เจ้าของ: Watcher

ป้อมฉีเหลียง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-8-28 21:28:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 27 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามเว่ย (เวลา 07.00 - 15.00 น.)

อรุณรุ่งของวันใหม่มาถึงอย่างเงียบงัน ความหนาวเย็นของทะเลทรายในยามเช้าตรู่ยังคงอบอวลอยู่รอบกาย ซิ่วอิงลืมตาขึ้นช้า ๆ ร่างกายที่เคยอ่อนล้าจากงานหนักเมื่อวานกลับคืนสู่ความสดชื่นอีกครั้ง นางลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า สูดลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของดินทรายและน้ำค้างเข้าไปอย่างเต็มปอด ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวสุนัขสามหัวที่กำลังนอนหลับใหลอย่างสบายใจ เมื่อเจ้าของตื่น เจ้าสุนัขก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับกระดิกหางอย่างร่าเริง มันวิ่งออกไปนอกกระโจมเพื่อกินอาหารเช้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ เพียงชั่วครู่ เจ้าสุนัขสามหัวก็วิ่งกลับมาหาซิ่วอิงอีกครั้งด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ดวงตาของมันเป็นประกายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ราวกับพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับงานหนักในวันใหม่ ซิ่วอิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากกระโจมด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยพลังงาน เมื่อก้าวเท้าออกมาจากกระโจม ซิ่วอิงก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นอย่างช้า ๆ แสงสีทองของดวงอาทิตย์ยามเช้ากำลังฉาบทาไปบนผืนทรายที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีดำสนิทเมื่อยามรัตติกาลก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีส้มอ่อน ๆ อย่างงดงาม เสียงเจื้อยแจ้วของทหารที่พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองและเสียงที่ดังมาจากบริเวณกองไฟทำให้บรรยากาศภายในค่ายทหารดูคึกคักอย่างน่าประหลาดใจ ซิ่วอิงเดินไปที่กองพลาธิการอย่างเงียบงันเพื่อรับชามข้าวต้มตามปกติของทุกวัน เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ ซิ่วอิงก็รีบมุ่งตรงไปยังป้อมปราการฉีเหลียงตามคำสั่งที่ได้รับมาเมื่อวันก่อน ทันทีที่เดินเข้ามาถึงภายในป้อมปราการ นางก็มองเห็นเหล่าทหารจำนวนหนึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการทำหน้าที่ของตนในการบูรณะกำแพง เจ้าสุนัขสามหัวของซิ่วอิงก็ดูเหมือนจะเข้าใจหน้าที่ของมันอย่างไม่น่าเชื่อ มันวิ่งไปรอบ ๆ กองหินอย่างรวดเร็ว หัวซ้ายของมันคาบก้อนหินขนาดพอเหมาะกับการก่อสร้างมาวางไว้ที่หน้าพลทหารที่กำลังเรียงหิน หัวขวาคาบถังน้ำขนาดเล็กที่บรรจุปูนผสมเพื่อนำไปวางไว้ในจุดที่พลทหารกำลังก่ออิฐ และหัวกลางของมันก็ใช้ปากคุ้ยเขี่ยสิ่งของที่หลงเหลืออยู่ในกองซากปรักหักพัง ราวกับเป็นผู้ช่วย ทุกการเคลื่อนไหวของมันเป็นไปอย่างคล่องแคล่วและแม่นยำ จนซิ่วอิงและพลทหารคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกประหลาดใจ ในขณะที่ซิ่วอิงกำลังเดินสำรวจความคืบหน้าของงานอย่างละเอียด ดวงตาของนางก็เหลือบไปเห็นพลทหารคนหนึ่งกำลังยกก้อนหินขนาดใหญ่ด้วยความยากลำบาก ใบหน้าของเขาแดงก่ำและเหงื่อไหลซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง ซิ่วอิงเดินเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นมือออกไปช่วยประคองก้อนหินนั้นไว้ พลทหารคนนั้นหันมามองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ ซิ่วอิงยิ้มบางๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ให้ข้าช่วยเจ้าดีกว่า การยกของหนักเพียงลำพังอาจจะทำให้เจ้าบาดเจ็บได้นะ" ทั้งสองช่วยกันแบกก้อนหินนั้นไปวางไว้ในจุดที่เหมาะสม ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างเป็นกันเอง พลทหารคนนั้นกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ ก่อนที่ทั้งสองจะกลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่ออย่างขะมักเขม้น ขณะที่ซิ่วอิงกำลังวางก้อนอิฐก้อนสุดท้ายลงบนฐานรากที่แข็งแรง นางก้มลงสำรวจผลงานของตนเองอย่างละเอียดลออ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยร้าวเล็ก ๆ บนเนื้ออิฐ จึงยกค้อนขึ้นเคาะเบา ๆ เพื่อทดสอบความทนทาน ก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ในยามนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาก็หยุดลงเบื้องหลัง นางหันกลับไปมอง พบว่าเป็นทหารหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดเกราะสีเข้มอย่างประณีตบ่งบอกถึงยศตำแหน่งที่สูงกว่าทหารทั่วไป "พลทหารหรง แม่ทัพฮั่วเรียกพบเจ้า" เสียงของเขากล่าวอย่างนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ "ที่กระโจมบัญชาการ" ซิ่วอิงผงกศีรษะประสานมือรับคำ นางวางเครื่องมือในมือลงอย่างบรรจง ลูบไล้ฝุ่นผงบนเสื้อผ้าออกเบา ๆ แล้วเดินตามทหารผู้นั้นไปอย่างเงียบ ๆ ระหว่างทางที่เดินผ่านค่าย บรรยากาศโดยรอบช่างแตกต่างจากป้อมปราการที่เต็มไปด้วยเสียงก่อสร้างและแรงงาน ทหารยามในค่ายแห่งนี้ยืนนิ่งดุจรูปสลัก ท่าทางองอาจและเด็ดเดี่ยว แสงแดดที่สาดส่องลงมาสะท้อนบนเกราะเหล็กแวววาวจนแสบตา กลิ่นไอดินแห้ง ๆ ผสมกับกลิ่นอับของหนังสัตว์และโลหะอบอวลไปทั่วบริเวณ ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งรู้สึกถึงความเงียบสงบที่น่าเกรงขาม กระโจมบัญชาการตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางค่าย ห้อมล้อมด้วยทหารยามที่ดูน่าเกรงขามกว่าที่ใดทั้งหมด เมื่อทหารผู้ที่นำทางเปิดม่านกระโจมออก ซิ่วอิงก้าวเข้าไปข้างในอย่างช้า ๆ กลิ่นธูปหอมอวลอับลอยมาปะทะจมูก นางก้มลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม ภาพที่เห็นตรงหน้าคือร่างสูงใหญ่ของแม่ทัพหนุ่มที่กำลังก้มลงพิจารณาแผนที่ขนาดใหญ่บนโต๊ะกลางกระโจม แผนที่นั้นทำจากหนังฟอกอย่างดี มีเส้นทางและจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ถูกวาดด้วยหมึกอย่างละเอียดลออ เขาไม่ได้สวมเกราะ แต่สวมชุดผ้าไหมสีดำสนิทที่ขับเน้นให้รูปร่างของเขาดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทันทีที่รับรู้ถึงการมาถึง ฮั่วชวี่ปิ้งก็เงยหน้าขึ้นจากแผนที่ ดวงตาที่คมกริบราวกับใบมีดหยกจ้องมองมายังซิ่วอิงชั่วครู่ ก่อนจะผ่อนคลายลง “คาราวะท่านแม่ทัพ” “มาแล้วหรือพลทหารหรง…ช่วงนี้ข้าสังเกตเห็นความตั้งใจของเจ้าในการบูรณะกำแพงเมือง" เสียงของเขาทุ้มนุ่ม แต่หนักแน่นราวกับก้อนหินที่ถูกกระแทก "งานของเจ้ามีประสิทธิภาพและรวดเร็ว..." เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวเข้ามาใกล้ซิ่วอิงอีกก้าวหนึ่ง จนร่างของนางต้องถอยไปโดยไม่รู้ตัว "แต่ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยอีกแรง" ซิ่วอิงไม่รอช้า นางประสานมือคารวะอย่างแน่วแน่ "ท่านแม่ทัพโปรดสั่งการ ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถเจ้าค่ะ" คำพูดของนางหนักแน่นและจริงใจ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน ฮั่วชวี่ปิ้งยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก เขากลับไปที่โต๊ะทำงานและหยิบม้วนหนังเก่า ๆ ขึ้นมาม้วนหนึ่ง หนังผืนนั้นถูกฟอกจนนุ่มแต่ก็มีร่องรอยการใช้งานมาอย่างยาวนาน มีเส้นทางและสัญลักษณ์ประหลาด ๆ ถูกเขียนลงไปอย่างไม่เป็นระเบียบนัก เขาค่อย ๆ คลี่มันออกแล้วยื่นให้ซิ่วอิง "ข้าต้องการให้เจ้าไปสืบเรื่องที่ป้อมทหารยามตะวันออก" เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ลดต่ำลงจนเกือบเป็นกระซิบ "มีข่าวลือว่ามีคนแอบลักลอบนำข้าวของออกจากป้อม แต่ข้ายังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ข้าอยากให้เจ้าไปสืบหาความจริงให้ข้า" ซิ่วอิงรับม้วนหนังมาอย่างแผ่วเบา สัมผัสถึงความเย็นชื้นจากอากาศที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อหนังเก่า ๆ นางก้มลงมองมันอย่างพิจารณา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับแม่ทัพหนุ่ม "ซิ่วอิงรับบัญชา ข้าจะไปสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดเจ้าค่ะ" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ฮั่วชวี่ปิ้งพยักหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาเป็นประกายด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะหันกลับไปที่แผนที่บนโต๊ะอีกครั้ง "เมื่อได้ความแล้วให้กลับมารายงานข้าโดยตรง" เขากล่าวทิ้งท้าย ซิ่วอิงคารวะลาแม่ทัพ ก่อนจะถอยหลังออกมาอย่างช้า ๆ ม่านกระโจมถูกปิดลงอีกครั้ง นางหันหลังกลับเดินออกมา ท่ามกลางสายตาที่ดูแคลนและไม่เป็นมิตรจากทหารยามที่มองตาม แต่ซิ่วอิงกลับไม่ใส่ใจกับสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย นางกำม้วนหนังในมือแน่นราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด ในวันรุ่งพรุ่งนี้นางจะเริ่มสืบหาความจริงของเรื่องนี้ทันที



บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 8 เควสปลดหัวใจ : เจเนรัลเบ๊ของท่านแม่ทัพ (1)

@Admin 




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 21046 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-28 21:28
โพสต์ 21,046 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-8-28 21:28
โพสต์ 21,046 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-8-28 21:28
โพสต์ 21,046 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-8-28 21:28
โพสต์ 21,046 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 2025-8-28 21:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-8-29 22:16:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 28 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามโหย่ว (เวลา 07.00 - 19.00 น.)

เมื่อดวงตะวันเพิ่งพ้นขอบฟ้า ทอแสงสีส้มอ่อนอาบไล้เหนือขุนเขาสูงใหญ่ ซิ่วอิงในชุดผ้าสีเข้มซึ่งคุ้นเคยกันดีกับฝุ่นดินและหยาดเหงื่อ ก็ก้าวเดินเข้าไปยังบริเวณป้อมทหารยามตะวันออก ทันทีที่มาถึงนางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฤดูหนาวที่กำลังจะมาเยือนในอีกไม่กี่เดือน อากาศยามเช้าเย็นยะเยือกเสียจนผิวหนังต้องขนลุกซู่ และหมอกจาง ๆ ยังคงปกคลุมผืนทรายราวกับมีผ้าบางเบาคลุมอยู่ เสียงทุบหินดังปังปังอย่างต่อเนื่องจากเหล่าทหารที่กำลังง่วนอยู่กับการซ่อมแซมกำแพงหินที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา นางเดินตรงไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่ที่กำลังสั่งการอยู่เบื้องหน้ากองหิน นางยกมือขึ้นประสานกันอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังไม่เบา "ข้ามาเป็นกำลังเสริมในการบูรณะกำแพงฝั่งนี้เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพฮั่วบอกว่าฝั่งนี้ต้องการคนเพิ่ม" "ข้าไม่ได้ขอคนเพิ่มไปนี่นา" บุรุษผู้นั้นเหลียวมามองด้วยแววตาฉงน ซิ่วอิงไม่รอช้า นางคล้ายจะรู้ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว จึงล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อ ดึงม้วนคำสั่งออกมาฉบับหนึ่ง จากนั้นนางก็ก้าวเข้าไปใกล้ แล้วยื่นม้วนคำสั่งนั้นให้แก่เขา “ท่านโปรดดูคำสั่งนี้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ” บุรุษร่างใหญ่ขมวดคิ้วอย่างสงสัยใคร่รู้ แต่ก็ยอมรับม้วนคำสั่งมาคลี่ออกดู บนนั้นมีตราประทับของแม่ทัพฮั่วอยู่เด่นชัด เมื่อเขากวาดสายตาอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่บนกระดาษจนจบสิ้น ภายในใจก็บังเกิดความเข้าใจในทันที แววตาที่สงสัยเมื่อครู่พลันเปลี่ยนไป เขาเงยหน้าขึ้นมองนางอีกครั้งก่อนจะกวาดสายตาไปยังบริเวณรอบ ๆ “เช่นนั้น...เจ้าไปทำงานตรงบริเวณริมกำแพงที่อยู่ใกล้กับป้อมยามตรงนั้นเถิด” “ซิ่วอิงน้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงโค้งคำนับเล็กน้อย นางเดินไปตามเส้นทางที่เขานำทางให้ ขณะก้าวเท้าแต่ละก้าว นางสัมผัสได้ถึงเศษทรายและกรวดหินที่ติดอยู่ตามปลายรองเท้าทหารคู่นั้น เสียงพูดคุยที่เบาบางของเหล่าทหารคนอื่น ๆ แทบไม่ได้เข้าหูของนางเลย เพราะความสนใจทั้งหมดของนางจดจ่ออยู่กับการสังเกตสิ่งผิดปกติรอบกาย เมื่อนางมาถึงบริเวณริมกำแพง นางก็เริ่มลงมือทำงานราวกับเป็นทหารคนหนึ่งที่ได้รับมอบหมายงานตามปกติ นางหยิบพลั่วขึ้นมาตักทรายที่อยู่บริเวณใกล้เคียงใส่กระสอบเพื่อเตรียมขนไปยังบริเวณที่ต้องบูรณะ แต่ทุกครั้งที่นางทำท่าจะก้มลงตักทราย ดวงตาของนางก็ยังคงเหลือบมองไปรอบ ๆ อย่างละเอียด ขณะที่ซิ่วอิงกำลังง่วนอยู่กับการตักทรายใส่กระสอบไปเรื่อย ๆ แสงแดดยามสายเริ่มทอลงมากระทบผิวกาย ทำให้เหงื่อเริ่มซึมออกมาจากไรผมของนาง แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังคงทำงานอย่างไม่ย่อท้อ พลั่วในมือตักทรายสลับกับการกวาดสายตาสำรวจไปรอบ ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน ไม่นานนัก นางก็เหลือบไปเห็นทหารยามสองนายกำลังยืนเฝ้ายามอยู่ไม่ไกลจากจุดที่นางทำงานนัก แสงแดดสะท้อนกับชุดเกราะของพวกเขาเป็นประกาย นางจึงคิดหาวิธีเข้าไปสอบถามข้อมูลจากทหารยามทั้งสองอย่างแนบเนียน ซิ่วอิงแสร้งทำเป็นขนกระสอบทรายที่บรรจุเต็มแล้วไปยังบริเวณใกล้เคียงกับป้อมยามที่ทหารทั้งสองยืนอยู่ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตจากผู้อื่น เมื่อไปถึงนางก็วางกระสอบทรายลงอย่างระมัดระวัง แล้วทำทีเป็นปาดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้น นางก็ขยับเข้าไปใกล้ทหารยามนายหนึ่งที่ดูท่าทางเป็นมิตรมากกว่าอีกคนเล็กน้อย แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน "นี่ ๆ พี่ชาย...ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้มีข้าวของหายไปจากป้อม ท่านพอจะทราบเรื่องนี้บ้างหรือไม่?" ทหารยามนายนั้นมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเขาหลุกหลิกไปมาเล็กน้อย พยายามหลบเลี่ยงสายตาของซิ่วอิง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะตอบตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงที่เบาเกือบจะเป็นกระซิบเช่นกัน "ขะ...ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น" ซิ่วอิงสังเกตเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นบริเวณขมับของทหารยามคนนั้น ทั้งที่อากาศยามเช้ายังคงเย็นสบาย ไม่น่าจะทำให้เหงื่อออกได้มากถึงเพียงนี้ ท่าทางของเขายิ่งทำให้ซิ่วอิงมั่นใจว่าทหารยามคนนี้ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน แต่ไม่ยอมบอก ซิ่วอิงหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงแผ่วเบาของนางเจือไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "พูดอย่างนี้มีพิรุธนะ…" ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘พิรุธ’ ทหารยามผู้นั้นก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างหวาดระแวง เหลือบมองซ้ายทีขวาทีราวกับกลัวว่าจะมีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนยิ่งกว่าเดิม "พิรุธอะไร...ข้าไม่เคยมีพิรุธกับใครนะ...รู้ได้ยังไงว่าข้ามีพิรุธ..."


ซิ่วอิงเห็นดังนั้นก็รีบเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางในทันที นางระลึกได้ว่าการแหวกหญ้าให้งูตื่นก่อนเวลาอันควรอาจทำลายแผนการทั้งหมด นางจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความตึงเครียดที่เกิดขึ้น นางตบเบา ๆ ที่ไหล่ของทหารยามผู้นั้นสองสามที "โธ่...พี่ชาย ข้าล้อเล่นน่ะ! อย่าเพิ่งตกใจไปเลย" นางยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ "ข้าต้องไปทำงานต่อแล้ว" นางหันหลังเดินกลับไปทำงานของตนเองอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ทหารยามผู้นั้นยืนงุนงงอยู่กับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของนาง ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของวัน ซิ่วอิงยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็งราวกับทหารธรรมดาคนหนึ่ง แต่ในใจของนางนั้นไม่เคยหยุดนิ่ง นางคอยสังเกตทุกรายละเอียดที่ผ่านเข้ามาในสายตา บันทึกทุกสิ่งอย่างที่น่าสงสัยเอาไว้ในความทรงจำ นางทำงานท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งสิ้นสุดวัน เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ท้องนภาถูกย้อมด้วยสีส้มอมม่วงอันงดงาม เสียงโหวกเหวกโวยวายของเหล่าทหารที่เลิกงานเริ่มดังขึ้นรอบกาย แต่ซิ่วอิงยังคงมุ่งหน้าไปยังกระโจมบัญชาการของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง นางสาวเท้าก้าวไปอย่างมั่นคง ทันทีที่เข้าไปภายในกระโจม นางก็ประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม "คารวะท่านแม่ทัพ" แม่ทัพฮั่วเงยหน้าขึ้นจากม้วนตำราที่กำลังพิจารณาอยู่ "พลทหารหรง เจ้ามาแล้วหรือ...ว่าอย่างไร มีความคืบหน้าอะไรบ้างหรือไม่?" ซิ่วอิงเล่าทุกสิ่งที่นางได้พบเห็นและได้สังเกตการณ์ในวันนี้อย่างละเอียด ทั้งลักษณะการทำงานของทหารในบริเวณนั้น และท่าทีของทหารยามที่มีพิรุธ เมื่อได้ยินเรื่องราวของทหารยาม ใบหน้าของแม่ทัพฮั่วก็ปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้นที่มุมปาก เขาวางม้วนตำราลงบนโต๊ะไม้ แล้วหันมามองซิ่วอิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและชื่นชม "ดีมาก...ดูเหมือนว่าเบาะแสที่เราต้องการจะอยู่ไม่ไกลจากตัวเราแล้ว" เขาเอนกายพิงพนักเก้าอี้พลางครุ่นคิด "แต่การจะสืบเรื่องนี้ต่อไป เจ้าต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเจ้าได้เผยพิรุธให้คนผู้นั้นรู้ตัวไปแล้ว...พรุ่งนี้จงไปคอยสังเกตเหล่าทหารยามให้ดี" "ซิ่วอิง น้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ" ซิ่วอิงตอบรับคำสั่งอย่างหนักแน่น ซิ่วอิงโค้งคำนับแม่ทัพฮั่วอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากกระโจมบัญชาการ แสงเทียนส่องลอดออกมาจากกระโจมสลับกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบน อากาศยามค่ำคืนเย็นยะเยือกเสียจนนางต้องกระชับเสื้อผ้าให้แน่นขึ้น นางก้าวเดินผ่านเหล่าทหารที่กำลังนั่งผ่อนคลายอยู่รอบกองไฟ บ้างก็กำลังกินอาหารค่ำ บ้างก็กำลังดื่มสุราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ซิ่วอิงเดินต่อไปจนถึงกระโจมที่พักของตน เมื่อถึงแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าทรุดกายนั่งลงบนที่นอน และหลับตาลงอย่างช้า ๆ ปล่อยให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจใหม่ในวันพรุ่งนี้



บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 9 เควสปลดหัวใจ : เจเนรัลเบ๊ของท่านแม่ทัพ (2)

@Admin 




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 22195 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-29 22:16
โพสต์ 22,195 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-8-29 22:16
โพสต์ 22,195 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-8-29 22:16
โพสต์ 22,195 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-8-29 22:16
โพสต์ 22,195 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 2025-8-29 22:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-8-30 21:27:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-8-31 14:15






วันที่ 29 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามโหย่ว (เวลา 07.00 - 19.00 น.)

ณ เชิงกำแพงป้อมทหารยามตะวันออก ทรายสีนวลที่เคยปลิวคลุ้งยามแสงอาทิตย์อ่อนแรงก็ดูจะนิ่งสงบผิดกับยามปกติ แต่วันนี้ซิ่วอิงกลับรู้สึกว่าอากาศนั้นร้อนระอุจนชวนให้หงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า นางก้มหน้าก้มตาใช้เกรียงที่ทำจากไม้ค่อย ๆ แซะเอาเศษอิฐเก่า ๆ ที่ร่วงกร่อนออกจากรอยแตกร้าวบนกำแพง อิฐดินเผาที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้กลับเปราะบางเสียจนแทบจะกลายเป็นผงในมือ แสงแดดช่วงบ่ายคล้อยทำให้เงาของนางทอดยาวบิดเบี้ยวบนพื้นทราย ชายผ้าป่านสีเทาเปื้อนฝุ่นดินและคราบปูนสีอ่อน นางก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้นจนเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ซึมบนหน้าผาก เกลียวผมบางส่วนที่หลุดรุ่ยลงมาก็เปียกชื้นจนแนบติดกับขมับ ก่อนหน้านี้แม่ทัพฮั่วได้กำชับนางให้จับตามองทหารยามที่ประจำการอยู่ตรงป้อมนี้ให้ดี เพราะเขามีท่าทีน่าสงสัยและอาจมีส่วนรู้เห็นกับการลักลอบนำของออกนอกป้อมก็ได้ ซิ่วอิงจึงต้องแสร้งทำเป็นทำงานไปพลาง สอดส่องดูพฤติกรรมของทหารคนนั้นไปพลาง การบูรณะกำแพงเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ซิ่วอิงบรรจงใช้เกรียงไม้ค่อย ๆ แซะเอาเศษอิฐเก่า ๆ ที่ร่วงกร่อนออกอย่างช้า ๆ ขณะเดียวกันก็คอยสังเกตการณ์ทหารยามคนนั้นอยู่ห่าง ๆ ท่าทีเหม่อลอยและดวงตาที่จับจ้องไปที่ขอบฟ้าอย่างผิดปกติของเขานั้นช่างน่าสงสัยยิ่งนัก ซิ่วอิงค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้เขาอย่างแนบเนียน นางเริ่มทำงานจากทางซ้ายของกำแพงแล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางขวาตามทิศทางของสายตาของเขา จนกระทั่งมาถึงบริเวณฐานป้อมที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งของทหารยามนั้น ซิ่วอิงสังเกตเห็นว่าแผ่นหินที่อยู่ตรงนั้นมีรอยแยกกว้างกว่าปกติ และมีลักษณะการวางที่แตกต่างไปจากแผ่นอื่น ๆ เล็กน้อย ทันใดนั้นเองทหารยามคนดังกล่าวก็หันมาสบตากับซิ่วอิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัวเข้ามา ซิ่วอิงก็แสร้งทำเกรียงหลุดมือและรีบก้มลงไปเก็บ นางใช้จังหวะนี้แอบสอดสายตาลงไปใต้แผ่นหินที่ดูผิดแปลกนั้น นางเห็นว่ามันเป็นช่องทางลับที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้ฐานป้อมทหารยามอย่างแนบเนียน มันถูกปิดบังเอาไว้ด้วยแผ่นหินและดินอย่างมิดชิด ภายในช่องทางนั้นมีร่องรอยของการใช้งานอย่างชัดเจน ซิ่วอิงรีบใช้ดินแห้งที่เตรียมไว้กลบช่องนั้นอย่างรวดเร็วและจัดแจงแผ่นหินให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ก่อนที่ทหารยามจะเดินมาถึง นางลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่นางทำความเคารพทหารยามคนนั้นในใจก็ได้แอบจดจำรายละเอียดทั้งหมดของช่องทางลับที่ได้ค้นพบโดยบังเอิญเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว การทำงานบูรณะดำเนินไปจนถึงช่วงเย็น แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงลง ทาบทาขอบฟ้าเป็นสีส้มแดงฉาน ซิ่วอิงยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ทหารคนอื่น ๆ ทยอยเก็บอุปกรณ์และแยกย้ายกันกลับกระโจมพักเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน ซิ่วอิงทำทีเป็นกำลังเก็บกวาดอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายอย่างเชื่องช้า เมื่อทุกคนจากไปจนเหลือเพียงความเงียบสงบ นางจึงรีบเดินอ้อมไปหลบหลังโขดหินใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณแผ่นหินที่นางได้พบทางลับเมื่อช่วงบ่าย ซิ่วอิงนั่งลงอย่างเงียบเชียบ สายตาจดจ่ออยู่กับแผ่นหินนั้น นางนั่งรออยู่นานนับชั่วยาม แสงสุดท้ายของวันค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไป ความมืดเข้ามาแทนที่จนมองเห็นอะไรไม่ชัดนัก นางเริ่มรู้สึกท้อแท้และสงสัยว่าจะมีใครมาใช้ทางลับนั้นจริงหรือเปล่า แต่ในจังหวะที่ความมืดมิดเริ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้นเอง ก็มีทหารยามกลุ่มหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เดินตรงมายังบริเวณแผ่นหินนั้น พวกเขามองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง ก่อนที่คนหนึ่งจะก้มลงไปเปิดแผ่นหินออกอย่างชำนาญ ซิ่วอิงรีบซ่อนตัวให้มิดชิดกว่าเดิมแล้วซุ่มดูเงียบ ๆ เมื่อทางลับเปิดออก พวกเขาก็ช่วยกันขนข้าวของบางอย่างที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักเข้าไปในนั้นทีละคน ข้าวของเหล่านั้นถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอย่างมิดชิด ทำให้ซิ่วอิงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าภายในคืออะไร แต่จากท่าทางที่พวกเขาขนมันเข้าไปอย่างระมัดระวัง ก็พอจะคาดเดาได้ว่าไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อทหารทั้งหมดหายเข้าไปในช่องทางลับแล้ว ซิ่วอิงก็ตัดสินใจที่จะติดตามพวกเขาไป นางย่องเข้าไปใกล้ทางลับนั้นอย่างเงียบกริบก่อนที่จะคลานเข้าไปในช่องว่างที่ทหารกลุ่มนั้นทิ้งไว้ ภายในทางลับนั้นช่างมืดมิดและอับชื้น กลิ่นดินและกลิ่นสาบของหินเก่า ๆ อบอวลไปทั่ว ซิ่วอิงใช้มือคลำทางไปตามผนังถ้ำที่เย็นเฉียบจนขนลุกไปทั่วทั้งตัว แสงสว่างเพียงน้อยนิดลอดมาจากช่องทางด้านหน้า ทำให้พอจะมองเห็นทางเดินได้ราง ๆ นางเดินตามรอยไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดินไปจนสุดทาง ซิ่วอิงก็พบว่าปลายทางของอุโมงค์แห่งนี้คือลานกว้าง มีกลุ่มทหารกลุ่มเดิมกำลังช่วยกันขนสิ่งของขึ้นเกวียนที่จอดรออยู่ คาดว่าน่าจะเตรียมนำไปส่งให้ใครบางคนที่รออยู่ด้านนอก ในความมืดสลัวที่ปลายทางลับ ซิ่วอิงแอบซุ่มมองการขนข้าวของขึ้นเกวียนอย่างเงียบเชียบ ทันใดนั้นทหารนายหนึ่งที่กำลังจะก้าวขึ้นเกวียนก็หยุดชะงัก เขามองย้อนกลับมาทางที่นางซ่อนตัวอยู่ ดวงตาของเขาดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้า ซิ่วอิงรู้ตัวว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังตัวเองอีกต่อไป นางก้าวออกมาจากเงามืดอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตะโกนเสียงดังก้องไปทั่วลาน “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน!” เสียงตะโกนของนางทำให้เหล่าทหารยามที่กำลังขนของอยู่ถึงกับตัวแข็งทื่อ พวกเขาหันมาเผชิญหน้ากับซิ่วอิงด้วยสีหน้าที่ตกใจระคนหวาดระแวง หัวหน้าทหารยามซึ่งเป็นชายร่างใหญ่ก้าวออกมาข้างหน้าด้วยท่าทางกร่างกร้าว “เจ้าเป็นใคร! อย่ามายุ่งเรื่องของพวกข้า” เขาเอ่ยปากข่มขู่ออกมาทันที ซิ่วอิงไม่ตอบคำถาม แต่กลับพุ่งตัวเข้าใส่ทหารยามนายหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้นางที่สุด ชักดาบออกจากฝักที่เสียบอยู่ข้างเอวของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชี้ปลายดาบไปที่หัวหน้าทหาร “ข้ามาเพื่อจับพวกเจ้าไปรับโทษ!” การต่อสู้เริ่มขึ้นทันทีที่สิ้นเสียง ซิ่วอิงพุ่งเข้าโจมตีทหารยามที่เป็นลูกน้องอย่างคล่องแคล่วว่องไว นางใช้เพลงดาบที่เรียนรู้มาจากการฝึกฝนอย่างหนัก ดาบในมือฟาดฟันและพลิกแพลงไปมาได้อย่างน่าทึ่ง ทหารยามเหล่านั้นไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ อย่างซิ่วอิงจะมีความสามารถถึงเพียงนี้ เพียงไม่นานนักทหารยามที่เป็นลูกน้องของเขาก็พากันล้มลงกองอยู่กับพื้นจนหมดเหลือเพียงหัวหน้าทหารที่ยืนเผชิญหน้ากับซิ่วอิงอยู่เพียงคนเดียว การต่อสู้ระหว่างซิ่วอิงและหัวหน้าทหารเป็นไปอย่างดุเดือดกว่าที่ผ่านมา หัวหน้าทหารชักกระบี่ออกมาจากฝักแล้วพุ่งเข้าใส่ซิ่วอิงอย่างดุดัน แสงจากปลายกระบี่ของเขาส่องประกายวับวาวในความมืด ซิ่วอิงรับมือด้วยเพลงดาบที่รวดเร็วและแม่นยำ นางหลบหลีกคมกระบี่ของเขาได้อย่างน่าทึ่ง เสียงกระบี่และดาบกระทบกันดัง เคร้ง! เคร้ง! สะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ ซิ่วอิงพลิกตัวหลบกระบี่ที่ฟันลงมาอย่างเฉียดฉิว ก่อนจะตวัดดาบในมือกลับไปอย่างรวดเร็ว ดาบของนางฟันไปโดนแขนของหัวหน้าทหารจนเลือดไหลซึมลงมา เขาถึงกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อเห็นว่าตัวเองเสียเปรียบ หัวหน้าทหารก็เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง แต่ซิ่วอิงก็ยังคงตั้งรับและหลบหลีกการโจมตีของเขาได้อย่างคล่องแคล่ว นางใช้จังหวะที่หัวหน้าทหารกำลังจะฟันกระบี่ลงมาอีกครั้ง พุ่งตัวเข้าประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ด้ามดาบกระแทกเข้าที่ท้องของเขาอย่างจังจนเขาถึงกับทรุดลงกับพื้น ซิ่วอิงไม่รอช้า นางใช้ดาบในมือจ่อเข้าที่ลำคอของหัวหน้าทหารทันที เสียงลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดและหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เหล่าทหารที่นอนกองอยู่กับพื้นต่างก็ลุกไม่ขึ้นและทำได้เพียงมองมาที่ซิ่วอิงอย่างหวาดหวั่น ท้ายที่สุดแล้วทหารทั้งหมดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความเก่งกาจของทหารหญิงผู้นี้อย่างราบคาบ ซิ่วอิงใช้เชือกที่อยู่บนเกวียนมัดเหล่าทหารที่พ่ายแพ้เข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ก่อนจะรวบรวมหลักฐานและของกลางทั้งหมดไว้เพื่อนำไปมอบให้แม่ทัพฮั่ว นางใช้ปลายดาบจ่อไปที่คอของหัวหน้าทหารอีกครั้ง “จงคลานเข้าไปในทางลับที่เจ้าใช้ลักลอบมาที่นี่ซะ!” เมื่อเห็นว่าซิ่วอิงไม่ได้พูดเล่น พวกเขาก็รีบทำตามคำสั่งแต่โดยดี ซิ่วอิงมองทหารทุกคนที่กำลังทยอยคลานเข้าไปในอุโมงค์ลับทีละคนอย่างไม่ละสายตา นางใช้จังหวะนั้นแอบสำรวจดูบริเวณรอบ ๆ อีกครั้งจนมั่นใจว่าไม่มีใครหลงเหลืออยู่แล้ว นางจึงรีบออกจากอุโมงค์ลับทันที ก่อนที่จะตรงไปยังกระโจมบัญชาการเพื่อรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้แม่ทัพฮั่วทราบ…




หลักฐานการต่อสู้

บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 10 เควสปลดหัวใจ : เจเนรัลเบ๊ของท่านแม่ทัพ (3)

ยอดฝีมือ (ทอง)
ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP 

@Admin 




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-8-30 21:43
โพสต์ 24796 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-30 21:27
โพสต์ 24,796 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +14 ความโหด จาก ดาบฟันปลา  โพสต์ 2025-8-30 21:27
โพสต์ 24,796 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-8-30 21:27
โพสต์ 24,796 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-8-30 21:27
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-8-31 21:39:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 29 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามซวี (เวลา 19.00 - 21.00 น.)

หลังจากการจับกุม ซิ่วอิงพาเหล่าทหารทรยศที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาไปยังใจกลางของค่ายทหาร ราวกับนำพาความมืดมิดที่ซ่อนเร้นออกมาสู่แสงสว่าง ทันทีที่มาถึงหน้ากระโจมบัญชาการของท่านแม่ทัพฮั่ว ร่างที่บอบช้ำของทหารทั้งเจ็ดนายก็ถูกผลักให้ไปกองรวมกันอยู่บนพื้นดินที่เคยถูกย่ำด้วยรองเท้าบูตมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สายตาของเหล่าทหารที่ผ่านไปผ่านมาต่างหันมามองด้วยความสงสัยระคนประหลาดใจ เกาเหยียนและพรรคพวกของเขาที่ถูกขอให้มาช่วยขนของกลางก็รีบวางหีบไม้และห่อผ้าที่ใช้บรรจุของกลางทั้งหมดลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว เสียงกระทบกันของหีบไม้กับพื้นดินแห้ง ๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะ บอกถึงน้ำหนักและความสำคัญของสิ่งของที่ถูกนำมา ภายในกระโจมซึ่งก่อนหน้านี้เคยเต็มไปด้วยความเงียบสงบยามค่ำคืน แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่แทรกซึมไปทั่วทุกอณูอากาศ แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งที่กำลังนั่งทำงานอยู่ภายในได้ยินเสียงดังจากภายนอกจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากกระโจมช้า ๆ ร่างสูงสง่าในชุดเกราะบางเบาปรากฏสู่สายตาของทุกคนใต้แสงจันทร์และแสงไฟที่ริบหรี่จากตะเกียงน้ำมัน สายตาของเขาคมกริบราวกับมองทะลุทุกสิ่ง และบัดนี้ได้จับจ้องมาที่ซิ่วอิงอย่างไม่ละไปไหน ซิ่วอิงคุกเข่าลงต่อหน้าท่านแม่ทัพอย่างสง่างาม ไม่มีความเหนื่อยล้าปรากฏบนใบหน้าแม้แต่น้อย นางกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวและหนักแน่น "เรียนท่านแม่ทัพ ข้าได้ทำการสืบสวนตามคำสั่งของท่านจนพบเบาะแสการกระทำผิดเจ้าค่ะ" นางกล่าวพลางชี้มือไปที่เหล่าทหารทรยศที่นอนกองอยู่บนพื้น "พวกเขาทั้งหมดคือผู้กระทำความผิดที่ลักลอบนำของออกไปจากค่ายแห่งนี้ และของเหล่านี้คือหลักฐานทั้งหมดเจ้าค่ะ" ไม่เพียงเท่านั้น ซิ่วอิงยังได้บรรยายรายละเอียดของเส้นทางลับที่ค้นพบอย่างชัดเจนราวกับจดจำได้ทุกรายละเอียด พร้อมกันนั้นยังยื่นม้วนผ้าที่รวบรวมรายการของกลางทั้งหมดที่ถูกลักลอบนำออกไปให้แก่ท่านแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งด้วยตนเอง แม่ทัพฮั่วรับม้วนผ้ามาคลี่ออกอย่างช้า ๆ สายตาไล่อ่านรายละเอียดที่ถูกจดบันทึกไว้ในนั้นอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะหันไปพิจารณาของกลางที่วางกองอยู่เบื้องหน้าอย่างละเอียดอีกครั้ง แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งเดินเข้าไปใกล้กองของกลางที่ถูกขนมากองไว้ สายตาพิจารณาหีบไม้และห่อผ้าที่ใช้บรรจุสิ่งของเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยหีบไม้ที่ดูหนักที่สุดให้ล้มลง เพื่อดูสิ่งที่อยู่ภายใน ซึ่งเมื่อแสงไฟจากตะเกียงสาดส่องลงไปก็เผยให้เห็นสมบัติล้ำค่าหลายอย่างที่ไม่ควรจะถูกนำออกมาจากคลังแสง รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาอย่างช้า ๆ รอยยิ้มนั้นไม่ได้สื่อถึงความพึงพอใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความภาคภูมิใจและชื่นชมแฝงอยู่ด้วย แม่ทัพฮั่วหันไปมองซิ่วอิงอีกครั้ง สายตาที่เคยเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวของนางในฐานะพลทหารคนหนึ่ง บัดนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกลายเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและยกย่องในความสามารถของนาง “เจ้าทำได้ดีมาก” เสียงทุ้มนุ่มที่กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาบ่งบอกถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในใจของท่านแม่ทัพ “ข้าไม่ผิดหวังในตัวเจ้าเลยจริง ๆ ” ใบหน้าของซิ่วอิงที่ยังคงเรียบเฉยมาตลอดบัดนี้เริ่มมีร่องรอยของความตื่นเต้นและความดีใจปรากฏขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่นางก็ยังคงนิ่งเงียบรอคำสั่งต่อไปจากแม่ทัพฮั่ว เขาหันไปมองเหล่าทหารทรยศที่ยังคงนอนกองอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่สายตาที่เย็นชานั้นกลับน่ากลัวเสียยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ บรรยากาศรอบข้างก็พลันตึงเครียดขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อสายตาอันคมกริบของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งกวาดมองไปยังร่างที่ซมซานของเหล่าทหารทรยศที่กองอยู่บนพื้นอย่างช้า ๆ รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนริมฝีปากพลันเลือนหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความนิ่งสงบที่น่าพรั่นพรึง ร่างสูงสง่าภายใต้ชุดเกราะค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้เหล่าทหารที่กำลังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะเอ่ยปากออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังและเฉียบขาดราวกับคมดาบที่ฟาดฟันลงมา
"เอาตัวไปโบยคนละหกสิบไม้ จากนั้นนำไปผูกติดกับเสาไม้สามวันสามคืนโดยไม่มีน้ำและอาหาร เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่น ๆ!" เสียงที่ก้องกังวานไปทั่วทั้งค่ายทหารทำให้เหล่าทหารที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่โดยรอบถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมีทหารกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามายังบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาจับกุมตัวทหารทรยศทั้งเจ็ดนายให้ลุกขึ้นยืนด้วยความรุนแรง สายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชังของทหารเหล่านั้นมองไปยังเพื่อนร่วมอาชีพที่ไม่ต่างอะไรกับหนอนบ่อนไส้ ก่อนจะใช้เชือกที่เตรียมมาผูกมัดมือของแต่ละคนไว้ด้านหลังอีกครั้งอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ออกแรงผลักให้ร่างของทุกคนเดินตรงไปยังลานเพื่อลงโทษทันที เมื่อร่างของเหล่าทหารทรยศหายลับไปกับความมืดมิดที่เข้าปกคลุมยามค่ำคืน บรรยากาศที่ตึงเครียดภายในค่ายก็เริ่มคลี่คลายลงเล็กน้อย ทหารที่เหลือต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองอย่างเงียบๆ ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบที่กลับคืนมาอีกครั้ง แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งหันไปมองซิ่วอิงที่ยังคงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเมื่อครู่มากนัก “เจ้าเข้ามาคุยกับข้าข้างในกระโจม”
เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาทำให้ซิ่วอิงคลายความตึงเครียดที่เกาะกุมอยู่ในจิตใจมาตลอดได้อย่างสิ้นเชิง นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามท่านแม่ทัพเข้าไปภายในกระโจมบัญชาการอย่างเงียบเชียบ เมื่อเข้ามาด้านใน แม่ทัพฮั่วก็เดินตรงไปยังโต๊ะทำงานของเขาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจัดกองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทางอย่างไม่รีบร้อน 

“นั่งลงก่อน” ซิ่วอิงนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของท่านแม่ทัพ ดวงตาของนางมองไปยังภาพวาดที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของกระโจมอย่างไม่ตั้งใจนัก ภาพวาดนั้นคือภาพของม้าศึกชั้นดีตัวหนึ่งกำลังวิ่งอยู่กลางทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่เมฆที่ลอยละล่องอย่างอิสระ ทุกรายละเอียดถูกถ่ายทอดออกมาอย่างงดงามและสมจริง จนกระทั่งเสียงทุ้มต่ำของท่านแม่ทัพเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ความจริงแล้ว...เรื่องการทุจริตในคลังเสบียงมีเบาะแสมานานแล้ว และข้าก็ไม่ได้เชื่อมั่นในเบาะแสที่เจ้าส่งมาให้ทั้งหมดเสียทีเดียว” เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ข้าเพียงอยากจะรู้ว่าเจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร และอยากรู้ว่าเจ้ามีความยุติธรรมและกล้าหาญเพียงใดในการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยตัวของเจ้าเอง” ซิ่วอิงเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความจริงใจ “เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลยจริง ๆ” เขาเอ่ยพลางยิ้มบาง ๆ “ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้ามาตลอด และข้าดีใจที่การตัดสินใจของข้าในครั้งนี้ไม่ได้ผิดพลาด” น้ำเสียงของเขานั้นอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าที่เกาะกุมอยู่ในจิตใจของซิ่วอิงมาตลอดเริ่มคลี่คลายออก “ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นสตรี แต่ความสามารถของเจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าชายชาตรีเลยแม้แต่น้อย” เขากล่าวชมเชย “ในอนาคตหากมีงานสำคัญที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบแบบนี้ ข้าจะมอบหมายให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบเอง” คำพูดของแม่ทัพฮั่วสร้างความภาคภูมิใจในตัวของซิ่วอิงอย่างมาก แต่นางก็ยังคงนิ่งเงียบด้วยความเคารพในตัวของผู้บังคับบัญชา หลังจากที่กล่าวชมเชยเสร็จสิ้น เขาก็ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักที่อยู่ด้านล่างของโต๊ะทำงาน แล้วหยิบกล่องไม้แกะสลักที่สลักลวดลายเมฆมงคลเอาไว้อย่างประณีตบรรจงขึ้นมาด้วยความทะนุถนอม “เจ้าอาจจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดข้าจึงต้องใช้เจ้าเข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นขณะที่เขาวางกล่องไม้ลงบนโต๊ะ “ในกองทัพนี้ มีสายลับและคนทรยศแฝงตัวอยู่ไม่น้อย การจะเลือกใครมาทำภารกิจที่สำคัญเช่นนี้จึงต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้” เขาเอ่ยจบก็ค่อย ๆ เปิดกล่องไม้ออก เผยให้เห็นจี้หยกที่ถูกสลักเป็นรูปร่างของม้าที่กำลังวิ่งอย่างสง่างามอย่างมีชีวิตชีวา ประกายความงามของมันสะท้อนแสงไฟที่ริบหรี่อยู่ภายในกระโจมออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ จี้หยกนี้เป็นของขวัญที่องค์จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ทรงพระราชทานให้แก่เขา “จี้นี้เป็นของที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้แก่ข้า” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้าขอมอบมันให้เจ้า” ซิ่วอิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจและไม่เข้าใจว่าเหตุใดของล้ำค่าเช่นนี้จึงถูกนำมามอบให้กับตนเอง “แต่...เหตุใดท่านจึงมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่ข้าเจ้าคะ?” “ของล้ำค่าเช่นนี้ ควรจะอยู่กับผู้ที่คู่ควร” เขาเอ่ยอย่างหนักแน่นพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง “ข้าเชื่อใจในตัวเจ้า และเห็นว่าเจ้าคู่ควรที่จะได้รับมันไว้” คำพูดของเขาทำให้ดวงตาของซิ่วอิงพลันสั่นระริก ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นมือออกไปรับกล่องไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะมาถือไว้ในมืออย่างระมัดระวัง น้ำตาแห่งความดีใจเริ่มเอ่อล้นออกมาจนแทบจะกลั้นเอาไว้ไม่ไหว “ขะ…ขอบพระคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” “ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก” เขาเอ่ยพลางยิ้มบาง ๆ “หากจะขอบคุณ ก็ขอให้เจ้าตั้งใจทำหน้าที่ในฐานะทหารของกองทัพแห่งนี้ให้ดีก็พอ…เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนได้แล้ว วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมากแล้ว” ซิ่วอิงพยักหน้าอย่างรับคำ ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วประสานมือเข้าหากันเพื่อแสดงความเคารพ แล้วจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากกระโจมไปอย่างสงบปล่อยให้แม่ทัพหนุ่มอยู่เพียงลำพังภายใต้แสงไฟสลัว ๆ ที่ส่องสว่างอยู่ภายในกระโจม เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมแล้วมองไปยังทางที่ซิ่วอิงเดินจากไปอย่างเหม่อลอย ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาอย่างช้า ๆ ดูเหมือนว่านอกจากการเป็นแม่ทัพแล้ว เขายังมีหน้าที่ในการเฟ้นหาคนที่มีความสามารถเข้ามาช่วยเหลืองานในกองทัพอีกด้วย และสตรีที่เพิ่งเดินออกไปจากกระโจมนี้ ก็เป็นหนึ่งในคนที่เขาเชื่อมั่นมากที่สุดในตอนนี้…


-จบเควสปลดล็อกหัวใจ-
เควสปลดหัวใจ : เจเนรัลเบ๊ของท่านแม่ทัพ (4)

รางวัลหลัก: จี้หยกรูปม้า
ฮั่วชวี่ปิ้งมอบจี้หยกรูปม้าให้แก่หรงซิ่วอิงเป็นของส่วนตัว เดิมทีจี้นี้เป็นของขวัญที่จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ประทานให้แก่เขา แต่เขากลับมอบให้แก่ซิ่วอิงด้วยความเชื่อใจและเห็นว่านางคู่ควร

@Admin 




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 30967 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-31 21:39
โพสต์ 30,967 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-8-31 21:39
โพสต์ 30,967 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-8-31 21:39
โพสต์ 30,967 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-8-31 21:39
โพสต์ 30,967 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 2025-8-31 21:39
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-9-1 19:10:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 30 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามเซิน (เวลา 07.00 - 17.00 น.)

ท่ามกลางเสียงกรนของเหล่าทหารร่วมกระโจมที่ดังระงมราวกับพายุฤดูหนาวโหมกระหน่ำ ซิ่วอิงนอนเอนกายอยู่บนที่นอนเก่า ๆ ทั้งคืนนางมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ แสงจันทร์เย็นยะเยียบสาดส่องลอดช่องโหว่ของผ้าใบกระโจมเข้ามาตกกระทบลงบนฝ่ามือที่กอบกุมบางสิ่งเอาไว้ ในนั้นคือจี้หยกแกะสลักเป็นรูปม้าที่เปี่ยมไปด้วยพลังและชีวิตชีวา จี้หยกนี้คือของขวัญที่ท่านแม่ทัพฮั่วปิ่งมอบให้นางด้วยมือของเขาเอง ทว่าสิ่งที่ทำให้ซิ่วอิงรู้สึกสับสนและหนักใจยิ่งนักคือเรื่องราวเบื้องหลังของมัน นางระลึกได้ถึงคำพูดของท่านแม่ทัพที่ว่า ‘จี้นี้เป็นของที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้แก่ข้า…ข้าขอมอบมันให้เจ้า’ คำพูดนั้นยังคงก้องกังวานอยู่ในหูของนางไม่เสื่อมคลาย จี้หยกชิ้นนี้หาใช่ของธรรมดาไม่ หากเป็นของพระราชทานจากองค์จักรพรรดิผู้เป็นประมุขแห่งแผ่นดิน แม้จะเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ครอบครอง แต่ในทางกลับกันมันก็เปรียบเสมือนดาบสองคม หากมีผู้ใดรู้เข้าว่านางได้ครอบครองของที่มาจากฝ่าบาทแล้วเล่า เรื่องคงไม่จบลงง่าย ๆ เป็นแน่ โดยเฉพาะหากเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณของฝ่าบาทโดยตรง นางคงมิอาจหาถ้อยคำใดมาอธิบายเรื่องราวความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้ได้แน่ จี้หยกนี้จึงเป็นภาระอันหนักอึ้งที่นางต้องแบกรับไว้คนเดียว ด้วยความกังวลใจ นางค่อย ๆ พลิกมือมองจี้หยกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆ สอดมันเข้าไปใน ‘แหวนดาราจรัส’ แหวนที่ดูเรียบง่ายแต่กลับมีมิติซ่อนเร้นเอาไว้ เป็นที่ซ่อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ซิ่วอิงมีอยู่ในตอนนี้ ยามอรุณเบิกฟ้า... แสงแรกของดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องทั่วทั้งค่ายทหาร สะท้อนเป็นประกายบนคมดาบและหอกที่ปักอยู่ตามแนวรั้ว แม้จะเหนื่อยล้าจากการอดนอนตลอดทั้งคืน แต่ซิ่วอิงก็มิได้แสดงความอ่อนเพลียออกมาแม้แต่น้อย นางรีบลุกขึ้นแต่งกายอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่รอคอยมาตลอดนับตั้งแต่สิ้นสุดศึกใหญ่กับปีศาจมังกรดำ สิ่งนั้นก็คือ ‘เบี้ยประจำเดือน’ หรือเงินเดือนสำหรับทหารที่ทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องแผ่นดิน ซิ่วอิงออกเดินมุ่งหน้าไปยังกองพลาธิการทันที เมื่อไปถึงภาพเบื้องหน้าทำให้นางต้องถอนหายใจยาวเหยียด แถวของเหล่าทหารยืนเรียงรายกันเป็นทางยาวเหยียดหลายร้อยคน ดูแล้วคล้ายกับมังกรที่ขดตัวรอคอยการจ่ายเบี้ย ซิ่วอิงก้าวเข้าไปต่อแถวอยู่ด้านหลังสุดอย่างเงียบ ๆ อากาศยามเช้าที่เริ่มอบอ้าวทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ความตื่นเต้นและความหวังที่จะได้รับเบี้ยก็ทำให้นางยอมยืนรอด้วยความอดทน ในที่สุดก็ถึงตาของซิ่วอิง เจ้าหน้าที่พลาธิการที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้ตัวใหญ่ก้มหน้าก้มตาอ่านรายชื่อในม้วนที่ยาวเหยียด เขาก้มมองรายชื่อสลับกับใบหน้าของนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ "เจ้า...พลทหารหรงซิ่วอิง" เจ้าหน้าที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ปากกาลงไปบนรายชื่อ "เป็นข้าเองเจ้าค่ะ" ซิ่วอิงตอบอย่างนอบน้อม "ในม้วนรายชื่อระบุว่า เจ้าถูกเลื่อนขั้นเป็นพลทหารแล้วนี่ เช่นนั้นเบี้ยประจำเดือนของเจ้าก็คือแปดสิบตำลึงเงิน" เจ้าหน้าที่พูดจบก็หยิบถุงผ้าสีน้ำตาลที่บรรจุเงินเอาไว้แล้วยื่นมาให้นาง "นี่คือเบี้ยของเจ้า รับไปได้เลย" ซิ่วอิงรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างกะทันหัน นางรีบรับถุงเงินมาถือไว้ในมืออย่างแน่นหนา ความรู้สึกดีใจอันล้นเหลือถาโถมเข้ามาในจิตใจอย่างไม่ทันตั้งตัว แปดสิบตำลึงเงิน! เป็นเงินจำนวนที่มากมายเกินกว่าที่นางเคยได้รับมาก่อน เมื่อก่อน...สมัยที่ยังเป็น ‘คุณหนูหรง’ ในจวนเจ้าเมืองหลินเซียง แปดสิบตำลึงเงินนี้ไม่ถือว่าเป็นเงินมากมายอันใด นางใช้เงินจำนวนนี้ซื้อเครื่องประดับหรือของฟุ่มเฟือยได้อย่างง่ายดาย ไม่เคยต้องมานั่งรอคอยอย่างอดทนเพื่อสิ่งนี้ แต่บัดนี้ในค่ายทหารที่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอน ทุกอู่จูล้วนมีค่า เพราะทุกเหรียญทุกตำลึงคือเลือดเนื้อและหยาดเหงื่อที่นางต้องแลกมาด้วยความยากลำบาก มันไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่เป็นสัญลักษณ์ของความพยายาม ความมุมานะ และการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ซิ่วอิงกำถุงเงินแน่น นางรู้สึกถึงน้ำหนักของมันในมือที่หนักกว่าทองคำใด ๆ ที่เคยมีมา เพราะมันคือความหวังเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้นางได้เดินบนเส้นทางชีวิตของตนเองต่อไป เมื่อเก็บเงินเข้าแหวนอย่างบรรจง นางก็มองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆบาง ๆ ลอยมาบดบังแสงอาทิตย์ นางไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าของนางจะนำไปสู่ที่ใด แต่นางรู้เพียงว่าด้วยเงินจำนวนนี้และด้วยความสามารถของตนเอง นางจะสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง หลังจากออกจากกองพลาธิการ ซิ่วอิงก็ไม่ได้กลับไปที่กระโจมพักผ่อนเหมือนทหารคนอื่น ๆ นางมุ่งหน้าตรงไปยัง ป้อมฉีเหลียงที่นางใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นั่นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเดินไปถึง ป้อมปราการที่เคยเสียหายหลายจุดในตอนแรก บัดนี้กลับถูกบูรณะจนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เสียงทุบค้อน เสียงคนงานตะโกนบอกกัน และเสียงครืดคราดของหินที่ถูกเคลื่อนย้ายดังระงมไปทั่วบริเวณ แม้ว่างานส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องเก็บงานให้เรียบร้อยเพื่อความมั่นคงและแข็งแรงของป้อม ซิ่วอิงเดินเข้าไปในเขตงานก่อสร้างอย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่นี้ไปแล้ว นางคุ้นชินกับกลิ่นฝุ่นหินปูนและเหงื่อไคลของผู้คนที่กำลังทำงานอย่างหนัก ซิ่วอิงมองไปรอบ ๆ ตัว นางเห็นเหล่าทหารกำลังทำงานในขั้นตอนสุดท้ายของการบูรณะ กำแพงหิน ที่ถูกก่อขึ้นใหม่นั้นมีสีที่แตกต่างจากหินเก่าอย่างชัดเจน มันเป็นสีเทาอ่อนที่สะอาดตา ในขณะที่หินเก่ามีคราบตะไคร่น้ำและร่องรอยการต่อสู้ที่หลงเหลืออยู่ให้เห็นอยู่บ้าง มีกลุ่มคนงานกลุ่มหนึ่งกำลังใช้เกรียงฉาบ โคลนเหนียวผสมฟางข้าวลงบนรอยต่อของก้อนหินแต่ละก้อนอย่างประณีต เพื่อไม่ให้มีช่องว่างแม้แต่น้อย การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันลมและฝนไม่ให้ซึมเข้าไปในรอยร้าว ซึ่งอาจจะส่งผลให้โครงสร้างของกำแพงอ่อนแอลงในระยะยาว ทุกคนทำงานอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ สายตาจดจ่ออยู่กับงานในมือโดยไม่มีใครปริปากบ่นถึงความร้อนระอุของแสงแดดเลย ซิ่วอิงสังเกตเห็นทหารบางนายกำลังทำงานอยู่บน ส่วนยอดของกำแพง ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ พวกเขากำลังติดตั้ง กระเบื้องดินเผาเคลือบที่สั่งทำพิเศษจากเมืองหลวง เพื่อป้องกันน้ำฝนไม่ให้ไหลซึมลงสู่โครงสร้างด้านใน ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาดูเชื่องช้าราวกับกำลังเต้นรำอยู่บนอากาศ เนื่องจากต้องรักษาสมดุลของร่างกายเพื่อไม่ให้ตกลงมาด้านล่างที่สูงจากพื้นหลายสิบฉื่อ ไม่ไกลจากจุดที่ซิ่วอิงยืนอยู่ ประตูไม้ขนาดใหญ่ ที่ถูกทำขึ้นใหม่ก็ถูกยกมาติดตั้งแล้ว ประตูนี้ทำมาจากไม้เนื้อแข็งที่ถูกขัดจนเรียบเนียน ซิ่วอิงก้มลงมองที่ฐานรากของป้อมปราการ ที่นางเคยร่วมทำงานตั้งแต่ในช่วงแรก ๆ บัดนี้มันถูกถมด้วยหินก้อนใหญ่และถูกราดด้วย น้ำข้าวเหนียวผสมปูนขาว จนแน่นหนาไม่มีช่องว่างเหลืออยู่แล้ว ช่างฝีมือกำลังใช้ค้อนขนาดใหญ่ตอก ลิ่มไม้เนื้อแข็ง ลงไปในช่องว่างเล็ก ๆ ที่อาจจะหลงเหลืออยู่เพื่อให้ฐานรากมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนจากศัตรู นางเดินไปยังกองเครื่องมือที่วางอยู่ เลือกเกรียงและแปรงขนาดเล็กมาอันหนึ่งเพื่อจะไปช่วยเก็บงานในส่วนที่เหลือ นางเดินไปหยุดอยู่ตรงรอยต่อของกำแพงที่ยังคงมีช่องว่างหลงเหลืออยู่เล็กน้อย นางตักน้ำข้าวเหนียวผสมปูนขาว ขึ้นมาเล็กน้อยด้วยเกรียงก่อนจะค่อย ๆ บรรจงป้ายลงไปในช่องว่างนั้นอย่างช้า ๆ มือของนางนิ่งสนิทราวกับเป็นหิน เกลี่ยเนื้อปูนให้เรียบเนียนไปกับผิวของกำแพง นางทำงานอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ สายตาจดจ่ออยู่กับร่องรอยเล็ก ๆ ที่นางจะต้องซ่อมแซมให้สมบูรณ์ แสงอาทิตย์เริ่มทอแสงแรงกล้าขึ้นเรื่อย ๆ ยามสายล่วงเลยเข้าสู่ยามเที่ยงตรง แสงสีทองส่องกระทบลงบนแผ่นหลังของซิ่วอิงจนเสื้อผ้าของนางเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ หากแต่ในใจของนางกลับไม่รู้สึกถึงความร้อนระอุภายนอกเลยแม้แต่น้อย สมาธิทั้งหมดถูกทุ่มเทไปกับงานในมืออย่างสิ้นเชิง ปลายเกรียงที่ถืออยู่นั้นเปรียบดุจปลายพู่กันของจิตรกรที่กำลังบรรจงแต่งเติมภาพวาดให้สมบูรณ์ นางตักน้ำปูนขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เกลี่ยลงไปตามร่องหินที่ยังคงเหลืออยู่ แผ่วเบาจนแทบไม่มีเสียง ทุกรอยต่อที่นางแตะต้องล้วนถูกเติมเต็มจนเรียบสนิท นางมองไปที่กำแพงตรงหน้า มันเปรียบเสมือนร่างกายที่กำลังได้รับการรักษาบาดแผลอย่างประณีตและอดทน มือของซิ่วอิงที่เคยบอบบางและนุ่มนิ่มยามอยู่ในจวน บัดนี้กลับมีร่องรอยความหยาบกร้านจากการทำงานหนัก แต่ความหยาบกร้านนั้นกลับทำให้นางรู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การก่อสร้างป้อมปราการแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่แรงกายเท่านั้นที่จำเป็น แต่ยังต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องวัสดุและโครงสร้างเป็นอย่างมาก ช่างฝีมือชั้นสูงในค่ายสอนนางว่าการผสมน้ำข้าวเหนียวกับปูนขาวนั้นต้องคำนึงถึงอัตราส่วนที่เหมาะสมเพื่อความแข็งแกร่งสูงสุดของตัวปูน การทุบก้อนหินให้ได้ขนาดพอดี และการจัดเรียงให้รอยต่อสลับกันเพื่อลดจุดอ่อนของกำแพง ล้วนเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างยิ่งยวด ซิ่วอิงได้เรียนรู้ทั้งหมดนี้จากเหล่าทหารช่างผู้เชี่ยวชาญ และนางก็ซึมซับความรู้เหล่านั้นมาใช้ในการทำงานอย่างไม่ย่อท้อ เสียงสนทนาของเหล่าทหารคนงานยังคงดังมาเป็นระยะ บางคนร้องเพลงพื้นบ้านเพื่อคลายความเหน็ดเหนื่อย บางคนก็ส่งเสียงหยอกล้อกัน หัวเราะและพูดคุยกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซิ่วอิงรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาในเวลานี้ นางไม่ได้เป็นเพียงแค่พลทหารสตรีเพียงคนเดียวในค่าย แต่เป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์และสร้างความมั่นคงให้กับแผ่นดินแห่งนี้ ในขณะที่ทุกคนกำลังพักทานอาหารกลางวัน ซิ่วอิงยังคงนั่งอยู่ที่เดิม นางเปิดถุงผ้าเล็ก ๆ ออกมาและหยิบซาลาเปาไส้ผักที่นำมาจากกองพลาธิการขึ้นมาหนึ่งลูก นางค่อย ๆ กัดกินอย่างช้า ๆ พร้อมกับมองดูผลงานที่ทำมาตลอดทั้งวัน กำแพงส่วนที่นางรับผิดชอบเริ่มเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกันจนไม่เห็นรอยต่อของหินแต่ละก้อนแล้ว นางเช็ดหยาดเหงื่อที่ไหลลงมาปะปนกับคราบฝุ่นบนใบหน้าด้วยหลังมือ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและกลับไปทำงานต่อในส่วนที่เหลือ งานทุกตารางฉื่อคือความรับผิดชอบที่นางต้องทำให้สำเร็จ ซิ่วอิงทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำป้อมฉีเหลียงแห่งนี้ให้กลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุด เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว แสงของดวงตะวันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนคล้อยลงสู่เบื้องตะวันตก เงาของป้อมปราการทอดยาวออกไปเป็นเงาดำมืดบนพื้นดิน เสียงค้อนทุบและเสียงตะโกนเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ เหล่าทหารเริ่มเก็บเครื่องมือและทยอยแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเติมพลังสำหรับวันพรุ่งนี้ ซิ่วอิงก้าวถอยออกมาจากกำแพงมองดูผลงานของตนเองอีกครั้งอย่างพึงพอใจ แม้จะรู้สึกเมื่อยล้าไปทั่วทั้งร่างกาย แต่ในใจกลับเปี่ยมไปด้วยความสุข นางล้างมือในถังน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วเก็บเครื่องมือเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะค่อย ๆ เดินออกจากบริเวณก่อสร้าง เมื่อเดินกลับมาถึงกระโจมที่พัก นางพบว่าเพื่อนทหารส่วนใหญ่กลับมาถึงแล้ว บางคนกำลังลับคมดาบ บางคนกำลังทำความสะอาดเกราะ ส่วนบางคนกำลังพูดคุยและหัวเราะเสียงดัง นางหย่อนกายลงบนที่นอนเก่า ๆ ของตัวเองด้วยความอ่อนล้าอย่างถึงที่สุด หยาดเหงื่อและคราบฝุ่นจากการทำงานที่ปะปนกันอยู่ทั่วเสื้อผ้าและร่างกาย แต่นางก็ไม่ได้สนใจ ซิ่วอิงค่อย ๆ เอนกายลงนอนอย่างช้า ๆ พลันดวงตาของนางก็หรี่ลง นางไม่ได้หลับไปในทันที แต่ค่อย ๆ ปล่อยให้ความอ่อนเพลียเข้าครอบงำ ทิ้งให้จิตใจของนางล่องลอยไปกับความเงียบงันที่เริ่มเข้ามาแทนที่เสียงจอแจของค่ายทหารในยามเย็น


บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 11 รับเบี้ยหวัดประจำเดือน: 80 ตำลึงเงิน


@Admin 




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 31569 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-1 19:10
โพสต์ 31,569 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-1 19:10
โพสต์ 31,569 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-9-1 19:10
โพสต์ 31,569 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-9-1 19:10
โพสต์ 31,569 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-9-1 19:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +80 ย่อ เหตุผล
Watcher + 80

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-9-2 21:30:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 31 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามโหย่ว (เวลา 07.00 - 19.00 น.)

ท่ามกลางแสงอรุณที่เพิ่งจะเริ่มทอแสงอ่อน ๆ ซิ่วอิงลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นกว่าคืนก่อน เสียงกรนของเพื่อนร่วมกระโจมยังคงดังเป็นจังหวะ แต่คราวนี้มันไม่ได้รบกวนการนอนหลับของนาง นางรู้สึกราวกับว่าร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากเมื่อวานได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับป้อมฉีเหลียงอย่างเต็มที่ เมื่อลุกขึ้นนั่งนางสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นเล็กน้อยจากการทำงานหนักเมื่อวานนี้ ซิ่วอิงลุกขึ้นแต่งกายอย่างกระฉับกระเฉง วันนี้เป็นอีกวันที่นางจะต้องออกไปเผชิญหน้ากับแสงแดดและงานก่อสร้าง แต่นางกลับรู้สึกกระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ซิ่วอิงก็มุ่งหน้าไปยังกองพลาธิการอีกครั้งเพื่อรับเสบียงอาหารเช้า เมื่อได้ซาลาเปาสองลูกและน้ำชาหนึ่งถ้วย นางก็เดินไปยังป้อมฉีเหลียงทันที ระหว่างทางนางเห็นทหารคนอื่น ๆ บางส่วนก็กำลังเดินไปที่กองพลาธิการ บ้างก็กำลังฝึกซ้อม บ้างก็กำลังเดินลาดตระเวน ทุกคนต่างเริ่มต้นวันใหม่ด้วยหน้าที่ของตนเอง เมื่อซิ่วอิงมาถึงป้อมฉีเหลียง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้นางยิ้มออกมาได้ การบูรณะป้อมคืบหน้าไปมากยิ่งกว่าเมื่อวาน กำแพงส่วนใหญ่ที่เคยเป็นรอยแตกร้าว บัดนี้ถูกเสริมสร้างจนแน่นหนาและแข็งแรง ประตูไม้ขนาดใหญ่ถูกติดตั้งเรียบร้อยแล้ว และช่างฝีมือก็กำลังเก็บรายละเอียดสุดท้ายอยู่ วันนี้งานที่รอซิ่วอิงอยู่คือการติดตั้งหินบนส่วนยอดของกำแพง นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันกำแพงจากการกัดเซาะของลมฝนและเพิ่มความแข็งแรงโดยรวมของโครงสร้าง ซิ่วอิงเดินเข้าไปหากองหินขนาดใหญ่ที่ถูกตัดแต่งอย่างประณีต แต่ละก้อนมีขนาดพอเหมาะที่จะวางเป็นแนวยาวไปตามสันกำแพง หินเหล่านี้ถูกสกัดมาจากภูเขาที่อยู่ไม่ไกลจากค่าย มีสีเทาเข้มกว่าหินปูนที่ใช้สร้างกำแพง และพื้นผิวถูกขัดจนเรียบเนียน มองดูแข็งแกร่งและสง่างาม ซิ่วอิงเริ่มงานด้วยการตรวจสอบความเรียบร้อยของแนวกำแพงส่วนที่นางรับผิดชอบเมื่อวาน นางใช้เกรียงขูดเอาเศษปูนที่เกินออกมาเล็กน้อยออกอย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นผิวเรียบเสมอกันทั้งหมด ก่อนที่จะเริ่มวางหินปิดท้าย นางตักน้ำปูนข้าวเหนียวผสมปูนขาวขึ้นมาทาลงบนสันกำแพงในบริเวณที่จะวางหิน นางบรรจงเกลี่ยปูนให้เป็นชั้นบาง ๆ สม่ำเสมอ เพื่อให้หินสามารถยึดเกาะได้อย่างมั่นคง จากนั้นซิ่วอิงก็เริ่มยกหินปิดท้ายก้อนแรกขึ้นมา นางใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี ยกหินขึ้นอย่างระมัดระวัง และวางลงบนแนวปูนที่เตรียมไว้ เสียงตุบ! ดังขึ้นเบา ๆ เมื่อหินวางลงบนตำแหน่งพอดี นางใช้ค้อนไม้ขนาดเล็กเคาะเบา ๆ ที่ด้านบนของหิน เพื่อให้แน่ใจว่าหินจะยึดติดกับปูนได้แน่นหนา ไม่มีช่องว่างเหลืออยู่ นางทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ วางหินก้อนแล้วก้อนเล่า แต่ละก้อนถูกวางเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบ เป็นแนวหินที่ทอดยาวไปตามกำแพง หินแต่ละก้อนมีน้ำหนักไม่น้อย ทำให้แขนของซิ่วอิงเริ่มปวดล้า แต่สายตาของนางยังคงมุ่งมั่นและมือก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ในช่วงบ่ายงานของซิ่วอิงเปลี่ยนไปเป็นการฉาบผนังด้านในของป้อม ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนไม่แพ้กัน ผนังด้านในทำจากหินก้อนใหญ่ที่ไม่ได้รับการขัดแต่งอย่างประณีตเหมือนด้านนอก จึงมีพื้นผิวที่ขรุขระและไม่เรียบเนียนเท่าที่ควร ขั้นตอนนี้จะช่วยทำให้ผนังด้านในเรียบเนียนขึ้น สะดวกต่อการทาสีหรือตกแต่งในภายหลัง และยังช่วยป้องกันความชื้นและลมหนาวได้อีกด้วย ซิ่วอิงหยิบเกรียงฉาบขนาดใหญ่ขึ้นมา และเริ่มผสมปูนฉาบ ปูนชนิดนี้มีส่วนผสมของทรายละเอียดและปูนขาวในสัดส่วนที่ต่างจากปูนก่อผนัง ทำให้เนื้อปูนละเอียดและยึดเกาะได้ดีกว่า นางตักปูนขึ้นมาวางบนเกรียงก่อนจะค่อย ๆ ปาดลงบนผนัง นางใช้แรงกดที่สม่ำเสมอ เกลี่ยปูนให้ทั่วทั้งพื้นผิว เพื่อปิดรอยต่อและช่องว่างเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่ เสียงเกรียงที่เสียดสีกับผนังหินดังครืด ๆ เป็นจังหวะ ซิ่วอิงทำงานอย่างตั้งใจและมีสมาธิ นางจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของมือ การปรับมุมของเกรียง และการควบคุมความหนาของชั้นปูนที่ฉาบลงไป แต่ละส่วนที่นางฉาบเสร็จเรียบร้อยก็ดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พื้นผิวผนังที่เคยขรุขระกลับกลายเป็นผนังที่ดูสะอาดตา ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงอีกครั้ง แสงสีทองสาดส่องเข้ามาในป้อมฉีเหลียง ผ่านช่องหน้าต่างที่เพิ่งจะได้รับการซ่อมแซม ซิ่วอิงมองดูผนังที่เพิ่งฉาบเสร็จด้วยความรู้สึกพึงพอใจ แม้งานจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด แต่ความคืบหน้าในวันนี้ก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง เมื่อถึงเวลาเลิกงานซิ่วอิงวางเกรียงลง ล้างมือและเก็บอุปกรณ์เข้าที่ นางเดินออกมาจากป้อมฉีเหลียงพร้อมกับเพื่อนทหารคนอื่น ๆ ที่กำลังกลับกระโจมพักผ่อนเช่นกัน แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องเป็นสีส้มอ่อนคล้อยลงสู่เบื้องตะวันตก ทอดเงาของเหล่าทหารที่กำลังเดินทางกลับกระโจมให้ยาวเหยียดออกไปบนพื้นดิน ขณะที่เดินผ่านกองพลาธิการ นางก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน “อาอิง!” ซิ่วอิงหันไปมอง เห็นเจ้าหน้าที่พลาธิการที่กำลังถือถาดอาหารไว้ในมือด้วยท่าทางงุนงงราวกับว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมันดี “เจ้าช่วยนำอาหารเย็นนี้ไปมอบให้ท่านแม่ทัพฮั่วได้ไหม?” เขาว่าพลางยื่นถาดอาหารให้นาง ซิ่วอิงมองถาดอาหารนั้นด้วยความสับสน “ทำไมต้องเป็นข้าล่ะ?…ท่านแม่ทัพหายป่วยแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ” นางถามอย่างตรงไปตรงมา เพราะก่อนหน้านี้ที่นางต้องเอาอาหารไปให้ท่านแม่ทัพก็เพราะเขาไม่สบาย นางจึงต้องทำหน้าที่นี้ “ใช่ แต่มันก็เป็นหน้าที่ของเจ้าไม่ใช่หรือ? ปกติเจ้าก็เอาอาหารไปให้ท่านแม่ทัพไม่ใช่หรือ?” เจ้าหน้าที่ถามด้วยความสงสัย “นั่นก็เพราะตอนนั้นเขาไม่สบายต่างหากล่ะเจ้าคะ ตอนนี้เขาสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว เหตุใดข้าต้องทำด้วย” ซิ่วอิงพยายามอธิบาย “แต่ข้าไม่มีใครให้วานแล้ว เจ้าไปเถอะ! นี่เป็นคำสั่ง!” เจ้าหน้าที่ว่าพลางยัดถาดอาหารใส่มือของซิ่วอิง แล้วเดินหันหลังจากไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากำลังหลบหนีจากความยุ่งยาก ซิ่วอิงมองถาดอาหารในมือของตัวเองอย่างหมดหนทาง รู้สึกเหนื่อยใจอย่างยิ่ง นางถอนหายใจยาว ก่อนจะค่อยๆ เดินไปที่กระโจมบัญชาการของแม่ทัพฮั่วปิ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมาถึงหน้ากระโจม ซิ่วอิงวางถาดอาหารลงบนโต๊ะเล็ก ๆ หน้ากระโจม และจัดระเบียบเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นของตนเองให้เรียบร้อย ก่อนจะค่อย ๆ เปิดผ้าใบกระโจมออก ภายในกระโจมท่านแม่ทัพกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยม้วนเอกสารและแผนที่ เขากำลังใช้พู่กันวาดอะไรบางอย่างลงบนแผนที่โดยมีแสงโคมไฟส่องลงมาที่ใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูโดดเด่นและเปี่ยมด้วยพลังอำนาจ เมื่อเห็นนางท่านแม่ทัพก็หยุดการกระทำทั้งหมดลงทันที สายตาที่แหลมคมของเขาจ้องมองมาที่นาง ซิ่วอิงก้าวเข้าไปในกระโจมอย่างนอบน้อม คารวะและกล่าวทักทาย “ข้านำอาหารมาให้เจ้าค่ะ” ฮั่วปิ่งพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้ไปที่โต๊ะด้านหน้า “วางไว้ตรงนั้นเถิด” ซิ่วอิงวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างเอกสาร ท่านแม่ทัพหันมามองนางอย่างพิจารณา "วันนี้เจ้าง่วนอยู่กับการบูรณะป้อมฉีเหลียงสินะ” “เจ้าค่ะ” ซิ่วอิงตอบอย่างกระชับ “วันนี้ข้าไปช่วยติดตั้งหินปิดท้ายบนยอดกำแพง และฉาบผนังด้านในของป้อมเจ้าค่ะ” “เป็นงานหนัก” ฮั่วชวี่ปิ้งกล่าวสั้น ๆ “ผนังด้านในคงต้องใช้ความละเอียดอ่อนอย่างมาก” “เจ้าค่ะ” ซิ่วอิงตอบ “ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อให้พื้นผิวเรียบเนียน” ฮั่วชวี่ปิ้งวางพู่กันลง เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง "เจ้าทำได้ดี ข้าเห็นในความมุ่งมั่นของเจ้าจากหลายวันที่ผ่านมา” “ข้าเพียงแค่ทำหน้าที่ของตนเองเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงกล่าวอย่างถ่อมตัว เมื่อแม่ทัพฮั่วได้ยินคำตอบที่ถ่อมตนของซิ่วอิงก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก "หากทุกคนทำหน้าที่ของตนเองได้ดี ป้อมปราการฉีเหลียงคงจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่วัน" เขาเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง ขณะที่สายตาคมกริบยังคงจับจ้องที่ดวงตาของนาง "เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด" ซิ่วอิงโค้งคำนับเล็กน้อยอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับเดินออกมาจากกระโจมบัญชาการอย่างเงียบเชียบ แสงอาทิตย์สุดท้ายได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความมืดมิดที่เริ่มเข้ามาปกคลุมไปทั่วค่ายพัก นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อากาศในยามค่ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินและฝุ่นจากการก่อสร้างช่วยให้นางรู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดตลอดทั้งวัน นางเดินกลับไปยังกระโจมพักของตนเองอย่างเชื่องช้า เมื่อถึงกระโจมก็พบว่าเพื่อนทหารส่วนใหญ่ได้ผล็อยหลับไปแล้ว เหลือเพียงเสียงกรนที่ดังเป็นจังหวะ และเงาตะคุ่มที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ในความมืดของกระโจม นางล้มตัวลงนอนบนที่นอน ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ร่างกายที่ใช้งานหนักมาทั้งวันรู้สึกราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ความฝันในคืนนี้คงจะเต็มไปด้วยภาพของก้อนหินที่ถูกเรียงซ้อนกันเป็นกำแพงที่แข็งแรง หรือไม่ก็ภาพของใครบางคนที่นางคะนึงหา ไม่ว่าจะเป็นความฝันแบบใดนางก็ไม่สน เพราะเมื่อความอ่อนเพลียเข้าครอบงำนางก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ความมืดมิดในยามค่ำคืนนำพานางเข้าสู่ห้วงนิทราที่ลึกที่สุด


บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 12 [NPC-18] มอบ ล่าจื่อลู่ และ สุรานารีแดง ให้ ฮั่ว ชวี่ปิ้ง +30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + ชา/สุราเกรดแดง (+20) อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20 โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


@Admin 




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2025-9-3 12:39
โพสต์ 27035 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-2 21:30
โพสต์ 27,035 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-2 21:30
โพสต์ 27,035 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-9-2 21:30
โพสต์ 27,035 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-9-2 21:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-9-3 22:12:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 1 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามโหย่ว (เวลา 07.00 - 19.00 น.)

แสงตะวันในรุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องลอดผ่านช่องว่างของผ้าใบกระโจมเข้ามา เสียงกรนเป็นจังหวะที่คุ้นเคยยังคงดังอยู่ แต่วันนี้ซิ่วอิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าทุกวัน ความฝันเมื่อคืนนี้ไม่ได้เป็นเพียงภาพของก้อนหินที่ซ้อนทับกัน แต่กลับเป็นภาพของแสงอาทิตย์สีทองที่สาดส่องลงมาบนกำแพงป้อมที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว นางยิ้มให้กับความฝันนั้นเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนอย่างเงียบเชียบ หลังจากจัดการกิจวัตรประจำวันและรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย ซิ่วอิงก็มุ่งหน้าไปยังป้อมฉีเหลียงอีกครั้งด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น ท้องฟ้าในยามเช้ามีเมฆลอยเอื่อย ๆ เป็นริ้วยาวทอดยาวไปตามขอบฟ้า สายลมพัดโชยมาเป็นระยะพาเอากลิ่นดินและกลิ่นหญ้าแห้งมาปะทะจมูกให้รู้สึกสดชื่น ระหว่างทางนางเห็นทหารบางส่วนกำลังฝึกซ้อมดาบในลานกว้าง เสียงดาบกระทบกันดังกังวานเป็นจังหวะสลับกับเสียงตะโกนของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการ ทุกคนต่างดูมุ่งมั่นและแข็งขันเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมาถึงป้อมฉีเหลียง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้ซิ่วอิงต้องยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ป้อมฉีเหลียง ในวันนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กำแพงด้านนอกถูกสร้างจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ยังต้องเสริมความแข็งแรงเพิ่ม ประตูไม้ขนาดใหญ่ถูกทาสีจนเป็นสีแดงเข้มที่ตัดกับสีเทาของกำแพงอย่างโดดเด่น และช่างฝีมือก็กำลังติดบานพับและกลอนประตูขนาดใหญ่ที่ทำจากเหล็กอย่างประณีต วันนี้ซิ่วอิงได้รับมอบหมายให้ดูแลการตัดแต่งหินและอิฐสำหรับปูทางเดินบนกำแพง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรงและมั่นคง ซิ่วอิงเดินเข้าไปหากองหินขนาดใหญ่ที่ถูกสกัดมาจากภูเขาที่อยู่ไม่ไกลจากค่าย มีสีเทาเข้มกว่าหินปูนที่ใช้สร้างกำแพง และพื้นผิวก็ยังคงขรุขระไม่เรียบเนียน มองดูแล้วเต็มไปด้วยความดิบแข็งและน่าเกรงขาม นางเลือกหินก้อนหนึ่งที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับปูทางเดิน นางใช้สิ่วเหล็กที่แข็งแรงและค้อนหนัก ๆ ค่อย ๆ ตอกลงไปบนหินอย่างบรรจง เสียงสิ่วกระทบหินดังเป็นจังหวะสลับกับเสียงก้องกังวานในอากาศ ทุกครั้งที่สิ่วกระแทกกับหิน สะเก็ดหินเล็ก ๆ ก็จะกระเด็นออกมาตามแรงตอก แขนของนางเริ่มปวดล้าอย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง นางต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อสกัดหินให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ เมื่อได้รูปทรงที่ต้องการแล้ว นางก็เริ่มใช้เกรียงขัดผิวหินให้เรียบเนียนอย่างระมัดระวัง การขัดผิวหินเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนไม่แพ้กัน ซิ่วอิงใช้เกรียงขัดเบา ๆ บนผิวหินเพื่อลบความขรุขระออกทีละน้อย ๆ นางทำงานอย่างตั้งใจและมีสมาธิ นางจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของมือ การปรับมุมของเกรียง และการควบคุมแรงกดที่ใช้ แต่ละส่วนที่นางขัดเสร็จเรียบร้อยก็ดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พื้นผิวหินที่เคยขรุขระกลับกลายเป็นหินที่ดูสะอาดตา ในช่วงบ่ายงานของซิ่วอิงเปลี่ยนไปเป็นการจัดเรียงอิฐดินเผาขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับปูพื้นค่าย ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนไม่แพ้กัน แผ่นอิฐเหล่านี้ถูกเผาจนมีสีแดงเข้มและแข็งแรงทนทาน ซิ่วอิงหยิบแผ่นอิฐแต่ละแผ่นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วค่อย ๆ วางลงบนพื้นดินที่ปรับระดับไว้แล้ว นางใช้เกรียงฉาบเล็ก ๆ แตะปูนขาวที่มุมของแผ่นอิฐ ก่อนจะวางลงบนตำแหน่งที่ต้องการ แล้วใช้ค้อนไม้เคาะเบา ๆ ที่ด้านบนของแผ่นอิฐ เพื่อให้แน่ใจว่าแผ่นอิฐจะยึดติดกับปูนได้แน่นหนา ไม่มีช่องว่างเหลืออยู่ นางทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ วางแผ่นอิฐก้อนแล้วก้อนเล่า แต่ละแผ่นถูกวางเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบและเป็นแนวตรง ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงอีกครั้ง แสงสีทองสาดส่องลงมาบนแผ่นอิฐที่เพิ่งถูกจัดเรียงเสร็จใหม่ ๆ ซิ่วอิงมองดูผลงานของตนเองด้วยความรู้สึกพึงพอใจ แม้งานจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด แต่ความคืบหน้าในวันนี้ก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง เมื่อถึงเวลาเลิกงานซิ่วอิงวางเครื่องมือลง ล้างมือและเก็บอุปกรณ์เข้าที่ นางเดินออกมาจากป้อมฉีเหลียงพร้อมกับเพื่อนทหารคนอื่น ๆ นางก้าวผ่านลานกว้างซึ่งเดิมทีเต็มไปด้วยความวุ่นวายของการก่อสร้าง แต่บัดนี้กลับเงียบสงบลงกว่าช่วงกลางวันมาก มีเพียงกลุ่มทหารบางส่วนที่นั่งล้อมวงพูดคุยกันอย่างเรียบง่าย และเสียงกระดิ่งลมที่แขวนอยู่ตามกระโจมที่ลมพัดผ่านเป็นจังหวะบางเบา สองข้างทางเต็มไปด้วยกระโจมผ้าใบสีน้ำตาลเข้มที่ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ เสียงกรนที่ดังมาจากในกระโจมบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าของเหล่าทหารที่ตรากตรำทำงานมาตลอดวัน ซิ่วอิงก้าวเดินผ่านกองพลาธิการที่เริ่มจุดตะเกียงน้ำมันส่องสว่างขึ้นมาแล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานในตอนกลางคืนได้ ทันใดนั้นซิ่วอิงก็มองเห็นร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างโต๊ะยาวที่เต็มไปด้วยถาดอาหาร เจ้าหน้าที่พลาธิการผู้นั้นยืนถือถาดไม้ขนาดใหญ่เอาไว้ในมือ ถาดไม้นั้นดูใหม่และสะอาดสะอ้านต่างจากถาดอาหารของทหารทั่วไป เมื่อเหลือบไปมองอาหารบนถาดที่ถูกปกปิดเอาไว้ ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นอาหารสำหรับแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง ซิ่วอิงรู้หน้าที่ของตนเองดีว่าต้องโดนวานอีกแน่ นางก้าวเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ผู้นั้นอย่างไม่รีรอ ก่อนที่เขาจะได้อ้าปากเรียก ซิ่วอิงก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยและเป็นกันเอง “เอ้า มา มา มา! ข้ารู้หรอกน่าว่าจะใช้ให้ข้าเอาไปให้แม่ทัพฮั่วใช่ไหมล่ะ” เจ้าหน้าที่พลาธิการผู้นั้นยิ้มอย่างโล่งอก “ฝากด้วยนะอาอิง” กล่าวจบเขาก็ยื่นถาดอาหารนั้นให้นาง ซิ่วอิงยิ้มรับและรับถาดอาหารมาถือไว้ในมืออย่างมั่นคง แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังกระโจมบัญชาการของแม่ทัพ กระโจมของแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งตั้งอยู่บนเนินดินที่สูงกว่ากระโจมอื่น ๆ เล็กน้อย มีเพียงรั้วไม้ที่กั้นอาณาเขตเอาไว้อย่างชัดเจน ภายในกระโจมมีไฟตะเกียงส่องสว่างออกมาให้เห็นร่างเงาของแม่ทัพฮั่วที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ นางชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปข้างในอย่างเงียบเชียบ เมื่อซิ่วอิงเดินเข้าไปในกระโจม แม่ทัพฮั่วปิ้งยังคงจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสืออย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง นางจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วค่อย ๆ วางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้าง ๆ ชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา เสียงวางถาดอาหารทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แล้วหันมามองนางด้วยสายตาที่แสดงความขอบคุณ “ขอบใจ” เขากล่าวเบา ๆ ก่อนจะปิดหนังสือในมือลง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงตอบอย่างนอบน้อม “วันนี้ป้อมฉีเหลียงใกล้จะสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วนะเจ้าคะ ดูสง่างามมากเลย” “ใช่แล้ว...มันคือความสำเร็จที่สร้างด้วยหยาดเหงื่อและแรงกายของพวกเราทุกคน” เสียงของเขานุ่มทุ้มกว่ายามออกคำสั่งในสนามรบ ซิ่วอิงมองตามสายตาของเขาออกไปนอกกระโจม ที่นั่นมีเพียงเงาตะคุ่มของป้อมที่มืดมิดในยามราตรี แต่ในความมืดนั้น นางกลับมองเห็นความสง่างามที่ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ นางเห็นภาพกำแพงที่ก่อตัวขึ้นทีละก้อน ทีละก้อน เห็นแรงกายของสหายที่ร่วมก่อสร้างมาด้วยกัน เห็นเหงื่อไคลที่หลั่งรินลงสู่พื้นดิน เห็นค้อนและสิ่วที่เคยหนักอึ้งในมือของนาง กลายเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการที่แข็งแกร่งนี้ ฮั่วชวี่ปิ้งลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหานางอย่างเชื่องช้า เขาเดินผ่านนางไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะยืนหันหลังให้นางอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเปิดหน้าต่างกระโจมขึ้น เผยให้เห็นดวงจันทร์สีนวลที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางหมู่ดาวที่พร่างพราว แสงจันทร์ส่องต้องใบหน้าของเขา ทำให้เค้าโครงหน้าหล่อเหลาดูคมชัดขึ้น ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังดาวเหนืออย่างเหม่อลอย “ความสงบสุขที่พวกเราทุกคนกำลังสร้างขึ้นมานี้” เขากล่าวเสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบกับตัวเอง “หวังว่ามันจะคงอยู่นานสักหน่อยก็ยังดี…” คำพูดนั้นสะท้อนอยู่ในใจของซิ่วอิง ความเงียบที่ดำเนินต่อไปท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในกระโจมนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุดในโลก นางเองก็พลอยเหม่อมองไปยังดวงดาวเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังและความผูกพันที่ก่อเกิดอย่างไม่รู้ตัว ซิ่วอิงค่อย ๆ ถอยหลังออกมาอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ฮั่วชวี่ปิ้งได้ใช้ช่วงเวลาส่วนตัวอยู่กับความเงียบงันและความหวังของเขา นางเดินออกมาจากกระโจมบัญชาการอย่างไม่รีบร้อน แสงจันทร์ยังคงส่องสว่างนำทาง นางเดินผ่านลานกว้างที่เคยเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย แต่บัดนี้กลับเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านมาเป็นระยะ ๆ สองข้างทางยังคงเป็นที่ตั้งของกระโจมทหารที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากตะเกียงน้ำมันบางส่วนที่ส่องลอดออกมาจากช่องกระโจม ซิ่วอิงเดินต่อไปจนถึงกระโจมของตนเอง เสียงกรนเบา ๆ ที่คุ้นเคยยังคงดังอยู่ นางจัดการกิจวัตรประจำวันของตัวเองและขึ้นไปนอนบนที่นอนอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคง มองดูแสงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามาในกระโจมและค่อย ๆ หลับตาลงไปด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้


บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 13 [NPC-18] มอบ ซุปใสใบหลิว และ สุราซีเฟิ่ง ให้ ฮั่ว ชวี่ปิ้ง +30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + ชา/สุราเกรดแดง (+20) อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20 โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


@Admin 




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2025-9-3 22:39
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-9-3 22:39
โพสต์ 26040 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-3 22:12
โพสต์ 26,040 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-3 22:12
โพสต์ 26,040 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-9-3 22:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-9-4 22:16:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 2 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามเซิน (เวลา 07.00 - 17.00 น.)

แสงแรกของอรุณรุ่งสาดส่องลงบนพื้นดินที่ยังคงชุ่มชื้นจากน้ำค้างในยามราตรี ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้มเป็นสีครามอ่อน ๆ มีเพียงเมฆบางเบาที่ลอยเอื่อย ๆ เป็นริ้วยาวทอดยาวไปตามขอบฟ้า ซิ่วอิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังและความตื่นเต้นที่แตกต่างจากทุกวัน เสียงกรนของสหายข้างกายที่คุ้นเคยยังคงดังอยู่ แต่เสียงที่ดังกว่าในใจของซิ่วอิงคือเสียงที่นับถอยหลังถึงความสำเร็จที่จะมาถึงในไม่ช้า นางยิ้มให้กับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนอย่างเงียบเชียบเพื่อจัดการกิจวัตรประจำวันและรับประทานอาหารเช้า วันนี้ซิ่วอิงมุ่งหน้าไปยังป้อมฉีเหลียงด้วยก้าวเดินที่หนักแน่นและกระตือรือร้น ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ป้อมฉีเหลียงในยามเช้าดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเมื่อวาน กำแพงที่เคยเป็นเพียงโครงสร้างหินถูกปรับแต่งจนเรียบเนียน ประตูไม้ที่เคยดูดิบ ๆ บัดนี้ถูกขัดและทาสีจนเป็นสีแดงเข้มที่ตัดกับสีเทาของกำแพงอย่างสง่างาม ทุกอย่างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ เหลือเพียงการเก็บงานขั้นสุดท้ายเท่านั้น วันนี้เป็นวันของงานประณีต เหล่าทหารหลายคนได้รับมอบหมายให้แกะสลักหิน ประดับตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของป้อม หรือขัดเงาไม้สำหรับทำราวบันได ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนและฝีมืออย่างยิ่ง ซิ่วอิงเดินขึ้นไปบนกำแพงป้อมที่สูงชัน ลมยามเช้าพัดเอาความเย็นและกลิ่นดินกลิ่นทรายมาปะทะจมูกให้รู้สึกสดชื่น นางเห็นเพื่อนทหารคนอื่น ๆ กำลังตั้งอกตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย บางคนใช้สิ่วเหล็กขนาดเล็กแกะสลักลวดลายบนแผ่นหินอย่างประณีต แต่สำหรับซิ่วอิงแล้ว พรสวรรค์ด้านงานฝีมืออันละเอียดลออเช่นนี้เป็นสิ่งที่นางไม่มีเลย นางลองจับสิ่วเหล็กดูแล้วก็รู้สึกไม่คุ้นมือ ทั้งที่เมื่อวานนางใช้ค้อนและสิ่วขนาดใหญ่ได้อย่างถนัดมือเหลือเกิน เมื่อนายกองผู้คุมการก่อสร้างเห็นดังนั้นจึงส่ายหน้าเบา ๆ แล้วเดินมาหานาง "อาอิง...งานนี้ดูท่าจะไม่เหมาะกับเจ้าจริง ๆ ด้วย ขืนปล่อยให้ทำงานละเอียดเช่นนี้ต่อมีหวังใครมาเห็นผลงานเจ้าคงได้ขำกลิ้ง" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย "เอาเถิด...ข้าให้เจ้าไปช่วยขนย้ายหินขนาดใหญ่ที่ยังเหลืออยู่ไปรวมไว้ที่ลานด้านล่างก็แล้วกัน งานนั้นน่าจะเหมาะกับเจ้ามากกว่า" ซิ่วอิงยิ้มอย่างโล่งอกแล้วรับคำสั่ง นางเดินลงมาจากกำแพงป้อมด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น นางมุ่งหน้าไปยังกองหินขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากลานกว้าง นางหยิบเชือกเส้นใหญ่ขึ้นมาในมืออย่างคุ้นเคย แล้วเริ่มลงมือทำงานอย่างตั้งใจ นางใช้แรงทั้งหมดที่มีในการดึงและผลักก้อนหินขนาดใหญ่ไปยังจุดที่ต้องการ ทุกครั้งที่นางออกแรง แขนของนางก็จะสั่นสะท้านไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่ย่อท้อ นางทำงานอย่างมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับการออกแรงทุกครั้งให้สม่ำเสมอที่สุด นางต้องก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างต่อเนื่องจนไม่ทันได้สังเกตว่าดวงอาทิตย์ได้เคลื่อนคล้อยจนขึ้นไปอยู่กลางศีรษะแล้ว แสงตะวันในยามอู่สาดส่องลงมาบนกำแพงป้อม ทำให้กำแพงหินสีเทาดูเป็นสีเหลืองทองอร่ามตา แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงกระทบกับผิวหน้าของซิ่วอิงจนรู้สึกแสบร้อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจในการทำงานของนางลดน้อยลงแม้แต่น้อย เสียงจอแจของผู้คนที่ทำงานดังเป็นจังหวะสลับกับเสียงหินที่เสียดสีกับพื้นดิน เสียงสัญญาณพักเที่ยงดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงตะโกนบอกกันอย่างสนุกสนาน ซิ่วอิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แขนของนางเริ่มปวดล้าอย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังคงยิ้มให้กับความสำเร็จที่เห็นอยู่ตรงหน้า นางวางเชือกลงข้างตัวอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบห่ออาหารที่เตรียมมาออกมาจากย่ามผ้า ภายในมีซาลาเปาไส้เนื้อชิ้นใหญ่สองลูกและเซาปิ่งชิ้นหนึ่งที่นางเก็บไว้เป็นของโปรด นางนั่งลงบนพื้นทรายบริเวณที่มีร่มเงา แล้วเริ่มกินซาลาเปาชิ้นแรกอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่กินไปเรื่อย ๆ นางก็มองดูทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างเงียบ ๆ ทันใดนั้นเองภาพของชายคนหนึ่งที่กำลังเดินมาทางนางก็ปรากฏขึ้น เขาอยู่ในชุดเกราะเรียบง่ายแต่ดูสง่างาม ซิ่วอิงจำได้ทันทีว่านั่นคือแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง เขากำลังเดินตรวจตราความคืบหน้าของงานก่อสร้างด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เดินจากซ้ายไปขวาอย่างช้า ๆ เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของกำแพง ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงและสง่างาม เมื่อเขาเดินมาถึงบริเวณที่ซิ่วอิงนั่งอยู่ เขาก็หยุดยืนมองผลงานของนางอย่างพิจารณา ซิ่วอิงรีบลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อมพร้อมกับคำนับเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพ…มาตรวจงานหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง เขาเงยหน้าขึ้นจากก้อนหินที่ถูกลำเลียงขึ้นมาแล้วสบตากับนาง ดวงตาของเขาดูอ่อนโยนกว่าตอนที่ออกคำสั่งในสนามรบ “ใช่...ข้ามาดูความเรียบร้อย” เขากล่าวเสียงนุ่มทุ้ม นางหยิบซาวปิ่งขึ้นมาถือไว้ในมือ แล้วยื่นไปให้เขาพร้อมกับถ้วยน้ำชาที่เพิ่งชงร้อน ๆ “พักสักครู่ก่อนเถอะเจ้าค่ะ มา! กินของโปรดของข้าหน่อยไหมเจ้าคะ?” แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งมองเซาปิ่งในมือนางด้วยสายตาที่แสดงความแปลกใจ ก่อนจะค่อย ๆ รับเซาปิ่งและน้ำชามาถือไว้ในมืออย่างระมัดระวัง “แล้วเจ้า...” “ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ข้ากินซาลาเปาไปแล้ว” นางกล่าวอย่างร่าเริง เขาไม่พูดอะไร แต่ก็ค่อย ๆ กัดเซาปิ่งอย่างช้า ๆ แล้วจิบน้ำชาตาม นางมองดูเขาอย่างเงียบ ๆ แสงตะวันในยามอู่สาดส่องลงมาบนใบหน้าของเขา ทำให้เค้าโครงหน้าหล่อเหลาดูคมชัดขึ้น ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังกองหินที่นางเป็นคนลำเลียงมาอย่างเป็นระเบียบ เขากินเซาปิ่งหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งถ้วยน้ำชาคืนให้นาง “ขอบใจ” เขากล่าวเบา ๆ “ขนมธรรมดา ๆ แต่รสชาติไม่เลวทีเดียว” ซิ่วอิงยิ้มอย่างมีความสุข “ถ้าชอบ...คราวหน้าข้าจะแบ่งมาให้ท่านอีกนะเจ้าคะ” เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินต่อไป ทิ้งให้ซิ่วอิงยืนอยู่เพียงลำพังที่ข้างกองหิน หลังจากที่แม่ทัพฮั่วก้าวจากไป ซิ่วอิงก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง นางจิบน้ำชาจนหมดถ้วยแล้วจึงลุกขึ้นยืน ก้าวเดินกลับไปที่กองหินอีกครั้งพร้อมด้วยพลังใจที่เปี่ยมล้น นางกลับมาทำงานต่ออย่างขะมักเขม้นยิ่งกว่าเดิม เสียงตะโกนสั่งการ เสียงหินที่เสียดสีกับพื้นดิน และเสียงจอแจของเหล่าทหารที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงอีกครั้ง แสงตะวันเปลี่ยนจากสีเหลืองทองเป็นสีส้มอ่อน ๆ สาดส่องลงมาบนกองหินที่สูงขึ้นเป็นภูเขาเล็ก ๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยกองหินที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบตามขนาดและชนิด ซิ่วอิงใช้เชือกเส้นใหญ่ดึงหินก้อนสุดท้ายขึ้นมาอย่างยากลำบาก เหงื่อไหลเป็นทางลงมาตามไรผมและใบหน้า นางใช้มือข้างหนึ่งปาดเหงื่อออกอย่างลวก ๆ แล้วเริ่มจัดเรียงก้อนหินให้เข้าที่เข้าทาง นางหันไปมองเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่กำลังขะมักเขม้นกับการแกะสลักหิน คนแล้วคนเล่า ทุกคนต่างตั้งใจทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ และในความเงียบสงบนั้นก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพลังงานที่แข็งขัน แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องลงมากระทบกับฝุ่นดินที่ฟุ้งกระจายในอากาศจนดูคล้ายกับละอองทองคำอร่ามตา ร่างกายที่เหนื่อยล้าของซิ่วอิงเต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคลและฝุ่นดิน แต่นางก็ไม่รู้สึกระคายเคืองใจแม้แต่น้อย กองหินจำนวนมหาศาลถูกลำเลียงขึ้นมากองไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของนางและเพื่อนทหารคนอื่น ๆ จนดูราวกับเป็นภูเขาเล็ก ๆ ที่มั่นคงและแข็งแกร่ง กำแพงป้อมที่สูงใหญ่ทอดเงาเป็นเส้นยาวลงบนพื้นทรายยามโพล้เพล้ดูงดงามและสง่างามกว่าที่เคยเห็นมา และงานปรับปรุงที่ใช้ความประณีตก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีพร้อมกับอีกหลาย ๆ ส่วนที่เริ่มจะใกล้เสร็จสมบูรณ์ ทุกคนต่างยิ้มแย้มและโบกไม้โบกมือให้กันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะทยอยแยกย้ายกันไปพักผ่อน ซิ่วอิงเดินออกจากลานก่อสร้างด้วยก้าวเดินที่ค่อย ๆ หนักขึ้นตามความเหนื่อยล้าที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นางก้าวผ่านเหล่าเพื่อนทหารที่กำลังนั่งดื่มน้ำและพูดคุยกันอย่างออกรสไปอย่างช้า ๆ แสงของโคมไฟที่เริ่มจุดขึ้นเรียงรายอยู่ตามทางทำให้บรรยากาศรอบกายเริ่มดูอบอุ่นและมีชีวิตชีวาขึ้นยามเมื่อยามราตรีใกล้จะมาถึง เมื่อซิ่วอิงมาถึงค่ายพักของนาง แสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยไว้หน้ากระโจมก็ส่องสว่างขึ้นบนใบหน้าของสหายร่วมห้องที่นั่งรออยู่แล้ว เขาโบกมือให้นางด้วยรอยยิ้มอย่างคุ้นเคย ก่อนจะลุกขึ้นยืนตบไหล่ของนางเบา ๆ เมื่อเห็นสภาพที่เต็มไปด้วยฝุ่นดินและคราบเหงื่อที่แห้งกรังของนาง เขาส่งผ้าสะอาดและถังน้ำที่เตรียมไว้ให้ พร้อมกับบอกว่าได้เก็บอาหารส่วนของนางไว้ให้แล้ว ซิ่วอิงยิ้มตอบอย่างโล่งใจ นางเดินไปนั่งลงที่พื้นไม้ไผ่ที่ปูเอาไว้ในกระโจม แล้วค่อย ๆ เริ่มชำระล้างร่างกายที่เต็มไปด้วยฝุ่นและคราบเหงื่ออย่างเบามือ น้ำเย็นที่ถูกตักขึ้นมาจากถังทำให้ความปวดเมื่อยตามร่างกายบรรเทาลงไปได้ไม่น้อย หลังจากที่ชำระล้างร่างกายเสร็จเรียบร้อย ซิ่วอิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนที่นุ่มสบายแล้วจึงล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างช้า ๆ ร่างกายของนางรู้สึกปวดล้าไปทั้งตัว ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความฝันในยามราตรีที่เงียบสงบนี้


บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 14 [NPC-18] มอบ ขนมเซาปิ่ง และ ชาเบญจมาศ ให้ ฮั่ว ชวี่ปิ้ง +10 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดน้ำเงิน + ชาเกรดน้ำเงิน (+10) อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5
อาหารประเภทที่ระบุว่า ชงชา ได้โบนัส +5  โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20 โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


@Admin 




แสดงความคิดเห็น

หัวใจชวี่ปิ้งตัน 10 ดวงแล้ว  โพสต์ 2025-9-4 23:19
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2025-9-4 23:19
โพสต์ 27194 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-4 22:16
โพสต์ 27,194 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-4 22:16
โพสต์ 27,194 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-9-4 22:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-9-5 22:14:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 3 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามเซิน (เวลา 07.00 - 17.00 น.)

พระอาทิตย์ยามเช้าทอแสงสีทองอ่อนผ่านช่องกระโจมของพลทหาร ทำให้ภายในกระโจมที่เรียบง่ายสว่างไสวขึ้นทีละน้อย นางลืมตาขึ้นมาในความเงียบงัน ความรู้สึกอึดอัดที่สั่งสมมาตั้งแต่เมื่อคืนช่วงดึก ๆ เริ่มแสดงอาการราวกับมีพลังบางอย่างพลุกพล่านอยู่ภายในกาย ซิ่วอิงลุกขึ้นจากที่นอนแล้วไปชำระล้างร่างกายด้วยน้ำสะอาดที่เย็นเฉียบราวกับจะช่วยบรรเทาความอัดแน่นภายในได้บ้าง แต่ก็ไร้ผล… นางสำรวจร่างกายตัวเอง ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาคู่นั้นกลับทอประกายแห่งความมุ่งมั่นและความอัดอั้น เช้านี้ซิ่วอิงยังคงมุ่งหน้าไปยังป้อมฉีเหลียง เพื่อจะช่วยงานบูรณะในขั้นตอนสุดท้ายให้เสร็จสิ้น งานโครงสร้างที่หนักหน่วงได้เสร็จสิ้นไปแล้วเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งส่วน วันนี้จึงเป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายของการ ตกแต่งและทำความสะอาด ซิ่วอิงถือแปรงขนหยาบและถังน้ำ นางลงมือขัดถูคราบดินที่ยังหลงเหลืออยู่บนกำแพงด้วยความตั้งใจ แม้ร่างกายจะรู้สึกหนักอึ้ง แต่ใจกลับมุ่งมั่นนัก แสงแดดเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ซิ่วอิงยังคงทำงานต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เสื้อผ้าที่เคยสะอาดบัดนี้เต็มไปด้วยคราบดินและเหงื่อที่ไหลย้อยจนเปียกชื้นไปหมด ทุกคราบที่นางขัด ทุกหยดน้ำที่สาดลงบนกำแพง ล้วนมีความปรารถนาที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองแฝงอยู่ กำแพงที่เคยดูหม่นหมองบัดนี้กลับมาดูสะอาดตาขึ้นทีละน้อย นางใช้แปรงขัดถูอย่างพิถีพิถันเพื่อกำจัดคราบดินและปูนที่เกาะติดอยู่ตามซอกหินอย่างหมดจด ทุกครั้งที่แปรงกระทบกับกำแพงจะมีเสียงฝืด ๆ ดังไปทั่วบริเวณ นางกวาดสายตาสำรวจกำแพงอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีจุดไหนที่หลงเหลือคราบสกปรก เมื่อถึงช่วงพักเที่ยงอาการของนางยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ สายตาของซิ่วอิงเหลือบไปเห็นหินก้อนเล็ก ๆ แถวนั้นหลายก้อน แล้วเกิดความคิดบางอย่างขึ้น “หากลองอธิษฐานกับทวยเทพจะหายหรือไม่นะ?” ว่าแล้วนางก็ตัดสินใจรวบรวมหินก้อนเล็ก ๆ บริเวณนั้นมาวางเรียงซ้อนกันเป็นเจดีย์เล็ก ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทีละชั้นจนได้รูปทรงที่สวยงามและมั่นคง เป็นสัญลักษณ์ของความหวังที่ตั้งใจสร้างขึ้น เมื่อจัดเรียงเสร็จสิ้น ซิ่วอิงจึงนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าเจดีย์หิน ก้มศีรษะลงต่ำแล้วพึมพำเสียงแผ่วเบาด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นอยู่ในอก
"ข้าแต่สัจเทพอี๋เหอ ผู้ทรงอำนาจแห่งแดนเทพ ข้าขออัญเชิญพลังของท่านมาสถิตในกาย เพื่อปลดล็อกขีดจำกัดและก้าวสู่ศักยภาพที่แท้จริง ขอให้พรแห่งท่านนำพาข้าไปสู่ความแข็งแกร่งอันไร้ขีดจำกัด…" หลังจากสิ้นเสียงอธิษฐาน ร่างกายของซิ่วอิงก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง พลังที่อัดแน่นอยู่ภายในพลันปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับน้ำที่ท่วมเขื่อนจนทะลักออกมา พลังงานเหล่านั้นไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แสนสาหัส แต่กลับเป็นความเจ็บปวดที่นำมาซึ่งความโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่นานความรู้สึกอึดอัดที่เคยมีก็ค่อย ๆ จางหายไปอย่างสิ้นเชิงแทนที่ด้วยความเบาสบายและพลังที่เต็มเปี่ยม ซิ่วอิงลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกที่เบาราวกับขนนก ความอ่อนเพลียและความหนักอึ้งที่เคยมีหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงความรู้สึกแข็งแกร่งที่พวยพุ่งมาจากทุกอณูของร่างกาย ซิ่วอิงเหลือบมองเจดีย์หินน้อย ๆ ที่สร้างจากความตั้งใจของตน แล้วรอยยิ้มบางเบาก็ผุดขึ้นบนใบหน้า ซิ่วอิงยังคงก้มหน้าก้มตาขัดถูผนังป้อมที่ยังเหลืออยู่ต่อไปอย่างตั้งใจ แสงตะวันในยามบ่ายคล้อยเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว แสงส้มปะทะกับกำแพงดินแข็งแกร่งของป้อมฉีเหลียง เผยให้เห็นร่องรอยของความเพียรพยายามที่นางได้ลงมือทำมาตั้งแต่เช้า ทว่ายามนี้ร่างกายของนางกลับไม่ได้รู้สึกอ่อนล้าเฉกเช่นที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์ พลังงานที่เคยอัดแน่นจนเป็นความรู้สึกหนักอึ้งในยามเช้า บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเบาสบายและเปี่ยมล้นไปด้วยกำลังวังชาอันมหาศาล สัมผัสของแปรงขนหยาบที่กระทบกับกำแพงนั้นแน่นหนาและหนักแน่นยิ่งกว่าเดิม นางกวาดมันไปบนพื้นผิวของกำแพงอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงเสียดสีที่น่าฟังราวกับเสียงเพลงที่บรรเลงถึงความพยายามและความสำเร็จ คราบสกปรกที่หลงเหลืออยู่ถูกขจัดออกไปอย่างง่ายดายราวกับมันไม่เคยเกาะติดอยู่ตรงนั้นมาก่อน ในที่สุดแสงสุดท้ายของวันก็ฉายกระทบมายังป้อมฉีเหลียงที่ได้รับการบูรณะอย่างสมบูรณ์ กำแพงดูสะอาดตาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พื้นผิวที่เคยขรุขระจากคราบดินและเศษปูนเก่า ๆ บัดนี้เนียนเรียบเป็นเนื้อเดียวกัน สะท้อนความงดงามของป้อมปราการที่กำลังผงาดขึ้นอีกครั้ง ซิ่วอิงยืนนิ่ง ๆ อย่างเงียบงัน มองดูผลงานของตนเองที่สร้างขึ้นด้วยสองมือ ดวงตาทั้งคู่ทอประกายแห่งความพอใจและความภาคภูมิใจ ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอิบ เพียงไม่นาน เสียงฝีเท้าอันหนักแน่นก็ดังขึ้นใกล้ ๆ แม่ทัพฮั่วเดินนำขบวนทหารสองสามนายมาตรวจสอบความเรียบร้อยของงานในขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่อย ๆ เดินสำรวจไปตามแนวเชิงเทินที่แข็งแรงและกว้างขวาง ร่างสูงสง่าหยุดยืนอยู่ที่หน้ากำแพงที่ซิ่วอิงเพิ่งจะทำความสะอาดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เขายกมือลูบไล้ไปตามผิวของกำแพงนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วจึงหันกลับมามองซิ่วอิงที่กำลังยืนรอคำสั่งอยู่ไม่ไกล ดวงตาของแม่ทัพฮั่วทอประกายแห่งความประทับใจแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันไปกล่าวกับทหารทั้งหมดที่มารวมตัวกัน “วันนี้พวกเจ้าทุกคนได้ทำงานอย่างหนักหน่วงมาตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา” เสียงอันหนักแน่นและทรงพลังของแม่ทัพฮั่วดังกังวานไปทั่วบริเวณ “บัดนี้ ป้อมฉีเหลียงกลับมาแข็งแกร่งและสง่างามอีกครั้ง มันพร้อมแล้วที่จะเป็นปราการด่านสุดท้ายเพื่อปกป้องชายแดนตะวันตก ขอให้พวกเจ้ารับรู้ไว้ว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ล้วนมาจากหยาดเหงื่อและกำลังใจของพวกเจ้าทุกคน ข้าขอชมเชยในความมุ่งมั่นและวิริยะของพวกเจ้าทุกคน” ซิ่วอิงยืนอยู่ท่ามกลางทหารเหล่านั้นในชุดที่เปื้อนคราบดินและเหงื่อ นางมองไปที่ใบหน้าของเพื่อนพลทหารที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่แววตาของทุกคนกลับเต็มไปด้วยความยินดีและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ “และในวันพรุ่งนี้ ข้าจะมีการประกาศบางอย่างที่สำคัญอย่างยิ่ง” แม่ทัพฮั่วกล่าวเสริม “วันนี้ขอให้พวกเจ้าทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อเติมเต็มกำลังให้พร้อมสำหรับวันใหม่”
สิ้นเสียงของแม่ทัพฮั่ว เหล่าทหารก็ทยอยกันแยกย้ายกลับไปยังกระโจมของตน ซิ่วอิงหันกลับมามองป้อมฉีเหลียงอีกครั้ง ร่างกายของนางในยามนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกสงบและความมั่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน ความรู้สึกราวกับได้ค้นพบหนทางใหม่ ๆ ที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และเมื่อนางเดินกลับไปยังกระโจมที่พัก นางก็ได้แต่คิดถึงวันพรุ่งนี้ที่รออยู่เบื้องหน้าว่าจะนำพาสิ่งใดมาสู่ชีวิตของนางอีกบ้าง อย่างน้อย ๆ ถ้าได้เงินสักนิดก็ยังดีสิน่า…


บูรณะป้อมฉีเหลียง วันที่ 15 -บูรณะป้อมฉีเหลียงเสร็จสมบูรณ์- [LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point



@Watcher   




แสดงความคิดเห็น

รออัปเดทของแลกอีกไม่กี่ชิ้นเร็วๆนี้  โพสต์ 2025-9-5 23:53
โพสต์ 20759 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-5 22:14
โพสต์ 20,759 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-5 22:14
โพสต์ 20,759 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-9-5 22:14
โพสต์ 20,759 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-9-5 22:14
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-9-7 00:03:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 4 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามเฉินถึงยามยามซวี (เวลา 07.00 - 21.00 น.)

แสงอรุณทาบท้องฟ้าเป็นสีส้มแดงฉาน ยามเช้าตรู่ของอีกวันหนึ่งมาถึงพร้อมกับเสียงกลองศึกที่ดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งค่ายทหาร เสียงอันทรงพลังนั้นปลุกเหล่าพลทหารที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง หลายคนรีบแต่งตัวคว้าอาวุธคู่กายออกมาจากกระโจม ท่ามกลางความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจากข่าวดีที่กำลังจะมาถึง ซิ่วอิงเดินออกจากกระโจมของตนด้วยความรู้สึกที่ตื่นตัวและสงบกว่าครั้งไหน ๆ ความเหนื่อยล้าที่เคยเป็นดั่งเงาตามตัวได้หายไปสิ้นเชิง ร่างกายของนางในยามนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาล ความรู้สึกเบาสบายราวกับขนนกทำให้ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นคงและหนักแน่น ซิ่วอิงเดินไปรวมตัวกับเหล่าทหารคนอื่น ๆ ที่ลานกว้างใจกลางค่าย ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนคึกคัก เหล่าพลทหารต่างยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ แต่ภายในแววตาของทุกคนกลับเต็มไปด้วยความคาดหวังและยินดี ซิ่วอิงได้สวมชุดทหารที่สะอาดสะอ้าน นางใช้เวลาช่วงสั้น ๆ ก่อนฟ้าสางขัดเกลาร่างกายให้สะอาด เพื่อให้พร้อมรับวันใหม่แห่งการเริ่มต้น ท่ามกลางเหล่าทหารชายร่างกำยำ ซิ่วอิงผู้เป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวในแถวกลับดูสง่างามและโดดเด่นอย่างน่าประหลาดใจ ในที่สุดแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งก็ปรากฏตัวขึ้นจากเบื้องหลังกระโจมใหญ่ เขาเดินก้าวมาข้างหน้าอย่างสง่าผ่าเผย ตามหลังมาด้วยนายทหารคนสนิทที่ถือม้วนราชโองการสีเหลืองอร่ามไว้ในมือ เมื่อเห็นดังนั้นเหล่าพลทหารทั้งหมดก็รีบปรับท่ายืนให้สงบเสงี่ยมขึ้นกว่าเดิม แม่ทัพฮั่วหยุดยืนตรงหน้าแถวทหาร สายตาคมกริบของเขากวาดมองไปที่ทุกคนด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะรับม้วนราชโองการจากนายทหารคนสนิทมาคลี่ออกอย่างช้า ๆ ผ้าไหมเนื้อดีสีทองที่ใช้เป็นม้วนราชโองการสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าจนเปล่งประกาย แม่ทัพฮั่วเริ่มกล่าวถ้อยคำจากองค์จักรพรรดิด้วยเสียงอันทรงพลังและหนักแน่นที่ก้องกังวานไปทั่วทั้งลานฝึก “ด้วยโองการแห่งฟ้า หวงตี้ทรงมีพระบัญชา บัดนี้ได้ทราบแจ้งว่าเหล่าทหารหาญผู้ภักดีได้กระทำวีรกรรมยิ่งใหญ่ในศึกสงคราม ณ ฉีเหลียงซาน ด้วยการพิชิตกองทัพปีศาจมังกรดำให้พินาศสิ้นลงได้อย่างราบคาบ ทั้งยังถือโอกาสนี้บูรณะป้อมปราการอันเป็นปราการเหล็กกล้าแห่งแว่นแคว้นให้กลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์อีกครา ด้วยเหตุนี้จึงมีพระราชโองการพระราชทานเบี้ยหวัดรางวัลการศึกจำนวนสามสิบตำลึงทองแก่เหล่าทหารหาญผู้ร่วมภารกิจนี้โดยทั่วกัน อันเป็นบำเหน็จความดีความชอบตามสมควรแก่เกียรติยศ ขอจงจารึกชื่อเสียงและเกียรติยศนี้ไว้บนผืนแผ่นดิน เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ปวงชนสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน…จบราชโองการ” แม่ทัพฮั่วค่อย ๆ ม้วนราชโองการสีทองอร่ามที่ยังคงสะท้อนแสงตะวันยามเช้าอย่างช้า ๆ มือใหญ่ของเขาม้วนผ้าไหมเนื้อดีให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างบรรจง ราวกับกำลังเก็บรักษาสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก ก่อนจะยื่นคืนให้กับนายทหารคนสนิทที่ยืนรออยู่ไม่ห่าง ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเคารพต่อพระราชโองการและองค์จักรพรรดิ เมื่อราชโองการถูกเก็บอย่างเรียบร้อย เขาก็หันกลับมามองเหล่าทหารอีกครั้ง และเอ่ยถ้อยคำที่ทุกคนรอคอยด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและกังวานยิ่งกว่าเดิม “บำเหน็จที่พวกเจ้าสมควรได้รับ จะมีเสมียนประจำรออยู่ที่กระโจมกองพลาธิการ พวกเจ้าจงไปรับได้ตามแต่สะดวก” แม่ทัพฮั่วกล่าวเสียงก้อง ดวงตาคมกริบกวาดมองเหล่าทหารหาญที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ “และคืนนี้...เราจะดื่มฉลองกันให้เต็มที่” สิ้นคำกล่าวบรรดาพลทหารที่ยืนนิ่งมานานก็พร้อมใจกันส่งเสียงเฮกึกก้องไปทั่วทั้งลานกว้าง เสียงโห่ร้องยินดีดังประสานกันราวกับคลื่นทะเลที่ซัดเข้าฝั่ง ซิ่วอิงในแถวก็เผลอยกมุมปากขึ้นด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความยินดี ความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับพระราชทานรางวัลจากองค์จักรพรรดิผู้เป็นประมุขแห่งแว่นแคว้น มันเป็นความรู้สึกที่ล้ำค่ากว่าสิ่งใด ๆ ในโลกนี้ “และสำหรับวันพรุ่งนี้” แม่ทัพฮั่วกล่าวเสียงดังขึ้นอีกครั้งเพื่อกลบเสียงอื้ออึงที่เกิดขึ้น “พวกเจ้าทุกคนจงมาที่ลานกว้างนี้อีกครั้ง! กองพลาธิการจะเปิดซุ้มแลกรางวัลพระราชทาน ใครมีป้ายผลงานมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นของรางวัลตามสมควรแก่เกียรติยศและคุณงามความดีได้” หลังจากเลิกแถวในตอนเช้า เสียงโห่ร้องยินดีที่ดังลั่นเมื่อครู่ยังคงกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของซิ่วอิง ความยินดีและภาคภูมิใจไหลวนอยู่ในใจจนรู้สึกราวกับร่างกายเบาหวิว นางมองดูเหล่าทหารที่แตกแถวกันออกไป บ้างก็วิ่งไปกอดคอกันด้วยความดีใจ บ้างก็หัวเราะลั่นอย่างไม่อาจเก็บซ่อนความสุขเอาไว้ได้ ซิ่วอิงยิ้มบาง ๆ ให้กับภาพเหล่านั้น ก่อนจะหันหลังเดินออกจากลานกว้าง มุ่งหน้าไปยังกระโจมกองพลาธิการที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางด้านหลัง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความปีติยินดี ระหว่างทางเดินไปยังกองพลาธิการ ซิ่วอิงได้ยินเสียงบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความคึกคักของเหล่าทหารหลายคนที่กำลังเดินผ่านไปมา "ข้าจะเอาเงินที่ได้ไปซื้อเครื่องประดับดี ๆ ให้ภรรยา" เสียงหนึ่งดังขึ้น "ฮ่า ๆ เจ้าคิดเหมือนข้าเลย! แต่ข้าจะเอาไปซื้อดาบเล่มใหม่ดีกว่า ดาบเก่าของข้าสึกมากแล้ว" อีกเสียงหนึ่งกล่าวตอบพลางหัวเราะ ซิ่วอิงได้ฟังก็พลอยยิ้มไปกับพวกเขา แม้นางจะไม่มีครอบครัวให้ต้องเป็นห่วง (เพราะพวกเขาอยู่ดีกินดีกว่านางเสียอีก) ไม่ต้องคอยซื้อหาของกำนัลไปมอบให้ แต่ความรู้สึกตื้นตันใจที่ได้เห็นเพื่อนร่วมรบของนางมีความสุขก็ทำให้ใจของนางเบ่งบานไปด้วย กระโจมกองพลาธิการตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลนัก เป็นกระโจมขนาดใหญ่กว่ากระโจมของทหารทั่วไป สีน้ำตาลเข้มของผ้าเต็นท์ดูแข็งแรงและมั่นคง บริเวณปากทางเข้ามีเสมียนประจำการสองคนนั่งรออยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ด้านหน้ามีโต๊ะไม้สำหรับยื่นเอกสารและรับเงินตราวางอยู่หนึ่งตัว ซิ่วอิงเดินเข้าไปต่อแถวที่ทอดยาวออกมาจากกระโจมอย่างเงียบ ๆ แถวไม่ได้ยาวจนเกินไปนัก มีทหารประมาณสิบกว่าคนยืนรออยู่ ซิ่วอิงยืนอยู่ด้านหลังทหารร่างใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งกำลังพูดคุยอย่างออกรสกับเพื่อนทหารที่อยู่ข้างหน้าเขาเรื่องแผนการใช้จ่ายเงินที่กำลังจะได้รับ เมื่อถึงคิวของซิ่วอิง นางก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าโต๊ะไม้ เสมียนหนุ่มร่างผอมบางที่อยู่หลังโต๊ะมองมาที่นาง "หรงซิ่วอิง…" เสมียนหนุ่มรีบก้มลงหยิบสมุดบันทึกเล่มหนาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา พลิกหาชื่อของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบถุงผ้าใบเล็กสีเหลืองที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งถุง "ตามราชโองการ เจ้ามีสิทธิ์ได้รับเงินสามสิบตำลึงทอง" เสมียนหนุ่มกล่าวเสียงเรียบพลางยื่นถุงผ้าให้ ซิ่วอิงรับถุงผ้ามาถือไว้ในมือ มันมีน้ำหนักพอสมควรเลยทีเดียว เมื่อเปิดปากถุงออกดู นางก็เห็นเงินตำลึงสีเหลืองอร่ามวางซ้อนทับกันอยู่หลายเหรียญ แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในกระโจมสะท้อนกับทองคำจนเปล่งประกายสวยงามราวกับหยาดน้ำค้างยามเช้า ซิ่วอิงนำถุงผ้าไปเหน็บไว้กับเสื้อเกราะที่สวมอยู่ ก่อนจะกล่าวขอบคุณเสมียนด้วยเสียงที่เบาแต่ฟังชัดเจน "ขอบคุณท่านมาก" ค่ำคืนนั้น…เสียงดนตรีดังสนั่นก้องไปทั่วทั้งค่ายทหาร ท่ามกลางกองไฟขนาดใหญ่ที่ลุกโชนอยู่กลางลานกว้าง แสงไฟสีส้มแดงฉายกระทบใบหน้าของเหล่าทหารที่เปื้อนรอยยิ้มแห่งความสุข บรรยากาศอบอวลไปด้วยความปีติยินดีและความผ่อนคลาย หลังจากตรากตรำกับการบูรณะป้อมมาเป็นเวลานาน ทุกคนต่างปลดปล่อยความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดทิ้งไปจนสิ้น เหลือไว้เพียงเสียงหัวเราะและเสียงเชียร์ที่ดังสนั่น ซิ่วอิงนั่งร่วมวงกับเหล่าสหายทหารชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังหัวเราะคิกคักกันอย่างออกรส ในมือของแต่ละคนต่างมีชามดินเผาใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหล้าขาวใสแจ๋ว กลิ่นหอมฉุนของสุราชั้นดีลอยฟุ้งอยู่ในอากาศยามค่ำคืน เสียงเพลงขับกล่อมพื้นบ้านที่ดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ ผสานเข้ากับเสียงดนตรีอันคึกคักจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่บรรเลงอยู่อีกมุมหนึ่งของลานกว้าง “ฮ่า ๆ ๆ ข้าว่าเจ้าจะต้องยอมแพ้แน่อาอิง!” เสียงของทหารหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งร้องท้าทาย ซิ่วอิงในชุดทหารที่ดูสบาย ๆ กำลังจ้องมองชามเหล้าใบใหญ่ในมือของตนด้วยแววตาแน่วแน่ รอบกายของนางมีเหล่าทหารหลายคนต่างส่งเสียงโห่ร้องเชียร์ บ้างก็ตบโต๊ะไม้เป็นจังหวะ บ้างก็ชนชามเหล้ากับเพื่อนอย่างสนุกสนาน “ใครยอมแพ้กันแน่” ซิ่วอิงเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติเล็กน้อย ใบหน้าของนางเริ่มมีสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์สุรา แต่แววตาของนางยังคงเจิดจ้าและเต็มไปด้วยประกายท้าทาย “เจ้าดื่มช้าเสียยิ่งกว่าเต่าเดินอีก!” สิ้นคำกล่าวซิ่วอิงก็ยกชามเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก พลางกระดกเหล้าทั้งหมดในชามให้ไหลลงสู่ลำคออย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก ไม่มีการพักหายใจ และเมื่อหยดสุดท้ายของเหล้าได้หายไปจากชาม นางก็พลิกชามเปล่าให้คว่ำลงกับพื้นโต๊ะไม้เพื่อเป็นการแสดงชัยชนะอย่างชัดเจน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและปรบมือของเหล่าทหารที่ส่งเสียงเชียร์กึกก้อง “โอ้...แม่เจ้า! อาอิงชนะอีกแล้ว!” “นาง...นางทำได้อย่างไร!” “ไม่เคยเห็นสตรีคนไหนดื่มเก่งถึงเพียงนี้เลย!” เสียงของเหล่าทหารต่างแสดงความตกตะลึง ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงฮือฮาที่ดังระงมไปทั่วบริเวณนั้น ทหารหนุ่มร่างใหญ่ที่เห็นเช่นนั้นถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขันและยกชามเหล้าของตนดื่มจนหมดตาม ซิ่วอิงหัวเราะเสียงใสพลางใช้มืออีกข้างตบไปที่บ่าของเขาเบา ๆ ความรู้สึกร้อนผ่าวจากเหล้าที่ไหลลงสู่ท้องทำให้ร่างกายของนางอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด เสียงโห่ร้องเชียร์ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยความคึกคักและเบิกบานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ณ อีกมุมหนึ่งของลานกว้างซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ภายในกระโจมใหญ่ที่แสงสว่างจากตะเกียงส่องลอดออกมา แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งผู้กำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนโต๊ะไม้หยาบ ๆ พลันต้องชะงักมือลงเมื่อเสียงโห่ร้องที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย แม้แต่เสียงก้องกังวานของมันยังทะลุผ่านผ้าใบที่หนาของกระโจมเข้ามาได้ “เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?” แม่ทัพฮั่วหันไปมองนายทหารผู้ติดตามที่นั่งอยู่ไม่ไกลด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “ได้ยินว่าพวกเขาเชียร์ทหารคนหนึ่งที่กำลังแข่งดื่มเหล้ากันขอรับ” นายทหารผู้ติดตามกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ “แข่งดื่มเหล้า?” แม่ทัพฮั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาใช้มือลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด “คงเป็นการฉลองที่ได้รางวัลจากการรบกระมัง” “ใช่แล้วขอรับ...แต่ท่านแม่ทัพคงจะคาดไม่ถึงแน่ ๆ ว่าคนที่ถูกเชียร์มากที่สุดในตอนนี้คือใคร” นายทหารคนนั้นหัวเราะคิกคัก “นั่นก็คือหรงซิ่วอิงขอรับ นางกำลังแข่งดื่มเหล้ากับทหารร่างใหญ่คนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่านางจะเป็นฝ่ายชนะมาแล้วหลายยก” แม่ทัพฮั่วที่ได้ฟังเช่นนั้นถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ทางเข้ากระโจม เขาใช้มือแหวกผ้ากระโจมออกเล็กน้อย แล้วมองออกไปที่ลานกว้างซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าทหารที่กำลังรวมตัวกันอยู่รอบกองไฟขนาดใหญ่ แสงไฟที่ส่องสว่างทำให้เขามองเห็นได้ไม่ยากว่าซิ่วอิงกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มทหารชาย และในมือของนางถือชามเหล้าใบใหญ่อยู่ “กินเข้าไปได้ยังไงเยอะขนาดนั้น” นายทหารคนนั้นพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย...ถ้าข้ามีลูกสาวเช่นนี้คงขายไม่ออกแน่” “แต่ในความไร้ซึ่งความเป็นกุลสตรีนั้น นางก็มีความกล้าหาญในแบบที่สตรีส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าทำเช่นกัน” แม่ทัพฮั่วกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึกและจริงจัง ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังร่างของซิ่วอิงที่นั่งอยู่ในวงสนทนา “ใครบ้างจะกล้ามาจับอาวุธออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเราเช่นนี้” แม่ทัพฮั่วไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่จ้องมองซิ่วอิงที่กำลังหัวเราะอย่างร่าเริง ท่ามกลางเหล่าทหารที่กำลังรายล้อมนางอยู่ และเหลือบไปมองทหารคนอื่น ๆ ที่กำลังสนุกสนานกับงานเลี้ยงพร้อมส่งเสียงดังเซ็งแซ่ “ให้ข้าออกไปสั่งให้พวกเขาเงียบเสียงลงไหมขอรับ ท่านแม่ทัพจะได้พักผ่อนสบายหน่อยไม่มีเสียงรบกวน” นายทหารเอ่ยถามอย่างเกรงใจ “ไม่จำเป็น” แม่ทัพฮั่วตอบกลับด้วยเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ แววตาที่คมกริบของเขาไม่ได้แสดงถึงความไม่พอใจหรืออารมณ์ขุ่นมัวแม้แต่น้อย “ปล่อยให้พวกเขาได้สนุกกันไปเถอะ” แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งปล่อยมือจากผ้ากระโจมให้มันกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างช้า ๆ แสงไฟจากภายนอกที่เคยส่องลอดเข้ามาพลันเลือนหายไปจนเหลือเพียงความสลัวจากตะเกียงน้ำมันที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้หยาบ ๆ เขากลับมานั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทางที่สงบนิ่งและยังคงปล่อยให้เสียงโห่ร้องยินดีของเหล่าทหารดังก้องไปทั่วทั้งค่าย โดยไม่ได้มีความคิดที่จะออกไปสั่งให้พวกเขาสงบเสียงลงแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าค่ำคืนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหล่าผู้กล้าสมควรจะได้รับอย่างเต็มที่แล้ว และนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถห้ามกันได้…


รับเบี้ยหวัดการศึก 30 ตำลึงทอง +100 พลังงานจากงานเลี้ยงรื่นเริง +5 Point จากการบูรณะ



@Watcher   




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 35440 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-7 00:03
โพสต์ 35,440 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-7 00:03
โพสต์ 35,440 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก หมวกเกราะพลทหาร  โพสต์ 2025-9-7 00:03
โพสต์ 35,440 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-9-7 00:03
โพสต์ 35,440 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-9-7 00:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +30 พลังงาน +100 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30 + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้