12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

[พิภพเทพ] ตำหนักเทพประมุข

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-8-29 10:31:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
"นี่ผมตายแล้วงั้นเหรอ" ชายหนุ่มคิดในใจพลางทบทวนความรู้สึก สัมผัสของไฟ แรงกระเเทก และความเขม่ายังคงติดตา



ชายหนุ่มใช้เวลาทบทวนตัวเองซักพักก่อนจะมองสภาพโดยรอบข้าง


'ที่นี่มันที่ไหน บรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างมีความขลัง และ ดูคล้ายบ้านของพ่อเขามาก แตกต่างกันที่เขารู้ดีตัวเขานั้นเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่งแต่เขากลับสงบเมื่ออยู่ที่นี่ แปลก


"สวัสดีคนจากต่างโลก" เป็นหญิงสาวผู้งดงามคนนึงค่อยๆเดินเข้ามา


"สวัสดีครับ เอ่อ คุณน้า" ชายหนุ่มไม่แน่ใจในอายุของหญิงสาว ถ้าเขาจะเรียกพี่ก็อาจจะไม่ให้เกียรติ เรียกป้า ก็อาจจะแก้เกินไปหน้าตาน้าเขาดูเด็กมาก


"เจ้าอยากไปใช้ชีวิตในอีกโลกนึงไหม" หญิงสาวกล่าวถาม


"อีกโลกนึงเหรอครับ ? เหมือนพวกนิยายจอมยุทธ ทะลุมิติอะไรแบบนี้เหรอครับ มีเซียนกระบี่ไหม ข้าไป ไป ไป ครับ " ชายหนุ่มได้ยินคำว่าต่างโลกก็ถามถึงทันที


หญิงสาวชะงักไปนิดนึง พลางคิดในใจ 'ข้าคงไม่ต้องแนะนำสิ่งอื่นแล้วซินะ


"มีซิ" นางกล่าว


"โลกที่ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่นั้นค่อนข้างอันตราย และในครั้งแรกที่เจ้าจะเข้าไปอยู่นั้นความทรงจำของเจ้าก็จะหายไปทั้งหมด เพื่อให้เจ้ากลมกลืนกับโลกเดิม แต่ไม่ต้องห่วงเจ้าจะได้พรสวรรค์ที่เจ้าร้องขอ พรสวรรค์เซียนกระบี่" นางกล่าวและส่งกระบี่สีทองซัดเข้าที่อกชายหนุ่ม


"นี่มัน ข้าเป็นเซียนกระบี่แล้ว" ความรู้สึกตอนนี้ชายหนุ่มดูคุ้นเคยกับอาวุธที่เรียกว่ากระบี่อย่างน่าประหลาดใจ


"เอาล่ะ เจ้าไปใช้ชีวิตเถอะ" นางผายมือไปที่ประตู


"ขอบคุณท่านมากขอรับ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรแล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม" ชายหนุ่มกล่าวถาม


"เรียกข้าว่าสัจจะเทพ เราจะได้เจอกันอีกไหม ถ้าเจ้าทำภารกิจ จนเสร็จ หรือสิ้นอายุไขนั้นไซร้ เราคงได้เจอกันอีก" นางกล่าว


ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนวิ่งเข้าประตูไป

----------
เกิดใหม่

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4756 ไบต์และได้รับ 1 EXP!  โพสต์ 2024-8-29 10:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2

1

กระทู้

3

ตอบกลับ

17

เครดิต

คนธรรมดาดาษดื่น

พลังน้ำใจ
0
ตำลึงทอง
0
ตำลึงเงิน
4
เหรียญอู่จู
250
STR
0+0
INT
0+0
LUK
0+0
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+0
โพสต์ 2024-8-31 02:11:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย HongLiTing เมื่อ 2024-8-31 02:28

ยังไม่ได้พักสินะ

ดวงตาของต้าเหนิงค่อย ๆ ปรับสายตากับแสงสว่างโดยรอบ 'ห้องฉุกเฉินเหรอ นี่เธอยังไม่ได้พักอีกเหรอ' ต้าเหนิงพึมพำกับตัวเองในใจ แต่เมื่อกวาดตามองดูรอบ ๆ ดี ๆ เธอก็พบว่ามันมีเสาขนาดใหญ่ สิ่งก่อสร้างที่ดูโออ่า สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความระยิบระยับและส่องประกาย ราวกับดินแดนแห่งความฝัน

'สวรรค์เหรอ'เราตายแล้วเหรอ' ต้าเหนิงพยายามที่จะเข้าใจว่าเธออยู่ที่ไหนและทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ภาพสุดท้ายที่จำได้ หลังจากเวียนหัวและไออย่างหนักก็มีรถยนต์ปริศนาพุ่งจากถนนชนเธอ สิ่งที่เธอจำได้มีความหนาวเย็นหิมะที่โปรยลงมา และไฟหน้ารถที่แสนแยงตาที่กำลังส่องมาทางเธอที่กำลังถูกบดทับ

ขณะที่เธอกำลังตั้งคำถามกับตัวเอง เสียงของผู้หญิงที่อ่อนโยนแต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้นจากด้านหลัง "ยินดีต้อนรับสู่ตำหนักซ่างกู่ ข้าเป็นเทพประมุขที่ปกครองสามพิภพนี้"

ต้าเหนิงหันกลับไปอย่างรวดเร็ว เธอเห็นหญิงสาวงดงามในชุดคลุมสีขาวที่มีประกายราวกับแสงจันทร์ หญิงสาวผู้มองเธอด้วยสายตาที่สงบแต่เต็มไปด้วยความเข้าใจ เจ้ากำลังสงสัยว่าเหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ ใช่หรือไม่ ก็อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละเจ้าตายแล้ว แต่ว่ามันเป็นการตายที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะเจ้าควรมีชีวิตยืนยาวกว่านี้"

แปลว่า ข้าต้องกลับไปเหรอ ข้าต้องกลับไปรับชะตากรรมแห่งความลำบากนั้นอีกเหรอ ข้ายังไม่ได้พักอีกใช่ไหม" ต้าเหนิงเอ่ยถามเชิงตัดพ้อ สิ่งที่เธอได้ยินไม่ใช่ข่าวดีเลย "ข้าขอดับสูญได้ไหม หากท่านเป็นเทพจริง" ข้าต้าเหนิง หญิงสาวผู้อาภัพขอให้ท่านหยุดวังวนที่น่าสังเวชนี้

เหตุใดถึงรีบร้อนสูญสลายนัก ข้าจักนำพาเจ้าไปโลกใบใหม่ มิใช่โลกใบเก่าไม่ต้องห่วง นี่จะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเจ้า

"เริ่มต้นใหม่?" ต้าเหนิงแสดงสีหน้าประหลาดใจ

ใช่ที่โลกใบนี้ เจ้าสนใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเจ้าที่นี่ และเพื่อชดเชยความผิดพลาดจากการตายโดยไม่ถึงคาด รวมถึงเพื่อทำภารกิจที่ข้าจะมอบให้ เจ้าจะได้รับพรวิเศษ" สตรีผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มขณะอธิบาย

"พรวิเศษ?" ต้าเหนิงทวนสิ่งที่ได้ยินอีกครั้ง เพราะมันเหมือนสิ่งที่เคยได้ยินและพบเจอในหนัง แต่ในตอนนี้เธอกำลังจะได้รับมันจริง

"ถ้าขอพรได้ ข้าอยากขอพรให้ข้าไม่เจ็บป่วย ข้าไม่อยากทรมานเพราะมันอีกแล้ว"

"ย่อมได้ ข้าจะมอบพรแห่งหมอฝึกหัดให้ นอกจากรักษาอาการป่วยของตนแล้ว เจ้ายังจะรักษาผู้อื่นได้ด้วย ในโลกใบใหม่ เจ้าจะไม่ได้เป็นเพียง หญิงสาวไร้ค่า แต่จะเป็นผู้มากพรสวรรค์ที่ทุกคนต้องการตัว แต่ทว่าเพื่อการแลกกับพรของข้า เจ้าจักต้องสูญเสียความทรงจำในชาติเดิมไปด้วย เพื่อให้จิตวิญญาณสามารถปรับตัวเข้ากับภพนี้ได้ หากเจ้าอยากได้รับมันคืนอีกครั้ง เจ้าต้องรวบรวมเสี้ยวความทรงจำนั้นผ่านภารกิจที่ข้าจะมอบให้ไปทีละส่วน"

"ลบไปเลยค่ะ ข้าไม่มีสิ่งใดให้จดจำอีกแล้ว แม่ของข้าก็ตายจากข้าไปแล้ว ท่านแม่ก็คงได้ไปยังสถานที่แห่งใหม่แล้วเช่นกัน สิ่งที่เกิดในชาติก่อน ก็ควรอยู่แค่ชาติก่อน ข้าทำดีที่สุดแล้ว และท่านแม่ของก็คงรับรู้"

"ถูกต้อง แม่ของเจ้ารับรู้ นางไม่เคยโกรธเจ้าเลย และนางยังขอโทษเจ้าด้วยที่ทำให้เจ้าลำบากมานาน นี่คงเป็นของขวัญเล็กน้อยที่ข้าจะมอบให้ คำพูดที่ไม่เคยได้ส่งต่อในภพวิญญาณ เจ้าไม่ต้องแบกภาระอะไรเอาไว้อีกแล้วต้าเหนิง จงไปเริ่มต้นใหม่เสียเทอญ"

"ข้า...ข้าพระคุณท่านมาก ท่านประมุขซ่างกู่" ต้าเหนิงค้อมคำนับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาของเธอแดงก่ำเพราะน้ำตากำลังไหลรินออกมา เพราะเธไม่ได้เพียงแค่เริ่มต้นใหม่ แต่ยังได้ปลดภาระทั้งหมดลง ณ ที่แห่งนี้

"ไปเถิดไปเริ่มต้นใหม่ ต้าเหนิง... ไม่สิ แม่นางหง"


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 14468 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-8-31 02:11

1

กระทู้

4

ตอบกลับ

182

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
100
ตำลึงทอง
52
ตำลึงเงิน
26
เหรียญอู่จู
6927
STR
0+0
INT
0+0
LUK
0+2
POW
0+0
CHA
15+5
VIT
0+0
คุณธรรม
0
ความชั่ว
0
ความโหด
0
โพสต์ 2024-8-31 05:28:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย QiZhinglong เมื่อ 2024-8-31 13:16

Document

ความเงียบสงบอันมืดมิดค่อยๆแปรเปลี่ยน ความรู้สึกเจ็บอันหนักอึ้งและหูที่อื้อจนแทบไม่ได้ยินอะไรค่อยๆหายลงอย่างช้าๆ ความอบอุ่นที่อยู่รอบกายของเขานั้นทำให้การลืมตาตื่นช่างเป็นสิ่งที่ยากเย็นนัก ’ โรงพยาบาลหรือเปล่านะ ’ ความคิดจากบุรุษผู้กึ่งหลับกึ่งตื่นได้เข้ามาในหัวของเขา เขามักพบเมื่อเขารับชมภาพยนตร์ในโทรทัศน์ที่ตัวเอกมักจะตื่นมาพร้อมกับคำถามที่ว่า ‘ ที่นี่ที่ไหน ’ มันช่างเป็นอะไรที่ขัดใจสำหรับเขาเล็กน้อย อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ไม่อยากที่จะดูเป็นคนแบบนั้นในสายตาของเขาเอง


เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาใกล้เข้ามา ชายหนุ่มผู้ซึ่งผ่านความเป็นความตายมาไม่นานนักยังคงนอนอยู่ที่เดิม เขายังไม่อยากที่จะรับรู้อะไรในตอนนี้ทั้งนั้น การนอนเลยเป็นทางออกของเขา แต่ความสงสัยก็ไม่ได้น้อยลงแม้แต่น้อยเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ สายตาคมค่อยๆหลับตาแน่นขึ้นก่อนจะค่อยลืมตาขึ้นมา แสงสีทองอ่อนจากแดดนั้นได้สาดเข้ามาในดวงตาของเขา สายตาที่ยังปรับไม่ดีนักทำให้เขาแสบตาไม่น้อย ก่อนที่เขาจะชันตัวของเขาขึ้นมา 


สถานที่อันไม่คุ้นเลย หรูหราและสวยงามเกินกว่าที่จะเป็นโรงพยาบาลได้ เขากลืนน้ำลายตัวเองลงไปอึกหนึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่เขารำคาญใจเองเสียแล้ว ภาพสถานที่ ที่เขาเห็นนั้นงามมากเสียจนไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกมนุษย์ได้ หญิงงามแต่งตัวด้วยชุดจีนที่ไม่คุ้นตาได้เดินมาหาเขา น้ำเสียงไพเราะได้เอ่ยขึ้น


“ เจ้าคงมีเรื่องสงสัยอยู่มาก ลุกขึ้นก่อนแล้วข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง “


ร่างสูงของชายหนุ่มได้ค่อยลุกขึ้นตามน้ำเสียงที่ได้ยินร่างกายของเขาเบากว่าในความทรงจำของเขามากแม้จะรู้สึกไม่คุ้นเคยแต่เขาก็ได้เดินตามหญิงสาวแปลกหน้าไปยังโต๊ะและเก้าอี้ชุดหนึ่งก่อนที่เขาจะได้นั่งลง สถานที่แห่งนี้ดูแล้วคล้ายราชวังจีนแต่ดูหรูหราและงามกว่านั้น เขาอยากถามเรื่องที่เขาสงสัยมากมายแต่คำถามเหล่านั้นก็ได้ถูกหยุดไว้จากคำพูดของหญิงสาวปริศนา ” ตอนนี้เจ้าได้ตายไปแล้ว “ ในคราวแรกเขาก็แทบไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อยแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมรับว่าในซอยนั้นเขาจะถูกรุมซ้อมเสียจนไม่เหลือชิ้นดี มิหน่ำซ้ำศพของเขาก็ดันถูกเก็บไปโดยลูกค้าโรงจิตที่คลั่งเขามากจนอันตรายนำไปเก็บไว้


“ แล้วทำไมผมจึงมาอยู่ที่นี่หรอครับ “


เสียงทุ้มต่ำได้เอ่ยถามออกไปถ้านี่เป็นโลกหลังความตายในตอนนี้เขาคงอยู่บนสวรรค์กระมัง แต่ที่เขาอยู่นั้นเงียบเชียบเกินกว่าจะเป็นสวรรค์ที่เขาคิด โลกที่จากมาคงไม่ปราศจากคนดีขนาดที่สรรค์จะมีเพียงสองคนหรอกนะ หรือที่นี่อาจเป็นที่ตัดสินโทษของเขา 

เจ้าของร่างงามที่อยู่ตรงหน้าได้เล่าเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้โดยคร่าวและได้อธิบางถึงทักษะต่างๆที่จำเป็นต้องใช้และจะมอบให้เป็นความสามารถติดตัวไปในตอนเริ่มและจะโดดเด่นมากกว่าคนอื่นอีกมาก


‘ ทักษะความแข็งแรง ความโชคดี ความน่ารัก ความเฉลียวฉลาด ทักษะการรักษา และ ความช่ำชองในการใช้ดาบ ‘


ทักษะทั้งหกนั้นมีสองทักษะที่ทำให้เขารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ‘ ความน่ารัก ’ และ ‘ การรักษา ’ หน้าตานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมากในชีวิตที่ผ่านมา แต่สิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่จบชีวิตของเขาเช่นเดียวกัน การใช้ชีวิตแบบหน้าตาดีไปวันๆนั้นคงมีสิ่งดีๆเข้ามาไม่มาก็น้อย และเป็นหนทางของการเป็นเสือนอนกิน การรักษานั้นเป็นเพียงสิ่งที่เขามักจะสดุดหูเมื่อเขาได้ดูภาพยนตร์เกี่ยวกับยุทธภพ หมอเทวดา เพียงแค่เอ่ยชื่อนี้ก็จะเห็นภาพของบุรุษใจดีผู้มากความสามารถและรักษาได้ทุกโรคขึ้นมา


“ ท่านพอจะมีเวลาให้ผมบ้างไหม ”


“ ผมลังเลในสองสิ่ง ”


แม้ทักษะนั้นจะน่าสนใจทั้งสองแต่เขาก็ต้องเลือกเพียงหนึ่ง หากเขาโลภไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้เขาจะคิดแบบนั้นแต่ก็ยังมีแอบในใจเล็กๆที่อยากได้ทั้งสองอย่าง ถ้าเขาลองถามหยั่งเชิงไปคงจะได้รู้อะไรมากขึ้น ร่างสูงสูดหายใจเขาไปลึกทีหนึ่งก่อนที่จะได้เอ่ยถามออกไปหลังจากร่างสวยตรงหน้าได้พยักหน้าตอบรับกับคำถามของเขา


“ ท่านคิดอย่างไรกับหมอเทวดาผู้มีหน้าตาดีหรอครับ ”


“ หรืออาจเป็นผู้หน้าตาดีผู้มีจิตใจเมตตา ”


“ คำถามนี้สื่อถึงเจตนาผมชัดไปหน่อยรึเปล่าครับ “


เมื่อเขาถามจบก็ได้หัวเราะแห้งๆกลบความเขินของตัวเองก่อนที่จะได้ยกมือขึ้นมาลูบที่ท้ายทอยขอบเขาอย่างเบามือในใจพลางคิดว่าเขาถามอะไรลงไปกันหละเนี่ย สายตาของเขาเหลือบขึ้นไปตรวจสอบสีหน้าของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจ คิ้วที่ขมวดเข้าเล็กน้อยคล้ายกำลังคิดค่อนข้างจะชัดเจนว่าเขาคงได้รับคำตอบของคำถามที่ดูโลภไม่น้อยของเขา


” ข้าจะให้คำตอบในตอนที่เจ้าลืมตาดูโลก “


” มีสิ่งใดที่เจ้าต้องการอีกหรือไม่ “


เสียงไพเราะแต่ฟังแล้วฉะฉานได้เอ่ยคำถามขึ้นมาอีกหนึ่ง ทำให้เขารู้ว่าอีกไม่นานนักเขาคงจะลืมเรื่องราวก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้วเริ่มต้นใหม่ คิดแล้วก็น่าใจหายไม่น้อย เรื่องราวต่างๆที่สร้างเขาขึ้นมาบัดนี้ถึงจะไม่ใช่ชีวิตที่เขาใฝ่ฝันแต่เขาก็ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และได้สะสางภาระของเขาจนหมดสิ้น


“ ถ้าไม่มากจนเกินไป ผมขอให้ชีวิตหน้าผมได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเองไม่ต้องมีภาระมาฉุดรั้งได้ไหมครับ “


การที่เขาจะได้เที่ยวเล่นโดยสบายในนั้นการไม่มีภาระที่ต้องสะสางคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้หยุดพักหรือได้ผ่อนคลายจนเมื่อถึงเวลาสุดท้ายของเขาก็ยังไม่หายเหนื่อยจนเต็มที่ด้วยซ้ำ ต่อไปเขาขอให้ชีวิตไปกับการเที่ยวเล่นคงไม่ถือเป็นสิ่งที่มากไป


“ ถ้าอย่างนั้นขอให้เจ้าจงใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมีความสุข ”


สุดเสียงแสงสว่างตาได้สาดเข้ามาภายในดวงตาของเขาก่อนจะได้ห้อมล้อให้ความอบอุ่นก่อนที่เขาจะได้หลับไปอีกครั้งหนึ่ง…




**หมายเหตุ ถ้าแอดมินชอบหมอที่หน้าตาดีขอเลือกการแพทย์ หรือคนหน้าตาที่ที่ชอบช่วยเหลือขอเลือกหน้าตาครับ**



แสดงความคิดเห็น

โปรดเปิดใช้ระบบไอเท็มสำหรับครั้งแรกที่สมัครสมาชิก  โพสต์ 2024-8-31 12:30
สุ่มผลลัพธ์ที่ออก  โพสต์ 2024-8-31 12:29
โพสต์ 41661 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-8-31 05:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดคุณชาย
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x2

1

กระทู้

11

ตอบกลับ

307

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
200
ตำลึงทอง
25
ตำลึงเงิน
103
เหรียญอู่จู
8753
STR
3+0
INT
3+0
LUK
6+5
POW
2+0
CHA
3+0
VIT
3+0
คุณธรรม
0
ความชั่ว
0
ความโหด
0
โพสต์ 2024-9-5 18:40:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ข้อเสนอในโลกใบใหม่
      
       ไอความร้อนพาดพาน ทิ้งไว้เพียงความปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งร่าง เปลือกตาปิดแน่น คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเพราะความทรมานจากการถูกไฟแผดเผาหากแต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นเพียงไม่นานไอร้อนและความทรมานต่างๆก็หายไป เหลือทิ้งไว้แต่เพียงสายลมเย็นๆที่พัดกระทบร่างของชายหนุ่ม

        อี้ลืมตามองไปรอบด้วยความฉงน ไม่มีเปลวไฟที่เกิดจากแก๊สระเบิด ไม่มีถนนรถยนต์ หรือกระทั่งผู้คน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแทนที่ห้องโถงโอ่อ่าที่เสาไม้ทุกตนแกะสลักเป็นลวดลายของมังกรจีนที่เห็นได้ตามหนังกำลังภายในย้อนยุค เฟอร์นิเจอร์หรือกระทั่งของตกแต่งอย่างแจกันล้วนถูกประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดายากประเมินค่า
บริเวณที่เขายืนอยู่ตอนนี้หรือทางเดินตรงกลางซึ่งห้อมล้อมไปด้วยสะน้ำเล็กๆ ที่เมื่อมองลงไปจะเห็นปลาคราฟหลากสีสันกำลังว่ายไปมาด้วยความสนุกสนานแต่สิ่งที่ดึงดูดสายของอี้ไม่ใช่เหล่าฝูกปลาที่ว่ายวนไปมาหากแต่เป็นเหล่าดอกบัวในสระน้ำขนาดเล็กนี่ต่างหาก

แม้รูปร่างของมันจะบ่งบอกว่ามันเป็นดอกบัวแต่รูปลักษณ์ของมันกลับไม่เหมือนดอกบัวที่เขาเคยเห็นมาตลอดทั้งชีวิตเลยแม้แต่น้อยเพราะตั้งแต่ก้านของมันไปจนถึงกลีบดอกหรือเกสรด้านในกลับเป็นคริสตันทั้งหมด แน่นอนของแบบนี้ถ้าไม่ถูกส้างขึ้นมาก็คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นแหละ

“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ดอกบัวเบื้องหน้าของเจ้าคือดอกบัวสวรรค์พวกมันล้วนอาศัยและเติบโตในแหล่งน้ำทิพย์ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยไอเซียน และถูกดูแลด้วยเหล่าเซียนดอกไม้กว่าจะเติบโตและเบ่งบานอวดโฉมงดงามก็ใช้เวลาร่วมหนึ่งร้อยปีจึงพร้อมที่จะออกดอกแรกให้ชมเชย”

อี้หันไปมองตามเสียงก่อนจะนิ่งชะงักไปเมื่อพบหญิงสาวในชุดเอ่อ..จีนโบราณที่น่าจะเรียกว่าฮั่นฟูรึเปล่าถ้าเขาจำไม่ผิด โดยชุดของหญิงสาวตรงหน้าใส่อยู่เป็นสีขาวล้วนทั้งยังประดับไปด้วยเครื่องเพชรเครื่องทองดูหรูหราไม่น้อย

“สวัสดีครับ” อี้กล่าวพร้อมกับยกมือไหว้ตามมารยาทที่ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก

“สวัสดี นั่นคงเป็นวิธีทักทายของคนในดินแดนเจ้า”

“อ่าา..ครับ แล้วคุณเป็นเทวดา เอิ่ม..ไม่สิเป็นผู้หญิงต้องเป็นนางฟ้าใช่ไหมครับ แล้วนี่ผมตายแล้วใช่ไหม ที่นี่เป็นสวรรค์เหรอครับ ผมไม่ต้องไปแบบเจอท่านยมแล้วอ่านบัญชีบุญกรรมก่อนขึ้นสวรรค์เหรอครับ”

“หึหึหึ คำถามของเจ้าช่างน่าขันนัก ใจเย็นๆ ก่อนเราค่อยๆ เดินไปคุยไปดีหรือไม่” หญิงสาวในชุดฮั่นฝูสีขาวกว่าพร้อมกับเดินนำออกไป

อี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รอช้ารีบก้าวขายาวเดินตามอีกฝ่ายไปแทบจะทันที

“ข้าคือสัจะเทพอี้เหอเป็นเทพประมุขบนที่แห่งนี้ ที่เจ้ากล่าวถามมาเมื่อครู่ถูกครึ่งหนึ่งและไม่ถูกครึ่งหนึ่ง”

“...”

“เรื่องที่เจ้าตายแล้วเจ้าเข้าใจถูกต้อง ตามปกติแล้วเมื่อมีคนที่ตายและวิญญาณออกจากร่างก็จะถูกสิ่งที่พวกเจ้าเข้าใจกันว่าคือยมทูตไปรับเพื่อพาไปยังนรกก่อนเพื่อให้ไท่ซานฝู่จวิน หรือที่เจ้ารูกจักก็คือท่านพญายมในความเชื่อของดินแดนเจ้าตัดสิน ผู้ที่ทำดีมีผลบุญสั่งสมไว้มากก็ขึ้นสวรรค์กำเนิดเป็น เทพ เทวดา นางฟ้า”

“เพียงแต่ในกรณีของเจ้านั่นต่างออกไป ด้วยความผิดพลาดบางประการทำให้เจ้าต้องพบเจออุบัติเหตุที่ทำให้เจ้าต้องสิ้นอายุขัยก่อนเวลาทั้งที่จริงแล้วเจ้าควรจะมีอายุยืดยาวออกไปอีกห้าสิบปี และด้วยสาเหตุนี้ข้าจึงมีข้อเสนอหนึ่งให้เจ้าได้เลือก”

“ขอเสนอเหรอครับ” อี้เงยหน้ามองร่างของสัจเทพตรงหน้า

“ใช่ เจ้าสนใจหรือไม่”

“มันจะอันตรายไหมแบบว่าต้องไปแบบ ในละครที่ผมเคยดูผมต้องไปทำภารกิจเสี่ยงตายอะไรแบบนั้นไหมครับ”อี้เปิดปากถามขึ้นมาด้วยท่าทีเป็นกังวลไม่น้อย

“หึหึหึ นั่นก็สุดแล้วแต่เจ้าจะเลือกเส้นทางที่อันตรายหรือไม่”

“งั้นข้อฟังข้อเสนอของคุณ เอ่อท่านก่อนได้ไหมครับ”

“ย่อมได้”สัจเทพอี้เหอกล่าวพร้อมกับเดินกลับขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์ของตนพลางทอดสายตามองยังมายังร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่เบื้องล่างด้วยแววตาเอื้ออาทร

“ข้อเสนอของข้าคือข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง เพียงแต่โลกที่เจ้าจะได้ใช้ชีวิตในครั้งนี้จะเป็นคนละที่กับที่เจ้าได้จากมาแน่นอนการเกิดเป็นมนุษย์ย่อมมีเส้นทางให้เจ้าได้เลือกมากมายทั้งเส้นทางที่จะนำพาเจ้ายังความสุข และเส้นทางแห่งทุกข์แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าย่อมเลือกเส้นทางที่ดีให้กับตนเองเป็นแน่”

“และแน่นอนว่าข้าจะมอบพรให้เจ้านำติดตัวไปด้วยหนึ่งข้อ ซึ่งพรข้อนี้จะช่วยเจ้าได้มากหรือน้อยนั่นย่อมขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าเองอีกเช่นกัน”

“แล้วโลกที่ผมจะไปใช้ชีวิตเป็นแบบไหนเหรอครับ ท่านพอจะใบ้ๆให้ผมได้ไหม”

“ดินแดนแห่งอารยธรรมที่กว้างใหญ่ ขุนเขาสูงสง่าเขียวขจี มีฮองเต้ปกครองด้วยความเป็นธรรม และเต็มไปด้วยพลังวิเศษ เทพ และเซียน เป็นอย่างไรสนใจหรือไม่”

“ผม…”อี้ก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับครุ่นคิดในใจกับตนเอง ใช่ว่าตัวเขาไม่เสียใจที่จู่ๆ ตนเองก็มาเกิดอุบัติเหตุจนตาย เขายังทำตามความฝันไม่สำเร็จ ทั้งพ่อกับแม่รวมถึงแฟนคลับที่ตั้งตารอเขาก็คงเสียใจไม่แพ้กัน แต่ในเมื่อเขาตายไปแล้วจะย้อนกลับไปแน่นอนว่าคงเป็นไปไม่ได้

ก็หวังได้แค่ว่าชีวิตใหม่ ในโลกใหม่จะไม่ใจร้ายกับเขามากเกินไป

“ผมตกลงครับ”

“ดี เช่นนั้นข้าจะมอบพรให้เจ้านำติดตัวไป จงเลือกมาหนึ่งอย่าง ความรู้ ความแข็งแรง เสน่ห์ โชคลาภ การปรุงยารักษา หรือลมปราณแห่งเทพเซียน”

“ผมเพียงต้องการแค่ชีวิตที่เรียบง่าย ครอบครัวอบอุ่นที่รักใคร่กลมเกลียว อาจช่วยกันเปิดร้านค้าเล็กๆเลี้ยงแมวสักสามหรือสี่ตัว”

“...”

“ผมขอเลือกโชคลาภแล้วกันครับบางที โชคดี อาจจะช่วยให้ผมใช้ชีวิตที่โลกใบใหม่ได้ง่ายขึ้น”

“ย่อมได้”สัจเทพอี้เหอพยักหน้าก่อนจะโบกมือไปในอากาศเบาๆให้ละอองแสงสีทองลอยมาวนเวียนที่รอบตัวของอี้ก่อนจะซึ่มหายเข้าไปในร่างของชายหนุ่ม

“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะขอครับ”

“เรื่องอันใดล่ะหากไม่เหนือบ่ากว่าแรงข้าย่อมพอจะช่วยได้”

“ผมอยากให้หน้าตาของผมในโลกใหม่เหมือนกับตัวของผมในโลกเก่าครับ อย่างน้อยมันก็คือหน้าตาที่พ่อกับแม่ของผมมอบให้มา ผมอยากจะเก็บรักษามันเอาไว้”

“ได้ข้ารับปากเจ้า ไปเถิดโลกใบใหม่กำลังรอเจ้าอยู่”

สิ้นเสียงกล่าวเปลือกตาของอี้ก็เริ่มหนักขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ เมื่อเปลือกตาของเขาปิดลงเขาก็รู้สึกวูบโหว่งราวกับร่างกายของเขากำลังร่วงตกลงมาจากที่สูงก่อนที่เขาจะหลับไป….






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 18768 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-9-5 18:40
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x20
x75
x7

6

กระทู้

44

ตอบกลับ

3240

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2436
ตำลึงทอง
124
ตำลึงเงิน
321
เหรียญอู่จู
14713
STR
5+1
INT
15+0
LUK
5+7
POW
5+0
CHA
0+0
VIT
0+10
คุณธรรม
377
ความชั่ว
12
ความโหด
217
โพสต์ 2025-5-15 17:39:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuRuxuan เมื่อ 2025-5-15 17:42








หยุด ณ จุดจบ / เริ่ม ณ จุดเปลี่ยน

หากนี่เป็นความตายจากอุบัติเหตุจริงอย่างที่เขาคิด มันก็เจ็บน้อยกว่าที่จินตนาการไว้มาก... เจ็บแบบที่แทบไม่เรียกว่าเจ็บด้วยซ้ำ ความรู้สึกแปลบแล่นเข้าสู่ร่างแวบหนึ่ง ก่อนจะมอดดับลงไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยความเบาหวิว ร่างกายของเขาเหมือนถูกยกออกจากความหนักหน่วงของโลกใบเก่า



เตชิตรู้สึกถึงความเย็นสบายแผ่ผ่านทุกอณูของตัวตน ดวงจิตของเขาไร้ร่าง ไร้น้ำหนัก เหมือนกำลังลอยละล่องอยู่ในอ่างน้ำอุ่นที่ไม่มีผิวน้ำ ไม่มีก้นบ่อ ไม่มีขอบเขต



หากนี่คือความตาย…มันก็น่าพักอยู่เหมือนกัน



เขาคิดในใจ ถ้าความตายคือการถูกปลดจากหน้าที่ รอดพ้นจากคอมเมนต์ประชุมสายของหมอปิ่นแก้ม และไม่ต้องตื่นมาหุงข้าวกล้องอีกในวันรุ่งขึ้น งั้นก็ไม่เลว


“ถ้า... ถ้านี่เป็นนรก มันก็น่าจะร้อนกว่านี้นะ” เขานึกในใจแบบครึ่งประชด


หรือไม่... บางทีนี่อาจเป็นแค่ภาพลวงจากสมองที่กำลังจะดับ จินตนาการสุดท้ายก่อนจิตจะสลายไปตลอดกาล?



แต่ว่า...ทำไมเขาถึงยังคิดได้อยู่ล่ะ?



มือไม่มี ปากก็ไม่มี แล้วทำไมเขาถึงยังรู้สึกเหมือนตัวเองพูดกับตัวเองได้แบบนี้?



หรือว่านี่คือ "โพสต์มอร์ตัม" แบบที่ในพวกนิยายบอกกัน? หรืออาจจะเป็นปรากฏการณ์ของสมองที่หลอกลวงก่อนดับ? เขาพยายามลืมตา แต่ดวงตาที่เคยอยู่กับเขามาทั้งชีวิตกลับไม่มีอยู่ ทว่าภาพกลับค่อย ๆ เริ่มชัดขึ้น



แสงสีทองอบอุ่นส่องทะลุม่านมืด เผยให้เห็นฉากหลังที่ดูราวกับฉากเซตซีรีส์จีนทุนสร้างสูง บรรยากาศคล้ายวังหลวงชั้นฟ้า ตำหนักใหญ่โตอร่ามไปด้วยกระเบื้องสีหยก เสาไม้แกะลายพญามังกรสองตนขดพันกันอย่างสง่างาม บนแท่นสูงใจกลางตำหนักมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งนิ่งอยู่ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์



นางไม่ได้ดูแก่ชรา แต่มิได้อ่อนเยาว์จนน่าหลงใหล หน้าตาเรียบเย็นแต่เปี่ยมด้วยเมตตา ดวงตาคู่สวยอ่อนลึกล้ำราวกับเห็นความเป็นไปของทั้งโลก มือเรียวบางวางนิ่งบนตักอย่างสงบ แต่เพียงแค่ปรายตาลงมา เตชิตก็รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองหยุดเต้น



เตชิตอยากจะอุทาน แต่ไม่มีเสียงหลุดจากลำคอที่ไม่มีอยู่แล้ว มีเพียงความคิดวนเวียนในหัว



โอเค... ถ้าเขาเคยอ่านนิยายมาก่อน นี่ก็คือ "ตำหนักเซียน" นี่มันต้องใช่แน่ ๆ



หญิงสาวบนบัลลังก์เงยหน้าขึ้น ดวงตาสงบนิ่ง ทว่าสายตาที่จับจ้องเขากลับคมกริบราวกับสามารถมองทะลุทุกซอกมุมของจิตวิญญาณ



“เจ้า... เตชิต หวงสุวรรณ”



เสียงนั้นดังขึ้นอย่างไร้ที่มา แต่กลับดังชัดอยู่ในห้วงจิตของเขาเอง



“เจ้าตายแล้ว”



เตชิตนิ่งไปหนึ่งวินาที ก่อนจะตอบกลับอย่างระมัดระวัง



“เอ่อ...ขอถามตรง ๆ เลยนะครับ ยังพอมีช่องให้กลับไปได้มั้ย?”



นางไม่ตอบในทันที หากแต่เพียงยกมือขึ้นเบา ๆ พลันภาพปรากฏขึ้นต่อหน้า ร่างของเขานอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน โลหิตไหลนอง เปื้อนกล่องข้าวที่เปิดอ้า ท่ามกลางเสียงไซเรนที่เบาบางลงราวกับถูกกลืนในน้ำ 



“อืม...ก็เข้าใจแล้วครับ”



เขาหยุดหายใจในความคิดตัวเองหนึ่งจังหวะ แล้วถอนใจราวกับยังมีปอด แม้จะไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็นแต่ในตอนนี้คงทำได้เพียงจำใจยอมรับมัน 



“แต่อุบัติเหตุนี่มันไม่ควรอยู่ในแพลนชีวิตผมเลยนะครับ ผมเพิ่งเตรียมเมนูสำหรับมื้อเย็นวันศุกร์ไว้แล้วนะ”



“ชีวิตของเจ้า...ยังไม่ควรสิ้นสุด” เสียงนางยังคงนิ่งราบ แต่อบอวลด้วยพลัง



“กล่าวอีกนัย เจ้ายังไม่ถึงฆาต แต่โชคชะตาเบี่ยงเบนจากเส้นทางเดิม เนื่องด้วยช่องว่างแห่งกฎแห่งกรรม ข้าจึงมีข้อเสนอให้แก่เจ้า”



ภาพตำหนักรอบข้างพลันเปลี่ยนเป็นภาพของโลกใหม่ ดินแดนที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน เทือกเขาสูงตระหง่าน แม่น้ำไหลเชี่ยว พระราชวังใหญ่โต และผู้คนแต่งกายคล้ายในยุคจีนโบราณกำลังดำเนินชีวิต ราวหลุดมาจากภาพยนตร์หรือซีรีส์แนวจีนโบราณซักเรื่อง



“โลกนี้อยู่ในยุคแห่งราชวงศ์ฮั่น อาณาจักรมนุษย์ยังคงต่อสู้อยู่กับเผ่าปีศาจจากทิศตะวันตก”



"โลกใบนี้คล้ายกับที่เจ้าจากมา เพียงแต่ที่นั่น มีสิ่งที่เรียกว่าลมปราณ แต่ใช่ว่ามนุษย์ทุกผู้จะสามารถเข้าถึง และเจ้าผู้มาจากโลกเดิม จะมีศักยภาพเหนือกว่าผู้อื่นในการเข้าถึงมัน"


เขาเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที "งั้นผมก็จะเป็นพระเอกเทพทรูใช่ไหมครับ?"


เทพประมุขขมวดคิ้วเล็กน้อย


"หาใช่เช่นนั้นไม่... การเกิดใหม่ของเจ้าจะเริ่มต้นด้วยความอ่อนแอ และขาดพลัง ทุกสิ่งเจ้าต้องไขว่คว้าเอาเอง”



"หืม… แปลว่าต้องไปเริ่มใหม่จากศูนย์สินะครับ ฟังดูคุ้นๆ แบบพล็อตนิยายที่ผมดองไว้อ่านตอนว่าง แต่ก็... ก็เอาเถอะครับ ไหนๆ ก็ตายแล้ว" แม้จะแอบเสียดายนิด ๆ แต่เขาคงหวังสูงอะไรมากไม่ได้ตั่งแต่แรกแล้ว นี่คือความจริงไม่ใช่นิยายซะหน่อย




“เจ้า...จะได้ไปเกิดที่นั่น หากเจ้ายินยอม วิญญาณเจ้าจะถูกปล่อยลงสู่พิภพนั้น พร้อมพรหนึ่งอย่างที่เจ้าจะเลือกเป็นของติดตัว”



เตชิตกระพริบตาในใจครั้งหนึ่งก่อนจะถาม



แล้ว…จำอะไรจากชีวิตเดิมได้มั้ยครับ? อย่างน้อยชื่อหมอปิ่นแก้ม ผมขอไว้แซวเล่นนิดหนึ่ง”



“ไม่ได้”



น้ำเสียงของนางเด็ดขาดพอจะปิดทุกประตูสู่ความทรงจำเก่า



“เจ้าจะจำอะไรไม่ได้เลย จนกว่าจะรวบรวมเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของตนกลับคืนมา”



“...โหดเหมือนกันนะครับ” เขาพูดขึ้น



“เอาล่ะ แล้วพรที่ว่านั่น ผมเลือกได้ใช่มั้ยครับ?”



เบื้องหน้าปรากฏกล่องพลังเจ็ดกล่อง ลอยอยู่ในอากาศ แต่ละกล่องมีคำเรียบง่ายกำกับ



คนใฝ่รู้ คนแข็งแรง น่ารัก ลาภลอย หมอฝึกหัด ผู้ใช้กระบี่ ผู้ใช้ทวน



เตชิตครุ่นคิด เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเหมาะกับทวน หรือจะอยากเป็นหมอซ้ำอีกในภพหน้า “ใฝ่รู้” ก็ฟังดูดี แต่คงอ่านยันตายก็ยังไม่เข้าใจสมการพลังยุทธ์



ในที่สุด เขาชี้ไปที่คำว่า ลาภลอย



“เอาจริง ๆ หัวใจผมบอกให้เลือก ‘ผู้ใช้กระบี่’ แต่สมองผมบอกว่า ‘ลาภลอย’ น่าจะช่วยให้ผมรอดได้นานกว่า... งั้นเอา ‘ลาภลอย’ ครับ เผื่อโชคดีได้อะไรติดไม้ติดมือระหว่างเดินทางบ้าง”




นางพยักหน้าเบา ๆ



“ด้วยพรลาภลอย เจ้าจะได้โอกาสเจอสิ่งพิเศษเหนือธรรมดาในเวลาที่เหมาะสม...แต่ไม่ใช่เสมอไป”



“โอเคครับ ฟังดูเหมือนชีวิตคนดี” เขาพึมพำ แล้วเลิกคิ้วทันทีเมื่อเทพประมุขพูดต่อ



“ที่เจ้าจะไปเกิด เป็นสถานที่อันตรายสำหรับทารก นักเดินทาง หากไม่เร่งเติบโต เจ้าจะไม่อาจรอดชีวิตได้ ข้าจะประทานพรให้ร่างกายเจ้าเติบโตเร็ว ถึงอายุสิบสองปีโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น”



เตชิตเบิกตา



เดี๋ยวๆๆ แล้วที่ผมจะไปเกิดมันที่ไหน ทำไมมันต้องรีบโตขนาดนั้นด้วย? แล้วสิบสองทำไมไม่ให้โตอีกหน่อยล่ะ  เดี๋ยวโดนแกล้งอีกนะ!”



แต่คำถามของเขาไม่มีใครตอบกลับมา



โลกเริ่มหมุนรอบตัว เตชิตรู้สึกว่าจิตของตนกำลังหมุนวน แสงรอบข้างเปลี่ยนเป็นสีเงินระยับ การรับรู้เริ่มเลือนราง



เขาพยายามจะพูดอะไรอีกสักอย่าง แต่คำพูดสุดท้ายก็ไม่ทันหลุดออกมา



ความคิดสุดท้ายในหัวของเขาก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงก็คือ...



“ขอให้มีเต้าหู้ในโลกหน้าเถอะวะ...”



แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นความว่างเปล่าอีกครั้ง—เงียบงัน มืดสนิท และชั่วขณะหนึ่ง...สงบจนน่าประหลาดใจ




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 28494 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-5-15 17:39
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x38
x35
x20
x1
x1
x1
x1
x2
x1
x1
x4
x2
x2
x10

2

กระทู้

17

ตอบกลับ

583

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
519
ตำลึงทอง
1
ตำลึงเงิน
89
เหรียญอู่จู
11170
STR
0+2
INT
0+0
LUK
0+7
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+2
คุณธรรม
44
ความชั่ว
0
ความโหด
29
โพสต์ 2025-5-19 23:00:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด

หลังความตาย

พาขวัญ เหินฟ้า

ความตาย...พาขวัญไม่เคยกลัวมัน เพียงแต่เธอกลัวอะไรที่มาแบบไม่ได้ตั้งรับ เธอคิดว่าทันทีที่ตายสมองเธอจะหยุดคิดแต่น่าแปลก ท่ามความความมืดเธอยังคงคุยกับตัวเองในสมองได้ เธอหลับตามองความมืดไปเรื่อยๆ จนเธอเริ่มแปลกใจ พาขวัญพยายามดันเปลือกตาตัวเองขึ้น แสงสว่างค่อยๆลอดเข้ามา

"เฮ้ย อีเxี้ย!!"นั้นคือเสียงเธอเองที่ดังกึกก้องลั่นเพราะเห็นหน้าตัวเองในสภาพเปิดตาค้าง เลือดไหลนองอยู่ตรงหน้า ร่างเบารุดถอยหลังในทันใด แต่เพราะไร้แรงโน้มถ่วงตัวเธอจึงลอยละลิ่วออกไปไกล เรื่องตกใจมาไม่หยุดหย่อน เธอลอยได้!!! "ว๊ายๆๆ อะไรอะ!"

เธอพูดอย่างดีใจเพราะตัวเองบินได้เหมือนนก แม้ร่างกายจะโปร่งแสงแต่พาขวัญหาได้สนใจไม่ เธอพยายามลอยออกจากสถานที่ที่ร่างกายที่เป็นศพตัวเองนอนอยู่เพราะอยากบินเล่น บางทีเธออาจจะลอยไปถึงเชียงใหม่ก็ได้!

แต่ใครจะคาด เมื่อเธอออกจากร่างกายตัวเองไปแค่ 1 กิโลเมตรเธอก็กลับมาเห็นหน้าตัวเองที่เละตุ้มเป๊ะใหม่

"ว๊าก!" แน่นอน เมื่อภาพจากท้องฟ้าแสนสวยกลายเป็นหน้าตัวเองตอนเป็นศพใครไม่ตกใจเธอให้เงินยี่สิบบาทเลย แต่เธอตกใจ!

เธอลองลอยออกไปอีกสองสามครั้ง ปรากฏก็ถูกดึงกลับมาให้เห็นหน้าตัวเองเหมือนเดิม ผลสรุปคือเธอไปไกลจากร่างกายตัวเองไม่ได้ ทำไม? แต่ถามไปก็ไม่ได้รับคำตอบ เธอลอยนั่งอยู่ที่เดิม ข้างศพตัวเองเหมือนเดิมกระทั่งมีป้ายหินแผ่นหนึ่งตกลงมาใส่หัวเธอ

"โอ้ย! แผ่นเsี้ยไรว่ะ!" ร่างบางสบถคำหยาบไม่หยุดตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองตาย เพราะพูดไปใครก็ไม่ได้ยินเธอจะสนทำไม แต่เดียวก่อน ทำไมแผ่นหินตกใส่หัวเธอได้ละ มันควรจะทะลุร่างเธอสิ เมื่อกี้เธอลองจับร่างตัวเองยังจับไม่ได้เลย พาขวัญขมวดคิ้ว หรี่ตามองแผ่นหินโง่ๆที่คว่ำหน้าอยู่ตรงนั้นก่อนจะกระดึ่บร่างกายตัวเองเข้าไปคว้ามันมา เsี่ย! เธอจับมันได้ด้วย!

บางครั้งชีวิตคนเราก็ไม่แน่นอน ไม่มีใครล่วงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต ความตายจะมาเยือนโดยไม่อาจรู้ล่วงหน้า และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังประสบพบเจออยู่ ถ้าคุณกำลังอ่านศิลาจารึกแผ่นนี้อยู่ล่ะก็ ย่อมแสดงว่าคุณได้ตายไปจากโลกแล้ว แต่ความตายย่อมไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตอย่างที่คุณเคยรู้หรือรับรู้มา แต่สำหรับบางคนที่มีความเชื่อในศาสนาย่อมเชื่อว่ามีโลกหลังความตาย การเดินทางของบางคน ความตายอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางชีวิตที่ท้าทายยิ่งกว่า นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังจะได้เผชิญพบเจอต่อจากนี้ ตอนนี้คุณเองคงรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเบาหวิวดั่งขนนก และกำลังถูกแสงสว่างบางอย่างดึงตัวคุณมายังที่สุดแสนจะงดงาม ใช่แล้ว สถานที่ตรงหน้าคุณคือ พิภพเทพ เบื้องหน้าของคุณเป็นเทพประมุขสูงสุดในจักรวาล ซ่างกู่

"ห้ะ? พิภพเทพ? ไหน?-" ยังไม่ทันได้สบถคำหยาบถัดไปภาพตรงหน้าของเธอจากถนนวงเวียนใหญ่รถติดในกรุงเทพกลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่มีแต่ทุ่งดอกไม้ เมฆหมอก ต้นไม้ที่สวยงามอย่างกับอยู่ในภาพเจนเอไอ ไม่นานก็มีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเทพธิดาจีนโบราณมาอยู่ตรงหน้าเธอในชั่วที่เธอกระพริบตาในระยะที่ไม่ทำให้เธอตกใจ ไม่ใกล้เกินไป ไม่ไกลเกินไป ตากลมใสของพาขวัญเบิกโพล่ง ครั้งแรกในวัย 25 ปีที่เจออะไรแปลกๆแบบนี้ แต่เธอก็ทำใจได้ในเวลาชั่วพริบตาเช่นกัน เพราะก็ปฏิเสธความเป็นจริงไม่ได้ว่าเธอตายแล้ว

เธอไม่กล้าพูดก่อน เทพธิดาตรงหน้าก็ไม่เอ่ยปากพูด รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้างดงามนั้นทำเอาตาพร่ามัวแต่ทันใดนั้นเองความคิดหน้าอายก็บังเกิด หรือเธอต้องลงไปคุกเข่าก่อน?!

สิ้นความคิดจิตวิญญาณไร้ร่างของพาขวัญก็ทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้ามอบศรีษะลงติดพื้นดินในทันใด

"คารวะองค์เทพธิดาซ่างกู่พระเจ้าค่า!" ด้วยความเป็นคนไทย ดันติดปากพูดพระเจ้าค่า ต้องเพคะสิ้ นั่นเทพธิดาจีนนะเฟ้ย! แต่เธอเป็นคนไทยนะเฟ้ย! เอาไงอะ! ทำไงอะ! แก้คำพูดทันป่ะ ขายหน้าชะมัดเลย!

"ฮะๆๆ" เสียงหัวเราะหวานดังออกมาจากสตรีที่อยู่ตรงหน้า "ช่างเป็นการทำความเคารพที่น่าชมยิ่งนัก ลุกขึ้นเถิดแม่นางพาขวัญ"

ไม่ถูกสินะ เธอทำไม่ถูกสินะ แงงง ก็หนูเป็นคนไทยในปี 2025 หมอบกราบอะไรหนูไม่เคยทำค่า หนูเลียนแบบในละครมา วันๆก็อยู่แต่ในบ้านในห้องค่า

"ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ ลุกขึ้นเถิดๆ" เอ๊ะ? เมื่อกี้เธอยังไม่ได้พูดเลยนะ อ่านใจได้หรอ?

พาขวัญเหงยหน้าขึ้นฉับพลันดวงตากลมที่เต็มคำถาม สบตาเข้ากับดวงตาเรียวงามที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอาว่ะ เขาให้ลุกก็ลุก

เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะกระพริบตาปริบๆ สีหน้าเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะทำตัวยังไง ในหัวมีแต่คำถามว่าเธอเป็นคนไทย แต่ทำไมเทพธิดาจีนถึงมา เธอดูซีรีย์จีนเยอะไป หรือว่าก่อนตายอยากลองทะลุมิติดูเลยได้มา แต่เธอไม่ได้รับคำตอบใดๆ

"อย่างที่เจ้าคิด ข้าคือเทพประมุข ซ่างกู่" เสียงอันไพเราะเธอที่เข้าใจว่าอ่อนหวานบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่นและกึกก้องเปี่ยมไปด้วยพลัง ผู้ที่กล่าวว่าตนคือเทพประมุขนั้นเดินหันไปพร้อมเอามือไพล่หลังกล่าวกับเธอ "เจ้าคงรู้ตนเองดีอยู่แล้วว่าตนนั้นไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่การที่เจ้าได้มาเจอข้าเช่นนี้ จะว่าไม่มีเรื่องอะไรเลยก็มิใช่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าแม่หนูน้อย อยากไปใช้ชีวิตต่อไปที่โลกหน้า หรือจะไปปรโลกเลย อยากเลือกทางไหนดีเล่า"

อีกฝ่ายว่าพลางเดินไปพลาง เสกเก้าอี้ขึ้นมานั่งไปพลาง พาขวัญครุ่นคิดกับคำถามถ้าเธอต้องกลับไปใช้ชีวิตที่สองเหมือนเดิม ขอไปปรโลกดีกว่า แต่ถ้าแบบชีวิตใหม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเหมือนในละครก็ไม่แน่ เธอจึงตัดสินใจถามออกไป

"โลกหน้าที่ว่าเป็นยังไงหรอคะ?" เธอถามออกไปแต่ในหัวคิดไว้ว่าอาจจะเป็นแนวจีนๆก็ได้ เทพธิดามาจีนสะขนาดนี้

"เป็นโลกที่มีความคล้ายคลึงกับโลกของเจ้า เพียงแต่โลกใบนั้นจะมีความคล้ายคลึงกันกับยุคสมัยจีนโบราณในโลกของเจ้า แต่ผู้คนที่มาจากโลกดั้งเดิมพวกเขามีศักยภาพที่จะเข้าถึงลมปราณได้ง่ายกว่าผู้คนในโลกนั้น นั้นคือเหตุผลที่ข้าเลือกเจ้า แน่นอนว่ามีพรให้เจ้าหนึ่งอย่างตามแต่จะเลือก" ก็ดูมีเหตุผลดี เธอก็รู้สึกสนใจ ไปแล้วจะเป็นเทพทรูเลยรึปล่าว? แต่ไปปรโลกคือเธอต้องได้ไปปีนต้นงิ้วแน่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นดูจากการที่ชีวิตนี้เถียงแม่ ดื้อกับแม่จนคอเอ็นแทบหัก อืม ไปโลกหน้าดีกว่า ปีนต้นงิ้วไว้ค่อยตายอีกรอบละกัน

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากใดๆอีกฝ่ายก็เอ่ยคำถามมาอีกครั้ง

"มีความรู้ล้ำดั่งนักปราชญ์ แข็งแรงดั่งหินผา งดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ โชคลาภเข้าหาอย่างไร้ซึ่งเหตุผล พรวรรค์ด้านการรักษาผู้อื่น หรือกวัดแกว่งกระบี่ดั่งทรชน เลือกสิว่าเจ้าอยากได้สิ่งใด" แต่ละอย่างทำเอาพาขวัญคิดหนัก อยากฉลาดก็อยาก อยากแกร่งก็อยาก อยากสวยก็อยาก แต่โชคลาภน่าสนใจไม่น้อย งี้เงินจะหล่นหัวใส่แบบป้ายหินเมื่อกี้ไหม? เธอตบตีกับความคิดตัวเองอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจได้

"หนูฝันมานานแล้วล่ะค่ะ ว่าอยากตื่นมาแล้วมีเงินหล่นใส่หัว" คำพูดของเธอเรียกรอยยิ้มจากเทพประมุขได้อีกครา

"ความปราถนาของเจ้าข้าตอบรับแล้ว" เธอตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอกำลังจะเป็นเทพทรู! แต่ประโยคถัดไปทำเอารอยยิ้มบนหน้าของพาขวัญนั้นจางหาย "เพื่อให้จิตวิญญาญสามารถปรับตัวเข้ากับภพนี้เจ้าจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวในชาติภพก่อนได้ เว้นเสียแต่ได้รับเศษเสี้ยววิญญาณที่กระจัดกระจายกลับคืนมาทีละส่วน ขอให้โชคดีนะแม่หนูน้อย"

อะไรนะ! แล้วเธอจะเป็นเทะทรูได้ยังไง!

พริบตาต่อมาทุกอย่างก็มืดลง



แสดงความคิดเห็น

เก่งครับท่าน ดีครับผม เต็มที่เลยคร้าบ  โพสต์ 2025-5-19 23:03
โพสต์ 21012 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-5-19 23:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ขลุ่ย
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x4
x1
x33
x1
x42

1

กระทู้

21

ตอบกลับ

357

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
171
ตำลึงทอง
100
ตำลึงเงิน
98
เหรียญอู่จู
10830
STR
3+2
INT
6+0
LUK
5+2
POW
5+0
CHA
0+5
VIT
2+2
คุณธรรม
103
ความชั่ว
0
ความโหด
73
โพสต์ 2025-5-25 00:30:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
 
    
Start

หลังการนอนหลับไป เธอรู้สึกเหมือนกำลังลอยตัวอยู่ในน้ำ แต่พอลืมตาขึ้น กลับไม่มีน้ำ ไม่มีฟอง ไม่มีเสียงหัวใจ มีเพียง ม่านหมอกบางสีชมพู ที่ล้อมรอบร่างของเธอไว้ ทุกอย่างเบา...เบาเกินจริง

ส่วนของเสื้อผ้าที่เธอใส่ก็เปลี่ยนไป กลายเป็นชุดผ้าโปร่งบางสีอ่อนที่ไหลยาวจรดปลายเท้าเหมือนทำจากกลีบดอกไม้จริง ๆ เธอสวมใส่ชุดในรูปแบบจีนๆหน่อย มันอาจจะพูดยากนะเเต่เธอคิดว่าเธอน่าจะกำลังฝันไปก็เป็นได้

ที่นี่มัน…ที่ไหนกัน?

นี่ฉันฝันไปหรือ…” เธอพยายามถามตัวเอง เพราะมันไม่คุ้นเคยกับที่นี้เลยด้วยซ้ำไป

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากบันไดหยกที่ทอดจากกลางอากาศ กลีบดอกท้อแตกกระจายเป็นเส้นแสงเมื่อละเท้าเธอสัมผัสมันร่างของ เทพซ่างกู่ ปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ นางคือสตรีในชุดคลุมยาวสีขาวไข่มุกปักดิ้นทอง ผมยาวดำสนิทถูกรวบสูงด้วยปิ่นคริสตัลรูปมังกรเมฆ ใบหน้าสง่างาม ไม่มีรอยยิ้ม แต่แววตาอ่อนโยนลึกล้ำ

เสียงนางเอื้อนเบา ๆ ราวกับหยดน้ำบนกระจกในยามรุ่งเช้า " เจ้า...คือทิฟฟานี  จากแดนมนุษย์ ผู้สิ้นอายุขัยโดยไม่มีบทอำลา

ตอนนี้ผู้ถูกเรียกชื่อถึงกับชะงัก ริมฝีปากเธอสั่น แต่ไร้คำพูด ในตอนนี้นั้นเธอยังสับสน ไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้กรีดร้อง แค่เงียบ เหมือนสมองเธอยังวนเวียนอยู่บนถนนเส้นเดิม ในรถคันเดิม...

ความตายของเจ้าตอนนั้นมันมิใช่โทษ แต่นั้นก็มิใช่รางวัล… มันเป็นเพียงประตู ที่เปิดเร็วกว่าคนอื่นนิดหนึ่งเท่านั้น” เสียงของเทพซ่างกู่ กล่าวแต่นั้นไม่ใช่คำปลอบโยนแต่เป็นเหมือนเสียงเรียกที่เเท่งใจเธอลงไป บอกเธออีกครั้งว่า เธอจากร่างนั้นไปแล้ว

บัดนี้ เจ้าถูกเรียกมายังตำหนักเทพประมุข… ก่อนจะเดินทางสู่การจุติครั้งใหม่ ” คำพูดนั้นยังทำให้เธอไม่เข้าใจ ทำไม เพราะอะไร ทุกอย่างมันมีเพียงคำถาม ที่ไม่ได้รับคำตอบ

แล้วฉันจะ…ได้พบเขาอีกไหม ” เสียงเธอเบาลง เหมือนคาดหวังว่าจะได้กลับไป เพียงขอกลับไปบอกลาก็ยังดี แน่นอนว่านี้มันคือการอ้อนวอน แม้คำอ้อนวอนนั้นอาจจะไม่มีผลอะไรเลยด้วยซ้ำไป

ทางด้านเทพซ่างกู่นิ่ง ไม่ตอบใดๆ เพียงมองเธออย่างเข้าใจ ก่อนจะเอื้อมมือออกมาปลายนิ้วเรียวยาวแนบแตะหน้าผากของทิฟฟานีจังหวะนั้นเอง เธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่นรอบๆกายตัวเองไปอย่างบอกไม่ถูก ก่อนเธอตะกล่าวอะไรออกมาอีก

ข้าจะมอบพรสวรรค์แก่เจ้า หนึ่งข้อ... เพื่อเป็นสิ่งนำทางให้เจ้าในชาติภพใหม่

เสียงนั้นดังกังวานอยู่ในหัวใจของเธอ แม้ไม่มีหัวใจอีกแล้ว ทิฟฟานีหลับตาลงช้า ๆ เธอไม่ได้เข้าใจทุกอย่าง แต่เธอรู้สึก…ว่าทุกอย่างนั้นจบลงแล้ว เธอรับพรนั้นมาก่อนดวงตาของเธอจะค่อยๆ ดับไป “ พรสวรรค์: เทพธิดาดอกท้อ " นั้นคือพรที่ เทพซ่างกู่ได้ให้เธอติดตัวไว้

และในช่วงครั้งสุดท้าย ในหัวของเธอได้ยินคำกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงพลังลึกล้ำ

ไปเถิด จงไป เกิดใหม่ในภพที่รอเจ้าอยู่ ” แสงตอนนี้ดับสนิท ร่างของเธอจางหายไป เพื่อลงไปเกิกใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นร่างใหม่


หมายเหตุ เลือกรับพรสวรรค์: เทพธิดาดอกท้อ
@Admin 
   
 

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13272 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-5-25 00:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดคุณชาย
กู่เจิง
หมวกไผ่ผ้าคลุม
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x20
x1
x10
โพสต์ 2025-6-3 23:05:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ทันทีที่เสียง ตึง!! ดังสนั่นโลกา สปอตไลต์ยักษ์เท่าโอ่งน้ำฝนตกใส่กลางกระหม่อมของ 'ชิดตะวัน' นักร้องหมอลำผู้ทุ่มชีวิตกับการเด้งเป้าในเพลง “ยายแล่ม…” สิ้นชื่อแต่กระฉ่อนด้านตำนานการตายที่สุดโชคร้าย มันคงจะเป็นอายุขัยที่หมดสิ้นของชิดตะวัน…


แต่…ไม่หรอก มันไม่จริง


ท่ามกลางความมืดมิดแสนเงียบเหงาเพียงชั่ววินาทีเท่านั้น ร่างจิตวิญญาณของชิดตะวันไม่สงบอย่างที่ควรจะเป็นเลยสักนิด “เxี้ยอะไรเนี้ย ห่าขั่วxึงเอ่ย!! มืดตึ๊บ!” เสียงตะโกนภายในใจ(?)ของชิดตะวันดังก้องไปทั่วอากาศรอบตัวแบบคนไม่รู้ว่าตัวเองฝันอยู่หรือเปล่า หรือจะลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องไอซียูของโรงพยาบาลใช่ไหม? ดวงจิตของเธอเหมือนกับหลุดออกจากร่างที่ไปทุบมาจากคุณหมอนัมจุนสาขากังนัมคุณพ่อคนที่สองรองจากแม่บังเกิดเกล้าที่ให้ใบหน้าและนมใหม่ยังไม่รวมการดูดไขมันต้นขาที่ใช้เวลาพักพื้นและดูดไขมันทำเอวเอส A ไลน์ เป็นร่อง 11 ที่ทำไว้อีก


ดวงจิตของเธอตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน? เคว้งคว้างลอยอยู่ในทะเลหมอกของความคิดสำหรับ โลกแห่งความคิดหลังความตาย ?? หรือเปล่า ตรงหน้าเแทนที่จะเป็นซอยเปลี่ยวในหมู่บ้าน หรือมีพวกปู่ย่าตาทวดมาบอกหวย 6 ตัวรวดจะได้รวยสักกะที แต่ไม่.. แทนที่จะมีหมา มีเสียงลำไย ไหทองคำ เอาเสียงของพี่เอ็ด ชีแรนก็ได้นะ ไม่ได้ติด 


“??? ที่นี่ที่ไหนมืดตึ๊บเลย” เสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างนึกสงสัย


หลังจากนั้นร่างจิตของเธอก็เหมือนลอยไปชนกับ ป้ายบอกทางเบี่ยง กลางความมืดมิด แล้วก็โดนกลืนไปโดยหมอกที่อยู่ ๆ ก็ปรากฎขึ้นอย่างน่าสยองพร้อมกับเสียงดนตรีแนวสไตล์ที่เคยดูหนังจีนสมัยก่อน แน่…มันจะร้องว่าอะสะดิงสะดองทำปะอะไรวะ!! ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากกว่านี้โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไปทันตา 


ฟู้ววววววววว


…..


และนั้นเองคือวินาทีที่ร่างกาย(?) จิตวิญญาณของชิดตะวัน พุ่งทะลุไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง..ที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหนมันเหมือนนครเทพแห่งเมฆาสีทองเรือง ๆ


“หือออ!! ที่นี่ที่ไหน!! โอ้วมายก๊อดดด ฉันมาที่ไหนวะเนี้ยยย”


เสียงสายลมหวีดหวิวผ่านร่างกายของที่ลอยเคว้งขึ้นฟ้าโดยที่ไม่รู้ตัว ร่างชิดตะวันที่อยู่ในชุดเดิมสำหรับเต้นหมอลำโชว์เป้าตัวยังขาวจากการพอกครีมวอชิของน้องโยชิอยู่เลยหน้าก็คัดเบ้าติดกลิตเตอร์ ชุดเหมือนจะไปเป็นแฟชั่นหมอลำสุดๆ เหมือนร่างกายมันยังจำได้ว่าตัวเองตายตอนที่กำลังเด้งเป้าอยู่อ่ะแต่ตอนนี้คือเด้งเป้าซัดสะโพกในความว่างเปล่าแทน


แดนสวรรค์อันเรืองรองดั่งภาพเทพเซียนจีนนฤมิต


เบื้องหน้าของเธอคือนครบนเมฆอันมหาโอฬาร แผ่ขยายกว้างราวกับราชวังของจักรพรรดิที่ถูกปลุกขึ้นจากตำนานจีนโบราณ อาคารหลังคาโค้งสีทองผ่องตัดกับเสาสีหยกขาวเรียงราวกันมากมาย สวยงามอย่างกับพระวิศนุกรรมมารังสรรค์(แต่น่าจะคนละศาสนา อันนั้นนานน้ำอินเดีย) ทุกหลังลอยอยู่เหนือเมฆที่พริ้วไหวราวกับไม่มีพื้น ราวกับมันคือผืนน้ำที่่กระเพื้อมไม่มีวันจบดั่งสายธารของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มีดินสำหรับต้นไม้ที่ขึ้นมามีพื้นเรียงรายกันด้านบน แต่ท้องฟ้าก็ใสสีรุ้งเรื่องรอง ต้นไม้สีชมพูที่ไม่แน่ใจว่าเป็นต้นซากุระหรือเปล่าผลิดอกราวกับมันไม่มีวันโรยรา ใจกลางลานคือวงรุ้งที่โค้งอยู่เหนือเกาะดอกไม้ลอยน้ำเหมือนสัญญาณต้อนรับคนที่พึ่งมา นกกระเรียนน้อยใหญ่บินอย่างสง่างามผ่านลมผ่าหน้า


“ไม่ได้นับถือเจ้าแม่กวนอิมนะ? ทำไมมาโผล่ที่นี่วะ?” นั้นคือเสียงของชิดตะวัน ใช่..นี้เซิร์ฟจีนโดยแท้ เธอเอียงคอเหมือนกับสงสัย เธอยังชอบลาบเลือดกับซอยจุ๊ หรือกระทั่งต้มแซ่บเนื้อเผ็ด ๆ หรือก้อยมะนาวอร่อย ๆ อยู่นะ


จนกระทั่งออร่าอะไรบางอย่างที่ทำให้ชิดตะวันต้องหันไปมองร่างของใครบางคนที่ลอยตัวโรยลงมาจากอาคารทรงจีนโบราณ เธอสวมชุดคลุมสีขาวแซมน้ำเงินแบบราชสำนัก แต่ทว่าดูอลังการกว่าจากลวดลายสีขาวที่ปักไว้ให้รู้ว่ามีความใส่ใจต่อเครื่องห่มแต่ไม่โอ้อวดแต่อย่างใด ลายปักราวกับสายลมและเกล็ดหิมะที่ร้อยเรียงเป็นตัวอักษรจีนโบราณอักขระที่เธอไม่เคยอ่านจะออก (เพราะทั้งชีวิตพูดภาษาจีนออกสามคำ ว้อยอ้ายหนี่ หนี่ห่าว กับเช่าหนีมา–) ตัวผ้าทิ้งเบาเหมือนสายหมอกละลาย เธอดูสูงศักดิ์และไม่อาจแตะต้องได้เลยกระทั่งชุดคลุมข้างในยังมีลวดลายละเอียดราวกับกลียดอกบัวบานในสระพิสุทธิ์ของเทพ ประดับเส้นด้ายดิ้นเงินสีของแสงจันทร์ส่อง มันเหมือนกับยันต์ผนึกพลังที่มากล้นของเธอไว้


ใบหน้าของเธอคือใบหน้าแบบคนจีนแบบจีนแท้ ๆ ไม่มีแบบชาวจีนโพ่นทะเล หรือเสี้ยวลาวครึ่งเขมรแบบคนอีสานกลางกับอีสานใต้ ผิวขาวเหมือนหยกสวรรค์เนียน แก้มและดวงตาระเรืองด้วยสีชมพูจาง ๆ ดวงตางดงามเหมือนสายน้ำไหล นิ่ง เยือกเย็น และเมื่อมองลึกลงไปราวกับมีแววตาเจืออารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นถ้อยคำพูดที่มากล้น มวยผมสูงจัดอย่างวิจิตร งามระเบียบไม่แพ้เทพธิดาองค์ใด ถูกประดับด้วยปิ่นเงินและดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เหี่ยวเฉอแม้ผ่านหมื่นยุคสมัย เส้นผมด้านหลังปล่อยยาวทิ้งตัวลงมาอย่างสงบ เสริมให้ใบหน้าของเธอดูสง่างามราวกับ...เทพ?


เมื่อมาถึงตรงหน้าไม่ไกลแต่อยู่เหนือกว่าให้รู้ว่าสถานะทั้งสองไม่อาจเทียมกันแม้สักเศษฝุ่นใต้เท้า แต่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้นหรอก


ชิดตะวันยังอึ้งอยู่ เพราะการแต่งตัวของทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว เธอยังแต่งตัวด้วยชุดสีแดงติดเพรชกับกลิดเตอร์ระยิบระยับให้แสงไฟสปอร์ตไลฟ์มันแทงเข้าตา แต่คนตรงหน้าไม่เลยสักนิด สงบแบบมีอะไรบางอย่าง


“เอ่อ…” เหมือนกับไม่แน่ใจว่าฟังภาษาอะไร “หนี่ฮ่าว?” เอ่ยขึ้นแบบนั้น


เทพที่ได้ยินก็ถึงกับปรายดวงตาของนางจ้องมองชิดตะวันราวกับคิดอะไรบางอย่างที่ไม่อาจหยั่งถึงได้แม้สักนิด แม้ว่าจะมีบางส่วนของคิ้วที่ขยับเข้าหากันก็ตามที สุดท้ายสุรเสียงของนางก็ดังขึ้นออกมาอย่างแผวเบาแต่กลับเข้าใจเสียอย่างงั้น

 

“ไม่ต้องใช้ถ้อยคำของโลกมนุษย์ของเจ้า ณ ดินแดนนี้ ข้าสามารถเข้าใจทุกประโยคของทุกสรรพสิ่ง แม้เจ้าจะพูดว่า ยำหอยแครงพิเศษเผ็ดนรกพริกหม่าล่า ข้าก็เข้าใจ”


ชิดตะวันได้ยินแบบนั้นก็โคตรโล่งใจเพราะนึกว่าเธอต้องฉ่งเช้งเป็นภาษาจีนซะแล้ว เจ๊ะหงอซาสี่ งี้ หญิงสาวเลยเงยหน้ามองอีกคนนิดหน่อยแล้วพยายามเหมือนกำลังคิดว่าควรจะถามอะไรหรือยังไงดี แต่มารยาทที่ดีคือ…มารยาทแบบไทย ขยับมือไหว้แบบคนงามอย่างไทยเหมือนแอนโทเนียโพซิ่ว เอาความจริงอยากเป็นโอปอลมากกว่า พึ่งได้มงเลยเมื่อไม่กี่วันก่อน หึ แต่ไม่สวยเท่าเขาไง


“เอ่อ คือว่า..แบบนี้นะคะ ข้า??..เอิ่ม ขออนุญาตพูดแบบปกตินะคะ ไม่เก่งราชาศัพท์สุด ๆ ภาษาไทยได้เกรด 2.5 เองค่ะท่าน” หลังจากบ่นบอกนิดหน่อยก็พูดต่อ “คือหนูเนี้ยเป็นคนไทย ท่านเป็นเทพก็น่าจะรู้ใช่ไหมคะ? เขาบอกว่าเทพรู้ทุกอย่าง หรือหลายอย่าง”


“หนูไม่ใช่คนที่นับถือเต๋าหรือลัทธิขงจื้อนะคะ ไม่ได้นับถือเฮ่งเจียหรือเจ้าแม่กวนอิม พอดีหนูยังชอบกินซอยจุ๊อยู่อ่ะค่ะ แบบหนูว่าหนูมาผิดที่นะคะหนูควรจะลงนรกไปเจอคุณยมบาลคอยรายงานความสารชั่วของตัวเองตลอด 28 ปี ที่เกิดมาพร้อมกับกรรมเก่า แต่?..เอ่อ??...ทำไมหนูมาที่นี่หรอคะ?”


คำอธิบายยาวยืดความหมายที่จะบอกคือ มาผิดเซิร์ฟ แค่นั้น


เทพหญิงกระพริบตาไร้คำพูดออกจากปาก เงียบไปสามวินาทีด้วยกัน “เจ้ากล่าวได้ประหลาดนัก” สายตาของนางเหมือนพยายามประมวลผลในหัวของตัวเองว่าควรอธิบายยังไงให้กับสตรีสมองทึบคนนี้เข้าใจดี แต่เทพอี้เหอก็หาได้ต่อว่านางแต่อย่างใด เพราะอย่างไรทุกคนก็ล้วนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้อยู่ดี สุดท้ายนางก็เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวเสียงนุ่ม 


“เจ้าตายแล้ว”


“???”


“เจ้าฟังไม่ผิด หากนับตามชะตาชีวิต เจ้ายังมีเวลาอีกนานในโลกของเจ้า ความตายของเจ้าจึงไม่ใช่สิ่งที่ ‘ควร’ เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตึที่โลกไม่คาดคิด ข้าจะให้เจ้าดูสิ่งนี้” 


นางไม่พูดเปล่ากลับขยับมือเพียงน้อยนิด ด้านหลังของเทพงามนามอี้เหอก็เกิดม่านหมอกลอยขึ้นทีละน้อยกลายเป็นเหมือนแอ่งพอทอลแล้วเกิดภาพสปอร์ตไลต์ที่ร่วงลงใส่ร่างของชิดตะวันขณะเด้งเป้าเพลงยายแลมในท่าเด้งเอว 45 องศา ทำให้ชิดตะวันได้รับรู้ว่ามันไม่ใช่เพียงความฝัน …ภาพต่อมาคือภาพของร่างชิดตะวันที่โดนเอาเข้าโลงและงานศพของเธอที่เขียน ชาตะและมรณะอย่างชัดเจน


ชิดตะวันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างทุ่มอยู่ในหัวสมองของเธอตอนนี้ยังทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทันแม้สักวินาทีเดียว


“ด้วยความเมตตาและความประสงค์จากเบื้องบน เจ้าจึงจะได้รับข้อเสนอ เจ้าสามารถเลือกได้ในการเกิดใหม่ในโลกใบหนึ่ง โลกที่คล้ายคลึงกับสถานที่อันเจ้าจากมา แต่มันไม่ใช่โลกของเจ้า มันคือโลกที่มีเสน่ห์ของจีนโบราณ ในแบบที่เจ้าคุ้นเคยของสิ่งที่เรียกว่า ซีรี่ย์กำแพงเมืองจีน ในหัวเจ้า”


ชิดตะวันเหมือนกำลังนิ่งไป เธอนิ่งไปนานกว่า 10 นาที เหมือนมีอะไรตีกันในหัว ไม่รู้สิ มารู้ว่าตัวเองกำลังตายมันก็ช็อคอยู่ ช็อคกว่าก็คือตายท่าเด้งเป้า ไอ้เxี้ย นี้มัน!! รู้กันทั้งประเทศ โคตรแย่!! โวยวายในใจเสร็จก็หันกลับมามองเทพแบบทำหน้า ะ? คะ? ว่าไงนะ? แบบแอฟเฟ็คในติ๊กต๊อก 


“คือ? หมายถึง? หนูจะได้ไปเกิดใหม่ในโลกที่มีแบบพวกซีรี่ย์จีน มีเสื้อผ้าแบบฮั่นฝูหรือแบบยุคถัง? แบบบูเช็คเทียน? ผ้าละอองฟองฟู่ ลานประลองแล้วก็จะได้แต่งงานกับเจ้าชายที่หน้าตาเหมือนจางเจ๋อฮั่นที่แสดงเป็นองค์ชายหลงเฟยเย่ในหมอพิษหญิงยอดอัจฉริยะอ่ะหรอคะ?” 


..?


เทพอี้เหอนิ่งไปห้าวินาที “อาจจะ” ตอบเพียงสองพยางค์ แต่คำต่อมาแทบทำให้องค์เทพแห่งสัจจะถึงกับต้องหายาแก้ไมเกรน


“ไม่เอาอ่ะ! ให้หนูไปโลกอื่นไม่ได้หรอคะ? ก็โลกนั้นมันจีนโบราณอ่ะ มันต้องไม่มีโถนั่งเขร้สิคะ! เรื่องถ่ายมันเรื่องสำคัญนะคะ สมัยนั้นยังไม่มีกระดาษเช็ดชู่แน่ อีกอย่างคนไทยมันก็ต้องอยู่กับที่ฉีดตูดสิคะ!” ชิดตะวันทำหน้าโลกแตกแยกเป็นสองส่วนเมื่อตัวเองได้ยินว่าจะได้ทะลุมิติไปยังต่างโลกแบบสภาพเหมือนกับคนโลกจะแตกเสียให้ได้ ให้ไปโลกใบนั้นแบบที่ไม่มีที่ฉีดตูดไม่เอาหรอกนะ!  แต่ยังไม่ทันที่องค์เทพจะเอ่ยบอกอะไรชิดตะวันก็ถามต่อ


“ส่งหนูไปอยู่ในโลกแบบแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้หรอคะ!”

“ไม่”

“งั้นโลกแบบเวสเทอร์รอสล่ะคะ?! ยังไงก็มีห้องส้วมอ่ะ!”

….. “ไม่”

“โลกแบบโดเรม่อนก็ได้นะคะ ศตรรษที่ 22 งี้!”

………


รอบที่สามเทพสัจจะไม่ได้เอ่ยบอบคำว่าไม่เพราะเอาตรงๆ เหตุผลที่เธอไม่อยากไปต่างโลกที่บอกมันค่อนข้างจะวิปลาสเกินไปแถมพระนางยังได้ยินคำว่าตูดเต็มสองรูหูของตัวเองด้วยซ้ำ อยากถอนหายใจแต่ไม่รู้เทพแห่งสัจจะถึงจะคิดอะไร สายตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความคิดบางอย่างที่ชิดตะวันตีความไปว่า เทพกำลังอดทนกับเธออยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า 


“เจ้าเข้าใจผิดไปมาก โลกที่ข้ากล่าวไม่ได้ขา่ดแคลนสิ่งจำเป็นขนาดนั้น แม้จะไม่มีโถสุขภัณฑ์เซรามิกที่อุ่นนั่งได้ หรือสายฉีด..น้ำ แต่ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่าห้องน้ำอยู่” เหมือนว่าองค์เทพจะพยายามเลี่ยงที่จะพูดคำบางอย่างแน่นอนมันไม่สุภาพเพราะงั้นจะไม่พูดออกมาเด็ดขาด


“ม๊ายยย” ชิดตะวันตะโกนยืดออกมาเหมือนกับโลกใบนี้กำลังจะแตกสลายแบบหนัง 2012 วันสิ้นโลก “ถ้าไม่มีชักโครกหรือที่ฉีดตูดหนูก็อยู่ไม่ได้จริง ๆ สิคะ ฮือออ ใบตองกับใบมะม่วงแห้งมันไม่เซฟรูตูดของหนูอ่ะ หนูจะประท้วง ๆ ” หลังจากพูดจบก็ขยับตัวไปดิ้น ๆ กับพื้นเหมือนกับเด็ก เพราะว่าตัวเองอยากได้อะไรแบบนั้นมากกว่า 


เทพสัจจะอี้เหอถึงกลับต้องหลับตาไปครู่หนึ่ง แล้วสูดลมหายใจเบา ๆ ไม่แรงราวกำลังสงบจิตใจเพื่ออะไรบางอย่างแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจริงจัง


“โลกที่เจ้าจะไป ม่ใช่แค่การย้อนยุคธรรมดา มันคือการเข้าสู่ ราชวงค์ฮั่น แห่งดินแดนตะวันออก ดินแดนที่ซึ่งปฐมกษัตริย์นามฮั่นเกาจูเป็นผู้ก่อตั้ง และบัดนี้อยู่ในรัชสมัยของจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ผู้แผ่อำนาจมากล้นไพศาลจนใต้ฟ้าล้วนยำเกรงเป็นยุคทอง”


ก่อนที่นางจะเริ่มอธิบายเกี่ยวกับดินแดนที่จะพบ พร้อมกับแผนที่จะปรากฎเพียงแต่เทพสัจจะขยับมือเล็กน้อย มันเหมือนกับแผนที่จีนโบราณในโลกของชิดตะวันเลย ดินแดนตะวันออกคืออาณาจักรของมนุษย์ที่ชิตตะวันจะถือกำเนิดใหม่ พื้นที่อื่นรอบข้างล้วนเป็นพื้นที่รกร้างมีชนเผ่าชาวป่ามากมายและมีทั้งมิตรสหายและศัตรู และทวีปตะวันตกเป็นดินแดนของเผ่าปีศาจปกครองโดยราชาตี้ซั่งหนี่ ศัตรูของมวลมนุษย์ทั้งโลก


เมื่อฟังถึงตรงนี้ชิดตะวันก็เหมือนจะค้างไปเล็กน้อย “มีเผ่าปีศาจ? ก็คือแฟนตาซีใช่ปะท่าน?” เอ่ยถามเหมือนกับสงสัยนิดหน่อยว่าใช่แบบที่คิดหรือเปล่า


“หากเจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้นก็ใกล้เคียง”


หญิงสาวเมื่อได้ยินก็แทบใจชื่นขึ้นมาเพราะในหนังพวกที่แฟนตาซีมันก็มีโถส้วมด้วยกันทั้งนั้นแล้วก็มีพลังปล่อยปิ๊ว ๆ ท่าทางน่าสนุกเราต้องเป็นสาวน้อยแสนงาม(?) แล้วก็โดนทำร้าย มีชายหนุ่มรูปงามขี่ม้าขาวหน้าตาแบบเซียวจ้านมาช่วยเหลือแน่นอน โอ้ววว ไม่นะ มายดาร์ลิ่งงง


ยังไม่ทันจะได้เว่นเว้อไปมากกว่านี้เทพสัจจะก็เอ่ยขึ้นต่อเพราะพระนางก็เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดมา “เพื่อให้จิตวิญญาณของเจ้าสามารถปรับตัวให้กับดินแดนโลกใบนี้ได้ เจ้าจะไม่สามารถจำเรื่องราวชาติภพก่อนของเจ้าได้ เว่นเสียแต่ได้รับเศษเสี้ยววิญญาณที่กระจัดกระชายกลับคืนมาทีละส่วน”


เมื่อได้ยินแบบนั้นชิดตะวันก็เหมือนจะพยักหน้าเข้าใจอยู่นะ ถ้าโตขึ้นมาในโลกนั้นเลยก็อาจจะไม่ลำบากอะไรก็ได้ “โถ่ท่าน ก็บอกแบบนั้นตั้งแต่แรกสิ นึกว่าจะให้กลับชาติไปเกิดแบบจำทุกอย่างได้ซะอีกแหม่ ไอ้เราก็ตกใจตั้งนาน…ถ้าแบบนั้นก็เหมือนกับการระลึกชาติได้อะไรงี้สินะคะ..” พอคิดถึงตรงนี้มันก็ไม่ต่างอะไรไปกับการที่ต้องวนเวียนว่ายตายเกิดเลยนี้หว่า? แถมเป็นโลกแนวแฟนตาซีด้วย น่าสนจายยย


“หากเจ้ายอมรับที่จะไป ข้าจะประทานพรให้กับเจ้าเป็นพลังความแข็งแกร่งหนึ่งอย่าง” นางเอ่ยเพียงเท่านั้นราวกับให้ชิดตะวันเป็นคนเลือกเองว่าจะตกลงหรือไม่


“?? แล้วเอ่อ พรพลังพิเศษนั้น? มันขอแบบอะไรก็ได้หรอคะ? หรือว่ามีให้เลือก? อะไรคือความแข็งแกร่งง่ะ?” เอ่ยถามองค์เทพก่อนที่จะคิดว่ามันคงไม่ให้อะไรโกง ๆ หรอกจริง ของแบบนี้พวกเทพชอบขี้จุ จะตายไป สุดท้ายก็เลยนั่งฟังซะเลยว่าเป็นยังไง


องค์เทพเลยอธิบายให้ว่าจะไม่ได้ขอโดยตรงแต่สามารถเลือกได้ อันได้แก่ ความแข็งแกร่งคนใฝ่รู้ คนแข็งแรง น่ารัก ลาภลอย หมอฝึกหัด ผู้ใช้กระบี่..ทันทีที่เอ่ยจบชิดตะวันก็พูดขึ้นมาทันทีแบบไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด!! 


“ลาภลอย!! ลาภ!! โชคคค!!”


พูดอย่างระบายอารมณ์เหมือนชาตินี้ไม่เคยถูกหวยมาก่อนในชีวิต อยากเป็นคนโชคดีบ้าง อยากซื้อหวยแล้วถูกบ้าง ถึงจะไม่รู้เลยว่าโลกนั้นมีหวยหรือเปล่าก็ตามทีเถอะนะ แต่อยากเป็นคนโชคดีบ้างอ่ะ ลาภลอยมันก็ต้องโชคดีสิวะ!


องค์เทพกระพริบตาเพราะตอนแรกพระนางคิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นสตรีที่ยากกว่าที่คิดเสียอีก แต่กลับ..บางทีอะไรง่ายก็ง่ายเกินไป อะไรยากก็ยากจนปวดหัว สุดท้ายชิดตะวันก็ขยับตัวลุกขึ้นจากการนังขัดสมาธิบนพื้นแล้วตบก้นตัวเองปุ ๆ 


“หนูพร้อมแล้วค่ะท่านเทพ! หนูจะไปผจญภัยในโลกแห่งความฝันน ชูก้า ชูก้ารูนน ช๊อคโกรูนน เอาหัวใจของเธอมาให้ฉันนะ!!” พูดพลางทำหน้าทำตาเหมือนช๊อคโกล่าเมเยอร์ จนเทพที่อยู่ตรงหน้ามองด้วยสายตาอันว่างเปล่าว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนปกติตอนที่ลงไปเกิดหรือไม่นะ


และยังไม่ทันจะได้ร่ำลา ร่างกายของหญิงสาวก็โดนเทพสัจจะส่งไปเกิดซะเลย อยู่นานเดี๋ยวปวดหัวต้องกินยาแก้ไมเกรนสองเม็ด


และดูเหมือนว่า..ชิดตะวันจะลืมถามว่าเทพองค์นั้น..คือเทพอะไรกันนะ? นั้นสิ..


เอาเถอะ สักวัน อาจพบกัน..สักวันนะ



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 71014 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2025-6-3 23:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x3
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x20
x7
x15
x42
x4
x1
x1

1

กระทู้

3

ตอบกลับ

24

เครดิต

คนธรรมดาดาษดื่น

พลังน้ำใจ
0
ตำลึงทอง
0
ตำลึงเงิน
28
เหรียญอู่จู
823
STR
0+0
INT
0+0
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+0
โพสต์ 2025-6-24 15:34:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด

จุดเริ่มต้นจากจุดสิ้นสุด
การเลือกพรสวรรค์ก่อนเกิดใหม่

ในตอนที่คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว วาริสาก็ลืมตาขึ้นมาในสถานที่หนึ่งที่งดงามราวกับภาพวาดที่วิจิตรบรรจงขนาดที่ว่าตัวเธอนั่นก็ไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าจะสามารถวาดรูปภาพตรงหน้าให้สามารถถ่ายทอดความสวยงามทั้งหมดนี้ออกมาได้รึเปล่า

“แปลกจัง จำได้ว่า….เราตายแล้วนี่นาแล้วที่นี่ที่ไหนกัน….”

เธอใคร่ครวญครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิดแต่ก็ไม่ได้อะไร จึงมีเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำได้ คือเดินสำรวจดูรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่นี่ที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ พอเดินไปได้สักพักเธอก็ได้พบสตรีนางหนึ่งในชุดอาภรณ์สีขาวหน้าตาคุ้นเคยเหมือนตัวละครที่เธอเคยเห็นเพื่อนตัวเองที่ชอบซีรีย์จีนแนวเทพเซียนป้ายยาให้เธอดูเลยถึงจะไม่เคยมีเวลาไปดูเลยล่ะนะ แต่ก็พอรู้จักอยู่บ้างนั่นแหละนะ

“เออ…ขอโทษนะคะคุณ…”

“มาแล้วสินะ วาริสา เจ้าคงสับสนล่ะสิว่าเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เราคงต้องบอกเจ้าว่าเจ้าตายไปแล้ว“

“อือ…ก็ไม่แปลกใจล่ะนะคะ เราโดนทั้งหลังคาตกใส่ ทั้งราวสะพานลอยหักคามือ ทั้งโดนรถชนกระเด็นขนาดนั้น ถ้าไม่ตายสิคะถึงจะแปลก”

เธอดูปลงนิด ๆ ที่ต้องมารับรู้ว่าตัวเองตายแล้ว ซึ่งก็ไม่แปลกใจเท่าไรแต่ที่น่าแปลกใจคือสถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้ล่ะ มันไม่น่าใช่นรกหรอกสวยขนาดนี้….

“จะว่าไรไหมคะถ้าเราจะถามว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมเราถึงอยู่ที่นี่ได้”

“โอ้! เจ้านี่ดูใจเย็นกว่าที่ข้าคิดไว้นะนี่ ที่นี่คือตำหนักเทพประมุข ข้าคือเทพประมุขอี๋เหอ หนึ่งในสัจเทพทั้งสี่และเป็นเทพประมุขแห่งสามพิภพ นอกจากนี้ยังเป็นผู้สืบทอดพลังแห่งหุ้นตุ้น เราเรียกเจ้ามาเพราะมีข้อเสนอให้กับเจ้า“

วาริสาเริ่มตั้งใจฟังข้อเสนอของอีกฝ่ายแบบใจเย็นนิด ๆ ล่ะนะ ซึ่งเธอก็คิดในใจแล้วล่ะว่าถ้าตายแล้วจะโวยวายไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ มันจะดีกว่าถ้าใจเย็นแล้วลองฟังที่อีกฝ่ายจะพูดเสียสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นา

“ข้าจะให้เจ้าไปเกิดใหม่ที่โลกใบใหม่ เพื่อให้จิตวิญญาณสามารถปรับตัวเข้ากับภพนี้เจ้าจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวในชาติภพก่อนได้ เว้นเสียแต่ได้รับเศษเสี้ยววิญญาณที่กระจัดกระจายกลับคืนมาทีละส่วน แต่ข้าจะไม่ให้เจ้าไปเปล่า ๆ หรอกนะ“

“แสดงว่านี่ก็เหมือนการไปเกิดใหม่ต่างโลกสินะคะ แล้วมันเป็นโลกแบบไหนเหรอคะ”

“โลกยุคจีนโบราณน่ะ”

ว่าแล้วเทพประมุขก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับโลกนั่นให้เธอเข้าใจแบบคร่าว ๆ ก่อนจะตามมาถึงสิ่งที่ท่านจะให้เธอสักที

“….สิ่งที่ข้าจะให้เจ้าคือพรสวรรค์หนึ่งในหกอย่างนี้ อันได้แก่ ผู้ใฝ่รู้ คนแข็งแกร่ง น่ารัก ลาภลอย หมอฝึกหัด และผู้ใช้กระบี่ พรสวรรค์พวกนี้เจ้าสามารถพัฒนาไปได้ด้วยตัวเจ้าเอง”

“พรสวรรค์สินะคะ อือ…เราตายแบบซวยซ้ำซ้อนสามต่อแบบนั้น จะเกิดใหม่ทั้งทีเราก็ขอให้เป็นคนโชคดีมาแม้เพียงน้อยนิดก็ดีค่ะ”

“เจ้าเลือกลาภลอยสินะ งั้นขอให้เจ้าโชคดีในโลกใหม่นะ วาริสา โอ้! ไม่สิ จูซีหลิง”

วาริสายิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนและขอบคุณในความเมตตาของอีกฝ่ายที่ให้เธอได้เกิดใหม่ ก่อนจะถูกส่งไปเกิดใหม่ในโลกใหม่พร้อมความทรงจำที่เริ่มเลืองหายไปจนหมด
calicó!

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9216 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-6-24 15:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลาภลอย
โพสต์ 2025-6-26 22:30:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ชีวิตหลังความตาย


ฟองคำรู้สึกเหมือนร่างลอยละล่องอยู่ในหมอกเมฆ พอลืมตาขึ้นภาพที่ปรากฏตรงหน้าแทบทำให้เธอหยุดหายใจ (เอ๊ะ หรือหยุดหายใจไปแล้ว?) ตำหนักขนาดใหญ่โอ่อ่า ตกแต่งสไตล์จีนโบราณอย่างหรูหราหมาเก่า จะว่าเหมือนสวรรค์มันก็ใช่ แต่มันเหมือนสวรรค์แบบที่เธอเคยนึกฝันมาก่อน แต่ก็อลังการจนรู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่ในซีรีส์จีนหรือไม่ก็พวกศาจเจ้าจีนดัง ๆ ยังไงอย่างงั้น

ฟองคำยันตัวลุกขึ้นมา ก่อนจะหันขวับไปมองรอบตัวอย่างระแวง

“อิหยังนิ...วิมานพระอินทร์เหรอ?”

ไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงประหลาดหูก็ดังขึ้นราวกับว่ามีเครื่องขยายเสียงขนาดยักษ์ล้อมรอบ

"เจ้าฟื้นแล้วหรือ?"

ฟองคำสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสตรีในชุดจีนสีขาวงามสง่าอลังการงานสร้างแม้ช่วงนี้จะไม่ใช่ช่วงกินเจก็ตาม เธอคนนั้นนั่งบนบัลลังก์เหมือนกำลังจะพิพากษาบางอย่าง

“จะ…เจ้าแม่กวนอิมเหรอ?” ฟองคำเบิกตากว้าง “หรือว่าคุณคือเจ๊กวนอิม ล้านล้านภาคที่ไปอัพหน้ามาใหม่?”

"เราคือสัจเทพอี๋เหอ เทพประมุขสูงสุดแห่งพิภพเทพ”

ฟองคำเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะพูดออกไปว่า…

“ไผนิ?” ฟองคำถามขึ้น พลางหรี่ตามองสตรีตรงหน้าอย่างพิจารณา ตั้งแต่เมคอัพระดับพรีเมียม ผ้าคลุมยาวลากพื้น ไปจนถึงผมที่เกล้าเป็นชั้น ๆ อย่างประณีต

“ข้าคือสัจเทพอี๋เหอ เทพประมุขสูงสุดแห่งพิภพเทพ”

“สุมาเต๊อะ…แต่ฉันไม่รู้จักคุณอยู่ดี แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

“เพราะเจ้าได้ตายไปแล้ว”

“ห๊ะ!?” ฟองคำร้องออกมาเสียงสูง

สัจเทพอี๋เหอเพียงสะบัดมือเบา ๆ ภาพตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นม่านหมอก ก่อนจะค่อย ๆ ปรากฏภาพฟองคำตัวจริงเสียงจริง กำลังนวดเท้าให้ลูกค้าที่หน้าบิดเบี้ยวเหมือนเพิ่งเห็นบิลค่าไฟเดือนล่าสุด แล้วจากนั้น…

ปั้ก!!!

ภาพชัดเจนเหมือน HD 4K Ultra! เท้าเสยลอยมาโดนกลางลำตัวของฟองคำ แล้วร่างของเธอก็ปลิวไปกระแทกกับตู้ไม้เสียงดังโป๊ก!

“อะ…อะไรกันเนี่ย ถีบทีเดียวตายเลยเรอะ!”

“เป็นเหตุสุดวิสัย” สัจเทพอี๋เหอเอ่ยเรียบ ๆ สีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้ามิได้สมควรตาย ณ ห้วงเวลานั้น ทุกอย่างล้วนเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น”

ฟองคำถอนหายใจเฮือกยาว มือท้าวสะเอว กวาดตามองบัลลังก์ ตำหนัก และเทพเบื้องหน้าอย่างไม่ค่อยศรัทธาเท่าไรนัก

“ก็เข้าใจอยู่นะว่าอุบัติเหตุมันเกิดได้ แต่จะให้ฉันตายฟรีแบบนี้มันก็ใจร้ายเกินไปหน่อยไหมคะเจ้าแม่?”

“โลกนี้มิอาจให้เจ้ากลับไปได้แล้ว เพราะเส้นด้ายแห่งชีวิตเจ้าได้ขาดลงแล้ว แต่ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งด้วยชีวิตที่สองในโลกที่แตกต่างออกไป…”

ฟองคำขมวดคิ้ว 

“โลกที่แตกต่าง? หมายถึงโลกหลังความตายเหรอ?...งั้นไม่เอาอะ”

สัจเทพอี๋เหอยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ ผืนผ้าระย้าเบาบางพลิ้วไหวดั่งคลื่นเมฆ ภาพในอากาศปรากฏขึ้นตรงหน้า มันคือทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขาสูงตระหง่าน ป่าไผ่เขียวขจี แม่น้ำสายยาวที่คดเคี้ยวไหลผ่านเมืองโบราณ กำแพงหินล้อมรอบ และบุรุษสตรีแต่งชุดจีนยุคฮั่นเดินไปมาราวกับฉากในซีรีส์จีนย้อนยุคที่เธอเคยดูช่วงพักเบรกนวด

“โลกนี้มีความคล้ายคลึงกับโลกเดิมของเจ้า แต่ดำรงอยู่ในมิติคู่ขนาน” สัจเทพกล่าว “มันคือยุคฮั่น อารยธรรมรุ่งเรือง เหล่ามนุษย์มีวิถีชีวิตที่ผสานกับธรรมชาติ ลมปราณ ศาสตร์บำบัด สมุนไพร และการต่อสู้”

“ฟังดูก็…ไม่แย่เท่าไหร่”

ฟองคำครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ

“แล้วฉันจะไปเกิดในร่างใคร? เป็นเจ้าหญิง? เป็นหมอนวดในยุคโบราณว่าแต่มันมีหรือยังนะ? หรือจะให้ไปเกิดเป็นปีศาจจิ้งจอกก้าวหางล่ะคะ?”

“สุดแล้วแต่วาสนาของเจ้าจะพาไป”

“เกิดมาชีวิตนี้ก็วาสนาน้อยอยู่แล้วยังต้องไปสุ่มกาชาวาสนาในชาติหน้าอีก แต่ก็เอาเถอะดีกว่าไปหาท่านยม เอาเป็นว่าฉันตกลงก็ได้ค่ะ”

เทพประมุขยิ้มอย่างบางเบา ก่อนกล่าวต่อ

“เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าตกลงรับชีวิตใหม่นี้ ข้าจะมอบพรหนึ่งประการให้แก่เจ้า ความสามารถพิเศษที่ติดตัวเจ้าไปเกิด”

ฟองคำยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที 

“โอ้โห เหมือนได้สกิลติดตัวแบบในนิยายแฟนตาซีเลย ว่าแต่มีสกิลเน็ตซูเปอร์ไหมคะ?” เธอลองถามเล่น ๆ เผื่อว่าจะมีสกิลแบบในอนิเมะบ้าง

“นี่คือสิ่งที่เจ้าสามารถเลือกได้” 

เทพประมุขโบกมือ ภาพในม่านหมอกค่อย ๆ ปรากฏเป็นตัวเลือกหลายอย่าง ฟองคำมองแล้วก็ตัดสินใจได้ยากจริง ๆ เรื่องโชคก็น่าสนใจ แต่สมัยนั่นคงไม่มีหวยให้ซื้อก็ไม่รู้จะเอาไปเพื่ออะไร

“งั้นเอาเป็นหมอฝึกหัดก็ได้ น่าจะพอต่อยอดได้อยู่อย่างน้อยก็ต้องมีเงินแหละน่า…”

“ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าต้องรู้…เพื่อให้จิตวิญญาณของเจ้าสามารถปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ได้ วิญญาณของเจ้าจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวใด ๆ จากชาติภพก่อนหน้านี้ได้เลย”

ฟองคำชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าจากที่ยิ้มขำขันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นนิ่งงัน

“หมายความว่า…ฉันจะลืมหมดเลยเหรอคะ? ทั้งชื่อ ทั้งชีวิต ทั้งเรื่องที่ยังค้างค่าแชร์…?”

“ใช่” สัจเทพพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าจะลืมทุกสิ่ง ทว่ามิใช่ตลอดไป หากเจ้าได้พบและรวมรวม ‘เศษเสี้ยวแห่งวิญญาณ’ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในโลกใหม่นั้นกลับคืนทีละส่วน ความทรงจำเดิมของเจ้าก็จะค่อย ๆ ฟื้นกลับมา”

“เรื่องค่าแชร์นั่นไม่ต้องเอากลับมาก็ได้นะคะ…” 

ฟองคำกลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วถอนหายใจยาวอีกครั้ง

“โอเค ก็เหมือนเริ่มเกมจากเลเวล 1 ไม่มีไอเทม ไม่มีทอง แต่ได้สกิลติดตัวสุดโกงมาอันนึง…ก็ไม่แย่เท่าไหร่ละมั้ง”

สัจเทพอี๋เหอพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือออกมาอีกครั้ง คราวนี้แสงสีทองบริสุทธิ์อบอวลรอบตัวฟองคำ ทะลวงผ่านกายเธอราวกับห่อหุ้มด้วยเปลือกไข่วิญญาณ

“ขอให้เจ้าอย่าหลงลืมความดีในจิตใจ แม้ในวันที่เจ้าลืมทุกอย่างไปแล้ว…”

จากนั้นเสียงดนตรีโบราณก็ดังขึ้นเบา ๆ และร่างของฟองคำค่อย ๆ กลายเป็นละอองแสง ลอยหายไปในม่านหมอก...




เลือกพรสวรรค์หมอฝึกหัด

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20710 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2025-6-26 22:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมอป่า
มีดแล่เนื้อ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x14
x4
x1
x1
x6
x4
x4
x23
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้