จากคราก่อน นางได้รับรู้แล้วว่าสถานะของนางภายในเมืองหนานเจ้านั้นถูกยกขึ้นสูงไว้เพียงใด ทำให้การเดินเล่นนอกวังครานี้จึงต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ได้แลเห็นโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่บูรณะเรียบร้อยพร้อมเข้าไปอุดหนุน สตรีผู้มีสายเลือดบัณฑิตไหลเวียนอย่างเข้มข้นย่อมรู้ดีว่าสถานที่เช่นนี้นั้นย่อมต้องเต็มไปด้วยผู้คน และผู้คนย่อมเอ่ยข้อมูลจำนวนมากในยามสิ้นสติ
ณ วันนั้นที่นางกลับจากการเดินเล่นยามบ่าย วันต่อมาก็เอ่ยอย่างไร้อารมณ์บอกแก่จื่อเซวียนชิงหลีว่านางอยากมาโรงเตี๊ยมโคมดารา เช่นนั้นแล้วสาเหตุที่นางได้มาเอาป่านนี้เพราะว่าจื่อเซวียนชิงหลีบอกว่านางอยากมาด้วย… ในเมื่อหนี่หวางอยากไปเล่นซนด้วยเช่นนี้สิ่งที่เหลียนฮวาลั่นวาจาไว้คือการบอกให้นางจัดการราชกิจให้เหลือน้อยที่สุดเสียสิ หากภายใน สามวันทำได้นางจะชวนไปด้วย
บทสรุปของเรื่องราวเหล่าี้ก็คือการที่นางยืนอยู่ตรงหน้าโณงเตี๊ยมในชุดที่ดูธรรมดาลงมาหน่อยโดยมีข้าง ๆ เป็นจื่อเซวียนชิงหลี และ ฉางซานเซียนหวาง
อันที่จริงนางเอ่ยชวนโจวจินมาแล้ว เพราะว่าจื่อเซวียนชิงหลีมาด้วยทั้งที สหายร่วมทุกข์สุขกันมาทั้งสี่คนย่อมต้องพร้อมหน้า ทว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ผาหนี่วานั้นคงทำให้เขาอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก นางก็เข้าใจไม่ได้ซักไซร้ให้มากความว่าเหตุใดกันที่ไม่อาจร่วมงานเลี้ยงเล็ก ๆ นี้ได้
“เสียดายโจวจินนัก อาหารโรงเตี๊ยมแห่งนี้ในความทรงจำข้าน่ะรสดีมากเชียว”
“เอาเถิด เขาคงแตกเนื้อหนุ่มน้อยอยู่กระมัง ต้องการเวลาส่วนตัว”
ฉางซานเซียนหวางเอ่ยเช่นนี้ก็ไม่ผิดนัก เพราะโจวจินอายุเพิ่งสิบห้าหนาว ต้องรออีกตั้งสามหนาวจึงจะสวมกวานแล้วเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เว่ยเจียเหลียนผู้อายุใกล้จะสิบเจ็ดหนาวในเร็ววันนี้ก็ทำได้เพียงยักไหล่เพราะรู้ตัวดีว่าผู้ใดกันคือต้นเหตุของอาหารแตกเนื้อหนุ่มน้อย ณ ต่างแดน
จะโทษนางก็ไม่ได้ นางมิได้ผิดเสียหน่อยที่มิได้ให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไปน่ะ
“ถ้ารสดีเพียงนั้นก็เข้าไปเสียสิ”
พหูสูตรน้อยเอ่ยก่อนจะเดินนำเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่เพิ่งได้รับการบูรณะหมาด ๆ บางกลิ่นสีจาง ๆ ที่ทาลงไม้อัดอย่างดีทำให้รู้สึกว่าโรงเตี๊ยมนี้เป็นโรงเตี๊ยมสร้างใหม่ก็ไม่ปาน โรงเตี๊ยมแห่งนี้ดรียกขานด้วยนามว่าโคมดารา เมื่อเข้ามาเยือนแล้วก้ได้ทราบว่าโคมจำนวนมากนี้บนท้องที่คงจะเป็นโคมมากมายดั่งดวงดาราบนท้องฟ้าฝ้าเพดานเป้นแน่
“ขอห้องส่วนตัว”
วจีหวานของเจ้าบ้านอย่างจื่อเซวียนชิงหลีเอ่ยขึ้นเพื่อบอกแก่เสี่ยวเอ้อร์ให้ช่วยนำทางไปยังห้องข้างบนสำหรับผู้มีถุงตำลึงหนักเปิดพื้นที่ส่วนตัว ด้วยการแต่งกายแม้ว่าจะไม่ได้สวมอาภรณ์เต็มยศเช่นก่อนหน้านี้ไม่ ทว่าด้วยเนื้อไหมชั้นดีทำให้พวกเขาสังเกตได้ไม่ยากเท่าใดนักว่าพวกนางทั้งสามคนเป็นผู้สูงศักดิ์ ซึ่งผู้สูงศักดิ์ในดินแดนเล๋กแห่งนี้ใช่ว่าจะมีมากมาย เช่นนั้นแล้วอย่าริอ่านไปทำกระไรขวางหูขวางตาเป็ฯอันขาดจะเป็นการดี
ครั้นเมื่อสหายทั้งสามต่างเดินตามเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาจนถึงห้องอาหารแล้ว ยกหน้าที่คนสั่งอาหารให้จื่อเซวียนชิงหลีไปโดยปริยาย นางเสนอสิ่งใดก็หมายมั่นจะลิ้มลองสิ่งนั้น ใช้เวลาไม่นานนักโต๊ะที่ว่างเปล่าก็ได้รับการเติมเต็มทั้งโต๊ะ
“อันนี้อร่อยมากเลยนะเหลียนฮวา”
หากให้อธิบายสถานการณ์ในยามนี้ เว่ยเจียเหลียนฮวานั่งข้าง ๆ จื่อเซวียนชิงหลี ส่วนฉางซานเซียนหวางนั่งตรงข้าม หนี่หวางคนงามผู้เป็นเจ้าบ้านก็แนะนำอาหารไม่หยุด ทว่าสิ่งที่มากกว่านั้นคืองานคีบอาหารใส่จานของเว่ยเจียเหลียนฮวาพร้อมทั้งแสดงความรู้สึกตื่นเต้นรอฟังความคิดเห็นของสหายรักต่ออาหารที่นางตักให้ เป็นอีกคราที่เว่ยเจียเหลียนฮวาได้แค่คิดภายในใจ ดีเพียงใดกันที่จื่อเซวียนชิงหลีเป็นสตรี ไม่ว่าจะยศฐา ใบหน้า การแสดงออก หากสลับเพศเป็นบุรุษแล้วไซร้คงไม่พ้นข่าวลือพระสนมกล้าสวมหมวกเขียวให้โอรสสวรรค์เชียว
ถึงจริง ๆ แล้วสำหรับนาง โอรสสวรรค์ไม่ได้เป็นสามีให้สวมหมวกสวมเขาใด ๆ ได้ก็เถิด ทว่าในทางกฎหมายบ้านเมืองนางตอนนี้ไม่ต่างจากสตรีออกเรือนแล้ว
“อื้อ อร่อยจริง ๆ ด้วย”
การทานอาหารนั้นมักจะพ่วงมาด้วยการสนทนาภายในวงมื้ออาหาร เช่นนั้นแล้สทั้งสามคนย่อมต้องสนทนาตามปกติที่มักจะกระทำเป็นประจำครั้นออกเดินทางร่วมกัน
“จริงสิ พูดถึงฉางอัน ตอนที่เรากลับฉางอันร่วมกัน ไปนั่งโรงเตี๊ยมชางลั่งถิงแล้วได้ยินเรื่องราวน่าสนใจมาเรื่องหนึ่ง…” เว่ยเจียเหลียนฮวาขาประจำเรื่องใส่ใจชาวบ้านแบบหูเพิ่งเริ่มที่จะเล่าเรื่องที่ได้ยินมา “ได้ยินมาว่าในกองทัพต้าฮั่นมีทหารสตรีด้วย บอกว่าทหารสตรีก็ประหลาดใจแล้ว ทว่ามีข่าวว่านางน่ะ เป็นบุตรีตระกูลขุนนางทางทหาร ถูกจับไปดัดนิสัยในกองทัพ ทว่ากลับใจแตกทนไม่ไหวหนีทัพไปกับบุรุษงามตั้งหลายวัน เช่นนี้แล้ว…พวกเจ้าคิดว่านางจะเป็นเช่นไรตอนที่กลับค่ายทหารไป”
“ข้าว่าไม่พ้นโดนโบยตามกฎทหาร”
“ข้าว่านางคงไม่มีที่ยืนไปสักพัก หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง”
“เอาเถิด เวลาที่ผู้คนเล่าเรื่องผู้อื่นมักจะใส่สีตีไข่เพื่ออรรถรสอยู่แล้ว มันอาจจะมีเรื่องจริงเพียงห้าส่วนในสิบส่วนก็ได้กระมัง”
ในช่วงเวลาของการสนทนาภายในวงมื้ออาหารยามอู่นี้ได้ดำเนินไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม จื่อเซวียนชิงหลีก็ถูกบ่าวรับใช้แจ้งข่าวและตามกลับไปทำงานต่อให้โดยพลัน ทำให้สุดท้ายแล้วโต๊ะนี้เหลือเพียงเว่ยเจียเหลียนฮวาและฉางซานเซียนหวางนั่งทานอาหารตรงข้ามกัน
“ท่าน…มีธุระอะไรหรือไม่ ?”
น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนจะมาระลึกได้ว่านางกับบุรุษในคณะเดินทางพวกนี้นี่มันอย่างไรกันนัก มีแต่เรื่องให้อึดอัดใจต่อกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะโจวจินเมื่อสามวันก่อน หรือเขาเมื่อครั้นก่อนออกจากฉางซาน
หรือบางทีนางควรจะเป็นสตรีไร้รักนั่ง ๆ นอน ๆ ในวังหลังสืบไปดีเล่า
“ไม่มี อยู่ที่นี่หน่วยข่าวข้ามาไม่ถึง หน้าที่หวางเย่มลายไปในพริบตาเชียว”
เข้าใจได้ที่เขาในยามนี้ช่างว่างงานจนไม่อาจจินตนาได้ว่าหากกลับฉางซานไปแล้วจะมีสิ่งใดรอให้จัดการต่ออีก ทว่าบัดนี้การรักษาตัวเป็นเรื่องที่ต้องมุ่งเน้นเป็นอันดับแรก สตรีผู้เดินทางมาด้วยนั้นยังดูต้องลมแล้วปลิดปลิวอยู่ เช่นนั้นแล้วการเดินทางกลับฉางอันยังคงถูกเลื่อนออกไปจนกว่าจะแน่ใจได้ว่านางหายดีแล้ว
“ในเมื่อท่านกลายเป็นหวางเย่ผู้ว่างงานแล้ว… สนใจไปนั่งโรงชา อ่านตำราฆ่าเวลาดีหรือไม่ ?”
และบทสรุปของการเดินเที่ยวเล่นในวันนี้คือภาพของเว่ยเจียเหลียนฮวากำลังนั่งอ่านม้วนตำราในโรงน้ำชาโดยที่มีฉางซานเซียนหวางผู้นั่งอยู่ด้วยกันคอยแอบรินชาให้และสั่งขนมมาเติมไม่ขาดเพื่อไม่ให้ร่างเล็กผู้จดจ่อกับตัวอักษรควานหาขนมไม่เจออีกต่อไป
ท้าทายระบบ ? ไม่อ่่ะ เอาไปชออีเว้นนะ 5555
@Admin
- สามารถเผยแพร่ข่าวลือในฉางอันเพื่อปั่นทอนชื่อเสียงเป้าหมายได้ ( Username เป้าหมาย =
@RongXiuying ) เป้าหมายจะสูญเสียค่าคุณธรรม-100 ทันที (สัปดาห์ละครั้ง +30 EXP )
- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)