


วันที่ 25 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก ตลาดตะวันออก
อีเว้นท์ ภารกิจ “กลิ่นอายในวังหลวง”
ตลาดตะวันออกคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เสียงเจรจาซื้อขายดังระงมตัดกับเสียงระฆังยามบ่าย ลมร้อนพัดแทรกกลิ่นเครื่องเทศและสมุนไพรอวลไปทั่ว หลินหยาคลุมผ้าบาง ๆ ปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่ง แทรกตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างแนบเนียน ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนหวานฉายแววระแวดระวัง หญิงสาวจงใจพรมน้ำหอมกลิ่นไม้หอมปนดอกไม้ที่ไม่คุ้นชิน แม้ใครที่คุ้นกับกลิ่นกฤษณาของนางก็ไม่อาจจับได้ว่าเป็นเธอ
และแล้วนางก็เห็นร่างสูงในชุดบุรุษสวมหน้ากากครึ่งหน้าท่านชายห่าวหมิง ผู้ที่ใคร ๆ ในตลาดต่างหลบทางให้โดยไม่ต้องมีใครสั่ง เพียงรัศมีเย็นเยียบที่แผ่ออกมาก็ทำให้พ่อค้าแม่ขายหลายคนกลืนน้ำลาย นางแอบยืนพิงแผงขายผลไม้ตากลมพลางมองตาม เขาเดินอย่างสงบ แต่สายตาคมใต้หน้ากากกวาดสำรวจทุกอย่างรอบตัวราวกับนักล่าที่กำลังคัดเลือกเหยื่อ จางกงกงหยุดที่แผงขายสมุนไพรหายาก มือยกขึ้นพลิกดูรากไม้สีดำเงามัน ข้าง ๆ มีพ่อค้าแก่ที่ก้มหัวต่ำตัวสั่น นั่นคงเป็นหนึ่งในส่วนผสมของสิ่งที่เขาตามหาหรือเปล่านะ?
หลินหยากำลังคิดจะขยับตาม เงียบเชียบราวแมวที่คอยตามเหยื่อแต่นางไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นแม้ไม่ได้หันมากลับเหมือนรู้ตัวว่ามีเงาเล็ก ๆ ตามหลัง รอยยิ้มบาง ๆ แฝงในมุมปากที่ไม่มีใครเห็น "เสี่ยวหยา...เจ้ากล้าตามข้า? น่าสนใจยิ่งนัก" แต่เขาไม่หันกลับ เพียงเดินลึกเข้าไปในตรอกด้านในของตลาด ปล่อยให้นางหลงคิดว่ายังปลอดภัย
หลินหยากัดริมฝีปากแน่นใจเต้นระรัว “ท่านกำลังจะทำอะไรอีกกันนะ…” นางก้าวตามห่าง ๆ ในใจทั้งหวาด ทั้งห่วง ทั้งโมโหในเวลาเดียวกัน โดยไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของนางนั้นอยู่ในสายตาของจงฉางชื่อมาตลอด
เสียงตลาดด้านนอกค่อย ๆ เลือนหาย กลิ่นชื้นของตรอกแคบแทรกปนกลิ่นคาวสมุนไพร หลินหยาย่องไปหลังกำแพง อกเต้นแรงราวกลองศึก ดวงตากลมจ้องภาพตรงหน้าบุรุษสวมหน้ากากครึ่งหน้า กำลังยืนคุยกับพ่อค้าหน้าตาลึกลับในชุดมอมแมม พวกเขากระซิบกระซาบราวกับโลกนี้มีเพียงสองคน จางกงกงก้มลงเล็กน้อย เสียงต่ำราวเสือขู่กระซิบ
"ข้าต้องการเห็ดดำลายเลือด...ครบจำนวนที่สั่ง อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง และห้ามปากสว่าง"
พ่อค้าหน้าซีดเผือด รีบก้มหัวส่งห่อผ้าเล็ก ๆ มีกลิ่นขมฉุน หลินหยายกมือปิดปากตัวเองแทบกลั้นหายใจ เห็ดพิษ...ท่านจะเอาไปทำอะไร...หรือว่า... ดวงตาของนางสั่นไหวทันที เสี่ยวจ้าวจื่อ! เขาอยู่โรงครัวหลวง!
หัวใจหลินหยาเหมือนโดนบีบ เธอรีบย่องถอยกลับ เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วกระซิบเรียกเจ้าหมาน้อย “เซียนเฉ่า! มานี่เร็ว!” เจ้าหมาน้อยหมาสามหัวในร่างลูกสุนัขตัวจิ๋วปรากฏตัว เงี่ยหูฟัง นางก้มลงกระซิบกระซาบรัว “ไปบอกเสี่ยวจ้าวจื่อ! บอกเขาให้ระวัง ห้ามแตะอาหารจากโรงครัวถ้าไม่ได้ทำเอง! ถ้าเป็นของที่มาจากจงฉางชื่อ ห้ามกินเด็ดขาด!” เจ้าหมาน้อยส่งเสียงครางหงิงเหมือนตอบรับ ดวงตาเล็ก ๆ วาววับ ก่อนพุ่งตัวหายไปเหมือนเงาลม หลินหยากัดฟันแน่นหันกลับมามองตรอกนั้นอีกครั้ง จางกงกงยังคงยืนอยู่ ดวงตาคมใต้หน้ากากหันมามองทางหลังกำแพงเพียงเสี้ยววินาทีเหมือนรู้ตัวว่ามีคนแอบดู รอยยิ้มบางราวกับพิษชื้นปรากฏขึ้นที่มุมปาก เจ้ากล้าหรือ...เสี่ยวหยา?
หลินหยาหัวใจหล่นวูบรีบหดตัวแนบกำแพงแทบไม่กล้าขยับ หวังเพียงว่าเขาจะปล่อยให้เธอรอดไป... แต่กับคนอย่างจางกงกง ใครจะรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในเงามืดนั้น
จางกงกงหมุนตัวช้า ๆ ราวกับผู้ล่าที่รู้ตำแหน่งเหยื่อแล้วทุกฝีก้าว สายตาใต้หน้ากากกวาดมองไปตามกำแพงเก่าอย่างจงใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกวาดชุดเห็ดพิษในห่อผ้า แล้วโยนเหรียญตำลึงทองถุงหนึ่งลงบนโต๊ะพ่อค้าดัง ฉิ่ง! เสียงเหรียญกระทบโลหะสะท้อนก้องในตรอกเงียบ เขาเอ่ยเสียงทุ้มเย็น “ข้าเกลียดหนูที่ชอบแอบฟัง…ยิ่งหนูที่คิดว่าตนฉลาดพอจะหลบสายตาข้า” น้ำเสียงเยือกเย็นนั้นก้องในตรอกจนหลินหยาที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงเผลอกลั้นหายใจ
ชายสวมหน้ากากครึ่งหน้ายกมือขึ้น กรีดอากาศเบา ๆ มีเสียงหวีดจากมีดสั้นที่ถูกดีดให้หมุนไปปักแน่นกับไม้เก่าของกำแพง ตรงจุดที่หลินหยาแอบซ่อนเพียงคืบเดียว “จะออกมาเอง...หรือจะให้ข้าไปลากเจ้าออกมา” เสียงนั้นไม่ดังมากแต่กดดันจนหัวใจคนฟังสั่นสะท้าน
หลินหยากัดฟันแน่นใจเต้นรัวจนแทบหลุดจากอก ไอ้คนบ้า...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่! ร่างเล็กยืนลังเลเพียงอึดใจ แต่แล้วก็ขยับตัวช้า ๆ โผล่ออกมาจากหลังกำแพง ดวงตากลมหวานแต่แข็งกร้าวจ้องเขา จางกงกงยิ้มมุมปากรอยยิ้มที่เหมือนอสรพิษเลื้อยในเงามืด “เสี่ยวหยา…เจ้ากล้าดีนักนะ” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความพอใจปนบ้าคลั่ง “ถ้ากล้าแอบตามข้า ก็จงรับผลของความกล้านี้ให้ได้”
เขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว จนระยะห่างหายไปแทบสิ้น ดวงตาคมราวกับจะกลืนกินนางทั้งตัว ความรู้สึกเหมือนโดนเหยี่ยวจ้องเหยื่อ หลินหยาก้าวถอยโดยสัญชาตญาณ แต่สุดท้ายหลังน้อยก็ชนกำแพง จางกงกงโน้มตัวลงกระซิบข้างหูด้วยเสียงที่กดต่ำพร่าชั่วร้าย “เจ้าอยากรู้นักใช่ไหม...ว่าข้าทำอะไรกับเห็ดพวกนี้? เจ้าจะได้รู้...แต่จะไม่ใช่ในแบบที่เจ้าคิด” หลินหยากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นางรู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่เป็นเกมของปีศาจที่เธอเองตกลงมาโดยไม่ทันรู้ตัว
เอาวะ ด้านได้อายอด! นางสูดหายใจลึกมองคนที่เข้ามาใกล้ จับแขนแข็งแรงของเขาไว้แน่น เงยหน้าช้อนตามองด้วยท่าทีเหมือนจะไม่กลัว แต่ในอกเต้นรัว “ข้าแค่บังเอิญเฉย ๆ กำลังจะไปหาท่านอยู่แล้ว…เจอท่านพอดีเลย” น้ำเสียงออดอ้อน ชะม้อยชะม้ายชายตาใสซื่อให้เหมือนคนไร้พิษภัย จางกงกงหยุดสนิทดวงตาใต้หน้ากากวาวขึ้นราวกับเสือที่เล็งเหยื่อ กลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ออกมารอบกาย แต่รอยยิ้มที่มุมปากกลับบิดเบี้ยวเจือขบขัน “บังเอิญหรือ…เจ้าช่างกล้าพูด” เสียงของเขาต่ำ ลากช้าเหมือนสายพิษที่ไหลเข้าหัวใจของหลินหยา
เขาก้มตัวลงเล็กน้อย ดวงตาคมลึกเจาะลึกเข้าไปในนัยน์ตานางราวกับจะดูทะลุทุกคำโกหก ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนางแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยแรงกดแฝง “เสี่ยวหยา เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าเกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นโกหกกับข้า…แต่กับเจ้ากลับต่างออกไป เพราะข้าชอบเวลาเจ้าพยายามโกหก”
หลินหยายิ้มกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพยายามทำเสียงออดอ้อนให้เหมือนจริง “ข้าพูดจริงนะ…ข้าจะไปหาท่านอยู่แล้ว…”
จางกงกงหัวเราะในลำคอแผ่วพร่าใกล้เสียจนลมหายใจของเขาแตะผิวแก้ม “ดี…เจ้ากล้าเข้ามาหาข้าเองงั้นหรือ” เขาจับแขนของนางแน่นขึ้น ดึงเข้ามาใกล้จนร่างเล็กแทบชนอกกว้าง “จำไว้นะเสี่ยวหยา…เมื่อเจ้าเล่นเกมกับข้าแล้ว เจ้าจะไม่มีวันออกไปจากมันโดยไม่ทิ้งบางสิ่งไว้ให้ข้า” คำพูดของเขาเย็นเฉียบแต่กลับทำให้เลือดในกายหลินหยาร้อนผ่าว ทั้งหวาดกลัวทั้งใจสั่น ในตรอกแคบ ๆ ที่ไร้ผู้คน จางกงกงในคราบห่าวหมิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยราวกับผู้ล่าที่กำลังพึงพอใจในเหยื่อที่เดินเข้ากรงเล็บเอง
หลินหยาที่เห็นท่าไม่ดีแล้ว เอาว่ะเราต้องลองสักตั้ง อ้อมแขนของจางกงกงตึงเครียดเพียงชั่ววินาที ก่อนที่กล้ามเนื้อใต้ชุดคลายเล็กน้อยเมื่อแมวน้อยตรงหน้าซบอกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาคมภายใต้หน้ากากก้มลงมองนาง ราวกับจะจดจำทุกเสี้ยวอารมณ์ที่สะท้อนบนใบหน้าหวานนั้นไว้ หลินหยายังคงซบอกเขา มือเล็กกำเบา ๆ ที่ชายเสื้อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทั้งที่แก้มยังแนบกับอกอีกคน เสียงหวานอ้อนราวกับสายฝนโปรย “ท่านอย่าคิดอะไรมากสิ…ข้าแค่ตามมาเอง โธ่…อย่าเข้าใจผิดสิ” นางไม่เคยพูดออดอ้อนแบบนี้มาก่อนและไม่เคยชิดใกล้เขาถึงเพียงนี้ด้วย
แววตาจางกงกงวาวขึ้นทันที ความพอใจผสมความมืดดำที่ปนอยู่ในส่วนลึกกำลังคุกรุ่น ใบหน้าเขาโน้มลงจนลมหายใจร้อนแล่นผ่านไรผมนาง เสียงทุ้มพร่าหลุดออกมาพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยวที่มีเพียงเธอจะได้เห็น “เสี่ยวหยา…เจ้าไม่ควรทำให้ข้ารู้สึกเช่นนี้…มันจะทำให้ข้าอยากครอบครองเจ้ายิ่งกว่าเดิม” เขาใช้นิ้วเกลี่ยปลายคางนางแผ่วช้า จงใจลากสัมผัสจนหัวใจของนางสั่นระรัว “เจ้ารู้หรือไม่…ว่าเวลาที่เจ้าอ้อน ข้าเกลียดมันเหลือเกินที่อยากใจอ่อนกับเจ้า” เสียงของเขาต่ำลงอีกขั้น ก่อนจะกระซิบแนบหูด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอไปด้วยความบิดเบี้ยว
“อันตรายเกินไปแล้วเสี่ยวหยา…เจ้าจะทำให้ข้าเสียอาการจริง ๆ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่แขนที่โอบรอบเอวนางกลับแน่นขึ้นเล็กน้อย ดั่งกับไม่อยากให้แมวน้อยในอ้อมกอดหนีไปไหนแม้เพียงก้าวเดียว
หลินหยาใช้จังหวะนี้เหมือนจะขยับมือไปจับเอวของจางกงกงเธออยากจะขโมยเห็ดพิษจากจางกงกงเขาจะได้ไม่เอาไปทำร้ายใครอีก แต่ทว่าสายตาคมของจางกงกงหรี่ลงน้อย ๆ เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในจังหวะที่แมวน้อยตรงหน้าขยับมืออย่างแผ่วเบาไปที่เอวของเขา แต่ยังไม่ทันจะตั้งคำถาม ริมฝีปากของหลินหยาก็แนบขึ้นมาอย่างกะทันหันกดจูบเขาตอนที่เธอยืดเท้าขึ้นสุดตัว รสจูบนั้นเต็มไปด้วยความโหยหาและแฝงความกล้าแบบที่นางไม่เคยทำมาก่อน มือเล็กของหลินหยากำชายชุดเขาไว้แน่นเหมือนคนที่ขอความอบอุ่น ขณะที่อีกมือแอบล้วงถุงผ้าเล็กที่ซ่อนเห็ดพิษออกมาโดยไม่ให้เขารู้สึกตัว นิ้วเรียวของนางสั่นน้อย ๆ แต่แน่นพอที่จะซ่อนไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง
ดวงตาคมใต้หน้ากากครึ่งใบเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้ความหวานขมกลืนกันอย่างประหลาด เขาเคลิ้มไปกับรสจูบที่หลินหยามอบให้รสจูบที่เหมือนจะบอกว่า ข้าเกลียดท่าน…แต่ก็รักท่านไปแล้ว
จางกงกงกุมท้ายทอยของนาง ตอบจูบอย่างเอาแต่ใจ รุกล้ำลึกขึ้น ราวกับจะย้ำว่านางไม่มีสิทธิ์เล่นกับไฟที่ชื่อว่าเขา แต่ในวินาทีนั้นเขากลับไม่รู้เลยว่าแมวน้อยในอ้อมแขนได้ขโมยเขี้ยวพิษของงูไปเรียบร้อยแล้ว
ลมหายใจของเขาหนักหน่วงยามผละออกเพียงชั่วครู่ ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากนางที่บวมแดงจากการจูบ แววตาทั้งหวงทั้งบ้าคลั่ง “เสี่ยวหยา…เจ้าทำอะไรเนี่ย…” เสียงพร่าทุ้มของเขาสั่นเล็กน้อย ทั้งหวาน ทั้งน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ขณะที่หลินหยาก็กอดคอเขาแน่นเพื่อลวงสายตา ไม่ให้เขารู้ว่าอะไรได้หายไปจากเอวของเขาแล้ว
หลินหยาที่เห็นอาการของจางกงกงแบบนั้นเธอก็หัวเราะเล็กน้อย จางกงกงชะงักไปนิดเมื่อเห็นแมวน้อยในอ้อมแขนหัวเราะคิกคักใส่เขา ดวงตาใต้หน้ากากแคบลงอย่างอันตราย ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มเย็นเยียบแบบที่บอกชัดว่า เจ้าเล่นกับไฟแล้ว เสี่ยวหยา เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย กระซิบเสียงต่ำพร่าใกล้หูจนหลินหยาขนลุก “เจ้ากล้าหัวเราะเยาะข้า…ที่นี่งั้นหรือ…?” ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแนวกรามนางอย่างแผ่วเบา แต่กลับทำให้หัวใจเธอสั่นระรัวยิ่งกว่าเดิม
หลินหยายังทำหน้าทะเล้นยกนิ้วจิ้มอกเขา “ก็บอกแล้วไง…ตรงนี้ไม่ได้ เดี๋ยวคนมาเห็น ห่าวหมิงผู้อันตรายจะมาจูบกับสาวธรรมดาแม่ค้าปากตลาดนี่นะหรอ? ไม่อายหรือไง?” เสียงนางแหย่ยั่วอย่างเต็มที่ จางกงกงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงนั้นเย็นสั่นสะท้าน “งั้นข้าจะทำให้เจ้าจำไปเลยว่า…ตรอกแคบ ๆ นี่แหละคือที่ที่เจ้าจะต้องอายที่สุด” ว่าแล้วเขาจับข้อมือเล็กหมุนตัวหลินหยาจนแผ่นหลังแนบผนังกำแพงเย็นเฉียบ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกเฉียดกัน รอยยิ้มใต้หน้ากากช่างร้ายกาจ
“ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาเมื่อเห็นข้าหรอก…แล้วเจ้าจะหนีไปไหนได้ เสี่ยวหยา?” เขากระซิบพร่า ก่อนจะกดจูบอย่างรุนแรง ทว่าหนักไปด้วยความครอบครองมากกว่าความหวาน หลินหยาทุบอกเขาเบา ๆ อย่างแก้เขิน แต่ก็หนีไม่พ้น อ้อมแขนแข็งแรงกักเธอไว้ราวกับจะประกาศให้กำแพงตรอกเป็นพยานว่า นางเป็นของเขาเท่านั้น
ริมฝีปากของจางกงกงบดจูบหลินหยาอย่างร้อนแรงและยาวนานจนร่างเล็กในอ้อมแขนแทบไร้เรี่ยวแรง เขาคลายจูบออกเพียงเล็กน้อย ปล่อยให้นางหอบหายใจ ดวงตาคมใต้หน้ากากจ้องนางแน่วนิ่งราวกับกำลังอ่านความคิดในใจทุกประการ รอยยิ้มเย็นบางปรากฏขึ้นเมื่อเขากระซิบเสียงต่ำ “ที่สอนไป…ดูเหมือนจะเก่งขึ้นมากแล้วนะ เจ้าชอบหรือไร เสี่ยวหยา?”
หลินหยายู่หน้าทันทีดวงแก้มแดงจัด นางหันหน้าหนีแต่ก็ยังพูดสวนกลับเสียงสั่น “ท่านจูบข้าทุกวัน มันก็ต้องมีพัฒนาการบ้างไหมล่ะ!” น้ำเสียงแข็งแต่แฝงความเขินที่ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกสนุกขึ้น จางกงกงหัวเราะในลำคอ เสียงทุ้มต่ำแฝงพิษร้าย “งั้นข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า…ดีหรือไม่?” ดวงตาเขาเป็นประกายเย็นที่ทำให้หลินหยาขนลุกวาบ
หลินหยาถลึงตามองแล้วเชิดคางขึ้น “ข้ารับเป็นเงินเท่านั้น ไม่รับเป็นอย่างอื่น!”
ชายสวมหน้ากากเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มเย็นกว่าก่อน “เงินหรือ? เจ้ากล้าต่อรองกับข้าด้วยเงินงั้นหรือ…เสี่ยวหยา เจ้าช่างโลภนัก แต่ข้าก็ชอบ” เขาเอื้อมมือมาแตะปลายคางนาง ลูบเบา ๆ ราวกับกำลังเล่นกับของล้ำค่าที่อยู่ในกำมือ “แต่จงจำไว้…สิ่งที่ข้าให้ ไม่มีทางได้มาฟรี ๆ” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่เปิดทางให้เธอเถียงต่อ หลินหยาที่กำลังหน้ายู่ช้อนตาขึ้นมองอย่างขุ่นเคือง หญิงสาวเม้มปากแน่นเพราะรู้ดีว่าเถียงไปก็เท่านั้น ท่าทางเหมือนแมวน้อยที่พร้อมจะข่วนแต่ก็ถูกกักอยู่ในกรงของเขา
นางสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ ยืดคอจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากของเขาเพียงสัมผัสเท่านั้นแล้วถอยออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงนิด ๆ จากความขัดเขิน “พอใจหรือยัง นี่คือทั้งหมดที่ข้ายอมให้ได้ละนะ” เสียงของนางแข็งกลบความสั่นในใจ จางกงกงชะงักเล็กน้อยก่อนยิ้มมุมปากเย็นช้า ๆ “ยังไม่พอ” คำพูดเรียบง่ายแต่เหมือนคำสั่ง หลินหยาขมวดคิ้วแน่น ราวกับจะเท้าเอวใส่เขาให้ได้แต่เพราะยังถูกโอบรัดไว้แนบอกนางจึงทำได้เพียงจ้องตากลับแบบท้าทาย ก่อนจะถอนหายใจแรงแล้วขยับตัวขึ้นเล็กน้อย ก้มลงหอมแก้มเขาทีหนึ่งที่ข้างซ้ายแล้วซ้ำอีกครั้งที่ข้างขวา
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวทำให้บรรยากาศรอบกายอุ่นขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จางกงกงชะงักไปนิดเพราะหลินหยามักจะไม่ทำอะไรแบบนี้โดยไม่ถูกบังคับ ใบหน้าใต้หน้ากากเผยยิ้มบางที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ดวงตาคมวาวด้วยความพึงใจและความหลงใหลที่ซ่อนอยู่ “เจ้าช่างน่าประหลาดใจ…ทั้งหน้างอทั้งหงุดหงิด แต่ก็หอมแก้มข้าเองโดยไม่ต้องร้องขอ” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความพอใจที่กดทับจนคนฟังใจสั่น เขาล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อหยิบถุงเงินเล็ก ๆ โยนให้หลินหยาอย่างง่ายดาย “นี่…สิบตำลึงทอง”
หลินหยาที่รับถุงเงินไปด้วยตาโตอึ้ง “ให้…ให้ข้าเลยหรือ?”
“ข้ารวย” เขาตอบเรียบ ๆ แต่สายตานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “และข้าให้…เพราะข้าพอใจ”
หญิงสาวหน้างอหนักกว่าเดิมเล็กน้อยในขณะที่ก้มเก็บถุงเงินไว้แนบอกเหมือนกลัวจะโดนแย่งไป ดวงตานั้นยังแฝงแววตื่นเต้นอย่างห้ามไม่ได้ จางกงกงที่มองเห็นทุกอาการของนางหัวเราะในลำคอเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นทั้งอบอุ่นทั้งน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน เพราะมันบ่งบอกว่า…ไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็จะเป็นฝ่ายเหนือกว่าเสมอ


[ปักตะไคร้]
(รักชีวิตอย่าคิดสู้ว่าที่เมีย อ้อ เขาอ้อนข้อให้เรา ตีเราทีรอบละ 12000 โฮ๊กกก พี่รักหนูจริงปะเนี้ย)
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: เสี่ยวจ้าวจื่อถามแล้ว ว่าอันนี้คือมาช่วยผมหรือมาพลอดรักกันครับ
รางวัล: 10 ตำลึงทอง (ได้รับแล้วจ้าไม่ต้องโอนมา)