เจ้าของ: Admin

ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-7-17 16:44:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 16 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)


ยามอู่แสงแดดเริ่มตกกระทบเงาไม้ริมถนนสิบลี้ เส้นทางสายนั้นยังคงคึกคักด้วยผู้คนเร่ขายของและเสียงเจรจาเช่นเคย กลิ่นเต้าหู้หอมฟุ้งจากร้านอันเล่อจ้วนยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่ความรู้สึกของหญิงสาวคนหนึ่งกลับไม่เหมือนเดิม หลินหยายืนอยู่ริมทางด้านตรงข้ามร้านไม้เรียบง่ายที่เธอคุ้นตานักใต้เงาร่มไม้ที่ปลิวไหวตามแรงลมใบหน้านางที่เคยแจ่มใสกลับเงียบลงเล็กน้อยมีร่องรอยของความลังเลเจือจางในดวงตา “ไม่ได้มาตั้งเจ็ดวัน…” เสียงพึมพำเบา ๆ พลางกำชายเสื้อแน่น ริมฝีปากนุ่มขยับเบา “…จะโกรธไหมนะ”


ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านางไปเยี่ยมหรงเล่อ แล้วตั้งใจจะหาเขาต่อหลังจากนั้น แต่พ่อบ้านกลับแจ้งว่า ‘องค์หวางเย่เสด็จออกไปข้างนอกแล้ว’ หลินหยาก็ยิ่งไหววูบเธอคิดถึงแววตาเรียบนิ่งแต่แฝงความอ่อนโยนของเขาคำพูดที่ไม่บ่อยนักแต่มีน้ำหนักมากพอจะทำให้หัวใจเธออบอุ่นและ…การเงียบหายไปของเธอตลอดเจ็ดวันนั้น "ข้าไม่คิดว่าเขาจะงอนนะ..." นางพึมพำอีกหนพลางถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก้าวเท้าเดินข้ามถนนไปยังหน้าร้านเต้าหู้ประจำอย่างกล้าหาญทั้งที่ในอกเต้นระส่ำ 


เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเบา ๆ ขณะนางผลักม่านไม้ “สวัสดีเจ้าค่ะ…ท่านเถ้าแก่?” นางเอ่ยเรียกด้วยเสียงเจือแววระวังเล็กน้อยแต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานที่เธอใช้ทุกครั้งเวลาทักทายเขา

 

ภายในร้านยังคงมีเพียงกลิ่นเต้าหู้หอมอ่อนเครื่องครัวเรียงเป็นระเบียบและเงาสูงสงบของชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่หลังโต๊ะกำลังจัดเรียงไหน้ำเต้าหู้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวยหนานหวาง…ในคราบเถ้าแก่ร้านเต้าหู้ ค่อย ๆ หันหน้ามาช้า ๆ เมื่อได้ยินเสียงนั้นดวงตาเรียบนิ่งของเขาเงยขึ้นประสานกับดวงตาคู่กลมที่เต็มไปด้วยคำถามของหลินหยา เขาไม่พูดอะไรในทันทีนอกจากเพียงมองนางอยู่เงียบ ๆ ชั่วครู่…ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ


“เจ้ากลับมาแล้ว” สั้นเรียบแต่น้ำเสียงนั้นทำให้หัวใจของหลินหยาหล่นวูบลงไปในห้วงแห่งความรู้สึกบางอย่างเธอพยักหน้าเล็กน้อย


“ขะ…ข้ามาช้าไปหน่อย…มัวแต่ติดธุระที่จวนคุยกับหรงเล่อ…”


“เจ็ดวัน ไม่ใช่หน่อย” เขาเอ่ยเสียงต่ำดวงตานิ่งงันแต่ไม่ได้ดูดุหรือเย็นชาเพียงแค่…หนักแน่นเกินกว่าจะหลีกเลี่ยง หลินหยาหัวเราะแห้ง ๆ “แหะ…ข้าก็ไม่ได้ลืมท่านเสียหน่อยนะเจ้าคะ…”


หลิวอันยังคงมองเธออยู่ ก่อนที่สายตาของเขาจะทอดลงไปที่แขนเสื้อของนางที่เปื้อนฝุ่นนิดหน่อย กับถุงผ้าใบเล็กข้างตัวขลุ่ยงามประหลาดแล้วเงียบไปอีกชั่วครู่ "...แล้วเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า" คำถามนั้นทำให้หลินหยาหยุดชะงักไปเล็กน้อยนางเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตานั้นยังคงนิ่งแต่แฝงแววที่เธอแปลความได้ไม่ยากเลยหลินหยาส่ายหัว “เจ้าค่ะ ข้าสบายดี” สิ้นคำนางก็ยิ้มออกมาเล็ก ๆ ดวงตากลับมาสดใสเหมือนเดิม "เพราะข้าเป็นลูกค้าประจำของท่านนี่นา จะไม่มาเจ็ดวันไม่ได้เดี๋ยวเสียสิทธิพิเศษหมดพอดีนะเจ้าคะ"


เขาไม่ตอบแต่หลินหยาเห็น…ว่าไหล่เขาดูผ่อนลงเล็กน้อยราวกับปล่อยลมหายใจที่อัดแน่นมาทั้งเจ็ดวันออกไปเสียทีและในวินาทีนั้นเอง หญิงสาวก็แน่ใจว่าเขาไม่ได้โกรธ ไม่ได้งอน ไม่ได้เรียกร้องเขาแค่ “รอ” เท่านั้นเอง


หลินหยาคิดว่าจะเป็นปกติได้ทั้งที่ในใจยังรู้สึกแปลก ๆ ไม่หายจากภาพในความฝันที่ดำเนินเกิดขึ้นมาทั้งหมด ฝันที่อ๋องหลิวอันในชุดขุนนางเอ่ยถ้อยคำสารภาพรักกับเธออย่างอ่อนโยนท่ามกลางความรักที่บิดเบี้ยวของชายนามจางกงกงที่อยู่ด้วยเช่นเดียวกันราวกับแบบทดสอบนั้น เธอไม่เขินไม่ถึงขั้นนั้นแต่มันชวนให้รู้สึก…กระดากปนมึนเบา ๆ มากกว่า พลางคิดว่าเหตุไฉนท่านหวางผู้สูงศักดิ์จะต้องมาสารภาพกับสตรีธรรมดาเช่นนางด้วย อีกอย่างเขาก็อายุเกือบเท่าท่านแม่ของหลินหยาแถมมีธิดาด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่หากหวางเฟยจากไปหวางเย่จะแต่งงานใหม่ก็เรื่องปกติจะว่าไป ท่านหลิวอันหน้าเด็กมาเลยนะเนี้ย


"ท่านอ๋องอะไรจะหล่อหน้าเด็กขนาดนี้" นางบ่นในใจขณะเดินดูของในร้านสายตาเหลือบไปมองชายหนุ่มผู้ที่ยังยืนจัดขวดน้ำเต้าหู้ตามเคย


“เจ้าคงคิดเรื่องไร้สาระอยู่อีกแล้วหรือ” หลิวอันเอ่ยเสียงเรียบเมื่อเห็นสายตานางเหมือนจับได้ทันทีว่าเธอกำลังจ้องเขาอย่างไร้เหตุผล หลินหยากระแอมไอเบา ๆ กลบเกลื่อน “มะ..ไม่มีอะไรสักหน่อยเจ้าค่ะ ท่านคิดมากไปเอง” ก่อนจะเบือนหน้าหลบไปทางถาดเต้าหู้ประจำของเธอเพื่อหลบสายตาคมกริบนั่นแต่พอได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอชะงักทันที “อ…เอ๊ะ?” ดวงตากลมโตเบิกขึ้น หลินหยากะพริบตาปริบ ๆ ขณะนับนิ้ว “เดี๋ยวนะ...อันนี้เต้าหู้ 6 ชิ้นใช่ไหม? ราคาชิ้นละ...ชิ้นละ 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู?!!!!” เสียงของนางสูงขึ้นในทันทีจนลูกค้าข้างเคียงเหลียวมองนางหันขวับไปมองเถ้าแก่ร้านเต้าหู้ด้วยสีหน้าตกใจปนฟาดงวงฟาดงา “นี่ท่านจะปล้นกันกลางหน้าร้อนเลยหรืออย่างไรเจ้าคะ!!”


อ๋องหลิวอันเงยหน้าจากไหเต้าหู้ดวงตานิ่งเฉยดังเดิม "ราคาสินค้าปรับตามฤดูกาล และวัตถุดิบคุณภาพที่ดีขึ้น"


"ดีขึ้นตรงไหน! หรือเต้าหู้พวกนี้แช่ตัวในบ่อหยกมาก่อนหรอเจ้าคะ!"


"ใช้น้ำแร่จากเขาต้าชิง หินกดจากเมืองตุนหวง ถั่วเหลืองนำเข้าจากตะวันออกเฉียงเหนือของฉางอัน"


“งั้นก็ควรเอาไปถวายฮ่องเต้ ไม่ใช่ขายให้ชาวบ้าน!” หลินหยากอดอกมองแรงแบบสุด ๆ ก่อนจะกระทืบเท้าเบา ๆ เหมือนแมวโกรธจัดแล้วพึมพำ “แบบนี้มันตั้งราคาเพราะแค้นฝันแน่ ๆ ใช่ไหม...”


“ว่าอย่างไรนะ?” เขาเอียงคอมองด้วยแววตาเรียบ ๆ


“ข้าเปล่าพูดอะไร!” นางยักไหล่ แล้วรีบคว้าเต้าหู้ใส่ถาดตนเองพร้อมค้อนให้แรง ๆ หนึ่งที “เดี๋ยวข้าจะไปฟ้องหรงเล่อว่าเถ้าแก่ร้านนี้ขึ้นราคาตามอารมณ์ขึ้นราคาเพราะน้อยใจที่ข้าไม่ได้มาหาเจ็ดวันแล้วฝันว่าข้าทอดทิ้ง!!” ตอนที่อ๋องหลิวอันได้ยินก็เหมือนอยากจะขำ “ข้าไม่ได้ฝันอะไรทั้งนั้น” เขาตอบกลับเสียงเรียบแต่มุมปากกลับกระตุกขึ้นจาง ๆ งเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคอของอ๋องหลิวอันที่ยังคงมองตามอยู่เงียบ ๆ พร้อมคิดในใจว่าขนาดโกรธยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยแมวน้อยตัวนี้


หลินหยายืนอยู่ที่เดิมณะสายตาหวานตาแมวของนางเหลือบไปเห็นบางอย่างวางอยู่ข้างไหเต้าหู้บนโต๊ะด้านในสุดกล่องเล็กสีไม้สนที่ประทับลายดอกเหมยสีจาง เสี้ยววินาทีที่เห็นตัวอักษรจารึกคำว่าจินจวิ้นเหมย บนผิวกล่องนางก็เหมือนถูกตรึงตัวไว้ “ว้าว…” เสียงหวานหลุดออกมาอย่างไม่รู้ตัวขาเล็ก ๆ ก้าวฉับเข้าไปใกล้เหมือนถูกล่อด้วยกับดักระดับตำนาน “ของดีแท้...” นางกระซิบเบา ๆ ขณะย่อตัวลงเปิดกล่องชาดำสายพันธุ์เลอค่า ใบชาขดตัวสวยงามสีทองแซมดำ เผยกลิ่นหอมลึกเย้ายวนออกมาทันทีที่ฝากล่องเปิดแม้ยังไม่ชงก็พาให้ใจคนตกแต่ในขณะนั้นเอง สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นป้ายราคาที่เขียนไว้ด้วยลายมือเรียบหรูและชัดเจน “ชิ้นละ 2 ตำลึงทอง 1 ตำลึงเงิน” หลินหยาอ้าปากพะงาบเหมือนปลาถูกง้างออกจากน้ำ


“ม...ม่ายยยยยยยยยยยยยย!!” นางแทบจะกรีดร้องเหมือนคนเห็นซากศพตัวเองอยู่ข้างป้ายราคา “2 ตำลึงทอง...1 ตำลึงเงิน...ต่อชิ้น?! แค่จะชงกินไม่ถึงสองอึกยังกับขายกล่องวิญญาณเซียน!!!" มือสั่น ๆ ยื่นไปแตะกล่องใบชาราวกับสัมผัสทองคำเปลวจากสวรรค์ใจหนึ่งอยากลิ้มลองรสของจินจวิ้นเหมยแท้จากภูเขาอู่อี๋แต่ใจอีกข้างก็ร่ำไห้ฟูมฟายกับกระเป๋าสตางค์ที่บางเฉียบยิ่งกว่าใบชานี้


หลินหยาเหลือบมองหลิวอันทันทีพลางพ่นลมหายใจฟืดฟาด “ทำไมช่วงนี้ของแพงนักล่ะท่าน! แม้แต่ชา! เต้าหู้ก็ไม่เว้น! น้ำเต้าหู้ก็เพิ่ม! แถมของกินอย่างอื่นยังแพงขึ้นอีก!”


หลิวอันที่กำลังเช็ดไหเต้าหู้อย่างเงียบ ๆ หันมามองหล่อนอย่างใจเย็น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าช่วงนี้ปีศาจที่นอกเมืองเริ่มอาละวาดหนัก การขนส่งสินค้าจากเขตนอกฉางอันลำบาก เส้นทางเสบียงก็ถูกตัดไปหลายสาย”


“น...นี่ท่านหมายความว่า...” หลินหยากระพริบตาปริบ “ชามันขนส่งจากเขาไม่ได้เพราะโดนปีศาจปลา...หรือปีศาจอะไรอีกใช่ไหมเจ้าคะ!”


“ปกติชาคุณภาพดีเป็นสินค้าควบคุมที่ต้องได้รับอนุญาตจากทางราชวังอยู่แล้ว อีกอย่างก็มีปีศาจลิงบนแนวผา ปีศาจหอยหรือปีศาจปลาตามลำธาร ปีศาจอย่างอื่นตามป่า และปีศาจราคาตลาดที่เจ้ากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้” หลิวอันตอบเรียบ ๆ พร้อมเหลือบตามองนางอย่างแนบเนียน


“...ข้าจะเผาแหล่งของพวกปีศาจแม่งซะเลยดีไหม…” หลินหยาพึมพำในลำคอเหมือนคนเสียสติก่อนจะเบะปากบ่นอย่างหนักหน่วงในอารมณ์ “ไม่เป็นไร ข้าไม่เสียใจที่ไม่ได้ดื่ม...แค่เอาไปฝันก็พอ ฮืออออ...” เสียงบ่นระบายของแมวน้อยที่กำลังจะยอมแพ้ให้กับราคาชีวิตดังสะท้อนไปทั่วร้าน พร้อมกับท่าทางตะกละ ๆ จนหลิวอันได้แต่มองตามนิ่ง ๆ ด้วยสายตาเจือความเอ็นดูปนขำที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด แมวน้อยก็ยังเป็นแมวตัวเดิมที่แสดงความรู้สึกออกมาเสมอจริงใจซื่อตรง และ...เสียงดังเสมอต้นเสมอปลาย


แต่หลินหยาหน้างอเหมือนแมวที่โดนห้ามกินปลาย่างทั้งที่เดินวนรอบกล่องใบชาอยู่นานสองนานเหมือนจะตัดใจแต่สุดท้ายก็ยื่นมือควักเงินจ่ายไปอย่างช้ำใจนัก นางเบ้ปากยืนยัดถุงเงินใส่มือเจ้าของร้านเต้าหู้ราวกับทำพิธีส่งดวงวิญญาณ "ข้าอยากได้นี่นา..." เสียงบ่นงึมงำของหล่อนดังพอให้คนทั้งร้านได้ยิน "จินจวิ้นเหมยแท้จากภูเขาอู่อี๋นะเว้ย! ข้าไม่ได้เกิดมาบนกองทองซะหน่อย ชีวิตนี้ไม่รู้จะได้ดื่มอีกเมื่อไร...แต่ก็เอาเถอะ ขอลองซักครั้งแหละเจ้าค่ะ..."


หลิวอันที่ยืนประจำอยู่หลังโต๊ะเงียบ ๆ ตลอดมานั้นถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง "ถ้าเจ้าไม่อยากซื้อเองนัก...จะดื่มที่จวนหวยหนานหวางกี่ครั้งก็ได้" หลินหยาเงยหน้าขึ้นทันทีราวกับโดนใครเอากล่องชาทุบหัวเบา ๆ นางขมวดคิ้วมองเขา “อะไรของท่านอีกล่ะ...” ใบหน้าเล็กเบี้ยวนิด ๆ อย่างไม่เข้าใจ จ้องเขาเหมือนจะหาว่าอีกฝ่ายแกล้งพูดเล่น หรือพูดจริงแต่ไม่ได้คิดอะไรหรือพูดเพราะตั้งใจให้เธอสับสนกันแน่


"ก็ที่จวนมีใบชาพวกนี้เก็บไว้มากพอสมควรจะดื่มเมื่อไรก็บอก" เขาว่าเรียบ ๆ พร้อมหันหลังกลับไปจัดขวดน้ำเต้าหู้อย่างไม่แสดงท่าทีใด แต่หลินหยายังยืนอยู่ตรงนั้น คิ้วเรียวเลิกสูงเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยคำว่า หรือฝันเมื่อตอนนั้นมาหลอกกูอีกแล้วใช่ไหม นางไม่กล้าพูดอะไรออกไป ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาอีกคน ถอนหายใจเงียบ ๆ เหมือนคนที่เพิ่งเห็นป้ายบ้านนี้รับเลี้ยงแมวหลงแต่ตนเองยังไม่กล้ากระโดดเข้าไปในบ้านนั้น สุดท้ายนางก็จ่ายเงินครบถ้วนหอบของทั้งหมดด้วยความรู้สึกที่ครึ่งหนึ่งอิ่มตัวด้วยชาแพงส่วนอีกครึ่งอึน ๆ ปลิว ๆ อย่างประหลาด


ก่อนจะออกจากร้านไปนางหันมาหลิ่วตาหนึ่งทีแล้วบ่นเบา ๆ อย่างคนจน “ข้าจะออกไปเดินนอกเมืองหน่อย ช่วงนี้ไม่มีเงิน…จน ต้องไปหาของขายแล้วล่ะจะได้ไม่ต้องมานั่งร้องไห้เพราะกล่องชาหรูกล่องเดียว” พูดพลางกอดถุงชาแน่นราวกับกอดหัวใจตัวเองที่เหลืออยู่ครึ่งดวง แล้วก็หมุนตัวเดินฉับ ๆ ออกไปจากร้าน รอยเท้าแม่นางหลินหยาวันนี้ดูหนักกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะสิ่งที่แบกไว้ในใจมันแพงกว่าชาที่อยู่ในถุงหลายเท่านัก




@Admin 



พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ


ซื้อ เต้าหู้ ราคา 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู

จำนวน 6 ชิ้น รวม 42 ตำลึงเงิน 618 เหรียญอู่จู


ซื้อ น้ำเต้าหู้ ราคา 5 ตำลึงเงิน 779 เหรียญอู่จู

จำนวน 3 ชิ้น รวม 15 ตำลึงเงิน 2337 เหรียญอู่จู


ซื้อ เมือกปลา ราคา 112 เหรียญอู่จู

จำนวน 150 ชิ้น รวม 16800 เหรียญอู่จู


ซื้อ ใบชาจินจวิ้นเหมย ราคา 2 ตำลึงทอง 1 ตำลึงเงิน

จำนวน 10 ชิ้น รวม 20 ตำลึงทอง 10 ตำลึงเงิน


รวมโอน 20 ตำลึงทอง 67 ตำลึงเงิน 19755 เหรียญอู่จู


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน


(เผื่อแอดจะใจอ่อนตั้งกระทู้ปลดแถว 2) 

(เห่อออ ตันทั้ง คสพ. ทั้งเวล)

(แต่ถ้าว่าโรลยาวต่อไหม ก็จะเหลือหรอครับบบ)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 57931 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-17 16:44
โพสต์ 57,931 ไบต์และได้รับ +40 EXP +35 คุณธรรม +15 ความชั่ว +35 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-17 16:44
โพสต์ 57,931 ไบต์และได้รับ +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-17 16:44
โพสต์ 57,931 ไบต์และได้รับ +30 EXP +40 คุณธรรม +40 ความชั่ว +44 ความโหด จาก แผ่นไม้ลายเถาวัลย์เร้นเงา   โพสต์ 2025-7-17 16:44
โพสต์ 57,931 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-17 16:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-7-19 02:24:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 17 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)


หลินหยาเดินฉับ ๆ เข้าไปในร้านอันเล่อจ้วนเช่นเคย แสงแดดช่วงยามอู่สาดลงบนแผ่นหลังบาง ขับให้เงาร่างนางทอดยาวเข้าไปในร้านพร้อมกลิ่นอายฤดูปลายร้อนปะทะกลิ่นถั่วบดอ่อน ๆ จากเต้าหู้สดที่เพิ่งยกออกจากลัง เธอเดินมาดูว่าเหลือเต้าหู้กี่ชิ้น..อืม สี่ชิ้น ไม่เคยจะขายเยอะเลยจริง ๆ ท่านหลิวอัน "ขอเต้าหู้ 4 ชิ้นนี้เหมือนเดิมเลยเจ้าค่ะ...เหลือเท่าไรก็เอามาเถอะเจ้าค่ะ" เสียงใสกล่าวขึ้นอย่างคุ้นหูพร้อมรอยยิ้มประจำตัวที่ถึงจะไม่สดใสนักในวันนี้แต่ก็ยังพอทำให้ร้านดูอบอุ่น แต่หลิวอันที่ยืนอยู่หลังโต๊ะคิดเงินกลับไม่ได้ขยับไปหยิบเต้าหู้ทันที ดวงตาคมของเขาหลุบต่ำลงเล็กน้อยมองเลยผ้าคลุมไหล่ของหญิงสาวตรงหน้าไปยังบริเวณต้นแขนด้านซ้ายที่ขยับผิดจังหวะจากปกติ รอยทำแผลที่เหมือนผ่านการพันไว้อย่างเรียบร้อยกับการที่อีกฝ่ายพยายามไม่ขยับแขนมากจนเกินจำเป็น…ทำให้เขาไม่ต้องใช้สมองมากนัก


"แขนเจ้าเป็นอะไร?" น้ำเสียงทุ้มเย็นเยียบเอ่ยขึ้นไม่ดังนักแต่ชัดพอให้แม่นางผู้กำลังจะยื่นถุงเงินถึงกับชะงักนิ้ว


หลินหยาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มบางแล้วพึมพำออกมาเหมือนคนที่ไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อคืน "อ๋อ...เมื่อคืนมีเพื่อนเมาหนักน่ะเจ้าค่ะดื่มไปเหมือนหมาเลย แล้วก็เผลอใช้กระบี่แทงแขนข้าเข้าให้นิดหนึ่ง แค่ถาก ๆ ไม่ลึกมาก ไม่ต้องห่วงหรอกนะเจ้าคะ" ว่าแล้วก็หัวเราะเบา ๆ คล้ายเรื่องตลกแต่เป็นเรื่องตลกที่ตัวเองเป็นเหยื่อ หลิวอันมองอีกฝ่ายครู่หนึ่งสีหน้าไม่ขยับไม่ไหวติงแม้แต่น้อย หากแต่แววตากลับนิ่งลึกจนน่าอึดอัด นางรู้ดีว่าเขาไม่ได้โกรธแต่เป็นสายตาแบบคนที่เก็บความไม่พอใจเงียบ ๆ ไว้ภายในเหมือนภูเขาที่มีลาวาใต้ผิว 


"ใคร?" เขาถามเสียงเรียบ


หลินหยาโบกมือเหมือนจะปัดเป่าเรื่องราวเธอยักไหล่เล็กน้อยแล้วพูดราวกับมันไม่สำคัญ "ข้าไม่อยากฟ้องท่านหรอกเจ้าค่ะ แหม่…ท่านก็อย่าไปมองข้าแบบนั้นสิ...แค่บาดแผลนิดเดียวอีกไม่กี่วันก็หายแล้ว" แต่คนตรงหน้ากลับไม่ได้คล้อยตาม หลิวอันเดินอ้อมโต๊ะออกมาด้านหน้าแทน มายืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างเงียบ ๆ มือใหญ่หยุดนิ่งข้างลำตัวราวกับกำลังหักห้ามใจไม่ยกขึ้นแตะหรือเปิดผ้าแผลนั่นดูเสียเอง "หากเป็นบาดแผลจากศัตรู...ข้าคงพอเข้าใจได้ แต่เจ้าเจ็บเพราะ 'คนของเจ้า' ไม่ระวัง" น้ำเสียงนั้นไม่ได้แข็งแต่ฟังแล้วชวนให้อีกฝ่ายต้องชะงัก


หลินหยาเบ้ปากแล้วบ่นเบา ๆ "ข้าบอกแล้วว่าไม่เป็นไรน่า...เถ้าแก่ร้านเต้าหู้จะมาดุอะไรนักหนาล่ะเจ้าค่ะ โธ่…ท่านนี้ก็"


"เพราะข้าไม่ใช่แค่เถ้าแก่ร้านเต้าหู้" เขาตอบทันควัน พร้อมมุมปากที่กระตุกน้อย ๆ อย่างน้อยก็ยังพอรักษาบรรยากาศไม่ให้ตึงเครียดจนเกินไป หญิงสาวถอนหายใจยาวหมายจะยื่นมือดีดหน้าผากอีกฝ่ายอย่างเบามือสักหน่อยดีไหม "ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อโดนดุนะเจ้าคะ มาเพราะอยากได้เต้าหู้ต่างหาก"


“แล้วถ้าเจ้าเจ็บจนทำอาหารไม่ได้ล่ะ?” เขาย้อนนิ่ง ๆ


“ก็กินดิบ ๆ ไปสิเจ้าคะ ซื้อกินก็ได้หรอกมีเงินอยู่แหละน่า” เธอยักคิ้วแล้วยิ้มขำถึงแม้ท่าทางจะเจ็บเล็ก ๆ เวลาขยับแขนก็เถอะ หลิวอันส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างระอา แต่ก็ยอมเดินกลับไปหยิบเต้าหู้สี่ชิ้นมาให้วางลงในตะกร้าใบเล็กตรงหน้าหลินหยาด้วยความเงียบเรียบง่าย แม้จะไม่ได้พูดอีก...แต่สายตานั้นบอกชัดว่า เจ้าบาดเจ็บอีกเมื่อไร ข้าจะไปลากเพื่อนเจ้ามาสั่งสอนเอง’


หลินหยากลอกตาไปมานิดหน่อยอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายยังคงคิดอะไรเงียบ ๆ อยู่ตามประสาคนรู้ทักอีกฝ่าย หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นหลังรับตะกร้าเต้าหู้ในมือ แต่ไม่ได้รีบก้าวจากไปทันทีอย่างทุกครั้ง ดวงตาคู่กลมโตที่สะท้อนแสงแดดอ่อนยามอู่เหลือบกลับขึ้นมองชายตรงหน้าที่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ หากแต่แววตานั้นกลับชัดเจนเหลือเกินว่าเขาไม่ได้คิดจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปง่าย ๆ หลินหยาถอนหายใจเบา ๆ สะบัดปลายผมที่เกาะอยู่บนบ่าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาแต่นิ่งมั่น


"ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านหลิวอัน...เพื่อนข้าก็ให้หมอส่วนตัวมารักษาให้แล้ว ค่าทำขวัญก็ให้มาอีกตั้ง 30 ตำลึงเงิน ข้าได้กำไรเสียด้วยซ้ำจะให้ข้าไปรื้อดาบตบหัวเพื่อนซ้ำอีกหรือไรเจ้าคะ?" น้ำเสียงของนางคล้ายขบขันแต่ก็แฝงความเหนื่อยใจอย่างยากจะอธิบาย ท่าทางไม่ได้โกรธแค้นไม่ได้เจ็บใจ...แค่ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย


ทว่าเมื่อสายตาหลินหยากลับไปสบกับเขาอีกครั้งหลิวอันยังคงจ้องนางนิ่งเฉกเช่นเดิม ดวงตาคู่นั้นเงียบ…เงียบจนราวกับกลืนทุกถ้อยคำของนางเข้าไปหมดแล้วเหลือเพียงความกังวลอันแนบแน่นประหนึ่งหินหนักที่ทับอยู่บนอก "เขาให้เงินเจ้าก็จริง แต่เจ้าเสียเลือด" เขาว่าขึ้นเสียงต่ำ ไม่ใช่ตำหนิแต่เป็นน้ำเสียงของผู้ใหญ่ที่เคยผ่านศึก เคยเห็นการบาดเจ็บจนชาชินแต่ก็ยังรู้สึกโกรธทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นกับ ‘คนที่ตนห่วง’


หลินหยาชะงักไปชั่วครู่แววตานางอ่อนลง…ก่อนจะยิ้มออกมาทั้งที่ยังถือเต้าหู้ในมือ "เพราะข้าแพ้ถั่วเหลืองเลยต้องเสียเลือดง่ายนิดเดียว" เอ่ยกลั้วหัวเราะเบา ๆ กลบความซึ้งบางอย่างในอกตนเอง ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินออกจากร้านแต่ก่อนฝ่าเท้าเล็กจะก้าวพ้นธรณีประตู เสียงทุ้ม ๆ ของหลิวอันก็ดังขึ้นอีกครั้งเบื้องหลัง...ชัดเจน หนักแน่น


"หลินหยา...เจ้าคือคนของจวนข้า" เพียงประโยคนั้น หญิงสาวหยุดชะงักชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมาเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมาอย่างล้อเลียน "ข้ารู้แล้วน่าเถ้าแก่...เถ้าแก่ที่ชอบสั่งห้ามสั่งห่วงข้ายิ่งกว่าผู้ปกครองเสียอีก ท่านจะเป็นพ่อคนที่สองของข้าอยู่แล้ว"


และแล้วหลินหยาก็เดินจากไปพร้อมตะกร้าเต้าหู้ในมือ ในขณะที่หลิวอันยังคงยืนอยู่เบื้องหลัง ราวกับภูผาเงียบ ๆ ที่ไม่คิดจะกล่าวถ้อยคำมากเกินจำเป็นแต่ความห่วงใยของเขานั้น กลับชัดเจนพอจะทำให้แม้แต่แมวเปียกอย่างหลินหยาก็สัมผัสได้ แม้ไม่เอ่ยตรง ๆ...แต่นางรู้ ว่าถ้ามีใครกล้าแตะต้องนางอีกเพียงครั้งเดียว เขาคงไม่ปล่อยไว้เฉย ๆ แน่




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ


ซื้อ เต้าหู้ ราคา 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู

จำนวน 4 ชิ้น รวม 28 ตำลึงเงิน 412 เหรียญอู่จู

รวมโอน 28 ตำลึงเงิน 412 เหรียญอู่จู


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน


แสดงความคิดเห็น

ดี: 4.0
ดี: 4
  โพสต์ 2025-7-19 15:13
โพสต์ 29524 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-19 02:24
โพสต์ 29,524 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-19 02:24
โพสต์ 29,524 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-19 02:24
โพสต์ 29,524 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-19 02:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-7-20 02:42:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 18 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)


เมื่อยามอู่ทอดเงาแดดกลืนทับลายอิฐบนถนนสิบลี้เป็นริ้วสลับระยับ หลินหยาที่เพิ่งกลับลงมาจากเขาหัวซานก็ปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วนผมปล่อยสยายจางกลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ และคราบฝุ่นบางอย่างผู้พิชิตภูผาแต่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใสแทบบอกไม่ถูกว่าเพิ่งผ่านเส้นทางขรุขระหรือเดินออกมาจากโรงเต้นรำ "วันดีของข้าแน่แท้!" นางพึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเกินเหตุ มือหนึ่งกอดห่อผ้าขนาดพอเหมาะที่ภายในมีเงินก้อนใหญ่ถึง 99 ตำลึงเงิน นางคิดในใจว่า...วันนี้ต้องซื้อเต้าหู้ให้เต็มครัวซะเลย เอาให้เลี่ยนกันทั้งหมด


แต่ทันทีที่เท้าเล็กก้าวพ้นหน้าร้านดวงตากลมโตคู่สวยก็เบิกกว้างราวกับเห็นผีหรือที่น่ากลัวกว่านั้นคือความจริงเบื้องหน้า…หนึ่งชิ้นถ้วน…เอ๊ะ ฉินจ๊ะะะะะ หนึ่งหน่อ หัวเดียวกระเทียมลีบ?


"อะไรนะ...หนึ่ง? ชิ้น?" นางเอ่ยขึ้นแทบสะอื้นขาทั้งสองหยุดชะงักพลางจ้องเขม็งไปยังตะกร้าเต้าหู้บนแผงหน้าร้านที่ว่างโล่งอย่างน่าสลด มีเพียงชิ้นสุดท้ายที่นอนแผ่อย่างโดดเดี่ยวราวกับเศษความหวังที่รอการหยิบยื่นให้มีคนหยิบมันที่เป็นชินสุดท้ายไปครอบครอง ทว่าในวินาทีนั้นเอง…เงาเถ้าแก่ร้านผู้สูงศักดิ์ก็ยกชาขึ้นจิบอยู่หลังโต๊ะไม้สีเข้มพอเห็นใบหน้าทะเล้นกำลังตกตะลึงของแม่นางเจ้าประจำ หลิวอันก็ยกคิ้วเพียงเล็กน้อยและวางถ้วยลงด้วยท่วงท่าแสนเรียบเฉย


"มาช้าไปครึ่งจั้น…พวกตระกูลโอวหยางมากว้านซื้อไปตั้งแต่ช่วงเปิดร้านแล้ว" เขากล่าวเสียงต่ำ ทว่าหางเสียงแฝงนัยแปลกประหลาดราวกับ...ล้อเลียนท่าทีของนาง


หลินหยาแทบจะถลาเข้าไปตบอกอีกคนถ้าไม่ติดว่าคนตรงหน้าเป็นถึงหวางเย่ผู้สูงศักดิ์ แทบจะมือยกชี้หน้าเขาพลางทำเสียงหงุดหงิดแบบน่ารักที่มักใช้ทุกครั้งยามโดนแกล้ง "ท่านหลิวอัน!! ข้าปีนเขามาตั้งครึ่งวัน ดีใจจะมาซื้อเต้าหู้ไปแจกฉลองชีวิต! แล้วมันเหลือแค่ชิ้นเดียวเนี่ยนะ! ข้าจะไปขว้างใส่ฝูงเป็ดหรือให้แมวกินดีฮะ!!"


หลิวอันหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ "เจ้าอยากได้กี่ชิ้น บอกมา…เดี๋ยวข้าให้คนในครัวเอาแบบที่ยังไม่ได้ตั้งขายออกมาให้" หลินหยาชะงักเล็กน้อย หรี่ตาจ้องเขาแล้วห่อปากเหมือนกำลังจะว่าอะไรสักอย่าง ทว่าในที่สุดก็ยอมยิ้มออกมาแบบที่แมวเจ้าเล่ห์ยิ้ม "เอา 8 ชิ้น! ไม่ใช่เพราะอยากกินมากนะ แค่จะตุนไว้เผื่อแจกแล้วพรุ่งนี้ไม่มีขายอีก!" ว่าพลางยกมือยื่นห่อผ้าในอกให้เขาดู "วันนี้ข้ามีตังค์นะเออ! ขึ้นราคามาก็จ่ายไหวล่ะน่า!"


หลิวอันมองนางอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคออีกครั้งเบา ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างคนที่ปล่อยให้นางพูดพล่ามโดยไม่เคยรำคาญแต่อย่างใด "ได้…จะให้ครัวทำพิเศษให้เลย เจ้าอย่าไปปีนเขาเล่นอีกก็พอ"


"ไม่ได้ปีนเล่นนะเจ้าคะ ข้าขึ้นไปหาเงิน! ได้มา 99 ตำลึงเงินเชียวนะ!"


"แล้วหมดไปกับเต้าหู้?"


"ถ้าท่านยังขาย...ก็หมดแน่" หลินหยาตอบยิ้มกรุ่มกริ่มเพราะตอนนี้เธออารมณ์ดีสุดๆ เพราะคิดว่าจะได้เต้าหู้แล้ว พร้อมกับหันไปสะบัดชายแขนเสื้อเบา ๆ แล้วหันไปเดินดูของข้างร้านต่อ โดยมีหลิวอันส่งสายตามองตามหลังอย่างรู้ทันเจ้าแมวน้อยที่กลับมาอาละวาดอีกครา ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน ยามอู่…เงาไม้เต้นระริกบนพื้นกรวดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่หญิงสาวที่เพิ่งลงเขามาอย่างผู้ชนะกลับต้องยืนหน้าชาอยู่กลางแผงขายของ กลิ่นถั่วบดหอมลอยฟุ้งเหมือนเยาะเย้ยนางทางอ้อมแม้จะกินไม่ได้ ขณะที่คนงานจากหลังร้านเดินมาที่หน้าร้านโค้งให้เล็กน้อยพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรงใจสุดฤทธิ์เพราะว่าไม่อยากให้คนสนิทของเถ้าแก่ไม่ได้ของ แต่เขารู้แน่นอนว่าเถ้าแก่จะต้องไม่ว่าเขาเพราะของมันหมดจริง ๆ ซึ่งใจกล้าหน้าด้านพูดออกไปแบบเกรงใจหน่อย ๆ กับแม่นางตัวเล็ก


“เต้าหู้หมดเกลี้ยงเลยขอรับ….”


เธอยืนอึ้งตาเบิกค้างเหมือนแมวที่เห็นก้างปลาชิ้นสุดท้ายโดนอีกตัวคาบหนีไปต่อหน้าและมันก็ไม่ใช่แค่จินตนาการ เพราะทันทีที่เธอหันไปหมายจะคว้า ‘เต้าหู้หนึ่งชิ้นสุดท้าย’ ที่เห็นเมื่อครู่…มือของใครไม่รู้ก็ยื่นตัดหน้าคว้าไปอย่างรวดเร็ว!  หลินหยาแทบอยากโวยวาย ทว่าก็ทำได้แค่ยืนงง หน้างอง้ำยิ่งกว่าเมื่อครู่เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วพึมพำกับตัวเองว่า "วันนี้มันวันบ้าอะไรวะเนี้ยยยย"


แต่ยังไม่ทันจะได้บ่นให้จบประโยคกลับมีเสียงเรียบ ๆ ที่แฝงความนิ่งเฉียบและนัยลึกซึ้งก็ลอยมาจากด้านหลังทว่าชัดเจนในหัวใจเกินจะละเลย “แล้วเจ้ามีอะไร…ที่ต้องบอกข้าหรือไม่”


หลินหยาสะดุ้งวาบทันทีเหมือนคนโดนจับได้ว่าย่องเข้าไปหยิบขนมในห้องครัวตอนกลางดึก เธอหันขวับไปมองเจ้าของน้ำเสียงท่านหลิวอันที่ยืนพิงโต๊ะตัวเล็ก ๆ ของร้านด้วยท่วงท่าราวกับกำลังเฝ้าดูมานานแล้ว แววตาเรียบเฉยแต่ไม่เฉยชามองตรงมาแบบรู้ทันเกินไปนิดจนทำให้นางต้องหลบตานิดหนึ่ง “อะ…เอ่อ บอกอะไรหรือเจ้าคะ?” เสียงของหลินหยาอาจยังสดใสอยู่แต่ดวงตากลับกะพริบถี่ราวกับซ่อนอะไรไว้ แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจรัวคำพูดราวกับกลัวจะโดนคาดคั้นจนพูดไม่ออก


“เมื่อคืน…คือข้ากลับดึกนิดหน่อยเอง! แค่ตอนปลายยามโฉ่วนะ! ข้าก็แค่ไปกินข้าวกับเพื่อนน่ะสาบานได้เลยว่าเพื่อนคนนี้ไม่อันตราย! ใจดีมาก! แบบ…ใจดีโคตร ๆ! แล้วก็เลี้ยงข้าวด้วย! ทำปลามาให้กินตั้ง 1 จาน แล้วก็มีลูกชิ้นหัวสิงค์อีก! อร่อยมากเลย!” เธอยิ้มแห้ง ๆ พลางทำท่าจะชูสามนิ้วสาบานแต่ก็เหมือนจะรู้ตัวว่าเกินไปเลยลดมือลงมากอดอกแทน หันไปทางซ้ายหลบสายตาเขานิดหน่อยก่อนจะพูดต่ออย่างรีบร้อน “แล้ว…คือ…ข้ารู้จักเขาเพราะเขาเคยช่วยข้าตอนเกือบสลบที่ตลาดตะวันออกด้วยนะ แบบ…เมตตามากกกก แล้วเขาก็ชอบน้ำเต้าหู้ร้านอันเล่อจ้วนมากด้วย! พูดเลยว่ามาเถอะ ถ้าเขาอยู่แถวนี้นะ เดี๋ยวเขาคงมาอุดหนุนท่านแน่!” ราวกับรีบแก้ตัวพัลวันให้น้ำหนักตัวเองเบากว่าบาปที่ใจรู้ว่าหลิวอันต้องจับได้แน่ ๆ ว่านางกำลังเลี่ยงคำตอบอะไรบางอย่าง


หลิวอันไม่ได้พูดอะไรในทันทีเพียงแค่จ้องนางนิ่ง ๆ อยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง…แล้วค่อยขยับถ้วยน้ำชาบนโต๊ะเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องรายงานกับข้าก็ได้…” น้ำเสียงเขายังคงนุ่มราบ แต่กลับมีแรงกดทางอารมณ์แผ่วเบาราวสายฝนปลายฤดู “แต่เจ้าไม่รู้หรือ…ข้าไม่ชอบรอเก้อ”


หลินหยาที่เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาเหมือนจะโดนค้อนทุบใจเบา ๆ มือเล็กยกมาลูบท้ายทอยตนเองพร้อมหัวเราะแก้เก้อ “อะ ฮะ…ก็…วันนี้มันผิดแผนนิดหน่อยเองน่า ข้าคิดถึงเต้าหู้มากเลยนะ แต่ท่านรู้ไหม…ข้าก็คิดถึงท่านเหมือนกันแหละ…” พูดเอาใจจบก็รีบก้มหน้าแสร้งมองพื้นแล้วรีบถอยไปข้างหลังสองก้าวเพราะรู้ว่าพูดมากกว่านี้อาจโดนล้อเข้าเต็ม ๆ…แต่ก่อนจะทันหนี หลิวอันกลับยิ้มนิด ๆ อย่างรู้ทันแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่ทำให้นางต้องชะงัก


“คราวหน้าจะกลับดึกก็ฝากบอกด้วย ข้าจะได้ไม่ต้องกังวลทั้งคืน” 


แล้วใครจะไปกล้าไม่บอกอีกล่ะ…ยัยแมวตัวดีอย่างหลินหยาจึงได้แต่เผลอยิ้มแห้งอย่างพ่ายแพ้ หลินหยาพยักหน้าหงึก ๆ รับคำอย่างว่าง่ายเป็นพิเศษในวันนี้ "ก็ได้เจ้าค่ะต่อไปนี้…ข้าจะพยายามบอกถ้าจะออกไปไหน จะไม่หายหัวไปเฉย ๆ แล้ว" เสียงของนางแม้แผ่วลงในตอนท้าย แต่แววตากลับซื่อจริงจังปะปนกับความเขินจาง ๆ อย่างคนที่กำลังรู้สึกว่าโดนเป็นห่วงแล้วมันก็น่ารักดีแฮะ ก่อนที่มือเล็กจะล้วงห่อของผูกผ้าแดงออกมาเตรียมยื่นให้เขาแล้วว่า "อ้อ ข้ากะว่าจะฝากของไปให้หรง..." ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบ เสียงกระซิบกระซาบจากโต๊ะด้านหลังที่เต็มไปด้วยชาวบ้านซึ่งมาซื้อเต้าหู้กินตอนสายกลับดังขึ้นพอให้ได้ยินถนัด


“เฮ้ย ๆ ได้ยินข่าวยัง? ว่าองค์ฮ่องเต้เรียกสนมใหม่เข้าวังแล้วนะโว้ย!”

“หา! ไม่ใช่เวรปรนนิบัติคืนนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ! แต่อยู่ดี ๆ ก็ลัดคิว! แสดงว่าสนมนางคนนี้ต้องไม่ธรรมดา…”

“หรือนี่จะจริงที่ว่ากุ้ยเฟยหนีตามชายอื่นน่ะ! ฮ่า ๆ ๆ สมกับเป็นกุ้ยเฟยจริง ๆ สตรีงามล่มเมืองกล้าจริง!” เสียงหัวเราะระคนซุบซิบพุ่งทะลุหูหลินหยาอย่างจัง ดวงตานางเบิกกว้างเล็กน้อย สะบัดหน้าขวับไปทางหลิวอันทันที


'แย่ล่ะ…' สมองนางวิ่งเร็วกว่าลมพายุในหุบเขาจิตใต้สำนึกกรีดร้อง ‘ท่านหลิวอันเป็นหวางเย่! เป็นถึงพระปิตุลาในองค์ฮ่องเต้! ถ้าทรงได้ยินแบบนั้นแล้วโมโหล่ะ’ หลินหยาก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ มองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวังพร้อมลุ้นเต็มประดาในใจว่าสงครามจะเริ่มไหม หรือเขาจะปัดถ้วยน้ำชาลงพื้นแล้วตวาดเสียงดังก้องเหมือนที่ในหอว่านหงเหรินเคยมีขุนนางคนหนึ่งเคยทำเวลามีคนเอ่ยถึงวังหลังไม่ดีแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ…


ไม่มีอะไรเลย


หลิวอันยังคงนิ่ง ยืนนิ่งเหมือนรูปสลักตัดจากหยกชั้นดี ดวงตาสงบพอ ๆ กับผืนน้ำใต้เงาจันทร์ ไม่มีแม้แต่เศษรอยย่นจากความขุ่นใจปรากฏบนใบหน้า เขาเพียงจิบชาเงียบ ๆ ราวกับข่าวนั้นเป็นเพียงเรื่องข้างทางเหมือนข่าวที่ฝนจะตกในอีกสองวัน บรรยากาศชวนให้หลินหยาต้องยืนนิ่งอึ้งตามไปด้วยก่อนจะหันมองเขาอีกทีอย่างประหลาดใจ ‘นี่เขาไม่โกรธ? ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? หรือว่า…ในวังมันก็เป็นแบบนี้เอง?’ นางกระพริบตาถี่ ๆ แล้วเริ่มเข้าใจ...เข้าใจแบบที่คนธรรมดาคนนอกไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง ว่าความเคลื่อนไหวในวังหลวงนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนระดับเขาจะสะเทือนใจได้ด้วยข่าวลือพื้น ๆ เช่นนี้


ท่ามกลางความนิ่งของเขาหลินหยากลับรู้สึกอะไรบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในอก มันไม่ใช่ความกลัว…แต่เป็นความหนาวเยือกจากการตระหนักว่าคน ๆ นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ และเขาอาจเคยเห็นเรื่องแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่คิดจะสะเทือนใจให้เปลืองพลังอีกแล้วก็ได้


หลินหยาอยู่ที่เดิมของร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน แต่นัยน์ตากลับมองบุรุษในชุดธรรมดาสีเทาอ่อนผู้เป็นเถ้าแก่ประจำร้านอยู่เงียบ ๆ ไม่วางตา แม้นปากนางไม่พูด แต่ในใจกลับอดจะพะวงไม่ได้ ไม่ใช่เพราะข่าวลือเรื่องสนมใหม่หรือการที่เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ต่อเรื่องวังหลัง...หากแต่เป็นแววบางอย่างในแววตาคู่นั้นที่แอบเศร้าลึกจนคนอย่างหลินหยาที่เคยร่าเริงดื้อดึงยังต้องเงียบลง นางถอนหายใจเบา ๆ ก้มหน้าอย่างคนที่รู้สึกเจ็บปวดแทนใครสักคนโดยไม่จำเป็นต้องอธิบาย


‘เขาเป็นอ๋อง…เป็นหวางเย่…เป็นพระปิตุลาในองค์จักรพรรดิ เป็นชายที่เคยผ่านทั้งเลือดเนื้อและการเมืองเหนือหลังม่านวังมานับไม่ถ้วน…’ นางคิด ‘แล้วข้าจะไปทำอะไรได้...นอกจากเฝ้ามองเขาอยู่แบบนี้’


แต่หลิวอันกลับทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง เมื่อเขาวางถ้วยชาไว้บนโต๊ะอย่างแผ่วเบา มือข้างหนึ่งก็หยิบกล่องไม้แบน ๆ เล็กขนาดฝ่ามือขึ้นจากใต้โต๊ะไม้ที่นั่งอย่างเงียบงัน เดินอ้อมมาอีกด้านของร้านที่หลินหยาอยู่เสียงฝีเท้าของเขาแม้แผ่วเบาแต่หนักแน่นไม่ต่างจากการปรากฏตัวของเงาใต้ดวงตะวัน "วันนี้ข้าลืมบอก…" เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้นเมื่อเขาวางกล่องลงตรงหน้านาง "วันก่อนมีคนที่จวนได้สั่งชาไว้หลายกล่อง ข้าแบ่งมาได้ชุดหนึ่งของเจ้าก็มีอยู่ในนั้น"


นางเบิกตากว้างนิด ๆ “ข้าไม่ได้สั่งนะเจ้าคะ”


"แต่ข้าเห็นเจ้ามองมันเมื่อวันก่อนแล้วบ่นว่าแพง"


หลินหยาชะงักงันปากเม้มแน่นก่อนพ่นลมหายใจออกแรง ๆ "ฮึ่ม….นี่มันจะเอาชามาล่ออีกแล้วใช่ไหม...ให้ตายเถอะ ชอบแกล้งกันจริงนะท่านน่ะ" น้ำเสียงที่บ่นเหมือนหงุดหงิดแต่กลับไม่ได้ผลักกล่องนั้นออกไป หนำซ้ำมือยังยื่นไปลูบกล่องไม้อย่างเงียบ ๆ ด้วยแววตาแปลกประหลาดที่แฝงความอบอุ่นไม่รู้ตัว


หลิวอันไม่ได้กล่าวอะไรต่อนัยน์ตาเรียบสงบ ริมฝีปากเฉียบขาดกลับโค้งยิ้มเพียงน้อย “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าห่วงข้า” เขากล่าวราบเรียบ “แต่ข้าจะห่วงเจ้าได้หรือไม่” หลินหยาชะงัก ตาค้างนิดหน่อยแล้วหลบสายตาอย่างไม่ตั้งใจ “ไม่รู้สิ ข้าเป็นพวกชอบทำอะไรตามใจตัวเอง…จะเป็นห่วงข้าก็แล้วแต่ท่านเถอะเจ้าค่ะ ข้าห้ามท่านไม่ได้หรอก” นางกัดริมฝีปากนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ยอมเผยความคิดในใจออกมาโดยง่าย


“ก็แค่…อย่าคาดหวังว่าข้าจะรู้วิธีตอบแทนความห่วงใยของท่านก็แล้วกันเจ้าค่ะ เพราะบางทีมันก็…ซับซ้อนเกินไปสำหรับข้า”


เขานิ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้ฝืน ไม่ได้เร่งเร้า เพียงยืนเงียบอยู่ตรงนั้นข้างตัวเธออย่างสงบ และนั่นเอง…ที่ทำให้หลินหยาเม้มปากแล้วค่อย ๆ หันกลับมามองอีกครั้ง “งั้น...ก็นั่งตรงนี้สิเจ้าคะ” เสียงนางเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อยมือเลื่อนกล่องชาเข้าใกล้แล้วเปิดฝาแง้มดูอย่างระวัง “เดี๋ยวข้าชงให้ท่านด้วย” ราวกับความห่วงใยที่เธอไม่อยากรับ…ถูกแปรเปลี่ยนเป็นคำขอบคุณเงียบ ๆ ผ่านกลิ่นชาหอมกรุ่นในถ้วยที่กำลังริน


ที่โต๊ะไม้ตัวเล็กริมหน้าต่างร้านอันเล่อจ้วน ซึ่งแสงแดดยามอู่ส่องลอดผ่านม่านไม้ไผ่ลงมากระทบถ้วยชาหยกขาวเบื้องหน้า บรรยากาศกลับสงบอย่างน่าประหลาดทั้งที่วันนี้เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ลูกค้าหนาแน่นที่สุดของร้านเต้าหู้ชื่อดังแห่งถนนสิบลี้ แต่เถ้าแก่กลับปล่อยให้คนงานจัดการตามลำพังโดยไม่มีใครกล้าแม้แต่จะบ่นก็ใครจะไปกล้าบ่นหวางเย่กันเล่า?


หลินหยานั่งฝั่งตรงข้ามอ๋องหลิวอัน ขณะที่มือเรียวค่อย ๆ รินน้ำร้อนใส่กาน้ำชาอย่างตั้งใจ ก่อนจะวางใบชาจินจวิ้นเหมยชั้นดีที่เพิ่งได้รับเมื่อครู่ลงไปในถ้วยกรอง กลิ่นหอมละมุนของยอดชาดำจากภูเขาอู่อี๋ลอยอ้อยอิ่งจนทำให้หลินหยาหยีตาแล้วถอนหายใจเบา ๆ "กลิ่นแม่งอย่างกับเงินหายไปสามตำลึงทองเลยเจ้าค่ะ…"


"แล้วเจ้าก็ยังกล้าชงมันให้ข้า"


"ก็ของท่านนั่นแหละข้าไม่ได้เสียเงินสักหน่อยนะเจ้าคะ!" หลินหยาตวัดสายตามองพลางยื่นถ้วยชาให้เขา สีหน้าเหมือนอยากบ่นให้มากกว่านี้แต่ก็ยับยั้งไว้เพราะชาในมือมันหอมจริง ๆ


หลิวอันรับถ้วยมาช้า ๆ ริมฝีปากขยับขึ้นเพียงนิดแต่ไม่กล่าวอะไร มือใหญ่ของเขากลับเอื้อมไปอย่างเงียบ ๆ จับที่ต้นแขนซ้ายของหลินหยาด้วยความระมัดระวังแฝงด้วยแรงกดเบา ๆ นิ้วหัวแม่มือแตะลงเหนือผ้าชั้นนอกตรงจุดที่เคยมีบาดแผล ท่าทางเหมือนจะประเมินอาการว่าเจ็บหรือไม่โดยไม่ต้องพูด หลินหยาเลิกคิ้วทันที "เอ๊ะ...อย่า…ท่าน"


"ยังเจ็บหรือ"


"นิดหน่อยเจ้าค่ะ" เธอบอกเสียงเบาขยับแขนหนีเล็กน้อย "ยังดีที่หมอทาโอสถให้ข้าว่าอีกวันสองวันก็คงหายดี"


"แต่เจ้าก็ยังกล้าไปปีนเขา" เขาว่าเรียบ ๆ พลางยกชาขึ้นจิบ หลินหยาทำหน้าหงิกทันที "ก็…ข้ามีภารกิจนะ! เงินตั้งเก้าสิบกว่าตำลึงเงินเชียวนะ! ใครจะอดใจไหว แถมข้าไม่ต้องยกของหนักด้วย แต่ไปนั่งโง่ ๆ ตรงนั้นทำใจเท่านั้นเอง เวลาทำสมาธิไม่ได้ก็ใช้ปากพูดอย่างเดียวเอง" หลิวอันวางถ้วยชาลงช้า ๆ แล้วหันมองนางตรง ๆ แววตานั้นนิ่งเสียจนนางรู้สึกเหมือนคนถูกล้วงความคิด


"ใช้ปากพูดอย่างเดียว…ก็อันตรายได้เหมือนกัน"


"หืม?" หลินหยาเลิกคิ้ว


"เจ้าปากดีมาก…บางทีอาจเจอคนปิดปากเจ้าด้วยจุมพิตแทนคำตอบก็เป็นได้"


"ท่านหลิวอัน!!" เธอแทบจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่กลับเอามือคว้าถ้วยชาตัวเองขึ้นปิดหน้าทันที เขาไม่ได้หัวเราะดัง…แต่ดวงตาเขากลับยิ้มอย่างชัดเจน “ข้าแค่เปรียบเปรย” เขาว่าราบเรียบ


"ท่านนี้มัน…เป็นถึงหวางเย่ก็ไม่ช่วยให้แกล้งข้าน้อยลงเลยนะ!" หลินหยางอนฟึดฟัดใจเต้นตุบตับไม่หยุด นางจิบชาหนึ่งอึกดับความร้อนหน้าก่อนถอนหายใจเฮือกแรงแล้วมองออกนอกหน้าต่างอย่างหมดคำจะเถียง


"งั้นข้าเงียบก็ได้…" หลิวอันพูดพลางจิบชาอีกครั้ง ดวงตายังมองนางไม่วาง


หลินหยาเบ้ปากแต่เธอก็ยิ้มบาง ๆ ในที่สุด หยิบขนมที่อยู่ในจานมาเคี้ยวขบทีละคำท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ และกลิ่นชาหอมกรุ่นที่ลอยอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบนี้ ราวกับเวลาในร้านเต้าหู้แห่งนี้…จะหยุดลงเพียงชั่วครู่ เพื่อให้ทั้งสองคนได้นั่งนิ่ง ๆ อยู่ด้วยกันโดยไม่มีหน้ากาก ไม่มีฐานันดร…และไม่มีคำว่าห่างไกล....นี้แหละนะ



@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: ฟังข่าวลือและมาหาอ๋องเต้าหู้อย่างสม่ำเสมอสุด ๆ 


รางวัล:

1 Point (จากการฟังข่าวลือ)

คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 70122 ไบต์และได้รับ 56 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-20 02:42
โพสต์ 70,122 ไบต์และได้รับ +1 Point +30 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-20 02:42
โพสต์ 70,122 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-20 02:42
โพสต์ 70,122 ไบต์และได้รับ +1 Point +30 คุณธรรม +25 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-20 02:42
โพสต์ 70,122 ไบต์และได้รับ +40 EXP +35 คุณธรรม +15 ความชั่ว +35 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-20 02:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-7-20 16:41:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 19 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิวอัน)


หน้าร้านอันเล่อจ้วนในยามอู่ แสงแดดกลางวันส่องลอดผ่านผ้ากันแดดสีซีดที่ถูกขึงไว้เหนือศีรษะ บรรยากาศจอแจของถนนสิบลี้ยามสายคึกคักเป็นพิเศษทั้งเสียงคนซื้อขายกลิ่นอาหารจากแผงข้างทางและฝุ่นละอองจากรองเท้าที่ย่ำไปมา หลินหยาที่เหนื่อยอ่อนจากการลงเขาหัวซานในเช้าวันนี้ เดินกระชับกระเป๋าเจ็ดสมบัติที่สะพายอยู่พลางถอนหายใจหนัก ๆ เหงื่อซึมข้างขมับแต่ตากลับสดใสอย่างคนเพิ่งได้เงินดีมาอีกรอบ แต่แล้วนางก็ชะงักทันทีที่เห็นแผงเต้าหู้หน้าร้าน โล่งโจ้งเหมือนหัวใจคนไร้รัก


"ห๊ะ...อีกแล้วเรอะ!!" หลินหยาพึมพำแทบเป็นเสียงตะโกนทว่าคนงานที่กำลังเก็บเศษเต้าหู้ใส่ถังยังคงทำหน้าตายเหมือนไม่ได้ยินนางสาปแช่งอยู่ในใจ


มีแค่ชิ้นเดียว...อีกแล้ว…


"เต้าหู้เอ๋ย ข้าต้องทำบุญด้วยอะไรเจ้าถึงจะเหลือให้ข้าบ้างฮึ..." หลินหยาคร่ำครวญในใจพลางเดินกระแทกเท้าเบา ๆ ไปหน้าร้านอย่างหมดหวัง แล้วเงยหน้าขึ้นทันทีที่เห็นร่างสูงในชุดผ้าฝ้ายเรียบแต่สะอาดตานั่งอยู่หลังโต๊ะไม้ตัวเดิม "เฮ้อ...ข้ารู้แต่แรกแล้วล่ะว่าท่านต้องมาอยู่ตรงนี้" นางพูดพร้อมโบกมือให้ชายที่เป็นทั้งเจ้าของร้าน ทั้งเถ้าแก่ และเป็นถึงหวยหนานหวางผู้สูงศักดิ์ "ท่านหลิวอัน ข้าขออนุญาตแวะมาทักทายแบบไม่มีเต้าหู้ในมืออีกวันนะเจ้าคะ" 


หลิวอันวางสมุดบัญชีลงช้า ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองนาง ดวงตาสงบแต่ทอประกายบางอย่างเมื่อเห็นเจ้าของเสียงสดใสปรากฏตัวเหมือนเช่นเคย แม้จะเป็นแค่ทุกวันละไม่กี่คำไม่กี่ยกมือโบก แต่เขากลับสังเกตได้เสมอเมื่อเธอเดินเข้ามาในร้าน "เจ้ามาช้ากว่าทุกวัน" เขาเอ่ยช้า ๆ พลางพยักหน้าให้คนงานถอยออกไปห่าง ๆ


"ก็ขึ้นเขามานี่นา เขาหัวซานมันสูงจะตาย อ้อ! ว่าไป เมื่อวานข้าเดินตลาดตะวันออกกับหรงเล่อ ลูกสาวท่านนั่นแหละ" นางพูดอย่างสบายใจ พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้ามกับเขาอย่างไม่ถือตัว ก่อนจะเริ่มเอาของในถุงออกมานับเล่น ๆ ไปด้วย "หรงเล่อชอบตลาดนั้นมาก" เขากล่าวราบเรียบ ดวงตามีรอยอ่อนโยนบางอย่าง "แต่ข้ามิคิดว่าเจ้า...จะยอมอยู่เป็นเพื่อนเดินจนจบตลาดโดยไม่หายไปซื้อของหวานเสียก่อน"


"ข้าเนียนกินขนมที่หรงเล่อซื้อน่ะเจ้าค่ะ ประหยัด!" หลินหยาเชิดหน้าภูมิใจสุดขีด "แถมหรงเล่อยังเลี้ยงข้าอีกนิสัยดีเหมือนท่านเลยนะ" หลิวอันหัวเราะแผ่วเบา สะกิดยิ้มมุมปากก่อนจะสังเกตเศษฝุ่นบนชายกระโปรงนางเล็กน้อย "แล้ววันนี้เจ้าจะทำอะไรต่อ"


"ข้าอยากได้เต้าหู้น่ะสิ แต่มันเหลือแค่...หนึ่งชิ้น..." หลินหยาเอ่ยเสียงลากยาวพลางหันไปมองแผงหน้าร้านอย่างเจ็บปวดใจ "ข้าควรไปตั้งโต๊ะบูชาเจ้าเต้าหู้ดีไหมเจ้าคะ? เผื่อพรุ่งนี้จะเหลือให้ข้าบ้าง"


หลิวอันนิ่งไปสักพักก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านหลัง เขากลับออกมาพร้อมเต้าหู้ห่อผ้าใหม่หนึ่งห่อที่ยังคงอุ่นกรุ่นจากหม้อน้ำร้อนส่งตรงมายังถาดตรงหน้าหลินหยา "สำหรับเจ้า"

นางตาโต "เอ๊ะ...ท่านเก็บไว้ให้ข้ารึ?"


"เปล่า" เขาตอบเรียบ ๆ แต่ดวงตามีรอยล้อเลียน "มันคือเต้าหู้ของข้าเอง แต่วันนี้...ข้าไม่หิว"


"เห๊..แต่คนอื่นเขาอยากได้นะเจ้าคะ!" หลินหยาคว้าเต้าหู้นั้นมาทันทีทั้งที่ปากยังยิ้มกว้าง "ข้าขอรับไว้ด้วยความซาบซึ้งอย่างยิ่ง..." หลิวอันนั่งลงตรงที่เดิม หยิบถ้วยชาขึ้นจิบเบา ๆ ไม่พูดอะไรอีก แต่ในแววตานั้นมีประกายอบอุ่นบางอย่างราวกับเขาพอใจแล้วที่ได้เห็นเจ้าตัวเล็กข้างหน้าเขาได้กินเต้าหู้เต็มคำในวันนี้ อย่างน้อย...ก็อีกวันหนึ่ง แสงแดดยามอู่ยังคงร้อนแรงแม้ลมจะพัดผ่านมาบ้างเป็นบางช่วง ภายในร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วนค่อยสงบลงบ้างเมื่อคนงานทยอยจัดการงานหน้าร้านตามปกติ หลินหยาเดินหายเข้าไปหลังร้านพร้อมมือที่ยกขึ้นคล้ายขออนุญาต บอกผ่าน ๆ ว่า “ขอครัวหน่อยนะ ท่านเจ้าของร้าน” ก่อนจะหายไปคล้ายสายลมจอมยุ่ง


หลิวอันที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้ด้านหน้าเพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยห้าม ราวกับรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีทางกินเต้าหู้ธรรมดาได้แต่เขาก็ไม่รู้ว่านางกำลังจะทำอะไรต่อเช่นกัน กระทั่งเวลาไม่นานถัดมา...กลิ่นหอมบางเบาและเย็นเยือกของดอกกุ้ยฮวาอวลไปทั่วบริเวณนั้น ตามมาด้วยกลิ่นของเต้าหู้เย็นราดน้ำแกงที่หอมผลซิ่งเหริน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของสตรีผู้หนึ่งดังใกล้เข้ามา หลินหยาปรากฏตัวกลับออกมาอีกครั้งด้วยท่าทางยิ้มระเรื่อ ริมฝีปากน้อย ๆ โค้งขึ้นอย่างภาคภูมิขณะยกถ้วยเต้าหู้สีขาวขุ่นเนื้อเนียนละมุนในน้ำแกงผลซิ่งเหรินใสแจ๋ว มีเกสรดอกกุ้ยฮวาลอยเบา ๆ บนผิวของน้ำราวกับแผ่นหิมะตกลงกลางฤดูใบไม้ผลิ


“ท่านกินเถอะ อร่อยนะ” นางกล่าวเบา ๆ พลางวางถ้วยลงเบื้องหน้าชายหนุ่มด้วยความทะนุถนอม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตั้งใจ แม้จะไม่มีคำว่า ‘ห่วง’ หลุดปาก แต่สายตาคู่นั้นกลับสะท้อนทุกอย่างจนหมดสิ้น “ซิ่งเหรินคั่วสดหอมมากเลยเจ้าค่ะ ข้าแช่ไว้เย็น ๆ ให้กินคลายร้อน พอดีวันนี้แดดแรงเลยคิดว่า... ท่านควรกินอะไรเย็น ๆ หน่อย”


หลิวอันสบตานางครู่หนึ่ง ริมฝีปากเรียบเฉยของเขาคล้ายจะขยับนิดหน่อยแต่กลับไม่กล่าวอะไรในทันที เขาเพียงเลื่อนถ้วยเต้าหู้มาเบื้องหน้าตนก่อนใช้ช้อนเงินค่อย ๆ ตักขึ้นมาชิมหนึ่งคำ เนื้อเต้าหู้นุ่มละมุนลิ้น กลิ่นของดอกกุ้ยฮวาจาง ๆ เคล้ากับรสเปรี้ยวอมหวานของซิ่งเหรินที่ทำให้น้ำแกงใสเย็นลื่นลงลำคอได้อย่างสดชื่น ความเรียบง่ายแต่น่าหลงใหลของรสชาตินั้นเหมือนกับ...เจ้าของคนทำตรงหน้าไม่มีผิด “รสมือดี” เขากล่าวเรียบ ๆ ดวงตานิ่งแต่ทอประกายบางอย่างพลางเลื่อนสายตาไปยังมือเรียวที่ยังถือผ้าเช็ดเหงื่ออยู่ “ดีกว่าคนในครัวบางคนของจวนข้าเสียอีก”


หลินหยาหัวเราะคิก “ท่านชมข้าขนาดนี้ อย่าบอกนะเจ้าคะว่าอยากได้ข้าเป็นแม่ครัวให้จวน?”


“แม่ครัวไม่จำเป็นต้องยิ้มหวานแบบนี้” เขาว่าพลางตักอีกคำโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่หลินหยากลับเผลอหน้าแดงนิด ๆ ทั้งที่ไม่ได้โดนชมอะไรตรง ๆ ด้วยซ้ำ “ข้าก็ไม่ได้ทำบ่อย ๆ หรอกน่า วันนี้อารมณ์ดีนิดหน่อยต่างหาก” นางบ่นเบา ๆ พลางนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา วางคางพาดบนแขนที่เท้าบนโต๊ะด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ไม่รู้ทำไม...เห็นหน้าท่านแล้วอยากทำของอร่อยให้กินแฮะ” หลิวอันหันมามองอย่างสงบนิ่ง ไม่พูดอะไรนอกจากเลื่อนถ้วยชาข้างมือไปให้นางอีกถ้วย ก่อนจะตักเต้าหู้คำที่สามเข้าปากช้า ๆ ยิ่งกิน...ยิ่งเย็น...ยิ่งอร่อย...เหมือนหัวใจเขาเงียบลงได้อีกหน่อยในวันที่เจอความวุ่นวายมากเกินไป และสำหรับหลินหยา...การได้เห็นเขากินอย่างสงบเงียบแบบนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้วันที่ลงจากเขาหัวซานอันเหนื่อยล้า กลายเป็นวันธรรมดาที่อบอุ่นอย่างประหลาด



@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาแล้วจ้า มาจีบ(?) มาหาลุงเต้าหู้เหมือนทุกวัน


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน

มอบ ซินเหริญโต้ฟู ขนมหวานเกรดทอง ค่าความสัมพันธ์ + 20

อาหารปรุง ค่าความสัมพันธ์ +5

(แน่นอนว่าให้เฉย ๆ 555 คือแบบ ตอนจีบจริงไม่ตันไม่ให้ มาเจือกให้ตอนนี้งงมาก เอาน่าตามคาร์)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32665 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-20 16:41
โพสต์ 32,665 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-20 16:41
โพสต์ 32,665 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-20 16:41
โพสต์ 32,665 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-20 16:41
โพสต์ 32,665 ไบต์และได้รับ +25 EXP +20 คุณธรรม +9 ความชั่ว +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-20 16:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-7-21 19:56:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-21 19:58


วันที่ 20 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)


เสียงกระดิ่งเหล็กหน้าร้านเต้าหู้ดังเบา ๆ ขณะม่านผ้าลูกไม้สีเทาถูกแหวกเปิด หลินหยาก้าวเข้ามาพร้อมใบหน้าแจ่มใส แม้แสงแดดจากปลายยามอู่จะร้อนแรงส่องมาตลอดเส้นทาง แต่หญิงสาวก็มีท่าทางสดชื่นผิดกับเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด มือข้างหนึ่งรีบคว้าตะกร้าไม้ข้างประตูส่วนอีกข้างก็ตรงเข้าไปหยิบเต้าหู้บนถาดไม้ที่เหลืออยู่พอดี 4 ชิ้น ค่อยยังชั่วหน่อย วันนี้ไม่ต้องกินแห้วแล้ว…  "เต้าหู้วันนี้ดูน่ากินนะเจ้าคะท่านเถ้าแก่" หลินหยาทักทายด้วยเสียงเจื้อยแจ้วขณะยืนเท้าเอวมองอีกฝ่ายที่กำลังจัดของอยู่หลังโต๊ะ


หลิวอันเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าเรียบนิ่งแต่แววตาอ่อนโยนอย่างเคยเขาสบตาเธอครู่หนึ่งก่อนถามเสียงราบเรียบแต่ไม่ไร้อารมณ์ "เมื่อวาน...เด็กหนุ่มที่มาส่งเจ้า คือเพื่อนหรือ?"

 

"อ๋อ ใช่เจ้าค่ะ เสี่ยวจ้าวจื่อน่ะเหรอ" หลินหยาตอบพร้อมรอยยิ้มพราย แล้วหันไปวางเต้าหู้ในตะกร้าอย่างระมัดระวัง "ใช่ เขาเป็นเพื่อนข้าจริง ๆ จ้ะ เคยช่วยข้าไว้ตอนข้าจะเป็นลมกลางตลาดวันนั้น แล้วก็เคยเจอกับหรงเล่อแล้วล่ะตอนนั้นข้าไปเดินตลาดกับหรงเล่อพอดีเลยได้คุยกันน่ะเจ้าค่ะ..." ยังไม่ทันขาดคำ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้นตรงประตูหลังร้านก่อนจะมีเสียงสาวแว่วมา "ใครเอ่ยเอ่ยถึงข้าหรอออ?" แม่นางหรงเล่อโผล่หัวออกมาในชุดกระโปรงผ้าไหมสีชมพูเรื่อ ดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มซน ๆ ที่เห็นเมื่อไรก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องเตรียมก่อกวนอะไรสักอย่างแน่


หลินหยาเบิกตากว้างเล็กน้อยแล้วแกล้งทำหน้าตกใจ "หรงเล่อ! มาทำอะไรที่นี่เนี่ย มาป่วนร้านท่านพ่อตัวเองหรือยังไงน่ะ?"


หรงเล่อหัวเราะคิกคักแล้วเดินออกมาเต็มตัว ก่อนจะเอ่ยตอบพลางเอียงคอเล็กน้อย "เปล่าสักหน่อย ข้าแค่ผ่านมาเห็นเจ้ากับท่านพ่อยืนอยู่เลยแวะดูนิดเดียวเอง~ ข้าจะไปซ้อมรำกับอาจารย์ที่สระบัวในจวนนู้นอีกสักพัก"


"อ๋อเหรอ ๆ แล้วผ่านมาทางร้านเต้าหู้เนี่ยนะ?" หลินหยาพูดเสียงสูง พลางเบ้ปากนิด ๆ อย่างไม่เชื่อก่อนจะเหล่มองท่านหลิวอันที่ยืนอยู่อีกมุม แต่หลิวอันกลับไม่ได้แสดงสีหน้าว่าเบื่อหรือตำหนิลูกสาวเลยสักนิด ตรงกันข้าม ใบหน้าที่ยังคงสงบนิ่งกลับดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของสองสาวดังระงมในร้าน ราวกับว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ บรรยากาศในร้านที่มักจะเงียบสงบกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง


"เสี่ยวจ้าวจื่อข้าเคยเห็นนะ ดูเรียบร้อยดีขี้เกรงใจไปนิดแต่ก็เป็นเด็กน่ารัก" หรงเล่อพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด หลินหยาเลยหัวเราะ "เรียบร้อย? นั่นมันต่อหน้าเจ้าต่างหาก ต่อหน้าข้าน่ะ…" เธอยกมือทำท่าจิ้มจมูกตัวเองก่อนจะยิ้มกว้าง "กลัวแล้วก็เขินจนตัวลีบเลยล่ะ ฮ่า ๆ ๆ" หลิวอันที่ฟังเงียบ ๆ อยู่ยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะวางถ้วยลงอย่างนุ่มนวล ไม่พูดอะไร แต่รอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากนั้นก็ปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ราวกับภาพตรงหน้าเป็นช่วงเวลาที่แสนหายากในโลกอันวุ่นวายนี้ หลินหยาหันไปเก็บเต้าหู้ในตะกร้าอย่างเบา ๆ ก่อนพูดกับหรงเล่อ "เดี๋ยวข้าจะลองทำขนมเต้าหู้แบบใหม่ดู เอาไว้ชิมกันนะถ้าข้าไม่ตายก่อนอะนะ..."


หรงเล่อขำพรืดออกมา "งั้นข้าจะพาเพื่อนไปเป็นหนูลองเมนูให้เลย ดีไหม?" ทั้งสองสาวหัวเราะกันครึกครื้น ท่ามกลางกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำเต้าหู้และกลิ่นใบชาอ่อน ๆ ที่ลอยคลุ้งในร้านนั้นเองในร้านเล็ก ๆ ที่มีเถ้าแก่หลิวอันหรือหวยหนานหวางยังคงยืนฟังบทสนทนาเงียบ ๆ ด้วยหัวใจที่เริ่มไม่เงียบอย่างที่เคยอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เพราะรำคาญ แต่เพราะเขาชอบยามเมื่อเห็นหรงเล่อและหลินหยาได้ยิ้มพร้อม ๆ กัน 


หลินหยายกนิ้วชี้ขึ้นแล้วจิ้มแก้มหรงเล่อเบา ๆ อย่างแกล้ง ๆ ดวงตาของเธอทอประกายขี้เล่นปนเอ็นดู ขณะที่เสียงหัวเราะใส ๆ ดังลอดออกมาจากริมฝีปากแดงระเรื่อนั้น "ไหนใครบอกว่าจะไปซ้อมรำยังมาทำปากดีอยู่นี่อีกนะ~" หรงเล่อสะดุ้งน้อย ๆ ก่อนจะงอแงใส่ทันที มือเล็กปัดเบา ๆ แล้วทำหน้ามุ่ยอย่างน่าเอ็นดู "อ๊ายย! ขี้แกล้งที่สุดเลยนะหยาหยา! เดี๋ยวรอยแก้มนุ่ม ๆ ของข้าก็เป็นรอยหมดหรอก!" ว่าแล้วก็รีบหมุนตัววิ่งหนีไปด้านนอกร้านอย่างรวดเร็ว ร่างอรชรปลิวไหวไปตามจังหวะผ้ากระโปรงที่พลิ้วเบา ๆ พร้อมเสียงจากลาของหรงเล่อ "ข้าสจะไปซ้อมรำแล้วจริง ๆ นะหยาหยาไปละ! ไปนะเจ้าคะท่านพ่อ!"


หลินหยาหัวเราะไล่หลังเสียงใสก่อนจะหันกลับมาทางเถ้าแก่หลิวอันที่ยืนพิงโต๊ะเล็ก ๆ ใกล้ที่คิดเงินของร้าน ดวงตาของเขามองมาเงียบ ๆ ไม่ได้กล่าวอะไร แต่กลับทำให้รู้สึกได้ว่ากำลังจับตามองทุกอิริยาบถของพวกเธออยู่ หญิงสาวยักคิ้วใส่เขาเล็กน้อยก่อนยกยิ้ม "เห็นไหมล่ะเจ้าคะ ข้าสนิทกับหรงเล่อออกจะตายไป~" พูดพลางกอดอกอย่างภูมิใจเหมือนคนที่พึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศด้านความเป็นเพื่อนสนิท


หลิวอันเลื่อนสายตาจากประตูด้านหลังที่ลูกสาววิ่งหายไปกลับมาสบตาเธอช้า ๆ สีหน้ายังเรียบเฉย ทว่าแววตากลับแฝงรอยขำเล็ก ๆ จาง ๆ ริมฝีปากหยักก็กล่าวราบเรียบไม่เร่งเร้า "ก็ไม่เคยบอกว่าไม่สนิท" เพียงประโยคนั้นหลินหยาก็เกือบสำลักลมหายใจของตัวเอง เธอชะงักนิดหนึ่งก่อนจะหรี่ตามองเขาแบบจับผิด "นี่ท่านประชดข้าหรือเปล่าเนี้ย?"


"เปล่า" หลิวอันตอบพลางยกถ้วยชาในมือลงจากริมฝีปากช้า ๆ "ข้าเพียงพูดตามความจริง"


"ท่านเนี่ย!" หลินหยาโอดครวญพลางตบมือลงบนโต๊ะเสียงเบาแล้วส่ายหน้าเหมือนคนปลง "ปากก็พูดนิ่ง ๆ หน้าก็นิ่ง ๆ ใครฟังก็คิดว่าท่านพูดเอาเรื่องใหญ่เรื่องโตทั้งที่จริงแค่ชมก็ยังทำเสียงเรียบเป็นน้ำแข็ง"  เถ้าแก่ร้านเต้าหู้ที่เป็นถึงหวางเย่แห่งหวยหนานกลับไม่ตอบกลับด้วยคำพูด มีเพียงสายตาคู่นิ่งที่ทอดมองมาอย่างไม่ไหวติงแววตาที่ไม่ต่างจากผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ยืนมองเด็กสาวงอแงต่อหน้าอย่างนึกเอ็นดู ในใจของหลินหยาแม้จะอยากหัวเราะกับท่าทีไม่รู้จะเรียกว่าอบอุ่นหรือหน้าดุของอีกฝ่าย แต่ลึก ๆ แล้วนางกลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังปลอดภัยท่ามกลางสายตานั้น...แม้ไม่ได้พูดคำหวานใด ๆ เลยแม้แต่น้อยก็ตาม




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาทักทายทั้งพ่อทั้งลูก


ซื้อ เต้าหู้ ราคา 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู

จำนวน 4 ชิ้น รวม 28 ตำลึงเงิน 412 เหรียญอู่จู

รวมโอน 28 ตำลึงเงิน 412 เหรียญอู่จู


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน

พบและพูดคุยกับ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]


ได้รับ 128 EXP จากโพส = เกิน 99 EXP 99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point



แสดงความคิดเห็น

EXP ปัจจุบันของคุณมี 10  โพสต์ 2025-7-21 20:34
ปีศาจเจวี๋ยฮว่าพุ่งโจมตีคุณ (1) หนีสุดชีวิต หรือ เผชิญหน้า (ประลองในระบบและโรลจบ)  โพสต์ 2025-7-21 20:01
มีบางอย่างปรากฎตัวพุ่งโจมตีหลินหยา  โพสต์ 2025-7-21 20:00
โพสต์ 30024 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-21 19:56
โพสต์ 30,024 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-21 19:56
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-7-21 21:03:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-21 21:04


วันที่ 20 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (ลาภลอย)


หน้าร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วนยามอู่ย่างเข้าสู่ปลายชั่วยามแล้ว แสงแดดเที่ยงวันร้อนระอุสะท้อนจากหลังคากระเบื้องและพื้นถนนหินที่ทอดยาวผ่านตลาดแห่งชีวิต แต่หลินหยาที่เพิ่งก้าวออกมาจากร้านพร้อมเต้าหู้ในมือกลับชะงักเท้าเมื่อรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่อาจมองข้าม เสียงฝีเท้าเร่งรีบ ไม่...เสียงนั้นไม่ใช่แค่รีบ มันเร่งดั่งกราดเกรี้ยวราวกับเป้าหมายของมันมีเพียงหนึ่งเดียวตัวเธอ หลินหยาเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ ภาพแรกที่เห็นคือสตรีผู้หนึ่งในชุดชาวบ้านธรรมดา แต่ในวินาทีถัดมานางก็แทบช็อกคาที่


ร่างของสตรีผู้นั้นไม่มีเค้าเงาความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ ผิวหนังทั่วตัวดำคล้ำ แห้งแตกและขึ้นเป็นเกล็ดคล้ายงูเห่าถูกไฟครอกจนบิดเบี้ยว อวัยวะภายในลุกโชติช่วงด้วยเพลิงที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกมนุษย์ แผดเผาแม้แต่เงาที่เหยียบย่ำบนพื้นหิน ดวงตาของมัน...แดงฉาน! แดงราวกับตะเกียงนรกจากขุมน้ำมันร้อนที่กำลังเดือดพล่าน! และพุ่งเข้าใส่หลินหยาโดยไร้คำอธิบาย “...!” หลินหยาตกใจจนหัวใจกระตุก เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะตั้งคำถามว่า ‘ทำไม’ หรือ ‘มันคืออะไร’ สัมผัสแรกของเธอคือมันอันตราย "เจวี๋ย...ฮว่า..." เสียงพร่ากระซิบหลุดจากริมฝีปากที่ซีดเผือดของหลินหยาเพราะไม่คิดว่ามันจะมาที่นี่


ปีศาจเจวี๋ยฮว่านรกเถ้าธุลีผู้สิงสู่ในร่างมนุษย์ถูกไฟโบราณสาปให้กลับมามีชีวิตเพียงเพื่อเผาทำลายทุกสิ่งที่เคยสูญเสีย! มันไม่ควรจะอยู่กลางฉางอัน! ที่นี่! ใจกลางเมืองหลวง!


เสียงปะทะดัง วูบ! เมื่อหลินหยายกแขนขึ้นกั้นการโจมตีแรก สองฝ่ามือเธอปะทะกรงเล็บที่ร้อนราวเหล็กแดงจนรู้สึกว่าผิวตนเองกำลังจะละลาย แม้แขนซ้ายยังมีแผลจากเมื่อหลายวันก่อนแต่เธอก็ไม่เป็นอะไรนักแต่นางกลับกัดฟันฝืนใช้แรงต้านอย่างสุดตัวแทนแล้วโจมตีกลับไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันด้วยขลุ่ยข้างกายตัวเอง


หลิวอันยืนอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ภายใต้แสงแดดที่กระทบครึ่งใบหน้า รอยย่นตรงหว่างคิ้วปรากฏเพียงริ้วเดียวขณะดวงตาคมกริบจับจ้องภาพตรงหน้า—ร่างของหญิงสาวที่เขารู้จักดี กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจในรูปมนุษย์ ชั่วพริบตาแววตานั้นกลับราวกับแผดเผาอากาศรอบตัวให้หยุดนิ่ง ชาวบ้านที่ยังไม่รู้สึกตัววิ่งกรูแตกตื่นเมื่อเห็นไฟลุกขึ้นจากกลางถนน ร้องตะโกนโหวกเหวก ดึงลูกหลานพากันหลบหนีอย่างไร้ทิศ


หลิวอันที่ก้าวออกจากร้านอันเล่อจวนทันทีที่เห็นเปลวเพลิงนรกแผดเผาอยู่เบื้องหน้า เท้าของเขาแตะพื้นหินอย่างหนักแน่นดังขึ้นจากมุมด้านข้าง เสียงนั้นไม่เร่งเร้า ไม่หวาดกลัว แต่หนักแน่นจนสะเทือนทุกเส้นเสียงภายในหัวใจหลินหยา เธอรู้โดยไม่ต้องหันว่า...ใครคือเจ้าของฝีเท้านั้น เพียงชั่วพริบตาเท้านั้นก็กระแทกพื้นหินอย่างแรงจนผงฝุ่นสะบัด เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมจะเข้าจู่โจมหรืออย่างน้อยก็ป้องกันหญิงสาวผู้หนึ่งที่อยู่ใจกลางเปลวเพลิงนั้น ทว่าสิ่งที่เขาเห็นกลับไม่ใช่ภาพของเด็กหญิงตัวเล็กกำลังร้องขอความช่วยเหลือหรือโง่งมท่ามกลางไฟทมิฬ


สิ่งที่เขาเห็นคือหลินหยาที่หยัดยืนมั่นคง นางหรี่ตามองร่างของปีศาจเจวี๋ยฮว่าอย่างเยือกเย็นแล้ว...เพี๊ยะ!! เสียงฟาดดังลั่นจนแม้แต่เพลิงนรกก็ชะงักไปเสี้ยววินาที ขลุ่ยไม้ไผ่สีม่วงเข้มราวสีของราตรีกลางเหมันต์หวดฟาดเข้ากลางลำตัวของปีศาจด้วยแรงที่แทบไม่ต้องออกท่า มือขวานั้นถือขลุ่ย มุมปากนางกระตุกยิ้มเย็นท่วงท่าคล่องแคล่วไร้ซึ่งความลังเลของมือใหม่ ปีศาจตัวนั้นชะงัก ดวงตาแดงฉานเบิกกว้าง มันส่งเสียงคำรามต่ำ ๆ ขณะที่ร่างมนุษย์ซึ่งถูกมันสิงอยู่เริ่มกระตุกสั่นจากภายในแล้วเหมือนอะไรบางอย่างจะทำให้มันแน่นิ่งแต่พอที่จะไม่ตาย


หลิวอันที่พุ่งเข้ามาหยุดกึกทันทีที่มาถึงรัศมีของเพลิงนั้น แววตาใต้เงาเส้นผมพลันแข็งค้างมองภาพเบื้องหน้าอย่างนิ่งงัน มีเพียงสายลมที่ปะทะชายเสื้อคลุมเขาเบา ๆ เท่านั้นที่ขยับเคลื่อนไหว “ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” เสียงของหลินหยาดังขึ้นขณะหันมาดวงตาเธอสบกับเขา แล้วก็ยิ้มออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าเจอพวกนี้บ่อยจนชินแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องห่วงหรือกังวนนะ” เสียงของเธอไม่ได้เหนื่อยหอบแล้วก็ไม่ได้ตกใจสักนิด มีเพียงรอยยิ้มจาง ๆ กับท่าทางที่เหมือนแค่...เดินหลงเข้าร้านผิด


จากนั้นไม่รีรอ หลินหยาก็ยกมือขวาขึ้นอีกครั้ง ขลุ่ยไม้ไผ่ในมือนั้นปล่อยประกายแสงบาง ๆ ออกมา ขณะเธอหลับตาแน่นเพ่งสมาธิเมื่อขยับไปจับกายของปีศาจนั้นปราณแท้ในร่างค่อย ๆ หมุนเวียนดั่งสายธารจากสวรรค์ พุ่งเข้าสู่ร่างของหลินหยาอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเพลิงในดวงตาของปีศาจก็ค่อย ๆ มอดลง...ปราณถูกดูดซับออกทีละเส้น ทีละหยด พร้อม ๆ กับการผลักไสอำนาจสิงสู่ที่เกาะกุมร่างมนุษย์หญิงคนนั้นอย่างช้า ๆ


เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที


หญิงสาวในร่างปีศาจเริ่มทรุดตัวลงแล้วกลับสภาพผิวหนังที่ดำเกรียมค่อย ๆ หลุดลอกเป็นฝุ่นละอองเล็ก ๆ เผยผิวที่แท้จริงกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ แม้นจะยังอ่อนแรงแต่ก็หายใจได้ตามปกติและปลอดภัยแล้ว


หลินหยาถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันกลับไปหาท่านหลิวอันที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนรูปสลักอยู่ตรงนั้น หวยหนานหวางที่มักจะควบคุมทุกอย่างได้ด้วยสายตาเพียงชั่วพริบตา ตอนนี้กลับจ้องมองเด็กหญิงตรงหน้า...ด้วยสายตาที่ซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก "ข้า...แปลกใจจริง ๆ นึกว่าเจ้าจะเอ๋อกว่านี้เสียอีก" เขาเอ่ยเบา ๆ เสียงเย็นเฉียบแต่ไม่ได้ประชดประชัน หากแฝงความจริงใจที่แทบไม่เคยปรากฏในน้ำเสียงนั้น


หลินหยาหัวเราะเบา ๆ พลางหมุนขลุ่ยในมือหนึ่งรอบก่อนเก็บมันไว้ในอกเสื้อ แล้วกระพริบตาสองที "นึกว่าท่านรู้อยู่แล้ว...นี้ยังไม่รู้อีกเหรอเจ้าคะ? ข้าก็มีดีของข้าอยู่บ้างนะ โธ่..." สายลมยามอู่พลันพัดผ่าน ปลิวเส้นผมทั้งคู่ให้ไหวเบา ๆ และชั่ววินาทีนั้น ท่ามกลางความวุ่นวายของฉางอันพ่อค้าแม่ขายที่แตกตื่น ผู้คนที่ยังวิ่งหนีไปไม่ไกล หลินหยากับหลิวอัน...กลับยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากไปกว่าการจิบชาอุ่น ๆ ในยามสายของวันธรรมดา


หลินหยาปัดฝุ่นเสื้อเบา ๆ ราวกับเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงเหตุการณ์ขัดจังหวะมื้อกลางวันธรรมดา ๆ ท่ามกลางเสียงแตกตื่นของพ่อค้าแม่ขายและเสียงรองเท้ากระทบหินที่ยังไม่หยุดวุ่นวาย หญิงสาวกลับยืนเหยียดยิ้มเล็ก ๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย นางปรายตาไปทางหญิงชาวบ้านที่ยังนอนอ่อนแรงอยู่ข้างเสาไม้หน้าร้าน ก่อนจะหันกลับมาสบตาท่านหลิวอันที่ยืนมองนิ่ง มือของเขาแม้ไม่ได้เอื้อมออกไปแต่แววตากลับเหมือนจะยื่นมารั้งเธอไว้แน่นหนาเสียจนหลินหยาเองยังรู้สึกได้


"ท่านหลิวอันเจ้าคะ..." นางพูดเสียงเรียบพลางยกมือขึ้นทาบอกตัวเองเบา ๆ "ช่วยเรียกคนมาจัดการตรงนี้ให้หน่อยเถอะ ข้าไม่อยากยุ่งเรื่องทางการ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไปแย่งหน้าอะไรงี้อีก แล้วก็ต้องโดนสอบสวน ข้าไม่อยากยุ่งกับอะไรแบบนั้นท่านช่วยจัดการให้หน่อยนะเจ้าคะ" เอ่ยจบก็ค้อมศีรษะให้เล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ แบบที่หลิวอันมักเห็นอยู่บ่อย ๆ เวลาเธอทำเรื่องบ้าบอแล้วแกล้งพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็เดินไปหยิบตะกร้าเต้าหู้สี่ชิ้นในมือขึ้นมา พรูลมหายใจพลางปรายตามองไกลออกไปยังทางเหนือของถนนสิบลี้ที่ทอดยาวสู่ประตูเมือง


"ข้าจะไปเดินเล่นนอกฉางอันหน่อยนะเจ้าคะ ท่าทางวันนี้จะเจอเรื่องดี ๆ มากพอแล้ว" หลินหยาหันมาหยุดยิ้มให้เขาอีกครั้ง "สาวชาวบ้านนั้น...ข้าไม่ค่อยถนัดพาใครเข้าโรงหมออะไรเท่าไหร่ ฝากท่านด้วยแล้วกันนะ ฝากให้ปลอดภัยด้วยนะเจ้าคะ" กล่าวจบก็หมุนตัวจะเดินจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบ เหมือนกับรู้ดีว่า...คนอย่างหลิวอัน ต่อให้ไม่พูดอะไรแต่ถ้าหากเขาจะลงมือช่วยเขาก็จะช่วยโดยไม่ให้ใครรู้แน่นอน ทว่าขณะเท้าก้าวพ้นจากหน้าร้าน เสียงเรียบนุ่มต่ำก็ดังขึ้นเบื้องหลัง


"อย่าออกไปนาน"


หลินหยาหยุดนิ่งเส้นผมไหวเบา ๆ ยามสายลมลอดผ่านช่องถนนในเมือง "มีปีศาจเจวี๋ยฮว่าโผล่กลางฉางอันข้าไม่แน่ใจว่าจะใช่เรื่องบังเอิญหรือมีใครส่งมันมา หรืออาจจะเกิดอะไรบางอย่างรอบฉางอัน" คำพูดนั้นไม่ได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันหรือบีบบังคับ แต่คล้ายประกาศบางสิ่งคล้าย...เป็นห่วง หลินหยาเหลือบตากลับไปเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มไม่ปิดบัง “หากมีใครส่งมันมาจริง ข้าก็หวังว่าท่าน...จะไม่ปล่อยให้มันรอดไปได้เจ้าค่ะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง ท่านอย่าลืมดูแลตัวเองนะเจ้าคะ”


พูดจบก็ก้าวจากไปพร้อมตะกร้าเต้าหู้สี่ชิ้นในมือ และเงาอาทิตย์ที่ทอดยาวไปบนถนนหินเก่าริมกำแพงเมือง ทิ้งหลิวอันไว้ในความเงียบที่มีเพียงสายลมและสตรีผู้ถูกช่วยเหลือซึ่งยังไม่ฟื้นดีเป็นพยานของเหตุการณ์ทั้งหมดเหตุการณ์ที่อาจไม่ใช่เพียงการพบปีศาจธรรมดา แต่คือจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลายออกทีละเส้นในเงามืดของฉางอัน




[ปักตะไคร้]




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: ปีศาจจจจจจจจ.แดกแม่ง


รางวัล: ดูดซับปราณแท้จากปีศาจเจวี๋ยฮว่า ได้รับ +20 ตบะ และ  +50 คุณธรรม

และ มุกไอปีศาจ (มุกที่กักเก็บไอปีศาจไว้ภายใน) 1 เม็ด


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

ดี: 4.0
คุณได้รับ +50 คุณธรรม โพสต์ 2025-7-22 00:49
ดี: 4
  โพสต์ 2025-7-21 21:16
โพสต์ 40027 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-21 21:03
โพสต์ 40,027 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-21 21:03
โพสต์ 40,027 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-21 21:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-7-22 22:47:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 21 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)


แดดจัดจ้านสาดลงบนกระเบื้องหินสีอ่อนของถนนสิบลี้ฝั่งตะวันออก กลิ่นแสงแดดยามสายแทรกผ่านกลิ่นหอมจางของน้ำเต้าหู้ที่ระเหยขึ้นจากปากไหขนาดใหญ่หน้าร้านอันเล่อจ้วน ร้านไม้หลังคาโค้งสีดำแดงงดงามราววังย่อส่วนที่ตั้งตระหง่านอยู่หัวมุมถนน ด้านหน้าเปิดโล่งเห็นโต๊ะไม้วางเรียงสินค้าอย่างเป็นระเบียบ เต้าหู้ขาวเนื้อเนียนที่เพิ่งตัดใหม่ ๆ นอนเรียงรายบนผ้าขาวสะอาด ถั่วเหลืองเม็ดอ้วนที่ล้างแล้วเตรียมต้มก็วางถัดไปในถังกลม หน้าร้านไร้เสียงเรียกลูกค้า แต่กลับมีผู้คนเข้าแถวรออย่างเป็นระเบียบราวถูกมนต์สะกด


หลินหยาเดินมาถึงหัวถนนแล้วชะงักฝีเท้าอย่างแรงทันทีที่สายตาเห็นป้ายร้านเต้าหู้ประจำย่าน "อันเล่อจ้วน..." นางพึมพำชื่อร้านที่เคยได้ยินจนชินปาก ทั้งจากเสียงผู้คนและ...จากปากของเขา หัวใจเต้นแรงโดยไร้เหตุผล เหงื่อเย็นซึมฝ่ามือแม้ลมจะพัดแผ่ว นางเพียงตั้งใจจะเดินผ่านไปเฉย ๆ มุ่งหน้าไปยังกรมโยธาธิการ แต่แล้วเท้ากลับไม่ยอมยกเดินต่อ กลับกลายเป็นว่าหลินหยาก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าร้าน...หลบอยู่หลังต้นเสาหน้าร้านแอบชะโงกหน้าไปยังตัวร้านที่ผู้คนกำลังทยอยเข้าออกไม่ขาดสายหลินหยาเหลือบมองเข้าไปในร้านอย่างลอบเร้น ใจหนึ่งอยากเห็นหน้าเขา แต่อีกใจก็กลัวเหลือเกิน


ชายหนุ่มร่างสูงในชุดผ้าฝ้ายสีหม่นสะอาดสะอ้าน ผมยาวถูกรวบหลวม ๆ ไว้ด้านหลัง ใบหน้าคมคายไม่แต่งแต้มสิ่งใดกำลังนั่งจัดเต้าหู้ลงถาดอย่างใจเย็น ดวงตานิ่งลึกคู่นั้นมีรอยเหงื่อบางระยิบบนขอบขนตาแต่เขากลับไม่เช็ด กลับเงยหน้ามารับลูกค้าด้วยรอยยิ้มอ่อนจางแบบที่ไม่เคยเปลี่ยน ท่านหลิวอัน...หลินหยารีบหลบสายตาเหมือนเด็กโดนจับได้ ตบแก้มตัวเองเบา ๆ สองสามครั้ง


"ข้าแค่จะไปกรมโยธาธิการ! ข้าไม่ได้ตั้งใจมาเจอเขาเสียหน่อย..." นางกระซิบอย่างเอาเรื่องใส่ตัวเอง มือกำชายเสื้อแน่น เหตุใดกัน? เหตุใดถึงยังรู้สึกผิดนัก? เสียงน้ำเต้าหู้ร้อนที่ถูกตักใส่ไหดังแว่วมาเบา ๆ เสียงฝาหม้อไม้กระทบกันดัง “ก็อก” แผ่ว ๆ และเงาของเขาที่ยังคงยืนตรงเสมอ ไม่โอนเอนไปกับอารมณ์หรือคำปฏิเสธใด ๆ จากนางเลย หลินหยาขบริมฝีปากล่าง สูดหายใจเงียบ ๆ แล้วหรี่ตาลงนิดหน่อย ดวงตากลมหวานมีรอยแวววาวเจือเศร้า


“ท่านหลิวอัน….”


หลิวอันที่กำลังใช้ช้อนตักน้ำเต้าหู้ลงไหให้กับลูกค้าขาประจำ พลันชะงักฝีมือเล็กน้อย ราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง… ดวงตานิ่งสงบคู่นั้นเลื่อนมองผ่านไหล่ผู้คนในร้านออกไปยังหน้าร้านโดยไม่เร่งรีบ ไม่แสดงท่าทีใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่าทุกอย่างในใจกลับเต้นช้าลงราวกับปล่อยให้ภาพตรงหน้าเข้าแทนที่ความคิดทั้งปวง….นางมาแล้ว?


หญิงสาวในชุดธรรมดามือหนึ่งกำชายเสื้อแน่น อีกมือแตะขอบเสาไม้หน้าอันเล่อจ้วนอย่างลังเล แววตาหวาดหวั่น ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าร้านเหมือนทุกที ใบหน้าของนางที่หลุบต่ำลงเล็กน้อย ซ่อนดวงตาหวานราวลูกท้อที่ตอนนี้เปื้อนเศร้า เงาสะท้อนจากดวงตาคู่นั้นเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่เผลอข่วนเจ้าของแล้วหนีไปหลบอยู่มุมห้อง แอบส่องดูว่าจะยังโดนโกรธอยู่ไหม


หลิวอันถอนหายใจเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว ไม่ได้ถอนใจเพราะน้อยใจ…แต่เพราะใจมันปวดนิด ๆ เหมือนเห็นใครบางคนกำลังเจ็บ แต่ก็ยังกล้าฝืนเดินต่อแม้จะขาสั่นก็ตามที "ฮูหยินรองของจวนเป๋ยโหวฝากเต้าหู้ไว้ให้สามก้อนนะขอรับ!" เสียงลูกจ้างตะโกนแจ้งจากข้างหลัง เขาเพียงพยักหน้าเชื่องช้า แล้วส่งถังน้ำเต้าหู้ให้ลูกค้าท่านถัดไปก่อนหันไปหยิบผ้าสะอาดเช็ดมือตนเองอย่างใจเย็น ขณะนั้นเอง ริมฝีปากหยักได้รูปก็แสยะยิ้มเบา ๆ ไม่ใช่ยิ้มเยาะ แต่เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนและแฝงความเอ็นดูในแบบที่มีเพียงคนอย่างเขาเท่านั้นจะทำได้


เขาหยิบถุงผ้าเล็ก ๆ ที่ใช้สำหรับลูกค้าขาประจำ ใส่ขนมสองกล่องพร้อมผูกปากถุงอย่างเรียบร้อย จากนั้นเดินอ้อมโต๊ะผ่านร้านโดยไม่พูดอะไรกับใครจนไปถึงด้านหน้า แล้วยื่นถุงเต้าหู้นั้นออกไปทางเสาไม้ตรงที่นางหลบอยู่...โดยที่ยังไม่มองตรงไป เสียงทุ้มต่ำแต่แผ่วเบาอย่างรู้จังหวะดังขึ้น


"หิวหรือยัง" น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงความอบอุ่นเหมือนกล่องข้าวที่ถูกอุ่นไว้รอเจ้าของ “ไม่มีถั่วเหลืองผสม…รู้ว่าเจ้ากินไม่ได้” เขาเสริมสั้น ๆ เหมือนบอกผ่านลมหายใจ ทว่าคำพูดนั้นกลับเหมือนเงามือที่ยื่นเข้ามาดึงความรู้สึกที่ขมุกขมัวในอกหลินหยาจนจุก เขาไม่ตำหนิ ไม่กล่าวถึงเรื่องเมื่อวาน ไม่เอ่ยถึงคำปฏิเสธหรือความเจ็บปวด ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ เพียงยื่นถุงขนมให้เงียบ ๆ เหมือนยื่นใจให้อีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะรับหรือไม่ก็ตาม เขาก็จะยังยื่นให้


หลินหยาเอื้อมมือไปรับถุงใส่ขนมในมือเขาอย่างเงอะงะ หัวคิ้วน้อย ๆ ขมวดเล็กน้อยขณะสบตาชายตรงหน้า ดวงตาหวานรื้นใสอย่างลังเลก่อนจะเม้มปากเหมือนคนที่รู้ตัวว่าทำผิด แต่ไม่รู้จะขอโทษอย่างไรดี "ขอบคุณนะเจ้าคะ..." เสียงนางเบาเหมือนแมวเปียก "ขอบคุณที่ช่วยข้าเขียนใบขอตั้งร้านให้ ตอนนี้เขาอนุญาตแล้วล่ะ…แต่แบบว่า...เฮ้อ" หลินหยาถอนหายใจเฮือก ยกมืออีกข้างขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองอย่างเก้อ ๆ "ข้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมตั้งสิบตำลึงทองแน่ะ...เช่าอย่างเดียวนะ ท่านลองคิดดูสิว่าถ้าจะซื้อขาดจะขนาดไหน"


ขณะพูด เสียงก็นุ่มขึ้น เหมือนคนที่เริ่มเผลอพูดมากขึ้นทุกทีเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่ไว้ใจได้ ใบหน้าก็ยิ่งทำหน้ายู่ ยิ่งเหมือนแมวน้อยถูกจับมาฟังเทศนารู้สึกผิดไปหมดทุกคำ หลินหยาไม่รู้จะพูดเรื่องวอะไรเลยชวนคุยเรื่องนี้ซะเลยแทน


หลิวอันยืนนิ่งฟังเหมือนเคย ดวงตาคมยังคงเยือกเย็นและอ่านใจคนไม่คลาดสายตา แต่พอเห็นนางพูดจบแล้วเงียบงันเหมือนจะรอให้เขาว่าอะไรเสียที เขากลับแค่พยักหน้ารับเบา ๆ พร้อมเอ่ยเสียงเรียบ "อืม…ร้านอันเล่อจ้วนของข้า ซื้อขาด" คำพูดง่าย ๆ ไม่บรรยาย ไม่ขยายความ แต่หลินหยากลับตาโตขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้ามองเขาราวกับจะถามซ้ำอีกครั้งว่านี่พูดจริงใช่หรือไม่


หลิวอันยังคงท่าทางเดิม ดวงตาทอดมองหญิงสาวอย่างอดทนและใจเย็น แม้ไม่ได้หัวเราะหรือเอ็นดูแบบเปิดเผย แต่รอยยิ้มที่มุมปากกลับแฝงความละมุนลึก ๆ ที่หาได้ยากจากผู้ชายเงียบขรึมเช่นเขา "อย่าถามว่าราคาเท่าไหร่" เขาเสริม "เจ้าจะคิดมากจนตั้งร้านไม่ได้" พอพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเข้าไปใกล้นางครึ่งก้าว ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเรียวแตะศีรษะนางเบา ๆ แล้วลูบลงมายังเส้นผมด้านข้างเหมือนที่เคยปลอบในวันวาน แม้จะไม่มีถ้อยคำใดออกจากปาก แต่สัมผัสแผ่วเบานั้นก็แทนคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ ได้มากพอแล้ว


"เจ้าทำได้ดีแล้วหลินหยา" เสียงเขาเอ่ยในที่สุด แม้จะเบากว่าลมแต่ก็มั่นคงกว่าเข็มตาชั่ง "...อย่ารู้สึกผิดกับข้าที่ไม่เคยโกรธเจ้าเลย" เขากระซิบ และเพียงเท่านั้น ความเงียบก็ก่อตัวขึ้นท่ามกลางแสงแดดของยามอู่ที่ส่องกระทบเรือนผมดำขลับของหลิวอันและใบหน้าที่แดงปลั่งเพราะความเขินระคนรู้สึกผิดของหญิงสาวที่ยืนกอดถุงขนมแน่นจนแทบจะบดมันเละไปเสียก่อนจะได้กลับบ้าน


หลินหยาทำหน้ายุบนยับเหมือนแมวโดนน้ำสาด เอียงหน้าหนีเล็กน้อยราวกับจะบ่นแต่ก็ยังไม่กล้าสบตาเต็ม ๆ เสียงบ่นงึมงำลอดออกจากปากแดงธรรมชาติของนางอย่างยากจะปิดบังความรู้สึกแท้จริงที่ซ่อนอยู่ใต้คำพูด "ท่าน...ดีกับข้าเกินไปแล้วนะเจ้าคะ…" นางว่าเสียงเบาอย่างไม่มั่นใจนัก พร้อมเบือนสายตาไปทางอื่นเหมือนจะซ่อนความรู้สึกอุ่นซ่านที่เอ่อล้นขึ้นมาในอก


หลิวอันมองนางเงียบ ๆ ไม่ว่าอะไรเพียงแค่ทอดมองด้วยสายตาลึกซึ้งที่เต็มไปด้วยความหนักแน่น "ก็ดีสิ" เขาตอบกลับเรียบ ๆ แต่เด็ดขาดในที "ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้าเหมือนใครอื่น" ถ้อยคำแสนธรรมดานั้นกลับกระแทกหัวใจของหลินหยาราวกับระลอกคลื่นในทะเลสาบยามสงบ ก่อนที่มือเรียวแข็งแรงของชายหนุ่มจะยื่นมาอีกครั้ง ลูบศีรษะของนางอย่างแผ่วเบาและมั่นคงราวกับไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน


หญิงสาวชะงักเล็กน้อย แล้วก็เหมือนร่างกายจะตอบสนองก่อนสมองจะคิดตามทัน…หลินหยาค่อย ๆ เอนหัวเข้ามาดุนมือนั้นเบา ๆ เหมือนแมวขี้อ้อน ดวงตาปรือ ๆ ขณะกอดถุงเต้าหู้แน่นเหมือนเด็กสาวไม่รู้จะพูดอะไรดี หัวใจทั้งอบอุ่นทั้งสั่นไหว เธอไม่รู้จะเอาความรู้สึกนั้นไปเก็บไว้ตรงไหน นอกจากปล่อยให้มันแนบแน่นอยู่ในความเงียบของช่วงเวลานี้ 


หลิวอันไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากปล่อยให้สัมผัสนั้นบอกทุกอย่างแทนถ้อยคำ เมื่อเงียบกันอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบาแต่เรียบนิ่งเหมือนเดิม "ไปเถอะ จัดการให้เรียบร้อย จะได้ตั้งร้านเสียที...อย่าลืมไปจ่ายค่าเช่าร้านที่กรมโยธาด้วยนะ" สิ้นเสียงนั้น หลินหยาก็เบ้ปากทันควัน “หืม…ข้าต้องจ่ายอีกเหรอเจ้าคะ ข้าก็นึกว่าแค่ขออนุญาตก็พอ...นี่มันรีดเลือดกับปูชัด ๆ…แล้วไหนจะต้องหาทุนเปิดร้านอีก...” นางพึมพำต่อ น้ำเสียงเริ่มเหมือนแมวกำลังงอแงในใจอย่างยากจะหุบ


หลิวอันที่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ กลั้นยิ้มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมา ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างแทบไม่เคยเห็นมาก่อน เสียงหัวเราะนั้นเบาราวกับลมเช้า แต่กลับทำให้หลินหยาที่บ่นพึมพำอยู่ชะงัก หูแดง หน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเพราะโดนหัวเราะใส่ไงไม่ได้เขินและต้องรีบเบือนหน้าหนีเหมือนแมวถูกลูบขนผิดทิศ นางแสร้งเดินเร็วขึ้นอีกก้าวเหมือนจะหนี แต่ก็ยังหันมาเหลือบมองเขาอยู่ดี เหมือนจะบอกว่า...ยังไงนางก็ยังอยู่ตรงนี้ ยังไปไหนไม่ได้หรอกจะป่วนเขาเหมือนเดิมพร้อมกับหรงเล่อคอยดูสิ




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: น้ำตามันขมปากกก เต้าหู้วันนี้เลยขายแค่ชิ้นเดียวใช่หม่ายลุงงงง


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน

(แม้จะหักอกเขาก็ตาม ฮือออ)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 40456 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-22 22:47
โพสต์ 40,456 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-22 22:47
โพสต์ 40,456 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-7-22 22:47
โพสต์ 40,456 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 2025-7-22 22:47
โพสต์ 40,456 ไบต์และได้รับ +25 EXP +20 คุณธรรม +9 ความชั่ว +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-22 22:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 22 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)

อีเว้นท์ ภารกิจ "ด้ายแดงแห่งรอยร้าว"


ท่ามกลางเสียงลมยามสายที่พัดเอากลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ฤดูร้อนผสมปะปนกับกลิ่นของเต้าหู้อุ่น ๆ จากร้านอันเล่อจ้วน หลินหยาก้าวเท้าเข้ามาในร้านนั้นอย่างเงียบงันราวกับเป็นเพียงอีกหนึ่งวันธรรมดาที่เคยเกิดขึ้นนับไม่ถ้วน กระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นแผ่วเบายามเธอผลักบานไม้เปิดเข้าไป ม่านไม้ไผ่โยนเบา ๆ ตามแรงลมราวกับต้อนรับผู้มาเยือนผู้เป็นที่คุ้นเคย เบื้องหลังโต๊ะที่ประดับด้วยภาชนะดินเผาเรียบง่ายมีไอน้ำระเหยอ้อยอิ่งขึ้นจากหม้อทองเหลือง…หลิวอันยืนอยู่ตรงนั้น เสื้อลำลองแขนกว้างที่ดูเรียบง่ายผิดแผกจากชุดขุนนางแวววาวที่ผู้คนในเมืองจดจำ กลิ่นเต้าหู้สดคลุกเคล้ากับกลิ่นไม้หอมอ่อน ๆ ที่ลอยออกมาจากชายเสื้อของเขา


เขาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ดวงตาคู่นั้นยังคงแน่วแน่เหมือนหินศิลา แต่ในขณะเดียวกันกลับอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นนาง “มีเพียงชิ้นเดียว” เขากล่าวเสียงทุ้มนุ่มราวกับน้ำใต้ศิลา “เพราะมีคนชอบมาช้าเสมอ” น้ำเสียงราบเรียบคุ้นเคยนั้นทำให้หลินหยายิ้มน้อย ๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอเอียงคอมองเขาอย่างล้อเลียนเล็กน้อย


“ท่านหลิวอันเจ้าคะ…ท่านเหลือให้ข้าเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นหรือ” หญิงสาวทำเสียงเสียดาย “แล้วข้าจะมีแรงไปหาด้ายแดงเส้นสุดท้ายต่อหรือไม่ก็ไม่รู้…” ดวงตาคู่เรียวของเธอเป็นประกายราวกับจะเก็บซ่อนบางสิ่งไว้ เธอไม่ได้พูดตรง ๆ ว่านางกำลังทำภารกิจที่องค์เทพเยว่เหล่ามอบหมาย แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าเจือความตื้นตันจากเส้นทางที่เดินมาจนถึงตอนนี้


หลิวอันไม่ได้กล่าวตอบทันที เขาเพียงยกเต้าหู้ชิ้นนั้นที่หั่นไว้อย่างเรียบร้อย ใส่ลงในถุงวางลงบนถาด แล้วเดินมายื่นให้ตรงหน้าเธอด้วยท่าทางไม่เร่งรีบ "เต้าหู้ชิ้นสุดท้าย…สำหรับผู้ที่ยังซนเหมือนทุกวัน" ประโยคนั้นถูกเปล่งออกมาเบา ๆ


หลินหยามองเขา พลางยื่นมือไปรับถุงเต้าหู้อย่างช้า ๆ มือเธอแตะมือเขาเพียงชั่วครู่ แต่อุณหภูมิจากปลายนิ้วนั้นกลับแทรกซึมเข้าไปถึงกลางใจ “…ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านหลิวอัน” เสียงนางนุ่มนวล “แม้มันจะไม่ใช่ด้ายแดง แต่บางที…มันก็อาจเป็นเส้นใยอีกเส้น ที่ร้อยข้าไว้กับความทรงจำดี ๆ อย่างหนึ่ง” 


หลิวอันนิ่งมองหลินหยาอยู่ครู่หนึ่งขณะเธอก้มหน้าหลบตา มือกร้านจากการทำเต้าหู้ประคองปลายคางเล็กของนางขึ้นเบา ๆ ก่อนใช้นิ้วโป้งข้างหนึ่งแตะแก้มนุ่มนิ่มของหญิงสาวแล้วบีบเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ ดวงตาคู่คมที่เต็มไปด้วยความเฉียบขาดหรี่ลงเล็กน้อยขณะกล่าวเสียงต่ำ น้ำเสียงนั้นทั้งตำหนิและเป็นห่วงอยู่ในที "ผอมลง...นี่เจ้าคิดจะเอาชนะเรื่องทั้งหมดด้วยการปล่อยตัวเองไม่กินข้าวหรือไง" หลินหยาหน้ายู่ทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางงอน ๆ แบบคนไม่อยากให้ใครเป็นห่วงแต่ก็ซ่อนอะไรไว้ไม่ได้จริง ๆ


"ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้าก็กินอยู่…แต่ก็มีแค่บางมื้อที่ไม่ได้กินเองแหละ ข้า...จ่ายเงินค่าร้านค้าไปตั้งหลายตำลึงทองเลยนะ แล้วก็ยังต้องจ่ายค่าอะไรต่อมิอะไรอีก..." หลินหยาเบะปากพร้อมถอนใจ "แต่ที่มันผอมจริง ๆ น่ะ เพราะเมื่อวานข้าเผลอกินยาขมเข้าไปเลยสำรอกออกมาหมด กินอะไรไม่ได้เลย มันขมปากไปหมดเลยเจ้าค่ะ..." คนพูดว่าอย่างนั้นแต่ดวงตากลมโตกลับเอียงหนี ไม่กล้าสบตาชายตรงหน้าที่ตอนนี้จ้องมาด้วยแววตาหนักแน่น ราวกับมองทะลุเข้าไปในใจเธอ หลิวอันไม่ได้ตอบทันที เขาเพียงถอนหายใจช้า ๆ มือข้างหนึ่งยังคงจับปลายคางของหลินหยาไว้ แล้วใช้หลังมืออีกข้างแตะแก้มเธอชั่วครู่ ก่อนจะปล่อยช้า ๆ อย่างไม่เร่งรีบ


"ครั้งหน้าหากคิดจะกินยาขม…อย่ากินตอนท้องว่าง" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่ในดวงตานั้นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยแบบที่หลินหยาเองก็รู้สึกได้ "ข้าไม่ได้ห้ามเจ้าจากเรื่องที่เจ้าต้องทำ…แต่หากเจ้าจะตายก่อนได้ใช้ชีวิต มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร" น้ำเสียงหลิวอันฟังดูดุร้าย แต่กลับเป็นความห่วงใยในแบบของเขาอย่างชัดเจน แม้จะไม่ใช้ถ้อยคำอ่อนหวาน แต่การที่เขายังจำรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับยาที่หลินหยาอาจกินผิดเวลา หรือความจริงที่ว่าเขาเองยังจับสังเกตได้ว่าเธอผอมลงเพียงนิดเดียว นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าใจอ่อนลงในทันที


หลินหยาจ้องเขานิ่ง ดวงตานางสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะแผ่ว ๆ พลางยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง "เจ้าค่ะ...รับทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านลุงเต้าหู้ขี้บ่น..." หลิวอันปรายตามองนางนิ่ง ๆ ริมฝีปากกระตุกน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มที่แทบมองไม่เห็น ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ "ข้าจะทำเต้าหู้ชิ้นใหม่ให้...แต่เจ้าต้องกินให้หมด"


“ท่านจะฆ่าข้าหรือเจ้าคะ?” หลินหยาเอ่ยขึ้นทันทีที่ได้ยิน พลางเบ้หน้าอย่างน่าเอ็นดูเมื่อตอนที่ได้ยินคำว่า "เต้าหู้" ออกมาจากปากของหลิวอัน เธอกอดอกอย่างล้อ ๆ แต่แววตานั้นทั้งจริงจังทั้งขบขันในคราเดียวกัน หลิวอันชะงักไปเล็กน้อยแล้วเลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากที่มักจะไม่เผยอแสดงอารมณ์อะไรมากนักกระตุกขึ้นนิดหนึ่งเหมือนกับจะขำเล็ก ๆ "ข้าลืมไป..." เขาพึมพำเบา ๆ สีหน้าไม่ได้สำนึกผิดเท่าไร แต่กลับหันหลังให้แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในครัวไม้ไผ่หลังร้านพร้อมท่าทีที่เหมือนทุกเช้าเป็นกิจวัตรอันเงียบงัน เขาแกล้งเธอแน่ ๆ เลย…ถึงบอกว่าลืมไปน่ะ


ไม่ถึงครึ่งก้านธูป เขาก็กลับออกมาพร้อมถาดเล็ก ๆ บนถาดนั้นมีกับข้าวสามอย่างวางเรียงกันบนข้าวสวยร้อนหนึ่งชาม เรียบง่ายแต่ละเอียดละออเกินบุรุษธรรมดาจะทำ "กินนี่แทน" เขาวางลงตรงหน้าเธอโดยไม่พูดคำอธิบายใดอีก


หลินหยาอมยิ้ม แววตาเธอเปล่งประกายทันทีที่ได้กลิ่นข้าวใหม่หุงร้อนผสมกลิ่นของผักที่คุ้นเคย เธอกลืนน้ำลายก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ขณะนั่งลง “ท่านหลิวอัน…ข้าวร้อน ๆ กับกับข้าวแบบนี้…นี่มันทำเอาข้าคิดถึงรสชาติของเช้าวันที่สามที่เราพบกันเลยนี่นา…” หลิวอันชะงักไปนิด เธอเลยเล่าต่อทั้งที่ตักข้าวกินไปด้วยอย่างเพลินปากเพลินใจ “วันนั้น…ข้ากำลังจะไปทำงานพิเศษแต่ยังไม่ได้กินข้าวเช้า แล้วอยู่ ๆ เจ้าแมวขนฟูที่ไหนไม่รู้โผล่มาแย่งข้าวข้าไปต่อหน้าต่อตา…แถมข้ายังวิ่งตามมันไปจนสะดุดรากไม้ล้มก้นกระแทกอีก! ข้าจำได้เลยว่าเจ็บจนพูดไม่ออกแล้วท่านก็เดินมาแบบเท่ ๆ พร้อมเต้าหู้งาดำร้อน ๆ …” พอพูดมาถึงตรงนี้ หลินหยาชะงักนิ่ง แล้วหลุบตาลงพลางยิ้มแห้ง ๆ “…แล้วก็สำลักเต้าหู้งาดำจนล้มทั้งยืน ท่านต้องอุ้มข้าไปที่บ้านหลังเล็กของท่าน หลังนั้น รักษาข้าอยู่ตั้งหนึ่งสัปดาห์เต็ม…”


เธอหัวเราะพรืดออกมาจนกลืนข้าวแทบไม่ทัน ดวงตายังสั่นไหวด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งเขินอาย ทั้งคิดถึง ทั้งอบอุ่นราวกับถ้อยคำเหล่านั้นล่องลอยในลมวสันต์ที่พัดอ่อนเบา “พูดแล้วก็คิดถึงจังเลยเจ้าค่ะ…” หลิวอันยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างเธอ ดวงตาเข้มลึกที่มักไม่เคยเผยอารมณ์อะไร จ้องมองเสี้ยวหน้าที่กำลังยิ้มแผ่ว ๆ ของหญิงสาวราวกับจะจารจำทุกเส้นสาย ริมฝีปากเขาขยับเหมือนจะเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็แค่เอื้อมมือมาแตะผมนางเบา ๆ


“เจ้าตอนนั้น…บอบบางเหมือนต้นไผ่เพิ่งแตกหน่อ” เสียงต่ำของเขาเอ่ยราวกระซิบ แม้จะพูดเรียบ ๆ แต่ความรู้สึกนั้นชัดเจนจนหัวใจหญิงสาวสั่นระริกในอกโดยไม่ต้องมีคำหวานใดมาร้อยเรียง หลินหยายิ้มบาง ๆ พลางกระซิบตอบ "แล้วตอนนี้ล่ะเจ้าคะ ข้าโตเป็นไผ่ใหญ่แล้วใช่ไหม"


"สำหรับข้า...เจ้าก็ยังคงเป็นเพียงต้นไผ่เล็กที่เพิ่งแทงยอดขึ้นจากดินอยู่ดี" น้ำเสียงของหลิวอันยังคงเรียบนิ่ง ไม่ได้เติมแต้มด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้ใช้ถ้อยคำหวานเลี่ยน แต่กลับอวลไปด้วยความห่วงใยที่มั่นคงและลึกซึ้งยิ่งกว่าสิ่งใด มือใหญ่คู่นั้นเอื้อมขึ้นมาลูบเรือนผมของหลินหยาเบา ๆ อย่างที่เขาทำเมื่อวันก่อน ฝ่ามือหนักแน่นแต่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนสัมผัสลงบนศีรษะเธอด้วยท่าทีที่ไม่ต้องขออนุญาต เพราะนางไม่เคยปฏิเสธ


หลินหยาไม่ได้หลบหรือผลักไส หากแต่หลับตาลงเบา ๆ ซึมซับความอบอุ่นนั้นไว้ในอกขณะที่ริมฝีปากคล้ายจะสั่นไหวด้วยความรู้สึกมากล้นเกินกว่าจะเปล่งเสียงใดได้ ขณะเดียวกัน ในชั่วขณะที่ปลายนิ้วเขาลูบไล้บนกลุ่มผม นางพลันเห็นบางอย่าง...สายบางเบาสีแดงจางราวละอองหมอก ปรากฏขึ้นในสายตา มันทอดยาวจากข้างกายตนเองไปยังข้อมือของหลิวอัน ราวกับมองเห็นด้ายแดงที่ซ่อนอยู่ระหว่างหัวใจสองดวง


นางยื่นมือไปอย่างเงียบงัน นิ้วเรียวแตะสัมผัสมันแผ่วเบา แล้วดึงออกมาเพียงเล็กน้อย…เสี้ยวหนึ่งของด้ายแดงนั้นขยับตามสัมผัสเธอ มันอุ่นและเปล่งประกายวาบไหวคล้ายจะยืนยันการมีอยู่จริง "…ข้าเห็นมัน…" หลินหยาพึมพำเบา ๆ พลางมองเส้นด้ายในมือ


หลิวอันก้มมองเช่นกัน ไม่พูดอะไรในครู่หนึ่ง แต่เพียงเงยหน้าขึ้นสบตานาง สายตานั้นไม่ได้สั่นไหว ไม่มีความตกใจหรือหลีกเลี่ยง มีเพียงความสงบยิ่งราวรู้มาก่อนว่าทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น “ไม่ต้องกังวลไป…” เขาเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาวางบนบ่าของเธออย่างมั่นคง “เจ้าจะรักข้า หรือไม่รักข้า ข้าก็ยังเป็นข้า… และเจ้ายังเป็นเจ้า”


หลินหยาสบตาเขา ความรู้สึกจุกแน่นราวมีอะไรก้อนหนึ่งปะทะเข้าที่อก เธอพยักหน้าเบา ๆ ขณะที่ในใจอัดแน่นไปด้วยคำที่ไม่กล้าพูด ข้ารักท่าน…แต่ข้ารู้ว่าข้าไม่อาจเป็นของท่านได้ เพราะความรักของข้าไม่ใช่การมองท่านเป็นชายคนรัก แต่ความรักไม่จำเป็นต้องมีเจ้าของเสมอไปใช่หรือไม่?


หลินหยามองด้ายแดงในมือที่เพิ่งดึงมา ก่อนจะห่อหุ้มมันด้วยผ้าห่อเล็ก ๆ แล้วเก็บใส่แขนเสื้อใกล้หัวใจอย่างเบามือ สัมผัสของหลิวอันยังอยู่บนศีรษะของเธออยู่แบบนั้น แม้ไม่มีถ้อยคำใดพูดต่อ แต่น้ำหนักมือของเขาที่วางลง…ก็คือคำปลอบที่เงียบงันแต่ลึกซึ้งที่สุด ความรักของเขาชัดเจน…ไม่ต้องการคำตอบ และหลินหยารับรู้แต่ก็ไม่หลบเลี่ยงเหมือนกัน




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: 


ซื้อ เต้าหู้ ราคา 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู

จำนวน 1 ชิ้น รวม 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู

รวมโอน 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน

ได้รับ "เศษเสี้ยวความทรงจำแห่งความรัก" (ไอเท็มประกอบฉาก)


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 42470 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 42,470 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 42,470 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 42,470 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 42,470 ไบต์และได้รับ +25 EXP +20 คุณธรรม +9 ความชั่ว +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 23 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)


ยามอู่กลางแดดอ่อน ๆ คล้ายม่านหมอกไอร้อนจากหม้อเต้าหู้ยกขึ้นลอยในอากาศ หลินหยาก้าวเข้าร้านอันเล่อจ้วนตามเคย ผ้าคลุมสีซีดปลิวไหวเบา ๆ ตามแรงลมที่ลอดมาตามแนวถนนสิบลี้ เธอหยิบเต้าหู้สี่ชิ้นตามกิจวัตร มือหนึ่งถือถุงเงิน อีกมือยกขึ้นบิดต้นคอคล้ายเหนื่อยล้า ความอึนแผ่วในแววตาถูกปิดไว้ด้วยรอยยิ้มมารยาทที่ใช้ทักทายท่านหลิวอัน "สวัสดีเจ้าค่ะ…ข้ามาซื้อเต้าหู้เหมือนเคยนะเจ้าคะ…" เธอเอ่ยเบา ๆ คล้ายคนละเมอ ทว่าหลิวอันไม่ตอบรับด้วยเช่นทุกครั้ง เขายืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้ ไหล่กว้างนั้นประสานมืออยู่ข้างหลัง ดวงตาคมปลาบสบเธอแน่นิ่ง ราวกับกำลังอ่านบทหนึ่งในคัมภีร์อารมณ์


"เกิดอะไรขึ้น?" เขาถามสั้น ๆ ไม่มีเสียงตำหนิ ไม่มีความกดดัน…มีเพียงการสังเกตที่ลึกกว่าผิวเผิน


หลินหยาเบะปากนิด ๆ ก่อนวางถุงเงินลงพร้อมเสียงถอนใจที่กลั้นไม่อยู่ "ก็…มีคนมาบอกข้า…เรื่องที่ท่านเคยโดนโบยแทนข้า" คำพูดนั้นทำเอาหลิวอันนิ่งไปนิด ก่อนที่เขาจะหลุบตาลงเล็กน้อยเหมือนไม่แปลกใจ เขาไม่ได้ตอบอะไร ยังปล่อยให้เธอพูดต่อ รออย่างเงียบงัน…อย่างที่เขามักทำ "เพื่อนข้าคนหนึ่งท่านโจวจินน่ะสิ เขาเล่าให้ข้าฟัง..." น้ำเสียงหลินหยาเริ่มมีอารมณ์มากขึ้น "...แล้วเขาก็บอกด้วยนะว่าข้าเป็น 'อีหนู' ของท่าน ข้าก็แบบ...อะไรกัน ข้าอุตส่าห์...ปฏิเสธท่านแล้วแท้ ๆ" เสียงในประโยคหลังเบาลงคล้ายคนรู้สึกผิด ยิ่งพูดใบหน้าก็ยิ่งงอง้ำ "แล้วเขาก็หัวเราะอีก...บอกท่านรับโทษแทนอีหนู อะไรกันท่านยอมรับโทษแทนคือข้านี่แหละ...ข้าไม่เถียงหรอก...ข้าแค่โกรธ...โกรธที่เขาทำเหมือนเรื่องนั้นเป็นเรื่องขำ เรียกอีหนูเนี้ยนะ เชอะ"


"มันไม่ขำเลยสักนิด..." เธอพึมพำจบเสียงเบา ดวงตาที่เคยเฉียบเฉี่ยวไหวระริกน้อย ๆ 


หลิวอันเดินอ้อมเคาน์เตอร์ออกมาเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร เพียงใช้มือหนาใหญ่ประคองถุงเต้าหู้จากมือเธอ วางมันลงก่อนที่นิ้วมือจะเอื้อมแตะแขนเสื้อบางตรงต้นแขนเธออย่างแผ่วเบา "เจ้าทำถูกแล้ว ที่ไม่เถียง...แต่หากเขาพูดอีกครั้ง ข้าจะเป็นคนบอกให้เอง" คำพูดนั้นเรียบง่ายแต่หนักแน่น แฝงไว้ด้วยเจตนาที่ชัดเจนและไม่อ้อมค้อม น้ำเสียงที่ไม่แปรเปลี่ยนจากความสงบ แต่ให้ความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงอย่างน่าประหลาด "ข้าไม่เคยต้องการให้เจ้าเจ็บปวด เพราะมันไม่สำคัญว่าใครเจ็บ...มันสำคัญว่าใครจะปกป้องได้" เขาพูดพลางสบตานางตรง ๆ "และในตอนนั้น ข้าปกป้องเจ้าได้ ก็แค่นั้น"


หลินหยาเงียบไปหลายนิ่ง หัวใจพลันเต้นสะท้านในอกจนต้องเบือนหน้าหนี ทว่าแววตาที่ฉายออกมากลับชัดเจนว่าความรู้สึกในใจยังไม่ลบเลือน แม้จะไม่ได้ตอบโต้ แต่น้ำเสียงเธอที่พูดเบา ๆ กลับไปนั้น…แฝงความอบอุ่นเกินคาด "ท่านนี่มัน...ดื้อเงียบจริง ๆ เลยนะ" เธอบอกกับเขาด้วยคำที่เขาเคยบอกกับเธอแบบนั้นเหมือนกัน


หลิวอันมองเธอเงียบ ๆ รอยยิ้มบางบนริมฝีปากแสดงออกมาน้อยนิด คล้ายพอใจที่ยังมีเธออยู่ตรงนี้ แม้จะไม่ใช่ในฐานะที่เขาหวัง แต่ก็ยังยืนอยู่ข้างเขา...พูดกับเขา...แบ่งปันทุกเรื่องกับเขาเช่นเคย และนั่น...ก็เพียงพอแล้วสำหรับความสัมพันธ์ของเขาและเธอ หลินหยาที่ยังยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้ริมเคาน์เตอร์ร้านเต้าหู้ มือหนึ่งกอดอก อีกมือจับถุงเต้าหู้ไว้แน่น ก้มหน้ามองมันด้วยสายตาระอาเหมือนจะบ่นว่าทำไมต้องมาซื้อเองทุกวันด้วยนะ แต่แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นเงาของท่านหลิวอันขยับเข้ามาใกล้


"ฮื่อ อย่าเข้ามาใกล้มากนะเจ้าคะ!" นางรีบยู่หน้าใส่ ใบหน้าหวานนั้นแสดงท่าทางฟึดฟัดประหนึ่งแมวขู่เจ้าของ “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามลูบหัวข้าตรงนี้!”


หลิวอันหยุดกึกก่อนจะเลิกคิ้วมองเธอด้วยแววตาที่ยากจะเดาได้ว่าเขาจะจริงจังหรือแค่กำลังคิดอะไรเล่น ๆ “เหตุใดล่ะ? เจ้าเคยบอกว่าชอบให้ข้าลูบอยู่ไม่ใช่หรือ?”


หลินหยาพองแก้มทันที "เพราะอีตาโรคจิตคนหนึ่งที่ข้าชอบน่ะ…เขาขี้หึงมาก!" น้ำเสียงนางลากยาวแบบมีงอน “แค่ข้าเผลอยิ้มให้ชายอื่นก็แทบจะลากข้าไปลงโทษแล้ว ท่านรู้ยังจะกล้าลูบหัวข้าอีกเหรอ!” ทว่าคำพูดนั้นกลับไม่ทำให้หลิวอันสะท้านเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ใบหน้าคมนั้นกลับยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก เสียงทุ้มนุ่มของเขาถูกกดต่ำลงเล็กน้อยขณะเอ่ยว่า

 

“อืม…งั้นข้าควรลองทำให้เขาหึงดูหรือไม่?” น้ำเสียงนั้น…มันไม่ใช่แค่หยอก แต่มันเหมือนกับว่าเขาเอาจริง ไม่ได้แสร้ง ไม่ได้หวังให้เธอหัวเราะแต่เขาจะทำให้มันเกิดขึ้นจริง


หลินหยาถึงกับชะงัก แต่ก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการเบิกตาโตใส่เขา “ถ้าท่านกล้าลองนะ ข้าอาจจะไม่มาซื้อเต้าหู้ที่นี่เป็นสัปดาห์เลย!”


"เช่นนั้นข้าจะให้คนไปส่งให้ที่เรือนเจ้าเองทุกวัน"


"ไม่เอา! แบบนั้นยิ่งเหมือนมีปัญหาหนักกว่าเดิมอีก!" หลินหยาร้องลั่น ใบหน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พูดเองบ่นเองแล้วเอาถุงเต้าหู้ปิดหน้า ก่อนเสียงหัวเราะกลั้น ๆ จะหลุดออกมา “โอ๊ย ท่านนี่มัน…!" หลิวอันยืนนิ่ง มองดูท่าทางของนางอย่างเงียบ ๆ ราวกับกำลังประทับภาพไว้ในใจ...แม้จะไม่มีคำพูดเพิ่มเติมใดจากเขา แต่สายตานั้นกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นแบบที่ไม่ต้องอธิบายให้ใครเข้าใจ สำหรับชายผู้ที่เคยปกป้องนางมาโดยไม่หวังผลใด และสำหรับสตรีผู้เอาแต่บ่นทุกครั้งที่ใครมาหาว่าเป็นอีหนูของอ๋อง แม้จะไม่ใช่ ‘คนรัก’ แต่ก็ยัง ‘สำคัญ’ ต่อกันเสมอ…ไม่ว่าหึงหรือไม่ก็ตาม




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: 


ซื้อ เต้าหู้ ราคา 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู

จำนวน 4 ชิ้น รวม 28 ตำลึงเงิน 412 เหรียญอู่จู

รวมโอน 28 ตำลึงเงิน 412 เหรียญอู่จู


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 28452 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 28,452 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 28,452 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 28,452 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 28,452 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 4 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 24 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)


ท่ามกลางแสงแดดยามอู่ที่สาดกระทบผ่านซุ้มใบไม้ซึ่งปกคลุมหน้าร้านอันเล่อจ้วน ร่มเงาเย็น ๆ ทำให้ร้านเต้าหู้บรรยากาศเรียบง่ายแห่งนี้ยังคงเป็นที่โปรดปรานของชาวบ้านเช่นเคย เสียงเตาไฟในครัวด้านหลังยังคุกรุ่น กลิ่นเต้าหู้หอมอ่อน ๆ ลอยแตะปลายจมูก ทว่าสำหรับหลินหยา ผู้ที่เดินก้าวเข้ามาในร้านแห่งนี้เป็นประจำวันนี้มันแปลกกว่าทุกวัน “หืม?” ดวงตาเรียวยาวของนางเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นถาดไม้บนเคาน์เตอร์วางเรียงเต้าหู้ขาวสะอาดแปดชิ้นถ้วน “โอ้โห…วันนี้ไม่ต้องแย่งกับใครแล้ว!” นางรีบเดินเข้าไปหยิบเต้าหู้ขึ้นมาสองชิ้นแล้วเหลือบมองอีกหกอย่างชั่งใจนิดหน่อย ก่อนจะหันซ้ายแลขวาแล้วกวาดมันลงถุงตัวเองทั้งหมดอย่างรวดเร็วราวกับกลัวจะมีใครมาชิงไปก่อน


จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับบุรุษร่างสูงในชุดผ้าเรียบสีน้ำหมึกที่ยืนอยู่ด้านในร้าน ท่านหลิวอัน “เฮ้อ ท่านหลิวอัน วันนี้อารมณ์ดีมากหรือไรเจ้าคะ?” เสียงหวานเอ่ยล้ออย่างหยอกเย้า “เต้าหู้เยอะผิดปกติแบบนี้ หรือว่า…เมื่อคืนได้หลับเต็มตาไม่ต้องปวดหัวเรื่องราชกิจ?” ดวงตาหลินหยาระยับระย้า ยื่นหน้าเข้ามานิดหนึ่งอย่างจงใจ ก่อนเอียงคอเสริมเสียงเจ้าเล่ห์ “หรือว่า...ไปทำอะไรมาเจ้าคะ? ถึงได้ใจดีแจกเต้าหู้เพิ่มขนาดนี้ ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะมีสาวน้อยแถวนี้ได้กินเต้าหู้แถมแล้วแถมอีกจนใจละลายไปหมดแน่เลยเจ้าค่ะ”


หลิวอันที่ยืนพิงโต๊ะไม้ด้านในเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยจากการอ่านบัญชีรายจ่ายที่วางอยู่ มือหนึ่งยังถือพู่กัน อีกมือยกถ้วยชาขึ้นจิบเงียบ ๆ ดวงตาคมลึกสบสายตานางแวบหนึ่ง ก่อนเขาจะเอ่ยเสียงเรียบแต่ฟังดูคล้ายแฝงแววล้อเบา ๆ “เห็นเจ้าชอบซื้อเต้าหู้ ข้าก็ให้คนทำเพิ่มเท่านั้นเอง” เขาพูดอย่างนิ่งเฉยราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คิ้วเข้มของเขากระตุกขึ้นนิด ๆ อย่างจงใจให้หลินหยาจับได้ หลินหยาถึงกับทำปากแบะ แล้วเท้าคางลงบนโต๊ะเคาน์เตอร์ “แหม…พูดแบบนี้อีก ข้าจะสำคัญตัวเองว่าเป็นคนโปรดของท่านแล้วนะเจ้าคะ เถ้าแก่หลิว…”


“สำคัญตัวเองหน่อยก็ดี เพราะมันเป็นความจริง” หลิวอันวางถ้วยชาลงเบา ๆ แล้วเดินอ้อมออกมา เอื้อมหยิบเต้าหู้ที่เหลือในถาดให้เธออีกชิ้นราวกับจะประชด “และวันนี้มีคนจองไว้แปดชิ้น…แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่สนใจป้ายจองตรงถาดเลย” 


“ห๊ะ!!” หลินหยาตาโตรีบหันกลับไปมองถาดที่เธอกวาดเต้าหู้ไปเรียบ เห็นแผ่นป้ายเขียนด้วยหมึกดำว่า "ของผู้จอง: หรงเล่อ"


“แย่แล้ว!!!” นางร้องลั่น พลางรีบยื่นถุงเต้าหู้คืน “ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ! ข้าแค่เห็นเต้าหู้แยะแล้วหน้ามืดไปหน่อย ท่านอย่าฟ้องหรงเล่อเด็ดขาดเลยนะ! ข้า…ข้าจะซื้อตำลึงทองมาชดใช้ก็ได้!” หลิวอันถอนหายใจเบา ๆ แต่แววตาเปี่ยมด้วยความขบขันอย่างปิดไม่มิด “ตำลึงทองสิบเหรียญ แลกกับเต้าหู้แปดชิ้น งั้นคราวหน้าข้าจะทำไว้ให้เจ้าสิบชิ้นแล้วกัน” หลินหยาหรี่ตาอย่างจับผิด “ท่านหลิวอัน! แกล้งข้าใช่ไหม!?” แต่ก็ได้เพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ ของบุรุษผู้แกล้งทำเป็นใจเย็น…ในขณะที่แววตากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดูจนปิดไม่มิดเลยสักนิดเดียว


หลินหยากำลังหน้าบึ้ง ๆ พลางยัดเต้าหู้ใส่ถุงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแอบพึมพำเบา ๆ ว่า “แค่จะมากินเต้าหู้ ทำไมต้องโดนแกล้งด้วยเนี่ย…” แล้วพอได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นของท่านหลิวอันเดินเข้าใกล้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางช้อนสายตามองอย่างระแวงเหมือนแมวโดนหยอก “วันนี้ลูบหัวได้หรือยัง?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นใกล้ข้างหูน้ำเสียงไม่ดังแต่ชัดเจนเจาะตรงหัวใจ พร้อมมือหนา ๆ ที่ยกขึ้นมาเหมือนตั้งท่าจะวางลง


หลินหยาเบิกตาโตแล้วรีบเอียงหัวหลบทันที “ไม่ได้เจ้าค่ะ!” นางหันมาหน้างอใส่เต็มแรง ริมฝีปากยู่เป็นเส้นตรง “เมื่อวานข้ายังโดนหาว่าเป็นอีหนูของท่านอยู่เลยนะ! ถ้าท่านลูบหัวข้าอีก วันพรุ่งนี้ข้าจะโดนลือว่าท้องกับท่านแล้วแน่ ๆ!”


“หืม?” หลิวอันยกคิ้ว ขยับตัวพิงขอบโต๊ะอย่างสบายอารมณ์ ใบหน้าเงียบขรึมแต่ดวงตาฉายแววขำขันบางเบา “ถ้าท้องกับข้าแล้วปลอดภัยกว่าโดนปีศาจแทงท้อง เจ้าคิดว่าอย่างไหนดีกว่าล่ะ?”


“ข้าจะฟ้องหรงเล่อ!” หลินหยาเงยหน้าขู่เสียงสูง “ท่านจะโดนลูกสาวตัวเองตีด้วยดาบไม้แน่!” หลิวอันเพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง ไม่ตอบโต้ตรง ๆ แต่พูดแทรกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ “แต่เมื่อเช้า…เจ้าไปขุดเหมืองมาสินะ?” คำถามนั้นทำให้หลินหยาหยุดหัวเราะในทันใด ดวงตาสีดำขลับสั่นไหววูบหนึ่ง ก่อนจะหลบตาอย่างคนถูกจับได้ “…ข้าขุดนิดเดียวเอง” นางตอบเสียงอ่อย “มันไม่ลึก…แล้วข้าก็ระวังแล้วด้วย”


หลิวอันวางถ้วยชาลงเบา ๆ อย่างมีจังหวะราวกับตอกย้ำ เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกหน่อย มือใหญ่เอื้อมแตะหลังถุงเต้าหู้ในมือของนางราวกับจะช่วยถือ แต่กลับพูดเสียงต่ำ “เจ้าจะระวังแค่ไหน มันก็ยังหนักเกินไปสำหรับร่างกายที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่…โดยเฉพาะแขนซ้ายของเจ้า ยังจำไม่ได้หรือว่าเคยโดนแทงตรงนั้นแรงแค่ไหน?” หลินหยาเม้มริมฝีปากทันที นางรู้ว่าเขาจำได้ทุกอย่างแม้เขาจะไม่พูดนัก นางจึงพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยการยิ้มฝืด ๆ “แต่ข้าแข็งแรงขึ้นมากแล้วจริง ๆ ท่านดูสิ…” ว่าแล้วก็ยกแขนขึ้นชูเล็กน้อยให้ดูเป็นการพิสูจน์ แต่เธอไม่รู้เลยว่าท่าทางน่ารักอย่างไม่รู้ตัวแบบนั้นยิ่งทำให้บุรุษตรงหน้ากลั้นหัวเราะไม่ได้


หลิวอันส่ายหน้าอย่างระอาใจ แต่ดวงตาอบอุ่นจนแทบละลาย เขายกมือลูบผมนางเบา ๆ แม้นางจะปฏิเสธไปแล้วก็ตาม แต่กลับไม่ได้หลบเหมือนคราวก่อนเพียงแต่บ่นเสียงงึมงำใต้ลมหายใจ “ก็ข้าบอกว่าอย่าลูบตอนนี้ไง…”


“งั้นพรุ่งนี้ลูบใหม่”


“ไม่ใช่แบบนั้นนน…!” เสียงโวยวายเจือความน่าเอ็นดูนั้นดังลอดหน้าร้านอันเล่อจ้วนออกไปตามลมอ่อน ๆ แห่งยามอู่ และแม้ว่าความยุ่งเหยิงในฉางอันจะมีอยู่ทุกวัน แต่สำหรับหลินหยากับชายที่ยืนอยู่เคียงข้างนางอย่างเงียบงันเช่นนี้…ความรู้สึกที่อบอุ่นกลับมีอยู่เสมอ โดยไม่ต้องเอ่ยคำใดให้ชัดเจนเลยแม้แต่น้อย




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: ซึ้งใจ วันนี้มีตั้ง 8 ชิ้น


ซื้อ เต้าหู้ ราคา 7 ตำลึงเงิน 103 เหรียญอู่จู

จำนวน 8 ชิ้น รวม 56 ตำลึงเงิน 824 เหรียญอู่จู

รวมโอน 56 ตำลึงเงิน 824 เหรียญอู่จู


รางวัล: คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 29630 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 29,630 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 29,630 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 29,630 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ 29,630 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้