เจ้าของ: Watcher

[โรงหมอเจิ้งเทียน]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-9-2 18:10:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-9-3 10:07


วันที่ 02 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเซิน เวลา 15.00 - 16.00 น. ณ ถนนสิบลี้ โรงหมอเจิ้งเทียน


เสียงฝีเท้าของเว่ยจื่อฟูเร่งรีบดังสะท้อนบนถนนสิบลี้พร่างพรูด้วยไอเลือดที่ซึมจากร่างของหญิงสาวในอ้อมแขน นางผลักบานประตูไม้เก่าแก่ของโรงหมอเจิ้งเทียนออก เสียงไม้เสียดสีกันดังครืดสะเทือนความเงียบสงบของย่านนั้นจนเด็กสาวที่ช่วยงานในโรงหมอเงยหน้าขึ้นทันที “ท่านหมอ! มีคนเจ็บหนัก!” เว่ยจื่อฟูเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนจะอุ้มร่างซีดเซียวของหลินหยาวางลงบนเตียงไม้เรียบในห้องรักษา รอยแผลลึกกับเลือดที่ไหลไม่หยุดและลมหายใจอ่อนแรงจนแทบจับไม่ได้ ทำให้คนดูแลในโรงหมอต่างลนลาน


เจิ้งเซียวเฉินหมอใหญ่ผู้เฉยชาสุดขั้วเดินเข้ามา สีหน้าสงบนิ่งแม้เห็นภาพอันโหดร้าย เขาไม่ถามความมากความเพียงก้าวเข้ามานั่งข้างเตียง จับชีพจรที่ข้อมือขาวซีดของหลินหยาก่อนขมวดคิ้วแน่นเมื่อรับรู้กระแสปราณอสรพิษในกาย “พิษมังกรกำเริบ…” เขาพึมพำเสียงต่ำ คล้ายกับตอกย้ำสิ่งที่เว่ยจื่อฟูเองก็ตรวจพบแล้ว


เว่ยจื่อฟูเอ่ยทันควัน “นางถูกปีศาจเป็ดโจมตีบาดเจ็บสาหัส หากเป็นแค่แผลยังไม่หนักใจเท่านี้ แต่พิษนี้…มันกัดกร่อนเลือดเนื้อในกายไปทุกลมหายใจ ข้าพยายามประคับประคองด้วยปราณแต่ก็ได้แค่นั้น” ดวงตาหมอเจิ้งวูบไหวเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบแต่หนักแน่น “พิษชนิดนี้…มิใช่สิ่งที่ยาจะถอนง่าย ๆ หรอก ท่านจอมยุทธ์ชุดขาว”


หลินหยาที่นอนอยู่ แม้ใบหน้าซีดขาว แต่ดวงตาเล็กน้อยยังเปิดอยู่เลือนราง เธอพยายามจะยกมือขึ้นแต่แรงไม่พอเสียงแหบพร่าเปล่งออกมาเพียงกระซิบ “ท่านหมอ…แม่นาง…ข้า…คงสร้างความลำบากให้ท่านอีกแล้วสินะ…” เจิ้งเซียวเฉินมองเธอเงียบ ๆ ความเฉยชาของเขาถูกปนด้วยเงาเศร้าลึก ๆ ที่ยากจะมองเห็น เขาวางมือบนชีพจรหญิงสาวแล้วกล่าวช้า ๆ “เจ้าเป็นคนเช่นนี้เรื่อยมา หากวันนี้เจ้าล้มลงที่นี่ข้าจะไม่อาจให้อภัยตนเองได้”


เจิ้งเซียวเฉินวางมือที่กุมชีพจรของหลินหยาลงถอนหายใจแผ่วเบา ริมฝีปากเอ่ยช้า ๆ ดุจประกาศความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง “พิษนี้…มันอยู่ในกายนางมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งได้รับในวันนี้ ยากนักที่จะถอน หากไม่ใช่หมอเทวดาที่ฝีมือสูงล้ำหรือผู้ที่มีปราณอสรพิษในกาย ก็ไม่มีทางรักษาให้สิ้นซากได้ ข้า…แม้จะได้รับความไว้วางใจให้เปิดโรงหมอแต่ก็ห่างไกลนักจากขั้นนั้น”


เว่ยจื่อฟูที่ยืนเงียบมาตลอดกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาแสดงความกังวลจนแทบกลายเป็นความโกรธที่ช่วยอะไรไม่ได้ “เช่นนั้น…” นางเอ่ยเสียงสั่นพร่า “…แม่นางน้อยผู้นี้จะต้องทนอยู่กับพิษนี้ตลอดไปหรือ?”


เจิ้งเซียวเฉินเงยหน้าขึ้นสบตานางสายตาเยือกเย็นแต่แฝงความหนักแน่น “มิใช่ตลอดไป แต่ตราบใดที่ยังไม่มีหมอเทวดาหรือผู้มีปราณอสรพิษเข้ามาเกี่ยวข้อง นางต้องอาศัยเพียงการประคองอาการเท่านั้น ดื่มยา บำรุงร่าง พิษจะสงบแต่จะไม่หายสิ้น ทว่าอย่าห่วงบาดแผลที่เห็น…ข้ารักษาได้เพียงหายช้ากว่าผู้คนทั่วไปก็เท่านั้น”


เว่ยจื่อฟูกำหมัดแน่นขึ้นไปอีกแต่แววตาเริ่มสงบลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำยืนยันนั้นเวทนาในโชคชะตาของแม่นางน้อยตรงหน้าอย่างสุดใจ “เช่นนั้น…ก็ยังพอมีหวัง” นางพึมพำก่อนมองไปยังหลินหยาที่นอนหอบหายใจแรงราวกับจะดับไปทุกลมหายใจ


เจิ้งเซียวเฉินหันไปเรียกเสียงเรียบ “ซูเหยา…จัดการทำความสะอาดบาดแผลให้นาง แล้วเตรียมยาต้ม ข้าจะเตรียมตำรับยาให้” เจิ้งเอ่ยเรียบง่ายแต่แฝงคำสั่งชัดเจน “หลังนางดื่มเข้าไป พิษจะสงบลงชั่วครู่หนึ่ง”


@SuYao (หมอบอกว่าเดี๋ยวมารักษา) 


เว่ยจื่อฟูมองภาพนั้นแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอบคุณท่านหมอและท่านหมอหญิง…ที่ช่วยนางหากมิใช่ท่านข้าคงไม่รู้จะทำเช่นไร” เจิ้งเซียวเฉินไม่ตอบ เพียงยืนนิ่ง สายตาจับจ้องหลินหยาที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงแผ่วเบาเหมือนกำลังจะสลายไปทุกเมื่อ ราวกับในใจเขากำลังคิดถึงความสูญเสียที่เคยผ่านมาด้วยเช่นกัน…


หลินหยาที่ได้ยินแว่ว ๆ พยายามจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แม้เสียงแผ่วเบาแทบขาดหายแต่ยังพอจับได้ “ข้า…จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม…ขออภัยที่…อึก! เป็นภาระพวกท่าน” เว่ยจื่อฟูรีบกุมมือเย็นเฉียบของนางแน่นตอบกลับเสียงเด็ดขาด “เจ้าไม่เป็นอะไรเด็กน้อยไม่มีใครปล่อยให้เจ้าตายง่าย ๆ หรอก” เสียงสมุนไพรที่เริ่มเดือดพล่านดังสอดประสานกับถ้อยคำหนักแน่นนั้น ทำให้บรรยากาศในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาและเลือดคละคลุ้ง กลับอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยอย่างน่าแปลกใจ…


@SuYao (หมอบอกว่าเดี๋ยวมารักษา) 



@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มารักษา มาให้หมอรักษาจะได้อัพขั้นได้ 55555


(สำหรับไอ้คนที่แค่คุยกับผู้ชายแล้วหึง ถ้าเรื่องนี้แกไม่รู้ไม่มาเยี่ยมหลินหยาจะโกรธแกจริงด้วย)


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-06] เว่ย จื่อฟู 

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

แสดงความคิดเห็น

((หลังจากนี้ตลอดระยะเวลารักษาหลินหยา หมอซูเหยาจะถูกกักตัวไปไหนไม่ได้นอกจากหอว่าน เพื่อให้ดูแลหลินหยาอย่างใกล้ชิด))  โพสต์ 2025-9-3 12:42
พักรักษาตัว 7 วัน จางกงกงมาวันที่ 2 เช้าตรู่พร้อมกับให้คนงานคุมหอที่พามาด้วยจัดการเคลียร์สถานที่ และจับตัวหมอซูเหยาและพาตัวหลินหยากลับหอว่าน  โพสต์ 2025-9-3 12:41
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-06] เว่ย จื่อฟู เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-9-3 12:40
โพสต์ 24476 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-2 18:10
โพสต์ 24,476 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-9-2 18:10
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-9-3 17:11:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 03 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ตลอดทั้งวัน ณ ถนนสิบลี้ โรงหมอเจิ้งเทียน (รักษาวันที่ 1/7) 


แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่าแก่ของโรงหมอเจิ้งเทียน ละอองฝุ่นเล็กน้อยลอยละลิ่วไปตามลมอุ่นยามสาย ในห้องพักแยกที่เงียบสงบ ร่างบางของหลินหยานอนอยู่บนฟูกสะอาดที่ปูด้วยผ้าฝ้ายสีขาว กลิ่นยาสมุนไพรอวลฟุ้งอยู่ทั่วห้อง ร่องรอยแผลตามแขนขาของนางถูกพันด้วยผ้าขาวใหม่เอี่ยม ส่วนบริเวณที่โดนพิษก็ทาด้วยน้ำยาสมุนไพรสีเข้มที่ส่งกลิ่นขมแต่นุ่มจาง ๆ


@SuYao 


บางครั้งหลินหยาลืมตาขึ้นเพียงครู่เดียว ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนที่เคยสดใสกลับพร่ามัวด้วยพิษและความเพลีย นางกระซิบเสียงแผ่วจนแทบฟังไม่ออก “น้ำ…ข้าขอน้ำหน่อยเจ้าค่ะ…” 


@SuYao 


พอน้ำแตะลำคอนางก็ปรือตาปิดลงอีกครั้งราวกับหลับลึกไปอย่างไม่รู้สึกตัว ตลอดทั้งวัน เสียงเคลื่อนไหวเดียวที่ดังแทรกความเงียบคือเสียงเคี่ยวสมุนไพรในหม้อดินด้านข้าง กับเสียงปากกาของเจิ้งเซียวเฉินที่นั่งเขียนตำรายาอย่างเงียบงัน หันมาดูนางเป็นระยะ เขาไม่พูดอะไร แต่แววตาที่ทอดมองกลับมีความหมายลึกซึ้งกว่าถ้อยคำ


หลินหยาหลับอย่างสงบในห้องพักนั้น บางคราวริมฝีปากนางกระตุกเล็กน้อยคล้ายกำลังฝัน บางคราวมือเรียวสั่นเหมือนจะไขว่คว้าหาใครสักคน แต่สุดท้ายก็สงบนิ่งอีกครั้ง ในห้องนี้แม้จะมีกลิ่นยาและร่องรอยความเจ็บปวดกลับอบอุ่นอย่างประหลาด ราวกับเป็นรังเล็ก ๆ ที่ปกป้องให้แม่นางน้อยผู้ดื้อรั้นได้พักพิงชั่วครู่จากโลกอันโหดร้าย


@SuYao  (หมอเอาข้าวต้มมาให้)


ยามตะวันคล้อยต่ำแสงอาทิตย์ย้อมท้องฟ้าเป็นสีส้มอ่อนลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องพักเงียบสงบ กลิ่นยาจางลงแทนที่ด้วยกลิ่นหอมอุ่นของข้าวต้มอ่อนที่ซูเหยาเพิ่งยกเข้ามาวางบนโต๊ะข้างฟูก เสียงฝีเท้าเบานั้นปลุกหลินหยาให้ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเพลียสะท้อนแสงสลัวอ่อน ๆ หลินหยากะพริบตาปรือ ๆ มองถ้วยข้าวต้มสีขาวซีด กลิ่นเรียบง่ายนั้นยิ่งทำให้ใบหน้าหวานเล็กน้อยเหยเกเหมือนเด็กน้อยที่โดนบังคับกินยา นางส่ายหัวเบา ๆ แล้วเสียงแผ่วก็เล็ดลอดออกมา “ข้าไม่อยากกินเจ้าค่ะ…ตอนนี้ไม่รู้สึกหิวเลยเจ้าค่ะ” เสียงออดอ้อนปนน้อยใจดังขึ้นราวกับแรงยังเหลือไว้แค่พอเถียงหมอ


@SuYao 

หญิงสาวเม้มปากแน่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมเปิดปากช้อนน้ำใส ๆ บนถ้วยที่มีเพียงนิดเท่านั้น กลืนลงคอไปแบบขัดใจแล้วก็วางมือเล็กทาบลงบนอกตัวเอง กระซิบเบาราวกับงอน “ข้าจะลองกินก็ได้เจ้าค่ะ” หลังจากนั้นก็ขยับมือตักเพียง 4-5 ช้อนเล็ก ๆ พอให้คอชื้นก็หันหน้าหนีไปข้างหมอน หลับตาลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เสียงหายใจแผ่วค่อย ๆ สม่ำเสมอ ซูเหยามองภาพนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างจนใจ ปล่อยให้นางหลับต่อไป ข้าวต้มยังคงอุ่นอยู่ในถ้วยแต่แม่นางหลินก็เลือกความดื้อรั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองเช่นเคย


@SuYao 



@Watcher 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: 555555 เขิน

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 17958 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-3 17:11
โพสต์ 17,958 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-9-3 17:11
โพสต์ 17,958 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก ตำราขนมหวานสูตรลับ  โพสต์ 2025-9-3 17:11
โพสต์ 17,958 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-9-3 17:11
โพสต์ 17,958 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-9-3 17:11
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-9-4 22:57:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 04 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ช่วงเช้า เวลา 06.00 - 09.00 น. ณ ถนนสิบลี้ โรงหมอเจิ้งเทียน (รักษาวันที่ 2/7) 


แสงเช้าสีทองอ่อนลอดผ่านหน้าต่างกระทบผ้าขาวสะอาดในห้องพักคนไข้ โรงหมอเจิ้งเทียนยังคงเงียบสงบ กลิ่นสมุนไพรต้มคละคลุ้งเบา ๆ แต่บรรยากาศกลับเปลี่ยนทันทีเมื่อเสียงกีบม้าหนักแน่นหยุดลงหน้าประตู เสียงรถม้าหรูหราทอดจอด ผู้คนหน้าประตูโรงหมอหันมามองอย่างตกใจเมื่อบุรุษหนุ่มในชุดงามสง่า สวมหน้ากากครึ่งใบ ก้าวลงมา ออร่าของอำนาจและบารมีพวยพุ่งจนไม่มีผู้ใดกล้าขวางกั้น เขาคือท่านชายห่าวหมิงผู้มีดวงตาคมดั่งอสรพิษกวาดไปรอบห้องอย่างเย็นชา ก่อนจะสะบัดชายแขนเสื้อพลิ้ว แหวกผู้คนที่พยายามทักท้วงแล้วตรงดิ่งเข้าไปยังห้องพักแยก เสียงฝีเท้าของผู้ติดตาม 2-3 คนดังตามมาติด ๆ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าออกปากเอ่ยห้ามแม้สักคำ


@SuYao 


เมื่อก้าวพ้นประตูบานไม้เข้าไปสิ่งที่สะท้อนเข้าตาเขาคือร่างของหลินหยา หญิงสาวผู้เป็นทั้งความอ่อนแอและความโหดร้ายที่สุดในใจเขา นางนอนนิ่งบนฟูก ใบหน้าซีดเซียวราวกระดาษ ขนตายาวสั่นไหวเพียงเล็กน้อย ผ้าพันแผลหลายชั้นโอบรัดตามแขน ขา และลำตัว กลิ่นยาสมุนไพรคลุ้งรอบกาย หัวใจของชายที่ซ่อนเร้นความรู้สึกอันบิดเบี้ยวแทบสะดุดเต้น เขาก้าวเข้ามาเงียบ ๆ จนยืนชิดข้างเตียง สายตาคมกริบกดลึกลงบนใบหน้าซีดนั้น นิ้วเรียวเย็นเฉียบค่อย ๆ ยกขึ้น ลูบผ่านแก้มที่ขาวซีดราวหิมะ ร่องรอยบาดเจ็บที่เห็นยิ่งกว่าดาบแทงหัวใจ


“เสี่ยวหยา…เจ้าเล่นอะไรของเจ้าอีก ทำไมถึงได้ซนจนเกือบสิ้นชีพเช่นนี้” น้ำเสียงทุ้มต่ำลอดผ่านริมฝีปากคล้ายกระซิบ แต่เต็มไปด้วยโทสะที่ถูกกดทับด้วยความห่วงใยอันบ้าคลั่ง


เขาโน้มตัวลงใกล้ ใบหน้าลึกลับภายใต้หน้ากากครึ่งซ่อนรอยแสยะยิ้มขื่น ดวงตาวาวโรจน์ฉายชัดถึงความหวาดหวั่นที่เขาจะไม่ยอมให้ใครพรากหญิงสาวผู้นี้ไป แม้แต่โชคชะตาเองก็ตาม นิ้วมือที่แตะผิวแก้มพลันออกแรงบีบเบา ๆ ราวลงโทษเงียบ ๆ “เจ้าคิดจะหนีไปตายโดยไม่ขออนุญาตข้าสักคำหรืออย่างไร…หึ ต่อให้ต้องรักษาเจ้าด้วยวิธีโสมมเพียงใด ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้านอนอยู่อย่างนี้ตลอดไป”


แม้นางยังหลับสนิทไม่อาจได้ยินคำเหล่านี้ แต่จางกงกงหรือท่านชายห่าวหมิงในยามนี้ กลับโน้มลงใกล้ใบหู กระซิบคำขู่แผ่วเย็นราวกับคำสาบานที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจ


“หากเจ้าจะรอดหรือไม่รอด…ขึ้นอยู่กับข้าเพียงผู้เดียว แมวน้อยของข้า”


เมื่อพูดจบเสียงฟูกเบา ๆ ยวบลงร่างสูงในชุดดำแดงนั่งลงข้างเตียง รัศมีของชายตรงหน้ากดดันเสียจนแม้แต่แสงเช้าที่ลอดหน้าต่างเข้ามาก็พลันหม่นลง ดวงตาคมใต้หน้ากากครึ่งใบกวาดมองหญิงสาวอย่างล้ำลึก แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยอะไร ดวงตาคู่หวานซีดเซียวก็สั่นไหวแล้วลืมขึ้นอย่างช้า ๆ “ท่าน…” เสียงแผ่วคล้ายสายลม หลินหยาที่นอนซบหมอนยังคงอ่อนแรง แต่เมื่อสายตาโฟกัสเห็นหน้าคนตรงหน้า ใบหน้าเล็กก็พลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบาง “ข้าขอโทษ…ที่ไม่ได้ไปหาท่านที่ศาลาจื่อเถิงฮวาเจ้าค่ะ…แต่ตอนนี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”


ถ้อยคำอ่อนโยนนั้นเหมือนจะปลอบโยน แต่สำหรับจางกงกงกลับยิ่งเหมือนคมมีดกรีดลึกในอก เขากัดฟันข่มอารมณ์ ก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมมาประคองปลายคางบอบบางให้หันขึ้นสบตา ดวงตาของเขาวาวโรจน์แฝงโทสะ “ไม่เป็นอะไรแล้วงั้นหรือ? ดูสภาพเจ้าสิ เสี่ยวหยา เจ้ากำลังโกหกข้าหรือ” เขาโน้มลงต่ำจนลมหายใจเย็นเยียบเฉียดแก้มซีดของนาง ริมฝีปากคลี่ยิ้มเย็นเยียบ “เจ้ากล้าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับปีศาจเป็ด…ทั้งที่รู้ดีว่าพิษในกายของเจ้ายังไม่ถอน ช่างซนดื้อรั้นเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ข้าควรจะหักปีกเจ้าไว้เสียบ้างจะได้ไม่คิดบินหนีไปตายที่ไหนอีก”


แต่ถึงน้ำเสียงจะร้ายกาจแต่ปลายนิ้วของเขาที่ลูบแก้มกลับสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับข่มความโล่งใจที่แท้จริงไม่ให้เล็ดรอดออกมา สายตาคมนั้นจับจ้องไปยังหญิงสาวบนเตียง ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแม้เสี้ยวลมหายใจเดียว


ริมฝีปากของหลินหยาคลี่ยิ้มบางเมื่อได้ยิน ราวกับจะซ่อนความเจ็บไว้ใต้ท่าทางซุกซน “รู้ด้วยหรือเจ้าคะ…ว่าข้าไปสู้กับอะไรมา” เสียงแผ่วเบากับแววตาที่พร่ามัวพอทำให้คนตรงหน้ากระตุกคิ้ว เธอพ่นลมหายใจยาว กดอกเจ็บแผลจนร่างบอบบางสั่นไหวเล็กน้อย 


จางกงกงโน้มลงใกล้ ดวงตาคมเข้มราวเหล็กกล้าจับจ้องนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากจะเอื้อนเอ่ยเสียงต่ำ “พอแล้ว…เจ้าหลับเสีย ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง” น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบจนไม่อาจปฏิเสธได้ คล้ายเป็นทั้งคำสั่งและคำสัญญา ตอนที่ได้ยินหลินหยากะพริบตาช้า ๆ ความเหนื่อยอ่อนและความเจ็บรุมเร้าจนในที่สุดดวงตาคู่หวานค่อย ๆ ปิดลง ร่างกายเล็กสั่นเบา ๆ ก่อนเข้าสู่ห้วงนิทราให้จางกงกงนั่งเฝ้านางอย่างเงียบงัน


เมื่อแน่ใจว่านางหลับสนิทแล้วชายหนุ่มจึงขยับกายเงียบเชียบ แขนแกร่งสอดใต้แผ่นหลังบางอีกข้างประคองใต้หัวเข่า เขายกนางขึ้นราวกับนางเป็นเพียงแมวน้อยป่วยไข้ในครอบครอง ความอ่อนโยนในทุกจังหวะการอุ้มตัดกับแรงกดดันที่แผ่ซ่านรอบกายอย่างสิ้นเชิง เขาก้าวออกจากห้องพักสายตาเย็นยะเยือกปักลงที่หมอใหญ่และบรรดาผู้ช่วยที่อยู่ตรงโถงในโรงหมอ เสียงของเขาแผ่วต่ำแต่หนักแน่นก้องสะท้อนทั่วห้องโถง 


“ผู้ใด…คือคนที่รักษานาง” ดวงตาคมวาวโรจน์ ราวกับหากได้คำตอบที่ไม่ถูกใจ แม้แต่โรงหมอทั้งหลังนี้ก็พร้อมจะแหลกสลายไปพร้อมกับความโกรธของเขา


แต่เพราะยังไม่มีผู้ใดตอบเสียงเยียบเย็นของบุรุษผู้สวมหน้ากากครึ่งใบยังคงก้องสะท้อนในโถงโรงหมอ “ใคร…ดูแลนาง”


@SuYao 


จางกงกงเหลือบตาลงมองเธอราวกับเธอไม่ใช่มนุษย์ หากเป็นเพียงเครื่องมือที่จะต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์เพื่อความปลอดภัยของหลินหยา ดวงตาคมกริบสะท้อนเงาสีโลหิตในยามเช้า คล้ายจะกลืนกินทุกสิ่งที่ไม่เป็นไปตามใจ ริมฝีปากหยักเอื้อนถ้อยถ้อยสุภาพอ่อนหวาน ราวกับคำเชื้อเชิญของผู้ดี 


“เช่นนั้น…หมอหญิง ข้าจะจ้างเจ้าชั่วคราว เจ้าจะติดตามไปดูแลนางในที่ของข้า ตลอดเวลาจนกว่านางจะหายดี” ถ้อยคำฟังคล้ายคำขอ แต่ในน้ำเสียงกลับไร้ทางเลือกใด ๆ จะขัดได้ ความกดดันหนาวเย็นซึมเข้าสู่ทุกเส้นลมหายใจ ราวกับอีกฝ่ายเป็นอสรพิษมหึมาเลื้อยอยู่กลางโถง พร้อมจะกลืนกินเหยื่อที่ปฏิเสธ


@SuYao 


เมื่อได้ยินคำตอบเพียงพริบตาเดียว รัศมีแห่งสุภาพบุรุษห่าวหมิงกลับคืนสู่ใบหน้าอีกครั้ง เขาประคองร่างซีดเซียวของหลินหยาที่หลับใหลไว้ในอ้อมแขน ดวงตาอ่อนลงเพียงเมื่อมองเธอ “ไป” คำสั่งสั้นชัด หลุดจากริมฝีปากที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ใครนอกจากสตรีน้อยในอ้อมแขนนี้เพียงผู้เดียวดังขึ้น เขาเดินตรงออกไปจากโรงหมอด้านหน้าคือรถม้าสีดำสนิทเคลือบเงาดุจหยกดำจอดรออยู่หน้าประตูโรงหมอ กลิ่นเครื่องหอมจาง ๆ ลอยกรุ่นออกมาจากภายใน ประดับด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มปักลายอสรพิษพันดวงจันทร์


จางกงกงในคราบท่านชายห่าวหมิงก้าวผ่านทุกสายตาที่จับจ้อง เขาไม่เหลียวมองใครแม้แต่น้อย แผ่นอกกว้างยังคงโอบร่างของหลินหยาที่หมดแรงเอาไว้อย่างมั่นคง แววตาคมปลายหางโค้งยามก้มลงมองนางอ่อนโยนยิ่งกว่าน้ำค้าง แต่เพียงแหงนหน้าสบตาคนอื่นกลับเป็นดั่งคมดาบไร้ปรานี


เขาก้าวขึ้นรถม้าไปอย่างสง่างามโดยไม่สนใจเสียงกระซิบซาบจากเหล่าคนของโรงหมอ เพียงยกมือออกคำสั่งสั้น ๆ “หมอหญิง…ขึ้นรถม้า” เสียงกังวานแต่เย็นยะเยือกก่อนที่ผู้ติดตามสองสามนายจะเคลื่อนตัวไปประกบท่านหมอหญิง นำทางให้นางก้าวขึ้นตามหลังไปโดยไร้สิทธิ์ปฏิเสธ


@SuYao 


เพียงพริบตา ประตูรถม้าปิดลงสนิท เงาสีดำเข้มสะท้อนบนผิวไม้เนื้อหอมขัดจนมันวาว ม้าศึกสี่ตัวกระทืบกีบอย่างพร้อมเพรียง เสียงสั่งบังคับสั้น ๆ ทำให้ขบวนรถม้าของหอว่านหงเหรินเคลื่อนออกจากโรงหมอเจิ้งเทียนอย่างเงียบสง่าและน่าเกรงขาม ทุกผู้คนที่เห็นต่างรีบเบือนหน้าหลบสายตา ราวกับรู้ว่าไม่มีใครควรยืนขวางเส้นทางของอสูรในคราบบุรุษรูปงามผู้นี้ได้


ในอ้อมแขนเขาหลินหยายังนอนแนบอก ซ่อนเร้นในกลิ่นกายอุ่นหอมปนเย็นของจางกงกง เส้นผมดำเงาของนางหล่นปกแก้มซีด ใบหน้าบอบบางแนบอกเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ท่ามกลางความเงียบสงัดภายในรถม้า จางกงกงก้มลงมองนางอีกครั้งแต่หน้าหมอหญิง นิ้วเรียวยาวเกลี่ยเส้นผมที่เปื้อนเหงื่อและฝุ่นออกเบา ๆ แววตาของเขามีเพียงความอ่อนโยนลึกซึ้งที่เขาไม่เคยเผยให้ผู้ใดเห็น นอกจากนางคนนี้เพียงผู้เดียว


@SuYao  (ตามใจชอบจะส่งของให้จางกงกงหรือยังไงกะได้จ้า เชิญคุยกับคนที่คุณต้องต่อโจยให้ในอนาคต) 



@Watcher 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: :v พยายาม...โรลแล้วครับ ได้เท่านี้ (ไหว้)


รางวัล: คุยกับจางกงกงแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-11] จางกงกง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 38441 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-4 22:57
โพสต์ 38,441 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-9-4 22:57
โพสต์ 38,441 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ตำราขนมหวานสูตรลับ  โพสต์ 2025-9-4 22:57
โพสต์ 38,441 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-9-4 22:57
โพสต์ 38,441 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-9-4 22:57
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-9-6 15:49:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 29 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 

ยามอู่ (เวลา 11.00 - 13.00 น.)



หลังจากได้รับข้อมูลสำคัญจากเถ้าแก่เนี้ยเหวิน ซูเหยาก็รีบเดินทางกลับโรงหมอเจิ้งเทียนทันที นางก้าวเข้ามาในโรงหมอที่คุ้นเคยพร้อมกับห่อผ้าอันล้ำค่าในมือ ทว่าความเงียบสงบในยามอู่ถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดคุยที่แผ่วเบาของบุรุษสองคน ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก็เห็นว่าหนึ่งในนั้นคือหมอเจิ้ง ส่วนอีกคนเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาอ่อนสะอาดตา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขุมและสง่างาม


ทันทีที่หมอเจิ้งเห็นซูเหยา เขาก็คลี่ยิ้มกว้างพร้อมกวักมือเรียก 


“อาเหยา! กลับมาได้จังหวะพอดี มานี่สิ”


ซูเหยารีบเดินเข้าไปหา โค้งคำนับชายวัยกลางคนผู้นั้นอย่างนอบน้อม หมอเจิ้งแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน 


“อาเหยา ท่านผู้นี้คือเจิ้งไท่หยี สหายและญาติห่าง ๆ ของข้า เขาเป็นหมอหลวงผู้มีฝีมือและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสมุนไพรที่ใช้ย้อมผ้า และไท่หยี นี่คือซูเหยา เป็นหมอฝึกหัดที่ข้าเพิ่งรับมาไม่นาน แต่นางมีความรู้ความสามารถเป็นที่น่าทึ่งมาก”


เจิ้งไท่หยีมองซูเหยาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาและรอยยิ้มที่อบอุ่น ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา 


“ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาบ้างแล้ว เซียวเฉินชมเจ้าให้ข้าฟังไม่ขาดปาก ยินดีที่ได้รู้จัก”


ซูเหยาโค้งคำนับอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ นางไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะเป็นที่รู้จักของหมอหลวงมาก่อน นางจึงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมถ่อมตน 


“ท่านหมอหลวงเจิ้งยกย่องเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้ายังต้องเรียนรู้อีกมากนัก”


ทันทีที่หมอเจิ้งพูดถึงความเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรที่ใช้ย้อมผ้าของท่านหมอหลวง ซูเหยาก็พลันนึกถึงผ้าคลุมไหล่ในห่อผ้าของตนเองขึ้นมาทันที ความหวังที่จะไขปริศนาขององค์ไท่โฮ่วสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง หมอหลวงผู้นี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการไขข้อสงสัย นางตัดสินใจที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่นางพบเจอมาทั้งหมดให้เขาฟัง


ในขณะที่ซูเหยาค่อย ๆ คลี่ผ้าห่อหุ้มออกจากผ้าคลุมไหล่ที่อยู่ในมืออย่างช้าๆ หมอเจิ้งก็ลอบมองสหายของตนด้วยแววตาเป็นห่วง พลางคิดในใจว่าเรื่องนี้จะสร้างความลำบากใจให้เจิ้งไท่หยีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมด้วยความหวังของซูเหยา เขาก็ไม่ได้เอ่ยขัด


ผ้าคลุมไหล่ลายดอกโบตั๋นอันล้ำค่าที่เคยประดับกายองค์ไท่โฮ่วก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของคนทั้งสาม แสงแดดยามอู่ที่สาดส่องเข้ามาในโรงหมอกระทบกับเส้นไหมที่ส่องประกายระยิบระยับทำให้มันดูงามยิ่งกว่าเดิม ซูเหยาชี้ให้หมอหลวงเจิ้งไท่หยีดูจุดที่สีของไหมซีดจางลงไป 


“ท่านหมอหลวงเจิ้ง ข้ามีเรื่องจะรบกวนท่านช่วยพิจารณาให้หน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ?”


เจิ้งไท่หยีทอดสายตาพินิจดูผ้าคลุมไหล่ในมือของซูเหยาอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขุมและเคร่งขรึมกว่ายามแรกที่ได้พบกัน ริมฝีปากที่เคยคลี่ยิ้มบัดนี้เม้มแน่นขณะไล่นิ้วชี้ไปตามลวดลายของดอกโบตั๋นอันงดงามที่ทอด้วยเส้นไหมชั้นยอดจากซูโจว ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมโรงหมอเจิ้งเทียนอีกครา กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดในหม้อยาที่ยังคงความอบอุ่นลอยปะปนกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผ้าไหมอันวิจิตรบรรจงนั้น บรรยากาศรอบกายพลันเปลี่ยนไปราวกับทั้งสองกำลังอยู่ในห้องทำงานของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เจิ้งไท่หยียังคงพินิจผ้าไหมผืนนั้นอย่างพิถีพิถัน ดวงตาที่ส่องประกายแห่งความเฉียบคมราวกับเหยี่ยวผู้มองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เขายื่นมือออกไปสัมผัสเนื้อผ้าอย่างแผ่วเบา โดยไม่ปล่อยให้ปลายนิ้วสัมผัสกับผ้าโดยตรงราวกับกลัวว่าความร้อนจากปลายนิ้วจะสร้างความเสียหายให้กับมัน ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของเขาก็หยุดลงตรงบริเวณที่ซูเหยาชี้ให้ดู


"เจ้าพูดถูก" เจิ้งไท่หยีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่หนักแน่น ก้มลงมองให้ใกล้เข้าไปอีก "เส้นไหมเหล่านี้ไม่ได้ถูกกัดกร่อนด้วยกรดหรือสารพิษ แต่เป็นเพราะปฏิกิริยาของสมุนไพรที่ใช้ย้อมมัน เส้นไหมถูกย้อมด้วยสีที่เกิดจากการผสมผสานของหญ้าดอกคำฝอยและไม้คราม อันเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในหมู่ชนชั้นสูงเมื่อหลายปีก่อน ทว่าสิ่งที่ผิดปกติคือเฉดสีที่ดูหม่นหมองกว่าปกติเล็กน้อย หากมองผ่าน ๆ อาจดูเหมือนเป็นโทนสีที่สวยงาม แต่หากพินิจให้ละเอียดจะเห็นว่าสีมีความขุ่นมัวจนน่าประหลาดใจ"


เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง 


"สมุนไพรทั้งสองชนิดนี้เมื่อใช้ในการย้อมผ้ามักจะไม่มีผลกระทบใดต่อสุขภาพของผู้สวมใส่ แต่ในบางครั้ง...เมื่อยามที่สมุนไพรหายากขาดแคลน ช่างย้อมผ้าบางคนอาจนำสมุนไพรที่คล้ายคลึงกันมาทดแทนเพื่อรักษาคุณภาพของสีเอาไว้ แต่ความรู้ของช่างย้อมนั้นมุ่งไปที่เรื่องของสีสันและความทนทานเป็นหลัก พวกเขาไม่ได้ศึกษาเรื่องสรรพคุณทางยาอย่างละเอียดเหมือนพวกเรา"


เจิ้งไท่หยีเงยหน้าขึ้นมองซูเหยา สายตาเต็มไปด้วยความเข้าใจ 


"สมุนไพรย้อมผ้าที่ถูกนำมาใช้ทดแทนในกรณีเช่นนี้...ข้าเดาว่าน่าจะเป็น หวงจิง ซึ่งมีสารบางอย่างที่คล้ายกับดอกคำฝอย แต่ในทางกลับกันแล้วมันกลับมีผลข้างเคียงที่อันตรายกว่ามากนัก หากสัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานาน สารประกอบในหวงจิงสามารถซึมซาบเข้าสู่ร่างกายได้ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อพลังปราณในเส้นลมปราณทำให้การไหลเวียนติดขัด ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง จิตใจหดหู่ และหากใช้เป็นเวลานานอาจนำไปสู่อาการซึมเศร้าได้ในที่สุด"


หมอเจิ้งที่ยืนเงียบฟังมาตลอดถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเองก็กังวลว่าเรื่องนี้จะนำภัยมาสู่สหายของตน แต่เมื่อได้ยินคำอธิบายของเจิ้งไท่หยีแล้วก็อดชื่นชมความรอบรู้ของเขาไม่ได้ เขารู้ดีว่าความรู้เรื่องสมุนไพรย้อมผ้านั้นเป็นศาสตร์เฉพาะทางที่หาได้ยากยิ่งในยุคนี้


"ข้าไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า...สมุนไพรที่ใช้ย้อมผ้าจะส่งผลกระทบต่อจิตใจได้ถึงเพียงนี้" ซูเหยาพึมพำออกมาอย่างตกตะลึง ในใจของนางรู้สึกเหมือนว่าชิ้นส่วนสุดท้ายได้ถูกเติมเต็มลงในภาพปริศนาที่กำลังก่อร่างขึ้น นางกล่าวขอบคุณเจิ้งไท่หยีด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมและจริงใจ "ขอบพระคุณท่านหมอหลวงเจิ้งที่ช่วยให้ความกระจ่างแก่ข้าเจ้าค่ะ"


เจิ้งไท่หยีคลี่ยิ้มอบอุ่นอย่างเมตตาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา 


"เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดที่อาจเกิดจากความไม่รอบรู้ของช่างย้อมก็เป็นได้ หากจะแก้ไขคงต้องบอกให้องค์ไท่โฮ่วเลิกใช้ผ้าผืนนี้โดยเด็ดขาด หรือไม่ก็เปลี่ยนเส้นไหมส่วนที่ย้อมด้วยสมุนไพรที่ผิดเพี้ยนเหล่านี้ออกทั้งหมด และย้อมใหม่ด้วยสมุนไพรที่ถูกต้อง นั่นก็น่าจะเพียงพอที่จะหยุดผลกระทบต่อพระองค์ได้"


หลังจากได้ยินคำอธิบายของเจิ้งไท่หยี ซูเหยาก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก นางพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น 


"ขอบคุณท่านหมอหลวงเจิ้งเจ้าค่ะ ข้าจะนำข้อสรุปนี้ไปให้องค์ไท่โฮ่วรับทราบโดยเร็วที่สุด"


ซูเหยาห่อผ้าคลุมไหล่ผืนนั้นอย่างระมัดระวัง นางรู้แล้วว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด...นางก็ต้องหาทางเข้าไปในวังเพื่อนำความจริงนี้ไปกราบทูลให้ได้…



เควสปลดหัวใจ : ปริศนาลายปักแห่งตำหนักฉือหนิง (3)

เลือกตัวเลือก: ถามถึงสมุนไพร



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32861 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-6 15:49
โพสต์ 32,861 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-6 15:49
โพสต์ 32,861 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ  โพสต์ 2025-9-6 15:49
โพสต์ 32,861 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-6 15:49
โพสต์ 32,861 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +8 ความโหด จาก หมอป่า  โพสต์ 2025-9-6 15:49
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-10 16:31:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-10 16:33

วันที่ 2 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน (เวลา 15.00 - 16.00 น.)


กลิ่นสมุนไพรแห้งกรุ่นลอยอวลไปทั่วทั้งห้องรักษา กลิ่นฉุนของพืชตากแห้งผสมปนเปกับกลิ่นดินและเครื่องหอมจาง ๆ เป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงโรงหมอเจิ้งเทียนแห่งนี้ แสงตะวันในยามเซินสาดส่องลอดบานหน้าต่างไม้เก่าผ่านม่านผ้าป่านเนื้อบางสีขาวที่ปลิวไหวตามลมรำเพยลงมาอาบไล้พื้นไม้สนขัดเงาจนแห้งกรัง สะท้อนประกายเหลืองนวลอ่อน ๆ ดูสงบงาม

ซูเหยาในชุดเสื้อคลุมสีขาวสะอาดตา ปลายแขนเสื้อกว้างขยับเบา ๆ ขณะจัดเก็บหวงฉีที่เพิ่งตากแห้งหมาด ๆ ออกทีละชิ้นอย่างแผ่วเบาและบรรจง จัดเรียงลงในกล่องยาอย่างประณีตราวกับกำลังสัมผัสงานศิลปะชั้นสูง นิ้วเรียวเล็กขยับอย่างนุ่มนวลทุกอิริยาบถ ไม่มีเสียงใดรบกวนความเงียบงันในโรงหมอแห่งนี้ แม้เพียงลมเบา ๆ ที่พัดผ่านเข้ามาก็ดูคล้ายมิกล้ากวนจังหวะที่นางกำลังทำงาน

บรรยากาศภายนอกเงียบสงบยิ่งกว่า ด้านนอกโรงหมอมีเพียงเสียงใบไม้จากต้นหลิวหน้าประตูไหวตัวเบา ๆ นางกำลังคัดรากหวงฉีที่เพิ่งตากแห้งเสร็จ หยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดทีละชิ้น ตรวจสอบความสมบูรณ์และคุณภาพก่อนเก็บเข้ากล่องยาไม้แกะสลักเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเงียบงัน ใบหน้าของนางสงบเรียบปราศจากอารมณ์ใด ๆ ริมฝีปากบางที่มิเคยแต้มสีใดยังคงประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ตามธรรมชาติที่ดูอ่อนโยนจนใคร ๆ ต่างรู้สึกสบายใจเมื่อได้เห็น

ทว่าความสงบเช้านี้หาได้ยืนยาวไม่ เสียงฝีเท้าดังกระแทกพื้นอย่างเร่งรีบแล่นมาตามถนนด้านนอก ก่อนจะหยุดลงพร้อมเสียงประตูไม้ถูกผลักเปิดออกด้วยแรงมหาศาล สะเทือนไปทั่วทั้งโรงหมอ เงาร่างในชุดคลุมสีขาวของสตรีผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในห้องรักษาอย่างรวดเร็ว ในอ้อมแขนของนางนั้นมีร่างหนึ่งที่เปียกชุ่มไปด้วยโลหิตสด

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาที่กำลังหยิบรากหวงฉีหยุดชะงัก หันขวับตามเสียงที่ทำลายความเงียบสงบลงในพริบตา ดวงหน้าอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึง ดวงตากลมโตเบิกขึ้นกว้างด้วยความประหลาดใจและตกใจในคราเดียวกัน แต่นางยังมิทันจะได้เอ่ยสิ่งใด ร่างของผู้บาดเจ็บก็ถูกสตรีในชุดขาวอุ้มผ่านเข้าไปยังห้องรักษาทันที นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น มือบางที่กำลังจะจัดเก็บสมุนไพรหยุดค้างอยู่กลางอากาศ

กลิ่นโลหิตสดคาวและฉุนจัดไหลไม่หยุด แผ่กระจายไปทั่วห้อง แทรกซึมเข้าในทุกอณูของอากาศที่เคยบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร เป็นกลิ่นที่ร่างกายของนางแทบไม่เคยชิน ความร้อนรุ่มแล่นริ้วขึ้นมาถึงอกด้วยความกังวล แต่หัวใจที่อ่อนโยนของนางกลับไม่อาจนิ่งเฉยต่อความเจ็บปวดที่กำลังดำเนินอยู่ได้

“มีคนเจ็บ...” นางพึมพำเบา ๆ กับตนเอง ก่อนจะรีบหมุนตัวคว้าผ้าสะอาดและกล่องเครื่องมือสำหรับล้างแผลติดมือแล้วเดินตามเข้าไปในห้อง

เมื่อเข้าสู่ห้องรักษา นางเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงไม้ ร่างนั้นเต็มไปด้วยรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าจนแดงฉานไปหมด แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนล่องลอยฝ้าฟางเปิดเพียงครึ่ง ดวงหน้าซีดขาวราวกระดาษบาง ความเจ็บปวดฉายชัดในทุกลมหายใจที่แผ่วเบาเสียจนนางแทบมิกล้าแม้แต่จะกะพริบตา

จากนั้นคำสั่งจากเจิ้งเซียวเฉินผู้เป็นหมอใหญ่ก็ดังขึ้นเรียบ ๆ ให้นางล้างแผล

“เจ้าค่ะท่านหมอเจิ้ง” ซูเหยาพยักหน้ารับทันทีโดยไม่อิดออด นางเดินไปยังข้างเตียง ก้มลงอย่างเงียบเชียบ มือค่อย ๆ วางอุปกรณ์ลงทีละชิ้นอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวเสียงจะรบกวนคนเจ็บ

นางเช็ดเลือดที่แห้งกรังรอบบาดแผลด้วยความเบาที่สุด ผ้าสะอาดสีขาวบริสุทธิ์ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเข้มข้น แต่มือของซูเหยาไม่สั่นแม้แต่น้อย นางมีสายตานิ่งสงบ มุ่งมั่น และอ่อนโยนไปพร้อมกัน

“แม่นาง...หากเจ็บ โปรดอดทนสักหน่อยนะเจ้าคะ...” เสียงของนางเบาและอ่อนโยนดุจเสียงลมฤดูใบไม้ผลิ กระซิบผ่านบรรยากาศอึมครึมของห้องรักษา นางล้างแผลอย่างอดทนและเอาใจใส่ที่สุด เมื่อจัดการบาดแผลเสร็จ นางลุกขึ้นยืนตรงอย่างสงบค้อมตัวเล็กน้อยให้กับทุกคน แล้วรีบเดินไปยังห้องต้มยา

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ณ ห้องต้มยาไฟในเตาเคี่ยวเริ่มลุกโชน สมุนไพรหลายชนิดถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่แม่นยำ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความชำนาญ ขณะที่มือกำลังเคลื่อนสมุนไพรลงในหม้อทีละกำ ซูเหยาก็ไปมองทางทิศของห้องรักษาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ นางสูดลมหายใจแผ่วเบาในลำคอ สายตาเต็มไปด้วยความเวทนา นางไม่รู้จักแม่นางผู้นั้นเป็นการส่วนตัว ทว่ากลับรู้สึกสงสารเมื่อนึกถึงร่างที่นอนแน่นิ่งนั้นในหัว

ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น...หากยังมีชีวิต แม้เพียงหนึ่งลมหายใจ...ก็ยังมีหวังเสมอ

เสียงฟืนในเตาที่แตกร้าวเป็นครั้งคราวเมื่อถูกความร้อนแผดเผา ทำให้เกิดเสียงเปรี๊ยะดังขึ้นสลับกับเสียงน้ำยาที่กำลังเดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อต้ม ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองเปลวไฟที่เต้นระบำอยู่ในเตาอย่างใจเย็น นางใช้พัดไม้ไผ่ที่ปลายไหม้ดำไปครึ่งหนึ่งพัดเบา ๆ เพื่อให้เปลวไฟแรงขึ้น กลิ่นหอมของสมุนไพรที่กำลังเคี่ยวรวมกันลอยตลบอบอวลไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่อาจกลบกลิ่นคาวเลือดที่ติดปลายจมูกของนางไปได้หมด

นางใช้ทัพพีตักน้ำยาในหม้อขึ้นมาดมเล็กน้อย พยักหน้ากับตัวเองอย่างพอใจก่อนจะลใช้ผ้าหนาที่ปลายขาดวิ่นหุ้มจับหูหม้อดินเผาใบใหญ่เพื่อยกมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แม้จะร้อนจนไอสมุนไพรพุ่งออกมากระทบใบหน้าจนรู้สึกแสบเล็กน้อยแต่นางก็ไม่แสดงอาการใด ๆ ซูเหยาเดินออกจากห้องต้มยา ตรงไปยังห้องรักษาด้วยความตั้งใจ สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ ทำให้กลิ่นหอมเย็นของสมุนไพรและกลิ่นฉุนเล็กน้อยของเลือดผสมผสานกันเป็นกลิ่นแปลกประหลาด

เมื่อเข้ามาในห้องรักษา ซูเหยาก็เห็นแม่นางชุดขาวที่ยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้ ซูเหยาเดินเข้าไปหาอย่างเงียบ ๆ วางหม้อยาลงบนโต๊ะข้างเตียงเบา ๆ เป็นสัญญาณให้รู้ว่านางกลับมาแล้ว แม่นางชุดขาวหันมามองซูเหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและกังวล ซูเหยาพยักหน้าเล็กน้อยให้นางคลายความกังวลแล้วเอียงตัวไปข้าง ๆ เพื่อดูอาการของผู้ป่วย

ใบหน้าของผู้ป่วยซีดเซียวจนแทบจะกลืนไปกับสีของผ้าห่มที่ห่มคลุมร่างอันบอบบางเอาไว้ แผลยังคงมีเลือดซึมออกมาอยู่บ้างแต่ไม่มากแล้ว ซูเหยาใช้มือที่ยังคงอุ่นจากหม้อยาแตะที่ชีพจรของแม่นางผู้บาดเจ็บ นางใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งรู้สึกถึงชีพจรที่เต้นอ่อนแรงแต่ยังคงสม่ำเสมอ แล้วจึงเอื้อมมือไปจับใบหน้าของแม่นางผู้บาดเจ็บให้หงายขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่นางจะได้ป้อนยา

“แม่นาง” ซูเหยาเรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบาเพื่อให้นางรู้สึกตัว “ท่านคงจะเจ็บมาก...อดทนหน่อยนะเจ้าคะ ยานี้จะทำให้ท่านดีขึ้น”

ซูเหยาค่อย ๆ ใช้ช้อนตักน้ำยาขึ้นมาทีละช้อนแล้วป้อนให้กับแม่นางผู้บาดเจ็บอย่างระมัดระวัง ยาที่ต้มมาอย่างเข้มข้นมีกลิ่นที่ฉุนและรสชาติที่ขมมาก ทำให้แม่นางผู้บาดเจ็บเผลอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ นางพยายามที่จะเบือนหน้าหนี แต่ซูเหยากลับจับใบหน้าของนางเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ซูเหยาใช้เสียงอันอ่อนโยนเกลี้ยกล่อมนาง

“กลืนมันลงไปเจ้าคะ อย่าฝืนเลย หากอยากรอดก็ต้องยอมรับความขมนี้ให้ได้...”

หลังจากที่พยายามอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางผู้บาดเจ็บก็ยอมกลืนยาที่ขมปี๋นั้นลงไปอย่างเชื่องช้า น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของนาง อาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดหรืออาจจะเป็นเพราะความขมของยา ซูเหยาเช็ดน้ำตาให้นางอย่างแผ่วเบาด้วยความสงสาร นางลุกขึ้นยืนตรงเมื่อเห็นว่าแม่นางผู้บาดเจ็บกลืนยาลงไปจนหมดแล้วหันหน้าไปทางแม่นางชุดขาวที่ยืนมองเหตุการณ์นี้ทั้งหมด

“ท่านจอมยุทธ์” ซูเหยาเอ่ยขึ้น “นางกลืนยาไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่รอดูอาการ นางคงต้องใช้เวลาพักฟื้นพอสมควร แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปเจ้าค่ะ” ซูเหยายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะผายมือไปทางประตู “ท่านกลับไปพักเถิดเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ค่อยกลับมาใหม่”

นางมองดูแผ่นหลังของแม่นางชุดขาวที่กำลังเดินจากไป ก่อนจะปิดประตูโรงหมอและกลับเข้าไปในห้องรักษาเพื่อเฝ้าดูอาการของแม่นางผู้บาดเจ็บด้วยความหวังที่เปี่ยมล้น




ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10
(รักษาผู้เล่นนับไหม? ขอแนบไว้ก่อนแล้วกัน)


ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 200 เหรียญอู่จู - 5 EXP (รายวัน)








แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-9-10 16:56
โพสต์ 22509 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-10 16:31
โพสต์ 22,509 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก ตำราสมุนไพรหายาก  โพสต์ 2025-9-10 16:31
โพสต์ 22,509 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-10 16:31
โพสต์ 22,509 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ  โพสต์ 2025-9-10 16:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +200 ย่อ เหตุผล
Watcher + 200

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-11 00:02:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-11 00:03

วันที่ 3 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ตลอดทั้งวัน

แสงแดดยามบ่ายที่ลอดผ่านหน้าต่างไม้เข้ามาในห้องพักคนไข้ยังคงทอประกายอบอุ่น แต่มันกลับไม่สามารถขับไล่ความเงียบสงบที่ปกคลุมอยู่ได้ หมอเจิ้งใช้ปลายนิ้วเลื่อนตำราแพทย์ที่ทำจากแผ่นไม้ไผ่ที่ถูกร้อยเข้าด้วยกันอย่างประณีตไปบนโต๊ะที่ทำจากไม้จันทน์หอมที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะหันมามองซูเหยาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตา

"อาเหยา ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าช่วยข้านำตำรับยานี้ไปต้มให้ที" หมอเจิ้งกล่าวเสียงแผ่ว พลางยื่นม้วนตำราที่เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ให้กับซูเหยา "ไม่ต้องไปที่โรงต้มยา ข้าให้คนเตรียมหม้อดินและเตาไฟเล็ก ๆ ไว้ให้ที่มุมห้องแล้ว"

หมอเจิ้งพูดไปพลาง ชี้ไปยังมุมห้องที่ถูกจัดไว้สำหรับต้มยาโดยเฉพาะ ซูเหยาเดินไปยังมุมนั้น สายตาของเธอหยุดอยู่ที่หม้อดินขนาดเล็กสีดำขลับที่ตั้งอยู่บนเตาไฟขนาดพอเหมาะข้าง ๆ กันนั้น มีถาดไม้บรรจุสมุนไพรแห้งชนิดต่าง ๆ วางเรียงอย่างเป็นระเบียบตามตำรับยาที่หมอเจิ้งเพิ่งมอบให้

"เจ้าต้มยาไปพร้อมกับเฝ้าอาการของนางไปด้วยก็แล้วกัน" หมอเจิ้งกำชับ "ในยามนี้ อากาศเริ่มแปรเปลี่ยน โรคภัยเริ่มระบาด ทำให้คนไข้ในโรงหมอแห่งนี้แน่นขนัดยิ่งกว่าทุกครา ข้าเองก็มีงานต้องสะสางอีกมากมาย"

ขณะที่ซูเหยากำลังก้มลงจุดไฟเพื่อต้มยา หมอเจิ้งก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าตัวใหญ่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน ดวงตาของเขากวาดมองไปทั่วห้องอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันกลับมามองหน้าซูเหยาอีกครั้ง "หากมีสิ่งใดที่ผิดปกติก็รีบมาแจ้งข้าได้ทันที ไม่ต้องเกรงใจ"

น้ำเสียงของหมอเจิ้งยังคงสงบและหนักแน่นดุจสายน้ำที่ไหลเรื่อยในลำธาร ซูเหยาโค้งคำนับให้เขาเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจการต้มยาต่อ เปลวไฟสีแดงส้มค่อย ๆ ลุกโชนขึ้นภายในเตา ขณะที่ควันสีขาวบางเบาเริ่มลอยออกมาจากหม้อดิน ภาพของหมอใหญ่ที่ก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะและหญิงสาวที่กำลังนั่งต้มยาอย่างตั้งใจ ช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความสงบเงียบและเต็มไปด้วยความหวัง ราวกับเป็นภาพวาดในห้วงฝันที่กำลังมีชีวิตขึ้นมา

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa  

ซูเหยาเดินเข้าไปหาแม่นางหนานที่กระซิบขอความช่วยเหลือเบา ๆ อย่างระมัดระวัง นางประคองร่างบอบบางให้เอนกายขึ้นเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน ราวกับประคองถ้วยน้ำชาที่บอบบางและเต็มไปด้วยของเหลวอันล้ำค่า จากนั้นจึงค่อย ๆ ใช้ช้อนเงินตักน้ำอุ่นที่ผสมสมุนไพรเพียงเล็กน้อยขึ้นมา ช้อนน้ำค่อย ๆ เคลื่อนเข้าใกล้ริมฝีปากที่แห้งผากของแม่นางหนาน ซูเหยาเป่าลมเบา ๆ ให้ไอน้ำระเหยออกไปเล็กน้อยเพื่อให้ไม่ร้อนจนเกินไปแล้วจึงค่อย ๆ ป้อนให้นางอย่างใจเย็น

"จิบช้า ๆ นะเจ้าคะ แม่นางหนาน" ซูเหยาเอ่ยเสียงแผ่วเบาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นคนไข้ทำท่าจะหลับลงอีกครั้งก่อนที่น้ำจะถึงปาก นางก็รีบเอ่ยเสริม "ดื่มให้หมดก่อนเถอะเจ้าค่ะ ไม่อย่างนั้นร่างกายจะขาดน้ำ" นางมองดูริมฝีปากที่ขยับเม้มช้า ๆ ขณะดื่มน้ำด้วยความโล่งใจ จากนั้นจึงค่อย ๆ เช็ดน้ำที่เลอะอยู่ตรงมุมปากให้คนไข้อย่างเบามือ ก่อนจะกลับไปเคี่ยวยาต่อ

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยามองการเคี่ยวสมุนไพรในหม้อดินที่ตั้งอยู่บนเตาอย่างเงียบเชียบ กลิ่นสมุนไพรหอมฉุนคลุ้งทั่วบริเวณ นางใช้ทัพพีไม้ค่อย ๆ คนยาอย่างใจเย็น นางตั้งใจจะเคี่ยวให้ได้ยาที่ดีที่สุดเพื่อคนที่กำลังนอนอยู่ในห้อง ไม่นานยาในหม้อก็ถูกยกลงจากเตาและถูกแบ่งใส่ถ้วยเล็ก ๆ เตรียมไว้เพื่อเตรียมให้ตามเวลาที่หนด

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยามองแม่นางหนานด้วยความรู้สึกหลากหลาย เสียงออดอ้อนปนน้อยใจของนางทำให้ซูเหยาอดนึกถึงคนไข้เด็ก ๆ ที่บ้านเกิดไม่ได้ที่เวลาโดนบังคับให้กินยาก็ทำสีหน้าเช่นนี้เหมือนกัน

"แม่นางหนาน ข้าวต้มนี้อ่อนนุ่มและย่อยง่าย" ซูเหยาเอ่ยอย่างใจเย็นและนุ่มนวล "อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูกำลัง" นางค่อย ๆ ตักข้าวต้มขึ้นมาด้วยช้อนเล็ก ๆ ช้า ๆ แล้วยื่นไปใกล้ ๆ คนป่วยอย่างอ่อนโยน "หากไม่กินแล้วจะเอาแรงที่ไหนไปรักษาตัวเล่าเจ้าคะ" นางพูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยนไม่ต่างจากมารดาที่ปลอบบุตรของตนเอง ซูเหยามองข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมอวล ๆ ซึ่งคงไม่ถูกปากแม่นางหนานเท่าใดนักเมื่อเห็นสีหน้านั้นของนาง ซูเหยาตัดสินใจวางช้อนและถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างช้า ๆ "ถ้าไม่ถูกปาก ข้าจะไปทำอย่างอื่นให้กินก็ได้เจ้าค่ะ แต่ไม่รับประกันนะเจ้าคะว่าจะไม่ใช่ของขม ๆ" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงประนีประนอมราวกับกำลังต่อรองกับเด็กน้อย

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาถอนหายใจยาวอย่างแผ่วเบา นางไม่ได้มีสีหน้าโมโหหรือน้อยใจแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกเห็นใจและเข้าใจในตัวแม่นางหนานมากกว่า

"เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ" ซูเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเป็นที่สุด "พักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ" นางไม่ได้เอ่ยถามหรือบังคับให้กินอีกต่อไป นางนั่งลงข้างเตียงอย่างเงียบ ๆ รอให้แม่นางหนานหลับอย่างสนิทเสียก่อนแล้วจึงจะจัดการข้าวต้มที่เหลืออย่างเรียบร้อยและห่มผ้าให้แม่นางหนานอย่างเบามือ จากนั้นจึงออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งให้ห้องนั้นมีเพียงความอบอุ่นและกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยที่ประตูห้องนั้นเปิดแง้มไว้เล็กน้อยเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และหากเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นซูเหยาก็จะได้เข้ามาดูอาการของนางได้ทันท่วงที



ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10
(รักษาผู้เล่นนับไหม? ขอแนบไว้ก่อนแล้วกัน)


ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 200 เหรียญอู่จู - 5 EXP (รายวัน)



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-9-11 00:30
โพสต์ 15013 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-11 00:02
โพสต์ 15,013 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 ความโหด จาก ตำราสมุนไพรหายาก  โพสต์ 2025-9-11 00:02
โพสต์ 15,013 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-11 00:02
โพสต์ 15,013 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ  โพสต์ 2025-9-11 00:02

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +200 ย่อ เหตุผล
Watcher + 200

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-11 19:03:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-11 19:12

วันที่ 4 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเหม่าถึงยามเฉิน (เวลา 06.00 - 09.00 น.)


โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa  

ทันทีที่บุรุษลึกลับผู้สวมหน้ากากก้าวลงจากรถม้า ซูเหยาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ซ่านออกมาจนอากาศในโรงหมอแห่งนี้พลันหนักอึ้ง ทั้งลมหายใจและการเต้นของหัวใจพลันช้าลงโดยไม่รู้ตัว นางเพิ่งจะถอยห่างจากคนไข้ที่เพิ่งรักษาเสร็จไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก สายตาพลันปะทะเข้ากับดวงตาคมกริบคู่นั้นที่กวาดมองไปรอบห้องอย่างเย็นชา แม้จะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง แต่ซูเหยาไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารัศมีของอำนาจที่บุรุษผู้นี้แผ่ออกมานั้นน่าพรั่นพรึงเพียงใด นางรีบก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตา ซูเหยาพยายามบอกตัวเองว่าไม่มีเหตุผลใดที่บุรุษผู้สูงศักดิ์เช่นนี้จะสังเกตหรือสนใจหมอหญิงฝึกหัดต่ำต้อยอย่างนาง ทว่าความรู้สึกตื่นตระหนกที่แผ่ไปทั่วร่างก็ไม่จางหายไปเลย

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa 

เมื่อร่างสูงก้าวออกมาพร้อมกับแม่นานหนานในอ้อมแขนที่ดูบอบบางไร้เรี่ยวแรง ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ ทันทีที่เห็นแววตาของบุรุษผู้นั้นที่หันมามอง...มันไม่ได้มองมาที่ตัวตนของนางเลยแม้แต่น้อย มันคือสายตาที่ใช้มองสิ่งของหรือเครื่องมือที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ดวงตาคมกริบราวโลหิตเย็นเฉียบที่สะท้อนเงาของนางอยู่นั้น ทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวที่พยายามซ่อนไว้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ซูเหยาเม้มปากแน่น พยายามบังคับให้ร่างกายที่สั่นเทิ้มหยุดนิ่งเพื่อแสดงความสุภาพ 

“เรียนคุณชาย...ข้าน้อย...ซูเหยาเจ้าค่ะ เป็นหมอฝึกหัดที่ทำงานให้ท่านหมอเจิ้งและดูแลอาการของแม่นางหนาน...” คำพูดของนางขาดห้วงและฟังดูเบาหวิวราวกับจะถูกกลืนหายไปในความเงียบสงัดของโถงโรงหมอที่จู่ ๆ ก็ดูคับแคบลงถนัดตา

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa  

ซูเหยาเงยหน้าขึ้นสบตาบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก ท่าทีของเขายามที่พูดประโยคที่ฟังดูสุภาพอ่อนหวานราวกับจะเชื้อเชิญนั้น ช่างแตกต่างจากดวงตาและลมหายใจที่เย็นชาที่นางรู้สึกได้โดยสิ้นเชิง มันคือความรู้สึกเหมือนถูกคุกคามโดยอสรพิษที่พร้อมจะฉกกัดได้ทุกเมื่อ หากแต่นางตัดสินใจตอบปฏิเสธไป ซูเหยาได้แต่ก้มหน้าลงต่ำเพื่อซ่อนแววตาหวาดหวั่นไว้ภายใต้ขนตาที่สั่นไหวเล็กน้อย 

“เรียนคุณชาย ข้าน้อยเข้าใจดีว่าท่านเป็นห่วงอาการของแม่นางหนาน ทางเราจะรักษาสุดความสามารถ แต่ยังมีชาวบ้านอีกมากที่ต้องได้รับการรักษาเช่นนั้น เช่นนั้นข้าน้อยว่า—” แต่ก่อนที่จะได้พูดจบ ซูเหยาก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เย็นเฉียบราวกับจะกรีดลงบนผิวของนาง นางรู้สึกเหมือนกับว่าเพียงแค่ขยับปากพูดปฏิเสธอีกครั้ง ลำคอของนางก็อาจจะถูกบิดหักในพริบตา ความรู้สึกหวาดกลัวนั้นแรงกล้าเสียจนนางไม่อาจแม้แต่จะพูดปฏิเสธออกไปได้เลย

ดวงตาของซูเหยาพลันวูบไหว นางเหลือบมองไปยังร่างของท่านหมอเจิ้งที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของหมอเจิ้งดูเคร่งเครียดเหงื่อกาฬผุดพรายเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขานั้นแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความกังวล หมอเจิ้งกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง พลางส่งสายตาปลอบประโลมให้ซูเหยา สายตาคู่นั้นดูนิ่งและจริงจังแต่ก็แฝงความหวาดกลัวเอาไว้ เขาพยักหน้าให้ซูเหยาอย่างเชื่องช้าเป็นการบ่งบอกว่าให้นางยอมทำตามคำสั่งของบุรุษลึกลับผู้นี้ไปเถิด ตัวเขาเองก็ไม่อาจทำอะไรได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาทำได้เพียงส่งสายตาที่สื่อความหมายว่า ‘เจ้าไปเถอะซูเหยา ทางนี้ข้าจะจัดการเอง’ พร้อมกับพยักหน้าย้ำเตือนให้นางยอมรับชะตากรรมเพื่อเอาชีวิตรอดไว้ก่อน

ซูเหยารับรู้ได้ถึงความหมายนั้นทันที หัวใจของนางกระตุกวูบด้วยความขมขื่น ก่อนที่นางจะยอมแพ้ต่อแรงกดดันที่มองไม่เห็นอย่างสิ้นเชิง ประโยคสุดท้ายหลุดออกมาจากริมฝีปากที่สั่นเทาของนางอย่างแผ่วเบา

“ข้าน้อย…ไปก็ได้เจ้าค่ะ…” เสียงนั้นเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันก็ดังพอให้บุรุษลึกลับผู้นั้นพอใจในคำตอบของนางแล้ว

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa  

คำสั่งสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยอำนาจและความกดดันนั้นทำให้ซูเหยาถึงกับสะดุ้งเฮือก ร่างของนางถูกผลักนำทางให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไร้ทางเลือกราวกับหุ่นเชิด เสียงฝีเท้าของซูเหยาที่ก้าวตามหลังกลุ่มชายผู้ติดตามอย่างไม่เต็มใจนั้นดูเบาหวิว นางรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังมืดมิดลงอย่างช้า ๆ เมื่อบานประตูรถม้าหรูหราที่อยู่ตรงหน้าถูกเปิดออก กลิ่นหอมจาง ๆ ที่ลอยออกมาจากภายในไม่ทำให้ความรู้สึกพรั่นพรึงของนางเบาบางลงเลย นางได้แต่ฝืนยิ้มที่มุมปากอย่างเจื่อน ๆ เพื่อทำใจดีสู้เสือ ก่อนจะตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนรถม้าอย่างช้า ๆ โดยที่ในใจก็ไม่อาจหลีกหนีความกลัวที่ประดังเข้ามาได้

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa  

ในที่สุดเมื่อประตูรถม้าปิดลง ความเงียบสงัดภายในนั้นทำให้ซูเหยารู้สึกราวกับกำลังถูกขังอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น นางได้แต่นั่งนิ่งเงียบอยู่บนเบาะกำมะหยี่ที่นุ่มสบายแต่กลับสร้างความอึดอัดใจให้นางออย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่านางจะพยายามกลั้นหายใจหรือสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพียงใด อากาศภายในรถม้าก็ยังคงหนักอึ้งไปด้วยความกดดันจากบุรุษผู้สวมหน้ากาก ซูเหยาพยายามไม่มองไปยังร่างของคุณชายห่าวหมิงที่โอบกอดแม่นางหนานที่กำลังหลับใหลอยู่ แต่ทว่าสายตาก็อดที่จะมองเห็นแผ่นหลังกว้างและใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของชายผู้นี้ที่ก้มลงมองหญิงสาวในอ้อมแขนไม่ได้

แววตาคมกริบที่เคยเต็มไปด้วยความเย็นชาเมื่อครู่ กลับอ่อนโยนลงอย่างน่าประหลาด ราวกับเป็นคนละคน ซูเหยาได้แต่มองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบงันในความสับสนและหวาดหวั่นใจ ทุกอากัปกิริยาของชายผู้นี้เป็นดั่งปริศนาที่นางไม่อาจเข้าใจได้ การกระทำที่โหดเหี้ยมและแววตาที่ดุดันเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น กลับกลายเป็นความอ่อนโยนที่แสนลึกซึ้งเมื่ออยู่ใกล้หญิงสาวในอ้อมแขน เขายกมือขึ้นลูบเรือนผมของนางอย่างแผ่วเบา เกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกให้อย่างใส่ใจ และเพียงแค่นั้นก็ทำให้ซูเหยาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจของบุรุษผู้นี้...ความผูกพันที่ดำมืดและลึกซึ้งเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ พลันเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นในความเงียบงัน 

“หน้าที่ของเจ้า มีเพียงอย่างเดียว” น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความนัยที่ซ่อนเร้นจนซูเหยาไม่อาจเข้าใจได้ หัวใจของนางกระตุกวูบด้วยความตกใจ หญิงสาวได้แต่ตอบไปตามความจริง 

“ขะ…ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้าเข้าใจว่าอะไร?” น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ความเย็นชาแผ่ซ่านออกมาอย่างชัดเจนจนซูเหยาต้องเม้มปากแน่น นางทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตา 

“ขะ…ข้าน้อยเข้าใจว่าข้าน้อยมีหน้าที่ต้องดูแลแม่นางหนานจนกว่านางจะหายดีเจ้าค่ะ”

คุณชายห่าวหมิงหัวเราะในลำคออย่างเหยียดหยาม “หึ! ดี...ที่เข้าใจง่าย” เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อประคองหญิงสาวในอ้อมแขน ก่อนที่จะหันมาสบตากับซูเหยาด้วยสายตาที่เฉียบคมและไร้ความปรานี “หากนางมีอันใดเป็นไป...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โรงหมอของเจ้าจะถูกลบออกไปจากเมืองนี้...และชีวิตของเจ้าก็เช่นกัน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยคำสั่งที่ไร้ซึ่งทางเลือกใดๆ 

ซูเหยาได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่องช้า “ขะ…ข้าน้อยรับทราบแล้วเจ้าค่ะ”

คำตอบของนางทำให้คุณชายห่าวหมิงกลับไปสนใจหญิงสาวในอ้อมแขนอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบที่กลับคืนมาอีกครั้ง ซูเหยาได้แต่หลับตาลงอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกหวาดกลัวในใจ แล้วภาวนาให้รถม้าคันนี้ไปถึงจุดหมายปลายทางเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะทุกวินาทีที่ต้องอยู่ใกล้บุรุษผู้นี้และรับรู้ถึงความลับที่เขาปกปิดไว้ข้างในจิตใจ...มันทำให้ความรู้สึกปลอดภัยของนางค่อย ๆ สลายหายไปจนหมดสิ้น



[NPC-11] จางกงกง
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-9-11 22:40
โพสต์ 21916 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-11 19:03
โพสต์ 21,916 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก ตำราสมุนไพรหายาก  โพสต์ 2025-9-11 19:03
โพสต์ 21,916 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-11 19:03
โพสต์ 21,916 ไบต์และได้รับ +12 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ  โพสต์ 2025-9-11 19:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-20 16:00:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-20 16:02


วันที่ 19 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามจื่อ (เวลา 23.30 น.)



ในที่สุดซูเหยาก็กลับมาถึงโรงหมอเจิ้งเทียนพร้อมกับถาดไม้ในมือที่วางถ้วยซุปสองใบเอาไว้ตลอดทางที่เดินกลับมาในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด นางเดินราวกับคนไร้วิญญาณ ไร้ซึ่งความคิดใด ๆ นอกจากการไตร่ตรองถึงปริศนาที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ หัวใจของนางเต้นรัวด้วยความสับสนและหวาดกลัว

เมื่อมาถึงห้องครัวเพื่ออุ่นซุปให้ร้อน นางก็วางถาดไม้ลงบนโต๊ะด้วยความระมัดระวัง พลางก้มลงมองซุปสองถ้วยอย่างพิจารณา คุณชายห่าวหมิงคิดจะทำอะไรกันแน่? แล้วเหตุใดต้องเป็นท่านหมอเจิ้งผู้มีพระคุณ? ชีวิตของซูเหยาหลังจากสูญเสียท่านตาและต้องระหกระเหินจากเฉิงตูมาถึงฉางอัน ก็มีเพียงท่านหมอเจิ้งนี่แหละที่ให้ที่พักพิง ให้งานหมอ และสอนวิชาเพิ่มเติมให้นาง นางจะทำร้ายผู้มีพระคุณได้อย่างไร?

ซุปถ้วยนี้มีส่วนผสมของพิษอะไรนั้นยังคงเป็นปริศนาที่นางค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องมีพิษ ซูเหยาค่อย ๆ หยิบถาดไม้ขึ้นมาถืออีกครั้งหลังจากอุ่นซุปเสร็จ ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องทำงานของท่านหมอเจิ้งในยามที่ดึกสงัด

เมื่อเปิดประตูเข้าไป นางก็เห็นท่านหมอเจิ้งกำลังนั่งอ่านตำราทางการแพทย์อยู่ใต้แสงไฟจากตะเกียงน้ำมัน ท่านเงยหน้าขึ้นมามองนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"อ้าว...อาเหยา ยังไม่นอนอีกหรือ?"

ซูเหยาค่อย ๆ เดินเข้าไปหาท่านหมอเจิ้ง พร้อมกับวางถาดที่มีซุปสองถ้วยลงบนโต๊ะทำงานของเขาด้วยใบหน้าที่ยังคงซีดเผือด

"เห็นว่าท่านหมอทำงานหนัก ก็เลยนำซุปบำรุงร่างกายมาให้เจ้าค่ะ"

ท่านหมอเจิ้งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ซูเหยา

"ลำบากเจ้าแล้วจริง ๆ" ว่าแล้วก็ยื่นมือออกไปหมายจะหยิบถ้วยซุปที่ส่งกลิ่นหอมพิเศษขึ้นมา แต่แล้วซูเหยาก็ขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงถาดกลับมาหาตนเอง

"ถ้วยนั้นของข้าเจ้าค่ะ..." เสียงของนางสั่นพร่าอย่างควบคุมไม่ได้ "พอดีว่าข้าเป็นโรคนอนไม่ค่อยหลับ เลยผสมสมุนไพรช่วยนอนหลับลงไป...ท่านหมอเจิ้งทานอีกถ้วยเถิดเจ้าค่ะ"

ท่านหมอเจิ้งยิ้มเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูในความช่างเอาใจของนาง ไม่ได้สงสัยในคำพูดนั้นแม้แต่น้อย ก่อนจะหยิบซุปถ้วยที่สองที่มีความใสและกลิ่นหอมน้อยกว่าไปกิน

"ขอบใจนะ"

น้ำตาของซูเหยาเอ่อคลอเบ้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา ท่านหมอเจิ้งเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง

"มา เจ้าก็กินซะนะ แล้วไปนอนพักผ่อนเถิด เดี๋ยวซุปจะเย็นหมด"

สิ้นคำ...ซูเหยาก็ทรุดกายลงคุกเข่าคำนับท่านหมอเจิ้งอย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ท่านหมอเจิ้งถึงกับงงในท่าทีของนาง

"อาเหยา...เจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดถึงทำเช่นนั้น?"

เสียงของซูเหยาสั่นเครือจนแทบจะจับใจความไม่ได้

"ขอบพระคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านหมอเจิ้งให้ความเมตตาแก่ข้า...พระคุณนี้ ข้าจะไม่ลืมเลยเจ้าค่ะ"

ท่านหมอเจิ้งแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดซูเหยาถึงพูดราวกับจะไปที่ไหนไกล แต่ก็รับคำขอบคุณนั้นไว้ด้วยความเอ็นดู แววตาของนางที่มองมาในยามนี้ช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความรัก ความเคารพ และความอาลัยราวกับกำลังสั่งเสียก่อนตาย จากนั้นนางก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ถือถาดที่มีซุปเพียงถ้วยเดียวเดินกลับไปยังเรือนนอนของตนเอง ทิ้งให้ท่านหมอเจิ้งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานพร้อมกับซุปอีกถ้วยและคำถามมากมายที่วนเวียนอยู่ในใจ

ซูเหยากลับมาถึงเรือนนอนของตนเองด้วยหัวใจที่หนักอึ้งและสับสน นางวางถาดไม้ลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างแผ่วเบา แล้วจ้องมองซุปดอกหอมหมื่นลี้ถ้วยนั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ หากนางไม่ยอมดื่มซุปถ้วยนี้ลงไปจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน ใครจะรู้ว่าที่นอกหน้าต่างของเรือนพักจะมีคนของคุณชายห่าวหมิงแอบเฝ้ามองนางอยู่หรือไม่?

นางนั่งร้องไห้อย่างเงียบงันเป็นเวลานานจนกระทั่งเปลือกตาเริ่มบวมช้ำ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากดื่มซุปถ้วยนั้นไปแล้วนางจะยังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่ แต่นี่คือสิ่งที่นางเลือกแล้ว... นางไม่สามารถทำร้ายท่านหมอเจิ้งผู้มีพระคุณได้ตามความประสงค์อันน่าสงสัยของคุณชายห่าวหมิงได้ แม้จะกึ่งขัดคำสั่งของคุณชายห่าวหมิงอยู่เล็กน้อยที่นางไม่ยอมเอาซุปถ้วยแรกให้ท่านหมอเจิ้ง แต่หากท่านหมอเจิ้งเป็นอะไรไป นางคงไม่มีหน้าจะกลับไปมองท่านอีกเลย

นางเอื้อมมือที่สั่นเทาไปหยิบถ้วยซุปนั้นขึ้นมา น้ำตาของนางค่อย ๆ เอ่อขึ้นจนปริ่มรินขอบตาทั้งสองข้างอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าอันอ่อนโยนของท่านหมอเจิ้ง พระคุณที่เขามีต่อนางตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามันมากมายเกินกว่าที่จะตอบแทนได้จนหมดสิ้น แต่แล้วนางก็ต้องมาทำเรื่องเช่นนี้...เรื่องที่ต้องนำพาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงอันตรายเพื่อรักษาชีวิตของผู้มีพระคุณเอาไว้ นางเป็นหมอ...หน้าที่ของนางคือการรักษาชีวิตคน ไม่ใช่การพรากชีวิตของใคร แต่ในยามนี้...นางกลับต้องยอมรับชะตากรรมที่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มยาพิษที่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตของนางมากแค่ไหน นางพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกที่ขมขื่น

“วาสนาของข้าช่างน้อยนัก…” ก่อนจะพึมพำถึงท่านตาของนางที่จากไปแล้วว่า “ท่านตา…หากหลังจากดื่มซุปถ้วยนี้แล้วข้าไม่รอด ข้าจะไปอยู่กับท่าน”

นางค่อย ๆ ยกถ้วยซุปนั้นขึ้นจรดริมฝีปาก พลางภาวนาขอให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน...ความฝันที่ตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างจะกลับไปเป็นดังเดิม

กลิ่นหอมของดอกหอมหมื่นลี้ค่อย ๆ โชยเข้าสู่ปลายจมูก สัมผัสถึงความร้อนที่ลวกริมฝีปากแต่ซูเหยาไม่ได้สนใจ นางค่อย ๆ กลืนซุปนั้นลงไปอย่างช้า ๆ ราวกับไม่ต้องการให้มันจบลงอย่างรวดเร็ว...รสชาติของมันช่างหอมหวานจนนางรู้สึกขมขื่นใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อกลืนลงไปแล้ว กลับมีความขมฝาดอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วลำคอและลำไส้ในทันที...ราวกับความหอมที่รื่นรมย์ในตอนแรกเป็นเพียงภาพลวงตาที่ซ่อนความตายอันโหดร้ายเอาไว้ภายใน ซูเหยาปล่อยให้ถ้วยซุปหลุดจากมือจนเกิดเสียงดังโครมครามไปทั่วทั้งห้อง...นางค่อยๆ ทรุดกายลงกับพื้นอย่างช้า ๆ น้ำตาเอ่อล้นเต็มตา ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง...ดวงตาของนางค่อย ๆ พร่าเลือนจนมองเห็นภาพต่าง ๆ เบลอไปหมด ก่อนที่สติของนางจะดับวูบลงไปในที่สุดพร้อมกับความมืดมิดที่เข้าปกคลุมโดยไม่รู้ว่าชะตากรรมต่อไปของนางจะเป็นเช่นไร...




เลือกซุปถ้วยแรก (ซุปพิเศษ)ให้ตัวเอง
เลือกซุปถ้วยที่สอง (ปลอดภัย) ให้หมอเจิ้ง





แสดงความคิดเห็น

ผลลัพธ์ส่ง PM แล้ว เป็นไปตามที่จางกงกงวางหมาก  โพสต์ 2025-9-23 22:01
โพสต์ 17446 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-20 16:00
โพสต์ 17,446 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก หมอผู้มากฝีมือ  โพสต์ 2025-9-20 16:00
โพสต์ 17,446 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความโหด จาก ตำราสมุนไพรหายาก  โพสต์ 2025-9-20 16:00
โพสต์ 17,446 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-20 16:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-24 14:05:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-24 15:14

วันที่ 19 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามจื่อ (เวลา 23.50 น.)


ขณะที่ร่างของซูเหยาล้มลงสู่พื้น สติสัมปชัญญะที่กำลังจะดับวูบลงในห้วงแห่งความมืดมิดพลันถูกฉุดกระชากกลับมาอย่างรุนแรงจากรสชาติที่ขมฝาดของบางสิ่งบางอย่างที่ถูกกรอกลงสู่ลำคออย่างไม่ปรานี จมูกของนางสัมผัสได้ถึงกลิ่นฉุนกึกของยาบางชนิด ก่อนที่นางจะสำลักเอาของเหลวสีขุ่นคลักที่ปนเปื้อนด้วยกลิ่นคาวเลือดออกมาจนหมดสิ้นจนทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวน่าสะอิดสะเอียน

ดวงตาที่พร่าเลือนค่อย ๆ ปรับโฟกัสได้ชัดเจนขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือรองเท้าหนังแกะสีดำคู่หนึ่งที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองตามลำตัวของเจ้าของรองเท้าคู่นั้นไปจนกระทั่งพบกับใบหน้าของบุรุษสวมหน้ากากครึ่งซีกที่สลักเสลาอย่างประณีตราวจับจ้องมาที่นางด้วยแววตาที่เยือกเย็นก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา แต่แฝงไว้ด้วยความร้ายกาจของงูอสรพิษร้ายที่จ้องตะครุบเหยื่อ

"หมากตัวนี้จะยังตายไม่ได้...จนกว่าข้าจะสั่งให้มันตาย"

ซูเหยาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล พลางจ้องมองไปยังบุรุษสวมหน้ากากเบื้องหน้าด้วยสายตาอันสับสน ก่อนที่ความหวาดกลัวจะเข้าครอบงำเมื่อเห็นชายชุดดำสองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างหลังบุรุษผู้นั้น พวกเขามีรูปร่างสูงใหญ่ล่ำสัน สวมชุดผ้าไหมสีดำสนิทที่คลุมไปจนถึงศีรษะ ปล่อยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาที่แข็งกร้าวราวกับนักฆ่าผู้เชี่ยวชาญการสังหาร ซูเหยาถึงกับหวาดหวั่นจนเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะถูกชายชุดดำสองคนนั้นเข้าคว้าแขนทั้งสองข้างเอาไว้แน่นราวกับคีมเหล็กแล้วฉุดกระชากลากไปข้างหน้าอย่างรุนแรง

นางถูกพาไปยังห้องทำงานของท่านหมอเจิ้งอย่างเร่งรีบ เมื่อเปิดประตูเข้าไปภาพที่เห็นทำให้นางถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่แล้วกลับยิ่งซีดเซียวลงไปอีกเมื่อเห็นท่านหมอเจิ้งกำลังนั่งทรุดอยู่กับพื้น กุมท้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน กายที่เคยตั้งตรงราวกับสนป่าบัดนี้กลับงอโค้งราวกับต้นหลิวที่พ่ายแพ้ต่อพายุ ดวงตาของท่านหมอเจิ้งมองมาที่นางอย่างเหนื่อยล้า ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปกุมท้องต่ออย่างทรมาน

"ปะ...เป็นไปไม่ได้...ท่านหมอเจิ้ง..."

เสียงของซูเหยาสั่นพร่าด้วยความเจ็บปวดจนแทบจะควบคุมไม่ได้

"ข้าไม่ได้ให้ท่านดื่มถ้วยที่มีพิษ เหตุใดกัน..."

สิ้นเสียงของซูเหยา บุรุษสวมหน้ากากพลันปรบมือเสียงดังสนั่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

"ข้าก็คิดไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องทำเช่นนี้...ช่างเป็นหมากตัวที่เล่นสนุกเสียจริง"

เขาค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับซูเหยาอย่างเต็มตัว

"ฉะนั้น...ถ้วยที่ไม่มีพิษ...ข้าก็ได้ทำการเคลือบยาพิษไว้ที่ถ้วยแล้วอยู่ดี"

เขาก้าวเข้าไปใกล้ท่านหมอเจิ้ง พลางจับคางของเขาให้เงยขึ้นมามองด้วยแววตาที่โหดเหี้ยม

"ไม่ว่าเจ้าจะเลือกถ้วยไหน...มันก็มีพิษอยู่ดี"

เขาปล่อยคางของท่านหมอเจิ้งให้ตกลงไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหันมามองซูเหยาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

"ดูสิ...ตอนนี้เจิ้งเซียวเฉินถูกพิษแล้ว ด้วยซุปดอกหอมหมื่นลี้ที่เจ้าเอาให้เขาดื่ม"

ดวงตาของซูเหยาแดงก่ำไปด้วยน้ำตา นางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

"ไม่...ไม่นะ...เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้กับข้า!"

"ทำไมรึ?" บุรุษสวมหน้ากากหัวเราะอย่างเยือกเย็น "ก็เพราะว่าเจ้าเป็นหมากของข้า...หมากก็ต้องทำตามคำสั่งของคนเล่นหมากไงเล่า"

ท่านหมอเจิ้งค่อย ๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

"อา...เหยา...ข้าไม่โกรธเจ้า...ข้า...หวังว่าเจ้าจะช่วยข้าสืบสานปณิธานหมอรักษาผู้คนด้วยจิตใจของหมอต่อไป...แม้คนยากไร้..."

ลมหายใจของท่านหมอเจิ้งเริ่มโรยรินลงเต็มที ซูเหยาร้องไห้ไม่หยุดแต่นางยังคงโดนชายชุดดำจับแขนไว้แน่นทั้งสองข้างจนไม่สามารถเข้าไปหาท่านหมอเจิ้งได้ บุรุษสวมหน้ากาก นั่งลงข้าง ๆ ท่านหมอเจิ้ง พลางจับจ้องไปยังใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาด้วยความเย็นชา

"ท่านน่ะ...ดีเกินไปนะเจิ้งเซียวเฉิน"

เขาค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าของท่านหมอเจิ้งออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

"แต่ท่านยื่นมือไปยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง...สองปีก่อนท่านจำคนต่างแดนผู้หนึ่งได้ไหม?...เขาคือมือสังหารลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท...แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ข้าจะไม่รายงานฝ่าบาท"

รอยยิ้มอันเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นบนใบหน้าภายใต้หน้ากาก

"ข้าจะป้ายสีพวกขุนนางชั่วในจินเฉิงว่าเขาให้ที่ซ่อนช่วยเหลือมือสังหารจี้อันชื่อ"

เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางก้มลงมองท่านหมอเจิ้งที่กำลังมองเขาด้วยแววตาอันไร้เรี่ยวแรง

"เพื่อเห็นแก่ท่านที่ช่วยรักษาหลินหยา"

บุรุษสวมหน้ากากยิ้มเยาะให้กับความไร้เดียงสาของท่านหมอเจิ้ง ก่อนจะหยิบมืออีกฝ่ายมาแต้มสีและประทับลงหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ที่ถูกเตรียมไว้แล้วอย่างรวดเร็ว

"โรงหมอแห่งนี้ข้าจะช่วยท่านดูแลนะ...ถือเป็นของตอบแทนที่ข้าช่วยท่านปิดบังเรื่องมือสังหารที่ท่านช่วยเหลือเมื่อสองปีก่อน...เรื่องนั้นจะตายไปพร้อมกับท่าน...ข้าสัญญา"

ท่านหมอเจิ้งมองหน้าเขาก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่เขาด้วยเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย

"เจ้า...เจ้า..."

สิ้นคำ...ร่างของท่านหมอเจิ้งก็ทรุดลงสู่พื้นอย่างหมดแรง ลมหายใจสุดท้ายถูกปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ...ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเงียบสงบลงในที่สุด ราวกับแสงตะเกียงที่ถูกลมพัดดับลงไปในชั่วพริบตา บุรุษสวมหน้ากากหันมามองซูเหยาที่ยังคงถูกตรึงเอาไว้กับชายชุดดำสองคน

"จากนี้เจ้าก็เป็นหมอประจำการที่นี่"

เขาค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าหาซูเหยาอย่างช้า ๆ ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าใบหน้าที่ไร้อารมณ์ใด ๆ

"ที่นี่ข้าคงต้องฝากฝังเจ้าดูแลล่ะนะ"

เขาค่อย ๆ ยื่นมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของซูเหยาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น

"อีกอย่างที่เจ้าจะต้องจำไว้...อย่าลืมเก็บข้อมูลทุกอย่าง จดจำไว้...และรายงานข้าทุกวัน"

ซูเหยาปากสั่นไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ดวงตาของนางมองไปยังบุรุษสวมหน้ากากด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด จนกระทั่งเขาขึ้นเสียงอีกครั้ง

"ว่าไง!..."

"จะ...เจ้าค่ะ"

เสียงของนางสั่นเครือจนแทบจะจับใจความไม่ได้ ร่างของนางสั่นกลัวจนควบคุมไม่ได้ เขาเห็นดังนั้นจึงหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะหันไปสั่งชายชุดดำทั้งสองคน

"กลับ!"

ชายชุดดำทั้งสองปล่อยแขนของซูเหยาให้หลุดออกจากพันธนาการอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเจ้านายของพวกเขาที่ถือม้วนกรรมสิทธิ์โรงหมอเจิ้งเทียนเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ทิ้งให้ซูเหยาอยู่ตามลำพังกับร่างอันไร้วิญญาณของท่านหมอเจิ้ง

ร่างของซูเหยาถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ปรานี นางรีบคลานไปหาร่างอันไร้วิญญาณของท่านหมอเจิ้งอย่างทุลักทุเล ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนักกอดศพท่านหมอเจิ้งที่เปรียบเหมือนบิดาอีกคนของนางเอาไว้แนบแน่น ราวกับว่าหากนางกอดไว้ให้แน่นพอ...ท่านก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

"ท่านหมอ...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษเจ้าค่ะ..."

เสียงร่ำไห้ของนางดังไปทั่วทั้งห้องทำงานที่เคยเต็มไปด้วยตำราทางการแพทย์บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง นางกอดศพท่านหมอเจิ้งเอาไว้แน่นพลางร่ำไห้ราวกับจะขาดใจตายตามไปในทันที นางพร่ำพูดคำว่าขอโทษซ้ำไปซ้ำมาราวกับต้องการจะลบล้างความผิดที่ได้ก่อไว้ในค่ำคืนนี้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่น้ำตาของนางก็ไม่หยุดไหลลงมาเลยแม้แต่น้อย



R.I.P หมอเจิ้ง
ฮืออออออออออออออออออออออ T[]T
จางกงกงนี่มันชั่วจริง ๆ!





@Watcher   


แสดงความคิดเห็น

เบี้ยหวัดดูแลโรงหมอ 20 ตำลึงเงินต่อเดือน (รับในโรลทำบัญชีประจำเดือนวันที่ 1 ของทุกเดือน  โพสต์ 2025-9-24 19:30
โพสต์ 24173 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-24 14:05
โพสต์ 24,173 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก หมอผู้มากฝีมือ  โพสต์ 2025-9-24 14:05
โพสต์ 24,173 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +10 ความโหด จาก ตำราสมุนไพรหายาก  โพสต์ 2025-9-24 14:05
โพสต์ 24,173 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-24 14:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-27 16:57:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 26 - 27 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามโหย่ว ถึง ยามเฉิน (เวลา 17.00 - 07.00 น.)



ตะวันยามเย็นคล้อยต่ำเหนือท้องฟ้าสีหม่นของนครฉางอัน แสงสีส้มแดงฉาบไล้โรงหม เจิ้งเทียนที่เงียบงัน กลิ่นอับของสมุนไพรแห้งภายในอาคารอบอวลในอากาศ บรรยากาศเงียบเหงาราวกับโรงหมอแห่งนี้ถูกทอดทิ้งมานาน ความหม่นหมองในใจของซูเหยาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เมื่อนางกวาดสายตาผ่านลานหน้าโรงหมอที่ไร้ผู้คน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยเมตตาของเจ้าของโรงหมอคนก่อนยังคงฉายชัดในห้วงความคิด ขณะที่เรื่องราวของคุณชายห่าวหมิงและภารกิจอันคลุมเครือยังคงรบกวนจิตใจไม่รู้จบ สองมือของนางยกขึ้นลูบไล้โต๊ะทำงานของหมอใหญ่อย่างเหม่อลอย ตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ดูเหมือนจะไร้ค่า เมื่อผู้คนยังคงเจ็บป่วยและโรงหมอยังคงปิดประตูตายเช่นนี้

ทันใดนั้นเสียงทุบประตูดังลั่นพร้อมเสียงโหยหวนปานจะขาดใจของสตรีนางหนึ่งที่ร้องขอความช่วยเหลือทำลายความเงียบลงอย่างสิ้นเชิง ซูเหยารีบตรงไปเปิดประตู สองสามีภรรยาชาวบ้านในชุดผ้าป่านขาดวิ่นยืนอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าเปื้อนฝุ่นและน้ำตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ชายผู้เป็นสามีอุ้มเด็กชายตัวน้อยอายุราวห้าหกขวบไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยในชุดเปื้อนโคลนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาเบิกโพลงมองไปยังจุดที่ว่างเปล่าราวกับเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง

“ท่านหมอ! ได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย” เสียงของผู้เป็นพ่อสั่นเครือ “ลูกข้าไข้ขึ้นสูงมาสามวันแล้ว ทั้งละเมอเพ้อพก เห็นสิ่งที่ไม่มีจริง และพูดจาไม่รู้เรื่อง…”

หัวใจของซูเหยาบีบรัดด้วยความสงสาร นางพยักหน้าให้ทั้งสองพาเด็กน้อยเข้ามาในโรงหมอ นางชี้ไปยังเตียงคนไข้ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงกว้าง ซึ่งมีเพียงเตียงนั้นเท่านั้นที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับการรักษา แม้จะยังไม่เปิดทำการแต่ด้วยหัวใจของหมอจะปล่อยให้คนป่วยทนทรมานไม่ได้ ซูเหยารีบเดินไปยังตู้ยาไม้โบราณที่สลักลวดลายเมฆมงคล หยิบเอาเข็มเงินสำหรับฝังเข็มออกมาล้างด้วยน้ำเดือด ก่อนจะกลับมานั่งลงข้างเตียง ตรวจชีพจรของเด็กน้อยอย่างละเอียด

นิ้วเรียวยาวของนางกดลงบนข้อมือเล็ก ๆ นานสองนาน จังหวะการเต้นของชีพจรนั้นแผ่วเบาไม่สม่ำเสมอ ผิวหนังที่เคยอวบอิ่มซีดเซียวราวกับกระดาษ ในขณะที่อุณหภูมิร่างกายกลับร้อนระอุจนน่าตกใจ ดวงตากลมโตของเด็กน้อยยังคงเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เด็กน้อยพยายามดึงมือของมารดาที่เกาะกุมอยู่ออก พลางชี้ไปที่มุมห้องที่ไม่มีสิ่งใดตั้งอยู่

ซูเหยาถอนหายใจออกมาแผ่วเบา นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นกดเบา ๆ ลงบนจุดกวนหยวน บริเวณใต้สะดือ จากนั้นใช้นิ้วชี้แตะลงบนจุดอิ้นถัง บริเวณระหว่างคิ้วอย่างช้า ๆ มืออีกข้างยกเข็มเงินที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วขึ้นมาอย่างระมัดระวัง จรดปลายเข็มลงบนจุดต้าจุยที่คอและจุดอาซื่อที่เท้า ก่อนจะค่อย ๆ สอดเข็มลงไปลึกกว่าหนึ่งชุ่น เข็มเงินทั้งสองเล่มตั้งตรงอยู่บนผิวหนังของเด็กน้อยราวกับรูปสลัก

“ไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ” ซูเหยาเอ่ยปลอบใจบิดามารดาของเด็ก “ข้ากำลังถ่ายเทความร้อนออกจากตัวเขา และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและพลังลมปราณเจ้าค่ะ”

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ซูเหยาตรวจชีพจรของเด็กน้อยอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่สบายใจ ความร้อนในกายของเด็กชายลดลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ดวงตาที่เคยเบิกกว้างกลับหรี่ลง พร้อมด้วยอาการเพ้อพกที่ยังคงไม่หยุดหย่อน พลันเด็กน้อยก็ดิ้นรนอย่างแรง ราวกับจะหลบหนีจากบางสิ่งที่ตามมาหลอกหลอนเขาไม่ห่าง เสียงเล็ก ๆ ที่แตกพร่าเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก

“ไม่…อย่าเข้ามา…ไปให้พ้น!”

“ลูกของข้าเป็นอะไรไป!” ผู้เป็นแม่ร้องไห้โฮ พุ่งเข้ากอดลูกชายไว้แน่นขณะที่เขายังคงดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรงจนนางต้องออกแรงรั้งไว้ “ทำไมเขาถึงยังคงเห็นภาพหลอนอยู่”

ความสิ้นหวังฉายชัดในแววตาของผู้เป็นพ่อ เขามองไปที่ซูเหยาที่ยังคงนั่งนิ่ง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อมั่น

“หมอใหญ่…แม้แต่ท่านก็ยังทำอะไรไม่ได้มากหรือ?”

“นี่คงไม่ใช่เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บธรรมดาแล้วกระมัง” เขากล่าวเสียงเครือ “หรือว่าจะมีพลังงานชั่วร้ายติดตามลูกของข้ามา ข้าจะไปตามไต้ซือจื่อหลิง มาขับไล่สิ่งชั่วร้ายนี้!”

ยังไม่ทันที่ซูเหยาจะได้เอ่ยสิ่งใดเพื่อทัดทาน ผู้เป็นพ่อก็หันหลังวิ่งออกจากโรงหมอไปทันที เหลือไว้เพียงซูเหยากับเด็กน้อยที่ยังคงมีอาการไข้สูงและเห็นภาพหลอนอย่างไม่หยุดหย่อน นางมองไปยังดวงตาสองข้างที่กลิ้งกลอกไปมาอย่างหวาดกลัวในอ้อมกอดของมารดา ก่อนที่นางจะยื่นมือออกไปประคองร่างเล็กที่เริ่มจะอ่อนแรงกว่าเดิมเข้าสู่ห้วงการรักษาเพื่อประคับประคองอาการอีกครั้งอย่างแผ่วเบา แต่ก็ยังคงความหนักแน่นไว้ในมือของนางอย่างเต็มเปี่ยม

เมื่อถึงยามซวีพ่อของเด็กก็รีบกลับมาถึงโรงหมออย่างรวดเร็วพร้อมกับไต้ซือจื่อหลิงที่ติดตามมาด้วย ใบหน้าของเขามีร่องรอยของความกระวนกระวายและเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ซูเหยารีบลุกขึ้นนมัสการท่านไต้ซือจื่อหลิงด้วยความเคารพ

“ท่านไต้ซือ…” ซูเหยากล่าว

ไต้ซือจื่อหลิงในชุดสีหม่นพยักหน้ารับอย่างสงบ

"โยมซู ไม่ได้พบกันเสียนาน"

แต่การสนทนาไม่ได้ดำเนินไปมากนัก เนื่องจากผู้เป็นพ่อรีบรุดกล่าวขึ้นว่า

“ท่านไต้ซือโปรดเมตตาไปดูลูกของข้าน้อยก่อนเถิดขอรับ”

ไต้ซือจื่อหลิงมิได้รีรอ ท่านเดินตามเข้าไปในห้องอย่างสง่างาม สายตาเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมจับจ้องไปที่เด็กน้อยที่กำลังนอนซมอยู่บนเตียง ท่านยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กเบา ๆ ก่อนจะหันมามองพ่อแม่เด็กและซูเหยาด้วยสีหน้าจริงจัง

“อาตมามิอาจกล่าวได้ว่าจะช่วยเหลืออาการป่วยทางกายได้มากเท่าไหร่นัก” ท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม "แต่เพื่อความสบายใจของโยมและเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่อาจแฝงเร้นอยู่ อาตมาจะช่วยสวดมนต์แผ่เมตตาให้เด็กน้อยอีกแรงหนึ่ง"

จากนั้นไต้ซือก็เข้าไปนั่งลงข้างเตียงผู้ป่วยอย่างสงบ ก่อนจะเริ่มสวดมนต์ด้วยเสียงที่นุ่มทุ้มแต่เปี่ยมด้วยพลังแห่งศรัทธา บทสวดมนต์ศักดิ์สิทธิ์ดังกังวานอยู่ในห้องราวกับเป็นเกราะป้องกันวิญญาณ ขณะที่ซูเหยาเองก็ไม่รอช้า นางใช้วิชาแพทย์ทั้งหมดที่มีอย่างเต็มความสามารถ ทั้งการตรวจชีพจร การจัดยา การฝังเข็ม และการประคบร้อนเย็น ทำงานผสานกันเป็นทีมอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ เรียกได้ว่าทั้งห้องมีแต่ความเคร่งเครียดและความมุ่งมั่นที่จะช่วยชีวิตเด็กน้อยผู้นี้ให้ได้

พวกเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งคืน เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงยามเฉินซึ่งเป็นเวลาที่แสงอาทิตย์เริ่มทอประกาย ไต้ซือจื่อหลิงยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ห่างจากเตียงผู้ป่วย ร่างกายของท่านนิ่งสงบอยู่ในสมาธิราวกับรูปปั้นหิน บทสวดมนต์จบลงไปนานแล้ว แต่พลังแห่งการภาวนายังคงแผ่ซ่านออกมาอย่างชัดเจน

ซูเหยาที่ยังไม่ได้พักผ่อนเลยเช่นกันเห็นว่าทุกคนเริ่มอ่อนล้าเต็มที จึงปลีกตัวออกจากห้องไปจัดการทำอาหารเช้าอย่างเร่งด่วน นางกลับมาพร้อมกับสำรับสำหรับสามีภรรยาคู่นั้นและถวายภัตตาหารแด่ไต้ซือ

“ข้าวอบหอมหมื่นลี้กับชาขาวเข็มเงินเจ้าค่ะ” ซูเหยาจัดวางถ้วยชามอย่างเรียบร้อย “พวกท่านก็กินเถิดนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นหากร่างกายอ่อนแอลงไปอีก ท่านก็จะทรุดตามลูกของท่านไปได้”

ไต้ซือจื่อหลิงลืมตาขึ้นจากสมาธิ ท่านรับอาหารที่ถวายด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

"ขอบใจโยมซู"

พ่อแม่เด็กมองหน้ากันด้วยความซาบซึ้ง พวกเขาก้มคำนับขอบคุณซูเหยา ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็ยังคงกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อไปอย่างไม่มีใครย่อท้อ พลังแห่งการต่อสู้เพื่อชีวิตยังคงลุกโชนอยู่ในห้องนั้น โดยมีแสงแดดยามเช้าค่อย ๆ สาดส่องเข้ามาเป็นพยาน…


ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10



[NPC-21] มอบ ข้าวอบหอมหมื่นลี้ และ ชาขาวเข็มเงิน ให้ ไต้ซือจื่อหลิง
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + ชา/สุราเกรดทอง (+15)
อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

ปล.เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ปูเรื่องไปเควสปลดใจของลุงจีเทียนเต้า ไต้ซือเลยต้องมานอกตารางเวลา


@Watcher   




แสดงความคิดเห็น

หัวใจกับไต้ซือตันหกดวงแล้ว  โพสต์ 2025-9-28 17:35
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-21] ไต้ซือจื่อหลิง เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2025-9-28 17:35
โพสต์ 22820 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-27 16:57
โพสต์ 22,820 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก ศาสตร์การบำเพ็ญ  โพสต์ 2025-9-27 16:57
โพสต์ 22,820 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก หมอผู้มากฝีมือ  โพสต์ 2025-9-27 16:57
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x3
x6
x4
x1
x8
x13
x50
x60
x60
x1
x2
x2
x10
x6
x58
x34
x12
x18
x1
x14
x1
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x20
x20
x20
x10
x10
x6
x23
x24
x20
x4
x2
x30
x15
x5
x9
x10
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้