เจ้าของ: Admin

ตำหนักเซวียนเต๋อ | ที่พำนักไท่โฮ่ว

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-7-28 11:45:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-28 11:46




มื้ออาหารในฉางชุน
วันที่ 26 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบเอ็ดนาฬิกาถึงสิบสามนาฬิกา


ตอนเช้ารับศึก ตอนกลางวันก็รับศึก

บนโต๊ะอาหารที่มากไปด้วยสำรับยังมีนางหงส์เพียงหนึ่งเดียวนั่งรับประทานมื้อกลางวันของตนเองท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องอย่างคาดหวัง “ ห้องเครื่องปรับเปลี่ยนสูตรอาหารใหม่ครั้งนี้มิทราบว่าไท่โฮ่ว.. ” ทรงโปรดหรือไม่.. คำถามที่ตั้งใจจะใช้จำเป็นต้องค้างอยู่ที่ลำคอเมื่อสายตาของหยาดฟ้าเทพธิดาจรดลงบนร่างของนางกำนัลระดับกลางที่ห้องเครื่องส่งมาเพื่อถามไถ่ความพึงพอใจของเหล่านายหญิงตำหนักใหญ่ที่มีอยู่ไม่กี่ที่ ตลอดชีวิตที่ทำงานในวังสายตาของนางล้วนพบแต่คนหน้าตาบ้าน ๆ หน้าตาเดิม ๆ ที่ว่าสวยนักสวยหนาในห้องเครื่องก็ยังมิอาจสู้ลูกอนุของบ้านขุนนางเลยด้วยซ้ำ ไหนเลยจะเคยพบนางเซียนนางสวรรค์ที่ลงมาจุติในโลกมนุษย์เช่นนี้

“ บ่าว เอ่อ บ่าว.. ”

ท่าทางอึกอักไปไม่เป็นของนางกำนัลสร้างความรู้สึกฉงนให้กับคนรอบข้าง มีก็แต่เจ้าของสายตาที่ทำให้นางตั้งตัวไม่ถูกเท่านั้นที่จะพอคาดเดาความเป็นไปได้และยกยิ้มออกมาเบา ๆ เพียงเท่านั้นก็เหมือนกับสายตาของผู้คนล้วนพร่ามัวเห็นเพียงร่างเล็กที่นั่งต่ำลงมากว่าไท่โฮ่วหนึ่งขั้นหันไปกระซิบถามพระนางด้วยคำที่ว่า “ ทรงโปรดหรือไม่เพคะ? ”

หวังจื่อหลุบสายตาลงมองเด็กสาวรุ่นลูกด้วยสายตาแปลกใจครู่หนึ่ง ก่อนจะชำเลืองมองนางกำนัลที่หมอบอยู่ไม่ไกล “ เหตุใดจึงเป็นเจ้าถามเสียแล้วอยากเอาใจอ้ายเจี้ยรึอย่างไร ” สตรีสูงศักดิ์เคลื่อนช้อนตักบัวลอยเข้าโพรงปากและวางลง

“ ความโปรดปรานของพระองค์นับเป็นหนึ่งในสิ่งที่หม่อมฉันสนใจอยู่เสมอเพคะ ” เหม่ยเหรินหยกขาวยิ้มรับกับคำถามของอีกฝ่ายพร้อมกับใช้สองมือประคองถาดที่รองถ้วยของว่างหันกลับไปส่งให้ถงกูกู่ “ หากทรงถูกพระทัย อย่างไรวันหน้าไป๋หรั่นอาจมีวาสนาได้ออกไปร่ำเรียนเพื่อทำถวายท่านบ้าง ”

“ … ”

“ เด็กน้อยอย่าได้กังวลไป.. ต่อให้จางทังมิอาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้ อย่างไรก็ยังมีอ้ายเจี้ย ” และฝ่าบาท.. เซียวจื่อไท่โฮ่วตักน้ำบัวลอยขึ้นซดเบา ๆ หวังจื่อสังเกตมาตลอดหลายวัน ด้วยลักษณะนิสัยนางย่อมไม่ใช่ผู้ที่กระทำการโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่ก็หาได้โหดเหี้ยมเด็ดขาดถึงขนาดวางแผนให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต เพราะปัจจุบันคดีนี้ไม่ใช่แค่การเล่นสนุกของสตรีอีกต่อไปแล้ว

“ หนึ่งชีวิตจากไปนับว่าเป็นเรื่องใหญ่นัก ยิ่งตอนนี้.. เฮ้อ เภทภัยจากสตรีหวนคืนกลับมาอีกครั้งแล้ว.. ” ความวุ่นวายที่ห่างหายไปเกือบสิบปีสุดท้ายก็วนกลับมาอีกครั้งเมื่อเขตต้องห้ามอัดแน่นไว้ด้วยสตรีเพศที่เปี่ยมไปด้วยไฟแห่งการแย่งชิง เซียวจื่อไท่โฮ่วชำเลืองตามองเด็กสาวข้างกายที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าจากเดิมอย่างอ่อนใจ “ ใกล้ช่วงสุดท้ายของการสอบสวนแล้ว หาก.. หาข้อสรุปไม่ได้เจ้าจักทำอย่างไร ”

“ เกรงว่าคงสุดแล้วแต่ฝ่าบาทจะตัดสินใจเพคะ ” ไป๋หรั่นรับป้านชาจากถงกูกู่ก่อนจะนำมารินให้พระพันปีหลวงจนดูคล้ายนางกำนัลคนสนิทที่คอยให้การปรนนิบัติมากกว่าสนมโดยทั่วไป เนตรหงส์คู่งามช้อนขึ้นสบกับสายตาที่ทอดมองลงมา “ สิ่งที่ไป๋หรั่นทราบก็ได้บอกแก่ทางการทั้งหมดแล้ว พวกเขาสืบหาอย่างไรมีบทสรุปแบบไหน ทั้งหมดนี้เกรงว่าจะนอกเหนือไปจากสิ่งที่หม่อมฉันสามารถทำได้เพคะ ”

“ หม่อมฉันเป็นสตรีของฝ่าบาทแต่ในยามประสบปัญหาก็ยังนับว่าเป็นพลเมือง หากมิฟังกฏหมาย มิฟังรับสั่งของฝ่าบาท แล้วจะให้หม่อมฉันรับฟังผู้ใด ” ที่จริงนางคิดทางไว้สองสามทางแล้ว หนีออกไปไม่ใช่เรื่องยากให้บิดามารดาช่วยชี้ช่องสักหน่อยก็ยังพอได้ แต่หากเป็นเช่นนั้นนางจะไร้บ้านให้กลับ ไร้ตัวตนให้ยึดมั่น กลายเป็นผีร้ายมีมลทินหนึ่งตัวที่ต้องร่อนเร่ตลอดไป หรือหากหาแพะรับบาปก็ไม่พ้นต้องคิดจนสายตัวแทบขาดเพื่อวางกลชีวิตครั้งนี้ให้รัดกุมเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียในภายหลัง

ทว่าเพียงแค่คิดเช่นนี้ก็เริ่มจะปวดหัวขึ้นมาแล้ว

เหม่ยเหรินหยกขาวสูดหายใจเข้าพร้อมกับยื่นมือไปเก็บถ้วยบัวลอยและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนจะกลับมายืนเคียงข้างถงกูกู่ “ แต่ไม่ว่าอย่างไร.. หม่อมฉันก็ปรารถนาให้เรื่องนี้คลี่คลายโดยไว ” หากล่าช้าไปกว่านี้ หากยุ่งเหยิงมากไปกว่าที่เป็นในตอนนี้ .. พริบตาหนึ่งเนตรคู่งามวาวโรจน์ด้วยความเวทนา

อย่าให้ถึงวันที่นางคิดสั้นถึงขนาดปลิดชีพตัวเองแล้วทิ้งอักษรเลือดไว้เพื่อเป็นตราบาปให้ใครเลย



รวมของที่ต้องการใช้

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว +15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว +5 โบนัสอาหารปรุง

(ถ้าหัวใจไท่โฮ่วครบดวงพอดีอย่าลืมบวก 50 บารมีนะคะ)






แสดงความคิดเห็น

++ หัวใจตันแล้ว ไม่สามารถเพิ่มได้อีก ค่าบารมีได้ในโรลที่ปลดล็อกหัวใจดวงที่ 2  โพสต์ 2024-7-28 11:54
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-7-28 11:54
โพสต์ 13526 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 11:45
โพสต์ 13,526 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-28 11:45
โพสต์ 13,526 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-28 11:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2024-7-28 15:14:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-28 15:48




ผู้มาเยือนยามรุ่งสาง
วันที่ 27 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสี่นาฬิกาสี่สิบห้านาทีเป็นต้นไป

เช้าตรู่ของวันที่ห้าในการกักบริเวณ เสียงคึกคักของตำหนักใหญ่เล็ดลอดมาปลุกนงคราญที่เหยียดกายอย่างเกียจคร้านอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ ธรรมเนียมการมาถวายพระพรไท่โฮ่วเริ่มต้นขึ้นได้หลายวันเช่นเดียวกับนางที่ตื่นแต่รุ่งสางมาหลายวันแล้วเช่นกัน มือนุ่มข้างหนึ่งยกขึ้นทาบปิดครึ่งใบหน้า ลู่ไป๋หรั่นยังคงหลับตาทั้งที่ด้านนอกเริ่มมีเสียงฝีเท้ารวมไปถึงเงาการเคลื่อนไหวพอให้เห็นเป็นสัญญาณของการเริ่มวันใหม่

สองเท้าขาวผ่องหย่อนลงแตะพื้นก่อนจะชักกลับอย่างว่องไว อากาศคิมหันต์ร้อนจัดหนาวจัดเปลี่ยนกันไปตามช่วงเวลาเช่นในรุ่งเช้าที่ไร้แสงอาทิตย์พื้นหินซึ่งอัดกันเป็นฐานเดินเท้ายังคงเย็นเฉียบ สำหรับคนที่ยังงัวเงียแล้วไม่ทันระวังเผลอนาบเท้าไปกับพื้นตรง ๆ ก็นับว่าเป็นการปลุกให้สองตาเบิกโพล่งได้เป็นอย่างดี “ เย็นจัง.. ” ริมฝีปากสีกลีบบุปผาขยับพึมพัมเพียงลำพัง สาวงามเยี่ยงหยกเงยหน้าขึ้นมองอ่างน้ำทองแดงที่รองน้ำไว้สำหรับล้างหน้ายามเช้า

“ ข้างนอกมีใครอยู่หรือไม่ ”

ไป๋หรั่นเอ่ยเรียกนางกำนัลด้านนอกด้วยความเคยชินระหว่างที่รอก็ใช้สองมือวักน้ำขึ้นล้างใบหน้าให้ความเย็นทิ่มแทงทุกส่วนของผิวเพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น และในขณะที่ดวงใบหน้าของโฉมงามกำลังถูกซับโดยผ้าไหมชั้นดี ประตูก็เปิดออกรับฝีเท้าหลายคู่ที่ย่ำเข้ามาพร้อมเสียงน้ำสาดกระเซ็น

“ ลู่เหม่ยเหริน ” นางกำนัลที่ดูคล้ายหัวหน้าเป็นฝ่ายกล่าวทักขึ้นมาก่อนพร้อมกับย่อตัวลงด้วยความเคารพ

“ เข้ามาแล้วก็จัดการตามที่เห็นสมควรเถิด ”

สาวงามหยาดเยิ้มเอ่ยอนุญาตให้พวกนางหามน้ำอุ่นเข้ามาเทใส่อ่างไม้ที่วางอยู่หลังฉากกั้น หลังจากทำการเติมน้ำให้พร้อมสำหรับล้างตัวในช่วงเช้าประตูและหน้าต่างทุกบานก็ปิดลง ช่วงเวลาเฉพาะหญิงสาวดำเนินไปอย่างเพลิดเพลินและจบลงที่การมาถึงของหนึ่งเสียงสำคัญ

“ เรียนลู่เหม่ยเหริน ฝ่าบาทมีประสงค์ให้ท่านเข้าพบขอรับ ” ขันทีน้อยหน้าเรือนกล่าวบอกคนด้านในด้วยเสียงดังฟังชัดคล้ายกลัวว่าพวกนางจะไม่ทันรับรู้

“ ฝ่าบาท?? ”

“ ลู่เหม่ยเหริน ที่แท้ฝ่าบาทก็ยังนึกถึงท่าน ! ”

“ ดีจริง ๆ เช่นนี้เท่ากับท่านใกล้จะไร้คำครหาแล้ว ” และอื่น ๆ อีกมากมาย

ไป๋หรั่นที่นั่งอยู่หน้าคันฉ่องให้นางกำนัลน้อยช่วยสางและเกล้าผมก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย การปรากฏตัวนี้ไม่รู้ว่าเป็นสัญญาณดีหรือสัญญาณร้าย อีกฝ่ายอยากมาดูใจนางครั้งสุดท้าย ? มาดูสภาพความเป็นไป ? หรือคิดห่วงใยขึ้นมาจริง ๆ … คนงามขบฟันลงบนกลีบปากเบา ๆ อย่างเสียกิริยาก่อนจะปล่อยให้เหล่าสตรีวัยออกเรือนทั้งหลายจับกายพลิกไปพลิกมาราวกับตุ๊กตาให้พวกนางแต่งตัว

ผ่านไปราว ๆ ครึ่งถ้วยชา ในที่สุดนงคราญหยกก็พร้อมออกมาพบปะผู้คน โฉมหน้าของหญิงงามที่สวมใส่อาภรณ์เหม่ยเหรินสีขาวขับสัดส่วนของร่างอรชรอ่อนช้อยให้ดูน่ามองเยื้องย่างมาที่ศาลาตามการนำตามของขันทีน้อยผู้หนึ่ง ที่รออยู่ปลายทางนั้นคือชายที่ฉลองพระองค์ด้วยภูษาสีเข้มดำขลับพาดลายมังกรทองชวนให้รู้สึกคุ้นเคยยามที่ได้พบ เมื่อเนตรหงส์เห็นประจักษ์ว่าเป็น ‘ เขา ’ จริงก็เริ่มหรี่ลงทีละน้อยในทุกก้าวที่เดินเข้าใกล้ กระทั่งเหยียบขึ้นแท่นศาลาเดียวกันนางจึงได้หมอบกายลงถวายพระพร “ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี ”

หากเป็นก่อนหน้านี้ ‘ ฮั่นอู่ตี้ • หลิวเช่อ ’ คงกล่าวรับตั้งแต่คำว่าถวายบังคมไปแล้ว แต่ในหนนี้ชายผู้ครองทั่วทั้งแผ่นดินกลับทอดสายตามองมายังร่างที่ยอบกายลงด้วยแววพิจารณาท่ามกลางความกระด้างกระเดื่องปนฉงนใจของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ จางกงกง ’ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ขันทีอสรพิษที่ร้อนใจลอบขยับเล็กน้อยเพื่อสังเกตดูเสี้ยวหน้าของผู้เป็นนายหมายจะค้นหาว่าสิ่งใดที่ทำให้พระองค์ทรงนิ่งเงียบแต่เมื่อสองตาเพ่งไปเห็นริ้วความนิ่งงันบนหน้านั้นก็คล้ายจะคบคิดแยกออกไปอีกทาง ‘ อาจเป็นเพราะครั้งนี้ลู่เหม่ยเหรินจงใจแต่งกายอย่างพิถีพิถันมากขึ้นแต่ก็ไม่ประณีตถึงขนาดทำให้รู้สึกว่ากำลังประจบประแจง.. ต้องเป็นฝ่าบาทต้องพระทัยในรูปลักษณ์เช่นนี้ถึงขนาดที่อยากพิศมองให้นานอีกหน่อย ’ โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่อยู่ในหัวของโอรสสวรรค์เรียกได้ว่าสวนทางกับกระบวนความคิดของจางกงกงไปเสียทุกสิ่ง

หลิวเช่อไม่แน่ใจนักว่าตนสมควรปฏิบัติอย่างไรต่อสตรีที่พูดอย่างซื่อตรงต่อหน้าเขาว่าไม่แสวงหาความโปรดปราน ไม่คาดหวังการเติบโต สัมพันธ์ชายหญิงนับว่ามีข้อจำกัด ส่วนสามีภรรยาที่มีข้อลดหลั่นหลายส่วนก็คล้ายจะไม่ใช่คำตอบที่เขาและนางมองหา ถ้าเช่นนั้นควรปฏิบัติด้วยเช่นไร .. เช่นน้องสาว ? เช่นสหาย ? พระพักตร์คมคายเรียบนิ่งไม่มีเปลี่ยนแต่ที่ปลายหางตากลับปล่อยความคิดนับร้อยนับพันที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นระยะ พร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาว่า “ มากับข้า ”

แค่ก ๆ พลุบ เพล้ง พรวด

“ … ”

เสียงบรรยากาศรอบข้างที่หลากหลายไหนเลยจะสู้ดวงหน้าของสาวงามที่หันขวับขึ้นมองหน้าเขาทั้งที่หมอบอยู่ หลิวเช่อพึ่งนึกได้ว่าตนกล่าวรวบรัดเกินไป คนเป็นหวงตี้ขมวดคิ้วในความยุ่งยากที่ต้องคอยมาอธิบายสื่อสารให้คนนอกรับรู้ “ วันนี้หลังว่าราชการเจิ้นยังต้องมีงานอีกมาก ไม่สะดวกให้คนนอกเข้าออกเพื่อเติมชา ได้ยินจากเสด็จแม่ว่าเจ้าชงชาเก่ง ” ต่อให้พระพักตร์โอรสสวรรค์ฉาบไว้ด้วยน้ำแข็งอย่างไร ตอนนี้ก็คงไล่แก้ไขความเข้าใจผิดในใจคนกันไม่ทันแล้วเพราะคำพูดประโยคนี้ในสายตาคนเฒ่าคนแก่ดูแล้วคล้ายกับประเภทที่ว่า ‘ หาข้ออ้างใกล้ชิดนวลนาง ’ เป็นอย่างมาก !

‘ ฝ่าบาททรงโปรดลู่เหม่ยเหรินจริง ๆ ด้วย.. ’

‘ ยอดนักชงชามีตั้งมากมาย ไม่อยากให้คนนอกเข้าออก หึ้ย ฝ่าบาทช่างพูดจริง ๆ ’

‘ พระพันปี ครั้งนี้ท่านช่วยกระหม่อมได้ดียิ่งนัก ’ ( ใบ้ให้ว่าคนคิดชื่อขึ้นต้นด้วยจาง ลงท้ายด้วยกง )

ท่ามกลางกระแสความคิดมากมายมีแต่เขา และนางเท่านั้นที่รู้ว่า .. ‘ ถูกพระพันปีกำชับมาอย่างแน่นอน ’

และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก่อนหน้านี้ยามที่เข้าไปถวายพระพรเสด็จแม่ หลิวเช่อได้สนทนากับอีกฝ่ายอยู่หลายประโยคถึงความคืบหน้าของคดีและงานราชกิจโดยทั่วไป สุดท้ายจบลงที่มารดาบังเกิดเกล้าพูดเสียงแผ่วด้วยคำที่ว่า ‘ เด็กคนนั้นน่าสงสาร นางสองฝั่งไร้กำลังหนุนหลังแต่ต้องเผชิญหน้ากับเภทภัยทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ฝ่าบาท.. วาสนาชีวิตนางถึงคราวดับสิ้นหรือไม่ก็ยังไม่รู้ เรื่องนี้ชักจะใหญ่ขึ้นทุกทีก่อนจะไร้ซึ่งเวลาก็ให้นางมีโอกาสดูแลเจ้าอีกสักครั้ง มิเช่นนั้นหากต้องพลัดพรากจริงขึ้นมาคงได้เป็นห่วงรั้งกายนางไม่ให้ปล่อยวางจากทุกข์โศกอีกแน่ ’ ในฐานะบุตรชาย ไม่ฟังคำมารดาย่อมไม่ได้แต่ในฐานะพระเจ้าแผ่นดินเขายังมีสิทธิ์ปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นใบหน้าทุกข์ใจของผู้ให้กำเนิด ประจวบกับการฟังรายงานการจับตามองพฤติกรรมตลอดช่วงที่ผ่านมาและบทสนทนาในค่ำคืนนั้น..

“ แต่ว่า.. คำสั่งกักบริเวณของหม่อมฉัน.. ”

เสียงของนางเรียกให้เขาออกจากภวังค์ความคิด ผู้ครองรัศมีมังกรหลุบตามองสตรีที่ก้มหน้าเอ่ยด้วยท่าทางไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก “ ไปกับเจิ้น คนเช่นเจ้าจะทำอะไรได้ ” กึ่งหนึ่งฟังแล้วคล้ายการดูแคลน อีกส่วนคล้ายตอกย้ำความเป็นจริง และส่วนสุดท้ายสำหรับสายช่างฝันทั้งหลาย.. ‘ ฝ่าบาทตั้งใจจะหมายความว่าอยู่ใต้อาณัติเจิ้นสาวงามราวเหมยกุ้ยเช่นลู่เหม่ยเหรินก็ไร้ซึ่งหนามแหลมใช่หรือไม่ ! ตายแล้ว ร้อนแรง ร้อนแรงจริง ๆ ’

“ หม่อมฉันมิได้ต้องการสื่อเช่นนั้น แต่—- ”

“ การกังวลโดยไร้เหตุของเจ้าหาใช่สิ่งจำเป็น ” ผู้ครองฟ้าดินสะบัดแขนเสื้อเดินฉับ ๆ ออกจากศาลาไปยังเกี้ยวที่ตั้งอยู่ตรงเส้นทางเดินหลักเพื่อออกจากตำหนักเซวียนเต๋อ ภูษาสีดำของเขาลอยพริ้วไปกับสายลมชวนให้คนมองตามอย่างลุ่มหลงยกเว้นก็แต่สาวงามพิลาสล้ำที่เคยชินกับบรรทัดฐานของคำว่า ‘ งามมาก ’ มาตั้งแต่ยังเยาว์ที่เพียงแค่หันมองตามให้พอเป็นพิธี

“ มานี่ ”

เหมือนเรียกหมาเรียกแมวแต่นางกำนัลที่นานครั้งจะเห็นการหยอกเอินของหญิงชายต่างก็หน้าร้อนวูบกันไปเป็นแถบ มีเพียงนงคราญแซ่ลู่ที่ตั้งสติทันพอลุกขึ้นเดินไปยืนเคียงกายพระเจ้าแผ่นดินอย่างว่าง่าย หลิวเช่อก้มลงมองเหม่ยเหรินของตนเล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวขนาดใหญ่ที่มีไว้เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางภายในวังและทิ้งให้สาวงามยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่าควรต้องทำเช่นไร

“ ลู๋เหม่ยเหริน ขึ้นไปสิขอรับ ” จางกงกงที่รู้ความต้องการของฝ่าบาทกระแอ่มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโน้มลงกล่าวกับนางเบา ๆ ด้วยสีหน้ากรุ่มกริ่ม

“ ขึ้นไป ? ” น้อยนักที่จะมีโอกาสเห็นคนแซ่ลู่ทำสีหน้าเหลอหลาพร้อมกับกิริยาที่คล้ายเด็กน้อยตื่นต่อโลกกว้าง ท่าทางน่าเอ็นดูเช่นนี้สร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้าง และในขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้สายตาของผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้าตรึงอยู่กับแผ่นหลังน้อยที่คลายภาระบนไหล่ลง

เด็กสาววัยไม่กี่สิบปีสมควรสดใสเช่นนี้ ไม่ใช่เรียบนิ่งทั้งยังแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า

“ ขึ้นมา ”

สองคำของเขาทำให้ทั้งกายชาวาบ เหม่ยเหรินหยกขาวหันมองเข้าไปด้านในเกี้ยวที่มีเพียงฝ่าบาทประทับอยู่ด้านในด้วยสายตาอธิบายยาก ก่อนจะหันกลับไปมองจางกงกงพ่อยกมือหนึ่งที่ดูพออกพอใจจนยิ้มออกนอกหน้า ยังไงก็เป็นโอรสสวรรค์ออกปากด้วยตัวเอง ไป๋หรั่นกลั้นใจย่อกายลงเล็กน้อยเพื่อขอบคุณในความเมตตาของฝ่าบาท ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปบนเกี้ยวพร้อมกับรอยยิ้มที่เหยียดออกของจางกงกงเมื่อบานประตูปิดลงพร้อมเสียงประกาศกร้าว

“ ไปท้องพระโรง !! ”



รวมสิ่งที่ใช้

[NPC-11] จางกงกง +5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-11] จางกงกง +20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-28 16:12
โพสต์ 26771 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 15:14
โพสต์ 26,771 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-28 15:14
โพสต์ 26,771 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-28 15:14
โพสต์ 26,771 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-28 15:14
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2024-7-30 11:18:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-30 16:29


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบเก้า ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามอู่ (12.00 น.)




     เมื่อทำอาหารเรียบร้อย สิ่งต่อไปคือการยกสำหรับอาหารมาถวายแด่องค์ไท่โฮ่วราวกับว่านี่คือธรรมเนียมเสียแล้ว เว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ขอให้ถิงเอ๋อร์และไฉเอ๋อร์ยกถาดสำหรับอาหาร (อันค่อนไปทางขนมหวานมากกว่า) ทั้งสามคนเดินตรงมายังตำหนักเซวียนเต๋ออย่างคล่องแคล่วจนสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างนางนึกหวนไปครั้งแรกที่เข้าถวายความเคารพแด่สตรีผู้เป็นมารดาแห่งโอรสสวรรค์

   ราวกับเป็นช่วงเวลาที่ไกลแสนไกล ทว่าก็รู้สึกราวกับเพียงหนึ่งลมหายใจเช่นกัน

   “เรียนพระสนมเว่ยเจียเจียอวี๋เจ้าคะ ยามนี้องค์ไท่โฮ่วเสด็จไปพบกับพระสนมลู่เหม่ยเหรินเจ้าค่ะ”

   “ดี นำทางไปหน่อย”

   เมื่อถึงหน้าตำหนักเรียบร้อยเหลียนฮวาก็แจ้งนางกำนัลผู้มารับหน้า ทว่าเมื่อได้รับทราบว่าบัดนี้องค์ไท่โฮ่วอยู่ที่ไหนนางก็แย้มยิ้มพึงใจและเอ่ยให้นางกำนัลนำทางสู่เรือนพักเฉพาะกิจขอบพระสนมเหม่ยเหรินที่นางสนิทที่สุด

  “พระสนมเว่ยเจียเจียอวี๋ขอเข้าเฝ้าเพคะ”

   “ถวายบังคมองค์ไท่โฮ่ว ทรงพระเจริญพันปี พันปี พัน พันปี”

  “อย่าได้มากพิธี ลุกขึ้นเถิด”

   สุรเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นเพื่อให้สตรีตรงหน้าได้ลุกขึ้นยืนตรงไม่ต้องยอบกายถวายความเคารพ เว่ยเจียเหลียนฮวาลุกขึ้นเงยใบหน้าสบเข้ากับใบหน้างามของมารดาโอรสสวรรค์พร้อมแย้มยิ้มงดงามและแน่นอนว่าอดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาไปมองสตรีผู้งดงามราวหยกงามล้ำค่าข้างกายแสนคุ้นเคย

   มีสหายเป็นคนงามนี่มันอาหารตาจริง ๆ

   “ทักทายพระสนมเว่ยเจียเจียอวี๋เจ้าค่ะ”

   “ทักทายพระสนมลู่เหม่ยเหรินเช่นกัน”

   แม้จะรู้สึกราวกับมดไต่ภายในใจไม่น้อยเมื่อนางที่เรียกขานสตรีผู้นี้ว่าเจี่ยเจียเสมอมาต้องมารับคำทักทายราวกัน ‘เจี่ยเจีย‘ เสียเองช่างน่าประหลาดเกินทน หากที่ตรงนี้ไม่มีไท่โฮ่วคงไม่พ้นตบตักหัวร่อกันพรวนเสียแล้ว

   อย่าหลุดเชียว

   เหลียนฮวาเม้มริมฝีปากที่แย้มยิ้ม(พยายามที่จะ)เรียบร้อยเป็นการยับยั้งกิริยาตนเองเอาไว้ก่อนจะผายมือไปทางนางกำนัลสองคนข้างหลังของนาง

  “เรียนไท่โฮ่ว เนื่องด้วยหม่อมฉันได้มีโอกาสเข้าครัวในครั้งนี้ นึกอยากรับประทานของหวานนักจึงอยากยกมาถวายพระองค์ก่อนเช่นเดิม ทั้งยังแลเห็นว่าเป็นยามอู่พร้อมอยู่คู่กับพระสนมลู่เหม่ยเหรินจึงตั้งใจยกมาแบ่งปันพระสนมด้วยเช่นกันเพคะ” นางเอ่ยพร้อมแย้มยิ้มงาม “ในครานี้มีของคาวมาพร้อมสองอย่างคือ เป็ดปักกิ่ง และ เป็ดแช่เหล้าที่หม่อมฉันนำเนื้อเป็ดที่เหลือจากแล่หนังเป็ดไม่ให้เสียทิ้งเปล่า ส่วนที่เหลือนี้เป็นของหวานมากมายอยากให้พระองค์ได้เสวยและแนะนำติชม มีกุ้ยฮวาเกา ชิงถวน หลี่โต้วเกา แล้วก็มีหลงซูถัง ลองลิ้มรสพร้อมชาเบญจมาศเพคะ”

   “อ้ายเจียได้อิ่มท้องยิ่งเพราะเจ้าเสมอเลย เว่ยเจียเจียอวี๋ มา มานั่งรับประทานร่วมกับอ้ายเจียกับลู่เหม่ยเหรินมา”

   ได้รับสั่งเช่นนี้แล้วร่างบางก็ยอบกายขอบคุณน้ำพระทัยของสตรีผู้ทรงอำนาจ เหลียนฮวาพยักหน้าให้ถิงเอ๋อร์และไฉเอ๋อร์ให้จัดวางจานอาหารต่าง ๆ รอถงกู่กูช่วยตรวจสอบพิษร้ายตามระเบียบการจัดการแล้วเริ่มรับประทานอาหาร พูดคุยสนทนาตามประสาสตรีวังหลัง





[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว 
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดม่วง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม) 

รางวัล

+50 พลังใจ, 8 ตำลึงทอง , +30  EXP , +15 บารมี

และ +15 ตบะฝึกฝนจากการมุมานะฝึกทำอาหาร

ความโปรดปรานจากไท่โฮ๋ว+35 แต้ม


+50 บารมี ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง


@Admin  
เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

แสดงความคิดเห็น

++ ความสัมพันธ์กับไท่โฮ่วเต็มแล้ว  โพสต์ 2024-7-30 16:43
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2024-7-30 16:43
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-7-30 16:42
โพสต์ 13617 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-30 11:18
โพสต์ 13,617 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว
(เจียยวี่)
  โพสต์ 2024-7-30 11:18

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +8 ตบะฝึกฝน +15 พลังปราณ +65 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 8 + 15 + 65

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-30 18:46:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบเก้า ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ ต้นยามเว่ย (13.00 น.)




     สิ้นสุดระยะของการรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อย เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยปากให้ถิงเอ๋อร์และไฉเอ๋อร์มาช่วยยกถาดอาหารทั้งหลายเพื่อเตรียมเดินทางไปถวายแก่องค์หวงตี้ก่อนจะเอ่ยลาพระสนมลู่เหม่ยเหริน หรือ ลู่ไป๋หรั่นเจี่ยเจียคนงามแล้วเอ่ยอาสาทำหน้าที่ประคององค์ไท่โฮ่วกลับไปยังเรือนใหญ่ของตำหนักเซวียนเต๋อ

   ในระยะทางที่จะเอ่ยว่าสั้นก็แสนสั้น จะเอ่ยว่ายาวก็ยาวไกล ในช่วงนี้เองจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่พระสนมผู้สูงศักดิ์แห่งองค์จักรพรรดิได้อยู่ตามลำพังกับสตรีผู้เป็นมารดาของโอรสสวรรค์ หากให้เอ่ยตามประสาชาวบ้านง่าย ๆ คงจะเป็นช่วงเวลาของแม่ผัวลูกสะใภ้ก็ไม่ปาน

   ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกสะใภ้ไร้พิธีไหว้ฟ้าดินก็ตาม

   “ขอบใจเจ้ามากที่คอยนึกถึงอ้ายเจียเสมอ”

   “ไม่หรอกเพคะ บัดนี้หากใครครวญให้ดีพระองค์ก็ไม่ต่างกับเป็นมารดาของหม่อมฉันกลาย ๆ เช่นนั้นแล้วการเอาใจใส่ผู้เป็นมารดาของสามีล้วนเป็นหน้าที่ของสตรีเช่นพวกหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ”

   “ถ่อนตนเสียจริง” สุรเสียงงดงามทรงอำนาจตรัสอย่างพออกพอใจในคำตอบของสตรีผู้ถือว่าเป็นภรรยาของบุตรแห่งตน “อ้ายเจียได้ยินข่าวมาว่าก่อนหน้านี้หวงตี้ทรงเสด็จไปบรรทมที่ตำหนักของเจ้า เช่นนั้นแล้วอ้ายเจียหวังหลานชายสักคนได้หรือไม่ ?”

  “เรียนองค์ไท่โฮ่ว แม้ฝ่าบาททรงเสด็จมาบรรทมกับหม่อมฉันจริง ทว่าแท้จริงแล้วหาได้มีเรื่องเกินเลยไม่ เช่นนั้นแล้วคงไม่อาจมีข่าวดีในเร็ววันหรอกเพคะ”

“อ้ายเจียจะบอกให้ ขึ้นชื่อว่าวังหลังล้วนไม่ต่างจากอุทยานมวลบุปผาอาบยาพิษ สตรีเกิดมาเป็นของบิดา แต่งงานเป็นของสามี สามีสิ้นชีวีเป็นของบุตร เช่นนั้นแล้วหากต้องการคงความโปรดปรานต่อไป อย่าหาว่าคนแก่พูดมากเลย” องค์ไท่โฮ่วหยุดก้าวเท้าตรงหน้าทางเข้าเรือนใหญ่ของตำหนักเซวียนเต๋ออันเป็นที่ประทับของพระมารดาแห่งโอรสสวรรค์ พระนางหันมาหาเหลียนฮวา กอบกุมมือเล็กที่คอยประคองไม่ห่างตลอดทางก่อนจะตรัสคำแนะนำในฐานะผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน “การมีบุตรสักคน ชีวิตเจ้าจะอยู่สบายนัก เว่ยเจียเจี๋ยอวี่”

  “ขอบพระทัยองค์ไท่โฮ่ที่แนะนำเพคะ หม่อมฉันจะไม่ลืมคำตรัสของพระองค์”

   “ดี ดีมาก เช่นนั้นแล้วก็ยกอาหารไปให้ฝ่าบาทเถิด เวลานี้แม้ว่าจะอยู่ในห้องทรงอักษร ทว่าเจ้าเอ่ยอ้างอ้ายเจียไม่ย่อมผ่านโดยง่าย”

  “เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งเพคะ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวายอบกายถวายความเคารพแด่องค์ไท่โฮ่วก่อนจะก้าวเดินออกมาหลังจากร่างของสตรีสูงศักดิ์หายไปกับตำหนักแสนงดงาม





[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

อันนี้ผมแค่จะเอาไปลงปลดล็อคขอใจเทอแลกเบอร์โทร
เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10503 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-30 18:46
โพสต์ 10,503 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว
(เจียยวี่)
  โพสต์ 2024-7-30 18:46
โพสต์ 10,503 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก กู่เจิง  โพสต์ 2024-7-30 18:46
โพสต์ 10,503 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก คนใฝ่รู้  โพสต์ 2024-7-30 18:46
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-31 00:06:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-31 00:11




แขกมาเยือน
Flashback
วันที่ 26 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบสามนาฬิกาเป็นต้นไป


เช้าวันนี้นางเริ่มวันด้วยการทราบกำหนดการที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งคือเตรียมตัวสำหรับพบคนหน้าใหม่ที่มาร่วมพักพิงในร่มเงาของตำหนักเซวียนเต๋อ.. น่าประหลาด ข่าวลือหญิงแซ่ตวนมู่โลดแล่นได้ไม่ถึงวันสุดท้ายก็ถูกส่งมากักบริเวณที่เดียวกับนาง แน่นอนว่าข่าวนี้ไม่มีสักรายที่ส่งคนมาบอกกล่าวถึงสาเหตุความเป็นไป จะใต้เท้าจาง จางกงกง หรือแม้กระทั่งไท่โฮ่วที่คาดว่าทราบตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้ประมาณหนึ่งยังไม่พูดอะไรสักคำ

แน่นอนว่าไป๋หรั่นยอมรับกับการที่ถูกปิดหูปิดตา แต่ก็ใช่ว่าจะตลอดไป

คนก็รับมาแล้ว ตัวก็มาถึงแล้ว ทว่ากลับไม่มีคำสั่งห้ามใด ๆ มาถึง ไม่มีการกำชับว่าห้ามพบ ไม่มีการบอกว่าห้ามคุย .. นางรอมาหนึ่งวันแล้ว กระทั่งเที่ยงของอีกวันก็ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะห้ามอะไร ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายแล้ว ทว่ากว่าจะได้ส่งคนมาเชิญตวนมู่เหม่ยเหรินที่เรือนพักก็นับว่าเป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว นางกำนัลของฝั่งเรือนฉางชุนคนหนึ่งเดินเข้ามาในเขตเรือนอีกฟากเพื่อส่งมอบหนึ่งคำเชิญ

ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มฉายแววฉะฉานคนหนึ่งที่กล่าวขึ้นอย่างนอบน้อมต่อหน้าประตูเรือนที่ปิดอยู่ “ เรียนตวนมู่เหม่ยเหริน มิทราบว่าสะดวกพบหรือไม่เจ้าคะ ” ไป๋หรั่นคาดการณ์ระยะเวลาการพบหน้าของเซียวจื่อไท่โฮ่วและอีกฝ่ายไว้ประมาณหนึ่งแล้ว ฉะนั้นในยามที่นางกำนัลน้อยมาถึง อีกฝ่ายย่อมว่างพอจะฟังคำเชิญ

“ ลู่เหม่ยเหรินทราบว่าตวนมู่เหม่ยเหรินมาถึงแล้ว จึงได้ฝากคำเชิญให้ท่านไปร่วมดื่มชาที่ศาลาใกล้ตำหนักเพื่อหารือเพคะ”

ไม่ใช่แค่สนทนา หรือร่วมดื่มชา แต่เป็น หารือ ลู่ไป๋หรั่นไม่เก็บงำประกายที่อยากหาคำตอบในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue

เบื้องหน้าที่ศาลาริมบ่อบัวยังมีสตรีผู้หนึ่งนั่งอย่างสงบอยู่บนเก้าอี้หินที่เข้าคู่กับโต๊ะกลมตัวใหญ่ มองเผิน ๆ ดูไม่ต่างอะไรไปจากรูปสลักที่คล้ายคนจริง กระทั่งสังเกตถึงช่วงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามลมหายใจนั้นถึงได้ทราบว่าคนงามที่นิ่งงันผู้นั้นก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ในวันนี้เหม่ยเหรินแซ่ลู่สวมอาภรณ์แบบไปรเวทเช่นเด็กสาวนอกวังต่างก็เพียงการรวบผมขึ้นเป็นมวยเพื่อบ่งบอกสถานะว่าออกเรือนที่หากชายใดมาเห็นก็คงนึกเสียดาย ทว่ารูปสลักหยกก้อนนี้หาใช่คนไร้หัวใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่อาจเป็นของคนที่ส่งไป นางก็เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงช้า ๆ

ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue

ไป๋หรั่นทราบดีถึงหนึ่งข้อเท็จจริงระหว่างนางและอีกฝ่าย เนตรหงส์หรี่ลงเล็กน้อยพร้อมริมฝีปากสีสดที่เหยียดออกเป็นรอยยิ้มรับการมาถึงของผู้ที่ตอบรับคำเชิญ สายเลือดตวนมู่นับแต่อดีตจัดว่าเป็นวีรชนคนหาญกล้า นางจึงคิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องตอบรับแน่ แต่ก็ไม่นึกว่าจะตอบรับได้ดีตั้งแต่ประโยคแรกที่เจอกัน “ เดินมาเหนื่อย ๆ ดื่มชาสักจอกก่อนดีหรือไม่? ข้าไม่แน่ใจว่าตวนมู่เหม่ยเหรินโปรดชาชนิดใดจึงเลือกชั้นดีที่พอรับรองได้มาสองสามอย่าง อ้อ ในกาตอนนี้เป็นปี้หลัวชุน ยังอุ่นอยู่ ดื่มสักจอกเถิด ” สาวงามชดช้อยปานเทพธิดาเอื้อมเข้าหยิบกามารินชาใส่จอกว่างที่วางอยู่ไม่ไกล

ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue

“ หารือ.. แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องให้หารือ หรือว่าตวนมู่เหม่ยเหรินไม่คิดว่าเรื่องนี้เราควรปรึกษากันสักหน่อย? ”

ระหว่างนางและอีกฝ่ายมีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน และถ้าหากถามว่าเป็นสิ่งใด.. แน่นอนว่ามีอยู่ไม่กี่สิ่ง หนึ่งเป็นเหม่ยเหริน สองเป็นผู้โดดเด่น และสาม.. เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ให้กับใครสักคนโดยไม่รู้ตัว

ไป๋หรั่นไม่ยินดีในการทำความรู้จักหรือเชื่อว่าใครเป็นอย่างไรผ่านข่าวลือ โดยเฉพาะหลังจากที่นางเจอมรสุมขี้ปากคนมามากมาย ก่อนหน้านี้ไม่นานนางพึ่งได้ยินข่าวลือสะเทือนฟ้าสะเทือนดินเกี่ยวกับสายเลือดสกุลตวนมู่และถัดมาไม่นานก็กลายมาเป็นคนที่อยู่ร่วมในสถานะกักบริเวณเช่นเดียวกัน อะไร ๆ ที่เผอิญแบบนี้หากเกิดที่อื่นยังพอเชื่อได้ แต่พอเป็นสถานที่ซึ่งมีนามว่าวังหลวง.. เกรงว่าจะเชื่อยากกว่าที่คิดไว้มาก

“ คนภายนอกเรียกเราทั้งสองว่า ผู้ต้องสงสัย

“ แต่ข้านิยามตัวเองว่าเป็นเหยื่อ ..แล้วท่านล่ะ คิดอย่างไร?

ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue

“ จะดีหรือร้ายอย่างไรก็นับว่าเป็นการรับแขก ”

กลิ่นหอมหวานติดตรึงปลายลิ้นของปี้หลัวชุนช่วยทำให้รสชาติของความเป็นจริงไม่ขมฝาดจนเกินไป ไป๋หรั่นเป็นคนละเอียดอ่อนตั้งแต่เล็กล้วนถูกสอนมาให้ใส่ใจไปพร้อม ๆ กับเรียนรู้ ทว่าที่โปรดปรานเป็นอย่างมากนั้นหาใช่ศาสตร์ศิลป์หรือวิชาการ แต่เป็นลักษณะนิสัยใจคอของผู้คน

‘ ระหว่างข้าและท่าน ผู้หนึ่งต้องสงสัย อีกผู้หนึ่งก็ไร้มลทิน ’

ประโยคนี้สร้างความประหลาดใจให้นางอย่างยิ่งยวด “ ไม่เคยมีเหยื่อ… ” นงคราญหยกเคลื่อนสายตาตามการตอบรับเสียงหวานทั้งที่แฝงความเชือดเฉือนอยู่ภายใน แทนที่นางจะขมวดคิ้วหรือแสดงท่าทีว่าไม่พอใจ ตรงกันข้ามเหม่ยเหรินแซ่ลู่ทำเพียงแค่พยักหน้าพร้อมพึมพัมเสียงเบา “ เช่นนี้เอง.. ข้าไม่ทันนึกเลย ”

อุ้งนิ้วที่เย็นเฉียบคลึงอยู่กับจอกชาอุ่นช้า ๆ “ ท่านน่าจะพอทราบว่าข้าเป็นบุตรสาวคหบดี ”

อยู่ ๆ บุตรสาวคหบดีที่ว่าก็เกริ่นขึ้นมาถึงชาติกำเนิด ทีแรกอาจชวนให้นึกระแวดระวังแต่ประโยคถัดมากลับปลอดโปร่งและเรียบง่ายจนน่าเหลือเชื่อ “ ผู้ทำการค้ามักเดิมพันด้วยไม่กี่สิ่ง หนึ่งคือความสามารถ สองคือใจคน ”

“ เดิมพันชีวิต.. แน่นอนว่าข้าหาได้บ้าถึงปานนั้น ”

สองตาของสาวงามหลุบลงมองผิวน้ำชาสีอ่อนในจอกบนมือช้า ๆ นางไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาเรื่องใส่ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง—- ใส่ร้ายสกุลใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นวีรชน

“ แต่แรกหลักฐานบ่งชี้มาเป็นข้า อีกทั้งแรงจูงใจก็เหมือนจะมีพร้อมแต่พอเหตุนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดพาดเกี่ยวระหว่างกฏเกณฑ์วังในและกรมราชทัณฑ์ขึ้นมา ก็เริ่มมีเบาะแสอื่น ” ไป๋หรั่นพบว่านางคล้ายจะรู้ข่าวไวกว่าผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ล่าช้ากว่าผู้อื่น หลาย ๆ อย่างปรากฏขึ้นมาราวกับว่าอยากให้นาง ‘รับรู้’ ล่วงหน้า “ ข้าถูกใต้เท้าจางคุมตัวก่อนจะรู้เสียอีกว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาก็ถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่ รอบข้างมีสายตาคอยสอดส่องต่อให้เป็นภูตผียังยากจะหนีได้ ”

“ ท่าทางท่านจะมองว่าข้ามีความสามารถไม่น้อย แต่เกรงว่าคงต้องผิดหวังแล้ว ” ดวงหน้าพิลาสล้ำประดับไว้ซึ่งรอยยิ้มอ่อนละมุน “ ข้าไม่มีปัญญาหาวิธีมาให้ร้ายท่านแต่แรกแล้ว ต่อให้มีแล้วเหตุใดต้องเป็นท่าน? ”

ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue

“ ไหนเลยจะเป็นการกระทบกระเทียบ ” ฝ่ายที่เติบโตราวไข่มุกบนมือปัญญาชนส่ายหน้าเป็นการตอบกลับ

“ แนวคิดวีรชนกับแนวคิดชาวบ้านโดยทั่วไปล้วนต่างกัน ”

“ พวกท่านสละน้อยเพื่อมาก เดิมพันกับสิ่งที่ผู้คนไม่กล้าสละ สำหรับคนรักตัวกลัวตายอาจนับว่าบ้าคลั่งเพราะคนเหล่านั้นล้วนรักแต่ตัวเอง ” ไป๋หรั่นวางจอกชาลงและขยับสองมือกลับมากุมประสานบนตัก นางจะไม่อธิบายสิ่งที่คิดก็ยังได้แต่เห็นแก่ที่อีกฝ่ายยอมรับคำเชิญของนางทั้ง ๆ ที่ก็หาได้แน่ใจ.. “ แต่การเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อแลกมากับชัยชนะสำหรับคนในการปกครอง นั่นเรียกว่ากล้าหาญ

“ บังเอิญพบ? ”

สาวงามพิลาสล้ำทวนคำด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ เหม่ยเหรินหยกขาวกดใบหน้าลงเจือความประหลาดใจ บังเอิญ? ไหนเลยจะบังเอิญถึงเพียงนั้น.. นางอยู่วังมาได้ไม่นานยังรู้ได้ว่าความบังเอิญในรั้ววังนับว่าไม่แน่นอน ทุกความบังเอิญสามารถจัดแจงกันไว้ได้คล้ายกับเม็ดหมากที่ล้อมหน้าล้อมหลังดั่งหลุมพราง

“ ท่านถูกดึงเข้ามาเอี่ยวด้วยเหตุนี้นี่เอง ส่วนที่เหลือก็คงเป็นใต้เท้าจางที่ผลีผลามกระทำเกินกว่าเหตุอย่างที่เขามักทำบ่อย ๆ จนข่าวลือกระพือไปทั่ว ” มาถึงตอนนีสตรีแซ่ลู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ นางยกมือขึ้นคลึงหว่างคิ้วเบา ๆ ถิงเว่ยหนุ่มท่านนั้นมีความมุ่งมั่นแต่มักทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น กำหนดการที่จะต้องส่งผลสืบสวนก็ใกล้เข้ามาแล้ว นางไม่รู้เลยแม้แต่นิดว่าจะสามารถไว้ใจคนอย่างเขาได้หรือไม่

“ ภายนอกกล่าวว่าข้าร้ายกาจมากแผนการเพียงใดไม่สำคัญ ที่อยู่ต่อหน้าท่านยามนี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในหมากหยกชั้นดีที่มีคนจ้องคว้าไปใช้ ” เบื้องหน้านางคือสตรีเลิศล้ำผู้ยึดมั่นในตนเอง คนที่เดินมาหานางโดยไม่คล้อยตามไปกับธรรมเนียมปฏิบัติทสมควรต้องเรียกกันว่า ‘ พี่สาวน้องสาว ’ เหตุผลของอีกฝ่ายเป็นอย่างไรนางไม่ทราบ แต่จากการแสดงออกนี้ก็พอจะบอกให้รู้ว่านางไม่ใช่สตรีจำพวกดาษดื่นที่จะใส่ใจแค่กับการปฏิบัติให้ดูดี

“ สิ่งที่ข้ารู้ ข้าก็มั่นใจว่าท่านรู้แล้ว ”

“ เช่นเดียวกัน สิ่งที่ท่านไม่รู้ ข้าเองก็ไม่รู้ ”

ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue

แยบยลนัก ริมฝีปากแดงฉานของสาวงามคล้ายหยักลงลึกกว่าเดิมมาก นับว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่งที่ฝีปากไม่ธรรมดา พริบตาเดียวมองทะลุใจคนได้อย่างกระจ่าง ทั้งยังสอดแทรกสำนวนจิกกัดให้กลายมาเป็นการชื่นชม ลู่เหม่ยเหรินที่เฝ้ามองตัวตนซึ่งเปี่ยมไปด้วยความพิศวงทำเพียงหัวเราะน้อย ๆ และลุกขึ้นส่งอีกฝ่าย “ ตวนมู่เหม่ยเหรินทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตานัก จากฉางชุนไปยังเรือนพักของท่านไม่ห่างไกล ทว่าทางที่เดินกลับเปรียบได้ดั่งพันภูผาหมื่นวารี

คนเช่น ‘นาง’ ไหนเลยจะกล่าวถึงทางเดินได้สละสลวยเช่นนี้ “ เราทั้งสองยังต้องเดินทางไกล ไม่รบกวนท่านแล้ว ไว้หนหน้ามีวาสนาค่อยพบกันใหม่ ขอให้เป็นค่ำคืนที่ดี ”



ลืมแอดคุนตวนมู่.. แท็ก.. ไม่ได้.. .เหี่ยว .แต่ไม่กัว เราลงเลย
@Admin 





แสดงความคิดเห็น

ร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยลึก  โพสต์ 2024-7-31 00:32
โพสต์ 27062 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-31 00:06
โพสต์ 27,062 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-31 00:06
โพสต์ 27,062 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-31 00:06
โพสต์ 27,062 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน
(เหม่ยเหริน)
  โพสต์ 2024-7-31 00:06
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2024-7-31 13:24:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-31 13:27


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สามสิบเอ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามหยิน (04.00 น.)




    หาว—

   “ไม่น่าคึกนั่งจ้องหมั่นโถวจนยามไฮ่เลย”

   สตรีบางในอาภรณ์สีนภาสดใสทว่ากลับไม่เข้ากับใบหน้ายามนี้เสียเท่าไหร่ เมื่อนางกำลังหาววอด ๆ เพราะอดหลับอดนอนเอาแต่นั่งดูหมั่นโถวปริศนาพวกนั้นเป็นบ้าเป็นหลัง นับว่านานแล้วหลังจากออกจากเรือนมาอยู่พระราชวังนี่เป็นความท้าทายแบบที่นานทีปีหนจะได้เจอะเจอ เช่นนี้แล้วนางจะอดตื่นเต้นได้อย่างไร

   “สตรีในวังไม่หลับไม่นอนกันหรือไร ไยต้องลุกมาตอนฟ้าไม่ทันสาง ไม่เพิ่งเริ่มขันด้วย”

   เหลียนฮวาบ่นอุบอยู่ในตำหนักของตนเมื่อการปักปิ่นปักผมอันสุดท้ายลงบนเรือนผมงามที่หนักอึ้งมากกว่าเดิมโขเชียว ริษยาพวกไฉเหรินนักที่ปักเพียงคนละอันสองอัน สตรีบางถอนหายใจออกมาคราสุดท้ายก่อนที่จะหยัดกายขึ้นลุกออกจากตั่งนั่งและออกจากเรือนเดินไปยังตำหนักเซวียนเต๋อตามที่นางต้องกระทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตั้งแต่ได้รับการอวยยศขึ้นเป็นพระสนมเจี๋ยอวี๋

  “ถวายพระพรไท่โฮ่ว ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี”

  
“ขอบใจมากที่เจ้ามาหาอ้ายเจียเสียเช้ามืด”

   “เป็นหน้าที่อันควรกระทำอยู่แล้วเพคะ”

   “เอ้า มาใกล้ ๆ เสียสิ คุยกันอยู่สองคนจะไปยืนที่ไหนไกล” องค์ไท่โฮ่วตรัสออกมาพร้อมตบตั่งนั่งตนเองเสนอให้นางมานั่งข้างกายตนเอง “อ้ายเจียนึกว่าจะไม่มีใครมาเยี่ยมนอกจากหวงตี้อีกสักพักใหญ่เชียว ดีแล้วที่เจ้าได้มาหา เช่นนั้นแล้วไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาช่วยอ้ายเจียเย็บเสื้อหน่อยดีหรือไม่ ?”

   เย็บเสื้อ? หม่อมฉันเย็บได้เพียงทฤษฎีในหัวกระมังเพคะ—

   “หม่อมฉันมิได้มีฝีมือเย็บปักเท่าใด ขายหน้าพระองค์เสียแล้ว”


  “ผู้ใดจะมากฝีมือตั้งแต่เกิด มาฝึกกับอ้ายเจียสักสองสามคราเจ้าก็คล่องปร๋อแล้ว” องค์ไท่โฮ่วเอ่ยก่อนจะหันไปบอกถงกู่กูถึงการไปหยิบอุปกรณ์มา “ไปเอาตะกร้าเย็บปักกับพับผ้ามา”

   นี่ข้าต้องแหกตามาปักเย็บหรือ…

   ใช้เวลาไม่ถึงเค่อบนตกของนางตอนนี้ก็มีผ้าบางแลวงไม้สะดึงขึงผ้า สตรีสูงศักดิ์ข้างกายของนางเอ่ยบอกว่าหากจะให้นางไปเย็บปักอาภรณ์เลยคงยากเกินควรเช่นนั้นแล้วจึงให้ปักลายบนผ้าน้อย ๆ เป็นผ้าเช็ดหน้าเสียก่อนแล้วค่อยริเริ่มปักลายบนอาภรณ์ที่มีอยู่แล้ว เว่ยเจียเหลียนฮวารับคำมาแล้วนั่งเหม่ออยู่สักพักเชียวว่าจะปักผ้าเช็ดหน้าอย่างไรดี ก่อนจะเริ่มลงมือปักด้วยความรู้สึกงุนงงว่าตนเองมาทำกระไรที่นี่

  “ได้อยู่ตำหนักขอบเจ้าเองแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”

   “เรียนไท่โฮ่ว ตำหนักเถียนเซี่ยงดงาม ทั้งยังกว้างกว่าที่เคยอาศัย มีนางกำนัลประจำตำหนักมากมายไม่ต้องผลัดเวร ทุกสิ่งล้วนเรียบร้อยดีเพคะ”

  “พูดถึงนางกำนัล อ้ายเจียแลเห็นเจ้าใช้สาวใช้มายกอาหารไม่ซ้ำหน้า”

  “พวกนางล้วนเป็นนางกำนัลห้องเครื่องหลวงที่หม่อมฉันขอความช่วยเหลือน่ะเพคะ”

  “แล้วเจ้าไม่มีนางกำนัลคนสนิทติดตามเจ้าหรือ ?”

  “ ไม่เพคะ?” ร่างบางส่ายใบหน้าน้อย ๆ “หม่อมฉันแค่มีนางกำนัลมาพร้อมตำหนักเช่นนี้ก็มากพอแล้ว ไหนเลยจะต้องลำบากเลือกสรรใหญ่โต”

  “เป็นสตรีสูงศักดิ์มากขึ้น เจ้าต้องมาพร้อมบริวาร ประเดี๋ยวอ้ายเจียจะจัดการให้เจ้าเอง”

   หลังจากนั้นสตรีทั้งสองก็เอ่ยสนทนากันชั่วครู่ก่อนที่ช่วงกลางยามหยินจะปรากฎกายของโอรสสวรรค์มาถวายพระพรองค์ไท่โฮ่ว เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ไม่ต้องการเป็นบุคคลที่สามในการสนทนาของแม่ลูกจึงเอ่ยปากของตัวทูลลาออกมาก่อน





หากโรลเพลย์ไม่สคริปจะได้ความโปรดปรานไท่โฮ๋ว+10 / ค่าบารมี+15

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์


+50 บารมี ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2024-7-31 14:17
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-31 14:17
โพสต์ 12529 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-31 13:24
โพสต์ 12,529 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-31 13:24
โพสต์ 12,529 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-31 13:24

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +65 ย่อ เหตุผล
Admin + 65

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2377
ความชั่ว
1202
ความโหด
2595
โพสต์ 2024-8-1 20:14:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-8-1 20:20





.เหม่อ เรียนผูกแล้วลืมเรียนแก้ฮะ ขอ Howto คุมคาร์ NPC โฮกกกก


CHAPTER 15

วันที่ยี่สิบห้าเดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
ช่วงเวลา 14:00 น. โดยประมาณ
(เช็คเวลาแล้วไม่ขัดกับโพสต์ก่อนหน้า)
[เยือนตำหนักเซวียนเต๋อ]


แสงอาทิตย์อันงดงามของฤดูร้อนพร่างพรายจนนัยน์ตาหลงเยวี่ยพร่าเลือน หลังคาตำหนักในพระราชวังเรียงสลับไกลสุดลูกหูลูกตาประหนึ่งเทพมังกรเลื้อยคดอยู่เบื้องบน วันนี้ฟ้ากระจ่างไร้เมฆหมอกราวกับอวยพรแก่นาง ทว่าหลงเยวี่ยยังคงรุ่มร้อนในอก ข่าวลือตำหนิที่เหอซีอิงกงผู้ล่วงลับปราชัยในสมรภูมิลุกลามรวดเร็ว เพียงราตรีเดียวสายตาทิ่มแทงมากมายก็จับจ้องมาที่นาง ข่าวลือน่าชัง! หากนางพบว่าผู้ใดปล่อยข่าวจะต้องเอาคืนให้สาสมอย่างแน่นอน

ครานี้แม้จะเป็นการคุมตัวผู้ต้องสงสัย ทว่าจางจิ่งสิงไว้หน้านางอยู่มาก

มือปราบเหล่านั้นเพียงติดตามมาทางด้านหลังอย่างห่างๆ เท่านั้น

เดินอยู่ราวๆ หนึ่งชั่วกาน้ำชาร้อนนางก็มาถึงตำหนักใหญ่แห่งหนึ่ง ประดับป้ายอักษรตวัดอันทรงพลังว่า ‘เซวียนเต๋อ’

.

.

.

ต่อหน้าตำหนักที่ประทับอันทรงเกียรติ ผู้เป็นเจ้าของวังหลังที่แท้จริงในยามนี้ หลงเยวี่ยไหนเลยจะเผยท่าทางอวดเบ่งให้กระทบถึงเงาศีรษะของตน ย่างเท้าของหญิงสาวสำรวมและมั่นคงแม้แต่สีหน้าเย่อหยิ่งก็สำรวมขึ้นหลายส่วน มือปราบและนางกำนัลพูดคุยเพื่อแจ้งข่าวการมาถึงของนางสักครู่ สาวใช้ระดับสูงในตำหนักไทเฮาก็สืบเท้าเข้ามา เอ่ยอย่างมากมารยาทและเปี่ยมไมตรี

“นายหญิงน้อยเรียนเชิญด้านในเพคะ”

“อืม…” ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มขณะเดินตามนางกำนัลในตำหนักเข้าไปในตำหนักชั้นใน หลงเยวี่ยยอบกายลงต่อหน้าหญิงสาวที่งดงามเพริดแพร้ว แม้กาลเวลาอันยาวนานจะฝากริ้วรอยแผ่วเบาประทับบนหางตาและมุมปาก หากทว่าความงามของพระนางดุจได้ดั่งหยก ทั้งยังเปี่ยมซึ่งบารมีอย่างยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน กล่าวกันว่านางเป็นสตรีวัยสี่สิบปลาย หากว่าพิจารณาจากโฉมเบื้องหน้าคลับคล้ายว่าเป็นเพียงหญิงวัยสามสิบเท่านั้น

หลงเยวี่ยคุกเข่าอย่างสำรวม “ถวายพระพรไท่โฮ่ว ขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปี พันพันปี”

สุรเสียงอันทรงอำนาจเผยร่องรอยของความอ่อนล้าและปลดปลง

“จะตำแหน่งใดก็นับเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ ข้า(อายเจีย)ไม่ชอบความวุ่นวาย มาแล้วก็ลุกขึ้นนั่งเถิด—-”

นางไม่ทราบอุปนิสัยใจคอของพระนาง เพียงแต่ได้ยินวีรกรรมอันเฉิดฉันเท่านั้น

บุตรชายคือหวงตี้องค์ปัจจุบัน ธิดาคือนักรบหญิงที่เก่งกล้าสามารถ ในใจเคารพเลื่อมใสอย่างที่สุด

ทว่าสกุลตวนมู่แม้จะมากเกียรติอย่างไร ต่อหน้าราชวงศ์ก็เป็นเพียง ‘บ่าวรับใช้’ เท่านั้น

“หม่อมฉันเป็นเพียงนักโทษของกรมราชทัณฑ์เท่านั้น มิกล้ารับเกียรติเพคะ”

เหอซีอิงกงเชื่อเหลือเกินว่า ในบรรดาขุนนางในราชสำนัก ขุนพลที่ครอบครองกำลังทหารนั้นเป็นที่คลางแคลงใจของหวงตี้มากที่สุด เพื่อความสบายพระทัยของหวงตี้จึงเข้มงวดกวดขันการอบรมเรื่องความภักดีเสมอมา

สุรเสียงของพระนางเอ่ยอย่างบางเบา ยากนักจะคาดเดาพระทัย “ขบวนรถม้าของเจ้าถูกโจรป่าดักปล้นจนต้องเข้าวังล่าช้า เหอซีอิงกงผู้ล่วงลับมีน้ำใจต่อผู้คน เจ้าผู้เป็นธิดามาถึงเมืองหลวงก็มีเรื่องเหลวไหลให้ต้องถูกเชิญไปที่กรมราชทัณฑ์— จางถิงเว่ยทำงานไม่ไว้หน้าผู้ใด หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว”

หลงเยวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาวาวด้วยประกายของนางหลุบลงชั่วครู่ ริมฝีปากพลันแห้งผาก มีความไม่สบายใจคลุมเครือ “ใต้เท้าจางทำงานอย่างกระตือรือร้น อาจจะเถรตรงไปบ้าง แต่ก็ทำงานอย่างซื่อตรงยุติธรรม ทุ่มเทเพื่อฝ่าบาทและไท่โฮ่ว คดีนี้เป็นเรื่องใหญ่หม่อมฉันไม่ลำบากเพคะ”

“เจ้าคิดได้เช่นนั้นก็ดีแล้ว” น้ำเสียงของพระนางดุจชาที่เย็นชืด ชาที่เย็นชืดมักมีรสขม สัญชาตญาณในร่างของนางร้องว่า ‘ไท่โฮ่วขุ่นเคืองพระทัย’ ความหวาดหวั่นพลันก่อสุมขึ้นมาในอกประดุจพายุฝนกลางคิมหันต์ หลงเยวี่ยรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง ถงกูกู่นางกำนัลที่ติดตามรับใช่ไท่โฮ่วมาอย่างยาวนานเดินมาพร้อมถ้วยชา สายพระเนตรของไท่โฮ่วชายมองดอกเบญจมาศสีอำพันที่ลอยอยู่ในถ้วย

นางได้ยินเสียงสุขุมของถงกูกู่เอ่ยเบาๆ “ชาดอกไม้ถ้วยนี้ ตวนมู่เหม่ยเหรินนำมาจากบ้านเกิดเพคะ”

“ช่างเปี่ยมด้วยหัวใจที่กตัญญู ชาเบญจมาศเหมาะกับอากาศร้อนยิ่งนัก ทว่า ‘ชาดอกเบญจมาศบาน’ นี้แม้จะสวยงามก็ดื่มยาก…”

พระหัตถ์ของไท่โฮ่วโบกเบาๆ ส่งสัญญาณให้ถงรั่วหลันประคองหญิงสาวลุกขึ้น ทว่าหลงเยวี่ยกลับคุกเข่าอย่างไม่ยินยอม

คลับคล้ายมองเห็นความดื้อรั้น นางเอ่ยเสียงเข้มงวดหากไร้ซึ่งคำตำหนิ “ที่นี่มิใช่กรมราชทัณฑ์ เจ้าหาได้ทำผิดยังจะคุกเข่าอยู่ทำไมอีก…”

ยากจะเอื้อนเอ่ย… บุคคลโผงผางเช่นหลงเยวี่ย ความจริงก็หาได้สังเกตว่าเรื่องใดกระทบต่อผู้ใดบ้าง และเรื่องใดที่ผู้ใดให้ความสำคัญ นางหมอบกราบลงต่ำ จนคล้ายจะได้กลิ่นอับชื้นบนพรมปักลวดลายมงคล

“หม่อมฉันมีความผิดเพคะ”

คลับคล้ายได้สุรเสียงบางเบา “หากพูดแล้วเจ้าจะสบายใจขึ้นก็ลองพูดมา”

“ตอนที่ถูกคุมตัวหม่อมฉันขาดความยับยั้งชั่งใจ จึงมีเรื่องโต้เถียงกับจางถิงเว่ย ดึงชื่อเสียงของบิดามาเกี่ยวข้อง— หม่อมฉันหุนหันพลันแล่นขอพระนางโปรดลงทัณฑ์ด้วยเพคะ”

เซียวจื่อไท่โฮ่วยกถ้วยชาลายหงส์ทองเคลือบขึ้นจิบ สีหน้าแลดูพึงใจ หากว่าหลงเยวี่ยมิได้เห็นภาพนั้น เพียงได้ยินเสียง ‘อา–’ บางเบา นางไร้สติปัญญาจะคาดเดาอารมณ์ “...ผิดอย่างไร”

“จางถิงเว่ยทำงานภายใต้พระบัญชาฝ่าบาท หลงเยวี่ยตั้งคำถามต่อเขา ประดุจตั้งคำถามต่อรับสั่งของฝ่าบาท มีโทษสมควรตายเพคะ”

จะดีหรือชั่ว จางถิงเว่ยก็คือเจ้ากรมยุติธรรมที่ฝ่าบาทแต่งตั้ง

ผู้มอบอำนาจแก่เขา มีสิทธิ์ทวงถามถึงการกระทำของเขาได้ แต่หลงเยวี่ยอย่างไรก็เป็นเพียง ‘ข้าทาสบริวาร’ ต่อหน้าจางถิงเว่ยนางอาจจะไม่ยอมลง ทว่าจะตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ นางทำเกินขอบเขตต่อหน้าชาวประชาของต้าฮั่น ไฉนเลยจะไม่เร่งรีบขอขมา

ความภักดีของสกุลตวนมู่หยั่งรากมาหลายชั่วอายุคน การจากไปของเหอซีอิงกงไท่โฮ่วลึกๆ แล้วก็แสนเสียดายยิ่งนัก จะหาพยัคฆ์กล้าที่มอบอยู่แทบเท้าเช่นสกุลตวนมู่ช่างยากเหลือแสน เวลานี้สกุลตวนมู่ถึงยามอัสดงแล้ว อย่างไร ตวนมู่เหม่ยเหริน ที่อยู่ต่อหน้าก็เป็นเพียงสตรีรุ่นเยาว์ย่อมผิดพลาดไปบ้าง สมควรให้เรียนรู้ ในเมื่อหลงเยวี่ยสำนึกและเจียมตัว เห็นแก่ความภักดีของนางก็ถือว่าให้แล้วไปเถิด

สิ่งที่สำคัญในเวลานี้คือพระทายาท

สตรีมีข้อบกพร่องหากไม่ร้ายแรงจนเกิดไปก็คือเสน่ห์อย่างหนึ่ง

ไท่โฮ่วถอนหายใจ

“เด็กโง่ อยู่ในรั้ววังไยจึงพูดถึงเรื่องเป็นตาย– เจ้าเพิ่งเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยยังคุกเข่าอยู่อีก หากร่างกายบอบช้ำจะปรนนิบัติฝ่าบาทได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลงเยวี่ยถึงลุกขึ้นพลางนั่งลงที่เก้าอี้เล็ก

“ในบรรดาหญิงสาวที่เข้าวังมา เจ้านับเป็นผู้ที่มีเกียรติผู้หนึ่ง หากแต่ความสุขุมรอบคอบยังไม่ได้สักครึ่งของลู่เหม่ยเหริน แบบนี้จึงนับว่าเสียทีที่เกิดมาในสกุลสูงศักดิ์อย่างแท้จริง แม้นางเป็นธิดาจากสกุลพ่อค้าแต่เปี่ยมด้วยวิญญาณของปัญญาชน หากมีเวลาว่างก็เรียนรู้จากนางเถิด”

หวังจื่อโบกมือ– วังหลวงเวลานี้เต็มไปด้วยนางสนมมากมาย ยากจะหาความสุขสงบได้ดังก่อน ในยามนี้ที่ไร้นายหญิง(หวงโฮ่ว)คอยควบคุม นางคือผู้ที่ต้องคอยสอดส่องดูแลมิให้เกิดเรื่องวุ่นวาย นับว่าตรากตร่ำมิใช่น้อย

“ที่ตำหนักฉางชุนมีลู่เหม่ยเหริน เจ้าก็พักที่ตำหนักเฉาหยางแล้วกัน ข้าเหนื่อยแล้ว— เจ้าไปพักผ่อนเถิด”



วันที่ยี่สิบหกเดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
ช่วงเวลาบ่าย


หลังจากเข้าเฝ้าเซียวจื่อไท่โฮ่วตำหนักรองเฉาหยางในตำหนักเซวียนเต๋อ - ที่คุมขังแห่งใหม่ของหลงเยวี่ยก็ปิดเงียบตลอดมาจนถึงเวลานี้ —---ฝ่ายในสับสนวุ่นวายยากนักจะมีผู้ใดสนใจเรือนเล็กๆ ในตำหนักไท่โฮ่วที่เวลานี้ไม่ต่างจากตำหนักเย็นเป็นคุกคุมขังนางสนมที่กระทำความผิด

หมากดำเดินเลียนแบบตาหมากในตำรากลยุทธ์ร้อยวิธีอย่างแช่มช้า พลางครุ่นคิดถึงตาของหมากขาวที่สมควร

ชั่วเวลานั้นกลับมีเสียงนางกำนัลรุ่นเยาว์กล่าวอยู่ที่หน้าประตูเรือน หลงเยวี่ยไม่อาจเสียกิริยาในตำหนักของไท่โฮ่วย่อมไม่อาจไม่รับแขก “ให้เข้ามา” นางกำนัลรับใช้ที่ได้รับพระราชทานไว้รับใช้ชั่วคราวย่อตัวรับคำสั่ง ไม่ช้านางกำนัลรุ่นเยาว์ก็สืบเท้าเข้ามา ย่อกายทำความเคารพตามแบบแผน

“ลู่เหม่ยเหรินทราบว่าตวนมู่เหม่ยเหรินมาถึงแล้ว จึงได้ฝากคำเชิญให้ท่านไปร่วมดื่มชาที่ศาลาใกล้ตำหนักเพื่อหารือเพคะ”

หญิงสาวชะงักมือจากปริศนาบนกระดาน ‘ลู่เหม่ยเหริน’ ช่างเป็นชื่อที่ตามหลอกหลอนยิ่ง

“ข้าจะตามไป” หลงเยวี่ยปรายตา นางกำนัลข้างกายมอบเงินเล็กน้อยให้แก่นางกำนัลรุ่นเยาว์ แล้วหยิบชุดคลุมภายนอกมาสวมทับชุดบางเบาให้หลงเยวี่ย เทิดถาดเครื่องประดับให้นางเลือกปักปิ่นประดับผมอีกเล็กน้อย มิให้การพบหน้าในครั้งนี้น่าขายหน้าจนเกินไป

โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan

นัยน์ตาหวานล้ำของหลงเยวี่ยปราดมองประเมินหญิงสาวที่นั่งปานรูปสลักที่ศาลาเบื้องหน้า ลู่เหม่ยเหรินที่นางเห็นมิได้สวมอาภรณ์ฉูดฉาดตา แม้แต่ปิ่นปักผมก็ปักประดับเพียงตามความจำเป็น ทว่าความเรียบง่ายนั้นหาใช่สิ่งที่สามารถดูแคลนได้เพียงนิด เล่าลือกันว่านางคือธิดาคนที่สามของเศรษฐีผู้มั่งมีที่สุดในลั่วหยาง ทรัพย์สินของเหล่าพ่อค้าหลงเยวี่ยได้ยินมาว่าท้องพระคลังยังไม่อาจเทียบ เพียงปิ่นปักผมของนางกลัวแต่ว่าจะซื้ออาหารเลี้ยงขุนนางได้ทั้งจวน

นับกันตามศักดิ์การเข้าวัง หลงเยวี่ยย่อมต้องเรียกขานอีกฝ่ายว่า ‘พี่หญิง’ อย่างไรนางกับหญิงจากสกุลลู่ก็มิเคยพบพานกันมาก่อน นางย่อมมิเต็มใจจะเอ่ยคำนั้นออกมาแน่

ลู่เหม่ยเหริน หลงเยวี่ยยอบกายคำนับกึ่งทางการอย่างชดช้อย ทว่าเมื่อเงยหน้าก็พลันเห็นแววตาที่พร่างพรายดุจราตรี— ประหนึ่งบทกวี หวั่นหรูเทียนเซียน (ดุจอัปสรสวรรค์) แม้จะเป็นความงามที่ชวนลืมหายใจ หลงเยวี่ยก็ยังคงรักษากิริยา นางชะงักเพียงชั่วครู่ก่อนจะก้าวไปที่ฝั่งตรงข้าม ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้หิน “ระหว่างข้าและท่านมีเรื่องอันใดควรต้องหารือกันด้วยหรือ”

โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan

ปี้หลัวชุน– ชานี้รสชาติหวานติดที่ปลายลิ้น ต่อให้เป็นเจียงซูก็ล้ำค่านัก ลู่เหม่ยเหรินช่างเข้าใจเลือกสรร เชี่ยวชาญการปฏิบัติให้ถูกใจผู้อื่นเช่นนี้—มิน่าเล่าฝ่าบาทและไท่โฮ่วถึงโปรดปรานท่านนัก” ควันขาวกรุ่นไอร้อนลอยขึ้นจากชาประหนึ่งม่านหมอกบดบังภาพลักษณ์หญิงตรงหน้าให้พร่าเลือนดุจฝัน หลงเยวี่ยชม้ายนัยน์ตาคล้ายยั่วเย้า “---ความจริงท่านก็หาได้มีเจตนาจะนั่งดื่มชาร่วมกับข้า…ยังต้องลำบากตระเตรียมสิ่งของเหล่านี้เพื่อเหตุใดกัน”

ปลายนิ้วเรียวประคองถ้วยเคลือบ เห็นแก่ชาจากบ้านเกิดหลงเยวี่ยย่อมรับไมตรี ชารสชาติดีช่างไม่เข้ากับสุ้มเสียงอันราบเรียบดุจไร้อาทรของคู่สนทนา

นางและลู่เหม่ยเหรินล้วนแต่เป็นผู้ต้องสงสัย หลงเยวี่ยร้อนใจดั่งไฟสุมจิต เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังวางเฉยอยู่ได้ ย่อมเกิดความเคารพขึ้นมา… ทว่าผู้ที่วางใจคือผู้ตระเตรียมการ วังหลังไยจะขาดแคลนหญิงงามที่ปราดเปรื่อง

คิดอย่างไร? กระทบโสตแผ่วเบา

หลงเยวี่ยแค่นยิ้มพลางตอบด้วยเสียงหวานละไม “ระหว่างข้าและท่าน ผู้หนึ่งต้องสงสัย อีกผู้หนึ่งก็ไร้มลทิน”

วังหลวงเป็นสถานที่เช่นไร การตายของธิดาขุนนางขั้นสูงผู้หนึ่งมิอาจผ่านไปโดยไร้ผู้ผิด

ไม่เคยมีเหยื่อ ปลายนิ้วเรียววางถ้วยชาที่ข้างมือ “และไม่อาจเป็นเหยื่อได้เช่นกัน”

“เรื่องราวของลู่เหม่ยเหรินงดงามปานเทพนิยาย ไฉนจะไม่มีผู้ริษยาเพียงแต่การป้ายสีท่านนั้นโง่เขลายิ่งนัก หากที่โง่เขลายิ่งกว่าคือการไม่รู้จักพอ เจตนาดึงข้าเข้ามาเกี่ยวข้องให้หลักฐานขัดแย้งสับสน แผนการโต้กลับเช่นนี้มิใช่ของท่านหรอกหรือ?” คิ้วเรียวยกขึ้นอย่างแช่มช้า… นางย่อมไม่เชื่อว่า ผู้ที่ใส่ร้ายนางเป็นฝ่ายเดียวกับผู้ที่ใส่ร้ายลู่เหม่ยเหริน

ไม่ว่าลู่เหม่ยเหรินจะถูกใส่ร้ายจริงหรือไม่ ในเวลานี้ผู้ที่ได้ประโยชน์จากข่าวลือของหลงเยวี่ยมากที่สุดก็คือนาง(ลู่เหม่ยเหริน) หลงเยวี่ยย่อมมีความระแวดระวังอยู่บ้าง อย่างไรเสียการหาแพะรับบาปก็เป็นวิธีโต้ตอบที่สมเหตุสมผล หากว่าเป็นนางจริง—แผนลงมีดคราเดียวจบสิ้นทั้งสกุลนี้ถือว่าลงมือได้เหี้ยมโหดนัก

ช่างเป็นหญิงงามที่ปราดเปรื่อง

โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan

ท่วงท่าของหญิงจากสกุลลู่มิอาจดูแคลนว่าสามัญ ประหนึ่งหมางเมินเปลือกนอกจนเหลือเพียง ‘แก่นแท้’ ที่ไร้อารมณ์ ยากนักจะหาผู้ที่มิอ่อนไหวต่ออารมณ์ของมนุษย์ ท่วงทีองอาจในชาติกำเนิดที่ผู้คนต่างดูแคลน หากแต่ไม่โอ้อวด— เป็นคนประเภทที่หาได้ยากอย่างหนึ่ง

“ เดิมพันชีวิต.. แน่นอนว่าข้าหาได้บ้าถึงปานนั้น ”

“เจ้ามิได้กล่าววาจากระทบกระเทียบข้าหรอกกระมัง” นางเอ่ยเสียงละไม

ในสมรภูมิรบ–สกุลของนางต่างเดิมพันชัยชนะด้วยชีวิต พ่อค้ารักชีวิตเนื่องเพราะสร้างความมั่งมีได้ตราบเท่าที่มีชีวิต ทว่านักรบกลับมั่งมีพรั่งพร้อมก็ต่อเมื่อยินดีเข่นฆ่าและฆ่าได้ ผู้ยินดีกล้าเสี่ยงสละชีวิตในสมรภูมิไฉนเลยจะมิใช่คนบ้า

หากว่าหญิงสกุลลู่ยังคงเอ่ยวาจาอย่างเรียบเรื่อย

ริ้วความไม่พอใจที่พาดผ่านใบหน้าค่อยๆ หายไปเมื่อรับฟังถ้อยคำกล่าวที่ชืดชาเหล่านั้น ชาปี้หลัวชุนไร้ควันกำจายดุจไอน้ำที่ขวางกั้นนางกับหญิงสกุลลู่คลี่คลายลง—

เหตุใดต้องเป็นนาง

หลงเยวี่ยกดรอยยิ้มที่มุมปาก— ตอบคำถามนี้ไม่ได้ ต่อให้มีศัตรูตัวเป็นๆ อยู่ต่อหน้าก็จับไม่ได้

สกุลตวนมู่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใดก็เป็นเพียงภาพในอดีต ต่อให้นางมีความสามารถไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งสูงสุดก็เป็นเพียงนายหญิงเสือกระดาษ ครอบครัวไม่อาจเป็นที่พึ่งพาได้อย่างแท้จริง หลงเยวี่ยถอนสายตาจากลู่เหม่ยเหริน ครู่หนึ่งจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงปรีดา ทว่าคำกล่าวกับผิดถนัดจากบทสนทนาในตอนนี้ “เหตุที่ต้องเป็นข้าเพราะการมีอยู่ของข้าเป็นภัยต่อคนผู้นั้น”

“สกุลตวนมู่แห่งเจียงซูนับย้อนหลังสามรุ่นไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับสกุลลู่ เพียงแต่ว่า…”

“การใส่ร้ายลู่เหม่ยเหรินกระทำอย่างรอบคอบ หากไม่บังเอิญพบ อดีตทหาร ของทัพตวนมู่ไหนเลยจะโยงข้าเข้ามาเกี่ยวข้อง…”

“แผนการกลับหักเหมาทางข้า ต่อให้ไม่ใช่ท่านก็มิใช่มีคนฝ่ายท่านบงการอยู่หรอกหรือ” แม้จะเจตนาหยั่งเชิงลู่เหม่ยเหริน ทว่าก็คล้ายวาจาเรื่อยเปื่อยไร้แก่นสาร

โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan

หลงเยวี่ยไม่ทันคาดคิดว่าจะมีผู้เอ่ยวาจาคล้ายปลอบโยนนางในห้วงเวลาเช่นนี้ หัวใจหลงเยวี่ยพลันรู้สึกถึงความโศกเศร้าเหลือประมาณเสียดคาที่ลำคอ

สละน้อยเพื่อมากไปเพื่ออะไร

ข่าวลือร้ายกาจที่เกิดขึ้นมาช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก ใบหน้าของนางอ้างว้างสลดลง หากแต่มุมปากกลับยิ่งเหยียดกว้างคลับคล้ายกลายเป็นเสียงหัวเราะ

"รูปโฉมของท่านคลับคล้ายเป็นหนึ่งในใต้หล้า หากวาจาของท่านกลับชวนให้สะกดใจยิ่งกว่า

นางหรี่นัยน์ตา พลางยกชาเย็นชืดจรดริมฝีปาก ท่วงท่างดงามตามแบบแผน จะบอกว่า 'บังเอิญ' ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว จางถิงเว่ยพบหลักฐานว่าองครักษ์ผู้นั้นเป็นคนฆ่า--- เห็นทีว่าผู้ร้ายคดีนี้คงถูกกำหนดไว้แล้ว นางวางถ้วยชาลงอย่างแช่มช้า พลันคำว่า ‘ใต้เท้าจาง’ เกิดทำให้เสียอารมณ์

ผลีผลามหรือ?


เขาทำให้นางอับอายแทบไร้ที่ยืน หากมิใช่เมื่อตอนที่ถูก 'ข่าวลือ' เล่นงานเขายื่นมือเข้าช่วย นางคงไม่อาจหักห้ามความรู้สึกที่เป็นปรปักษ์ต่อเขา หลงเยวี่ยยิ้มหวาน นัยน์ตาของนางวาวโรจน์อย่างไม่อาจหักห้าม

ก่อนจะเก็บงำประกายในแววตา ถ้อยคำของลู่เหม่ยเหรินดุจสายธารฤดูสารท เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ แม้จะกล่าวถ้อยคำที่คล้ายเสียดสีตนเอง

“ดุจดั่งคำโบราณกล่าวว่าไว้ คนไม่ผิด ผิดเพราะมีหยก ลู่เหม่ยเหริน---หากมีคน ‘ใช้’ ท่านจริง ท่านก็มองผิดมุมแล้ว”

หลงเยวี่ยรู้สึกว่า ลู่เหม่ยเหริน ผู้นี้มีความเป็นตัวของตัวเองยากจะคาด ไฉนคนเช่นนางยังคงใช้วาจาราวกับตนเป็นของสิ่งหนึ่ง ในใจรู้สึกขัดเคือง

นางยกผ้าซับริมฝีปาก “คำกล่าวของท่านข้ารับฟังแล้ว” พลางยืนขึ้นแล้วยอบตัวอย่างงดงาม รอยยิ้มยั่วเย้าประดับรางๆ

“ชาของลู่เหม่ยเหริน จืดดังน้ำ หลงเยวี่ยชมชอบจากใจ”

“เวลานี้ดวงตะวันใกล้ลับขอบฟ้า ยามวิกาลมากเรื่อง หลงเยวี่ยขอตัว”

โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan

ถ้อยคำอำลาของหญิงจากสกุลลู่ประหนึ่งย่างก้าวในพระราชวังต้องห้ามเต็มไปด้วยหลุมพรางอันร้ายกาจ ‘พันภูผาหมื่นวารี’ อาจยาวนานตราบชั่วชีวิตนี้ หลงเยวี่ยยังคงแน่วแน่มั่นคง อันตรายแฝงไว้ด้วยรางวัล— นางจะไปให้ถึงรางวัลนั้นในสักวัน



เชิงอรรถ

ความสัมพันธ์ของวิญญูชนจืดดังน้ำ - มิตรภาพที่แท้จริงสะอาจไร้สิ่งเจือปนเหมือนน้ำที่ไร้การปรุงแต่ง


[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

มอบน้ำชาเกรดน้ำเงิน +10 ความสัมพันธ์ (มีคำว่า ชงชา โบนัส +5 ความสัมพันธ์ )

หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +10 ความสัมพันธ์

พูดคุยประจำวัน +5 ความสัมพันธ์

รวม 30 ความสัมพันธ์


@Admin 

แสดงความคิดเห็น

(ฮา)  โพสต์ 2024-8-2 11:30
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2024-8-1 21:04
ใช่ๆๆๆ ต้องใช่ลู่เหม่ยเหรินแน่ๆ หาแพะ  โพสต์ 2024-8-1 21:03
โพสต์ 49089 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-8-1 20:14
โพสต์ 49,089 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +8 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-8-1 20:14
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2377
ความชั่ว
1202
ความโหด
2595
โพสต์ 2024-8-3 16:31:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด




.ปั่นๆ เป็นจิ้งหรีด @Admin


CHAPTER 17.1


วันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
วันอังคาร ช่วงเวลา 18.00 น.


หลังการพิจารณาคดีของ ‘เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋’ จบลง หลงเยวี่ยพลันรู้สึกเวิ้งว้างอย่างที่สุด ในยามที่มองฝ่าบาทเคียงคู่กับลู่เหม่ยเหรินประดุจยวนยางเคียงคู่ ไม่รู้ว่าเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋จะรู้สึกเช่นนางในเวลานี้หรือไม่—-- กว่าหลงเยวี่ยจะรู้ตัวอีกทีก็กลับมาถึงตำหนักเซวียนเต๋อแล้ว นางเพิ่งผ่านพ้นเคราะห์กรรม สมควรจะต้องไปถวายพระพรไท่โฮ่วเสียหน่อย

ตำหนักเซวียนเต๋อยังคงดุจเดิมคงจะมีเพียงไท่โฮ่วที่แม้ไม่เอ่ยวาจาก็ยังแผ่รังสีอันเย็นเยียบน่ากลัวเกรง คลับคล้ายว่าไม่วางใจเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้

.

.

.

(ภาพตัดตอนเล่าเรื่อง เรื่องมันยาวเพคะ—ฮรือ)

“---ความไม่สงบทั้งหลายในวังและข่าวลือที่แพร่ไปทั่วฉางอันในเวลานี้ ล้วนแต่เป็นฝีมือของหญิงสกุลเฮ่อถูเพคะ” หลงเยวี่ยเอ่ยเสียงเย็นสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังในน้ำเสียง

ไท่โฮ่วหลุบสายตาลงปิดเปลือกตา ปล่อยให้หญิงสาวปรนนิบัตินวดขมับ “เจ้าคิดว่าอย่างไร”

นัยน์ตาแวววาวคมปราบ คิ้วขนงเลิกขึ้นอย่างบางเบา “หญิงสกุลเฮ่อถูถูกส่งเข้าวังไม่ทันไรก็สร้างเรื่องวุ่นวาย หากเป็นเพียงความหึงหวงของสตรีก็ช่างเถิดเพคะ กลัวแต่ว่าจะเป็นกลยุทธ์สาวงามของเผ่าซงหนู ราชสำนักต้าฮั่นกลมเกลียว แผ่นดินมั่นคง นางใช้เรื่องในวังหลังบ่อนทำลาย หากธิดาสกุลสูงศักดิ์ตายไป….ไม่รู้ว่าใต้เท้าคนใดจะรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าบาง ถึงเวลานั้นก็ไม่มั่นคงเหมือนก่อนแล้ว—”

เซียวจื่อไท่โฮ่วคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “คุยกับเจ้ามีแต่เรื่องเป็นตาย”

สุ้มเสียงของพระนางคล้ายทอดถอนใจ— “ลู่เหม่ยเหรินเล่า? ไยไม่กลับมาพร้อมเจ้า”

หลงเยวี่ยพลันชะงักฝ่ามือ ความเจ็บปวดเผยในดวงตาคู่งาม น้ำเสียงของนางพลันเนิบนาบแผ่วกว่าปกติ ““ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นางอยู่ต่อเพคะ….”

“อืม—” สุรเสียงของพระนางคล้ายพอใจยิ่งนัก เนิ่นนานทีเดียวจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย “เจ้าโกรธนางหรือ?”

“....”

หลงเยวี่ยยากจะเอ่ยปาก นางเพียงแค่นยิ้มบางเบา

“หากไม่ใช่นางก็ต้องเป็นคนอื่น…วังหลังเป็นเช่นนี้ หากเจ้าเอาแต่คิดเล็กคิดน้อย อย่าพูดถึงความสุขเลย แม้แต่ยามราตรีก็ยากจะข่มตาหลับ” หวังจื่อเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยอย่างผู้ที่เคยผ่านร้อนหนาวในวังหลัง

“วังหลังสงบสุขฝ่าบาทจึงจะสามารถว่าราชการได้อย่างวางใจ เจ้า…จดจำคำของข้าไว้”

หลงเยวี่ยไหนเลยจะไม่ทราบเจตนาของพระนาง แม้จะรวดร้าวในทรวงอก หากแต่เวลานี้นางทำได้เพียงยอบกายลงต่ำ เอ่ยคำว่า “เพคะ” อย่างจนใจ หลังบอกกล่าวไท่โฮ่วแล้วเพื่อไม่ให้รบกวนพระนาง หลงเยวี่ยจึงย้ายไปที่ตำหนักเมิ่งเหยา



[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว

หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +10 ความสัมพันธ์

พูดคุยประจำวัน +5 ความสัมพันธ์

รวม 15 ความสัมพันธ์



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-8-3 16:38
โพสต์ 10315 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-8-3 16:31
โพสต์ 10,315 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-8-3 16:31
โพสต์ 10,315 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2024-8-3 16:31
โพสต์ 10,315 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-3 16:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x5
x2
x19
x4
x1
x4
x8
x9
x2
x3
x5
x4
x2
x1
x2
x1
x3
x5
x2
x4
x20
x1
x7
x3
x1
x2
x6
โพสต์ 2024-8-3 17:10:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-3 17:13




รองเท้าผ้าปัก
วันที่ 28 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบสี่นาฬิกายี่สิบห้านาทีเป็นต้นไป


ตลอดทางที่ผ่านมาในเกี้ยวเต็มไปด้วยเสียงสนทนาไม่ขาดสาย เซียวจื่อไท่โฮ่วที่สนใจในพระธรรมน้อยนักถึงจะมีเด็กสาวต่างวัยมาอยู่ร่วมสนทนาเรื่องงมงายจำพวกศาสนาได้อย่างคล่องปาก หนึ่งสิ่งที่หวังจื่อนึกชื่นชมในตัวลู่เจี๋ยยวี่ย่อมไม่พ้นสิ่งที่นางเลือกทำทางที่นางเลือกเดิน มีหลายคนที่เข้ามาหาอย่างอ่อนหวานแต่น้อยนักที่จะสามารถประคองภาพลักษณ์นั้นให้คงอยู่ได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะทีละน้อยวังหลังจะค่อย ๆ ย้อมตัวตนไปจนถึงวิธีคิดของมวลมนุษย์ให้กลายเป็นมารร้ายโดยไม่รู้ตัว

ทว่าลู่ไป๋หรั่นผู้นี้ไม่เหมือนกัน — แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่านางซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแต่ก็กล่าวได้ว่าทุกการกระทำล้วนเป็นน้ำใจหนึ่งที่ห่างไกลจากคำว่าหลอกลวง ส่วนเล่ห์เหลี่ยมที่โผล่มาในแบบที่พอรับมือได้นั้นดูแล้วคงเป็นวิธีการป้องกันตัวที่หยิบมาใช้แค่เฉพาะยามคับขัน เด็กน้อยผู้นี้ไม่ใช่พวกเล่ห์ร้ายบริสุทธิ์มาตั้งแต่กำเนิด ทว่าเป็นคนรู้ความที่เหลือช่องตอบโต้ไว้ในแบบของตัวเอง

หากมีใครคิดจัดการนาง .. ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายปานนั้น

แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับคัมภีร์ลัทธิเต๋าได้ไม่เท่าไหร่ถงกูกู่ที่อยู่ด้านนอกก็ร้องขึ้นว่า ‘ ถึงตำหนักเซวียนเต๋อแล้ว ’ ส่งผลให้สองสตรีแห่งวังในจำต้องพักบทสนทนาไว้ชั่วครู่ ไป๋หรั่นประพฤติตัวเช่นลูกสะใภ้ที่ดีได้อย่างสมบูรณ์แบบ นางลงจากเกี้ยวก่อนและเป็นฝ่ายหันกลับมารอรับประคองร่างนางหงส์วัยกลางคนที่กำลังเยื้องย่างลงจากพาหนะเดินทาง

“ นับว่าเจ้ารู้จักเอาใจคนชรานัก ”

“ ไท่โฮ่วยังคงศิริโฉมงามร่างกายแข็งแรงไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนชราเพคะ ” เซียวจื่อไท่โฮ่วได้ยินเช่นนั้นก็พลันหัวเราะเสียงดัง ถ้อยวจีจากกลีบปากสีแดงสดพึมพัมเป็นคำว่า ‘ ดี ’ ซ้ำไปซ้ำมาในระหว่างที่ปล่อยให้ผู้ซึ่งพึ่งจะได้รับการอวยยศขึ้นเป็นเจี๋ยยวี่คอยประคองกายอยู่ไม่ห่าง

“ รั่วหลันไปนำของเข้ามา ” คล้ายว่าหวังจื่อจะเตรียมการบางอย่างไว้อยู่แล้ว เมื่อสองขาก้าวเข้าสู่ภายในตำหนัก ถงกูกู่ก็แยกตัวไปอีกทางเพื่อนำของที่เซียวจื่อไท่โฮ่วกล่าวถึงเข้ามา โดยปล่อยให้พระมารดาขององค์จักรพรรดิได้อยู่นั่งสนทนากับลูกสะใภ้สาวเป็นการฆ่าเวลา “ เจ้าเคยเย็บรองเท้ามาก่อนหรือไม่? ”

“ หม่อมฉันไม่เคยเพคะ ” สาววัยละอ่อนไหนเลยจะเคยไปเย็บรองเท้า ถ้าถามถึงถุงหอม ถุงเงินหรือผ้าเช็ดหน้านั่นก็ว่าไปอย่าง แต่รองเท้า? ไป๋หรั่นหัวเราะแห้งเสียงเบา เซียวจื่อไท่โฮ่วเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นคงไม่พ้นอยากให้นางเย็บรองเท้าให้บุตรชายนางสักคู่

“ คนเราย่อมมีสิ่งที่ไม่เคยกันทั้งนั้น.. ”

หวังจื่อพยักหน้าอย่างเข้าใจในระหว่างที่ปล่อยให้ลูกสะใภ้หันไปกำชับนางกำนัลขั้นกลางในตำหนักให้นำของว่างและน้ำชาเข้ามาถวาย “ ประเดี๋ยวอ้ายเจียจะเป็นผู้สอนเอง ” ไท่โฮ่วได้ยินว่าเพื่อให้ชื่อของลู่เจี๋ยยวี่กลับมาอยู่ในรายชื่อป้ายที่ฝ่าบาทต้องเลือกพลิกนั้นจางกงกงถึงกับลงแรงไปมากหลังจากสะสางมลทินให้กับอีกฝ่าย อย่างไรเสียหวังจื่อก็นึกเอ็นดูสนมแซ่ลู่ผู้นี้ไม่น้อย ท่าส่งเสริมสักนิดคงไม่นับว่าเป็นการลำเอียง

“ ไท่โฮ่ว บ่าวนำของที่พระองค์ต้องการมาแล้วเพคะ ”

แน่นอนว่าเป็นอุปกรณ์เย็บปักชั้นดีสองชุดที่ตระเตรียมมาย่อมเหมาะสำหรับตัดเย็บ ‘ รองเท้า ’ สักคู่

“ ให้อ้ายเจียดูฝีมือเจ้าหน่อย ”

งานนี้ได้ปักจนล้นเซวียนเต๋อแน่..



“ นางมีฝีมือไม่เลว ”

“ ใช่เพคะ ”

ที่สนทนากันอยู่สองคนนั้นคือเซียวจื่อไท่โฮ่วผู้เป็นเจ้าตำหนักเซวียนเต๋อและอีกหนึ่งนางกำนัลคนสนิทที่อยู่ให้การดูแลไท่โฮ่วในระหว่างที่ลู่เจี๋ยยวี่กำลังง่วนอยู่กับการลงปักลายลงบนผ้าที่อีกไม่นานจะต้องใช้เพื่อเย็บขึ้นเป็นรองเท้า ผ่านมาหนึ่งชั่วยามเต็ม ๆ แล้ว หวังจื่อนั่งดูความอดทนของลูกสะใภ้ที่ปักผ้าเสร็จไปแล้วหนึ่งชิ้นทั้งยังใกล้ปักอีกชิ้นเสร็จด้วยความพึงพอใจ

“ ผ้าผืนนั้นพอจะดูได้แล้ว เจ้ามานั่งข้าง ๆ อ้ายเจีย ” หวังจื่อวางถ้วยบัวลอยที่วางเปล่าลงในถาด ก่อนหน้านี้เป็นลู่ไป๋หรั่นนึกห่วงว่านางจะต้องรอนานเลยให้คนไปนำบัวลอยและชาชั้นดีมาถวายเป็นของว่างให้ทานระหว่างชมคนงามรังสรรค์งานศิลป์ แต่ในเมื่อของกินก็กินจนหมดไปแล้วผ้าปักเองก็นับว่าเสร็จในจำนวนที่พอใช้ได้ ด้วยเหตุนี้เอง เซียวจื่อไท่โฮ่วจึงกวักมือเรียกให้นางเข้ามาใกล้ ๆ

เจี๋ยยวี่แซ่ลู่ใช้กรรไกรตัดด้ายที่เชื่อมกับเข็มออกก่อนจะมัดปมเก็บเป็นหนสุดท้าย นางหยิบเอาผลงานของตัวเองติดมือมาพร้อมกับเดินไปนั่งที่บริเวณว่างข้างกายองค์ไท่โฮ่ว “ ไท่โฮ่วทรงลองทอดพระเนตรดูเพคะ หากทรงชอบหม่อมฉันยินดีนำผ้านี้ไปเย็บเป็นถุงหอมให้พระองค์ ”

“ ไม่จำเป็น.. แต่แรกผ้าผืนนี้ก็ใช่ว่าปรารถนาให้เจ้าปักเพื่ออ้ายเจีย ” นางหงส์วัยกลางคนหยิบผ้าปักฝีมือเหล่านี้ขึ้นมาชมก่อนจะหยักยิ้มเบาบาง ด้วยรูปลักษณ์ของสาวงามบานสะพรั่งที่คงไว้ซึ่งบารมีน่าเกรงขามสมกับที่เคยเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งแผ่นดินมาในช่วงอายุหนึ่ง พระนางพิศมองผืนผ้าสีอ่อนที่ปรากฏด้ายนับพันร้อยเรียงกันเป็นภาพเมฆงามโอบล้อมสลับกับการใช้ปลายนิ้วสัมผัสลงที่ใต้ผ้าเลื่อนผ่านปมและฝีเข็มอันเป็นระเบียบ

“ พื้นฐานไม่เลว เจ้าซ่อนปมอย่างสำนักผ้าปักเซียงซิ่วเป็นด้วย? ”

“ เคยมีโอกาสได้รับการชี้แนะจากยอดฝีมือของสำนักนั้นเลยพอจะทำได้อยู่บ้าง เสียดายที่หาได้แตกฉานในวิธีการนัก ” ไป๋หรั่นตอบกลับอย่างนอบน้อม เดิมทีนางคือบุคคลจำพวกเรียนรู้ไวที่พื้นฐานในแต่ละด้านก็ดีมากอยู่แล้ว รูปแบบกลวิธีเสริมเติมแต่งไหนเลยจะพลาด เพียงแต่บางครั้งห่างจากการฝึกปรือไปนานย่อมไม่แปลกที่จะทำได้ไม่สมบูรณ์นัก

“ นับว่าเป็นส่วนที่ดี หากฝึกมือตามวิธีที่ใช้ในวันนี้อย่างเป็นประจำสักอาทิตย์ เจ้ารูปแบบการซ่อนปมของเซียงซิ่วที่เรียกว่าเป็นยอดวิชานั้น เจ้าจะต้องทำได้แน่ ” หวังจื่อพอใจมาก ลูกสะใภ้ที่ทั้งสวย คุยง่าย ทำงานเก่ง เอาใจเป็น ใครบ้างจะไม่นึกเอ็นดู “ ผ้าชิ้นนี้ดู ๆ ไปแล้วงามนัก เด็กน้อย เจ้าเย็บรองเท้าให้ฝ่าบาทสักคู่ก็แล้วกัน ”

เป็นไปตามที่คาด—- ไป๋หรั่นหลุบตาลงคล้ายคนเอียงอายทั้งที่แท้จริงแล้วนางแค่กำลังครุ่นคิดบางสิ่ง ทว่าอากัปกิริยานี้คงจะไปสะกิดความร้อนใจของเซียวจื่อไท่โฮ่วเข้ากระมังถึงได้รีบร้อนพูดออกมาว่า “ อย่ากังวล เวลานำไปถวายก็บอกเพียงว่าเป็นของขอบคุณที่ช่วยล้างมลทินเท่านี้ก็พอแล้ว ”

หวังจื่อรู้จักบุตรชายของนางดี หลิวเช่อไม่ชอบสตรีที่เรียกร้องหรือยัดเยียดตนเองเข้าไปในชีวิตของเขามากเกินไป จำพวกอย่างลู่เจี๋ยยวี่..หรือ เว่ยเจียเจี๋ยยวี่ที่ไม่เรียกร้องหรือออเซาะอ่อนแอต่างหากถึงเข้าท่ากับลูกชายนางที่สุด ทว่าในสายตามารดาบุตรและธิดาล้วนแต่คล้ายเด็กน้อยในมือแม่ บางครั้งหวังจื่อก็หลงลืมไปแล้วว่าบุตรชายเป็นถึงจักรพรรดิที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ

“ หม่อมฉันเย็บให้ฝ่าบาทได้ก็จริงแต่เรื่องขนาด.. ”

“ กังวลอันใดหรือนึกว่าอ้ายเจียมิสามารถแนะนำเจ้าในเรื่องนี้ได้? ”

“ … ”

“ เรื่องขนาดอ้ายเจียจะช่วยแนะนำเอง ” พระพันปีหลวงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ซึ่งแผนการ “ เย็บรองเท้าคงใช้เวลานานนัก ถ้าเช่นนั้นเย็นนี้เจ้าอยู่ร่วมทานสำรับกับคนแก่เช่นอ้ายเจียสักหน่อยก็แล้วกัน ”

ไป๋หรั่นชำเลืองตาไปมองทางถงกูกู่เล็กน้อยเชิงขอความเห็นว่าสมควรหรือไม่ และแน่นอนว่าถงรั่วหลันที่รับรู้ถึงสายตานั้นก็ตอบรับโดยอาศัยหนึ่งรอยยิ้มเป็นคำอธิบายทกสิ่งอย่าง นาน ๆ ทีเซียวจื่อไท่โฮ่วจะกลับมากระตือรือร้นกับการช่วยหนุนหลังเด็กสาววัยขบเผาะ ฉะนั้นแล้วท้ายที่สุด แม่สามีและลูกสะใภ้จึงขยับใกล้กันมากขึ้นโดยมีหนึ่งสิ่งที่เชื่อมทั้งสองเข้าด้วยกัน..



[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง และ +5 เมื่อจับคู่กับชาอะไรก็ได้
ของว่างประเภทอาหารปรุงได้โบนัส +5
ชาประเภทชงชา ได้โบนัส +5


รองเท้าหยุนเวย

ชื่อรองเท้า : รองเท้าหยุนเวย
คำอธิบายรองเท้า : <.font color="#426368"><.b><.i>‘ เมฆล้อมมายา มนตรามาเยือน ’<./font> รองเท้าผ้าปักชิ้นสำคัญจากการชี้แนะของ <.font color="#426368"><.b>‘ เซียวจื่อไท่โฮ่ว • หวังจื่อ ’<./font> โดยมี <.font color="#426368"><.b>‘ เทพธิดาจำแลง • ลู่ไป๋หรั่น ’<./font> หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในฐานะ <.font color="#426368"><.b>‘ ลู่เจี๋ยยวี่ ’<./font> เป็นผู้ตัดเย็บรังสรรค์ขึ้น โดยตัวรองเท้านั้นทำมาจากผ้าไหมชั้นดีสีอ่อนเย็บคลุมกับส่วนในที่สานและขึ้นรูปด้วยเยื่อไม้จนมีความแข็งแรงทนทานแต่ก็ไม่แข็งจนทำให้ปวดฝ่าเท้า ด้านความสวยสดงดงามต้องยกให้เป็นความดีความชอบของลู่เจี๋ยยวี่ที่ปักลวดลายเมฆสีทองอ่อนลงกับเนื้อผ้าคล้ายกับต้องการให้ผู้สวมใส่รู้สึกราวกับว่ายืนอยู่เหนือฟากฟ้ามหาสมุทรจนเกิดเป็นผลงานที่ยากจะหาได้เป็นชิ้นที่สอง
รูปภาพ 84x84 pm : h ttps://i.imgur.com/y4OshKP.png






แสดงความคิดเห็น

รองเท้าที่ให้ไปลู่ไป๋หรั่นใส่ไม่พอดี เนื่องจากขนาดเท้าจักรพรรดิเท่านั้น  โพสต์ 2024-8-3 17:57
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-8-3 17:48
โพสต์ 24629 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-3 17:10
โพสต์ 24,629 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-3 17:10
โพสต์ 24,629 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)  โพสต์ 2024-8-3 17:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +15 ย่อ เหตุผล
Admin + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2024-8-4 19:01:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ถวายพระพรไท่โฮ่ว
วันที่ 4 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 ( วันนี้ )
เวลาสี่นาฬิกาสี่สิบห้านาที

ผ่านมาสามวันแล้วหลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จมาค้างตำหนักตงเฉินเป็นครั้งแรกก่อนที่จะหายไปโดยไม่มีโอกาสได้พบหน้า แม้จะอยู่ในเวรปรนนิบัติของนาง ทว่าลู่ไป๋หรั่นกลับไม่เร่งรีบในการเข้าหาหรือผูกสัมพันธ์อย่างที่คนอื่นคิด ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยที่ทั้งสองจะได้พบกัน .. นับว่ายากเกินพรรณา ฉะนั้นแล้ววันใดที่ได้พบ นับว่าคงเป็นวาสนาฟ้าผลักดันอย่างเช่นในวันนี้

“ ดูสิว่าใครมา ”

เซียวจื่อไท่โฮ่วกล้ามพร้อมแย้มพระสรวลด้วยความยินดี นางหงส์วัยกลางคนที่ยังคงไว้ซึ่งรูปโฉมงามล้ำองอาจหันมองทางประตูที่เปิดออกรับหนึ่งร่างในชุดสีครามที่กำลังก้าวเข้ามา สนมขั้นเจี๋ยยวี่ยามนี้มีอยู่เพียงผู้เดียว กำหนดการมากราบไหว้ถวายพระพรจึงเช้ากว่าฉือผินที่สามารถหย่อนยานเวลาลงได้หากไม่สะดวกหรือติดธุระใด ทำให้ยามนี้ผู้ที่มาเยือนตั้งแต่ฟ้าสางทั้งยังต้องคอยอยู่ปรนนิบัติจนกว่าจะหมดช่วงเวลาเช้าย่อมต้องเป็น ‘ ลู่เจี๋ยยวี่ ’ ที่พึ่งมาถึง

“ โชคดีนัก เช้านี้บุตรชายยังรั้งอยู่สนทนา อ้ายเจียเองก็ไม่เคยเห็นเขายืนข้างสนมใดมาก่อน.. ถวายพระพรก็ถวายพระพรเถอะ เสร็จแล้วมาให้อ้ายเจียพิจารณาดูพวกเจ้าหน่อย ” เดิมทีไม่มีผู้ใดทราบกำหนดการที่แน่ชัดของฝ่าบาท ฉะนั้นแล้วการที่นางมาตั้งแต่หลิวเช่อยังอยู่นับว่าเป็นโชคดีอย่างที่หาไม่ได้บ่อย ๆ สามสี่วันมานี้ทุกเช้าที่พบกัน เซียวจื่อไท่โฮ่วมักจะได้รับของว่างและชาเป็นการดูแลเอาใจใส่นับตั้งแต่เช้า บางทีที่ในวันนี้นางมาไวก็คงเป็นเพราะของที่นำติดมือมาถวาย ดูท่าแล้วคงเป็นของที่ต้องรักษาอุณหภูมิให้ดีกระมังถึงได้มาก่อนใคร

โอรสสวรรค์ที่ชำเลืองตามองผู้มาใหม่เล็กน้อยไม่ได้กล่าวขัดแต่อย่างใด พระองค์เพียงแค่หันกลับไปมองพระมารดาของตนก่อนจะพยักหน้าเป็นอันว่าไม่ขัดความต้องการของนาง ทิ้งไว้ให้ลู่เจี๋ยยวี่ที่พึ่งจะเห็นชัดเต็มตาว่าผู้ที่ยืนอยู่ข้างตั่งนั่งของไท่โฮ่วคือผู้ใดได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ จนถงกู่กูต้องแสร้งทำเป็นกระแอมและกล่าวขึ้นแก้สถานการณ์ว่า “ ลู่เจี๋ยยวี่มิทราบว่าของที่นำมาถวายวันนี้จำเป็นต้องจัดเตรียมสิ่งใดเพิ่มหรือไม่ ”

นงคราญหยกกดใบหน้าลงเล็กน้อย นางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปัดเป่าความประหลาดใจ ก่อนจะตอบกลับด้วยวาจาฉะฉาน “ วันนี้หม่อมฉันนำซิ่งเหรินโต้ฟูร้อน ๆ คู่กับชาบุปผามาเพื่อถวายไท่โฮ่วเพคะ ” เมื่อจบประโยคสองเข่าบางก็ทรุดลงสัมผัสพื้นพร้อมด้วยมือที่ยกขึ้นเป็นท่าคำนับก่อนจะหมอบลงคารวะ

“ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญยืนนานนับหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี ”

“ ถวายพระพรไท่โฮ่ว ขอพระองค์ทรงพระเจริญยืนนานพันปี พัน ๆ ปี ”

“ ในเมื่อมาเพื่อพบเสด็จแม่ เจ้าก็ลุกขึ้นเถอะ ” ถึงจะนึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ดูจากที่รอบด้านมีแต่สีหน้าประหลาดใจ หลิวเช่อก็รวบรัดสรุปเป็นว่าดูท่าครั้งนี้คงเป็นหนึ่งในเรื่องบังเอิญที่นานครั้งจะเกิดขึ้น

ไป๋หรั่นเมื่อได้รับคำอนุญาตก็ลุกขึ้นและหันไปรับถาดซิ่งเหรินโต้ฟูที่วางคู่มากับป้านชาก่อนจะรีบก้าวเท้านำของว่างที่มีควันโชยหอมกรุ่นขึ้นไปถวายที่โต๊ะหน้าตั่งนางหงส์พันปี “ หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระนางโปรดซิ่งเหรินโต้ฟูแบบใด ทว่ารุ่งสางอากาศเย็นชื้น เสวยของร้อนเป็นการช่วยปรับสมดุลร่างกายที่ดียิ่งเพคะ ” แม้เกียรติของกษัตริย์จะสูงกว่าพระพันปีหลวง ทว่าบทบาทภายในครอบครัว มารดาย่อมสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง

หลิวเช่อรู้สาเหตุที่นางเข้าไปดูแลเซียวจื่อไท่โฮ่วก่อนตนเพราะอย่างน้อยหลังจากที่อีกฝ่ายถวายของว่างเสร็จ นางก็ยังหันมายอบกายทักทายเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินมายืนค่อนไปทางด้านหลังของโอรสสวรรค์เพื่อไม่ให้เป็นการข้ามหน้าข้ามตา นี่สิถึงจะถูกต้อง .. ใส่ใจดูแลญาติผู้ใหญ่ก่อนจะมาประจบเอาใจสามี ไม่รู้ทำไมสตรีเช่นนี้ถึงหาได้ยากนัก จนเขาต้องเสียเวลาหลายปีไปกับการกีดกันหญิงสาวให้ออกห่างตัว

“ นับว่ายังดีที่ถวายแก่อ้ายเจีย นึกว่าเจ้าจะมอบให้ฝ่าบาทแทนเสียแล้ว ” วาจานี้แม้ดูคล้ายจะสร้างปัญหาให้กับสนมมือใหม่ได้ ทว่าคนฉลาดย่อมทราบว่าลึก ๆ แล้วพระพันปีกำลังผลักให้ลู่เจี๋ยยวี่ได้ออกปากฉายแสงให้กับตนเองในแบบที่ไม่กระโตกกระตาก สิ่งลูกสะใภ้สาวก็คว้าโอกาสไปได้อย่างดิบดี

“ หม่อมฉันตั้งใจเข้าห้องเครื่องเพื่อปรุงซิ่งเหรินโต้ฟูนี้แก่ไท่โฮ่ว แม้สนมจะต้องปรนนิบัติสวามีทว่ามารดาของพระสวามีเองก็สำคัญยิ่ง ก่อนหน้านี้หาได้มีโอกาสคารวะไท่โฮ่วเช่นสามีภรรยา เช่นนั้นแล้วซิ่งเหรินโต้ฟูถ้วยนี้ไป๋หรั่นขอนับให้เป็นของไหว้ตามธรรมเนียมก็แล้วกันเพคะ ” ถึงจะถูกต้อนบทโดยไม่ตระเตรียมกันมาก่อนแต่นางก็ยังสามารถยวบเอียงสถานการณ์โดยอาศัยอำนาจและบารมีของคนข้างกายมาเป็นเกราะกำบัง แน่นอนว่าเพียงแค่วาจานี้ออกจากปากไปก็สร้างความประหลาดใจให้กับคนได้อย่างมากมาย

ด้านหนึ่งคือจางกงกงที่ตาวาวกับผลลัพธ์เกินคาด อีกด้านคือเซียวจื่อไท่โฮ่วที่หัวเราะอย่างพึงพอใจ ทว่าที่ดูแล้วแปลกตาที่สุดคงเป็นฮั่นอู่ตี้หลิวเช่อที่หันกลับมามองสาวงามที่อยู่เยื้องไปด้านหลังเล็กน้อยด้วยสายตา.. รู้ทัน

‘ ริอาจทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสืออย่างงั้นรึ? ’

‘ สถานการณ์คับขัน ฝ่าบาททรงอยากให้หม่อมฉันกล่าวว่าท่านจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญแต่ไท่โฮ่วสำคัญกว่าหรืออย่างไร ’

บทสนทนาผ่านสายตาระหว่างสองสามีภรรยาดำเนินไปได้ครู่หนึ่งท่ามกลางความตื่นเต้นของคนรอบข้าง พวกเขาไม่เคยเห็นฮั่นอู่ตี้มีท่าทางผ่อนคลายยามที่ปล่อยให้สตรีอยู่เคียงข้าง ไหนเลยจะเคยเห็นการสนทนาล้ำลึกที่จ้องมองกันและกันเช่นนั้น ? เซียวจื่อไท่โฮ่วเช้านี้ยิ้มจนแก้มแทบปริ นางเก็บเสียงหัวเราะจากการที่ได้พบเห็นลูกชายเริ่มมีวี่แววพัฒนาความสัมพันธ์กับสตรีพร้อมกับปัดมือไปมาพลางช่วยแก้สถานการณ์ให้คนหนุ่มสาว “ เอาเถิด เอาเถิด อ้ายเจียรับความรู้สึกของพวกเจ้าแล้ว อย่ามัวแต่เถียงกันอีกเลย ”

“ เป็นที่ขบขันให้เสด็จแม่แล้ว ลูกยังมีราชกิจที่ต้องสะสางวันนี้ไม่สะดวกอยู่ร่วมสนทนานานนัก ” หลิวเช่อมีทางรอดของตัวเองอยู่แล้ว ถึงแม้จะกล่าวว่าเป็นทางรอด แต่สุดท้ายมันก็คือภาระหน้าที่หนึ่งที่ตนต้องทำเพื่อให้ประชาชนได้อยู่อย่างสงบ ฮั่นอู่ตี้พลิกสีหน้าที่เย็นชาประดุจน้ำแข็งให้กลายมาเป็นนอบน้อมกตัญญูได้ภายในชั่วพริบตา “ เจ้าดูแลเสด็จแม่ให้ดี ”

นางกำนัลตำหนักเซวียนเต๋อเห็นฝ่าบาทลดเสียงยามที่กล่าวกับลู่เจี๋ยยวี่ให้เบาลงพากันตกตะลึง พวกนางเห็นองค์จักรพรรดิมาแต่เล็กย่อมทราบว่าอีกฝ่ายเคยสดใสปานใด น่ารักเท่าไหน ยามนี้เติบโตมาอย่างองอาจไม่ข้องแวะเกี่ยวกับสตรีได้ตั้งหลายปี ในที่สุดก็เหมือนจะเริ่มมีความโอนอ่อนที่ชวนให้ใจหญิงสาวสั่นไหวกับใครเขาบ้างแล้ว !

และแน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความคิด โอรสสวรรค์ในภูษานิลก้าวออกไปพร้อมคนของเขา ทิ้งให้เซียวจื่อไท่โฮ่วและสนมของตนได้แต่ยืนมองอยู่จากไกล ๆ จนร่างของอีกฝ่ายลับหายไปจากสายตา เมื่อนั้นอยู่ ๆ บทสนทนาที่เงียบไปนานระหว่างหวังจื่อและลู่ไป๋หรั่นถึงได้กลับมาดังขึ้น

“ เข้าใจยากใช่หรือไม่ ”

“ เพคะ ? ”

“ หลิวเช่อน่ะ .. เข้าใจยากใช่หรือไม่ ” หวังจื่อถาม

“ … ”

“ แม้จะเข้าใจเหตุผลของเขา แต่.. เพคะ เป็นชายที่เข้าใจได้ยากยิ่ง ”

เซียวจื่อไท่โฮ่วหันมองสาวงามที่จรดสายตามองตรงไปยังเส้นทางที่สามีเคยก้าวเดิน หวังจื่อสัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกรักใคร่เทิดทูน แต่กระนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงความให้เกียรติที่ยากนักจะหาได้จากในตัวของสตรีที่พึ่งเติบโตได้ไม่นาน ด้วยเหตุมันจึงทำให้นางหวนคิดถึงตัวเองในวัยเยาว์ หวนคิดถึงสหายที่เคยร่วมทางฝ่าฟันก่อนจะกลายมาเป็นศัตรู หวนคิดถึงอดีตครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำให้หนึ่งเหตุผลกระจ่างชัดขึ้นมาในห้วงความคิด

‘ ย่อมเป็นเพราะเข้าใจยากเช่นนี้.. สุดท้ายแล้วจึงได้มีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยภายในรั้ววังอย่างไรเล่า ’



[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี
+5 ความสัมพันธ์ของว่างประเภท อาหารปรุง
+5 ความสัมพันธ์ชาประเภท ชงชา

ค่าบารมีจากการถวายพระพร x2 ตามเควสในป้ายประกาศวังหลวง






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 70 โพสต์ 2024-8-4 19:11
อย่าลืมใส่รางวัลถวายพระพร ได้ความโปรดปรานไท่โฮ๋ว+10 / ค่าบารมี+15  โพสต์ 2024-8-4 19:10
โพสต์ 22720 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-4 19:01
โพสต์ 22,720 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-4 19:01
โพสต์ 22,720 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)  โพสต์ 2024-8-4 19:01

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +30 ย่อ เหตุผล
Admin + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้