ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

[คัดลอกลิงก์]


ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)




♢ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) ♢

เมืองฉางอัน


คู่แท้ย่อมได้เคียงคู่ ชะตาสามภพไม่ทรยศเจ้า

有情人终成眷属,缘定三生不负卿


สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงด้วยมนตราแห่งโชคชะตาและสายใยแห่งรัก ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น ณ ปลายเส้นทางถนนสิบลี้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นทิศแห่งความรักและเสน่ห์ สิ่งแรกที่ปรากฏต่อสายตาก็คือศาลเจ้าหลังงามหลังนี้ที่เปล่งรัศมีแห่งความสงบและศรัทธา ยามอรุณเบิกฟ้าแสงแดดแรกของวันจะตกต้องบนกระเบื้องมุงหลังคาสีครามสลับหยก เสียงไม้ไผ่ไหวในสายลมเช้ากลมกลืนกับกลิ่นหอมของดอกเหมยที่เบ่งบานรายรอบศาลาจนรู้สึกราวกับว่าโชคชะตาในวันนี้คงอ่อนโยนเป็นพิเศษ

ศาลเจ้าหลังนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมฮั่นแท้ ๆ ผนังอิฐและฐานหินสีเทาสลักลวดลายมงคลรองรับเสาไม้แดงสดทรงแกร่งยิ่งดั่งเป็นเสาแห่งบุญญาธิการของผู้เฒ่าเยว่เหล่า หน้าจั่วประดับตัวอักษรคำว่า "月老" (เยว่เหล่า) สีทองฉลุวิจิตรงดงาม ล้อมรอบด้วยลวดลายมังกรเคร่งขรึมและเมฆอัปสร ตัวอาคารมีหลังคาซ้อนกันสามชั้นบ่งบอกถึงฐานะสูงส่งของเทพเจ้าองค์นี้ที่อยู่เหนือเรื่องรักใคร่ของปุถุชนทั้งปวง

เมื่อก้าวผ่านประตูไม้อันสง่างามเข้าสู่ภายใน หัวใจผู้มาเยือนแทบจะต้องหยุดนิ่งลง ณ เบื้องหน้าคือรูปเคารพของผู้เฒ่าจันทราผู้ถือสมุดแดงและด้ายแดงเส้นยาวที่เชื่อมโยงดวงชะตาของคู่แท้ในใต้หล้า รูปปั้นทำจากหยกขาวบริสุทธิ์ สูงระดับอกมนุษย์ มีรอยยิ้มอ่อนโยนเปี่ยมเมตตา เส้นด้ายสีแดงสานร้อยไปถึงมือของเด็กหนุ่มสาวสองรูปที่คุกเข่าเคียงกันอยู่ด้านล่าง เป็นสัญลักษณ์ถึงการผูกชะตาแห่งรักที่ไม่มีสิ่งใดตัดขาดได้



ภายในศาลเงียบสงบราวอ้อมอกของฟ้าโต๊ะบูชาเรียงอยู่สามแถว ประดับของถวายที่ล้วนเป็นเลขคู่ขนมเปี๊ยะสองชิ้น เหล้าหวานสองจอก ผลท้อสองลูก ทุกสิ่งแสดงถึงความปรารถนาที่จะมี 'ใครอีกคน' อยู่เคียงข้าง เทียนแดงลุกโชนส่งกลิ่นหอมกรุ่นของกำยานผสมกับกลิ่นดอกเหมยแห้งในกระถางบูชาให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นแห่งความปรารถนาอันอ่อนโยน ผู้มาเยือนนิยมเขียนคำขอพรบนแผ่นไม้เล็ก ๆ หรือด้ายแดงที่ผูกไว้กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้านหลังศาล

ณ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราแห่งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าจะพบรักแท้เมื่อใด แต่ทุกคนล้วนจากไปด้วยหัวใจที่อ่อนโยนขึ้น…เพราะเพียงแค่ศรัทธาในรัก ก็ถือเป็นการเริ่มต้นสายใยหนึ่งเส้นที่อาจผูกโยงถึงกันอย่างเงียบงัน






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9302 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-17 20:45
โพสต์ 2025-7-17 22:23:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-17 22:29


วันที่ 16 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซวี เวลา 19.00 - 21.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา เย่วเหล่า


ใต้แสงทองอ่อนของยามสนธยาสายลมฤดูร้อนพัดผ่านยอดไผ่ที่เอนไหวเบา ๆ ดอกเหมยที่โรยกลีบตามฤดูกาลปลิดปลิวราวภาพฝัน หลินหยาก้าวเท้าขึ้นบันไดหินทีละขั้นด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความลังเล เงาร่างของนางทอดทาบลงกับพื้นหินเย็นเฉียบยาวเหยียดไปจนเกือบถึงเสาหลักของศาลเจ้า เสียงรองเท้าปะทะกับหินแผ่วเบาดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับหัวใจของหญิงสาวที่เต้นไม่เป็นระส่ำเป็นสื่อกลาง เมื่อมาถึงเบื้องหน้าโต๊ะบูชา หลินหยาชะงักดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนทอดมองผลท้อสองลูก ขนมเปี๊ยะที่วางเรียงกันอย่างประณีตและจอกเหล้าหวานที่ไอน้ำบาง ๆ ลอยอยู่เหนือปากจอก เธอก้มศีรษะช้า ๆ คุกเข่าลงอย่างนุ่มนวล เบื้องหน้าคือรูปสลักไม้ของเย่วเหล่า ผู้เฒ่าจันทราผู้ถือด้ายแดงในมือหนึ่งและพัดกลมในอีกมือราวกับกำลังเขียนชะตาชีวิตใครบางคนอยู่ตลอดเวลา


“หากท่านมีอยู่จริง...ขอได้โปรดฟังคำข้าด้วยเถิด” เสียงของหลินหยาแผ่วเบาดวงหน้าโน้มต่ำจนปอยผมปลิวทาบพานของถวายโดยไม่รู้ตัว เธอพึมพำด้วยหัวใจที่ไม่อาจวางตรงกลางระหว่างรักและเกลียด “ข้าไม่รู้...ว่าใจข้าอยากเจอเขาหรือไม่ แต่หากในโลกใบนี้ยังมีเส้นด้ายใดที่เชื่อมโยงกันไว้ ข้าขอให้ท่านช่วยข้าไขว่คว้ามันให้พบและหากต้องเจ็บ...ก็ขอให้เจ็บอย่างมีค่ามิใช่สูญเปล่าอย่างไร้ความหมาย...”


หลินหยายกมือจุดธูปสามดอกแล้วปักลงกระถาง กลิ่นหอมของกำยานผสมกับกลิ่นดอกเหมยแห้งคลุ้งขึ้นพร้อมควันบางที่วนรอบปลายเส้นผมของนางราวอ้อมแขนล่องหนที่โอบอุ้มไว้เงียบ ๆ แสงเทียนแดงส่องใบหน้าของนางให้เห็นถึงความอ่อนล้าและความหวังซ่อนอยู่ในแววตาเธอหลับตาเพียงครู่ ก่อนเอ่ยต่ออย่างเงียบงัน “องค์เทพเย่วเหล่า...หากเขายังจะมาที่ศาลาแห่งนั้น หากเขาคือ ‘คน ๆ เดิม’ ที่ข้าเคยไม่เข้าใจ...ขอให้ข้ามีพลังเผชิญหน้าเขาอย่างไม่หวั่นไหว และถ้าความผูกพันที่คลี่คลายไม่ได้นี้คือสิ่งที่ฟ้าลิขิตที่ท่านมอบให้...ก็ขอให้ข้าไม่หนีมันอีก”


หลินหยาหลับตาลงครู่หนึ่งยามซวีเริ่มคลี่คลุมโลกด้วยม่านสีทองอมน้ำเงิน แสงสุดท้ายของวันลอดผ่านชายคาศาลเจ้าเย่วเหล่าประดับลงบนบ่าของนางอย่างเงียบงัน เมื่อหลินหยาเอ่ยถ้อยคำนั้นน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกลั่นจากภายในจิตใจ เสียงหวานของหญิงสาวไม่ดังนักหากแต่นุ่มลึกและมั่นคงราวกับถ่ายทอดจากหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาแท้จริง


“ข้า… หนาน หลินหยา” เสียงเอ่ยนามตัวเองดังกังวานขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ขอถวายศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจแห่ง องค์เทพเย่วเหล่า เทพแห่งการแต่งงานและพรหมลิขิต จากใจจริง…”


เมื่อพูดจบนางประคองจานไม้กลึงเรียบขัดมันซึ่งบรรจุ ‘เป็ดปักกิ่งสิบคำ’ เนื้อเป็ดมันแววเยิ้มกลิ่นหอมยั่วลิ้น ผิวกรอบถูกหั่นอย่างประณีตบางเท่าเหรียญอู่จูเรียงเป็นวงกลมราวกลีบบุปผาที่เบ่งบานต่อหน้าพระพักตร์ขององค์เทพ ก่อนจะวางลงช้า ๆ เคียงข้างจอกสุรานารีแดงหนึ่งไหซึ่งบรรจุสุราเข้มกลิ่นที่มีกลิ่นดอกไม้หมักผ่านข้าวเหนียวอ่อนและกลีบเหมย ลูกท้อสองผลที่หลินหยาเตรียมไว้ ถูกเธอประคองเบา ๆ ด้วยมือเปล่ามันวาวสดใสราวสีเลือดแห่งโชคชะตา หญิงสาวประคองมันขึ้นจนเท่าระดับคางแล้วค่อย ๆ วางลงหน้าโต๊ะบูชาอย่างนอบน้อมสายตาเธออ่อนโยนและแน่วแน่ในเวลาเดียวกัน


"ข้าขอน้อมถวายเครื่องเซ่นบูชานี้ด้วยใจภักดิ์แท้จริงแก่ท่านเชิญองค์เทพสำราญจากอาหารอันอ่อนน้อมนี้เถิด หากคำอธิษฐานของข้าจะสามารถเดินทางไปถึงท่านได้… ก็ขอให้ท่านโปรดเมตตานำทาง"


กลิ่นหอมของสุราและกลิ่นเนื้อกรุ่น ๆ จากจานเป็ดลอยประสานไปกับกลิ่นกำยาน เสียงไม้ไผ่กระทบกันไหวริ้วในยามลมโชยให้เกิดจังหวะลี้ลับบางอย่าง หลินหยาหลับตาลงอีกครั้ง เอ่ยเบา ๆ ด้วยเสียงที่แทบกลืนไปกับลมหายใจ


"ข้าไม่ได้ขอความรักที่หวานล้ำ ไม่ได้ขอพรหมลิขิตที่สมบูรณ์... ข้าเพียงอยากมีพลังเผชิญหน้าเงาที่ตามหลอกหลอน หากมันคือเส้นด้ายที่ท่านผูกไว้เอง ข้าก็ขอเพียงให้รู้ว่ามันคือของข้าแน่แท้ มิใช่เพียงเงาจากฝันในคืนคลุมเครือ..." จากนั้นหญิงสาวก็ยกมือขึ้นประนมอย่างแน่นิ่ง ชั่วอึดใจเงียบสงบ ศาลาทั้งหลังมีเพียงแสงเทียนไหวระริกท่ามกลางสายลมบางเสียงโลกภายนอกพลันเงียบงันราวกับเทพองค์นั้นกำลังรับฟังคำอธิษฐานอย่างสงบเสงี่ยม หลินหยาไม่ได้ลืมตาทันที นางเพียงปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปช้า ๆ ก่อนจะคลายมือลงทีละน้อย ถอนหายใจเงียบแล้วหันมองศาลาเป็นครั้งสุดท้าย


...บางทีโชคชะตาที่สั่นไหวในอก อาจเริ่มขยับเคลื่อนไปทีละน้อยแล้วก็เป็นได้




@Admin 



พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เมื่อเนื้อเรื่องของคุณมันควรเจอองค์เทพคนนี้จริง ๆ 5555+


เผาค่าความโหด

“ข้า หนาน หลินหยา ขอถวายศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจแก่เหล่าเทพ องค์เทพเยว่เหล่า เทพแห่งการแต่งงานและพรหมลิขิต”

จำนวนค่าความโหดที่มอบให้: 1000

(ทุก ๆ 1000 ความโหด = +50 ความโปรดปรานจากเทพ)


รางวัล: 

สักการะบูชาและถวายอาหาร แด่ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

สักการะด้วย ลูกท้อ 2 ผล


หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

เผาค่าความโหดในการเคารพบูชาเทพเจ้า ความโปรดปราน +50 แต้ม

ถวายคอมโบ เป็ดปักกิ่ง อาหารเกรดแดง + สุรานารีแดง สุราเกรดแดง โบนัสเพิ่ม +20 แต้ม (ส่งแล้วจ้า)

อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม



อัพระดับพรสวรรค์

จาก คนดวงแข็ง (ม่วง)(+15) ไปเป็น ดาวนำโชค (ทอง)(+20) 

เงื่อนไขพัฒนาคลาส
- Level 50 เป็นต้นไป
- สเตตัส LUK 50 ขึ้นไป
- ผ่านเควสอย่างน้อย 1 เควส
- อัปเกรด คนดวงแข็ง ถึงระดับสูงสุด 20 (ใช้หินอัปเกรด)
- เคยเผาผลาญค่าคุณธรรม และ ความโหด อย่างน้อย 1 ครั้ง
(ส่งไปแล้วน่า)



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 155 โพสต์ 2025-7-18 01:38
คุณได้รับ --1000 ความโหด โพสต์ 2025-7-18 01:37
โพสต์ 29707 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-17 22:23
โพสต์ 29,707 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +5 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-17 22:23
โพสต์ 29,707 ไบต์และได้รับ +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-17 22:23
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-23 17:37


วันที่ 21 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซวี เวลา 19.00 - 21.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)


ยามซวีลมยามค่ำต้นฤดูร้อนพัดโชยกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้แผ่วผ่านตามทางเดินหินเรียบยาวที่ทอดเข้าสู่ถนนสิบลี้ฝั่งใต้ เส้นทางซึ่งนำไปสู่ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราอันศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้ แสงตะวันที่เคยร้อนจ้าก็อ่อนแสงลงจนทาบเงาสีอำพันทอดยาวบนพื้น หลินหยาก้าวย่างผ่านพุ่มต้นเหมยริมทางด้วยฝีเท้าเนิบช้า แต่หัวใจกลับเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ เธอหยุดยืนหน้าศาลาแห่งด้ายแดงแหงนมองหลังคาซ้อนสามชั้นที่ประดับมังกรทองเงียบงันใต้แสงตะเกียงแขวน เสาไม้แดงเข้มดูมั่นคงดั่งเจตจำนงแห่งสวรรค์ ผนังหินแกะลายคล้ายระลึกเตือนใจให้มนุษย์น้อมยอมต่อโชคชะตาที่ขีดไว้


"ข้ามาอีกแล้วเจ้าค่ะ..." หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ ราวกระซิบให้ลมพัดคำไปถึงองค์เทพผู้เฝ้าด้ายแดงแห่งโลกมนุษย์


นางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวเข้าสู่ภายในศาลา...เบื้องหน้าคือรูปเคารพแห่งองค์เยว่เหล่า รูปสลักหยกขาวผู้เฒ่าผู้มีรอยยิ้มละมุนในแววตา ราวกับรับรู้ทุกความรัก ความสูญเสีย และความปรารถนาอันซับซ้อนของคนทุกคู่ ใต้เท้าของท่านคือเส้นด้ายสีแดงที่พาดข้ามมายังรูปเด็กหนุ่มสาวที่คุกเข่าเคียงกัน สัญลักษณ์แห่งวาสนาอันยากจะตัดขาด


หลินหยาคุกเข่าลงหน้ารูปเคารพมือประคองธูปหอมสามดอกอย่างเงียบงัน ลมหายใจอุ่นรินผ่านริมฝีปากที่ยังมีรอยเจ็บบาง ๆ จากความรุนแรงที่ตนเองไม่ควรยินดีนักเมื่อย้อนคิด ใบหน้าเงยขึ้นเพ่งมององค์เทพ แล้วพูดเบา ๆ ทั้งที่เสียงสั่น "องค์เทพเยว่เหล่า...แม้ท่านไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดต่อข้าโดยตรงเลยสักครา...แต่ข้าก็รู้เจ้าค่ะ ว่าท่านคือผู้ที่เริ่มคลี่ด้ายเส้นนี้ให้ข้า..." เสียงเงียบลงเพียงครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะกลืนน้ำลายและเอ่ยใหม่ "...หวยหนานหวาง หลิวอัน ท่านผูกข้ากับเขาไว้ใช่หรือไม่...ด้วยความรัก ความเมตตา และความอ่อนโยนของเขา ข้าไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหากเป็นเขา ข้าคงจะมีชีวิตที่ปลอดภัย สงบและเป็นสุข...แต่ว่า...ข้า...กลับเดินไปหานรกด้วยสองขาตัวเอง..."


เธอยิ้มเศร้า ๆ หลุบตามองพื้นเหมือนจะตำหนิตนเอง "...ข้าปฏิเสธเขา...ข้าเลือกคนที่มีแต่ความคลุมเครือและอันตราย คนที่ข้าไม่รู้ว่าเขาจะกอดข้าหรือจะฆ่าข้าในวินาทีถัดไป คนที่ทำให้ข้าเจ็บ...แต่ก็ทำให้ข้าสั่นไหว..." เธอหลับตาแน่น ริมฝีปากเม้มสั่น “…ท่านคงไม่เข้าใจใช่ไหมเจ้าคะ...ทำไมข้าถึงยอมแบกรับเส้นทางนี้ไว้เองโดยไม่ขอให้ใครมาช่วยแม้แต่น้อย...”


ลมหอบหนึ่งพัดผ่านศาลาเบา ๆ ธูปในมือหลินหยาสั่นไหวเล็กน้อยนางจึงรีบปักมันลงกระถางอย่างอ่อนแรง เธอหยิบกล่องบรรจุด้ายแดงเส้นบางที่เคยถวายไว้คราวก่อนขึ้นมาจากแขนเสื้อมันคือด้ายที่นางเคยผูกเงียบ ๆ โดยหวังจะฝากวาสนาไว้กับองค์เทพในวันที่หัวใจยังไม่สับสนขนาดนี้ แต่วันนี้นางเพียงวางมันลง...แล้วพึมพำเสียงแผ่วเบา


“...ข้าขออย่าให้ท่านถอนด้ายของข้าไปแม้ข้าจะลังเลแม้ข้าจะไม่แน่ใจ...แต่หากความรักนั้นมีอยู่จริง ขอให้มันเติบโตจากความมืดจากรอยร้าวจากความกลัวเหล่านี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ…” หญิงสาวหลับตาแนบแน่น ดวงหน้าเศร้าและหวานงามดูอ่อนล้ากว่าทุกครั้งก่อนหน้านี้ บางทีนางอาจเพียงต้องการที่ให้พักใจ...แม้จะรู้ว่าคำอธิษฐานอาจไม่มีวันเป็นจริง


แต่...เสียงหนึ่งกลับดังแว่วมาจากเบื้องหลังเบา ๆ ช้า ๆ ‘ความรัก...อาจไม่ใช่การเลือกเส้นทางที่ง่ายกว่า’ เธอชะงักเงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกเล็กน้อยแต่ไม่กล้าหันกลับไป เสียงนั้นแผ่วราวลม กระทบแผ่นหลังนางอย่างนุ่มนวล คำพูดเปี่ยมความหมายที่ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ


‘บางที การที่เจ้าลำบาก...อาจเพราะเจ้าตั้งใจที่จะรักจริงก็เป็นได้’ เมื่อหลินหาหันกลับไปอีกครั้งลานศาลาก็ว่างเปล่ามีเพียงสายลมยามค่ำที่ปลิวผืนผ้าแขวนกระดิ่งดังแผ่วเบาราวเสียงหัวใจที่ไม่อาจบอกใคร


ภายในศาลาผู้เฒ่าจันทรา แสงตะเกียงน้ำมันส่องวูบไหวบนพื้นศิลาเย็นเยียบ เงารูปเคารพหยกขาวขององค์เทพเยว่เหล่าทอดทับพื้นผนังงดงามดั่งเงาของกาลเวลา เส้นด้ายแดงที่พันนิ้วรูปสลักยังคงไหวเบา ๆ ตามลมหอบหนึ่งที่โอบรัดบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์รอบตัวหลินหยาผู้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยดวงใจแน่นเต็ม นางระบายยิ้มบางเมื่อคราวได้ยินแล้วยิ้มที่อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ยิ้มที่สื่อความเข้าใจแต่ไม่จำนน


“องค์เทพเจ้าคะ...ข้าซาบซึ้งในทุกสิ่งที่ท่านเมตตามอบให้ ในวาสนาที่ท่านชักพาให้หวยหนานหวางหลิวอันได้มาเจอข้า เขา...ผู้ยิ่งใหญ่และอ่อนโยนยิ่งนัก หากข้าจะมีวาสนาใดร่วมกับเขา นับเป็นวาสนาอันสูงส่งจนข้าไม่อาจตอบแทนได้เลย...” น้ำเสียงของนางไม่สั่นไม่ลังเลอีกต่อไป แต่มันเต็มไปด้วยความแน่วแน่ที่นุ่มนวล


“แต่ข้ากลับไม่อาจทอดทิ้งผู้หนึ่ง ผู้ที่แม้ชะตาไม่ผูกไว้ แม้โลกจะทอดทิ้ง แม้ด้ายของเขาจะมิใช่สีแดงดั่งผูกจากท่าน อาจจะเป็นด้ายดำคล้ำ หรือด้ายขาด ๆ ที่ใคร ๆ ก็ไม่สนใจ...ข้า...ก็ยังอยากจะต่อด้ายนั้นด้วยมือของข้าเอง ทอใหม่ ผูกใหม่ แม้มันจะทิ่มแทงมือ ข้าก็จะถักต่อมันไปจนสุดปลาย...หากท่านเมตตาข้าได้โปรดเมตตาเส้นทางของข้าและชายผู้ซึ่งไม่เคยได้รับความรักและความอบอุ่นด้วยเถิดเจ้าค่ะ”


คำพูดเปี่ยมเจตจำนงสะท้อนก้องในห้องศักดิ์สิทธิ์ เงาร่างบางก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม ก่อนจะค่อย ๆ หยิบห่อผ้าที่วางข้างตัวขึ้นมา เธอคลี่มันออกอย่างประณีต เผยให้เห็น ล่าจื่อลู่ หม้อเล็กบรรจุเนื้อกวางที่แช่ในน้ำมันพริกแดงเดือดข้างในมีกลิ่นสมุนไพรฉุนหอม เผ็ดร้อนฉ่าราวเปลวเพลิงที่แฝงไว้ด้วยความดื้อรั้น ข้าง ๆ กันนั้น นางหยิบ สุราซีเฟิ่ง สุราที่หอมละมุนแต่แฝงกลิ่นหวานชวนให้นึกถึงรักแรกแผ่วพลิ้วขึ้นมา เธอจัดวางลงบนถาดหินเคลือบเขียวอย่างละเมียดละไม จากนั้นตามด้วย ลูกท้อสดสองผล วางลงข้างกัน ผลไม้แห่งชีวิตและความหวังที่เปี่ยมความหมายในทุกยุคสมัย


ข้าถวายสิ่งเหล่านี้แด่ท่าน...เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อตรง ความไม่ยอมแพ้ และการเดินไปข้างหน้า แม้จะไม่มีแสงใดนำทางข้า” เธอกล่าวเสียงมั่น “ล่าจื่อลู่...ให้รสชาติเผ็ดร้อนเหมือนหัวใจที่ยังเต้นอยู่แม้ถูกแผดเผา สุราซีเฟิ่งนี้...แม้หวานหอมแต่มีฤทธิ์แรง ก็ไม่ต่างจากความรักที่ดูงดงามแต่แฝงความปวดร้าวไว้ภายใน...ลูกท้อสองผลนี้ ข้าให้แทนคำสัญญาข้าจะไม่ทอดทิ้งผู้ใดที่ชะตาทอดทิ้ง”


เมื่อกล่าวจบหลินหยาจุดธูปสามดอก วางในกระถางบูชาหน้ารูปเคารพ กลิ่นธูปลอยสูงขึ้น ผสมกับกลิ่นหอมของสุรากลั่นและกลิ่นน้ำมันพริกร้อนฉ่าจากหม้อล่าจื่อลู่ บรรยากาศรอบตัวเหมือนจะเปลี่ยนไปเพียงน้อยนิด...ลมอ่อนหนึ่งพลันโชยผ่านกระทบชายเสื้อของนางเบา ๆ กระดิ่งตรงชายหลังคาดังคล้ายเสียงตอบรับที่แผ่วแต่อบอุ่น




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เห่อออออออ เควสรอบก่อนท่านแกล้งข้าาาา


เผาค่าความโหด

“ข้า หนาน หลินหยา ขอถวายศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจแก่เหล่าเทพ องค์เทพเยว่เหล่า เทพแห่งการแต่งงานและพรหมลิขิต”

จำนวนค่าความโหดที่มอบให้: 3000

(ทุก ๆ 1000 ความโหด = +50 ความโปรดปรานจากเทพ)


รางวัล: 

สักการะบูชาและถวายอาหาร แด่ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

สักการะด้วย ลูกท้อ 2 ผล


หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

เผาค่าความโหดในการเคารพบูชาเทพเจ้า ความโปรดปราน +150 แต้ม

ถวายคอมโบ ล่าจื่อลู่ อาหารเกรดแดง + สุราซีเฟิ่ง สุราเกรดแดง โบนัสเพิ่ม +20 แต้ม

อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

หัวใจเยว่เหล่าตัน 4 ดวงแล้ว  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
คุณได้รับ --3000 ความโหด โพสต์ 6 วันที่แล้ว
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 215 โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 38877 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 38,877 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 22 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ "ด้ายแดงแห่งรอยร้าว"


เสียงลมหอบเบา ๆ จากยอดเขาหัวซานยังคงแว่วในหูเมื่อหลินหยาก้าวเข้าสู่ลานศาลาอีกครั้งในยามรุ่งอรุณ แสงแรกของอรุณวันใหม่สาดทาบลงบนหลังคากระเบื้องเคลือบที่แต่งแต้มด้วยหยาดน้ำค้างขาวโพลน ดอกเหมยสีจางร่วงหล่นอยู่ตรงเชิงบันไดราวกับปูทางให้ผู้มากราบไหว้ หญิงสาวก้มศีรษะเล็กน้อยอย่างนอบน้อม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แต่แล้ว… ลมสายหนึ่งพัดผ่าน ปลิดกลีบเหมยให้ปลิวกระจาย และในห้วงพริบตานั้น เงาร่างสีขาวบริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้นกลางลานศาลา ชุดคลุมยาวปักลวดลายเมฆาโบราณปลิวไหวตามแรงลม สะท้อนแสงอ่อนของรุ่งอรุณดั่งต้องมนต์ ร่างนั้นสูงสง่า ผิวขาวดั่งหยกดำ ผมดำขลับมัดหลวมด้วยสายไหมแดงอ่อน เพียงเห็นด้านข้าง หลินหยาก็เบิกตากว้าง หัวใจเต้นสะท้าน


"เจ้าตัดสินใจแล้วสินะ...หลินหยา" เสียงนั้นราบเรียบ เย็นและหนักแน่นดั่งคลื่นกระทบผา แต่กลับไม่โกรธเกรี้ยว หากแฝงความเวทนาอยู่ในถ้อยคำ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นใจเต้นแรง เงยหน้าสบกับเงาร่างที่แม้มองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน แต่ทุกเส้นสายกลับช่างคุ้นเคยดั่งฝันซ้ำซ้อน "ท่าน..."


"เส้นทางที่เจ้าเลือก...เต็มไปด้วยขวากหนาม" เขาว่า พลางหันแผ่วเบาไปยังต้นเหมยต้นหนึ่งที่กำลังโรยกลีบ ดวงตาในเงามืดของชายชุดขาวไม่อาจมองเห็นได้ชัด แต่คล้ายสั่นไหวจากแรงอารมณ์บางอย่าง "จางกงกงผู้นั้น...มิอาจมีรักเยี่ยงปุถุชน"


หลินหยารู้สึกราวกับหัวใจถูกหยุดไว้กลางลมหายใจหนึ่ง จู่ ๆ ความอบอุ่นในอกก็ราวกับถูกดึงออก เธอขบกรามแน่นเล็กน้อยสูดลมหายใจลึก แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น "ข้าย่อมรู้...เขามิใช่บุรุษที่โลกอนุญาตให้รักผู้ใดหรือให้ผู้ใดรักได้โดยง่าย...แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังเลือกเขาอยู่ดี" เสียงของนางสั่นนิด ๆ แต่เต็มไปด้วยแรงศรัทธา "หากรักนั้นต้องแลกด้วยการเดินทางท่ามกลางหนามข้าก็จะเดิน ไม่ว่ามันจะจบลงด้วยแผลเป็น หรือความว่างเปล่า...ข้าจะเดินจนสุดปลายด้ายด้วยตัวของข้าเอง" องค์เทพมิได้ตอบกลับในทันที เพียงปล่อยให้กลีบเหมยร่วงลงผ่านแขนเสื้อสีขาวสะอาดของตน เงาของรอยยิ้มบางระเรื่อบนมุมปากที่แทบมองไม่เห็นชัดผ่านม่านหมอกก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อย


"เช่นนั้น...ก็จงอย่าหลงลืม" เขากล่าวเสียงเบาราวสายลมต้นฤดูใบไม้ผลิ "เส้นด้ายแดง อาจไม่ใช่สิ่งที่ข้าให้ แต่บางครั้ง...การมัดปลายด้ายด้วยน้ำตาและหัวใจของตนเองนั้น แข็งแกร่งกว่าการผูกจากเทพเจ้าหลายร้อยองค์นัก" องค์เทพเยว่เหล่าทอดพระเนตรลงยังแท่นบูชาด้ายแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ด้ายเส้นนั้นร้อยโยงเชื่อมราวกับยังคงมีชีวิต มีประกายแสงเลือนรางซ่อนอยู่ในเส้นใยที่พันเกี่ยวราวกับกำลังสะท้อนความปรารถนาอันลึกซึ้งของใครบางคน


หลินหยายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มือทั้งสองประสานอยู่หน้าตัก ดวงตาคู่นั้นจ้องมององค์เทพอย่างตั้งใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเกินไป เพราะรู้ดีว่าเวลานี้คือช่วงสำคัญช่วงที่หัวใจของนางกำลังถูกชั่งด้วยคำตัดสินของสวรรค์ องค์เทพหันพระพักตร์มาทางนางอีกครั้ง เสียงของเขานุ่มลึกแต่ชัดเจน ราวกับสายลมพัดผ่านจิตใจ “แต่…ข้าจะให้โอกาสเจ้า…” น้ำเสียงของเยว่เหล่าช่างนุ่มนวลในยามเช่นนี้ เป็นเพียงเสียงเรียบง่ายที่แฝงด้วยแรงศรัทธา “โอกาสที่จะพิสูจน์ว่า ความรัก…สามารถเติบโตได้แม้ในดินแดนที่แห้งแล้งที่สุด”


เขายกมือขึ้น ด้ายแดงเส้นหนึ่งที่พันอยู่บนแท่นบูชาก็พลันสั่นสะเทือน มีเศษแสงบางเบาสามประกายแยกตัวออกจากกัน ล่องลอยกลางอากาศราวกับกลีบดอกไม้ในลมฤดูใบไม้ผลิ ก่อนจะหายลับไปในทิศทั้งสาม “จงตามหา…เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำที่หายไปของด้ายแดงซึ่งถูกขโมยไปจากศาลเจ้าแห่งนี้” เยว่เหล่ากล่าวต่อ ดวงเนตรของเขานั้นดูล้ำลึกราวกับมองเห็นอนาคตและอดีตพร้อมกัน “มันมีทั้งหมดสามชิ้น…แต่ละชิ้นซ่อนอยู่ในสถานที่ที่สะท้อนถึงสามสิ่ง…ความรัก…ความปรารถนา…และความหวัง…” เสียงนั้นยังคงดังก้องในใจหลินหยาแม้เขาจะเงียบลงไปแล้ว


“เมื่อเจ้าหยิบยื่นหัวใจให้แก่ใครสักคนจงระลึกไว้เสมอ…” เทพเยว่เหล่ากล่าวพลางสบตาหญิงสาวโดยตรง “ทุกการกระทำของเจ้า…จะส่งผลต่อโชคชะตาของเจ้าและจางกงกง…อย่าลืมว่าความรักมิใช่เพียงการรู้สึก แต่เป็นการกระทำ…คือทางที่เลือกเดิน แม้มันจะนำพาเจ้าสู่ความเจ็บปวดก็ตาม” เงาแสงรอบกายขององค์เทพเริ่มจางลง เหมือนละลายหายไปกับแสงรุ่งอรุณ เหลือเพียงกลิ่นบุปผาและกลิ่นไหมหอมอ่อน ๆ ล่องอยู่ในอากาศ พร้อมกับเสียงกระซิบเงียบงันสุดท้าย…


“จงใช้หัวใจของเจ้านำทาง…ไม่ใช่เพียงเพื่อเขา แต่เพื่อเจ้าด้วย…เด็กน้อย”


และแล้วความเงียบสงบก็ปกคลุมอีกครั้ง เหลือเพียงหญิงสาวร่างบางผู้ยืนอยู่เบื้องแท่นศักดิ์สิทธิ์ สายตาแน่วแน่ของเธอมิได้สั่นไหว หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกจากอก…แต่เธอรู้แล้วว่าต้องทำสิ่งใดต่อไป ‘ความรัก…ไม่ใช่สิ่งที่รอคอยจากสวรรค์…แต่มอบด้วยมือของเราเอง’ หลินหยาก้มศีรษะลงอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่วแน่…การเดินทางครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: รับภารกิจ "ด้ายแดงแห่งรอยร้าว" จากองค์เทพเยว่เหล่า

รางวัล: ได้รับ "คำแนะนำจากเยว่เหล่า" (ไอเท็มประกอบฉาก: สามารถใช้เพื่อขอคำแนะนำจากเยว่เหล่าได้ 1 ครั้ง)


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 22979 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,979 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,979 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,979 ไบต์และได้รับ +12 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,979 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +5 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 5 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 22 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ "ด้ายแดงแห่งรอยร้าว" - จบภารกิจ


สายลมยามเว่ยพัดแผ่วผ่านศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา หอบเอากลิ่นของดอกท้อจากหุบเขาไกลโพ้นลอยคลุ้งมาปะปนกับกลิ่นธูปหอมของศาลาทองคำกลางป่าเขา หลินหยานั่งคุกเข่าเบื้องหน้ารูปปั้นองค์เทพ เยว่เหล่า ใต้เงาไม้ที่โยกไหวราวเฝ้ามอง หล่อนค่อย ๆ หยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมา ในนั้นคือเส้นด้ายแดงสามเส้น เส้นหนึ่งเปล่งแสงอ่อนสีชมพูเรื่อดั่งปรารถนา เส้นหนึ่งส่องประกายสีทองอุ่นคล้ายแสงอรุณแห่งความหวัง และเส้นสุดท้ายบางเบาเหมือนลมหายใจของรักแรกที่ไม่อาจหลงลืม


นิ้วเรียวของหลินหยาค่อย ๆ สัมผัสปลายด้ายอย่างเบามือ แล้วจรดปลายเข้าหากัน ใช้จิตที่สงบนิ่งและความรู้สึกที่บริสุทธิ์เรียงร้อยมันเข้าด้วยกันทีละเส้น ทีละห่วง ราวกับกำลังถักทออดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันอย่างเงียบงัน และเมื่อเส้นด้ายทั้งสามเชื่อมเป็นเส้นเดียว ด้ายแดงนั้นก็เปล่งแสงวาบหนึ่ง ราวกับสิ่งที่ถูกลืมเลือนได้กลับคืนมาแล้ว ความทรงจำของการถูกแตะครั้งแรกในหอว่านหงเหริน เสียงเพลงที่ร้องใต้เงาเวที ความรักที่ไม่เอ่ยปากใต้คมสายตา และความอ่อนโยนของมือที่ลูบศีรษะนางทั้งหมดหลอมรวมเป็นหนึ่งในเส้นด้ายเส้นนี้


เมื่อหลินหยายื่นด้ายแดงขึ้นถวาย รูปปั้นองค์เทพเยว่เหล่าก็สั่นไหวแผ่วหนึ่ง และในชั่วพริบตา แสงสีเงินนวลก็แผ่กระจายเป็นวงกว้างรอบศาลา ก่อนที่ร่างโปร่งใสขององค์เทพจะปรากฏขึ้น องค์เทพเยว่เหล่าสวมอาภรณ์สีเทาเงินยาวจรดพื้น ดวงตาทอแสงอ่อนโยนดั่งตะวันยามเช้า เขายืนมองหลินหยาอยู่ชั่วครู่ ริมฝีปากขยับเอ่ยเสียงนุ่มทว่าแฝงด้วยพลังที่สะท้อนก้องในใจ แต่หลินหยาก็ยังคงไม่เห็นหน้าไม่ชัดอยู่ดี


"เจ้าทำสำเร็จแล้ว...เด็กน้อย" เสียงนั้นดังกังวาน ทว่าไม่กระแทกใจกลับนุ่มลึกจนราวกับกอดแน่นด้วยถ้อยคำ "เจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเจ้า...ความรักที่เจ้าเลือก...แม้จะเต็มไปด้วยความมืดมิด...แต่ก็ยังคงเปล่งประกาย" องค์เทพเยว่เหล่าก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือที่โปร่งใสออกมารับด้ายแดงเส้นนั้นไว้ในฝ่ามือ แสงสว่างสาดกระจายจากเส้นด้ายราวดอกไม้ไฟเงียบงันในยามค่ำคืน เส้นด้ายแดงนั้นถูกดูดกลับเข้าฝ่ามือท่านเทพ ก่อนที่จะปรากฏอีกครั้งราวกับได้รับการชุบชีวิตใหม่ เปล่งประกายดั่งจันทร์ในคืนสิบห้าค่ำ


"ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้า...และบุรุษผู้นั้น..." เยว่เหล่ากล่าวพลางทอดมองไปยังเส้นด้ายที่ลอยวนกลางอากาศ ช้า ๆ มันเริ่มเคลื่อนไหวราวมีกระแสลมหรือแรงดึงดูดบางอย่างกำลังเรียกหา "แต่จงจำไว้...ชะตาชีวิตมิอาจฝืน...หากความรักของเจ้ามิอาจเอาชนะอุปสรรค...ด้ายแดงเส้นนี้...ก็จะขาดสะบั้นลง..."


ถ้อยคำขององค์เทพเยว่เหล่าดังชัดราวสายฟ้าในใจหลินหยา นางเงยหน้าขึ้นหมายจะสบตาท่านเทพ ไม่มีคำใดในโลกที่นางต้องการตอบนอกจากความเงียบที่แฝงด้วยการยอมรับเพราะนางรู้…ความรักไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่ยั้งยืนด้วยคำขอเพียงลำพัง มันต้องถูกพิสูจน์ด้วยหัวใจ ด้วยการยืนหยัดเคียงข้างกัน และเหนือสิ่งอื่นใด…ด้วยการให้อภัย


ด้ายแดงค่อย ๆ ลอยเข้าใกล้นาง ก่อนจะวนพันรอบข้อมือหลินหยาเพียงครึ่งรอบ…แล้วขาดผึง มีเพียงสายเส้นเล็ก ๆ ที่ยังคงอยู่แต่ทันทีที่มันเป็นเช่นนั้นอีกปลายเส้นหนึ่งกลับพุ่งหายไปในอากาศ ดั่งกำลังไล่ตามบางสิ่ง…หรือใครบางคนหลินหยาหลับตาลง เงี่ยหูฟังเสียงสายลม และรู้โดยไม่ต้องเห็น ว่าปลายอีกฝั่ง…ยังคงรออยู่ที่ใครบางคน




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: จบสักทีค้าบบบ สาธุ


รางวัล: ปลดล็อกหัวใจผู้เฒ่าจันทรา 4 ดวง (สหาย )

 ได้รับ "ด้ายแดงแห่งโชคชะตา" (ไอเท็มหลัก: สามารถใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการสำเร็จความสัมพันธ์กับจางกงกง)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19732 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,732 ไบต์และได้รับ +10 EXP +2 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,732 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,732 ไบต์และได้รับ +8 EXP +8 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 19,732 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวานซืน 09:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-27 09:40


วันที่ 26 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ “กลีบเหมยใต้เงาจันทร์”


ยามอู่แสงแดดกลางวันที่ทอผ่านกิ่งไม้ไผ่ส่องกระทบหลังคากระเบื้องสีแดงของศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา แสงนั้นสะท้อนประกายหยกอ่อน ๆ ราวกับกำลังอวยพรแก่ผู้มาเยือน กลิ่นหอมหวานของดอกเหมยที่บานสะพรั่งคลุ้งอยู่ทั่วพื้นที่ เสียงไม้ไผ่เสียดสีกันแผ่ว ๆ คล้ายดนตรีจากฟากฟ้า ประตูไม้สง่างามเปิดรับสายลมที่พัดพากลิ่นกำยานเข้ามา ปลุกหัวใจของผู้มาเยือนให้เต้นช้าลงอย่างสงบ ฉู่ ซ่วนจื่อเดินนำหลินหยาเข้ามาภายในศาล เงาสะท้อนของเทียนแดงที่ลุกไหวบนแท่นบูชาส่องวูบวาบราวกับกำลังชี้นำโชคชะตา รูปเคารพผู้เฒ่าจันทราในร่างหยกขาวสูงเด่น สายตาเปี่ยมเมตตาของรูปเคารพนั้นทอดมองมาราวกับอ่านทะลุหัวใจคนทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ด้ายแดงเส้นยาวในมือท่านทอดไปยังรูปคู่หนุ่มสาวที่คุกเข่าเคียงกันใต้แท่น เป็นภาพที่ทำให้ผู้คนอดยิ้มไม่ได้


ฉู่ ซ่วนจื่อหยุดยืนต่อหน้าแท่นบูชา มือเรียวของนางหยิบธูปสามดอกจากกระถาง ยกขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะหลับตาอธิษฐานอย่างสงบนิ่ง "แม้ความรักจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด...แต่ก็เป็นสิ่งที่สวยงามและควรค่าแก่การแสวงหา" น้ำเสียงนางอ่อนโยนแต่มั่นคง เมื่อพูดจบจึงจุดธูปและปักลงในกระถางที่มีกลิ่นกำยานหอมละมุนฟุ้งไปทั่ว จากนั้นนางหันมามองหลินหยา ยื่นธูปให้ 


"เจ้าก็อธิษฐานเถิด เด็กน้อยของข้า" 


หลินหยายิ้มบาง รับธูปมาจุดไฟ ลมหายใจของเธอสั่นเล็กน้อยขณะยกธูปขึ้น หลับตาและภาวนาเงียบ ๆ ในใจว่า "ขอให้ความรักที่ข้ามี...แม้จะเจ็บปวดเพียงใด ก็จงไม่ทำลายตัวตนของข้า และขอให้คนที่ข้ารัก...แม้จะเป็นปีศาจ ก็จงมีวันที่เขาอ่อนโยนกับข้าอย่างแท้จริง" เธอปักธูปลงด้วยมือที่มั่นคงขึ้นเล็กน้อย


ฉู่ ซ่วนจื่อหยิบด้ายแดงเส้นหนึ่งจากแท่นเล็กด้านข้าง นางยื่นให้หลินหยาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนละมุน "การผูกด้ายแดงที่นี่มีความหมาย หากผูกอย่างไร้ศรัทธา ด้ายจะหลุดสลาย แต่หากผูกด้วยหัวใจ ด้ายนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของสายสัมพันธ์ที่ไม่มีสิ่งใดตัดขาดได้" นางสาธิตอย่างแผ่วเบา นำด้ายแดงพันรอบกิ่งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลังศาล แล้วผูกเป็นปมสองชั้น "ชั้นแรกคือสัญญาว่าจะซื่อตรงต่อหัวใจของตนเอง ชั้นที่สองคือคำมั่นว่าจะปกป้องคนที่เรารัก แม้เขาจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม"


หลินหยายก้มมองด้ายในมือ ดวงตาแฝงความลังเล แต่สุดท้ายก็ยิ้มหวาน ยื่นมือไปผูกตามที่พี่ฉู่สอน ผูกปมแรกด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรัก ผูกปมที่สองด้วยความเข้มแข็งที่นางพยายามสร้างขึ้นใหม่ เมื่อเส้นด้ายถูกผูกแน่น แสงแดดก็ลอดผ่านใบไม้ตกกระทบเส้นแดงนั้นระยิบระยับ ฉู่ ซ่วนจื่อยืนมองพร้อมรอยยิ้มสงบ "เจ้าทำได้ดีมาก หลินหยา"


หลินหันกลับมา แววตาเธอเปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบคุณและเห็นอกเห็นใจ "พี่ฉู่…ท่านช่วยข้าไว้มากเหลือเกินเจ้าค่ะ หากวันหนึ่งพี่ฉู่ต้องการสิ่งใด ขอให้บอกข้าได้เสมอ ข้าจะอยู่ข้าง ๆ พี่ฉู่เหมือนที่พี่ฉู่อยู่ข้าง ๆ ข้า"


ฉู่ ซ่วนจื่อหัวเราะเบา ๆ สายตาอ่อนโยนดุจสายลมพัดผ่าน "ข้ามีเจ้าอยู่ตรงนี้...ก็นับว่าข้าได้รับสิ่งล้ำค่าแล้ว" สายลมยามอู่พัดกระดิ่งรอบศาลส่งเสียงกังวาน สายด้ายแดงนับร้อยที่ถูกผูกไว้พลิ้วไหวดั่งสายน้ำแห่งโชคชะตา สร้างภาพที่งดงามและศักดิ์สิทธิ์ในหัวใจของทั้งสอง


หลินหยาเดินไปยังแท่นบูชาด้านหน้ารูปปั้นผู้เฒ่าจันทรา ดวงตาหวานทอดมองรอยยิ้มอ่อนโยนขององค์เทพที่ถือสมุดแดงและด้ายแดงในมือ เส้นด้ายนั้นเหมือนจะส่องแสงเบาบางเมื่อแสงเทียนสะท้อน นางคุกเข่าลงช้า ๆ ดึงของถวายจากกระเป๋าผ้าออกมาอย่างระมัดระวังลูกท้อสองผลวางคู่กันอย่างเรียบร้อย พร้อมกับล่าจื่อลู่เผ็ดร้อนในถ้วยเล็กและสุราซีเฟิ่งที่เธอเทลงจอกคู่เล็ก ๆ ของศาลอย่างเคารพ เมื่อจัดทุกอย่างเสร็จ หลินหยาประนมมือ หลับตาอธิษฐานเงียบ ๆ เสียงหัวใจของนางประสานไปกับเสียงกระดิ่งที่ลอยมากับสายลม ทุกถ้อยคำในใจนางถูกฝากไว้กับองค์เทพเพื่อส่งไปยังโชคชะตา


ฉู่ ซ่วนจื่อที่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังมองภาพนั้นด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนมองน้องสาว นางเอ่ยเสียงนุ่ม "เจ้ามาที่นี่บ่อยหรือ หลินหยา?"


หญิงสาวหันมายิ้มบาง "ก็ไม่ค่อยบ่อยเจ้าค่ะ แต่เวลาที่จิตใจข้า...สับสนหรืออ่อนแอ ข้ามักจะมาสักการะที่นี่เสมอน่ะเจ้าค่ะ" น้ำเสียงเธอมีความจริงใจและอบอุ่น รอยยิ้มของเธอเหมือนกลีบเหมยที่เบ่งบานในยามหนาว หลังจากหลินหยาโค้งศีรษะให้รูปปั้นองค์เทพเสร็จ นางจึงลุกขึ้นยืน ฉู่ ซ่วนจื่อก้าวมาข้าง ๆ และมองขึ้นไปยังองค์เทพด้วยเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงลึกสงบ "ความรัก...เป็นดั่งสายลม บางครั้งก็อ่อนโยนราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ บางครั้งก็พัดกระหน่ำราวพายุฤดูหนาว แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้โลกนี้งดงามเสมอ"


คำพูดนั้นกระทบหัวใจหลินหยาจนเธอยืนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายยิ้มหวาน ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง "ข้าจะลองเปิดใจอีกครั้งเจ้าค่ะ ข้าจะเชื่อว่าสักวัน...ข้าจะมีความสุข"


ฉู่ ซ่วนจื่อหันมาสบตานาง ยิ้มบางอย่างพอใจ "เจ้าพูดได้ดีนัก หลินหยา" 


ทั้งสองจึงก้าวออกจากศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราพร้อมกัน แสงแดดกลางวันสาดทอผ่านใบไม้ลงมาเป็นลายทองบนพื้นทางเดิน ด้ายแดงที่ผูกอยู่กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไหวตามสายลม ราวกับส่งพรให้ทั้งคู่ในเส้นทางที่กำลังก้าวต่อไป




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาเลยพี่ ผมนี้มันลูกรักเทพความรักจริง ๆ 


เผาค่าความโหด

“ข้า หนาน หลินหยา ขอถวายศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจแก่เหล่าเทพ องค์เทพเยว่เหล่า เทพแห่งการแต่งงานและพรหมลิขิต”

จำนวนค่าความโหดที่มอบให้: 2000

(ทุก ๆ 1000 ความโหด = +50 ความโปรดปรานจากเทพ)


รางวัล: 

(ไอเท็มประกอบฉาก) ด้ายแดงแห่งโชคชะตา (เพิ่มโอกาสในการพบเจอความรัก)

(ผมมีไอเท็มจริง ๆ ล่ะครับขอบคุณคับ)


สักการะบูชาและถวายอาหาร แด่ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

สักการะด้วย ลูกท้อ 2 ผล


หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

เผาค่าความโหดในการเคารพบูชาเทพเจ้า ความโปรดปราน +100 แต้ม

ถวายคอมโบ ล่าจื่อลู่ อาหารเกรดแดง + สุราซีเฟิ่ง สุราเกรดแดง โบนัสเพิ่ม +20 แต้ม

อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ --2000 ความโหด โพสต์ เมื่อวานซืน 20:27
หัวใจเยว่เหล่าตัน6ดวงแล้ว  โพสต์ เมื่อวานซืน 20:27
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 155 โพสต์ เมื่อวานซืน 20:27
โพสต์ 35549 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ เมื่อวานซืน 09:34
โพสต์ 35,549 ไบต์และได้รับ +14 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +18 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ เมื่อวานซืน 09:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 06:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 28 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 10.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ “ผูกด้ายแดงผิดคู่” ตอน ช่วยงานยามว่าง


ยามซื่อแสงแดดอ่อนในยามเช้าสาดลอดผ่านกิ่งไม้หลิวที่เอนไหวอยู่รอบศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา กลิ่นหอมของดอกเหมยที่ปลิวตามลมทำให้บรรยากาศรอบศาลเงียบสงบแต่แฝงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ หลินหยาที่ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตั้งใจ ท่ามกลางลานหินที่กว้างใหญ่ เธอมองไปรอบ ๆ อย่างงุนงงพลางบ่นพึมพำ “ผู้ดูแลอยู่ไหนกันเนี่ย…ไม่เห็นมีใครสักคน” นางเดินเข้าไปใกล้รูปปั้นหยกขององค์เยว่เหล่า หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด ยามที่มองเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของรูปปั้น ราวกับว่าดวงตาหยกนั้นกำลังจับจ้องนางอยู่ในเงียบ หลินหยาวางถุงเล็ก ๆ ที่เตรียมมาไว้ข้างฐานบูชา ข้างในมีพวงมาลัยดอกเหมยที่เธอถักเอง และขนมเปี๊ยะถั่วเขียวหอมหวาน นางหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง 


“ข้าไม่รู้จะช่วยท่านได้ยังไง แต่ถ้าข้าจะช่วยได้สักนิดก็จะทำเองแหละ”


เพราะไม่เห็นผู้ดูแลศาลเจ้า นางเลยหยิบไม้กวาดขึ้นมาแบบงง ๆ แล้วเริ่มกวาดใบไม้ที่ร่วงเกลื่อนลาน ขณะกวาดนางก็พูดไปเรื่อย “นี่นะ ข้าจะช่วยกวาดลานให้สะอาดเลย จะได้ไม่รก…ท่านจะได้ชอบใจหน่อยนะ” ลมพัดอ่อน ๆ ผ่านใบหน้าจนเส้นผมปลิว ราวกับเสียงลมกำลังหัวเราะเบา ๆ เย้าแหย่


หลังจากนั้นหลินหยาหยุดพัก พลางยืนมองบันไดหินและทางเดินที่ทอดขึ้นสู่ลานศักดิ์สิทธิ์ เธอเริ่มสังเกตเห็นว่าเส้นด้ายแดงบางเส้นที่ผูกตามกิ่งไม้ดูเหมือนจะหลุดลุ่ย เธอจึงปีนขึ้นไปค่อย ๆ ผูกมันใหม่ด้วยมือของตัวเอง ความรู้สึกอบอุ่นแผ่วเบาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง จนหัวใจนางสั่นสะท้านเหมือนมีใครเฝ้ามองอยู่ เสียงหนึ่งแผ่วเบาดังขึ้น ราวกับลมกระซิบ “เจ้าจะมาช่วยทำไม...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้าหรอกนะ เด็กน้อย” เสียงนั้นสุขุมและเงียบขรึม เป็นเสียงที่หลินหยาคุ้นหูในทันที องค์เยว่เหล่านั้นเอง


หลินหยาหันมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบเงาร่างของท่าน มีเพียงสายลมอ่อนที่พัดวนรอบตัว รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้านาง “ก็ข้าอยากช่วยนี่นา…ต่อให้ท่านไม่ต้องการ ข้าก็จะทำอยู่ดี” นางตอบพลางยิ้มเช่นนั้น


เสียงลมแผ่วอีกครั้ง “เจ้าเป็นเด็กดื้อจริง ๆ… แต่ก็น่าสนใจไม่น้อย” จากนั้นทุกอย่างกลับเงียบสงบ มีเพียงกลิ่นหอมของดอกเหมยที่ลอยคละคลุ้ง ทำให้หลินหยายืนยิ้มอย่างพอใจ แม้ไม่เห็นท่าน แต่เธอรู้ว่าองค์เยว่เหล่ารับรู้ทุกการกระทำของเธอแล้ว


หลินหยาเดินยิ้มกว้างเข้ามาในศาลเจ้า กลิ่นหอมอ่อนของดอกเหมยยังลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ เมื่อมองเห็นสตรีผู้มีอายุยืนอยู่ตรงแท่นบูชา นางรีบยกมือไหว้แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ท่านผู้ดูแลเจ้าคะ ข้าชื่อหลินหยา มาขออาสาช่วยงานในศาลเจ้าท่านเยว่เหล่า ช่วงนี้ข้าว่างพอดี หวังว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้าง” สตรีผู้ดูแลเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่แฝงความประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “แม่นางหลินหยา น้ำใจงามยิ่งนัก แต่เจ้ารู้หรือไม่…งานในศาลเจ้านี้ค่อนข้างน่าเบื่อ เจ้าจะทนได้หรือ?”


หลินหยาหัวเราะสดใส ดวงตาเปล่งประกาย “เรื่องน่าเบื่อข้าไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ! แถมยังได้อยู่ใกล้ชิดท่านเยว่เหล่า ได้เรียนรู้วิธีการผูกด้ายแดงให้สมหวังอีกด้วย! นั่นมันน่าสนุกจะตายไป”


ผู้ดูแลยิ้มบาง ๆ พยักหน้าให้เธอ “เช่นนั้นก็ตามใจเถิด เจ้าเริ่มได้เลย”


หลินหยาไม่รอช้า รีบคว้าด้ายแดงที่วางกระจายอยู่บนโต๊ะ มานั่งจัดเรียงอย่างตั้งใจ “ว้าว…เส้นเล็ก ๆ แค่นี้กลับสามารถเชื่อมชะตาคนสองคนได้ ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก” นางพูดพลางยิ้มกว้าง นิ้วเรียวค่อย ๆ คลี่ด้ายแดงทีละเส้น ระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองแท่นบูชาที่มีฝุ่นบางเบาเกาะอยู่ “เดี๋ยวข้าจัดการทำความสะอาดแท่นบูชาให้เองนะเจ้าคะ” เธอเอ่ยพร้อมกับหยิบผ้ามาเช็ด ขณะที่เช็ดก็ฮัมเพลงเบา ๆ ไปด้วย ราวกับกำลังทำงานด้วยหัวใจที่เบาสบาย


ระหว่างนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาขอพร หลินหยารีบวิ่งไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “สวัสดีเจ้าค่ะ มาขอพรเรื่องรักสินะ? ฝากเรื่องราวไว้กับศาลเจ้าได้เลยนะ เดี๋ยวข้าจะช่วยจัดเก็บและส่งต่อให้ท่านเยว่เหล่าเอง้จ้าค่ะ” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่นและจริงใจ


ผู้ดูแลยืนมองหลินหยาที่วิ่งไปวิ่งมาอย่างกระฉับกระเฉงแล้วส่ายหัวพลางยิ้ม “เด็กคนนี้…ช่างมีชีวิตชีวานัก”


หลินหยาหันมายิ้มกว้าง “ท่านผู้ดูแลเจ้าคะ! ข้าจะช่วยจนท่านต้องบอกว่า ข้าเก่งที่สุดเลยล่ะ!” แล้วนางก็หันกลับไปจัดเรียงด้ายแดงต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ ท่ามกลางแสงแดดยามสายที่ส่องกระทบเส้นด้ายแดง จนดูราวกับชะตาที่เชื่อมโยงกำลังเต้นระยิบระยับอยู่ในมือของเธอ




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาเริ่มเควสกันเถอะ

รางวัล: ยันต์นำโชค (เล็กน้อย)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24,565 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวาน 06:53
โพสต์ 24,565 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวาน 06:53
โพสต์ 24,565 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวาน 06:53
โพสต์ 24,565 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวาน 06:53
โพสต์ 24,565 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ เมื่อวาน 06:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 12:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 28 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 10.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ “ผูกด้ายแดงผิดคู่” ตอน ด้านแดงอลวน


หลินหยาที่กำลังตั้งใจแก้ปมด้ายแดงอยู่อย่างเงียบ ๆ ใต้แสงแดดยามสาย พลันดวงตาก็เบิกกว้างเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าบางเส้นไม่ได้ผูกเข้าหากันอย่างถูกต้องตามชะตา ด้ายสีแดงสดเส้นหนึ่งของชายชราผมหงอกที่ปลายด้ายยังมีเศษกระดาษขอพรระบุชื่อซ้อนอยู่ กลับเชื่อมโยงเข้ากับด้ายของหญิงสาววัยแรกแย้มที่เพิ่งปักปิ่นได้ไม่นาน หลินหยาถึงกับร้องในใจ นี่มัน…บ้าไปแล้ว! เจ้าชายชราใกล้ลงโลงกับเด็กสาวที่พึ่งปักปิ่นงั้นรึ?!


เธอหันไปอีกมุม ด้ายแดงอีกคู่หนึ่งกลับเป็นของนักรบผู้ห้าวหาญที่มีกลิ่นอายเลือดคาวปนเหล็กกล้า ช่างแตกต่างนักกับเส้นที่ถูกผูกเข้ากับกวีหนุ่มผู้มีปลายด้ายอบอวลด้วยกลิ่นหมึกและกระดาษ หลินหยาหรี่ตาลง “เฮอะ…อันนี้น่ะ ข้ายังว่าไปได้อยู่หรอกนะ นักรบกับกวีต่างก็เป็นคนที่มีไฟในหัวใจ เพียงแค่ต่างรูปแบบกันเท่านั้น” แต่พอหันกลับไปดูคู่แรกอีกครั้ง หล่อนถึงกับขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ท่านเยว่เหล่าทำอะไรอยู่? หรือว่า…นี่ไม่ใช่การผูกของท่าน?


เสียงฝีเท้าของสตรีผู้ดูแลศาลเจ้าดังขึ้นแผ่วเบา นางก้าวเข้ามาพร้อมใบหน้ายิ้มละมุนเมื่อเห็นหลินหยายืนกอดอกมองด้ายแดงเหล่านั้นด้วยความหงุดหงิด “แม่นางหลินหยา ดูเหมือนเจ้าจะไปพบคู่ที่เจ้ามองว่าไม่สมเหตุสมผลเข้าเสียแล้วสิ?”


หลินหยาหันกลับมามองทันที “ท่านผู้ดูแลเจ้าคะ! ข้าสังเกตเห็นว่ามีบางคู่ที่…แปลกประหลาดมากเกินไป! เด็กสาวกับชายชราเนี่ยนะ?! ใครกันที่กล้ามาผูกด้ายแดงมั่วซั่วถึงเพียงนี้!”


“เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้เสมอ แม่นาง หลายครั้งความรักมิได้เป็นไปตามที่เราเห็นด้วยตา แม้แต่ท่านเยว่เหล่าเอง ก็อาจพลาดพลั้งเล็กน้อยได้บ้าง…” สตรีผู้ดูแลเพียงหัวเราะเบา ๆ ราวกับไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่โต


หลินหยาถึงกับชะงักไป ดวงตาหวานฉายแววสับสนปนความกังวล “ท่านเยว่เหล่า…พลาดรึ? เป็นไปไม่ได้ ท่านใส่ใจในทุกสายสัมพันธ์มาก ๆ เลยนะเจ้าคะ ข้าสัมผัสได้…ทุกถ้อยคำของท่านล้วนมีเหตุผลแฝงอยู่เสมอ” เธอก้มลงมองด้ายในมืออีกครั้ง ลูบปลายด้ายเบา ๆ อย่างครุ่นคิด ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “หรือว่า…จะมีใครบางคน…แอบอ้างชื่อท่าน? ลอบแก้ด้ายแดงเพื่อเปลี่ยนชะตาของผู้คนงั้นหรือ?”


สายลมพัดผ่าน ทำให้เส้นด้ายในมือของหลินหยาโบกไหวคล้ายกำลังตอบคำถามของนางเอง ความสงสัยยิ่งก่อตัวขึ้นในใจของหลินหยาจนหัวใจเต้นแรง หากมีใครกล้าทำเช่นนี้…ไม่ใช่เพียงการล้อเล่นกับความรักของมนุษย์ แต่ยังเท่ากับท้าทายอำนาจขององค์เทพเยว่เหล่าโดยตรง!


สตรีผู้ดูแลเพียงมองนางเงียบ ๆ ดวงตาลึกล้ำราวกับรู้สิ่งที่หลินหยากำลังคิด แต่ก็เลือกที่จะไม่เอ่ยปาก หลินหยากำด้ายแดงแน่น “ข้าจะหาความจริงให้ได้…ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะหันกลับไปจัดเรียงด้ายแดงที่ผิดให้ถูกต้องอย่างตั้งใจที่สุด ราวกับกำลังสาบานในใจว่า จะไม่ปล่อยให้ความรักของผู้ใดถูกบิดเบี้ยวเพราะมือสกปรกของใครหน้าไหนทั้งนั้น!




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เอาล่ะสิ ๆ 

รางวัล: ข้อมูล (เล็กน้อย) เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของท่านเยว่เหล่า(???)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19,152 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวาน 12:42
โพสต์ 19,152 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวาน 12:42
โพสต์ 19,152 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวาน 12:42
โพสต์ 19,152 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวาน 12:42
โพสต์ 19,152 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ดาวนำโชค  โพสต์ เมื่อวาน 12:42
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 16:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-28 16:45


วันที่ 28 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 14.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ “ผูกด้ายแดงผิดคู่” ตอน แผนการจับผิด


ภายในศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา กลิ่นธูปหอมลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ แสงแดดยามบ่ายส่องลอดผ่านช่องไม้ลงมากระทบกับรูปปั้นหยกขององค์เทพเยว่เหล่า จนเกิดประกายอ่อน ๆ เหมือนกำลังจับตามองทุกการกระทำของผู้ที่เข้ามา หลินหยาก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเข้ามาด้านใน ดวงตาหวานจับจ้องไปยังผู้ดูแลศาลเจ้าสตรีวัยกลางคนที่กำลังจัดแท่นบูชา เธอทำทีเดินเข้าไปใกล้ ย่อตัวลงเล็กน้อยเหมือนจะขอความลับอันยิ่งใหญ่ แล้วกระซิบเสียงแผ่ว 


“ท่านผู้ดูแลเจ้าคะ… ข้าขอร้องท่านช่วยบอกท่านเยว่เหล่า… ให้ผูกด้ายแดงให้ข้ากับคุณชายอันเล่อทีเถิด ข้า…แอบชอบเขามานานแล้ว แต่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้…” ใบหน้าของหลินหยาถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเขินอายอย่างแนบเนียน ทั้งที่ในใจแอบขอโทษท่านหลิวอันอยู่รัว ๆ ข้าขอยืมชื่อท่านหน่อยนะท่านหลิวอัน...เพื่อหลอกจับตัวหนอนที่ซ่อนอยู่ในเงา! จิตใจข้านี้มันเลวทรามจริง ๆ มาขอให้ผูกตัวเองกับคนที่ตัวเองไม่ตอบรับคำแต่งงาน จิตใจข้าเลือดเย็นเกินไปไหมนะ


ผู้ดูแลศาลเจ้าหันมามองนางด้วยสายตาฉงนเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างสงบ “แม่นาง…ความรักที่เจ้าว่ามันเป็นไปไม่ได้ บางครั้งก็อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเป็นเจตนาจริงใจ ท่านเยว่เหล่าอาจรับรู้…”


แต่ก่อนที่นางผู้ดูแลจะพูดจบ เสียงทุ้มต่ำปริศนาก็ดังสะท้อนขึ้นมาจากเงามืดของเสาศาลา เสียงนั้นเย็นเยียบปนลึกล้ำราวกับเลื้อยเข้ามาในโสตประสาท 


‘อย่าสิ้นหวังไปเลย...แม่นางน้อย... ข้าสามารถช่วยเจ้าได้…’


หลินหยาชะงักวาบ ร่างกายตึงเครียดขึ้นมาทันที หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก สายตากวาดมองไปรอบศาลช้า ๆ เสียงนั้นคุ้นเคย…คุ้นอย่างน่าขนลุก คล้ายเคยได้ยินในฝันหรือในสถานที่ที่มืดมิดกว่านี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เสียงนั้นแฝงความเจ้าเล่ห์ กล้ำกลืน และเย้ายวนอยู่ในที ทำให้เส้นขนที่ต้นคอหลินหยาตั้งขึ้นทันที นางหันไปสบตาผู้ดูแลศาล แต่หญิงวัยกลางคนกลับนิ่งเฉย เหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงัน เสียงปริศนาก็เอื้อนเอ่ยอีกครั้ง คราวนี้เหมือนจะชิดเข้ามาใกล้กว่าเดิม ‘เจ้าปรารถนาให้หัวใจนั้นหันมาหาเจ้าใช่หรือไม่...เพียงตอบรับ ข้าจะผูกเส้นด้ายให้เจ้าเอง...เส้นด้ายที่แม้เทพเจ้าก็ไม่อาจตัดได้’


หลินหยากัดริมฝีปากแน่น แววตาของนางกวาดไปรอบ ๆ รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ ใครกัน? กล้าแอบอ้างในศาลของท่านเยว่เหล่าเนี่ยนะ...! นางกดเสียงต่ำลงตอบกลับอย่างท้าทาย ทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา “ใครกันที่พูดกับข้า? หากเจ้ากล้าพูด ก็จงออกมาให้ข้าเห็นเถอะ!”


ความเงียบเข้าปกคลุมเพียงชั่วอึดใจ ก่อนเงาดำบางอย่างไหววูบตามคานไม้สูง เสียงหัวเราะแผ่วเบา คล้ายจะเย้ยหยัน คล้ายจะหยอกล้อ 'ฮ่า... เจ้าอยากเห็นข้าหรือ แม่นางหลินหยา… เจ้าคิดถึงข้าล่ะสิ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก' เสียงนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือเพียงไอเย็นที่ลอดเข้ามาในศาลราวกับสัญญาณว่าการล่าของหลินหยาพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น


หลินหยาขมวดคิ้วมองไปรอบ ๆ เธอเดินทางออกไปจากศาลเจ้าแต่ไปตรงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หลังศาลเจ้าที่ผู้มาเยือนนิยมเขียนคำขอพรบนแผ่นไม้เล็ก ๆ หรือด้ายแดงที่ผูกไว้กับต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ด้านหลังศาล เธอเดินมาตรงนี้ก่อนที่จะขมวดคิ้ว


สายลมที่พัดผ่านต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทำให้ใบไม้เสียดสีกันเกิดเป็นเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบของภูตผี ด้ายแดงนับร้อยที่ถูกผูกไว้บนกิ่งไม้ไหวสะบัดพริ้วเหมือนกำลังเต้นระบำตามคำเรียกของสิ่งลึกลับ หลินหยาหยุดยืนกลางลานหลังศาล แววตาคมหวานหันซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวัง ริมฝีปากเม้มแน่นแล้วเอ่ยเสียงชัดเจนแม้หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ


“ข้ารู้ว่าท่านอยู่ที่นี่! ออกมาเดี๋ยวนี้!”


ความเงียบเข้าปกคลุมเพียงชั่วขณะ ก่อนจะมีเสียงหัวเราะแผ่วต่ำแทรกมาจากเงามืดเสียงที่เย้ายวนปนเจ้าเล่ห์ ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่กำลังล่อเหยื่อให้หลงทาง "เจ้ากล้าสั่งข้าเช่นนั้นหรือ...ช่างน่าสนใจ"


ยังไม่ทันที่หลินหยาจะหมุนตัวกลับไปตรวจดู ความรู้สึกเย็นวาบก็แทรกผ่านแผ่นหลัง มือหนึ่งปรากฏขึ้นจากเงามืดนิ้วเรียวยาวเย็นเยียบตะปบเข้าที่คางบอบบางของนางก่อนจะกระชากเบา ๆ ล็อคตัวหลินหยาเข้ากับอกแกร่งจากด้านหลัง กลิ่นอายเย็นชืดปนหอมลึกลับแผ่ซ่านเข้ามาในจมูกทำให้นางสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว “เจ้าช่างกล้าเดินคนเดียวในที่ที่ข้าสิงสู่อยู่นะ...แม่นางน้อย” เสียงของเขากระซิบชิดใบหู น้ำเสียงช้า ลื่นไหล ดุจพิษที่แทรกซึมเข้าสู่หัวใจ หลินหยากัดฟันแน่น พยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นแขนของชายในชุดคลุมดำก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเล็กน้อยไม่ถึงกับทำร้าย แค่กดไว้ให้รู้ว่าใครคุมสถานการณ์


“ปล่อยข้า! เจ้าเป็นใครกันแน่?” หลินหยาตวาด แม้เสียงจะสั่นเล็กน้อย นางหันหน้าเฉียงเล็กน้อย พยายามจะมองเห็นใบหน้าของคนที่จับตนเอง แต่เงาผ้าคลุมบดบังทุกอย่าง เห็นเพียงรอยยิ้มมุมปากที่แฝงความเย้ยหยัน 


“ข้า…” เขาโน้มหน้าลงใกล้ขึ้นอีกเพียงคืบ เสียงกระซิบของเขาดังพอให้ได้ยินแค่สองคน “…คือผู้ที่สามารถทำให้ความปรารถนาของเจ้าสมบูรณ์ได้ โดยไม่ต้องรอเทพองค์ใดทั้งนั้น เสียใจจัง เจ้าจำข้าไม่ได้หรอ ข้าออกจะเอ็นดูเจ้านัก” สายลมรอบกายหมุนวนรุนแรงขึ้น ด้ายแดงบนต้นไม้เสียดสีกันจนเกิดเสียงระงมราวกับกำลังตะโกนเตือนภัย ความมืดเริ่มหนาแน่นรอบลาน หลินหยารู้แล้วสิ่งนี้มิใช่เพียงคนธรรมดา แต่มันคือสิ่งที่สามารถท้าทายแม้กระทั่งอำนาจของท่านเยว่เหล่าเอง!


ดวงตาหวานของหลินหยาฉายแสงกร้าวในชั่วพริบตา รอยยิ้มเย็นเฉียบปรากฏขึ้นตรงมุมปาก “เจ้ากล้าจับข้าเล่นงั้นหรือ? แล้วจะได้รู้ว่าแม่นางน้อยคนนี้ไม่ได้มาเล่นด้วยหรอกนะ!” คำพูดสิ้นสุด นางเงยหน้าขึ้นพรวด มือที่ว่างกระดิกนิ้วแยกสองนิ้ว จิ้ม! ตรงเข้าที่ใต้ฮู้ดเงามืดที่ปิดบังใบหน้าของมัน แม่นยำราวสายฟ้าแลบ


“อ๊ากกก!!” ชายในชุดคลุมดำร้องลั่นเสียงต่ำปนแค้น ความเจ็บแผ่ซ่านจนเขาปล่อยมือจากคางนางในชั่วขณะ นั่นคือจังหวะทอง หลินหยาถอยกรูดหนึ่งก้าว ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะควัก เชือกวิเศษ(ความจริงคือเชือกโง่ ๆ) จากกระเป๋าเจ็ดสมบัติออกมาโดยไม่ลังเล


“คิดจะล่อข้าเหรอ? งั้นก็เตรียมตัวโดนมัดไว้เป็นหมาเฝ้าต้นไม้เถอะ!” หลินหยากระโจนเข้าหาโดยไร้ความกลัว เชือกในมือหมุนฟาดรัดร่างชายชุดดำที่ยังไม่ทันตั้งหลัก สายเชือกที่เต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรป้องกันภูตและปีศาจรัดเข้ากับแขน ขา และลำตัวของมันจนดิ้นได้เพียงเล็กน้อย ทุกครั้งที่มันพยายามใช้พลังสลาย เชือกกลับยิ่งกระชับแน่น เสียง กรึดกรึด ของปมเชือกเสียดกับชุดคลุมดำก้องอยู่ในความเงียบ


ชายในชุดคลุมหอบหายใจเสียงขุ่น ดวงตาใต้เงาฮู้ดฉายประกายวาววับด้วยความขบขันมากกว่าความเจ็บปวด “เจ้ากล้าเล่นเช่นนี้กับข้างั้นหรือ...เจ้ามันบ้าชัด ๆ บ้าไม่เปลี่ยนเลย!”


หลินหยาเช็ดนิ้วที่เพิ่งจิ้มตาเขากับชายเสื้อของตนแล้วหัวเราะในลำคอ “บ้าเหรอ? ไม่หรอก…ข้าแค่ไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเหนือกว่าข้าโดยไม่ขออนุญาต!” นางดึงปลายเชือกมัดปมสุดท้ายด้วยแรงกระชากที่ทำให้ร่างนั้นแน่นิ่งกับพื้น


นางยืนเท้าสะเอว จ้องลงไปบนร่างชายในชุดดำที่ถูกมัดจนแน่นหนา “ไหนล่ะ พลังยิ่งใหญ่ที่เจ้าคุยโว? หรือสุดท้ายเจ้าก็เป็นได้แค่หมาจิ้งจอกที่เห่าขู่ในความมืด?”


เสียงหัวเราะต่ำดังลอดผ่านฮู้ดของเขา “เจ้าจะเสียใจที่มัดข้าไว้แบบนี้…แม่นางน้อย” เสียงของมันเย็นเยียบจนน่าขนลุก แต่หลินหยากลับเพียงยักไหล่ “ข้าจะเสียใจทีหลังเอง แต่ตอนนี้…เจ้าต่างหากที่ควรห่วงตัวเอง” ด้ายแดงบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไหวสะท้านราวกำลังตอบรับการกระทำของหลินหยา คืนนี้ดูเหมือนนางจะเป็นฝ่ายชนะเสียแล้ว! (??????)




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: เจอกันอีกแล้วนะคุณพี่

รางวัล: กุญแจไขปริศนา (เล็กน้อย)


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

ดี: 4.0
ดี: 4
  โพสต์ เมื่อวาน 16:55
โพสต์ 41,214 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวาน 16:44
โพสต์ 41,214 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวาน 16:44
โพสต์ 41,214 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวาน 16:44
โพสต์ 41,214 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวาน 16:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ เมื่อวาน 18:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-28 22:15


วันที่ 28 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 14.00 - 15.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ “ผูกด้ายแดงผิดคู่” ตอน ความจริงปรากฏ


ผ้าคลุมสีดำที่ปิดบังร่างนั้นถูกหลินหยากระชากเปิดออกอย่างไม่ลังเล ลมเย็นพัดผ่านพริบตานั้นเหมือนโลกทั้งใบเงียบลง นัยน์ตาของนางเบิกกว้างทันทีที่เห็นใบหน้าคมคายและดวงตาสีเงินวาววับที่จ้องกลับมาอย่างเย็นชาแฝงเสน่ห์ นั่นคือ ไป๋เซียว ปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางที่นางเคยปะทะมาก่อน! ความรู้สึกหนาวเยือกแล่นขึ้นตามแนวสันหลังเมื่อหางทั้งเจ็ดโบกสะบัดช้า ๆ ราวกับกำลังทักทายเหยื่อที่กลับมาหาเขาเอง


“จำข้าได้แล้วสินะ...แม่นางน้อย” เสียงทุ้มต่ำเอื่อยราวกับคลื่นกลางราตรีแทรกเข้ามาในโสตประสาท น้ำเสียงนั้นทั้งอ่อนหวานและแฝงพิษร้ายที่พร้อมจะกัดกินจิตใจ


หลินหยากัดฟันแน่น ดวงตาไม่ยอมหลบ แม้หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา “ไป๋เซียว...ท่านกล้าล่วงเกินศาลเจ้าท่านเยว่เหล่า?” น้ำเสียงเธอแฝงความกลัวปนดื้อรั้น


เขายิ้มมุมปาก เผยเขี้ยวเล็ก ๆ วาวสะท้อนแสง “ศาลเจ้า? ฮึ...ที่นี่ไม่ใช่เขตหวงห้ามของข้า ข้าเพียงมาตามกลิ่นตบะของเจ้าที่ข้าลิ้มรสแล้วติดใจ” ขณะพูด เขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว กลิ่นเย็นเฉียบปนกลิ่นหอมแปลกประหลาดของปีศาจแทรกซึมเข้ามารอบกาย เธอขยับถอยโดยอัตโนมัติหลินหยาไม่รอช้า นางทำมือสองนิ้วจิ้มตาของเขาเต็มแรง! เสียงขู่ต่ำหลุดจากคอไป๋เซียวพร้อมร่างสูงที่ผงะเล็กน้อย หางทั้งเจ็ดสะบัดกวาดจนฝุ่นปลิวว่อน “เจ้ากล้า...” น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ


“เจ็บล่ะสิ?!” หลินหยาไม่รอให้เขาตั้งตัว นางกระโดดถอยหลัง ดึงเชือกจากกระเป๋าเจ็ดสมบัติ พุ่งเข้าไปมัดร่างปีศาจจิ้งจอกสุดกำลัง “กวนตีนข้าดีนัก! คราวนี้จะมัดท่านให้แน่น!”


ไป๋เซียวหัวเราะเบา ๆ ทั้งที่ถูกมัดไว้ เสียงหัวเราะนั้นก้องสะท้อนจนขนลุก “เจ้า...ช่างกล้าหาญเกินกว่ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ คนน่ารักอย่างเจ้า สมกับที่ข้าสนใจ” เพียงแค่เล็บแหลมคมของเขาเฉือน เชือกที่คิดว่าแน่นหนาก็ร่วงหลุดลงกับพื้นราวกับไร้ค่า เขาก้าวออกมาจากเงามืดเต็มตัว หางทั้งเจ็ดโบกสะบัดรอบกายราวกับพายุที่พร้อมจะกลืนกิน หลินหยาสูดหายใจแรง มือกำขลุ่ยแน่น เตรียมพร้อมทุกขณะ “ถ้าท่านคิดจะดูดตบะข้าอีก ข้าจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย”


ไป๋เซียวโน้มตัวลงมาระดับสายตา ยิ้มเย้ย “สู้? เจ้าคิดว่าคราวก่อนเจ้าชนะข้า? โง่เง่า...นั่นเป็นเพียงร่างแยกที่ข้าส่งไปให้เจ้าได้ลิ้มรสชัยชนะ ข้า ไป๋เซียวตัวจริง ต่างหากที่อยู่ตรงนี้ และครั้งนี้...เจ้าจะหนีไปไหนได้หรือ?” บรรยากาศรอบศาลเจ้าหลังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์พลันตึงเครียด ราวกับทุกสิ่งกำลังรอคอยการปะทะระหว่างมนุษย์กับจ้าวปีศาจเจ็ดหางที่แท้จริง สายตาของไป๋เซียวคมกริบยามจ้องมองหลินหยา ริมฝีปากของเขาแย้มยิ้มบาง ๆ คล้ายเย้ยหยันแต่ก็แฝงความพึงพอใจบางอย่าง “ไอตบะของเจ้า...เข้มข้นขึ้นกว่าคราวก่อนมาก” เขากล่าวช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงราวกับกระซิบข้างหู แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมที่แฝงเจตนาลึกลับ “ฝึกมามากสินะ...แม่นางน้อย ข้าได้กลิ่นความแข็งแกร่งจากเจ้า”


“ไป๋เซียว...ท่านมาเพื่อทำอะไรกันแน่?” หลินหยาก้าวถอยหนึ่งก้าว มือจับขลุ่ยแน่นจนเหงื่อซึม 


เขาเลิกคิ้ว ราวกับขำกับคำถามนั้น ก่อนจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้เธอจนลมหายใจปะทะแก้มนาง “อย่าเข้าใจผิดไป ข้าไม่ได้ตามเจ้ามากขนาดนั้น” รอยยิ้มของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ข้าเพียงทำในสิ่งที่ข้าอยากทำเท่านั้น สร้างความปั่นป่วนในโลกมนุษย์ เล่นสนุกกับความรักที่พวกเจ้าหวงแหนนัก” หางทั้งเจ็ดสะบัดเบา ๆ รอบกายราวกับพายุคลื่น เขายกมือขึ้นลูบเส้นด้ายแดงที่ลอยผ่านอากาศอย่างลึกลับ พลันดวงตาเปล่งแสงแปลกประหลาด “ดาวคู่เสน่ห์ที่โคจรผิดปกติ...ข้าใช้พลังนั้นบิดเส้นด้ายแห่งชะตาให้บิดเบี้ยว ผูกสิ่งที่ไม่ควรผูก ทำให้โลกมนุษย์ของเจ้าสับสนวุ่นวาย”


“และใครจะคิด...โชคชะตากลับชักใยให้เจ้ามาเจอข้าอีกครั้งด้วยตัวเอง” เขาหัวเราะต่ำ เสียงหัวเราะแฝงเสน่ห์อันตราย ไป๋เซียวโน้มตัวเข้ามาใกล้อีกนิด ดวงตาเปล่งประกายลึกล้ำราวกับหลุมพรางไม่มีที่สิ้นสุด “หรือว่า...ด้ายแดงนั่นเองที่เป็นใจให้เราสองได้พบกัน?”


หลินหยายืนตัวแข็ง ใบหน้าซีดจางปนเลือดฝาดจากความตื่นกลัวและสับสน หัวใจเต้นรัวในอกเพราะรู้ว่าปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางตนนี้ไม่ได้พูดเพียงเพื่อข่มขู่ แต่กำลังประกาศว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น...ล้วนมาจากมือเขาทั้งสิ้น ก่อนที่จะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นสายตาหลินหยากวาดมองปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับกลิ่นไอปีศาจหนาแน่น นางยกขลุ่ยพันธะในเงาศาลาแนบอก ลวดลายสีดำคมกริบตัดกับเนื้อไม้ม่วงเรืองแสงราวกับจะตอบสนองต่อความตั้งใจของผู้ถือ เสียงหัวเราะของไป๋เซียวคล้ายจะสะท้อนก้องในอากาศยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยแรงกดดัน


“ท่านคิดหรือว่าข้า…จะปล่อยให้ชะตาบ้าบอที่ท่านบิดเบี้ยวมาเหยียบย่ำเส้นทางของข้า?” หลินหยากล่าวเสียงเย็น ใบหน้าเงยขึ้นสบตากับปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหาง ดวงตาของนางแน่วแน่ราวจะฉีกความมืดหม่นออกด้วยแสงจิตวิญญาณ “โชคชะตาไม่มีสิทธิ์ผูกข้าเข้ากับท่านหรอก ไป๋เซียว”


ไป๋เซียวหัวเราะในลำคอ ท่าทางสบายใจยิ่งกว่าเดิม “อืม...กล้าดีนี่ แม่นางน้อย กล้าไม่เปลี่ยน” เขาก้าวช้า ๆ รอบตัวเธอ คลื่นพลังปีศาจพัดจนใบไม้ร่วงเกลื่อน “ขลุ่ยนั่น...เจ้าได้มันมาจากที่ที่เราพบกันครั้งแรกมิใช่หรือ? เจ้าคิดจะจัดการข้าด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะข้าเองงั้นหรือ...น่าสมเพชนัก” เขายกมือขึ้นเล็กน้อย พลันเงามืดปั่นป่วนกลางอากาศ ก่อนปรากฏร่างของปีศาจจิ้งจอกสามหาง ขนสีขาวอมฟ้าแผ่ไอเย็นยะเยือก ดวงตาสีฟ้าสว่างจ้องหลินหยาอย่างกร้าวกราด มันส่งเสียงคำรามต่ำ พลางพุ่งมายืนเคียงข้างไป๋เซียว 


“ลองดูสิ...” ไป๋เซียวกล่าวเสียงทุ้มหวานที่แฝงความท้าทาย “ข้าส่งเพื่อนตัวน้อยมาเล่นกับเจ้า...ถ้าเจ้ารอดไปได้ บางทีข้าอาจจะสนุกกับเจ้าอีกสักหน่อย”


หลินหยากัดริมฝีปากแน่น มือกำขลุ่ยจนแน่นขึ้น นางยกมันขึ้นแนบริมฝีปาก พลันลมพัดหมุนรอบตัว ร่างเล็กของนางตั้งมั่นกับพื้นพร้อมจะปลดปล่อยเสียงขลุ่ยที่ผสานปราณต่อสู้ เสียงนั้นกังวานสะท้อนกลางลานต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ราวกับจะฉีกทะลุความมืดที่ปีศาจสร้างขึ้น “อย่ามาดูถูกข้านะ...ไป๋เซียว!”


ปีศาจจิ้งจอกสามหางส่งเสียงคำรามแหลมคม กระโจนเข้าหานาง ในขณะที่ท่วงทำนองแรกของขลุ่ยก็ดังก้อง ตัดกับเสียงคำรามนั้นดั่งแสงฟ้าผ่าฉีกกลางคืน เสียงฟาดดัง ปั๊ก! ดังขึ้นเมื่อขลุ่ยพันธะในเงาศาลาทุบเข้ากลางกระหม่อมของปีศาจจิ้งจอกสามหาง มันกรีดร้องเสียงสูง พยายามตะกุยอากาศหมายจะกัดตอบ แต่หลินหยาฉวยจังหวะหมุนตัวหลบ ร่างเล็กเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม เธอฟาดซ้ำอย่างแม่นยำจนร่างมันสลายหายไปเป็นเถ้าควันน้ำเงินที่จางหายไปกับลม


หลินหยายืนหอบเล็กน้อย เลือดซึมจากรอยข่วนบนต้นแขนซ้าย เสื้อตรงนั้นขาดเผยผิวขาวซีดเป็นรอยแดง นางใช้หลังมือเช็ดเหงื่อออกจากขมับ สายตาคมที่เต็มไปด้วยแรงต้านทานหันกลับไปจ้องไป๋เซียว แม้หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่ากลองศึกแต่ใบหน้าของนางกลับไม่แสดงความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย


ไป๋เซียวที่ยืนกอดอกมองตั้งแต่ต้นเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาจิ้งจอกสีเงินเป็นประกายขบขัน เขายกมุมปากยิ้มเย็น ๆ "เจ้าก็ยังดื้อรั้นไม่เปลี่ยน...แม้รู้ว่าตนเองไม่มีทางชนะข้าได้" เสียงของเขานุ่มลึกแต่กลับชวนให้ขนลุก นัยน์ตาเจือความพึงพอใจที่หลินหยาสามารถจัดการจิ้งจอกสามหางได้ง่ายดาย


"ข้าจะไม่ยอมให้เจ้ามาทำตามอำเภอใจ...แม้จะต้องเจ็บอีกสักกี่ครั้ง" หลินหยากล่าวเสียงสั่นเล็กน้อยแต่หนักแน่นเต็มเปี่ยม นางยกขลุ่ยขึ้นอีกครั้งแม้บาดแผลจะเจ็บจี๊ด พลังของนางยังคงเดือดพล่าน ไป๋เซียวหัวเราะเบา ๆ ตอนที่ได้ยินเสียงคล้ายระฆังลมที่พัดแผ่ว "ดี...ข้าชอบสายตาแบบนั้นของเจ้า" เขาก้าวเข้าใกล้ช้า ๆ จนเงาของเขากลืนเงาของนางไปทั้งร่าง "แต่จำไว้...เจ้าอาจเอาชนะสัตว์เล็กของข้าได้ แต่กับตัวข้า..." ปลายนิ้วเรียวของเขากหมายเอื้อมมาสัมผัสข้างแก้มที่เปื้อนฝุ่นของนางเบา ๆ ดั่งสายหมอก 


"เจ้าจะไม่มีวันชนะข้าได้เลย..."


 เพี๊ยะ!!


หลินหยาปัดมือของไป๋เซียวออกแรงจนเสียง เพี๊ยะ ดังสะท้อนในอากาศ ร่างของนางขยับถอยหลังหนึ่งก้าว สายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยไฟโทสะและความหวาดระแวงมองสบตาจิ้งจอกเจ็ดหางอย่างไม่หลบเลี่ยง "หยุดแตะต้องข้า! ไป๋เซียว...ท่านคิดว่าแค่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับเล่ห์กลจะทำให้ข้าหวั่นเกรงท่านหรือ?" น้ำเสียงนางสั่นเล็กน้อยด้วยอารมณ์ แต่กลับหนักแน่นดุจคมดาบที่พร้อมฟันฉับ


ปีศาจจิ้งจอกยกยิ้มกว้างขึ้น ดวงตาเป็นประกายราวกับเพลิงสีเงินกำลังเต้นระบำ "โอ้...แม่นางหลินหยา ข้าชอบนะที่เจ้ามองข้าแบบนั้น" เสียงหัวเราะของเขาแผ่วต่ำ กลิ่นอายปีศาจแผ่ซ่านจนรอบต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน "เจ้าอยากรู้หรือว่าทำไมข้าต้องแอบอ้างชื่อเยว่เหล่า? เพราะเทพผู้นั้น...ช่างน่าเบื่อเกินไปแล้ว ความรักที่สมหวังทำให้โลกนี้จืดชืด ข้าต้องการความรักที่แตกสลาย น้ำตาและเลือด...ความเศร้าที่กรีดหัวใจ นั่นแหละคือบทเพลงที่ข้าปรารถนา"


หลินหยาเม้มริมฝีปากแน่น ความโกรธกับความกลัวปะปนจนหัวใจเต้นแรง นางยกขลุ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงหายใจถี่ "ท่านมันปีศาจชั่วร้าย! ข้าจะไม่ยอมให้ท่านทำลายสิ่งที่ท่านเยว่เหล่าถนอมหรอก!"


ไป๋เซียวก้าวเข้ามาอีกครั้ง ใกล้เสียจนลมหายใจของเขาเฉียดผิวแก้มของนาง เสียงของเขาต่ำลึก ลื่นไหลราวคำสาป "สู้สิ...สู้ให้เต็มที่เถิด แม่นางหลินหยา แต่จำคำข้าไว้ สักวันหนึ่งเจ้าจะอ่อนแรง ข้า...จะดื่มกินเจ้าให้หมดสิ้น ทั้งร่าง ทั้งตบะ และทั้งหัวใจ เจ้า...จะอยู่ในร่างของข้าไปชั่วนิรันดร์ เป็นอาหารชั้นเลิศที่ข้าไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือ..." คำพูดนั้นราวกับกรงเล็บเย็นเฉียบที่ตะปบหัวใจของนาง หลินหยากัดฟันแน่น มือที่กำขลุ่ยสั่นเล็กน้อย แต่ในดวงตาของเธอกลับเปล่งประกายแห่งการท้าทายยิ่งกว่าเดิม 


"ลองดูสิ ไป๋เซียว...หากท่านคิดว่าข้าจะยอมให้มันเกิดขึ้น!"


เสียงลมพัดกระหน่ำรอบต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ใบไม้ปลิดปลิวราวกับระบำมรณะ หลินหยาที่บาดเจ็บและอ่อนแรงยังคงพยายามฝืนร่างกายโจมตีไป๋เซียวด้วยขลุ่ยสีม่วงในมือ นางฟาด ฟัน แทง ดุจผู้ที่ไม่ยอมถอยแม้จะสิ้นใจในอีกลมหายใจ แต่ทุกการโจมตีนั้นราวกับทิ่มแทงลงบนเงาไร้ตัวตน ไป๋เซียวเพียงเอนกายหลบเล็กน้อย หรือยกปลายนิ้วสะบัดเบา ๆ ก็ทำให้พลังโจมตีของนางสลายหายไป เพียงฝ่ามือของเขาสะบัดกลับมา ลมปราณปีศาจแผ่กระจายเข้ากระแทกร่างหลินหยาเต็มแรง เสียงกระอักเลือดสีแดงสดกระเซ็นเปื้อนพื้น นางทรุดลงไปคุกเข่า มือสั่นเทา ขลุ่ยในมือแทบหลุดร่วง ดวงตาของเธอพร่าเลือนเพราะพิษในกระแสเลือดที่กำลังระเบิดขึ้นเป็นคลื่นซัดภายในร่าง ความเจ็บปวดลามไปทั้งกายจนแทบขาดใจ


"ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ...สภาพเจ้านี่ช่างน่ามองยิ่งนัก แม่นางหลินหยา ทุรนทุรายเช่นนี้งดงามยิ่งกว่าใด" ไป๋เซียวหัวเราะร่า เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกสะท้อนก้องในอากาศราวกับเสียงปีศาจปลุกวิญญาณ เขาก้มตัวลงลมหายใจเย็นเยียบของเขาเฉียดแก้มซีดของนาง สายตาเต็มไปด้วยความสนุกปนกระหาย "ใครกัน...ช่างใจร้ายเสียเหลือเกินที่กล้าสอด พิษมังกร ลงในร่างกายของเจ้า? เจ้าทนมันมานานเท่าไรแล้วนะ..."


หลินหยาส่ายหัวช้า ๆ แรงที่เหลือแทบไม่มี ริมฝีปากนางขยับเล็กน้อย แต่ไม่มีคำตอบหลุดออกมา ความเงียบคือสิ่งเดียวที่นางเลือก นางจะไม่บอกเขาไม่ให้เขามีความสุขจากความลับนี้


ไป๋เซียวเลียริมฝีปากแผ่ว รอยยิ้มของเขาเหี้ยมยิ่งขึ้น "อ้อ...เจ้าเลือกจะเงียบงั้นหรือ? ดีแล้ว ข้าชอบความดื้อดึงของเจ้าเหลือเกิน" ร่างของหลินหยาสั่นสะท้าน ดวงตาหม่นลงจากพิษที่กำลังกัดกิน หัวใจเต้นแรงราวกับจะระเบิด นางรู้ดี...นางอาจยืนอยู่ได้ไม่ถึงสองนาทีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นในแววตาที่พร่ามัวกลับยังคงส่องประกายแห่งการต่อต้าน ไม่ว่าจะเจ็บสักเพียงใด หลินหยาก็จะไม่ยอมแพ้ให้กับปีศาจตนนี้


ปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางไป๋เซียวขยับมือขึ้นจับคอหลินหยา เล็บคมของไป๋เซียวกดแน่นรอบลำคอหลินหยา เท้าของนางลอยเหนือพื้น ดวงตาพร่ามัวด้วยความเจ็บปวด เสียงหายใจขาดห้วง มือเล็กพยายามไขว่คว้าหาอากาศ แต่พลังชีวิตของนางกำลังถูกดูดออกจากร่างราวกับสายน้ำที่ไหลรินเข้าสู่ความว่างเปล่า เสียงหัวเราะของปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางดังลอดซี่ฟันแหลม


  “หืม…ความสิ้นหวังของเจ้ามันหอมหวานยิ่งนัก…ช่างเหมาะแก่การดื่มกินเสียจริง…”


ทว่าทันใดนั้น แสงสีแดงสว่างเจิดจ้าแผ่กระจายกลางอากาศ ด้ายแดงแห่งโชคชะตาปรากฏขึ้นเหนือศีรษะหลินหยา สายด้ายส่องประกายราวกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ลากผ่านอากาศตรงเข้ามาพันรอบร่างนางไว้ ขับไล่พลังมืดที่กัดกินอยู่ ด้ายแดงนั้นไม่เพียงพันธนาการไป๋เซียวชั่วขณะ แต่ยังทำให้มือของมันชะงักลงด้วยพลังที่เขาเองก็ไม่อาจมองข้าม ในเสี้ยววินาทีที่ความมืดกำลังจะกลืนกินทุกสิ่ง แสงสีขาวบริสุทธิ์ก็ฉายส่องราวกับรุ่งอรุณ ร่างขององค์เทพเยว่เหล่าปรากฏขึ้นกลางม่านหมอก กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้แห่งสวรรค์แผ่วผ่านสายลม องค์เทพย่างก้าวอย่างสงบ ดวงตาคมเย็นแต่แฝงด้วยประกายเมตตาและเด็ดขาด


เสียงของท่านก้องดุจระฆังสะท้อน “ไป๋เซียว…เจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว” เพียงคำพูดเดียว ลมแรงก็พัดกระหน่ำ ด้ายแดงจำนวนมากพุ่งออกจากอากาศ ราวกับวิหคแห่งโชคชะตาโผบินเข้าพันธนาการร่างปีศาจจิ้งจอกเจ็ดหางไว้ มันแผดเสียงคำรามด้วยความโกรธและเจ็บปวด ขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์จากองค์เทพแผ่ซ่านไปทั่ว เยว่เหล่าเอื้อมมือมารับร่างหลินหยาไว้เบื้องอ้อมแขน ปลายนิ้วแตะเบา ๆ บนหน้าผากนาง พลังอบอุ่นแทรกซึมเข้ามา ทุเลาพิษมังกรที่กำลังทำลายร่างกายให้ช้าลง ดวงตานางกระพริบช้า ๆ มองใบหน้าอันคุ้นเคยขององค์เทพ ริมฝีปากซีดเอ่ยเสียงแผ่ว 


“…ท่าน…เยว่เหล่า…”


“เจ้าไม่เป็นไรแล้ว เด็กน้อย…ตราบใดที่ด้ายแดงยังไม่ขาด ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไป” เทพเพียงเอ่ยเสียงนุ่ม รอบด้านแสงของด้ายแดงทอประกายชัดขึ้นเรื่อย ๆ ล้อมรอบทั้งสองร่าง ดวงตาไป๋เซียวฉายแววขุ่นเคืองและชั่วร้าย แม้ถูกพันธนาการ มันยังส่งเสียงหัวเราะเย็น “หึ…เจ้าจะปกป้องนางได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ เยว่เหล่า…?” สายลมสงบนิ่งเมื่อองค์เทพเยว่เหล่าก้าวออกมาจากวงแสง ด้ายแดงที่เคยพันธนาการไป๋เซียวคลายตัวออกเล็กน้อยแต่กลับกลายเป็นเกลียวสายที่ล้อมรอบตัวมันแน่นหนายิ่งกว่าเดิม ทุกเส้นด้ายขยับราวกับมีชีวิต ค่อย ๆ รัดพลังอำนาจของปีศาจเจ็ดหางจนแสงมืดรอบกายมันสั่นคลอน


“ไป๋เซียว…” เสียงขององค์เทพแผ่วเบาแต่ทุ้มลึก จนลมรอบ ๆ พื้นสะท้อนสั่นไหว “เจ้าผูกเงาแห่งความวุ่นวายปะปนกับเส้นด้ายของข้า... เจ้าอาจคิดว่าความรักเป็นเพียงเงื่อนไขที่เจ้าจะบิดเบือนได้ตามใจ แต่เจ้าลืมไปสิ้นว่า แม้ในความรักที่บิดเบี้ยวที่สุด ก็ยังมีประกายแห่งแสงสว่างที่เจ้ามิอาจกลืนกินได้”


ไป๋เซียวหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงเยาะเย้ยสะท้อนระคนความดื้อรั้น “แสงสว่าง? เจ้าเชื่อจริงหรือว่าเจ้าพวกมนุษย์นี่…” เขาเอียงหน้า เหยียดยิ้มมองหลินหยาในอ้อมแขนเทพ “จะมีแสงสว่างพอที่จะต่อกรกับข้า?”


เยว่เหล่าไม่ตอบคำ หันใบหน้าสงบนิ่งมองจ้องไปที่ปีศาจ ดวงตาเรียบนิ่งราวกับมหาสมุทรไร้คลื่น พลังที่แผ่ออกจากตัวท่านไม่ใช่ความเกรี้ยวกราด แต่เป็นแรงกดดันสงบที่หนักแน่นเหมือนภูเขา ด้ายแดงที่พันธนาการไป๋เซียวเริ่มเปลี่ยนจากแสงอ่อนเป็นเปลวเพลิงสีชาด ราวกับกำลังชำระล้างสิ่งสกปรกในดวงวิญญาณ “เจ้าคงลืมไปนะไป๋เซียว…ว่าแม้ดวงดาวจะโคจรผิดทาง แต่เมื่อถึงเวลา มันจะกลับสู่เส้นทางเดิมเสมอ” ท่านเอ่ยช้า ๆ ในแววตาปรากฏประกายเด็ดขาด ทันทีที่ถ้อยคำสุดท้ายจบ ด้ายแดงแตกกระจายเป็นนับพันเส้นโอบรัดปีศาจเจ็ดหางจนมันถูกบีบพลังมืดออกมาจากร่าง เสียงคำรามของมันดังสะท้านทั้งพื้นที่ แรงดันมหาศาลไหลย้อนกลับไปยังเงามืดที่มันสร้างขึ้น ทุกสิ่งที่บิดเบี้ยวเพราะมันค่อย ๆ ถูกชำระล้าง


เยว่เหล่าหันกลับมามองหลินหยาในอ้อมแขน ยกมืออีกข้างปัดเบา ๆ ลมอบอุ่นพัดผ่าน ลบร่องรอยบาดแผลเล็ก ๆ บนแขนของนาง “เจ้าทำได้ดีแล้ว หลินหยา” เสียงทุ้มนั้นอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย คล้ายสายลมในยามเช้า “ต่อไป...จงปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าคือผู้ที่เลือกเส้นทางของตนเอง ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับเงาทุกเงาในโลกนี้เพียงลำพัง”


ไป๋เซียวแม้ถูกกดข่มก็ยังแสยะยิ้ม “เจ้าจะขังข้าได้อีกนานแค่ไหน เยว่เหล่า…”


องค์เทพยืนนิ่ง สีหน้าไร้รอยโกรธหรือหวั่นไหว เพียงเอ่ยปิดท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นสงบ “นานพอ…จนกว่าเจ้าจะเรียนรู้ว่าแม้เงามืดก็ไม่อาจหนีจากแสงของโชคชะตาได้ แต่จิ้งจอกแบบเจ้าก็คงหนีได้อยู่ดีสินะ” ด้วยคำพูดนั้น แสงสีแดงเข้มปกคลุมทุกสิ่ง ก่อนที่ร่างไป๋เซียวจะถูกดูดหายไปในวงล้อมของด้ายแดง เหลือเพียงความสงบคืนสู่ศาลเจ้าอีกครั้ง


หลังจากเงามืดของไป๋เซียวจางหายไปในหมอกของด้ายแดง ความเงียบสงบกลับคืนสู่บริเวณศาลเจ้า เยว่เหล่าก้าวเข้ามาใกล้หลินหยาอย่างเชื่องช้า แววตาของท่านลึกซึ้งราวกับมองทะลุทุกสิ่งบนโลกนี้ เมื่อมองนาง ก็คล้ายเห็นเพียงเด็กน้อยที่ฝืนยืนหยัดต่อกรกับพายุ ทั้งที่ตัวเองบอบบางเพียงใด มือหนาขององค์เทพค่อย ๆ ยกขึ้น ลูบศีรษะหลินหยาเบา ๆ ราวกับปลอบโยน “เจ้าเหนื่อยมากแล้ว เด็กดีของข้า” เสียงนั้นอบอุ่นแต่แฝงด้วยน้ำหนักที่ทำให้หัวใจของนางสั่นสะท้าน


“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ… ข้าแค่…ดีใจที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ” หลินหยาเงยหน้ามองเขา ดวงตาสีอำพันสะท้อนแสงสว่างแผ่ว ๆ เธอยิ้มบาง ๆ ถึงแม้ร่างกายจะยังสั่นคลอน แต่ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น


องค์เทพไม่ได้กล่าวตอบทันที เพียงยกมืออีกข้างเรียกเส้นด้ายสีแดงจำนวนมหาศาลให้ลอยขึ้นกลางอากาศ ด้ายที่เคยพันกันยุ่งเหยิงกลับค่อย ๆ คลายออกทีละเส้น และเชื่อมต่อคู่ชะตาที่แท้จริงเข้าหากัน แสงอบอุ่นของด้ายแดงส่องประกายไปทั่วศาลเจ้าราวกับดวงดาวร่วงหล่นจากฟ้า ความผิดเพี้ยนที่ปีศาจสร้างไว้ถูกแก้ไขจนหมดสิ้น


เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่ครรลอง เยว่เหล่าจึงลดมือลง มองหลินหยาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มแผ่ว “หลินหยา… ขอบใจเจ้าที่ช่วยรักษาความสมดุลของโลกนี้ แม้เจ้าจะเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็ก แต่หัวใจของเจ้ากลับใหญ่เกินกว่าจะวัดได้” ทว่าในถ้อยคำอ่อนโยนก็แฝงคำเตือนที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นลงเล็กน้อย “แต่จงจำไว้…ศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่เพียงปีศาจหรือเงามืด หากคือความหวั่นไหวในใจเจ้าเอง หากเจ้าปล่อยให้ความกลัวหรือความรักอันบิดเบี้ยวนำพา เจ้าจะเป็นผู้ถูกกลืนก่อนสิ่งอื่นใด”


“ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะ” หลินหยายิ้มเล็ก ๆ รับคำเตือนนั้นอย่างเข้าใจ องค์เทพมองนางด้วยแววตาที่อ่อนโยนและสงบนิ่ง “จงก้าวไปตามเส้นทางที่เจ้ามั่นใจ หลินหยา… ข้าจะเฝ้ามองอยู่เสมอ” จากนั้นร่างของท่านค่อย ๆ เลือนหายไปในสายลม ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้และความสงบที่โอบล้อมหัวใจของนาง




[ปักตะไคร้]




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: ผมได้ด้ายแดงจนจะเต็มตัวผมละ 5555 


ไอเทมดรอป (ประลองระบบ)

ขนจิ้งจอก เลขไบต์สุดท้าย คู่

ไข่มุกปีศาจจิ้งจอก เลขไบต์สุดท้าย คี่


รางวัล: 5 ตบะฝึกฝน, ปลดล็อกหัวใจ 6 ดวง [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

ด้ายแดงแห่งโชคชะตา, ขนจิ้งจอก, แก่นวิญญาณจิ้งจอก 1 ชิ้น


99 EXP [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point


แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 5 ชั่วโมงที่แล้ว
โพสต์ 81,336 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 คุณธรรม +40 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวาน 18:57
โพสต์ 81,336 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวาน 18:57
โพสต์ 81,336 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ เมื่อวาน 18:57
โพสต์ 81,336 ไบต์และได้รับ +40 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +35 คุณธรรม +35 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ เมื่อวาน 18:57
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้