12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

[โรงเตี๊ยมชิงหมิง] โถงกลาง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2024-9-4 15:11:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2024-9-4 16:12






วันที่ 3 จิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่ 10 
เวลา 15.30 น.

เมื่อได้เวลาว่างเว้นจากการซ้อมประจำวันก็ถึงเวลาที่ซิ่วอิงจะได้เดินทางออกจากค่ายพยัคฆ์อีกครั้ง คุณหนูแห่งตระกูลหรงมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมชิงหมิงสถานที่พักเดิมที่ตั้งอยู่รอบนอกของฉางอัน เมื่อไม่นานมานี้ได้ข่าวว่าทางโรงเตี๊ยมมีงานติดประกาศมาใหม่ผลตอบแทนน่าสนใจจึงเป็นสาเหตุที่ต้องแวะมา

“เถ้าแก่มีภารกิจอะไรค่าตอบแทนดี ๆ บ้างหรือไม่?” มาถึงซิ่วอิงก็ตรงไปที่โต๊ะของเถ้าแก่ทันที

“ตอนนี้มีอยู่งานเดียวที่ป้ายกระดานด้านโน้น” เถ้าแก่ผายมือ

ซิ่วอิงเดินไปอ่านป้ายไล่สายตาดูทีละแถวก็ถึงกับตาวาว ผลตอบแทนงานนี้น่าสนใจไม่น้อย นางอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมจึงกลับไปถามเถ้าแก่อีกครั้ง

“ข้าสนใจงานนี้ ท่านพอจะแจ้งรายละเอียดให้ข้าได้หรือไม่?”

“แม่นางรู้จักเหมืองแร่ทองแดงจื่อถงซานหรือไม่? ช่วงนี้ปีศาจหนูบุกยึดเหมืองครั้นจะให้กองทัพสูญเสียทรัพยากรไปกับการจับหนูก็ใช่เรื่อง ทางกองทัพแจ้งมาว่าต้องการให้จอมยุทธ์ทั้งหลายจัดหาแร่ และหลอมเป็นก้อนสำริดมาส่ง ทางสมาคมจะจัดส่งให้กองทัพเอง เจ้าไปหาของตามที่ข้าบอกก็พอ”

“ปีศาจหนูงั้นหรือ? ไม่น่ายาก…ตกลง! ข้าจะหามาให้ท่านเอง โปรดวางใจ”

พูดแล้วซิ่วอิงก็กลับหลังหันเตรียมตัวเดินออกจากโรงเตี๊ยม แต่ถูกเถ้าแก่เรียกรั้งไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวแม่นาง”

“มีอะไรหรือเถ้าแก่?”

“แม่นางต้องลงชื่อก่อน” เถ้าแก่ชูกระดาษสำหรับลงทะเบียนสมาคมจอมยุทธ์ชิงหมิงให้นางดู

“ขอบคุณเถ้าแก่ ข้าเกือบลืมไปเสียแล้ว”

นางจัดการหยิบพู่มาจุ่มหมึกก่อนจะจรดลงในกระดาษเพื่อกรอกข้อมูลทั้งหมด เมื่อเสร็จแล้วเถ้าแก่ก็ทำการมอบแผ่นกระดองเต่าวิเศษให้แก่นาง ก่อนที่นางจะเดินทางออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อมุ่งหน้าไปยังเหมือง




แบบฟอร์มลงทะเบียนจอมยุทธ์
ชื่อสกุล: หรง
ชื่อทางการ: ซิ่วอิง
ชื่อรอง: - 
ระดับจอมยุทธ์เริ่มต้นที่ลงทะเบียน(Level): 19


รับภารกิจจัดสรรแร่ให้กองทัพ
รับถ่านหินกับน้ำสะอาด 30 ชุดสำหรับหลอมแร่ ของสนับสนุนจากเถ้าแก่


@Admin 





แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 9304 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-9-4 15:11
โพสต์ 9,304 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-9-4 15:11
โพสต์ 9,304 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก คนกำยำ  โพสต์ 2024-9-4 15:11
โพสต์ 9,304 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2024-9-4 15:11
โพสต์ 9,304 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก ทวนยาว  โพสต์ 2024-9-4 15:11
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
ง้าวปีศาจปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x33
x1
x51
x44
x58
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x18
x148
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x172
x38
x2
x2
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x84
x4
x4
โพสต์ 2024-9-12 21:56:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2024-9-12 21:59






วันที่ 7 จิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่ 10 
เวลา 16.30 น.

“ในที่สุดก่อนทองแดงก็ครบเสียที!”

หลังจากทำการหลอมทองแดงจนได้ตามจำนวนที่ต้องการแล้วก็ถึงเวลาเดินทางไปส่งของที่โรงเตี๊ยมเสียที ซิ่วอิงมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมชิงหมิงใช้เวลาเดินทางอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะประจำการของเถ้าแก่เพื่อส่งมอบของที่เขาต้องการตามป้ายประกาศ

“ข้านำของที่ท่านต้องการมาส่งแล้ว”

“อ้าว แม่นางนี่เอง”

ซิ่วอิงวางถุงผ้าที่บรรจุก้อนทองแดงจำนวน 10 ลงบนโต๊ะของเถ้าแก่ พร้อมทั้งนับให้ดูบนโต๊ะทันที่เพื่อจะได้ไม่โดนกล่าวหาว่าโกงในภายหลัง

“ครบตามจำนวนนะเถ้าแก่”

“ครบแล้ว ขอบใจแม่นางมาก นี่รางวัลของเจ้า”

ซิ่วอิงถึงกับตาโตเมื่อได้เห็นรางวัล สิ่งที่ทำมาทั้งหมดหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หลังจากที่ตนหลังขดหลังแข็งขุดเหมืองในปราบปีศาจหนูไปมากมาย แม้จำนวนเงินที่ได้จะไม่ได้มากนัก แต่ก็มากพอที่จะต่อชีวิตไปได้อีกหลายวัน

“หากมีงานใดให้ข้าอีกอย่าลืมแจ้งข้าด้วย”

“ได้ ข้าจะเขียนประกาศไว้ที่กระดานเดิม ไม่ทราบว่าแม่นางต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่?”

“ท่านพอจะมีวัตถุดิบขายบ้างไหม ข้าต้องการอยู่สองสามอย่าง” นางถามออกไป

“มีสิ โรงเตี๊ยมของข้ามีเนื้อสัตว์ และเกลือเพิ่งได้รับมาสด ๆ แม่นางสนใจจะซื้ออะไรบ้าง”

“งั้นข้าขอเนื้อเป็ดอูยากับเนื้อกวาง อย่างละ 12 ชิ้น และเกลือ 10 ถุง”

“ได้ ข้าจะจัดการให้ ทั้งหมด 6,400 อีแปะ”

ซิ่วอิงยื่นถุงเงินตามจำนวนที่เถ้าแก่แจ้ง เขารับไปแล้วหายไปหลังร้านพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมสินค้าที่นางต้องการ ซิ่วอิงรับของทั้งหมดมา จากนั้นก็เดินทางออกจากโรงเตี๊ยมไป



หลักฐานการต่อสู้กับปีศาจหนู (ส่งแค่ 5 ลิงก์พอนะคะตามขั้นต่ำมันเยอะ)

จัดส่งก้อนทองแดง 10 ก้อนเรียบร้อย



ส่งเควสจัดสรรแร่ให้กองทัพ
รางวัล: +50 พลังใจ, 60 ตำลึงเงิน , +40 EXP / +50 คุณธรรม และ โค่วโร่ว 

เนื้อเป็ดอูยา 12x50 อีแปะ = 600 อีแปะ
เนื้อกวาง 12X50 อีแปะ = 600 อีแปะ
เกลือ 10x520 อีแปะ = 5,200 อีแปะ
รวมทั้งหมด 6,400 อีแปะ


@@Admin 





แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2024-9-12 23:16
คุณได้รับ 40 EXP โพสต์ 2024-9-12 23:16
คุณได้รับ +50 คุณธรรม โพสต์ 2024-9-12 23:16
โพสต์ 11218 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-9-12 21:56
โพสต์ 11,218 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-9-12 21:56

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงเงิน +60 ย่อ เหตุผล
Admin + 50 + 60

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
ง้าวปีศาจปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x33
x1
x51
x44
x58
x1
x21
x28
x15
x10
x30
x20
x6
x1
x18
x148
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x172
x38
x2
x2
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x84
x4
x4
โพสต์ 2024-9-18 20:32:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด



สุราดอกท้อ
วันที่ 24 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบเก้านาฬิกาสี่สิบแปดนาที


หลังจากใช้เวลาเดินทางมาจนทั่วทั้งแผ่นฟ้าถูกย้อมเป็นสีดำ ในที่สุดรถม้าแสนสมถะก็เคลื่อนตัวมาจนถึงเขตชานเมืองที่จะว่าเงียบสงบก็เงียบสงบ คึกคักก็คึกคัก มือขาวผ่องขยับเข้าเลิกชายผ้าม่านของหน้าต่างรถม้าขึ้นพลางกวาดสายตาสำรวจรอบด้านที่นานทีปีหนจะได้เห็นด้วยความสนใจโดยมีสายตาของต้าซือคงคอยจับจ้องอยู่อีกทอด “ ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นนอกเมือง แต่ที่จริงแล้วนอกเมืองฉางอันก็มิต่างอันใดไปจากในเมือง ” เสียงทุ้มของต้าซือคงช่วยกำกับความคิดของนงคราญให้คล้อยตามไปโดยไม่รู้ตัว

จริงอย่างที่เขาว่า โดยปกติแล้วนอกเมืองมักเปลี่ยวมืดร้างผู้คน แต่ดูแล้วคงไม่ใช่กับนอกเมืองฉางอัน บัดนี้เข้าสู่ยามค่ำแล้ว ใครจะไปนึกว่าด้านนอกรั้วเมืองที่ควรเงียบสงัดจะเต็มไปด้วยเสียงดังเซ็งเซ่ของนักเดินทางรวมไปถึงคนท้องที่ที่ออกมากู่ร้องนำเสนอสินค้า ไม่ก็บริการช่วยนำทาง “ ใช่ว่าจะเหมือนกันไปเสียหมด ท่านดูสิ ที่รอบนอกนี้ไม่มีสักคนที่คล้ายคนกำลังจะกลับบ้าน ทั้งหมดล้วนเหนื่อยล้า แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้อย่างเต็มที่ ”

ในขณะที่ต้าซือคงสนใจความคึกคักของผู้คน สิ่งที่พระชายาหยกมองกลับเป็นสภาพจิตใจของคนเหล่านั้น ทั้งสองล้วนเป็นผู้มีสายตาเฉียบแหลมในการมองคน ทว่ากลับเป็นการมองในคนละด้านโดยสิ้นเชิง เถียนเฟิงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความช่างสังเกตของหญิงงามผู้เป็นพระชายาอย่างถูกต้องของสหายตน ‘ นับว่าฝ่าบาทโชคดีที่มีสตรีเช่นนี้คอยอยู่ประคับประคอง ’

ไม่อ่อนแอเกินไปแต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนเป็นภัย

ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาแต่ก็ไม่ได้ฉลาดเหลือร้ายจนเกินควร

เหมาะมากกับการเป็นผู้นำฝ่ายใน.. นับว่าเจ้าห่าวหมิงนั่นตาดีนัก “ หากเป็นไปได้กระหม่อมก็อยากให้ท่านได้ชื่นชมความเป็นไปของนอกเมืองกว่านี้ทว่าเรามาถึงกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ” เถียนเฟิงรู้ว่าตนเองมาถึงโรงเตี๊ยมชิงหมิงตั้งแต่ก่อนที่รถม้าจะหยุดลงเสียด้วยซ้ำ นัยน์ตาของเขาสะท้อนกับแสงที่ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างคล้ายการเรืองวาบอย่างเจ้าเล่ห์ หากไม่ใช่ว่ารู้จักกันมาก่อน.. ไป๋หรั่นก็คงต้องทบทวนดูอีกทีแล้วว่าการร่วมทางมาด้วยนี้นับว่าถูกต้องจริงหรือไม่

หนึ่งในสามซานกงก้มศีรษะลงคล้ายว่าขออนุญาตซึ่งนางก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งหมดดำเนินไปอย่างเรียบง่ายตามพิธีการที่ควร ฝ่ายชายก้าวลงจากรถม้าก่อนเพื่อรอรับหญิงสาวที่จะเดินตามลงมาทีหลัง ต่างไปก็เพียงไม่มีมือที่ยื่นมาประคอง และก็ไม่มีมือที่ขยับหาการประคองด้วยเช่นกัน

“ นายหญิงไม่เคยมาที่โรงเตี๊ยมชิงหมิง เช่นนั้นให้เหวินซานจัดการดีหรือไม่ ” สรรพนามเปลี่ยนไปแต่คนตรงหน้าก็ยังเป็นเช่นเดิม สุภาพชนที่มีรอยยิ้มเบาบางประดับบนใบหน้าชวนให้คนเดินเข้าหา แต่ในขณะเดียวกันก็มีท่าทางไม่เอาใคร ไป๋หรั่นที่กลับมาสวมหมวกไผ่ผ้าคลุมต่อให้อย่างหัวเราะแต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับกับคำกล่าวของอีกฝ่ายพลางปล่อยให้ชายร่างสูงเดินนำเข้าไปด้านในโดยมีนางเดินตามหลังเขาไปอีกที

โรงเตี๊ยมชิงหมิงถึงไม่หรูหราโอ่อ่าเท่าโรงเตี๊ยมใหญ่ในเมืองแต่ก็งดงามในแบบเรียบ ๆ ที่ไม่อาจใช้คำว่า ง่าย มากำกับคู่ไปด้วยได้ ของประทับหรือที่ใช้สร้างโรงเตี๊ยมทั้งหมดล้วนถูกสั่งทำมาเป็นอย่างดี ในส่วนของเก่าก็จัดว่าเป็นของล้ำค่าราคาแพงชนิดที่หาได้จากโรงประมูลอันดับต้น ๆ เท่านั้น รสนิยมเรียบหรูแต่ผลาญทรัพย์เหล่านี้หากไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ก็คงไม่มีใครเอื้อมถึงแล้ว เนตรหงส์ชำเลืองมองแจกันลายโบตั๋นแปดกลีบที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณทางเข้าสลับกับฉากกั้นยวนยางเหินเวหาแสนแปลกตาที่ไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน

พระชายาหยกหันมองป้ายประกาศงานว่าจ้างที่สมัยนี้ถือเป็นของขาดไม่ได้ภายในโรงเตี๊ยมใหญ่ ๆ ดูเหมือนว่ายามนี้นอกเมืองจะไม่ค่อยสงบ ถึงได้มีประกาศขอความช่วยเหลือมากมายเกินขึ้นทั้งที่ชิงหมิงและชางลั่งถิง ในระหว่างที่กำลังชั่งใจว่าควรลงนามไว้สักหน่อยดีหรือไม่ เสียงทุ้มของชายที่มาด้วยกันก็เรียกให้หญิงสาวตื่นจากภวังค์เสียก่อน

“ นายหญิง ”

ฝั่งของเถียนเฟิงไม่เหมือนกับไป๋หรั่นที่สามารถมองหรือใช้ความคิดได้เรื่อยเปื่อย ทันทีที่สองเท้าก้าวเข้ามาด้านใน เขาก็ถูกเสี่ยวเอ้อร์คนสนิทของเถ้าแก่ปรี่เข้ามาประชิดตัวโดยทันที หลังจากชี้แจงถึงสาเหตุการมาเยือน ฝ่ายที่ทำงานอยู่ที่นี่ก็รีบผายมือเชิญแขกผู้มีเกียรติให้ตามไปยังห้องรับรองชั้นดี ดังนั้นเขาเลยได้หันกลับไปหมายจะเชิญสตรีของผู้เป็นนายขึ้นไปด้วยกัน แต่แทนที่จะได้เห็นการตอบสนองอย่างทันท่วงที เถียนเฟิงกลับพบว่าพระชายากำลังหันมองไปทางป้ายประกาศโดยไม่พูดไม่จา

“ ขออภัยด้วย เป็นครั้งแรกที่มาเลยไม่ทันได้ตั้งตัว นึกมิถึงเลยว่าโรงเตี๊ยมชิงหมิงจะงดงามได้ถึงเพียงนี้ ” เพราะไม่มีใครเห็นดวงหน้าที่หลบซ่อนอยู่ใต้ผ้าแพรขาวทำให้คำพูดเอาตัวรอดนี้สามารถใช้ได้ดีโดยไม่ติดขัด ฝั่งเสี่ยวเอ้อร์ที่นานทีปีหนจะมีสตรีมาพร้อมกับแขกประจำก็นึกอยากสร้างความประทับใจให้อีกฝ่าย เลยออกปากช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ “ ที่โถงกลางยังนับว่าน้อย เมื่อเทียบกับห้องที่ผู้น้อยกำลังจะพาทั้งสองท่านไปเยือน โดยปกติแล้วนับว่าเป็นเรื่องยากกว่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องรับรองนี้ ทว่าคุณชายเถียนที่มากับแม่นางถือเป็นคนสำคัญยิ่—- ”

“ ได้เตรียมสำรับไว้แล้วหรือยัง ” ไม่ใช่ทุกครั้งที่เถียนเฟิงมีอากัปกิริยาตอบสนองกับคำพูดของผู้อื่น ทว่าหนนี้อีกฝ่ายพูดเสียราวกับว่าตรงหน้านี้คือสตรีที่เขากำลังเกี้ยวพา แม้ว่าจะยังมีรอยยิ้มสุภาพบนใบหน้าแต่แววตาของยอดบัณฑิตกลับเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน เสี่ยวเอ้อร์เหล่านี้บางทีก็รู้สถานการณ์บางทีก็ไม่รู้ ดูแล้วหากเขานึกอยากเกี้ยวใครขึ้นมา โรงเตี๊ยมชิงหมิงอาจจะต้องเป็นตัวเลือกสุดท้าย หรือไม่ก็ตัวเลือกแรกแค่เฉพาะในบางสถานการณ์เสียแล้ว

เสียงหัวเราะน้อย ๆ ดังขึ้นจากทางพระชายาที่ปิดบังฐานันดร หากมีใครถามเข้าว่าเพราะอะไรถึงได้นึกอยากหัวเราะขึ้นมา ไป๋หรั่นก็คงยินดีบอกเล่าแบ่งปันสถานการณ์ที่น่าตลกนี้ให้ผู้อื่นทราบโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย “ เป็นเกียรตินัก ”

“ นายหญิง ” ต้าซือคงกล่าวเสียงอ่อน เสมอมาเขาชินชาอยู่กับการเป็นที่นิยมชมชอบ แต่กลับหาใช่ผู้ที่จะไปนิยมชมชอบใคร ฉะนั้นการถูกมองว่าเป็นอย่างนั้นค่อนข้างทำให้เขากระอักกระอ่วนอยู่บ้าง ทว่าสองคำนี้กลับเป็นตัวช่วยเฉลยฐานะที่ถูกต้องให้คนรอบกายได้ทราบ แม้แต่ต้าซือคงยังกล่าวขานว่า ‘ นายหญิง ’ หรือที่ยืนอยู่นั้นจะเป็นคนสูงศักดิ์ !?

“ อะแฮ่ม สำรับโดยคร่าวตอนนี้มีหมูผัดเปรี้ยวหวาน ไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ เต้าหูผัดเสฉวน ปีกไก่เหล้าแดง แล้วก็เป็ดตุ๋นเกาลัดขอรับ หากเท่านี้ยังไม่เพียงพอ คุณชายเถียนสามารถสั่งเพิ่มเติมได้ ” เสี่ยวเอ้อร์รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นสงวนวาจาก้มหน้างุด ๆ ไม่เงยมองใคร ดูแล้วน่าสงสารนักสำหรับชายไม่รู้ประสีประสา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีโดยการนำทางแขกทั้งสองมาจนถึงห้องรับรองพิเศษบนชั้นสามที่ไร้ผู้คน “ เถ้าแก่กำชับคนงานไว้ก่อนแล้วว่าท่านจะมา ฉะนั้นชั้นนี้คุณชายสามารถใช้พื้นที่ได้ตามต้องการ หากประสงค์สิ่งใดให้แจ้งแก่พวกผู้น้อย อ้อ.. ”

เสี่ยวเอ้อร์ช่างพูดคนนั้นเดินหายไปครู่หนึ่งในระหว่างที่แขกทั้งสองต่างก็ไม่ได้ยืนรั้งรอเขา เถียนเฟิงเชิญพระชายาเข้าไปด้านในอย่างสุภาพและนางก็ไม่มีเหตุให้ต้องปฏิเสธไมตรีของเขา ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกันโดยมีโต๊ะเตี้ยหนึ่งตัวคั่นกลาง ต่อมาเมื่อเสี่ยวเอ้อร์กลับมาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ในมือเขาก็คือถาดที่วางสุราไหหนึ่งเอาไว้

“ นี่คือสุราดอกท้อตำรับชิงหมิงที่เตรียมไว้ให้ขอรับ ”

ทุกอย่างเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว เสี่ยวเอ้อร์วางไหสุราลงบนโต๊ะก่อนจะเดินถดถอยหลังออกจากห้องรับรองไป

“ อย่างที่ข้าได้แจ้งแก่ท่านแต่แรก สุราชิงหมิงไหนี้ .. ถือเป็นการแสดงความยินดีต่อท่าน ”

ไป๋หรั่นปลดหมวกไผ่ผ้าคลุมออกช้า ๆ ในขณะที่เถียนเฟิงกำลังรินสุราลงจอก นงคราญหยกไม่คุ้นกับการได้รับการปฏิบัติโดยเพศตรงข้ามที่ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่อย่างไรเสียตอนนี้นางก็เป็นถึงพระชายาแล้ว หมวกผ้าแพรขาวถูกวางไว้ข้างกาย นางยื่นมือออกไปรับจอกสุรามาคลึงสำรวจ ไม่จำเป็นต้องยกจอกสุราจ่อปลายจมูกก็ยังได้กลิ่นหวานรัญจวน สำหรับผู้ที่ลิ้มลองรสชาติมาหลากหลายเช่นนางยังถึงกับลอบกลืนน้ำลายเมื่อคาดการณ์ถึงฤทธิ์เดชของมัน

“ ผู้หมักเมรัยออกมาสีใสหอมกระจายอย่างนี้ได้.. นับว่ามีความสามารถนัก ”

“ ข้าไม่ทราบมาก่อนเลยว่านายหญิงทรงสนใจในของพรรคนี้ด้วย? ” เถียนเฟิงปรายตามองท่าทางของผู้ชำนาญในการเสพศิลป์ที่หาได้เร่งรัดกระดกน้ำจัณฑ์ด้วยความตื่นเต้นเช่นคนทั่วไป แต่กลับเฝ้าพิจารณาดูกลิ่นสี ความใส และความเหลวผ่านการขยับมือน้อย ๆ เพื่อสร้างระลอกการหมุนวนภายในจอกที่รองรับของเหลวไว้ไม่น้อย

“ เกิดในตระกูลการค้า หัวข้อสำคัญในการเจรจาย่อมเป็นการรับรอง.. สุราดีนับเป็นหนึ่งในตัวชูโรง ฉะนั้นข้าจึงศึกษาไว้เพื่อใช้งานเพียงเท่านั้น ” ไป๋หรั่นไม่ใช่เมรีขี้เมาที่คลั่งไคล้หลงไหลในรสสุรา ตรงกันข้าม.. หลายครั้งนางใช้น้ำเมาเหล่านี้เสมือนยารักษาใจในบางโอกาส ตัวช่วยในการมีชีวิตรอดในบางคราว และเกราะป้องกันความอ่อนแอไม่แน่นอนในใจของตนเอง โฉมสะคราญในรอบหลายพันปีหรี่ตาลงในระหว่างที่ริมฝีปากเหยียดกว้างเป็นความงามจับใจชวนให้คนตะลึง “ ตัวข้าก็นับว่าคอแข็งอยู่ไม่น้อย ถึงกระนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะสุราไหนี้ได้ ”

ความถ่อมตนนี้คล้ายจะสะกิดใจให้คุณชายเถียนหัวเราะขึ้นมาได้ราว ๆ สองถึงสามลมหายใจ “ นับตั้งแต่ข้าเห็นสหายแจกจ่ายสุรานี้ ก็ยังไม่เคยพบผู้ใดต้านฤทธิ์ของมันได้เลย ” เป็นจริงอย่างที่เถียนเฟิงกล่าว สุราแห่งชิงหมิงไหนี้ได้รับการขนานนามอย่างลับ ๆ ว่า ‘ ประตูสวรรค์ ’ ที่เล่นงานผู้คนมามากมาย ครั้งหนึ่งที่มีงานรับรองส่วนตัวของเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเมื่อเบิกสุราดอกท้อนี้แจกจ่ายไปตามโต๊ะต่าง ๆ เถียนเฟิงก็ยังจำได้ดีว่าสภาพน่าเวทนาของผู้ที่เห็นภาพหลอนนั้นมีมากแค่ไหน

“ อาจจะฟังดูน่าหวั่น ทว่าครั้งหนึ่งในชีวิต สมควรมีโอกาสได้ลิ้มลองสุราดีเช่นนี้จริง ๆ ” เขาเองก็ยังเคยใช้มันไม่ต่างจากยารักษาใจ ภาพฝันไร้สาระเหล่านั้นบางครั้งก็ช่วยอาบชะโลมไม่ให้ตัวตนแห้งเหี่ยวจนเกินไป เถียนเฟิงพิศมองดูรอยยิ้มสะกดใจพร้อมด้วยท่าทางสบาย ๆ ที่แฝงไว้ซึ่งความถือตัว นับว่าเป็นสตรีที่ฉลาดแสดงออกนัก.. ฉลาดเสียจนนึกอิจฉาที่ดอกฟ้านี้ผ่านการจับจองอยู่ก่อนแล้ว “ สุดคืนนี้ ข้าจะให้รถม้าที่ไว้ใจได้ไปส่งนายหญิงถึงที่พัก ”

“ รบกวนต้าซือคงช่วยจัดการด้วย ” จอกสุรายกขึ้นจรดกลีบปาก นางจิบสุราหนึ่งคำเล็ก ๆ พอให้รับรสชาติ คนงามที่ไม่รีบร้อนกลืนน้ำเมาปล่อยให้ความหวานละมุนลิ้นแผ่กระจายทั่วโพรงปาก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความประหลาดใจ เป็นรสของสุราดอกท้อที่หวานกว่าปกติแต่ก็ค่อย ๆ จุดประกายความร้อนผาวในขณะที่ปล่อยให้มันไหลสู่ภายในผ่านลำคอ ในทีแรกนางยังไม่รีบร้อนตัดสินว่านี้แท้จริงแล้วเป็นของชั้นเลิศหรือก็แค่ดี.. ไป๋หรั่นลดจอกสุราลงเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้น “ ทางที่ดีส่งคนไปแจ้งให้เตรียมพร้อมไว้ด้วยก็ดี ”

“ ตามที่นายหญิงประสงค์ ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย ”

เรื่องที่นางไว้วานไม่ได้ยากเกินความสามารถ เถียนเฟิงพยักหน้ารับคำครั้งสองครั้ง ก่อนจะหันไปรินสุราไผ่เขียวอีกไหที่วางอยู่ไม่ไกลลงในจอกของตัวเอง ดวงตาเรียวของต้าซือคงเหลือบมองอากัปกิริยาของผู้ที่พึ่งจะจิบยอดสุราไปหมาด ๆ สลับกับไก่ขอทานที่พระชายากล่าวว่าทำมาเป็นของฝาก “ รู้สึกอย่างไรบ้างขอรับ? ”

“ หวานติดปลายลิ้น อมไว้แล้วไม่ฝาดอย่างสุราทั่วไป กลืนแล้วลื่นคอแต่เหมือนจะมีปลายรสเผ็ดร้อน โดยรวมแล้วจัดว่ารสชาติซับซ้อนนัก ” จะให้พูดภาษาชาวบ้านว่าเป็นหนึ่งในของอร่อยก็ได้ แต่สำหรับนางหากจะใช้คำว่ามันก็ไม่เชิง เพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่าไป๋หรั่นยกจอกสุราขึ้นจิบอีกครั้งในปริมาณที่มากกว่าครั้งแรก “ หากกล่าวว่าเป็นยอดสุราก็คงไม่มีใครกังขา ”

“ ฟังดูแล้วคล้ายสุราที่สหายของข้าเป็นผู้หมักจริง ๆ ” ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีจุดประสงค์มาเพื่อตรวจสอบรสสุราแต่การได้ฟังคำขยายความรสชาติในแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ชวนให้รู้สึกพอใจอยู่บ้าง “ แล้วนอกจากรสชาติ ยามนี้เริ่มเห็นบางสิ่งหรือยัง? ”

“ ก็เหมือนจะ.. ” ตั้งแต่หลังจิบแรก ไป๋หรั่นก็พอจะสัมผัสได้แล้วว่าที่ปลายหางตาเหมือนจะมีบางอย่างผิดไป หลังจากจิบที่สองทีแรกทุกอย่างก็เหมือนจะปกติดี จวบจนตลอดทั้งร่างร้อนผาวขึ้นมาอย่างที่อธิบายได้ยาก ปกติแล้วนางไม่ควรมีอาการตอบสนองต่อของมึนเมาไวเท่านี้ แต่ครั้งนี้มันกลับ..

เสียงเพลงไร้ที่มากับหมอกควันราวม่านเมฆ ไป๋หรั่นชะงักไปเมื่อสัมผัสได้ว่ารอบกายเกิดความเปลี่ยนแปลง แม้แต่ผนังที่วาดลวดลายเมฆาของห้องรับรองพิเศษยังเริ่มสลายกลายเป็นควันขาวก่อนจะถูกแทนที่ด้วยแผ่นฟ้ารัตติกาลที่ประดับประดาไปด้วยดาวมากมาย แม้แต่แสงสว่างจากโคมไฟยังดูคล้ายแสงดาวขนาดใหญ่กว่าดวงอื่น ๆ ที่กระจัดกระจายกันไปทั่วบริเวณ

“ ท่านเอาอะไรให้ข้าดื่มกันแน่ ”

คำถามนี้เป็นตัวบอกอย่างดีว่าพระชายากำลังตกอยู่ใต้ฤทธิ์น้ำจัณฑ์ ต้าซือคงที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะในลำคออีกครั้ง “ ก็เป็นแค่เพียงสุราไหหนึ่งเท่านั้นเอง ” เขาเคาะโต๊ะเบา ๆ ในระหว่างที่เหล่าเสี่ยวเอ้อร์กำลังยกสำรับเข้ามาจัดวางโดยที่สายตายังทอดลงกับร่างบางที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมานวดขมับทั้งสองข้าง ส่วนหนึ่งซ่อนโฉม ส่วนอีกนัย.. เอาเป็นว่าเขาก็พอจะเข้าใจ

“ ดื่มสุราตอนท้องว่างนับว่าไม่ดี ทานให้พอมีเรี่ยวแรงก่อนเถิด ”

อีกฝ่ายยังดูสำราญใจ ตรงข้ามกับไป๋หรั่นที่ปิดเปลือกตาลงซ่อนความหยาดเยิ้มที่แผ่กระจายโดยไม่รู้ตัว จนถึงตอนนี้นางยังคงได้ยินเสียงเพลงของเหล่านางอัปสรที่ลงมาบรรเลงให้เป็นการพิเศษ ไหนจะภาพสรวงสวรรค์ที่ซ้อนทับอยู่กับความเป็นจริง “ สมควรแล้วที่ท่านจะเลือกดื่มสุราไผ่เขียว ”

นางยังแบ่งสมาธิมาสังเกตเห็นอีกว่าเขาดื่มอะไร? เถียนเฟิงหลุบตาลงมองไหสุราไผ่เขียวข้างกายช้า ๆ ก่อนจะเคลื่อนสายตากลับไปยังคู่สนทนาดังเดิม “ ฉะนั้นนายหญิงย่อมสามารถสำราญกับสุราดอกท้อนั้นได้เต็มที่ ” ต้าซือคงพอจะเห็นอยู่ลาง ๆ ว่ามุมปากบางบนใบหน้างามนั้นยกขึ้นอย่างขบขัน

“ ต้าซือคงทุ่มเทมากจริง ๆ ”

ดวงตาเรียวเบิกขึ้นเล็กน้อย ถึงตอนนี้แล้วเขากลับถูกสตรีคนหนึ่งย้อนนำความเก่ากลับมาหยอกได้อย่างไม่ติดขัด องคมนตรีฝ่ายพลเรือนอย่างเถียนเฟิงยกยิ้มขึ้นตอบกลับความเป็นกันเองนี้โดยไม่นึกจะปฏิเสธ “ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงความยินดีต่อท่าน ”



หนึ่งเค่อผ่านมาหลังจากที่ไป๋หรั่นพอจะคีบอาหารหลายอย่างขึ้นมาทานให้มีแรงรับกับภาระทางสุราที่ผลาญสติจนแทบหมดในเวลาสั้น ๆ ในที่สุดสหายของต้าซือคงก็ได้เดินทางมาถึง เสียงประตูเลื่อนเปิดดังครืดคล้ายกับฟ้ายามส่งอัสนีผ่าลงมา นงคราญหยกคิดกับตัวเองอย่างขบขันว่าเมื่อหันไปมองก็คงไม่พ้นพบสายฟ้าสักเส้นพุ่งลงมา ซึ่งมันก็ดันเป็นจริง ที่ด้านหลังของชายหนุ่มในชุดสีรัตติกาลมีสายฟ้าสองสายฟาดลงไขว่กันส่องแสงสว่างวาบช่วยขับเน้น.. ควัน? ขมุกขมัวที่บังใบหน้าของเขาเอาไว้

ชายที่มาใหม่ปรายตามองอีกหนึ่งชีวิตในห้องรับรองก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย กิตติศัพท์ของสตรีงามมีอยู่มากมายแต่ผู้ที่งามแล้วสะกดสายตาได้ถึงเพียงนี้เกรงว่าจะมีอยู่ไม่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใบหน้าที่งามอย่างร้ายกาจนั้นค่อย ๆ หรี่ตาลงคล้ายพิจารณาก็เหมือนจะแฝงความเย้ายวนอยู่หลายส่วน

“ ขออภัยที่มาสาย ” ชายผู้มาใหม่กล่าวสั้น ๆ พลางหลุบสายตามองไหสุราที่วางแบ่งฝั่งกันอย่างเรียบร้อย หนึ่งคือสุราไผ่เขียว อีกหนึ่งคือสุราดอกท้อของเขา.. ชายชุดสีนิลเลิกคิ้วขึ้นภายใต้หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ แม้ว่ามันจะไม่ปกติที่ต้องปิดบังหน้าตามาพบสหายแต่ก่อนหน้านี้เขาก็ได้รับรายงานมาจากคนงานว่าเถียนเฟิงไม่ได้มาเพียงลำพัง ฉะนั้นเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน เขาจึงตัดสินใจมาพบในแบบที่ลึกลับขึ้นหน่อยแต่ก็ไม่นึกว่าคนที่มากับอีกฝ่ายจะเป็นสาวงามชนิดหาตัวจับได้ยาก

“ สหาย นางคือพี่สะใภ้เจ้า ” เถียนเฟิงแนะนำหญิงสูงศักดิ์ให้สหายของตนได้ทราบถึงฐานะ ก่อนจะขยับปากพูดบางอย่างเสียงเบาที่พอจะให้สหายของตนเองรับรู้ได้ก็เท่านั้น แต่เมื่อถึงคราวต้องแนะนำสหายของตนให้พระชายาได้ทราบ เขากลับเงียบไปเล็กน้อย “ นายหญิง สหายของกระหม่อมผู้นี้คือ.. ”

“ เถ้าแก่ ข้าเป็นเถ้าแก่แห่งโรงเตี๊ยมชิงหมิง ” ในเมื่อเปิดเผยฐานะกันให้พอทราบแล้ว เถ้าแก่โรงเตี๊ยมทรุดกายลงนั่งบริเวณหัวโต๊ะเพื่อไม่ให้เสียมารยาท สองตาของเขาชำเลืองมองผู้มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของตนอีกครั้งก่อนจะเริ่มทำความเข้าใจขึ้นมาได้แล้วว่าเหตุใดปัญหาทั้งหลายถึงได้ซัดสาดเข้าใส่นามของพระชายาเพียงหนึ่งในเวลานี้ “ โดยปกติแล้วข้าไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องครอบครัว หนนี้ถือว่าเป็นเกียรตินักที่ได้พบพี่สะใภ้ เชิญทานกินดื่มตามสบาย ถือเสียว่าเป็นการรับรองที่น้องสามีอย่างข้าไม่เคยแวะไปร่วมแสดงความยินดี ”

จนถึงตอนนี้ไป๋หรั่นก็ยังไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย นางเพ่งแล้วเพ่งอีกเผื่อว่าจะสามารถมองผ่านหมอกควันนั้นได้ แต่ดูแล้วก็คงจะไร้หวัง นงคราญหยกผ่อนลมหายใจออกผ่านริมฝีปากอย่างเชื่องช้าพลางยกสุราขึ้นจิบอีกครั้ง ในเมื่อภาพหลอนก็หลอนมาแล้ว.. กินดื่มไปให้พอใจเสียก็แล้วกัน “ ข้ามีเวลามาก ส่วนท่านก็มีภาระหน้าที่ของเถ้าแก่ การแสดงความยินดีที่ยุ่งยากนั้นบางครั้งลดลงบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไร ”

พี่สะใภ้และน้องสามีดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี เถียนเฟิงลอบสบมองร่างของทั้งสองแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ในตอนที่ยกจอกสุราไผ่เขียวขึ้นจิบ “ พี่สะใภ้ใจกว้างนัก ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมชิงหมิงตอบกลับเป็นหนสุดท้ายก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระดานหมากขึ้นมาวางบนโต๊ะแยกที่ตั้งคั่นระหว่างที่นั่งของเถียนเฟิง และที่นั่งของตนเอง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนพี่สะใภ้ที่บัดนี้เหมือนจะยังมีคีบสำรับบางส่วนขึ้นมาทานด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเปี่ยมมารยาท

โดยไม่รู้ว่าการกระทำของเขาในสายตาของนงคราญนั้นน่าสะพรึงถึงขนาดไหน

นางพึ่งเห็นคนแปลกหน้าเสกกระดานหมากออกมา ? เนตรหงส์ของไป๋หรั่นทอประกายอ่อนล้า นางตะลึงในภาพเพ้อฝันนี้จนหมดแรงที่จะตกอกตกใจแล้ว สาวงามก้มหน้าลงคีบเห็ดตุ๋นขึ้นมาทานสลับกับสุราในจอกอย่างเชื่องช้า ดูแล้วคล้ายคนที่ใช้เวลาผ่อนคลายเพียงลำพังโดยไม่ได้นึกสนใจผู้ใดนัก

“ ในเมื่อมีคนมาเป็นพยานอย่างนี้ เจ้าคิดอยากชนะข้าเพื่อรักษาหน้าหรือไม่ ”

“ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลย ระหว่างเราต้องมาพูดเรื่องหน้าตาอะไรกันอีก ”

เสียงหัวเราะหึในลำคอดังขึ้นมาจากชายที่เป็นเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมหรือก็คือผู้ที่กล่าวว่าเป็นน้องสามีของสาวงาม “ ครั้งนี้เจ้าคงชนะแน่ ” เขาพูดอย่างไม่ยีหระ เช่นเดียวกับเถียนเฟิงที่เหมือนจะประหลาดใจในวาจานี้แต่ก็ไม่ได้นึกใส่ใจกับมันมากมาย เพราะหากใส่ใจ.. เขาก็คงไม่พูดขึ้นมาว่า “ ดูเหมือนเจ้าจะถูกนายหญิงทำให้สับสนแล้ว ”

“ ข้านั่งอยู่อย่างนี้ไม่ดีหรือ? ”

“ ไม่ใช่ ” สองเสียงดังขึ้น หนึ่งทุ้มเข้ม หนึ่งเรียบง่ายแต่สุภาพ และนอกจากถ้อยคำที่เหมือนกันแล้วยังมีการขยับใบหน้าหันมามองในช่วงเวลาใกล้ ๆ กันที่ทำให้น่าขบขันในสายตาของผู้เฝ้าคอย มือขาวที่คลึงขอบจอกสุรานิ่งไปเล็กน้อย ผิดกับริมฝีปากที่แย้มยิ้มจนสองชายชาตรีต้องเบี่ยงสายตาหลบหลีก

“ เช่นนั้นก็อย่าสนใจข้านักเลย ” นงคราญรินสุราไผ่เขียวลงจอกให้กับทั้งสอง ก่อนจะกระเถิบกายถอยออกมานั่งมองสองอัจฉริยะที่ประชันหน้ากัน ทั้งคู่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก แต่ก็เริ่มขยับมือไปหยิบหมากคนละสีขึ้นมา ครั้งนี้เถ้าแก่ถือหมากขาว ส่วนเถียนเฟิงครองหมากดำ ชวนให้รู้สึกขัดตาเมื่อดูเอาจากการแต่งกายของพวกเขา

“ เชิญลงหมาก ” เสียงทุ้มเข้มลอดออกมาจากปากของต้าซือคงผู้ครองหมากดำหลังจากที่เขาได้ทำการวางหมากเม็ดหนึ่งลงบนกระดานด้วยท่าทางไม่เร่งร้อน เช่นเดียวกับคู่ต่อกรที่ก็ไม่ได้เร่งเร้า แต่ความสงบอย่างนี้จะดำเนินไปได้นานสักเท่าไหร่กันเชียว .. ?

หลังจากผ่านมาได้หลายกระบวน เถียนเฟิงหลุบตาลงมองกระดานหมากที่บัดนี้มีเม็ดดำและขาววางเรียงรายดูแล้วคล้ายกองทัพที่เตรียมประจันหน้า “ โจมตีเฉียบคมแล้วอย่างไร ลูกไม้นี้ของเจ้า ข้าเตรียมการรับมือมาก่อนแล้ว ” หมากดำในมือเขาถูกวางลงที่บริเวณตรงข้ามกับที่เถ้าแก่หลิวพึ่งจะวาง

การเดินหมากดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเพราะต่างคนต่างก็ต้องใช้ความคิด ส่วนผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวที่ไร้คำพูดคำจามาพักใหญ่ ๆ ก็ทำแค่หลุบตาลงมองกระดานด้วยความสนใจ เพราะตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบที่นางเห็นว่าหมากบนกระดานเหล่านั้นเหมือนมีแขนมีขา ลอยไปมาย้ายที่ พลิกฝั่งกันได้ด้วยตัวของมันเอง ‘ สุรานี้ราวกับทำให้ข้าเสียสติมากขึ้นทุกที ทุกที.. ’ มือเล็กยกขึ้นบีบคลึงช่วงสันจมูกของตัวเองน้อย ๆ ในระหว่างที่เปิดประสาทการรับรู้ให้คอยฟังบทสนทนาที่เดี๋ยวมาเดี๋ยวเงียบของยอดฝีมือทั้งสอง

“ เจ้าวางแผนมากี่ชั้นแล้วล่ะ ”

“ ก็มากอยู่ ”

เมื่อพูดจบ เถียนเฟิงวางหมากดำลงบนกระดานอีกครั้ง เกิดเป็นค่ายกลโจมตีฉบับผูกมัดที่ทำให้ทั้งผู้ชมและผู้ต้านทัพถึงกับขมวดคิ้ว ทุกคนอาจจะสามารถคิดแผนการปิดล้อมขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายที่จะทำสำเร็จ จากคนที่คิดจะเร่งระดับเวลาการลงหมากให้ไวขึ้น บัดนี้เถ้าแก่หลิวกลับต้องถอยมาตั้งหลักพิจารณาดูภาพรวมอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

เสียงวางหมากดังขึ้นสลับไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเมื่อมาถึงขณะหนึ่ง.. ดวงตาของผู้ชมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ต่อให้ร่างกายจะตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์น้ำจัณฑ์แต่ไหวพริบชาญฉลาดของนางกลับไม่ได้หายไปตามสติสัมปะชัญญะ ด้วยเหตุนี้เองนางจึงสังเกตเห็นส่วนหนึ่ง ส่วนผิดพลาดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นมาได้ด้วยความไม่ตั้งใจภายในหมากของเถียนเฟิง ที่เผอิญว่าเถ้าแก่หลิวก็รอคอยโอกาสนี้มานาน โดยเฉพาะเมื่อยิ่งพบว่ามีคนที่สังเกตเห็นจุดนี้เช่นกันกับตน

“ ข้าเองก็วางแผนเช่นกัน ”

ทันทีที่หมากขาวเม็ดนี้วางลงบนกระดาน แผนการสลับซับซ้อนที่ปลุกปั้นมาอย่างดีของต้าซือคงก็พังทลายลงในชั่วพริบตา เถียนเฟิงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเคลื่อนสายตาเฉียบคมของตัวเองขึ้นสบมองสหายภายใต้ม่านดำ “ เจ้าหลอกข้าอีกแล้ว ”

ถึงจะถูกกล่าวหา แต่เถ้าแก่หลิวเพียงแค่ยิ้มรับอย่างเชื่องช้า “ หมากที่ดีคือหมากที่ทำให้อีกฝ่ายนึกไปว่าตนมีชัย.. จนไม่ทันได้ตรองดูว่าที่จริงเขาได้พ่ายแพ้มานานแล้ว ” สายลมพัดพรอมแสงจันทร์ที่อาบไล้ลงบนเงานิลกาฬดูเงียบงันน่าเกรงขาม ชั่วขณะที่ทุกสรรพสิ่งล้วนพร้อมใจกันเงียบเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของสายเลือดสูงส่ง ผู้ที่นับว่าเป็นแค่ปุถุชนทั้งสองกลับคิดตรงกันโดยทันที

‘ เกิดเป็นคนแซ่หลิวล้วนร้อยเล่ห์แยบยล ’



“ พี่สะใภ้เหตุใดไม่อยู่พักที่ชิงหมิงสักคืนก่อน? ”

ในระหว่างที่ร่างบางได้รับการประคับประคองโดยคนงานหญิงให้เดินไปตามโถงทางเดินชั้นล่างเพื่อมุ่งหน้าไปยังรถม้าทว่าถัดไปข้างหลังไม่ถึงหนึ่งก้าวก็ยังมีสองร่างของชายสูงโปร่ง ที่คนหนึ่งสวมหมวกไผ่ผ้าคลุมดำบังหน้าตาเอาไว้ ส่วนอีกคนดูเปิดเผยจริงใจกว่ามาก “ ท่านก็รู้ดีว่ากฏระเบียบในบ้านนั้นเยอะแยะนัก ”

“ ท่านเป็นที่โปรดปรานเพียงนั้น เรื่องนี้อาจไม่เป็นปัญหา ”

“ ตราบใดที่เป็นแค่อาจอย่างไรก็ไม่สามารถชะล้าใจ ”

ถึงจะดูใช้ชีวิตอย่างอิสระแต่ก็ระมัดระวังในทุก ๆ ฝีก้าวจนเรียกได้ว่าน่าชื่นชม เหมาะสมแล้วที่นางจะสามารถอยู่รอดในวังหลวงได้.. เถ้าแก่หลิวดึงสายตากลับมาสบกับสหายข้างกายเล็กน้อย ทั้งสองคบหาฉันมิตรสหายมาตลอดหลายปี ความคิดความอ่านหลาย ๆ อย่างก็คล้ายกัน ฉะนั้นแล้วความรู้สึกที่มีต่อสตรีที่นำอยู่ด้านหน้านี้ เกรงว่าก็คงไม่ได้ต่างไปจากกันและกันเท่าใดนัก รอจนกระทั่งสามารถส่งโฉมสะคราญขึ้นไปนั่งบนรถม้าได้ เถ้าแก่หลิวที่เคลื่อนมายืนอยู่ด้านข้างตัวรถเคาะขอบหน้าต่างเบา ๆ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้คนข้างในเลิกม่านขึ้น

“ สุราดอกท้อไหนี้พี่สะใภ้ดื่มไปแล้วแต่ยังไม่ทันได้หมด เช่นนั้นก็พกกลับไปด้วยเถิด ”

อย่างไรเขาและนางก็พอจะถูกคอกันอยู่บ้าง หลังจากศึกหมากล้อมที่ตึงเครียดวุ่นวาย เถ้าแก่หลิวมีโอกาสได้เชิญพระชายาผู้เป็นพี่สะใภ้ของตนมาร่วมเดินหมากสนทนาไปพลาง ๆ ซึ่งนางก็นับได้ดีถึงจะไม่เชี่ยวชาญแผนการเช่นสหายเถียนของเขา หรือเด็ดขาดแข็งแกร่งจนน่าสะพรึงเช่นพี่ชายแต่ก็จัดได้ว่ามีลวดลายการคิดวิเคราะห์ที่ไม่ธรรมดาทั้งที่ตกอยู่ในฤทธิ์น้ำจัณฑ์ ไม่แปลกหากหลิวเช่อจะนึกสนใจในหญิงสาวที่ทั้งงามและไม่มีส่วนไหนขัดตาให้รู้สึกรำคาญใจ

“ สุรานี้เถ้าแก่หมักได้ดีนัก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาข้ายังไม่เคยพบสุราใดฤทธิ์รุนแรงเท่านี้มาก่อน ” ไป๋หรั่นยื่นมือออกมารับไหสุราดอกท้อที่ถูกยื่นมาให้และนำมันมาวางบนตักอย่างถนอมในขณะที่ฟังถ้อยคำของเถ้าแก่หลิวไปพลาง ๆ “ ก็แค่อาศัยประสบการณ์ตลอดหลายปีในการท่องยุทธจักรมาเป็นแรงบันดาลใจ ”

“ อาศัยประสบการณ์ตลอดหลายปีในการท่องยุทธจักรมาเป็นแรงบันดาลใจ.. ”

ทีแรกเขายังประหลาดใจว่าเหตุใดน้ำเสียงที่ทวนคำของเขาถึงได้ดูเศร้าสร้อยนัก ในวินาทีที่ลมราตรีพัดจนชายแพรขาวของหมวกไผ่ผ้าคลุมบนหน้าของนวลนางเลิกขึ้นเผยเสี้ยวหนึ่งของใบหน้าคนงาม เผยเป็นรอยยิ้มขมขื่นที่มาพร้อมกับเสียงแว่วแผ่วเบาว่า “ ช่างโชคดีนัก ” ที่ลอยออกมาและปลิดปลิวหายไปตามสายลมทันทีที่ม่านลดลง และรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว

ทั้งรถและคนเคลื่อนผ่านไปแล้ว แต่คนที่ยังหยุดยืนนิ่งอย่างเถ้าแก่หลิวกลับเงยหน้าขึ้นมองฟ้าพลางหัวเราะเสียงเบาในลำคอ ดูท่าเขาคงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าในสักวันหนึ่ง เขาก็หวังว่าตนเองจะมีโอกาสได้พบพี่สะใภ้ในแบบที่ต่างออกไปจากครั้งนี้

“ หวังว่าท่านจะเป็นคนที่คู่ควรแก่การคาดหวังนี้.. พี่สะใภ้ ”



[NPC-08] เถียน เฟิง
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง และ +15 สุราเกรดทอง
+5 ความสัมพันธ์อาหารประเภทอาหารปรุง
+15 โบนัสความสัมพันธ์จากพรสวรรค์เทพธิดาดอกท้อ






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2024-9-18 20:50
หากเสนอชื่อ สุราเซียนเมามาย เป็นไอเท็ม จะได้รับสุราจริง ๆ เข้าตัว----  โพสต์ 2024-9-18 20:50
โพสต์ 71001 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2024-9-18 20:32
โพสต์ 71,001 ไบต์และได้รับ +20 EXP +50 คุณธรรม +50 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2024-9-18 20:32
โพสต์ 71,001 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-9-18 20:32
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x7
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2025-7-10 15:29:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-7-10 18:49


荷香万里夏
กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้

วันที่สอง ลิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ต้นยามเซิน ( 15.00 น. )


   หลังจากออกจากถ้ำแล้ว ทั้งสองก็ตะกายขึ้นจากพื้นที่ริมแม่น้ำเว่ยเพื่อขึ้นมายังฝั่งฟากแห่งนอกเมืองฉางอัน เดชะบุญนักที่ปลายทางของถ้ำที่เจอะเจอไม่ได้ออกไปไกลมากกว่าที่คิดนัก เช่นนั้นแล้วการเดินทางกลับเข้ามาภายในฉางอันถือว่าไม่ยาก ทว่าสิ่งที่ต้องคำนึงมากกว่านั้นคือการที่พระสนมหายตัวไปร่วมแปดราตรีปรากฎกายพร้อมกับผู้เป็นหวางเย่ในอาภรณ์เช่นนี้จะเกิดสิ่งใดได้บ้าง เพื่อเตรียมกาลให้พรักพร้อมนางจึงบอกให้เฮยเฉวียนวิ่งไปส่งข่าวแก่จ้าวหนิงเฟยให้นางได้หายกังวลและเตรียมพร้อมสำหรับการดูแลนางต่อจากนี้

   ครั้นเมื่อใกล้เขตรอบเมืองฉางอันแล้วหลิวชุ่นบอกให้เว่ยเจียเหลียนฮซารั้งรอนอกกำแพงเมืองเพียงครู่ก่อนที่เขาจะหายไปร่วมราว ๆ หนึ่งก้านธูปโดยกลับมาพร้อมกับหมวกไผ่ผ้าไหมคลุมยาวสำหรับสตรีเช่นนาง มือหนาบรรจงสวมให้สตรีในดวงใจอย่างเบามือ ในยามนี้ที่ต้องการถนอมนางไว้ให้มากที่สุด เขาจึงต้องตริตรองให้มาก แม้ใจอยากจะโอ้อวดผู้คนที่งหลายว่าสตรีนางนี้เป็นของเขา

   แต่ฐานะตอนนี้ไม่อาจทำเช่นนั้นได้

   หนึ่งคือสตรีของโอรสสวรรค์ อีกหนึ่งคือพระอนุชาของโอรสสวรรค์

   “เจ้าใส่เอาไว้ก่อนเถิด”

   “แล้วท่านเล่า เดินกับสตรีเช่นนี้ไม่กลัวตกเป็นที่ติฉินนินทาหรือ”

   “สตรีที่เคียงข้ายามนี้เป็นเจ้า ต่อให้มีข้าเพียงผู้เดียงที่รู้ก็เพียงพอแล้ว” วจีนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างหาฟังได้ยาก “เจ้าต่างหาก แม้ที่แห่งนี้ยังเป็นนอกเมืองก็เถิด แต่เจ้ายังคงเป็นสตรีชั้นสูงที่เราต่างรู้ดี หากผู้ใดแลเห็นเจ้าขึ้นมาคงไม่พ้นถูกข้อครหาโทษฐานผิดประเวณี หักหลังผู้ปกครองแผ่นดิน ข้าอยากให้เจ้าปลอดภัยมากที่สุด”

   ร่างเล็กได้แต่พยักหน้าอย่างแผ่วเบา สตรีผู้เป็นยอดบัณฑิตแห่งยุคมีหรือจะไม่ทราบข้อกฎหมาย นางรู้ดีว่าหากความสัมพันธ์นี้ถูกผู้ใดล่วงรู้ย่อมไม่พ้นการประหัดประหารสิ้นชีวัน— แน่นอนว่าเขาเองย่อมต้องถูกกอดยศและปลิดชีพเช่นกัน หากต้องเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนี้แล้วชั่วขณะที่ดวงตาสองคู่สบกันนางอยากไถ่ถาม

   จะเป็นเช่นไรหากทิ้งโลกทั้งใบแล้วท่องไปในโลกกว้างนี้ หากสถานที่ที่ไม่อาจมีผู้ใดพบเห็น สถานที่ที่มีเพียงเราสองเช่นใต้ผาที่เพิ่งออกมา

   ทว่า…ใจบุรุษผู้รักแผ่นดินเกิด ใต้หล้าและภักดีต่อโอรสสววรค์ใยนางจะไม่ล่วงรู้ ร่างกายที่ถวายให้เงาบัลลังก์อันทอดยาวสุดสายตา คำตอบเดียวที่นางคงจะได้ยลยินคงมีเพียงคำปฏิเสธจากเขา…ผู้เป็นสุนัขรับใช้โอรสสวรรค์

   เช่นนั้นใยนางจะเอ่ยถามสิ่งใดให้เขาต้องลำบากใจได้ สิ่งที่เว่ยเจียเหลียนฮวาสมควรกระทำคือพยักหน้าเบา ๆ เล็กน้อยและวางความดื้อรั้นลงสักหน่อยให้เขาสบายใจ หลิวชุ่นที่แลเห็นเช่นนี้ก็วางใจลงได้บ้าง จริง ๆ เพราะเป็นสตรีตรงหน้าต่อให้นางฉลาดเป็นกรด มีวิธีร้อยแปดเพื่อให้พวกเขาไม่ต้องลำบาก ทว่าเพราะเป็นนางเช่นกัน เขาถึงอยากถนอมและให้นางได้วางใจพึ่งพิง

   บัดนี้ทั้งสองเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมชิงหมิงเพื่อพักเท้าลงเสียก่อน หน้าที่การจัดการเรื่องราวทั้งหลายต่างถูกยกไว้ให้เป็นหน้าที่ของหลิวชุ่น หากนางเอ่ยแม้เพียงครึ่งคำคงลำบากมากกว่านี้เป็นแน่ ร่างเล็กรั้งรอไม่นานให้อำนาจเงินตราได้จัดการเรื่องราวของมันไป สุดท้ายแล้วด้วยระยะเวลาเพียงครึ่งก้านธูปที่ประทับของเธอที่เคยอยู่ล่างโรงเตี๊ยมก็ได้นั่งลง ณ เก้าอี้ของห้องพักชั้นเลิศประจำโรงเตี๊ยมชิงหมิง

   ทั้งหรูหรา ทั้งเป็นส่วนตัว

   อำนาจเงินตราของราชวงศ์มันหอมนัก

   “เห็นทีข้าคงต้องรั้งที่แห่งนี้ก่อน หากเข้าฉางอันไปรังแต่ศัตรูจะตื่นตัว” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายมาหานาง “คงต้องวานเจ้าเป็นธุระ…นำสิ่งให้ไปให้ฝ่าบาทแล้ว”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาพ่วงด้วยฐานะพระสนมนั้นรับจดหมายมาเก็บไว้ นางเข้าใจว่ายามนี้ผู้ที่เชื่อใจได้นอกจากเราสองก็คงจะเป็นฝ่าบาทที่เขาถวายความภักดีเช่นข้าราชบริพารคนสำคัญของราชวงศ์

   “เพื่อความปลอดภัยของเจ้า นับต่อจากนี้ข้าจะไม่ส่งจดหมายลายมือใดของข้าถึงเจ้าแม้เพียงขีดเดียว” ผู้เป็นหวงเย่ค่อย ๆ ย่อกายลงเพื่อให้ดวงตาทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน “แม้ว่าจะต้องทนคิดถึงเสียหน่อย แต่หากจบเรื่องนี้แล้วข้าจะชดเชยช่วงเวลาที่ต้องถอยห่าง”

   “แล้วถ้าเช่นนั้น…ข้า—มาหาท่านได้หรือไม่”

   ครั้นวจีหวานที่ถูกเอ่ยออกมาจากริผฝีปากเล็กด้วยคำถามที่แสนน่ารักน่าชัง ใบหน้างามของบุรุษสกุลหลิวพลันประดับด้วยรอยยิ้ม เพราะคำถามนี้มันไม่ได้หมายความถึงนางคิดถึงเขาจนทนไม่ไหวปีนหน้าต่างตำหนักออกมาหาเขาหรอกหรือ ?

   “เพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้าไม่ควรบอกว่าได้— แต่หากว่า ณ ตอนนั้นเจ้าต้องการ โปรดระวังตัวให้ดี เสี่ยวเหลียนฮวาของข้า” ไม่ปิดกั้น ไปปฏิเสธ เพราะเขาเองก็ต้องการพบใบหน้าของนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน “แต่สตรีจะมาหาบุรุษได้อย่างไร หากทำได้…บางคราข้าจักเป็นผู้ไปหาเจ้าเอง”

   “สัญญาได้หรือไม่เจ้าคะ ?” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วก้อยน้อย ๆ ออกมา

   “ข้าสัญญา”

   ชั่วขณะนั้นที่มือแกร่งถูกยกขึ้นมาเกี่ยวก้อยนางเพื่อทำสัญญาใจ มืออีกข้างของเขาพลันยกม่านผ้าหมวกไผ่ขึ้น ก้มใบหน้างดงามของเขาเพื่อประทับจุมพิตอันเป็นสัญญาที่เขามอบให้อย่างแท้จริง

   ในช่วงเวลาที่คำสัญญาได้ถูกประทับ มือแกร่งค่อย ๆ เปลี่ยนจากการเกี่ยวก้อยมาเป็นการสอดประสานกอบกุมมือเล็กและนิ้วทั้งห้า อีกมือปัดผ้าคลุมขึ้นบนหมวกไผ่แล้วเลื่อนมากระชับท้ายทอยเล็กระวังไม่ให้นางเผลอเอนกายโขกเข้ากับพนักพิงเก้าอี้ไม้แข็ง การจุมพิตแห่งคำสัญญาแสนอ้อยอิ่งได้ดูดกลืนวันเวลาออกไปจนสิ้น รู้ตัวอีกทีที่ลมหายใจของร่างเล็กค่อย ๆ ขาดห้วง เขาค่อย ๆ ผละออกเพื่อโอบกอดนางไว้ วางหน้าผากพิงไหล่บางด้วยความอดกลั้น

   “ดูเหมือนว่าเจ้าต้องรีบออกไปก่อนที่ข้าจะกลืนเจ้าทั้งตัวแล้ว”

   วจีทุ้มเอ่ยจบร่างสูงก็ค่อย ๆ ผละกายถอยห่าง ครั้นดวงตาคมสบเข้ากับใบหน้าหวานประดับสีชาดระบายทั่วแก้มใสไล่ไปที่หูและลำคอพลันก่อเกิดความรู้สึกเล็ก ๆ ในดวงใจจนยากจะต่อต้าน เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่ถูกแทะโลมอย่างไม่อาจตั้งรับได้ทันท่วงทีก็เร่งดึงผ้าคลุมลงจากหมวก ตบเท้าก้าวหนีออกไปจากที่แห่งนี้เสียโดยมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ปกครองห้องพักไล่หลังมา

   ร้ายกาจ

   ร้ายกาจเกินทน








@Admin




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 18352 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-10 15:29
โพสต์ 18,352 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-10 15:29
โพสต์ 18,352 ไบต์และได้รับ +10 EXP +2 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-10 15:29
โพสต์ 18,352 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-7-10 15:29
โพสต์ 18,352 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-7-10 15:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-7-12 19:17:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด

荷香万里夏
กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้

วันที่สี่ ลิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ต้นยามอู่ ( 11.00 น. )


   จากศาลเจ้าในเมืองฉางอันสู่โรงเตี๊ยมนอกเมือง

   เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้เปลี่ยนจากคราบของพระสนมสูงศักดิ์เหลืองเพียงการแต่งกายเช่นคุณหนูในห้องหอหนีออกจากเรือน นางจ่ายค่ารถม้าให้มาส่ง ณ โรงเตี๊ยมชิงหมิงเพื่อที่จะมาพบบุรุษผู้หนึ่งที่นางปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่นางรับงานนี้เป็นเพราะว่าจะได้พบหน้าเขาอยู่เจ็ดส่วนเทียว

   มือเล็กยื่นค่าเดินทางให้สารถีขับรถม้าก่อนจก้าวเดินเข้าไปยังโรงเตี๊ยมนอกเมืองแห่งนี้ ดวงตากลมดั่งเล็ดซิ่งกวาดสายตาเพื่อหาบุรุษผู้เป็นเป้าหมายก่อนจะพบเข้ากับร่างสูงคุ้นตาแม้ว่าเขาจะสวมผ้าคลุมหมวกไผ่สีทมิฬก็ตาม เมื่อพบเป้าหมายก็ได้เวลาตรงเข้าหา มือเล็กเดินตรงไปหาเขาด้วยท่าทางนิ่งเฉยราวกับว่าแค่เดินผ่านมาและผ่านไปเพียงเท่านั้น ทว่าสิ่งที่ก่อเกิดกระแสเปลี่ยนแปลงในห้วงอารมณ์เห็นทีจะเป็นมือแกร่งที่จับข้อมือเล็กยื้อไว้เบา ๆ

   ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง เดินจูงมือนางขึ้นไปยังชั้นบนของโรงเตี๊ยมชิงหมิง ห้องพักที่หรูหราที่สุดอันถูกเขาเหมาเช่าในราคาร่วมสองสัปดาห์เรียบร้อยแล้ว ครั้นเมื่อประตูห้องปิดกั้น มือเล็กที่ว่างปลดเชือกมัดใต้คางดึงหมวกออก เขาที่ปลดหมวดเช่นกันถือวาสาสะอุ้มนางขึ้นมาวางบนเตียงนุ่ม แม้ถนอมหญิงสาวอยู่แปดส่วน แต่เส้นเลือดที่คอแกร่งนั้นได้บอกเธอว่าสองส่วนที่เผลอไผลออกมานั้นเขากำลังอดกลั้นสุดความสามารถ

   “ข้าได้ยินอะไรบางอย่าง” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยออกมาโดยพยามเ็บความรู้สึกรุนแรงในใจเอาไว้ “ฝ่าบาทเรียกเจ้าเมื่อคืนนี้หรือ”

   ดวงตากลมฉายความงุนงงในชั่วครูแรกก่อนจะเบิกขึ้นกว้างด้วยความแปลกใจนักว่าข่าวแบบนี้ไยมันถึงลอยมาเข้าหูบุรุษนอกเมืองได้รวดเร็วปานนี้ ทำเอาดวงใจหญิงสาวเต้นไม่เป็นส่ำ หวนนึกเปรียบเทียบกาลก่อนที่เขาเคยแสดงปฏิกิริยายินดีกับนางเมื่อฝ่าบาทเข้านอนด้วยครั้งแรก กับปฏิกิริยาเขาในตอนนี้ที่ได้ยินว่าฝ่าบาทเรียกเข้าปรนนิบัติ ณ ตำหนักเว่ยหยางยามค่ำคืน

   ความแตกต่างนี้มัน—นางยิ้มได้หรือไม่

   แต่ว่าใบหน้าที่ดูจริงจังของเขาทำนางยิ้มไม่ออก ทำได้แต่พยักหน้าเบา ๆ อย่างซื่อสัตย์ว่าที่เขาเอ่ยออกมาคือเรื่องจริง บัดนั้นราวกับพายุโหมกระหน่ำบึงบัว มือแกร่งโอบท้ายทอยดึงนางเข้าไปจุมพิตด้วยแรงหึงหวงที่คุกกรุ่น จากความอ่อนโยนที่เคยเป็นกลับรุนแรงขึ้นราวกับว่าจะดูดกลืนให้สิ้นลมหายใจ พิษหึงนี้เล่นนางจนตั้งสติแทบไม่ได้ กายแกร่งเบียดชิดจนตั้งตัวไม่อยู่ ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบที่แผ่นหลังบางราบไปกับพื้นเบาะนุ่มเสียแล้ว มือเล็กเร่งตีเข้าที่อกแกร่งระรัว บอกให้เขารับรู้ว่านางกำลังจะขาดใจจริง ๆ

   “ป–เป็นอะไรของท่านกันจีหยาน”

   ต่างคนต่างหายใจหอบถี่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของห้วงอารมณ์คุกกรุ่นหรือขาดอากาศหายใจก็ตาม สถานการณ์เช่นนี้ล่อแหลมจนอันตรายเกินไปแล้ว ร่างแกร่งที่ทำท่าจะก้มลงมาอีกคราถูกมือเล็กปิดเอาไว้เพื่อให้เขาหยุดก่อน

   “เมื่อคืนนี้…เจ้าได้หยุดเขาเช่นนี้ไหม”

   “เมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นเจ้าค่ะ !”

   ครั้นได้ทราบแล้วว่าสาเหตุของไหน้ำส้มไหเบ้อเริ่มเทิ่มแตกเพล้งตรงหน้านางจนแทบเอาตัวไม่รอด ร่างเล็กที่ตกอยู่ใต้ร่างของเขาก็เร่งเอ่ยอธิบายเพื่อให้เขาปิดฝาไหน้ำส้มของเขาเสียก่อน

   “เมื่อวานนี้ฝ่าบาทอ้างว่าเรียกข้าเข้าไปปรนนิบัติแล้วคุยเรื่องจดหมายของท่าน หาได้มีเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น” ว่าแล้วก็รีบล้วงจดหมายออกมาให้เขาดู “นี่ไงเจ้าคะ จดหมายที่ฝ่าบาทวานให้ข้าเอามาให้ท่าน !”

   ราวกับถูกแผ่นไม้หนา ๆ ฟาดเข้าท้ายทอยจนมึนงง วงคิ้วขนงเข้มขมวดเป็นปม ริมฝีปากที่เม้มเป็นเส้นตรงใกล้จะคว่ำด้วยแรงอารมณ์หึงหวง บัดนี้มันค่อย ๆ คลายออกราวกับว่าทุกอย่างที่เขาร้อนรนมาราวครึ่งชั่วยามตอนเดินลงมารับประทานอาหารนั้นเป็นเพียงฝันร้าย ทุกสิ่งที่เขาคิดนั้นก็แค่ข่าวลือของผู้ที่หลงเชื่อไปตามแผนการของบุรุษสตรี

   เขาเองก็หลงเชื่อ มิใช่เพื่อไม่เชื่อใจนาง เขาไม่เชื่อใจโอรสสวรรค์ผู้ที่มีนางเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองต่างหาก ต่อให้จะแลชัดแจ้งถึงความรักที่พระเชษฐามีให้พระสนมลู่กุ้ยเฟยตามคำแซ่ซ้องและข่าวของบุตรธิดาถึงสามคน ทว่าผู้เป็นโอรสสวรรค์ต่อให้ไร้รักไยไม่อาจเข้านอนกับสตรีอื่นมากมายที่อยู่ในฐานะภรรยาของเขาได้ และนางที่เป็นพระสนมเอก—ไหนเลยจะขัดราชโองการได้ เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงร้อนใจหากความกังวลของเขาเป็นจริงขึ้นมา

   ครั้นความเข้าใจผิดถูกคลายได้แล้วเว่ยเจียเหลียนฮวาก็ค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่งที่เตียงดี ๆ จีหยานที่รู้ตัวเสียทีว่าเมื่อครู่เขากระทำผิดไปก็คุกเข่ากับข้างตั่งเตียง โอบกอดเอวบางราวกับองค์ชายน้อยหลิวเช่อต้องการนางเป็นที่พักพิงดวงใจที่กำลังหวาดผวา

   “ข้า…ขอโทษ”

   วลีที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากบุรุษสกุลหลิวได้ถูกหบิยนำมาใช้ออดอ้อนเพื่อร้องขอการให้อภัยจากนางเสียแล้ว ศีรษะของเขาวางลงที่ตักนุ่ม เรียกเสียงขบขันเบา ๆ อย่างอารมณ์จากสตรีผู้ถูกกระทำอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อครู่นี้

   ความจริงแล้วนางออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้แลเห็นปฏิกิริยาของเขาจากเรื่องของนาง มือบางค่อย ๆ ช้อนใบหน้าของเขาให้เงยหน้าขึ้นสบดวงตาใสสีเปลือกไม้ ก่อนที่เป็นนางเองที่ก้มลงประทับริมฝีปากเบา ๆ ลงที่ริมฝีปากของเขา ราวกับเป็นการประทับสั้น ๆ เพียงเท่านั้น

   “คราวนี้วางใจได้หรือยัง ?”

   “ไม่ได้หรอก จนกว่าเจ้าจะเป็นฟูเหรินของข้าอย่างถูกต้อง”

   “โธ่ ข้ารักษาตัวถึงเพียงนี้ คลายวงขนงท่านก่อนเถิดแล้วมาปรึกษาเรื่องพระราชหัตถเลขาของฝ่าบาทก่อน อันนี้ไม่น่ากังวลมากกว่าหรอกหรือ”

   ครั้นได้สติว่าเขาควรจดจ่อกับสิ่งใดได้แล้วก็ลุกขึ้นนั่งบนตั่งเตียงข้างกายเว่ยเจียเหลียนฮวาและรับพระราชหัตถเลขาใบน้อยมาเปิดอ่านดี ๆ เนื้อหาเหล่านี้ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วอีกครา ดูเหมือนว่าในวันรุ่งขึ้นเขาจะต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทอย่างเป็นทางการเสียแล้ว

   “วันพรุ่งนี้ข้าจะเข้าวัง” หลิวชุ่นค่อย ๆ เอ่ยกับเว่ยเจียเหลียนฮวาข้างกายก่อนที่จะจดจ้องดวงตากลมอย่างจริงจัง เหมือนว่าครานี้เขาก็ต้องให้นางช่วยเหลืออีกครา “เจ้าพอจะช่วยกระจายข่าวลือได้หรือไม่ ให้กระจายเรื่องที่ข้าจะกลับฉางอันวันพรุ่งนี้ทางประตูเสวียนอู่เพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท ปล่อยเรื่องที่ข้าตั้งใจจะเอาฎีกาถวายเรื่องขุนนางขายชาติด้วย”

   “เช่นนั้นท่านไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ”

   “โปรดเชื่อใจข้า ครานี้สัญญาจะไม่มีแผลให้เจ้าต้มยาทุกวันอีกแล้ว”

   เพราะแทนที่จะบาดเจ็บให้นางเป็นห่วงเช่นที่ผ่านมา สู้เขาแข็งแรงดีมาหานางคงจะดียิ่งกว่า แน่นอนว่าเป็นความหมายมั่นที่เก็บไว้ภายในใจไม่ได้เอ่ยออกมาให้สตรีในดวงใจได้ทราบ

   แค่เขาหึงหวงใส่นางเมื่อครู่ กายบางก็ดูเล็กลงเหลือตัวเท่าฝ่ามือก็ไม่ปาน เก็บแรงไว้แกล้งนางเป็นตัวเลือกที่เขาอยากกระทำต่อจากนี้

   ทางเว่ยเจียเหลียนฮวาที่ได้แต่กังวลถึงความปลอดภัยของเขาก็พยักหน้าเบา ๆ แม้ใจจะรู้ดีว่าเขาแข็งแกร่งเช่นไร ทว่าสี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เหตุการณ์ในกระท่อมสุสานทำเอานางกังวลจนไม่อาจวางใจได้ มือเล็กดึงมือหนาขึ้นมาทาบแก้มใส ดวงตาหลับลงไปราวกับว่าขอนางได้อยู่เช่นนี้สักพักก่อนจาก

   “ทุกสิ่งที่ท่านต้องการ ข้าจะจัดการให้ท่านเองเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “เช่นนั้นแล้ว…ได้โปรดอย่าบาดเจ็บเลยนะเจ้าคะ”

   เป็นการส่งต่อความรู้สึกห่วงหาคราสุดท้ายก่อนที่จำต้องแยกจากเพื่อไม่ให้ผู้ใดรู้สึกผิดแปลกในการหายตัวไปของนางได้ ทั้งยังต้องออกเดินทางเพื่อกระจายข่าวลือระหว่างทางอีกต่างหาก

   ตลอดระยะเวลาที่ผ่านทางนี้ แว่วเสียของชาวบ้านดูจะแซ่ซ้องถึงความยุติธรรมของบุรุษผู้เป็นเงาขององค์จักรพรรดิถึงการถวายฎีกาหมายจับขุนนางกังฉินให้จงได้

   “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าฉางซานเซียนหวางน่ะกลับมาจากการปราบปีศาจที่ฉางซานแล้วนะ ทั้งยังสืบความรู้ถึงการกระทำชั่ว ๆ ของขุนนางกังฉินอีก พรุ่งนี้ทางประตูเสวียนอู่หวางเย่จะเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทล่ะ”

   “ฉางซานเซียนหวางน่ะหรือ ในที่สุดเขาก็กลับฉางอันแล้ว ข้าเฝ้าคิดถึงเขาทุกเมื่อเชื่อวันเชียว”

   “หรือเราจะไปตั้งขบวนต้อนรับหวางเย่ดี ให้เขารู้ว่ายังมี กลุ่มผู้รักมั่นในฉางซานเซียนหวาง คอยเฝ้ารอเขาที่ฉางอันทุกวัน”

   ดูเหมือนว่าจะได้ยินข่าวคราวของการรวมตัวกันอย่างน่าประหลาดของสตรีโสดในฉางอันเสียด้วยสิ—




@Admin




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 23629 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-12 19:17
โพสต์ 23,629 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-12 19:17
โพสต์ 23,629 ไบต์และได้รับ +20 EXP +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-12 19:17
โพสต์ 23,629 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-7-12 19:17
โพสต์ 23,629 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-7-12 19:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x277
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-7-17 17:16:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 16 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน โรงเตี๊ยมชิงหมิง


ในขณะที่แสงแดดของยามเว่ยอาบไล้หลังคากระเบื้องเคลือบเก่าคร่ำของโรงเตี๊ยมชิงหมิง กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนกับต้มเปรี้ยวปลาหมักลอยคลุ้งไปทั่วโถง หลินหยาที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างซึ่งเปิดไว้เพื่อรับลมอ่อนระหว่างมื้ออาหารก็กำลังตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากอย่างสงบ นางเลือกที่นั่งติดผนังด้านในตามนิสัยหลบมุมของตนเอง คอเสื้อคลายออกเล็กน้อยจากอากาศร้อนจัดในฤดูร้อนตอนปลาย แม้จะหลบตาผู้คนแต่นางกลับไม่ได้ปิดหูเพราะหูของนางยังไวเหมือนเดิมเสมอ


ประตูไม้ของโรงเตี๊ยมถูกผลักออกด้วยเสียงดัง ครืด ทันใดนั้นร่างสูงของชายหนุ่มในอาภรณ์ผ้าป่านทอหยาบจากทางใต้ก็เดินพรวดเข้ามาท่าทางกร้าวกรายด้วยกลิ่นเหงื่อและฝุ่นทางไกล เขาเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ชนกลุ่มน้อยผิวเข้มแดด ใบหน้ามีรอยแผลเก่าเฉียงผ่านคิ้วหนึ่งข้างและดวงตาสีดำสนิทที่ดูดุดันทว่าท่าทีของเขานั้นดูเหนื่อยล้ากว่าดุร้ายเสียด้วยซ้ำ “แม่งเอ๊ย…” เสียงสบถในภาษาฮั่นอย่างคล่องแคล่วแต่ติดสำเนียงเล็กน้อยดังขึ้นขณะเขาทรุดกายลงบนเก้าอี้โต๊ะไม้กลมที่ไม่ไกลจากหลินหยาเท่าไรนัก 


“นี่มันฤดูอะไรกันวะ...แต่ก่อนตอนฤดูก่อนยังเจอปีศาจออกหากินกันพรึ่บพรั่บเดี๋ยวนี้เงียบฉิบหาย” เขากวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้เอาน้ำชามาเสิร์ฟ ก่อนจะพูดต่อกับเพื่อนร่วมทางที่นั่งลงตามหลังมาอีกสองคน “ข้าถามพ่อค้าในตลาดแล้วนะ บอกว่าตั้งแต่เดือนก่อนก็เริ่มไม่มีใครเห็นปีศาจเลย...ยิ่งใกล้ตัวเมืองฉางอันนี่อย่างกับมันย้ายถิ่นกันหมดแล้ว”


“ย้ายไปไหนกันวะ” ชายอีกคนถามขึ้นบ้าง เขาเป็นคนรูปร่างเล็ก ผิวสองสี สวมผ้าคลุมขาดรุ่งริ่ง “หรือมันรู้ว่าจะมีอะไรมาไล่ล่าเลยหลบไปก่อน...”


“ไม่แน่ บางทีอาจจะเป็นไอ้ข่าวลือเรื่องพวก ‘เบื้องบน’ เล่นอะไรแปลก ๆ ใต้ดิน...ข้าล่ะเสียวแทนชาวบ้านจริง ๆ”


หลินหยาวางตะเกียบลงช้า ๆ ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจอย่างโจ่งแจ้ง แต่ปลายนิ้วของนางเคาะเบา ๆ บนโต๊ะไม้ตามจังหวะช้า ๆ ราวกับใช้ความคิด นางกะพริบตาช้าจ้องออกไปนอกหน้าต่างที่มีแสงแดดจัดบาดบานไม้แล้วหัวเราะในใจอย่างเยือกเย็น ‘ปีศาจหายไป…แปลว่าจะหาปีศาจเอาของไปขายคงยากสำหรับแถวนี้สินะ’ บางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดของเมืองหลวง อาจกำลังปั่นหัวพวกมันให้ทำอะไรบางอย่าง หลินหยาเอนหลังพิงพนักเบา ๆ หยิบถ้วยชาขึ้นจิบคล้ายไม่ใส่ใจ แต่สายตาที่แฝงไว้ด้วยแววเฉียบคมยังคงจับจ้องที่กลุ่มจอมยุทธ์ชนกลุ่มน้อยอย่างเงียบงัน และหากมีใครมองเข้าไปในแววตาคู่นั้นดี ๆ คงได้เห็นรอยยิ้มที่เริ่มก่อตัวเล็กน้อยตรงมุมปาก


เสียงสนทนาเริ่มเปลี่ยนเป็นกระซิบกระซาบเครียดขึงอย่างมีลับลมคมใน หลินหยาหรี่ตาลงช้า ๆ ขณะยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก ดวงตาของนางไม่ผละจากหน้าต่างโรงเตี๊ยมที่ลมร้อนพัดผ้าม่านบางไหวแผ่วเงาสะท้อนของคนเหล่านั้นสะท้อนอยู่ในแก้วชา นางมองเห็นชัดเจนทุกอิริยาบถแม้ไม่ต้องเหลียวกลับไปมองตรง ๆ


"ว่าไงนะ...ฉีเหลียงซาน?" หนึ่งในจอมยุทธ์ชนกลุ่มน้อยซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อคลุมลายสีดำแดงกระซิบกระซาบกับอีกคน สีหน้าดูเคร่งเครียด ร่างสูงใหญ่นั้นยกจอกน้ำชาขึ้นดื่มแล้วกล่าวต่อด้วยเสียงแหบแห้ง "ใช่ ข้าได้ยินมาจากคนของค่ายทหารทางเหนือเขาว่าตอนนี้พวกปีศาจมันไปรวมตัวกันที่ฉีเหลียงซาน มันมีอะไรสักอย่างที่เรียกพวกมันไป...มีการสู้รบใหญ่ด้วย เห็นว่าแม่ทัพฮั่วเองก็นำทัพไป แม่ทัพทวนเทพพยัคฆ์นั่นแหละ!"


"เจ้าว่าอะไรนะ!? ฮั่ว ชวี่ปิ้งน่ะหรือ!?"


"เออ ใช่ แถมยังมีข่าวอีกว่าต้าซือหม่าเว่ยชิงก็ออกทัพด้วย เห็นว่าคุมทัพออกไปอีกทาง ไม่รู้ว่าเป็นเมืองไหน...แต่ถ้ามีแม่ทัพใหญ่ออกมากันทั้งคู่ เรื่องนี้คงไม่เล็กแล้วล่ะข้าว่าพวกปีศาจมันไม่ใช่แค่หลบหนีแต่กำลังซ่องสุม...หรือไม่ก็…" เสียงคล้ายเสียงจอกชาแตะกระเบื้องดังแผ่วหนึ่งครั้ง หลินหยาเพิ่งวางถ้วยลงนางเอนกายพิงพนักหลังเบา ๆ ดวงตาฉ่ำแสงราวแมวขี้เกียจครึ่งตื่นครึ่งหลับแต่ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยไหวระริกแห่งประกายเย็นชา


'ปีศาจมันหายไปจากเมืองหลวงเพราะมันถูกเรียกไป? แปลก..' นางคิดในใจพลางปลายนิ้วลูบขอบโต๊ะ 'แล้วก็ปล่อยให้เมืองหลวงดูปลอดภัย เพื่อหลอกให้พวกเราวางใจอย่างนั้นหรือ...' นางหัวเราะในใจเบา ๆ พร้อมสายลมที่พัดผ่านปลายเส้นผมเหมือนจะเยอะเย้ย “โลกจะสงบเกินไปก็คงไม่ใช่ต้าฮั่น” หลินหยาพึมพำเสียงเบาจนราวกับพูดกับชาในถ้วยนางวางมือบนกระเป๋าผ้าข้างตัวเครื่องรางเถาไม้ประหลาด และพลั่วที่พับเก็บไว้เรียบร้อยโดยไม่ให้คนเห็นมองออกนอกหน้าต่างอีกครั้งหนึ่ง


ท่านเว่ยจ้งชิง...เป็นทหารใช่ไหมนะ?…หรือว่าท่านก็ไปด้วยช่วงนี้เลยไม่ค่อยเห็นท่านเลย ก็แปลว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของราชสำนักไม่ใช่แค่ลือแน่นอน และหากฮั่ว ชวี่ปิ้ง แม่ทัพทวนเทพพยัคฆ์กับต้าซือหม่าลงสนามอีกนั่นหมายความว่า สิ่งที่เรียกว่า 'ภัยปีศาจ' ได้ก้าวข้ามจากเรื่องเล่าชาวบ้านเข้าสู่ระดับสงครามแล้ว หลินหยาเอนกายลุกขึ้นอย่างแช่มช้านั่งนิ่งริมฝีปากระบายยิ้มบางราวกับไม่ได้สนใจบทสนทนาของบรรดาจอมยุทธ์เหล่านั้นอีกแล้ว ใจเธอล่องลอยไปไกลเกินคำว่า ‘สงคราม’ หรือ ‘ปีศาจ’ ที่กล่าวถึง น้ำชาในถ้วยที่เหลือครึ่งถูกละเลียดดื่มจนหมดสะอาดหมดจดราวกับไม่มีอะไรตกค้างเช่นเดียวกับสีหน้าของนางที่เริ่มสงบและไร้คลื่นลมใด ๆ


"ก็แค่เรื่องของทางการ... ไม่เกี่ยวกับข้า..." นางเอ่ยในใจขณะก้มมองปลายเล็บที่เพิ่งล้างดินออกเมื่อวาน จะให้คนอย่างนาง หนาน หลินหยา ลูกสาวเจ้าเมืองที่กลายเป็นสาวใช้ปลอมตัวในเมืองหลวง สาวที่มีพรสวรรค์ด้านการหมักเหล้า ปลูกพีช และขลุ่ยโบราณ ไปห่วงใยศึกใหญ่ระหว่างราชสำนักกับปีศาจหรือ? ไม่มีทาง ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นไม่เคยเกี่ยวข้องกับมหาศึกไม่เคยอยากเกี่ยวข้องกับชนชั้นสูง…


แต่...เสียงที่ก้องในหูกลับไม่ใช่เสียงปีศาจ ไม่ใช่เสียงของแม่ทัพ ไม่ใช่เสียงลมร้อนที่หวีดหวิวจากภูเขาฉีเหลียงซาน หากเป็นเสียงทุ้มนุ่มลึกเสียงหนึ่งที่เธอไม่อาจลืมได้แม้จะหลับไปเจ็ดวันเต็ม...


เจ้ากำลังล่ามข้าไว้…ด้วยคำพูดแค่นี้หรือ?


หัวใจเธอกระตุกวูบเงียบ ๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งในอกไหวสั่นท่านชายห่าวหมิง…ไม่สิ...จางกงกง ชื่อที่ตอนนี้แม้เธอจะหลบหน้าหลบตาเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้หลอมรวมกับส่วนหนึ่งของหัวใจนางไปแล้วอย่างเงียบงัน เขาจะยังไปที่ศาลาจื่อเถิงฮวาอยู่หรือไม่? หรือจะคิดว่านางหายหัวไปนานเกินไปจนไม่สมควรเจออีกแล้ว? หรือบางที…เขาอาจไม่ต้องการพบอีกต่อไป? 


หลินหยาหยัดกายขึ้น ร่างระหงในชุดเรียบง่ายแต่อ่อนช้อยพลิ้วลมของโรงเตี๊ยมกลางแดดยามบ่ายที่แผดเผา เธอเดินช้า ๆ ออกไปจากตรงนั้นอย่างไร้จุดหมายราวกับลมพัดเอาใจเธอไปแล้ว แต่ปลายเท้ากลับค่อย ๆ หันไปทางหนึ่ง......ทิศทางของ ศาลาจื่อเถิงฮวา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเคยทำร้ายกันไว้เพียงใดไม่ว่าจะมีหน้ากากหรือไม่ ใจของเธอตอนนี้ต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คำตอบ


"ถึงเวลาต้องเผชิญหน้าเสียที...ไม่ใช่ในฐานะผู้ล่าไม่ใช่ในฐานะเหยื่อ...แต่ในฐานะคนคนหนึ่งที่…?" ใบหน้าของหลินหยาขณะเดินฝ่ากลางแดดยามเว่ยนั้น…เปล่งแสงแข็งแกร่งในคราวเดียวกับที่เปราะบางเหลือเกิน




@Admin 



พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: ปีศาจจจจจจ หายไปไหนหมดดดดดดด

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32425 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-17 17:16
โพสต์ 32,425 ไบต์และได้รับ +25 EXP +20 คุณธรรม +9 ความชั่ว +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-17 17:16
โพสต์ 32,425 ไบต์และได้รับ +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-17 17:16
โพสต์ 32,425 ไบต์และได้รับ +12 EXP +10 คุณธรรม +10 ความชั่ว +12 ความโหด จาก แผ่นไม้ลายเถาวัลย์เร้นเงา   โพสต์ 2025-7-17 17:16
โพสต์ 32,425 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-17 17:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x1
x1
x1
x5
x5
x7
x5
x5
x5
x149
x15
x1
x1
x20
x15
x18
x16
x47
x16
x150
x5
x4
x3
x44
x1
x2
x2
x15
x10
x34
x2
x1
x112
x12
x9
x14
x4
x23
x29
x16
x19
x48
x145
x5
x5
x24
x5
x6
x10
x1
x1
x3
x9
x5
x5
x3
x1
x6
x6
x11
x5
x123
x40
x20
x7
x15
x42
x3
x1
x1
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้