เจ้าของ: Watcher

หอดาราเฟยเทียน

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-8-29 20:35:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 29 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามไฮ่ เวลา 21.00 - 23.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก หอดาราเฟยเทียน

อีเว้นท์ ภารกิจ “เคล็ดลับขนมหวานและความลับขันที: แผนการพิชิตใจจงฉางชื่อ” - จบภารกิจ


แสงดาวน้อย ๆ ส่องริบหรี่เหนือฟากฟ้ายามค่ำคืนของเดือนดับ เงาดำทาบซ้อนกันกับเสาหอสูงเฟยเทียน ลมหนาวโชยพัดกลีบเหมยแห้งปลิวว่อนเบา ๆ ราวกับกำลังร่ายรำ หลินหยาก้าวขึ้นบันไดหินทีละขั้นพร้อมเสี่ยวจ้าวจื่อที่เดินตามมาไม่ห่าง มือเล็กประคองกล่องไม้ที่ห่อด้วยผ้าลายงามสีเข้มปักดอกไม้ละเอียด บ่งบอกถึงความตั้งใจอันเต็มเปี่ยม นัยน์ตาของหลินหยามีทั้งความกังวลและความมุ่งมั่นในเวลาเดียวกัน "ไม่ต้องกลัวนะ มันจะผ่านไปด้วยดี" นางกระซิบกับเสี่ยวจ้าวจื่อ แววตาอ่อนโยนและรอยยิ้มบาง ๆ บอกให้เขาอุ่นใจ ทั้งที่ในใจของนางเองกลับเต้นแรงรัวไม่ต่างกัน เสี่ยวจ้าวจื่อพยักหน้าช้า ๆ น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ "ขอรับ แม่นางหลินอยู่ตรงนี้…ข้าย่อมไม่กลัว"


เมื่อมาถึงชั้นบนสุด ความเงียบปกคลุมไปทั่ว ด้านหนึ่งของหอเป็นระเบียงไม้เปิดโล่งเผยให้เห็นท้องฟ้าที่มืดสนิทเต็มไปด้วยดวงดาว ร่างสูงในชุดสีเข้มยืนหันหลังให้แสงจากตะเกียงเพียงเล็กน้อยสะท้อนขอบหน้ากากสีเงินครึ่งหน้าบนใบหน้า เงาของจางกงกงชัดเจนแม้เพียงแค่แผ่นหลังออร่าสง่างามเย็นเยียบแต่กดดันจนคนทั้งสองแทบหยุดหายใจ


หลินหยาเผลอกำผ้าห่อกล่องแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนสูดลมหายใจลึกแล้วก้าวออกไปข้างหน้า นางโน้มตัวลงคำนับ "ท่าน…" น้ำเสียงสั่นแต่หนักแน่นพอจะบอกถึงความจริงใจในถ้อยคำ


จางกงกงหันกลับมาช้า ๆ สายตาคมใต้เงาหน้ากากกวาดมองทั้งสองอย่างไม่อาจคาดเดาได้ แววตานั้นทั้งนิ่งสงบและเหมือนแฝงคำถาม เสี่ยวจ้าวจื่อคุกเข่าลงแทบจะทันที "กระหม่อม…เอ่อ ข้าเสี่ยวจ้าวจื่อ ขอแสดงความเคารพขอรับ" เสียงของเขาเบาแต่หนักแน่นท่าทางลิ้นพันกันจนไม่รู้ว่าจะพูดคำว่าอะไรดี


หลินหยายกกล่องไม้มาข้างหน้าประสานมือวางกล่องอย่างนอบน้อมก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "นี่คือของหวานที่เราสองคนร่วมกันทำขึ้นเจ้าค่ะ ข้า…อยากมอบให้ท่าน เพื่อบอกแทนความรู้สึก"


สายตาของจางกงกงเลื่อนลงยังกล่องไม้ตรงหน้า แววตาเงียบงันอ่านไม่ออกว่าพอใจหรือโกรธเคือง ลมหนาวพัดแรงขึ้นพอให้ชายอาภรณ์และผ้าคลุมของเขาปลิวพลิ้ว เสี่ยวจ้าวจื่อก้มต่ำไม่กล้าเงยหน้า ส่วนหลินหยายืนนิ่งใจเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา แต่ก็ยังยิ้มบาง ๆ เอ่ยเบา ๆ "รสชาติไม่หวานจัดแต่แฝงความละมุน เหมือนตัวท่านที่ใครอาจไม่เห็น…แต่ข้ารู้เจ้าค่ะ" บรรยากาศรอบกายเหมือนหยุดนิ่ง รอเพียงคำตอบและปฏิกิริยาจากบุรุษผู้ที่นางมอบทั้งความรักและความหวาดกลัวให้พร้อมกันในเวลาเดียว


จางกงกงก้าวช้า ๆ เข้ามาใกล้ ร่างสูงของเขาเคลื่อนด้วยความเงียบสงบแต่เต็มไปด้วยแรงกดดันจนหลินหยาหายใจติดขัดเล็กน้อย เขาเอื้อมมือเรียวยาวหยิบกล่องไม้นั้นขึ้นมาคลายผ้าที่ห่อไว้อย่างพิถีพิถันทีละชั้น ท่าทีไม่รีบร้อน แต่สายตาที่ก้มมองเต็มไปด้วยความนิ่งลึกเหมือนมีคมดาบซ่อนอยู่ในเงา


ทันทีที่กลีบไม้เปิดออกขนมรูปดอกไม้ปรากฏตรงหน้า สีอ่อนละมุน หรูหราแต่เรียบง่าย บ่งบอกความใส่ใจในทุกรายละเอียด จางกงกงหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมา วางลงในปากช้า ๆ รสชาติที่ไม่หวานจัดกลับกลมกล่อมละลายปลายลิ้น พร้อมกลิ่นหอมบางของชาอ่อนที่ซึมแทรกอย่างแยบยล เขาหลับตาลงเพียงครู่ ยอมให้รสสัมผัสไหลเวียนผ่านความทรงจำอันยาวนาน “ไม่หวาน…ไม่เลี่ยน แต่กลับมีรสสดชื่นบางเบาแทรกอยู่” เสียงทุ้มเอ่ยช้า ๆ แฝงความพึงพอใจปนเสียดแทง เขาลืมตาขึ้น จ้องมองหลินหยานิ่งงัน ดวงตาคมใต้เงาหน้ากากวาววับด้วยประกายบางอย่างที่ยากเกินอ่านออก “เหมือนเจ้าไม่มีผิด…สวยงามภายนอก แต่มีรสแท้จริงที่มิอาจลืมเลือน”


เขาวางขนมลง หยิบจอกชารสอ่อนที่เสี่ยวจ้าวจื่อจัดไว้ขึ้นจิบ ก่อนปล่อยลมหายใจแผ่ว “ชา…ใช่ กลิ่นนี้ ข้าชอบ” น้ำเสียงนั้นแม้ราบเรียบแต่แฝงความอ่อนลงจากปกติ


เสี่ยวจ้าวจื่อที่ก้มหน้าฟังอยู่กุมมือแนบอกน้ำเสียงสั่นน้อย ๆ เอ่ยขึ้น “ข้า…ข้ากับแม่นางหลินตั้งใจทำขึ้นเพื่อท่านขอรับ”


จางกงกงปรายตามองเสี่ยวจ้าวจื่อเพียงนิดเดียว สายตาคมเหมือนจะกรีดความลับในใจเขาได้หมดสิ้น ก่อนจะหันกลับมาที่หลินหยา มือเรียวแตะเบา ๆ ที่ขอบกล่องไม้คล้ายเป็นการถามโดยไม่ต้องเอ่ยคำ “นี่เป็นความคิดของเจ้า…หรือความตั้งใจของเจ้าทั้งคู่” แรงกดดันนั้นทิ่มแทงจนหลินหยาต้องกัดริมฝีปาก นางรู้ว่าหากตอบผิดเพียงนิดเดียว เขาจะต้องลงโทษแน่ ใบหน้าเธอร้อนวาบ แต่ยังเงยขึ้นสบตาเขา “เป็นความตั้งใจของเราสองเจ้าค่ะ ข้าอยากให้ท่านได้รับสิ่งที่เหมาะสมกับท่านที่สุด”


จางกงกงแสยะยิ้มบางที่ยากจะตีความว่าพึงใจหรือเย้ยหยัน เขาเอนกายพิงเสาไม้ข้างระเบียง ยกจอกชาขึ้นอีกครั้งพลางเอ่ยด้วยเสียงก้องในความเงียบ “แมวน้อย…เจ้านี่มันช่างรู้จักหาวิธีมัดหัวใจคนอื่นนัก” คำพูดนั้นทั้งแฝงความพอใจและความระแวงในเวลาเดียวกัน ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสามแขวนอยู่บนเส้นด้ายของความไว้ใจและความหวาดหวั่น


แต่ทว่าหลินหยาที่นั่งตัวเกร็งอยู่ด้านข้างหน้าแดงจัดจนแทบซุกหน้าหนี ริมฝีปากเม้มแน่นเพราะถูกเรียกว่าแมวน้อยตรง ๆ ต่อหน้าเสี่ยวจ้าวจื่อ หัวใจเธอเต้นโครมครามราวกับกลองศึก แม้จะอยากเอ็ดเขาแรง ๆ แต่ก็ทำไม่ลง มีเพียงสายตากลอกไปมา หวังว่าพื้นดินตรงนี้จะแยกออกให้เธอมุดลงไปหนีเสียได้ แต่จางกงกงกลับเพียงยกจอกชาอย่างนิ่งสงบ ดวงตาคมเพ่งไปยังเสี่ยวจ้าวจื่อที่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตา ทว่ามุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย แววตาเย็นลึกเหมือนอ่านออกหมดว่าใครเป็นผู้ช่วยหลินหยา “ฝีมือของเจ้า…คุ้นนัก” เขาเอ่ยช้า ๆ น้ำเสียงกดต่ำ “กลิ่นนี้ วิธีการนี้ชัดว่าเป็นศิษย์ของขันทีเฒ่าเติ้ง ข้าเคยลิ้มมาแล้วในอดีต แต่ครานี้กลับมีรสที่ต่างออกไป…สมบูรณ์กว่า มีชีวิตกว่า”


เสี่ยวจ้าวจื่อถึงกับสะดุ้งเฮือก รีบประสานมือโค้งคำนับ “ขอรับท่าน…ท่านจงฉางชื่อ ข้าเพียงสืบสานสิ่งที่อาจารย์มอบให้ต่อขอรับ มิได้มีเจตนาจะโอ้อวด” น้ำเสียงนั้นสั่น แต่แฝงด้วยความจริงใจ


หลินหยาที่เห็นท่าทีของเสี่ยวจ้าวจื่อก็รีบโพล่งออกมา น้ำเสียงอ้อน ๆ พยายามเบี่ยงเบนความกดดัน “เขาเพียงแต่ช่วยข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ หากมิใช่เสี่ยวจ้าวจื่อข้าคงไม่อาจทำออกมาได้ถึงเพียงนี้” นางเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้าจะยังแดงจัดแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นปกป้อง


จางกงกงกวาดตามองหลินหยานิ่งงันรอยยิ้มจางบนมุมปากของเขาไม่บอกอารมณ์ แต่กลับมีแรงกดดันหนักหน่วงคล้ายพายุเงียบ “เสี่ยวหยา…เจ้ารู้หรือไม่ การที่เจ้ามีคนคอยช่วยเหลือจนกล้าเงยหน้าต่อข้าได้เช่นนี้ มันทำให้ข้าทั้งขบขัน ทั้งอยากจะ…ลงโทษ” เสียงทุ้มทุกรอยคำกรีดหัวใจ หลินหยายิ่งหน้าแดงจนร้อนผ่าวไปทั้งร่าง ทว่าท้ายที่สุดเขาก็วางจอกชาลงอย่างแผ่วเบา สายตาเลื่อนกลับมาที่เสี่ยวจ้าวจื่ออีกครั้ง “เจ้ามีฝีมือ…อย่าได้ปล่อยทิ้งเสีย พรสวรรค์นี้หากใช้อย่างถูกต้อง ถูกที่ถูกเวลาจะพาเจ้าไกลกว่าที่คิด”


คำพูดนั้นเหมือนทั้งเตือนทั้งชื่นชม เสี่ยวจ้าวจื่อเบิกตากว้างไม่คิดว่าจะได้รับถ้อยคำนี้จากจางกงกง รีบก้มหน้าลงแทบจะติดพื้น “ขอบพระคุณท่านจงฉางชื่อ ข้าจะจดจำคำนี้ไปชั่วชีวิตขอรับ!” 


บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียดสลับกับความร้อนผ่าว หลินหยาที่นั่งอยู่ก็ได้แต่กำชายเสื้อแน่นใจสั่นไม่หยุด…เพราะรู้ดีว่าตั้งแต่วินาทีนี้ไป จางกงกงทั้งเห็นนาง ทั้งเห็นเสี่ยวจ้าวจื่อ และไม่มีอะไรเล็ดลอดสายตาคมนั้นไปได้เลย แต่ทว่านางกลับระบายยิ้มบาง หัวใจอบอุ่นขึ้นมาเมื่อได้ยินถ้อยคำจากปากของจางกงกง เสียงทุ้มเย็นที่ปกติมักจะทำให้เธอขนลุก กลับกลายเป็นเสียงที่ทำให้ในอกสั่นไหวอย่างแปลกประหลาด นางเหลือบมองเสี่ยวจ้าวจื่อที่เบิกตากว้าง ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกเพียงพยักหน้ารับคำด้วยแรงศรัทธาทั้งหมดในใจ


“หากวันใดข้าปรารถนา ก็จงทำขนมนี้ส่งไปที่ตำหนักจงฉางชื่อเถิด” จางกงกงเอ่ยเสียงเรียบราวกับเป็นคำสั่งมากกว่าคำขอ ทว่าในแววตาที่ทอดลงมาแฝงประกายประหลาด เหมือนความพอใจอันยากจะอ่านออก


เสี่ยวจ้าวจื่อแทบจะก้มกราบลงกับพื้นด้วยความตื้นตัน “เป็นเกียรติสูงสุดของข้าขอรับ ท่านจงฉางชื่อ” น้ำเสียงสั่นพร่าทั้งดีใจทั้งหวาดเกรง


หลินหยามองทั้งสองคนสลับกัน หัวใจพลันเต็มตื้น นางหัวเราะเบา ๆ พลางเอื้อมมือแตะไหล่เสี่ยวจ้าวจื่อเบา ๆ “เห็นหรือไม่ล่ะ เสี่ยวจ้าวจื่อ…เจ้ามิได้ไร้ค่าอย่างที่เจ้าคิดเลย เจ้ามีฝีมือมีความหมายและยังได้รับคำยอมรับจากคนที่เข้มงวดที่สุดด้วยนะ” คำพูดนั้นทำเอาเสี่ยวจ้าวจื่อหน้าแดงจัด น้ำตาแทบเอ่อ เขาเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะคำนับทั้งหลินหยาและจางกงกงซ้ำแล้วซ้ำเล่า


จางกงกงเพียงปรายตามองหลินหยาเล็กน้อย รอยยิ้มชั่วแล่นโค้งบนมุมปาก “เจ้ามักจะชอบเก็บเด็กเก็บสุนักมาเลี้ยงไว้จริง ๆ แมวน้อย…เอาเถอะ อย่างน้อยครั้งนี้ดูจะไม่ใช่การเก็บภาระ แต่เป็นการเก็บเพชรที่ซ่อนอยู่ใต้ฝุ่น” หลินหยาหน้าแดงก่ำเมื่อถูกเรียกแบบนั้นต่อหน้าเสี่ยวจ้าวจื่ออีกครั้ง นางอยากจะแย้งอยากจะเอ็ดให้เขาหยุดพูดอะไรที่ทำให้เธอใจเต้น แต่ก็พูดไม่ออก ได้เพียงส่งยิ้มเขิน ๆ กลับไปให้ชายตรงหน้า


บรรยากาศเงียบลงชั่วครู่ เหมือนดวงดาวบนฟ้าเหนือหอดาราเฟยเทียนก็กระพริบแสงพร่างพรายเฉพาะสำหรับพวกเขา เสี่ยวจ้าวจื่อสูดหายใจลึก ตั้งสัตย์ในใจว่าจะไม่ทำให้ทั้งอาจารย์เติ้งและผู้ที่ยอมรับเขาในวันนี้ผิดหวังอีกต่อไป ส่วนหลินหยาก็ได้แต่แอบกอดกล่องเปล่าของขนมแน่น พลางคิดในใจว่าคืนนี้คงเป็นอีกคืนที่หัวใจเธอทั้งวุ่นวายและเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจอธิบายได้


แต่ทว่าอยู่ ๆ หลินหยาที่ตอนแรกยังยิ้มปลื้มปริ่มกลับทำตาเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วเพราะความเขินกลับยิ่งแดงจัดกว่าเดิม ขนาดเมื่อวานไปกินบะหมี่กับท่านต้าหงลู่อีกคนยังเรียกมาลงโทษ...คืนนี้เธอจะรอดไหมนะ นางก้มหน้ากอดกล่องเปล่าแน่นเหมือนเป็นเกราะกำบังในใจพลางพึมพำเบา ๆ ราวกับคุยกับตัวเอง “หรือว่า…คืนนี้ข้าจะโดนลงโทษอีกนะ…”


จางกงกงที่นั่งทอดกายพิงพนักเก้าอี้ หางตาคมกริบตวัดขึ้นมองทันที ริมฝีปากหยักโค้งเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ เขาเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะจนหัวใจหลินหยากระตุกไม่เป็นส่ำ “หืม…เจ้ารู้ตัวด้วยหรือ ว่ากำลังทำอะไรลับหลังข้าอยู่” น้ำเสียงเรียบแต่กดต่ำจนเสียวสันหลัง “ก็ไม่เชิงลับหลังนี่เจ้าคะ…” หลินหยารีบเงยหน้าขึ้นมาแก้ตัวอย่างร้อนรน เสียงตะกุกตะกัก “ข้าแค่…แค่คิดอยากทำขนมให้ท่านด้วยตัวเอง ข้ากับเสี่ยวจ้าวจื่อก็แค่ไปลองสูตร ไปดื่มชา ไม่ได้มีอะไรเลยนะ…”


เสี่ยวจ้าวจื่อที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ หน้าเหงื่อตกพราก รีบก้มหน้าคำนับจนแทบจะจรดพื้น “ท่านจงฉางชื่อ โปรดอย่าลงโทษแม่นางหลินเลยขอรับ ทุกอย่างเป็นความคิดของข้าเอง…นางเพียงอยากทำสิ่งดี ๆ ให้ท่านเท่านั้นขอรับ!”


จางกงกงหัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่กลับฟังน่ากลัวกว่าการโกรธเสียอีก เขาโน้มกายมาข้างหน้า แสงจันทร์ที่ลอดเข้ามาตกกระทบใบหน้าเยียบเย็น “เสี่ยวหยา…เจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือ ว่าข้ารังเกียจที่สุดคือการที่เจ้ามีความสุขอยู่กับคนอื่นโดยไม่มีข้า” เขายกถ้วยชาขึ้นจิบช้า ๆ สายตาไม่ละไปจากหลินหยาเลย


หลินหยาหน้าแดงจัด นางสั่นเล็กน้อยแต่ก็พยายามยิ้มอย่างอ้อน “ก็เพราะข้าอยากทำให้ท่าน…อยากเห็นท่านยิ้ม ข้าเลยยอมเหน็ดเหนื่อยเองนี่นา จะหึงอะไรเล่า…” เสียงเธอเบาจนแทบกลืนหาย แต่แววตากลับจริงใจ เสี่ยวจ้าวจื่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นภาพนั้นแล้วก็ยิ่งทั้งโล่งใจทั้งกังวล เขารู้ดีว่าจางกงกงคงไม่ใจอ่อนง่าย ๆ ความโรคจิตซาดิสม์ที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้นแสดงชัดจนเขายังอดหวาดกลัวแทนหลินหยาไม่ได้




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ:  กร๊ีดดดดดดดด เขินนนนนนน

จางกงกงเขาจะโกรธไหมนะ...ที่เราไปจิบชากับเสี่ยวจ้าวจื่อ 5555

เมื่อวานพึ่งทำไป ไม่ทำ!! หยุดหึงงง สัก 1 วันที


รางวัล: ตำราขนมหวานลับห้องเครื่อง (สามารถเรียนรู้สูตรขนมหวานใหม่ ๆ ได้, เพิ่มค่าสถานะทำอาหาร)

สูตรขนมดอกไม้สอดไส้ชา และ ปลดล็อคหัวใจเสี่ยวจ้าวจื่อ 6 ดวง


แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 2025-8-29 21:31
โพสต์ 51464 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-29 20:35
โพสต์ 51,464 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-29 20:35
โพสต์ 51,464 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-29 20:35
โพสต์ 51,464 ไบต์และได้รับ +14 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +18 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-29 20:35
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-9-20 06:01:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XueXi เมื่อ 2025-9-20 07:50

วันที่ 20 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

ยามเช้าแห่งหอดาราเฟยเทียนช่างสงบงามยิ่งนัก แสงอาทิตย์ยามซื่อส่องต้องยอดหลังคาโค้งสูง ส่งประกายวาววับราวกับชโลมทองคำลงบนแผ่นกระเบื้องที่ทอดยาว สายลมอ่อนพัดพากลิ่นหอมของดอกเหมยที่ปลูกเรียงรายรอบลานหอ ละอองเกสรสีขาวบางส่วนปลิวกระจาย ร่วงโรยราวหิมะโปรยกลางฤดูหนาว ภาพนั้นงดงามจนแทบไม่ต่างจากภาพวาดบนผืนผ้าแพร

เสวี่ยซียืนอยู่ตรงระเบียงด้านหนึ่ง เส้นผมดำขลับถูกรวบไว้หลวม ๆ ข้างแก้มเรียวบางเผยให้เห็นดวงหน้าอันอ่อนละมุน ลำคอระหงยิ่งขับให้รูปโฉมชวนมองดั่งหยกแกะสลัก นัยน์ตาสีอำพันทอดมองไกลสุดขอบฟ้า แววตานั้นยังคงมีร่องรอยของความเจ็บปวดที่สั่งสมจากคืนวันก่อน หากแต่ลึกซึ้งไปกว่านั้นยังมีประกายอ่อนโยนที่ไม่เคยเลือนหายไป

ฝีเท้าเรียบเนียนดังขึ้นจากด้านหลัง เถียนเฟิงปรากฏสีหน้าสงบสุขุมดังเช่นทุกครั้ง หากเพียงแต่แววตาของเขายามนี้กลับไม่ใช่ความเย็นชาห่างเหินอย่างที่ผู้คนเคยเห็น แต่เป็นสายตาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน ห่วงหา หวงแหน และกระทั่งหวาดกลัวว่าจะสูญเสีย

“ซีซี” เสียงทุ้มต่ำเรียกขานแผ่วเบา

เสวี่ยซีหันกลับมา ดวงตาสีอำพันไหววูบเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “ท่าน…ยังตามมาหาข้าอยู่หรือ”

เถียนเฟิงก้าวเข้าใกล้ทีละก้าว “เจ้าให้ข้าหยุดได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจข้าไม่เคยหยุดห่วงหาเจ้าแม้แต่เพียงลมหายใจเดียว”

คำพูดนั้นทำให้เสวี่ยซีสะท้านไปทั้งร่าง ใบหน้าขาวซีดมีสีระเรื่อขึ้นอย่างยากจะควบคุม เขาหลุบตาลง “ท่านพูดราวกับว่าข้ายังสำคัญต่อท่าน”

“สำคัญหรือไม่” เถียนเฟิงยกยิ้มมุมปาก ทว่าเป็นรอยยิ้มที่เจือปนไปด้วยความขมขื่น “เจ้าก็รู้แก่ใจ ข้าหึงหวงจนเสียสติ หวงแหนจนพูดจาทำร้ายเจ้า ทั้งหมดเพราะเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับข้า”

เสวี่ยซีชะงัก หัวใจเต้นรัวราวจะทะลุทรวงอก ความโกรธและความเสียใจที่อัดแน่นในคืนวันก่อนถูกคลายออกทีละน้อย แต่แผลลึกที่ยังเจ็บปวดก็ทำให้เขายังไม่กล้าเปิดใจทั้งหมด “แล้วเหตุใด ท่านจึงไม่เชื่อใจข้า”

เถียนเฟิงหยุดยืนตรงหน้า แววตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีอำพันนั้นอย่างจริงจัง “เพราะข้าโง่ โง่ที่ให้ความหวาดระแวงมาบดบังสายตา ข้ากลัวจะสูญเสียเจ้าจนยอมถูกหลอกด้วยภาพลวงตา ข้าขอโทษ”

เมื่อเอ่ยจบ เถียนเฟิงล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ดึงกล่องไม้เล็กออกมา เขาค่อย ๆ เปิดฝา เผยให้เห็นแหวนหยกสีเขียวใสสลักลวดลายอ่อนช้อย และตรงด้านในมีอักษรเล็กสลักชื่อ “เสวี่ยซี” อย่างประณีต

“นี่คือสิ่งที่ข้าตั้งใจสั่งช่างแกะสลักไว้” เถียนเฟิงยื่นแหวนหยกออกไปตรงหน้า “ไม่ใช่เพื่อพันธนาการเจ้า แต่เพื่อเป็นสัญญาใจ ข้าสัญญาจะไม่ทำให้เจ้าต้องเสียน้ำตาอีก และจะไม่ให้ใครพรากเจ้าจากข้าไปได้”

เสวี่ยซีเบิกตากว้าง ริมฝีปากสั่นระริก น้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว แหวนหยกนั้นส่องประกายรับแสงแดดเช้าราวกับดวงจันทร์กลางน้ำ เขายื่นมือสั่นเทารับกล่องไม้นั้นไว้ “ท่านจริงใจเพียงนี้หรือ”

“เจ้าสำคัญยิ่งกว่าลมหายใจ ข้าอาจเป็นคนมากเล่ห์ วางแผนเพื่อผลประโยชน์ในทุกย่างก้าว แต่ต่อหน้าเจ้า…ข้าจะไม่มีเล่ห์กลใด ๆ มีเพียงความจริงเท่านั้น” เถียนเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เสวี่ยซีหลับตาลง หยดน้ำตาไหลอาบแก้ม เขาสวมแหวนหยกลงบนนิ้วเรียวของตนอย่างเงียบงัน แสงเขียวใสที่ประดับอยู่บนมือขาวซีดนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรงยิ่งกว่าที่เคย

“เถียนเฟิง” เขาพึมพำเสียงสั่น “ข้า…ให้อภัยท่านแล้ว”

เถียนเฟิงมองภาพนั้นด้วยดวงตาที่สั่นไหว หัวใจที่เคยเย็นชาเหมือนน้ำแข็งราวกับถูกหลอมละลาย เขายื่นมือกุมมือบอบบางนั้นไว้แน่น “ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะไม่ใช่แค่นายโลมที่ต้องทนทุกข์อีก ข้าจะทำให้เจ้ามีชีวิตใหม่ที่ควรค่าแก่ความสุข”

แสงแดดยามสายยังอาบไล้ทั่วระเบียง ทว่าในอกของเสวี่ยซีกลับร้อนรุ่มยิ่งกว่าเปลวเพลิงเสียอีก นิ้วเรียวที่สวมแหวนหยกยังคงสั่นไหวเล็กน้อย ทุกครั้งที่ก้มลงมอง หัวใจเขาก็เต้นแรงไม่หยุด

เถียนเฟิงยืนอยู่ใกล้เกินไป กลิ่นกายอบอุ่นที่คุ้นเคยช่างโอบล้อมจนเสวี่ยซีไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าเต็มตา ดวงตาสีอำพันหลบเลี่ยงไปทางอื่น แก้มขาวซีดกลับแดงซ่านขึ้นทีละน้อย

“เสวี่ยซี” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นใกล้ข้างหู “เจ้ารู้หรือไม่ ข้าเฝ้าฝันถึงวันที่เจ้าจะยอมอยู่เคียงข้างข้าเช่นนี้มานานเพียงใด”

เสวี่ยซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ใจหนึ่งอบอุ่น แต่ใจหนึ่งก็หวั่นไหวจนแทบยืนไม่ไหว “ท่านพูดมากไปแล้ว” เขาตัดบทเสียงเบา ทว่ากลับฟังคล้ายตัดพ้อเสียมากกว่า

เถียนเฟิงหัวเราะในลำคอ ยกมือแตะหลังมือที่สวมแหวนของเสวี่ยซีเบา ๆ นิ้วโป้งลูบวนราวกับกำลังจงใจยั่วให้คนตรงหน้าหวั่นไหว “แหวนวงนี้…เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้าอยากได้มากกว่านี้ อยากให้เจ้า…เป็นของข้าโดยสมบูรณ์”

ประโยคนั้นทำเอาเสวี่ยซีสะท้านไปทั้งร่าง ดวงตาเบิกโตเล็กน้อย ริมฝีปากอ้าพะงาบแต่ไร้เสียงตอบ แก้มสองข้างแดงระเรื่อราวดอกทับทิมบานยามเช้า

เถียนเฟิงโน้มตัวลงมาเล็กน้อย ใกล้จนลมหายใจอุ่นรินรดแก้ม “ข้าไม่รีบร้อน…เพียงแต่คืนนี้ หากเจ้ายอม ข้าก็จะนับเป็นพรอันประเสริฐที่สุดในชีวิตข้า”

เสวี่ยซีหลับตาปี๋ แก้มร้อนผ่าวจนไม่รู้จะหลบไปทางใด สุดท้ายเสียงแผ่วเบาราวกระซิบก็เล็ดลอดจากริมฝีปากเขา

“…ไปสิ”

เถียนเฟิงนิ่งไปอึดใจ ดวงตาคมสว่างวาบ รอยยิ้มละมุนผุดขึ้นมุมปาก มือใหญ่กุมมือบอบบางแน่นขึ้นเล็กน้อย เสียงหัวใจของทั้งคู่ราวกับประสานเป็นจังหวะเดียวกัน ท่ามกลางสายลมที่พัดแผ่วเบา ณ ระเบียงสูงแห่งหอดาราเฟยเทียน

“เจ้าพูดแล้วนะ ซีเอ๋อร์”

“อื้อ!”


ไอเทมเควสปลดหัวใจ เถียนเฟิง

แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 2025-9-23 21:40
โพสต์ 17281 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-20 06:01
โพสต์ 17,281 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-20 06:01
โพสต์ 17,281 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-20 06:01
โพสต์ 17,281 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-20 06:01
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-21 23:13:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 21 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 19.00 - 20.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

ลมยามราตรีพัดแผ่วเบา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของบุปผาที่ปลิวมาตามลมคลอเคล้ากับกลิ่นไม้หอมจากคบเพลิงและโคมไฟที่แขวนเรียงรายบนระเบียงหอดาราเฟยเทียน แสงโคมสีส้มอมทองทำให้เงาของราวระเบียงทอดยาวราวกับเส้นหมึกบนกระดาษขาว ท้องฟ้ากว้างเบื้องบนเต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยับ เสียงหัวเราะและพูดคุยของผู้คนที่มาดื่มด่ำบรรยากาศดังแว่วเป็นระยะ ทว่าบนระเบียงชั้นสูงสุดกลับเงียบสงบ มีเพียงเสียงรองเท้าไม้ที่เคาะเบาๆ กับพื้นไม้ และเสียงลมพัดผ่านชายแขนเสื้อ

เสวี่ยซียืนพิงราวระเบียงเล็กน้อย ร่างบอบบางนั้นดูราวกับเงาจันทร์ที่ละมุนละไม นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องดวงดาวอย่างไม่คุ้นชิน ริมฝีปากเล็กขมุบขมิบราวกับพึมพำถามกับตัวเองว่าแต่ละดวงนั้นชื่อเรียกว่าอะไร ดวงตากลมโตส่องประกายเหมือนกำลังค้นหาคำตอบ แต่เพียงไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าอีกคู่ดังใกล้เข้ามา

“มาดูดาวเหมือนกันหรือ?”

เสียงทุ้มนุ่มของบุรุษหนุ่มดังขึ้นจากด้านข้าง เสวี่ยซีสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมอง เห็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา ใบหน้าสงบเยือกเย็นราวกับสายน้ำยามค่ำคืน ดวงตาคมกริบแต่มิได้กดดัน หากเต็มไปด้วยความสงบที่ทำให้คนเผลอผ่อนลมหายใจ

“อ๋า... ข้า... ใช่ ข้ามาดูดาวขอรับ”

หมานเฉียนพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าก็มามองดูดาวเช่นกัน แต่ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังมาคำนวณตำแหน่งของพวกมันด้วย”

“คำนวณตำแหน่ง?” เสวี่ยซีเอียงคอเล็กน้อย คล้ายเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยิน “ทำอย่างไรหรือ”

หมานเฉียนเดินเข้าใกล้ราวระเบียง ยกมือชี้ไปที่ดวงดาวบนฟากฟ้า “ดวงนั้นเห็นหรือไม่สว่างที่สุดในทิศตะวันตก นั่นคือจื่อเวย ข้าใช้มันเป็นจุดเริ่มในการคำนวณหาตำแหน่งดาวดวงอื่น จากนั้นจึงวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของดวงดาวในยามค่ำ”

เสวี่ยซีมองตามนิ้วอย่างตั้งใจ ดวงตาเป็นประกาย “โอ้งดงามนัก ข้าไม่เคยรู้เลยว่าดาวดวงนั้นชื่อจื่อเวย”

“แล้วเจ้ารู้จักดวงดาวดวงไหนบ้าง” หมานเฉียนถาม น้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังดูเหมือนสนใจคำตอบจริงๆ

“เอ่อ... ข้าเพียงรู้จักดาวเหนือ” เสวี่ยซีตอบเสียงแผ่ว ริมฝีปากเผยอยิ้มเขินๆ “เพราะมีคนเคยบอกว่าหากหลงทางให้มองหาดาวเหนือ ก็จะหาทิศทางกลับบ้านได้”

หมานเฉียนพยักหน้า “ใช่แล้ว ดาวเหนือคือดวงที่อยู่แทบจะไม่เคลื่อนเลยในสายตาเรา เป็นเหมือนศูนย์กลางของฟากฟ้า”

เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ลมหายใจช้าลง คล้ายกำลังเพลิดเพลินไปกับความสงบ “ข้าชอบความรู้สึกนี้จัง เหมือนโลกหยุดหมุน เหลือเพียงแสงดาวกับเสียงลม”

หมานเฉียนหันมามอง เห็นเสวี่ยซียิ้มบางๆ ดวงตาเปล่งประกายยามสะท้อนแสงโคม เหมือนน้ำผึ้งที่ส่องประกายภายใต้แสงตะเกียง “เจ้าพูดถูก บางครั้งการมองดาวทำให้คนลืมความวุ่นวายไปได้ชั่วครู่”

ทั้งสองยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ มีเพียงเสียงลมพัด

“อ้อข้าเอาขนมบัวหิมะกับสุราเบญจมาศมาด้วย” เขาแกะห่ออย่างระมัดระวังแล้วยื่นไปให้หมานเฉียน “ข้าคิดว่าท่านอาจอยากลอง”

หมานเฉียนรับมาอย่างสุภาพ “ขอบคุณ ไม่นึกว่าจะได้มาของว่างกลางดึกเช่นนี้”

เสวี่ยซียิ้ม ดวงตาเป็นประกาย “ท่านลองชิมสิ ขนมบัวหิมะวันนี้นุ่มมาก”

หมานเฉียนหัวเราะเบาๆ “ข้าคงจะเก็บไว้กินตอนกลับ ขนมจะอร่อยยิ่งขึ้นเมื่อได้กินอย่างสงบ”

“จริงหรือ?” เสวี่ยซีทำตาโต คล้ายจะเชื่อโดยไม่ลังเล

หมานเฉียนเหลือบตามองเล็กน้อย ราวกับจะพูดบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบไว้ เพียงพยักหน้าเบาๆ “แล้วเจ้ามาหอดาราบ่อยรึ”

“ไม่บ่อยหรอก” เสวี่ยซีส่ายหัว “ข้าไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไร ข้าไม่ค่อยรู้ความหมายของดวงดาว บางทีก็แค่ดูเพราะมันสวย”

“ความสวยงามก็เพียงพอแล้ว” หมานเฉียนตอบเรียบๆ “มิจำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างเสมอไป”

เสวี่ยซีพยักหน้าแรงเกินไปเล็กน้อยจนผมปรกหน้า รีบปัดออกแล้วหัวเราะคิก “ท่านพูดถูก ข้าเองก็มักจะถูกเพื่อนล้อว่ามองดาวไปก็ไม่รู้เรื่อง แต่คืนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่ามันมีความหมายขึ้นมา”

“เพราะมีคนอธิบายให้ฟังน่ะรึ”

“ก็... อาจเป็นเพราะอย่างนั้น” เสวี่ยซีหัวเราะเบาๆ

ลมพัดแรงขึ้นเล็กน้อย แสงโคมไหวเอนราวกับระบำ เสวี่ยซีเงยหน้ามองดาวอีกครั้งอย่างเงียบๆ คราวนี้เขาเริ่มจดจำชื่อดาวที่หมานเฉียนบอกได้ทีละดวง

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่อาจทราบ เสียงผู้คนเริ่มซาลง เหลือเพียงกลุ่มที่ยังนั่งดื่มด่ำความงามของฟากฟ้า หมานเฉียนเก็บสมุดบันทึกของตนพลางพูด “ดึกมากแล้ว ข้าคงต้องกลับ”


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมบัวหิมะ)
✎ +15 ความสัมพันธ์ สุราเบญจมาศ
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-9-23 21:40
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2025-9-23 21:33
โพสต์ 15759 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-21 23:13
โพสต์ 15,759 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-21 23:13
โพสต์ 15,759 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-21 23:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-22 21:08:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 22 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 20.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

ยามราตรีแห่งหอดาราเฟยเทียนเงียบสงบกว่าคืนก่อน เสียงจอแจของผู้คนเบื้องล่างค่อยๆ จางหายเมื่อเสวี่ยซีเดินขึ้นบันไดไม้สู่ระเบียงชั้นสูงสุด ลมเย็นโชยพัดกลิ่นไม้สนและหมอกบางๆ มาปะทะปลายจมูก เขาหอบตะกร้าเล็กๆ ที่ภายในมีขนมไหมฟ้าห่ออย่างประณีตและขวดสุราเบญจมาศที่ปิดจุกแน่น ระหว่างเดินขึ้นมา เสวี่ยซีแอบตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหมานเฉียนจะมาหรือไม่

เมื่อขึ้นถึงระเบียง เสวี่ยซีก็พบชายหนุ่มอาภรณ์สีขาวยืนอยู่ก่อนแล้ว ท่วงท่าของเขาสงบนิ่ง มือหนึ่งถือแท่นไม้ที่มีแผ่นกระดาษคำนวณ อีกมือกำลังใช้พู่กันจดเส้นต่างๆ ลงบนแผ่นกระดาษ ข้างเท้ามีแท่งไม้สั้นยาววางเรียงเป็นชุด คล้ายใช้สำหรับวัดมุมหรือระยะบนพื้น

“ท่านมาแล้ว” เสวี่ยซีส่งเสียงเรียกเบาๆ

หมานเฉียนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าให้เป็นเชิงทักทาย “เจ้าก็มาดูดาวอีกหรือ?”

“ใช่ ข้าก็อยากรู้เรื่องดวงดาวเพิ่มขึ้น” เสวี่ยซียิ้มบางๆ “เมื่อวานข้ากลับไปก็ยังจำชื่อดวงดาวที่ท่านสอนบางดวงได้ ข้ารู้สึกดีใจนัก”

หมานเฉียนยกคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนพึงพอใจในความตั้งใจของอีกฝ่าย “ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะสอนเจ้ามากกว่าเดิม”

เสวี่ยซีรีบวางตะกร้าลงบนม้านั่งไม้ใกล้ๆ ก่อนหันไปยืนข้างหมานเฉียนอย่างตั้งใจ ดวงตาอำพันจับจ้องฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

“เริ่มจากตรงนั้น” หมานเฉียนชี้ไปยังกลุ่มดาวที่รวมตัวกันทางตะวันออกเฉียงใต้ “นั่นคือกลุ่มดาวช้างเผือกในตำราของข้า เรียงตัวเหมือนคันศร หากลากเส้นสมมุติจะเห็นเป็นรูปโค้ง เจ้าลองใช้ไม้บรรทัดวัดมุมจากดาวเหนือมาที่มันสิ”

เสวี่ยซีรับไม้บรรทัดที่อีกฝ่ายส่งให้ แม้ยังใช้ไม่ค่อยคล่องแต่ก็พยายามวางตามที่บอก “เอ่อ... ได้ประมาณนี้หรือไม่?”

หมานเฉียนก้มมองก่อนพยักหน้า “ดีแล้ว เจ้าคำนวณมุมกว้างได้ประมาณห้าสิบสี่องศา พอใช้ได้”

“อ๋า แปลว่าข้าไม่ผิดมากใช่หรือไม่” เสวี่ยซีหัวเราะเบาๆ พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ไม่ผิด” หมานเฉียนตอบเรียบๆ ก่อนหันไปเขียนตัวเลขลงในกระดาษ “คืนนี้ตำแหน่งดาวเปลี่ยนเล็กน้อยจากเมื่อคืน ข้าเลยต้องปรับสมการใหม่”

“สมการ?” เสวี่ยซีหันมองอย่างสนใจ “ท่านคำนวณอะไร”

“การเคลื่อนของดวงดาว ข้าพยายามบันทึกเพื่อทำนายวันเวลาที่แม่นยำขึ้น” หมานเฉียนพูดพลางเขียนเส้นโค้งลงบนกระดาษอย่างชำนาญ

เสวี่ยซีจ้องมองด้วยความทึ่ง “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าดวงดาวจะบอกเวลาได้ ข้ารู้เพียงว่าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นคือตอนเช้า ดวงอาทิตย์ตกคือตอนเย็น”

“ดวงดาวเป็นนาฬิกาของฟากฟ้า หากเจ้าเข้าใจตำแหน่งของพวกมัน เจ้าจะรู้แม้กระทั่งฤดูกาล” หมานเฉียนยกมือชี้ไปยังดาวที่อยู่ใกล้เส้นขอบฟ้า “ดูนั่นสิ กลุ่มดาวหงส์ มันปรากฏชัดที่สุดในฤดูร้อน หากเมื่อใดเจ้ามองไม่เห็นมัน ก็แปลว่าฤดูเปลี่ยนแล้ว”

เสวี่ยซีอ้าปากเล็กน้อยด้วยความตื่นตะลึง “ข้าคงต้องจดจำไว้แล้ว”

“จดจำยังไม่พอ เจ้าต้องลองสังเกตทุกคืน” หมานเฉียนวางพู่กัน “ความรู้เช่นนี้ต้องอาศัยความอดทน หากละเลยแม้เพียงเดือนเดียว เจ้าจะพลาดการเคลื่อนของดวงดาว”

เสวี่ยซีพยักหน้าหงึกหงัก ราวกับตั้งใจว่าจะไม่พลาดอีก

เมื่อเสร็จการบันทึก หมานเฉียนนั่งลงบนม้านั่งไม้ เสวี่ยซีจึงถือโอกาสหยิบตะกร้ามาเปิด “ข้านำขนมไหมฟ้ากับสุราเบญจมาศมาฝากท่าน”

หมานเฉียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “ขนมไหมฟ้า?”

“ใช่ หวานนุ่มละลายในปาก” เสวี่ยซีวางถาดเล็กตรงหน้า “ท่านคงใช้สมาธิมาก ลองกินดูสิ จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”

หมานเฉียนหยิบชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู ก่อนกัดเบาๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนแต่พยักหน้าเล็กน้อย “หวานพอดี”

เสวี่ยซีหัวเราะตาเป็นประกาย “ข้าบอกแล้วว่ามันอร่อย!”

หมานเฉียนเพียงพยักหน้าเงียบๆ ก่อนยกขวดสุราเบญจมาศขึ้นดู “เจ้าก็เตรียมมาจริงจัง”

“ก็... ข้าคิดว่าอากาศยามค่ำเย็นนัก สุรานี้จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น” เสวี่ยซีพูดเสียงแผ่ว คล้ายเกรงว่าตนพูดมากเกินไป

หมานเฉียนเปิดจุกขวด เทใส่จอกเล็กจิบเพียงน้อย “รสเบา ไม่กลบรสขนม”

ทั้งสองนั่งเงียบชั่วครู่ เสวี่ยซีมองฟ้าแล้วถาม “ท่านว่าดาวทั้งหมดบนฟากฟ้ามีกี่ดวง”

หมานเฉียนหัวเราะเบาๆ ครั้งแรกในคืนนี้ “มากเกินกว่าจะนับได้ด้วยตาเปล่า บางดวงสว่างจนเห็นชัด บางดวงเล็กจนจางหายไป”

หมานเฉียนเก็บแผ่นกระดาษและไม้บรรทัด ก่อนหันไปมองฟ้าอีกครั้ง “คืนนี้เจ้าทำได้ดีแล้ว พรุ่งนี้หากเจ้าอยากมาศึกษาต่อ ข้าจะสอนการใช้แผนที่ดาว”

เสวี่ยซียิ้มกว้าง ดวงตาอำพันสะท้อนแสงดาวพราวระยับ “ข้าจะมาแน่นอน!”

หมานเฉียนเพียงพยักหน้า ก่อนลุกขึ้นยืน เสวี่ยซีรีบเก็บตะกร้าและเดินตาม แต่ในหัวของเสวี่ยซีตอนนี้กลับเต็มไปด้วยชื่อดาว กลุ่มดาว และมุมวัดที่เพิ่งได้เรียนรู้

คืนนี้เขาไม่ได้แค่มองดาว แต่ได้เข้าใจโลกที่กว้างใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ สุราเบญจมาศ
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม

มีโพสต์ด้านบนที่ยังไม่ได้ตรวจ

@Watcher


แสดงความคิดเห็น

ความสนิทสนมกับตงฟางซั่วหัวใจตัน 2 ดวง  โพสต์ 2025-9-23 21:43
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-9-23 21:43
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 85 โพสต์ 2025-9-23 21:40
โพสต์ 17462 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-22 21:08
โพสต์ 17,462 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-22 21:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-24 08:31:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 24 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามโฉ่ว เวลา 01.00 - 03.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว


เมืองฉางอันยังคงพราวไปด้วยดวงดาว สายหมอกบางเคลื่อนไปตามยอดหลังคา เสียงระฆังยามดังแว่วจากหอคอยไกลๆ ราวกับเตือนว่าค่ำคืนนี้กำลังล่วงเลยเข้าสู่ความลึกสงัด

หลังจากที่ทั้งสองเพิ่งจากร้านชาเมฆาซ่อนจันทร์ หมานเฉียนมิได้แยกทางไปพักผ่อนดังเช่นทุกครั้ง เขาหันมากล่าวสั้นๆ กับเสวี่ยซีว่า

“คืนนี้ฟ้าสดใส ไร้เมฆบดบัง หากเจ้าอยากเรียน ข้าจะพาไปที่หอดาราเฟยเทียน”

เพียงเท่านั้น เสวี่ยซีก็เหมือนหัวใจพลันเต้นแรงขึ้น เขารีบตอบรับด้วยแววตาสุกใส ก่อนก้าวตามแผ่นหลังสีขาวของอีกฝ่ายไปตามถนนเงียบสงัด

ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึง หอดาราเฟยเทียนหอสูงตั้งเด่นเหนือร้านรวงรอบๆ แสงโคมไฟสีทองอ่อนสะท้อนกับราวระเบียงไม้ บรรยากาศสงัดสมชื่อ เสียงลมพัดเสื้อคลุมดังซู่ซ่าเหมือนท่วงทำนองแผ่วเบา

เสวี่ยซีเงยหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบน ดวงตาอำพันเปล่งประกายราวกับเด็กน้อยที่ได้พบสมบัติล้ำค่า

หมานเฉียนวางตำราและไม้บรรทัดยาวลงบนโต๊ะไม้กลางลาน ก่อนเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นแต่สงบ

“วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่อง ดาวฤกษ์ที่สำคัญบนท้องฟ้า และความสัมพันธ์ของมันกับการพยากรณ์”

เสวี่ยซีตั้งตัวตรงทันที ราวกับนักเรียนที่รอรับคำสอน

“ดาวฤกษ์” เขาทวนเสียงเบา “ท่านหมายถึงดวงที่ส่องแสงแรงกว่าดวงอื่นใช่หรือไม่?”

หมานเฉียนพยักหน้า “ใช่ ดาวฤกษ์คือดวงดาวที่มีแสงสว่างมั่นคง บางดวงใหญ่จนสามารถใช้เป็นหลักในการแบ่งทิศและเวลาได้”

เขายกมือชี้ขึ้นฟ้า “ดูตรงนั้น สว่างเด่นกว่าดาวทั้งหลาย ดวงนั้นคือ ‘ซินซู่’ หรือที่ตำราตะวันตกเรียกว่า ซิริอุส มันเป็นดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้ายามราตรี หากเจ้ามองเห็นมันทางทิศใต้ นั่นบอกได้ว่าฤดูหนาวกำลังสิ้นสุด และฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือน”

เสวี่ยซีเงยหน้ามองตาม ดวงตาเบิกกว้าง “แสดงว่าดาวนี้สามารถบอกการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลได้”

“ใช่” หมานเฉียนตอบเรียบๆ “อีกทั้งในอดีต ชาวไร่ชาวนาใช้มันเป็นสัญญาณเริ่มเพาะปลูก เพราะมันไม่เคยผิดนัด”

เสวี่ยซีรีบพยักหน้ารับ คำพูดนั้นทำให้เขาเข้าใจว่าดาวไม่ใช่เพียงแค่ความงาม แต่ยังมีคุณค่าต่อการดำรงชีวิต

“แล้วดาวฤกษ์อื่นเล่า” เขาถามอย่างตื่นเต้น

หมานเฉียนยกไม้บรรทัดชี้ไปอีกฟากฟ้า “นั่นคือ ‘จื่อเวย’ ดาวเหนือ หรือที่บางตำราเรียกว่า โปลารีส มันแทบไม่เคลื่อนในสายตาเรา จึงใช้เป็นศูนย์กลางในการหาทิศทาง ทุกครั้งที่เจ้าหลงทาง หากมองหาดาวเหนือ เจ้าจะรู้ทันทีว่าทางใดคือทิศเหนือ”

เสวี่ยซีอ้าปากเล็กน้อย ความตื่นเต้นฉายชัดบนใบหน้า “จริงสิ คืนก่อนท่านก็เอ่ยถึงมัน แต่ข้าเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็วันนี้เอง”

หมานเฉียนพยักหน้า ก่อนหันไปเปิดตำราบางหน้า “ในตำราโบราณยังกล่าวถึง ‘ซานไถ’ หรือกลุ่มดาวสามแท่น ซึ่งใช้พยากรณ์ความสงบสุขของแผ่นดิน หากดาวเหล่านี้สว่างชัด แปลว่าปีนี้ฝนฟ้าจะอุดมสมบูรณ์ แต่หากหม่นมัว นั่นหมายถึงภัยพิบัติอาจเกิดขึ้น”

เสวี่ยซีฟังแล้วถึงกับอุทาน “ดวงดาวสามารถทำนายบ้านเมืองได้ด้วยหรือ!?”

“เป็นเพียงการสังเกตเชื่อมโยง” หมานเฉียนพูดช้าๆ “ไม่ใช่ว่าดาวจะบันดาล แต่ความผิดปกติของท้องฟ้า มักสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงบนแผ่นดิน”

เสวี่ยซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับพยายามคิดตาม แล้วจึงยิ้มออกมา “เช่นนั้นผู้ที่รู้ดาราศาสตร์ก็เสมือนผู้ที่อ่านใจฟ้าได้สินะ”

หมานเฉียนไม่ตอบ แต่เพียงยกตะเกียบไม้เล็กๆ มาขีดเส้นบนผืนทรายที่โรยบนโต๊ะไม้ วาดเป็นรูปดาวเรียงกัน “นี่คือกลุ่มดาวสิงห์ หากมันปรากฏบนฟ้า จะเป็นสัญญาณเข้าสู่ฤดูร้อน และใช้คำนวณตำแหน่งดวงอาทิตย์ได้แม่นยำ”

เสวี่ยซีโน้มตัวดูใกล้ๆ สายตาเต็มไปด้วยประกาย “แต่ละดวงไม่เพียงงดงาม หากยังมีความหมาย ข้าเพิ่งเข้าใจว่าที่ท่านบันทึกทุกคืนก็เพื่อสิ่งนี้”

“ถูกต้อง” หมานเฉียนเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “การบันทึกคือรากฐานของวิชา หากไม่มีการจดจำ ทุกสิ่งก็สูญหายไปกับกาลเวลา”

เสวี่ยซีรีบพูดตาม “ข้าจะลองบันทึกทุกคืนเช่นกัน ถึงแม้ข้าอาจไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ข้าจะพยายามเขียนลง”

หมานเฉียนมองเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเรียบๆ “ความเพียรสำคัญกว่าความเข้าใจในคราวแรก หากเจ้าทำได้ต่อเนื่อง วันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจเอง”

คำพูดนั้นทำให้เสวี่ยซีหัวใจพองโต รู้สึกว่าตนได้รับการยอมรับเล็กน้อย

เสียงลมบนหอสูงพัดดังหวิว ราวกับกล่อมบทสนทนาของทั้งสองให้ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หมานเฉียนยังคงชี้ดวงดาวทีละดวง อธิบายถึงความสำคัญ ความสัมพันธ์ และการพยากรณ์ตามตำรา เสวี่ยซีจดจำทุกถ้อยคำราวกับกลัวว่าหากละสายตาเพียงชั่วขณะ ความรู้นั้นจะหลุดลอยหายไป

“วันนี้นี้เจ้าได้รู้จักดาวฤกษ์สำคัญไปหลายดวงแล้ว คราวหน้าเราจะเรียนเรื่องการใช้กลุ่มดาวในการกำหนดเวลา และการคำนวณฤดูกาล”

เสวี่ยซียกมือคารวะเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอบคุณท่านหมานเฉียนจากใจจริง

หมานเฉียนเพียงพยักหน้า แล้วหันกลับไปเก็บตำรา

เสวี่ยซีมองดวงดาวพราวระยับอีกครั้ง คราวนี้มิได้เห็นเพียงความงดงาม แต่เห็นเป็นสัญญาณและความหมายที่เชื่อมโยงกับชีวิตและโลกกว้าง เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16929 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-24 08:31
โพสต์ 16,929 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-24 08:31
โพสต์ 16,929 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-24 08:31
โพสต์ 16,929 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-24 08:31
โพสต์ 16,929 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-24 08:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-25 02:04:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 24 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 20.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

เมืองฉางอันยังคงคราคร่ำไปด้วยเสียงผู้คนในย่านการค้า แต่เมื่อเวลาเคลื่อนสู่ยามสองทุ่ม ความคึกคักก็ค่อยจางหาย เหลือเพียงแสงโคมที่ไหวระริกตามแรงลม เสวี่ยซีเดินทอดกายมาตามทางหินด้วยก้าวเบา ร่างบอบบางของเขาเกือบจะกลืนหายไปกับความมืด แต่แววตาอำพันกลับเปล่งประกายด้วยความคาดหวัง

เบื้องหน้าคือหอดาราเฟยเทียน หอสูงที่ยังคงตั้งตระหง่านราวไม่เปลี่ยนแปลงแม้กาลเวลาจะผ่านไป บนยอดหอ แสงดาวส่องประกายระยิบระยับเต็มผืนฟ้า ความมืดอันเงียบสงัดกลับกลายเป็นเวทีอันกว้างใหญ่ที่รองรับการเรียนรู้ของเขา

เมื่อก้าวขึ้นสู่ระเบียงหอ เสียงลมหนาวปะทะแก้มจนเย็นเฉียบ แต่ใจของเสวี่ยซีกลับอุ่นร้อนยามเห็นหมานเฉียนยืนอยู่ที่มุมระเบียง มือหนึ่งถือกระดานไม้สำหรับวัดดาว อีกมือไล้ตามเส้นบันทึกบนตำราอย่างเงียบขรึม

“ท่านหมานเฉียน” เสวี่ยซีเรียกด้วยเสียงใส

ชายหนุ่มในอาภรณ์สีขาวหันมาเพียงเล็กน้อย ดวงตาคมสงบ “เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้าคิด”

“ข้าอดใจไม่ไหว” เสวี่ยซียิ้มบาง “ข้าเฝ้าคิดถึงสิ่งที่ท่านสอน มันทำให้ท้องฟ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ข้าจึงอยากรู้ต่อ ว่าในคืนนี้จะได้เห็นสิ่งใดเพิ่มอีก”

หมานเฉียนพยักหน้าบางเบา เขาชี้ไปยังฟ้าเบื้องบน “ดี คืนนี้เราจะเปลี่ยนจากการรู้จักดาวฤกษ์ มาเรียนเรื่อง การเคลื่อนของดาว ว่ามันสัมพันธ์กับเวลาอย่างไร”

เสวี่ยซีเบิกตากว้างทันที ร่างเอนมาข้างหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ

หมานเฉียนเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าดาวทุกดวง มิได้คงที่ตลอดคืน มันค่อย ๆ เคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน นั่นมิใช่เพราะดาวหมุน หากแต่โลกที่เรายืนอยู่นี่หมุนไปเอง”

เสวี่ยซีเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “โลก...หมุน? ข้าไม่เคยนึกถึงเลย ข้าคิดมาตลอดว่าเป็นดวงดาวที่เดินทางไปตามฟ้า”

หมานเฉียนวางกระดานไม้ลงบนราวหอ แล้วใช้ไม้บรรทัดยาวขีดเส้นบอกทิศทาง “นี่คือหลักที่บอกเวลาได้ ยกตัวอย่าง หากเจ้าสังเกตกลุ่มดาวหมีใหญ่ เมื่อมันเคลื่อนโคจรรอบดาวเหนือ เราสามารถใช้ตำแหน่งของมันบอกคราวยามได้ ว่ายามใดคือยามหนึ่ง ยามสอง จนถึงรุ่งอรุณ”

เสวี่ยซีจดจ่อฟัง มือเรียวเผลอกำชายแขนเสื้อแน่นเพราะตื่นเต้น “เช่นนั้น การนับเวลาในยามค่ำก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งระฆังยามเสมอไป เพียงแค่เงยหน้ามองฟ้า ก็รู้ได้แล้ว”

“ใช่” หมานเฉียนตอบสั้น ๆ “นี่คือวิชาที่คนโบราณใช้มาแต่ก่อน ระฆังยามก็อาศัยความรู้เหล่านี้วางกำหนดการตี ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนของดาว”

เสวี่ยซีพึมพำราวกับพูดกับตัวเอง “น่าอัศจรรย์นัก ข้าไม่เคยคิดว่าดาวจะบอกเวลาได้อย่างนี้เลย”

หมานเฉียนปล่อยให้ความเงียบครอบงำสักครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แล้วเจ้าล่ะ ซีซี...เจ้ามองว่า การรู้เรื่องเหล่านี้จะเปลี่ยนชีวิตเจ้าอย่างไร?”

เสวี่ยซีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนยิ้มออกมาอย่างจริงใจ “อาจไม่เปลี่ยนชีวิตข้าในทันที แต่เปลี่ยนหัวใจข้าให้เปิดกว้าง ข้ารู้สึกเหมือนโลกมิได้มีเพียงห้องหอหรือผู้คนที่ผ่านเข้าออก ทว่ามันกว้างใหญ่ไพศาลกว่านั้น... เมื่อมองดาว ข้ารู้สึกว่าตนเล็กน้อย แต่ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของความกว้างใหญ่นั้น”

หมานเฉียนหันมามองเขาเพียงครู่ แต่ไม่พูดสิ่งใด น้ำเสียงของลมและความเงียบต่างตอบแทนแทนถ้อยคำใด ๆ

เวลาคืบคลาน ฟ้ายิ่งมืดสนิท ดาวหลายดวงค่อยเคลื่อนตามเส้นทางที่หมานเฉียนชี้ เสวี่ยซีพยายามจดจำทุกคำสอนราวกับกลัวว่าจะเลือนหาย เขาลองใช้สายตาตามตำแหน่งที่หมานเฉียนอธิบาย แล้วจดบันทึกย่อด้วยลายมือหวัดบนสมุดเล็กที่พกติดตัว

จนกระทั่งยามดึกใกล้ล่วง เสวี่ยซีรู้ว่าถึงเวลาต้องกลับ เขาหันไปยกห่อผ้าเล็ก ๆ ที่เตรียมมา วางตรงหน้าอีกฝ่าย

“นี่คือน้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน เขาว่าช่วยบำรุงร่างกายได้ดี และนี่คือน้ำเต้าหู้ อาจไม่เลิศหรูนัก แต่ข้าคิดว่าท่านอาจได้อุ่นท้องบ้างในยามทำงานดึกดื่น”

หมานเฉียนเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ ดวงตาสงบทอดมองสิ่งของเหล่านั้นชั่วครู่ ก่อนกล่าวสั้น ๆ แต่แฝงน้ำหนัก “เจ้ามีน้ำใจเกินไปแล้ว”

เสวี่ยซีเพียงยิ้ม ดวงตาอำพันสุกใสราวกับเด็กน้อย “ข้าอยากให้ท่านเก็บไว้ เวลาท่านเหนื่อยก็จะได้มีกำลังใจ”

กล่าวจบเขาก็ยกมือลาอย่างสุภาพ ก่อนหมุนกายเดินลงจากหอสูง เสียงฝีเท้าแผ่วเบาค่อย ๆ ห่างออกไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัดท่ามกลางดวงดาว

บนหอดาราเฟยเทียน หมานเฉียนยังยืนอยู่เงียบ ๆ มองตามแผ่นหลังนั้นเลือนหายไปในความมืด ข้างกายเขามีเพียงตำรา ดวงดาว... และของฝากเล็กน้อยที่เสวี่ยซีฝากไว้ กลิ่นสมุนไพรหอมอวลแผ่วเบาในความสงัดของราตรี


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง  (น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน)
✎ +15 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม
✎ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน

@Watcher

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 105 โพสต์ 2025-9-25 21:07
โพสต์ 16264 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-25 02:04
โพสต์ 16,264 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-25 02:04
โพสต์ 16,264 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-25 02:04
โพสต์ 16,264 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-25 02:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-25 22:31:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 25 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 20.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

เมืองฉางอันเหมือนกำลังหลับใหลครึ่งหนึ่งและยังคงตื่นอยู่ครึ่งหนึ่ง ตามถนนใหญ่ยังมีแสงตะเกียงจาง ๆ ส่องลอดหน้าต่างร้านรวงที่ทยอยปิดประตูลง แต่หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงดาวพราวระยับกลับมีชีวิตชีวายิ่งกว่าตลาดกลางวัน

เสวี่ยซีเดินเท้าเบาไปตามทางหินสู่หอดาราเฟยเทียน ใจเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ตั้งแต่เมื่อคืนที่กลับไป เขาไม่อาจข่มตาหลับได้ดีนัก เพราะหูยังคงได้ยินเสียงของหมานเฉียนอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดาว ดวงตาเองก็ยังเห็นภาพเส้นสายที่เชื่อมโยงกลุ่มดาวในตำรา

บันไดหินของหอสูงทอดยาวขึ้นสู่เบื้องบน ลมยามค่ำพัดโบกชายเสื้อให้สะบัด เสวี่ยซีก้าวอย่างระมัดระวังจนถึงชั้นระเบียงที่เขาคุ้นเคย และพบหมานเฉียนยืนอยู่แล้วตรงขอบหอ ร่างสูงในอาภรณ์ขาวตัดกับเงาสีดำของท้องฟ้า

“เจ้ามาแล้ว” หมานเฉียนหันมาเพียงนิด น้ำเสียงเรียบสงบ แต่เหมือนมีแววรอคอยแฝงอยู่

เสวี่ยซีหอบลมหายใจเบา ๆ ก่อนยกยิ้ม “ท่านมาก่อนข้าอีกแล้ว คราวนี้ข้าคิดว่ามาถึงเร็วทีเดียว”

“ดาวมิได้รอผู้ใด” หมานเฉียนเอ่ยสั้น ๆ แต่ไม่ใช่คำตำหนิ กลับเป็นการเตือนด้วยความจริงแท้ของฟากฟ้า

ทั้งสองยืนเคียงกัน เงยหน้ามองดวงดาวที่ประดับท้องฟ้าราวกับเกล็ดแก้ว เสียงลมพัดลอดผ่านซี่ราวไม้ของระเบียง ทำให้ความเงียบไม่ว่างเปล่า

ไม่นานหมานเฉียนก็เอ่ยขึ้น “เมื่อคืนเราเรียนเรื่องการเคลื่อนของดาวเพื่อบอกเวลา คืนนี้ข้าจะเล่าอีกสิ่งที่ผู้คนโบราณใช้กันมาก นั่นคือ การจับคู่ระหว่างดวงดาวกับดินแดนบนแผ่นดิน”

เสวี่ยซีเบิกตากว้าง “จับคู่กับดินแดน? เช่นไรหรือ?”

หมานเฉียนชี้ไปยังกลุ่มดาวที่ส่องสว่างอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ “ดูตรงนั้นกลุ่มดาวหนี่ว์โถว ผู้โบราณผูกมันเข้ากับพื้นที่ลุ่มน้ำบางแห่ง หากดาวนี้สว่างใส หมายถึงแม่น้ำลำคลองในแถบที่เกี่ยวข้องจะมีน้ำหล่อเลี้ยงพืชผลมาก แต่ถ้าหม่นมัว ผู้คนก็จะกังวลว่าฝนจะน้อย”

เสวี่ยซีครุ่นคิดก่อนจะพึมพำ “ดาราศาสตร์จึงไม่ใช่แค่ฟ้า แต่เชื่อมกับแผ่นดินด้วย”

“ถูกต้อง” หมานเฉียนพยักหน้า “ไม่ว่าดินฟ้า น้ำฝน ล้วนสัมพันธ์กันทั้งหมด นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ครองแผ่นดินแต่ละยุค จึงต้องมีนักดาราศาสตร์คอยบันทึกท้องฟ้าเสมอ เพราะสภาพฟ้าเปรียบดังคำเตือนล่วงหน้าของสภาพดิน”

เสวี่ยซีมองหมานเฉียนด้วยสายตาเคารพ “วิชาที่ท่านเรียนรู้ไม่ได้เป็นแค่ความรู้ส่วนตัว หากแต่เกี่ยวพันกับผู้คนนับหมื่นนับแสน”

“หากเข้าใจผิด มันก็คือการหลงงมงาย” หมานเฉียนตอบเรียบ ๆ “แต่หากเข้าใจถูกต้อง มันคือเข็มทิศนำทางให้บ้านเมืองไม่พลาดพลั้ง”

เสวี่ยซีครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนยกยิ้มบาง “ข้าชักอยากรู้เสียแล้ว ว่าจะมีวันใดที่ข้าสามารถอ่านฟ้าได้ด้วยตนเองบ้าง ถึงแม้จะเพียงนิดหน่อย”

หมานเฉียนเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้เอ่ยคำปลอบโยนหรือคำปฏิเสธ เพียงยกแผ่นไม้ที่มีแผนผังท้องฟ้ามาวางตรงกลางระเบียง “ถ้าเจ้าอยากรู้จริง ก็จงเริ่มบันทึกด้วยตนเอง ทุกคืน เมื่อเจ้ามองดาวและจดสิ่งที่เห็น แม้เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตาม สักวันหนึ่งเจ้าจะอ่านมันได้เอง”

คำพูดนั้นทำให้หัวใจเสวี่ยซีพองโตอย่างยากจะบรรยาย เขาพยักหน้ารับแรงจนปอยผมขยับ

จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบนม้านั่งไม้เล็ก ๆ ริมระเบียง คุยต่อถึงวิธีที่ผู้คนในชนบทสังเกตดาวเพื่อกำหนดฤดูกาลเพาะปลูก เสวี่ยซีถามด้วยความใสซื่อไม่หยุดหย่อน ส่วนหมานเฉียนก็ตอบด้วยความอดทนเงียบขรึม ราวกับครูผู้ชี้ทางให้ศิษย์ใหม่

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ลมกลางคืนเย็นจัดขึ้นจนเสวี่ยซีต้องกอดอกเล็กน้อย แต่หัวใจกลับอบอุ่นด้วยความรู้ที่หลั่งไหลเข้ามา

เมื่อได้เวลาอำลา เสวี่ยซีก็หยิบห่อผ้าที่เตรียมมาออกจากอกเสื้อ วางลงตรงหน้าอีกฝ่าย

“นี่...น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน ข้าให้ท่านเช่นเดิม ข้าได้ยินมาว่ามีสรรพคุณบำรุงกำลังสำหรับผู้ที่ใช้สมาธิและแรงกายบ่อย ๆ และนี่ก็คือน้ำเต้าหู้ อุ่นไว้ในขวดไม้ไผ่เล็ก ๆ จะเก็บได้นานกว่าธรรมดา ข้าอยากให้ท่านเก็บไว้เผื่อค่ำคืนที่เหนื่อยล้า”

หมานเฉียนนิ่งไปเล็กน้อย มองสิ่งของตรงหน้านั้นก่อนเอ่ยช้า ๆ “เจ้ามีจิตใจอ่อนโยนเกินไปแล้ว”

เสวี่ยซีเพียงหัวเราะเบา รอยยิ้มเต็มไปด้วยความจริงใจ “ข้าเพียงอยากให้ท่านไม่ลืมพักบ้างเท่านั้นเอง”

เขาโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนหมุนกายก้าวลงบันไดหอสูง เสียงฝีเท้าค่อย ๆ แผ่วหายไปกับความมืด

บนหอดาราเฟยเทียนเหลือเพียงหมานเฉียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลม เงยหน้ามองดาวพราวเต็มฟ้า กับของฝากเล็กน้อยที่วางอยู่ใกล้มือ กลิ่นสมุนไพรหอมอวลคลอเคล้าไปกับค่ำคืนราวกับคำฝากฝังเงียบงันจากเสวี่ยซี


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม
✎ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน


แสดงความคิดเห็น

หัวใจกับตงฟางซั่วตันแล้ว  โพสต์ 2025-9-25 23:23
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 95 โพสต์ 2025-9-25 23:22
โพสต์ 16403 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-25 22:31
โพสต์ 16,403 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-25 22:31
โพสต์ 16,403 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-25 22:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-26 08:29:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 25 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

ใต้ฟากฟ้าที่มืดสนิท ดวงดาวนับพันล้อมรอบหมู่เมฆบางเบา หอดาราเฟยเทียนยืนตระหง่านเสมือนประภาคารแห่งความรู้ ด้านบนสุดของหอ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของเสวี่ยซีดังขึ้นทีละก้าว เขาก้าวเข้าสู่ลานกว้างที่เปิดออกสู่ฟ้าเบื้องบน ใบหน้าอันงดงามทอประกายด้วยความมุ่งหวัง ดวงตาสีอำพันสดใสเต็มไปด้วยความใคร่รู้

หมานเฉียนยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขายกมือไพล่หลัง สายตาแน่วแน่มองท้องฟ้า ชายหนุ่มในอาภรณ์ขาวผู้นี้คล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของหมู่ดาวเอง ความสงบนิ่งของเขาทำให้บรรยากาศรอบกายเงียบสงบ ราวกับโลกทั้งใบหยุดฟัง

เสวี่ยซีเดินมาหยุดอยู่ด้านข้าง หายใจถี่เล็กน้อยเพราะรีบขึ้นหอ แต่ไม่อาจปิดบังประกายตาอันแรงกล้าได้ เขาประสานมือ ค้อมกายเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงสั่นจากความตื่นเต้น

“ท่านหมานเฉียน ข้าอยากเป็นศิษย์ของท่านจริง ๆ ข้าอยากเรียนรู้เรื่องฟ้าและดวงดาวจากท่าน ข้าจะไม่เกียจคร้าน ไม่ว่าต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงใดข้าก็ยอม”

หมานเฉียนเหลือบตามอง ริมฝีปากยกขึ้นเพียงนิด คล้ายรอยยิ้มที่ไม่เต็มนัก แต่ก็ไม่ใช่การปฏิเสธ เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น

“การอ่านฟ้ามิใช่เพียงการจดจำชื่อดาวหรือท่องตำรา หากแต่เป็นการเข้าใจความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างฟากฟ้าและผืนดิน ระหว่างชะตาคนกับจักรวาล หากเจ้าจะเป็นศิษย์ของข้า เจ้าต้องพิสูจน์ว่าเจ้าไม่เพียงแต่ใคร่รู้ แต่ยังมีสติปัญญาพอจะถอดความหมายจากสิ่งที่ตาเห็นและใจรับรู้”

เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเบิกกว้าง “ข้าพร้อมแล้ว ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตน”

เสียงลมพัดผ่านปลายเสาหิน ก่อให้เกิดเสียงคล้ายขลุ่ยเบา ๆ หมานเฉียนหันกลับไปยังท้องฟ้า ยกมือชี้ไปยังกลุ่มดาวเหนือ

“เช่นนั้น... จงฟังให้ดี ข้าจะมอบปริศนาแก่เจ้า”

เขาพูดช้า ๆ ชัดถ้อยราวกับแต่ละคำคือคำทดสอบที่วัดความตั้งใจของผู้ฟัง

“ดาวเหนือส่องนำทางทิศ ดาวไถชี้บอกฤกษ์ยาม ดาวหางพาดผ่านเภทภัยดาวประจำตัวเจ้า บอกเล่าเรื่องราวใด?”

เสวี่ยซีฟังแล้วถึงกับชะงัก ดวงตากระพริบช้า ๆ เขารู้จักชื่อดาวบางดวงจากที่หมานเฉียนเคยสอน แต่ประโยคที่โยงดาวกับความหมายเช่นนี้ ฟังดูราวกับไม่ใช่เพียงตำราวิชา หากแต่เป็นบททดสอบของชีวิต

“ดาว... ประจำตัวข้า?” เขาทวนเบา ๆ ราวถามกับตัวเอง

หมานเฉียนพยักหน้า “ทุกผู้คนต่างมีดาวที่ส่องแสงประจำตน บ้างนำโชคลาภ บ้างเตือนภัย หากเจ้าไม่อาจรู้จักดาวของตนเอง เจ้าย่อมไม่อาจรู้จักเส้นทางชีวิต และหากไม่รู้จักเส้นทางของตน จะเรียนรู้เส้นทางของฟ้าได้อย่างไร?”

เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากอีกครั้ง รู้สึกทั้งหนักใจและตื่นเต้น เขาก้มหน้าลงประสานมือ “ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ จะค้นคว้าตำรา จะออกมามองฟ้าทุกคืน ข้าจะหาคำตอบให้ได้ว่า ‘ดาวประจำตัวข้า บอกเล่าเรื่องราวใด’”

หมานเฉียนทอดสายตามองเขาอย่างเงียบงัน รอยยิ้มเล็กน้อยผุดขึ้นที่มุมปาก “ดี หากเจ้าไขปริศนานี้ได้ ข้าจะพิจารณาเรื่องการรับเจ้าเป็นศิษย์อีกครา แต่จำไว้ว่าคำตอบมิใช่เพียงตัวอักษร หากแต่ต้องมาจากความเข้าใจด้วยหัวใจของเจ้าเอง”

ลมหนาวพัดแรงขึ้น พร่างพรมผ่านผมยาวของเสวี่ยซีที่สยายไหวราวม่านหมึก เสวี่ยซีเงยหน้ามองดาวเหนือที่ส่องสว่างเหนือหัว ดวงตาอำพันสะท้อนแสงระยิบระยับ คล้ายประกายไฟที่เพิ่งถูกจุดขึ้น

เขาเอ่ยเสียงเบา แต่หนักแน่นกว่าทุกครั้ง “ข้าจะไม่ยอมแพ้”

หมานเฉียนมองเด็กหนุ่มตรงหน้า ความอ่อนโยนปะปนกับความไร้เดียงสาในแววตานั้น เป็นสิ่งที่ยากจะเห็นในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล หากเสวี่ยซีสามารถรักษาความใสซื่อพร้อมกับเรียนรู้ความลึกซึ้งของดาราศาสตร์ได้จริง

บรรยากาศเงียบลงอีกครั้ง เหลือเพียงเสียงหรีดหริ่งยามค่ำกับแสงดาวพร่างพรายบนฟ้า เสวี่ยซีค้อมกายอีกครั้งก่อนเอ่ยลา

“คืนนี้ข้าคงต้องกลับไปหาตำราและท้องฟ้าแล้ว ท่านหมานเฉียน โปรดรอข้ากลับมาพร้อมคำตอบ”

เขาก้าวลงบันไดหอไปอย่างมุ่งมั่น แม้แผ่นหลังยังดูบอบบาง แต่ความตั้งใจที่แผ่จากร่างนั้นกลับหนักแน่นเกินกว่าที่ตาเห็น

หมานเฉียนยืนนิ่งอยู่บนลานหอ สายตามองแผ่นหลังนั้นหายไปในความมืด ก่อนหันกลับมามองท้องฟ้าอีกครั้ง พึมพำเพียงเบา ๆ ราวพูดกับดาว “เจ้าจะไขมันได้หรือไม่... ซีซี”

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13313 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-26 08:29
โพสต์ 13,313 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-26 08:29
โพสต์ 13,313 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-26 08:29
โพสต์ 13,313 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-26 08:29
โพสต์ 13,313 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-26 08:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-26 16:39:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XueXi เมื่อ 2025-9-26 16:51

วันที่ 26 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามอิ๋น เวลา 03.00 - 05.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

ภายหลังจากที่เสวี่ยซีซื้อ ตำราพิเคราะห์ดาราแห่งหลิวอัน มาไว้ในครอบครองเขาแทบไม่ยอมปล่อยหนังสือเล่มนั้นให้ห่างกายเลยแม้เพียงชั่วครู่ เสวี่ยซีจะก้าวเข้าสู่หอดาราเฟยเทียนอันเงียบสงบ จุดตะเกียงน้ำมันทีละดวง แสงสว่างสีอำพันส่องทอไปทั่วห้องโถงกลมที่มีเพดานเปิดออกให้เห็นท้องฟ้ายามราตรี

ในความมืดเงียบ เสียงพลิกหน้ากระดาษโบราณดังกรอบแกรบ เสวี่ยซีก้มหน้าอ่านด้วยความตั้งใจ เนื้อหาของตำรานั้นลึกซึ้งยากกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก มันมิได้เพียงบอกตำแหน่งดวงดาว แต่ยังอธิบายความสัมพันธ์ของดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และการเคลื่อนย้ายของพวกมันต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูก การเดินเรือ หรือแม้แต่การพยากรณ์ชะตาชีวิต

บ่อยครั้งที่เสวี่ยซีอ่านแล้วเกิดความสับสน เขาจะยกสายตาขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เผยดาวระยิบระยับเหนือศีรษะ แล้วเทียบสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เขาเพิ่งอ่านจากตำรา เมื่อเข้าใจ เขาก็ยิ้มบาง ๆ กับตนเองอย่างภาคภูมิใจ ความหวานซื่อบนใบหน้าเจือปนด้วยความตั้งใจที่จริงจัง

ขณะที่เขากำลังจดบันทึกภาพดาวไถตามวิธีที่ตำรากล่าวไว้ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากบันไดไม้ด้านหลัง เสวี่ยซีหันกลับไป เห็นเงาร่างสูงสง่าของ หมานเฉียน ปรากฏในเงาแสงตะเกียง

“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่รึ” น้ำเสียงหมานเฉียนเรียบแต่มีน้ำหนัก

เสวี่ยซีรีบลุกขึ้น ก้มหัวคารวะ “ข้ากำลังศึกษาตำราพิเคราะห์ดาราแห่งหลิวอันขอรับ ข้าอยากเข้าใจให้ลึกซึ้งขึ้น”

แววตาของหมานเฉียนทอประกายแปลกใจปนพึงพอใจ เขาก้าวเข้ามาใกล้ มองตำราที่วางอยู่บนโต๊ะ หัวเราะเบา ๆ “ตำรานี้ไม่ใช่ของที่หาง่ายนัก เจ้าไปได้มันมาจากที่ใด?”

เสวี่ยซีเล่าเรื่องราวการตามหาตำรา ตั้งแต่การไปที่ร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ การพบไป๋จิ่นหง ไปจนถึงเจ้าของร้านหนังสือชราที่หยิบตำราเล่มนี้มาให้ เมื่อฟังจบ หมานเฉียนพยักหน้าช้า ๆ

“ดี ความใฝ่รู้และความพยายามของเจ้าสมควรแก่การชมเชย แต่การมีตำราอยู่ในมือไม่อาจการันตีความเข้าใจได้ ความเข้าใจนั้นต้องเกิดจากการสังเกตและไตร่ตรองด้วยตนเอง”

เขาหยุดนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มชัด “เช่นนั้น ข้าจะทดสอบความรู้ที่เจ้าศึกษามา”

หัวใจเสวี่ยซีเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและกังวล แต่แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาพยักหน้ารับอย่างจริงใจ “ข้ายินดี”

หมานเฉียนเดินไปกลางห้อง แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เผยให้เห็นดาวนับพันพราวพร่าง ก่อนถามว่า

“ดูนั่นสิ เส้นทางดาวไถกำลังเบี่ยงลงไปทางทิศตะวันตก เจ้าพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดตำราเล่มนั้นกล่าวว่าดาวไถสัมพันธ์กับฤดูกาลเพาะปลูก?”

เสวี่ยซีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนรวบรวมความรู้ที่ศึกษา พลันดวงตาสีอำพันก็เป็นประกาย เขาตอบอย่างมั่นใจ

“เพราะเมื่อดาวไถโคจรลงต่ำในทิศตะวันตก หมายถึงฤดูหนาวกำลังสิ้นสุด ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือน ชาวนาจึงรู้ว่าถึงเวลาต้องเตรียมไถหว่านพืชผล หากดาวไถโผล่ขึ้นสูงอีกครั้ง ก็หมายถึงช่วงเวลาที่ควรเก็บเกี่ยว”

หมานเฉียนเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มมุมปากปรากฏชั่วขณะ “เจ้าตอบได้ถูกต้อง”

จากนั้นเขาชี้ไปยังทิศเหนือ ที่ซึ่งดาวเหนือส่องสว่างมั่นคง “แล้วดาวเหนือเล่า เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าทำไมผู้เดินทางทั้งหลายจึงต้องพึ่งมัน?”

เสวี่ยซีหลับตาคิดตามตำรา ก่อนลืมตาขึ้น ตอบเสียงใสชัดเจน “ดาวเหนือแทบไม่เคลื่อนตำแหน่ง มันคือศูนย์กลางที่บอกทิศทางของฟ้า ใครก็ตามที่อยู่ในความมืด หากมองหาดาวเหนือก็จะไม่หลงทางขอรับ”

แววตาหมานเฉียนฉายประกายชัดเจนขึ้น เขาก้าวเข้ามาใกล้เสวี่ยซี แล้วถามอีกคำถามที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

“งั้นถ้าดาวบนฟ้าเคลื่อนย้ายเปลี่ยนไปตลอดเวลา เจ้าจะบอกได้หรือไม่ ว่าความแน่นอนใดที่มนุษย์พึงยึดถือ?”

คำถามนี้ทำให้เสวี่ยซีเงียบงัน เขาก้มหน้าคิด ใจเต้นระรัว นี่มิใช่คำถามที่ตำราจะตอบได้ตรง ๆ มันคือการทดสอบว่าตนเข้าใจแก่นของดาราศาสตร์จริงหรือไม่

หลังจากครุ่นคิด เขาก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายด้วยความเข้าใจ “แม้ดวงดาวจะเคลื่อนไปไม่หยุด แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นเองคือความแน่นอน เราต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาความเปลี่ยนแปลง หาแบบแผนในความไม่คงที่ แล้วใช้มันนำทางชีวิต นี่คือสิ่งที่ดาราศาสตร์สอนเรา”

หมานเฉียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังพิจารณาในคำตอบ เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดออกมา “ฮ่า… เจ้าตอบได้ดีกว่าที่ข้าคาดนัก”

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เสวี่ยซี เจ้าคือผู้ที่มิได้เพียงจดจำ แต่เข้าใจความหมายแท้จริงแล้ว”

เสวี่ยซียิ้มหวานเจือเขินอาย แต่ยังค้อมกายอย่างนอบน้อม “ข้ายังต้องเรียนรู้อีกมากนัก หากมิใช่เพราะท่านอาจารย์คอยชี้แนะ ข้าคงมิได้เข้าใจถึงเพียงนี้”

เสวี่ยซีเงยหน้ามองท้องฟ้า หลังเพิ่งตอบคำถามหนึ่งของหมานเฉียนได้อย่างมั่นใจ ร่างกายเขายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประหม่า แต่หัวใจกลับร้อนผ่าวด้วยแรงปรารถนาจะเรียนรู้ต่อไป ดวงตาสีอำพันส่องประกายราวกับรับแสงจากดวงดาวโดยตรง

หมานเฉียนก้าวช้า ๆ เข้ามาใกล้ เสียงรองเท้าบนไม้สะท้อนก้องในความเงียบ ก่อนเขาจะหยุดยืนตรงระเบียงด้านตะวันออก แหงนหน้ามองกลุ่มดาวที่เรียงตัวเป็นแนวโค้งยาว

“เจ้ามองเห็นดาวสามดวงที่เรียงกันตรงนั้นหรือไม่?” เขาเอ่ยพลางชี้ไปที่ท้องฟ้า “ผู้คนเรียกมันว่าดาวเข็มขัดแห่งนายพราน เจ้าคิดว่าทำไมผู้คนสมัยโบราณจึงมักใช้กลุ่มดาวนี้เป็นเครื่องหมายบอกทิศทางในการเดินทาง?”

เสวี่ยซีจ้องมองกลุ่มดาวนั้นครู่ใหญ่ ความทรงจำในตำราผุดขึ้น เขาหยิบกระดาษบันทึกที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วพลิกอ่านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง “เพราะดาวสามดวงนี้สว่างเด่นและเรียงตัวเป็นเส้นตรง มันง่ายต่อการสังเกตยามค่ำคืน ไม่ว่าฤดูกาลใด หากผู้เดินทางมองหาดาวทั้งสาม ก็สามารถใช้เป็นจุดอ้างอิงได้ว่าทิศนั้นคือทิศตะวันออกหรือตะวันตก ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มันโคจรเจ้าค่ะ”

หมานเฉียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “ถูกต้อง แต่ยังไม่ครบถ้วน… เจ้าลืมสิ่งสำคัญ”

เสวี่ยซีชะงักไป ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะความเขินอาย เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พลันนึกออกและเอ่ยต่อด้วยความรีบเร่ง “อ๋อ… เพราะว่าถ้าขยายเส้นตรงของดาวทั้งสามไปทางทิศตะวันออก ก็จะชี้ไปยังดาวซีรีอุส และถ้าขยายไปทางตะวันตกก็จะไปยังดาวอัลเดบารัน การรู้สิ่งนี้ทำให้ผู้เดินทางสามารถหากลุ่มดาวใหญ่ได้ง่ายขึ้นขอรับ”

แววตาหมานเฉียนอ่อนลงเล็กน้อย “นั่นแหละ ความรู้มิใช่เพียงการท่องจำ แต่คือการเข้าใจความเชื่อมโยง”

เขาหันไปชี้ยังกลุ่มดาวไถที่กำลังลอยต่ำลงเรื่อย ๆ “อีกคำถามหนึ่ง ถ้าคืนใดเมฆบดบังดาวจนมองไม่เห็น แม้จะมิรู้ทิศทาง เจ้าคิดว่าผู้เดินทางยังอาศัยสิ่งใดจากท้องฟ้าได้อีก?”

เสวี่ยซีเม้มปากแน่น ครุ่นคิดนาน ก่อนค่อย ๆ เอ่ย “หากมองไม่เห็นดาว แต่ยังเห็นจันทร์ ก็สามารถใช้การขึ้นลงของจันทร์เป็นเครื่องบอกเวลาและทิศทางได้เจ้าค่ะ อีกทั้งลมที่พัดในบางฤดูกาลก็มักสัมพันธ์กับทิศที่ดวงจันทร์ปรากฏ… เช่นในฤดูใบไม้ผลิ ลมมักพัดแรงทางทิศตะวันออก ข้าเข้าใจเช่นนี้”

หมานเฉียนหัวเราะเบา ๆ “หึ…เจ้ามิได้ผิดเสียทีเดียว แต่ก็ยังมีอีกวิธีคือการฟังเสียงราตรี ฟังจักจั่น ฟังการเคลื่อนไหวของสัตว์นกกลางคืน เพราะธรรมชาติล้วนสัมพันธ์กับฟ้า หากเจ้าจะเป็นผู้ศึกษาดารา เจ้าต้องเรียนรู้ฟังโลกให้เป็นด้วย”

เสวี่ยซีพยักหน้าแรง ดวงตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

หมานเฉียนไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาหันไปยังทิศใต้ ชี้ไปที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งกำลังเปล่งแสงออกสีแดง “เจ้ามองเห็นหรือไม่ ดาวนั้นไม่เหมือนดาวฤกษ์ทั่วไป มันคือดาวอังคาร ข้าถามเจ้า—เหตุใดโบราณจึงถือว่าดาวอังคารเป็นลางแห่งสงคราม?”

เสวี่ยซีจ้องมองดวงดาวสีแดงนั้นอยู่นาน ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเลแต่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “เพราะมันส่องแสงสีแดงราวกับเปลวเพลิง สีแดงคือตัวแทนแห่งเลือดและการต่อสู้ ผู้คนจึงตีความว่าเมื่อดาวอังคารปรากฏเด่นชัด มักเกิดศึกสงคราม หรือเหตุการณ์ใหญ่ที่นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่แผ่นดินขอรับ”

หมานเฉียนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยช้า ๆ “คำตอบเจ้าถูกต้องในด้านการตีความเชิงสัญลักษณ์ แต่เหตุผลลึกซึ้งกว่านั้นโคจรของดาวอังคารผิดแผกไปจากดาวเคราะห์อื่น มันมักจะถอยหลังในเส้นทางที่ควรไป ทำให้ผู้โบราณเชื่อว่ามันคือดาวแห่งการแปรผันและความไม่สงบ เป็นปัจจัยให้พยากรณ์ว่าอาจเกิดสงคราม”

เสวี่ยซีตาโต รีบจดบันทึกด้วยลายมือสั่นเล็กน้อย น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น “ข้าจะจำไว้ให้แม่น!”

หมานเฉียนพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะซักถามต่ออีก “แล้วเจ้าคิดอย่างไรกับความสัมพันธ์ระหว่างดวงจันทร์กับน้ำขึ้นน้ำลง? ถ้าเจ้าจะใช้สิ่งนี้พยากรณ์ จะอธิบายเช่นไร?”

เสวี่ยซีชูปลายพู่กันขึ้นคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย “ในคืนที่จันทร์เต็ม น้ำทะเลมักจะขึ้นสูงสุด และในคืนเดือนมืดก็มักลดต่ำสุด นี่คือหลักที่เราสามารถนำมาใช้กำหนดวันเพาะปลูกใกล้น้ำ หรือแม้แต่ทำนายฤดูกาลของฝนได้เจ้าค่ะ… ข้าเชื่อว่าดาราศาสตร์มิใช่เรื่องไกลตัว แต่สัมพันธ์กับชีวิตของชาวบ้านทุกคน”

คำพูดนั้นทำให้หมานเฉียนเงียบไปนาน ครั้นแล้วรอยยิ้มเล็ก ๆ ก็คลี่ออกที่มุมปาก

“เจ้าตอบได้ดีมากเสวี่ยซี… ความรู้แท้จริงมิใช่การเก็บไว้เพียงเพื่ออวด แต่เพื่อใช้พยุงชีวิตผู้คนรอบตัว”

เสวี่ยซีหน้าแดง ยิ้มบางอย่างอาย ๆ แต่แววตาเปี่ยมสุข

หมานเฉียนก้าวถอยหลังสองก้าว มือประสานหลัง มองดาวเต็มท้องฟ้าแล้วเอ่ยปิดท้ายการทดสอบในคืนนั้น “เจ้ามีทั้งความใฝ่รู้ ความมานะ และหัวใจที่มองเห็นผู้อื่น ข้าจะจับตาดูเจ้าต่อไป หากเจ้ามิทอดทิ้งความเพียร วันหนึ่งเจ้าจะเข้าใจฟ้าอย่างแท้จริง”

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 26463 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-26 16:39
โพสต์ 26,463 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-26 16:39
โพสต์ 26,463 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-26 16:39
โพสต์ 26,463 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-26 16:39
โพสต์ 26,463 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-26 16:39
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-26 19:12:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 26 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเหม่า เวลา 05.00 - 06.00 น.
╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว

เพดานหอดาราเปิดกว้างให้เห็นฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยดารกาประดับ หมานเฉียนหันไปมองท้องฟ้า เสียงทุ้มแผ่วเอื้อนเอ่ย

“จากนี้ไป เจ้าจงเฝ้าสังเกตท้องฟ้าไม่เพียงด้วยตา แต่ด้วยใจ หากเจ้าทำได้ ตำราพิเคราะห์ดาราแห่งหลิวอันจะมิใช่เพียงหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง หากแต่เป็นประตูสู่ความจริงที่ยิ่งใหญ่”

เสวี่ยซีกอดตำราไว้แนบอก ดวงตาสีอำพันทอประกายระยิบระยับดุจแสงดาว เขารู้สึกว่าตนมิใช่เพียงนายโลมผู้งดงามอีกต่อไป แต่กำลังก้าวเข้าสู่หนทางแห่งการค้นหาความจริงบนฟากฟ้า

ลมราตรีพัดแผ่วผ่านหอดาราเฟยเทียน กลิ่นน้ำมันตะเกียงและกลิ่นไม้สนจากขื่อไม้โบราณลอยคลุ้ง เสวี่ยซีกำลังยืนอยู่เคียงข้างหมานเฉียน ใบหน้าขาวนวลของเขาอาบด้วยแสงดาว นัยน์ตาสีอำพันสะท้อนประกายของฟากฟ้าที่พร่างพรายไปทั่วทั้งท้องฟ้า

เขาเพิ่งตอบปริศนาที่หมานเฉียนมอบให้อย่างมั่นใจ คำตอบนั้นทำให้ดวงตาคมของชายผู้ช่ำชองดาราศาสตร์ฉายแววพึงพอใจ รอยยิ้มบางผุดขึ้นตรงริมฝีปากหมานเฉียนราวกับยอมรับในความมานะและความเข้าใจของเสวี่ยซี

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าดาวประจำตัวของเจ้านั้นส่องแสงเช่นไร” หมานเฉียนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มสงบ แววตาแน่วแน่ไม่ละไปจากท้องฟ้า

เสวี่ยซีเงียบงัน ใบหน้าหวานสะท้อนความสงสัย เขาส่ายศีรษะเบา ๆ “ข้าเพียงเห็นดาวระยิบระยับเต็มฟ้า แต่ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะมีดาวประจำตัว”

หมานเฉียนยกมือชี้ไปยังดวงดาวหนึ่งที่ส่องแสงเจิดจ้ากว่าหมู่ดาวรอบข้าง มันเปล่งประกายขาวนวลกลางฟากฟ้าเหนือศีรษะราวกับกำลังมองลงมาอย่างเงียบงัน

“ดวงดาวนั้น…” เขาพูดช้า ๆ ชัดถ้อยคำ “มันบอกเล่าเรื่องราวของเจ้า เรื่องราวของผู้มาจากต่างแดน มิใช่เพียงถิ่นกำเนิด หากแต่หมายถึงผู้ที่มิได้ถูกจำกัดด้วยพันธะหรือกฎเกณฑ์ใด ๆ เรื่องราวของผู้มีดวงจิตใฝ่รู้ และผู้ที่พร้อมจะลิขิตชะตาชีวิตด้วยตนเอง”

เสวี่ยซีเบิกตากว้าง ดวงตาสีอำพันสั่นไหวเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองดวงดาวนั้นอีกครั้ง มันส่องแสงมั่นคง แม้หมู่ดาวอื่นจะพร่าเลือนเพราะหมอกบาง แต่ดาวนั้นยังคงชัดเจน ไม่หวั่นไหวต่อแรงลมฟ้า

“ผู้มาจากต่างแดน” เขาพึมพำเบา ๆ คล้ายกับพูดกับตัวเองมากกว่าตอบ “ข้า…เป็นเช่นนั้นจริงหรือขอรับ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตนจะมีคุณค่าเทียบได้กับแสงดาวบนฟากฟ้า”

หมานเฉียนมองเขาแล้วแค่นหัวเราะเบา ๆ “เจ้าคิดว่าทุกผู้ทุกคนบนโลกนี้ไม่มีดาวประจำตัวหรือไง แท้จริงแล้วเราล้วนมีเพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนจะกล้ามองหามัน หรือยอมรับความหมายของมัน”

เสวี่ยซีเม้มริมฝีปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความประหม่าและซื่อตรง “ถ้าดาวนั้นคือดาวของข้า แปลว่าข้ามีเส้นทางของตนเองใช่หรือไม่ มิได้เป็นเพียงนายโลมผู้ไร้เดียงสาที่ปล่อยชีวิตไปตามชะตากรรม”

“ใช่แล้ว” หมานเฉียนเอ่ยเสียงหนักแน่น “ชีวิตของเจ้ามิได้ถูกกำหนดไว้ทั้งหมด เจ้าสามารถเลือก จะปล่อยให้ผู้อื่นนำพา หรือเจ้าจะจับพู่กันแล้วเขียนชะตาของตนเองลงบนผืนฟ้า”

คำพูดนั้นสะท้อนก้องในใจเสวี่ยซี คล้ายแสงดาวที่ส่องสว่างขึ้นในดวงตาของเขา เด็กหนุ่มผู้เคยอ่อนหวานไร้เดียงสา พลันตระหนักว่าความใฝ่รู้ ความมานะที่ตนถือไว้ในใจ ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า แต่คือหนทางที่จะทำให้เขาก้าวออกไปสู่โลกกว้าง

เขาหันไปค้อมกายลึกต่อหน้าหมานเฉียน น้ำเสียงจริงใจ เปี่ยมด้วยความหวัง “ท่านอาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่เพียงมองดาวเพื่อชื่นชม แต่จะเรียนรู้ความหมายของมัน และข้าจะลิขิตชะตาของข้าด้วยมือของตัวเอง”

หมานเฉียนทอดสายตามองเสวี่ยซีเนิ่นนาน ก่อนพยักหน้าอย่างพึงใจ “ดีมาก… ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะถือว่าเจ้าคือศิษย์ของข้า แม้ยังมิใช่อย่างเป็นทางการ แต่เจ้าจะได้เรียนรู้ดาราศาสตร์จากข้าโดยตรง”

หัวใจเสวี่ยซีพลันอบอุ่น เขายกมือประนมขึ้นเหนืออก นัยน์ตาเปล่งประกายระยับ “ขอบพระคุณขอรับ! ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”



ไอเทมเควสปลดหัวใจ ตงฟางซั่ว

โพสต์ด้านบนคือ โพสต์ตอบคำถาม

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12281 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-26 19:12
โพสต์ 12,281 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-26 19:12
โพสต์ 12,281 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-26 19:12
โพสต์ 12,281 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-26 19:12
โพสต์ 12,281 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-26 19:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้