12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

จวนโอวหยาง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-6-20 12:54:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-20 19:23


วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (หมายเลข 0 ว่ะ เอาดี๊ มาดี๊)


          กลิ่นของผ้าที่เพิ่งพับเรียบร้อยยังอุ่นอยู่ในอุ้งมือของหลินหยา กลิ่นน้ำอบอ่อน ๆ ปะปนกับกลิ่นดอกไม้แห้งจากถุงหอมที่เย็บซ่อนอยู่ตรงชายผ้าคลุมแต่ละชุดลอยแตะจมูกหลินหยาอยู่เบา ๆ เมื่ออยู่ท่ามกลางสถานที่มีเสื้อคลุมผ้าไหมเนื้อดี ผ้าแพรผืนบางและชุดเจ้าหน้าที่ประจำจวนโดนทำใฝห้เรียบตึง กลิ่นความหอมสะอาดละมุนก็ยิ่งซึมซับเข้าไปในทุกผืนผิวของร่างนางไม่เว้นแม้แต่ปลายนิ้วเรียวที่เริ่มมีกลิ่นประจำของเรือนผ้าเกาะติดเอาไว้อย่างนุ่มนวล

          หลินหยาหรือเสี่ยวหนาน ในตอนนี้กำลังใช้สองแขนโอบผ้ากองเล็ก ๆ ก้าวเดินช้า ๆ ไปตามทางเรือนจวนใหญ่ เส้นผมถูกรวบตึงขึ้นหลวม ๆ ด้วยริบบิ้นผ้าสีซีดจากห้องเย็บผ้า ทำให้เส้นผมดำขลับที่หลุดลุ่ยลงมาข้างแก้มยิ่งดูขับให้เหมือนคนที่ไม่มีพิษภัยยิ่งนัก เธอก้มหน้าเล็กน้อยชขณะที่สายตากวาดผ่านขอบบัวและช่องหน้าต่างระหว่างเดินกลับราวกับกำลังเพลินอยู่กับสิ่งรอบตัว แต่ในใจนั้นกลับไม่ได้สงบเงียบอย่างรูปลักษณ์ภายนอกเท่าไร เพราะแท้จริงนางกำลังจดจำเส้นทางเก็บข้อมูลอยู่นั้นเอง..

          “หอมจังเลย”.. หลินหยากระซิบกับตัวเองพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาตรงปลายจมุกแล้วยิ้มนิด ๆ ราวกับหลุดเข้าไปในห้วงของความหอม และเธอแทบจะไม่รู้เลยว่า..บางทีอาจจะมีใครบางคนก้าวเดินมาตรงนี้ก็ได้..บางทีกลิ่นนี้อาจจะไม่ได้มาจากนิ้วของนางอาจเป็นกลิ่นของอำนาจ กลิ่นของความลับ หรือภัยที่คืบคลานเข้ามา..

          ฝีเท้าหนักแน่นของบุรุษที่แผ่กลิ่นอายของอำนาจลอยอวลมาจากหัวมุมทางเดินก่อนที่จะปรากฎร่างของชายวัยกลางคนในชุดเจ้าขุนมูลนายเขาสวมเสื้อผ้าที่สวงนไว้สำหรับผู้มีตำแหน่งสูงเท่านั้นใบหน้าเหมือนจะนิ่งเฉยแต่แฝงความดุดัน ดวงตาคมลึกริมฝีปากบางแน่นภายนอกงามสง่าเฉกเช่นผู้รักษาธรรม แต่ลึกลงไปกลับซ่อนงูพิษใต้ห่มผ้าไหม

          และเช่นเคย ข้างกายขชองเขามีสาวงามแปลกหน้าอีกคนหนึ่งที่เดินตามมาอย่างประดิดประดอยท่วงท่านาง ราวกับเครื่องประดับที่ผลักเปลี่ยนไปตามวันและอารมณ์เหมือนเรื่องเล่าในครัวที่มักจะบอกปากต่อปากกัน ว่านายท่าน..ไม่เคยหยิบผู้หญิงมาซ้ำหน้า หากซ้ำแปลว่านางคงได้รับความโปรดปรานนัก…

          หลินหยาในร่างของเสี่ยวหนาน สาวใช้หน้าใหม่ผู้ถือผ้าไว้ในอ้อมแขนจนแทบบังทัศนียภาพเบื้องหน้าก้าวพรวดออกมาจากโค้งทางเดินอย่างไม่ระมัดระวัง และในพริบตานั้นเองร่างของเธอเกือบจะชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของบุรุษตรงหน้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยื่นมือออกมารับรั้งมือเรียวของเธอไว้ก่อน มือของคุณชายโอวหยางหนักแน่น ทว่ากลับประกองมือของหลินหยาไว้มั่นไม่ให้ล้มแม้สักนิดเดียว ราวกับเขาควบคุมแรงทั้งหมดไว้ด้วยปลายนิ้ว

          หลินหยาตกใจเล็กน้อย ดวงตากลมใสสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนของนางนั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ แววตาเปร่งประกายของหญิงสาววัยเยาว์ผู้มีแก้มแดงน้อย ๆ ตามธรรมชาติ ริมฝีปากเล็กเผยคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยเสียงเบาและสุภาพ

          “ข้าขออภัยนายท่าน ข้ามัวแต่ทำงานเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกเสียงของเธอประหนึ่งระลอกน้ำที่กระเพื่อมเบา ๆ บนผิวสระ แฝงทั้งความเคารพและความตกใจเล็กน้อยในน้ำเสียง ร่างบางรีบโน้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างมารยาท ไม่กล้าสบตานานเกินควรใบหน้าหวานล้อมด้วยเส้นผมดำขลับตกลงมารอบแก้ม ท่าทางนั้นดูไม่ต่างจากกวางน้อยที่เดินหลงเข้ามาในเขตหวงห้าม

          มือของคุณชายโอวหยางชะพงักเล็กน้อยเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลเรียวงามและความบางเบาของฝ่ามือของสตรีตรงหน้า แววตาคมกลับชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะที่จ้องมองเด็กสาวผู้นี้ด้วยสายตาที่มิใช่การตำหนิ…แต่มันเหมือนกับอะไรบางอย่างที่ดูง่ายกว่านั้น..

          คุณชายโอวหยางยังคงยืนอยู่ตรงนั้นแผ่นหลังตรงราวเสาหิน แววตาขรึมแต่ทอประกายลึกลับขณะทอดมองหญิงสาวตรงหน้า เด็กสาวในชุดผ้าฝ้ายหมน ทว่ามือของเขาที่สัมผัสกลับมิใช่มือที่หยาบกร้านจากการทำงานหนักเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่กลับละมุน นุ่มแน่นยิ่งกว่านางรำที่เขาเคยสัมผัส นิ้วเรียวยาวนั้นคล้ายจะสื่ออารมณ์ขวยเขินอย่างชัดเจน ยิ่งเมื่อดวงตากลมใสนั้นสบกับดวงตาของชายหนุ่มชั่วครู่ก่อนที่จะหลบสายตาแล้วก้มหน้าลงกับไม่กล้าทำให้ชายสูงศักดิ์ยศใหญ่ต้องเสียมารยาท

          กลิ่นหอมจางของผ้าอมที่ติดปลายนิ้วเส้นผมที่หลุดลุ่ยแนบแก้มแดงเรือเพราะความอับอายล้วนปะติดปะต่อภาพรวมให้เธอเหมือนกับผลไม้ฤดูใบไม้ผลิอที่เพิ่งพลิความหวานฉ่ำรอคอยให้ใครบางคนมาเด็ดลิ้มลอง และเมื่อได้ลิ้มลองอาจจะลืมรสอื่นไปเสียสนิท เขาขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อยเหมือนคนที่กำลังสนใจอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะให้ความสนใจนัก ทว่ายิ่งห้ามใจกลับยิ่งอยากรู้

          “เจ้าชื่ออะไร?” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยถาม

          หลินหยานั้นเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เพียงเสี้ยววินาที ดวงตากลมใสนั้นยังไม่กล้าจ้องตรงนักริมฝีปากเอ่ยขยับปากเบา ๆ “ข้ามีนามว่าเสี่ยวหนานเจ้าค่ะนายท่าน ข้ามาจากเซี่ยโจว พึ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน” นางเอ่ยพลางก้มลงหน้าเล็กน้อยอย่างสุภาพ แต่สายตานั้นเหลือบกลับมองฝ่ามือของอีกฝ่ายที่ยังคงจับมือเธอไม่จางหาย รอยเขินไล่ขึ้นแก้มเล็กน้อย ทำให้ชายตรงหน้าคิดว่านางคง..

          เขินจริง

          ไม่ใช่เพียงแสร้งทำ หลินหยาพียงหลุบตาลงต่ำเล็กน้อยที่ยังคงมองฝ่ามือที่ยังจับมือนางอยู่ดวงตาคู่นั้นมีความหมายบางอย่างแฝงเร้นแต่กลับยังไม่ปล่อย “จากเซี่ยโจวงั้นหรือ?” เขาขายทวนชื่อเหมือนจดจำไว้มือนั้นยังคงไม่ได้ปล่อยนักราวกับเขาไม่จำเป็นต้องปล่อยมือจากของที่คิดว่าเป็นของตัวเองอยู่แล้ว




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: เอาดี๊ มาดี๊
รางวัล: -



แสดงความคิดเห็น

เริ่มปฏิบัติการ  โพสต์ 2025-6-20 13:38
((คุณชายโอวหยางพาคุณเข้าไปในห้องส่วนตัวเขา ก่อนเขาปล่อยคุณ และพูดว่า "เจ้าจะทำอะไรให้ข้าพอใจดีล่ะเสี่ยวหนาน ไม่แน่หากข้าพอใจเจ้าอาจจะไม่ต้องเป็นสาวใช้อีกแล้วก็ได้นะ"   โพสต์ 2025-6-20 13:38
((คุณช่ายโอวหยางโยนหญิงในอ้อมกอดและบอกให้นางกลับไป ก่อนหันมาทางคุณและคว้าข้อมือ ตามข้ามา )  โพสต์ 2025-6-20 13:37
โพสต์ 15447 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-20 12:54
โพสต์ 15,447 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-20 12:54
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-6-20 18:30:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-20 19:22


วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง


           ปลายนิ้วของคุณชายโอวหยางนั้นคลายออกช้า ๆ อย่างแช่มช้อย ก่อนที่จะปล่อยมือของหลินหยาหรือเสี่ยวหนานโดยไม่แม้แต่จะกลับมามอง ดวงตาคมของเขาฉายแววบางอย่างคล้ายการสัมผัสชั่วครู่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ทำให้เหมือนว่าการแตะเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไม่ต่างจากการหยิบจับผ้าเช็ดหน้าในเช้าวันฟ้าหม่น ทั้งที่ความจริง มันมิได้ไร้เจตนาเช่นนั้นเล่นสักนิด เพราะอย่างไร เขาก็จะหันกลับมาอยู่แล้ว ทำให้นางได้รับรู้ว่านางไม่มีทางหนีไปตรงไหนพ้น..เพราะสำหรับสาวใช้ มันก็เหมือนกับสมบัติของเจ้าของนั้นแหละ และเจ้าของก็คือเจ้านายนั้นของเขา เฉกเช่นสตรีทุกคนที่เขาเคยผ่านมือมาทั้งสิ้น เสี่ยวหนาน...นางก็ไม่เว้นสำหรับเขา

           เขาหมุนตัวกลับไปยังสตรีผู้งดงามในชุดผ้าแพรราคาแพงที่ยืนรออยู่ไม่ไกล สาวงามผู้นั้นมีท่าทางเรียบร้อย ตกแต่งกายอย่างปราณีตดูราคาแผง ริมฝีปากเคลือยสีอ่อน สายตาคาดหวังในน้ำเสียงของเขาว่านายท่านโอวหยางจะพูดอะไรกับเธอ ทว่าคำพูดที่ออกมากลับเรียบร้อยแต่หวานลึกเสียจนเสียวหลายกระดูกสันหลัง จนหญิงสาวแทบละลายลงไปกองตรงนั้นด้วยยกัน

          “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ..” เขาเอ่ยเสียงนุ่มทุ่มทรงเสน่ห์ “วันหน้า ข้าจะให้คนไปรับเจ้าอีกครั้ง อย่าได้เสียใจไปเลย” เขายิ้มให้นางเพียงเล็กน้อยพร้อมกับยกมือสัมผัสข้างแก้มของสตรีงามนั้นอย่างไม่สนใจขนมธรรมเนียม ยิ้มในแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนอยากเป็นเจ้าของ และเมื่อเขาหยิบล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบถุงเงินใบหนึ่งขึ้นมาส่งให้นาง สตรีผู้นั้นก็ยิ้มกว้างเสียจนตาแทบหายไปจากพวงแก้ม ถุงเงิน..แม้จะเป็นเพียงขนาดเล็กสำหรับเขา แต่ภายในอัดแน่นจนป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเงินตำลึงแท้ เสียงเหรียญกระทบกันในถุงยังคงห้องอยู่ในใจหญิงสาวนานจนมันตกลงมือของนาง

          “ข้า..ขอบพระคุณนายท่านเจ้าค่ะ..อย่าลืมข้านะเจ้าคะนายท่าน” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นแผ่วยั่วเย้าเก็บอาการไม่อยู่ แล้วโค้งศีรษะให้อีกคนอย่างงดงามก่อนที่จะหมันตัวกลับ เดินจากไปอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับสุนักที่ได้อาหารหรือกระดูกแทะอย่างสำราญใจจากมือของเจ้านายตนเอง จนเมื่อเสียงฝีเท้าของนางเลือนหายไปหลังจากเรื่อนคุณชายโอวหยางก็หันกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่หันกลับไปหาสตรีเมื่อครู่..แต่ทว่ากลับเป็นการหันกลังมามองสตรีร่างเล็กของเสี่ยวหนานที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น หญิงสาวผู้ที่มือสะอาดจากการพับผ้า แต่ดวงตากลับซ่อนบางอย่างเป็นสิ่งที่ลึกล้ำกว่าเนื้อผ้าใด ๆ เสียอีก

           “มาเถอะ วางผ้านั้นไว้ ตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ทำตามคำของข้า” คุณชายโอวหยางเอ่ยขึ้นเขาเอ่ยพลางให้นางวางผ้าลงข้างทาง แล้วมือหนาก็ขว้าข้อมือของคนร่างเล็กกว่าเข้ามา เอาขยับอีกมือโอบเอวบางนั้นให้แน่นราวกับเธอเป็นเพียงหุ่นไม้ในอารมณ์ของชายผู้นี้เท่านั้น “อย่าทำท่าเอ๊ะอะนักสิ..ตามข้ามา” น้ำเสียงไม่ดัง ไม่เร่ง ไม่หยาบ แต่เย็นเยือกจนเลือดในกายไหลช้าลงชั่วครู่

           เสี่ยวหนาน หรือ หลินหยา ถูกผ้าเข้าห้องอย่างไม่มีทางเลือก ประตูไม้นั้นปิดลงเบื้องหลังอย่างไร้เสียง แต่กลับก้องยิ่งกว่าระฆังเตือนของเมือง ภายในห้องนั้นกว้าง โล่ง แต่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนยที่คนธรรมดาไม่มีทางแตะต้องได้ ผ้าม่านไหมจากแดนตะวันตกประดับชายมุก หีบไม้หอมวางเรียงกันตรงมุมห้อง ตรงกลางคือเตียงยาวที่ปูด้วยผ้าแพรอย่างดี และเบาะหนานุ่มที่มีรอยยุบจากการใช้งานของใครสักคนที่นั่งสบายมานานพอสมควร พื้นเงาเคลือบไร้ฝุ่น เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่อาจตีราคาสลัดจากลายไม้ดำ สิงโตทะยานกลางเปลวเพลง..แสงแดดยามนี้ลอดผ่านเพียงเล็กน้อยทำให้ห้องนี้ดูมืดกว่าที่เคยราวกับเอาไว้ทำกิจกรรมและใช้ในการพักผ่อนบางอย่าง

           คุณชายโอวหยางปล่อยมือจากร่างของเธอในจังหวะที่พอดีจะไม่ทำให้ร่างบางเสียหลังเล็กน้อยราวกับบอกเป็นนัย ๆ กลาย ๆ “เจ้าต้องอยู่ในกำมือข้า ไม่ใช่ยืนด้วยขาของตนเอง” เขาเอ่ยพลางยกมือขึ้นเหมือนจะเชยคางเธอขึ้นมาให้มองหน้าเขา..เพียงจับจ้องมองใบหน้าหวานล้ำของสตรีแรกรุ่นคนนี้เขาก็มีอะไรบางอย่าง ผิวนางเนียนละเอียดไร้ริ้วรอย ใบหน้าอ่อนเยาว์จนแทบคลั่งน่าทำลายบดขยี้นัก เขาเปลี่ยนท่าทีตัวเอง เดินเลยไปนั่งเอนหลังบนเตียงนอนของตนอย่างสบายใจ ลำแขนข้างหนึ่งวางพาดเบาะ อีกข้างยกถ้วยชาแล้ววางลงโดยไม่แตะดื่มแม้แต่น้อย

           ดวงตาคมกริบที่ผ่านการรบนโยบายสนามมาหลายผีต้องมองมาที่เด็กสาวผู้สะดุดตาและใจเขาอย่างจัง “เจ้าจะทำอะไรให้ข้าพอใจดีล่ะ เสี่ยวหนาน?...ไม่แน่นะ หากข้าพอใจเจ้าอาจจะไม่ต้องเป็นสาวใช้อีกต่อไปเลยก็ได้” น้ำเสียงเรียบเฉยค่อย ๆ พ่นออกมาเหมือนเปลวเพลิงใต้เถ้าถ่าน สายตาของเขาไม่ปิดบังความหมายที่ซ่อนอยู่ เป็นสายตาที่อาจหมายถึงการยกย่อง หรือการกดทับ กลืนกินและหลอมละลายนาง เป็นอำนาจอันเร้นลับที่หยักราดลงลึกกับระบบขุนนางที่มีอำนาจ ในนั้นมีการยื่นข้อเสนอที่ไม่ใช่เพียงถ้อยคำ แต่คือเส้นทางของชีวิต..

           หลินหยานั้นเงียบไปเล็กน้อย หัวใจของเธอเต้นช้าลงด้วยแรงควบคุม นางหลุบตาลงอย่างตั้งใจเอียงหน้าน้อย ๆ ให้เงาของเส้นผมนั้นหล่นบังแววตาที่แท้จริงของตนเอง เสี้ยววินาทีนั้นที่เงียบงัน นั้นไม่ใช่เพราะอะไร สำหรับเธอชายตรงหน้าคือเป้าหมาย เขาคือหมากที่เธอต้องไขปริศนา ผู้ที่สามารถยกหญิงสามัญขึค้นเป็นเมียลับอย่างเปิดเผยหรือจะเหยียบให้จมหายเหมือนไม่เคยมีอยู่ก็ได้ทั้งนั้น..

           แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้..ก็คือเธอไม่ใช่เพียงแค่สาวใช้น่ะสิ..

           เสี่ยวหนานเงยหน้าเพียงเล็กน้อย ยิ้มบาง ๆ ไม่เกินงาม เสียงของนางอ่อนโยนแล้วแต่มั่นคง ราวกับกำลังยื่นดอกไม้งามแสนอ่อนหวานแต่ซ่อนบางด้วยเข็มพิษเล่มเล็กนับพัน “ข้ายังไม่รู้เลยเจ้าค่ะนายท่าน ว่าอะไรที่ทำให้นายท่านเรียกว่าพอใจกันแน่” นางเอ่ยขึ้นมา คำพูดนั้นอาจดูดนุ่มเหมือนอ่อนน้อมแต่กลับเรียกรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากของนายท่านโอวหยางได้อย่างดีกับการช่างพูดของนางนักราวกับมีบางอย่างมาดลใจให้เขารู้สึกถูกชะตาต้องกันกับนางอย่างไม่รู้ตัวจนอาจหันหลังกลับไม่ได้

           หลินหยาในฐานะของเสี่ยวหนานนั้นย่อตัวลง หัวใจของเธอยังเต้นอย่างมั่นคงทำให้นางไม่แสดงความตื่นกลัวหรือหุนหันตามสถานะการณ์ที่ยากจะคาดเดา หากแต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างแนบเนียนพร้อมกับรอยยิ้ม ร่างกายของนางก้มลงคำนับต่อบุรุษเพศตรงหน้าที่ทรงอำนาจ ด้วยถ้อยคำที่แสนสุภาพอ่อนเยน เสียงหวานของเธอพูดขึ้นเบา ๆ คล้ายสายลมหวานที่ต้องแผ่นน้ำ

          “เช่นนั้นขอให้นายท่านอย่ารีบร้อย..ข้าจะบริการให้ดีที่สุดเท่าที่ข้าจะพึงทำได้เจ้าค่ะ”

           ไม่ใช่เสียงสั่น ไม่ใช่คำขอร้อง หากแต่เป็นถ้อยคำที่เชิญชวนให้อีกคนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเข้าอาณาเขตของนางแต่โดยดี ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ากำลังจะกลายเป็นอะไรบางอย่าง.. หลินหยาก้าวเท้าไปอย่างสงบนิ่ง นางหยิบกล่องไม้หอมจากตู้เล็กที่อยู่มุมห้อง เป็นกล่องไม้ดำที่บรรจุเครื่องหอมหลากชนิดไว้ภายในกล่องเดียว มันถูกเก็บไว้เพื่อถึงเวลาใช้งาน ปลายนิ้วเรียวบางของหลินหยาหยิบกำยานเล็ก ๆ รูปกลีบดอกไม้ออกมาทีละชิ้น ก่อนจะจัดวางลงบนกระถางนั้นปั้นดินเผาเคลือบเงินด้วยความชำนาญ

           กลิ่นแรกที่ลอยมาคือไม้กฤษณา กลิ่นที่ลึก หนักหน่น อบอุ่นและหรูหราเย้ายวน มีเสน่ห์อย่างสุขุม มันแผ่กระจายเบื้องต้นคล้ายกับการปูพรมแกงในห้องลับที่ไม่มีใครอนุญาติให้เข้าไป ตามมาด้วยกลิ่นไม้จันทร์ที่นุ่มนวลน่าหลงใหล เจือกลิ่นของกลีบบับวแห้งที่อบจนฟุ้งกลิ่นหอมละมุนละไม ให้ความรู้สึกคล้ายสตรีนั่งร่ายรำในม่านผ้าขาวบางกลางห้องหอมแล้วปิดท้ายด้วยอบเชยเพียงปลายนิ้ว ไม่มากพอให้ฉุน ไม่น้อยพอให้จาง แต่มากพอให้รู้สึกว่าภายในห้องหแห่งนี้ เป็นกลิ่นหอมที่แฝงความร้อนแรงรำแร รอการสัมผัสที่ลึกซึ้งกว่านี้อยู่

           อาหาศในห้องเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา กลิ่นลอยวนไม่เร่งเร้าแต่แผ่ซึมเข้าสู่อก สู่เส้นเลือด ไปจนถึงภายในสำนึกของจิตใจ คุณชายโอวหยางที่นอนอยู่บนเตียงจ้องเธออีกครั้งพลางยกคิ้วเล็กน้ยอไม่เอ่ยสิ่งใด สายตาไม่ได้มองเพียงแค่รูปร่างหรือความงามภายนอกอีกต่อไป แต่เริ่มจับความได้ว่าเด็กสาวคนนี้ ไม่ใช่แค่สาวใช้ที่มีใบหน้าอ่อน นิ้วเรียวงดงาม เพราะผู้หญิงที่เข้าใจกลิ่นกำยานถึงระดับนี้ ไม่ได้มีเพียงสองมือที่ทำงานบ้านเก่ง แต่ต้องมีใจนิ่งพอที่จะรู้จัดบรรยากาศการควบคุมจังหวะในห้อง

           เสียงลมหายใจเบา ๆ ดังเป็นจังหวะระหว่างกลิ่นกำยานยังคงลอยคละคลุ้งอยู่ในห้องพักส่วนตัวของคุณชายโอวหยางยามนี้ชวนให้นึกถึงห้องลับที่มีเพียงกลุ่มหมทอกบางของไม้กลิ่นหอมร่ายเงาในอากาศ และบุรุษเพียงผู้เดียวที่นั่งเอนหลังเช่นเจ้าโลกทั้งใบในอาณาจักรส่วนตคัวกำลังปล่อยให้หญิงสาวผู้หนึ่งนั้นขยับตัวสัมผัสเอาไปทั่วร่างกาย

           หลินหยาหรือเสี่ยวหนานในนามปลอม ก้าวเข้าใกล้เพียงเล็กน้อย คล้ายไม่แน่ใจว่าตัวเองควร ยั่ว ตามที่หญิงมากมายก่อนหน้านี้เคยทำเพื่อไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงหรือไม่ หรือควรเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่ไร้เดียงสาต่อไปดี แต่สุดท้าย..หลินหยาก็เลือกที่จะเป็น ตัวของตัวเอง ที่แฝงไหวพริบไว้เงียบงัน

           ปลายนิ้วเรนียวแตะขอบสาบเสื้อคลุมแพรไหมของนายท่านโอวหยางแล้วค่อย ๆ ปลดออกจากไหล่กว้างโดยไม่เร่งเร้า เสื้อคลุมหลุดออกอย่างเงียบงัน เผยเรือนกายของบุรุษในวัยเปี่ยมไปด้วยพลังและความน่าเกรงขาม กล้ามเนื้อที่เคยผ่านการฝึก ทว่าตอนนี้กลับบอมให้มือบางเล็กของหญิงสาวนวดคลึงด้วยความเงียบเชียบ กลิ่นหอมเจือบัวอบลอยตามแรงลมที่กรีดผ่านม่านขาวบาง หลินหยาใช้สองมือแตะบ่าแน่นของเขา ก่อนที่จะออกแรงกดบนจุดที่ถูกต้องอย่างพอดิบพอดี

           คลายเส้น..อย่างแผ่วเบาแต่ลึกถึงเนื้อใน..ให้ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของนาง ฝ่ามืออุ่นของนางที่เรียบเนียนกดลงในลักษณะที่ซึมลึกถึงแก่น เสียงร้องคำรามในลำคอเบา ๆ ของคุณชายโอวหยางดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่มันเป็นเพียงของความพึงใจถึงที่สุด ที่ร่างกายหนักแน่นของเขาแทบจะลอยขึ้นเหนือเตียงจากสัมผัสที่ลื่นไหลราวกับน้ำจากสตรีตรงหน้า..

           “…อืม..” น้ำเสียงของเขาแผ่วต่ำในลำคอของเขาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังเพลิดเพลิน เขาเหลือบมองตามหญิงสาวตรงหน้า ดวงตาเรียวคมซึ่งปกติเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองเวลาอยู่กับโลกของตนเองนั้นเจนจัด จ้องมองนางอย่างไม่กระพริบ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกอื่นนอกจากความหื่นกระหายดิบเถื่ิอนและความสงสัยระคนหลงใหลเกินจะเอ่ย

          “เจ้านวดเก่งถึงเพียงนี้ ใครสอนเจ้ามาหรือ?” น้ำเสียงเจาแผ่วต่ำเจือหยอกเย้า คล้ายกำลังถามเล่น แล้วยกมือขึ้นขยับจับเส้นผมของนางขึ้นทัดหูให้เขาได้เห็นใบหน้านั้นอย่างชัด ๆ ..หลินหยาก็ยังคงกดคลึงไปตามแนวไหล่ไล่ไปจนถึงต้นคอ ให้นิ้วหัวแม่มือหมุนช้า ๆ ที่หลังใบหู เขาไม่รู้เลยว่าสัมผัสเล็ก ๆ แบบนี้สามารถปลุกชีพจรบางอย่างในร่างบุรุษให้ตื่นเต้นขึงขังมากกว่าการจูบเสียอีก

          “ก็มีบางที่ต้องนวดให้แก่บิดามารดาเจ้าค่ะ..พวกท่านเหนื่อยล้ามากมาย ข้าต้องทำให้พึงใจอยู่เสมอ” หลินหยายิ้มเพียงเล็กน้อย หากแต่เสียงนุ่มแผ่วของนางเอื้อนเอ่ยคลายคำอธิบาย เธอยังคงนวดต่ออย่างไม่รีบร้อน ไม่กลัว ไม่เร่งรัด ไม่ถอยหลัง ดั่งแม่น้ำสายไหลไปตามทางของมันโดยไม่ต้องตัดผ่าน แต่สุดท้ายก็พัดพาเรือของคุณชายโอวหยางไปกลางวงวนของนางจนได้ แล้วจะมีไหม? ชายใดเล่าที่ไม่ลุ่มหลงผู้หญิงซึ่งไม่เอ่ยคำขอใด แต่กลับทำให้เขาอยากครอบครองนางเพื่อแลกกับรอยยิ้มเบาเบาเพียงครั้งเดียว

           นายท่านโอวหยางหลับคาลงเพียงครู่หนึ่งแต่กลับลืมตาขึ้นใหม่เพราะรู้สึกถึงบางอย่าง ยบางอย่างที่คันหัวใจแต่หาไม่พบว่าต้นตออยู่ตรงไหนกัน ความอึดอักชนิดที่ไม่ใช่ความคั่งค้างของตัณหาเพียงอย่างเดียว หากแต่มีความกระหายแปลกประหลาด กระหายที่จะรู้จักหญิงสาวผู้นี้ให้ลึกซึ้งกว่าผิวกายที่เปลือยเปล่าของนาง

           มือเล็กของหลินหยากดนวดอย่างแผ่วเบาต่อเนื่อง ลูบไล้ไปตามแนวกล้ามเนื้อจากไหล่สู่แผ่นหลัง เธอไม่รีบร้อย ไม่ตีกรอบให้เขารู้ว่ากำลังถูกยั่วยวน หากแต่ปล่อยให้ร่างของเขา รู้สึก ด้วยตัวของมันเองว่าถูกเคลื่อนไหวด้วยบางอย่างทีร่เกินของคำว่า สัมผัส ทางการ

           “เจ้าไม่เกรงกลัวข้าหรือ?” น้ำเสียงของคุณชายแผ่วต่ำ แม้ไม่ตะคองแต่กลับมีแรงสั่นสะเทือนอยู่ในใต้เสียงนั้น เป็นคำุามที่เขาเคยถามสตรีมานับไม่ถ้วน หลายคนละลายและสะท้อนต่อหน้าเขา แต่หลินหยาเพียงพริ้มตาเล็กน้อยราวกับไม่แน่ใจว่าเขาถามสิ่งใดกัน หรือไม่แน่ใจว่าควรตอบอย่างไรให้ตัวเองได้คำตอบที่เขาอยากได้ แต่สุดท้ายเธอก็ตอบไปตามใจอยู่ดี

          “ข้าเพียงแต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ” นางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทว่าชัดถ้อยชัดคำราวกับอีกฝ่ายกลับยิ่งพยายามลากนางเข้าสู่แกมของเขา แต่ท่าทีของเธอกลับเรียบเฉยงดงามของคนที่ไม่ประสีประสา

           คุณชายโอวหยางขยับมือเลื่อนขึ้นมาที่ปลายนิ้วแตะเส้นผมของนาง ขยับมือลูบผ่านไหล่ขาวนวลที่พ้นแขนเสื้อบางเบาออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความเสน่ห์หาจนทำให้ลมหายใจขาดห้วงกระตุกสั่น เขารู้ดีว่านางรู้ตัว ทว่าก็ไม่ปฎิเสธ ไม่ตอบสนองเกินเลยและนั้นเองที่ทำให้เขาอยากทำ..

           “เจ้าทำให้ข้าลังเลนัก..เสี่ยวหนาน” เขาพึมพำ ทั้งที่ยังคงนอนอยู่ตรงนั้น มือยังคงซนสัมผัสกายนางที่พ้นผ้าจนหลินหยาต้องพยายามนิ่งไว้ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาที่ไม่เกินเลย “ปกติข้ารู้ดีว่าควรทำอะไรกับหญิงสาวที่งามเช่นเจ้า..แต่กับเจ้า ข้าไม่อาจตัดสินใจได้เลย” เขาหัวเราะในลำคอเขา ๆ  ขยับมือไปหยิบถ้วยน้ำชาที่เย็นยืดมาจิบเพื่อคลายความร้อนรุ่มในอกของตนเอง ดวงตาคมคารยของเขากวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มยังคงค้างอยู่บนมุมปากอย่างมีเลศนัย

           “หรือเจ้าอยากให้ข้าลองก่อน? แล้วค่อยตัดสินใจว่าเจ้าคู่ควรที่จะถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของข้าหรือไม่?” เสียงของเขาฟังดูรื่นหูราวกับไม่ต้องการคำตอบ หลินหยาที่ได้ยินเช่นนั้นเธอไม่รู้คิดยังไงขยับตัวขึ้นแล้วค่อย ๆ ลูบนวดช่วงไหล่ของเขาอีกครั้งอย่างนุ่มนวล พลางก้มลงกระซิบใกล้ใบหูของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงบางเฉียบแต่เย้ายวนแสนหวานแต่ยังคงเป็นเสี่ยวหนาน ผู้เหมือนจะไร้เดียงสา..

          “ข้าเป็นเพียงหญิงสาวผู้ไร้ที่พึ่งเจ้าค่ะ..หากแต่นายท่านพอใจ..ข้าอาจจะยินดีอยู่ใกล้ท่านอีกสักหน่อย..ในคืนนี้

           น้ำเสียงนั้นทำเอาคุณชายโอวหยางแทบสติหลุด เขาขยับมือตัวเองแตะมือบางของนางยกมันขึ้นมาดมเบา ๆ เหมือนกับจะจูบบางเบาเพื่อคลายความร้อนรุ่มในกายของเขาสักครา “หากข้าขอให้เจ้านวดด้วยอะไรที่งามกว่านี้ เจ้าจะทำไหม?” เขาเอ่ยถามแล้วขยับมือออกจากนิ้วเรียวงามของหลินหยา..ก่อนที่จะขยับมือลูบช่วงแขนของนางแล้วเลื่อนลงมาเรื่อย ๆ จนยกเท้าของนางอย่างไม่ทันตั้งตัว ลูบฝ่าเท้าเนียนละเอียดนั้นช้า ๆ ราวกับจะลิ้มรสน้ำจันทร์อันเก่าแก่ ดรุณีน้อยถึงกับอึ้งวูบไปทั่วตัวแต่ไม่ได้กระชากเท้าหนีแต่กลับหายใจผิดจังหวะ..

           จนสร้างรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ให้กับอีกคนที่สัมผัสมันอยู่ เขาชอบเวลานางสะดุ้งจังเลย?

           หลินหยาขยับตัวโน้มมองอีกคนจ้องมองเขาด้วยสายตาแล้วเอ่ยเสียงนุ่มคล้ายลมพัดเฉื่อย “หากนายท่านมีบัญชา..เสี่ยวหนานก็ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะขัดเจ้าค่ะ” เสียงของเธอเหมือนกับพยายามเก็บงำอารมณ์บางอย่างแต่หวานซึ้งนอบน้อมแฝงแรงดึงดูดจนเหมือนคำเชื้อเชิญกลาย ๆ ทั้งที่นางยังคงแตะต้องเขาในขอบเขตของการนวด ..

          “เจ้าว่าเจ้าทำได้งั้นรึ..” เขาเอ่ยถามก่อนที่จะหัวเราะเบา ๆ ยกยิ้มมุมปากขึ้นอีกอย่างพอใจ

          “เสี่ยวหนานพูดแต่สิ่งที่ตนเองทำได้เจ้าค่ะ” หลินหยาหลุบตาลงต่ำ วางมือเล็กน้อยเมื่อเขาปล่อยมือจากข้อเท้าของเธอ หญิงสาวขยับตัวขึ้นยืนบนเตียงแล้วขยับตัวเหยียบขาอีกคนไว้ กดหัวเข่าแล้วเริ่มนวดอีกคนอย่างไม่หวั่นไหว บรรยากาศของทั้งคู่เหมือนกับเส้นเชือกที่ตึงพร้อมจะกระตุกขาดหรือแน่นยิ่งกว่าเดิม..

           คุณชายโอวหยางร้องครางด้วยความชอบใจ เขาเหลือบตามองเสี้ยวหน้าของเสี่ยวหนาน แสงกำยานคละคลุ้งไอจางลอยเรื่อ ยๆ รอบ ๆ ใบหน้านิ่ง กลิ่นกฤษณาและอบเชบลอยกรุ่นแสงจากโคมกระทบแก้มขาวเนียนคล้ายเปลือกไข่ที่ยังอุ่นอยู่ เท้าเล็กของนางคลึงเบา ๆ ตรงจุดที่เหนื่อยล้ามากที่สุด สายตาของนางไม่เคยมองตรงไปยังเรือนกายของเขาเลย ไม่แม้แต่จะจ้องหน้าขณะนวดซึ่งจะยั่วเย้า

           “กล้ามเนื้อแถวนี้ตึงเล็กน้อย นายท่านคงตราตรำทำงานหนัก ท่านควรอาบน้ำอุ่นแล้วพักผ่อนให้มากขึ้นนะเจ้าคะ” เหมือนคำภักดีของสาวใช้ตัวน้อยที่อ่อนโยนเสียยิ่งกว่าภรรยาที่รู้ใจ คุณชายโอวหยางขยับกายจากท่านอนนั่ง ดึงผ้าเสื้อคลุมคลุมตัวเองไว้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วหรี่ตานิดหน่อยมองนางที่ตอนนี้กลับยั่วเย้ายิ่งกว่าสิ่งใดที่เขาเคยมองเสียอีก เพียงนวดไม่กี่กระบวนท่า กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกจับตามองแล้ววางกับดักโดยปลายฝ่าเท้าเล็ก ๆ ของนางเสียอย่างงั้น

           ตอนนี้หลินหยาหรือเสี่ยวหนาน กำลังขยับตัวให้เรียบร้อยกับขั้นตอนจะสุดท้าย นางทอดตัวต่ำลงด้วยมารยาทอันอ่อนช้อยแต่ปลายนิ้วกับแนบสัมผัสขาท่อนล้างของนายท่านโอวหยางอย่างรู้จักหวะ ซ้ำยังวางน้ำหนักให้ดีไล่ตามสถานที่ทำให้เลือดลมไหลเวียน คล้ายไอร้อนวิ่งบางวน..

           “เจ้าทำเช่นนี้ทุกวันได้หรือไม่..เสี่ยวหนาน” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างซับซ้อนและนุ่มลึก

          “เจ้าค่ะ หากท่านให้ข้าอยู่ข้าง ๆ” หลินหยาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบราบแต่ชวนให้ขบคิด ดวงตาของนางเชิดขึ้นน้อย ๆ ให้่เห็นแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ซ่อนประกายบางอย่างเอาไว้อย่างคลุมเครือ  คุณชายโอยหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิัมมุมปากของบุรุษที่ผ่านสตรีมานักแลดูสงบแต่สายตากลับจับจ้องนางมิเสื่อมคลาย เส้มผมของนางตกข้างแก้มเพราะมันไว้เพียงหลวม ๆ ไม่ได้ประดับประดาสิ่งใดให้งดงาม ทว่าเขากลับเห็นว่าน่าดูนัก มือของหลินหยาประทองปลายเท้าแล้วกดเบา ๆ ที่ส้นราวกับนวดคลายจิตใจมากกว่ากล้ามเนื้อ..

           “ข้าพอใจเจ้ามากนัก หากเจ้าเป็นเช่นนี้ ห้ามข้าอย่างไรให้ไม่ต้องหาเรือนให้เจ้าอยู่ได้กัน แม้ข้าจะใคร่ให้เขาทอดกายข้างข้าเสียมากกว่าก็ตาม” นายท่านเอ่ยเสียงนุ่มคล้ายจะบอกความจริงที่เขารู้สึกในตอนนี้ ส่วนหลินหยาก็เงยหน้าช้อนตาขึ้นช้า ๆ พับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหวานบางไม่ได้ตื่นเต้นหรือ่อนปวดเปียก “หากนายท่านพอใจข้าก็ยินดี..แต่ข้าไม่คิดว่าสตรีอย่างข้าจะคู่ควรกับความกรุณานั้นได้เลยเจ้าค่ะ..ข้าเกรงใจยิ่ง”

           คุณชายโอวหยางนิ่งไป หัวใจพลันเต้นรัวอย่างมิอาจเข้าใจตัวเอง เหมือนถูกท้าทายโดยนางไม่เอ่ยท่า เหมือนถูกยั่วโดยนางไม่แตะต้องเขาเลยแม้แต่น้อยนอกจากการนวดเฟ้น “เจ้าคงไม่รู้ตัว ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเริ่มมีผลกับข้ามากเพียงใด…ข้าให้สงสัยว่าอาจติดรสสัมผัสของเจ้าเข้าเสียแล้ว” เขากระซิบเขา ๆ กึ่งคล้ายหัวเราะในลำคอท่าทางผ่อนคลายแต่ห้วงตากลับดำดิ่งลงอย่างผู้ในกำลังอยู่ในกับดักสายไหมและกลิ่นหอม

           เขาจะห้ามตัวเองไม่ให้สัมผัสและอยากได้นางได้เช่นใด ในเมื่อนางน่าหลงใหลถึงเพียงนี้..เสี่ยวหนาน?


@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: อู๊วววว อ๊าาาาาา ซีดซาดๆ
รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

ทำให้เขาต้องหยุดทันทีและบอกคุณกลับไปก่อน ก่อนจะออกจากห้องไปพบบิดา  โพสต์ 2025-6-20 19:13
คุณชายโอวหยางเป็นฝ่ายรุกคุณแทน (หากเลขไบต์สุดท้าย ออกคู่ จะไม่มีใครมารบกวน คเขาจะรุกคุณสะดวกราบรื่น โรลเพลย์ตามอิสระ และ หากเลขไบต์ออกคี่ จะมีคนมาขัดจังหวะเคาะประตู แจ้งว่านายท่านเรียกพบ   โพสต์ 2025-6-20 19:13
โพสต์ 50195 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-20 18:30
โพสต์ 50,195 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-20 18:30
โพสต์ 50,195 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-20 18:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-6-20 20:01:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-20 20:04


วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง ห้องคุณชายโอวหยาง


           คุณชายโอวหยางไม่ได้เป็นชายที่ไร้สติ แต่ในยามที่เสี่ยวหนานเบี่ยงกายเบา ๆ พลิกจังหวะด้วยสัมผัสดวงตาเรียบนิ่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นกลับมิใช่ความงามล่มเมืองเฉกเช่นคนอื่น ๆ แต่กลับรู้สึกสงบนิ่งอย่างรู้ทันทุกความเคลื่อนไหวของเขา ทำให้สิ่งที่เคยคิดว่า อยู่เหนือ มาตลอด นั้นแปรเปลี่ยนเป็นอยากเอาชนะ เสียเหลือเกิน..

           “เสี่ยวหนาน” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงแผ่วต่ำ คล้ายจะละลายกลิ่นหอมอบอวลในห้องให้ร้อนขึ้นอีกระดับ เสียงนั้นแฝงแรงอารมณ์แต่ไม่หยาบคาย คล้ายคำร่ายเสน่ห์ของบุรุษผู้มั่นใจในตนเองจนแทบจะสะเทือนอากาศโดยรอบ.. “เจ้ารู้หรือไม่ หากบิดาข้าได้พบเจ้า..อาจเอ่ยว่าเจามีราศีความเป็นภรรยามากเสียยิ่งกว่าบุตรีขุนนางบางคนในเมืองเสียอีก” เขาเอ่ยบอก

           หลินหยาทอดตามองอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลเพราะเอาความจริงแล้ว นางก็เป็นบุตรีขุนนาง แม้จะเป็นขุนนางหัวเมืองก็ตามที แววตาดั่งผิวน้ำนั้นสงบแต่เย็นลึกไม่ปฎิเสธ ไม่ท้าทาย มีเพียงรอยยิ้มบางที่ผุดขึ้นตรงริมฝีปาก มุมปากที่หยักสวยงามราวกลีบดอกท้อสุก “หากท่านชายเอ่ยเช่นนั้น ข้าก็คงต้องขอบคุณในความกรุณาเจ้าค่ะ” เสียงของเธอนุ่มละมุนละไม มิได้สั่นเครือ แต่ก็ไม่แข็งกระด้าง เย้ายวนในใจความสงบที่ไม่ต้องพยายามเกินจำเป็น..

          “แต่..” หลินหยานั้นเหมือนพูดแบบลากเสียง เธอโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย พอให้เขาสัมผัสกลิ่นได้เพียงเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นข้างหนึ่งวางเบา ๆ บนบ่าของคุณชายโอวหยาง “หากสิ่งที่คุณชายต้องการคือความพึงใจ บางทีสิ่งนั้น..อาจจะมาจากการได้สัมผัสในเวลาที่เหมาะสมต่างหากเจ้าค่ะ”

           ประโยคนั้นราวกับรั้งสติของโอวหยางไว้ตรงขอบเหวแทบจะผลักเขาคงลงไป ไม่ยอมให้หนี นางจับพรมแดนนี้ด้วยปลายนิ้ว ปล่อยให้ความคิดของชายหนุ่มเป็นอิสระเสรี จนกลายเป็นการพันธนาการโดยไม่รู้ตัว คุณชายโอวหยางกลืนน้ำลายลง ภายในอกพลันเหมือนถูกบีบรัดด้วยความปรารถนาอันอัดแน่นแต่ไม่อาจระเบิดออกได้ง่าย นางช่างร้ายกาจ ไม่ใช่ร้ายด้วยคำพูดหรือวาจา แต่ร้ายในความอ่อนโยนที่แฝงเหมือนใบมีดเคลือบน้ำผึ้งหวานเดือนห้า…

           จะห้ามตัวเองได้หรือ…บ้าน่า..ใครจะไปทำได้..

          !!!

           ร่างบางของหลินหยาแทบไม่ทันตั้งตัวเมื่อนิ้วมือของชายหนุ่มข้างบนโน้มรั้งเธอลงช้า ๆ โดยไม่ได้ทันให้ถอดกายหนี ข้อมือเล็กของเธอถูกกุมด้วยมือร้อนแน่นที่พอให้รู้สึกถึงแรงแต่ไม่ถึงกับรุนแรง และเพียงอึดใจเดียว แผ่นหลังของเธอก็สัมผัสกับผ้าปูเตียงเนื้อดีที่เย็นนุ่มราวกับกลีบดอกบัวยามเช้าของฤดูฝน คุณชายโอวหยางโน้มตัวคร่อมตัวร่างเล็กของนางไว้ไม่ห่าง ให้ใบหน้าหล่อเหลาอาบไล้ด้วยแสงสลัวจากแสงด้านนอกที่สะท้อนดวงตาคมลึกของเขา ดวงตาที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ละสายตาจากเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว..

           “เจ้า..เป็นสาวใช้ประเภทไหนกันแน่เสี่ยวหนาน..เหตุใดจึงทำให้ข้าไม่อยากปล่อยเจ้าขึ้นจากเตียงนี้ไปเลยสักนิด” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างแก้ม แผ่วเบาเสียจนกลิ่นกำยานบนผิวเนื้อนั้นกลายเป็นสิ่งเดียวที่ล่องลอยอยู่ในอากาศร่วมกับถ้อยคำและลมหายใจร้อนที่รดใบหน้าของหลินหยา..ริมฝีปากของเขาไม่แตะต้อง แต่คำพูดนั้นทำเอาผิวของหลินหยารู้สึกได้ถึงมันจริง ๆ กับลมหายใจอุ่น ๆ ที่สัมผัสอยู่ทุกจุดที่ถ้อยคำนั้นเคลื่อนไหวผ่าน

          หลินหยา…ชิบหายแล้วอีนางน้อย..

           เธอไม่ได้ดิ้นรน ไม่มีท่าทีขันขืนให้อีกฝ่ายพึงใจ นางเพียงหลุบตาลงต่ำอย่างไม่หลบเลี้ยงแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขานั้นสงบนิ่ง สองแก้มมีสีเลือดฝาดจาง ๆ อย่างควบคุมไม่ได้ หญิงสาวมองเขานิ่งแล้วพูดน้ำเสียงเปล่งออกมาแผ่วเบา..

           “เพราะข้าทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ มิได้ทำเพื่อยั่วยุ..แต่หากมันทำให้ท่านหวั่นไหว..ข้าขออภัยที่ทำหน้าที่ตนเองเกินหน้าที่” เธอพูดในอ้อมแขนของเขาที่กระตุกเกรง ไม่หลบไม่สั่น…เรียวปากขยับเพียงนิดเดียวเพื่อส่งเสียง เสียงที่ไม่ดังแต่กระตุกอารมณ์อีกฝ่ายให้แน่นหนึบในหน้าอก ความละมุนนั้น คล้ายมือที่ลูบกลับความคิดอันร้อนแรงของเขา…แต่มันแทนที่ด้วยความปรารถนาอันลึกซึ้งกว่าการแตะต้องเสียอีก

           "เจ้านี่…อันตรายกว่าที่ข้าคิดไว้มากนัก เสี่ยวหนาน" เขาเอ่ยชิดริมใบหู เขามิใช่ชายที่มักรอคอยสิ่งใดโดยเฉพาะยาวเสน่หาเริ่มไหลเวียนในเส้นเลือดของเขา ชายหนุ่มขยับมือหมายจุมพิษริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นให้ได้รับความอบอุ่นสักครา หากแต่เมื่อปลายนิ้วเรียวของหลินหยาไล้แนบข้างแก้มของเขาช้า ๆ ด้วยสัมผัสงาม เปรียบดั่งกลีบบัวจุ่มน้ำผึ้ง เขากลับหยุดนิ่งราวกับกลัวจะทำลายช่วงเวลานั้นด้วยความเร่งเร้าจนมากเกินพอดี

          “ท่านชาย..อย่ารีบร้อนนักเลยเจ้าค่ะ..ยังยามเว่ยอยู่เลย กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ แสงยังไม่ทันหายไปหลังเรือนด้วยซ้ำ ข้ายังมิได้อาบน้ำเลยนะเจ้าคะ” เสียงของนางหวานหยด หยอดลงมาเหมือนสุราอุ่นในยามค่ำ เธอแสร้งถอนหายใจนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์แต่ก็แฝงไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย “ทั้งวันข้าทำงานหนัก อาจมีกลิ่นที่ท่านไม่พึงประสงค์ กลัวว่าจะไม่เหมาะนักหากต้องมาใกล้ชิดคุณชายในสภาพนี้”

           คำพูดนั้นไม่ตัดรอน แต่เป็นการหลบหลีกอย่างมีชั้นเชิง ราวกับกำลังล่อเหยื่อให้อยู่ในบ่วงด้วยกลิ่นน้ำหอมของการปฎิเสธอันงดงาม คุณชายโอวหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบเหมือนดาบตัดใจ ชะงักนิดหน่อยก่อนที่เขาจะยิ้มกระตุก เข้าใกล้นาง แผ่วเบาและมั่นคง ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดข้างลำคอขาวเนียน มือเขาวางบนไหล่เปลือยที่เขาขยับลงให้มันพ้นโผล่ชาวผ้าเนื้อบางนั้น

          “ไหนเล่ากลิ่นที่ว่า..ข้ากลับได้กลิ่นอันหอมหวาน เย้ายวนใจ ราวกับราตรีที่มีแต่ดอกไม้หอมสะพรั่งใต้แสงจันทร์” เสียงทุ้มต่ำนั้นดังขชึ้นประชิดผิวเนื้อ เขาก้มหน้าลงช้า ๆ ดวงจมูกแนบลไหล่นวลนั้น ดมกลิ่นหอมลึกจากเรือนกายนางราวกับไม่เชื่อถ้อยคำนั้นแม้แต่น้อย หลินหยาเกือบที่จะสะดุ้งและลมหายใจขาดหาย เธอหลุบตาลง ยอมให้อีกฝ่ายสัมผัสแต่เพียงพอประมาณแม้ภายในใจแทบอยากหลบหนีจากตรงนี้ ใบหน้าของเธอยังสงบเยือกเย็นดังเดิม แต่ปลายนิ้วยังคงวางอยู่ตรงอกของเขาเบา ๆ เป็นเชิงเตือน..

           “หากคุณชายยังหิว..กลิ่นข้าคงไม่อาจทำให้อิ่มยามนี้หรอกหรอกเจ้าค่ะ” คำของหลินหยาเอ่ยขึ้น ถ้อยคำที่แฝงความยั่วเย้าแหลมคม สลับความความกล้าหาญแสนแสบที่ทำให้ชายใดก็อยากจับมัดไว้ทั้งตัวทั้งใจ คุณชายโอวหยางหัวเราะเบา ๆ เสียงในลำคอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เริ่มขาดสะบั้นจากการควบคุม..

           เขาเริ่มรู้แล้วว่าแม่นางเสี่ยวหนานหาใช้สาวใช้ตามครรลอง..แต่เป็นนางมีพิษอ่อนหวาน หยดทีละคำ จนชายใดได้ลิ้มลองแล้วจะไม่มีวันถอนตัวออกไปได้เลย..หากเขาหลงนางเสียแล้ว จะยอมรับได้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง




@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: รอดเถอะ ขอร้องแหละ สาธุ สิรอดบ่หน่อ..
รางวัล: -

คนจริง เลข คี่ ลาก่อนไอ้ชาย



แสดงความคิดเห็น

อ้าวไม่คู่เรอะ  โพสต์ 2025-6-20 20:40
โพสต์ 18621 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-20 20:01
โพสต์ 18,621 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-20 20:01
โพสต์ 18,621 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-20 20:01
โพสต์ 18,621 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-20 20:01
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-6-20 21:51:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (หาเบาะแสสุดท้าย ขอร้องอย่าโหดร้ายกับหนูนักเลย)


           ยามที่มือของคุณชายโอวหยางกำลังเลื่อนไปแตะกลีบผ้าฝ้ายที่บางเฉียบบนแผ่นอกนวลของหลินหยาหรือเสี่ยวหนานด้วยแววตาหิวกระหายและหมายมั่นในใจว่า สตรีคนนี้จักต้องเป็นของเขาให้ได้ไม่ว่าทางใดก็ตาม แต่เหมือนมีเสียงสวรรค์ยังเข้าข้างคนที่เกิดมาด้วยพรสวรรค์โชคลาภอยู่

           “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังราวกับฟ้าผ่าใส่กลางอกที่กระเหี้ยนกระหือรือของชายหนุ่ม เสียงของสาวใช้ดังขึ้นด้านนอกห้อง ด้วยน้ำเสียงเรียบร้อยในถ้อยคำนั้น “คุณชายเจ้าคะ นายท่านเรียกเข้าพบเจ้าค่ะ ให้คุณชายไปพบเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้นเช่นนั้น

           คุณชายโอวหยางถึงกับชะงักนัก ปลายนิ้วที่กำลังไล้กลีบผ้าชะงักอยุ่กลางอากาศ นัยน์ตาคมกลบอกมองไปทางประตูราวกับอยากจะจารึกความแค้นใส่หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกนั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ … เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างยาวและหัวเสีย ราวกับเสือที่กำลังได้กลิ่นเลือดเนื้อสด ๆ แล้วถูกลากกลับกรงกลางคันเสียอย่างงั้น จ้องมองหลินหยาที่เหมือนทำหน้ายิ้ม ๆ ระบายให้เขา แต่หัวใจของเธอแทบจะกรีดร้องเต้นระบำร้องเพลงสวดส่งตัวเองที่รอดตายแล้วโว้ยยย

           จากไอ้หื่นตรงนี้ เย่!! สวรรค์เค้ารักฉัน!

           ริมฝีปากของเธอม้มเล็กน้อย ท่าทางประหนึ่งกำลังระลึกถึงฟ้าเบื้องบนที่เมตตาส่งใครสักคนมาหยุดมันให้ไม่ให้เกิดเรื่องวินาทในวินาทีคับขันนี้ …

           เสียงสถบในลำคอเบา ๆ ของคุณชายโอวหยางดังขึ้นคล้ายเสียดายแล้วขยับมาหานาง มือหนึ่งจับตรงสาบเสื้อของนางพลางจัดให้เรียบร้อยอย่างอ่อนโยนผิดกับก่อนหน้านี้อย่างแรง “เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะเสี่ยวหนาน” เสียงของเขาต่ำแต่ยังแฝงแรงเร้าภายใน หากแต่ดวงตานั้นมีทั้งความเสียดาย ความหมายปอง และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือความหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยสักนิด “ข้าหวังว่าครั้งหน้า..เราจะได้อยู่กันเงียบ ๆ โดยไม่มีใครกล้ามาขวางระหว่างเราอีก” เสียงนั้นขยับกระซิบเขช้าข้างหูของหลินหยาเหมือนจะหยอก แต่กลิ่นอายรอบตัวของเขาร้อนระอุเหมือนเพลิงรอการลุกไหม..

           หลินหยาถึงกับอยากเหม่อมองฟ้า..นกกาโบยบิน..อ๊า…ไอ้สัส รอบหน้าตรูจะรอดไหมวะเนี้ย.. เธอก้มหน้าเล็กน้อยตอบรับอีกฝ่ายโดยไม่กล้าถ้อยคำใด มือที่เหมือนจะเกือบสั่นเก็บชายเสื้อของตนเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะถอนหายออกจากห้องอย่างสำรวม นางเดินไปตามโถงเรือนอย่างไม่เร่งไม่ช้า แต่ในใจนั้นเต้นโหมกระหน่ำจนเหมือนทั้งร่างจะสั่นคลอนไปกับฝีเท้า ในขณะที่คุณชายโอวหยางก็มุ่งหน้าไปทางห้องท่านพ่อของตนเอง ดวงตาของเขายังคงหันกลับมามองประตูนั้น..ที่พึ่งปิดลง

           แววตาของเขามิใช่เพียงต้องการกายของเสี่ยวหนานอีกต่อไป..แต่ต้องการครอบครองทั้งกายใจของนางอย่างถึงที่สุด

           
           
…..

           หลินหยานั้นเดินพรวดออกมาจากห้องพักของคุณชายโอวหยางทั้งที่ขาทั้งสองยังรู้สึกสั่น ๆ เหมือนมีกล้ามเนื้อแอบเกร็งจากการฝืนความรู้สึกเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอเม้มปากแน่นมือหนึ่งกุมชายเสื้อ มือหนึ่งก็กำแน่นจนเล็บจิกผ้าด้วยความอึดอัดใจสุดขีด ท่ามกลางกลิ่นในอากาศความอบอุ่นของห้องนั้นราวกับจะฝังเธอตรงเตียงไปกับคนแบบนั้นตลอดกาล..

         ‘โอ้ยยยย ไอ้บ้าเอ้ยยย’ หลินหยานั้นสถบในใจพลางเดินตรงไปยังห้องน้ำด้านหลังเรือนพักสาวใช้ ทั้งเดินทั้งปัดตรงไหล่ไปด้วย ‘ขยะแขยงง!! โอ้ยยย จูบได้ไงวะ!! ไอ้เหี้ย!!’ เธอกัดฟันกรอด ๆ สะบัดหน้าแรง ๆ จนผมเล็ก ๆ ที่มัดไว้หลุดรุ่ยลงมาเป็นพวง ท่าทางเหมือนแมวป่าถูกบังคับให้ลงไปคลุกโคลนหรืออาบน้ำรีบล้างตัวล้างหน้าและซับไหล่ที่ถูกจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมเสียงก้นด่าในใจ

           ‘หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่เอาสิวะ แล้วตรูจะไปรอดมั้ยเนี้ย ฮือออ ไม่เอา ลงทุนเกินไปไหมนะเรา? ทำไมไม่ใช่เถียนเฟิงมาแทนฟระ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ไอ้โรคจิตแบบนี้ แต่ไอ้เหี้ยใต้เท้านั้นมันก็โรคจิตเหมือนกันแหละวะ!!’ มือบางนั้นซับน้ำออกจากไหล่ระหว่างสถบบ่นทุกคนที่ขวาหน้า ในขณะที่เธอกำลังฟาดฟันกับอารมณ์จนเกือบสำลักคำด่าเสียงหนึ่งก็ดังจากด้านนอกเสียอย่างงั้น

           “เสี่ยวหนาน.!!! เสี่ยวหนาน!! พ่อบ้านเรียกหาเจ้า!”

           หลินหยาสะดุ้งโหยง รีบจัดทรงผมให้เรียบร้อย ดึงเสื้อคลุมให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้อยู่สภาพเดิมแล้วเดินออกมาอย่างหญิงตามปกติแม้ในใจจะกรีดร้องออกมายิงกว่าสาวที่โดนฆ่าในคดีฆาตกรรม เมื่อเดินถึงโถงของพ่อบ้านที่อยู่ตรงนั้น เขายื่นม้วนกระดาษเล็ก ๆ มาให้ หลินหยาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แล้วถามเสียงงง ๆ นิดหน่อย “อะไรหรือเจ้าคะ?” เธอเอ่ยถามแบบรู้สึกงง ๆ นิดหน่อย

          “มีจดหมายมาส่งให้เจ้า จากเด็กชายอายุหกขวบปีได้ เจ้านี้เสน่ห์แรงไม่เบานะ หัวกระไดบ้านมิเคยแห้งสักคราเลยล่ะสิ สตรีสาวจากเซี่ยโจวผู้นี้...ดูท่าคงไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เจ้าคงไม่รู้ตัวกระมัง ว่าเสน่ห์ของเจ้ากระจายไปทั่วเรือนแล้ว” พ่อบ้านหัวเราะ หึ ๆ ในลำคอเจือเสียงที่แซวปนขำแบบไม่ปิดบัง หลินหยานั้นอ้าปากพะงาบ ๆ ???

           “ห๊าา ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ” มือเล็กของเธอยื่นไปรับกระดาษมาเปิดออกเบา ๆ ในนั้นเขชียนด้วยลายมือผู้ใหญ่ที่สวยงาม…หืม?...หรือว่าจะเป็น..โอ้วก๊อด อีตาใต้เท้าเถียนเฟิงแน่นอน

           เย็นย่ำแสงจันทร์คล้อยลงปลายฟ้า
           เถากล้าจื่อเถิงเริ่มโปรยกลิ่นหอม
           จันทร์นั้นแม้นเยียบเย็นยังเฝ้าจอม
           รอใครล้อมโลมใจใต้ศาลา

           เมฆาผ่านพรางจิตดั่งเคยพราก
           คำฝากไว้เพียงเงาเถาวัลย์พรางตา
           มิเสียงใครแต่ใจยังเอ่ยว่า
           เจ้าจะมาหรือไม่...ในยามไห่

           ครานั้นหากจิตยังคิดเสน่หา
           โปรดนำใจเคียงมาอย่าหวั่นไหว
           แม้ไม่ใช่คราวรักอันยิ่งใหญ่
           
แต่ข่าวในใจนี้...รอฟังเพียงเจ้า

           หลินหยาที่อ่านจดหมายนั้นแทบทำหน้าอ้วกแต่ต้องเก็บไว้ เธอพับม้วนนั้นเบา ๆ แล้วเก็บมันไว้ในสาบเสื้อด้านในพลางเม้มปาก ..เขียนอะไรของมันวะเนี้ย หวานชิบหาย..หวานไปปะเนี้ย..

           เธอเดินออกมาอย่างคนเหม่อ ๆ ท่ามกลางสายลมเย็นเบา ๆ บาง ๆ ที่เริ่มพัดลงจากฟ้าสีครามของท้องฟ้าในยามนี้เริ่มเปลี่ยนจากสีส้มอ่อนปลายแสงอาทิตย์เสียแล้ว.. ‘ยังจะเขียนกลอนมาอีก อีตาบ้าใต้เท้าเถียนเฟิง’ ธอเหมือนอยากจะบ่นในหัว มือกอดอกขณะเดินผ่านรั้วไม้ประดับซึ่งลมพัดเย็นพัดใบทิ้งปลิวไปตามทางเดินตรวด ..หลินหยามองท้องฟ้าก่อนพึมพำ..

           ใจเธอเต้นตุบ ๆ อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่เคยพบเขาตอนกลางคืนมาตลอดแต่ไม่รู้ทำไมจดหมายนี้กลับทำให้ทุกอย่างหวือหวาขึ้เนมากว่าทุกคืนย..เพราะกลอนหวานจัด หรือเพราะคำว่า รอฟังเพียงเจ้า หรือเพราะคำว่าเสน่หากันแน่? “อี๊..” หญิงสาวถึงกับต้องบิดตัวแบบสนอง อีตาหมอนั้นมันไปกินอะไรมาถึงกลายเป็นคนเขียนกลอนรักได้ขนาดนี้ แต่มันเป็นคนฉลาดอยู่แล้วแค่นี้ก็ไม่แปลกหรอก จดหมายฉบับนี้..ร่องรอยจูบบนหัวไหล่ยราวกับจะย้ำเตือนหลินหยาเสมอ

           ว่าเส้นทางสาวใช้ปลอมตัวไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: ขอเลขดี ๆ สาธุครับ
รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20325 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-20 21:51
โพสต์ 20,325 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-20 21:51
โพสต์ 20,325 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-20 21:51
โพสต์ 20,325 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-20 21:51
โพสต์ 20,325 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-20 21:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-6-21 01:42:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ ยี่สิบเอ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามจื่อ เวลา 00.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยา


          หลินหยาเดินทางกลับมาจากนอกเมืองเมื่อเธอนั้นลำบาก หลินหยาต้องมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เธอไม่ใช่คนที่จะหายไปเฉย ๆ ได้โดยที่ไม่บอก ต่อให้สิ่งนั้น เสี่ยวหนาน จะเป็นสตรีที่ไม่เคยมีอยู่แต่แรก แต่นางจะจบบทบาทของนางให้ได้ดีที่สุด นางเดินทางไปหยิบบางอย่างออกมาจากโรงนอน นางจะไม่เขียนจดหมายไม่ใช่เพราะมันขี้ขลาด..แต่หลินหยาเขียนแล้วอ่านไม่ออกหรอก นางเขียนลายมือห่วยแตกมากต่างหาก…

          ก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานที่อยุ่ของพ่อบ้านจวนโอวหยาง ที่ตอนนี้อาจจะกำลังนั่งทำบัญชีอยู่ตรงที่เดิมในทุกวัน หลินหยาเดินทางมาหาเขา พ่อบ้านวัยกลางคนจนเกือบแก่ของจวนโอวหยางนั้นยืนค้อมหลังอยู่หน้าชั้นบันทึกบัญชีเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูแง้มในยามดึก ก่อนที่จะเห็นร่างของสาวใช้ตัวบางเบาที่เขาเริ่มจดจำได้ดีด้วยเหตุผลหลายประการนัก เสี่ยวหนาน สตรีแปลกหน้าในจวนแห่งนี้ที่เหมือนดอกไม้ป่าระบัดแซ.มอยู่ท่ามกลางต้นไม้เรียงรายงามของตระกูลขุนนาง..

          นางค้อมกายลงอย่างงามงอนทุกระเบียบนิ้ว สงบนิ่งดั่งสตรีผู้ผ่านโลกมานาน ทั้งที่ยังอ่อนเยาว์วัยนัก น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็แฝงความอ่อนน้อมและหนักแน่นเจือกันจนชวนฟัง “ท่านพ่อบ้าน เสี่ยวหนานมาลาเจ้าค่ะ..เสี่ยวหนานขอลาออกจากตำแหน่งสาวใช้ของจวนโอวหยาง ข้ารู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ลำบากสำหรับข้าเพราะท่านพ่อบ้านและสกุลโอวหยางมีบุญคุณล้นพ้น” นางเอ่ยขึ้นก่อนที่จะขยับตัวตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จแบบไม่หลุดสักกะแอะ เนียนโคตร..

          พ่อบ้านขมวดคิ้วน้อย ๆ ดวงตาฉายแววประหลาดใน ทว่าในฐานะคนที่ผ่านการรับใช้มาหลายสิบปี เขารู้ดีว่าในจวนนี้โดยเฉพาะใต้ชายคาของโอวหยางเป่าเฉิง สำหรับสตรีที่เริ่มได้รับการโปรดปรานจากคุณชายโอวหยางหรือกระทั่งนายท่าน ได้ใกล้ชิดย่อมหนีไม่พ้นวันต้องจากหากนางบริสุทธิ์ใจ ไม่อยากตกเป็นอนุภรรยา..หรือภรรยาแต่ง แต่ที่น่าแปลกคือสตรีตรงหน้าไม่ได้จากไปด้วยความเศร้าหรือเจ็บช้ำ หากแต่มาพร้อมกับการวางตัวตนที่สง่างามอย่างน่าประหลาด ไม่เรียกร้องสินไหม ไม่เรียกร้องเงินตรา

          “ข้าขอมอบสองสิ่งนี้เจ้าค่ะ..ทางบ้านข้าส่งมา สุราไผ่เขียวข้าขอมอบให้ท่านพ่อบ้าน..ส่วนสุรานารีแดงนี้ ข้าขอให้ท่านส่งมอบให้คุณชายโอวหยาง..โปรดบอกเขาว่าข้าลาออกแล้วขออภัยด้วย ที่ข้า..อาจไม่ได้พบหน้ากับคุณชายโอวหยางอีก” นางเอ่ยถึงคุณชาย อย่างน้อยเขาก็คิดว่านางมีเยื่อใยกับเขา แสดงอีกหน่อยจะเป็นเช่นไร..

          เมื่อพ่อบ้านเห็นนางยื่นสุราทั้งสองชนิดออกมา สุราไผ่เขียวหนึ่งไผ กับสุรานารีแดงอีกไหหนึ่ง พ่อบ้านนิ่งไปราวกับคาดไม่ถึง ดวงตาใต้คิ้วนั้นมองสั่นไหวเล็กน้อยขณะรับสุราทั้งสองไว้ในอ้อมแขน “สุรานี้ หอมหลิ่นไผ่ไม่ต่างจากคำลาของเจ้าเลยนะ เสี่ยวหนาน..ข้าจะมอบสุรานารีแดงให้คุณชายเอง..อย่าห่วงเลย” เขากล่าวเสียงต่ำ ก่อนที่จะพยักหน้าช้า ๆ ในสายตาของเขา..วันนี้เหมือนจะได้ยินว่านางหายไปกับคุณชายชั่วครู่..

          อาจจะไม่มีอะไรเกินเลยมากนัก..แต่คุณชายดูหวนคิดถึงนางอยู่ตลอด เขาไม่ได้เอ่ยถามเหตุผล ไม่ได้กล่าวห้ามปราม ราวกับเข้าใจทุกอย่างได้จากสายตาของหลินหยา

          “เจ้าวางใจได้ ข้าจะบอกว่าเจ้าเดินทางกลับบ้านเกิด ข้าไม่อาจรั้งผู้ใดได้ หากเขาเลือกแล้ว” เขาหลุบตาลงเล็กน้อยแล้วเงยหน้าึ้นอีกครั้ง ดวงตานั้นไม่ได้มีความโกรธเคืองใด ๆ กลับสงบนิ่ง "ขอให้เจ้าดื่มจอกลาในชีวิตใหม่อย่างมีรสชาติ...ดั่งสุราที่เจ้ามอบให้" เขายกไหสุราในมือขึ้นเล็กน้อยประหนึ่งขอบคุณ หลินหยานั้นค้อมตัวอีกครั้งเพื่ออำลาแล้วเดินทางจากออกมา..

          และแล้ว..หนานหลินหยา…หรือเสี่ยวหนาน..ก็..

          ปิดฉากบทบาทในจวนโอวหยางได้อย่างงดงาม…


@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: มอบสุราไผ่เขียวให้พ่อบ้านจวนโอวหยาง (ส่งแล้ว)
มอบสุรานารีแดงให้คุณชายโอวหยาง (ส่งแล้ว)
รางวัล: -

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10966 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-21 01:42
โพสต์ 10,966 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-21 01:42
โพสต์ 10,966 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-21 01:42
โพสต์ 10,966 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-21 01:42
โพสต์ 10,966 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-21 01:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้