขึ้นพร้อมกับร่างของปีศาจมังกรที่ทรุดฮวบลง เลือดทะลักออกมาจากปากและจมูก ดวงตาของมันค่อย ๆ หรี่ลงก่อนจะดับไป

ในพริบตานั้นเอง ปีศาจมังกรที่เหลืออีกสองตัวก็ประสานเสียงคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวและหวาดกลัวปนกัน พวกมันพุ่งเข้าใส่ซิ่วอิงพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง หวังจะบดขยี้ร่างเล็ก ๆ ของนางให้แหลกคามือ แต่ซิ่วอิงยังคงสงบนิ่ง แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจากบาดแผล แต่จิตใจของนางยังคงมุ่งมั่น

ปีศาจมังกรตัวแรกฟาดกระบองลงมาอย่างแรงหมายจะผ่ากลางร่างซิ่วอิง นางกระโดดหลบไปด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว พลิกตัวกลางอากาศ แล้วใช้จังหวะที่ปีศาจมังกรฟันพลาดและเสียหลักอยู่ชั่วขณะ ง้าวในมือของนางถูกตวัดกลับไปด้านหลังด้วยความเร็วเหนือแสง ปลายง้าวคมกริบเสียบเข้าที่รอยแตกเล็ก ๆ บริเวณใต้เกล็ดคอของปีศาจมังกรที่เกิดจากการปะทะกันก่อนหน้านี้ ซิ่วอิงออกแรงกดและบิดง้าวอย่างสุดกำลัง แรงบิดทำให้เกล็ดรอบบาดแผลฉีกขาดเป็นทางยาว เลือดทะลักออกมาดุจน้ำพุ ร่างมหึมาของปีศาจมังกรกระตุกเกร็ง ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้นเลือดไหลนองอาบผืนดิน ซิ่วอิงสะบัดง้าวออกด้วยท่าทางเยือกเย็น

บัดนี้เหลือเพียงปีศาจมังกรตัวสุดท้าย มันยืนนิ่งงันด้วยความหวาดกลัว ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความดุร้ายบัดนี้ฉายแววสิ้นหวัง มันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พยายามจะหนี แต่ซิ่วอิงไม่เปิดโอกาสให้มันทำเช่นนั้น นางพุ่งเข้าหาปีศาจมังกรด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ ง้าวในมือถูกยกขึ้นสูงก่อนจะพุ่งตรงเข้าใส่ลำตัวของปีศาจมังกรที่พยายามจะเบี่ยงตัวหนี ง้าวทะลวงผ่านเกล็ดที่หน้าท้องของมันอย่างง่ายดาย เนื่องจากเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกาย ซิ่วอิงออกแรงแทงง้าวเข้าไปลึกยิ่งขึ้นจนปลายง้าวทะลุออกอีกด้านของลำตัว

ปีศาจมังกรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสุดจะทนทาน ดวงตาของมันเบิกโพลงค้าง ร่างกายมหึมาของมันกระตุกเกร็งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะล้มลงอย่างช้า ๆ กลืนกินฝุ่นดินและเลือดของมันเอง

ซิ่วอิงยืนนิ่งท่ามกลางซากศพของปีศาจ แม้ร่างกายจะอ่อนล้าจนแทบหมดแรง นางหอบหายใจหนักหน่วง มองไปทางทัพหน้าก็เห็นแม่ทัพฮั่วยังคงโลดแล่นอยู่กลางสมรภูมิในอีกด้านหนึ่งของสนามรบ ด้วยเพลงทวนที่พลิ้วไหวราวกับสายน้ำ แต่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันน่าเกรงขาม ทวนของเขาสังหารปีศาจมังกรตัวแล้วตัวเล่าอย่างง่ายดายราวกับร่ายรำในสวนดอกไม้ ซิ่วอิงรู้สึกชื่นชมในความสามารถของเขาจากใจจริง

แม้ชัยชนะเหนือปีศาจหนูและปีศาจมังกรกลุ่มนี้จะช่วยคลายสถานการณ์ตรงหน้าไปได้บ้าง แต่เมื่อมองไปทั่วสมรภูมิอันกว้างใหญ่ ซิ่วอิงก็ตระหนักดีว่าสงครามยังอีกยาวไกล นางกระชับง้าวในมือ รู้ดีว่าการต่อสู้นี้ยังไม่จบ และนางพร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ให้ถึงที่สุดตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ



หลักฐานการต่อสู้


ฆ่าปีศาจหน้าละ 4 ตัว จะได้ +8 ป้ายผลงาน และ +2 Point

ศาสตร์การล่าสัตว์ 
ทุกการล่าปีศาจหรือมาร จะได้รับโบนัส +20 ตบะฝึกฝน และ เพิ่มอัตราดรอปเลข 5 เข้าไปในตัวแปรอัตราดรอป

พรสวรรค์: ยอดฝีมือ (ทอง)
ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP 



มังกรดำ
 เกล็ดมังกร +20 (รวม 4 ตัวแล้ว)
มุกไอปีศาจ + 4 (รวม 4 ตัวแล้ว)
มุกอัสนี +4 (รวม 4 ตัวแล้ว)


ปีศาจหนู
140 ตำลังเงิน (รวม 4 ตัวแล้ว)
โล่ไม้ +4 (รวม 4 ตัวแล้ว)
กระบี่ +4 (รวม 4 ตัวแล้ว)




@Admin 






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 48635 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 48,635 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 48,635 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 48,635 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +140 ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 140 + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
โพสต์ 49 วินาทีที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด







ฉีเหลียงซานที่เคยสงบในสมัยก่อน บัดนี้กลับกลายเป็นสมรภูมิเลือดที่ปะทุขึ้นด้วยเพลิงสงครามและกลิ่นคาวสนิมของโลหิต ทหารหาญนับร้อยยังคงยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับปีศาจมังกรที่บุกโจมตีเข้ามามิเว้นวาย เสียงดาบกระทบดาบดังสนั่นหวั่นไหวราวกับเสียงดนตรีแห่งความตาย

ท่ามกลางความโกลาหล ซิ่วอิงยังคงยืนหยัดอย่างองอาจ ใบหน้าของนางเปื้อนคราบเลือดและหยาดเหงื่อ แต่ดวงตาคู่นั้นยังคงทอประกายแห่งความมุ่งมั่น ทันใดนั้นนางก็ก้มลงมองแผลที่ขาขวาที่ได้รับจากอาวุธของปีศาจมังกรตัวหนึ่งที่นางเพิ่งสังหารไป เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย นัยน์ตาของนางฉายแววความเจ็บปวดเพียงชั่วครู่ ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย

“บ้าชะมัด!”

นางไม่รอช้าฉีกชายเสื้อออกเป็นริ้ว ๆ แล้วพันแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือดอย่างลวก ๆ ให้พอกันไม่ให้เลือดไหลออกมาจนหมดแรง ก่อนจะถือง้าวใหญ่ที่หนักอึ้งราวกับต้นไม้ทั้งต้นยันร่างตนเองขึ้นมาอย่างทรหดแล้ววิ่งทะยานไปยังปีศาจมังกรดำตัวมหึมาที่ยืนหยัดอย่างโอหังและถือกระบองเหล็กในมือ มันหันมามองนางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก แต่ซิ่วอิงไม่สนใจ นางเหวี่ยงง้าวขึ้นสุดแขนแล้วฟาดลงไปอย่างแรงสุดกำลังจนเกิดประกายไฟจากกระบองเหล็กของปีศาจกระเด็นออกมาเป็นวงกว้าง ปีศาจมังกรยังคงมีทีท่าที่เหนือกว่า มันหัวเราะเยาะแล้วปัดง้าวของนางให้กระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย

ซิ่วอิงกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ นางกลับรุกเข้าไปอย่างไม่ลดละแล้วใช้ปลายง้าวแทงสวนเข้าไปที่ดวงตาของปีศาจมังกรอย่างรวดเร็วจนมันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด และในจังหวะที่มันเสียหลักนั่นเอง ซิ่วอิงจึงอาศัยจังหวะนี้กระโดดขึ้นไปบนศีรษะของมันแล้วใช้ปลายง้าวแทงเข้าไปที่เบ้าตาที่เหลืออีกข้างหนึ่งอย่างแม่นยำ เลือดไหลอาบหน้าของนางเป็นทางยาว ก่อนที่นางจะแทงง้าวเข้าไปที่สมองของมันซ้ำ ๆ จนปีศาจมังกรล้มลงสิ้นใจในที่สุด

ซิ่วอิงยืนหอบหายใจอยู่บนร่างอันไร้วิญญาณของปีศาจมังกรดำด้วยความเหนื่อยล้า เลือดจากแผลที่ขาไหลซึมออกมาอีกครั้งแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้สนใจมันอีกต่อไปแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกควันและกลิ่นอายของความตาย ก่อนจะตะโกนก้องออกมาด้วยความเด็ดเดี่ยวว่า 

"ถ้าจะให้ตายก็ขอให้ตายในสมรภูมิรบนี้! ข้าไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้หรอก!"

ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนกึกก้องราวกับปลุกขวัญกำลังใจให้แก่ตนเอง ซิ่วอิงก็พุ่งกายออกไปด้วยความเร็วราวกับลูกศรที่พุ่งออกจากคันธนู ตรงไปยังปีศาจหนูร่างกำยำที่ยืนทะมึนถือดาบใหญ่และโล่หนังหนาอยู่ไม่ไกล ปีศาจหนูตัวนั้นมีนัยน์ตาสีแดงก่ำราวกับโลหิต จมูกยาวและแหลมคล้ายหนูแต่กลับมีเขี้ยวโง้งสีเหลืองซีดแลบออกมานอกริมฝีปาก มันหัวเราะเยาะในลำคอเมื่อเห็นร่างเล็กของซิ่วอิงพุ่งตรงเข้ามา

เมื่อซิ่วอิงเข้าประชิดตัว ปีศาจหนูก็ยกโล่ขึ้นป้องกันการโจมตีด้วยง้าวของนางอย่างรวดเร็ว เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อโลหะกระทบหนังหนา ซิ่วอิงออกแรงกดง้าวลงหวังจะผ่าโล่ของมันให้ขาด แต่ปีศาจหนูกลับแข็งแกร่งกว่าที่นางคาดคิด มันดันโล่สวนกลับมาจนร่างของนางเสียหลักเซถอยหลังไปสองสามก้าว ปีศาจหนูไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย มันเงื้อดาบใหญ่ขึ้นแล้วฟาดลงมายังร่างของซิ่วอิงอย่างหนักหน่วง นางรีบยกง้าวขึ้นรับดาบเอาไว้สุดกำลัง แรงปะทะทำให้แขนของนางชาไปทั้งแถบ

ซิ่วอิงรู้ดีว่าหากประลองกำลังกันตรง ๆ นางเสียเปรียบรูปร่างและพละกำลังของปีศาจหนูอย่างแน่นอน นางจึงเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นหลบหลีกการโจมตีของมันอย่างว่องไว อาศัยความคล่องแคล่วของตนเองหมุนตัวหลบดาบใหญ่ที่ฟาดมาแต่ละครั้งอย่างหวุดหวิด ปีศาจหนูเริ่มหงุดหงิดที่โจมตีไม่ถูกเป้าหมาย มันตวัดดาบและเหวี่ยงโล่ไปมาอย่างบ้าคลั่งจนฝุ่นดินตลบคลุ้ง

ในขณะที่ซิ่วอิงกำลังหลบหลีกอยู่นั้นเอง ปีศาจหนูก็ใช้หางยาวที่แข็งแรงของมันฟาดเข้าที่ขาของนางอย่างรวดเร็วโดยที่นางไม่ทันระวังตัว ร่างของซิ่วอิงล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาที่ขาข้างเดิมที่เพิ่งถูกทำร้ายไป นางกัดฟันอดทนไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา ปีศาจหนูหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นนางล้มลง มันยกดาบใหญ่ขึ้นเตรียมจะปลิดชีพของนาง

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ซิ่วอิงก็ตัดสินใจครั้งสำคัญ นางกลิ้งตัวหลบดาบที่ฟาดลงมาเฉียดศีรษะไปนิดเดียว ก่อนจะใช้ปลายเท้าถีบเข้าที่ท้องของปีศาจหนูอย่างแรงจนมันจุกเสียดไปชั่วขณะ ในจังหวะที่ปีศาจหนูเสียหลักนั้นเอง ซิ่วอิงก็รีบลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แม้ขาจะเจ็บปวดแต่ดวงตาของนางกลับเปล่งประกายความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

นางรวบรวมพลังทั้งหมดที่มี พุ่งเข้าใส่ปีศาจหนูอีกครั้ง คราวนี้างไม่ได้ปะทะด้วยกำลัง แต่กลับใช้ความเร็วและความคล่องแคล่วที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ นางเคลื่อนไหวรอบตัวปีศาจหนูอย่างรวดเร็วจนมันตามไม่ทัน แล้วในที่สุดนางก็หาจังหวะเหมาะ ฟาดง้าวลงไปที่ข้อเท้าของปีศาจหนูอย่างแม่นยำ เสียงกระดูกแตกดังกร๊อบ ปีศาจหนูร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานและทรุดเข่าลง

เมื่อเห็นปีศาจหนูเสียหลัก ซิ่วอิงก็ไม่ปล่อยโอกาสให้มันได้ตั้งตัว นางกระโดดขึ้นเหยียบหลังของมันแล้วเงื้อขวานสุดแขน ก่อนจะฟาดลงไปที่ศีรษะของปีศาจหนูอย่างเต็มแรง เสียงกะโหลกแตกดังสนั่น ร่างของปีศาจหนูล้มคว่ำลงกับพื้นแน่นิ่ง เลือดสีไหลทะลักออกมาจากบาดแผล

ซิ่วอิงถอยออกมาจากร่างของปีศาจหนูที่แน่นิ่ง เลือดของมันยังคงไหลไม่หยุดย้อมพื้นดินให้กลายเป็นสีแดงเข้ม นางยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง แขนขาที่อ่อนล้าจนแทบยกไม่ขึ้น แต่ดวงตาของนางยังคงสอดส่องไปทั่วสมรภูมิอย่างระแวดระวัง

ขณะที่ซิ่วอิงกำลังมองไปรอบ ๆ นางเห็นภาพที่น่าหดหู่ใจ เหล่าทหารหาญที่เคยยืนหยัดอย่างกล้าหาญ บัดนี้เริ่มอ่อนล้าและบาดเจ็บจากการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับปีศาจ แต่ละตัวมีพละกำลังและขนาดที่เหนือกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว การประจัญบานแบบหนึ่งต่อหนึ่งทำให้ทหารเสียเปรียบอย่างมาก หลายคนต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อรับมือกับการโจมตีเพียงครั้งเดียว จนหมดแรงและบาดเจ็บอย่างน่าอนาถ บางคนล้มลงกลางสนามรบ เลือดไหลอาบพื้นไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ได้อีก เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว

ท่ามกลางความโกลาหลและความสิ้นหวังนั้นเอง เสียงอันหนักแน่นและทรงพลังของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งก็ดังขึ้น 

"ทุกคน! จัดกระบวนทัพ!"

เสียงคำสั่งนั้นราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางใจของเหล่าทหารหาญที่กำลังสู้รบอย่างเหน็ดเหนื่อย พวกเขาเริ่มรวบรวมสติและรีบกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบ เพราะรู้ดีว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกสถานการณ์ พวกทหารผู้ถือโล่ยกโล่หนาขึ้นในระดับอก ยืนเรียงชิดกันโดยเว้นระยะห่างเพียงครึ่งก้าวเพื่อไม่ให้ปีศาจแทรกตัวเข้ามาได้ ก่อกำแพงโล่ที่แข็งแกร่งเป็นวงกลมล้อมรอบเพื่อป้องกันการโจมตีจากทุกทิศทาง

ภายในวงกลมของโล่นั้น เหล่าทหารผู้ใช้หอกและง้าวก็เข้าประจำตำแหน่ง พวกเขาชูอาวุธขึ้นสูงและพร้อมที่จะแทงศัตรูผ่านช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างโล่ เสียงกระทบของโลหะยังคงดังไม่ขาดสาย แต่บัดนี้เป็นเสียงที่แสดงถึงความสามัคคีและความพร้อมเพรียง ไม่ใช่เสียงแห่งความสิ้นหวัง

ปีศาจที่ดาหน้าเข้ามาอย่างบ้าคลั่งต้องหยุดชะงักเมื่อเจอกับกำแพงโล่ที่แข็งแกร่งนี้ พวกมันคำรามและพยายามพุ่งชนอย่างบ้าคลั่ง แต่กำแพงโล่กลับไม่สะทกสะท้าน ปีศาจที่พยายามจะกระโดดข้ามก็ถูกหอกแหลมคมที่ชูขึ้นสูงแทงสวนเข้าที่ลำตัวอย่างรวดเร็ว

ซิ่วอิงที่กำลังยืนพักหอบหายใจเมื่อเห็นกระบวนทัพตั้งตัวได้สำเร็จ ก็รู้สึกถึงพลังที่กลับคืนมาอีกครั้ง นางวิ่งไปรวมกลุ่มกับเหล่าทหารที่ยืนเรียงรายกันเป็นวงกลม นางใช้ปลายง้าวแทงสวนออกไปผ่านช่องว่างของโล่แต่ละอันอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ราวกับกำลังใช้หอกยาวที่สามารถควบคุมได้ดั่งใจ

ปีศาจหนูอีกสามตัวที่ยังคงยืนกราดเกรี้ยวอยู่ไม่ไกลเริ่มเห็นว่าพวกตนไม่สามารถเจาะทะลวงกระบวนทัพเข้ามาได้ง่าย ๆ พวกมันจึงเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ หนึ่งในนั้นกระโดดขึ้นไปบนตัวของปีศาจหนูอีกตัวเพื่อหวังจะกระโดดข้ามกำแพงโล่เข้ามา แต่ซิ่วอิงกลับมองเห็นการเคลื่อนไหวนี้ตั้งแต่แรก นางรีบแทงง้าวเข้าไปที่ลำตัวของปีศาจหนูที่กำลังกระโดดขึ้นมาอย่างแรงจนมันร้องโหยหวนและร่วงลงมา

ปีศาจหนูอีกตัวเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ล้มลงก็เกิดความโมโห มันพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งหวังจะทำลายโล่ให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ซิ่วอิงยังคงใช้ความเร็วและความแม่นยำที่เหนือกว่า นางแทงง้าวผ่านช่องว่างของโล่เข้าที่คอของมันอย่างรวดเร็วจนเลือดพุ่งกระฉูดออกมาเป็นสายยาว

เหลือปีศาจหนูตัวสุดท้าย มันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น ดวงตาสีแดงก่ำของมันจับจ้องมาที่ซิ่วอิงอย่างไม่ละสายตา ซิ่วอิงเองก็จ้องกลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มี นางยกง้าวขึ้นสูงแล้วใช้ความเร็วที่เหนือกว่าฟาดลงไปที่ข้อเท้าของมันอีกครั้ง เสียงกระดูกแตกดังกร๊อบอีกครา และปีศาจหนูตัวสุดท้ายก็ล้มลงสิ้นท่า ซิ่วอิงไม่ปล่อยให้มันได้มีโอกาสลุกขึ้น นางแทงง้าวเข้าที่หัวของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างของมันแน่นิ่ง

กำแพงโล่ยังคงตั้งมั่นแต่ไม่มีเวลาให้ทุกคนแม้แต่จะหยุดพัก ไม่นานปีศาจมังกรดำที่ถือกระบองเหล็กสามตัวก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันคำรามกึกก้องด้วยความโมโหที่เห็นทัพมนุษย์ตั้งรับอย่างมีระเบียบ ตัวแรกพุ่งเข้าชนกำแพงโล่อย่างบ้าคลั่ง หวังจะใช้กำลังมหาศาลทะลวงให้โล่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เสียงโลหะปะทะโล่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสมรภูมิ ซิ่วอิงเห็นดังนั้นก็รีบแทงง้าวผ่านช่องว่างของโล่ออกไปอย่างรวดเร็ว ง้าวแหลมคมแทงเข้าที่ท้องของปีศาจมังกรดำอย่างจัง แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านเพียงแค่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ปีศาจมังกรดำตัวแรกยังคงพุ่งชนกำแพงโล่อย่างบ้าคลั่ง ท้องที่ถูกง้าวของซิ่วอิงแทงเข้าอย่างจังเริ่มมีเลือดทะลักออกมา แต่มันกลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดใด ๆ ให้เห็น มีเพียงเสียงคำรามที่ดังกึกก้องกว่าเดิมและพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ซิ่วอิงรู้ดีว่าแค่แทงเข้าไปไม่สามารถปลิดชีพมันได้ นางจึงใช้ปลายง้าวขีดเป็นวงกลมบนท้องที่เต็มไปด้วยเลือดของมันให้เป็นรอยลึก แล้วจึงออกแรงแทงง้าวเข้าไปตรงกลางของวงกลมที่เพิ่งขีดขึ้น แรงแทงที่รุนแรงราวกับต้องการจะเจาะทะลวงเข้าไปในร่างของมันทำให้โล่ที่กั้นอยู่ข้างหน้านางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ปีศาจมังกรดำส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างแท้จริง ร่างของมันกระตุกอย่างรุนแรงก่อนจะถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

"พวกเจ้าจงตั้งมั่นเอาไว้! ข้าจะจบมันเอง!" ซิ่วอิงตะโกนบอกเพื่อนทหาร 

นางใช้ความยาวของง้าวให้เป็นประโยชน์ เงื้ออาวุธขึ้นสูงแล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีแทงง้าวผ่านช่องว่างระหว่างโล่เข้าไปที่ดวงตาของปีศาจมังกรดำอย่างแม่นยำ มันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดและทรุดตัวลง ซิ่วอิงไม่รอช้า นางแทงง้าวซ้ำเข้าไปที่เบ้าตาที่เหลืออีกข้างอย่างรวดเร็ว เลือดไหลทะลักออกมาเป็นสายยาว และในจังหวะที่มันเซ ซิ่วอิงก็แทงง้าวเข้าไปที่สมองของมันซ้ำ ๆ จนปีศาจมังกรดำล้มลงแน่นิ่งไปในที่สุด

ปีศาจมังกรดำอีกสองตัวเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ล้มลงก็ยิ่งโมโหจัด พวกมันพุ่งเข้ามาชนกำแพงโล่อย่างบ้าคลั่งจนกำแพงสั่นสะเทือนไปทั้งแถบ ซิ่วอิงรู้ดีว่ากำแพงโล่ไม่สามารถทานแรงปะทะของปีศาจมังกรดำทั้งสองตัวได้นาน นางจึงขอให้ทหารที่อยู่ใกล้เคียงสองสามนายเปิดช่องว่างเล็ก ๆ ให้ง้าวของนางสามารถสอดออกไปได้

"อย่าให้พวกมันทะลวงเข้ามาได้เด็ดขาด!" นางบอกเสียงเข้ม 

ก่อนจะใช้ปลายง้าวที่แหลมคมแทงออกไปอย่างรวดเร็วราวกับอสรพิษที่ฉกเหยื่อ ง้าวแทงเข้าที่ขาของปีศาจมังกรดำตัวที่ยืนอยู่ด้านหน้าอย่างจังจนมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แต่มันกลับไม่ล้มลง ซิ่วอิงจึงใช้ความยาวของง้าวเหวี่ยงปลายง้าวแทงเข้าไปที่ขาอีกข้างของมันอย่างรวดเร็ว มันทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด ซิ่วอิงไม่รอช้า นางใช้ปลายง้าวแทงเข้าไปที่ดวงตาของมันอย่างรวดเร็วแล้วแทงซ้ำ ๆ จนมันล้มลงแน่นิ่งไป

เหลือปีศาจมังกรดำตัวสุดท้าย มันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธแค้น ดวงตาสีแดงก่ำของมันจับจ้องมาที่ซิ่วอิง ซิ่วอิงเองก็จ้องกลับด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางรวบรวมพลังทั้งหมดที่มี เงื้อง้าวขึ้นสูงแล้วบอกให้เพื่อนทหารเปิดช่องให้กว้างพอที่นางจะฟันง้าวออกไปได้

"ข้าจะจบมันเอง! พวกเจ้าเตรียมรับแรงปะทะให้ดี!" นางตะโกนบอกเพื่อน ๆ ทหาร ก่อนจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีฟันง้าวออกไปที่คอของมันอย่างแรง เสียงกระดูกแตกดังกร๊อบ และหัวของปีศาจมังกรดำก็หลุดออกจากบ่า เลือดพุ่งทะลักออกมาเป็นสายใหญ่จนเปรอะเปื้อนกำแพงโล่และชุดเกราะของซิ่วอิง ร่างอันไร้วิญญาณของมันล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนพื้นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสมรภูมิ

ท่ามกลางทหารหาญที่ยืนเรียงรายกันในวงโล่ ซิ่วอิงเห็นเกาเหยียนยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและเหงื่อ มีรอยบาดแผลลึกที่แขนและขาจากการต่อสู้ แต่เขายังคงยืนหยัดอย่างองอาจ มือที่กำดาบโค้งไว้แน่นจนสั่นเทา บ่งบอกถึงความอ่อนล้าที่เกาะกุมเขาอยู่ ซิ่วอิงรู้ดีว่าเกาเหยียนก็เหน็ดเหนื่อยไม่แพ้กัน แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอย่างไม่ย่อท้อเพื่อปกป้องเพื่อนพ้องและผืนแผ่นดิน

ทันใดนั้นเองเสียงคำรามที่ดังสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าผ่าก็ดังขึ้นจากนอกวงโล่ หมาสามหัวร่างกำยำยังคงยืนหยัดอย่างองอาจ มันคำรามกึกก้องและพุ่งเข้าต่อสู้กับปีศาจมังกรที่บุกเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว เจ้าหมาสามหัวมีเขี้ยวที่แหลมคมราวกับมีด ดวงตาสามคู่จ้องมองปีศาจด้วยความหิวกระหาย เลือดของมันไหลอาบขาลงมาแต่ดูเหมือนมันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ มันยังคงใช้เขี้ยวและกรงเล็บที่แหลมคมฉีกร่างของปีศาจที่เข้าโจมตีมันอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นเช่นนั้น แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งก็ไม่รอช้าที่จะลงมือ เขาพุ่งทะยานออกจากวงกระบวนทัพโล่ด้วยความเร็วที่เหนือมนุษย์ เสมือนลูกธนูที่หลุดจากคันศรในมือของพรานชั้นยอด ตัวของเขาเหมือนมีพลังบางอย่างที่แผ่ออกมา กวาดแกว่ง ทวนพู่แดงในมือด้วยลีลาอันร้ายกาจและรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน

ทวนในมือของเขาพุ่งแทงเข้าใส่ปีศาจราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ เหล่าปีศาจที่กำลังบุกเข้ามาต่างล้มตายไปอย่างง่ายดาย ทวนคมปลาบปักเข้าที่กลางอกบ้าง กลางลำคอของปีศาจบ้าง เลือดพุ่งกระจายอย่างน่าสยดสยอง แม่ทัพฮั่วกระโดดหมุนตัวกลางอากาศแล้วใช้ทวนฟาดเข้าที่ลำคอของปีศาจอย่างรวดเร็วจนหัวขาดกระเด็น

เพียงไม่นานร่างของเหล่าปีศาจก็ทับถมกันเป็นกองพะเนิน หากประเมินด้วยสายตาแล้วน่าจะล้มตายไปไม่ต่ำกว่าห้าร้อยตัว แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งวิ่งทะยานผ่านร่างของเหล่าปีศาจที่ล้มตายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าสีขาวที่ยืนรอเขาอยู่ไม่ไกล ดวงตาของเขาเปล่งประกายแห่งความมุ่งมั่นและอำมหิต ริมฝีปากที่เปื้อนเลือดของปีศาจยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างองอาจ

"ฆ่า!!! อย่าให้เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว!!!"

สิ้นเสียงตะโกนก้องของแม่ทัพ เสียงคำรามกึกก้องด้วยความหึกเหิมของเหล่าทหารหาญก็ดังขึ้น พวกเขากระชับอาวุธในมือแน่นขึ้นและพร้อมที่จะสู้ตายเพื่อชัยชนะในครั้งนี้




หลักฐานการต่อสู้


ฆ่าปีศาจหน้าละ 4 ตัว จะได้ +8 ป้ายผลงาน และ +2 Point

ศาสตร์การล่าสัตว์ 
ทุกการล่าปีศาจหรือมาร จะได้รับโบนัส +20 ตบะฝึกฝน และ เพิ่มอัตราดรอปเลข 5 เข้าไปในตัวแปรอัตราดรอป

พรสวรรค์: ยอดฝีมือ (ทอง)
ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP 



มังกรดำ
รอผลเลขไบต์


ปีศาจหนู
รอผลเลขไบต์




@Admin 






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 50,999 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 49 วินาทีที่แล้ว
โพสต์ 50,999 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 49 วินาทีที่แล้ว
โพสต์ 50,999 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ตำรากฎทหาร  โพสต์ 49 วินาทีที่แล้ว
โพสต์ 50,999 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +7 คุณธรรม จาก หมวกเกราะทหารใหม่  โพสต์ 49 วินาทีที่แล้ว
โพสต์ 50,999 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +10 ความโหด จาก หินสลักโบราณ  โพสต์ 49 วินาทีที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x22
x1
x55
x44
x52
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x14
x97
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x87
x4
x4
123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้