[ตลาดตะวันออก]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-9-25 08:15:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XueXi เมื่อ 2025-9-25 08:23

วันที่ 25 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามอิ๋น เวลา 03.00 - 05.00 น.
╰┈➤ พบเจอจางเชียน

ตลาดตะวันออกของนครฉางอันคึกคักดังรังผึ้ง เสียงผู้คนขวักไขว่ดังเซ็งแซ่ประสานกับเสียงกลองและระฆังจากวัดใกล้เคียง กลิ่นเครื่องเทศหอมฉุนปนกับกลิ่นเนื้อย่าง น้ำซุป และผลไม้นานาพันธุ์ลอยตลบอยู่ในอากาศ แผงลอยเรียงรายแน่นขนัด มีทั้งผ้าไหมแพรพรรณสีสด ของแปลกจากแดนไกล ไปจนถึงสมุนไพรและเครื่องปรุงที่หายาก

ท่ามกลางความพลุกพล่าน เสวี่ยซีที่ดวงตาสีอำพันสุกใสเป็นประกายลากแขนเสื้อเหลียนเจี้ยตรงเข้ามาในตลาด “เหลียนเจี้ย! มาด้วยกันเถิด วันนี้ข้าอยากจะหาสิ่งดี ๆ ไปทำบะหมี่!”

เหลียนเจี้ยที่เดินสงบอย่างผู้เยือกเย็นปรายตามองเขา ยิ้มบาง “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ถึงได้ดึงข้ามาท่ามกลางความวุ่นวายเช่นนี้”

เสวี่ยซีหันมายิ้มกว้าง ริมฝีปากอิ่มเผยอเล็กน้อยจนคล้ายดอกบัวเบ่งบาน “ข้าอยากทำบะหมี่รสชาติจากทั่วทุกสารทิศ ให้ท่านได้กินกับตนเอง! แต่ข้าไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน… ท่านช่วยข้าได้หรือไม่”

ชายหนุ่มสีหน้าขรึมขณะส่ายศีรษะเบา ๆ “ช่างเป็นความคิดพิเรนทร์นัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าการรวมรสชาติจากทุกแดนนั้นหาใช่ง่ายดาย บางสิ่งอาจไม่เข้ากัน”

“แต่ข้าอยากลอง” เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้น ใบหน้าขาวนวลแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น “ก็ท่านเหลียนเจี้ยเล่าให้ข้าฟังเสียสนุก ข้าก็อยากลองทำดู อีกอย่าง… ข้าอยากทำให้ท่านได้ลิ้มรสชาติที่ท่านโปรดปรานเสมอ”

เหลียนเจี้ยเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาแฝงรอยอ่อนโยนมองคนตรงหน้า “เจ้าจะทำเพียงเพื่อข้าคนเดียวหรือ”

เสวี่ยซีพยักหน้าแรงอย่างไม่คิด “ใช่สิ”

เหลียนเจี้ยหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าอย่างจนใจ แต่ในแววตากลับปรากฏประกายอบอุ่น “เจ้าช่างเอาแต่ใจ”


ทั้งสองเดินลึกเข้าไปในตลาดตะวันออก เสียงตะโกนเรียกลูกค้าดังแข่งกันแทบทุกก้าว

“ขิงสดจากแถบใต้! หอมเผ็ดแท้แน่นอน!”
“พริกแห้งแดงเพลิงจากแดนตะวันตกเฉียงเหนือ! เหมาะทำซุปเผ็ดร้อน!”
“สมุนไพรจากภูเขาสูง ดับพิษร้อน เพิ่มรสชาติอาหาร!”

เสวี่ยซีหยุดแทบทุกแผง ดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็กพบของเล่นใหม่ เขาหยิบถุงผ้าขึ้นมาเก็บสิ่งโน้นที สิ่งนี้ที

“เหลียนเจี้ย นี่มันคืออะไรหรือ กลิ่นหอมแปลกดี” เสวี่ยซียกเครื่องเทศเม็ดกลมสีน้ำตาลขึ้นถามอย่างตื่นเต้น

เหลียนเจี้ยเหลือบมอง “นั่นเรียกว่าผงยี่หร่า ใช้มากในแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ใส่แล้วมีกลิ่นฉุนแรง ทำให้รสเนื้อเด่นชัดขึ้น”

เสวี่ยซีเงยหน้าพยักหน้าหงึก ๆ “งั้นข้าจะซื้อไว้! เผื่อจะได้ทำบะหมี่เนื้อแกะเหมือนที่ท่านเคยเล่า”

ถอนหายใจเบา ๆ แต่ไม่ได้ขัดขวาง เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะปรุงได้”

เสวี่ยซีหันมายิ้มเจื่อน ๆ เกาศีรษะตนเอง “ฮะฮะ… ก็จริงอยู่ แต่คราวนี้ข้ามีเหลียนเจี้ยคอยช่วยไม่ใช่หรือ”

เหลียนเจี้ยหัวเราะเบา ๆ พลางแตะบ่าของเสวี่ยซี “เจ้ากล้าพูดออกมาเช่นนี้ ข้าคงต้องยอมเป็นที่พึ่งให้เจ้าจริง ๆ”

เดินต่อมาไม่ไกล แผงหนึ่งเต็มไปด้วยปลาตากแห้งและกุ้งทะเล เสวี่ยซีตาโตรีบชี้มือ “อันนี้กลิ่นคุ้นนัก! ใช่ไหมเหลียนเจี้ย นี่มันคงทำซุปเหมือนบะหมี่น้ำกุ้งทะเลได้ใช่หรือไม่”

“ใช่ แต่หากอยากทำให้รสข้นแบบแดนตะวันออก เจ้าต้องเคี่ยวกระดูกปลาร่วมด้วย น้ำซุปถึงจะขาวข้นดุจเมฆหมอก”

เสวี่ยซีพึมพำเบา ๆ เหมือนกำลังจดจำ “เคี่ยวกระดูกปลา ให้ซุปขาวเหมือนเมฆ”

เขาหันไปมองเหลียนเจี้ยด้วยแววตาเปล่งประกาย “ถ้าข้าทำได้จริง ท่านจะยอมกินหรือไม่”

เหลียนเจี้ยยิ้มบาง “ตราบใดที่เจ้าเป็นคนทำ ข้าก็ยอมกิน”

คำพูดนั้นทำให้เสวี่ยซีหน้าแดงจัด ก้มหน้าก้มตาเลือกเครื่องปรุงต่อโดยไม่พูดอะไร

ตลาดตะวันออกกว้างใหญ่เกินคาด ทั้งสามใช้เวลาเดินเนิ่นนานผ่านแผงขายเต้าหู้ แป้งสาลี สมุนไพรหายาก ไปจนถึงผลไม้แห้งจากแดนไกล ทุกครั้งที่เสวี่ยซีถามด้วยความใสซื่อ เหลียนเจี้ยก็มักตอบอย่างใจเย็น เปรียบเหมือนครูสอนศิษย์ที่แสนดื้อรั้น


ในที่สุด พวกเขาก็มาหยุดที่แผงขายเครื่องเทศใหญ่ที่สุด กลิ่นหอมฉุนผสมกันจนเวียนหัว เสวี่ยซีสูดหายใจลึกจนหน้าแดง “หอมเหลือเกิน! เหลียนเจี้ย นี่คืออะไร”

เหลียนเจี้ยหยิบถุงเล็กขึ้นมาดู “นี่คืออบเชยจากแดนใต้ ใช้ต้มกับน้ำซุป จะหอมหวานราวกับกลิ่นไม้”

เสวี่ยซีรีบเก็บใส่ย่ามทันที “เอาไว้ทำบะหมี่หมี่น้ำใสใช่ไหม! ข้าจำได้ว่าท่านเล่า”

เหลียนเจี้ยพยักหน้าช้า ๆ “เจ้าฟังจำแม่นยิ่งกว่าเด็กนักเรียนเสียอีก”

เสวี่ยซีหัวเราะคิก “ก็ท่านเล่าได้สนุกนี่นา”


เมื่อเก็บของจนเต็มย่าม เสวี่ยซีก็หอบหายใจเล็กน้อย แต่แววตายังเต็มไปด้วยประกายฝัน “เอาล่ะ ข้าจะทำบะหมี่ที่รวมรสชาติจากทั่วหล้าให้ท่านได้ลิ้มลอง ไม่ว่าอย่างไรข้าจะพยายามให้สำเร็จ!”

เหลียนเจี้ยยกคิ้ว มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขันปนเอ็นดู “เจ้าอย่าเพิ่งคุยโตนัก บางทีสิ่งที่เข้ากันในคำพูด อาจเข้ากันไม่ได้ในหม้อซุป”

พึมพำเสียงเรียบ “นั่นสิ หากรสตีกัน เจ้าคงได้ทำโจ๊กอีกครั้ง”

เสวี่ยซีหัวเราะเจื่อน ๆ มือกอดย่ามแน่น “ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังอยากลองอยู่ดี!”

เหลียนเจี้ยส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะยื่นมือแตะศีรษะของเสวี่ยซี “เจ้าดื้อรั้น แต่ก็น่ารักในความดื้อรั้นนั้น”

“ฮ่า ๆๆ!”



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 17490 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-25 08:15
โพสต์ 17,490 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-25 08:15
โพสต์ 17,490 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-25 08:15
โพสต์ 17,490 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-25 08:15
โพสต์ 17,490 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-25 08:15
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-25 20:03:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 25 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามอู่ เวลา 12.00 - 13.00 น.
╰┈➤ พบเจอหลิวอัน

เสียงโห่ร้องของพ่อค้าแม่ขายดังคลอเคล้าไปทั่ว ถนนปูหินทอดยาวเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่สัญจรไปมา ข้าวของสารพัดถูกวางเรียงราย ทั้งเสื้อผ้า ผักสด เครื่องเทศ เครื่องประดับ และของหวานกลิ่นหอมฉุยที่ดึงดูดเด็กเล็กให้หันมองด้วยแววตาเป็นประกาย

แผงไม้ของร้านอันเล่อจ้วนถูกยกมาตั้งที่หัวมุมถนนใหญ่ ก้อนเต้าหู้สีขาวสะอาดเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบในถาดไม้ใหญ่ เสียงน้ำเดือดในหม้อทองแดงที่ตั้งอยู่ด้านหลังดังเป็นจังหวะคล้ายเสียงเคาะกลองเบา ๆ เจ้าของร้านผู้เงียบขรึมเสวียนเต๋อยืนอยู่หลังโต๊ะเช่นทุกครั้ง ใบหน้าคมเข้มไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย

แต่สิ่งที่แตกต่างในวันนี้ คือมีชายหนุ่มร่างโปร่งบางที่กำลังยืนเคียงข้างเขา

เสวี่ยซีใบหน้างดงามสดใสเหมือนหยกสลัก ริมฝีปากแต้มยิ้มที่เหมือนจะไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย นัยน์ตาสีอำพันทอประกายระยิบระยับคล้ายเด็กน้อยพบของเล่นใหม่ วันนี้เขามิได้มายืนเฉย ๆ เพื่อซื้อของ แต่กลับกลายเป็นผู้ช่วยขายเต้าหู้เสียเอง

ที่สำคัญ… เสวียนเต๋อยอมสวมหน้ากากที่เสวี่ยซียัดเยียดให้แล้วหน้ากากลิงสีทองยิ้มกว้าง มันบดบังใบหน้าที่เคร่งขรึมไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของชายหนุ่มดูตลกประหลาดขึ้นมาทันที

เสวี่ยซีหัวเราะเสียงใส พลางกระโดดหมุนตัวเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นตะโกนเรียกลูกค้า เสียงสูงปรี๊ดของเขาดังก้องไปไกลจนหลายคนหันมามอง

“มาแล้วจ้าาา~! เต้าหู้นุ่มละมุนลิ้น! วันนี้พ่อค้าหน้าลิง ลดราคาพิเศษ!”

เขาชี้มือไปทางเสวียนเต๋ออย่างภาคภูมิ เสียงเจื้อยแจ้วนั้นทำเอาเด็กเล็กหลายคนหัวเราะคิกคัก ชี้นิ้วไปที่เสวียนเต๋อซึ่งสวมหน้ากากลิง ขณะที่ผู้ใหญ่บางคนก็เริ่มสนใจเข้ามาดูด้วยรอยยิ้ม

เสวียนเต๋อถอนหายใจแผ่ว ๆ แต่ไม่พูดอะไร เขายังคงจัดเรียงถาดเต้าหู้อย่างเรียบเฉย ทว่าริมหูของเขากลับแดงเรื่อเพียงเล็กน้อยราวกับอายกับการถูกจับจ้อง

เสวี่ยซีไม่รอให้บรรยากาศนิ่งเกินไป เขากระโจนออกไปหน้าร้านแล้วเริ่มแสดงละครทันที

“ท่านลูกค้าผู้มีเกียรติ! รู้หรือไม่ว่าเต้าหู้หนึ่งก้อนนั้นซ่อนความลับไว้มากมายเพียงใด?”

เขาทำท่าคล้ายหมอปราชญ์ มือหนึ่งกอดอก อีกมือชี้ขึ้นฟ้า สีหน้าจริงจังเกินเหตุจนคนที่ยืนดูเริ่มหัวเราะ

ชายวัยกลางคนที่ยืนรอดูก็อดถามไม่ได้ “แล้วมันมีความลับอันใดเล่า?”

เสวี่ยซีเบิกตากว้างอย่างกับกำลังเผยความจริงของโลก “เต้าหู้นั้น แท้จริงแล้วมิได้ทำจากถั่วเหลือง”

เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที บางคนขมวดคิ้ว บางคนหัวเราะ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเต้าหู้ทำจากถั่วเหลืองทั้งนั้น

เสวียนเต๋อซึ่งถูกดึงเข้าละครจำใจเอ่ยเสียงเรียบ “มันทำจากถั่วเหลือง”

“ไม่ใช่!” เสวี่ยซีโบกไม้โบกมือพลางหมุนตัว “มันทำมาจาก… ความรักต่างหาก!”

เสียงหัวเราะระเบิดออกมาจากฝูงชน เสวี่ยซีหันไปส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับลูกค้าสาวที่กำลังถือเข่งผัก “ความรักที่ข้ามีให้ทุกท่านนี่แหละ ที่ทำให้เต้าหู้ขาวนุ่มละมุนเช่นนี้”

หญิงสาวถึงกับหน้าแดง รีบหันหนีไป แต่คนรอบข้างกลับหัวเราะดังยิ่งกว่าเดิม

เสวียนเต๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังส่ายหัวเบา ๆ สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่ดวงตาลึก ๆ นั้นสั่นไหวเล็กน้อย

เสวี่ยซีไม่ยอมปล่อยโอกาส เขาหยิบเต้าหู้ขึ้นมาก้อนหนึ่ง โชว์ให้ผู้คนดู “นี่คือ ‘เต้าหู้แห่งเสียงหัวเราะ’! กินแล้วจะมีความสุข อารมณ์ดีทั้งวัน!”

เด็กน้อยสองสามคนตาเป็นประกาย รีบจูงมือมารดาเข้ามาขอซื้อทันที เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น ผู้คนเริ่มต่อคิว

เสวี่ยซีหันไปกระซิบกับเสวียนเต๋อเสียงแผ่ว “เจ้าลองพูดอะไรสักหน่อยสิ อย่างน้อยก็แกล้งเล่นกับข้าเถิดนะ”

เสวียนเต๋อมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว “เต้าหู้... ก็กินแล้วอิ่มท้อง”

เพียงเท่านี้ เสวี่ยซีก็กรี๊ดเสียงสูงจนคนรอบ ๆ ขำตาม “ได้ยินหรือไม่ พ่อค้าหน้าลิงบอกว่ากินแล้วอิ่ม ฮ่าๆๆ!”

เขารีบเสริมต่อ “แต่อิ่มท้องอย่างเดียวไม่พอ ต้องอิ่มใจด้วย เพราะนี่คือเต้าหู้ที่ทำด้วยความรักของข้า”

ลูกค้าที่ได้ยินต่างพากันหัวเราะร่า ความครึกครื้นกระจายไปรอบ ๆ โต๊ะไม้ของร้านอันเล่อจ้วน

เด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยถามตะกุกตะกัก “แล้วถ้าข้ากินไป จะหัวเราะได้จริงหรือ?”

เสวี่ยซีรีบย่อตัวลง ลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน “แน่นอนสิเจ้าตัวเล็ก ลองกินดูสิ แล้วเจ้าจะหัวเราะได้แม้ในยามฝัน”

ผู้เป็นมารดายิ้มเอ็นดู รีบควักเงินมาซื้อหนึ่งก้อน เด็กน้อยกัดเข้าไปคำแรกแล้วหัวเราะออกมาจริง ๆ แม้จะเพียงเพราะความตลกของบรรยากาศ แต่กลับยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อและอยากลอง

“อีกสองก้อนให้ข้า!”
“ข้าขอห้าก้อน!”
“เต้าหู้นี้ทำให้หัวใจพองโตจริงหรือ?”

เสียงสั่งซื้อล้นหลามขึ้นเรื่อย ๆ เสวียนเต๋อที่เคยยืนเงียบกลับต้องขยับมือไม่หยุด เพื่อตักเต้าหู้ใส่ถุงแจกจ่ายลูกค้า เขามองเสวี่ยซีที่วิ่งไปมา โพสต์ท่าแปลก ๆ สวมหน้ากากสลับไปมา ทั้งหน้ากากลิง หน้ากากเสือ หน้ากากแพนด้า จนกลายเป็นการแสดงกลางตลาดที่ดึงดูดผู้คน

และในขณะที่เขากำลังเงยหน้าขึ้น เห็นเสวี่ยซีหันมายิ้มกว้างให้รอยยิ้มที่ไร้เดียงสา สดใสราวกับแสงแดดฤดูใบไม้ผลิริมฝีปากของเสวียนเต๋อก็คลายออกเพียงเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มบางที่แทบจะมองไม่เห็น

แต่เสวี่ยซีเห็น… เขาเบิกตากว้าง ก่อนจะโผเข้าไปเกาะแขนเสวียนเต๋อแล้วกระซิบเสียงใส

“เจ้าหัวเราะแล้ว ข้าเห็นนะ”

เสวียนเต๋อรีบหุบปาก ใบหน้ากลับคืนสู่ความเรียบเฉยดังเดิม แต่ไม่อาจปิดบังความร้อนผ่าวที่ข้างแก้มได้

เสวี่ยซีหัวเราะคิกคัก พลางหมุนตัวไปประกาศต่อฝูงชนเสียงดัง “ท่านทั้งหลาย วันนี้ไม่เพียงได้เต้าหู้แห่งเสียงหัวเราะ แต่ยังได้เห็นรอยยิ้มของพ่อค้าหน้าลิงด้วย! ของหายากยิ่งกว่าทองคำเสียอีกนะ”

เสียงโห่ร้องฮากระจายไปทั้งตลาด ผู้คนต่างแย่งกันซื้อเต้าหู้จนแทบหมดเกลี้ยงในพริบตา

เสวี่ยซีหันกลับไปยิ้มให้เสวียนเต๋ออีกครั้ง ใบหน้าสดใสเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความสุขที่ได้ทำให้ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ


ไอเทมเควสปลดหัวใจ หลิวอัน


@Watcher

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20044 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-25 20:04
โพสต์ 20,044 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-25 20:04
โพสต์ 20,044 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-25 20:04
โพสต์ 20,044 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-25 20:04
โพสต์ 20,044 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-25 20:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-26 20:57:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 26 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 14.30 - 16.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

กลางวันในฉางอัน เมืองใหญ่คลาคล่ำด้วยผู้คน ตลาดตะวันออกเป็นดังสายธารไม่รู้สิ้น เสียงพ่อค้าเร่ร้องขายของประสานกับเสียงหัวเราะของผู้คน กลิ่นหอมของขนมอบและเนื้อย่างคลุ้งไปทั่วอากาศ ราวกับรวมความมีชีวิตชีวาของทั้งแผ่นดินไว้ในที่เดียว

เสวี่ยซีในวันนี้มิได้สวมอาภรณ์หรูหราเช่นยามอยู่ในหอว่านหงเหริน หากแต่สวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดาเพื่อให้กลมกลืนกับผู้คน ร่างบอบบางเดินทอดน่องไปตามตรอกแคบที่เต็มไปด้วยแผงลอย ทั้งแววตายังซุกซ่อนความสนใจราวกับเด็กน้อยได้พบโลกใหม่ เขามักหยุดดูสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นกำไลหยกชิ้นเล็ก ขลุ่ยไม้ไผ่ หรือแม้แต่หุ่นเชิดที่เด็กเล่นอยู่ข้างทาง

ระหว่างก้าวไปข้างหน้า สายตาก็พลันสะดุดเข้ากับกลุ่มผู้คนที่กำลังรุมล้อมแผงเล็ก ๆ แผงหนึ่ง ธูปควันกรุ่นลอยขึ้นเป็นสายเหนือโต๊ะไม้เก่า มีผ้าขาวปักลายดวงดาวปูทับ ด้านบนวางแผ่นไม้ไผ่เรียงเป็นเส้น ๆ คล้ายอักษรพิเศษ เสียงผู้คนเอะอะด้วยความสนุกสนาน บ้างจริงจัง บ้างหัวเราะเย้าแหย่

เสวี่ยซีชะงักเท้า หัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อมองเห็นร่างสูงสง่าที่นั่งอยู่หลังโต๊ะนั้น หมานเฉียนอาจารย์ผู้ซึ่งเพิ่งทดสอบเขาในคืนก่อน แต่บัดนี้กลับปรากฏในคราบนักทำนายโชคชะตากลางตลาด

“นั่น” เสวี่ยซีพึมพำเบา ๆ ริมฝีปากขาวซีดเผยอขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

เขาฝ่าฝูงชนเข้าไปด้านหน้า เห็นหมานเฉียนกำลังหยิบแท่งไม้ไผ่ออกมาหนึ่งแท่ง มองอักษรโบราณที่สลักอยู่บนผิว ก่อนกล่าวถ้อยคำแก่ชายชราที่มาขอดูดวงด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น เสียงนั้นทำให้ฝูงชนเงียบกริบ ฟังทุกถ้อยทุกคำด้วยความเชื่อมั่น

“อักษรนี้บ่งถึงการรอคอย หากเจ้ามีความอดทน สิ่งที่หวังจะมาถึงแต่หากเร่งรีบ ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเคราะห์”

ชายชรานั้นก้มศีรษะขอบคุณเสียงสั่นเครือ ผู้คนรอบข้างพากันฮือฮา บ้างพึมพำว่าทายได้ตรงนัก บ้างกล่าวว่าท่านผู้นี้มีวิชาเหนือผู้ใด

เสวี่ยซีตะลึงงัน ดวงตาอำพันเบิกกว้าง เขาไม่เคยเห็นหมานเฉียนในมุมนี้มาก่อน แม้เมื่อคืนอาจารย์จะถามเขาเรื่องดวงดาว แต่การทำนายเช่นนี้กลับดูเป็นอีกโลกหนึ่งโดยสิ้นเชิง

ครั้นถึงคราวที่ฝูงชนซาลง เสวี่ยซีก็ก้าวเข้าหาอย่างไม่อาจห้ามใจ เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เปี่ยมด้วยความสงสัย “อาจารย์…นี่คืออะไรหรือขอรับ?”

หมานเฉียนเงยหน้าขึ้น มุมปากยกยิ้มบาง ราวกับมิได้แปลกใจที่เห็นศิษย์หนุ่มปรากฏกาย “เจ้าก็มาถึงนี่เอง รึอยากรู้ว่าข้ากำลังทำสิ่งใด”

เสวี่ยซีพยักหน้าแรง ความซื่อตรงฉายชัดในสีหน้า “ข้าไม่เข้าใจ เมื่อคืนท่านสอนข้าให้เฝ้ามองดาวบนฟ้า แต่วันนี้กลับใช้แผ่นไม้ไผ่กับอักษรประหลาดทำนายชะตาผู้คน มันต่างกันเช่นไร?”

หมานเฉียนหัวเราะเบา ๆ ดวงตาลุ่มลึกดังห้วงเวหามองเสวี่ยซี “ดวงดาวกับอักษรคือสิ่งเดียวกัน เป็นภาษาแห่งฟ้า เพียงแต่ผู้คนมิอาจอ่านดาวได้ทุกผู้ทุกนาม จึงต้องอาศัยเครื่องหมายอื่นให้เข้าใจง่ายขึ้น แผ่นไม้ไผ่เหล่านี้ก็คือสะพานเชื่อมระหว่างสวรรค์กับมนุษย์”

เสวี่ยซีเม้มปากครุ่นคิด “เช่นนั้นสิ่งที่ท่านบอกผู้คน…เป็นจริงดังที่ดาวกำหนดหรือ”

“หาใช่ทั้งหมดไม่” หมานเฉียนตอบเสียงเรียบ “ดวงดาวเพียงชี้ทิศทาง แต่หนทางยังขึ้นอยู่กับใจคน การทำนายจึงมิใช่คำตัดสิน แต่เป็นเพียงแสงนำทางให้ผู้คนเลือกก้าวไปอย่างมีสติ”

คำพูดนั้นทำให้หัวใจเสวี่ยซีสั่นสะท้าน เขาก้มลงมองแผ่นไม้ไผ่ที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า พลันรู้สึกว่ามันมีชีวิต มีพลังลึกลับซ่อนเร้น

“หากข้าลองสักครั้ง” เขาถามอย่างไม่อาจข่มความอยากรู้

หมานเฉียนจ้องเขานิ่งไปครู่ ก่อนพยักหน้า “ลองดูเถิด แต่จำไว้ ผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งชี้ขาดชีวิตเจ้า หากแต่คือบทเรียนหนึ่งที่เจ้าควรคิด”

เสวี่ยซีค่อย ๆ เอื้อมมือเรียวยาวหยิบแท่งไม้ไผ่ออกมา ลมหายใจสั่นพร่า เขาพลิกดูตัวอักษรที่สลักไว้ แสงแดดบ่ายส่องลงบนรอยสลักนั้นราวกับทำให้มันเปล่งประกาย

หมานเฉียนรับไปมองครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวช้า ๆ “อักษรนี้หมายถึงการก้าวพ้นกำแพงที่กักขัง หมายความว่าเจ้ากำลังเดินออกจากกรอบที่เคยคุ้น หากใจมั่น ย่อมพบหนทางใหม่ หากใจหวั่น ก็จะติดอยู่ในเงามืดเช่นเดิม”

ถ้อยคำเรียบง่าย แต่กลับตรงกับความรู้สึกภายในเสวี่ยซี เขาเพิ่งเริ่มต้นศึกษาดาราศาสตร์อย่างจริงจัง ก็รู้สึกเสมือนกำลังก้าวออกจากโลกแคบที่ตนเคยอยู่ ดวงตาสีอำพันสั่นระริก น้ำเสียงแผ่วออกมา “มันเหมือนกับสิ่งที่ข้ากำลังเผชิญ…”

หมานเฉียนเพียงยิ้ม ไม่เอื้อนเอ่ยต่อ ทิ้งความหมายไว้ให้ศิษย์หนุ่มครุ่นคิดเอง

เวลาล่วงเลยไปจนตะวันเริ่มคล้อย เสวี่ยซีจึงลุกขึ้น ก้มหัวเล็กน้อย “วันนี้ข้าได้เรียนรู้มาก ขอบคุณท่านอาจารย์”

เขาล้วงห่อผ้าขาวเล็ก ๆ ออกมา ยื่นไปตรงหน้า ภายในนั้นมีกล่องไม้ใส่ขนมไหมฟ้านุ่มหวาน กับขวดเล็กบรรจุน้ำเต้าหู้หอมอุ่น “รับไว้เถอะขอรับ”

หมานเฉียนเหลือบมองเพียงแวบหนึ่ง ก่อนรับไว้โดยมิได้ปฏิเสธ “ฮึ…เจ้าหนอ ช่างไม่ลืมแบ่งปันผู้อื่นเลย”

เสวี่ยซียิ้มอ่อน ดวงหน้าขาวกระจ่างคล้ายดาวที่เพิ่งทอแสง เขาเอ่ยเบา ๆ “เช่นนี้ครั้งหน้า ข้าหวังว่าจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่จากท่านอีก”


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้
✎ อาหาร/ชงชาปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน


แสดงความคิดเห็น

เอฟเฟคอาหารปรุงหรือชงชา +5 นับรวมกัน ใน 1 คอมโบเช็ตไม่ใช่ +5 ทั้งอาหารปรุงและชงชา  โพสต์ 2025-9-26 21:06
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2025-9-26 21:05
โบนัสความสัมพันธ์จากเกรดขนม มีคอมโบแค่ชาเท่านั้นไม่มีคอมโบสุรา ดังนั้นสุราเบญจมาศถือว่าให้ฟรี  โพสต์ 2025-9-26 21:05
แนบเอฟเฟคผิด +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า) +ชา(น้ำเต้าหู้) +5 แต้ม = 25 แต้ม  โพสต์ 2025-9-26 21:02
เพิ่งสังเกต แนบเอฟเฟคผิด  โพสต์ 2025-9-26 21:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-27 09:10:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 27 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

ยามบ่ายของฉางอัน แสงแดดอุ่นทอดลงเหนือถนนหิน ตลาดตะวันออกยังคงเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่แผงเล็กของหมานเฉียนกลับมีบรรยากาศแตกต่างออกไป เสื่อผืนบางปูไว้หน้าแผง โต๊ะไม้เรียบง่ายปูด้วยผ้าสีขาวปักลวดลายดวงดาว แท่งไม้ไผ่เรียงอยู่ในกล่องเคียงคู่กระถางธูปเล็กที่ยังคงมีควันบางลอยกรุ่น

เสวี่ยซีเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา เขาเพิ่งเสร็จธุระจากร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน และตรงดิ่งมาที่นี่เพียงเพื่อดูอาจารย์ที่ตนเคารพกำลังทำสิ่งแปลกใหม่ ดวงตาสีอำพันกลมโตมองไม่กะพริบ ร่างบอบบางนั่งลงบนม้านั่งข้าง ๆ เงียบ ๆ โดยไม่กล้ารบกวน

ตรงหน้าชายหนุ่มผู้แต่งกายเป็นพ่อค้าธรรมดากำลังคำนับ “ท่านซินแส ข้าได้ยินกิตติศัพท์ว่าท่านสามารถอ่านชะตาด้วยอักษรไม้ไผ่ วันนี้ขอทดสอบชะตาของข้าดูสักครั้ง”

หมานเฉียนพยักหน้าเบา ๆ เสียงทุ้มสงบเอื้อนเอ่ย “ทุกสิ่งมีที่มา อักษรแต่ละตัวเป็นดั่งรอยเท้าของฟ้า เจ้าจงจับแท่งไม้ด้วยใจที่สงบ แล้วคำตอบจะเผยออกมาเอง”

ชายหนุ่มหลับตา คว้าแท่งไม้ไผ่ขึ้นมา ก่อนวางลงตรงหน้า หมานเฉียนหยิบขึ้นพลิกดู อักษรโบราณปรากฏชัดเจน เขาเอื้อนเอ่ยช้า ๆ

“อักษรนี้หมายถึง ‘เส้นทางคดเคี้ยว’ หนทางของเจ้ามิใช่ตรงไปข้างหน้า แต่ต้องอาศัยการอ้อมเลี่ยง หากใจร้อนจะติดกับ หากใจเย็นจะได้ผลสำเร็จ”

ชายหนุ่มทำตาโต เผลออุทาน “ตรงนัก! ข้ากำลังลังเลเรื่องกิจการ จะลงทุนทางหนึ่ง แต่ก็กลัวเสียหาย”

หมานเฉียนวางแท่งไม้ลง สายตาคมลึกจ้องเขา “มิใช่อักษรที่บอกว่าเจ้าจะรวยหรือจน แต่เตือนให้เจ้ารู้ว่าการรีบร้อนนำไปสู่เคราะห์ หากฟังและไตร่ตรองด้วยใจเย็น เจ้าจะพบทางที่ใช่เอง”

ชายหนุ่มก้มลงกราบแทบเท้า เสียงสั่นเครือ “ข้าสำนึกแล้ว ขอบคุณท่านผู้รู้”

เสวี่ยซีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เบิกตากว้าง แก้มขึ้นสีแดงน้อย ๆ ราวกับเด็กได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ เขาเอียงหน้าเล็กน้อย พึมพำเสียงเบา “อักษรเล็ก ๆ แค่หนึ่งตัว ทำไมถึงบอกความจริงในใจคนได้ชัดเจนนัก…”

ครู่ถัดมามีหญิงสาวชาวบ้านเข้ามาแทนที่ เธอประสานมือกล่าวเสียงสั่น “ชายของข้าไปเดินทางค้าขายต่างเมือง ข้าไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาปลอดภัยหรือไม่ ขอท่านโปรดทำนายให้ด้วย”

หมานเฉียนพยักหน้ารับ หญิงสาวหยิบแท่งไม้ขึ้นมา แผ่นไม้สลักอักษรปรากฏในมือเขา เขามองครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “อักษรนี้คือ ‘สายธาร’ สายน้ำอาจเชี่ยวกราก แต่ย่อมมีทางไหลกลับมาสู่ต้นน้ำ ชายผู้นั้นแม้ต้องเผชิญภัยระหว่างทาง แต่ในที่สุดจะได้กลับมาสู่บ้านเดิม”

น้ำตาคลอเต็มดวงตาหญิงสาว เธอก้มลงกราบอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่าน… ข้าจะรอเขากลับมา”

เสวี่ยซีนั่งฟังอย่างเงียบงัน หัวใจพองโตเหมือนกำลังได้เรียนบทใหม่แห่งดาราศาสตร์ที่มิใช่เพียงดาวบนฟ้า แต่ยังส่องสว่างในใจมนุษย์ เขามองหมานเฉียนอย่างชื่นชม ดวงตาใสแวววาว

เมื่อฝูงชนซาลง เสวี่ยซีจึงค่อย ๆ เอ่ยถาม “อาจารย์อักษรเหล่านี้แท้จริงแล้วเชื่อมโยงกับดาวบนฟ้าใช่หรือไม่?”

หมานเฉียนเหลือบตามามองศิษย์หนุ่ม แววตาลุ่มลึกและเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบ “ทุกตัวอักษรคือรอยสลักแห่งฟ้า บางครั้งเราอ่านมันบนฟากดาว บางครั้งเราอ่านมันบนไม้ไผ่ แต่แท้จริงแล้วคือสิ่งเดียวกัน ฟ้าสะท้อนใจคน ใจคนสะท้อนกลับไปยังฟ้า”

เสวี่ยซีฟังแล้วจ้องนิ่ง ริมฝีปากขยับช้า ๆ “ข้าอยากเข้าใจสิ่งนี้ให้มากขึ้น…”

หมานเฉียนหัวเราะเบา ๆ “เช่นนั้นเจ้าจงดูต่อไป เฝ้าดูทั้งดาวบนฟ้าและตัวอักษรตรงหน้า เมื่อถึงวันหนึ่ง เจ้าจะเห็นว่ามันคือเรื่องราวเดียวกัน”

แสงแดดบ่ายคล้อยลง ทอเงาสีทองบนโต๊ะไม้ เสวี่ยซีล้วงออกห่อผ้าเล็ก ๆ ส่งให้หมานเฉียนด้วยรอยยิ้มซื่อใส “อาจารย์วันนี้ข้าซื้อมี่จือชาเฉา มาฝาก…หวังว่าท่านจะชอบ”

หมานเฉียนรับไป มุมปากยกขึ้นเพียงเล็กน้อย “เจ้าหนอ…ไม่เคยลืมเอื้อเฟื้อผู้อื่นเลย”

เสวี่ยซียิ้มบางก่อนลุกขึ้นคารวะ แล้วจึงก้าวออกจากแผงไปอย่างเบิกบาน ในใจยังคงสะท้อนถ้อยคำของอาจารย์ ราวกับอักษรที่ทอประกายกลางบ่ายวันนั้น


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +15 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดน้ำเงิน (มี่จือชาเฉา)
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน


แสดงความคิดเห็น

เดินลึกเข้าไปใจกลางหุบเขาที่นั่นจะมีถ้ำอยู่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด แต่ข้าสัมผัสได้ว่าที่นั่นมีพลังงานลึกลับบางอย่างปรากฎตัวขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้  โพสต์ 2025-9-27 10:00
บุรุษหนุ่มชุดขาวได้ยกพัดขาวขึ้น "พ่อหนุ่มน้อย เวลานี้ดูเหมือนใจกลางหุบเขาหัวซานจะมีพลังงานลึกลับปรากฎขึ้น หากเจ้ามีเวลาก็ลองไปสำรวจดู บางทีอาจจะเป็นศาสตราในตำนานปรากฎ "   โพสต์ 2025-9-27 09:59
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 70 โพสต์ 2025-9-27 09:57
โพสต์ 14082 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-27 09:10
โพสต์ 14,082 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-27 09:10
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3

5

กระทู้

68

ตอบกลับ

3304

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2886
ตำลึงทอง
125
ตำลึงเงิน
632
เหรียญอู่จู
11537
STR
4+2
INT
4+0
LUK
10+7
POW
3+0
CHA
9+0
VIT
5+0
คุณธรรม
365
ความชั่ว
0
ความโหด
182
โพสต์ 2025-9-27 17:47:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mingchunshui เมื่อ 2025-9-27 17:54

บุรุษผู้นั้น หน้าตาเหมือนคนติดฝิ่น
    ‘ไม่อยากกลับหอว่านหงเหรินเลย’ นั่นคือสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของหมิงชุนสุ่ยระหว่างทางที่ชายหนุ่มเดินทอดน่องจากตลาดตะวันออกไปยังยังหอหว่านหงเหริน แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ยามเย็นแล้วก็ตาม


     ‘ถ้าหากว่าข้าจะเดินเล่นต่ออีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไหมนะ’ชายหนุ่มขบคิดในหัวก่อนจะหยุดฝีเท้าที่กำลังเดินแล้วหันไปมองเจียวจ้านที่หยุดเดิมเช่นเดียวกัน


     “มีอะไรหรือคุณชาย หรือว่าท่านลืมซื้อสิ่งใด”


     “ข้าไม่ได้ลืมซื้อสิ่งใดเพียงแต่ยังไม่อยากกลับหอ ตอนนี้แดดร่มลมตกเดินเล่มชมแสงไฟในเมืองก่อน เจ้าคิดว่าดีรึไม่”


      “คุณชายอยากทำสิ่งใดข้าย่อมตามใจท่าน ขอเพียงแค่ท่านระวังไม่ให้ท่านอาการป่วยทรุดลงก็พอ”


     เป็นอย่างที่คิดเจียวจ้านไม่เคยสักครั้งที่จะกล่าวห้ามยามเขาต้องการทำอะไรตามใจ อีกฝ่ายเพียงแค่ค่อยดูแลและห้ามเฉพาะเรื่องที่อีกฝ่ายมองว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับเขาเท่านั้น หมอนี่ก็เป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่เด็กยันโต หากจะกล่าวว่าหมิงชุนสุ่ยใยยิ่งโตยิ่งเอาแต่ใจ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเจียวจ้านที่ร่วมหัวตามใจเขาไม่แพ้บิดา มารดาและพี่ชายเลย


     “เช่นนั้นเราไปเดินชมแสงสีในตลาดกันสักหน่อย วันนี้เป็นวันหยุดวันสุดท้ายของข้า พรุ่งนี้อย่างไรก็ต้องทำงานต่อ งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ ข้าอยากแอบไปดูร้านของตะกูลสักหน่อยด้วย”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบาง


     นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววเศร้าหมองเล็กน้อยยามนึกถึงเรื่องที่ตระกูลของตน


     ก่อนหน้าที่กล่าวประชดท่านพ่อไปเขาก็หนีออกมาเลย ไม่รู้ป่านนี้ที่บ้านจะเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าท่านแม่คงไม่คิดมากจนล้มป่วยไปเสียก่อนไม่เช่นนั้นเขาคงกลายเป็นบุตรอกตัญญูดั่งที่ชาวบ้านกล่าวกันจริงๆเข้าสักวัน


     “จะกลับไปเยี่ยมนายท่านกับคุณชายใหญ่หรือขอรับ”


      “เปล่า ข้าแค่อยากแวะไปดูผ่านๆ ตอนนี้ข้าแทบไม่ต่างจากคนหนีออกจากบ้าน ให้บากหน้ากลับไปท่านพ่อก็คงไม่ให้อภัยหรอก”


      “คุณชายท่านคิดมากไปแล้ว ทุกคนที่ตระกูลเป็นห่วงนายท่านจักตายขอรับ ไม่เช่นนั้นคงมิให้ข้าออกมาตามหาและอยู่รับใช้คุณชายหรอกขอรับ”


     “ข้ารู้ แต่ในใจมันก็อดคิดไม่ได้ ข้ารู้ว่าท่านพ่ออยากให้ข้าเติบโตมีความรับผิดชอบ”หมิงชุนสุ่ยเอ่ยเสียงเบาพลางสาวเท้าเดินไปตามเส้นทางคุ้นตาในตลาดตะวันออก ผ่านร้านรวงมากมายที่กำลังร้องเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อของ


     “ตอนที่ข้าออกมา ข้าตัดสินใจได้เรื่องหนึ่งว่า ข้าจะทำงานที่หอว่านหงเหรินไปสักพัก ถ้ามีเงินมากพอก็จะเปิดร้านเป็นของตนเอง หากมันไปได้สวย ข้าถึงจะกลับไปที่ตระกูลนำเอาความสำเร็จของข้าไปมอบให้ท่านพ่อท่านแม่แล้วก็พี่ใหญ่ดูว่าข้าเองก็ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้พวกเขา”


     ยามได้ฟังผู้เป็นนายกล่าวออกมาใบหน้าสุขุมของเจียวจ้านก็พลันปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาด้วยความรู้สึกยินดี ‘คุณชายของเขาโตขึ้นแล้วจริงๆ’


     “การตัดสินใจของคุณชายน่านับถือมากขอรับ เส้นทางต่อจากนี้ของคุณชายคงลำบากไม่น้อยแต่ว่าข้าสัญญาว่าจะเคียงข้างคุณชาย คอยช่วยเหลือท่านตลอดไปขอรับ”


    “ขอบใจนะเจียวจ้าน”หมิงชุนสุ่ยหันไปยิ้มให้กับผู้ติดตามของตน


     ชายหนุ่มเดินชมบรรยากาศที่แสนวุ่ยวายของตลาดยามเย็นไปเรื่อยๆด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งหลังจากที่ได้บอกเล่าการตัดสินใจของตนออกไป ความกังวลที่สะสมมาก่อนหน้าค่อยๆจางหายไป ก่อนที่นัยน์ตาสีอ่อนจะไปสะดุ้นเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งในชุดสีดำเข้ม ที่ถูกแต่งอย่างดูเนียบเป็นระเบียบเสียจนรู้สึกอึดอัดแทนที่กำลังเดินสวนมา
ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นคมคายดุดันโดยเฉพาะรอบขอบตาที่ดูคล้ำเล็กน้อยยิ่งทำให้ดวงตาของอีกฝ่ายดูคมดุ ทั้งยังมีบุคลิกผึ่งผายราวทหารกล้า จังหวะการเดินก็ดูมั่นคง หนักแน่นดูท่าคงไม่แคล้วเป็นทหารของกองทัพที่ออกมาพักผ่อน แต่ถึงกระนั้นใบหน้ากลับดูแล้วไม่รับแขกสักนิด


    “เดินตลาดด้วยใบหน้าขึงขังปานนั้น จะมีคนกล้าขายของให้ไหมนั่น ขอบตาดำปี๋ราวกับคนติดฝิ่น”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพึมพัมก่อนจะละความสนใจจากบุรุษในอาภรณ์สีเข้มนั้นแล้วหันไปสนใจข้าวของที่ขายอยู่ข้างทางแทน


    “คุณชายว่าอะไรหรือขอรับ”เจียวจ้านที่เดินอยู่ข้างๆได้ยินเสียงกล่าวเบาๆ ของผู้เป็นนายก็ถามขึ้นมาเพราะได้ยินไม่ถนัด


     “ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็พูดบ่นไปเรื่อยนั่นแหละ ไปดูร้านเนื้อย่างตรงหัวมุมเถอะ ไม่กินนานแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะขายหมดรึยัง”


     “นั่นสิขอรับ ร้านของท่านป้าซ่งขายดีมากจริงๆ”


      “ก็มันอร่อยเสียขนาดนั้นนี่ เร็วรีบเดินเถอะ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพร้อมกับรีบดันหลังผู้ติดตามของตนให้รีบเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังร้านเนื้อย่างด้วยความรีบร้อน เพราะกลัวว่าเนื้อย่างที่ตนอยากทานจะหมดไปเสียก่อน





พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13639 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-9-27 17:47
โพสต์ 13,639 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-9-27 17:47
โพสต์ 13,639 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-9-27 17:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ผีผา
พัดคุณชาย
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
x2
x2
x2
x1
x1
x10
x10
x30
x4
x10
x27

5

กระทู้

68

ตอบกลับ

3304

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2886
ตำลึงทอง
125
ตำลึงเงิน
632
เหรียญอู่จู
11537
STR
4+2
INT
4+0
LUK
10+7
POW
3+0
CHA
9+0
VIT
5+0
คุณธรรม
365
ความชั่ว
0
ความโหด
182
โพสต์ 2025-9-28 13:58:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mingchunshui เมื่อ 2025-9-28 14:07

ดูดวงเพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิต
พบเจอ ตงฟางซั่ว

        เช้าที่แสนสดใสของใครหลายๆคนมาถึงแต่สำหรับหมิงชุนสุ่ยมันช่างเป็นอีกวันที่ขารู้สึกห่อเหี่ยวเหลือเกินเพราะวันหยุดที่ได้รับมานั้นหมดไปแล้ว และวันนี้เขาต้องกลับมาทำงานเพียงแต่พอกลับมาเริ่มงานกลับดูเหมือนมันมีบางอย่างในหอที่เหมือนจะต่างออกไปเล็กน้อย

        “พี่โอวหย๋า ข้ารู้สึกไปเองรึเปล่าว่าบรรยากาศในหอมันแปลกๆ”หมิงชุนสุ่ยที่กำลังตักอาหารใส่ถ้วยของตนเองกล่าวถามกับพี่เลี้ยงของตนด้วยความสงสัย

        “เจ้าไม่ได้รู้สึกไปเองหรอก มันเปลี่ยนไปจริงๆนั่นแหละ” โอวหย๋าบอกออกมาพร้อมกับส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มหันไปมองด้านหลัง เมื่อเขาไปมองตามก็พบเขากับกลุ่มของลู่เหมินที่ดูจะสงบเสงี่ยมกว่าก่อนหน้าทั้งยังเมื่อเห็นเขามองไปก็พากันหลบหน้าหลบตาราวกับเขาเป็นยักษ์มารไปได้

        “เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”

        “ก็ถูกทันณ์บนกับถูกตัดเงินน่ะสิ โทษฐานที่ก่อความวุ่นวายในหอ”โอวหย๋าตอบกลับข้อสงสัยของชายหนุ่ม

        “แต่ทำไมข้าไม่โดนด้วยละขอรับ”

        “เจ้าไม่โดนน่ะถูกแล้ว เถ้าแก่น่ะไม่สนใจหรอกนะว่าคนในหอจะมีปากเสียงหรือทะเลาะวิวาทตบตีจนเลือดตกยางออก ขอแค่ส่งผลต่องานในหอก็พอ ในกรณีของเจ้า เพราะลู่เหมินแอบตัดสายผีผาของเจ้าจนเกือบทำให้การแสดงล่ม ดีที่เจ้ามีไหวพริบดีจนสามารถดำเนินการแสดงต่อได้”

        “อ้อ ข้าพอจะเข้าใจแล้วขอรับ ขอเพียงการวิวาทไม่ได้อยู่ในสายตาของแขกที่มาใช้บริการ เถ้าแก่ก็จะไม่เข้ามายุ่ง”เขายกมือขึ้นลูบปลายคางของตนเบาๆ “ดังนั้นการที่ข้าเอาผีผาฟาดใส่ลู่เหมินในห้องเตรียมตัวจึงไม่ถูกยกมาเป็นบทลงโทษ เพราะแขกมองไม่เห็นสินะ”

        “ใช่แล้วล่ะ เถ้าแก่น่ะให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของหออย่างมากเสียจนเจ้าคาดไม่ถึงแน่ๆ”วหย๋ากล่าวพร้อมกับเริ่มทานอาหารต่อ

        หมิงชุนสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรต่อเพียงแต่ก้มหน้าทานข้าวในถ้วยตนเองก่อนจะหันไปมองหาเจียวจ้านที่เหมือนจะถูกพนักงานของหาตามตัวให้ไปช่วยยกของที่หลังร้าน นอกจากที่อีกฝ่ายจะเข้ามาในหอเพื่อดูแลเขาและยังรับหน้าที่ช่วยงานคนในหออีกด้วยช่างเป็นคนดีที่ขยันเกินไปจริงๆ

         หลังจากทานอาหารเสร็จหมิงชุนสุ่ยก็เลือกที่จะชวนเจียวจ้านไปเดินเที่ยวที่ตลาดฝั่งตะวันออกอีกครั้งเพราะเมื่อวานตอนที่พวกเขาทั้งสองเดินเที่ยวกัน บังเอิญไปเห็นแผงทำนายเข้า แต่น่าเสียดายตรงที่เมื่อวานเขามาไม่ทันและเจ้าของแผงทำนายปิดร้านไปแล้ว

แต่จากที่สอบถามพ่อค้าแม่ค้าแถวๆนั้นก็บอกว่าแผงทำนายนี้จะเปิดในช่วงยามเว่ย นั่นจึงทำให้หมิงชุนสุ่ยรีบชวนเจียวจ้านให้ออกมารอคั้งแต่ยามอู่เพื่อหวังว่าตนอาจจะได้ทำนายเป็นคิวแรก เพียงแต่ความคิดนี้ไม่ใช่เพียงของหมิงชุนสุ่ยคนเดียว เพราะทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงก็พบว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่มายืนจับจองรอเข้ารับการทำนายอยู่จำนวนหนึ่ง

“มีคนมาถึงก่อนเราอีกหรือเนี่ยขนาดข้ามาก่อนตั้งหนึ่งชั่วยาม”

“แสดงว่าเจ้าของแผงทำนายนี้ต้องทำนายทายทักแม่นแน่ๆขอรับไม่งั้นคนคงไม่มารอเยอะเช่นนี้”เจียวจ้านพูดแสดงความคิดเห็นออกมาซึ่งหมิงชุนสุ่ยก็คอนข้างเห็นด้วยไม่น้อย

ทั้งสองยืนรอไปจนในที่สุดเจ้าของแผงทำนายก็มาถึง อีกเป็นชายหนุ่มที่ดูอายุยังไม่เข้าสู่ช่วงกลางคนด้วยซ้ำหน้าตาก็ดูผุดผ่อง ราวเทพเซียน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มีผู้คนมารอรับการทำนายมากนัก ในตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าของแผงทำนายนี้จะเป็นชายแก่หัวหงอกหนวดขาวเสียอีก
หมิงชุนสุ่ยยืนรออยู๋พักใหญ่ๆ ในที่สุดก็ถึงตาของเขาสำหรับการเข้าไปรับการทำนาย ชายหนุ่มยืนมองสำรวจไปหน้าของอาจารย์ผู้ทำนายตรงหน้าก่อนจะแย้มยิ้มและยกมือคาวระเป็นการทักทายก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“ท่านเซียนข้าพึ่งเคยมาทำนายครั้งแรก ต้องทำสิ่งใดบ้างหรือขอรับ” หมิงชุนสุ่ยกล่าวเรียกขานชายหนุ่มเจ้าของแผงตามคนก่อนหน้าด้วยความเคารพ

“คุณชายมิต้องกล่าวยกย่อถึงเพียงนั้น ข้าเองก็เป็นคนธรรมดามิได้เ็นเทพเซียนจากไหนเรียกข้าว่าหมานเฉียนเฉยๆก็พอ”หมานเฉียนแนะนำตัวด้วยที่หน้าสุขุม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็น แต่ก็อ่อนโยนราวแม่น้ำในทะเลสาบ “คุณชายมิต้องทำสิ่งใดมากมาย เพียงแค่ปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย อย่างคิดมากฟุ้งซ่าน”

“อ่า เช่นนั้นข้าขออนุญาตเรียกท่านว่าอาจารย์หมานเฉียนนะขอรับ ส่วนท่านเรียกข้าว่าเจียวสุ่ยก็พอ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะสูดลมหายใจเข้า และผ่อนออกเพื่อผ่อนคลายทำจิตใจให้สงบก่อนที่จะเข้ารับการทำนาย

“คุณชายเจียวสุ่ยเป็นคนพื้นดวงดีนะ เส้นทางชีวิตแม้จะลำบากก็สมบูรณ์เพรียบพร้อม อยู่ภายใต้พรแห่งโชคลาภ หากวันใดมีเรื่องทุกข์ใจก็สามารถมาพูดคุยปรึกษากับข้าที่นี้ได้ตลอด”หมานเฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มก่อนจผายมือเชิญ

“เชิญคุณชายเลือกตัวอักษรขึ้นมาสักตัว จากนั้นตั้งคำถามที่ท่านส่งสัยได้เลย ข้าจะทำนายให้”

หมิงชุนสุ่ยมอยกระดาษตัวอักษรมากมายตรงหน้าก่อนที่สายตาของชายหนุ่มจะไปสะดุดเข้ากับตัวอักษรตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจที่จะหยิบมันออกมาวางไว้เบื้องหน้า 春 (chūn) มีความหมายว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ในชื่อของเขา

“เชิญถามสิ่งที่ท่านอยากรู้ กี่ข้อก็ได้”

“ข้าอยากรู้เกี่ยวกับเส้นทางอนาคตของข้า ภารกิจในชีวิตที่ข้าต้องทำ และอะแฮ่มความรักขอรับ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาพลางยกมือขึ้นเกาแก้มด้วยความเขินอายเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงความรัก

หมานเฉียนมองท่าทีเขินอายของชายหนุ่มต้องหน้าด้วยรอยยิ้มบางพร้อมกับหยิบเอากระดาษอักษรขึ้นมา “ไม่ต้องเขินอายหรอกคุณชาย ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนดำเนินไปด้วยความรักเป็นเรื่องปกติสามัญ ทั้งจากสหาย ครอบครัว และผู้คน”

“ขอรับ”

“ช่วยเล่าเรื่องของคุณชายช่วงนี้ให้ข้าฟังได้รึไม่”

“ได้ ได้ขอรับ คือข้าพึ่ง..จะว่าอย่างไรดีหนีออกจากบ้านมาแล้วก็ตอนนี้เป็นนายโลม ท่านคงไม่รังเกียจ”หมิงชุนสุ่ยกล่าว เขารู้ดีว่าภาพลักษณ์ของนางโลมนายโลมในสายตาของคนภายนอกนั้นไม่ได้ชอบพอกับอาชีพนี้เท่าไหร่นัก

เมื่อเหลือบมองไปยังหมานเฉียนก็พบว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดแล้วก็ไม่มีท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวของตนต่อ

“ก่อนหน้าที่ข้าพึ่งได้รู้จากเถ้าแก่ขอหอมาว่าพรุ่งนี้จะเป็นงานประมูลคืนแรกของข้า ข้ากังวลนิดหน่อย ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้นรึไม่”

“ได้ ข้าจะทำนายให้คุณชายได้ฟังและไขข้อความกังวลในใจของท่าน”

“ขอบคุณอาจารย์หมานเฉียน อ้อข้าเห็นท่านนั่งทำนายมานานขนมนี้ให้ท่านไว้ทานเล่นระหว่างวันนะขอรับ”หมิงชุนสุ่ยกว่าวพร้อมกับยื่นหอขนมคอเป็ดให้ซินแสหนุ่ม







เหตุแห่งการขอคำพยากรณ์
อื่น ๆ : ข้าไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับการประมูลคืนแรกของข้า

มอบ ‘อักษรทำนาย’ หนึ่งตัว
春 (chūn)

ความรู้สึกเมื่อคิดถึงอักษรนี้ : มันเป็นตัวอักษรที่อยู่ในชื่อของข้า ให้ความรู้สึกคุ้นเคย

ข้าต้องการถามคำถามเกี่ยวกับ
อนาคต
ภารกิจในชีวิต
ความรัก

เรื่องราวที่เกี่ยวข้องในช่วงนี้
ไปอ่านโรลนะ


ลงชื่อผู้ขอคำทำนาย
นาม : หมิงชุนสุ่ย
วันเวลาที่กรอก : วันที่ 28 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
สถานะปัจจุบัน : นายโลมอนาคตเจ้าของร้านคาเฟย  โรงน้ำชาน่ารัก วิ๊บๆ วั๊บๆ เจ้าแมวน้อยผู้มีดวงตาเป็นประกายราวดวงดาวนับล้าน กับเสียงร้องแง่วๆ ที่จะออดอ้อนตะกุยหัวใจของคุณให้กลายเป็นทาสปิ๊วๆ จงมอบเงินตำลึงและแมวเลียมาให้ข้าเดียว


มอบ ขนมคอเป็ดให้ตงฟาง 1 ชิ้น +10 ความสัมพันธ์
จ่ายค่าทำนาย 30 ตำลึงเงิน
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่





แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-9-28 17:28
โพสต์ 23187 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-9-28 13:58
โพสต์ 23,187 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-9-28 13:58
โพสต์ 23,187 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-9-28 13:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ผีผา
พัดคุณชาย
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x2
x2
x2
x2
x1
x1
x10
x10
x30
x4
x10
x27
โพสต์ 2025-9-28 17:38:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Mingchunshui ตอบกลับเมื่อ 2025-9-28 13:58
ดูดวงเพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิต พบเจอ ตงฟางซั่ว
  ...




ทำนายอักษร


一 (ขีดฟ้าเส้นแรกบนสุด)
[อนาคต] เปิดฤดู—เริ่มเร็วได้เปรียบ “ใครเริ่มก่อน ชนะหนึ่งช่วงตัว”
[ภารกิจ] ลงมือเล็ก ๆ แต่สม่ำเสมอ ตั้งพิธีประจำวันของร้าน/งาน
[ความรัก] ส่งสัญญาณแรกที่ชัด—ทักก่อน ชวนคุยหัวข้อเบา ๆ


② 一 (ขีดฟ้าเส้นที่สอง)
[อนาคต] ต่อชั้นที่หนึ่งด้วยหลักฐาน—ทำเด็ค/ข้อเสนอให้เห็นรูปธรรม
[ภารกิจ] เลเยอร์ที่สองของระบบงาน: เช็กลิสต์/มาตรฐานบริการ
[ความรัก] สร้าง “ความถี่” (ข้อความ/ชาร่วมสัปดาห์ละครั้ง)


③ 一 (ขีดฟ้าเส้นที่สาม = 三陽開泰)
[อนาคต] โอกาสเปิดเต็มที่—ยื่นของจริง/ตัวอย่างสินค้า/เมนูซิกเนเจอร์
[ภารกิจ] ประกาศวิสัยทัศน์สั้น ๆ ของร้าน/งานให้ทีมท่องได้
[ความรัก] ผ่านด่านเกรงใจ—ชวนเจอกิจกรรมกลางแจ้ง/เช้า ๆ (พลัง春)


④ 丨 (เส้นแกน贯日—เสาตรงกลาง)
[อนาคต] ตั้ง “กติกา-เส้นกลาง” ของตัวเอง—รับงาน/ปฏิเสธงานตามเกณฑ์เดียว
[ภารกิจ] แกนคุณค่า 1 ประโยค: “ร้านนี้ทำให้ผู้คนงอกงามอย่างอ่อนโยน”
[ความรัก] ซื่อสัตย์-สม่ำเสมอ คือเสาหลัก อย่าโลเลสองมาตรฐาน


⑤ 日・上横 (เพดานของวัน)
[อนาคต] เพดานความเสี่ยง—กำหนดงบ/ขอบเขตทดลองชัด
[ภารกิจ] เวลาเปิด-ปิด/สโคปบริการ—เขียนให้เห็นหน้าร้าน
[ความรัก] ขีดบน = ขอบเขตส่วนตัว เคารพเวลาพักของกันและกัน


⑥ 日・左竖 (เสาซ้ายของวัน)
[อนาคต] ด้านซ้าย = อดีต/ราก—ใช้รีวิว/ผลงานเก่าหนุนข้อเสนอใหม่
[ภารกิจ] ตำรา/มาตรฐานการชง—ยึดสูตรฐานไว้หนึ่งชุดไม่เปลี่ยนพร่ำเพรื่อ
[ความรัก] เล่าแบ็กกราวด์อย่างพอดี—ให้คู่รู้ “ที่มา” เพื่อวางใจ


⑦ 日・右竖 (เสาขวาของวัน)
[อนาคต] ด้านขวา = อนาคต/การส่งมอบ—ระบุเดดไลน์และตัวชี้วัดผล
[ภารกิจ] คน–บทบาท–ความรับผิดชอบ (RACI) ให้ชัดเจน
[ความรัก] บอกความคาดหวังเรียบ ๆ เช่น เวลาคุณภาพ/พื้นที่ส่วนตัว


⑧ 日・下横 (พื้นของวัน)
[อนาคต] ปิดงานให้เรียบ—เอกสารถูกต้อง เก็บเงินเป็นขั้น
[ภารกิจ] ฐานบัญชี/สต็อก—ทุกวันจบด้วยยอดตรง
[ความรัก] ความใส่ใจเล็ก ๆ ประจำวัน = “พื้น” ที่ทำให้สัมพันธ์มั่น


⑨ 一 (แผ่นดินล่างสุด = 地財之線)
[อนาคต] เส้นทรัพย์—รายได้จะมาเมื่อบนจัดกรอบดีแล้ว ลงดินด้วยโปรฯเล็กที่ทำได้จริง
[ภารกิจ] คืนกำไรสู่ชุมชน/แมวจรเล็กน้อย—ยิ่งให้ยิ่งดึงดูด
[ความรัก] ของธรรมดาแต่สม่ำเสมอ (ชารอบค่ำ/ส่งเข้านอน) คือดินที่อุ้มรัก


สรุป
อนาคต
โทนรวมคือ “สามหยางผลักขึ้น + เสาแกน + ดินรับ” → โตแบบมีกรอบเวลาและขีดเส้นชัด
หน้าต่างดี: ยาม卯–辰 (05:00–09:00) เริ่มงาน/เสนอแผนช่วงเช้าจะขึ้นมือ
สัญญาณถูกทาง: ได้ “เพดาน-งบชัด, เดดไลน์ชัด, ตัวอย่างงานจริง”

ภารกิจในชีวิต
เสาตรงกลาง (④) + 日 ทั้งกรอบ (⑤–⑧) = “สร้างระบบวันที่ดี”
ภารกิจคือ ทำให้ผู้คนงอกงามด้วยระเบียบที่อ่อนโยน: กติกาเล็ก ๆ, พิธีประจำ, คุณภาพสม่ำเสมอ
เคล็ด: ปิดวันด้วย ยอดตรง & บันทึกเมตตา 1 อย่าง (เส้น⑧)

ความรัก
春 = เริ่มงอก—แต่ต้องมี กรอบอุ่นแบบ家 จากเส้นวัน (⑤–⑧)
ทางชนะ: ส่งสัญญาณชัด (①③) พาคนรักเข้ากิจวัตรเล็ก ๆ ร่วมกัน (ชารอบค่ำสัปดาห์ละครั้ง = ⑧⑨)
ขอบเขตที่ดี (⑤) + เรื่องเล่าราก (⑥) + แผนอนาคต (⑦) → ความไว้ใจเติบมั่น


คำแนะนำจากตงฟางซั่ว
ทำต้นให้ตรง กรอบให้ชัด ดินจะอุ้มงอก—
งานก้าว เงินมา รักมั่น ไม่เร่งแต่ไม่หลงทาง






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8976 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-28 17:38
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x50
x1
x1
x1
x1
x100
x2
x3
x10
x5
x2
x1
x4
x50
x50
x2
x20
x30
x20
x2
x2
x1
x119
x140
x120
x50
x2
x9
x5
x2
x875
x4
x4
x30
x48
x127
x20
x100
x130
x13
x1
x4983
x4973
x4
x19
x5
x3
x200
x200
x300
x450
x1
x2
x28
x7
x6
x1
x1
x3
x600
x210
x200
x350
x500
x400
x500
x200
x500
x200
x500
x9
x2
x504
x3
x3
x3
x2
x8
x1
x19

2

กระทู้

21

ตอบกลับ

692

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
617
ตำลึงทอง
1
ตำลึงเงิน
164
เหรียญอู่จู
7977
STR
0+2
INT
0+0
LUK
0+2
POW
0+0
CHA
15+5
VIT
0+0
คุณธรรม
93
ความชั่ว
0
ความโหด
65
โพสต์ 2025-9-30 20:22:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตลาดตะวันออกของนครฉางอานในยามสายยังคงคึกคัก ผู้คนหลากชนชาติเดินขวักไขว่ตามตรอกและแผงร้าน เสียงเร่ขายผ้าไหม เครื่องเทศ กลิ่นหอมฉุนจากกำยานและเครื่องหอมลอยคลุ้งผสมกับกลิ่นเนื้อย่างที่สุกบนเตาถ่าน เสียงหัวเราะและการต่อรองราคาดังก้องไปทั่วจนแทบแยกไม่ออกว่าใครพูดอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าช่างต่างจากความสงบครุ่นคิดในหอว่านหงเหรินเมื่อคืนที่เขายังได้หยิบขลุ่ยมาบรรเลงขับกล่อมเพื่อช่วยเหลือนางรำ วันนี้กลับกลายเป็นอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังงานของการค้าขายและชีวิตชีวา
เขาเดินทอดน่องไปอย่างไม่รีบเร่ง สายตาเหลือบมองทั้งผ้าไหมหลากสี อัญมณีที่วางเรียงเป็นแถว ขนมหวานจากต่างแดนที่ใส่ถาดทองเหลือง ทุกสิ่งดูน่าลองไปหมด ทว่าหัวใจเขาก็ยังคงคร้านอยู่เช่นเดิม ไม่ได้อยากลงมือซื้อหาหรือทดลองทำอะไรจริงจัง เพียงแต่เที่ยวชมให้ตนเองไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
ระหว่างที่กำลังจะหันหลังให้ร้านขายเครื่องแก้วจากแดนไกล พลันสายตาเขาก็สะดุดเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งซึ่งยืนสูงสง่าในชุดคลุมสีขาวครีมปักลายเมฆมงคล บุรุษผู้นั้นมีกิริยาสงบสุขุม สายตาอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ เฉกเช่นผู้ที่คุ้นชินกับการคุยเจรจากับผู้คนหลากเชื้อชาติรอบโลก และในมือยังถือสมุดบัญชีที่คอยจดรายละเอียดผู้เดินทางแปลกหน้าที่เพิ่งเข้ามาในนครฉางอาน

“ทูตผู้ดูแลนักเดินทางใหม่ โหรว ซางเมิ่ง…” เขาพึมพำเบา ๆ ขณะเหลือบเห็นป้ายประกาศเล็ก ๆ ที่แผงข้างตัวบุรุษผู้นั้น
ใจหนึ่งก็อยากลองทัก อีกใจก็เกรงว่าจะเสียมารยาท ทว่าในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ เขาจึงก้าวเข้าไปใกล้ หยุดยืนห่างออกไปเพียงครึ่งก้าว ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าเคารพอย่างที่เคยเห็นคนอื่นทำ

“คุณชาย…เอ่อ…ซางเมิ่ง” เสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับติดขัดเล็กน้อย
ดวงตาคมของบุรุษผู้นั้นหันมามอง เขายิ้มบาง ๆ แต่กลับส่ายหัวเบา ๆ “ในที่นี้ หากจะเรียกขานให้ถูกต้อง ต้องเรียกนามสกุลก่อน มิใช่ชื่อ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่ไม่ใช่การตำหนิ “ท่านควรเรียกว่า—คุณชายโหรว มิใช่คุณชายซางเมิ่ง”
เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อ๋อ อย่างนั้นหรือ… ข้าขอโทษที คุณชายโหรว”
คำพูดนั้นทำให้โหรว ซางเมิ่งหัวเราะเบา ๆ ราวกับพึงพอใจที่อีกฝ่ายยอมรับและพร้อมเรียนรู้มารยาทใหม่ ๆ “ดีแล้ว เช่นนี้จึงเหมาะสม”
เมื่อก้าวข้ามเรื่องการทักทาย โหรว ซางเมิ่งก็เหลือบมองเขาอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านดูเหมือนยังใหม่ต่อการใช้ชีวิตในนครแห่งนี้…ใช่หรือไม่?”
เขาเกาหัวเบา ๆ ยอมรับแบบไม่เต็มใจนัก “ก็อาจจะใช่ ข้ามาใหม่…และยังไม่คุ้นเคยนัก”
รอยยิ้มของทูตผู้ดูแลกว้างขึ้นเล็กน้อย “ในนครฉางอาน สิ่งแรกที่ผู้คนต้องรู้จัก คือการเลี้ยงดูตนเองให้เป็น ถึงแม้ท่านจะขี้คร้านการงาน แต่หากข้าวปลาอาหารยังไม่รู้วิธีปรุง ย่อมอยู่ไม่ได้”

เขาถึงกับสะดุ้งในใจ รู้ได้ยังไงว่าข้าไม่ค่อยชอบทำอะไรเอง… แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป เพียงหัวเราะกลบเกลื่อน
โหรว ซางเมิ่งไม่รอช้า เขาควักห่อเล็ก ๆ ออกมา ยื่นส่งให้ “นี่คือข้าวสาลี ท่านลองนำไปฝึกหุงเป็นข้าวสวย ข้าอยากเห็นว่าท่านจะทำได้เพียงใด”
“หุง…เอง?” เสียงเขาแทบจะกลายเป็นการบ่นออกมาเบา ๆ แต่เมื่อสบสายตาคมสงบที่ไม่ยอมปล่อยผ่าน เขาจำต้องรับห่อข้าวสาลีนั้นมาไว้ในมืออย่างเสียมิได้
โหรว ซางเมิ่งพาเขาไปยังมุมหนึ่งของแผง ที่นั่นมีเตาถ่านตั้งไว้พร้อมหม้อดินเผาเล็ก ๆ และกองฟืนถ่านวางข้าง ๆ บรรยากาศรอบตัวคึกคักไปด้วยเสียงคนขาย แต่พื้นที่มุมนี้กลับเงียบสงบเพียงพอที่จะลองฝึกฝน
“ก่อนอื่น ต้องล้างข้าวสาลีเสียก่อน” คุณชายโหรวเอ่ยพร้อมเทน้ำใส่ถังเล็ก ๆ วางตรงหน้า
เขาพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะหยิบข้าวสาลีลงไปล้าง เสียงน้ำกระทบดังซ่า ๆ แต่ด้วยความรีบร้อนและไม่คุ้นเคย เม็ดข้าวกลับล้นออกมาจนเปียกมือเปียกแขนเลอะเทอะ
“ระวังหน่อย” คุณชายโหรวเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนล้าง เขาก็โยนข้าวลงหม้อ เทน้ำตามแบบลวก ๆ โดยไม่สนปริมาณสัดส่วนมากนัก แล้ววางหม้อลงบนเตาถ่าน จุดไฟอย่างเก้ ๆ กัง ๆ กว่าจะติดก็กินเวลาอยู่นาน เสียงไฟแตกเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้นในที่สุด
เขานั่งลงข้าง ๆ เตา ถอนหายใจแรง “นี่มันน่าเบื่อจริง ๆ”
เวลาผ่านไปกลิ่นไหม้เริ่มโชยออกมาจากหม้อ เขารีบเปิดฝาออก ดูก็พบว่าด้านล่างเกรียมดำไปแล้ว ส่วนด้านบนยังแฉะไม่สุกดีนัก
“อะแห่ม…” เขาไอแห้ง ๆ พยายามยิ้มกลบเกลื่อน “ก็ดูเหมือนจะ…กินได้บ้างละมั้ง”
คุณชายโหรวก้าวเข้ามาดูใกล้ ๆ เมื่อเห็นสภาพข้าวในหม้อ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างห้ามไม่อยู่ “หากจะเรียกว่านี่คือข้าวสวย ก็คงเป็นข้าวสวยในนิมิตฝันเท่านั้น”
เขาทำหน้าเบ้ “ก็ข้าไม่เคยทำ…และก็ไม่ได้อยากทำหรอกนะ”
โหรว ซางเมิ่งส่ายศีรษะเบา ๆ “นั่นแหละคือปัญหา หากท่านไม่อยากทำ ท่านก็จะไม่มีวันทำได้เป็น… แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้ท่านก็ได้เริ่มต้นแล้ว”
เขานั่งพิงผนังพลางหัวเราะหึ ๆ “เริ่มต้นด้วยหม้อข้าวไหม้เนี่ยนะ”
“ใช่” คุณชายโหรวตอบอย่างหนักแน่น “เพราะทุกการเริ่มต้น ย่อมต้องผิดพลาดบ้าง หากท่านไม่ก้าวแรก ท่านจะไม่มีวันก้าวสอง”
บรรยากาศรอบข้างคล้ายจะเงียบลงชั่วขณะ เสียงโหรว ซางเมิ่งแม้ไม่ดังนัก แต่กลับมีพลังประหลาดที่ทำให้เขารู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นซึมลึกเข้ามาในใจ
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางเกาศีรษะ “คุณชายโหรว… ท่านนี่พูดเก่งจริง ๆ”
“ข้าเพียงพูดตามความจริง” โหรว ซางเมิ่งยิ้มบาง ๆ พลางมองหม้อข้าวไหม้ตรงหน้า “ส่วนที่เหลือ…ก็ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะยอมเรียนรู้หรือยังคงคร้านอยู่อย่างเดิม”
เขาหลุบตาลง เหลือบมองหม้อที่ไหม้ดำ แล้วถอนหายใจยาว ๆ “…บางที ข้าอาจต้องลองอีกสักครั้งก็ได้”

รางวัล: +50 พลังใจ , +5 ตำลึงทอง , +200 อีแปะ , +25 EXP
กระเป๋าขนาดกลาง 1 ใบ , ห่ออาหารยังชีพ(50) 1 ห่อ (เก็บไว้เปิดใช้ยามฉุกเฉิน)



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15612 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-9-30 20:22
โพสต์ 15,612 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-9-30 20:22
โพสต์ 15,612 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-9-30 20:22
โพสต์ 15,612 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2025-9-30 20:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ขลุ่ย
พัดคุณชาย
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x1
x1
x60
x34
x1
x30

1

กระทู้

9

ตอบกลับ

280

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
203
ตำลึงทอง
30
ตำลึงเงิน
56
เหรียญอู่จู
7376
STR
1+5
INT
5+0
LUK
2+0
POW
2+7
CHA
3+0
VIT
2+5
คุณธรรม
0
ความชั่ว
4
ความโหด
6
โพสต์ 2025-9-30 23:44:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด




ออกจากที่โรงเตี๊ยม ยังคงพอที่จะมีเรี่ยวแรงอยู่บ้าง ชายหนุ่มร่างสูงที่บอบบาง เดินทางมาพร้อมกับหีบไม้ขนาดกลางๆทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสะพายอยู่ข้างไหล่เดินทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงย่านที่มีคพลุกพล่าน ที่นี่เป็นตลาด และที่ซิวหลัวคิดเอาไว้ก็คือ.. ที่นี่คงหางานได้ไม่ยาก งานแบกหามคงไม่ถนัด อาจจะเป็นงานตามร้านขายผ้าและหินสีมีราคา เพราะที่นี่ล้วนมีแต่ของจากต่างถิ่นและผู้คนจากต่างถิ่นเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก มันค่อนข้างลำบากหากจะให้ตัวเขานั้นไปแบกหาม กับแขนเทียมที่ถึงแม้จะขยับได้ราวกับแขนจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่แขนของมนุษย์จริงๆ 


ชายร่างสูงทำได้เพียงเดินไปเรื่อยๆ มองไปรอบตัว และทันใดนั้นเอง จู่ก็มีเสียงดังจากข้างหน้าไกลๆ ซึ่งมันก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ 


"ช่วยด้วยๆ เจ้าหัวขโมยนั่น ขโมยถุงเงินของข้าไป ช่วยจับมันที" ชายในชุดพ่อค้าร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์เกินกว่าที่จะออกแรงวิ่ง ได้ตะโกนพร้อมกับวิ่งไปโดยหวังว่าจะมีสักคนช่วยเขา แต่ตลอดทางที่เขาพยายามวิ่งมา ไม่มีใครที่คิดจะช่วยเขาเลย.. ซิวหลัวเองก็แปลกใจ คนสมัยนี้ใจจืดใจดำเสียจริง 


  เป็นเช่นนั้นแล้วก็เห็นทีที่ตัวเขานั้นจะต้องลงมือเข้าไปช่วยเอง เขาเตะไปที่หีบไม้ทรงสีเหลี่ยมแนวตั้ง ทันใดนั้นเองกล่องไม้นั้นก็ค่อยๆสั่นและผลิชิ้นส่วนออกมาทีละชั้นๆ จนเปิดออกมา ภายในนั้นมีหุ่นเชิดอยู่สองตัวที่มีแท่นไม้จับอยู่เพื่อให้ทรงตัวได้ในแนวตั้ง ขณะเดียวกันนั้นเอง 

  ถัง ซิวหลัว พลันยกหมวกไม้ไผ่ผ้าคลุมขึ้นมาใส่ มันเป็นหมวกที่เมื่อเขานั้นต้องการที่จะเชิดหุ่นคราใด เขานั้นจะใส่หมวกนี้เอาไว้เพื่อช่วยในการเชิดหุ่นได้ และได้อย่างอิสระ ราวกับว่าตนนั้นได้แบ่งส่วนของวิญญาณตนเองไปใส่เอาไว้ในหุ่นเชิดนั้นก็ไม่ปาน ทันทีที่หุ่นเชิดทั้งสองนั้นค่อยๆขยับ ตัวของมันที่เป็นร่างปานกลางพอใส่ในกล่องไม้กลไกได้ ก็พลันค่อยๆขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นมา มากกว่าคนทั่วไปพอสมควร ออกมาทั้งสองตัว และทั้งสองตัวนั้นมีความแตกต่างกันตรงที่ ตัวนึงใส่ชุดขาว ตัวนึงใส่ชุดสีดำ ซึ่งก็เป็นชุดที่ซิวหลัวนั้นตัดเย็บขึ้นมาเอง มันเป็นชุดที่ใช้ในการละคร หากแต่เพียงทำให้มันดูใช้งานได้จริงในบางเรื่อง!? 


  ทันทีที่หุ่นเชิดทั้งสองตัวยืนขึ้นอย่างสงบราวกับเป็นมนุษย์ฝาแฝด ชายหนุ่มใต้หมวกไผ่สานผ้าคลุมนั้นก็ได้หันไปมองในขณะที่ตัวของเขานั้นค่อยๆลุกขึ้น เขาสะพายกล่องกลขึ้นที่บ่าก่อนที่จะยืนตามหัวขโมยที่วิ่งราวถุงตำลึงของเถ้าแก่คนนั้นไป พร้อมกับหุ่นเชิดของตนเองที่เหมือนกับว่า พวกมันนั้นมีวรยุทธ์ ทำการกระโดดขึ้นหลังคาและวิ่งนำทิ้งระยะระหว่างตัวหุ่นกับคนเชิดเอาไว้พอสมควร เมื่อเห็นว่าตัวหุ่นทั้งสองนั้นอยู่ในระยะที่กะเอาไว้ 


  ทันใดนั้นหุ่นทั้งสองที่วิ่งขนาบข้างกันระหว่างหลังคาสองข้างทางก็กระโดดพุ่งตัวลงมา กางมือที่ด้านในนั้นซ่อนกระบี่เล่มบางคมกริบเอาไว้ ใบมีดเสียงทะแยงคอหอยของโจรวิ่งราว หุ่นทั้งสองสะบัดกระบี่ออกพร้อมกันทำให้ศีรษะของโจรโชคร้ายคนนั้นหลุดกระเด็นขึ้นฟ้าไป ทางหุ่นเชิงสองตัวที่หนึ่งในนั้นคว้าถุงตำลึงแล้วกระโดดขึ้นหลังคาหายไป ซิวหลัวเลือกที่จะให้หุ่นทั้งสองเคลื่อนที่ออกไปให้ไกลให้ลับสายตาคน ก่อนที่จะเชิดกลับมา วางถุงตำลึงเอาไว้ตรงหน้า เพื่อให้ซิวหลัวนำถุงเงินนั้นไปคืนเจ้าของ 


"นี่ ถุงตำลึงของท่าน" ชายหนุ่มสะพายกล่องไม้ยื่นถุงตำลึงคืนเจ้าของ ก่อนที่จะเดินจากไป โดยที่ไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากอีกฝ่าย








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12758 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-9-30 23:44
โพสต์ 12,758 ไบต์และได้รับ +3 EXP +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ปราณหมาป่าเหมันต์  โพสต์ 2025-9-30 23:44
โพสต์ 12,758 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หุ่นเชิดกู้เยวี่ย  โพสต์ 2025-9-30 23:44
โพสต์ 12,758 ไบต์และได้รับ +5 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกถังเจียน  โพสต์ 2025-9-30 23:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณหมาป่าเหมันต์
หุ่นเชิดกู้เยวี่ย
หมวกถังเจียน

2

กระทู้

21

ตอบกลับ

692

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
617
ตำลึงทอง
1
ตำลึงเงิน
164
เหรียญอู่จู
7977
STR
0+2
INT
0+0
LUK
0+2
POW
0+0
CHA
15+5
VIT
0+0
คุณธรรม
93
ความชั่ว
0
ความโหด
65
โพสต์ 2025-10-1 22:47:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย QiZhinglong เมื่อ 2025-10-1 22:54

เสียงกลองไม้และดนตรีบรรเลงคลอแผ่วเบามาจากโรงเตี๊ยมใกล้ ๆ ราวกับจะสะท้อนบุคลิกเจ้าสำราญของชายหนุ่มผู้ที่เพิ่งเดินทอดน่องออกมาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาคือ ฉีชิงหลง บุตรชายคนสุดท้องแห่งตระกูลฉี ผู้มีชื่อเสียงด้านความเหลวไหลและความโปรดปรานในสุรานารี หากแต่ในแววตาสีเขียวเข้มที่ฉายประกายเย้ายวนกลับไม่แสดงความเหน็ดเหนื่อยใด ๆ แม้เพิ่งผ่านค่ำคืนที่เต็มไปด้วยการดื่มกินและเสียงหัวเราะ
เส้นผมสีขาวเงินยาวสลวยปลิวไหวตามแรงลม เขาเดินไปตามถนนสายหลักของเมืองเล็กที่เต็มไปด้วยร้านรวง ผู้คนสัญจรไปมา บ้างก็หยุดมองด้วยสายตาไม่แน่ใจว่าควรชื่นชมความงามพิศวงของบุรุษตรงหน้า หรือควรเบือนหน้าหนีเพราะความเสเพลที่ลือกันไปทั่ว แต่ชิงหลงกลับไม่สนใจสายตาเหล่านั้นแม้แต่น้อย ริมฝีปากโค้งยิ้มบาง ๆ ขณะสายตาเลื่อนไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคย
โหรว ซางเมิ่ง—ทูตผู้ดูแลนักเดินทาง ผู้ที่เขาได้พบเมื่อวานนี้ด้วยเหตุบังเอิญ ชายหนุ่มร่างสูงในอาภรณ์สะอาดเรียบร้อยและเต็มไปด้วยอำนาจเงียบงัน ไม่ใช่อำนาจกดดัน หากแต่เป็นอำนาจที่แฝงไปด้วยความหนักแน่นของผู้ซึ่งผ่านโลกมาอย่างระมัดระวังและรอบรู้

ซางเมิ่งกำลังจัดเรียงของเล็กน้อยตรงโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่ริมทาง ดูเหมือนเขาจะจำหน่ายสิ่งของจำเป็นแก่นักเดินทางที่สัญจรไปมา ทั้งย่าม เข็มทิศ และที่สำคัญ—กระเป๋าสำหรับเดินทาง ที่ชิงหลงตั้งใจมาหาในวันนี้

“โอ๊ะ...เจอกันอีกแล้วนะ ท่านทูต”
เสียงทุ้มเจือรอยยิ้มของชิงหลงดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร้านจะเอ่ยปากเรียก ชายหนุ่มเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน เสื้อคลุมขาวบางเผยให้เห็นแผ่นอกที่ยังคงอุ่นไอจากการดื่มเมื่อคืน สายตาเต็มไปด้วยความขี้เล่นเหมือนเด็กหนุ่มที่ไม่มีวันเติบโตเต็มที่
ซางเมิ่งเงยหน้าขึ้น มองอีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเล็กน้อย “คุณชายฉี... ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วเช่นนี้ ของที่ท่านถามหาไว้เมื่อวาน ข้ายังไม่ได้จัดเก็บไปไหน” น้ำเสียงเรียบ สุภาพ แต่ก็ไม่แข็งกระด้างจนปฏิเสธไมตรี
“ดีเลย” ชิงหลงหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางเอื้อมมือแตะขอบโต๊ะก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้เล็กที่ตั้งไว้ “ว่าแต่ว่า...กระเป๋าที่เจ้ามี ข้าขอดูทั้งหมดหน่อยสิ จะได้ตัดสินใจถูกว่าควรพาสิ่งใดกลับบ้านบ้าง”

คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเผลอเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่พูดอะไร เพียงยกกระเป๋าที่เตรียมไว้ขึ้นมาตั้งเรียงบนโต๊ะ—สองใบเล็ก หนึ่งใบกลาง และอีกหนึ่งใบใหญ่ วางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

“กระเป๋าใบเล็ก...ราคา 8 ตำลึงทอง ท่านว่าเหมาะแก่การใส่สิ่งของจำเป็นเล็กน้อย อาทิเช่นยาสมุนไพรหรือเหรียญเล็ก ๆ ข้าพเจ้ามีอยู่เพียงสองใบ”
“ส่วนใบกลาง ราคา 12 ตำลึงทอง จุของได้มากขึ้น เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่ต้องการขนของหนักเกินไป”
“และใบใหญ่สุด ราคา 20 ตำลึงทอง หากท่านตั้งใจจะออกเดินทางไกลหรือแบกของติดตัวมาก ใบนี้จะเหมาะสมที่สุด”
เสียงอธิบายราบเรียบชัดถ้อยชัดคำ แต่คนฟังกลับยกมุมปากยิ้ม ราวกับไม่ได้ฟังรายละเอียดอย่างจริงจัง หากแต่กำลังเพลิดเพลินกับน้ำเสียงของอีกฝ่ายเสียมากกว่า
“อืม...รวมทั้งหมดก็ 48 ตำลึงทอง สินะ” ชิงหลงพึมพำขณะใช้นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะไม้เป็นจังหวะเบา ๆ “เกือบหมดตัวเลยทีเดียว เงินที่ข้าได้มาจากเมื่อคืน...คงละลายหายไปกับกระเป๋าเจ้านี่แล้ว”
ซางเมิ่งเหลือบมองเล็กน้อย “หากท่านคิดว่าจำนวนมากเกินไป ก็เลือกเพียงบางใบก็ย่อมได้ ไม่จำเป็นต้องเหมาทั้งหมด”
คำแนะนำนั้นสมเหตุสมผล ทว่าชิงหลงกลับหัวเราะเสียงใส ก่อนจะหยิบเหรียญทองจากย่ามขึ้นมาเทลงบนโต๊ะ เสียงกระทบของโลหะดังกังวานสะท้อนสายตาของผู้คนแถวนั้นให้หันมามอง

“จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เลือกทุกอย่างที่ใจต้องการกันเล่า? เหรียญทองพวกนี้ อีกเดี๋ยวข้าก็หามาใหม่ได้”
น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจเสียจนอีกฝ่ายเผลอถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนใจ


“ท่านนี่...” ซางเมิ่งพูดพลางส่ายศีรษะเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจห้ามรอยยิ้มบาง ๆ ที่ผุดขึ้นตรงมุมปากได้ “ชีวิตท่านช่างแตกต่างจากนักเดินทางทั่วไปนัก ข้ามักเห็นพวกเขาพะวงถึงเสบียงและที่พัก แต่ท่าน...กลับเลือกใช้ชีวิตเหมือนการดื่มสุราท่ามกลางเสียงดนตรี”
“ก็เพราะมันสนุกน่ะสิ” ชิงหลงตอบทันที ริมฝีปากโค้งยิ้มอย่างท้าทาย “เจ้าเองน่ะ...ลองสักครั้งดูไหม ดื่มสักจอก ฟังดนตรีสักบท แล้วเจ้าจะรู้ว่าโลกไม่ได้มีเพียงหน้าที่ที่เจ้าต้องแบกรับ”
คำพูดนั้นทำให้ทูตหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะเบา ๆ “ข้าอาจไม่ใช่คนที่เหมาะกับความเหลวแหลกเช่นนั้น”

“งั้นก็ถือว่าโชคร้ายสำหรับเจ้าแล้วกัน” ชิงหลงยกยิ้มกวน ก่อนจะหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาหมุนเล่นราวกับเด็กชายได้ของเล่นใหม่ “เพราะบางที ความเหลวแหลกนี่แหละ...มันอาจเป็นอิสระที่แท้จริงก็ได้”

การซื้อขายดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน สายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมายังทั้งคู่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าทูตผู้เคร่งขรึมกับชายหนุ่มเจ้าสำราญมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร แต่สำหรับชิงหลงแล้ว เขาเพียงยักไหล่ ไม่แยแสต่อโลก และกวาดเอากระเป๋าทั้งหมดเข้ามาครอบครองอย่างสบายใจ
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ซางเมิ่งเก็บเหรียญทองลงหีบเล็กด้วยท่าทีสงบ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับชิงหลงอีกครั้ง ก่อนเอ่ยประโยคสั้น ๆ ทว่าหนักแน่น
“หวังว่ากระเป๋าเหล่านี้...จะได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ ไม่ใช่เพียงเก็บฝุ่นอยู่ข้างเตียง”

ชิงหลงหัวเราะลั่น “หึ! เจ้าไม่เชื่อในตัวข้าสินะ? เอาเถิด วันใดที่เจ้ามีเวลา ข้าจะชวนเจ้าออกเดินทาง แล้วเจ้าจะเห็นเองว่าของพวกนี้ไม่ได้เสียเปล่า”

แสงแดดยามสายทาบทอผ่านเส้นผมสีเงินของชายหนุ่มที่ยืนหิ้วกระเป๋าใบใหม่ทั้งสี่ออกไปจากร้าน ร่างสูงผ่อนคลายเดินจากไปโดยไม่หันกลับ แต่ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ก้องสะท้อนอยู่ในใจของทูตผู้ดูแลนักเดินทาง


ซื้อ:
กระเป๋าขนาดเล็ก (ขยายช่อง 10 ช่อง) 8 ตำลึงทอง - โควต้าคนละ 2 ใบ
กระเป๋าขนาดกลาง (ขยายช่อง 36 ช่อง) 12 ตำลึงทอง - โควต้าคนละ 1 ใบ
กระเป๋าขนาดใหญ่ (ขยายช่อง 50 ช่อง) 20 ตำลึงทอง - โควต้าคนละ 1 ใบ
รวม 48 ตำลึงทอง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15290 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-10-1 22:47
โพสต์ 15,290 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-10-1 22:47
โพสต์ 15,290 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-10-1 22:47
โพสต์ 15,290 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2025-10-1 22:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ขลุ่ย
พัดคุณชาย
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x1
x1
x60
x34
x1
x30
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้